Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e book

e book

Published by ภูวดล แสนเมือง 1/4, 2022-02-20 03:27:04

Description: e book

Search

Read the Text Version

ความหมายของการจัดภาพ ความหมายของการจดั ภาพ คอื กำรนำเอำธรรมชำติและส่ิงแวดลอ้ มรอบ ๆ ตวั มำ ประกอบกบั หลกั กำรทำงจติ วิทยำในเร่ืองของกำรรับรู้และหลกั กำรทำงศิลปะมำผสมผสำนกนั ซึง่ ในควำมเป็นจริงมิไดม้ สี ่วนใดในงำนศลิ ปะท่จี ดั วำงผดิ แปลกหรือต่ำงไปจำกธรรมชำตเิ ลย เพียงแตม่ กี ำรจัดวำงใหม่ใหด้ ดู สี วยงำมกว่ำธรรมชำติ กำรจดั ภำพ คอื กำรนำทศั นธำตุที่ไดศ้ กึ ษำเรยี นรไู้ ปแลว้ มำจัดใหเ้ กิดภำพ กำรจัด เปน็ สว่ นประกอบมูลฐำนสำคัญในกำรสร้ำงสรรคง์ ำนศิลปะทุกแขนง กำรจดั ภำพหรือองค์ประกอบ ตรงกบั ภำษำอังกฤษวำ่ Composition หมำยถึง กำรนำเอำทัศนธำตุต่ำง ๆ มำรวมเข้ำดว้ ยกัน กำหนดกำรจดั วำงตำแหน่งทเ่ี หมำะสม หรอื ตำมควำมตอ้ งกำร ซง่ึ สิ่งตำ่ ง ๆ ทีก่ ลำ่ วมำนม้ี นษุ ยใ์ ตท้ ำขน้ึ เพอ่ื สนองควำมตอ้ งกำรทำง ดำ้ นจิตใจ คุณคำ่ ของงำนศลิ ปะแบง่ ได้เป็น 2 ดำ้ น คือ กำรจัดภำพใหม้ ีคณุ คำ่ ในด้ำนควำมงำม (Aesthetic Value ) และกำรจดั ภำพใหม้ คี ณุ ค่ำในดำ้ นเรื่องรำว (Content Value) ควำมงำมคอื อะไร ศำสตรำจำรย์ศลิ ป์ พรี ะศรี กลำ่ วไว้ในหนังสอื สงเครำะหว์ ่ำ ควำมงำม คือ ควำมเป็นระเบยี บและมกี ำรประสำนกลมกลนื ควำมงำม คอื กำรกำหนดควำมรสู้ กึ จำกกำรรับรู้และเปน็ กำรสอ่ื ควำมหมำย ควำมงำม คือ สภำพท่ีเป็นไปตำมแนวคิดท่ีดที ีส่ ุด ควำมงำม คอื ลกั ษณะทเี่ ปน็ ไปตำมธรรมชำติ หรอื คลอ้ ยตำมธรรมชำติ ควำมงำม คอื ควำมดี จำกข้อควำมตงั กลำ่ วในเร่ืองควำมงำมนั้น พอสรุปได้ว่ำ ควำมงำม คือ ภำพหรอื ภำวะ ทม่ี ีควำมเหมำะสมกบั กำลเทศะ รงตำมควำมต้องกำรและรสนิยมของคนส่วนใหญ่ในสังคม ซ่ึงตอ้ งประกอบไปดว้ ยสง่ิ ตำ่ ง ๆ ทเี่ ปน็ พ้นื ฐำนเบอื้ งตน้ องค์ประกอบศิลปใ์ นการจดั การ องคป์ ระกอบศิลปใ์ นกำรจัดภำพแบง่ ออกเปน็ ลักษณะใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ 1. กำรจัดภำพลักษณะต้งั (Dominance) คือ กำรจัดแสดงองค์ประกอบภำพสว่ นใหญ่ เป็นแนวต้ังและใหค้ วำมรู้สกึ แข็งแรง 2. กำรจดั ภำพลกั ษณะผำ่ น (Transition) คอื กำรแกไ้ ขภำพจำกกำรจดั ภำพลักษณะต้งั ให้มลี กั ษณะทด่ี ูนมุ่ นวลขนึ้ 93

3. กำรจัดภำพลักษณะนำสำยตำหรือเบ่ียงเบนสำยตำ (Convergence) จะทำให้ เกิดกำรมองเห็นในระยะใกล้-ไกล 4. กำรจัดภำพลักษณะกำรช้ำ (Repetition) จะทำให้เกดิ ควำมเปน็ ระเบยี บ 5. กำรจัดภำพในลักษณะทรงสำมเหล่ยี ม (Triangular) 6. กำรจดั ภำพในลกั ษณะวงกลม (Circular) 7. กำรจัดภำพลกั ษณะกระจำยเป็นรศั มี (Radiation) รปู ท่ี 5.1 องค์ประกอบศิลป์ในกำรจดั ภำพ ที่มำ https://poysirikanda.wordpress.com/กำรจัดองคป์ ระกอบภำพ ในกำรจัดภำพเรำจะแสดงถึงเอกลักษณ์ ลักษณะแบบอย่ำงของกลมุ่ ชนเฉพำะ ว่ำเปน็ ของกลมุ่ นอ้ ยหรือกลมุ่ ใหญ่ เพ่ือใหช้ ัดเจนยิ่งขนึ้ มผี ้รู ้ไู ด้จดั แยกประเภทของกำรจดั ภำพ ออกเป็น 2 ประเภท คอื 1.กำรจดั ภำพแบบสำกล คือ กำรแสดงเรอื่ งรำวต่ำง ๆ รอบ ๆ ตัวทเี่ ก่ียวขอ้ งกับ มนษุ ยท์ ่วั ไป เรอ่ื งรำวของวิทยำศำสตร์และธรรมชำติทำใหผ้ ้พู บเห็นเกิดควำมซำบซึ้งได้งำ่ ย มิไดก้ ำหนดวำ่ เปน็ เรือ่ งรำวของชำติใด กำรใชว้ ัสดุท่เี ป็นอิสระไม่อย่ใู นกฎเกณฑ์ รวมท้ังวธิ กี ำร ก็เป็นกำรกระทำควำมนึกคิดของผู้วำดภำพ 2.กำรจัดภำพแบบประจำชำติ คอื กำรแสดงเรอ่ื งท่ยี งั อย่ใู นกรอบประเพณี กฎเกณฑท์ ี่กระทำต่อเนื่องกนั มำ แสดงถึงชวี ิตควำมเปน็ อยู่ของประชำชนในทอ้ งถิ่น ศำสนำ วฒั นธรรม ประเพณี มีควำมประณตี ในตวั หรอื ยังดำเนินกำรตำมขัน้ ตอนของกฎเกณฑเ์ ดมิ อยู่ถงึ แม้จะใชว้ ธิ ใี หมก่ ็ตำม แตเ่ มอ่ื ดูแล้วยังแสดงเอกลักษณ์ 94

เทคนิคการจัดองคป์ ระกอบภาพ ทฤษฎีกฎสามส่วน (Rule of Third) เป็นวธิ งี ่ำย ๆ ท่ีจะทำให้ภำพออกมำดูดี โดยหลีกเลย่ี งกำรวำงตำแหนง่ ของวสั ดหุ ลักท่ีเรำจะถำ่ ยไมใ่ ห้อยู่ตรงจดุ กงึ่ กลำงภำพ ซึ่งจะทำให้ ภำพนัน้ แขง็ ทือ่ ไม่ชวนมอง ดังนัน้ ตำแหน่งทเี่ หมำะสมต่อกำรวำงวัตถุ ควรอยู่ในในตำแหนง่ ท่ีเกิดจำกจดุ ตัดตอ่ ของเสน้ สเ่ี ส้นตำมทฤษฎกี ฎสำมส่วน ซง่ึ กำรจัดวำงตำแหน่งหลักของ ภำพถำ่ ยเปน็ องคป์ ระกอบหน่งึ ทีส่ ำมำรถทำใหเ้ กดิ ผลทำงด้ำนแนวควำมคิดและควำมรสู้ กึ ได้ กำรวำงตำแหนง่ ทีเ่ หมำะสมของจุดสนใจในภำพเปน็ อกี ส่งิ หน่ึงท่ีสำคญั วิธีกำรกค็ อื ให้ทำ่ นสร้ำงเส้นสมมติ 4 เสน้ เพื่อแบ่งชอ่ งมองภำพทั้งแนวตั้ง และแนวนอน 2 เสน้ เหมือนกับตตี ำรำงเล่น x-0 จุดทีเ่ ส้นท้งั 4 ตดั กนั คือ ตำแหนง่ ที่เหมำะสม ต่อกำรวำงวัตถหุ ลกั ไว้ในบริเวณดังกล่ำว ใหเ้ ลอื กจดุ ท่ที ่ำนคดิ ว่ำเหมำะสมท่สี ุดจุดใดจุดหนึง่ ทั้งนี้ขนึ้ อยกู่ บั ภำพทเ่ี รำกำลงั จะถำ่ ยว่ำมี ฉำกหน้ำ ฉำกหลงั เป็นอย่ำงไร รวมท้งั เรอ่ื งรำว ในภำพ (มกี ลอ้ งหลำยตัวทีม่ ฟี ังก์ชนั ในกำรสร้ำงเสน้ สมมติดังกลำ่ วขน้ึ มำใน View Finder หรือ LCD เพอ่ื ชว่ ยผูถ้ ่ำยในกำรอ้ำงอิงจุดตัด กฎสำมส่วน เช่น Fuii - S9500.s9600 เปน็ ตน้ ) กฎสำมสว่ นกลำ่ วไว้ว่ำ ไมว่ ำ่ ภำพจะอยู่แนวตงั้ หรือแนวนอนก็ตำม หำกเรำแบ่งภำพนน้ั ออกเปน็ สำมสว่ นทงั้ ตำมแนวต้งั และแนวนอน แล้วลำกเส้นแบ่งภำพทัง้ สำมเสน้ จะเกิด จดุ ตดั กันทงั้ หมด 4 จุด ซ่ึงจุดตดั ของเสน้ ท่ีส่นี ้ีเป็นตำแหนง่ ทเี่ หมำะสมสำหรับกำรจัดกำร วัตถุทีต่ อ้ งกำรเน้นให้เปน็ จดุ เด่นหลกั ส่วนรำยละเอียดอื่น ๆ นั้น เป็นส่วนสำคญั ทีร่ องลงมำ รปู ท่ี 5.2 ทฤษฎีกฎสำมส่วน ทีม่ ำ http://www.pixbasket.com/ruleofthirds 95

ความสมดุลของภาพ กำรจดั องค์ประกอบภำพดว้ ยกำรจัดควำมสมดุลใหก้ ับวตั ถหุ รือสิ่งต่ำง ๆ ในภำพ โดยอำศยั กำรรบั ร้ถู งึ \"นำ้ หนกั \" และตำแหน่งของวตั ถตุ ่ำง ๆ ทอี่ ยภู่ ำยในภำพน้ัน ๆ โดยอำศัย หลักกำร คำนดดี - คำนงดั โดยมีตำแหน่งก่ึงกลำงภำพเปน็ จุดศนู ยก์ ลำงของตัวคำนนำ้ หนกั รปู ท่ี 5.3 ควำมสมดุลของภำพ ทมี่ ำ http://suksomdul.com โดยใหท้ ่ำนจินตนำกำรดูว่ำคำนอันหนง่ึ วำงพำดอยูก่ ลำงภำพ โดยมีจุดหมนุ อยู่ ก่งึ กลำงของตัวคำน วำงวตั ถุลงบนตัวคำนทงั้ 2 ต้ำน หลักกำรคือ กำรพยำยำมจดั องค์ประกอบ (วัตถุ) ลงในภำพโดยให้มีควำมรูส้ ึกถงึ ควำมสมดลุ ของคำนทงั้ 2 ฝงั่ การรบั รู้นา้ หนักของวตั ถุจากคนดู ขณะดภู าพ รปู ที่ 5.4 กำรรับรู้นำ้ หนกั ของวตั ถจุ ำกคนดู ขณะดูภำพ ที่มำ https://encrypted-tbn0.gstatic.com 96

วัตถุขนำดใหญ่จะมนี ้ำหนกั ในภำพมำกกวำ่ วัตถทุ มี่ ขี นำดเลก็ แตถ่ ำ้ วตั ถุท่ีมีขนำดเลก็ กวำ่ หำกวำงในจดุ ท่อี ยหู่ ่ำงออกไปจำกจดุ ก่ึงกลำงของคำนในตำแหนง่ ทีเ่ หมำะสมก็ดมู พี ลงั และนำ้ หนักไดม้ ำกยิง่ ขึ้นกวำ่ ปกตเิ พือ่ นำมำถ่วงดลุ กับวตั ถุที่มีขนำดใหญ่กว่ำท่อี ยูด่ ้ำนหนง่ึ ชองคำนได้ กำรรบั รูถ้ งึ นำ้ หนกั มำก 1) วัตถมุ ขี นำดใหญ่ 2) วัตถุมีสเี ข้ม 3) ตำแหน่งของวตั ถอุ ยหู่ ำ่ งจำกจดุ กึง่ กลำงภำพ กำรรบั รถู้ งึ นำ้ หนักน้อย 1) วัตถุมขี นำดเล็ก (หรอื เป็นทีว่ ่ำงในภำพ) 2) วัตถมุ สี อี อ่ น 3) อยใู่ กลก้ ับจดุ ศูนยก์ ลำงของภำพ รูปที่ 5.5 กำรรับรนู้ ำ้ หนกั ของวตั ถุ ท่ีมำ http://s454.photobucket.com ดงั นนั้ ในกำรจัดองคป์ ระกอบของภำพนน้ั นอกจำกจะต้องคำนึงถึงกฎสำมส่วนแลว้ ควรจะนึกภำพตำชำ่ งเสมอื นไวใ้ นใจเสมอ โดยพยำยำมวำงวตั ถุตำ่ ง ๆ เพ่อื ให้มกี ำรถว่ งดุล ไมจ่ ำเปน็ ต้องเอำวัตถใุ หญ่ 12 อันมำวำงไว้ทั้ง 2 ต้ำนของคำนเพอ่ื ให้นำ้ หนกั หรือสมดลุ ของภำพ เทำ่ กนั แต่เป็นเร่ืองของควำมเหมำะเจำะพอดขี อง (ขนาดวตั ถุ / สสี นั / โทนความเข้มออ่ น ของวตั ถุ) กไ็ ด้ 97

องค์ประกอบการออกแบบ (Elements) 1. องค์ประกอบในควำมคิด (Conceptual Elements) องค์ประกอบในควำมนกึ คิดไม่สำมำรถมองเหน็ ได้ ไม่มตี วั ตน แตด่ เู หมอื นจะ คงอยู่โดยทว่ั ไป เช่น เรำร้สู ึกวำ่ มจี ุดอยู่ตรงมุมของรูปรำ่ ง มเี สน้ อย่บู รเิ วณรปู รำ่ งของวตั ถุ มีระนำบหมุ้ หอ่ ปริมำตร และปริมำตรครอบคลมุ พื้นท่วี ่ำง แต่วำ่ ควำมจรงิ แลว้ องคป์ ระกอบ เหล่ำนัน้ ไม่ได้อยทู่ บี่ ริเวณดังกล่ำวอย่ำงแทจ้ ริง เรำเรียกลกั ษณะขององค์ประกอบทั้งหมดนว้ี ่ำ \"องค์ประกอบในความนึกคดิ \" 2. องค์ประกอบที่มองเหน็ ได้ (Visual Elements) องค์ประกอบท่ีมองเห็นได้ (Visual Elements) จะเปน็ ตัวแทนขององคป์ ระกอบ ในควำมนึกคิด (Conceptual Elements) โดยเมอื่ เรำเขียนจดุ เส้น ระนำบ หรอื ปริมำตรลงบน กระดำษ เรำจะไมเ่ พยี งแตม่ องเห็นควำมกว้ำงยำวเท่ำนนั้ แต่จะเห็นถงึ สแี ละพืน้ ผวิ ซึ่งข้นึ อยกู่ ับ วัสดุท่ีเรำใชแ้ ละวิธใี ช้ เมอื่ องค์ประกอบในควำมนกึ คิดเปลีย่ นเปน็ มองเหน็ ไดจ้ ะแสดงให้เหน็ ถึงรปู รำ่ ง ขนำด สี ผิวสมั ผัส ซ่งึ เป็นส่วนหน่ึงของกำรออกแบบ 3. องคป์ ระกอบทีส่ ัมพันธ์ (Relational Elements) องคป์ ระกอบตงั้ แตห่ นง่ึ องค์ประกอบขน้ึ ไป จำเปน็ จะต้องควบคมุ กำรจัดวำง โดยคำนึงถึงควำมสัมพันธข์ ององคป์ ระกอบในกำรสรำ้ งควำมสมั พันธร์ ะหวำ่ งองค์ประกอบนี้ ทศิ ทำงและตำแหน่งกำรจดั วำงสำมำรถรบั ร้ไู ด้ บำงประเภทตอ้ งอำศยั ควำมรู้สึกจำกกำร วิเครำะห์ โดยเฉพำะเรื่องของทีว่ ำ่ งและแรงดงึ ดดู 4. องคป์ ระกอบที่นำมำใช้ประโยชน์ (Practical Elements) 4.1 งานท่เี หมอื นจริง (Representation) เมื่อรูปร่ำงในงำนศลิ ปะได้ถำ่ ยทอดมำ จำกธรรมชำตหิ รือโลกทีม่ นุษย์สร้ำงข้นึ เรำจะเรยี กงำนนนั้ วำ่ งำนทเ่ี หมือนจรงิ (Representation) ซงึ่ อำจจะดเู หมอื นจรงิ จนใกลจ้ ะเปน็ งำนนำมธรรม 4.2 ความหมาย (Meaning) ควำมหมำยของงำนศลิ ปะแต่ละชั้นจะแสดงออก เพื่อสือ่ สำรสำมำรถแสดงแนวคดิ ในกำรออกลแบบ 4.3 ประโยชน์ใช้สอย (Function) ประโยชนใ์ ชส้ อยในกำรออกแบบจะแสดงออก เม่ืองำนออกแบบนั้นสนองควำมต้องกำรทำงด้ำนกำรใช้สอยของมนษุ ย์ 98

เดก็ ควรรู้ กำรออกแบบกรำฟกิ เพ่อื กำรสื่อควำมหมำย จำเป็นตอ้ งคำนงึ ถงึ องคป์ ระกอบ 9 ประกำร คอื เสน้ , รปู รำ่ ง,รปู ทรง, ขนำด, ทติ ทำง, ทว่ี ำ่ ง, ลักษณะผวิ , ควำมเข้ม และสี ผทู้ ี่ทำกำรออกแบบ จะต้องศกึ ษำองคป์ ระกอบ ในกำรออกแบบใหเ้ ขำ้ ใจอย่ำงถ่องแทเ้ พ่ือทจ่ี ะนำมำใช้ในงำนออกแบบ ตำ่ ง ๆ ไดอ้ ยำ่ งเหมำะสมและมคี ุณค่ำในทำงศิลปะ รูปแบบของทศั นศิลป์สากล ทัศนศิลปส์ ำกลเกดิ จำกกำรจัดภำพแบบสำกลทไ่ี ดผ้ สมผสำนรปู แบบต่ำง ๆ เข้ำดว้ ยกนั ผ่ำนกำรทดลองปรบั ปรุง ตดั แปลง เลอื กสรรจนววิ ฒั นำกำรรปู แบบเป็นท่ีนยิ มท่วั ทุกชำติ โดยแบ่งรูปแบบออกตำมลกั ษณะของงำนที่สร้ำงสรรคไ์ ด้ 3 รูปแบบ คือ ㆍรปู แบบรปู ธรรม (Realistic) ศลิ ปะแบบเหมอื นจริงเปน็ ศิลปะท่ไี มซ่ บั ซอ้ นมีเนื้อหำ สำระทป่ี รำกฏเด่นชัดแต่ผ้สู ร้ำงและผูช้ มตอ้ งมีควำมร้เู รอ่ื งน้ันดว้ ย เช่น ภำพคน ภำพสัตว์ ㆍรปู แบบกง่ึ นำมธรรม (Semi Abstract) เป็นกำรถำ่ ยทอดทผ่ี ดิ เบนไปจำกรูปธรรมหรือแบบ เหมอื นจริงด้วยกำรตดั ทอนรปู ทรงจำกของจรงิ ให้เรียบง่ำย แต่ยงั มเี คำ้ โครงเดมิ อยูส่ ำมำรถดรู ู้ว่ำเป็นภำพอะไร ㆍรูปแบบนำมธรรม (Abstract Art) เป็นศลิ ปะ ประเภทท่ไี มม่ ีควำมจริงเหลอื อยู่ เพรำะถกู ตดั ทอน ใหเ้ หลือแค่เส้น สี น้ำหนัก ท่กี อ่ ใหเ้ กิดควำมงำม ตำมอำรมณค์ วำมร้สู กึ เปน็ สิ่งท่ีเหนือควำมเปน็ จริง รูปท่ี 5.6 ทศั นศิลป์สำกล ต้องใช้จนิ ตนำกำรในกำรรับรู้รับชม คุณค่าของงานทศั นศลิ ป์ ทัศนศิลปเ์ ปน็ ศลิ ปะท่รี บั รู้ไดด้ ว้ ยสำยตำ กำรรับรู้ทำงกำรมองเหน็ ในแขนงจติ รกรรม ประติมำกรรมและสถำปัตยกรรม ทำให้เกิดแรงกระตุ้นและตอบสนองทำงด้ำนจติ ใจ พรอ้ มกนั นน้ั จิตใจของมนุษย์ก็เปน็ ตัวแปรค่ำและกำหนดควำมงำม ควำมประณีต เรื่องรำว และประโยชน์ต่อสังคมมนุษย์ กำรรบั รู้คุณค่ำของส่งิ เหล่ำน้ี รับรู้ไดด้ ้วยอำรมณ์ ควำมรสู้ ึก ของแตล่ ะบคุ คล ควำมงำมและเร่อื งรำวจะเกดิ มีคุณคำ่ ก็เพรำะกำรรบั รู้ทำงกำรมองเห็น 99

เกิดควำมรู้สึกประทบั ใจ มคี วำมอ่ิมเอิบใจในคุณคำ่ นน้ั ๆ สำหรับงำนทัศนศลิ ป์ไม่ว่ำรปู แบบใด ย่อมมีคุณค่ำในตัวของผลงำนเอง ผลงำนทศั นศิลป์สำมำรถแบ่งกำรรับรู้คณุ ค่ำได้ 14 คุณค่ำ คือ คาถาม คาถาม คณุ คา่ ของงานทศั นศลิ ป์ มีทงั้ หมดก่ีประการ 14 ประกำร 1. คณุ ค่ำทำงควำมงำม (Aesthetic Value) เป็นกำรรวบรวมในเร่ืองของควำมประณีต ควำมละเอียด มรี ะเบยี บ น่ำทงึ่ มโหฬำร ประหลำด แปลกหแู ปลกตำ และเป็นสงิ่ ที่มีคณุ งำมควำมตี ทำให้ผ้เู ห็นเกดิ ควำมประทบั ใจไปอีกนำน สง่ิ เหลำ่ นีร้ วมเรยี กวำ่ คณุ คำ่ ทำงควำมงำม โดยเกณฑข์ องควำมงำมทอ่ี ยใู่ นงำนทศั นศลิ ป์ ซง่ึ สำมำรถ รับรูแ้ ละยอมรับไดโ้ ดยทวั่ ไป เป็นกำรประสำนกนั ของสว่ นประกอบต่ำง ๆ ของควำมงำม เช่น จดุ เสน้ รูปรำ่ ง รปู ทรง สี แสงเงำ พ้ืนผิว ควำมกลมกลนื และกำรจดั ภำพ เป็นตนั โดย ผสู้ ร้ำงสรรคง์ ำนทัศนศลิ ป์จะแสดงออกตำมควำมรสู้ กึ ในแตล่ ะเหตุกำรณแ์ ต่ละสังคม เพรำะ ควำมงำมของแตล่ ะสงั คมยอ่ มมคี วำมแตกตำ่ งขนึ้ อยกู่ บั สภำพของสังคมและวฒั นธรรมของ สงั คมน้นั ๆ 2. คณุ คำ่ ทำงเรื่องรำว (Content Value) เป็นกำรแสดงลกั ษณะบ่งบอกถึงควำมหมำยเร่ืองรำวควำมเก่ียวข้องและ จุดประสงค์แฝงอยใู่ นผลงำน สำมำรถบอกเนือ้ หำสำระสำคญั ว่ำมีอะไร จะต่อไปอย่ำงไร เพรำะทัศนศลิ ป์แต่ละชนิ้ บอกเร่ืองรำวต่ำง ๆ อยูใ่ นตวั เอง จึงมองเหน็ และเขำ้ ใจได้ง่ำยกวำ่ คุณคำ่ ทำงด้ำนควำมงำม 3. คณุ คำ่ เรือ่ งรำวเกยี่ วกับประวตั ิศำสตร์ เปน็ เร่อื งรำวทีน่ ำเสนอเหตกุ ำรณส์ ำคัญของคนแตล่ ะเชือ้ ชำติทนี่ ำ่ สนใจ ซ่ึงส่วนใหญ่ จะเปน็ เรอื่ งของอดตี อำจเป็นเร่ืองของกำรต่อสู้เพื่ออิสรภำพ กำรเรียกร้องสิทธิต่ำง ๆ และ พงศำวดำรในแต่ละสมยั เรอ่ื งรำวท่นี ำมำถ่ำยทอดสำมำรถปลุกเร้ำอำรมณ์ ควำมรสู้ ึกให้เกดิ กำรกระตุ้นเตอื นและคลอ้ ยตำมถงึ ควำมรักชำติ รกั ถน่ิ ตน เสียสละในดำ้ นตำ่ ง ๆ เชน่ อนสุ ำวรีย์ และจติ รกรรมฝำผนงั เปน็ ต้น 100

4. คณุ ค่ำเรือ่ งรำวเกย่ี วกับควำมเชื่อในส่ิงเร้นลบั ศรทั ธำ มนษุ ย์ไมว่ ่ำชำตใิ ดยอ่ มมคี วำมกลัวดว้ ยกันทง้ั สิน้ เม่ือมนษุ ย์เกิดควำมกลัว มนุษย์ จะหำสงิ่ ที่มำคลีค่ ลำยดบั ควำมกลวั ใหเ้ บำบำงลง เช่น ควำมเชื่อในสิง่ เรน้ ลบั เทพเจำ้ พระเจำ้ นรกสวรรค์ ภูตผี ปีศำจ ไสยศำสตร์ ดวงจนั ทร์ ดวงอำทิตย์ หรอื วิญญำณ ก่อเกดิ เทวรูป รูปปั้น และอำคำรประกอบพิธกี รรมต่ำง ๆ เปน็ ตน้ 5. คุณคำ่ เร่ืองรำวเกี่ยวกบั ศำสนำ วฒั นธรรม ประเพณี มนษุ ย์ทุกชนย่อมมีศำสนำวฒั นธรรมและประเพณขี องตนเอง และด้วยควำมรกั ควำมศรทั ธำทำใหเ้ กดิ พลังและแรงบนั ดำลใจอันมหำศำลท่ีจะถำ่ ยทอดควำมเช่ือ ควำมศรัทธำ ให้ผอู้ ืน่ ได้รบั รู้เรอ่ื งรำวที่เกี่ยวกับศำสนำและวัฒนธรรม จงึ ถกู สะทอ้ นผำ่ นจนิ ตนำกำรและ ควำมคดิ สร้ำงสรรคอ์ อกมำทำงรูปแบบงำนทัศนศิลป์ในหลำกหลำยประเภทตลอดทุกยุคทุกสมยั เปรียบเสมอื นภำพจำลองเหตกุ ำรณ์ เชน่ ภำพจิตรกรรมไทย ชำดก พทุ ธประวตั ิ เป็นต้น 6. คณุ คำ่ เร่ืองรำวเกยี่ วกบั กำรเมือง กำรปกครอง เชน่ กำรสรำ้ งประตมิ ำกรรม อนุสำวรยี บ์ คุ คลสำคญั ๆ เพอื่ เป็นอนสุ รณ์แสดงว่ำบุคคลผนู้ นั้ เปน็ ผมู้ ีควำม สำมำรถในกำรเมอื งกำรปกครอง 7. คณุ คำ่ เรือ่ งรำวเกย่ี วกับชีวิตประจำวันของคนทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับสิ่งต่ำง ๆ เปน็ กำรถำ่ ยทอดเกยี่ วกับกำรเผชิญในส่ิงที่มนษุ ยไ์ ด้กระทำอยู่ในแต่ละวนั เพรำะ กำรดำรงชีวติ อยขู่ องมนุษย์ในสงั คมตอ้ งกำรควำมสุขโดยอำศยั ปัจจยั สำคัญท่ีทำใหเ้ กดิ ควำมสุขในแต่ละวนั ไดแ้ ก่ ทำงรำ่ งกำย จติ ใจ อำรมณ์ และทำงด้ำนสังคม ดงั นน้ั นำเสนอเพอ่ื ให้เกิดคุณค่ำ เชน่ เรือ่ งรำวองท่อี ยูอ่ ำศยั อำคำร ยำรกั ษำโรค กำรพกั ผ่อนหยอ่ นใจ ควำมปลอดภัย ควำมก้ำวหน้ำทำงกำรศึกษำ และอำชพี เปน็ ต้น 8. คุณคำ่ เรอ่ื งรำวเก่ยี วกับธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม คุณค่ำของเรื่องรำวลักษณะนเ้ี ปน็ กำรนำเสนอในเรื่องของควำมงำมของธรรมชำติ ส่งิ แวดลอ้ ม และกำรพ่ึงพำอำศยั กนั ระหว่ำงมนุษย์กับธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม พรอ้ มทั้ง เสนอแงค่ ิดวำ่ ทำไมมนษุ ยจ์ ึงทำลำยธรรมชำติกับสิง่ แวดล้อม และทำไมเรำตอ้ งรณรงค์ต่อดำ้ น เสนอแง่คิดว่ำทำไมมนุษย์จงึ ทำลำยธรรมชำติ สิ่งแวดล้อม สมควรที่จะอนุรักษ์ใหอ้ ยู่ค่มู นษุ ย์ สบื ไป รปู แบบเร่อื งรำวไดแ้ ก่ กำรปลูกปำ่ มลพิษจำกโรงงำน น้ำเน่ำเสยี ควำมงำมและกำร ทำลำยธรรมชำติสิ่งแวดล้อม เป็นต้น 9. คณุ ค่ำเรอ่ื งรำวเกย่ี วกับวรรณคดี นิทำนพน้ื บ้ำน สำนวน คำพงั เพย สุภำษติ เป็นกำรถำ่ ยทอดเร่อื งรำวจำกหนงั สอื นิทำนพ้นื บ้ำน สำนวน คำพงั เพย สุภำษิต ตำนำน พงศำวดำร ทส่ี ำมำรถบรรยำยเน้ือหำเร่อื งรำวให้ผูด้ ไู ดร้ ้อู ย่ำงชดั เจน โดยแส ภำพเลำ่ เร่อื ง เชน่ ภำพจิตรกรรมไทย สงั ข์ทอง และรำมเกียรติ์ เปน็ ตน้ 101

10. คุณคำ่ เรอื่ งรำวเกี่ยวกับควำมเจรญิ ก้ำวหน้ำทำงวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี เป็นกำรนำเสนอเรือ่ งของควำมเจรญิ ก้ำวหน้ำในต้ำนวิทยำกำรต่ำง ๆ ทนี่ ำพำให้ ประเทศนนั้ ๆ เจริญรงุ่ เรือง คณุ คำ่ ของเรอื่ งรำวประเภทนสี้ ำมำรถโนม้ น้ำวให้ผชู้ มเหน็ ควำมสำคัญ ของวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยที ่ที ันสมัย เช่น เรอื่ งรำวเกีย่ วกบั อุตสำหกรรม ยำนอวกำศ วงกำรแพทย์ เคร่ืองมือเครอ่ื งใช้ตำ่ ง ๆ และกำรสอื่ สำร เปน็ ต้น 11. คุณค่ำของงำนทศั นศิลป์ต่อชีวิตและสงั คม \"ชวี ติ สลาย อาณาจักรพนิ าศ ผลประโยชน์ของบุคคลมลายหายสิ้นไป แต่ศิลปะเท่านน้ั ที่ยังคงเหลอื เป็นพยานแหง่ ความเป็นอัจฉริยะของมนษุ ย์อยู่ตลอดกาล\" ข้อควำมขำ้ งตน้ นีเ้ ป็นควำมเหน็ อันเฉยี บคมของทำ่ น ศำสตรำจำรย์ศลิ ป์ พรี ะศรี ผูก้ อ่ ตงั้ มหำวทิ ยำลัยศลิ ปำกร แสดงให้เห็นวำ่ งำนศิลปะเปน็ สมบัตอิ ันลำ้ คำ่ ของมนุษยท์ ่ีแสดง ควำมเปน็ อัจฉรยิ ะบ่งบอกถึงควำมเจรญิ ทำงดำ้ นจิตใจและสติปัญญำอนั สงู กว่ำ ซงึ่ มคี ณุ คำ่ ตอ่ ชวี ติ และสังคม 12. คุณคำ่ ในกำรยกระดบั จิตใจ คุณคำ่ ของศิลปะอยู่ทปี่ ระโยชน์ ช่วยจดั ควำมโฉดควำมฉ้อฉลยกระดับวิญญำณ ควำมเป็นคนเหน็ แกต่ น บทกวขี องเนำวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวซี ีไรตข์ องไทย ไดใ้ หค้ วำมสำคญั ของงำนศลิ ปะในกำรยกระดับวญิ ญำณควำมเป็นคนก็คอื กำรยกระดับจติ ใจของคนเรำให้สูงขึ้น ด้วยกำรได้ช่ืนชมควำมงำมและควำมประณตี ละเอยี ดออ่ นของงำนศลิ ปะ ตัวอยำ่ งเชน่ เมอื่ เรำ นำพรมอันสวยงำมสะอำดมำปูเตม็ ห้อง ก็คงไม่มใี ครกล้ำนำรองเทำ้ ที่เปื้อนโคลนมำเหยียบย่ำ ทำลำยควำมงำมของพรมไปจนหมดสิ้น ส่ิงทม่ี ีคุณค่ำมำชว่ ยยกระดบั จติ ใจของคนเรำให้มัน่ คง ในควำมดงี ำมก็คอื ควำมงำมของศิลปะนัน่ เอง ดงั นัน้ เม่ือใดทมี่ นุษยใ์ ตช้ ่นื ชมควำมงำมของศลิ ปะเมื่อนัน้ มนุษย์กจ็ ะมีจิตใจทแ่ี ช่มชืน่ และละเอยี ดอ่อนตำมไปด้วย เว้นแต่บุคคลผู้น้นั จะมสี ตวิ ปิ ลำศ นอกจำกนีง้ ำนศิลปะบำงชั้น ยังให้ควำมงำมและควำมรสู้ กึ ถึงควำมดีงำม และคณุ งำม จริยธรรมอยำ่ งลกึ ซง้ึ เปน็ กำรจรรโลง จิตใจให้ผดู้ เู คร่งเครยี ดและเศรำ้ หมองของศิลปินผ้สู ร้ำงสรรค์และผชู้ นื่ ชมได้เปน็ อยำ่ งดี ดงั น้นั จงึ มีกำรสง่ เสรมิ ให้เด็กสร้ำงงำนศลิ ปะเพื่อผ่อนคลำยควำมเครง่ เครียดและพฒั นำสขุ ภำพจิต ซึง่ เปน็ จุดเรมิ่ ตันของพัฒนำกำรต่ำง ๆ อย่ำงสมบูรณ์ 13. คณุ ค่ำเรอ่ื งรำวเกีย่ วกับธรรมชำตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม งำนจติ รกรรม เป็นศิลปะที่สอื่ ควำมงำมและควำมรู้สกึ ไปสู่ผู้ดหู รือผู้ชืน่ ชมได้โดย ง่ำย คณุ คำ่ เบ้อื งตนั เป็นคุณค่ำทำงต้ำนจติ ใจในกำรชมควำมงำม ควำมละเอยี ดอ่อนของเสน้ 102

สี แสงเงำ และองค์ประกอบของศลิ ปต์ ่ำง ๆ ช่วยผ่อนคลำยอำรมณ์ และให้คติธรรม แนวคิดใน กำรดำรงชวี ิต และยังรักษำขนบธรรมเนยี ม ประเพณีวฒั นธรรม ศำสนำ และประวัติศำสตร์ จำกจิตรกรรมฝำผนงั ต่ำง ๆ งำนประตมิ ำกรรม เปน็ ศลิ ปะท่ีสอื่ ควำมงำมและควำมรู้สึกไปสผู่ ดู้ ูหรือผูช้ ่ืนชมได้ ด้วยรูปทรง และพ้ืนผิว โดยมแี สงสว่ำงมำกระทบให้เกดิ เงำจำกมิตคิ วำมตืน้ ลึกของรูปทรงนั้น ๆ งำนสถำปัตยกรรมเป็นศลิ ปะทใี่ ช้ประโยชนใ์ ช้สอยมำกกว่ำ เพรำะเป็นอำคำรสถำนท่สี ูงและ เปน็ ที่อยูอ่ ำศยั ของมนุษย์นั่นเอง โดยเร่มิ จำกกำรดแู ลรักษำทพ่ี ักอำศยั ตำ่ ง ๆ เช่น พระรำชวงั โบสถ์ ตำหนัก วัด วหิ ำร เจดยี ์ สถูป เป็นตน้ 14. คณุ คำ่ ของผู้ชื่นชมและสังคมส่วนรวม บทบำทของประชำชนทวั่ ไปในกำรใชป้ ระโยชนแ์ ละคณุ ค่ำของสถำปัตยกรรม นับต้ังแตบ่ ำ้ นเรือน ท่อี ยอู่ ำศัย โดยเรม่ิ ตน้ จำกกำรดแู ลรกั ษำควำมสะอำด ควำมเปน็ ระเบยี บ เรยี บร้อยภำยในบ้ำน กำรใชห้ ลกั ทำงศลิ ปะและรสนิยมส่วนตวั ตกแตง่ บำ้ นเรือนใหน้ ่ำอยู่ โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงกำรประดับตกแตง่ ด้วยต้นไม้และพน้ื ทส่ี เี ขียวภำยในบำ้ น สำหรบั งำน ทำงศิลปะทมี่ ีคุณคำ่ ทำงวิจติ รศลิ ป์ ดังน้นั เรำจึงควรรว่ มมือกนั อนรุ ักษ์ศลิ ปะทั้งจิตรกรรม ประตมิ ำกรรมและสถำปัตยกรรมอันเก่ำแก่ไวส้ ืบตอ่ ไป ผลงานทัศนศิลป์ของศิลปินไทยและต่างประเทศ ศิลปินด้านจติ กรรม 1. อำจำรย์วลั ย์ ดัชนี ผลงำนของถวลั ย์ ดัชนี เปน็ ทยี่ อมรับและยกยอ่ งทงั้ ในและตำ่ งประเทศ กำร สร้ำงสรรค์ผลงำนเกดิ จำกกำรนำแนวปรชั ญำพทุ ธศิลป์มำเป็นแรงบันดำลใจในกำรสร้ำงสรรค์ ศลิ ปะไทยรว่ มสมยั ทีท่ รงพลัง สุม่ ลึก และแกร่งกรำ้ ว มีเน้อื หำสำระและท่วงทที มี่ ชี วี ิตวิญญำณ ของควำมเปน็ ไทย รวมถงึ ผสมผสำนระหว่ำงแนวปรชั ญำตะวนั ออกและตะวันตกเข้ำไวใ้ นผลงำน 2. รองศำสตรำจำรย์ปริญญำ ตนั ตสิ ขุ ปริญญำ ตนั ติสุข สรำ้ งสรรคผ์ ลงำนศิลปะดว้ ยกำรนำเสนอและเข้ำร่วมแสดงใน นทิ รรศกำรศลิ ปะสำคัญ ๆ ทัง้ ในประเทศและต่ำงประเทศอย่ำงสมำ่ เสมอตลอดมำ ทง้ั กำรจดั นทิ รรศกำรเดีย่ วและนิทรรศกำรกลุ่ม ผลงำนปรญิ ญำแสดงถงึ กำรเร่มิ ตน้ ด้วยควำมคิดและ รปู แบบท่เี กยี่ วโยงกบั รูปธรรม แลว้ เปลี่ยนแปรหำ่ งออกไปด้วยจนิ ตนำกำรและศลิ ปนิ โดยมี กำรประสำนสัมพันธ์ขงสีเปน็ วธิ ีสำคัญจนกลำยเปน็ งำนแบบนำมธรรมไปในทส่ี ดุ 103

ศิลปินดา้ นจติ รกรรมและส่อื ผสม 1. อำจำรยธ์ งชัย รักประทมุ ธงชยั รกั ประทมุ เป็นศิลปินทีม่ ีควำมเชีย่ วชำญดำ้ นศิลปะทง้ั ไทยและสำกลดว้ ย เพรำะเคยไดร้ บั ทุนไปศกึ ษำต่อดำ้ นศิลปะรว่ มสมัยท่ีประเทศอิตำลี ธงชยั ไดส้ รำ้ งผลงำน ด้วยควำมมุ่งมั่นและแนว่ แน่อยบู่ นเส้นทำงเดนิ ของกำรสร้ำงศิลปะร่วมสมยั มำต่อเน่อื ง ตงั้ แต่อดีตจนถงึ ปจั จุบนั ผลงำนมีลกั ษณะเฉพำะตวั และโดดเดน่ มเี นื้อหำสำระและแนวคดิ ท่ี กำ้ วลกึ ไปสูว่ ถิ ชี ีวิตในเชิงวัฒนธรรมของสงั คมยุคใหม่ ผลงำนล่ำสุดของปี 2555 มีรปู แบบท้ังผลงำนจติ รกรรม 2 มิติ กึง่ 3 มติ ิ โดยมี กำรเชอื่ มสมั พนั ธอ์ ย่ำงลงตวั กบั รูปร่ำง รูปทรง พ้นื ผิววัสดุ และควำมคิดฝนั เป็นผลงำนท่มี ี ควำมก้ำวหน้ำทดั เทียมกับศลิ ปะของนำนำอำรยประเทศ เกรด็ ความรู้ ศลิ ปะแบบสอื่ ผสม (Mixed Media) เปน็ วิจติ รศิลป์ ในกำรนำสือ่ มำกกว่ำสองส่ือ ขน้ึ ไปมำสร้ำงเปน็ ผลงำนต่ำง ๆ โดยนิยมใชส้ ่อื ทีแ่ ตกต่ำงกนั มำนำจุดเดน่ ใชร้ ว่ มกัน ไดแ้ ก่ งำนจติ รกรรม ประตมิ ำกรรม ภำพพิมพ์ และงำนวำดเส้น ศลิ ปะส่อื ผสมอำจมลี กั ษณะเปน็ 2 มติ ิ หรือ 3 มิติก็ได้ ศลิ ปะส่อื ผสมนอกจำกจะเปน็ ศิลปะสมยั ใหม่แล้วยงั เปน็ งำนสะทอ้ นใหเ้ ห็น สงั คมในรปู แบบตำ่ ง ๆ ดว้ ย เพรำะปัจจุบันกำรสรำ้ งสรรคผ์ ลงำนทศั นศลิ ป์ไมไ่ ด้อยู่แค่บน กระดำษหรือผำ้ ใบ แต่เปน็ กำรพฒั นำกำรสร้ำงผลงำนผสมกนั ทัง้ กำรวำดเขยี น กำรระบำยสี กำรพิมพ์ เป็นตนั ผสมผสำนกับเทคโนโลยใี หม่ ๆ เชน่ วติ โี อ คอมพวิ เตอร์ ซง่ึ เปน็ สอ่ื ใหม่ ๆ ทีม่ กี ำรพฒั นำตลอดเวลำและมีควำมทันสมัยในปัจจุบนั 2. ศำสตรำจำรยก์ มล ทศั นำญชลี กมล ทัศนำญชลี เป็นศิลปินทีไ่ ด้รบั กำรยกยอ่ งท้งั ในและตำ่ งประเทศ ผลงำน ของกมลมเี อกลักษณต์ ำมแนวทำงสำกลที่มีพ้นื ฐำนจำกศิลปะแบบประเพณี วิถีชีวิตไทย มกี ำร ใชส้ ื่อผสมในกำรสรำ้ งสรรคง์ ำนจิตรกรรมทั้งรปู แบบ 2 มิตแิ ละ 3 มติ ิ อำศัยเทคนคิ วัสดสุ มัยใหม่ สะท้อนกำรเช่ือมโยงเรอ่ื งรำววฒั นธรรมระหว่ำงตะวนั ตกและตะวันออก ทำให้ผลงำนมคี วำม ร่วมสมยั 3.ศำสตรำจำรย์เดชำ วรำชนุ ผลงำนในช่วงแรก ๆ ของเตชำ วรำชนุ เปน็ ผลงำนภำพพิมพ์ โดยใช้ประสบกำรณ์ จำกกำรรวบรวมข้อมูลของรูปทรงที่สนใจท้งั จำกรูปทรงเรขำคณติ และเรมิ่ ทำงำนสอื่ วสั ดุปะปดิ ดว้ ยกำรใชม้ วลธำตทุ ำงทศั นศลิ ป์เป็นมลู เหตสุ ำคญั ในกำรสร้ำงผลงำน เดชำพฒั นำภำพผลงำน อย่ำงต่อเน่อื งตำมลำดับจนได้รบั เกยี รตเิ ป็นศลิ ปินชนั้ เยยี่ มประเภทภำพพิมพ์ในปี 2525 104

เดชำเปลย่ี นแปลงกำรสรำ้ งผลงำนให้จรงิ จังขึ้นเมอ่ื ปี 2539 เพื่อตอ้ งกำรสะทอ้ นให้เห็นถึง ชวี ิตของสงั คมปจั จุบนั ทีด่ ำรงอยู่ในส่งิ แวดล้อมของควำมเจรญิ ก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยี ศิลปินดา้ นประติมากรรม 1. ผู้ชว่ ยศำสตรำจำรย์เขยี น ย้ิมศริ ิ เขียน ย้ิมศริ ิ เปน็ บรมครตู ำ้ นกำรสร้ำงสรรคง์ ำนประตมิ ำกรรมและดำ้ นวชิ ำกำร ศลิ ปะคนสำคญั ของไทย เปน็ ศิลปินผ้บู กุ เบิกในกำรนำเอำคณุ ค่ำลักษณะแนวไทยมำเปน็ รูป แบบในกำร สรำ้ งสรรคผ์ ลงำน โดยจะเห็นไดถ้ งึ พฒั นำกำรจำกประตมิ ำกรรมแนวไทยประเพณี คลีค่ ลำยมำสปู่ ระตมิ ำกรรมแบบรว่ มสมัยทแ่ี ฝงควำมเปน็ ไทยอยู่ เน้อื หำของกำรแสดงออกเป็น อิริยำบถตำ่ ง ๆ ท่ีอ่อนช้อยละเมยี ดละไมให้ควำมรู้สึกถึงควำมงำมของเส้นท่เี คลือ่ นไหวประสำน สัมพันธก์ นั อย่ำงสมบรู ณ์ จนไดร้ ับเกยี รติเป็นศลิ ปินช้ันเยยี่ มเม่อื ปี 2496 2. ศำสตรำจำรยช์ ลูด น่มิ เสมอ ชลดู น่ิมเสมอ ได้สร้ำงสรรคผ์ ลงำนศลิ ปะหลำยดำ้ น ผลงำนยุคแรก ๆ เปน็ ผล งำนตำ้ นจิตรกรรมที่แสดงวิถีชวี ิตของชนบทที่แสดงถงึ ควำมสัมพันธ์ ควำมเอ้อื อำทรท่ีมใี น สังคม ระยะตอ่ มำชลดู ไดส้ ร้ำงสรรค์ผลงำนต้ำนประติมำกรรมซงึ่ มีรปู แบบหลำกหลำย เช่น กำรนำวสั ดุท้องถน่ิ มำประกอบในผลงำนเพอ่ื แสดงควำมผูกพนั ทมี่ ตี ่อซนบท ผลงำนทีม่ ีช่อื เสยี ง ส่วนมำกจะเป็นประตมิ ำกรรมติดตั้งภำยนอกอำคำร เชน่ ผลงำน \"โลกตุ ระ\" ทีห่ น้ำอำคำร ศูนย์กำรประชมุ แห่งชำติสิรกิ ติ ์ิ 3. อำจำรย์นนทิวรรธน์ จนั ทนะผะลิน นนทวิ รรธน์ จันทนะผะลนิ เป็นศลิ ปินที่สร้ำงสรรค์งำนศลิ ปะมำอย่ำงตอ่ เนอื่ ง ตลอดระยะเวลำ 37 ปี และเป็นประตมิ ำกรที่มีชอ่ื เสยี งมำกท่ีสุดคนหนงึ่ ในประเทศไทย ผลงำน ทโี่ ดดเดน่ เป็นรปู ทรง 3 มติ ิ มีควำมสำคญั ของเส้นและปรมิ ำตรอันกลมกลืนงดงำม โดยนำเสนอ ผ่ำนควำมรู้สึก อำรมณ์ และควำมปรำรถนำ เพือ่ ใหส้ ังคมไดต้ ระหนกั ถงึ ควำมเป็นจริงของ ธรรมชำติ ตอ่ มำในภำยหลงั ไดส้ ร้ำงสรรค์ผลงำนทมี่ เี นอื้ หำแฝงปรัชญำทำงพระพทุ ธศำสนำ ผลงำนของนนทวิ รรธน์ได้รบั รำงวัลจำกกำรแสดงศลิ ปกรรมแห่งชำติหลำยคร้ัง รวมทั้งให้ ประตมิ ำกรรมกบั ส่ิงแวดล้อมทงั้ ในและต่ำงประเทศ นอกจำกนยี้ งั เปน็ ผู้เผยแพร่ควำมรู้ และสรำ้ งคณุ ประโยชน์ทำงต้ำนศิลปะแกส่ งั คมและวงกำรศกึ ษำศิลปะของไทยมำโดยตลอด ศิลปินด้านการพิมพ์ 1. ศำสตรำจำรยเ์ กยี รตคิ ณุ ประหยดั พงษด์ ำ หยัด พงษด์ ำ เปน็ ศลิ ปนิ ท่สี ร้ำงสรรค์ผลงำนที่มีแนวทำงเฉพำะ คือ กำรถ่ำยทอด ชวี ิตสัตวใ์ นบรรยำกำศแบบไทย ๆ โดดเด่นในเรอ่ื งกำรทำงำนด้ำนภำพพมิ พ์ โดยเฉพำะ 105

แมพ่ มิ พแ์ กะไม่ซงึ่ ไดร้ บั กำรยกย่องวำ่ มีควำมเชยี่ วชำญอย่ำงสงู ผลงำนประหยดั สะท้อนถึง ควำมเรยี บง่ำยของวถิ ีชนบท โดยนำเสนอผำ่ นเรื่องรำวและลกั ษณะของสตั ว์ตำ่ ง ๆ 2. อำจำรยเ์ ฉลิมศกั ดิ์ รตั นจนั ทร์ เฉลิมศกั ด์ิ รตั นจนั ทร์ เป็นอำจำรยผ์ สู้ อนศลิ ปะ และเปน็ ศิลปนิ ต้ำนภำพพิมพ์ท่มี ี ควำมมงุ่ ม่ันพำกเพยี รในกำรสรำ้ งสรรค์ผลงำนตำมควำมถนัดเฉพำะตัว ไม่วำ่ จะเป็นภำพพิมพ์ ด้วยเทคนคิ Silk Screen Lithograph Intagiol ซ่ึงผลงำนของเฉลิมศกั ดไิ์ ม่ไดย้ ึดตดิ กบั เทคนิคใด โดยเฉพำะ ปัจจุบันเฉลมิ ศักดิต์ ำรงตำแหน่งคณบดี (คณะศลิ ปะวิจิตร) สถำบนั ทติ พฒั นศิลป์ กระทรวงวฒั นธรรม ศิลปินดา้ นสถาปตั ยกรรม 1. สมเด็จพระเจำ้ บรมวงศ์ เจ้ำฟำ้ กรมพระยำนรศิ รำนวุ ตั ติวงศ์ สมเด็จพระเจำ้ บรมวงศ์ เจ้ำฟำ้ กรมพระยำนริศรำนวุ ัตติวงศ์ ทรงเปน็ ศลิ ปินดำ้ น สถำปตั ยกรรมพระองค์ทรงใช้เวลำส่วนใหญ่กบั งำนศลิ ปะและวทิ ยำกำร งำนต้ำนสถำปตั ยกรรม เปน็ งำนท่พี ระองค์ทรงพิถีพถิ ันอย่ำงมำก งำนสถำปัตยกรรมท่โี ปรดทำมำกคือแบบพระเมรุ ผลงำนทเี่ ป็นทร่ี ู้จกั ของพระองค์ คือ กำรออกแบบกอ่ สร้ำงพระอโุ บสถวดั เบญจมบพิตรฯ และ กำรออกแบบกอ่ สรำ้ งอำคำรโรงเรยี นมัธยมวัดเบญจมบพติ ร 2. อำจำรย์ประเวศ ลมิ ปรงั ษี ประเวศ ลมิ ปรงั ษี เปน็ สถำปนิกที่มีควำมเป็นเลิศในกำรออกแบบผกู ลำยไทย ไดง้ ดงำม ผลงำนของประเวศเป็นท่ยี อมรบั อยำ่ งกวำ้ งขวำงทงั้ ในและต่ำงประเทศ ผลงำนสำคญั เชน่ กำรออกแบบอุโบสถ วดั พุธประทีปกรุงลอนตอน บรู ณะพระธำตุพนม จงั หวัดนครพนม ออกแบบฐำนพระประธำนพุทธมณฑล จังหวดั นครปฐม ผลงานทศั นศลิ ปข์ องศิลปนิ ตา่ งประเทศทม่ี ชี ่อื เสยี ง ศลิ ปินตำ่ งประเทศท่มี ชี อื่ เสียง : ศลิ ปินชำย 1. แอนดี วำร์ฮอล ( Andy Warhol) ค.ศ. 1928- ค.ศ. 1987 แอนดี วำรฮ์ อล เป็นรำชำแห่ง Pop Art มชี อ่ื เตมิ ว่ำ Andrew Warhola ในปี 1949 เขำไดเ้ ปลี่ยนชอ่ื ตวั เองใหมเ่ ป็น \"WARHO L\" ผลของเขำในช่วงแรกที่ประสบควำมสำเร็จมำกคอื ภำพ Women is Shoes ในปี 1960 วำรฮ์ อลได้เร่มิ วำดรปู ที่เปน็ งำนแบบประชำนยิ ม (Pop Art) ชิน้ แรกโดยมรี ำกฐำนมำจำกหนังสอื กำรต์ นู หลำยเร่ือง เช่น Dick Tracy, Popeye, Superman จำกนน้ั ไดป้ รับปรงุ งำนของตนเองเรื่อยมำ จนกระทงั่ ในปี 1962 วำร์ฮอลไดว้ ำดภำพ Campbell is soup อนั โตง่ ตัง และเป็นทรี่ ู้จักมำกยง่ิ ขน้ึ ในฐำนะของศลิ ปินแบบ Pop Art งำนท่คี อ่ นข้ำง 106

ทำใหเ้ ขำมีชอ่ื เสียงมำกก็คืองำนในแบบ Silk Screen ทท่ี ำเปน็ รูปตำ่ ง ๆ มำกมำย และภำพเหมือน (Portrait) ของบุคลสำคัญตำ่ ง ๆ ในแบบ Pop Art วำรฮ์ อลเป็นศลิ ปนิ Pop At ที่จับเอำอะไร ๆ ต่ำงในสังคมช่วงน้ันมำใสใ่ นงำนของเขำ โดยผ่ำนเทคนิคกำรใชส้ ีและ style ท่ีเป็นแบบเฉพำะของเขำเอง และเขำยังจับเอำส่ิงทีผ่ คู้ น สว่ นใหญเ่ หน็ วำ่ เปน็ ส่ิงธรรมดำ เช่น กระป้อง Campbell is Soup มำทำใหม้ คี ณุ คำ่ ทำงศลิ ปะ ถอื ได้ว่ำเป็นกำรทำงำนท่ีเข้ำสูค่ วำมจริงในรปู แบบใหม่ ๆ มำกย่งิ ข้ึน หรือทเ่ี รียกวำ่ New Realism และวธิ กี ำรเช่นน้กี เ็ ปน็ ท่ชี น่ื ชอบของผู้คนตงั้ แตย่ ุคน้ันจนถงึ ปัจจุบัน 2. เดวดิ ฮอคนี (David Hockney) ค.ศ. 1937 ถึงปจั จุบนั เดวดิ ฮอคนี เป็นเจ้ำพอ่ Pop At ชำวอังกฤษทม่ี ีช่ือเสยี งมำก จนเปน็ แรงบันตำลใจ แกว่ งกำรแฟช่ันในเรอ่ื งสีสันและลวดลำยต่ำง ๆ สไตลก์ ำรแตง่ กำยของเขำเป็นที่ยอมรบั ของ เหล่ำดไี ซน์เนอร์ ผลงำนของฮอคนีส่วนใหญ่เปน็ ภำพของฝูงเพ่ือน คนสนทิ ภำพควำมสมั พนั ธ์ และชวี ติ ประจำวนั ผลงำนของเขำได้รับอิทธพิ ลมำจำกปกิ สั โซ ผลงำนจะเป็นแบบ Cubism เหลีย่ ม ๆ แบน ๆ ในอิรยิ ำบถแบบภำพถ่ำย และกลำยเปน็ Photocubism ในเวลำต่อมำซง่ึ ฮอคนีให้ควำมใสใ่ จในวธิ ีกำรสร้ำงงำนศลิ ปะของเขำตั้งแตอ่ ดีตจนถึงปัจจุบนั 3. ชำร์ล ซำตชิ (Charles Saatchi) ค.ศ. 1943 ถงึ ปจั จุบัน ชำรล์ ซำตชิ เปน็ ทรี่ ู้จักกนั ท่วั โลก เขำเป็นนักสะสมศลิ ปะ และเป็นเจำ้ ของ Saatchi Gallery ซง่ึ เปน็ แกลเลอรที ่แี สดงผลงำนศลิ ปะทเี่ ขำได้รวบรวมมำหลำยปี ผลงำนของเขำไดร้ บั อิทธิพลจำกศิลปะสมยั ใหม่และแบบประชำนยิ ม (Pop Art) เขำได้รบั ควำมบันตำลใจจำกศิลปิน หลำยทำ่ นในกำรสรำ้ งสรรค์ผลงำน ซ่ึงเขำเป็นคนทใ่ี หค้ วำมสนใจรำยละเอียดในผลงำนของ 4. เจฟฟ์ คูนส์ (Jeff Koons) ค.ศ. 1955 ถึงปจั จุบนั เจฟฟ์ คูนส์ เปน็ ศลิ ปินชำวอเมริกันผู้มีช่อื เสียงโด่งดังมำกในแวดวงศิลปะนำนำ ประเทศ ผลงำนของคนู ส์ในชว่ งแรก ๆ เป็นรูปแบบ \"Conceptual Sculpture\" ผลงำนทสี่ ร้ำงช่ือ ใหเ้ ขำมชี ่อื ชดุ ว่ำ Equilibrium หรอื ดลุ ยภำพเมอ่ื ปี 1985 ในทศวรรษที่ 1980 เขำสร้ำงสรรค์ ผลงำนทีม่ ชี ่ือเสยี งมำกคอื Michael Jackson and Bubbles ซึ่งถือเปน็ งำนเซรำมิกท่ใี หญท่ ่ีสุด ในปี 2008 เขำได้รับเกียรติใหแ้ สดงผลงำนเด่ียว ณ พระรำชวังแวร์ซำยส์ ฝรงั่ เศส ปัจจบุ นั เขำอำศัยและทำงำนสว่ นใหญ่ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมรกิ ำ 107

5. โยชโิ ตโมะ นำระ (Yoshitomo Nara) ค.ศ. 1959 ถึงปัจจุบนั โยชิโตโมะ นำระ เปน็ ศลิ ปิน Pop ร่วมสมัยชำวญีป่ ุ่นทโี่ ดง่ ดังมำก นำระไดแ้ สดง ผลงำนเด่ยี วทวั่ โลกมำแลว้ กว่ำ 40 ครง้ั และเคยแสดงผลงำนรว่ มกบั ศิลปนิ ไทยหลำยครง้ั เชน่ ประตมิ ำกรรม Phuket Dog และบริจำคใหก้ บั เมอื งภเู กต็ ปัจจบุ นั ผลงำนของนำระเปน็ ภำพวำดกำร์ตูนเด็กผหู้ ญิงหน้ำตำนำ่ รกั แต่แฝงไว้ ซงึ่ ควำมลกึ ลับและควำมน่ำกลวั ไวภ้ ำยใน โดยได้รบั แรงบนั ดำลใจจำกขำ่ วทโ่ี ด่งดังของญี่ปนุ่ ทเ่ี ด็กผู้หญงิ คนหน่งึ ฆ่ำเพอื่ นร่วมช้นั ของเธอเนื่องจำกว่ำถูกลอ้ เลยี น เร่อื งผมหนำ้ มำ้ โดยเธอ อกวำ่ เธอกล้ำทำเพรำะได้รบั แรงบันดำลใจจำกสื่อ ผลงำนของนำระต้องกำรบง่ บอกว่ำ ภำยในสิ่งทด่ี นู ำ่ รักบอบบำงนน้ั บำงทกี ็แฝงไปด้วยควำมน่ำกลัว หำกเยำวชนทเ่ี ปรยี บเสมือน ผ้ำขำวไมไ่ ดร้ บั คำแนะนำจำกผูป้ กครองในเร่ืองกำรบรโิ ภคส่อื อย่ำงถกู ต้อง ปัจจุบันนำระ อำศัยอยทู่ ชี่ ำนเมือง กรุงโตเกยี ว ศิลปินต่ำงประเทศที่มชี ื่อเสียง:ศิลปินหญงิ 1. จอรเ์ จีย โอคฟี (Georgia 0 Keeffe) ค.ศ. 1887-ค.ศ.1986 จอร์เจยี โอคฟี เป็นศิลปินท่มี ีควำมสำคัญมำกในวงกำรศิลปะในอเมริกำตง้ั แต่ ชว่ งทศวรรษ 1920 โอคฟี เปน็ ท่รี จู้ กั กนั มำกจำกกำรผสมผสำนนำมธรรมและกำรนำเสนอ เสมอื นจริงในภำพวำดดอกไม้ หิน เปลอื กหอย กระดูกสตั ว์ และทิวทัศน์ ภำพวำดของโอคีฟ นำเสนอรปู ทรงโคง้ ท่ีเต็มเปย่ี มไปดว้ ยกำรไล่โทนสีต่ำง ๆ อย่ำงหลักแหลม และโอคฟี ยงั นยิ ม แปรเปลย่ี นสิง่ ทีว่ ำดให้เปน็ รูปนำมธรรมที่เปี่ยมพลงั อีกดว้ ย 2. ฟรีดำ คำหโ์ ล ( Frida Kahlo) ค.ศ. 1907 - ค.ศ. 1954 ฟรดี ำ คำหโ์ ล เป็นจิตรกรชำวเมก็ ชิกนั แนวผสมแบบเหมอื นจรงิ สัญลกั ษณ์นยิ ม และเหนือจรงิ ภำพเขยี นของฟรดี ำส่วนใหญ่เป็นรปู เหมือนของ ( Self Portrait) สะทอ้ นชีวติ อนั ชน่ื ขมอยำ่ งตรงไปตรงมำ ผลงำนของเธอสอ่ื ควำมหมำยเชงิ สญั ลักษณเ์ กย่ี วกบั บำดแผล ทำงกำยและทำงใจของตัวเอง แมว้ ำ่ งำนของฟรดี ำถกู จัดใหอ้ ยูใ่ นรปู แบบเหนอื จรงิ และได้ แสดงออกกับพวกลทั ธิเหนอื จรงิ ของยุโรป แตฟ่ รดี ำไม่นบั ตวั เองเปน็ พวกลัทธเิ หนือจรงิ งำนส่วนใหญเ่ กย่ี วกับสตรีส่งผลใหฟ้ รีตำกลำยเปน็ แมแ่ บบของนักสตรนี ยิ มในทศวรรษ สดุ ทำ้ ยของครสิ ต์ศตวรรษ ท่ี 20 ฟรีตำถึงแก่กรรมเมื่อ ค.ศ. 1954 ปัจจุบนั พพิ ิธภัณฑ์ศิลปะ ตำ่ ง ๆ เก็บงำนของเธอไว้มำกมำย 3. กกี ี สมิธ (Kiki Smith) ค.ศ. 1954 ถงึ ปจั จุบนั กกี ี สมิธ เป็นศลิ ปนิ อเมริกันท่จี ดั เป็นศลิ ปิน Feminist กำรเคลื่อนไหวทำง ศิลปะของเธอเรมิ่ ต้นในคริสต์ศตวรรษท่ี 20 โตยใช้รำ่ งกำยของเธอเป็นศิลปะย้อมสที ่สี ่อื ถงึ 108

ควำมสำคัญทำงกำรเมือง กำรรอบทำร้ำย กำรรบั รองอำรมณข์ องผหู้ ญงิ และปัญหำทำงสงั คม ทซ่ี อ้ นเง่อื น งำนของเธอทีเ่ ปน็ ทรี่ ูจ้ ักกนั ดที ี่สดุ คอื ประตมิ ำกรรมต้ำนกำรสรำ้ งวตั ถุ และภำพ วำดตำมอวัยวะ รปู แบบกำรเคล่อื นท่ี และระบบประสำทของมนุษย์ 4. ซริ ิน เนสแซต ( Shirin neshat) ค.ศ. 1957 ถงึ ปัจจุบัน ชริ นิ เนสแชต เปน็ ศิลปินชำวอหิ รำ่ นท่ใี ช้ชีวติ ในนวิ ยอรก์ เธอเปน็ ทร่ี จู้ กั ในกำร ทำงำนภำพยนตรว์ ิดีโอและถำ่ ยภำพ หลังจำกเรียนจบเธอเร่ิมกำรทำงำนกับองค์กรที่ไม่ แสวงหำผลกำไรที่เรยี กว่ำหน้ำร้ำนศลิ ปะและสถำปตั ยกรรม และสถำนทีแ่ ห่งนีก้ ลำยเป็น สถำนท่ที ่ีไดร้ บั ประสบกำรณท์ ่มี คี ำ่ และมีผลใหเ้ ธอมีแนวคดิ ทจ่ี ะเปน็ สว่ นหนง่ึ ในงำนศลิ ปะ ผลงำนส่วนใหญ่ของเธอหมำยถงึ สงั คม วฒั นธรรม ศำสนำ ของสังคมมสุ ลิม และควำมซับซ้อนบำงอยำ่ ง เช่น ชำยและหญงิ แม้ว่ำวตั ถปุ ระสงค์ของผลงำนเกีย่ วข้องกับ ศำสนำอิสลำมแตก่ ็ไมไ่ ดข้ ัดแย้งอยำ่ งชัดเจน ผลงำนของเธอรับรู้ไดท้ ำงสติปญั ญำถงึ เร่ืองรำว ของศำสนำท่ซี ับซ้อน รวมถงึ กำรปรบั ตวั ของสตรมี สุ ลิมทวั่ โลกในปี 1996 เธอไดร้ บั รำงวัล International Award จำก XLVI! ทำใหเ้ ธอเปน็ ทร่ี ูจ้ ักในสำกลมำกยิง่ ขึ้น 5. มำริโกะ โมริ (Mariko Morl) ค.ศ. 1967 ถึงปจั จบุ นั มำริโกะ โมริ เป็นศลิ ปนิ ทท่ี ำผลงำนโดยกำรนำวิดโี อและถ่ำยภำพมำประยกุ ต์ เขำ้ กบั ผลงำน ผลงำนของเธอเป็นกำรผสมผสำนตำนำนตะวันออกกบั วฒั นธรรมตะวนั ตก ซงึ่ ถือเป็นเร่ืองปกติ ผลงำนของเธอมักจะเปน็ Layering ภำพถำ่ ยและภำพดิจทิ ลั เชน่ ภำพเธอ แสดงเป็นเจำ้ แม่นพิ พำน ซ่ึงเปน็ บทบำทแรกของเธอผ่ำนทำงเทคโนโลยีและรปู ภำพ ละท้งิ ววิ ทวิ ทัศน์ สงั คมเมือง และชีวติ จรงิ ผลงำนของเธอสร้ำงข้นึ โดยใชเ้ ทคโนโลยใี หม่ล่ำสุดและ คมชดั ทีส่ ุดในกำรผลิตผลงำนในยุคปัจจุบัน ความสัมพนั ธ์ของทัศนศลิ ปก์ บั สงั คม ศลิ ปะ จำแนกตำมลักษณะกำรรับสัมผัสของมนษุ ย์ไดเ้ ป็น 3 สำขำ คือ 1. ทัศนศิลป์ (Visual Art) ศลิ ปะที่รบั สมั ผสั ด้วยกำรเห็น ไดแ้ ก่ จิตรกรรม ประติกรรม สถำปตั ยกรรม 2. โสตศลิ ป์ (Aural Art) ศลิ ปะทีส่ ัมผสั ด้วยกำรฟงั ได้แก่ ดนตรแี ละวรรณกรรม (ผ่ำนกำรอำ่ นหรือรอ้ ง) 3. โสตทศั นศลิ ป์ (Audio Visual Art) ศิลปะท่รี บั สมั ผสั ด้วยกำรฟงั และกำรเห็นพร้อมกนั ได้แก่ กำรแสดงภำพยนตร์ ศลิ ปะทงั้ 3 สำขำมคี วำมเกย่ี วขอ้ งและดำเนินควบคไู่ ปกับสังคม เชน่ ลวดลำยของ 109

เส้ือผำ้ (ทศั นศิลป)์ กำรฟงั เพลง (โสตศิลป)์ กำรดูละครโทรทัศน์ (โสตทศั นศลิ ป)์ จะเห็นไดว้ ำ่ กิจกรรมในชีวิตประจำวันจะมีศิลปะเขำ้ มำร่วมดว้ ยเสมอ ผลงานทัศนศลิ ป์ อทิ ธผิ ลของสงั คมและผลตอบรับ ผลงำนทศั นศลิ ปท์ ถี่ กู สรำ้ งสรรคข์ น้ึ มำไม่วำ่ จำกศิลปินคนใด เม่ือผลงำนนัน้ ถกู สง่ ไปถงึ สำยตำของคนในสังคมแลว้ ส่ิงทส่ี ะท้อนกลับมำสู่ศลิ ปินคือผลตอบรับของสังคมที่มตี อ่ ผลงำนว่ำจะชน่ื ชอบและเขำ้ ใจวัตถุประสงคข์ องศลิ ปินมำกนอ้ ยเพยี งใด ผลงำนบำงช้ินอำจ เปน็ ท่ีชื่นชมและถกู ยกย่องกระท่ังกลำยเปน็ ผลงำนศลิ ปะทำงประวตั ศิ ำสตรใ์ ห้คนรุ่นหลังได้ เรยี นรู้ ในทำงกลับกนั ผลงำนบำงชนิ้ อำจไมเ่ ปน็ ที่ยอมรับและถูกต่อต้ำนจำกสงั คม เชน่ ผลงำน ท่ถี ำ่ ยทอดควำมรสู้ ึกทำงดำ้ นลบของศำสนำหรอื กำรเมือง เป็นตัน จะเห็นได้ว่ำผลงำนทศั นศิลป์มคี วำมสัมพนั ธ์และมีอิทธิพลตอ่ สังคมอยำ่ งมำก ยกตวั อย่ำงเช่น - ผลงำนเป็นทัศนศลิ ป์เป็นกระจกสะทอ้ นควำมเป็นไปของสังคมในชว่ งเวลำใดเวลำ หนึง่ เห็นไดจ้ ำกผลงำนศลิ ปะในยคุ ต่ำง ๆ ท่ีมีกำรถำ่ ยทอดเรือ่ งรำว ควำมเชอื่ ท่ีเกดิ ข้นึ ในช่วง เวลำน้นั เช่น สะท้อนควำมรุนแรงของสงครำม ปญั หำสงั คม เหตกุ ำรณ์ทำงกำรเมือง วถิ ีชีวติ ผ้คู น ซึ่งศลิ ปนิ ได้ถ่ำยทอดควำมรู้สึกที่มีตอ่ เหตุกำรณ์ในช่วงเวลำนัน้ ผ่ำนทำงผลงำนศลิ ปะ ของตน - ผลงำนทศั นศลิ ปส์ ่วนหนึง่ ซ่ึงนอกเหนอื จำกกำรสะท้อนภำพให้เหน็ ควำมเปน็ ไป ในสังคมหรอื สง่ิ ท่ีศิลปินพบเหน็ แลว้ ยงั มีสว่ นชว่ ยสร้ำงควำมจรรโลงใจใหก้ บั ผูค้ นในสงั คม ชว่ ยใหม้ จี ิตใจที่ละเอยี ดออ่ น เช่น ผลงำนศิลปะทีถ่ ่ำยทอดควำมงำมของธรรมชำติ ประเพณี - ผลงำนทัศนศิลป์เปน็ เครื่องมอื ทีช่ ว่ ยชักจงู ควำมคิด ควำมเชอ่ื ของคนในสังคมให้ เหน็ คลอ้ ยตำมควำมคิดของศิลปนิ เช่น ผลงำนศิลปะทถ่ี ำ่ ยทอดถงึ ผลกระทบท่ีเกิดขน้ึ จำก กำรทำลำยส่ิงแวดลอ้ มกำรรณรงค์ในเรื่องตำ่ ง ๆ 110

สรุปเนื้อหาสาคญั ควำมหมำยของกำรจัดภำพ องค์ประกอบศลิ ปใ์ นกำรจดั ภำพ กำรจัดภำพของ การจดั วางตาแหน่ง งำนทัศนศิลป์ ขิงวตั ถุ งำนกรำฟิกกบั คอมพวิ เตอร์ ผลงำนทัศนศิลป์ของศิลปินไทย และตำ่ งประเทศ 111

แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยท่ี 5 112

การออกแบบและแกไ้ ขชน้ิ งานดว้ ยโปรแกรม Adobe Illustrator สาระสาคัญ Illustrator เป็นโปรแกรมออกแบบสรำ้ งชิน้ งำนจำกกำรวำดเป็นหลัก ซึง่ เป็นท่ีนยิ ม สำหรับนักออกแบบท้งั หลำยเพ่ือนำไปใช้งำนต่ำง ๆ ไม่ว่ำจะเปน็ งำนด้ำนสิง่ พมิ พ์ งำนโฆษณำ ออกแบบฉลำกและผลิตภัณฑ์ ออกแบบโลโก้ ไอคอน กำร์ตนู และวัตถุประกอบ เป็นตน้ จะเห็นว่ำควำมสำมำรถของโปรแกรม Illustrator นั้นมีไม่ใช่นอ้ ยทเี ดยี ว อำจเปรยี บเทยี บ ไดเ้ หมือนผ้ำใบผืนใหญ่ที่ใช้วำดวตั ถโุ ดยโปรแกรมเตรยี มอุปกรณอ์ ืน่ ๆ ใหเ้ รียบรอ้ ย ครำวนี้ กข็ ึ้นอยู่กบั จนิ ตนำกำรในกำรออกแบบและวำดวตั ถุของผูใ้ ช่ทจ่ี ะขดี เขยี นหรือระบำยวตั ถุออกมำ เรื่องทีจ่ ะศึกษา 1. ส่วนประกอบของโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 2. กำรสรำ้ งไฟลง์ ำนในโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 3. กำรวำดภำพด้วยเครอื่ งมือตำ่ ง ๆ ในโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 ได้ 4. ทำงำนกบั สีและระบำยสีชน้ิ งำนในโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 ได้ 5. กำรจดั วำงและกำรปรบั ปรงุ รูปทรงในโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 6. กำรทำงำนกับสแี ละกำรระบำยสใี นโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 สมรรถนะประจาหน่วย ใช้โปรแกรม Illustrator CS6 ออกแบบ แกไ้ ข ตกแตง่ ชน้ิ งำน จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธิบำยส่วนประกอบของโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 ได้ 2. กำรสร้ำงไฟล์งำนในโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 3. กำรวำดภำพด้วยเครอื่ งมือตำ่ ง ๆในโปรแกรม lllustrator C 4. ทำงำนกบั สีและระบำยสชี น้ิ งำนในโปรแกรม Illustrator CS6 ได้ 5. นำควำมรูไ้ ปประยุกต์ใช้ในกำรออกแบบ แกไ้ ข ตกแตง่ ชน้ิ งำนได้

แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยท่ี 6 114

ความหมายการออกแบบ กำรออกแบบ หมำยถึง กำรรู้จกั วำงแผนจัดตงั้ ข้ันตอน และรู้จกั เลือกใช้วสั ดวุ ธิ กี ำร เพ่อื ทำตำมทต่ี อ้ งกำรนัน้ โดยให้สอดคล้องกบั ลกั ษณะรูปแบบและคุณสมบัติของวัสดแุ ต่ละชนดิ ตำมควำมคิดสร้ำงสรรคแ์ ละกำรสร้ำงสรรค์สงิ่ ใหมข่ น้ึ มำ เชน่ ต้องกำรทำเก้ำอ้ีนงั่ หนึ่งตวั จะต้อง วำงแผนไวเ้ ป็นข้นั ตอนโดยตอ้ งเรม่ิ เลอื กวสั ดุทีจ่ ะใช้ทำเกำ้ อน้ี นั้ จะใชว้ สั ดุอะไรท่เี หมำะสม วธิ กี ำรตอ่ ยึดนนั้ ควรใชก้ ำว ตะปนู อต หรือใชข้ อ้ ต่อแบบใด คำนวณสตั สว่ นกำรใชง้ ำนใหเ้ หมำะสม ควำมแข็งแรงของเก้ำอีน้ ง่ั มำกนอ้ ยเพียงใด สีสันควรใช้สีอะไรจงึ จะสวยงำม และทนทำนกับ กำรใชง้ ำน เป็นตน้ กำรออกแบบมีกำรใช้ควำมคิดเชงิ สร้ำงสรรค์ 4 ลักษณะ 1.ควำมคดิ ริเรมิ่ 2.ควำมคล่องในกำรคดิ 3.ควำมยดื หยุ่นในกำรคดิ 4.ควำมคดิ ละเอียดละออ รูปท่ี 6.1 กำรออกแบบ ทม่ี ำ http://www.artaddesign.com /frontend/กำรออกแบบให้ตรงใจกบั กลมุ่ ลูกคำ้ - ด้วยวธิ กี ำหนดกล่มุ -Target-Group-article-87-en.php ประเภทของงานออกแบบ กำรออกแบบทำงศลิ ปะแบ่งออกเป็น 2 สำขำใหญ่ๆ คือ สำขำวิจิตรศิลป์ (Fine Art) และสำขำประยุกต์ศลิ ปี (Applied Art) ท้งั 2 สำขำนแ้ี ตกต่ำงกนั ในต้ำนวัตถปุ ระสงคข์ อง งำนท่ีสร้ำงสรรค์ สำชำวจิ ติ รศลิ ป์เป็นศิลปะที่สร้ำงขึน้ เพือ่ ชน่ื ชมในคณุ ค่ำของศลิ ปะโดยตรง 115

มิไดม้ ุ่งไปทปี่ ระโยชน์อยำ่ งอ่นื ส่วนสำขำประยุกตศ์ ิลปนี น้ั มงุ่ เนน้ ประโยชนใ์ ช้สอยเปน็ สำคัญ งำนออกแบบทำงศลิ ปะที่จัดเปน็ ประเภทประยุกต์ศิลป์ แบ่งออกเป็นประเภทตำ่ งๆ ไดด้ งั นี้ 1. การออกแบบตกแต่งภายใน กำรออกแบบตกแตง่ ภำยใน หมำยถงึ กำรออกแบบและกำรจดั ตกแตง่ โดยนำ เอำวตั ถเุ คร่ืองใช้ เครอื่ งเรือน มำจดั วำงให้เป็นระเบียบแบบแผนตำมหลักกำรจดั ทำงศิลปะ ให้เกิดคุณค่ำทำงควำมงำมควบค่ไู ปกับประโยชน์ใชส้ อย ในบรรดำศลิ ปะกำรตกแต่งทง้ั หลำย กำรตกแตง่ ภำยในอำคำรถอื ไดว้ ำ่ เปน็ ศลิ ปะกำรตกแตง่ หลักของอำคำร เนื่องจำกเปน็ กำร จัดผงั หรอื จัดหอ้ งให้เหมำะสมกบั ชีวิตควำมเปน็ อยู่ และแสดงใหเ้ หน็ ในเรอ่ื งกำรพฒั นำรสนยิ ม ทำงดำ้ นควำมเปน็ อยู่ ศลิ ปะกำรออกแบบตำแตง่ ภำยในยังแบ่งออกไดด้ ังน้ี 1.1 ศลิ ปะกำรตกแต่งภำยในอำคำรพกั อำศยั เชน่ บำ้ น อพำรต์ เมนตห์ รอื แฟลต หอ้ งแถวหรือทำวนเ์ ฮำส์ โรงแรม ซ่งึ แตล่ ะชนดิ กม็ หี ลักของศิลปะกำรตกแต่งใกลเ้ คยี งกนั รปู ท่ี 6.2 ศลิ ปะกำรตกแตง่ ภำยในอำคำรพกั อำศยั ท่มี ำ http:/ /academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1003236_example.pdf 1.2 ศิลปะกำรตกแต่งภำยในอำคำรประเภทอนื่ ในปจั จบุ ันระบบวถิ ีชวี ติ ของมนษุ ย์ ในสงั คมบงั คบั ให้ต้องไปทำงำนนอกบ้ำน ในวัยเยำว์กไ็ ปโรงเรยี นเพ่อื กำรศกึ ษำเล่ำเรยี น อำคำรสำหรบั กำรประกอบอำชพี ของมนษุ ย์ อำคำรทำงกำรศกึ ษำเล่ำเรียนจงึ เกดิ ขึ้น มำกมำย กำร ตกแต่งภำยในกม็ กั จะดูโออ่ ำ่ มัน่ คงหรอื เปน็ แบบเรยี บออกแบบได้หลำกหลำย ตำมรสนยิ มทเี่ หมำะสำหรบั คนทั่ว ๆ ไป เชน่ อำคำรสำนกั งำน อำคำรธุรกิจ อำคำรเรยี น อำคำรหอ้ งสมุด เปน็ ต้น 116

รปู ที่ 6.3 ศลิ ปะกำรตกแตง่ ภำยในอำคำร ที่มำ https://pantip.com/topic/31063036) 1.3 ศิลปะกำรตกแตง่ ภำยใน สำหรบั กำรจัดงำน มนษุ ย์ทุกหมเู่ หลำ่ ยอ่ มมี ประเพณีวัฒนธรรมของสังคมและมักจะมี กำรร่วมกนั จัดงำนในโอกำสต่ำง ๆ กนั เชน่ งำนเลี้ยง พิธมี งคลสมรส งำนพธิ ที ำงศำสนำ งำนแสดงผลงำนหรือนทิ รรศกำร ซ่ึงตอ้ งมีกำร จดั ตกแต่ง สถำนท่ใี หเ้ กดิ ควำมรสู้ กึ หรหู รำหรอื ได้บรรยำกำศทเี่ หมำะสมกับงำน ตลอดจนตกแต่งเวที สำหรบั กำรแสดงหรอื เพื่อดำเนินกำรตำมพิธีตำ่ ง ๆ ของงำน รูปที่ 6.4 ศิลปะกำรตกแตง่ ภำยใน http://academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1003236_example.pdf 1.4 ศลิ ปะกำรตกแตง่ สวนภำยในบ้ำนหรอื ภำยในอำคำร จำกวัฒนธรรม ของงควำมเปน็ อยู่และดนิ ฟำ้ อำกำศมีอิทธพิ ลต่อกำรใชช้ วี ิตของมนุษยอ์ ยำ่ งมำก มนุษยท์ ุกสงั คม มีแนวคิดในศิลปะกำรตกแตง่ ภำยในอำคำรทแี่ ตกตำ่ งกัน แต่มสี ง่ิ ที่คล้ำยคลงึ กนั คือ 117

ควำมต้องกำรใกล้ชิตกับธรรมชำติ ในวถิ ีชีวติ ของ สังคมไทยแมว้ ่ำจะมโี อกำสใชช้ ีวติ กลำงแจ้งมำก แต่ก็ยังมสี ังคมเฉพำะทดี่ ำเนนิ ชวี ิตทำ่ มกลำง ควำมแออัดยดั เยียดในเมอื งใหญ่ เชน่ กรุงเทพมหำนคร ท่พี กั อำศยั ถูกจำกดั ด้วย ควำมคับแคบของบริเวณ จงึ มีควำมคิดในกำร ดงึ ธรรมชำติเข้ำไปในอำคำรด้วยกำรใช้ศลิ ปะ กำรตกแต่งภำยในอำคำรโดยกำรจัดสวน หย่อม สวนถำดหรอื ไมต้ ดั ไมก้ ระถำง เปน็ งำน ออกแบบทีม่ ีส่วนชว่ ยใหเ้ กิดควำมรู้สกึ พกั ผ่อน ร่ืนรมย์ สงบรม่ เยน็ รปู ที่ 6.6 กำรออกแบบผลติ ภัณฑ์ ท่มี ำ http:/ /academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1003236_example.pdf 2. การออกแบบผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ หมำยถึง กำรผลิตสิ่งของเคร่ืองใช้ต่ำง ๆ กำรออกแบบผลิตภณั ฑ์จึง เป็นกำรนำเอำหลกั กำรออกแบบมำสร้ำงสรรค์ ปรบั ปรุงผลิตภณั ฑ์ต่ำง ๆ หรือสินค้ำให้เกดิ ลกั ษณะเด่น สะดุดตำ ตงึ ดดู ควำมสนใจ ผ้บู รโิ ภคเหน็ แลว้ อยำกจะซือ้ จะเห็นไดว้ ำ่ ในปัจจบุ นั งำนออกแบบมีควำมสำคัญอย่ำงมำกต่อกำร ผลติ สินค้ำในเชิงธรุ กิจกำรคำ้ จึงมกี ำรพฒั นำ กำรออกแบบใหก้ ำ้ วหน้ำไปอย่ำงไมห่ ยุดยง้ั เชน่ นำฬิกำ โทรศพั ท์มือถอื รถยนต์ เปน็ ตน้ ซงึ่ ล้วนมีรปู แบบใหม่ ๆ ท่ีสะดดุ ตำ รูปที่ 6.5 ศิลปะกำรตกแต่งสวนภำยในบ้ำนหรือภำยในอำคำร ท่ีมำ http: / /academic.obec.go.th/textbook/web/images/book/1003236_example.pdf 3. การออกแบบสือ่ สาร ส่อื สำร หมำยถึง กำรส่งข่ำวสำรข้อมลู ของฝ่ำยหนึ่งไปสูอ่ กี ฝ่ำยหนง่ึ กำรออกแบบ ส่ือสำรเปน็ กำรออกแบบท่ีมุ่งใหส้ ือ่ ท่ีสง่ ไปนัน้ เข้ำใจง่ำย จดจำง่ำย ดงึ ดดู ควำมสนใจด้วยวธิ ี กำรจดั ทำเป็นแผน่ ป้ำยภำพสัญลักษณ์ป้ำยโฆษณำและกำรแพร่ภำพทำงโทรทัศน์ 118

รปู ที่ 6.7 กำรออกแบบส่ือสำร ทีม่ ำ https:/sites.googe.com/site /thitiya091257/hnwy-thi2-kar-xk-baeb-elea-krabwnkar-kar-phlit-sux-sing-phimph P 10-waterproof-led-advertising-signs.hml 4. การออกแบบส่งิ พมิ พ์ ศิลปะกำรพิมพ์หรอื สงิ่ พิมพต์ รงกับ82ในภำษำอังกฤษว่ำ Graphic arts or Graphics กลำ่ วในต้ำนวิจติ รศลิ ป์ หมำยถึง กระบวนกำรสร้ำงสรรคท์ ท่ี ำใหเ้ กิดรูปถอดแบบจำนวนมำก ซึง่ เหมือนกับผลงำนพิมพต์ ันแบบ ต้นแบบท่ีเกิดจำกกำรเขยี น กำรวำด กำรแกะสลกั เปน็ ลำยเส้นเป็นรอ่ งแล้วใช้น้ำกรดกดั ใหเ้ กิดเป็นเส้นหรอื รอ่ งบนพื้นผวิ ระนำบนน้ั กำรพิมพ์ ทำงดำ้ นวิจิตรศลิ ปน์ ้เี ปน็ ศลิ ปะภำพพมิ พ์อันเป็นกำรพมิ พ์ภำพทำงด้ำนทัศนศิลป์ทีแ่ สดงออก ถงึ ควำมงดงำมเป็นสำคญั ในดำ้ นพำณิชยศิลป์แลว้ คำวำ่ ศลิ ปะกำรพิมพ์ หรอื เรียกวำ่ ศิลปะทำงสง่ิ พมิ พน์ ้ัน ถูกใช้ในควำมหมำยทก่ี วำ้ งขวำงกว่ำ ซง่ึ รวมกระบวนกำรพมิ พท์ ุกแขนงทัง้ ที่เปน็ กำรพมิ พข์ องส่อื สิ่งพมิ พ์ทใ่ี ช้ด้ำนกำรพำณิชยแ์ ละยงั รวมเอำกำรพิมพท์ น่ี ำไปใช้ผลติ หนงั สือพมิ พ์และผลงำน ศิลปะ รูปที่ 6.8 การออกแบบสง่ิ พมิ พ์ ท่มี า https:/sites.googe.com/site /thitiya091257/hnwy-thi2-kar-xk-baeb-elea- krabwnkar-kar-phlit-sux-sing-phimph 119

ความสาคัญของการออกแบบผลติ ภัณฑ์ 1. ควำมสำคัญ ในต้ำนคุณค่ำทำงศลิ ปะ งำนออกแบบทีด่ ที ำใหผ้ ลิตภณั ฑ์ มคี วำมงำม ดึงดดู ใจ สำมำรถตอบสนอง รสนยิ มของผ้บู ริโภคได้ 2. มปี ระสิทธภิ ำพทำงอุตสำหกรรม มีกำรเลอื กวัสดุทต่ี เี พื่อนำเข้ำสู่กระบวนกำรผลติ ทมี่ ปี ระสทิ ธิภำพลงทุนน้อย แตม่ ปี ริมำณผลผลติ ที่เพมิ่ ขน้ึ 3. มคี ณุ ภำพทำงกำรบริโภค ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี ีกำรออกแบบท่ีตี มกี ำรใชว้ ัสดทุ ี่ดี มกี ระบวนกำรผลติ อย่ำงมีประสิทธิภำพจะทำใหผ้ ลิตภณั ฑม์ ีควำมคงทนและมีควำมปลอดภยั ในกำรใชส้ อย 4. มศี ักยภำพในกำรแขง่ ขันทำงพำณิชย์ ผลิตภณั ฑ์ที่มคี วำมงำม ควำมคงทน และควำมปลอดภัยจะเป็นทีต่ อ้ งกำรของตลำด ทำใหม้ ยี อดขำยสูงสำมำรถแขง่ ชนั ทำงกำรค้ำ กับผลิตภัณฑช์ นดิ เดยี วกนั ของบรษิ ัทอ่นื 5. มีกำรพัฒนำผลติ ภัณฑ์ใหม่ เมือ่ บรษิ ัทมีกำไรจำกกำรขำยผลติ ภัณฑ์ทีม่ ี กำรออกแบบที่ดี บริษทั จะนำผลกำไรมำลงทนุ เพอ่ื พัฒนำผลติ ภัณฑ์ใหม่ โดยกำร ปรบั ปรุง ผลิตภณั ฑเ์ ดิมหรอื สรำ้ งผลติ ภณั ฑใ์ หมท่ ค่ี ลำ้ ยคลึงกบั ผลิตภัณฑ์เดิม 6. มศี กั ยภำพในกำรรักษำลูกคำ้ เดิม กำรปรับปรุงผลิตภัณฑเ์ ดมิ หรือกำรสรำ้ ง ผลติ ภัณฑใ์ หมท่ ีเ่ ก่ียวพันกนั ข้นึ ดว้ ยกำรออกแบบทีด่ จี ะช่วยให้บริษัทสำมำรถรกั ษำลูกค้ำเดมิ ไว้ได้ ในขณะเดียวกนั บรษิ ัทยงั สำมำรถดึงดูดลูกคำ้ ใหม่ที่มรี สนยิ มอย่ำงเดียวกันไดด้ ้วย 7. มกี ำรพยำกรณ์ท่ีดี เป็นท่คี ำดหมำยกนั วำ่ สนิ คำ้ ท่ีมีกำรออกแบบไมด่ ี จะไมค่ ่อย ได้รบั กำรยอมรบั ของประชำชนในทำงตรงกันข้ำมสินค้ำที่มกี ำรออกแบบ ทด่ี จี ะได้รบั กำรยอมรับ ทำให้กำรพยำกรณ์เป็นไปในทำงท่พี ึงประสงค์ 8. มีกำรรบั รองคณุ ภำพตำมระบบ เ50 9000 ผลิตภัณฑข์ องบริษทั ทไี่ ด้รับ ประกนั คุณภำพ มกี ำรควบคมุ กำรออกแบบกระบวนกำรผลิตกำรตรวจและกำรทดสอบลักษณะและ คุณลักษณะโดยรวมของผลติ ภัณฑแ์ ละแสดงให้เหน็ ได้ ทำให้ผูบ้ รโิ ภคเกดิ ควำมพงึ พอใจ 9. มีกำรคดิ คน้ ส่ิงใหม่ เมือ่ มีควำมต้องกำรพฒั นำผลติ ภัณฑ์ใหม่ หรอื ต้องกำร ผลิตภัณฑ์ทมี่ ีควำมแปลกและแตกตำ่ งไปจำกเดิมต้ังแต่ระดบั เล็กน้อยจนถึงระดบั มำก เป็นตน้ ว่ำบริษัทผลิตรถยนตจ์ ะมีกำรเปลย่ี นแปลงเลก็ นอ้ ยกบั รถยนตร์ นุ่ เติมอยเู่ สมอ เพือ่ ให้กลำยเป็น รถยนตร์ ุ่นใหม่พรอ้ มกบั รำคำท่เี พ่ิมสงู ขึ้น 1 0. มีกำรพัฒนำทีมงำนในกำรออกแบบ เปน็ กำรทำงำนรว่ มกันระหวำ่ งนกั ออกแบบ ดว้ ยกัน และทำงำนร่วมกับบุคลำกรฝ่ำยกำรตลำด วิศวกร ฝำ่ ยผลิต คนงำนรวมทง้ั ผบู้ ริหำร องคก์ ำร 120

หลักการพน้ื ฐานในการออกแบบผลิตภัณฑ์ กำรออกแบบมีหลักกำรพื้นฐำนโดยอำศัยส่วนประกอบขององคป์ ระกอบศิลป์ ตำมท่ีได้กล่ำวมำแล้วในบทเรยี นเรือ่ ง \"องคป์ ระกอบศิลป\"์ คอื จุด เสน้ รูปรำ่ ง รูปทรง นำ้ หนัก สี และพน้ื ผิว นำมำจดั วำงเพ่อื ให้เกิดควำมสวยงำมโดยมีหลักกำรดังนี้ 1. ควำมเปน็ หน่วย (Unity) ในกำรออกแบบ ผูอ้ อกแบบจะตอ้ งคำนึงถึงงำนท้ังหมด ใหอ้ ยู่ในหนว่ ยงำนเดยี วกนั เปน็ กลมุ่ ก้อนหรือมีควำมสมั พันธก์ นั ทงั้ หมดของงำนนน้ั ๆ และ พจิ ำรณำสว่ นย่อยลงไปตำมลำดับในส่วนย่อย ๆ ตอ้ งถือหลกั นี้เชน่ กนั 2. ควำมสมดุลหรือควำมถว่ ง (Balancing) เป็นหลักทวั่ ๆ ไปของงำนศิลปะทีจ่ ะต้อง ดคู วำมสมดุลของงำนนั้น ๆ ควำมรสู้ ึกทำงสมดุลของงำนนี้เป็นควำมรูส้ กึ ที่เกดิ ขึน้ ในสว่ นของ ควำมคดิ ในเร่ืองของควำมงำม มีหลักควำมสมดุลอยู่ 3 ประกำร 2.1 ความสมดุลในลกั ษณะเทา่ กนั (Symmetry Balancing) คือ มลี กั ษณะเป็น ซ้ำย-ขวำ บน-ล่ำง เป็นต้น ควำมสมดุลในลักษณะนดี้ ูและเข้ำใจงำ่ ย 2.2 ความสมดุลในลักษณะไมเ่ ทา่ กนั (Nonsymmetry Balancing) คือ มลี กั ษณะ สมดลุ กันในตัวเองไม่จำเป็นจะต้องเท่ำกนั แต่ดูในดำ้ นควำมรสู้ กึ แลว้ เกดิ ควำมสมดุลกัน ในตัว ลกั ษณะกำรสมดุลแบบนผ้ี อู้ อกแบบจะตอ้ งมีกำรประลองดูใหแ้ นใ่ จในควำมรู้สกึ ของ ผู้พบเหน็ ด้วยซึ่งเปน็ ควำมสมดุลท่ีเกิดในลักษณะที่แตกตำ่ งกันได้ เช่น ใช้ควำมสมดุลด้วยผวิ (Texture) ดว้ ยแสง-เงำ (Shade) หรือด้วยสี (Colour) 2.3 จุดศูนยถ์ ว่ ง (Gravity Balance) กำรออกแบบใด ๆทเ่ี ป็นวัตถุสิ่งของและ จะตอ้ งใช้งำนกำรทรงตวั จำเปน็ ทผี่ อู้ อกแบบจะต้องคำนงึ ถงึ จุดศนู ยถ์ ว่ ง ไดแ้ ก่ กำรไม่โยกเอยี ง หรอื ให้ควำมรสู้ กึ ไมม่ ัน่ คงแขง็ แรง ตงั นน้ั สง่ิ ใดที่ต้องกำรจศุ ูนยถ์ ว่ งแล้วผอู้ อกแบบจะต้อง ระมดั ระวงั ในสิ่งนใ้ี หม้ ำก ตวั อย่ำงเชน่ เกำ้ อจ้ี ะต้องต้ังตรงยดึ มัน่ ทง้ั สีข่ ำเท่ำๆกนั กำรทรงตัว ของคนถำ้ ยนื 2 ขำ ก็จะต้องมีนำ้ หนักลงท่ีเทำ้ ทง้ั 2 ขำ้ งเทำ่ ๆ กัน ถ้ำยืนเอยี งหรือพิงฝำ น้ำหนกั ตวั กจ็ ะลงเทำ้ ขำ้ งหนึ่งและสว่ นหน่งึ จะลงท่ีหลังพิงฝำ รปู ปน้ั คนในท่ำวง่ิ จุดศนู ย์ถว่ งจะอยูท่ ีใ่ ด ผอู้ อกแบบจะตอ้ งรูแ้ ละวำงรูปไดถ้ ูกตอ้ งเรือ่ งของจุดศูนย์ถว่ งจึงหมำยถึงกำรทรงตัวของ 3. ควำมสมั พนั ธท์ ำงศลิ ปะ (Relativity of Arts) ในเรอ่ื งของศลิ ปะน้ัน เป็นสง่ิ ท่ี จะตอ้ งพจิ ำรณำกนั หลำยขน้ั ตอนเพรำะเปน็ เรอ่ื งควำมรู้สกึ ทส่ี ัมพันธก์ ัน อนั ได้แก่ 3.1 การเน้นหรือจุดสนใจ (Emphasis or Centreofinterest) งำนดำ้ นศลิ ปะ ผอู้ อกแบบจะตอ้ งมจี ุดเน้นให้เกดิ ส่งิ ทป่ี ระทับใจแกผ่ ้พู บเหน็ โดยมีข้อบอกกล่ำวเปน็ ควำมรู้สกึ รว่ ม ทเ่ี กิดขนึ้ เองจำกตวั ของศิลปกรรมนน้ั ๆ ควำมร้สู ึกนผี้ ู้ออกแบบจะต้องพยำยำมให้เกิดขน้ึ 121

3.2 จดุ สาคญั รอง (Subordinate) คงคลำ้ ยกบั จดุ เนน้ นน่ั เองแตม่ ีควำมสำคญั รองลงไปตำมลำดบั ซงึ่ อำจจะเปน็ รองสว่ นท่ี 1 สว่ นท่ี 2 กไ็ ด้ ส่วนน้จี ะชว่ ยให้เกดิ ควำม ลดหลน่ั ทำงผลงำนที่แสดง ผู้ออกแบบจะตอ้ งคำนงึ ถึงสิ่งน้ี 3.3 จังหวะ (Rhythem) โดยทวั่ ๆ ไปส่งิ ท่ีสัมพันธ์กันในสิ่งน้นั ๆยอ่ มมจี ังหวะ ระยะหรอื ควำมถ่หี ำ่ งในตวั มันเองก็ดี หรอื สงิ่ แวดล้อมท่ีสัมพนั ธ์อยกู่ ด็ ีจะเปน็ เส้น สี เงำ หรือ ชว่ งจงั หวะของกำรตกแตง่ แสงไฟ ลวดลำยท่ีมคี วำมสัมพนั ธ์กนั ในที่น้ันเปน็ ควำมรสู้ ึกของ ผพู้ บเหน็ หรอื ผ้อู อกแบบจะรสู้ กึ ในควำมงำม 3.4 ความต่างกัน (contrast) เปน็ ควำมรู้สึกที่เกดิ ข้ึนเพื่อชว่ ยให้มีกำรเคลือ่ นไหว ไม่ซ้ำซำกเกนิ ไปหรอื เกิดควำมเบือ่ หนำ่ ย จำเจ ในกำรตกแต่งก็เช่นกัน ปจั จุบันผ้อู อกแบบ มักจะหำทำงใหเ้ กดิ ควำมรู้สึกขดั กันตำ่ งกนั เชน่ เก้ำอีช้ ุดสมัยใหม่แตข่ ณะเตียวกันก็มเี กำ้ อ้ี สมยั รชั กำลท่ี 5 อย่ดู ว้ ย 1 ตวั เชน่ น้ีผู้พบเห็นจะเกดิ ควำมรู้สกึ แตกต่ำงกันทำใหเ้ กดิ ควำมร้สู ึก ไมซ่ ำ้ ซำก รสชำติแตกตำ่ งออกไป 3.5 ความกลมกลนื (Harmomies) ควำมกลมกลืนในทีน่ ี้หมำยถงึ พจิ ำรณำใน ส่วนรวมท้งั หมดแมจ้ ะมีบำงอย่ำงท่แี ตกตำ่ งกนั กำรใช้สที ตี่ ัดกนั หรอื กำรใชผ้ วิ ใชเ้ สน้ ทขี่ ดั กนั ควำมรู้สกึ สว่ นน้อยนีไ้ ม่ทำให้ส่วนรวมเสยี กถ็ ือวำ่ เกดิ ควำมกลมกลนื กันในส่วนรวม ควำมกลมกลนื ในสว่ นรวมน้ีถ้ำจะแยกกไ็ ดแ้ กค่ วำมเนน้ ไปในส่วนมลู ฐำนทำงศิลปะอันไดแ้ ก่ เสน้ แสง-เงำ รปู ทรง ขนำด ผิว สี รปู ท่ี 6.9 หลักกำรพ้ืนฐำนในกำรออกแบบผลติ ภัณฑ์ ท่ีมำ http://tuschoolwork.blogspot.com 122

สว่ นประกอบของโปรแกรม Adobe illustrator CS6 เมอ่ื เรม่ิ ต้นใชง้ ำนโปรแกรม หนำ้ จอแรกทพ่ี บจะประกอบด้วยสว่ นประกอบตำ่ ง ๆ ซึ่ง มีหน้ำทีก่ ำรใช้งำนทแี่ ตกตำ่ งกันออกไป เรำจึงต้องทำควำมเขำ้ ใจกบั สว่ นประกอบต่ำง ๆ ของ หนำ้ จอท่ีปรำกฏครำ่ ว ๆ ดงั ต่อไปนี้ แหล่งท่มี ำ : htp://ww.doschool.com /vdo /Index.php/2015-06-22-08-04-22/176 - -illustator-html 1. แถบคำสั่ง (Menu Bar) เป็นแถบเมนทู ่ใี ชเ้ ก็บคำส่งั หลักต่ำง ๆ ของโปรแกรม สำมำรถคลิกเมำสเ์ ลอื กคำสัง่ บนแถบคำสง่ั ได้ หำกคำสง่ั ไหนมีลกู ศรอย่ดู ว้ ย แสดงว่ำเมื่อเรยี กใช้ คำส่งั น้ันจะมคี ำส่งั ยอ่ ยเพ่ิมขึ้นมำอีก คำสงั่ ในแถบเมนูมที ัง้ 9 กลุ่ม ดังตอ่ ไปน้ี ㆍ File ทำงำนเกีย่ วกับไฟล์ เช่น เปดิ (Open) บันทกึ (Save) และปดิ ไฟล์ (Close) ㆍ ปรบั วัตถุ เช่น ย้อนกลับกำรทำงำน (Undo/Redo) กำรตดั (Cut) กำรสำเนำ หรือคดั ลอก (Copy) กำรวำง (Paste) และกำรกำหนดคำ่ iพน้ื ฐำนของโปรแกรม (Preference) ㆍ object บริหำรจัดกำรวตั ถุ เชน่ จัดกลุ่ม (Group) จัดลำดับ (Arrange) และ ปรับแตง่ วตั ถุ (Transform) 123

ㆍType บริหำรจัดกำรตวั อักษร เช่น ตวั อักษร (Font) และกำรปรบั ขนำด (Size) ㆍSelect เลือกวตั ถุแบบตำ่ ง ๆ มักใชร้ ว่ มกับกลอ่ งเครอื่ งมอื ㆍEffect กำรกำหนดลูกเลน่ พเิ ศษในกำรตกแตง่ วัตถุ ㆍView แสดงชิน้ งำนในรูปแบบตำ่ ง ๆ เช่น กำรย่อ/ขยำยชิน้ งำน (Zoom In/Out) ㆍWindow จัดกำรหน้ำต่ำงที่ปรำกฏบนหน้ำจอโปรแกรม เพื่อช่วยให้ทำงำนได้สะดวกข้ึน ㆍHelp รวบรวมวิธกี ำรใชง้ ำนและคำแนะนำเก่ียวกับโปรแกรม Illustrator 2. แถบกำรควบคุม (Control Panel) เป็นแถบตัวเลอื กสำหรบั กำหนดคำ่ ตำ่ ง ๆ ของ วัตถุเพอื่ อำนวยควำมสะดวกแกผ่ ใู้ ช้ใหส้ ำมำรถกำหนดค่ำสี ขนำด ตำแหนง่ และคุณสมบตั ิต่ำง ๆ ของวัตถุทีเ่ ลอื กไดง้ ำ่ ยขน้ึ มักจะปรำกฏอยตู่ ำ้ นบนหนำ้ ตำ่ งโปรแกรม 3. ป่มุ ควบคุมหน้ำต่ำง (Control Button) ใชย้ อ่ /ขยำย พักหน้ำตำ่ งโปรแกรม และ ปิดโปรแกรม 4. กล่องเครอื่ งมอื (Toolbox) เปน็ สว่ นที่เก็บรวบรวมเครือ่ งมอื ที่ใช้ในกำรสร้ำง กำรปรับแต่ง และกำรแกไ้ ขวัตถุ ซ่งึ มีไอคอนใหส้ ำมำรถเรียกใช้งำนไดง้ ำ่ ยและรวดเร็ว โดยเมอ่ื เปดิ โปรแกรมขึน้ มำสว่ นของกล่องเครอื่ งมอื จะเป็นไอคอนหน่ึงแถวถกู จัดเก็บอยู่ในกรอบ จดั เกบ็ (Dock) ทำงซำ้ ย ซ่ึงสำมำรถคลิกเมำส์แล้วลำกวำงตำแหนง่ ใดก็ได้บนหน้ำจอ กลมุ่ เครอ่ื งมือตำ่ ง ๆ ในกำรจดั กำรกับวัตถุแบ่งไดด้ งั นี้ พื้นที่กำรทำงำน (Art Board) ใช้สำหรบั วำงวัตถุ 6. พำเนลควบคุมกำรทำงำน (Panel) พำเนลควบคมุ กำรทำงำน (Panel) เปน็ หนำ้ ต่ำงยอ่ ยทรี่ วบรวมคุณสมบตั ิกำรทำงำนของเครอ่ื งมอื ต่ำง ๆ ใหผ้ ูใ้ ชเ้ ลอื กปรับแต่งกำรใชง้ ำน ไดง้ ่ำย ๆ มที ้งั หมด 34 พำเนล การเปดิ /ปดิ พาเนล เปิดใช้งำนพำเนลโดยให้คลิกทีร่ ูปไอคอนพำเนลท่ีตอ้ งกำร และเม่อื ต้องกำรปิดพำเนล กใ็ ห้คลกิ ชำ้ ทรี่ ปู ไอคอนน้ันอีกครง้ั หรอื คลกิ ป่มุ ต้ำนบนขวำของพำเนลกไ็ ด้ การแยก/รวมพาเนล เพอ่ื เพม่ิ พื้นทกี่ ำรทำงำน สำมำรถยบุ พำเนลทยี่ ดึ กับแผงพำเนลและคอลมั นใ์ ห้แสดง ในรูปไอคอน ซึง่ เม่อื ต้องกำรใชง้ ำนพำเนลใดก็ใหเ้ ปิดขึ้นมำทำงำนเฉพำะพำเนลน้ัน 7. แถบแสดงผล (Status Bar) ใชบ้ อกสถำนะต่ำง ๆ เชน่ เคร่ืองมอื ทใี่ ชง้ ำนอยู่ เปอรเ์ ซน็ ตข์ นำดหนำ้ จอ หนำ้ ที่กำลงั ทำงำนอยู่ 124

การสร้างไฟล์งานในโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 การเปิดไฟลง์ านด้วยคาสัง่ Open ในกำรสรำ้ งชิ้นงำนเรำตอ้ งเปดิ ไฟล์ชน้ิ งำนจำกแหล่งข้อมูลต่ำง ๆ เชน่ จำกแผ่นซีดี กล้องดจิ ิทลั หรอื ไฟล์ขึน้ งำนในเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ซึ่งขั้นตอนกำรเปิดไฟลข์ น้ึ งำนมีดงั น้ี 1) คลิกแถบคำสัง่ File 2) เลือก Open หรือกดแป้น <Ctrl + 0> ท่คี ยี ์บอรด์ 1)จะปรำกฏหน้ำต่ำง Open เลือกตำแหนง่ ที่เกบ็ ไฟล์ภำพแลว้ เลอื กไฟล์ภำพที่ ต้องกำร 2) คลิกปุ่ม Open 125

การสร้างไฟล์ใหม่ให้เหมาะกับช้นิ งาน เมอื่ ได้จดั เตรยี มภำพท่นี ำมำใช้ และได้ร่ำงช้นั งำนทส่ี ร้ำงเรียบรอ้ ยแล้ว ในหวั ข้อนี้ จะทำกำรสร้ำงไฟล์ช้ินงำนใหม่ตำมขนำดและควำมละเอียดทต่ี อ้ งกำร ซงึ่ ผู้ใชค้ วรกำหนด ใหเ้ หมำะกับลกั ษณะงำน โดยมขี ั้นตอนดงั ตอ่ ไปน้ี 1) คลิกแถบคำสัง่ File 2) เลอื ก New หรือกดแปน้ <Ctrl + N> ที่คีย์บอร์ด 126

3) จะปรำกฏหนำ้ ต่ำง New Document คลกิ ช่อง Size เลอื กขนำดขึ้นงำน มขี นำดต่ำง ๆ ให้เลือก หรอื กำหนดขนำดชิน้ งำนเองก็ได้ 4) เลือกหน่วยวัดของชิ้นงำนในชอ่ ง Units ซง่ึ มหี น่วยตำ่ ง ๆ เช่น Millimeter, Points, Picas, Pixel 5) กำหนดรูปแบบกำรจดั วำงขนึ้ งำน คือ ชิน้ งำนแนวต้ัง ชิ้นงำนแนวนอน 6) กำหนดโหมดสขี องชิ้นงำน มีใหเ้ ลือก 2 ชนิด คอื CMYK (ใชส้ ำหรับงำนส่งิ พิมพ)์ และ RGB (ใชส้ ำหรบั สร้ำงเว็บ หรืองำนนำเสนอ) 7) กำหนดรำยละเอียดของชิ้นงำน ไดแ้ ก่ Screen (72 ppi) สำหรบั ภำพบนเวบ็ Medium ( 150 ppi) และ High (300 ppi) สำหรับงำนส่ิงพมิ พ์ ส่วน Preview Mode เป็นกำร กำหนดรูปแบบในกำรแสดงช้นิ งำน ใหใ้ ชค้ ่ำเป็น Default 8) คลกิ ปุ่ม OK เพ่ือสร้ำงชน้ิ งำนตำมขนำดและคำ่ สที ี่กำหนด กาหนดไฟลว์ ตั ถุตามค่ามาตรฐาน ด้ำนกรำฟกิ ทตี่ ้องทำบอ่ ย ๆ กจ็ ะมคี ำ่ ขนำดของไฟล์ขนึ้ งำนมำตรฐำนทกี่ ำหนด แลว้ ในโปรแกรม illustratorให้เรำยกใชไ้ ด้เลย ในช่อง New Document Profile ตำ่ ง ๆ ดังน้ี 127

กำหนดไฟลว์ ัตถตุ ำมค่ำมำตรฐำน Print มำตรฐำนสำหรบั สอื่ ส่ิงพมิ พ์ Web มำตรฐำนสำหรบั เวบ็ Mobile and Device มำตรฐำนสำหรับอปุ กรณ์พกพำ Video and Film มำตรฐำนสำหรบั ส่อื วิดีโอ Basic CMYK มำตรฐำนสำหรับสง่ิ พิมพท์ วั่ ไป Basic RGB มำตรฐำนสำหรับกรำฟิกทัว่ ไป การบันทกึ ไฟล์ทสี่ รา้ งขึ้นมา เม่อื เรำสรำ้ งช้ินงำนเสรจ็ แล้ว จะต้องบันทกึ อำร์ตเวิรค์ เก็บไว้เป็นไฟล์เอกสำร เพอื่ ให้ สำมำรถเปดิ กลับมำแก้ไขหรอื ทำงำนตอ่ ในภำยหลังได้ โดยมขี ั้นตอนในกำรบนั ทกึ ไฟล์ดังนี้ 1) เลอื กแถบคำสงั่ File 2) เลอื ก Save หรอื กดแป้น <Ctrl + S> ทคี่ ยี ์บอรด์ 128

3) ปรำกฏหนำ้ ตำ่ ง Save AS ข้นึ มำเลอื กตำแหน่งสำหรบั เกบ็ ไฟล์งำน 4) ตั้งชื่อไฟลใ์ นชอ่ ง File Name 5) จำกนนั้ คลิกทีช่ ่อง Save as type แลว้ เลือกฟอร์แมตไฟลท์ ่ีตอ้ งกำรซ่ึงปกติ เลือกเปน็ Adobe Illustrator (*.Aร) 6) คลกิ ปมุ่ Save เพอื่ ทำกำรบนั ทึกไฟล์ การวาดภาพด้วยเคร่อื งมือต่าง ๆ ในโปรแกรม Adobe illustrator CS6 กำรวำดรูปทรงเรขำคณิตและรปู ทรงสำเรจ็ รปู กำรวำดรปู ทรงเรขำคณติ ดว้ ย Shape Too! เป็นกำรวำดรปู ทรงเรขำคณิตตำ่ ง ๆ ได้ ใช้เคร่ืองมอื สำหรับวำดรปู ทรงสำเรจ็ รูปภำยในโปรแกรม ซงึ่ มใี หเ้ ลือกใช้อยูม่ ำกมำย ดังน้ี 129

กำรวำดรูปลเ่ี หล่ียมมุมฉำกดว้ ย Rectangle Tool มีดังน้ี 1) คลิกเลอื กรูปแบบของเคร่อื งมอื ใน Rectangle Tool 2) ตัวชี้เมำสจ์ ะเปลย่ี นเปน็ สัญลกั ษณ์ -.- หลงั จำกนั้นคลิกค้ำงไวเ้ พือ่ คลกิ วำดรูป บนอำรต์ บอร์ด กำรใชเ้ มำส์ร่วมกับคีย์บอร์ดในกำรเลือก - กด Shift> จะทำให้ไดร้ ูปส่เี หล่ยี มจตั ุรัส ซงึ่ มดี ำ้ นเทำ่ กันท้ัง 4 ด้ำน - กด <Alt- จดุ ทีค่ ลกิ กลำยเปน็ จดุ ก่ึงกลำง และเปน็ กำรวำดรูปสี่เหลีย่ มออกมำ จำกจุดก่งึ กลำง กำรวำดรปู ทรงอิสระด้วยเครอื่ งมอื ต่ำง ๆ ในส่วนนีก้ ล่ำวถงึ Pen To0! เปน็ เคร่อื งมือทีใ่ ช้วำดเสน้ อิสระ โดยแตล่ ะสว่ นของเส้นน้ัน จะถกู เชอ่ื มต่อกนั ดว้ ยจดุ ยดึ (Anchor) ซึง่ ภำยในกลมุ่ ของ Pen Tool จะมเี ครื่องมอื ต่ำง ๆ สำหรบั ปรับแต่งเส้นพำธให้เป็นรปู ทรงตำ่ ง ๆ ไดต้ ำมท่ีต้องกำร ดงั น้ี กำรวำดเสน้ ดว้ ยกล่มุ เคร่อื งมอื Pen Tool เรำใชเ้ คร่อื งมอื Pen To0! วำดไดท้ ัง้ เสน้ ตรงและเสน้ โค้งอิสระ โดยสำมำรถควบคมุ เครอ่ื งมอื ไดง้ ำ่ ยและลงรำยละเอียดไดอ้ ย่ำงแม่นยำ เครื่องมอื ในกลมุ่ Pen Tool 130

1 ) วาดเสน้ ตรง เรำสำมำรถใช้ Pen Too! สร้ำงเส้นตรง โดยกำหนดจดุ ยดึ เพียง 2 จดุ คือ จดุ เรม่ิ ตันและจุดปลำย โดยเลอื กเครือ่ งมอื Pen Tool ตัวช้ีเมำสจ์ ะเปล่ียนเป็นรปู ใหว้ ำด จุดเร่มิ ตนั จำกน้นั ตวั ช้ีเมำสจ์ ะเปลยี่ นไปเป็น ใหค้ ลกิ วำดปลำย เรำจะได้เส้นตรงจำกนั้น เรำสำมำรถวำดพำธเพม่ิ เตมิ ให้กลำยเป็นรูปทรงแบบเปิดหรอื แบบปิด โดยให้จุดส้ินสดุ ของพำธ เปน็ จดุ เดียวกับจดุ เรม่ิ ตนั ของพำธ ซ่ึงตวั ชเี้ มำส์จะเปลี่ยนไปเพื่อบอกให้ทรำบวำ่ เปน็ เส้นพำธ แบบปิด 2 ) วาดเสน้ โคง้ เรำสำมำรถใช้ Pen Tool สรำ้ งเส้นโคง้ โดยกำหนดแขนปรับควำมโค้ง ไดต้ ำมต้องกำรตงั ตวั อย่ำงต่อไปนเ้ี ส้นโค้งที่มจี ดุ เชอื่ มต่อกันเป็นกำรเชอื่ มต่อกนั ระหวำ่ ง เส้นโค้งกับเส้นโค้ง โดยเมอื่ เส้นโคง้ เหล่ำน้นั เชือ่ มตอ่ กันจะเกิดเสน้ โค้งที่มีลักษณะท่ีแตกตำ่ งกนั 131

กำรวำดรูปทรงดว้ ยเครื่องมอื ดินสอ (Pencil Tool) ในสว่ นของเครื่องมือดินสอ (Pencil Tool) เป็นเคร่อื งมือสำหรบั วำดเส้นให้เปน็ รปู ตำ่ ง ๆ ไดอ้ ย่ำงอิสระตำมกำรลำกเมำส์ และเรำสำมำรถทำกำรแกไ้ ขได้อยำ่ งง่ำยดำย โดยใชเ้ คร่อื งมอื Smooth Tool และ Path Eraser Too! เป็นเสน้ อสิ ระที่วำดดว้ ยเครอื่ งมอื ดนิ สอนี้ ประกอบไปดว้ ย จุดยดึ ที่จัดวำงในแนวโคง้ ของเส้นโดยอตั โนมัติ ซง่ึ ขึ้นอยกู่ ับลกั ษณะเสน้ ท่ีเรำวำด กำรวำดเส้นอิสระด้วยเครอื่ งมือ (Pencil Too) เรำสำมำรถใช้ดนิ สอวำดเสน้ พำธได้ ทั้งแบบเปดิ และแบบปดิ มกั จะนิยมใชด้ ินสอในกำรสเกตซว์ ำดโครงร่ำงของภำพขึ้นมำก่อน จำกนนั้ จงึ มีกำรปรบั แต่งเส้นขอบใหโ้ ค้งเรยี บตำมควำมตอ้ งกำรอีกคร้งั โดยมวี ธิ ีกำรดงั น้ี ต่อไปน้ี 1) คลกิ เลอื กเครือ่ งมอื Pencil Tool 2) จำกน้ันสร้ำงรูปขึน้ มำโดยมีกำรวำดเชอื่ มต่อปลำยทัง้ สองของเสน้ พำธให้เป็น แบบปิด 132

กำรวำดภำพด้วย Paintbrush Tool เปน็ กำรวำดภำพเฉพำะเสน้ โครงร่ำงดว้ ย Paintbrush Too! ซึ่งเป็นพกู่ ันและสำมำรถ เปล่ียนเป็นหวั พกู่ ันได้ โดยจะใช้งำนควบคู่ไปกบั พำเนล Bushes เรำสำมำรถปิดใช้งำนพำเนล Brushes ไดโ้ ดยใช้คำสัง่ Window > Brushes 1) คลกิ เลอื กเครือ่ งมอื Paintbrush Tool 2) คลิกเลือกรปู แบบ หวั พ่กู ันท่ีเรำตอ้ งกำรใชง้ ำน 3) คลกิ วำดภำพบนอำร์ตบอรด์ ตำมตำแหนง่ ท่ตี อ้ งกำร กำรกำหนดลกั ษณะเสน้ กำรกำหนดเส้นลักษณะเสน้ ขอบภำพ (Stroke ) เพอื่ นำไปใช้สรำ้ งภำพจำกเครอ่ื งมอื เชน่ กำรกำหนดลกั ษณะของเสน้ ประและขนำดของเส้นหนำหรือบำงตำมท่ีเรำต้องกำร โดยเรำ สำมำรถกำหนดลกั ษณะของเสน้ ได้ ดงั น้ี 1) คลกิ เลือกสว่ นของภำพที่ต้องกำรกำหนดลกั ษณะ 2) เลือกแถบคำสง่ั Window 3) เลอื กคำสง่ั Stroke 133

4) กำหนดควำมหนำของเสน้ ขอบจำก Weight 134

กำรลบภำพด้วย Eraser Tool เป็นกำรใชเ้ ครือ่ งมอื ยำงลบลบสิง่ ทเี่ รำวำดผดิ ซึ่งมีหลักสำคญั 2 ข้อคอื 1) ถำ้ มี กำรเลือกภำพเครอ่ื งมือน้ลี บเฉพำะภำพทถี่ ูกเลอื ก วตั ถุทอี่ ยู่ใกล้ ๆ ไม่ถกู ลบแมล้ ำกเมำส์ ไปโดนก็ตำม 2) ถำ้ ไม่มกี ำรเลอื กภำพใดเลย เคร่ืองมือนี้จะลบทกุ วัตถทุ เ่ี มำส์ลำกผ่ำน กำรลบภำพด้วยเครอ่ื งมือยำงลบทำไดด้ ังน้ี 1 ) เลือกเครื่องมอื Eraser Tool 2) ใชเ้ มำส์คลิกลำกบริเวณทีต่ อ้ งกำรลบ การเลอื กใชง้ านวัตถใุ นโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 กำรเลือกใชง้ ำนวัตถุ Selection Tool กำรเลอื กใช้งำนวัตถุ Selection Too เป็นกำรใชเ้ ครอ่ื งมือในกำรเลอื กวัตถุ และหำก วัตถถุ กู รวมกลุ่มกนั อยู่ (Group) เคร่อื งมือน้กี เ็ ลือกวัตถุท้งั กลมุ่ กำรใช้งำนเคร่ืองมอื Selection Tool สำมำรถทำได้ดงั นี้ 1) คลิกเลอื ก Selection Tool 2) คลกิ เลอื กภำพ 3) คลกิ เลือ่ นตำแหนง่ 135

กำรเลือกใชง้ ำนวัตถุ Direct Selection Tool กำรเลอื กใชง้ ำนวตั ถุ Direct Selection TooI เปน็ กำรใชเ้ คร่ืองมอื เลอื กจุดยดึ (Anchor Point) หรอื เส้นพำธ (Path) ของวัตถุ ทำให้เรำสำมำรถแก้ไขหรอื ปรบั แต่งวัตถุในสว่ นของ เสน้ พำธตรงจดุ นั้นไดเ้ ลย 1) คลกิ เลอื กเฉพำะเสน้ พำธ หรอื จุดยดึ 2) คลิกเลอื ก Direct Selection Tool 136

3) คลิกเลื่อนพำธ กำรเลอื กใช้งำนวตั ถุ Marquee Selection Tool กำรเลือกใช้งำนวตั ถุ Marquee Selection Tool เปน็ กำรเลือกวตั ถโุ ดยสร้ำงพืน้ ท่ี รอบวตั ถุท้ังหมดที่ต้องกำร ในกรณีทีต่ ้องกำรเลือกวตั ถทุ ่มี จี ำนวนมำกและอยใู่ นบรเิ วณพ้นื ที่ เดียวกนั ซ่ึงสำมำรถทำไดด้ ังนี้ 1) คลกิ เลือก Selection Tool 2) คลกิ กำหนดพนื้ ทรี่ ูปสีเ่ หลย่ี มครอบคลุมวตั ถุทตี่ อ้ งกำรเลือก 3) วตั ถทุ ้งั หมดทอ่ี ยูใ่ นพนื้ ทีเ่ หลยี่ มจะถกู เลือก 137

กำรเลือกใช้งำนวัตถุ Lasso Tool Lasso Tool เปน็ เคร่อื งมอื ทีใ่ ชเ้ ลือกส่วนของวตั ถุ หรอื เส้นพำธ และจุดยดึ มีกำรใช้งำน ท่คี ลำ้ ยกับ Direct Selection Too! แต่สำมำรถเลอื กวัตถุที่ต้องกำรเลอื กเพียงบำงสว่ นได้ ซ่งึ สำมำรถทำได้ดงั น้ี 1) คลกิ กำหนดพื้นที่รปู สีเ่ หลี่ยมครอบคลมุ วตั ถทุ ่ตี ้องกำรเลือก 2) คลิกเลอื ก Lasso Tool 138

3) ลำกเมำสผ์ ำ่ นวัตถทุ ตี่ อ้ งกำร กำรเลอื กใชง้ ำนวัตถุ Magic Wand Tool Magic wand Tool เป็นเครื่องมือที่ใช้เลอื กสว่ นของวัตถทุ ม่ี ีสีทีค่ ล้ำยกนั โดยอ้ำงอิง จำกสีของตนั แบบ ขั้นตอนมดี ังนี้ 1) คลิกเลอื ก Magic Wand Tool 2) คลกิ เลอื กพำธ หรือวตั ถุทต่ี อ้ งกำร 139

การจดั วางและการปรับปรงุ รูปทรงในโปรแกรม Adobe I|lustrator CS6 กำรใชเ้ คร่อื งมอื วัดตำแหนง่ ต่ำง ๆ กำหนดเส้น กำรใช้เสน้ Grid เส้น Grid คอื ตำรำงสมมุติทช่ี ว่ ยในกำรวำดและกำรจัดวำงวัตถไุ ดอ้ ย่ำงแม่นยำ 1 ) แสดงเส้นกริด ใหค้ ลกิ ขวำเลือกคำสั่ง Show > Grid 2) ยกเลกิ กำรแสดง ใหค้ ลิกขวำเลือกคำสั่ง Hide > Grid 3) ให้วตั ถุยึดติดกับเส้นกริดอตั โนมตั ิ ขณะวำดหรอื ยำ้ ยตำแหน่งใหใ้ ชค้ ำส่ัง View > Snap to Grid และเม่อื ต้องกำรยกเลิกให้คำสงั่ เดิมซ้ำอีกครง้ั กำรใช้เสน้ Guide เสน้ ไกด์ (Guide ) คอื เส้นทชี่ ว่ ยในกำรบอกตำแหนง่ เพื่อวำงวตั ถุเหมอื นกับเส้นกริด แตส่ ำมำรถสร้ำงและจดั วำงไปยังตำแหนง่ ตำ่ ง ๆ ไตเ้ องทั้งแนวตัง้ และแนวนอนโดยใหแ้ สดง แถบไมบ้ รรทัดเสียกอ่ น 1 ) สรา้ งเส้นไกด์ ทำได้โดนกำรคลกิ เมำส์ค้ำงแล้วลำกออกจำกแถบไมบ้ รรทัดตำม แนวต้ังหรอื แนวนอนไปยังตำแหนง่ ท่ีตอ้ งกำร 2) ซ่อนเสน้ ไกด์ ใหค้ ลกิ ขวำบนพ้ืนที่กำรทำงำนแล้วเลอื กคำส่ัง Hide > Guide เมื่อ ต้องกำรแสดงเสน้ ไกดก์ ลบั คืน ก็ให้คลิกขวำคำสง่ั Show > Guide 140

การปรับขนาดภาพ กำรปรับเปลี่ยนขนำดของภำพใหใ้ หญห่ รือเล็กลงนั้น โดยปกติจะสำมำรถใช้เครอ่ื งมือ Selection คลิกลำกเพอ่ื ปรบั เปลยี่ นได้ แตน่ อกจำกนี้ยงั มีเครื่องมือ Scale ที่ชว่ ยใหส้ ำมำรถ เลอื กตำแหน่งทีจ่ ะวำงจุดยดึ รูป (Reference Point) ไดอ้ ย่ำงอิสระ (ใช้เพ่ือตรงึ ภำพบริเวณนั้น ให้อยู่กบั ท่ขี ณะปรบั เปลีย่ นขนำด ซึ่งปกตแิ ลว้ จดุ ยดึ จะอยกู่ ลำงภำพเลอื กภำพทีต่ ้องกำร ปรบั เปล่ียนขนำด 1) คลิกเลอื กเครื่องมอื Scale 2) คลิกเพอ่ื วำงจดุ ยดึ 141

3) คลิกลำกเขำ้ ตำนในเพือ่ ย่อหรือคลกิ ลำกออกด้ำนนอกเพือ่ ทำกำรเปล่ียน ขนำดของภำพ การทางานกบั สแี ละการระบายสใี นโปรแกรม Adobe Illustrator CS6 กำรเลือกสีจำกกลอ่ งเครอื่ งมือ เมื่อกำหนดขนำดช้ินงำนเรยี บรอ้ ยแลว้ ก่อนทีจ่ ะทำกำรลงสพี น้ื หลังของชน้ิ งำน เรำจะมำเรม่ิ ต้นรจู้ กั กับกำรกำหนดสีโดยวธิ ีสะดวกท่สี ุด เพรำะสำมำรถเลือกสีไดท้ ันทจี ำก กล่องเคร่อื งมือ 1) สพี ื้น (Fill) และสีเสน้ (Stroke) เปน็ กำรกำหนดสีพื้นและสเี ส้นของวัตถุ 2) สีพ้ืนฐำนของโปรแกรม (Default Color) เปน็ กำรเปลี่ยนสพี ้ืนและสเี สน้ ขอบของ วตั ถุให้กลับมำเป็นสีพ้ืนฐำน คือ สีพน้ื เปน็ สีขำวและสเี สน้ ขอบเป็นสีดำ 3) สลบั สพี ื้นและสเี ส้น (Swap Fill and Stroke) คลิกเมำส์ที่ เพอ่ื สลับสพี น้ื กับสีเส้นขอบของวัตถุ 142


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook