Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 2 การเขียนบทละครเวที (Play Writing)

บทที่ 2 การเขียนบทละครเวที (Play Writing)

Published by ajwera, 2017-09-12 23:20:23

Description: บทที่ 2 การเขียนบทละครเวที (Play Writing)

Search

Read the Text Version

การเขียนบทละครเวที (Play Writing) อาจารย์ ดร.วีระ สุภะ [email protected]

แนวทางการเขยี นบทมาจากอะไรบ้าง?เรื่องรอบๆ ตวั เรา สถานการณ์ปัจจุบนัประวตั ิศาสตร์ ประวตั ิบุคคลสาคญั เรื่ องราวของตนเอง จินตนาการและความฝัน เร่ื องที่เราสนใจ

การเขียนบทละครมี 2 แบบ One Ac-play คือ การเขียนบทโดยมีองกเ์ ดียว กล่าวคือ เขียนบทละครโดยแสดงประมาณ 1 ชวั่ โมง ไม่มีพกั การแสดงดู จนจบเรื่อง Two Ac-play คือ การเขียนบทละครโดยมี 2 องก์ กล่าวคือ เขียนบทละครโดยมีการพกั เวลาให้คนดู ประมาณ 15 นาที แลว้ กลบั มาดูอีกคร้ัง ประมาณ 2 ชวั่ โมงหรืออาจจะนาน กวา่

บทละครเวทปี ระกอบด้วย 6 ส่วน ดนั นี้ Plot หมายถึง โครงเรื่อง จะตอ้ งสามารถพิสูจน์ Theme ไดด้ ว้ ย Character หมายถึง บุคลิกลกั ษณะของตวั ละคร Diction หมายถึง บทพดู แยกออกเป็น 2 ส่วน Monologue การพดู คนเดียว Dialogue การพดู 2 คน Theme หมายถึง แก่นสาระสาคญั ของเรื่อง,แก่นความคิดหลกั (ตอ้ งมีแค่ แก่นเดียวเท่าน้นั ) Spectacle หมายถึง ภาพที่เกิดข้ึนบนเวที Sound หมายถึง ดนตรี

Theme ความหมาย ความสาคญัลกั ษณะของแก่นเร่ือง Universalไม่ผดิ ศีลธรรม

Theme (ต่อ) ส่ิงที่บอกแก่นของเรื่ อง โครงเร่ือง - นาไปสู่ -Theme ตวั ละคร - จุดจบ - นิสยั ช่ือเร่ือง สญั ลกั ษณ์ต่างๆในเรื่อง (Symbolic)

Plot ประกอบด้วยBeginning หมายถึง การเปิ ดเรื่อง - แนะนาตวั ละคร - บอกสถานการณ์ของตวั ละครของเร่ือง - เปิ ดเผย Conflict ในเร่ืองบอกตวั ละครท้งั หมดวา่ จะเกิดอะไรข้ึน - จะใชเ้ วลาประมาณ 10 นาที ในการดาเนินเรื่อง กล่าวคือ การ เปิ ด Background ท่ีละเลก็ ละนอ้ ย ไม่ใช่ส่วนที่ปูเรื่องราว Exposition

Plot ประกอบด้วยBeginning หมายถึง การเปิ ดเรื่อง Point of Attack หมายถึง จุดท่ีเกิดการกระทบกระเทือนต่อจิตใจของตวั ละครทาใหน้ าไปสู่ Conflict ข้ึนและนาไปสู่ Climax ของเร่ือง Flash back การเล่าเรื่องแบบยอ้ นกลบั นาเอาจุดจบเริ่มตน้หรือส่วนไหนกไ็ ดข้ องเรื่อง

Plot ประกอบด้วยMiddle หมายถึง การดาเนินเรื่อง เป็นเร่ืองราวสาคญั 2-3เหตุการณ์ หรือมากกวา่ 2 จุดข้ึนไป - ผกู ปมเรื่อง Raising Action - ความขดั แยง้ นาไปสู่ Climax สามารถคาดเดาได้ หรือหกั มุม - สามารถดาเนินเร่ืองได้ 3 แบบ 1. ดาเนินเร่ืองตามลาดบั เวลา 2. ดาเนินเรื่องยอ้ นหลงั 3. ดาเนินเรื่องตดั สลบั ไปมา

Plot ประกอบด้วยEnd หมายถึง จุดจบของเรื่อง - เป็นส่วนหน่ึงที่จะนาไปสู่ 1 ประโยคของ Theme - การปิ ดเรื่องข้ึนอยกู่ บั เอกลกั ษณ์ของคนสร้างแต่ละคน และ ข้ึนอยู่ กบั ประเภทของเร่ือง - ไขเคา้ ความหรือสรุปอธิบายเรื่องท้งั หมด (Open-End) - การปิ ดเรื่องโดยใหผ้ ชู้ มคิดเอง(Close-End)

ศัพท์ละครเวทคี วรจา Or Act action หมายถึง ตวั ละครอื่นที่รายลอ้ มตวั ละครหลกั กล่าวคือ ตวั ละครยอ่ ยท่ีมีความสาคญั เหมือนกนั ท่ีจะตอ้ งมีการยงุ่ เก่ียวกบั ตวั ละครหลกั เหตุการณ์บางเหตุการณ์จะนาเขา้ สู่ความหมายในการดาเนินเร่ือง= Action การกระทาเพือ่ ท่ีจะบอกอะไรลึกๆ กบั คนดู คนดูตอ้ งตีความเอง The Character writes his on play = ตวั ละครจะเป็นผกู้ าหนด บทบาทของตนเอง โดยท่ีไม่เก่ียวกบั ผเู้ ขียนบท เหตุการณ์ (situation) = Action ความหมาย (Meaning) = ตอ้ งการพสิ ูจนอ์ ะไรบางอยา่ ง

กราฟการพฒั นาของเร่ืองราว

การสร้าง Treatment

Conflict มี 4 ประเภท หมายถึง ความขดั แยง้ ของตวั ละครมีดว้ ยกนั 4 ประเภท 1 ตวั ละครเอกต่อสู้กบั ตวั ละครอ่ืน 2. ตวั ละครเอกต่อสู้กบั จิตสานึกตวั เอง 3. ตวั ละครเอกต่อสูก้ บั สงั คม 4. ตวั ละครเอกต่อสูก้ บั ชะตากรรมตวั เอง

ลักษณะตัวละครมี 3 ลักษณะตวั ละครเอกของเร่ือง Protagonist (ตวั ละครเอกคือตวั ท่ีบอก Theme) ตวั เอกตามแบบฉบบั (Traditional Hero) เช่น ……………. ตวั เอกประเภทขบขนั (Comic Hero) เช่น …………………. ตวั เอกประเภทโศกนาฏกรรม (Tragic Hero) เช่น อีดิปุส โรมิโอและ จูเลียตตวั ละครปรปักษ์ Antagonist ………………….ตวั ละครยอ่ ย………………………….

การสร้างตวั ละครมี 2 มีลกั ษณะ ดงั นี ้ Type Character หมายถึง ตวั ละครที่มีดา้ นดี ดา้ นร้ายเพียงดา้ น เดียว เหมาะสาหรับการแสดงละครใหเ้ ดก็ ชม เพราะเดก็ ยงั ขาด ประสบการณ์การคิดไตร่ตรอง Round Character หมายถึง ตวั ละครที่มีท้งั ดา้ นดีและดา้ น หลายดว้ ยกนั เป็นตวั ละครท่ีสมบูรณ์แบบ เหมาะสาหรับการแสดง ละคร

การสร้างตวั ละครท่ดี ีมลี กั ษณะ ดงั นี ้ ละครตอ้ งไม่แบน หมายถึง มีท้งั ดา้ นดีและไม่ดี ไม่เป็น Type หมายถึง ตวั เอกไม่จาเป็นตอ้ งดูดีเสมอไป มีความสมจริงแต่ในขณะเดียวกนั ตอ้ งมีความพเิ ศษ คือ มีอะไรท่ี เกินเหนือมนุษยม์ ากเกินไป เช่น ความพยายามพระมหาชนก มีพฒั นาการ หมายถึง ตวั ละครสามารถเปลี่ยนบทบาทเป็นอีกตวั ละครหน่ึงได้ มีหนา้ ที่สาคญั ในเร่ือง

เทคนคิ การสร้างละครให้นา่ สนใจ Time clock หมายถึง การสร้างเรื่องโดยใชช้ ่วงเวลาเป็นการ นาเสนอผา่ นตวั ละคร Trap หมายถึง การสร้างใหต้ วั ละครติดอยทู่ ี่ใดท่ีหน่ึง ตวั ละครเอกกบั ตวั ปรปักษเ์ ป็นตวั เดียวกนั หมายถึง การสร้างตวั ละครใหม้ ีความรู้สึกขดั แยง้ ภายในจิตใจและมีความตอ้ งการท้งั ใน ดา้ นดีและไม่ดีเสนอใหผ้ ชู้ มเห็น Question คาถาม Coincidence ความบงั เอิญ

ลักษณะการแบ่งฉาก การเปล่ียนสถานที่ การเปลี่ยนเวลา จบเหตุการณ์หรือ Action หน่ึงไปแลว้ ทุกฉากตอ้ งมีเพอื่ ใหเ้ ร่ืองดาเนินต่อไป ทุกฉากตอ้ งมีความสมั พนั ธต์ วั ละคร ทุกฉากตอ้ งมีความสมั พนั ธก์ บั เรื่อง

จุดเด่นของละครเวที ความสด ไม่สามารถเปล่ียนแปลงหรือกบั มาแกไ้ ขได้ ความสมจริง ไดอ้ ารมณ์ร่วมความรู้สึกคนดูขอ้ ควรจา เวลาบนเวทีกบั ขา้ งนอกตอ้ งเท่ากนั การเขียนเร่ืองราวในบทกบั การแสดงบนเวทีตอ้ งไดร้ ับเหมือนกนั

จบแลว้ ครบัอาจารย ์ ดร. วรี ะ สภุ ะ [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook