Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือนำชุมอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย

หนังสือนำชุมอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย

Published by wittaya_mon, 2018-04-22 03:56:02

Description: หนังสือนำชุมอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย

Search

Read the Text Version

นำ ช ม อุ ท ย ำ น ป ร ะ วั ติ ศ ำ ส ต ร์ พิ ม ำ ย พิมาย ม ร ด ก ช า ติ

กำรพฒั นำหนงั สอื อิเลก็ ทรอนกิ สแ์ บบปฏิสมั พนั ธ์ด้วยเทคโนโลยีควำมจรงิ เสรมิ พหภุ ำษำ เพอื่ ส่งเสรมิ กำรท่องเทย่ี วเชงิ ประวัติศำสตร์ในจังหวัดนครรำชสมี ำ มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยี กรมศลิ ปำกร พระจอมเกลำ้ พระนครเหนือ นครรำชสีมำ พมิ ำย ก มรดกชำติ

ค่มู ือกำรใช้หนงั สืออิเลก็ ทรอนกิ ส์แบบปฏสิ มั พนั ธด์ ้วยเทคโนโลยีควำมจรงิ เสริมพหุภำษำ เพอื่ ส่งเสรมิ กำรทอ่ งเที่ยวเชงิ ประวัตศิ ำสตรใ์ นจังหวดั นครรำชสีมำ12 3 ดำวนโ์ หลดแอพพลเิ คชนั่ แสกนโค้ด Zappar ปรำกฏภำพซอ้ นขึน้ มำZappar ฟรี ซึง่ รองรับท้งั ระบบ โดยแสกนภำพรวมของรปู ภำพ สำมำรถเลอื กรำยกำรที่ตอ้ งกำร android และระบบ iOS แบบปฏิสัมพันธ์ไดท้ ันที พมิ ำย ข มรดกชำติ

คำนำ กรมศลิ ปากรไดป้ ฏบิ ตั ภิ ารกิจหลักด้านอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติมาอย่างต่อเน่ือง ตั้งแต่แรกสถาปนาเม่ือพุทธศักราช 2454 จนย่างเข้าสู่ 100 ปี ในพุทธศักราช 2554 มีโบราณสถานสาคัญได้รับการอนุรักษ์ และพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้แหละแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของประเทศกระจายอยทู่ ว่ั ราชอาณาจกั ร ปราสาทหนิ พิมาย เปน็ มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาตปิ ระเภทโบราณสถานในคติพุทธศาสนาลัทธิมหายานท่ีมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยสรา้ งขึ้นราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16-17 และได้มีการก่อสร้างเพ่ิมเพ่ิมในพุทธศตวรรษท่ี 18 เมืองพิมายได้รับการประกาศเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 53 ตอนที่ 34 ลงวันท่ี 17 กนั ยายน พุทธศักราช 2479 และกรมศิลปากรได้ดาเนินงานอนุรักษ์และทางศิลปวัฒนธรรม จนประกอบพิธีเปิดอุทยานประวัตศิ าสตร์พิมาย เม่อื วันท่ี 12 เมษายน พุทธศักราช 2532 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดาเนินทรงเป็นประธาน อุทยานประวัติศาสตร์พิมายได้ดาเนินงานในการกิจด้านเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม โดยให้บริการข้อมูลทางการศึกษาการจดั วิทยากรบรรยายนาชม การแจกเอกสารแผน่ พับและการพิมพเ์ ผยแพร่ หนังสือนาชมอทุ ยานประวัติศาสตร์พมิ าย ไดจ้ ดั พมิ พ์เผยแพร่ครงั้ นน้ี ับเปน็ คร้ังที่ 5 กรมศิลปากรหวังว่า หนังสือเล่มน้ีคงเป็นประโยชน์แก่นักท่องเท่ียวและประชาชนโดยท่ัวไปอันจะก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ และสร้างควา มร่วมมือในการอนุรักษม์ รดกทางศลิ ปวัฒนธรรมของชาตใิ ห้ดารงอยสู่ บื ไป โสมสุดา ลียะวณชิ อธิบดีกรมศลิ ปากร พมิ ำย ค มรดกชำติ

คำนำผูพ้ ฒั นำหนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบปฏิสัมพันธ์ด้วยเทคโนโลยีความจริงเสริมพหุภาษาเพื่อส่งเสริมการท่องเท่ียวเชิงประวัติศาสตร์ในจังหวัดนครราชสีมา จัดทาขึ้นเพื่อใช้เป็นผลงานระหว่างศึกษาในระดับมหาบัณฑิตสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเพื่อการศึกษา คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม สาขาวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารเพื่อการศึกษา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ ในรายวิชาระเบียบวิธีวิจัย โดยบูรณาการองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพ่ือการศึกษาท่ีได้ศึกษามาตลอดภาคเรียนที่ 2/2560 เพื่อพัฒนาส่ือการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่มีเน้ือหาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ สามารถนามาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่นักท่องเท่ียวและประชาชนทั่วไป และพร้อมนาไปใช้ในด้านการศกึ ษาตอ่ ไป วิทยา มนตรี พมิ ำย ง มรดกชำติ

สำรบญัการเดินทางสู่พมิ าย ปราสาทพมิ าย บริเวณทต่ี ั้งของปราสาทพทิ าย ลกั ษณะทางสถาปัตยกรรม 24 6 8การดาเนินงานของกรมศลิ ปากร แผนผงั เมอื งพมิ ายและแผนผงั ปราสาทพิมาย ทา่ นางสระผม ประตแู ละกาแพงเมอื ง 10 13 15 17พลับพลาเปล้ืองเครื่อง สะพานนาคราช ซมุ้ ประตูและกาแพงแก้ว ชาลาทางเดนิ19 21 23 25 พิมำย จ มรดกชำติ

บรรณาลัย สระน้า ซุ้มประตแู ละระเบยี งคด ปราสาทประธาน 27 29 31 33ปรางคห์ นิ แดง หอพราหมณ์ ปรางคพ์ รหมทัต พลบั พลา 35 37 39 41เมรพุ รหมทตั อโรคยาศาล (กุฏิฤๅษ)ี บาราย สระนา้ โบราณ 43 45 47 49 พมิ ำย ฉ มรดกชำติ



กำรเดินทำงสูพ่ ิมำยจดุ เร่ิมต้นที่กรงุ เทพมหำนครสำมำรถเดินรถไปได้หลำยวิธี 1 . ร ถ ปร ะจำ ทำ งจำ ก ส ถ ำ นีขนส่ งส ำ ย ตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสารรถประจาทางสาย กรุงเทพ–นครราชสีมา มีทั้งรถโดยสารธรรมดาและรถ ประจาทางปรับอากาศ มีรถบริการตลอด 24 ช่ัวโมง และต่อรถโดยสารประจาทางสายนครราชสีมา–พิมาย –ชุมพวง ซึ่งมีรถถงึ เวลาประมาณ 22.00 น. 2. รถไฟจำกสถำนีรถไฟหัวลำโพง โดยสาร รถไฟสายกรุงเทพ–อุบลราชธานี หรือ สุรินทร์ ลงท่ี สถานีนครราชสีมา และต่อรถโดยสารประจาทางสาย นครราชสีมา–พิมาย–ชมุ พวง 3. เครื่องบิน จากสนามบินดอนเมืองไปลงที่ สนามบินอาเภอเฉลิมพระเกียรติจังหวัดนครราชสีมา แ ละ ต่ อร ถ โ ด ย สาร ข องส น าม บิน เข้ าตัว เมือ ง นครราชสีมา แล้วโดยสารรถประจาทางสาย นครราชสมี า–พิมาย–ชุมพวง 4. รถยนต์เดินทำงจำกกรุงเทพฯ ตามทางหลวง หมายเลข 1 (พหลโยธิน) และทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ระยะทาง 259 กิโลเมตร ถึงจังหวัด นครราชสีมา เดินทางต่อตามทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ระยะทาง 50 กิโลเมตร ถึงทางแยกตลาด แคเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 206 อีก 10 กิโลเมตร รวมระยะทางถึงอาเภอพิมาย 319 กิโลเมตร พมิ ำย 2 มรดกชำติ



ปรำสำทพิมำย ปราสาทพิมาย ตั้งอยู่ในอาเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมา ประมาณ60 กโิ ลเมตร เป็นศาสนสถานท่ีสร้างขึ้นในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ชื่อ “พิมำย” น้ัน น่าจะเป็นคาเดียวกันกับชื่อ“วิมำย” ท่ีปรากฏอยู่ในจารึกอักษรขอมโบราณภาษาสนั สกฤต บนแผน่ หนิ กรอบประตูระเบียงคดด้านทิศใต้ของปราสาทพมิ าย คาว่า “พิมำย” น้ัน ปรากฏเป็นชื่อเมืองในศิลาจารึกพบในประเทศสาธารณรัฐกัมพูชาประชาธิปไตยหลายแห่ง แม้รูปคาจะไม่ตรงกันทีเดียวนัก แต่เป็นที่เชื่อกันว่าหมายถึง เมืองพิมายอันเป็นที่ต้ังของปราสาทพมิ าย โดยเรยี กวา่ เมืองวิมาย หรือวิมายะปุระ(จารึกปราสาทพระขรรค์ พุทธศตวรรษท่ี 18)โดยเฉพาะข้อความในจารึกปราสาทพระขรรค์ท่ีกล่าวว่า พระเจา้ ชยั วรมนั ที่ 7 โปรดให้สร้างท่ีพักคนเดินทางจากราชธานีมาเมืองพิมาย รวม 17 แห่ง แสดงถึงค ว า ม สั ม พั น ธ์ อั น ใ ก ล้ ชิ ด ร ะ ห ว่ า ง เ มื อ ง พิ ม า ย กั บอาณาจักรเขมร และแสดงวา่ เปน็ เมอื งสาคญั ไม่นอ้ ย พมิ ำย 4 มรดกชำติ



บรเิ วณทตี่ ้ังของปรำสำทพิมำย เม่ือดูจากภาพถ่ายทองอากาศจะเห็นได้ชัดว่า เป็น  ภาพถา่ ยมมุ สงู เมอื งพมิ ายเมืองโบราณขนาดใหญ่มีผังเป็นรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้า มีคูและกาแพงเมืองล้อมรอบ มีศาสนสถานอยู่กลางเมืองแวดล้อมชุมชนใหญ่น้อยรายรอบเป็นกลุ่มใหญ่ ตัวเมืองพิมายเองต้ังอยู่ที่ทาเลที่ดีและอุดมสมบูรณ์ เพราะมีลาน้าไหลผ่านรอบเมือง ได้แก่ แม่น้ามูลไหลผ่านทางด้านทิศเหนือ และทิศตะวันออก ด้านทิศใต้มีลาน้าเค็ม ทางด้านทิศตะวันตกมี ล า น้ า จั ก ร า ช ไ ห ล ผ่ า น ไ ป บ ร ร จ บ กั บ แ ม่ น้ า มู ล ท่ี ท่ าสงกรานต์ บริเวณโดยรอบเป็นท่ีราบลุ่มสามารถทาการกสิกรรมได้ดี มีแหล่งน้าเพื่ออุปโภคบริโภคภายในเมืองได้แก่ สระแก้ว สระพลุ่ง สระขวัญ สระน้าที่ขุดขึ้นภายนอกเมือง คือสระเพลงทางทิศตะวันออก สระโบสถ์และสระเพลงแห้งทางทิศตะวันตกและอ่างเก็บน้า (บาราย) ขนาดใหญ่อยูท่ างทิศใต้พมิ ำย 6 มรดกชำติ



ลกั ษณะทำงสถำปัตยกรรมสิ่งก่อสร้าง ท่ีประกอบกันข้ึนเป็นปราสาทพิมายน้ัน มีแผนผังเป็นระเบียบได้สัดส่วนสัมพันธ์ตามกฎเกณฑ์ท่ียึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา ซ่ึงต้องใช้กาลังคนเวลา และความอุตสาหะเป็นอย่างสูง สิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญเ่ หล่าน้ีแสดงถึงพลังแห่งศรัทธาอันแรงกล้าท่ีมีต่อศาสนา พร้อมกันน้ันก็ยังแสดงถึงบารมีอันยิ่งใหญ่ของผู้สรา้ ง ที่สามารถนาเอาแรงงานมนุษย์มากมายมหาศาลมาเนรมิตศาสนสถานซึ่งเปรียบเสมือนจักวาลจาลองขึ้นไว้ในโลกมนุษย์ ส่ิงที่ค่อนข้างจะพิเศษต่างไปจาก ปราสาทพิมาย คงจะเริ่มสร้างมาต้ังแต่ปลายปราสาทอ่นื ๆ คอื ในขณะที่ปราสาทอื่นส่วนใหญ่ หันหน้า พุทธศตวรรษท่ี 16 –พุทธศตวรรษท่ี 17 และได้มีไปทางทิศตะวันออก แต่ปราสาทพิมายกลับสร้างหัน การก่อสร้างเพ่ิมเติมอีกในพุทธศตวรรษท่ี 18 ท้ังน้ีหน้าไปทางทิศใต้ ทั้งนี้สันนิษฐานกันว่าคงจะสร้างหัน โดยกาหนดอายุจากหลักฐานต่างๆ เช่น ศิลาจารึกหน้าไปสู่เมืองพระนครเมืองหลวงของอาณาจักรเขมร ลกั ษณะทางสถาปัตยกรรม และภาพจาหลักประดับหรือเปน็ คตทิ างศาสนาที่ควรศกึ ษากนั ต่อไป สถาปัตยกรรม ซึ่งในปราสาทแบบศิลปกรรมเขมร นิยมแกะสลักลงในเนื้อหินต่างๆ ของอาคาร เช่น หน้าบัน เสาประดับกรอบประตู และเสาประดับ ผนัง ภาพจาหลักเหล่านี้นอกจากจะแสดงลักษณะ ท า ง ศิ ล ป ะ ที่ ช่ ว ย ใ ห้ ก า ห น ด อ า ยุ ส มั ย ไ ด้ แ ล้ ว ยั ง ส า ม า ร ถ ศึ ก ษ า ค ติ ท า ง ศ า ส น า ข น บ ธ ร ร ม เ นี ย ม ประเพณี ตลอดจนชีวติ ความเป็นอยขู่ องผู้คนในสมัย นั้นๆพิมำย 8 มรดกชำติ



กำรดำเนินงำนของกรมศลิ ปำกร ปราสาทพิมายก่อนบูรณะ พ.ศ. 2479 ประกาศข้ึนทะเบียนเมืองพิมายใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 53 ตอนท่ี 34 ลงวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2549 พ.ศ. 2507-2512 ได้รับความช่วยเหลือจาก รัฐบาลฝรั่งเศส ผ่านทางองค์การสนธิสัญญาป้องกัน ร่วมกันแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ส.ป.อ) ดาเนินการบูรณะปราสาทพิมายด้วยวิธีอนัสติโลซิส (Anastylosis) โดยมี นายแบร์นาร์ค โกรส์ลิเยร์ (Bernard Phillip Groslier) นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส และศาสตราจารย์หม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์ เป็น ผอู้ านวยการบูรณะ ศาสตราจารยห์ มอ่ มเจา้ ยาใจ จติ รพงศ์ และ ผเู้ ชยี วชาญชาวฝร่งั เศสเมือ่ คร้ังบูรณะ ปราสาทพมิ าย  ปราสาทพมิ ายเม่อื ครง้ั ยังบรู ณะไม่แล้วเสรจ็ พมิ ำย 10 มรดกชำติ



พ.ศ. 2519-2532 กรมศลิ ปากรได้จัดตั้งโครงการ อุทยานประวัติศาสตร์พิมายข้ึน ทาการบูรณะและ ปรับปรุงเมืองพิมายจนแล้วเสร็จ และเปิดเป็นอุทยาน ประวัติศาสตร์ให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมโดยสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ พระราชดาเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดเม่ือวันที่ 12 เมษายน 2535 ปัจจุบันอุทยานประวัติศาสตร์พิมายสังกัดสานัก ศิลปากรท่ี 12 นครราชสีมา เป็นหน่วยงานหลักในการ ดูแลบารุงรักษาโบราณสถานโดยรอบเมืองพิมาย ให้มี สภาพมั่นคงแข็งแรงสวยงามและสะอาดเหมาะสมแก่ การท่องเท่ียว ตลอดจนบริการข้อมูลทางด้าน ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ โ บ ร า ณ ค ดี ข อ ง เ มื อ ง พิ ม า ย แ ก่ นกั ท่องเท่ียวและประชาชนผูส้ นใจโดยทั่วไป สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพธิ ีเปดิ อทุ ยานประวัติศาสตร์พิมาย เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2532 พิมำย 12 มรดกชำติ

แผนผงั เมืองพิมำย และแผนผังปรำสำทหินพิมำยแผนผังเมอื งพมิ ำย ในเมอื ง นอกเมอื ง 1.ปราสาทพมิ าย ดำ้ นตะวันออก 2.ประตทู ศิ ใต้ (ประตูชยั ) 3.ประตเู มืองทิศเหนือ 15.บา้ นส่วย 4.ประตเู มอื งทิศเหนอื 16. สระเพลง 5.ประตูเมืองทศิ ตะวนั ตก 17.ดันดินโบราณ 6.สระรึ 18.กฏุ ิฤๅษี 7.สระมะคา่ 19.คนั ดนิ โบราณ 8.สระแมว 20.คันดินโบราณ 9.สระขวัญ 21.คันดินโบราณ 10.สระพลงุ่ 22.สระชอ่ งแมว 11.สระยาง 23.คัดดนิ โบราณ 12.สระแกว้ 24.บารายใหญ่ และวดั โคก 13.เมรุนอ้ ย 14.เมรุพรหมทตั ดำ้ นตะวันตก 25.สระโบสถ์ 26.สระเพลงแห้ง 27.คนั ดนิ โบราณ พมิ ำย 13 มรดกชำติ

แผนผงั เมอื งพมิ ำย ประกอบดว้ ย 1.พลบั พลาเปลื้องเครอื่ ง 2.สะพานนาคราช 3.กาแพงช้นั นอก(กาแพงแกว้ ) 4.โคปรุ ะช้นั นอกท้ัง 4 ทิศ 5.ชาลาทางเดนิ 6.กาแพงชนั้ ใน (ระเบียงคด) 7.โคปุระช้ันในทงั้ 4 ทศิ 8.บรรณาลัย 9.ปรางคห์ นิ แดง 10.หอพราหมณ์ 11.ปรางค์พรหมทตั 12.ปราสาทประธาน 13.พลบั พลา พมิ ำย 14 มรดกชำติ



ชือ่ โบรำณสถำน ทา่ นางสระผม ท่ำนำงสระผม เป็นโบราณสถานท่ีอยู่นอกกาแพงเมืองพิมายด้านทิศใต้ ริมฝ่ังลาน้าเค็มจากการขุดแต่งและบูรณะพบว่า มีลักษณะเป็นฐาน อาคารสร้างด้วยศิลาแลงก่อขึ้นเป็นฐานรูปกากบาท มีบันไดขึ้นลงได้ 3 ด้าน คือด้านริมน้าและด้านข้าง 2 ด้าน ที่พ้ืนของท่าน้ามีร่องรอยหลุมเสาอยู่ที่มุมทุกด้าน ระหว่างการขุดแต่งพบกระเบื้องดินเผาจานวนมากแสดงว่ารูปทรงของอาคารน้ีคือ ศาลาจัตุรมุข หลังคาแบบเคร่ืองไม้ มุงกระเบ้ืองดินเผาสันนิษฐานว่าสร้างข้ึนในราวพทุ ธศตวรรษที่ 18  ท่านางสระผมรมิ ลา้ น้าเค็มพมิ ำย 16 มรดกชำติ



ชือ่ โบรำณสถำน ประตูและกาแพงเมอื งประตแู ละกำแพงเมอื ง กาแพงเมือง ทาเป็นแนวคันดินสูง แผนผังรูป  ประติมากรรมเศยี รพระโพธสิ ัตวอ์ วโลกเิ ตศวรสี่เหลี่ยม มีประตกู อ่ เป็นซมุ้ ด้วยศลิ าแลงและหินทราย ด้านละ 1 ประตู ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 3 ด้าน คือ ด้านทิศเหนือ มีชื่อว่า “ประตูผี” ด้านทิศใต้ มีช่ือว่า “ประตูชัย”ด้านทิศตะวันตก มีชื่อว่า “ประตูหิน” จากการขุดแต่งประตูเมืองด้านทิศใต้ โดยหน่วยศิลปกรที่ 6 ในปี พ.ศ.2530 พบโบราณวัตถุท่ีสาคัญ คือ เศียรพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทาจากหินทราย และประติมากรรมรูปนางปรัชญาปารมิตา จาจากสาเริด ประติมากรรมท้ังสองช้ินนี้ปรากฏลักษณะของศิลปกรรมเขมรแบบบายน และเมื่อประกอบกับลักษณะการก่อสร้างซุ้มประตูท่ีก่อด้วยศิลาแลงแลว้ จงึ อาจกล่าวได้ว่าซุ้มประตูเมืองนี้สร้างข้ึนในพุทธศตวรรษท่ี 18 นอกจากน้แี นวกาแพงเมืองด้านทิศใต้ยังพบร่องรอยแนวถนนโบราณเดิมคงเป็นเส้นทางซ่ึงอาณาจักเขมรใช้เป็นเส้นทางคมนาคม เพ่ือประโยชน์ทางการค้าและเผยแพรว่ ฒั นธรรมสดู่ นิ แดนแถบนี้  ประตมิ ากรรมนางปรัชญาปารมิตา สา้ ริดพมิ ำย 18 มรดกชำติ



ช่ือโบรำณสถำน พลับพลาเปลื้องเคร่อื งพลบั พลำเปลือ้ งเครือ่ ง ต้ังอยู่บริเวณด้านซ้ายมือของทางเดินเข้าสู่ตัวปราสาท เป็นอาคารรูปสี่เหลีย่ มผนื ผ้าขนาดกวา้ ง 26 เมตรยาว 35.10 เมตร หนั หน้าไปทางทิศตะวนั ออก จากการขุดแต่งบริเวณน้ีเม่ือ พ.ศ. 2511 พบกระเบ้ืองมุงหลังคาจานวนมาก นอกจากนี้ยังพบรูปเคารพเครื่องประดับและเหรียญสาริดจานวนหนึ่งภายในอาคาร จึงเป็นเหตุให้เรียกกันว่า “คลังเงิน” อยู่ระยะหน่ึง จากตาแหน่งที่ต้ังสันนิษฐานว่าอาคารหลังน้ี คงใช้เป็นสถานที่พักเตรียมพระองค์สาหรับกษัตริย์หรือเจ้านายช้ันสูงที่เสด็จมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวมทั้งเป็นสถานที่พักจัดขบวนสิ่งของถวายตา่ งๆ  ภายในพลบั พลาเปลื้องเคร่อื งพมิ ำย 20 มรดกชำติ



ช่ือโบรำณสถำน สะพานนาคราช สะพำนนำครำช ต้ังอยู่บริเวณด้านทางเข้าโคปุระด้านทิศใต้ สร้างด้วยหินทราย มีผังเป็นรูปกากบาท กว้าง 4 เมตร ยาว31.70 เมตร ยกพื้นสูงจากพื้นดินประมาณ 2.50 เมตรราวสะพานทาเปน็ ลาตัวนาค ทป่ี ลายราวสะพานทาเป็นรูปนาคราชชูคอแผ่พังพานเป็นรูปนาค 7 เศียร อันเป็นลักษณะที่นิยมในศิลปะเขมรแบบนครวัด ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 17 สะพานนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางเข้าสู่ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธ์ิ ตามคติความเช่ือเรื่องจกั รวาลเช่ือว่าเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ คตนิ ี้สืบต่อกันมาในศาสนาฮินดแู ละศาสนาพุทธ  สะพานนาคราชพิมำย 22 มรดกชำติ



ช่ือโบรำณสถำน ซุ้มประตแู ละระเบียงแกว้ ซุ้มประตแู ละกำแพงแก้ว ซุ้มประตูหรือโคปุระ มีลักษณะเป็นรูปกากบาท ตัง้ อยู่ท่ีกงึ่ กลางของแนวกาแพงแก้วทั้ง 4 ด้าน กาแพงแก้ว ก่อด้วยหินทราย สูงประมาณ 8 เมตร มีแผนผังเป็นรูป สีเ่ หล่ียมผนื ผ้า ขนาดกวา้ ง 220 เมตร ยาว 275.5เมตร ถัด จากกาแพงแกว้ เขา้ มาถือวา่ เปน็ การเข้าส่ดู ินแดนสวรรค์อัน เปน็ ทอี่ ยู่ของเทพเจ้าแ  ซมุ้ ประตหู รือโคปรุ ะ ชนั้ นอกพิมำย 24 มรดกชำติ



ชื่อโบรำณสถำน ชาลาทางเดนิ ชำลำทำงเดนิ เม่ือผ่านซุ้มประตูด้านทิศใต้เข้ามาจะเป็นลานชั้นนอกของปราสาท ปรากฏแนวทางเดินทอดไปยังซุ้มประตูระเบยี งคดด้านทิศใต้ แนวทางเดินน้ีก่อด้วยหินทรายยกพ้ืนสูงประมาณ 1 เมตร แบ่งเป็นสามช่องทางเดิน จากการบูรณะพบเศษกระเบ้ืองมุงหลังคาและบราลีดินเผาจานวนมาก เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ทางเดินมีลักษณะเป็นระเบียงโปร่ง หลังคามุงกระเบ้ือง รองรับด้วยเสาไมซ้ ึง่ ผพุ ังไปหมดแลว้  ชาลาทางเดินตอ่ เช่อื มกบั ซ้มุ ประตู หรือโคปุระดา้ นทศิ ใต้พิมำย 26 มรดกชำติ



ชื่อโบรำณสถำน บรรณาลยั บรรณำลัย ต้ังอยู่บริเวณลานชั้นนอกระหว่างซุ้มประตูกาแพงแก้วและซุ้มประตูระเบียงคดด้านทิศตะวันออก มีลักษณะเป็นอาคารรปู สีเ่ หลย่ี มผืนผ้า ผกพืน้ สูงก่อดว้ ยหินทราย ก้ันเป็นห้องยาวตลอดแนว บริเวณพ้ืนห้องพบร่องรอยหลุมเสารูปสี่เหล่ียมจัตุรัส ระหว่างการขุดแต่งพบกระเบื้องมุงหลังคาดินเผาเป็นจานวนมาก สันนิษฐานว่าเดิมคงมีหลังคาเคร่ืองไม้มุงกระเบื้อง อาคารท้ังสองหลังน้ีเป็นอาคารขนาดใหญ่ เชื่อกันว่าเป็นบรรณาลัยซึ่งหมายถึงสถานท่ีเกบ็ รกั ษาคมั ภรี ์ตา่ งๆ ทางศาสนา  ภายในบรรณลัยพิมำย 28 มรดกชำติ



ชอ่ื โบรำณสถำน สระน้า สระน้ำ ต้ังอยู่ท่ีมุงท้ัง 4 ทิศ ของลานกาแพงปราสาทช้ันนอก ภายในสระพบว่ามีการนาวัสดุจากชิ้นส่วนสถาปัตยกรรม เช่น เสาประดับกรอบประตู นามาวางเรียงกันอย่างไม่เป็นระเบียบ เดิมบริเวณนี้เคยเป็นท่ีต้ังของวัดต่างๆ ซึ่งได้ย้ายไปตั้งใหม่นอกปราสาทแล้ว เช่น วัดสระเพลง วัดพระปรางใหญ่ วัดโบสถ์ และวัดพระปรางน้อยสระเหล่าน้ีคงขุดขึ้นเพื่อประโยชน์ของวัดในการใช้อุปโภคบริโภค ในราวสมัยอยุธยาตอนปลายอย่างไรก็ตาม จากการขุดพบค้นทางโบราณคดี เมื่อปี พ.ศ. 2558 พบหลักฐานว่าสระน้าที่มุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือน่าจะสรา้ งรว่ มสมัยกับปราสาทประธาน  สระน้า 1 ใน 4 ทศิ ของลานกา้ แพงปราสาทช้นั ในพมิ ำย 30 มรดกชำติ



ชือ่ โบรำณสถำน ซมุ้ ประตูและระเบียงคดซมุ้ ประตูและระเบียงคด ระเบียงคด ก่อด้วยหินทราย เป็นระเบียงทางเดิน  แผน่ ทองรูปดอกบัว 8 กลีบหลังคาซุ้มโค้งมีแผนผังรูปสี่เหล่ียมผืนผ้าล้อมรอบปราสาท  จารึกบนกรอบประตูประธาน มีซุ้มประตูอยู่ก่ึงกลางทั้ง 4 ด้าน โดยมีตาแหน่งท่ีต้ังตรงกับแนวของประตูเมืองและประตูทางเข้าปราสาทประธานปรากฏ หลักฐานสาคัญท่ีซุ้มประตูระเบียงคดด้านทิศใต้ คือ จารึกบริเวณกรอบประตูด้านทิศตะวันออกของห้องกลาง จารึกด้วยอักษรขอมโบราณภาษาเขมร ระบุชื่อ“กมรเตงชคตวิมาย” และกล่าวถึงการสร้างรูปเคารพสาคัญ ชื่อ “กมรเตงชคตเสนาบดีไตรโลกยวิชัย” ตรงกับพ.ศ. 1651 ตลอดจนปรากฏพระนามของขุนนางชั้นสูงและพระนามพระมหากษัตริย์ คือ พระเจ้าธรณีนทรวรมันที่ 1 จากการบูรณะบริเวณระเบียงคดในปี พ.ศ. 2532 ได้พบแผน่ ทองดุนลายรปู ดอกบวั 8 กลบี บรรจุไว้ในช่องที่ทาไว้เฉพาะ ท่ีพื้นห้องของซุ้มประตูระเบียงคดเกือบทุกด้านแผ่นทองเหล่าน้ีฝังไว้เพ่ือความเป็นศิริมงคล ตามประเพณีการสร้างปราสาทดังที่พบในปราสาทอื่นๆ อีกหลายแห่งเช่น ปราสาทเมืองธม จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทพนมรุ้งจังหวัดบุรรี ัมย์ และปราสาทเมอื งตา่ จงั หวัดบุรีรัมย์  หลุมบรรจุวตั ถุมงคลพมิ ำย 32 มรดกชำติ



ปรำสำทประธำน ชอื่ โบรำณสถำน ปราสาทประธาน ภายในลานช้ันในซึ่งเป็นท่ีต้ังของอาคารศาสน  ประดษิ ฐานพระพุธรปู นาคปรกสถานหลายหลัง ท่ีตั้งอยู่ตรงกลางคือปราสาทประธานเป็นศูนย์กลางและสาคัญท่ีสุด ปราสาทประธานสร้างด้วยหินทรายสีขาว สูง 28 เมตร หันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งแตกตา่ งจากศาสนสถานเขมรในทอ่ี ่นื ๆ ซึ่งมักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สร้างข้ึนราวพุทธศตวรรษท่ี 16–17ประกอบดว้ ยส่วนสาคญั 2 ส่วน คือ มณฑป และเรือนธาตุมีการสลักลวดลายประดับ ตามส่วนต่างๆ เช่น หน้าบันทับหลงั ด้านนอกสลักเป็นภาพเล่าเรื่องรามเกียรติ์ ด้านในสลักภาพเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาคติมหายาน ภายในเรือนธาตุเป็นส่วนสาคัญที่สุดเรียกว่า “ห้องครรภคฤหะ”เป็นที่ประดิษฐานพระพุธรูปนาคปรก บริเวณพื้นห้อง ตรงมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีร่องน้ามนต์ต่อลอดผ่านพ้ืนห้องไปทางดา้ นนอก เรียกวา่ “ทอ่ โสมสูตร”  รอ่ งน้ามนต์พิมำย 34 มรดกชำติ



ปรำงค์หินแดง ช่อื โบรำณสถำน ปรางคห์ นิ แดง ก่อสร้างด้วยหินทรายสีแดงฐานเป็นรูปสี่เหล่ียม  ทบั หลังตอนกรรณะล่าหมูป่าจัตุรัส ย่อมุมขนาดกว้าง 11.40 เมตร สูงประมาณ 15  ภายในปรางค์หนิ แดงเมตร มีประตูเข้าก่อเป็นมุขยื่นออกไปทั้ง 4 ทิศ เน่ืองจากหินทรายสีแดงเส่ือมคุณภาพเร็วปราสาทองค์นี้จึงผุพังไปมาก ยังมีทับหลังเหลืออยู่ในที่เดิม คือ เหนือกรอบประตูด้านทิศเหนือ 1 ช้ิน ทาด้วยหินทรายสีแดงภาพสลักลบเลือนแต่พบจะเห็นได้ว่าคงจะเป็นภาพเล่าเรื่องตอนกรรณะลา่ หมูปา่ ในเรือ่ งมหาภารตะ จากการขุดลอกมูลดินท่ีทับถมฐานปราสาทองค์นี้ออกในปี พ.ศ. 2497 ได้พบแท่งหินท่ีใช้ก่อฐานรากบางท่อนมีลวดลายจาหลัก แต่วางกลับข้างบนเป็นข้างล่างแสดงว่าคงจะรื้อเอาของเก่ามาใช้ในการก่อสร้าง และเนื่องจากฐานของปราสาทองค์น้ีต่อเนื่องเป็นฐานเดียวกับฐานของอาคารท่ีเรียกว่า หอพราหมณ์ ส่ิงก่อสร้างทั้งสองน่าจะสรา้ งขึ้นมาพร้อมกนั สนั นฐิ านว่า อาจจะสร้างขึ้นหลังปราสาทประธาน ในราวปลายพทุ ธศตวรรษท่ี 17 พิมำย 36 มรดกชำติ



ชื่อโบรำณสถำน หอพราหมณ์ หอพรำหมณ์ เป็นอาคารก่อด้วยหินทรายแดงและศิลาแลง ตั้งอยู่บ น ฐ า น เ ดี ย ว กั น กั บ ป ร า ง ค์ หิ น แ ด ง มี แ ผ น ผั ง เ ป็ น รู ปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 6.50 × 17 เมตร มีมุขยื่นออกไปเป็นบันไดและประตูเข้าออกทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ผนังด้านข้างของห้องมุขมีหน้าตางด้านละ 1ช่อง การขุดแต่งในปี พ.ศ. 2497 ได้พบศิวลึงค์ขนาดย่อมทาด้วยหินทราย จึงเช่ือกันว่า อาคารหลังนี้เป็นเหตุให้เรียกต่อๆ กันมาว่า หอพราหมณ์ แต่จากผังรูปแบบโดยรวม และตาแหน่งที่ตั้งที่เรียกว่าหอพราหมณ์น้ี คือบรรณาลัยของปราสาทนั้นเอง  ภายในหอพราหมณ์พิมำย 38 มรดกชำติ



ช่ือโบรำณสถำน ปรางค์พรหมทัตปรำงค์พรหมทตั สร้างด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่ด้านหน้าของปราสาท  ประติมากรรมรปู พระเจา้ ชยั วรมันท่ี 7ประธานทางทิศตะวัตออกเฉียงใต้ ฐานเป็นรูปส่ีเหล่ียมจัตุรัส ประตูทาเป็นมุขยื่นออกไปทั้ง 4 ด้าน ภายในองค์ปรางค์พบประติมากรรมสาคัญ 2 ช้ิน คือ ประติมากรรมหินทรายรูปบุคคลขนาดใหญ่นั่งขดั สมาธิ สันนษิ ฐานว่าเป็นรูปของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ชาวบ้านมักเรียกว่า ท้าวพรหมทัต ส่วนอีกช้ินหนึ่ง เป็นประติมากรรมหินทรายรูปสตรนี ่งั คุกเข่า ส่วนศรี ษะและแขนหักหายไป เชื่อว่าเป็นรูปของนางชัยราชเทวีชาวบ้านเรียกตามนิยายพื้นบ้านว่า นางอรพิม ปัจจุบันประติมากรรมท้ัง 2 ช้ินนี้จัดแสดงอยู่ในพิพธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาตพิ ิมาย  ประตมิ ากรรมรปู พระนางชัยราชเทวมี เหสีพมิ ำย 40 มรดกชำติ



ชอ่ื โบรำณสถำน พลบั พลา พลบั พลำ ภายในลานชั้นในด้านทิศตะวันออกของปราสาทประธาน มฐี านอาคารรูปร่างคล้ายฐานปราสาทก่อด้วยหินทรายสีแดง สูง 70 เซนติเมตร รูปส่ีเหล่ียมจัตุรัส ขนาด8.15 เมตร โดยเว้นเนื้อที่ตรงกลางไว้เป็นช่องส่ีเหลี่ยม มีหลุมขนาดใหญ่อยู่ท่ีขอบฐานตรงมุมของช่องว่างด้านข้างสองด้านคือ ด้านทิศเหนือและทิศใต้มีบันได ด้านท่ีหันเข้าสู่ปราสาทประธานทาเป็นห้องมุขรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่พบหลักฐานใดๆ ที่จะทาให้ทราบได้ว่าสร้างข้ึนเพ่ือประโยชน์ใช้สอยอย่างไร  พลบั พลาพิมำย 42 มรดกชำติ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook