6. บริเวณว่าง (Space) บริเวณวำ่ ง หรือช่องไฟ คอื 1. อำกำศทโ่ี อบล้อมรปู ทรง รูปท่ี 2.28 อำกำศท่ีโอบลอ้ มรูปทรง รูปที่ 2.29 ระยะห่ำงระหว่ำงรปู ทรง ที่มำ https://preede.files.wordpress.com ทม่ี ำ https://preede.files.wordpress.com 2. ระยะหำ่ งระหวำ่ งรปู ทรง 3. บริเวณภำยในรูปทรงทม่ี ลี กั ษณะกลวงหรอื ทะลเุ ป็นช่องท่มี อี ำกำศผ่ำนเช้ำไปได้ 4. บริเวณวำ่ งของภำพเขยี นหรอื ภำพวำดท่ีมองดเู ปน็ ช่องลึกเขำ้ ไปในภำพ เรยี กว่ำ บรเิ วณว่ำงลวงตำ รปู ท่ี 2.30 บรเิ วณภำยในรูปทรง รูปที่ 2.31 บรเิ วณวำ่ งลวงตำ ทม่ี ำ https://sites.google.com ที่มำ http://static.weloveshopping.com 43
7. ลกั ษณะผิว (Texture) ลักษณะผิว หมำยถึง ลกั ษณะภำยนอกของวัตถุที่มองเห็นและสมั ผัสพืน้ ผวิ ได้ แสดง ควำมร้สู กึ หยำบ ละเอียด ขรขุ ระ มนั ดำ้ นเป็นเส้น เปน็ จุด จบั ดแู ล้วสะดุดมือ หรือสมั ผัสได้ จำกควำมรูส้ ึกผวิ เปน็ ทัศนธำตทุ ี่นำมำประกอบในกำรสรำ้ งงำนศลิ ปะ ลักษณะผิวท่แี ตกตำ่ ง กนั จะทำให้เกดิ ควำมรู้สกึ แตกตำ่ งกัน รปู ที่ 2.32 พนื้ ผิว ที่มำ https://sites.google.com โดยสรุป ทศั นธาตุ ในทางทศั นศิลป์ หมายถงึ สว่ นประกอบของศิลปะท่ีมองเหน็ ได้ ประกอบดว้ ย จดุ เสน้ รูปรา่ ง รูปทรง พนื้ ผิว แสง-เงา และสี 44
สรปุ เนื้อหาสาคัญ ควำมเปน็ มำของทัศนศิลป์ ประเภทของทศั นศลิ ป์ ลกั ษณะรูปแบบ การจาแนก ทัศนศลิ ป์ ธาตทุ างทัศนศลิ ป์ โครงสรำ้ งทำงทศั นศิลป์ ควำมหมำยของทัศนศลิ ป์ 45
แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยท่ี 2 46
หลกั การและกฎเกณฑ์ขององค์ประกอบศลิ ป์ สาระสาคญั กำรจดั องคป์ ระกอบทำงศลิ ปะเปน็ หลักสำคญั สำหรบั ผู้สร้ำงสรรค์ และผู้ศึกษำงำนศิลปะ เนอ่ื งจำกผลงำนศิลปะใด ๆ กต็ ำม ล้วนมีคณุ ค่ำอยู่ 2 ประกำร คือ คุณค่ำทำงด้ำนรปู ทรง และ คุณคำ่ ทำงต้ำนเร่อื งรำว คณุ คำ่ ทำงดำ้ นรูปทรง เกิดจำกกำรนำเอำ องค์ประกอบตำ่ ง ๆ ของ ศิลปะ อนั ได้แก่ เสน้ สี แสงและเงำ รปู ร่ำง รปู ทรง พื้นผิว ฯลฯ มำจัดเขำ้ ด้วยกนั เพอ่ื ให้เกิดควำมงำม ซ่งึ แนวทำงในกำรนำองคป์ ระกอบตำ่ ง ๆ มำจัดรวมกนั น้นั เรยี กว่ำ กำรจัดองคป์ ระกอบศลิ ปี (Art Composition) เรือ่ งท่จี ะศึกษา 1. หลกั องค์ประกอบทำงศิลป์ 2. องค์ประกอบของศิลป์ 3. กฎเกณฑ์ในกำรสรำ้ งงำนศลิ ป์ 4. กำรจดั พืน้ ที่ สมรรถนะประจาหนว่ ย 1. แสดงควำมรู้เกีย่ วกับหลกั กำรและกฎเกณฑ์ขององค์ประกอบศลิ ป์ จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. แยกแยะหลกั องคป์ ระกอบทำงศิลป์ได้ 2. จัดองค์ประกอบของศลิ ป์ได้ 3. อธบิ ำยกฎเกณฑ์ในกำรสร้ำงงำนศิลปไ์ ด้ 4. จำแนกกำรจัดพ้ืนท่ไี ด้
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยท่ี 3 48
หลักองคป์ ระกอบทางศลิ ป์ เป็นหลกั สำคญั สำหรบั ผ้สู รำ้ งสรรคแ์ ละผ้ศู กึ ษำงำนศิลปี เนอื่ งจำกผลงำนศิลป์ใด ๆ ลว้ นมีคุณค่ำอยู่ 2 ประกำร คือ คุณค่ำทำงดำ้ นรูปทรงและคณุ คำ่ ทำงดำ้ นเรื่องรำว คุณคำ่ ทำงด้ำนรปู ทรงเกิดจำกกำรนำเอำองคป์ ระกอบต่ำง ๆ ของศิลปะ อันไดแ้ ก่ เส้น สี แสงและ เงำ รูปร่ำง รูปทรง พน้ื ผวิ ฯลฯ มำจัดเขำ้ ดว้ ยกนั เพือ่ ใหเ้ กดิ ควำมงำม ซ่ึงแนวทำงในกำรนำ องคป์ ระกอบตำ่ ง ๆ มำจัดรวมกันน้นั เรียกวำ่ กำรจดั องคป์ ระกอบศลิ ปี (Art Composition) โดยมีหลักกำรจัดตำมทีจ่ ะกลำ่ วต่อไป อีกคณุ ค่ำหนึ่งของงำนศลิ ป์ คือ คุณค่ำทำงด้ำนเน้ือหำ เปน็ เรอ่ื งรำว หรือสำระของผลงำนทศ่ี ลิ ปนิ ผู้สรำ้ งสรรคต์ ้องกำรท่จี ะแสดงออกมำใหผ้ ้ชู มได้ สมั ผัส รบั รโู้ ดยอำศยั รปู ลักษณะทเ่ี กดิ จำกกำรจดั องคป์ ระกอบศิลปน์ ั่นเอง หรืออำจกลำ่ วไดว้ ำ่ ศลิ ปนิ นำเสนอเนอ้ื หำเรอ่ื งรำวผ่ำนรปู ลักษณะที่เกดิ จำกกำรจดั องค์ประกอบทำงศิลป์ ถ้ำองค์ประกอบทจี่ ดั ขน้ึ ไมส่ ัมพนั ธก์ บั เนื้อหำเร่อื งรำวทีน่ ำเสนองำนศลิ ปะน้นั ก็จะ ขำดคณุ ค่ำทำงควำมงำมไป ดงั น้ัน กำรจดั องค์ประกอบศลิ ปจ์ งึ มีควำมสำคญั ในกำรสร้ำงสรรค์ งำนศลิ ป์เปน็ อย่ำงยิง่ เพรำะจะทำให้งำนศลิ ปะทรงคุณค่ำทำงควำมงำมอย่ำงสมบูรณ รูปท่ี 3.1 หลกั องคป์ ระกอบทำงศิลป์ ที่มำ https://sites.google.com/site/donutzanvc546 1 /bth-thi1 การจดั องค์ประกอบของศลิ ป์ มหี ลักทคี่ วรคำนงึ อยู่ 5 ประกำร 1. สัดส่วน (Proportion) 2. ควำมสมดลุ (Balance) 3. จังหวะลีลำ (Rhythm) 4. กำรเน้น ( Emphasis) 5. เอกภำพ (Unity) 49
รปู ที่ 3.2 กำรจัดองค์ประกอบของศิลป์ ท่ีมำ https://sites.google.com/site /nutchaemoh/khwam-hmay-laea-hiak-khxng-xngkh- prakxb-silp-beuxng-tn/1 -1 -khwam-hmay-laea-hlak-khxng-xngkh-prakxb-silp-1 1. สัดส่วน (Proportion) สดั สว่ น หมำยถงึ ควำมสัมพนั ธ์กันอย่ำงเหมำะสมระหว่ำงขนำดขององคป์ ระกอบ ทแี่ ตกต่ำงกัน ทงั้ ขนำดที่อยู่ในรปู ทรงเดยี วกนั หรอื ระหว่ำงรปู ทรง และรวมถึงควำมสมั พนั ธ์ กลมกลืนระหว่ำงองค์ประกอบทัง้ หลำยด้วย ซ่ึงเป็นควำมพอเหมำะพอดี ไม่มำกไม่นอ้ ยของ องค์ประกอบทัง้ หลำยท่นี ำมำจดั รวมกัน ควำมเหมำะสมของสดั สว่ นอำจพิจำรณำจำกคุณลักษณะ ดงั ต่อไปนี้ 1. 1 สัดส่วนท่ีเป็นมำตรฐำน จำกรูปลักษณะตำมธรรมชำติของ คน สตั ว์ พชื ซ่ึงโดยท่ัวไป ถือวำ่ สดั สว่ นตำมธรรมชำติ จะมคี วำมงำมท่เี หมำะสมท่สี ดุ หรือจำกรูปลกั ษณะ ท่ีเป็นกำรสรำ้ งสรรค์ของมนุษย์ เชน่ Gold section เปน็ กฎในกำรสรำ้ งสรรคร์ ูปทรงของกรีก ซงึ่ ถือว่ำ \"ส่วนเล็กสมั พนั ธก์ บั สว่ นท่ใี หญ่กว่ำ สว่ นท่ใี หญก่ ว่ำสมั พันธ์กับสว่ นรวม\" ทำให้ส่งิ ต่ำง ๆ ท่ีสรำ้ งขนึ้ มีสัดส่วนท่ีสัมพนั ธ์กบั ทุกสงิ่ อย่ำงลงตวั 1.2 สดั ส่วนจำกควำมรูส้ กึ โดยทศี่ ิลปะนน้ั ไม่ได้สรำ้ งขึ้นเพอ่ื ควำมงำมของรปู ทรง เพียงอยำ่ งเดยี ว แตย่ ังสร้ำงข้นึ เพื่อแสดงออกถึง เนอ้ื หำ เรือ่ งรำว ควำมรูส้ กึ ดว้ ย สดั ส่วนจะชว่ ย เน้นอำรมณ์ ควำมรู้สึก ให้เปน็ ไปตำมเจตนำรมณ์ และเร่อื งรำวทีศ่ ิลปนิ ต้องกำร ลักษณะเช่นนี้ ทำให้งำนศิลปะของชนชำตติ ่ำง ๆ มลี กั ษณะแตกตำ่ งกนั เนื่องจำกมีเร่ืองรำว อำรมณ์ และ ควำมรู้สึกทต่ี ้องกำรแสดงออกต่ำง ๆ กันไป เชน่ กรกี นยิ มในควำมงำมตำมธรรมชำติเป็น อดุ มคติ เน้นควำมงำมทเ่ี กิดจำกกำรประสำนกลมกลนื ของรูปทรง จึงแสดงถงึ ควำมเหมอื นจริง ตำมธรรมชำติ ส่วนศิลปะแอฟริกันตง้ั เดมิ เน้นที่ควำมรู้สึกทำงวิญญำณที่นำกลวั ดงั นน้ั รปู ลักษณะจงึ มีสัดสว่ นทผ่ี ิดแผกแตกตำ่ งไปจำกธรรมชำตทิ ่ัวไป 50
รูปท่ี 3.3 สดั สว่ น ท่มี ำ https: //krittayakorn.wordpress.com/2013/03/20/proportion/ 2. ความสมดลุ (Balance) ควำมสมดลุ หรือ ดลุ ยภำพ หมำยถงึ น้ำหนกั ท่เี ทำ่ กันขององค์ประกอบ ไม่เอนเอยี ง ไปขำ้ งใดขำ้ งหนง่ึ ในทำงศลิ ปะยงั รวมถงึ ควำมประสำนกลมกลนื ควำมพอเหมำะพอดีของ ส่วนต่ำง ๆ ในรูปทรงหนึง่ หรอื งำนศลิ ปะชิ้นหน่ึง กำรจดั วำงองคป์ ระกอบตำ่ ง ๆ ลงในงำน ศลิ ปกรรมนน้ั จะตอ้ งคำนึงถงึ จดุ ศูนย์ถว่ งในธรรมชำตนิ ้ัน ทกุ สงิ่ ทท่ี รงตวั อยูไ่ ด้โดยไมล่ ม้ เพรำะมีน้ำหนักเฉลีย่ เทำ่ กันทุกด้ำน ฉะนน้ั ในงำนศลิ ปะถำ้ มองดูแล้วรู้สกึ วำ่ บำงสว่ นหนักไป แนน่ ไป หรือ เบำบำง ไปกจ็ ะทำใหภ้ ำพนน้ั ดเู อนเอยี ง และเกดิ ควำมรู้สกึ ไม่สมดุล เปน็ กำรบกพรอ่ งทำงควำมงำม ดุลยภำพในงำนศิลปะ มี 2 ลกั ษณะ คือ 2.1 ดุลยภำพแบบสมมำตร (Symmetry Balance) หรือควำมสมดลุ แบบซ้ำยขวำ เหมือนกนั คอื กำรวำงรูปท้ังสองขำ้ งของแกนสมดุล เปน็ กำรสมดุลแบบธรรมชำติ ลกั ษณะ แบบนใ้ี นทำงศลิ ปะมใี ช้น้อย ส่วนมำกจะใชใ้ นลวดลำยตกแตง่ ในงำนสถำปัตยกรรมบำงแบบ หรอื ในงำนทีต่ อ้ งกำรดุลยภำพที่น่งิ และมั่นคงจรงิ ๆ 2.2 ดุลยภำพแบบอสมมำตร (Asymmetry Balance) หรอื ควำมสมดุลแบบซำ้ ยขวำ ไมเ่ หมอื นกนั มกั เป็นกำรสมดุลทีเ่ กดิ จำกกำรจดั ใหม่ของมนุษย์ ซึ่งมีลกั ษณะท่ที ำงซ้ำยและขวำ จะไม่เหมอื นกนั ใช้องค์ประกอบทไ่ี ม่เหมอื นกนั แต่มคี วำมสมดลุ กัน อำจเป็นควำมสมดลุ ดว้ ย นำ้ หนักขององค์ประกอบ หรอื สมดุลด้วยควำมรู้สกึ กไ็ ด้ กำรจัดองคป์ ระกอบให้เกิดควำมสมดุล แบบอสมมำตรอำจทำไดโ้ ดยเลอื่ นแกนสมดุลไปทำงตำ้ นท่มี ีน้ำหนักมำกกว่ำ หรอื เลอ่ื นรปู ท่ีมีน้ำหนักมำกกว่ำเข้ำหำแกน จะทำใหเ้ กิดควำมสมดุลขนึ้ หรือใชห้ นว่ ยทีม่ ีขนำดเล็กแต่มี รูปลักษณะทน่ี ำ่ สนใจถ่วงดุลกับรูปลักษณะท่ีมขี นำดใหญแ่ ต่มีรูปแบบธรรมดำ 51
รูปที่ 3.4 ควำมสมดลุ ทม่ี ำ https:/www.thaleditorial.com/ควำมสมดลุ ทำงทศั นศลิ ป์/ 3. จงั หวะลลี า (Rhythm) จังหวะลลี ำ หมำยถงึ กำรเคลอ่ื นไหวท่ีเกดิ จำกกำรช้ำกันขององค์ประกอบ เป็นกำรช้ำ ท่ีเปน็ ระเบียบ จำกระเบียบธรรมดำที่มีชว่ งหำ่ งเทำ่ ๆ กัน มำเปน็ ระเบยี บท่สี ูงขน้ึ ซับซอ้ นชั้นจนถึงข้ัน เกดิ เป็นรปู ลักษณะของศลิ ปะ โดยเกิดจำกกำรชำ้ ของหน่วยหรือกำรสลบั กนั ของหนว่ ยกบั ชอ่ งไฟ หรอื เกดิ จำกกำรเลอ่ื นไหลต่อเน่ืองกันของเส้น สี รปู ทรง หรือ น้ำหนักรปู แบบ ๆ หน่ึงอำจเรียกวำ่ แมล่ ำย กำรนำแม่ลำยมำจัดวำงชำ้ ๆกนั ทำให้เกดิ จงั หวะและถำ้ จดั จังหวะใหแ้ ตกตำ่ งกันออกไป ดว้ ยกำรเว้น ชว่ งหรือสลบั ชว่ งก็จะเกดิ ลวดลำยท่แี ตกต่ำงกนั ได้อยำ่ งมำกมำย แต่จังหวะของลำยเปน็ จงั หวะอย่ำง ง่ำย ๆ ใหค้ วำมร้สู กึ เพียงผิวเผิน และเบ่อื งำ่ ย เนอ่ื งจำกขำดควำมหมำย เป็นกำรรวมตวั ของสิ่งท่ี เหมอื นกนั แตไ่ มม่ ีควำมหมำยในตัวเอง จังหวะทีน่ ำ่ สนใจและมชี วี ติ ไดแ้ ก่ กำรเคลอื่ นไหวของ คน สตั ว์ กำรเติบโตของพชื กำรเตน้ รำเปน็ กำรเคล่ือนไหวของโครงสรำ้ ง ที่ใหค้ วำมบนั ดำลใจในกำรสร้ำงรูปทรงท่ีมี ควำมหมำย รปู ที่ 3.5 จังหวะลลี ำ ที่มำ https:/sites.google.com/site/bmfomf6/art/kar-cad-xngkh-prakxb-silp 52
4. การเน้น (Emphasis) กำรเนน้ หมำยถงึ กำรกระทำใหเ้ ดน่ เปน็ พิเศษกวำ่ ธรรมดำ ในงำนศลิ ปะจะตอ้ ง มสี ว่ นใดสว่ นหนึ่งหรือจุดใดจดุ หนงึ่ ที่มีควำมสำคัญกวำ่ สว่ นอนื่ ๆ เป็นประธำนอยู่ ถำ้ ส่วนนั้นๆ อยู่ปะปนกบั สว่ นอน่ื และมลี กั ษณะเหมอื นกันก็อำจถูกกลืนหรอื ถูกส่วนอน่ื ทม่ี ีควำมสำคญั น้อย กวำ่ บดบังหรอื แย่งควำมสำคญั ควำมน่ำสนใจไปเสีย งำนทไ่ี ม่มจี ดุ สนใจหรอื ประธำนจะทำให้ ดูนำ่ เบ่อื เหมือนกบั ลวดลำยท่ีถกู จดั วำงซำ้ กนั โดยปรำศจำกควำมหมำย หรือเรอ่ื งรำวทแ่ี น่สนใจ ดังน้ัน สว่ นนนั้ จึงต้องถูกเนน้ ให้เห็นเดน่ ชัดขึ้นมำเป็นพิเศษกวำ่ ส่วนอน่ื ๆ ซงึ่ จะทำใหผ้ ลงำนมี ควำมงำมสมบูรณ์ ลงตัว และน่ำสนใจมำกขึ้น กำรเนน้ จุดสนใจสำมำรถทำได้ 3 วธิ ี คือ 4. 1 กำรเน้นด้วยกำรใช้องค์ประกอบที่ตัดกัน (Emphasis by Contrast) สิ่งท่ีแปลก แตกต่ำงไปจำกส่วนอ่ืนของงำนจะเป็นจุดสนใจ ดังนั้น กำรใช้องค์ประกอบที่มีลักษณะแตกต่ำงหรือ ขัดแยง้ กับสว่ นอน่ื ก็จะทำให้เกิดจดุ สนใจช้ืนในผลงำนได้ แต่ทั้งนี้ต้องพิจำรณำลักษณะควำมแตกต่ำง ทนี่ ำมำใช้ด้วยวำ่ ก่อใหเ้ กิดควำมขดั แยง้ กนั ในสว่ นรวม และทำให้เนื้อหำของงำนเปลี่ยนไปหรือไม่ โดย ตอ้ งคำนึงวำ่ แมม้ คี วำมขดั แย้งแตกต่ำงกันในบำงส่วน และในส่วนรวมยังมีควำมกลมกลืนเป็นเอกภำพ เดียวกนั 4.2 กำรเนน้ ด้วยกำรอยูโ่ ดดเดยี่ ว (Emphasis by Isolation) เมอื่ สง่ิ หนง่ึ ถูกแยก ออกไปจำกสว่ นอน่ื ๆ ของภำพหรอื กลมุ่ ของมัน ส่งิ น้ันกจ็ ะเปน็ จดุ สนใจ เพรำะเมือ่ แยกออกไป แล้วก็จะเกดิ ควำมสำคัญขน้ึ มำ ซ่ึงเป็นผลจำกควำมแตกต่ำงทไี่ มใ่ ช่แตกตำ่ งด้วยรปู ลกั ษณะ แต่เปน็ เร่อื งของตำแหน่งที่จดั วำง ซึ่งในกรณนี ้ี รปู ลกั ษณะนั้นไม่จำเปน็ ตอ้ งแตกต่ำงจำกรปู อ่ืน แต่ตำแหน่งของมนั ได้ดึงสำยตำออกไป จงึ กลำยเปน็ จดุ สนใจขน้ึ มำ 4.3 กำรเน้นด้วยกำรจัดวำงตำแหน่ง (Emphasis by Placement) เมอื่ องคป์ ระกอบ อ่ืน ๆ ชนี้ ำมำยงั จดุ ใด ๆ จดุ นน้ั กจ็ ะเป็นจุดสนใจทีถ่ ูกเน้นขึ้นมำ และกำรจดั วำงตำแหนง่ ท่เี หมำะสม ก็สำมำรถทำใหจ้ ดุ นน้ั เป็นจุดสำคัญขึ้นมำได้เช่นกัน พึงเช้ำใจว่ำกำรเน้นไม่จำเป็นจะต้องช้ีแนะให้เห็น เด่นชัดจนเกินไป ส่ิงที่จะต้องระลึกถึงอยู่เสมอคือเม่ือจัดวำงจุดสนใจแล้วจะต้องพยำยำมหลีกเสี่ยง ไม่ให้ส่ิงอ่ืนมำดึงควำมสนใจออกไป จนทำให้เกิดควำมสับสน กำรเน้นสำมำรถกระทำได้ด้วย องคป์ ระกอบต่ำง ๆ ของศลิ ปะ ไมว่ ่ำจะเป็น เส้น สี แสง-เงำ รูปร่ำงรูปทรง หรือพ้ืนผิว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ควำมต้องกำรในกำรนำเสนอของศลิ ปนิ ผ้สู ร้ำงสรรค์ 53
รูปที่ 3.6 กำรเน้น ท่มี ำ https:/ /krittayakomn.wordpress.com/2013/03/20/emphasis/ 5. เอกภาพ (Unity) เอกภำพ หมำยถึง ควำมเปน็ อันหนึง่ อนั เดียวกนั ขององค์ประกอบศิลป์ทง้ั ดำ้ น รปู ลักษณะและต้ำนเนอื้ หำเร่อื งรำว เปน็ กำรประสำนหรือจัดระเบยี บของสว่ นตำ่ ง ๆ ใหเ้ กิด ควำมเปน็ หนง่ึ เดียวเพ่อื ผลรวมอนั ไมอ่ ำจแบง่ แยกสว่ นใดสว่ นหน่งึ ออกไป กำรสร้ำงงำนศิลปะ คอื กำรสรำ้ งเอกภำพขึ้นจำกควำมสับสน ควำมยงุ่ เหยิง เป็นกำรจดั ระเบยี บ และดุลยภำพ ใหแ้ ก่สง่ิ ท่ีขดั แยง้ กนั เพ่อื ใหร้ วมตวั กันได้ โดยกำรเช่อื มโยงส่วนตำ่ ง ๆ ใหส้ ัมพนั ธ์กนั เอกภำพ ของงำนศลิ ปะ มีอยู่ 2 ประกำร คอื 5.1 เอกภำพของกำรแสดงออก หมำยถงึ กำรแสดงออกที่มจี ดุ มงุ่ หมำยเดียว แนน่ อน และมีควำมเรยี บงำ่ ย งำนชิ้นเดยี วจะแสดงออกหลำยควำมคิด หลำยอำรมณ์ไมไ่ ด้ จะทำให้สับสน ขำดเอกภำพ และกำรแสดงออกด้วยลกั ษณะเฉพำะตวั ของศิลปินแตล่ ะคน ก็สำมำรถทำใหเ้ กิดเอกภำพแก่ผลงำนได้ 5.2 เอกภำพของรูปทรง คือ กำรรวมตวั กนั อยำ่ งมดี ลุ ยภำพและมีระเบยี บของ องค์ประกอบทำงศิลปะ เพื่อใหเ้ กิดเป็นรูปทรงหนงึ่ ท่ีสำมำรถแสดงควำมคดิ เห็นหรืออำรมณ์ ของศลิ ปินออกไดอ้ ยำ่ งชัดเจน เอกภำพของรปู ทรงเป็นสงิ่ ทสี่ ำคญั ทสี่ ุดตอ่ ควำมงำมของ ผลงำนศิลปะ เพรำะเปน็ สิง่ ทศี่ ลิ ปนิ ใช้เปน็ สื่อในกำรแสดงออกถงึ เร่ืองรำว ควำมคิด และ อำรมณ์ ดังน้นั กฎเกณฑ์ในกำรสรำ้ งเอกภำพในงำนศลิ ปะเป็นกฎเกณฑเ์ ดยี วกนั กบั ธรรมชำติ ซึ่งมีอยู่ 2 หวั ข้อ 54
รูปท่ี 3.7 เอกภำพ ทมี่ ำ https://sites.google.com/site/composition 747 /khwam-pen-xekphaph กฎเกณฑใ์ นการสรา้ งงานศิลป์ กฎเกณฑ์ในกำรสรำ้ งงำนศิลปเ์ ป็นกฎเกณฑ์เดียวกันกับธรรมชำตซิ ่งึ มอี ยู่ 2 หวั ขอ้ คือ 1. กฎเกณฑข์ องกำรขัดแย้ง (Opposition) 4 ลกั ษณะ คือ 1.1 กำรขดั แย้งขององค์ประกอบทำงศลิ ปะแต่ละชนิด และรวมถึงกำรขดั แยง้ กนั ขององค์ประกอบตำ่ งชนดิ กนั ดว้ ย 1.2 กำรขดั แย้งของขนำด 1.3 กำรขดั แย้งของทิศทำง 1.4 กำรขดั แยง้ ของท่ีวำ่ งหรือจงั หวะ รปู ท่ี 3.8 กฎเกณฑข์ องกำรขัดแยง้ ทีม่ ำ https:/ /frame 1661.wordpress.com/ 55
2. กฎเกณฑ์ของการประสาน (Transition) คอื กำรทำใหเ้ กดิ ควำมกลมกลนื ให้ส่งิ ต่ำง ๆ เขำ้ กนั ได้อย่ำงสนิท เป็นกำรสรำ้ งเอกภำพจำกกำรรวมตวั ของสิง่ ทเ่ี หมอื นกัน เขำ้ ดว้ ยกนั กำรประสำนมีอยู่ 2 วธิ ี คือ 2.1 กำรเปน็ ตัวกลำง (Transition) คอื กำรทำสิง่ ทีข่ ดั แยง้ กนั ให้กลมกลืนกนั ด้วยกำรใชต้ ัวกลำงเข้ำไปประสำน เชน่ สขี ำว กับสีดำ ซึ่งมคี วำมแตกตำ่ ง ขดั แยง้ กัน สำมำรถ ใหอ้ ยู่ร่วมกันไดอ้ ยำ่ งมเี อกภำพ ดว้ ยกำรใช้สเี ทำเข้ำไปประสำน ทำให้เกดิ ควำมกลมกลนื กนั มำกขึ้น 2.2 กำรซำ้ (Repetition) คอื กำรจัดวำงหน่วยทเี่ หมอื นกนั ตัง้ แต่ 2 หนว่ ยขึ้นไป เปน็ กำรสร้ำงเอกภำพท่ีง่ำยท่ีสดุ แต่ก็ทำให้ดูจืดชืดนำ่ เบื่อทสี่ ุด นอกเหนอื จำกกฎเกณฑห์ ลักคือ กำรขัดแยง้ และกำรประสำนแล้ว ยงั มีกฎเกณฑ์รอง อกี 2 ขอ้ คอื 1. ความเป็นเดน่ (Dominance) ซึ่งมี 2 ลักษณะ คือ 1.1 ควำมเป็นเด่นที่เกิดจำกกำรขัดแย้ง ด้วยกำรเพมิ่ หรอื ลดควำมสำคญั ควำมนำ่ สนใจในหน่วยใดหนว่ ยหนึ่งของคู่ท่ีขดั แยง้ กัน 1.2 ควำมเป็นเด่นทีเ่ กดิ จำกกำรประสำน 2. การเปลย่ี นแปร (Variation) คือ กำรเพม่ิ ควำมขดั แย้งลงในหนว่ ยท่ซี ้ำกนั เพื่อปอ้ งกนั ควำมจืดชดื นำ่ เบ่อื ซ่งึ จะช่วยให้มีควำมน่ำสนใจมำกขน้ึ กำรเปลยี่ นแปรมี 4 ลกั ษณะ คอื 2.1 กำรเปลี่ยนแปรของรปู ลักษณะ 2.2 กำรเปลยี่ นแปรของขนำด 2.3 กำรเปลยี่ นแปรของทิศทำง 2.4 กำรเปลยี่ นแปรของจงั หวะ กำรเปลี่ยนแปรรูปลักษณะจะต้องรักษำคุณลกั ษณะของกำรช้ำไว้ ถ้ำรูปมี กำรเปลย่ี นแปรไปมำก กำรซ้ำก็จะหมดไป กลำยเป็นกำรขดั แย้งเข้ำมำแทน และถำ้ หน่วยหน่ึง มกี ำรเปลย่ี นแปรอยำ่ งรวดเรว็ มคี วำมแตกตำ่ งจำกหน่วยอ่ืน ๆ มำก' จะกลำยเป็นควำมเปน็ เดน่ เป็นกำรสรำ้ งเอกภำพด้วยควำมขดั แยง้ 56
การจัดพน้ื ท่ี พืน้ ท่ีวา่ ง (space) หมำยถึง ชอ่ งว่ำงหรอื พ้นื ทว่ี ำ่ งทล่ี ้อมรอบรปู รำ่ ง รูปทรง ระยะหำ่ ง ระหว่ำงรปู รำ่ งกบั รูปร่ำง รูปทรงกบั รูปทรง และพนื้ ท่ีว่ำงภำยในรูปทรง บรเิ วณวำ่ งเหลำ่ น้ี จะชว่ ยใหร้ ูปภำพมลี ักษณะปลอดโปรง่ สบำยตำ ดไู ม่อดึ อดั ทึบตนั ใหค้ วำมรสู้ ึกแปลกใหม่ และผ่อนคลำย บริเวณวา่ งกับการนามาใชใ้ นงานทัศนศลิ ป์ กำรนำคณุ ค่ำของบรเิ วณว่ำงมำใช้ในงำนทัศนศิลป์แบ่งออกเป็น 3 ลกั ษณะใหญ่ ๆ ได้แก่ กำรนำมำใช้เพ่ือจดั พนื้ ท่ี กำรนำมำใช้เพอื่ เสรมิ สร้ำงควำมชดั เจนของรูปและมติ ิ และ กำรนำมำใช้เพื่อใหเ้ กดิ อำรมณ์และควำมร้สู ึก 1. กำรนำมำใชเ้ พอื่ จดั พืน้ ท่ี เป็นกำรนำบริเวณวำ่ งมำใชใ้ นงำนทัศนศลิ ป์เพือ่ จัดพ้นื ทใี่ หเ้ กดิ ควำมงำมด้ำนกำรจัดองค์ประกอบศิลป์และประโยชนใ์ ช้สอยอย่ำงเหมำะสม ด้านความงาม เชน่ ในงำนกำรเขียนภำพตอ้ งคำนึงถึงกำรจดั อัตรำส่วนของ พื้นที่รูปกับบริเวณว่ำงให้ได้สัดสว่ นเหมำะสมกับขนำดภำพ ถ้ำบรเิ วณวำ่ งมำกไปจะทำให้ รปู ในภำพเล็กเวงิ้ วำ้ งไมส่ วยงำม กำรเขยี นตวั อกั ษรในงำนพำณชิ ยศลิ ป์ ต้องคำนึงถึงกำรจัด บรเิ วณวำ่ งระหวำ่ งตัวอกั ษรให้มรี ะยะห่ำงพอเหมำะ เพอ่ื ให้อำ่ นงำ่ ยและดูสวยงำม เป็นตน้ รูปที่ 3.9 พน้ื ที่วำ่ ง ทม่ี ำ http://119.46.166.126/self_all/selfaccess11/m5/art5_1/lesson1 /lesson1_3.php ด้านประโยชนใ์ ช้สอย เชน่ งำนมัณฑนศลิ ป์ตอ้ งคำนงึ กำรจดั พ้นื ทห่ี อ้ งให้ สัมพนั ธก์ บั บรเิ วณวำ่ งท่จี ะใชง้ ำนเครอ่ื งเรอื นตอ้ งมบี รเิ วณว่ำงเพยี งพอตอ่ กำรใชง้ ำน และมี พื้นท่วี ่ำงสำหรบั สญั จร ถ้ำแคบไปจะใช้งำนไม่สะดวกหรือเดินลำบำก เป็นตน้ 57
รูปท่ี 3.10 ตำ้ นประโยชน์ใชส้ อย ทมี่ ำ https://www.thaihometown.com/decorate/619/ 2. กำรนำมำใช้เพอื่ เสรมิ สร้ำงควำมชัดเจนของรปู และมติ ิ เป็นกำรนำบรเิ วณว่ำง มำใช้ในงำนทศั นศลิ ป์เพอื่ เสริมสร้ำงควำมชดั เจนของรปู รำ่ ง รูปทรง และระยะใกล้ ไกล ตื้น ลึก ชว่ ยใหม้ องเห็นกำยภำพของรปู และมิตไิ ดต้ ข่ี ึน้ เชน่ งำนจิตรกรรมภำพบนั ทึกจำกภเู ขำของ วินยั ปรำบรปิ ู เปน็ ต้น รูปท่ี 3.11 กำรนำมำใชเ้ พอ่ื เสริมสรำ้ งควำมชดั เจนของรูปและมิติ ทีม่ ำ http://www.digitalschool.club /digitalschool /art/art5_1 /lesson1 /lesson1_3.php 3. กำรนำมำใช้เพื่อให้เกิดอำรมณ์และควำมรสู้ กึ เป็นกำรนำบรเิ วณวำ่ ง มำใช้เพอ่ื ใหผ้ ู้ดูเกดิ อำรมณแ์ ละควำมร้สู กึ คล้อยตำมลกั ษณะบรรยำกำศของภำพงำน ทแ่ี สดงออก ใหเ้ กิดควำมรสู้ กึ อ้ำงวำ้ ง ว่ำงเปลำ่ โลง่ ปลอดโปร่ง อึดอัด ทึบตัน ฯลฯ เช่น จติ รกรรมภำพทวิ ทศั น์ มีบริเวณว่ำงหรือช่องว่ำงระหวำ่ งก่ิง กำ้ น พ่มุ ใบ ทำใหม้ องลอดเหน็ ฉำกหลังหรอื ท้องฟำ้ เพอ่ื ให้เกดิ ควำมรสู้ กึ ผอ่ นคลำยสำยตำ ไม่อดึ อัด ทบึ ตนั ภำพทิวทศั น์ ทะเลมีบริเวณวำ่ งมำกกวำ่ รูปทรงอื่น ๆ จะให้ควำมรูส้ กึ เว้ิงว้ำง ประตมิ ำกรรม ถำ้ เจำะรูปทรง 58
ให้มีช่องว่ำงมำกเกินไปจะใหค้ วำมรูส้ กึ เปรำะบำง ไม่แข็งแกร่ง สถำปัตยกรรม มีบรเิ วณวำ่ ง ภำยในอำคำรแคบและเต้ยี จะใหค้ วำมรู้สกึ อดึ อดั กวำ้ งและสูงจะรสู้ กึ โล่ง แตถ่ ำ้ โลง่ เกนิ ไป จะอ้ำงว้ำง เงียบเหงำ กำรมชี อ่ งของประตู หน้ำตำ่ งของอำคำรทอ่ี ยู่อำศัย ช่วยทำใหเ้ กดิ ควำมรสู้ ึกผ่อนคลำยทำงสำยตำ รปู ท่ี 3.12 กำรนำมำใชเ้ พื่อใหเ้ กดิ อำรมณ์และควำมรสู้ กึ ท่ีมำ http://119.46.166.126/self_all/selfaccess 11 /m5 /art5_1 /lesson 1 /esson1_3.php พื้นผิวกบั งานทศั นศลิ ป์ พ้นื ผิว (Texture) หมำยถึง ลกั ษณะของส่วนนอกสุดของวตั ถทุ ีเ่ รำมองเห็นและสมั ผัสได้ เช่น ผิวมนั ดำ้ น หยำบ ละเอยี ด ขรุขระ ในงำนจติ รกรรม ประตมิ ำกรรม และสถำปัตยกรรม ทีม่ ีพ้นื ผิวแตกตำ่ งกันจะทำใหเ้ กิดควำมรู้สกึ สนุก ตื่นเตน้ มีชวี ิตชวี ำ พืน้ ผิวกบั การนามาใช้ในงานทัศนศิลป์ กำรนำคุณคำ่ ของพนื้ ผิวมำใชใ้ นงำนทัศนศิลป์แบง่ ออกเป็น 4 ลักษณะ ไดแ้ ก่ กำรนำมำใช้เพ่ือให้เกิดควำมงำมทแ่ี ตกตำ่ ง กำรนำมำใชล้ วงตำเพ่อื เสรมิ สรำ้ งมิตแิ ละขนำด กำรนำมำใชเ้ พ่อื กระตุน้ เรำ้ อำรมณแ์ ละควำมรู้สกึ กำรนำมำใชเ้ พอ่ื ประโยชน์ในกำรใช้สอย 1. กำรนำมำใช้เพอ่ื ใหเ้ กดิ ควำมงำมท่แี ตกต่ำง เป็นกำรนำพืน้ ผวิ ลักษณะต่ำง ๆ มำใชส้ ร้ำงสรรค์ในงำนทัศนศลิ ป์เพ่อื แสดงควำมงำมที่แตกตำ่ งกนั ตำมคำ่ นิยมของแตล่ ะคน หรอื ใหม้ ีควำมงำมสอดคลอ้ งกับสิ่งทน่ี ำมำถำ่ ยทอด บำงคนชอบพ้ืนผวิ เรียบเนียน บำงคน ชอบผิวลักษณะอืน่ ๆ เชน่ งำนจติ รกรรม ภำพแมพ่ ระนงั่ บลั ลังก์ โดยรำฟำเอลใชค้ วำมงำม พนื้ ผวิ แบบเกล่ียเรยี บเนียน ภำพถนนกบั ตน้ ไชเปรสและดวงดำวของวินเซนต์ แวนโกะ แสดงควำมงำมของพืน้ ผวิ ดว้ ยรอยฝแี ปรงทหี่ ยำบขรขุ ระ ภำพนำงแบบของชอร์ช เซอรำ 59
แสดงควำมงำมของพ้นื ผิวดว้ ยกรรมวิธจี ดุ สี ภำพนำงจเิ ดยี น นำชูมิ ของคีต ซอว์ วิลเลียมส์ ใช้วธิ สี ร้ำงพ้นื ผวิ ของภำพเขยี นให้สีเนยี นน่มุ เหมำะสมกับวัยสำว ประติมำกรรม ภำพโมเสส โดย ไมเคลิ แอนเจโล แสดงควำมงำมพ้นื ผวิ แบบเรยี บได้สมั พนั ธ์กับผวิ เน้ือของหินออ่ นภำพ กนิ รีในงำนประตมิ ำกรรมไทย แสดงควำมงำมของผิวดว้ ยสที อง สถำปัตยกรรม ซมุ้ ประตู ทำงเข้ำ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลำรำมแสดงควำมงำมดว้ ยกำรประดบั ตกแตง่ พนื้ ผิวดว้ ย เศษกระเบื้อง อำคำรสมัยใหม่ใช้พ้ืนผิวของผนังและเสำมีลกั ษณะแวววำวของโลหะที่ให้ ควำมงำมอยำ่ งหรูหรำ เปน็ ตน้ รูปท่ี 3.13 พ้นื ผิว ท่ีมำ https://th.aliexpress.com/item/express-free-shipping-flowers-design-glass-mosa- ic-tiles-wall-decor-art-design-HOMER-MOSAIC-HMEJ1011/1578623832.htmi 2. กำรนำมำใชล้ วงตำเพ่อื เสรมิ สร้ำงมิตแิ ละขนำด เป็นกำรนำพนื้ ผิวมำใช้สร้ำงงำน ทศั นศลิ ปเ์ พือ่ ใหเ้ กดิ ควำมร้สู กึ ลวงตำในด้ำนมติ ิ และขนำดของผลงำน คือ ดมู รี ะยะใกล้ ไกล ตืน้ ลึก และมขี นำดใหญ่ เลก็ เช่น งำนจติ รกรรม บำงคนเขยี นภำพโดยใชเ้ กรยี งป้ำยสีให้ พนื้ ผวิ ภำพในระยะหน้ำมีควำมหนำขรขุ ระ และระยะหลังของภำพใชส้ บี ำงเรียบ บำงคนใช้ ทรำยผสมกำวโรยเป็นภำพแล้วตกแตง่ ด้วยสี ภำพจึงมสี ว่ นนูนและส่วนรำบ ทำให้รู้สกึ มมี ิติ มำกขึน้ บำงคนเขยี นภำพในระยะหน้ำด้วยกำรตกแตง่ เก็บรำยละเอยี ดพื้นผิวมำก ส่วนภำพ ในระยะหลงั ไม่แสดงรำยละเอียด จงึ ทำให้ภำพดมู มี ิติระยะใกลไ้ กล งำนประตมิ ำกรรมทใี่ ช้ พ้ืนผิวนนู เกล้ียงเกลำสผี วิ ออ่ น จะให้ควำมรสู้ กึ นูนหนำและดูมีขนำดใหญ่ ผวิ ขรขุ ระสเี ข้ม ขนำดจะดเู ล็กลง แตจ่ ะเหน็ มิติของงำนคมชดั งำนสถำปัตยกรรม ใช้ลักษณะพนื้ ผิวนูนเว้ำ เปน็ ลอนแสดงควำมมมี ิติของหลงั คำและรว้ั บำงครงั้ ใช้ผวิ หยำบมำกบรเิ วณผนังร้วั เพ่ือลวง ตำใหม้ ีระยะหำ่ งจำกอำคำร บำงคนใช้ประตมิ ำกรรมลวดลำยตกแต่งเปน็ พ้ืนผิวอำคำรให้ดู มรี ะยะใกล้ ไกล ตน้ื ลกึ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ำกกรอบประตูพระอโุ บสถวัดรำชบพติ ร ฯ กรุงเทพมหำนครทำเปน็ ลำยประจำยำมรัดดอก ควำมขรขุ ระของผวิ ลำยทำใหเ้ กดิ แสงและเงำ จงึ ดูมมี ิติสวยงำมข้ึนเปน็ ตน้ 60
รปู ท่ี 3.14 กำรนำมำใชล้ วงตำเพื่อเสรมิ สรำ้ งมิติและขนำด ทม่ี ำ http:/ /119.46.166.1 26/self_all/selfaccess 1 1 /m5 /art5_ 1 /lesson 1/esson1_3.php 3. กำรนำมำใช้เพอ่ื กระตุ้นเร้ำอำรมณแ์ ละควำมรสู้ กึ เปน็ กำรนำควำมรเู้ ร่ือง ของพ้นื ผิวทม่ี ผี ลตอ่ จติ วทิ ยำกระตนุ้ เร้ำอำรมณ์ และควำมรูส้ กึ มำใชเ้ พื่อให้ได้ผลตำมท่ี ผู้สร้ำงสรรคง์ ำนตอ้ งกำร อำรมณแ์ ละควำมรู้สึกของพื้นผิว ผิวเรียบเกลี้ยงเกลำ ใหค้ วำมรู้สกึ นุ่มนวล นำ่ จับ อยำกลูบคลำ ผวิ เรียบมนั ใหค้ วำมร้สู กึ ใหญก่ ว่ำ สว่ำง หรูหรำ ลนื่ คลอ่ งตัว ผวิ ละเอียด ใหค้ วำมรู้สึกใหญ่ เบำบำง เปน็ ระเบยี บ ผิวหยำบด้ำน ให้ควำมรู้สกึ แคบ อดึ อดั ทึบตัน หนกั แขง็ แรง ผวิ ขรขุ ระ ให้ควำมรสู้ ึกน่ำขยะแขยง ไม่นำ่ จับตอ้ ง ผิวหนำมแหลม ให้ควำมรสู้ กึ ไมป่ ลอดภัย น่ำกลัว ไม่นำ่ จับตอ้ ง ผวิ หยอ่ นยน่ ใหค้ วำมรสู้ กึ เส่อื มถอย ชรำ ไม่เตง่ ตงึ ไมส่ ด 61
4. กำรนำมำใช้เพ่ือประโยชน์ในกำรใชส้ อย เปน็ กำรนำควำมรูค้ วำมเข้ำใจในเร่ือง พนื้ ผวิ มำใชอ้ อกแบบสรำ้ งสรรคง์ ำนทศั นศิลป์ทำงต้ำนประยกุ ต์ศลิ ป์ เพื่อประโยชนใ์ นกำร ใชส้ อย เช่น กำรนำพน้ื ผิวหยำบขรุขระ มำออกแบบเปน็ ท่จี ับภำชนะ และตัวภำชนะ เพือ่ ช่วย ในกำรจับใหก้ ระชับมือ ไมล่ นื่ พลดั ตกเสยี หำย นำมำใช้ออกแบบทำงเดนิ ท่ีลำดชนั พนื้ กระเบื้อง หอ้ งนำ้ เพอ่ื กนั กำรลน่ื ลม้ นำมำใชอ้ อกแบบทำฝำผนัง และเพดำนเพือ่ ลดเสยี งสะทอ้ น ผนังกันเสยี งบนทำงดว่ น ออกแบบผลิตภณั ฑพ์ ืน้ รองเทำ้ ดอกยำงลอ้ รถยนต์เพอ่ื ให้เกำะผิวถนน กำรนำพ้ืนผิวอ่อนน่มุ มำใช้ออกแบบพรมปพู น้ื ห้องเพ่ือลดแรงกระแทก กำรนำภำพเขยี นและ ภำพพิมพม์ ำใช้ตกแต่งผวิ แก้ว เพอ่ื ใหเ้ กิดควำมสวยงำมและลดควำมลน่ื ในกำรจบั เปน็ ต้น รูปที่ 3.15 กำรนำมำใชเ้ พ่ือประโยชน์ในกำรใชส้ อย ทีม่ ำ http://119.46.166.126/self._all/selfaccess11 /m5/art5_ 1 /lesson 1 /lesson1_3.php 62
แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยท่ี 3 63
ศิลปะกบั คอมพวิ เตอร์ สาระสาคัญ computer Art หมำยถึง งำนศิลปะอนั เกิดจำกกำรผลติ ของเครือ่ งคอมพิวเตอร์ 1935 อลัน ทรู ิง่ ได้สร้ำงจักรกลกำรคำนวณขนึ้ เรียกว่ำ ทูรงิ่ แมชชนี ซึง่ มุ่งเนน้ กำรคำนวณ ต่อมำทูรงิ่ ได้พฒั นำมำเปน็ คอมพวิ เตอร์ เรยี กวำ่ ACE (Automatic Computing Engine) ในยุคแรกคอมพวิ เตอร์เริม่ ใช้หลอดสุญญำกำศแทนวงจรในกำรคำนวณ ตอ่ มำในทศวรรษที่ 1950 ไดม้ ีกำรสรำ้ งทรำนซสิ เตอร์ทม่ี ีขนำดเล็กแทนหลอดสุญญำกำศ ซ่งึ คอมพวิ เตอร์ในยคุ นัน้ มีขนำดเล็กกำรทำงำนของคอมพวิ เตอร์จงึ มงุ่ เนน้ กำรใชป้ ระโยชนท์ ำงดำ้ นคณติ ศำสตร์ ด้ำนวทิ ยำศำสตรด์ ้ำนกำรแพทย์ ดำ้ นกำรทหำร ในตำ้ นศิลปะได้ปรำกฏแก่สำยตำครั้งแรก ในกำรเปดิ ตัวของงำนนิทรรศกำรคอมพวิ เตอรก์ รำฟิก ตอ่ มำ มิเชล นอล ไดผ้ ลิตศิลปะ คอมพวิ เตอร์ข้ึนและได้เขำ้ ร่วมกำรแสดงศลิ ปะคอมพิวเตอร์ในนครนิวยอรก์ งำนของเขำ ไดแ้ สดงรปู โค้งท่ีชำ้ ๆ กนั ซ่ึงงำนของเขำมลี ักษณะคล้ำยกบั งำน OP ARE หรอื กำร สรำ้ งสรรค์งำนศิลปะท่ีตอ่ เน่ืองกนั ซึ่งคอมพิวเตอรม์ บี ทบำทในทุก ๆ วงกำรของสังคม เรือ่ งทจ่ี ะศกึ ษา 1. ศลิ ปะกับคอมพวิ เตอร์ 2. ภำพศลิ ปะจำกคอมพิวเตอร์ 3. กำรออกแบบกรำฟิก 4. ระบบคอมพิวเตอร์กับกำรออกแบบงำนกรำฟกิ 5. องค์ประกอบในกำรออกแบบงำนกรำฟิกและสอ่ื 6. งำนกรำฟกิ กบั คอมพิวเตอร์ 7. ประเภทของงำนออกแบบกรำฟกิ และส่อื
สมรรถนะประจาหน่วย 1. จดั พื้นท่ี จุดสนใจของภำพและกำรเนน้ จัดวำงตำแหนง่ ภำพ และจัดวำงภำพชนดิ ต่ำง ๆ ตำมหลักกำรขององค์ประกอบศลิ ป์ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. อธบิ ำยศลิ ปะกับคอมพวิ เตอร์ได้ 2. วิเครำะห์ภำพศิลปะจำกคอมพิวเตอร์ได้ 3. อธบิ ำยควำมหมำยกำรออกแบบกรำฟกิ ได้ 4. แยกแยะระบบคอมพิวเตอร์กับกำรออกแบบงำนกรำฟกิ ได้ 5. บอกองค์ประกอบในกำรออกแบบงำนกรำฟกิ และส่อื ได้ 6. สรำ้ งงำนกรำฟกิ จำกคอมพวิ เตอรไ์ ด้ 7. แยกแยะประเภทของงำนออกแบบกรำฟกิ และสื่อได้ 65
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยท่ี 4 66
ศิลปะกบั คอมพิวเตอร์ Computer Art หมำยถงึ งำนศิลปะอนั เกิดจำกกำรผลติ ของเครอื่ งคอมพวิ เตอรใ์ น ค.ศ. 1935 อลนั ริง่ ไดส้ รำ้ งจักรกลกำรคำนวณขน้ึ เรียกวำ่ ทูริง่ แมชชนี ซ่ึงมงุ่ เน้นกำร คำนวณต่อมำทรู ง่ิ ไดพ้ ัฒนำมำเป็นคอมพวิ เตอร์ เรยี กวำ่ ACE (Automatic Computing Engine) ในยุคแรกคอมพิวเตอร์เร่ิมใช้หลอดสุญญำกำศแทนวงจรในกำรคำนวณ ตอ่ มำใน ทศวรรษท่ี 1950ไดม้ ีกำรสรำ้ งทรำนชสิ เตอรท์ ่มี ีขนำดเลก็ แทนหลอดสญุ ญำกำศ ซึ่ง คอมพวิ เตอรใ์ นยุคน้ันมีขนำดเล็ก กำรทำงำนของคอมพิวเตอรจ์ ึงมุ่งเนน้ กำรใชป้ ระโยชน์ทำง ตำ้ นคณิตศำสตรต์ ำ้ นวทิ ยำศำสตร์ ต้ำนกำรแพทย์ ต้ำนกำรทหำร ในด้ำนศิลปะได้ปรำกฏแก่ สำยตำครง้ั แรกในกำรเปิดตัวของงำนนิทรรศกำรคอมพิวเตอร์กรำฟิก ต่อมำ มเิ ชล นอล ได้ ผลิตศิลปะคอมพวิ เตอร์ขน้ึ ได้เขำ้ รว่ มกำรแสดงศิลปะคอมพวิ เตอร์ในนครนิวยอร์ก งำนของ เขำได้แสดงรปู โค้งทซ่ี ำ้ ๆ กัน ซึง่ งำนของเขำมีลักษณะคลำ้ ยกับงำน OP ARE หรือกำร สร้ำงสรรคง์ ำนศิลปะทต่ี ่อเนอื่ งกันซึง่ คอมพิวเตอร์มบี ทบำทในทุก ๆ วงกำรของสังคม และ บทบำททีส่ ำคัญ คอื ด้ำนท่ีเกย่ี วกบั ศิลปะจะเป็นด้ำนกำรประยุกตใ์ ชเ้ พื่อกำรออกแบบ กำรใช้ คอมพิวเตอรใ์ นกำรสร้ำงงำนศลิ ปะทง้ั ตำ้ นวิจติ รศลิ ปแี ละประยกุ ตศ์ ลิ ปีทีม่ ตี ้งั แต่งำนตำ้ น ทัศนศลิ ป์ ต้ำนดนตรี ดำ้ นศิลปก์ ำรแสดง ดำ้ นสถำปตั ยกรรม รวมถงึ ดำ้ นนันทนำกำรดว้ ย กำร ประยกุ ต์สร้ำงงำนศิลปะดว้ ยคอมพิวเตอร์มจี ุดเดน่ คือ ช่วยใหศ้ ลิ ปะสำมำรถออกแบบตำ่ ง ๆ ได้อยำ่ งรวดเรว็ ถูกต้องแม่นยำ สำมำรเปลยี่ นแปลงแก้ไขได้ แบบทสี่ ร้ำงขึน้ โดยคอมพวิ เตอร์ จะมีควำมแปลกตำน่ำสนใจ เพรำะสำมำรถสรำ้ งไดท้ งั้ ภำพน่ิงและภำพเคลื่อนไหว รวมถึงกำร สร้ำงเสียงต่ำง ๆ ประกอบในผลงำนศลิ ปะได้อกี ด้วย รปู ท่ี 4.1 ศิลปะกบั คอมพวิ เตอร์ ทม่ี ำ http://2g.pantip.com 67
ภาพศลิ ปะจากคอมพวิ เตอร์ กำรวำดภำพในปจั จบุ นั นใ้ี คร ๆ กส็ ำมำรถวำดไดแ้ ลว้ โดยไม่ต้องใช้พ่กู ันกับจำนสี แตใ่ ช้ คอมพวิ เตอรก์ รำฟิกแทนภำพท่ีวำด ในระบบคอมพวิ เตอรก์ รำฟิกนี้เรำสำมำรถกำหนดสี แสง เงำ รปู แบบลำยเส้นท่ตี ้องกำรได้โดยงำ่ ย ภำพโฆษณำทำงโทรทศั น์หลำยชนิ้ ก็เป็นงำนจำก กำรใชค้ อมพวิ เตอรก์ รำฟกิ ขอ้ ดีของกำรใชค้ อมพวิ เตอร์วำดภำพก็คือเรำสำมำรถแก้ไขเพ่มิ เตมิ สว่ นท่ตี อ้ งกำรได้ง่ำย นอกจำกนีเ้ รำยงั สำมำรถนำภำพตำ่ ง ๆ เก็บในระบบคอมพวิ เตอร์ ไดโ้ ดยใช้เครอื่ งสแกนเนอร์ (Scanner) แล้วนำภำพเหลำ่ นั้นมำแก้ไข ภำพยนตร์กำร์ตนู และภำพยนตร์ประเภทนยิ ำยวทิ ยำศำสตร์ หรอื ภำพยนตรท์ ี่ใช้ เทคนคิ พิเศษตำ่ ง ๆ ในปัจจุบนั มีกำรนำคอมพวิ เตอร์กรำฟกิ เข้ำมำช่วยในกำรออกแบบและ สร้ำงภำพเคลื่อนไหว (Computer Animation) มำกขน้ึ เนือ่ งจำกเปน็ วธิ ที ่ีสะดวก รวดเร็ว และ งำ่ ยกว่ำวิธีอ่นื ๆ นอกจำกน้ีภำพที่ได้ยังดูสมจรงิ มำกข้ึน เช่น ภำพยำนอวกำศทป่ี รำกฏอยู่ใน ภำพยนตร์ประเภทนยิ ำยวทิ ยำศำสตร์ กำรใช้คอมพวิ เตอร์กรำฟิกช่วยให้ภำพท่อี ยู่ใน จินตนำกำรของมนุษยส์ ำมำรถนำออกมำทำให้ปรำกฏเป็นจริงได้ ภำพเคล่ือนไหวจึงมปี ระโยชนม์ ำกทั้งในระบบกำรศึกษำ กำรอบรม กำรวจิ ัย และ จำลองกำรทำงำน เชน่ จำลองกำรขบั รถ กำรขบั เครอื่ งบิน เกมคอมพิวเตอรห์ รอื วดิ โี อเกม ก็ใช้หลกั กำรทำภำพเคลือ่ นไหวในคอมพิวเตอร์กรำฟกิ เช่นกัน รปู ที่ 4.2 ศิลปะจำกคอมพิวเตอร์ ท่ีมำ https://sites.google.com 68
การออกแบบกราฟิก งำนกรำฟกิ เป็นสว่ นสำคัญที่มบี ทบำทย่ิงต่อกำรออกแบบและกระบวนกำรผลติ สือ่ โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ ส่อื ทต่ี ้องกำรกำรสมั ผัสรบั ร้ดู ้วยตำ ไดแ้ ก่ หนังสือ นิตยสำร วำรสำร แผ่นป้ำย บรรจภุ ณั ฑ์ แผน่ พับ แผน่ ปลิว โทรทัศน์ โฆษณำ ภำพยนตร์ ฯลฯ นักออกแบบจะใช้วิธกี ำรทำง ศิลปะและวิธีกำรทำงกำรออกแบบร่วมกันสรำ้ งรูปแบบสื่อ เพอื่ ให้เกิดศักยภำพสูงสุดในกำร ท่จี ะเป็นตัวกลำงในกำรส่ือควำมหมำยระหวำ่ งผู้สง่ สำรและผรู้ บั สำร วธิ ีกำรออกแบบและวิธี แกป้ ัญหำกำรออกแบบ โดยกำรนำเอำรปู ภำพประกอบ ภำพถำ่ ย สญั ลกั ษณ์ รูปแบบ ขนำด ตวั อักษรมำจัดวำงเพือ่ ใหเ้ กดิ กำรนำเสนอขอ้ มลู อยำ่ งชัดเจน เกดิ ผลดตี อ่ กระบวนกำรสื่อควำมหมำย ความหมายของการออกแบบกราฟกิ เปน็ ลกั ษณะของกำรออกแบบพ้นื ผวิ 2 มติ ิ เพ่อื เป็นสือ่ กลำงสำหรบั ถำ่ ยทอดข้อควำม ควำมรสู้ กึ นกึ คดิ และอำรมณจ์ ำกบุคคลหน่ึงไปยงั อกี บคุ คลหนงึ่ เพ่ือใหเ้ ข้ำใจและรู้เรอื่ ง โดยใช้ประสำทตำในกำรรบั ร้เู ป็นสว่ นใหญ่ งำนกรำฟิกมีอิทธิพลต่อชวี ิตประจำวันของเรำ เป็นอยำ่ งมำก ส่ิงทเ่ี รำมองเหน็ ด้วยตำจะโนม้ น้ำวจติ ใจไดด้ กี ว่ำกำรรับรู้ประเภทอืน่ งำนกรำฟกิ ทีด่ ีต้องขนึ้ อยู่กับกำรออกแบบที่ดีด้วย นับตง้ั แต่ หลกั กำรเบื้องต้นของศลิ ปะ รวมถงึ กำรเลือก ใช้วัสดุอุปกรณต์ ำ่ ง ๆ ทีน่ ำมำใชใ้ นกำรผลติ วสั ดกุ รำฟิก นอกจำกน้ียังตอ้ งมีควำมรใู้ นเรื่อง เทคโนโลยีใหม่ ๆ ซง่ึ จะสำมำรถนำมำใชใ้ นกำร ออกแบบกรำฟิกด้วย เพือ่ ทจ่ี ะสำมำรถพฒั นำ งำนออกแบบให้ทันยุคสมยั ทีม่ ีกำรเปล่ยี นแปลง รปู ท่ี 4.3 กำรออกแบบกรำฟิก ตลอดเวลำ ทีม่ ำ http://202.44.68.33/files/u3844/apply 1 .jpg คณุ ค่าของงานกราฟกิ งำนกรำฟิกชน้ิ ทีต่ ีทำให้เหน็ ถงึ ควำมคดิ ในกำรออกแบบเป็นเลิศมอี ิทธิพลโดยตรง ทโ่ี น้มน้ำวผูร้ ับข้อมูลใหเ้ กิดควำมสนใจและยอมรบั และในขณะเดียวกันกย็ งั แสดงถงึ 1. เป็นสื่อกลำงในกำรส่ือควำมหมำยให้เกดิ ควำมเขำ้ ใจตรงกนั จำกจดุ หนึง่ ไปยงั อกี จุดหนึง่ ไดอ้ ย่ำงถกู ต้องและชัดเจน 2. สำมำรถทำหนำ้ ทีเ่ ปน็ สื่อ เพื่อใหเ้ กิดกำรเรยี นรู้ เกดิ กำรศกึ ษำกับกลุม่ เป้ำหมำย ไดเ้ ปน็ อย่ำงดี 69
3. ชว่ ยทำใหเ้ กิดควำมน่ำสนใจ ประทบั ใจ และนำ่ เชอื่ ถือแกผ่ พู้ บเหน็ 4. ชว่ ยใหเ้ กิดกำรกระตุน้ ทำงควำมคิดและกำรตัดสินใจอย่ำงรวดเรว็ 5. กอ่ ใหเ้ กิดควำมคดิ สร้ำงสรรค์ 6. ทำใหผ้ ู้พบเหน็ เกิดกำรเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรมทั้งทำงตำ้ นกำรกระทำและควำมคดิ เด็กควรรู้ คอมพิวเตอรก์ รำฟิก (Computer Graphics) หรือในศัพท์บัญญัตวิ ำ่ วชิ ำเรขภำพ คอมพวิ เตอร์ คอื หน่ึงในศำสตร์ องคค์ วำมร้ขู องระเบยี บวธิ กี ำรแก้ปัญหำเชิงคอมพิวเตอร์ (Computing Methodology) ท่ีแก้ปญั หำเก่ยี วกบั เรอ่ื งของภำพหรือกำรแสดงภำพ โดยเน้น กำรประมวลผลขอ้ มลู ด้วยคอมพิวเตอร์ ใหข้ อ้ มลู นำเข้ำเป็นข้อมลู ตัวเลข ตัวอกั ษร หรือ สัญญำณต่ำง ๆ แทนตำแหนง่ พกิ ัด สี รูปทรง ควำมสวำ่ ง ระบบคอมผิวเตอรก์ ับกำรออกแบบงำนกรำฟิก ความหมายและความเปน็ มาของคอมพวิ เตอรก์ ราฟกิ คอมพวิ เตอรก์ รำฟิก (Computer Graphics) หมำยถึง กำรสร้ำง กำรจัดกำร กำรใช้ คอมพวิ เตอรใ์ นกำรสร้ำงภำพกรำฟิก โดยกำรนำข้อมลู มำสร้ำงเปน็ ภำพ เสน้ กรำฟ แผน แผนภมู ิ หรอื อำจนำภำพมำจำกสื่ออน่ื ๆ เชน่ ภำพจำกเครอ่ื งสแกน จำกกลอ้ งดจิ ติ อล จำก วีติทศั น์หรอื จำกภำพยนตร์มำทำกำรตัดต่อให้เปน็ ไปตำมต้องกำรหรือตกแต่งภำพให้ดขี ้ึน คอมพวิ เตอรก์ รำฟิกอำจหมำยถงึ กำรใช้คอมพวิ เตอร์วำดภำพ โดยใชซ้ อฟต์แวร์สำหรบั วำดภำพ รูปท่ี 4.4 ระบบคอมพิวเตอร์กบั กำรออกแบบงำนกรำฟกิ ทมี่ ำ http://3.bp.blogspot.com 70
หลกั การทางานและการแสดงผลของภาพคอมพิวเตอร์กราฟกิ ภำพทเ่ี กิดบนจอคอมพวิ เตอร์ เกดิ จำกกำรทำงำนของโหมดสี RGB ซึง่ ประกอบดว้ ย สีแดง (Red) สเี ขยี ว (Green) และสีนำ้ เงิน (Blue) โดยใชห้ ลกั ยงิ ประจุไฟฟำ้ ใหเ้ กดิ กำรเปลง่ แสง ของสที ั้ง 3 สมี ำผสมกัน ทำใหเ้ กิดเป็นจดุ สสี ่เี หล่ยี มเลก็ ๆ ทเ่ี รยี กว่ำ พกิ เซล (Pixel) ซงึ่ มำจำก คำวำ่ Picture กับ Element โดยพกิ เซลจะมีหลำกหลำยสี เมอื่ นำมำวำงต่อกนั จะเกดิ เปน็ รูปภำพ ซึง่ ภำพที่ใช้กับเคร่ืองคอมพิวเตอร์มี 2 ประเภท คอื แบบ Raster กับ Vector หลักการของกราฟิกแบบ Raster หลักกำรของภำพกรำฟกิ แบบ Raster หรอื แบบ Bitmap เปน็ ภำพกรำฟกิ ที่เกดิ จำก กำรเรยี งตัวกันของจดุ สเ่ี หลี่ยมเล็ก ๆ หลำกหลำยสี ซึง่ เรยี กจุดส่ีเหลย่ี มเล็ก ๆ นีว้ ำ่ พกิ เชล (Pxel) ในกำรสร้ำงภำพกรำฟกิ แบบ Raster จะต้องกำหนดจำนวนของพิกเซลให้กับภำพท่ีตอ้ งกำรสรำ้ ง ถำ้ กำหนดจำนวนพกิ เซลน้อย เมอื่ ขยำยภำพให้มขี นำดใหญ่ข้ึนจะทำใหม้ องเห็นภำพเปน็ จดุ สี่เหลีย่ มเลก็ ๆ หรือถำ้ กำหนดจำนวนพกิ เซลมำกก็จะทำใหแ้ ฟม้ ภำพมีขนำดใหญ่ ดงั นั้น กำรกำหนดพกิ เซลจึงควรกำหนดจำนวนพิกเซลให้ เหมำะกับงำนท่สี รำ้ ง คอื ถ้ำต้องกำรใชง้ ำนทวั่ ไปจะ กำหนดจำนวนพกิ เซลประมำณ 100- 150 ppi (Pixel/ inch ) \"จำนวนพกิ เซลตอ่ 1 ตำรำงนิว้ \" ถำ้ เปน็ งำนท่ี ต้องกำรควำมละเอียดนอ้ ยและแฟ้มภำพมีขนำดเล็ก เช่น ภำพสำหรับใช้กบั เว็บไซจะกำหนดจำนวนพกิ เซล ประมำณ 72 ppi และถ้ำเป็นงำนพิมพ์ เชน่ นิตยสำร โปสเตอรข์ นำดใหญ่จะกำหนดจำนวนพิกเซลประมำณ 300-350 ppi เปน็ ตน้ รปู ที่ 4.5 ภำพแบบ Raster ทม่ี ำ https://encrypted-tbn0.gstatic.com หลกั การของกราฟกิ แบบ Vector หลักกำรของกรำฟกิ แบบ Vector เปน็ ภำพกรำฟิกท่ีเกิดจำกกำรอ้ำงอิงควำมสัมพันธ์ ทำงคณิตศำสตร์หรอื กำรคำนวณ ซึ่งภำพจะมคี วำมเป็นอสิ ระตอ่ กนั โดยแยกชิ้นสว่ นของภำพ ทง้ั หมดออกเปน็ เส้นตรง เส้นโค้ง รูปทรง เม่อื มีกำรขยำยภำพควำมละเอียดของภำพจะไม่ ลง แฟม้ จะมีขนำดเล็กกวำ่ แบบ Raster ภำพกรำกแบบ Vector นยิ มใชเ้ พื่องำ ตกแตง่ ภำยในและกำรออกแบบต่ำง ๆ เช่น กำรออกแบบอำคำร กำรออกแบบรถยนต์ กำรสรำ้ ง โลโก้ กำรสรำ้ งกำรต์ นู เปน็ ต้น 71
รูปท่ี 4.6 ภำพแบบ Vector ท่ีมำ http://3.bp.blogspot.com หลกั การใช้สแี ละแสงในคอมพิวเตอร์ 4. LAB สีท่ีใชใ้ นงำนด้ำนกรำฟิกทัว่ ไปมี 4 ระบบ คอื 1. RGB 2. CMYK 3. HSB RGB เปน็ ระบบสีท่ีประกอบดว้ ยแมส่ ี 3 สี คอื แดง (Red), เชียว (Green) และสีนำ้ เงนิ (Blue) เมือ่ นำมำผสมกนั ทำให้ เกิดสตี ่ำง ๆ บนจอคอมพิวเตอรม์ ำกถึง 16.7 ลำ้ นสี ซงึ่ ใกล้ เคียงกับสที ่ีตำเรำมองเห็นปกติ ทีไ่ ดจ้ ำกกำรผสมสีขน้ึ อยูก่ บั ควำมเขม้ ของสี โดยถ้ำสมี ีควำมเขม้ ข้นมำก เมือ่ นำมำผสม กนั จะทำใหเ้ กิดเป็นสขี ำว จงึ เรียกระบบสนี ีว้ ำ่ แบบ Additive หรอื กำรผสมสแี บบบวก รูปท่ี 4.7 สีแบบ RGB CMYK ทม่ี ำ https://www.mindphp.com เปน็ ระบบสที ีใ่ ชก้ บั เคร่อื งพมิ พ์ท่พี ิมพ์ออกทำงกระดำษหรือวสั ดผุ ิวเรียบอน่ื ๆ ซ่ึง ประกอบดว้ ยสหี ลกั 4 สี คือ สฟี ้ำ (cyan ), สมี ่วงแดง (Magenta), สเี หลอื ง ( Yellow ) และสีดำ ไม่ดำสนิทเนือ่ งจำกหมึกพมิ พม์ ีควำมไม่บรสิ ทุ ธ์ิ จึงเปน็ กำร ผสมสแี บบลบ (Subtractive) หลกั กำรเกิดสขี องระบบน้ี คือ หมึกสีหนึง่ จะดูดกลืนแสงจำกสหี นึ่งแลว้ สะท้อนกลบั ออกมำ เป็นสีตำ่ ง ๆ เช่น สีฟำ้ ดดู กลืนแสงของสมี ่วงแล้วสะท้อนออกมำ เปน็ สีน้ำเงนิ ซึง่ จะสังเกตไตว้ ่ำสีทสี่ ะทอ้ นออกมำจะเปน็ สีหลกั ของระบบ RGB กำรเกิดสีในระบบนจ้ี งึ ตรงขำ้ มกับกำรเกดิ สี ในระบบ RGB รูปท่ี 4.8 สีแบบ CMYK ที่มำ http://3.bp.blogspot.com 72
HSB เป็นระบบสีแบบกำรมองเหน็ ของสำยตำมนษุ ย์ ซ่ึงแบง่ ออกเป็น 3 สว่ น คือ Hue คือ สีต่ำง ๆ ท่ีสะท้อนออกมำจำกวตั ถุแล้วเขำ้ สูส่ ำยตำของเรำ ซง่ึ มักเรยี กสีตำม ชือ่ สี เช่น สเี ขียว สแี ดง สีเหลอื ง เป็นตน้ Saturation คือ ควำมสดของสี โดยค่ำควำมสด ของสจี ะเรม่ิ ท่ี 0 ถึง 100 ถ้ำกำหนด Saturation ที่ O สีจะมีควำมสดน้อย แตถ่ ้ำกำหนดที่ 100 สจี ะมีควำม สดมำก Brightness คอื ระดบั ควำมสวำ่ งของสี โดย ค่ำควำมสว่ำงของสีจะเร่ิมที่ 0 ถงึ 100 ถำ้ กำหนดที่ 0 ควำมสว่ำงจะน้อยซ่ึงจะเปน็ สีดำ แต่ถำ้ กำหนดท่ี 100 สจี ะมคี วำมสวำ่ งมำกท่สี ดุ รปู ท่ี 4.9 สแี บบ HSB สีจะมีควำมสวำ่ งมำกทส่ี ดุ ท่ีมำ http://2.bp.blogspot.com เด็กควรรู้ HSB (hue, saturation and brightness) เป็นเกณฑข์ องในแบบมำตรฐำน red, green และ blue (RGB) LAB เปน็ ระบบสที ี่ไม่ข้นึ กับอุปกรณ์ใด ๆ (Device Independent) โดยแบง่ ออกเป็น 3 ส่วน คอื L \" หรอื Luminance เปน็ กำรกำหนดควำมสว่ำงซึ่งมีคำ่ ต้งั แต่ 0 ถงึ 100 ถำ้ กำหนด ที่ 0 จะกลำยเป็นสีดำ แต่ถ้ำกำหนดที่ 100 จะกลำยเป็นสีขำว \"A\" เปน็ คำ่ ของสที ไี่ ลจ่ ำกสเี ขยี วไปสแี ดง \"B\" เปน็ คำ่ ของสีท่ีไลจ่ ำกสนี ้ำเงนิ ไปสเี หลือ 73
รปู ท่ี 4.10 สีแบบ LAB ทีม่ ำ https://2.bp.blogspot.com องค์ประกอบในการออกแบบงานกราฟกิ และสือ่ ความหมายและความเป็นมาของคอมพวิ เตอรก์ ราฟิก มอี งค์ประกอบอยู่ 2 สว่ น คือ 1. อักษรและตัวพมิ พ์ ตัวอกั ษรจะทำหนำ้ ที่เปน็ ส่วนแจกแจงรำยละเอียดของขอ้ มูล สำระที่ต้องกำรนำเสนอ ด้วยรูปแบบและกำรจดั วำงตำแหนง่ อยำ่ งสวยงำม มคี วำมชดั เจน กำรออกแบบ กำรเลอื กแบบ ตลอดจนกำรกำหนดรูปแบบของตัวอักษรทีจ่ ะนำมำใชต้ ้องมีลักษณะเดน่ อำ่ นง่ำย สวยงำม นำ่ สนใจ ลกั ษณะท่ีแตกตำ่ งของตัวอักษร จงึ ตอ้ งกำหนดตำมสภำวะกำรนำไปใช้โดยแบง่ ออก เป็น 2 สว่ น ได้แก่ สว่ นที่เปน็ หัวเรอื่ งหรือชื่อสินค้ำ จะต้องเนน้ ควำมโดดเดน่ ของรูปแบบ มำกที่สุด และสว่ นทเ่ี ปน็ ข้อควำมหรือเนื้อหำทต่ี ้องกำรแสดงรำยละเอียดต่ำง ๆ นยิ มใชต้ ัวอักษร ท่ีมีรปู แบบเรียบงำ่ ยสะดวกในกำรอ่ำนมำกทสี่ ุด 2. ภาพและส่วนประกอบตกแตง่ ภาพ ภำพและสว่ นประกอบตกแต่งภำพท่ีต้องกำรเนน้ ให้เกดิ คณุ ค่ำทำงควำมงำม ซงึ่ จะ ทำหน้ำท่ใี นกำรถ่ำยทอดจนิ ตนำกำรออกมำเปน็ รูปแบบและนำเสนอแนวคิดใหเ้ ป็นรูปธรรมดำ ตำมควำมคิดของตน เพ่อื ต้องกำรให้เกดิ ประสิทธผิ ลในกำรสอื่ สำรมำกท่ีสดุ งำนออกแบบท่ีดีควรนำภำพมำใชใ้ ห้เหมำะสมกับโอกำสและหน้ำทอี่ ย่ำงกลมกลนื คือ 74
2.1 เม่ือต้องกำรดงึ ดูดควำมสนใจ 2.2 เมอ่ื ต้องกำรใชป้ ระกอบกำรอธิบำยควำมรู้ 2.3 เมือ่ ตอ้ งกำรคำอธบิ ำยควำมคิดรวบยอด 2.4 เมอ่ื ตอ้ งกำรอำ้ งอิงสงิ่ ท่ีปรำกฏขน้ึ จรงิ 2.5 เมือ่ ต้องกำรใชป้ ระกอบข้อมูลทำงสถติ ิ คุณค่าและความสาคัญของการออกแบบงานกราฟิกและสอ่ื งำนกรำฟิกที่ดจี ะต้องทำให้เห็นถงึ ควำมคดิ ในกำรออกแบบเปน็ เลิศ มีคุณค่ำ และ ควำมสำคัญในตัวเองทแ่ี สดงออกได้ ดงั นี้ 1. เปน็ สอื่ กลำงในกำรสอื่ ควำมหมำยใหเ้ กิดควำมเข้ำใจตรงกนั ถูกต้อง และชัดเจน 2. สำมำรถทำหนำ้ ท่ีเปน็ สอื่ เพ่ือให้เกิดกำรเรยี นรไู้ ด้เป็นอยำ่ งตึ 3. ช่วยทำใหง้ ำนเกดิ ควำมนำ่ สนใจ ประทบั ใจ และนำ่ เชือ่ ถือแก่ผูพ้ บเหน็ 4. ชว่ ยให้เกิดกำรกระต้นุ ทำงควำมคิดและกำรตัดสินใจไดอ้ ย่ำงรวดเร็ว 5. ช่วยสร้ำงสรรคง์ ำนสญั ลักษณท์ ำงสังคม และพัฒนำระบบกำรส่ือสำรให้มี ประสิทธิภำพยิง่ ข้นึ 6. ชว่ ยใหเ้ กดิ ควำมคิดสร้ำงสรรค์ มแี นวคดิ สงิ่ ใหมอ่ ยู่เสมอ 7. ชว่ ยส่งเสรมิ ควำมกำ้ วหน้ำทำงธุรกจิ และพัฒนำประเทศ งานกราฟิกกบั คอมพิวเตอร์ ควำมเจริญกำ้ วหนำ้ ทำงเทคโนโลยใี นปัจจุบันทำใหส้ ำมำรถสร้ำงคอมพวิ เตอรร์ นุ่ ใหม่ ทม่ี คี วำมสำมำรถในต้ำนกำรคำนวณตัวเลขจำนวนมำกเสรจ็ สิน้ ภำยในเวลำอนั สน้ั และ เก็บข้อมลู ไดเ้ ป็นจำนวนมำก สำมำรถใชต้ ดิ ต่อสอ่ื สำรเป็นเครือข่ำยวงกวำ้ งทวั่ โลก นอกจำกน้ี รำคำของคอมพิวเตอรก์ ถ็ ูกลงโดยเฉพำะไมโครคอมพวิ เตอร์ ทำให้มกี ำรใช้งำนแพร่หลำย เกือบทุกวงกำร และเมื่อนำมำใชใ้ นงำนกรำฟิกทำให้สำมำรถสร้ำงงำนกรำฟกิ ได้รวดเรว็ มีคุณภำพและมีปรมิ ำณมำก ง่ำยตอ่ กำรนำไปใช้ งำนกรำฟิกทไ่ี ด้ยงั สำมำรถใชเ้ ผยแพร่ได้ สะดวกกว้ำงไกลผำ่ นระบบเครือขำ่ ยคอมพิวเตอร์ ควำมนิยมใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นงำนกรำฟกิ จงึ เกิดขนึ้ อย่ำงแพรห่ ลำยในกิจกรรม ดังน้ี งานนาเสนอขอ้ มูล ในกำรนำเสนอขอ้ มูลหำกข้อมูลท่นี ำเสนอมีเฉพำะขอ้ ควำม ตัวเลขหรอื ตำรำงจะ ทำใหผ้ ฟู้ ังรสู้ กึ เบ่ือหน่ำยและอำจสอ่ื ควำมเขำ้ ใจไดย้ ำก ดงั นน้ั จงึ นิยมใช้คอมพิวเตอร์เขำ้ มำ 75
ชว่ ยในกำรสร้ำงภำพกรำฟกิ เพอ่ื กำรนำเสนอ ขอ้ มูล เชน่ รำยงำนสรปุ กำรเงิน คะแนนนักเรยี น จำนวนประชำกร ซึ่งสำมำรถทำเปน็ รูปกรำฟวงกลม กรำฟเสน้ กรำฟแทง่ เพ่อื แสดงถงึ ปรมิ ำณ หรอื ควำมสัมพนั ธข์ องคำ่ ต่ำง ๆ ตวั อยำ่ งกำรนำเสนอขอ้ มลู มลี ักษณะดังน้ี รปู ท่ี 4.11 งำนนำเสนอข้อมลู ทมี่ ำ https://sites.google.com งานออกแบบ คอมพวิ เตอร์ไดถ้ ูกนำไปใชง้ ำนอยำ่ งมปี ระสทิ ธิภำพในกรสรำ้ งภำพกรำฟกิ เพื่อ ออกแบบทำงวศิ วกรรมและสถำปตั ยกรรม กำรออกแบบโดยใชค้ อมพวิ เตอร์ช่วย (Computer Aided Design : CAD) นัน้ ไดถ้ ูกใช้งำนอยำ่ งมำกในกำรออกแบบสิ่งก่อสร้ำง รถยนต์ เครอ่ื งบิน ยำนอวกำศ รวมทั้งกำรออกแบบคอมพวิ เตอร์ร่นุ ใหม่ มักถูกออกแบบในคอมพิวเตอร์ก่อน แลว้ จึงนำมำสรำ้ งจรงิ ในภำยหลงั หน้ำจอของโปรแกรมในลกั ษณะนมี้ กั จะประกอบด้วย รำยกำรเลือก หน้ำตำ่ ง และภำพอุปกรณ์ทกี่ ำลงั ออกแบบ รปู ท่ี 4.12 หนำ้ จอของโปรแกรมชว่ ยออกแบบทำงเครอื่ งกล ท่มี ำ https://sites.google.com 76
ข้อดขี องการใชค้ อมพวิ เตอร์ชว่ ยออกแบบ คือ 1 ) กำรออกแบบทำได้อย่ำงรวดเรว็ เนอ่ื งจำกกำรป้อนขอ้ มูลทำได้ง่ำยด้วยควำมช่วยเหลือ ของส่วนต่อประสำนกรำฟิกกบั ผู้ใช้ (Graphical User Interface : GUI) 2) ผใู้ ช้สำมำรถมองเห็นงำนท่ีออกแบบได้โดยไมต่ อ้ งสรำ้ งตันแบบจรงิ ทำใหป้ ระหยัด เวลำและค่ำใช้จำ่ ย 3 ) ลดจำนวนกำรสรำ้ งตน้ แบบเพอื่ กำรทดสอบลง เนอื่ งจำกผู้ใช้สำมำรถจำลอง สภำวะกำรทำงำนต่ำง ๆ เพ่อื กำรทดสอบช้นิ งำนได้ เช่น ทดลองเครื่องบินในอุโมงค์ลมจำลอง เพื่อดูพฤตกิ รรมของเครื่องบิน 4) ชว่ ยให้สำมำรถออกแบบงำนท่มี ีควำมซับซอ้ นสูงมำกซ่งึ มนุษยจ์ ะไมส่ ำมำร โดยปรำศจำกคอมพิวเตอร์ เช่น กำรสรำ้ งช้ินสว่ นอปุ กรณ์ กำรออกแบบทำงสถำปตั ยกรรม กำรออกแบบวงจรรวม (Integrated Circuit : IC) รปู ท่ี 4.13 กำรวำงท่อดว้ ยระบบ ทม่ี ำ http://www.digitalpest.co.th งานสรา้ งภาพนามธรรม คอมพวิ เตอรใ์ ชข้ ้อมลู วิธีกำรทำงคณติ ศำสตร์ และวธิ กี ำรสรำ้ งภำพกรำฟิก สรำ้ งภำพ นำมธรรมซง่ึ เปน็ ภำพกรำฟกิ ท่ไี มม่ ีจริงในธรรมชำตหิ รือภำพโดยปกติมคี วำมยำก หรือ เป็นไปไมไ่ ดท้ ี่จะมองเห็นหรอื เฝ้ำสงั เกตได้ เชน่ ภำพในภำพยนตร์ท่นี ักแสดงในปัจจบุ นั ปรำกฏตัวรว่ มกบั บรรดำบุคคลสำคญั ของโลกในอดีตหรอื ตัวกำร์ตูน ภำพหว้ งอำกำศ ภำพกำรเต้น ของหัวใจจำกมมุ มองต่ำง ๆ ภำพกำรเคล่อื นไหวของข้อตอ่ กระดกู ภำพนำมธรรมมีประโยชน์ อยำ่ งมำกต่องำนบนั เทงิ กำรแพทย์ วิทยำศำสตร์ และงำนอื่น ๆ ในชวี ิตประจำวนั กำรตรวจรักษำโรคของแพทยใ์ ชภ้ ำพนำมธรรมทค่ี อมพวิ เตอร์สรำ้ งข้นึ เพอ่ื ซอ่ มแซม อวัยวะทีผ่ ิดปกตหิ รอื ชำรุด โดยกำรสร้ำงภำพนำมธรรมของอวัยวะที่ตรวจและอำจสร้ำงภำพ 77
นำมธรรมของอวยั วะปกติซ้อนทับไว้ แพทย์จะสำมำรถตรวจค้นพบควำมผดิ ปกติของอวัยวะ โดยกำรหมนุ ดภู ำพนำมธรรมน้ีในมุมตำ่ ง ๆ และเมื่อจำเปน็ ตอ้ งผำ่ ตดั เพอื่ ใหก้ ำรรักษำ ในขณะ ผ่ำตัดแพทย์สำมำรถมองเหน็ ภำพนำมธรรมของอวัยวะท่ีกำลงั ผำ่ ตดั ไดท้ ุกแง่ทกุ มมุ ช่วยให้ กำรผ่ำตดั สะดวกและถกู ต้อง ในกำรผ่ำตดั ตบแตง่ ใบหนำ้ ของผปู้ ระสบอบุ ตั เิ หตุ ศัลยแพทย์ สำมำรถสร้ำงภำพนำมธรรมใบหน้ำของผูป้ ว่ ยข้นึ ก่อนแลว้ ดำเนนิ กำรผ่ำตดั ไปตำมท่กี ำหนด รปู ที่ 4. 1 4 ภำพจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ แสดงกระดูกนิ้วหวั แมม่ ือท่ียำวผดิ ปกติ ทีม่ ำ https://sites.google.com รำ้ นทำผมบำงแหง่ สรำ้ งภำพนำมธรรมของแบบทรงผมบนภำพของลกู ค้ำ แสดงให้ ลกู คำ้ เหน็ ภำพของตวั เองกบั ทรงผมใหม่ ในมุมมองต่ำง ๆ เมื่อลูกค้ำพอใจจงึ ตัดสนิ ใจลงมือทำ คาถาม คาถาม เพรำะสำเหตุใดจงึ มีกำรสรำ้ ง แพทย์จะใชภ้ ำพนำมธรรมทค่ี อมพิวเตอร์สรำ้ งขน้ึ ภำพนำมธรรมขึ้นมำใชใ้ นวงกำรแพทย์ เพือ่ ซ่อมแซมอวัยวะที่ตรวจและอำจสรำ้ งภำพนำมธรรม ของอวัยวะปกตซิ อ้ นทับไว้ แพทยจ์ ะสำมำรถตรวจค้นพบ ควำมผิดปกตขิ องอวัยวะโดยกำรหมุดดูภำพนำมธรรมน้ี ในมุมต่ำง ๆ และเมอื่ จำเปน็ ตอ้ งผ่ำตดั เพอ่ื ใหก้ ำรรกั ษำ งานด้านศิลปะ กำรสร้ำงงำนต้ำนศิลปะนบั เปน็ ส่ิงสำคัญสำหรบั มนุษยชำติ ศลิ ปินสำมำรถใช้ส่ือตำ่ ง ๆ ในกำรถำ่ ยทอดจนิ ตนำกำร อำรมณ์ ควำมร้สู ึกสู่ผ้ชู มงำนศิลปะน้ัน คอมพิวเตอร์นับว่ำเปน็ อุปกรณ์ท่มี ีประสทิ ธภิ ำพในกำรสรำ้ งภำพกรำฟิกเพอื่ ส่อื ควำมหมำย เนื่องจำกมคี วำมยดึ หยุ่น ในกำรนำเสนอได้มำก 78
กำรสรำ้ งงำนศิลปะอำจทำได้ตงั้ แต่กำรวำดภำพโดยใชโ้ ปรแกรมวำดภำพท่ีมเี ครือ่ งมอื ให้สำมำรถใช้เมำส์แทนกำรใช้พู่กันและสี ในบำงโปรแกรมสำมำรถปรบั ควำมหนกั เบำ ของเส้นมำชว่ ยทำใหก้ ำรวำดภำพเป็นธรรมชำติขนึ้ บำงโปรแกรมสำมำรถปรับแตง่ ภำพถำ่ ย มำเปน็ ภำพวำดสีนำ้ สนี ำ้ มัน หรอื แบบอนื่ ๆ ได้ และยงั รวมควำมสำมำรถในกำรเลอื กพ้ืนผิว สำหรับวำดภำพดว้ ย ในงำนศลิ ปะกำรละคร ฟลิ ์มภำพยนตร์หรอื วิดที ัศนส์ ำมำรถบันทกึ ภำพกำรแสดงได้ แต่ไม่สำมำรถเก็บรำยละเอยี ดทำ่ ทำงของตวั ละครแต่ละตวั กำรใช้คอมพวิ เตอรก์ รำฟิกจะทำให้ ผกู้ ำกบั กำรแสดงสำมำรถวเิ ครำะหอ์ อกแบบท่ำทำงของนกั แสดง กำกับบทบำทของตัวละคร แตล่ ะคนบนั ทกึ เป็นขอ้ มูล กำหนดฉำก แสง แลว้ แสดงเปน็ ภำพกำรแสดงรวม ซ่งึ สำมำรถ ตรวจสอบแกไ้ ขรำยละเอยี ดทุกสว่ น และนำไปสู่บทบำทกำรแสดงจริงบนเวที คอมพิวเตอร์ กรำฟกิ สำหรบั งำนศลิ ปะกำรละครจะมลี ักษณะกำรใช้งำนคล้ำยกับคอมพวิ เตอร์กรำฟกิ ชว่ ยในกำรออกแบบ รูปที่ 4. 15 ภำพเลียนแบบงำนศลิ ปะทีส่ ร้ำงโดยใช้คอมพวิ เตอร์ ท่ีมำ https://sites.google.com งานสารวจอวกาศ ในกำรสำรวจอวกำศจำกนอกโลก คอมพวิ เตอร์ในยำนสำรวจจะบนั ทึกภำพต่ำง ๆ เชน่ ดำวองั คำร ดวงจันทร์ ดำววีนสั กำแลก็ ซีต่ ำ่ ง ๆ เป็นข้อมลู ทำงดิจทิ ัลแล้วส่งกลับมำยังฐำนบนโลก ซง่ึ จะเปลย่ี นข้อมูลดิจทิ ัลมำเปน็ ภำพกรำฟิก ผเู้ ช่ียวชำญทำงกรำฟิกจะวเิ ครำะห์ภำพโดยใช้ เทคนิคเพ่ิมคุณภำพของภำพ ซง่ึ จะทำกำรปรบั ภำพตำมเง่อื นไขของตัวบ่งชี้พ้นื ผิว เทคนคิ กำรเพิม่ คุณภำพของภำพสำมำรถเติมขอ้ มลู ท่ีผดิ พลำดโดยกำรตรวจสอบจุด ภำพข้ำงเคียงส่วนทผ่ี ิดพลำดแล้ว คำดกำรวำ่ ข้อมูลภำพท่หี ำยไปหรอื ไมท่ รำบว่ำเป็นอย่ำงไร 79
ควำมเขม้ แสงบนภำพไดร้ บั กำรปรบั ใหด้ ีข้นึ โดยใชข้ ้อมูลทม่ี ำจำกข้อกำหนดของ ควำมหนำแน่นของอำกำศและชัน้ บรรยำกำศต่ำง ๆ เทคนิคกำรเพมิ่ คณุ ภำพของภำพสำมำรถ ปรบั ภำพสีเทำเป็นภำพสีได้ รปู ที่ 4.16 ภำพดวงดำวและพ้ืนผวิ ดำว ที่มำ https://i0.wp.com งานพยากรณ์อากาศ ภำพแผนทอ่ี ำกำศและคำพยำกรณ์อำกำศท่ีปรำกฏในขำ่ วทำงทีวีในแตล่ ะวนั เป็น งำนท่ีเกิดจำกรวบรวมข้อมลู ควำมกดอำกำศ อุณหภูมิ ควำมชื้นสัมพทั ธ์ ควำมเร็วลม และ ทศิ ทำงลมของกรมอตุ ุนยิ มวิทยำจำกหลำยพ้นื ที่ โดยใชข้ ้อมลู จำกกำรมองเห็น ภำพสำรวจ ผ่ำนดำวเทยี ม สัญญำณจำกเรดำร์ เครื่องวัดภำคพน้ื ดิน เครอ่ื งมอื วัดจำกบัลลนู อำกำศ แลว้ ป้อนเขำ้ สู่ระบบเครอื ขำ่ ยคอมพวิ เตอรท์ ีแ่ หลง่ เกบ็ ขอ้ มูลนนั้ 1 จำกนนั้ ขอ้ มลู จำนวนมำกมำย น้จี ะถูกสง่ ต่อมำประมวลผลดว้ ยคอมพวิ เตอรก์ รมอุตุนิยมวิทยำ กรุงเทพฯ ซึง่ จะทำกำรคำนวณ ดว้ ยควำมเร็วสงู เพ่อื จำลองสภำพของอำกำศ ผลไดจ้ ะเปน็ ภำพกรำฟิกท่ีเป็นภำพแผน และขอ้ มูลสำหรบั พยำกรณ์อำกำศ รูปท่ี 4. 17 แผนทีแ่ สดงปรมิ ำณน้ำฝนในบริเวณตำ่ ง ๆ ของโลก ท่มี ำ http://1.bp.blogspot.com 80
งานกีฬา ในสนำมกฬี ำหลำยแห่งจะมีกระตำนอิเลก็ ทรอนิกสท์ ่ีควบคุมด้วยระบบคอมพวิ เตอร์ สำหรับให้ขอ้ มูลและสรำ้ งควำมสนุกสนำนให้กับผู้ชมโดยแสดงภำพกรำฟกิ เชน่ สถิตแิ ละ คะแนนกำรแขง่ ขนั ยอ้ นภำพกำรแข่งขนั แสดงภำพเคล่อื นไหว แสดงควำมยินดแี ละเป็น กำลงั ใจในกำรวิเครำะหข์ อ้ มูลเพื่อเพิม่ ขีดควำมสำมำรถของนักกฬี ำ ผู้ควบคมุ กำรฝกึ สอนกีฬำสำมำรถใช้โปรแกรมทำงกรำฟกิ เชน่ กำรนำภำพกำรเคล่ือนไหวรำ่ งกำยของนกั กฬี ำ ขณะว่งิ เกบ็ บนั ทึกไวใ้ นคอมพิวเตอร์ โดยใช้ เคร่ืองกรำดตรวจพิเศษหรือดจิ ิไทเซอร์ แล้ว สรำ้ งโครงร่ำงกำยขณะเคลอ่ื นไหวเป็นภำพ กรำฟกิ รูปแบบที่สร้ำงข้ึนนี้สำมำรถนำไปใช้ ในกำรเปรยี บเทยี บกับผลกำรวง่ิ ของนกั กีฬำ คนอ่นื ทำใหส้ ำมำรถพฒั นำรูปแบบกำรวง่ิ และ วธิ กี ำรเพ่มิ ขีดควำมสำมำรถของนักกีฬำได้ รปู ที่ 4.18 กำรใช้คอมพวิ เตอร์สรำ้ งภำพ กำรเคลื่อนไหวของนักเรยี น ประเภทของงานออกแบบกราฟกิ และสอื่ 1. งานกราฟิกบนสือ่ โฆษณาสิ่งพิมพ์ 1.1 แผน่ ปำ้ ยโฆษณำ (Poster) เป็นสือ่ ทม่ี คี วำมสำคัญมำกในวงกำรประชำสัมพนั ธ์ เพรำะแผ่นป้ำยโฆษณำสำมำรถเผยแพร่ไดส้ ะดวกและกวำ้ งขวำง เข้ำถึงกลุ่มเป้ำหมำยได้ทกุ พ้นื ท่ี สำมำรถสอื่ สำรกบั ผบู้ ริโภคไดท้ กุ เพศทุกวัยทุกระดับกำรศกึ ษำ มคี วำมยดื หยุ่นในกำรออกแบบ สำมำรถออกแบบกรำฟิกไต้อยำ่ งอิสระเพื่อโนม้ น้ำวควำมรู้สกึ ได้เป็นอย่ำงดี รปู ที่ 4.19 แผ่นปำ้ ยโฆษณำ (Poster) ที่มำ https://simg.kapook.com 81
1.2 แผน่ พบั (Floders) หมำยถึง สื่อโฆษณำทเี่ ป็นสิ่งพมิ พป์ ระเภทไดเรก็ เมล (Direct Mal) ทผ่ี ู้ผลิตสง่ ตรงถงึ ผ้บู รโิ ภค มีท้งั วิธีกำรส่งทำงไปรษณยี ์และแจกตำมสถำนทต่ี ำ่ ง ๆ ลักษณะเดน่ ของแผ่นพบั คอื มีขนำดเลก็ หยิบงำ่ ยใหข้ ้อมูลรำยละเอียดได้มำกพอสมควร ผอู้ ่ำน สำมำรถเลอื กเวลำใดอ่ำนกไ็ ด้ผูอ้ อกแบบมเี ทคนิคกำรออกแบบตำมอสิ ระหลำกหลำย คำ่ ใชจ้ ำ่ ย ในกำรผลติ ตำ่ กวำ่ สงิ่ พิมพช์ นดิ อน่ื นอกจำกนย้ี ังเป็นสอื่ ทถี่ งึ เป้ำหมำยได้อย่ำงแท้จริง รปู ที่ 4,20 แผน่ พับ (Floders) ทีม่ ำ http://trang.cdd.go.th 1.3 แผ่นปลวิ (Leaflets) หมำยถึง สง่ิ พิมพ์เฉพำะกจิ ทม่ี ีเนอ้ื หำสำระเรอื่ งใด เพียงเรอ่ื งเดยี ว ไดแ้ ก่ คำแถลง ประกำศ ช้แี จง แจ้งควำม โดยข้อควำมเหล่ำนน้ั มกั จะเปน็ กำร ใหข้ ้อมลู เพอ่ื แจกจ่ำยไปยังกลมุ่ เปำ้ หมำยเฉพำะ อำจมีวัตถุประสงคเ์ พอื่ กำรโฆษณำ หรือเพอื่ กำรเผยแพรป่ ระชำสัมพันธก์ ไ็ ด้ ควำมหมำยของใบปลวิ อกี ลกั ษณะหนึ่ง คือ แผน่ กระดำษ ขอ้ ควำมทแ่ี จกจำ่ ยในลกั ษณะท่ปี กปิด ไม่เปดิ เผยเหมอื นใบปลิวโฆษณำสินค้ำและบริกำร หรอื ประกำศเรื่องใดเร่อื งหนึง่ ซึ่งเป็นกำรจดั ทำโดยหนว่ ยงำนรำชกำรหรอื หนว่ ยงำนใด รปู ที่ 4.21 แผน่ ปลิว (Leaflets) ท่มี ำ http://www.phuketwindow.com 82
1.4 บัตรเชญิ (Cards) เปน็ สื่อโฆษณำอีกประเภทหนง่ึ ที่มบี ทบำทในกำรโฆษณำ ประชำสัมพันธก์ ำรออกแบบกรำฟกิ ตำ้ นบตั รเชิญมีอย่ำงกว้ำงขวำง นักออกแบบพยำยำม สร้ำงสรรคร์ ปู แบบใหมท่ ี่จะท้ำทำยให้ผูไ้ ด้ รบั เชิญเกดิ ควำมร้สู ึกอยำกรูอ้ ยำกเห็น อยำกสมั ผัส บตั รเชิญรียกได้ว่ำเปน็ สอ่ื เฉพำะกิจใช้ในโอกำสตำ่ ง ๆ ท่สี ำคญั เชน่ เชิญเปดิ ร้ำน เปิดกจิ กำร เปิดนทิ รรศกำร กำรแสดงหรอื ใชโ้ ชวส์ นิ ค้ำ กำรเสนอ ผลิตภัณฑร์ ่นุ ใหม่ ดงั นัน้ กำรออกแบบบตั ร เชิญจึงมักจะตอ้ งมคี วำมประณีต สวยงำม มีคุณค่ำสงู ในด้ำนศลิ ปะ เนื่องจำกตอ้ งกำร ตงึ ดดู ชักจงู ใหเ้ กดิ ควำมรู้สกึ คล้อยตำม ทร่ี ปู 4.22 บตั รเชญิ (Cards) ทีม่ ำ http://www.viscomcenter.co.th 2. งานกราฟิกบรรจภุ ณั ฑ์ บรรจภุ ัณฑม์ หี น้ำท่ีหลกั คือ เป็นตัวภำชนะสำหรับบรรจสุ ินค้ำ มหี ลำยรปู แบบ แตกตำ่ งกันไปตำมลักษณะของสนิ คำ้ เช่น หบี หอ่ กลอ่ ง ขวด ลัง กระปอ้ ง ฯลฯ บรรจภุ ณั ฑจ์ ะมี ขนำดตำ่ ง ๆ ตำมขนำดทบี่ รรจสุ ินคำ้ กำรออกแบบบรรจุภณั ฑแ์ บง่ เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 3 กล่มุ คอื 2.1 บรรจุภัณฑ์สาหรบั คา้ ปลกี มกั ออกแบบสวยงำม สะดวกในกำรใช้สอย น่ำใช้ บำงชนิดจะเนน้ ควำมสวยงำมเป็นพิเศษ จะมรี ำยละเอยี ดของสนิ ค้ำบรรจอุ ยู่ภำยใน 2.2 บรรจุภณั ฑ์เพอื่ การค้าสง่ เป็นบรรจภุ ัณฑ์ทอี่ อกแบบสำหรบั บรรจุสนิ คำ้ จำนวนมำก ๆ กำรกำหนดรำยละเอียดจะแตกตำ่ งออกไป 2.3 บรรจุภณั ฑ์เพอื่ การขนส่ง จะเน้นในเร่อื งควำมสะดวก ควำมปลอดภยั และ ควำมประหยัดในกำรชนสง่ กำรออกแบบฉลำกของบรรจภุ ณั ฑ์จะต้องอยู่ภำยใต้เงอ่ื นไขและ ข้อกำหนดหลำยอยำ่ ง นักออกแบบมักจะต้องสร้ำงภำพลกั ษณข์ องตัวสนิ ค้ำใหเ้ กดิ ควำมน่ำเชอื่ ถอื สวยงำม ส่วนกำรออกแบบหบี หอ่ บรรจภุ ัณฑ์กม็ ีจดุ ประสงค์อยำ่ งเดยี วกนั กบั ฉลำกสินค้ำ แต่มี จุดเดน่ คอื เพอื่ ควำมสะดวกในกำรขนสง่ 83
รปู ที่ 4.23 บรรจภุ ณั ฑ์กำรค้ำ ทีม่ ำ https://www.nectec.or.th 3. งานกราฟิกบนเครอ่ื งหมายและสัญลักษณ์ ส่ือทเ่ี ป็นภำพเครอ่ื งหมำยหรอื สัญลกั ษณ์ เป็นสอื่ ท่ีมบี ทบำทอย่ำงมำกในชีวิต ประจำวนั ถ้ำเรำมองไปรอบ ! ตวั จะเหน็ สือ่ ท่ีเปน็ ภำพเครื่องหมำยหรือสญั ลักษณ์ปรำกฏอยู่ ทัว่ ไป กำรออกแบบสัญลักษณ์ นกั ออกแบบจะตอ้ งใช้ควำมรูค้ วำมสำมำรถอย่ำงย่ิงในกำร วิเครำะหเ์ น้ือหำสำระที่ตอ้ งกำรสื่อควำมหมำย และสงั เครำะหใ์ หเ้ ป็นรปู ลักษณ์ทเ่ี ปน็ สงิ่ แทน อันสำมำรถจะบอกไดถ้ ึงควำมหมำย ทง้ั ยังต้องใช้ควำมสำมำรถในกำรเขยี นภำพหรอื ผลิต ภำพสัญลักษณ์ให้ประณีต คมชัด เพือ่ สื่อควำมหมำยได้อยำ่ งถกู ต้องชัดเจน ในกำรออกแบบสญั ลักษณน์ ักออกแบบอำจมีแรงบนั ดำลใจที่สำคญั มำจำก2 แหลง่ คือ - จำกธรรมชำติสิง่ แวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ ภำพดอกไม้ ใบไม้ ดวงอำทติ ย์ ภูเขำ ทะเล ฯลฯ - จำกรปู แบบทมี่ นุษย์สร้ำงขึ้น ไดแ้ ก่ อำคำรบำ้ นเรอื น เครอ่ื งใช้ สิ่งของต่ำง ๆ กำรออกแบบสญั ลกั ษณ์ให้บรรลุเป้ำหมำย นกั ออกแบบควรคำนงึ ถงึ หลกั สำคัญ 3 ประกำร คือ - ควำมหมำยของสญั ลกั ษณ์ จะต้องเกี่ยวโยงกบั สนุ ทรภี ำพ คอื ควำมงดงำมของ รูปแบบของสญั ลกั ษณ์นนั้ ๆ - ต้องเหมำะสมกับกำลเวลำทุกยคุ ทุกสมยั ควรหลีกเลี่ยงส่งิ ท่ีเป็นควำมนิยม ชัว่ ครำว - ตอ้ งนำไปใช้ประโยชนไ์ ด้หลำยประกำร สำมำรถลอกเลยี นด้วยวธิ ยี ่อ ขยำยได้ งำ่ ย สอ่ื ที่เป็นภำพเครื่องหมำยหรอื สัญลกั ษณท์ ม่ี ีอยู่ท่ัวไป อำจแยกประเภทได้ ดังนี้ 3. 1 ภาพเครือ่ งหมายจราจร เป็นกติกำสำกลซง่ึ เข้ำใจร่วมกนั ทว่ั ไป กำรออกแบบ จะเนน้ ควำมชดั เจนของกำรสื่อควำมหมำย เข้ำใจงำ่ ย สีสนั สะดดุ ตำ 84
3.2 เครอื่ งหมายสถาบนั สมาคมและกลมุ่ ตา่ ง ๆ ซึ่งกำหนดรปู แบบเพ่ือแทนหรอื เปน็ สญั ลกั ษณข์ องหน่วยงำนนน้ั ๆ 3.3 เครื่องหมายบริษัท สนิ คา้ หรอื ผลติ ภัณฑ์ เพ่อื กำรสรำ้ งเชือ่ มนั่ กระตุ้น ควำมน่ำสนใจในบริษทั กำรค้ำหรือผลติ ภัณฑ์ตำ่ ง ๆ 3.4 ภาพเครื่องหมายสถานที่ เป็นเครือ่ งหมำยทแ่ี สดงสญั ลักษณ์สถำนท่ตี ำ่ ง ๆ ทแ่ี สดงให้เขำ้ ใจรว่ มกนั ไดโ้ ดยไม่ต้องใชต้ ัวหนังสอื ข้อควำม ซ่งึ บำงครั้งอำจสอ่ื ได้ยำกกว่ำกำรใช้ สัญลักษณ์ 3.5 ภาพเครื่องหมายกิจกรรมต่าง ๆ เชน่ กำรกฬี ำ กำรก่อสร้ำง กำรประชมุ ฯลฯ 3.6 เครื่องหมายทใ่ี ช้ในการออกแบบเขยี นแบบ เป็นเครือ่ งหมำยภำพท่ใี ช้ ส่อื ควำมหมำยรว่ มกนั ระหว่ำงผู้ออกแบบ เขยี นแบบแปลน และผู้อ่ำนแบบหรอื บคุ คลท่ัวไปที่ เกยี่ วข้อง ในกำรออกแบบภำพเครือ่ งหมำยหรือสัญลักษณ์ ควรยดึ หลักกว้ำง ๆ เพื่อเปน็ แนวคิด ดังนี้ - แนวคดิ เกยี่ วกับควำมงำม - แนวคิดเก่ียวกับควำมหมำย - แนวคดิ ในกำรสรำ้ งควำมเดน่ และนำ่ สนใจ - ควำมเหมำะสมในกำรออกแบบและกำรใช้งำน รูปที่ 4.24 เคร่ืองหมำยและสัญลกั ษณ์ 4. งานกราฟิกบนส่งิ พมิ พ์ทั่วไป สิง่ พิมพท์ ่ัวไปทีต่ อ้ งอำศยั งำนกรำฟิกช่วยในกำรออกแบบมีหลำยประเภท เชน่ สำร หนงั สอื พมิ พ์ นิตยสำร หนงั สือสำหรบั เดก็ ซึ่งควรพิจำรณำองคป์ ระกอบ ดังนี้ 1 . การออกแบบปกหนังสอื ผูอ้ อกแบบจะตอ้ งจัดวำงองคป์ ระกอบตำ่ ง ๆ ให้เหมำะสม สวยงำม คำนึงถงึ ลักษณะของหนงั สือ ลกั ษณะของผบู้ รโิ ภค อำจมหี ลักทต่ี ้องพิจำรณำถึง คือ ประเภทของหนังสือ บุคลกิ ของหนงั สือ แนวทำงสร้ำงสรรค์รูปแบบ วธิ กี ำรผลิต วสั ดทุ ใี่ ชท้ ำปก 85
2. การออกแบบจัดหน้า กำรออกแบบจัดหน้ำของส่งิ พิมพ์แต่ละประเภทจะแตกตำ่ ง กันออกไป แตจ่ ะสอดคล้องกบั ลกั ษณะของเนอ้ื หำและรูปเลม่ 3. การออกแบบรูปเลม่ หนังสอื แตล่ ะประเภทจะมีรปู เล่มแตกต่ำง กนั แตต่ ้องคำนึงถึงควำมสวยงำม สะดวกใน กำรหยบิ อำ่ น พกพำ กำรเก็บรกั ษำ ขนำด และควำมหนำพอดี รูปท่ี 4.25 งำนกรำฟกิ บนสิ่งพมิ พ์ ท่ีมำ http://1.bp.blogspot.com คอมพิวเตอรก์ บั การออกแบบ กำรใชค้ อมพิวเตอรช์ ่วยในกำรออกแบบ (Computeraided Design) โดยนำยเอกชัย ลลี ำรศั มี มีชอ่ื ย่อว่ำ แคด (CAD) เป็นกำรประยุกต์ของคอมพวิ เตอรท์ ่ีมีประโยชน์และมคี วำมสำคัญ ตอ่ กำรพฒั นำเทคโนโลยแี ละอุตสำหกรรมเป็นอยำ่ งมำก โดยเฉพำะอยำ่ งยงิ่ เมอ่ื นำมำผนวก กบั กำรใช้คอมพิวเตอรช์ ่วยในกำรผลิต (Computer Aided Manufacturing) ซึ่งมีชือ่ ยอ่ วำ่ แคม (CAM) เชอื่ ว่ำในอนำคตกำรผนวกกนั เขำ้ น้ีจะนำไปสูก่ ำรปฏวิ ตั ิทำงอตุ สำหกรรมคร้ังใหม่อกี คร้งั หนงึ่ ภำยหลังจำกทีเ่ ครื่องจกั รไอน้ำและเครอ่ื งจกั รกลไฟฟำ้ ได้ทำใหเ้ กดิ กำรปฏวิ ตั ทิ ำง อตุ สำหกรรมมำแล้วในอดีต ในอตุ สำหกรรมยุคใหมน่ คี้ อมพวิ เตอร์จะมบี ทบำทตลอดทุกขั้นตอน ในกำรผลิต นบั ต้งั แตก่ ำรออกแบบจนถงึ กระบวนกำรผลิตขั้นสดุ ท้ำย ท้ังน้โี ดยอยภู่ ำยใต้ระบบ กำรสง่ั งำนและควบคุมของมนุษย์ รปู ที่ 4.26 คอมพวิ เตอร์กับกำรออกแบบ ที่มำ http://www.ideaplanstudio.com 86
คอมพิวเตอร์กราฟิกกับเทคนคิ พิเศษในภาพยนตร์ คอมพิวเตอรก์ รำฟิกนอกจำกกำรใช้เปน็ เครอ่ื งมือในกำรตกแต่ง ตัดต่อภำพยนตร์ และควบคมุ กำรเคลอ่ื นกล้อง (Motion Control) ด้วยวธิ ีนำคอมพวิ เตอรไ์ ปใช้ควบคอู่ ุปกรณ์ วดั ตำแหน่งเพลำและกำรหมุนของมอเตอร์ท่ีตดิ ตง้ั บนแทน่ กล้อง ทำใหส้ ำมำรถควบคุมกำร เคลือ่ นไหวกล้องภำพยนตรใ์ ห้เป็นไปอยำ่ งตอ่ เน่ืองและแลดูเป็นธรรมชำติ ภำพท่ีบันทกึ กำร เคล่อื นไหวทเ่ี กิดจำกหุ่นจำลองในทศิ ทำงตำ่ ง ๆ จึงแลดสู มจริงกว่ำภำพยนตร์ท่ผี ่ำนมำมำก คอมพิวเตอรก์ รำฟิกถกู นำมำใช้สร้ำงภำพ เทคนิคในภำพยนตรค์ ร้งั แรกเม่อื บริษทั วอลทด์ สิ นีย์ ได้เสนอภำพยนตรเ์ ร่ือง ตรอน (Tron) ซง่ึ เปน็ เรื่องรำวกำรผจญภยั ของเดก็ หนุ่มสำว 2 คน ทถี่ กู สง่ เข้ำไปภำยในระบบคอมพวิ เตอร์ ถึงแมว้ ่ำภำพยนตรเ์ รอ่ื งน้จี ะไมไ่ ด้ประสบควำมสำเรจ็ เทำ่ กับสตำร์วอร์ แตเ่ ทคนคิ พิเศษในภำพยนตรเ์ รื่องตรอนกเ็ ปน็ จดุ เปลยี่ นแปลงที่สำคญั ของ กำรนำคอมพิวเตอร์กรำฟิกมำใช้สร้ำงเทคนิคพิเศษทีท่ ดแทนวิธกี ำรแบบเก่ำในอตุ สำหกรรม ภำพยนตร์ บริษัทพำรำเมำสพ์ ิกเจอรร์ ่วมกบั บรษิ ัทลูกสั ฟลิ ์มได้นำเสนอภำพยนตรเ์ ร่ืองสตำแทรค 2 (Star Trek I') ในภำพยนตร์เรอ่ื งนีม้ ฉี ำกหนงึ่ ทน่ี ำคอมพวิ เตอรก์ รำฟิกมำสรำ้ งภำพเคลื่อนไหว ยำว 20 วนิ ำที่ คอื ภำพแสดงโครงกำรเจเนชิส ท่มี ีวตั ถปุ ระสงค์สรำ้ งโลกใหมข่ องมนุษย์ จดุ เดน่ ของภำพคอมพิวเตอรก์ รำฟิก คือ เทคนิคทีแ่ สดงภำพกำรระเบิดเป็นอนุภำคฝนุ่ และ กำแพงไฟท่ผี ิวดำวเครำะหแ์ ละขยำยตวั ไปอยำ่ งรวดเร็วจนทัว่ ทั้งดวงดำว รูปท่ี 4.27 คอมพิวเตอร์กรำฟิกกบั เทคนคิ พิเศษในภำพยนตร์ ที่มำ http://2.bp.blogspot.com 87
พฒั นำกำรของเทคนิคพเิ ศษได้กำ้ วไปอีกข้นึ หนง่ึ เมอ่ื บริษทั ไอแอลเอ็ม (Industrial Light & Magic : ILM) ได้สรำ้ งควำมฉงนใหก้ บั ผชู้ มภำพยนตรใ์ นเวลำนน้ั ดว้ ยภำพยนตร์เรอื่ ง Abyss ซง่ึ แสดงให้เหน็ ถงึ เทคนคิ พิเศษคอมพวิ เตอรก์ รำฟิกท่กี ้ำวหนำ้ มำกที่สดุ ต่อมำบริษัท ไอแอลเอม็ ได้สรำ้ งเทคนิคพิเศษสำหรบั ภำพยนตร์เร่ือง The Terminator 2 : Judgement Day ควำมสำเรจ็ ของกำรใช้เทคนคิ พเิ ศษในภำพยนตร์ทำใหค้ อมพิวเตอรก์ รำฟกิ กลำยเป็นเครื่องมอื สำคัญสำหรับกำรสรำ้ งสรรคภ์ ำพจำกจนิ ตนำกำรของผู้ประพันธ์ใหป้ รำกฏออกมำในภำพยนตร์ ทีใ่ หค้ วำมสมจริงได้ อำจกลำ่ วได้ว่ำกำรพัฒนำระบบฮำรด์ แวรแ์ ละซอฟตแ์ วร์ท่ใี ชส้ ร้ำงเทคนิค พเิ ศษส่งผลให้เกิดทำงเลอื กใหม่แก่ผู้ผลติ ภำพยนตร์ คือ เนื้อหำของบทภำพยนตรไ์ ม่ถูก จำกดั กำรนำคอมพิวเตอรก์ รำฟกิ มำใช้ทำให้เนอ้ื หำบทภำพยนตร์ไม่ถกู จำกดั ดว้ ยเทคนคิ และกระบวนกำรสรำ้ งภำพยนตร์อีกตอ่ ไป ศลิ ปนิ มีควำมอิสระในกำรสรำ้ งภำพยนตร์โดยไม่ จำกดั ตวั เองใหอ้ ยูภ่ ำยใต้กฎเกณฑ์ในธรรมชำติ เชน่ ตำแหนง่ ควำมเรว็ น้ำหนกั ของวตั ถแุ ละ กล้องในภำพยนตร์ เครอ่ื งมอื ช้นิ ใหม่สำหรบั เทคนคิ พเิ ศษ คอมพวิ เตอร์กรำฟิก เครอ่ื งมอื ช้ินหน่งึ สำหรบั กำรสรำ้ งเทคนคิ พิเศษ เช่น ภำพกำรระเบดิ เปลวไฟ กำรลบบำงสว่ น ของภำพออก ท้ังกำรนำไปใชส้ ร้ำงตวั ละครประกอบในฉำกจำนวนมำก ๆ กำรใหค้ วำมสมจรงิ คุณภำพของภำพทปี่ รำกฏในฉำกภำพยนตร์ ผชู้ มไม่สำมำรถแยกไดว้ ำ่ ภำพท่ีปรำกฏเปน็ เหตุกำรณจ์ ริงหรือเกดิ จำกเทคนคิ พเิ ศษที่สร้ำงขนึ้ ด้วยคอมพวิ เตอร์กรำฟิก รวมทัง้ กำรพฒั นำ ระบบที่เสมือนจริงซ่ึงสำมำรถสรำ้ งสิ่งแวดล้อมสำมมติ ิข้ึนมำรอบตัวผชู้ มไดอ้ ย่ำงนำ่ ตื่นตำ กำรลดตนั ทุนกำรผลิต ผ้ผู ลติ ภำพยนตร์สำมำรถลดขั้นตอนกำรถ่ำยทำลงใหอ้ ย่ภู ำยในฉำก เดยี วกันได้ โดยเฉพำะในเหตกุ ำรณ์ทเ่ี กิดขึ้นพร้อมกนั หลำย ๆ เหตุกำรณ์ เช่น ฉำกกำรตอ่ สู้ ของยำนรบในอวกำศทสี่ ับสนวุน่ วำยหรือภำพฝงู ไดโนเสำร์จำนวนหลำยสิบตัวท่ีกำลงั วิง่ ไล่ล่ำกัน กำรปรับปรงุ คุณภำพกำรผลิต กำรผลติ ภำพยนตรใ์ นระยะหลงั ได้พฒั นำทั้งระบบกำรบันทึก ภำพและเสยี งทีแ่ ต่เดิมกระทำ ในระบบแอนะล็อกไดถ้ กู เปล่ยี น มำใช้ระบบดิจิทลั ชลทีใ่ ห้ภำพและ เสียงคมชดั กำรใช้คอมพวิ เตอร์ กรำฟกิ ควบคมุ กำรเคลอื่ นไหว กล้องบันทึกรวมทงั้ กระบวนกำร หลังถำ่ ยทำ เช่น กำรตดั ตอ่ และ กำรบันทึกเสยี ง เป็นต้น รูปท่ี 4.28 พัฒนำทำงของคอมพวิ เตอร์กรำฟกิ กบั เทคนิคพิเศษในภำพยนตร์ ท่มี ำ https://sites.google.com 88
คอมพวิ เตอรก์ ราฟิกเป็นรูปแบบของการสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะท่ีปราศจากขอ้ จากดั ซง่ึ สามารถขยายพรมแดนการแสดงออกของจินตนาการ ทาใหศ้ ลิ ปินสามารถสรา้ งสรรคภ์ าพ ท่ีไม่เคยมีผใู้ ดเคยเหน็ มาก่อน เช่น ภาพวสั ดทุ ่ีมีขนาดเล็กหรอื อยหู่ ่างไกลจากความเป็นจรงิ ดว้ ย ระยะทางและกาลเวลาใหป้ รากฏออกมาไดอ้ ยา่ งสมจรงิ เราจะพบว่าภาพเคล่ือนไหวคอมพวิ เตอร์ กราฟิกนอกจากกาลงั เป็นส่งิ ท่ีลบเสน้ กน้ั ระหวา่ งจินตนาการกบั ความเป็นจรงิ ท่ีผชู้ มไม่อาจ แยกออกจากกนั ไดอ้ ีกต่อไปแลว้ ยงั สามารถสนองความรูส้ กึ และใหค้ วามต่ืนตาต่ืนใจแก่ผชู้ ม ในขณะท่ีตนั ทนุ การนาคอมพิวเตอรก์ ราฟิกมาใชก้ บั อตุ สาหกรรมภาพยนตรจ์ ะมีแนวโนม้ ท่ีต่าลง สรุปเน้ือหาสาคญั ภำพศิลปะคอมพิวเตอร์ ภำพศิลปะคอมพวิ เตอร์ ประเภทของงำน ศลิ ปะกับคอมพิวเตอร์ กำรออกแบบกรำฟกิ ออกแบบกรำฟกิ และสื่อ งำนกรำฟิกกับคอมพวิ เตอร์ ระบบคอมพิวเตอรก์ ับกำร ออกแบบงำนกรำฟิก องคป์ ระกอบในกำรออกแบบ งำนกรำฟกิ และส่ือ 89
แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยท่ี 4 90
การจัดวางตาแหน่งของวัตถุ สาระสาคญั การจัดภาพ คือ กำรนำเอำธรรมชำติและสง่ิ แวดล้อมรอบ ๆ ตัวมำประกอบกับหลักกำร ทำงจิตวทิ ยำในเรอ่ื งของกำรรับรูแ้ ละหลกั กำรทำงศิลปะมำผสมผสำนกนั ซึ่งในควำมเปน็ จรงิ มิไดม้ ีส่วนใดในงำนศลิ ปะที่จัดวำงผดิ แปลกหรือต่ำงไปจำกธรรมชำติควำมเป็นจริงอย่ำงใดเลย เพยี งแต่มกี ำรจดั วำงใหม่ให้ดดู ีสวยงำมกว่ำธรรมชำติ เร่ืองท่ีจะศึกษา 1. ควำมหมำยของกำรจัดภำพ 2. องคป์ ระกอบศลิ ป์ในกำรจดั ภำพ 3. กำรจดั ภำพของงำนทัศนศิลป์ 4. เทคนคิ กำรจดั องคป์ ระกอบภำพ 5. องค์ประกอบกำรออกแบบ 6. ผลงำนทศั นศลิ ป์ของศิลปินไทยและตำ่ งประเทศ สมรรถนะประจาหนว่ ย 1. จัดพ้นื ที่ จุดสนใจของภำพและกำรเน้น จดั วำงตำแหนง่ ภำพ และจดั วำงภำพชนิดต่ำง ๆ ตำมหลักกำรขององค์ประกอบศลิ ป์ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. อธิบำยควำมหมำยของกำรจัดภำพได้ 2. แยกแยะองค์ประกอบศิลปใ์ นกำรจัดภำพได้ 3. วเิ ครำะหก์ ำรจัดภำพของงำนทศั นศลิ ป์ได้ 4. เข้ำใจเทคนิคกำรจดั องค์ประกอบภำพได้ 5. แยกแยะองค์ประกอบกำรออกแบบได้ 6. ร้คู ณุ คำ่ ของผลงำนทัศนศลิ ป์ของศิลปนิ ไทยและตำ่ งประเทศได้
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยท่ี 5 92
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158