การสนทนา B A B เล่าเร่ืองเดมิ อย่างมสี ติ (รู้ลมหายใจเข้าเป็ นระยะระหว่างเล่า) A ฟังอย่างมสี ติใส่ใจ (รู้ลมหายใจเข้า/ออกระหว่างฟัง) 51
การเป็นผ้พู ดู อยา่ งมีสติ การเป็นผ้ฟู ังอยา่ งมสี ติ สตสิ ือ่ สาร (รู้ลมหายใยในการพดู และฟัง) จะมปี ระโยชน์ในการสือ่ สารระหวา่ งบคุ คลอยา่ งไร สติสื่อสาร (รู้ลมหายใยในการพดู และฟัง) จะมีประโยชน์ในการประชมุ PLC อยา่ งไร
สติในการฟังมากขนึ้ (ฟังได้ท้งั ความคดิ / ความรู้สึก) สตใิ นการไม่พดู สตใิ นการใช้ / เปลยี่ นคาพูด สตใิ นการพดู อย่างสร้างสรรค์ / มปี ระโยชน์ / มพี ลงั ฯลฯ 53
พลังสติ สตใิ นการพูด สตใิ นการฟัง ไมว่ อกแวก ลาดบั การพูดได้ดขี ้ึน เข้าใจได้มากข้ึน ไมถ่ ูกสอดแทรกดว้ ย ลดความรุนแรงของ ฟงั ดว้ ยใจท่ีเปน็ กลาง (ลดความรสู้ ึกในทางคล้อย อารมณ์ อารมณ์ ตามหรือต่อต้าน)
การสนทนาอย่างมสี ติ กลั ยาณมติ รสนทนา การอภปิ รายอย่างสร้างสรรค์ สตใิ นการฟัง กตกิ าการประชุม รู้ลมหายใจ รู้ในการฟัง - กลั ยาณมติ รสนทนา สติในการพดู - อภปิ รายอย่างสร้างสรรค์ รู้ลมหายใจ รู้ในการพูด 56
ประยกุ ต์ในองค์กร ทกั ษะ(บุคคล) ระบบ(งาน) • สมาธิ • สมาธิก่อน/หลงั งาน • สติ • เสียงเตือนระหว่างวนั • สตสิ ่ือสาร • การทางานร่วมกนั • สตสิ นทนา • การประชุมด้วยDialogue และ Creative Discussion 57
ชอ่ งทางการสือ่ สาร / แลกเปลย่ี นเรียนรู้ Facebook : สรา้ งสุขด้วยสติในองค์กร • https://www.facebook.com/mindfulnessinthaiorg 58
www.thaimio.com 59
: เปน็ กระบวนการเรียนรทู้ ี่ผเู้ รียนมีสว่ นร่วมใน กระบวนการ และผูเ้ รียนจะกระทากิจกรรมตา่ ง ๆ ในกระบวนเรียนรนู้ อกจากการฟงั อยา่ งเดียว จึงเปน็ วิธี ทีข่ า้ มการสอนแบบเกา่ เพราะการเรียนรแู้ บบใฝร่ ู้จะ เปลีย่ นผูเ้ รียนจากผฟู้ งั มาเปน็ ผู้มีสว่ นรว่ มอยา่ งเปน็ ฝา่ ย กระทา ในการค้นคว้าด้วยตนเอง อภิปราย วิเคราะห์ เขา้ ร่วม แกป้ ัญหา ลงมือฝึก/ทากิจกรรม
1. เป็นการสร้างความรู้ > ถา่ ยทอดโดยอาศยั ประสบการณ์ของผู้เรยี น 2. ผูเ้ รียนเป็นฝ่ายกระทาและเคลือ่ นไหวตื่นตวั 3. มีปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างผู้เรียนดว้ ยกนั > ผ้เู รียนผูส้ อน 4. เกิดการเรียนร้ใู หมอ่ ยา่ งตอ่ เนือ่ ง และขยายเครอื ข่าย ความรู้ของแตล่ ะคน 5. อาศยั การแสดงออกทกุ รูปแบบ : พูด เขียน วาดภาพ การแสดงละคร สนทนา ฯลฯ
การเรียนรู้แบบ AL 4 องคป์ ระกอบ ประสบการณ์ (E : Experience) ประยกุ ต์ (ใช/้ แนวคิด) สะทอ้ นความคดิ /อภปิ ราย (A : Application) (R&D : Reflection and Discussion) ความคดิ รวบยอด Lmax = Parmax+Permax (C : Conceptualization)
การสอนความรูแ้ บบมีสว่ นร่วม องค์ความรู้ กจิ กรรม ประสบการณ์ (E : Experience) - ประสบการณ์เดมิ - จดั ประสบการณ์ให้ : ตรง / อ้อม สะท้อนความคิดและอภิปราย - ต้งั ประเดน็ ให้แลกเปลย่ี นความคดิ เห็นเพื่อสรุปความรู้ใหม่ท่ผี ่าน กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ ไม่ใช่เพยี งแค่ความจา (R&D : Reflection and Discussion) - บรรยาย/แจกใบความรู้/ดูส่ือ ฯลฯ - ข้อสรุปจากการอภปิ รายแลกเปลย่ี นความคดิ เห็น ความคดิ รวบยอด - รายงานผลกลุ่ม (C : Conceptualization) ประยุกต์แนวคดิ - ผลติ ซ้าความคดิ รวบยอดท่เี กดิ ขนึ้ ในลกั ษณะท่ตี ่างจากเดมิ เช่น เขยี นรายงาน/ทาแผนภาพ/วาดรูป/เล่าเร่ือง ฯลฯ (A : Application)
Lmax = Parmax+Permax การเรยี นรู้ที่มีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมสูงสุด การบรรลุงานสูงสุด (Parmax) )(Permax การออกแบบกลุ่มชนิดต่าง ๆ (ตามองคป์ ระกอบ) การออกแบบงานกิจกรรม
เป็ นการเลือกชนิดของกล่มุ ให้เหมาะสม กับกิจกรรม ในแต่ละองค์ประกอบ เพื่อให้ เกิด...
กลุ่มพืน้ ฐาน กล่มุ เชิงซ้อน 1.กลุ่ม 2 คน (Pair Gr.) 5.กลุ่มไขว้ (Cross Over Gr.) 2.กลุ่ม 3 คน (Triad Gr.) 6.กลุ่มแบ่งยอ่ ย (Sub Gr.) 3.กลุ่มยอ่ ยระดมสมอง3-4คน(Buzz Gr.) 7.กลุ่ม Pyramid 4.กลุ่มเลก็ 5-6 คน(Small Gr.) 8.กลุ่มอ่างปลา (Fish Bowl Gr.) 5.กลุ่มใหญ่ 15-30 คน
มสี ่วนร่วม : 2 คน กล่มุ เลก็ ลกึ ซึ้ง : กล่มุ เลก็ 2 คน บทบาท -ไม่มี กล่มุ 2 คน , กล่มุ ย่อยระดมสมอง - มี กล่มุ 3 คน, กล่มุ เลก็
- สมาธิ 3 นาที - กตกิ าการประชมุ ดว้ ยสตสิ นทนา/ระฆงั สตริ ะหวา่ งการประชมุ - วาระทใ่ี ช้ dialogue/creative discussion - AAR ท้ายการประชุม - สมาธิ 1 นาที ก่อนปดิ ประชุม
เลอื กประธานเลขา ประธานนาสมาธิ 3 นาที และใหก้ ตกิ าสมาธสิ นทนา โดยใชก้ าร อภปิ รายอยา่ งสร้างสรรค์ วเิ คราะห์แตล่ ะกจิ กรรม - เปน็ องคป์ ระกอบใด (การออกแบบงาน) - ใช้กลุ่มประเภทใด (การออกแบบกลุ่ม) วจิ ารณแ์ ต่ละกจิ กรรม - ที่ชอบพร้อมเหตผุ ลท่คี วรปรบั ปรงุ และข้อเสนอแนะ
เราจะทาสมาธิกนั สกั 3 นาที ก่อนเริ่มการประชุม ขอใหท้ ุกคนหลับตา เรมิ่ ต้น ด้วยการร้ลู มหายใจเขา้ ออกยาวสัก 5 ลมหายใจ สังเกตสัมผัสลมหายใจทป่ี ลาย จมูกขา้ งทรี่ สู้ ึกชัดกว่า ตรงตาแหนง่ ที่ชัดที่สดุ ดไู ปให้ตอ่ เนอ่ื งดว้ ยลมหายใจปกติ การรูล้ มหายใจจะทาให้ความคดิ หยุด และจดั การกับความคดิ จัดการกับความ ง่วง อยา่ งทไ่ี ดเ้ รียนร้มู า เราจะใชเ้ วลาในช่วงน้ี 3 นาที คอ่ ย ๆ ลืมตาขึ้น ให้จติ อยู่กบั ลมหายใจตอ่ ไปอกี 1 นาที เพอื่ ให้จติ คนุ้ กบั การรู้ ลมหายใจโดยไม่ต้องหลบั ตา กตกิ าการประชมุ ด้วยสติสนทนา เราจะประชมุ ดว้ ยสตสิ นทนา โดยรู้ลมหายใจในการพูดและฟังใช้เสยี ง ระฆังสติช่วยเตอื นใหเ้ รากลบั มารลู้ มหายใจ รู้ในการพดู และฟงั สตสิ นทนา จะชว่ ยใหเ้ ราจดั ประชุมด้วยกัลยาณมติ รสนทนา และอภิปรายอยา่ ง สร้างสรรค์
กจิ กรรม องค์ประกอบ กลุ่ม 1) สมาธิ/ความหมาย/วิธกี ารฝกึ 2) ฝึกสมาธิ 3 ขั้นตอน 3) แลกเปลยี่ นประสบการณ์ 4) สต/ิ ความหมาย/วธิ กี ารฝกึ 5) ฝกึ สติการฟงั ยนื เดนิ 6) ความแตกต่างระหว่างสมาธิ/สติ 7) การนาไปใชใ้ นการประชมุ ชอบตรงที่ (กิจกรรมทีช่ อบพร้อมเหตผุ ล)..................................... จะดีกว่าน้ถี า้ (กจิ กรรมทค่ี วรปรับปรงุ และขอ้ เสนอแนะ).............................
กจิ กรรม องค์ประกอบ กล่มุ 1) แนวคดิ การสื่อสาร 2) ฝึกทักษะการสื่อสาร : A B , B A 3) ฝกึ ทักษะสตสิ นทนา 4) แลกเปลี่ยนการใช้สตสิ อ่ื สาร 5) การนาไปใช้ในสัมพันธภาพและการประชุม ชอบตรงที่(กจิ กรรมท่ชี อบพร้อมเหตผุ ล)..................................... จะดกี ว่านถ้ี า้ (กจิ กรรมท่ีควรปรับปรุงและข้อเสนอแนะ).............................
การออกแบบงาน/กจิ กรรม 1. กาหนด กิจกรรมตามองคป์ ระกอบท้งั 4 2. กาหนดขนาดของกลุ่ม/บทบาทสมาชิกในกลุ่ม 3. เขียนรายละเอียดของงานท่ีตอ้ งการ (ใบกิจกรรม) 4. ออกแบบ (ใบกิจกรรม) ท่ีเอ้ือใหก้ ลุ่มทางานไดส้ าเร็จ เช่น - กรอบการทางานที่ชดั เจน - ตารางการวเิ คราะห์
• วเิ คราะห์ข้ันตอนองค์ประกอบของทกั ษะให้ชัดเจน จนสามารถสอนให้เกดิ ความคดิ รวบยอดได้ • สาธิต การลงมือทาทกั ษะตามข้นั ตอนทถ่ี ูกต้อง ผู้เรียนได้แลกเปลยี่ นความคดิ เห็นในการวเิ คราะห์ ข้นั ตอน ความถูกต้อง/ปรับแก้/สรุปข้นั ตอน ของทกั ษะ จนรู้ชัดเห็นจริง
เร่ือง ......................................................................... เวลา ................................................... วตั ถุประสงค์ 1........................................................ 2........................................................ สาระสาคญั 1........................................................ ........................................................ 2......................................................... ........................................................ องค์ประกอบ กล่มุ กจิ กรรม เวลา สื่อ การประเมินผล - p.p. - VDO - ใบกิจกรรม - ใบงาน
MODULE 1 PLC 1 : ตัวอยา่ งแผนการสอน เร่อื งท่ี 1 สมาธแิ ละสติกบั PLC เวลา 1 1 2 ชว่ั โมง
วตั ถุประสงค์ 1. ฝึกการทาสมาธิและอธิบายประโยชน์ของสมาธิได้ 2. ฝึกสติและอธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งสมาธิกบั สติได้ สาระสาคญั 1. สมาธิเป็นสภาวะที่จิตพกั ด้วยการทาให้จิตว่างจากความคดิ ทงั้ ปวง หากฝึกอย่างเป็นขนั้ เป็นตอน จะ ทาให้ผู้ฝึกมีความสามารถในการพัฒนาความสงบของจิตใจได้โดยไม่ยาก สมาธิช่วยให้เกิด ความผ่อนคลายจากอารมณ์ และความเครียด ช่วยลดอารมณ์และความคิดตา่ งๆ ที่สะสมไว้ในจิตใต้ สานึก ทาให้เราสามารถรับความเครียดใหม่ๆ ได้ดีขึน้ และการออกมาจากความสงบของสมาธิจะ ชว่ ยให้ทางานและมีสติได้ดีขนึ ้ ด้วย 2. ทกุ คนต้องมีสติอย่แู ล้แต่สามารถฝึกให้พฒั นาขึน้ ได้โดยใช้ลมหายใจเป็นฐานสติ สติที่ได้รับการ ฝึกจะทาให้สามารถทางานด้วยใจจดจ่อและไม่ถกู อารมณ์และความเครียดครอบงาและพฒั นาไปสู่ ปัญญาภายในหรือ ความสามารถในการปลอ่ ยวางได้
องค์ประกอบ(เวลา) กจิ กรรม / กลุ่ม ความคดิ รวบยอด 1) PLC เป็นปัจจยั สาคญั ในการปฏิรูปการเรียนรู้ประชมุ PLC ที่มีคณุ ภาพและ ประสบการณ์ ประสิทธิภาพจะทาได้โดยการใช้สติสนทนา จึงควรเร่ิมจากการเรียนรู้เร่ือง สมาธิ/สติ 2) บรรยายสมาธิในฐานะท่ีเป็นเครื่องมือท่ีมีประสิทธิผลสงู ในการคลายเครียด และสร้างความสงบสขุ ด้วยการทาให้จิตว่างจากความคิด จนจิตสงบและผ่อน คลาย และฝึกดลู มหายใจ 2 นาทีเพื่อให้หยุดความคิดในขัน้ ตอนที่ 1 และ 4 นาทีเพื่อเรียนรู้การจัดการกับความคิดท่ีมาจากจิตใต้สานึก ในขัน้ ตอนท่ี 2 (ตามใบความรู้สาหรับวิทยากร 1.1) ส่มุ ถามผลการฝึกสมาธิ สรุปการจดั การ กบั ความคดิ และบรรยายการจดั การกบั ความงว่ ง 3) ฝึกนง่ั สมาธิในขนั้ ตอนท่ี 3 เป็นเวลา 8 นาทีและจบด้วยสมาธิลืมตา 1 นาที (ตามใบความรู้สาหรับวทิ ยากร 1.2.) 4) จับคู่แลกเปล่ียนประสบการณ์ท่ีเกิดขึน้ สัก 2–3 นาที วิทยากรสุ่มถาม (ตวั อย่างคาถาม เช่น “รู้ลมหายใจได้ต่อเนื่องนานขึน้ หรือไม่” “เม่ือมีความคิด เกิดขึน้ กลบั มารู้ลมหายใจได้เร็วขึน้ หรือไม่” “จดั การกับความง่วงได้หรือไม่”) แล้วตอบข้อซกั ถาม และสรุปประโยชน์ของสมาธิใบความรู้สาหรับวทิ ยากร 1.3)
องค์ประกอบ(เวลา) กจิ กรรม / กลุ่ม ความคดิ รวบยอด สะท้อน/อภปิ ราย 5) เชื่อมโยงเข้ากับความหมาย ประโยชน์และวิธีการฝึกสติและฝึกสติขนั้ ที่ 1 โดยให้รู้ลมหายใจในการ ฟัง ยืน เดนิ (ตามใบความรู้สาหรับวทิ ยากร 1.4) ประยุกต์ 6) จบั กล่มุ 3-4 คนแลกเปล่ียนประสบการณ์การเดิน ฟัง ยืน เดิน อย่างมีสติ และอภิปรายว่าสมาธิและ สติต่างกันอย่างไรวิทยากรสุ่มอภิปรายและสรุป (ตามใบความรู้สาหรับวทิ ยากร1.5) 7) ฝึกสตขิ นั้ ที่ 2 ตามการใช้งาน โดย การเดินขนึ ้ ลงบนั ไดสกั 5 ชนั้ โดยเป็นการ เดินอย่างมีสติและรู้จกั การแบง่ สติมากน้อยตามกิจท่ีทา (ตามใบความรู้สาหรับ วทิ ยากร 1.6) 8) วิทยากรสอดแทรกการฝึกพฒั นาสติขึน้ เป็นปัญญาภายใน โดยเม่ือเดินขึน้ บนั ไดถึงขนั้ ที่ 5 ให้ทกุ คนรู้ลมหายใจและสงั เกตการณ์เต้นของหวั ใจ 1-2 นาที (หรืออาจใช้กิจกรรม up and down 20 ครัง้ ) อภิปรายและตอบข้อซกั ถาม (ตามใบความรู้สาหรับวิทยากร1.7) 9) สอนการตดิ ตงั้ ระฆงั สติ (ตามใบความรู้สาหรับวิทยากร 1.8)
1. การฟังอย่างละเอียดลุ่มลึก (deep listening) สติ รูล้ มหายใจ รู้ในการฟัง 2. การไตรต่ รองความคดิ (Reflection) รลู้ มหายใจ ใคร่ครวญ 3. การนาเสนอความคดิ (advocacy) รู้ลมหายใจ รู้ในการพูด
- สมาธิ 3 นาที - กติกาการประชุมด้วยสตสิ นทนา/ระฆงั สติระหวา่ งการประชมุ - วาระทใ่ี ช้ dialogue/creative discussion - AAR ทา้ ยการประชุม - สมาธิ 3นาที ก่อนปดิ ประชุม
แบ่งกลมุ่ ตามกลมุ่ เลอื กประธาน/เลขา ประธานนาสมาธิ 3 นาที และกติกาสนทนา แตล่ ะทา่ นนาเสนอ 3-5 นาที และสมาชิกใหข้ ้อคิดเหน็ - กิจกรรมทช่ี อบพร้อมเหตผุ ล - กจิ กรรมท่คี วรปรบั ปรุงและขอ้ เสนอแนะ สรุปและเตรียมนาเสนอ - ประโยชนข์ อง AL และตัวอยา่ ง 1 แผนการสอนจากกลุ่ม - การประชมุ น้ตี า่ งกบั ทเี่ คยประชมุ อย่างไร
เราจะทาสมาธิกนั สกั 3 นาที ก่อนเริ่มการประชุม ขอให้ทุกคนหลับตา เรมิ่ ต้น ด้วยการร้ลู มหายใจเขา้ ออกยาวสัก 5 ลมหายใจ สังเกตสัมผัสลมหายใจทป่ี ลาย จมูกขา้ งทรี่ สู้ ึกชัดกว่า ตรงตาแหนง่ ที่ชัดที่สดุ ดไู ปให้ตอ่ เนอ่ื งดว้ ยลมหายใจปกติ การรูล้ มหายใจจะทาให้ความคดิ หยุด และจดั การกับความคดิ จัดการกับความ ง่วง อยา่ งทไ่ี ดเ้ รียนร้มู า เราจะใชเ้ วลาในช่วงน้ี 3 นาที คอ่ ย ๆ ลืมตาขึ้น ให้จติ อยู่กบั ลมหายใจตอ่ ไปอีก 1 นาที เพอื่ ให้จติ คนุ้ กบั การรู้ ลมหายใจโดยไม่ต้องหลบั ตา กตกิ าการประชมุ ด้วยสตสิ นทนา เราจะประชมุ ดว้ ยสตสิ นทนา โดยรู้ลมหายใจในการพูดและฟังใช้เสยี ง ระฆังสติช่วยเตอื นใหเ้ รากลบั มารลู้ มหายใจ รใู้ นการพดู และฟงั สตสิ นทนา จะชว่ ยใหเ้ ราจดั ประชุมด้วยกัลยาณมติ รสนทนา และอภิปรายอยา่ ง สร้างสรรค์
พฒั นาตน สติ พฒั นาทมี พฒั นาองค์กร 87
วถิ ีชีวติ ฝึ กจิต (20นาที) ชีวติ ประจาวนั - สมาธิ (ยาว10นาที) - สมาธิ (ส้นั 3 นาทีก่อน/หลงั งาน) - สติ (10 นาที) - สติในการทางานโดยมีระฆงั สติช่วย -ปล่อยวาง - Body Scan -เมตตา/ใหอ้ ภยั - ความคดิ - เมตตา / ให้อภยั
89
การบ้าน การฝึ กจติ และการมีสตใิ นชีวติ ประจาวัน การฝึกจิตด้วยสมาธิและสติ วนั ละ 1 ครัง้ เป็นเวลา 30 นาที โดยเร่ิมจากสมาธิ 10 นาที มีสตริ ู้ทวั่ ร่างกายอกี 10 นาที ฝึกสติดคู วามคิด 10 นาที (5 นาที ดคู วามคิดทวั่ ไป 5 นาที ราลกึ เหตกุ ารณ์ย่งุ ยากใจ) แล้วจงึ สติเมตตา ร่วมไปกบั ฝึกการมี สติในชีวติ ประจาวนั โดยมีระฆงั สตชิ ่วยบนั ทกึ ลงทกุ วนั เพ่ือติดตามการเปลีย่ นแปลง วนั ท่ี การฝึ กจติ : สมาธิ สตใิ นจติ สตเิ มตตา สตใิ นชีวติ ประจาวนั เวลา ระดบั ความสงบ ข้อคดิ เห็น ระดบั การรู้ในกจิ ทที่ า ข้อคดิ เห็น น้อย มาก น้อย มาก 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 90
Search