1 รายงานการวิจัย เรื่อง รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนโดยใช้บทเรยี นสำเรจ็ รปู เรือ่ ง สตั วแ์ ละประเภทของสัตว์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4/5 โรงเรียนอนบุ าลำพนู สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 นางสาวสายฝน ต๊ะวันนา ครูชำนาญการ สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาลำพนู เขต1 สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
1ก กติ ติกรรมประกาศ รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง สัตว์และประเภทของ สัตว์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4/5 โรงเรยี นอนบุ าลลำพนู สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา ประถมศึกษาลำพูนเขต 1 ผู้ศึกษากราบขอบพระคุณครูถนอมจิตร ปินกันทา ที่กรุณาให้คำแนะนำ ตรวจทาน ปรับปรงุ และแกไ้ ขชุดแบบฝกึ ทกั ษะพัฒนาการเรียนรู้ ด้วยความเอาใจใสเ่ ป็นอย่างดี ขอขอบพระคุณ คณะครูที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือและให้กำลังใจในการดำเนินการศึกษาและ เก็บรวบรวมข้อมูล รวมทั้งนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 โรงเรียนอนุบาลลำพูน สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาลำพูนเขต 1 ที่ได้ให้ความรว่ มมือในการศึกษาในคร้งั น้ี เป็นอย่างดี ขอขอบคุณกำลังใจและการช่วยเหลือจากครอบครัวทุกคน ที่ช่วยเหลือเกื้อกูล เอาใจใส่และ เป็นกำลงั ใจดว้ ยดตี ลอดมา
ข2 ช่ือเรอื่ ง รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง สัตว์และ ประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 โรงเรียนอนุบาลลำพูน สำนักงานเขต พนื้ ท่กี ารศึกษาประถมลำพนู เขต1 ผูร้ ายงาน นางสาวสายฝน ต๊ะวนั นา ปกี ารศึกษา 2565 บทคัดยอ่ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง สัตว์และประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ประถมศึกษาปที ่ี 4/5 (3) เพอื่ ศกึ ษาความพงึ พอใจของนกั เรียนต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเรจ็ รปู เรือ่ ง สตั ว์และประเภทของสัตว์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4/5 กลุม่ ตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4/5 โรงเรียนอนุบาลลำพูน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 22 คน ได้มา โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ผู้ศึกษาได้ดำเนินการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปสำเร็จรูป เรื่อง สัตว์และประเภทของสัตว์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 เล่ม และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน เรยี นและหลงั เรยี น จำนวน 10 ข้อ จากนนั้ นำไปทดลอง รวบรวมข้อมลู ทั้งหมดมาวิเคราะห์ เพอ่ื หา ความ แตกต่างของผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรยี นก่อนเรียนและหลังเรยี น และทำการสำรวจความพงึ พอใจ ของผู้เรยี นทม่ี ีตอ่ การเรยี นโดยใช้บทเรยี นสำเรจ็ รปู ผลการศึกษาพบว่า 1) นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 4/5 ที่เรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง สัตว์และประเภทของสตั ว์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรยี นสูงกว่าก่อนเรียน โดยค่าเฉลี่ย ก่อนเรียนมี ค่าเทา่ กบั 5.24 คิดเปน็ รอ้ ยละ 52.38 แตห่ ลงั จัดการเรียนรูด้ ้วยบทเรยี นสำเรจ็ รปู มคี ะแนนเฉล่ีย สูงข้นึ มีค่าเท่ากับ 9.38 คิดเป็นร้อยละ 93.81 2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 มีความพึงพอใจต่อการ เรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และประเภทของสัตว์ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.31 ซึ่งสรุปผลได้ว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยใู่ นระดับมาก
สารบัญ ค3 บทท่ี กติ ติกรรมประกาศ หน้า บทคดั ย่อ ก สารบัญ ข บทท่ี 1 บทนำ ค 1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา 1 วตั ถุประสงค์การศึกษา 1 สมมติฐานการศกึ ษา 2 ขอบเขตการศกึ ษา 2 นิยามศัพท์เฉพาะ 2 ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะได้รับ 3 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกย่ี วข้อง 4 หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5 แนวคิด ทฤษฎที เ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การสร้างบทเรียนสำเร็จรูป 19 งานวจิ ยั ท่เี ก่ียวข้อง 28 บทที่ 3 วิธีดำเนนิ การศกึ ษา 32 ขอบเขตของการศึกษา 32 เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการศึกษา 32 การสรา้ งและหาคณุ ภาพของเคร่ืองมือ 33 การเก็บรวบรวมข้อมูล 34 การวเิ คราะหข์ ้อมูล 35 สถติ ิท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมลู . 35 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล 37 ผลการเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นของนกั เรียนก่อนเรยี น และหลงั เรยี น 37 ผลการศึกษาความพงึ พอใจของนักเรยี น 39 บทที่ 5 สรปุ การศึกษา อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ 41 สรุปการศึกษา 41 อภิปรายผล 41 ข้อเสนอแนะ 43 บรรณานกุ รม . 44
4 บทท่ี 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา วิทยาศาสตรเ์ ปน็ สาขาวชิ าชว่ ยใหม้ นุษยไ์ ดพ้ ฒั นาวิธีคดิ ท้งั ความคิดเป็นเหตเุ ปน็ ผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะสำคัญในการ ค้นคว้าหามีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ความรู้ สามารถตดั สินใจโดยใช้ข้อมูลทีห่ ลากหลายและมปี ระจักษ์พยานท่ตี รวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็น วัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็น สังคมแห่งการเรียนรู้ ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้ วิทยาศาสตร์ เพื่อท่ีจะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น สามารถนำ ความรูไ้ ปใชอ้ ย่างมเี หตุผล สร้างสรรค์ และมีคุณธรรม ผู้วิจยั ไดศ้ กึ ษาสภาพปญั หาเกย่ี วกบั การเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ พบวา่ นักเรยี น ขาดทักษะ ในการศกึ ษาหาความรดู้ ้วยตนเอง การฝึกฝนทบทวน การทำการบา้ น การอ่าน ตลอดจนการทำแบบฝึกหัด และคน้ คว้าบางเนื้อหามีไม่เพียงพอกับความต้องการของนักเรียน นักเรียนบางสว่ นยังมีสมรรถภาพในการ เรียนรู้ที่ไม่ดีพอ นักเรียนบางส่วนยังไม่มีนิสัยรักการเรียนรู้ เมื่อรู้สภาพปัญหาแล้ว ก็นำข้อมูลที่ได้มาเป็น แนวทางเสริมการเรียนรู้ พอจะสรุปได้ว่าหนังสือหรือแบบฝึกทักษะพัฒนาการเรียนรู้ หมายถึง หนังสือท่ี จดั ข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เป็นไปในทางส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนเกิดการฝึกฝนทักษะในด้านตา่ ง ๆ และทำให้รักใน การเรียนรู้มากขน้ึ การวิจัยครัง้ น้ีเป็นการศึกษาเพ่ือพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ โดย การนำบทเรียนสำเร็จรูปมาใช้ในการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ และการทำแบบฝึกหัดดว้ ยตนเองในวิชา ที่ครูสอน เพื่อให้นักเรียนศึกษาหาความรู้และมีการช่วยเหลือกันบ้างเล็กน้อย และเพื่อให้นักเรียนเกิด ความสนุกสนานเพลิดเพลิน เกิดความซาบซึ้งในคุณค่าของการเรียนรู้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเสริมสร้าง ทักษะและนิสัยของการเรยี นทด่ี ใี ห้แกน่ ักเรียน วตั ถปุ ระสงค์การศึกษา 1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ บทเรียนสำเรจ็ รูป เร่ือง สัตว์และประเภทของสัตว์ 2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง สัตว์และ ประเภทของสัตว์
5 สมมตฐิ านการศึกษา 1. นักเรยี นมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนหลงั เรยี นสงู กว่าก่อนเรยี น 2. นักเรยี นมีความพงึ พอใจตอ่ การเรียนโดยใช้บทเรยี นสำเร็จรปู ในระดบั มาก ขอบเขตการศึกษา 1. กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 โรงเรียนอนุบาลลำพูน สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวนนักเรียน 40 คน 2. เนื้อหาที่ใช้ในบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง สัตว์และประเภทของสัตว์ มีขอบข่ายตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนอนุบาลลำพูน สำนักงานเขตพืน้ ที่การประถมศึกษาลำพูน เขต 1 3. ตัวแปรที่ใชศ้ กึ ษา คอื 3.1 ตวั แปรตน้ คอื บทเรียนสำเร็จรปู เรื่องสัตวแ์ ละประเภทของสตั ว์ 3.2 ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ความพงึ พอใจต่อการเรียนโดยใชบ้ ทเรยี นสำเร็จรปู นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ บทเรียนสำเรจ็ รูป หมายถึง บทเรยี นท่ีสร้างขึ้น เร่อื งสัตว์และประเภทของสัตว์ โดยแบ่งเนื้อหา ออกเป็นส่วน ๆ มีแบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน กรอบเนื้อหา กรอบคำถาม 5 กรอบ แบบฝึกหัดท้าย บทเรียนและเฉลยท้ายกรอบ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ตามขั้นตอนการฝึกและ สามารถทบทวนความร้ไู ด้เม่อื ไมม่ ีความเข้าใจเนื้อหานั้น ๆ จนเกิดความกระจา่ งโดยมีครูคอยให้คำแนะนำ จนครบทกุ บทเรยี น แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบที่ผู้วิจัยจัดทำขึ้นและผ่าน กระบวนการการทดลอง แก้ไข ปรับปรุงจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อใช้วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยมีเนื้อหา คลอบคลมุ ทุกแผนการจดั การเรยี นรู้ เปน็ ขอ้ สอบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 4 ตวั เลือก จำนวน 10 ข้อ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน หมายถึง คะแนนของนักเรยี นท่ีได้จากการทำแบบทดสอบ ท้งั กอ่ นเรียน และหลงั เรยี น นกั เรยี น หมายถึง นกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4/5 โรงเรยี นอนบุ าลลำพนู สำนกั งานเขตพ้นื ท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาลำพนู เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 จำนวนนักเรียน 40 คน ความพงึ พอใจตอ่ การเรยี นโดยใชบ้ ทเรียนสำเร็จรปู หมายถึง การวัดผลและประเมนิ ผลนักเรยี น โดยใชร้ ะดบั ความพงึ พอใจในการเรียนโดยใช้บทเรยี นสำเร็จรปู
6 ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รับ 1. นกั เรียนมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน เรอื่ ง สัตว์และประเภทของสัตว์ สงู ข้นึ 2. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง เรื่องสัตว์และประเภท ของสตั ว์
7 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกยี่ วข้อง จากการศึกษาเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และ ประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 ผู้รายงานได้ศึกษา เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ ก่ียวขอ้ งหรอื สอดคลอ้ งกบั เรือ่ งท่ีรายงาน ดังตอ่ ไปน้ี 1. หลักสูตรกลุ่มสาระการวิทยาศาสตร์โรงเรียนอนุบาลลำพูนพุทธศักราช 2565 แนวทางตาม หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศักราช 2560) 2. แนวคดิ ทฤษฎีทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั การสร้างบทเรยี นสำเรจ็ รูป 2.1 ความหมายบทเรยี นสำเรจ็ รูป 2.2 ลกั ษณะของบทเรียนสำเร็จรปู 2.3 ประเภทของบทเรยี นสำเรจ็ รปู 2.4 ประโยชนแ์ ละคุณค่าของบทเรยี นสำเร็จรปู 2.5 ทฤษฎีจติ วิทยาท่ีใช้ในบทเรยี นสำเรจ็ รปู 2.6 ข้ันตอนการสรา้ งบทเรยี นสำเร็จรูป 2.7 วิธีดำเนินการสรา้ งบทเรยี นสำเรจ็ รูป 2.8 ข้อดขี องบทเรียนสำเร็จรูป 2.9 ข้อจำกดั ของบทเรยี นสำเรจ็ รปู 2.10 การหาประสิทธภิ าพของบทเรียนสำเร็จรูป 3. งานวิจัยทเ่ี ก่ียวข้อง 3.1 งานวิจยั ในประเทศ 3.2 งานวิจัยต่างประเทศ
8 1. หลักสูตรกลุ่มสาระการวิทยาศาสตร์โรงเรียนอนุบาลลำพูน พุทธศักราช 2565 แนวทางตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ความนำ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) น้ไี ด้กำหนดสาระการเรียนรู้ออกเป็น 4 สาระ ได้แก่ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์ โลกและอวกาศ สาระที่ 4 เทคโนโลยี ซึ่งองค์ประกอบของหลักสูตร ทั้งในด้านของเนื้อหา การจัดการ เรียนการสอนและการวัดและประเมินผลการเรียนรู้นั้น มีความสำคัญอย่างย่ิงในการวางรากฐานการ เรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ของผูเ้ รียนในแตล่ ะระดบั ชัน้ ให้มีความต่อเน่ืองเชื่อมโยงกันตั้งแต่ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ได้กำหนดตัวชี้วัดและสาระการ เรียนรู้แกนกลาง ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนเป็นพื้นฐาน เพื่อให้สามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในการดำรงชีวิต หรือศึกษาต่อในวิชาชีพที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ได้ โดยจัดเรียงลำดับความยากง่าย ของเนื้อหาทั้ง 4 สาระ ในแต่ละระดับชัน้ ให้มีการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการเรียนรู้ และการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริม ใหผ้ ้เู รยี นพฒั นาความคิด ทัง้ ความคดิ เป็นเหตเุ ป็นผล คดิ สร้างสรรค์ คดิ วิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญ ทั้งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล หลากหลายและประจักษพ์ ยานที่ตรวจสอบได้ กระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่มุ่งหวังให้ เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนมากที่สุด จึงมอบหมายให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ (สสวท.) จัดทำ ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ขึ้น เพื่อให้สถานศึกษา ครูผู้สอน ตลอดจน หน่วยงานต่าง ๆ ได้ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา หนังสือเรียน คู่มือครู สื่อประกอบการเรียนการสอน ตลอดจนการวัดและประเมินผล โดยตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ที่จัดทำขึ้นนี้ได้ปรับปรุงให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกันภายในสาระการเรียนรู้เดียวกันและระหว่าง สาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเนื้อหาความรู้ ทาง วิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลง และความเจรญิ ก้าวหน้าของวทิ ยาการตา่ ง ๆ และทดั เทยี มกับนานาชาติ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ สรปุ เปน็ แผนภาพได้ดงั นี้
9 แผนภาพ สาระ มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้วี ัดกลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560) สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ - มาตรฐาน ว 2.1-ว 2.3 สาระที่ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ - มาตรฐาน ว 1.1-ว 1.3 - มาตรฐาน ว 3.1-ว 3.3 สาระท่ี 4 เทคโนโลยี - มาตรฐาน ว 4.1-ว 4.2 เป้าหมายของการจัดการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ โดยมนุษย์ใช้กระบวนการสังเกต สำรวจ ตรวจสอบ และการทดลองเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและนำผลมาจัดระบบ หลักการ แนวคิด และทฤษฎี ดังนั้นการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์จึงมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เป็นผู้เรียนรู้และค้นพบด้วยตนเอง มากทีส่ ุด นัน่ คอื ใหไ้ ดท้ ้ังกระบวนการและองคค์ วามรู้ ตัง้ แต่วยั เรม่ิ แรกกอ่ นเข้าเรียน เมือ่ อยู่ในสถานศึกษา และเม่ือออกจากสถานศึกษาไปประกอบอาชพี แล้ว การจดั การเรียนการสอนวิทยาศาสตรใ์ นสถานศึกษา
10 มีเป้าหมายสำคัญดังน้ี 1.เพื่อใหเ้ ข้าใจหลกั การ ทฤษฎที ีเ่ ป็นพ้นื ฐานในวิทยาศาสตร์ 2.เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจขอบเขต ธรรมชาติและขอ้ จำกดั ของวิทยาศาสตร์ 3.เพือ่ ให้มีทักษะทสี่ ำคัญในการศกึ ษาคน้ ควา้ และคดิ คน้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 4. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการ ทกั ษะในการสือ่ สาร และความสามารถในการตดั สินใจ 5.เพือ่ ให้ตระหนกั ถงึ ความสมั พันธร์ ะหว่างวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษยแ์ ละสภาพแวดล้อม ในเชิงท่ีมอี ิทธิพลและผลกระทบซึง่ กันและกัน 6.เพือ่ นำความรู้ความเข้าใจในเรื่องวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยไี ปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ สังคมและ การดำรงชีวติ 7.เพื่อให้เป็นคนมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอยา่ งสรา้ งสรรค์ เรยี นรู้อะไรในวทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่เน้นการเชื่ อมโยง ความรู้กับกระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้ กระบวนการในการสืบ เสาะหาความรู้และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผูเ้ รยี นมีสว่ นร่วมในการเรยี นรู้ ทกุ ขนั้ ตอน มกี ารทำกิจกรรม ด้วยการลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ อยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกับระดับช้นั โดยกำหนดสาระสำคญั ดังนี้ ✧ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตในสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต การ ดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์การดำรงชีวิตของพืชพันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และ ววิ ฒั นาการของสง่ิ มีชีวติ ✧ วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การ เคลื่อนที่ พลงั งาน และคลน่ื ✧ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ ภายใน ระบบสุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการ เปลี่ยนแปลงลม ฟ้าอากาศ และผลตอ่ ส่ิงมชี วี ติ และสง่ิ แวดลอ้ ม ✧ เทคโนโลยี ● การออกแบบและเทคโนโลยเี รยี นร้เู กี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และศาสตร์อื่นๆเพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรมเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และ ส่งิ แวดล้อม
11 ● วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์แก้ปัญหา เป็นขั้นตอนและเป็น ระบบประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ในการ แก้ปญั หาที่พบในชีวติ จริงไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิต กับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหา ส่ิงแวดลอ้ มรวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิง่ มีชวี ติ การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสมั พนั ธ์ของโครงสรา้ ง และหนา้ ท่ี ของอวัยวะต่างๆ ของพืชทที่ ำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไป ใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและ วิวัฒนาการของสงิ่ มชี ีวติ รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกบั โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิด ปฏกิ ิริยาเคมี มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะ การ เคลอ่ื นท่แี บบต่าง ๆ ของวตั ถรุ วมทงั้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของ คลื่น ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับ เสียง แสง และคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทั้ง นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ท่ี ส่งผลต่อส่งิ มีชวี ติ และการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ
12 มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายใน โลก และบนผวิ โลก ธรณพี ิบตั ิภยั กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศโลก รวมท้ังผลต่อสงิ่ มชี ีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปล่ียนแปลง อย่าง รวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณติ ศาสตรแ์ ละศาสตร์อื่น ๆ เพ่อื แก้ปัญหาหรือพัฒนา งานอยา่ งมคี วามคดิ สร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคำนงึ ถึงผลกระทบต่อชีวติ สังคม และสิง่ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและ เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ดั ชั้นปี สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสงิ่ ไม่มีชวี ิตกับสง่ิ มีชีวิตและ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทั้งนำความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนร้ทู ้องถน่ิ -- - -
13 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กันรวมทั้งนำความรู้ไป ใช้ประโยชน์ ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนร้ทู ้องถน่ิ ป.4 ว 1. 2 ป 4/1 - สว่ นต่าง ๆ ของพชื ดอกทำหนา้ ทแ่ี ตกต่างกนั บรรยายหน้าที่ - รากทำหนา้ ท่ดี ูดนำ้ และแรธ่ าตขุ ึ้นไปยังลำตน้ - พืชที่พบในบริเวณต่าง ของราก ลำต้น - ลำต้นทำหน้าที่ลำเลียงน้ำต่อไปยังส่วนต่าง ๆ ของ ๆ เช่น ใกล้โรงเรียน ริม ใบ และดอกของ พชื ทะเล ฯลฯ ได้แก่ พืชดอกโดยใช้ - ใบทำหน้าที่สร้างอาหาร อาหารที่พืชสร้างขึ้นคือ ข้อมูลที่รวบรวม นำ้ ตาลซงึ่ จะเปล่ยี นเป็นแปง้ ได้ - ดอกทำหน้าที่สืบพันธุ์ ประกอบด้วยส่วนประกอบ ต่าง ๆ ได้แก่ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และ เกสรเพศเมีย ซ่งึ สว่ นประกอบแตล่ ะส่วนของดอก ทำ หน้าท่ีแตกตา่ งกัน สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธกุ รรมการเปล่ยี นแปลงทางพันธุกรรมที่มผี ลต่อสิ่งมชี วี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการ ของสงิ่ มีชีวิต รวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถน่ิ ป.4 ว 1.3 ป 4/1จำแนก - สิ่งมีชีวิตมีหลายชนิด สามารถจัดกลุ่มได้โดยใช้ - สิ่งมีชีวิตที่พบบริเวณ ส่งิ มชี วี ิตโดยใช้ความ ความเหมือนและความแตกต่างของลักษณะต่าง ๆ โรงเรียน ชุมชนโดยรอบ เหมือนและ ความ เช่น กลุ่มพืชสร้างอาหารเองได้ และเคลื่อนที่ด้วย และอืน่ ๆ แตกตา่ งของลกั ษณะ ตนเองไม่ได้ กลุ่มสัตว์กินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหารและ ของส่ิงมชี ีวติ ออกเปน็ เคลื่อนที่ได้ กลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์ เช่น เห็ด รา กล่มุ พืช กลุ่มสตั ว์ จลุ นิ ทรยี ์ และกลมุ่ ท่ไี ม่ใชพ่ ืช และสัตว์
14 ช้ัน ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ ว 1.3 ป 4/2 จำแนก - การจำแนกพชื สามารถใช้การมดี อกเป็นเกณฑ์ ใน - ข้อมูลพืช และสัตว์ ที่ พืชออกเปน็ พืชดอก การจำแนก ได้เปน็ พชื ดอกและพชื ไม่มดี อก พบในบริเวณโรงเรียน และพชื ไม่มีดอก โดย ชุมชนโดยรอบ และอ่ืน ใชก้ ารมดี อกเปน็ ๆ เกณฑ์ โดยใชข้ ้อมูล - ทร่ี วบรวมได้ ว 1.3 ป 4/3จำแนก -การจำแนกสัตว์ สามารถใช้การมีกระดูกสันหลัง สัตว์ออกเป็นสัตว์มี เปน็ เกณฑ์ในการจำแนก ไดเ้ ปน็ สตั ว์มีกระดูกสันหลัง กระดูกสันหลังและ และสัตว์ไมม่ กี ระดกู สนั หลัง สัตว์ไม่มีกระดูกสัน - สัตว์มีกระดูกสันหลังมีหลายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปลา หลัง โดยใช้การมี กลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กระดูกสันหลังเป็น กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ซึ่งแต่ละ เกณฑ์ โดยใช้ข้อมลู ที่ กลุ่มจะมลี ักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ รวบรวมได้ ว 1.3 ป 4/4บรรยาย ล ั ก ษ ณ ะ เ ฉ พ า ะ ที่ สังเกตได้ของสัตว์มี กระดูกสันหลังใน กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์ สะเทินน้ำสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่ม สัตว์เลี้ยงลูกด้วย น้ำนม และ ยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิต ในแตล่ ะกลุม่
15 สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบัติ ของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะ ของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี ช้นั ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ ทอ้ งถิน่ ป.4 ว 2.1 ป 4/1 เปรียบเทียบสมบัติทาง - วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติทาง - วัสดุ/อุปกรณ์ กายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น กายภาพแตกต่างกัน วัสดุที่มีความ ต่าง ๆ การนำความร้อน และการนำไฟฟ้า แข็งจะทนตอ่ แรงขดู ขดี วัสดทุ ม่ี ี ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ สภาพยืดหยุ่นจะเปลี่ยนแปลง จากการทดลองและระบุการนำสมบัติ รูปร่างเมื่อมีแรงมากระทำและกลับ เรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำ สภาพเดิมได้ วสั ดุทีน่ ำความร้อนจะ ความร้อน และการนำไฟฟ้าของวัสดุ รอ้ นได้เร็วเมื่อไดร้ ับความร้อน และ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ผ่านกระบวน วัสดุทน่ี ำไฟฟา้ ได้ จะให้ กำรออกแบบชนิ้ งาน กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ ดังนั้นจึง ว 2.1 ป 4/2 แลกเปลี่ยนความคิดกับ อาจนำสมบัติต่าง ๆ มาพิจารณา ผู้อื่นโดยการอภิปรายเกี่ยวกับสมบัติ เพื่อใช้ในกระบวนการออกแบบ ทางกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผล ชิ้นงานเพื่อใช้ประโยชน์ใน จากการทดลอง ชีวิตประจำวนั ว 2.1 ป 4/3 เปรียบเทียบสมบัติของ - วัสดุเป็นสสารเพราะมีมวลและ สสารทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลที่ได้จาก ต้องการที่อยู่ สสารมีสถานะเป็น การสังเกต มวล การต้องการที่อยู่ ของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส รปู รา่ งและปรมิ าตรของสสาร ของแข็ง มีปริมาตรและรูปร่างคงที่ ว 2.1 ป 4/4ใช้เครื่องมือเพื่อวัดมวล ของเหลวมีปริมาตรคงที่ แต่มี และปริมาตรของสสารทงั้ 3 สถานะ รูปร่างเปลี่ยนไปตามภาชนะเฉพาะ ส่วนที่บรรจุของเหลว ส่วนแก๊สมี ปริมาตรและรูปร่างเปลี่ยนไปตาม ภาชนะทีบ่ รรจุ
16 สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลอ่ื นท่แี บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชนั้ ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ ท้องถนิ่ ป.4 ว 2.2 ป 4/1ระบุผลของ - แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแรงดึงดูดที่ - แรงโน้มถ่วงที่มีต่อวัตถุ โลกกระทำต่อวัตถุ มีทิศทางเข้าสู่ จากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ศนู ย์กลางโลก และเปน็ แรงไมส่ ัมผสั แรง ว 2.2 ป 4/2 ใช้เครื่องช่ัง ดึงดูดที่โลกกระทำกับวัตถุหนึ่ง ๆ ทำให้ สปริงในการวัดน้ำหนัก วัตถุตกลงสู่พื้นโลก และทำให้วัตถุมี ของวัตถุ น้ำหนกั วดั น้ำหนกั ของวัตถุได้จากเครื่อง ชงั่ สปรงิ นำ้ หนกั ของวัตถขุ ึ้นกับมวลของ วตั ถุ โดยวตั ถทุ ม่ี มี วลมากจะมีนำ้ หนกั มาก วตั ถุทีม่ ีมวลนอ้ ยจะมีน้ำหนักนอ้ ย ว 2.2 ป 4/3บรรยายมวล - มวล คือ ปรมิ าณเนื้อของสารทั้งหมดท่ี - ของวัตถุที่มีผลต่อการ ประกอบกันเป็นวัตถุ ซึ่งมีผลต่อความ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ ยากงา่ ยในการเปลีย่ นแปลง ของวัตถุจากหลักฐานเชิง การเคลอ่ื นที่ของวตั ถุ วัตถุทม่ี ีมวลมาก ประจักษ์ จะเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ได้ยากกว่า วัตถุที่มีมวลน้อย ดังนั้น มวลของวัตถุ นอกจากจะหมายถึงเน้ือท้งั หมดของวัตถุ นั้นแล้วยังหมายถึงการต้านการ เปลี่ยนแปลง การเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น ด้วย
17 สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหวา่ งสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณ์ ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับเสียง แสง และคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ช้นั ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถ่ิน ป.4 ว 2.3 ป 4/1 จำแนกวัตถุเป็น - เมื่อมองสงิ่ ตา่ ง ๆ โดยมีวตั ถุตา่ งชนดิ กันมา - ตัวกลางโปรง่ ใส ตวั กลางโปร่ง กั้นแสง จะทำให้ลักษณะการมองเห็นสิ่ง แสง และวัตถุทึบแสง จาก นั้นๆ ชัดเจนต่างกัน จึงจำแนกวัตถุที่มากั้น ลักษณะ การมองเห็นสิ่งต่าง ออกเป็นตัวกลางโปร่งใส ซึ่งทำให้มองเห็น ๆ ผ่านวัตถุนั้นเป็นเกณฑ์โดย สิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน ตัวกลางโปร่งแสงทำให้ ใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ มองเห็น สิ่งต่าง ๆ ได้ไม่ชัดเจน และ วัตถุ ทึบแสงทำให้มองไม่เหน็ ส่ิงต่าง ๆ นั้น สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและการ ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ ชั้น ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน ป.4 ว 3.1 ป 4/1 อธิบาย - ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก โดยดวงจันทร์ - แบบรูปเส้นทางการขึ้น หมุนรอบตวั เองขณะโคจรรอบโลก ขณะท่ีโลกก็หมุน และตก ของดวงจันทร์ รอบตัวเองด้วยเช่นกันการหมุนรอบตัวเองของโลก โดยใช้หลักฐานเชิง จากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออกในทิศทางทวนเข็ม ประจกั ษ์ นาฬกิ าเม่ือมองจากขั้วโลกเหนือ ทำให้มองเหน็ ดวงจันทร์ปรากฏขึ้นทางด้านทิศตะวันออกและตก ทางด้านทิศตะวนั ตกหมนุ เวยี นเปน็ แบบรปู ซำ้ ๆ
18 ชัน้ ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นร้ทู ้องถนิ่ ว 3.1 ป 4/2 สร้าง - ดวงจันทร์เป็นวัตถุที่เป็นทรงกลม แต่รูปร่างของ - แบบจำลองที่อธิบาย ดวงจันทร์ที่มองเห็นหรือรูปร่างปรากฏของดวจันทร์ แ บ บ ร ู ป ก า ร บนท้องฟ้าแตกต่างกันไปในแต่ละวัน โดยในแต่ละ เปลี่ยนแปลงรูปร่าง วันดวงจันทร์จะมีรูปร่างปรากฏเป็นเสี้ยวที่มีขนาด ปรากฏของดวงจันทร์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มดวง จากนั้นรูปร่าง และพยากรณ์รูปร่าง ปรากฏของดวงจันทร์จะแหว่งและมีขนาดลดลง ปรากฏของดวงจนั ทร์ อยา่ งตอ่ เน่อื งจนมองไมเ่ หน็ ดวงจนั ทร์ จากนน้ั รปู ร่าง ปรากฏของดวงจันทรจ์ ะเปน็ เส้ยี วใหญ่ข้นึ จนเต็มดวง อกี ครั้ง การเปล่ยี นแปลงเช่นนเ้ี ป็นแบบรูปซำ้ กัน ทุก เดือน ว 3.1 ป 4/3 สร้าง - ระบบสรุ ยิ ะเป็นระบบท่ีมดี วงอาทติ ย์เปน็ ศูนย์กลาง - แ บ บ จ ำ ล อ ง แ ส ด ง และมบี ริวารประกอบด้วย ดาวเคราะหแ์ ปดดวงและ องค์ประกอบของระบบ บริวาร ซึ่งดาวเคราะห์แต่ละดวงมีขนาดและ สุริยะ และอธ ิบาย ระยะห่างจากดวงอาทิตย์แตกต่างกัน และยัง เปรียบเทียบคาบ การ ประกอบดว้ ย ดาวเคราะหแ์ คระ ดาวเคราะหน์ อ้ ย โคจรของดาวเคราะห์ ดาวหาง และวัตถุขนาดเลก็ อืน่ ๆ ต่าง ๆ จากแบบจำลอง โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์ วัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ เม่ือ เขา้ มาในชัน้ บรรยากาศเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้เกิด เป็นดาวตก หรือผีพุ่งไต้และอกุ กาบาต สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายใน โลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลกรวมทั้งผลต่อ ส่งิ มีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม ชน้ั ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ -- - -
19 สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรื อ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบตอ่ ชวี ติ สังคม และส่งิ แวดล้อม ช้นั ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนร้ทู ้องถน่ิ -- - - สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและ เป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ รูเ้ ท่าทัน และมจี ริยธรรม ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น ป.4 ว 4.2 ป 4/1 ใชเ้ หตผุ ล - การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำ - เ ช ิ ง ต ร ร ก ะ ใ น ก า ร กฎเกณฑ์ หรอื เงือ่ นไขที่ครอบคลมุ ทุกกรณีมา แก้ปัญหา การอธิบาย ใช้พิจารณาในการแก้ปัญหา การอธิบายการ ก า ร ท ำ ง า น ก า ร ทำงาน หรือการคาดการณ์ผลลัพธ์ คาดการณ์ผลลัพธ์ จาก - สถานะเริ่มต้นของการทำงานที่แตกต่างกัน ปัญหาอยา่ งงา่ ย จะให้ผลลพั ธท์ ีแ่ ตกต่างกนั - ตัวอย่างปัญหา เช่น เกม OX, โปรแกรมที่มี การคำนวณ, โปรแกรมที่มีตัวละครหลายตัว และ มีการสง่ั งานที่แตกต่าง หรือมีการสื่อสาร ระหว่างกัน, การเดินทางไปโรงเรียนโดย วธิ ีการตา่ ง ๆ
20 ช้นั ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถนิ่ ป.4 ว 4.2 ป 4/2 ออกแบบ - การออกแบบโปรแกรมอย่างง่าย เช่น การ และเขียนโปรแกรม ออกแบบโดยใช้ storyboard หรือการ อยา่ งงา่ ย โดยใช้ ออกแบบอลั กอรทิ ึม ซอฟต์แวร์ หรือสื่อ - การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้างลำดับของ และตรวจหา คำสั่ง ให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เพื่อให้ได้ ข้อผดิ พลาดและแก้ไข ผลลัพธต์ าม ความตอ้ งการ หากมีขอ้ ผิดพลาด ให้ตรวจสอบ การทำงานทลี ะคำสัง่ เม่อื พบจุด ที่ทำให้ผลลัพธ์ ไม่ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไข จนกวา่ จะได้ผลลัพธท์ ่ถี กู ต้อง - ตัวอย่างโปรแกรมท่ีมีเรื่องราว เช่น นิทานที่ มี การตอบโต้กับผู้ใช้ การ์ตูนสั้น เล่ากิจวัตร ประจำวนั ภาพเคลือ่ นไหว การฝกึ ตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของ ผู้อื่นจะช่วยพัฒนาทักษะการหาสำเหตุของ ปญั หาไดด้ ียิ่งขึ้น -ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch, logo ว 4.2 ป 4/3 ใช้ - การใช้คำค้นทีต่ รงประเดน็ กระชบั จะทำให้ อนิ เทอรเ์ นต็ คน้ หา ได้ ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและตรงตามความ ความรู้ และประเมนิ ตอ้ งการ ความนา่ เชอ่ื ถือของ - การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เช่น ข้อมูล พิจารณาประเภทของเว็บไซต์ ผู้เขียน วันท่ี เผยแพรข่ ้อมลู การอา้ งอิง - เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการจากเว็บไซต์ต่าง ๆ จะต้องนำเนื้อหามาพิจารณา เปรียบเทียบ แล้วเลือกข้อมูล ที่มีความสอดคล้องและ สมั พันธก์ ัน - การทำรายงานหรือการนำเสนอข้อมูล จะต้อง นำขอ้ มลู มาเรยี บเรยี ง สรปุ เป็นภาษา ของตนเอง ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและ วธิ ีการนำเสนอ (บรู ณาการกับวิชาภาษไทย)
21 ชน้ั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิน่ ป.4 ว 4.2 ป 4/4 รวบรวม - การรวบรวมข้อมูล ทำได้โดยกำหนดหัวข้อ ป ร ะ เ ม ิ น น ำ เ ส น อ ทีต่ อ้ งการ เตรยี มอุปกรณใ์ นการจดบันทึก ข้อมูลและสารสนเทศ - การประมวลผลอย่างง่าย เชน่ เปรียบเทียบ โดยใช้ซอฟต์แวร์ท่ี จดั กลมุ่ เรยี งลำดับ การหาผลรวม ห ล า ก ห ล า ย เ พื่ อ - วิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือกที่เป็นไปได้ แ ก ้ ป ั ญ ห า ใ น ประเมนิ ทางเลอื ก (เปรียบเทียบ ตดั สนิ ) ชีวติ ประจำวนั - การนำเสนอข้อมูลทำได้หลายลักษณะตาม ค ว า ม เ ห ม า ะ ส ม เ ช ่ น ก า ร บ อ ก เ ล่ า เอกสารรายงาน โปสเตอร์ โปรแกรมนำเสนอ - การใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาใน ชีวิตประจำวัน เช่น การสำรวจเมนูอาหาร กลางวันโดยใช้ซอฟต์แวร์สร้างแบบสอบถาม และเก็บขอ้ มูล ใชซ้ อฟต์แวรต์ ารางทำงานเพ่ือ ประมวลผลข้อมูล รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ คุณค่าทางโภชนาการและสร้างรายการ อาหารสำหรับ 5 วนั ใชซ้ อฟตแ์ วร์นำเสนอผล การสำรวจ รายการอาหารที่เป็นทางเลือก และข้อมลู ดา้ นโภชนาการ ว 4.2 ป 4/5 ใช้ - การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เทคโนโลยีสารสนเทศ เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิ อยา่ งปลอดภยั เข้าใจ ของผู้อื่น เช่น ไม่สร้างข้อความเท็จและส่งให้ สทิ ธิและหน้าที่ของตน ผู้อื่น ไม่สร้าง ความเดือดร้อนต่อผู้อ่ืนโดยการ เคารพในสิทธขิ องผู้อน่ื สง่ สแปม ข้อความลกู โซ่ ส่งตอ่ โพสต์ที่มีข้อมูล แจง้ ผเู้ กี่ยวขอ้ งเม่ือพบ ส่วนตัวของผู้อื่น ส่งคำเชิญเล่นเกม ไม่เข้าถึง ขอ้ มลู หรือบุคคลที่ไม่ ข้อมูลส่วนตัวหรือการบ้านของบุคคลอื่นโดย เหมาะสม ไมไ่ ดร้ บั อนุญาต ไมใ่ ชเ้ ครือ่ งคอมพวิ เตอร/์ ชือ่ บญั ชีของผอู้ ่ืน - การส่ือสารอยา่ งมีมารยาทและร้กู าลเทศะ - การปกป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น การออกจาก ระบบเมื่อเลิกใช้งาน ไม่บอกรหัสผา่ น ไม่บอก เลขประจำตวั ประชำชน
22 2. แนวคดิ ทฤษฎีทีเ่ ก่ียวข้องกบั การสร้างบทเรียนสำเร็จรูป 2.1 ความหมายของบทเรยี นสำเร็จรูป ผกา สัตยธรรม ( 2542 : 115 ) กล่าวว่าบทเรียนสำเร็จรูปเป็นสื่อการสอนแบบหนึ่งซึ่งมี ลักษณะเป็นบทเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self Instruction) ลักษณะของบทเรียนจะต้องมีเน้ือหาซ่ึง เรียงลำดบั เร่ืองจากงา่ ยไปหายาก ชดั เจนและเข้าใจ ทองพูล บุญอึ่ง (2542 : 10) บทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้นโดยกำหนดเนื้อหา วัตถุประสงค์ วิธีการ ตลอดจนอปุ กรณ์การสอนไว้ลว่ งหน้า ผูเ้ รียนสามารถศึกษาคน้ ควา้ และประเมินดว้ ยตนเองตามขน้ั ตอนท่ี กำหนดไว้ บุญชม ศรีสะอาด (2545 : 76-77) ได้ให้ความหมายของบทเรียนสำเร็จรูปว่าเป็นสื่อการ เรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเรียนด้วยตนเอง จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล โดยแบง่ เน้อื หาออกเปน็ หลาย ๆ กรอบ (Frame) แตล่ ะกรอบจะมีเน้ือหาเรียบเรียงไว้มุ่งให้เกิดการเรียนรู้ ตามลำดับ โดยมีส่วนร่วมที่ผู้เรียนต้องตอบสนองด้วยการเขียนคำตอบซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบเติมคำลงใน ช่องว่าง เลือกตอบ ฯลฯ และมีส่วนเป็นเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง ซึ่งอาจอยู่ข้างหน้าของกรอบนั้นหรือ กรอบถัดไป หรือส่วนชื่อของบทเรียนก็ได้ บทเรียนสำเร็จรูป จะสมบูรณ์จะมีแบบทดสอบวัด ความก้าวหน้าทางการเรียน โดยทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแลว้ พิจารณาว่าหลังเรียนผู้เรียน แตล่ ะคนมคี ะแนนมากนอ้ ยเพยี งใด ธีระชัย ปูรณโชติ (2539 : 7) ให้ความหมายบทเรียนสำเร็จรูป หมายถึง แบบเรียน โปรแกรมหลาย ๆ บทเรียนทเ่ี สนอเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกันเข้าเป็นแบบเรียนโปรแกรม โดยเสนอเน้ือหาทีละ น้อย มีคำถามให้ผู้เรียนได้คิดและตอบ แล้วเฉลยคำตอบให้ทราบโดยทันที โดยมากบทเรียนแบบ โปรแกรมมกั จะเปน็ รูปของส่ิงพมิ พท์ ีเ่ สนอความคดิ รวบยอดท่ีจัดลำดับไวแ้ ล้วอยา่ งดี สรุป บทเรียนสำเร็จรูปเป็นสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับให้ผู้เรียน เรียนรู้ด้วยตัวเอง ประกอบกับการเรยี นรู้ทคี่ รบถ้วนสมบรู ณ์ ผู้เรยี นสามารถประเมนิ ผลการเรียนร้ดู ้วยตวั เอง 2.2 ลกั ษณะสำคัญของบทเรยี นสำเรจ็ รูป บุญเกื้อ ควรหาเวช (2530 : 31-32) กล่าวถึงลักษณะสำคัญของบทเรียนสำเร็จรูป สรุป เน้อื หาดังนี้ 2.2.1 เนื้อหาวิชาถูกแบ่งออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ เรียกว่า “กรอบ” และกรอบเหล่านี้จะ เรียงลำดับจากง่ายไปหายาก โดยมีขนาดแตกต่างกันต้ังแตป่ ระโยคหนึ่งจนถงึ ข้อความหลาย ๆ ตอนเพื่อให้ ผู้เรยี นได้เรยี นไปทลี ะนอ้ ย จากสิ่งทร่ี แู้ ล้วไปสคู่ วามรูใ้ หม่ เปน็ การเรา้ ความสนใจไปในตัว 2.2.2 ภายในกรอบแต่ละกรอบจะต้องให้นักเรียนมีการตอบสนอง เช่น การตอบคำถามหรือ เติมข้อความลงในช่องว่าง ทำให้นักเรียนแต่ละคนเกิดความเข้าใจเนื้อหา ที่ได้รับจากการมีส่วนร่วมใน กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของบทเรยี น 2.2.3 นักเรียนได้รับการส่งเสริมย้อนกลับทันที คือ จะได้รับคำตอบที่ถูกต้องทันที ซึ่งให้ นกั เรยี นทราบวา่ คำตอบของตนเองถูกต้องหรอื ไม่และสามารถแก้ไขข้อความท่ีผดิ ของตนเองได้ทันที
23 2.2.4 การจัดเรียงลำดับหนว่ ยย่อย ๆ ของบทเรียนต่อเน่ืองกันไปตามลำดับจากง่ายไปหายาก การนำเสนอเนื้อหาในแต่ละกรอบ ควรลำดับเรื่องให้ชัดเจนเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ และทำให้ผู้เรียน ตอบสนองเรอื่ งน้ันโดยตรง 2.2.5 ผเู้ รียนปฏบิ ตั ิหรอื ตอบคำถามแต่ละกรอบไปตามกำหนด 2.2.6 ผู้เรียนคอ่ ย ๆ เรยี นเพ่มิ เตมิ ขึน้ เรอ่ื ย ๆ 2.2.7 ผู้เรียนมีโอกาสเรียนด้วยตนเอง โดยไม่จำกัดเวลา การใช้เวลาศึกษาบทเรียนนั้นขึ้นอยู่ กบั ความสามารถของผเู้ รยี น 2.2.8 บทเรียนสำเร็จรูปได้ตั้งจุดหมายโดยเฉพาะไว้แล้ว มีผลทำให้ความสามารถวัดได้ว่า บทเรยี นนัน้ ๆ ได้บรรลุเป้าหมายหรอื ไม่ 2.2.9 บทเรียนสำเร็จรูปยดึ ผู้เรียนเป็นศนู ย์กลาง คอื ต้องคำนงึ ถึงผู้เรยี นเปน็ เกณฑ์จะต้องเอา บทเรียนที่เขียนแล้วไปทดลองใช้กับผู้ที่สามารถใช้บทเรียนนั้นได้ เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องและปรับปรุงให้ สมบรู ณ์ก่อนที่จะนำเอาไปใช้จรงิ 2.3 ประเภทของบทเรียนสำเรจ็ รปู ธีระชยั ปรู ณโชติ (2539 : 11-20) แบง่ บทเรยี นสำเร็จรูป ออกเป็น 3 ประเภท ดงั นี้ 1) บทเรียนแบบเส้นตรง (Linear Programming) เป็นบทเรียนแบบเส้นตรง ที่เสนอเนื้อหาทลี ะ น้อย บรรจุลงในกรอบหรือเฟรมต่อเนื่องกันตามลำดับจากกรอบที่หนึ่งไปยังกรอบที่สองจนถึงกรอบ สุดท้ายตามลำดับ โดยเรียงลำดับเนื้อหาจากง่ายไปหายาก สิ่งที่เรียนจากหน่วยย่อย หรือกรอบแรกๆ จะ เป็นพื้นฐานสำหรับกรอบถัดไป ผู้เรียนจะต้องเรียนตามลำดับทีละกรอบต่อเนื่องกันไป ตั้งแต่กรอบแรก จนถึงกรอบสดุ ทา้ ยโดยไม่ขา้ มกรอบใดกรอบหน่ึงเลย ทุกคนจะตอ้ งเรียนตามลำดบั เชน่ น้ีเหมือนกันหมดไม่ ว่าจะมีระดับสติปญั ญาแตกต่างกันหรือไมก่ ็ตาม แต่คนที่เรียนเกง่ สามารถทจ่ี ะใช้เวลาในการเรียนน้อยกว่า คนทเ่ี รยี นออ่ นกว่า แผนผงั ของบทเรียนสำเรจ็ รปู แบบเส้นตรง มีลักษณะดงั ภาพที่ 1 ภาพประกอบ 1 แผนผงั บทเรียนสำเรจ็ รูปแบบเส้นตรง 2) บทเรียนสำเร็จรปู แตกกิ่งกา้ นสาขา (Branching Programming) เปน็ การเขยี น บทเรียนแบบลำดับแตกต่างจากการเขียนแบบเส้นตรง การเขียนโปรแกรมสาขา จะมีการเรียงลำดับ ข้อความย่อย โดยอาศัยคำตอบของผู้เรียนเป็นเกณฑ์ ถ้าผู้เรียนตอบคำถามข้อความย่อยได้จำนวนหน่ึง ถ้าตอบไมถ่ กู อาจจะได้รับคำส่ังยอ้ นไปเรียนข้อความย่อยต่าง ๆ เพ่มิ ก่อนท่จี ะกา้ วหน้าต่อไป แผนผังของบทเรียนสำเร็จรปู แบบแตกกิ่งหรือสาขา มีลักษณะดงั ภาพท่ี 2
24 3) บทเรียนสำเรจ็ รูปแบบผสม (Combiation Programmed) เป็นบทเรยี นทใ่ี หโ้ อกาส การตอบสนองของนักเรียน โดยมีทั้งแบบเส้นตรง และแบบแตกกิ่งสาขาในบทเรียนเดียวกันโดยพิจารณา ในแต่ละแบบ แต่ละตอนตามความเหมาะสม จะเสนอเนื้อหาทีละน้อยตามลำดับขั้น มีคำถามและเฉลย หรือแนวในการตอบคำถามไว้ให้ตรวจสอบทันทีเพื่อเปน็ ข้อมูลยอ้ นกลับแกผ่ ู้เรียนว่าคำตอบของตนเองถูก หรือผิด 2.4 ประโยชนแ์ ละคณุ ค่าของบทเรยี นสำเร็จรปู ธีระชยั ปรู ณโชติ (2539 : 27) อธบิ ายถึงประโยชน์ของบทเรียนสำเร็จรปู ดงั น้ี 1) สนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียนท่ีทำใหผ้ ูเ้ รยี นได้เรียนร้ตู ามเอกภาพของตน เช่น ความสนใจ สตปิ ัญญา วฒุ ภิ าวะ ฯลฯ 2) ผูเ้ รยี นสามารถเรียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง 3) ผ้เู รียนสามารถศึกษาบทเรียนเวลาใด เม่อื ไรกไ็ ด้ตามความพอใจของผเู้ รยี นแมแ้ ต่จะเป็นท่ีบ้าน ของผ้เู รยี นเอง 4) ผู้เรียนได้เรียนรู้เป็นขั้นตอนทีละน้อย และทราบผลการเรียนรู้ของตนเองทุกขั้นตอนเกิดแรง เสรมิ (Reinforcement) 2.5 ทฤษฎจี ิตวิทยาทใ่ี ชใ้ นบทเรยี นสำเรจ็ รูป บุญเกื้อ ควรหาเวช (2530 : 30-31) และธีระชัย ปูรณโชติ (2539 : 7-9) กล่าวถึงทฤษฎี จิตวิทยาท่ีใช้ในบทเรียนสำเร็จรูปว่า บทเรียนสำเร็จรูปได้อาศัยทฤษฎีการเรียนรู้ของธอร์นไดด์ (Thorndike) มาใช้ในการสรา้ งบทเรียนสำเรจ็ รปู มสี าระสำคัญดงั นี้ 1) กฎแห่งผล (Law of Exercise) กฎนี้ได้กล่าวถึงการเชื่อมโยงได้ ถ้าสามารถสร้างความพึง พอใจให้แก่ผู้เรียนได้ อาจจะได้จากการเสริมแรง เช่น การรู้ว่าตนเองตอบคำถามได้ถูกต้องหรือได้รางวัล เป็นต้น 2) กฎแห่งการฝึกหัด (Law of Exercise) การที่ผู้เรียนได้กระทำซ้ำหรือทำบ่อยครัง้ จะเป็น การเสริมสร้างให้เกิดการเรียนรู้ที่มั่นคงขึ้น ฉะนั้นการเรียนรู้จะเกิดขึ้นมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับการให้
25 ผู้เรียนได้มีการฝึกหดั ในเรื่องท่ีเรยี นนั้นตามความเหมาะสมด้วยกฎแห่งความพร้อม (Law of Exercise) เมื่อร่างกายพร้อมที่จะทำแลว้ ถ้ามโี อกาสทีจ่ ะกระทำย่อมเป็นที่พงึ พอใจแต่ถ้าไม่มโี อกาสย่อมไม่เป็นที่น่า พอใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าร่างกายไม่พร้อมที่จะทำงานแต่ถ้าบังคับให้ต้องกระทำจำยอมเกิดความไม่ พอใจเชน่ กนั 2.6 ส่วนประกอบของบทเรียนสำเร็จรูป ปรัชญา ใจสะอาด (2522 : 39-40) กลา่ วถึงบทเรยี นสำเร็จรูป ประกอบดว้ ยกรอบต่าง ๆ 4 กรอบดังนี้ 1) กรอบตง้ั ตน้ (Set Frame) คอื กรอบใด ๆ กต็ ามทีอ่ ยู่ตอนหน่ึงนักเรยี นสรา้ งการตอบสนองจะ เป็นอะไรน้นั นักเรียนสามารถจัดทำได้จากข้อมลู ในกรอบเดียวกัน โดยนกั เรยี นไม่มีความจำเป็นต้องมีการ เรียนรู้สำหรับใช้มาตอบก่อน 2) กรอบแบบฝึกหัด (Practice Frame) เป็นกรอบที่นักเรียนได้ใช้เกี่ยวกับสิ่งที่ได้จากการเรียน มาแล้วจากกรอบตั้งต้นหลักการสำคัญ คือ จะต้องให้นักเรียนได้ฝึกเฉพาะสิ่งที่เขาได้รับจากกรอบตั้งต้น เทา่ น้นั 3) กรอบสรุป (Terminal Frame) กรอบนี้นักเรียนจะต้องรวบรวมความรู้ที่ได้จากการเรียนจาก กรอบต้น ๆ แลว้ เขียนตอบสนองมาเอง นักเรยี นจะพบว่ามกี ารช้ีช่องว่างไวบ้ ้างหรอื ไม่ 4) กรอบส่งท้าย (Subterminal Frame) เป็นกรอบที่ให้ความรู้ที่จำเป็นแก่นักเรียนเพื่อให้ นักเรียนตอบสนองตามกรอบได้อย่างถูกต้อง กรอบรองส่งท้ายควรจะมีความรู้อยู่ส่วนหนึ่งที่จะนำไปยัง กรอบส่งท้าย กรอบรองส่งท้ายที่อยู่ถัดไปจะสะสมความรู้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งผู้เรียนบรรลุถึง ความสามารถที่จะสนองในกรอบส่งท้ายได้อย่างถูกต้อง การสร้างบทเรียนสำเร็จรูปจึงมักสร้างกรอบส่ง ท้ายหรอื กรอบสรุปก่อนกรอบรองส่งท้าย 2.7 ขนั้ ตอนการสร้างบทเรียนสำเรจ็ รูป ธรี ะชยั ปูรณโชติ (2539 : 27-37) กลา่ วถงึ ข้นั ตอนในการสรา้ งบทเรียนสำเรจ็ รูปดังน้ี ขั้นที่ 1 ศึกษาการเขียนบทเรียนสำเร็จรูปแบบต่าง ๆ จนเข้าใจแจ่มแจ้งทั้งศึกษาจากตำรา และสอบถามจากผู้รู้ ขั้นที่ 2 กำหนดและเลือกวิชาที่จะเขียน และระดับชั้นสำหรับที่จะใช้ในบทเรียนสำเร็จรูป นนั้ ขนั้ ที่ 3 เลอื กหน่วยการเรียนว่าจะเขียนในเรือ่ งใด ขั้นที่ 4 กำหนดหัวข้อต่าง ๆ ที่เขียนโดยการศึกษาจากหลักสูตรประมวลการสอนโครงการ สอนคู่มือครู และหนังสอื ว่าด้วยหลกั สูตรกำหนดใหเ้ รียนอะไรแล้วเลอื กหวั ขอ้ เรื่องทจี่ ะเขียน
26 ขั้นที่ 5 ศึกษาลักษณะของผู้เรียน ได้แก่ อายุ ระดับชั้น พื้นฐานความรู้เดิมและทักษะที่ นักเรียนเคยไดร้ ับการฝกึ ฝนมาก่อน ทง้ั นเี้ พราะบทเรียนสำเร็จรูป มหี ลกั การสนองความแตกตา่ งระหว่าง บุคคลของผเู้ รยี นในดา้ นตา่ ง ๆ ขั้นที่ 6 ตั้งจุดมุ่งหมายสำหรับบทเรียนสำเร็จรูปที่จะเขียนโดยต้องตั้งจุดมุ่งหมายทั่วไปและ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมซ่งึ เป็นจดุ ม่งุ หมายเฉพาะอันจะเปน็ แนวทางในการเขยี นกรอบต่าง ๆ ในบทเรียน อย่างดี และยังเป็นประโยชน์ต่อการสร้างแบบทดสอบซึ่งจะใช้ทดสอบกับนักเรียน ก่อนและหลั งเรียน การเขียนวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน ควรแยกเป็นข้อ ๆ เพื่อให้วัตถุประสงค์เด่นชัดขึ้นและต้อง บรรยายถ้อยคำที่ให้ตีความหมายได้ชัดเจน รัดกุม สามารถมองภาพการแสดงออกของผู้เรียนได้ เช่น การเขยี น การบอก จำแนก เปรยี บเทียบ เป็นตน้ ขั้นที่ 7 วางโครงเรื่องที่เป็นลำดับเรื่องราวก่อนหลัง จากง่ายไปหายาก ทั้งนี้เพราะบทเรียน สำเร็จรปู จะต้องแบง่ เนื้อหาออกเปน็ ตอน ๆ ยอ่ ย ๆ และแตล่ ะตอนจะตอ้ งตอ่ เนื่องสัมพันธ์กนั ขั้นที่ 8 ลงมือเขียนบทเรียนสำเร็จรูปตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ โดยแบ่งบทเรียนออกเป็น ตอน หรือบท ทง้ั นเี้ พอ่ื ความสะดวกในการเรยี นรู้เป็นการแบ่งหมวดหม่เู พ่ือให้นักเรยี นได้เข้าใจและจดจำ ได้ง่ายแล้วดำเนินการเขียนกรอบต่าง ๆ ในบทเรียนตามหลักการเขียนบทเรียนสำเร็จรูป การเขียนกรอบ ในบทเรียนจะเร่ิมต้นดว้ ยกรอบใหค้ วามรู้ แล้วติดตามด้วยกรอบแบบฝึกหัด และกรอบแบบทดสอบเป็น ตอน ๆ ไป จำนวนกรอบจะมากหรือนอ้ ยเพยี งไรขนึ้ อยกู่ บั ผู้เรียน ถา้ บทเรียนสำหรับเด็กเก่งจำนวนกรอบ อาจน้อยกวา่ บทเรยี นสำหรบั เดก็ อ่อนกไ็ ด้ ขนั้ ที่ 9 ควรนำบทเรียนสำเรจ็ รปู ที่เขยี นเสร็จแลว้ ไปใหค้ รสู อนวิชาน้นั ๆ หรอื ผู้ทรงคณุ วฒุ ิให้ ขอ้ ติชม เพื่อนำมาแก้ไขปรับปรงุ กรอบตา่ ง ๆ ในบทเรยี นสำหรบั เดก็ อ่อนกไ็ ด้ ขั้นที่ 10 นำบทเรียนสำเร็จรูปที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วมาพิมพ์ โดยยังไม่ใส่คำตอบของคำตอบ ต่างๆ เพือ่ ท่ีจะนำบทเรียนไปใชข้ ้นั ทดลองหนง่ึ ต่อหน่งึ หรือการทดลองที่เรียกว่าการทดลองข้นั หนง่ึ คน ข้ันที่ 11 สร้างแบบทดสอบขึ้นชดุ หนึ่ง ตามจุดมงุ่ หมายท่ีวางไว้ให้ครบถว้ น และครอบคลุม ทุกเรื่องตามบทเรียน บทเรียนตอนใดมีเนื้อหามากก็ออกมาก บทเรียนใดมีเนื้อหาน้อยก็ออกน้อย สำหรับแบบทดสอบที่สร้างขึ้นมานั้นจะต้องนำไปวิเคราะห์รายข้อ เพื่อหาความยากง่าย ค่าอำนาจ จำแนกและปรับปรุงแก้ไข ค่าความยากง่ายที่เหมาะสม คือ 0.20 ถึง 0.80 และค่าอำนาจจำแนกที่ เหมาะสม คอื 0.20 ข้นึ ไป ขั้นที่ 12 นำบทเรียนสำเร็จรูปที่เขียนเสร็จตามข้อที่ 10 ไปทดลองใช้กับนักเรียนหนึ่งคน โดยเรมิ่ ทำแบบทดสอบก่อนเรียนแล้วจับเวลาไว้ เพื่อจะทราบว่าแบบทดสอบดังกล่าวนักเรียนสามารถทำ ได้เสร็จภายในเวลาประมาณกี่นาที เมื่อนักเรียนทำแบบทดสอบเสร็จแล้วก็ให้นักเรียนเรียนบทเรียน สำเร็จรูปที่สร้างขึ้น โดยครูผู้สอนจะต้องอธิบายให้นักเรียนเข้าใจความมุ่งหมายและวิธีการเรียนเสียก่อน นกั เรียนจะตอ้ งอ่านบทเรยี นไปทีละคำถาม เมอ่ื นกั เรียนตอบคำถาม ผู้สอนจะเฉลยคำตอบทีถ่ ูกต้องทันที ผู้สอนจะอภิปรายกับนักเรียนเพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขบทเรียนในกรอบนั้น หรือคำถามให้ดีขึ้น แล้ว นำมาปรับปรุงแก้ไขภายหลัง หลังจากที่เรียนบทเรียนเสร็จแล้วก็ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน
27 เพื่อเปรียบเทียบคะแนนจากการทำแบบทดสอบทั้งสองครั้งว่านักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเพิ่มขึ้น หรือไม่ ผลการเปรยี บเทียบควรแสดงให้นกั เรียนเห็นวา่ มีความกา้ วหนา้ ขึ้นหลังจากใช้บทเรยี น ขั้นที่ 13 นำบทเรียนสำเร็จรูปไปทดลองกับนักเรียนกลุ่มเล็ก ที่เรียนอยู่ในระดับชั้นปาน กลาง จำนวน 10 คน มีวิธีการในการทดลองเหมือนขั้น 1 คน ต่างกันเพียงบทเรียนจะมีคำตอบของ คำถามไว้ให้เสร็จ มีลักษณะเหมือนบทเรียนที่นำไปใช้ได้จริง นักเรียนต้องเรียนตามบทเรียนทีละกรอบ และตรวจคำตอบของตนกับคำเฉลยที่ให้ไว้ในบทเรียนและในบทเรียนสำเรจ็ รปู จะเขียนไว้ซึ่งนักเรียนต้อง ทำความเข้าใจเสียก่อนจึงลงมือเรียนตามบทเรียน นักเรียนทำเสร็จแล้วบันทึกเวลาที่ควรใช้ในการเรียน บทเรียนต่อไป เมือ่ ทดลองเสร็จแลว้ นำผลการปรบั ปรงุ แกไ้ ขเนอ้ื หาในกรอบนนั้ ขั้นที่ 14 การทดลองภาคสนามกับนักเรียน 100 คน ไม่เจาะจงว่าเป็นนักเรียนเก่งหรือ อ่อน แต่เป็นตัวแทนของนักเรียนทั้งหมด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทราบว่าบทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้นมี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานทย่ี อมรับโดยทว่ั ไปหรอื ไม่ 2.8 ขอ้ ดขี องบทเรยี นสำเร็จรปู บุญชม ศรีสะอาด (2545:83) , บุญเกื้อ ควรหาเวช (2530:27) และ ธีระชัย ปูรณโชติ (2539:27) กล่าวถึงขอ้ ดีของบทเรยี นสำเร็จรปู พอสรปุ ไดด้ งั น้ี 1) ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเอง และดำเนินไปตามความสามารถของตนเป็นการ ตอบสนองต่อความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล เปน็ อย่างดี 2) ช่วยประหยัดเวลาในการสอนของครู ทำให้ครูมีโอกาสให้ความสนใจ ดูแลผู้เรียนเป็น รายบคุ คลไดม้ ากข้ึน 3) ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นร้จู ักการแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง 4) ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครไู ด้ 5) ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้เปน็ ขั้นตอนทีละน้อยและทราบผลการเรียนรู้ของตนเองทุกข้ันตอน 6) ผเู้ รียนสามารถศึกษาบทเรยี นเวลาใดกไ็ ด้ ตามความพอใจ 7) ผูเ้ รยี นสามารถแก้ไขความเข้าใจผิดของตนเองได้ จากการดคู ำตอบในบทเรียน 8) ผู้ท่ีขาดเรยี นมีโอกาสเรยี นดว้ ยตนเองเพอ่ื ใหต้ ามผูอ้ ื่นได้ทนั ทิศนา แขมณี (2544:104) ได้กล่าวถึงข้อดีของการสอนโดยใช้บทเรียนแบบโปรแกรมไว้ ดังน้ี 1) เป็นวิธสี อนทส่ี ่งเสรมิ ใหผ้ ้เู รยี นศกึ ษาดว้ ยตนเอง 2) เปน็ วธิ ีสอนที่ชว่ ยใหผ้ ู้เรียนเป็นรายบคุ คล สามารถเรยี นรูไ้ ด้ ตามความสามารถของตนเอง เป็นการตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล 3) เป็นวธิ ีสอนท่ชี ่วยลดภาระครู และช่วยแกป้ ญั หาการขาดแคลนครู
28 2.9 ข้อจำกัดของบทเรียนสำเรจ็ รูป บุญเกื้อ ควรหาเวช (2530:45) และ บุญชม ศรีสะอาด (2545:84) กล่าวถึงข้อจำกัดของ บทเรยี นสำเรจ็ รปู พอสรปุ ได้ดงั น้ี 1) การใช้บทเรียนสำเร็จรูปอย่างเดียวตลอด ทำให้ผู้เรียนขาดการติดต่อซึ่งกันและกัน ไม่ สง่ เสริมการเรยี นร้ซู ง่ึ กันและกนั 2) บทเรียนสำเร็จรูปเหมาะสมสำหรับเนื้อหาที่เป็นความจริง หรือความรู้พื้นฐานมากกว่าที่ ต้องการความคิดเหน็ และความคดิ ริเริม่ 3) ทำให้ผู้เรยี นขาดทักษะในการเขียนหนังสือ เพราะผเู้ รียนจะเขียนเฉพาะคำตอบเท่าน้ัน 4) การใชบ้ ทเรยี นสำเรจ็ รปู ในชัน้ เรยี น จะมลี ักษณะเปน็ ผู้ช่วยครูมากกวา่ ท่จี ะใช้แทนครู 5) ภาษาท่ใี ช้อาจเป็นปญั หาในท้องถนิ่ 6) มสี ว่ นทำใหเ้ ด็กเกง่ เบือ่ งา่ ย โดยเฉพาะบทเรียนสำเร็จรูปเชิงเสน้ 7) การใช้บทเรียนสำเร็จรูปในชั้นเรียน ผู้ที่เรียนได้รวดเร็วจะเสร็จก่อนและมีเวลา อาจมี พฤติกรรมที่รบกวนผู้อื่น ส่วนผู้ที่เรียนช้าบางคนอาจทำไม่เสร็จต้องให้เรียนนอกเวลา หรือให้ไปทำต่อท่ี บ้าน ยากแก่การควบคมุ 8) เด็กที่ขาดความซื่อสัตย์ต่อตนเองอาจเป็นการฝึกให้มีลักษณะนสิ ยั ท่ีไม่ดีบางอยา่ งได้ เชน่ การโกงตวั เอง เป็นต้น ทิศนา แขมณี (2544:104) ไดก้ ล่าวถงึ ข้อจำกดั ของวธิ ีสอนโดยใชบ้ ทเรยี นแบบโปรแกรมไว้ดงั น้ี 1) เป็นวิธีสอนที่พึ่งแบบเรียนแบบโปรแกรม หากไม่มีบทเรียน หรือบทเรียนไม่มีคุณภาพดี พอ ก็ยอ่ มส่งผลตอ่ การเรียนของผูเ้ รยี น 2) การสร้างแบบเรียนให้มีคุณภาพทดี่ ี เปน็ เร่ืองที่ต้องใช้เวลาและมีความยงุ่ ยากในการจัดทำ ผูส้ ร้างจำเป็นต้องมีความเข้าใจในการสรา้ งบทเรียน 3) บทเรียนแบบโปรแกรมทีด่ ียังมปี ริมาณนอ้ ย บทเรียนแบบโปรแกรมทม่ี คี ณุ ภาพไม่ดีพอจะ ไม่นา่ สนใจ และจะไม่สามารถดงึ ดดู ความสนใจของผ้เู รียน ทำใหผ้ ูเ้ รียนเบ่อื หน่ายได้ 2.10 การหาประสทิ ธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป การหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เป็นการนำบทเรียนสำเร็จรูปไปทดลองใช้ตาม ข้ันตอนทกี่ ำหนดไวเ้ พอ่ื นำขอ้ มลู มาปรบั ปรุงและนำมาทดลองจริง เกณฑ์ประสทิ ธิภาพ หมายถงึ ระดบั ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูปช่วยให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้เป็น ระดับที่ผู้สร้างเกิดความพึงพอใจหากบทเรียนสำเร็จรูปมีประสิทธิภาพถึงระดับนั้นแล้ว จะมีคุณค่าที่จะ นำไปใช้สอนได้ ผู้ศึกษาค้นคว้าได้สร้างบทเรียนสำเร็จรูปจำนวน 7 เล่ม จำเป็นต้องหาประสิทธิภาพโดย กำหนดเกณฑ์การพิจารณาจากหลักการที่ว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ช่วยให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
29 ผู้เรียนบรรลุผล ดังนั้นในการกำหนดเกณฑ์ต้องคำนึงถึงกระบวนการและผลลัพธ์โดยกำหนดตัวเลขเป็น รอ้ ยละของคะแนนเฉลย่ี เป็น E1/E2 (ชยั ยงค์ พรหมวงค์ 2537 : 194 – 195) E1 หมายถงึ ค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ คิดเปน็ รอ้ ยละของการทำแบบฝกึ หัด E2 หมายถึง คา่ ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์ คดิ เป็นรอ้ ยละของการทำแบบทดสอบหลังเรยี น การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพตั้งไว้ 80/80 ถึง 90/90 สำหรับวิชาที่มีลักษณะเป็นเนื้อหาและไม่ต่ำ กว่า 75/75 สำหรับวชิ าทักษะ การหาประสทิ ธภิ าพของบทเรยี นสำเรจ็ รปู ดำเนินการดงั น้ี (โสภณ นมุ่ ทอง 2540 : 82) 1. แบบเดี่ยว (1:1) เป็นการนำบทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้นไปทดลองกับผู้เรียนรายบุคคล เพ่อื หาขอ้ บกพร่องการทดลองน้ี ควรกระทำกับผู้เรียนท่ีมรี ะดับการเรยี น เกง่ ปานกลาง และอ่อน เพ่ือหา ขอ้ มูลในการปรับปรุง 2. แบบกลุ่ม (1:10) เป็นการนำบทเรียนสำเร็จรูปที่ได้จากการปรับปรุงจากการทดลองกับ ผู้เรียนรายบุคคลครั้งแรก มาใช้ทดลองกับผู้เรียน 6 – 10 คน ที่มีความสามารถกระจายเพื่อหาข้อมูลใน การปรับปรงุ ให้สมบรู ณย์ ่ิงขึ้น 3. แบบภาคสนาม (1:100) เป็นการนำบทเรียนสำเร็จรูปที่ได้จากการปรับปรุงครั้งที่สองไป ทดลองใชใ้ นช้ันเรียนท่มี ผี ูเ้ รยี นตั้งแต่ 40 – 100 คน และหาประสทิ ธภิ าพ (E1/E2) ถ้าไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด จะตอ้ งดำเนนิ การปรับปรงุ และทดลองหาประสิทธภิ าพซำ้ อีกคร้ัง การหาประสิทธิภาพบทเรียนสำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นไม่ถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เนื่องจากตัวแปรที่ ควบคมุ ไม่ได้ เชน่ ความพร้อมเพรียงของนกั เรียน สภาพบรรยากาศในห้องเรียน เป็นตน้ อาจอนุโลมให้มี ระดับผิดพลาดไดไ้ ม่ตำ่ กวา่ ที่กำหนดไว้ประมาณ 2.5 – 5% การยอมรบั ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรปู 3 ระดบั คือ (ฉลองชัย สรุ วฒั บรู ณ์ 2528 : 215) 1. สูงกว่าเกณฑ์ เมื่อประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูปสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้เกินกว่า 5% ข้นึ ไป 2. เท่าเกณฑ์ เมื่อประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เท่ากับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ไม่เกินกว่า 5% หรอื ไมต่ ่ำกวา่ 5 % 3. ตำ่ กวา่ เกณฑ์ เมอื่ ประสิทธภิ าพของบทเรียนสำเร็จรปู ตำ่ กวา่ เกณฑ์ที่ต้ังไวแ้ ต่ไม่ต่ำกวา่ 5% ถอื ว่ามีประสิทธภิ าพยอมรับได้ นักเรียนที่นำมาทดลองใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปนั้นเป็น ตัวแทนของนกั เรียนโดยพิจารณา ดงั น้ี 1. การทดลองเดี่ยว เป็นการทดลองครู 1 คน นักเรียน 1 คน โดยให้ทดลองกับนักเรียน อ่อนเสียก่อนทำการปรับปรุงแล้วนำไปทดลองกับนักเรียนปานกลางและเก่ง หากเวลาไม่อำนวยและ สถานการณไ์ มเ่ หมาะสมใหท้ ดลองกับเด็กอ่อนหรอื ปานกลาง
30 2. การทดลองแบบกลุ่ม เป็นการทดลองครู 1 คน นักเรียน 6 - 10 คน โดยให้คละกันท้ัง เกง่ ปานกลางและออ่ น หา้ มทดลองกับนกั เรียนออ่ นหรือเก่งลว้ น 3. การทดลองแบบสนาม เป็นการทดลองครู 1 คน นักเรียน 30 - 50 คน ชั้นที่เลือกมา ทดลองตอ้ งมนี กั เรียนคละกันเป็นนกั เรียนเกง่ และออ่ น หอ้ งเรยี นทีม่ นี กั เรยี นออ่ นหรือเก่งทั้งหมด การใช้บทเรียนสำเร็จรูป เป็นการออกแบบให้ผู้เรียน โดยมุ่งไปที่ผู้เรียนมากกว่าผู้สอนและ ผู้สอนควรจัดสภาพการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้บรรลุจุดมุ่งหมายตามที่วางไว้ ก่อนนำบทเรียนสำเร็จรูปไปใช้ จริง ผู้สอนสามารถช่วยให้ผู้เรียน เรียนบทเรียนสำเร็จรูปได้ดีด้วยการบูรณาการบทเรียนสำเร็จรูปให้เข้า กับกิจกรรมอืน่ ๆ เช่น การบรรยาย หรอื การอภปิ ราย จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า โดยปกติเนื้อหาที่เป็นความรู้ ความจำ มักจะกำหนดเกณฑ์ ประสทิ ธภิ าพไว้ 80/80, 85/85 หรอื 90/90 ส่วนเนือ้ หาท่ีเป็นทักษะมักจะกำหนดต่ำกวา่ น้ี เช่น 70/70 หรือ 75/75 ซึ่งการกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพไว้ว่า 80/80 คือ 80 ตัวแรก หมายถึง คะแนนเฉลี่ยที่ ผู้เรียนสามารถทำแบบฝึกหัดได้ในบทเรียนสำเร็จรูป ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 และ 80 ตัวหลัง หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนทุกคนที่ได้จากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียนหลงั เรียน ได้คะแนนเฉลยี่ ไมต่ ำ่ กวา่ รอ้ ยละ 80 3. งานวิจัยท่ีเกยี่ วข้อง 3.1 งานวจิ ัยในประเทศ ณัฐฐินี สุโพธิ์ (2545 : บทคัดย่อ) ได้พัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปแบบเส้นตรง เรื่อง จังหวัด รอ้ ยเอ็ด หนว่ ยท่ี 3 ส่งิ ที่อยูร่ อบตวั เรา กลุ่มสร้างเสริมประสบการณช์ วี ติ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียน บ้านหนองตากร้า สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 23 คน เครื่องมือที่ใช้คือ บทเรียนสำเร็จรูปแบบเส้นตรง และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า บทเรียนสำเร็จรูปแบบเส้นตรง เรื่อง จังหวัดร้อยเอ็ด หน่วยที่ 3 สิ่งที่อยู่รอบตัวเรา กลุ่มสร้างเสริม ประสบการณช์ วี ิต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มปี ระสิทธภิ าพ 87.10/85.59 ซ่ึงสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ต้ัง ไว้ และมีค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูปมีคา่ เท่ากับ .73 นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรยี นสงู กวา่ กอ่ นเรียนอย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ทิ ร่ี ะดับ .01 วนิดา สาวิสทิ ธิ์ (2545 : บทคดั ย่อ) ไดศ้ กึ ษาผลสัมฤทธิ์ของการเรียนโดยใช้บทเรยี นการ์ตูนและ การเรียนปกติกลุ่มสร้างเสริมประสบการณช์ วี ิต เรื่อง ทรัพยากรดิน ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 มีผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า ภาพการ์ตูน เรื่อง ทรัพยากรดิน ระดับชั้นประถมศึก ษาปีที่ 5 มี ประสิทธิภาพเท่ากับ 80.63/81.56 ซ่ึงสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ท่ีตั้งไว้ และนักเรียนที่ได้รับการเรียนโดยใช้ ภาพการ์ตูน มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสงู กว่านักเรียนทีไ่ ด้รับการเรียนวิธีปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ี่ ระดบั .01 สุฌารกั ษ์ เมืองโคตร (2545 : บทคดั ยอ่ ) ได้สรา้ งบทเรียนสำเร็จรูปจังหวัดของเรา (มุกดาหาร) กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 85/85 กลุ่ม
31 ตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นควา้ เป็นนักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 จำนวน 27 คน โรงเรียนบ้านหวา้ น ใหญ่ สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอหวา้ นใหญ่ จังหวดั มกุ ดาหาร เคร่อื งมือทใี่ ชค้ ือ บทเรียนสำเรจ็ รูป เรื่อง จังหวัดของเรา(มุกดาหาร) และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัยชนิด เลือกตอบ 30 ข้อ ผลการศึกษาพบว่าบทเรียนสำเร็จรูปเรื่อง จังหวัดของเรา (มุกดาหาร) กลุ่มสร้างเสริม ประสบการณ์ชีวติ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 มีประสิทธิภาพ 89.23/92.67 ซึง่ สงู กวา่ เกณฑ์ 85/85 ที่ต้ัง ไว้ และมีค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูปมีค่าเท่ากับ .77 แสดงว่านักเรียนมีความสามารถใน การเรยี นร้เู พิ่มข้นึ รอ้ ยละ 77 สุนทรี คำเลิศ (2546 : บทคัดย่อ) ได้พัฒนาบทเรียนสำเรจ็ รูปแบบเส้นตรง วิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบา้ นบก (มั่นสามัคคีพิทยาคาร) โรงเรียนบ้านก่อ (ก่อวิทยา คาร) โรงเรยี นบา้ นโนนโหนน(อ่อนอปุ การ) โรงเรยี นบา้ นหนองคู สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอวาริน ชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 80 คน เครื่องมือที่ใช้คือ บทเรียนสำเร็จรูปแบบเส้นตรง เรื่อง ทศนยิ ม และแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น พบวา่ บทเรยี นสำเร็จรูปแบบเส้นตรง เรื่อง ทศนิยม วิชา คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 90.59/94.11 ซ่ึงสูงกว่าเกณฑ์ 90/90 ทตี่ ัง้ ไว้ และนักเรียนมคี ะแนนเฉล่ียหลังเรียนสงู กว่ากอ่ นเรยี นอยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถติ ิทีร่ ะดบั .01 ประจกั ษ์ สแี สด ( 2549 : บทคัดยอ่ ) ได้ทำการวิจัยเร่อื งการพัฒนาบทเรยี นสำเรจ็ รปู กลมุ่ สาระ สังคมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม เร่ือง อรยิ สจั 4 สำหรับนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 ใหม้ ปี ระสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและ วัฒนธรรม เรื่อง อริยสัจ 4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยบทเรียน สำเร็จรูป ผลการวจิ ัยพบวา่ บทเรียนสำเร็จรูป กลุม่ สาระสงั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม เรอื่ ง อรยิ สัจ 4 สำหรบั นกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ที่ผวู้ จิ ัยสร้างขนึ้ มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 83.92/84.81 ซึง่ สูงกว่าเกณฑ์ท่ีต้ังไว้ 80/80 นกั เรยี นทเ่ี รียนโดยใชบ้ ทเรียนสำเร็จรูปมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนหลังเรียน สงู กว่ากอ่ นเรยี นอยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิติที่ระดับ .01 พระมหาเสงี่ยม มณีวงษ์ (2550:81) ได้ทำการวิจัย ผลการเรียนรู้ เรื่องวันสำคัญทาง พระพุทธศาสนาและศาสนพิธี กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้วิธีสอนแบบ ปุจฉาวสิ ชั นากบั วธิ ีสอนแบบปกติ สำหรับนกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ผลการวจิ ัยพบว่า ผลการจัดการ เรียนรู้โดยวิธีสอนแบบปุจฉาวิสัชนามีค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 72.87 คะแนน และตามวิธีสอน แบบปกติมีค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 70.87 คะแนน ผลการจัดการเรียนรู้เรื่องวันสำคัญทาง พระพทุ ธศาสนาและศาสนพิธี ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6 โดยใช้วิธีสอนแบบปจุ ฉาวิสชั นากับวธิ ีสอนแบบปกติ มคี วามแตกตา่ งกันและนักเรียนมีความพึงพอใจต่อวิธสี อนแบบปุจฉาวิสัชนาอยู่ในระดบั มาก จตุพร เตียตระกูล (2553:บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่ม สาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เร่ือง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ชนั้ มัธยมศึกษาปี ที่ 4 โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ 4MAT ผลการวิจัยพบว่า การเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ 4MAT มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80.17/82.62 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ ดัชนีประสิทธิผล
32 เท่ากบั 0.7245 แสดงว่านกั เรยี นมีความก้าวหน้าในการเรยี นร้อยละ 72.45 นักเรียนมผี ลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 และนักเรียนที่เรียนโดยการจัด กิจกรรมการเรียนรู้เรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ แบบ 4MAT มคี วามพงึ พอใจอย่ใู นระดบั มาก เยาวเรศ พันธ์โนราช (2554:91) ได้วิจัยเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียน สำเร็จรูปประกอบการสอนตามหลักไตรสิกขา เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ผลการวจิ ัยพบว่า (1) บทเรียนสำเร็จรูปที่สร้าง ขึ้นมีประสิทธิภาพ 85.65/86.61 (2) ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนยั สำคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 (3) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้บทเรียน สำเร็จรปู ประกอบการสอนตามหลกั ไตรสิกขา เร่ือง หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยรวมอย่ใู นระดบั พอใจมาก ลำภรณ์ พิสถาน (2554:บทคัดย่อ)ได้วิจัยเรื่อง การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการใช้ บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโนนม่วง อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู ผลการวิจัย พบว่า บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.54/85.13 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลัง เรียนโดยใช้บทเรียน เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และ วัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 15.63 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน25.06 และ คะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเท่ากับ 9.43 ของคะแนนก่อนเรียน คะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 ความพึงพอใจที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง วันสำคัญ ทาง พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยมี (ค่าเฉลย่ี =4.16 , S.D. = 0.22) ซ่งึ อยใู่ นระดบั พงึ พอใจในระดบั มาก 3.2 งานวจิ ยั ในต่างประเทศ บูธ (Booth. 1998 : 2980-A) ไดท้ ำการสำรวจเกย่ี วกับธรรมชาติของทักษะในการรับรู้ของเด็ก จากการใช้สื่อประเภทที่ไม่ใช่วีดิโอเพื่อการศึกษากับกา รใช้บทเรียนการ์ตูนที่เป็นภาพเคลื่อนไหวเพื่อ ประเมินทักษะด้านการรับรู้ทางสติปัญญาและด้านอารมณ์ของเด็กจากการชมบทเรียนการ์ตูนที่เป็น ภาพเคลื่อนไหวกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนเกรด 4 จำนวน 104 คน ซึ่งทำการศึกษาตัวแปร 4 ตัว คือ เพศ เชื้อชาติ ฐานะทางเศรษฐกิจ และผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ โดยมีเครือ่ งมือเป็นแบบทดสอบก่อนเรยี น และหลังเรียน แบบสัมภาษณ์ ผลการทดลอง พบว่า (1) นักเรียนสามารถเกิดทักษะในการเรียนรู้ด้าน สติปัญญาจากการชมบทเรียนการ์ตูนที่เป็นภาพเคลื่อนไหว (2) นักเรียนสามารถใช้ทักษะการคิดใน ระดับสูงเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการเกิดการเรียนรู้ทางด้านสติปัญญา (3) เพศ เชื้อชาติ ฐานะทาง
33 เศรษฐกิจ และผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ ไม่ส่งผลต่อการเกิดทักษะด้านการรับรู้ทางสติปัญญาของนักเรียน จากการชมบทเรยี นการต์ ูนที่เปน็ ภาพเคล่ือนไหว วอลซ์ (Walsh. 1999 : 1896-A) ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับทัศนคติของนักศึกษาชาวญี่ปุ่นในเรื่อง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบที่มีความสอดคล้องกับลักษณะทางวัฒนธรรม โดยทำการ เปรียบเทียบระหว่างการจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนการ์ตูนกับการเรียนการสอนโดยวิธีบรรยาย ในชั้นเรียน ผลการวิจัยพบว่า การใช้บทเรียนการ์ตูนเป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ สำหรับนักศึกษาชาวญ่ีปนุ่ โดยไมส่ ง่ ผลกระทบตอ่ บุคลิกลกั ษณะส่วนตัวดง้ั เดิมของเขา สตอลล์ (Stall. 2001 : 5274-B) ได้ทำการวิจัยสำรวจประสิทธภิ าพของการใช้บทเรยี นการ์ตนู ประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การใช้บทเรียนการ์ตูนประกอบการสอนเร่ืองคำที่มีหลายความหมาย โดยใชป้ ระชากรทมี่ อี ายรุ ะหว่าง 8-10 ปี จำนวน 23 คน ผลการทดลองพบว่า (1) การสอนโดยใช้บทเรียน การ์ตูนกับการสอนโดยวิธีปกติมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (2) นักเรียนที่ได้รับการสอน โดยบทเรียนการ์ตูนประกอบมีความสามารถด้านการเรียนรู้เพิ่มขึ้น (3) นักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้ บทเรยี นการต์ นู ประกอบมีความสนใจในการอา่ นหนังสือเปลี่ยนไปจากเดมิ จากการศึกษาผลงานการวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่า การใช้บทเรียนสำเร็จรูปใน ลกั ษณะตา่ งๆ เมื่อเปรียบเทยี บกบั วิธีสอนแบบปกติ ปรากฏวา่ การเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป มีประสิทธิภาพมากกว่าการสอนแบบปกติ และเมื่อทำการทดสอบหลังเรียนของบทเรียนสำเร็จรูป นักเรียนจะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ดังนั้น บทเรียน สำเร็จรูปจงึ เป็นเครอ่ื งมือทส่ี ามารถจะนำไปใชป้ ระกอบการจัดการเรยี นการสอนได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
34 บทท่ี 3 วิธีดำเนินการศกึ ษา การศึกษาครั้งนี้เป็นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และ ประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผู้ศึกษาได้ดำเนินการเป็น ขั้นตอนดังนี้ 1. ขอบเขตการศกึ ษา 2. เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้ในการศึกษา 3. การสร้างและการหาประสิทธิภาพเครอื่ งมอื 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล 5. สถิตทิ ี่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มลู 6. การวิเคราะห์ขอ้ มลู ขอบเขตการศกึ ษา 1. กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาล ลำพูน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวนนกั เรียน 40 คน 2. เนื้อหาที่ใช้ในบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง สัตว์และประเภทของสัตว์ มีขอบข่ายตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) กลุ่มสาระการ เรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยโี รงเรยี นอนบุ าลลำพนู สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการประถมศกึ ษาลำพนู เขต 1 เครอ่ื งมือที่ใช้ในการศกึ ษา เครือ่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการดำเนินการศกึ ษา ประกอบด้วย 1. บทเรยี นสำเรจ็ รูป เรือ่ ง สัตวแ์ ละประเภทของสัตว์ 2. แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่เี รียนโดยใชบ้ ทเรยี นสำเร็จรูป
35 การสร้างและการหาประสิทธิภาพเครื่องมือ 1. ข้ันตอนการสรา้ งบทเรียนสำเร็จรูป เร่ือง สตั วแ์ ละประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4/5 การสรา้ งและการหาประสิทธภิ าพของบทเรียน ผศู้ ึกษาได้ดำเนินการตามข้ันตอน ดงั น้ี 1.1 ศกึ ษาหลกั สูตรกลุ่มสาระการวทิ ยาศาสตร์โรงเรยี นอนุบาลลำพูน พทุ ธศกั ราช 2565 แนวทางตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ศึกษาตวั ชว้ี ัดหรือจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สมรรถนะทีส่ ำคญั ของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ของผู้เรียนตามหลกั สูตรกำหนด เพอื่ กำหนดขอบเขตสาระการเรียนรู้และหน่วยการเรียนรู้ ทจ่ี ะทำการทดลองกบั กลมุ่ ตัวอยา่ ง 1.2 ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับหลักการ เทคนิคและวิธีการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปจาก หนังสือและเอกสารรวมทั้งงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนอย่างเปน็ ระบบ 1.3 ศึกษาหนังสือเรียน หนังสืออ่านประกอบ เอกสารต่างๆ เกี่ยวข้องกับหลักธรรม คติธรรม ท่เี ก่ียวเน่ืองกับวนั สำคญั ทางศาสนา 1.4 กำหนดสาระการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง และหน่วยการเรียนรู้รายวิชา พื้นฐาน วิทยาศาสตร์ 1.5 ดำเนินการสร้างบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง สัตว์และประเภทของสัตว์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4/5 1.6 นำบทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้นเสนอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องด้าน เนื้อหา ด้านการใช้ภาษาในการสื่อสาร ความสัมพันธ์และความสอดคล้องกับสาระที่กำหนด รวมทั้ง ความสอดคลอ้ งกบั ตวั ช้ีวดั ทีผ่ ู้ศึกษากำหนด 1.7 นำบทเรยี นสำเรจ็ รูปทปี่ รับปรุงแกไ้ ขตามคำแนะนำของผูเ้ ชีย่ วชาญ ไปใชก้ บั กลุ่มตัวอย่าง คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 โรงเรียนอนุบาลลำพูน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ลำพนู เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวนนกั เรียน 22 คน 3. แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่องสัตว์และ ประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 เป็นแบบทดสอบฉบับ เดียวกัน แบบทดสอบชนดิ เลอื กตอบ 4 ตวั เลอื ก จำนวน 10 ข้อ ผู้ศึกษาไดด้ ำเนินการตามขนั้ ตอนดงั นี้ 3.1 ศกึ ษาหลักการวดั และประเมินผล ตลอดจนการเขียนแบบทดสอบ 3.2 วเิ คราะห์เนอ้ื หาและสรปุ ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวงั ให้ครอบคลุมพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย ในแผนการจัดการเรยี นรู้ของบทเรยี นสำเรจ็ รูป
36 3.3 สร้างแบบทดสอบแบบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก ครอบคลุมเน้อื หาตามผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวัง จำนวน 10 ขอ้ 4. แบบประเมินความพึงพอใจของนกั เรยี นที่เรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรปู แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรยี นที่มีต่อการเรยี นโดยใช้บทเรียนสำเรจ็ รูปมีลักษณะเป็น แบบประเมนิ มาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั โดยสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 1 ฉบบั มขี ัน้ ตอนการสรา้ งดังนี้ 1. ศกึ ษาหลักการสร้างแบบประเมนิ ความพึงพอใจจากเอกสารการวัดและประเมินผล 2. สร้างแบบประเมินความพึงพอใจเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ข้อ คำถามจำนวน 18 ข้อ โดยกำหนดค่าระดับความพึงพอใจแต่ละช่วงคะแนนและความหมาย ดังนี้ระดับ 1 หมายถึงพึงพอใจอยู่ในระดบั น้อยทีส่ ดุ ระดบั 2หมายถึงพึงพอใจอยใู่ นระดบั น้อย ระดับ 3หมายถงึ พงึ พอใจอยู่ในระดบั ปานกลาง ระดบั 4หมายถึงพึงพอใจอยู่ในระดบั มาก ระดับ 5หมายถึงพงึ พอใจอยูใ่ นระดับมากท่สี ดุ สำหรับการให้ความหมายของค่าที่วัดได้ ผู้ค้นคว้าได้กำหนดเกณฑ์ที่ใช้ในการให้ความหมาย โดยการใหค้ า่ เฉลยี่ เป็นรายด้านและรายขอ้ ดงั นี้ 1.00 - 1.50หมายถึง พึงพอใจอย่ใู นระดับน้อยท่สี ดุ 1.51 - 2.50หมายถงึ พงึ พอใจอยู่ในระดับนอ้ ย 2.51 - 3.50หมายถงึ พงึ พอใจอยใู่ นระดับปานกลาง 3.51 - 4.50หมายถึง พึงพอใจอยใู่ นระดบั มาก 4.51 - 5.00หมายถึง พงึ พอใจอยู่ในระดบั มากทีส่ ดุ 4. นำแบบประเมินความพึงพอใจ ที่ปรับปรุงแล้ว ไปสอบถามนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4/5 โรงเรียนอนุบาลลำพูน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูนเขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 จำนวนนกั เรียน 40 คน การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผู้รายงานทำการสอนดว้ ยบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อหาประสทิ ธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูปศึกษา หาความก้าวหนา้ ของผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากเรยี นโดยใชบ้ ทเรียนสำเร็จรูป การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิ ทางเรยี นโดยใชบ้ ทเรียนสำเรจ็ รูป เร่อื งสตั วแ์ ละประเภทของสัตว์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4/5 ทำการเกบ็ รวบรวมข้อมูลตามข้ันตอนดังนี้
37 1. ทดสอบความรู้ก่อนเรียนกับกลุ่มตัวอยา่ งด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และประเภทของสัตว์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 ซึ่งเป็นแบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ขอ้ 2. ดำเนินการทดลองโดยใช้กลุ่มตัวอย่างประกอบกิจกรรมการเรียนโดยบทเรียนสำเร็จรูป และทำการฝกึ ปฏบิ ัติตามกรอบกจิ กรรมจนครบ 3. หลงั จากเรียนครบทุกบทเรียนแล้ว ทดสอบความรูห้ ลงั เรียน เรอ่ื งสัตว์และประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 ด้วยแบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตวั เลอื ก จำนวน 10 ขอ้ กบั กลุ่มตัวอย่าง 4. ตรวจแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น 5. ให้นักเรียนทำแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูปจากนั้นนำผลที่ได้รับไป วิเคราะห์ขอ้ มลู ทางสถิตติ ่อไป การวิเคราะหข์ อ้ มูล 1. การเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นของนกั เรียนกอ่ นเรียนและหลังเรียน 2. การประเมินความพงึ พอใจ ของนักเรยี นท่ีเรยี นดว้ ยบทเรียนสำเร็จรูป สถติ ทิ ใี่ ช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 1. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้สถิติ พนื้ ฐาน ได้แก่ คา่ เฉลยี่ คา่ ร้อยละ และคา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน 2. ประเมินความพึงพอใจ ของนักเรียนท่ีเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และประเภท ของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 โดยใช้ร้อยละ (Percentage) คา่ เฉลีย่ (Percentage) คา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) สถติ ทิ ่ีใชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมลู มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 2.1คา่ เฉลี่ย X = X N X = ค่าเฉล่ยี ของคะแนน X = ผลรวมของคะแนน N = จำนวน
38 2.2 สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน S.D. = N x2 − ( x)2 N(N −1) S.D. = สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน (X - X) = ผลรวมของคะแนนลบด้วยคะแนนเฉลี่ย N = จำนวน
39 บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล การศึกษาครงั้ นเ้ี ป็นการพฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นโดยใช้บทเรียนสำเรจ็ รปู เร่ืองสตั ว์ และประเภทของสัตว์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4/5 ผูศ้ ึกษาไดเ้ สนอผล การศึกษาในรปู ตารางประกอบความเรยี ง โดยแบง่ ออกเป็น 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 ผลการเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี นของ นกั เรียนทีเ่ รียนโดยใชบ้ ทเรียนสำเร็จรูป เรอ่ื งสตั วแ์ ละประเภทของสัตว์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ สำหรับ ตอนท่ี 2 ผลการศกึ ษาความพึงพอใจของนักเรียนตอ่ การเรียนโดยใช้บทเรยี นสำเร็จรูป เรอื่ งสตั วแ์ ละประเภทของสตั ว์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4/5 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ตอนท่ี 1 ผลการเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนก่อนและหลังเรียนของนักเรยี นทเ่ี รียน โดยใชบ้ ทเรยี นสำเรจ็ รูป เร่ือง สตั ว์และประเภทของสัตวร์ ายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4/5 การเปรียบเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรยี นและหลังเรียน โดยใชแ้ บบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น เรอ่ื งสัตว์และประเภทของสตั ว์ นักเรียนแตล่ ะคนจะมี ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรยี น ดงั ตาราง 1 ตาราง 1 ผลการเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ บทเรียนสำเรจ็ รปู เร่อื งสตั ว์และประเภทของสตั ว์ คนท่ี คะแนนก่อนเรียน (10 คะแนน) คะแนนหลงั เรยี น (10 คะแนน) ผลสมั ฤทธิ์ 1 7 10 3 24 9 5 33 8 5 43 9 6 53 9 6 65 9 4 7 6 10 4 8 6 10 4 95 9 4
10 7 10 40 11 7 10 12 7 10 3 13 5 9 3 14 6 10 3 15 7 10 4 16 3 8 4 17 4 9 3 18 5 9 5 19 6 10 5 20 5 9 4 21 5 9 4 22 5 9 4 23 7 10 4 24 4 9 4 25 3 8 3 26 3 9 5 27 3 9 5 28 5 9 6 29 6 10 6 30 6 10 4 31 5 9 4 32 7 10 4 33 7 10 4 34 7 10 3 35 5 9 3 36 6 10 3 37 7 10 4 38 3 8 4 39 4 9 3 40 5 9 5 375 5 X 210 4 87
X 5.24 9.38 41 รอ้ ยละ 52.38 93.81 4.14 41.43 จากตาราง 1 พบว่า คะแนนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทั้งก่อนเรียน และหลังเรียน ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างจำนวน 40 คน ที่เรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และ ประเภทของสัตว์ ผลปรากฏดังนี้ คะแนนรวม ( X ) ก่อนเรียนมีค่าเท่ากับ 210 ค่าเฉลี่ย ( X ) ก่อนเรียนมีค่าเท่ากับ 5.24 คิดเป็นร้อยละ 52.38 คะแนนรวม ( X ) หลังเรียนมีค่า เท่ากับ 375 ค่าเฉลี่ย ( X )หลังเรียนมีค่าเท่ากับ 9.38 คิดเป็นร้อยละ 93.81 แสดงว่าการจัดการ เรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และประเภทของสัตว์ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น คดิ เป็นร้อยละ 41.43 X ตอนที่ 2 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เร่อื งสตั วแ์ ละประเภทของสตั ว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4/5 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และ ประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วน ประมาณค่า(Rating Scale) 5 ระดับ วิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย และความเบี่ยงเบนมาตรฐาน เกณฑ์ ในการแปลคา่ ระดบั ความคดิ เห็น มดี ังน้ี (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2545) คา่ เฉล่ยี ความหมาย 4.51 – 5.00 มคี วามพึงพอใจระดบั มากทีส่ ุด 3.51 – 4.50 มีความพงึ พอใจระดับ มาก 2.51 – 3.50มคี วามพงึ พอใจระดับ ปานกลาง 1.51 – 2.50 มคี วามพึงพอใจระดบั น้อย 1.00 – 1.50 มคี วามพงึ พอใจระดับ น้อยที่สดุ
42 ตาราง 2 การประเมนิ ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรยี นโดยใช้บทเรยี นสำเร็จรูป เรอื่ งสัตวแ์ ละประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4/5 รายการประเมนิ X ส.ว. แปลผล ดา้ นเนอื้ หา 1. เนอ้ื หาในบทเรียนเป็นเร่อื งที่ชอบ 4.50 0.60 มาก 2. มีเวลาศกึ ษาค้นควา้ เร่ืองท่เี รยี นตามตอ้ งการ 4.19 0.83 มาก 3. เนอ้ื หาทีเ่ รยี นเหมาะสมกับระดับชัน้ 4.54 0.79 มากที่สุด 4. สามารถนำความรทู้ ไี่ ด้ไปใช้ในชวี ิตประจำวัน 4.14 0.81 มาก 5. เน้อื เรอ่ื งทเี่ รยี นเปน็ เรอ่ื งท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั ชวี ติ ประจำวัน 4.08 0.82 มาก ด้านกจิ กรรมการเรยี นรู้ 6. เกิดความสนุกสนานกับการร่วมกิจกรรมในช่ัวโมงทเ่ี รยี น 4.51 0.68 มากที่สุด 7. ไดศ้ ึกษาเรียนรดู้ ้วยตนเองอย่างมคี วามสุข 4.54 0.50 มากท่ีสุด 8. มคี วามภูมใิ จเมอ่ื ตอบคำถามได้ถูกต้อง 4.11 0.80 มาก 9. มคี วามพึงพอใจทีส่ ามารถตรวจสอบคำตอบไดด้ ว้ ยตนเอง 4.14 0.81 มาก 10. ทำให้ได้ฝึกทกั ษะด้านการอ่านและเขียนอยา่ งมั่นใจ 4.11 0.80 มาก ด้านสอื่ และอปุ กรณ์ในการเรียนรู้ 11. รปู ภาพในบทเรียน สวยงาม นา่ สนใจ 4.19 0.83 มาก 12. มีการแบ่งเน้ือหาการเรยี นรู้ออกเปน็ กรอบ ไม่นา่ เบอื่ หนา่ ย 4.52 0.60 มากทสี่ ุด 13. ตื่นเตน้ ท่ไี ด้สมั ผสั รูปเลม่ ท่ีดงึ ดดู ใจ ของบทเรยี นสำเร็จรปู 4.16 0.79 มาก 14. บทเรยี นสำเรจ็ รปู ทำใหป้ ระสบผลสำเรจ็ ได้ดี 4.41 0.83 มาก ดา้ นการวัดผลและประเมินผล 15. นกั เรยี นมโี อกาสได้ทราบผลคะแนนของแบบฝึกหดั ทนั ที 4.08 0.50 มาก 16. คณุ ครูมีวิธที ดสอบทีน่ ่าสนใจ 4.58 0.48 มากท่ีสดุ 17. พึงพอใจกับผลการทดสอบทา้ ยบท 4.19 0.83 มาก 18. คณุ ครูให้คำชมเชยเสมอเม่อื ต้ังใจเรียน 4.51 0.64 มากทสี่ ุด รวมเฉลี่ย 4.31 0.71 มาก จากตาราง 2 แสดงให้เห็นว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อบทเรียนสำเร็จรูปโดยรวมอยูใ่ นระดบั มาก ( = 4.31) เมื่อพิจารณาแต่ละรายการประเมิน พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 6 รายการ ประเมิน อยู่ในระดับมาก จำนวน 12 รายการประเมิน สำหรับรายการประเมินที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด คือ คุณครูมีวิธีทดสอบที่น่าสนใจ ( = 4.58) รายการประเมินที่มีคะแนนเฉลี่ยน้อยที่สุดมี 2 รายการ คือ เน้อื เรอ่ื งทีเ่ รยี นเปน็ เร่ืองที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ( = 4.08) และนักเรียนมโี อกาสได้ทราบผลคะแนน ของแบบฝกึ หัดทันที ( = 4.08)
43 บทท่ี 5 สรุปการศึกษา อภิปราย และข้อเสนอแนะ การศึกษาครง้ั นเ้ี ป็นการพัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นโดยใช้บทเรียนสำเรจ็ รูป เรื่องสัตว์และ ประเภทของสตั ว์ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4/5 ซึ่งสามารถสรุปขน้ั ตอน และผลการศกึ ษาดังน้ี สรปุ ผลการศกึ ษา อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ สรปุ ผลการศึกษา การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลลำพูน สำนักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาลำพูนเขต 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 ไดผ้ ลการศกึ ษาดังน้ี 1. นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 4/5 ที่เรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และประเภทของ สัตว์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยค่าเฉลี่ย ก่อนเรียนมีค่าเท่ากับ 5.24 คิด เป็นร้อยละ 52.38 แต่หลังจัดการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูป มีคะแนนเฉลี่ย สูงขึ้นมีค่าเท่ากับ 9.38 คิดเป็นร้อยละ 93.81 3. นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4/5 มคี วามพึงพอใจต่อการเรียนโดยใชบ้ ทเรียนสำเรจ็ รูป เรื่อง สัตวแ์ ละประเภทของสตั ว์ มคี ่าเฉล่ยี เทา่ กบั 4.31 ซึ่งสรปุ ผลไดว้ ่านกั เรียนมคี วามพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มาก อภปิ รายผล จากผลการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และประเภทของสัตว์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4/5 โรงเรยี นอนบุ าลลำพนู สำนักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 มีประเด็นที่น่าสนใจและนำมา อภปิ รายผล ดังนี้ 1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 ที่เรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และประเภท ของสตั ว์ มผี ลสัมฤทธทิ์ างการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งสอดคลอ้ งกับสมมุตฐิ านที่ต้ังไว้ ท้ังน้ีอาจ เป็นเพราะ การจัดกิจกรรการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องสัตว์และประเภทของสัตว์ ซึ่งผ่านการ สร้างและหาคุณภาพเป็นอย่างดี ประกอบกับกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรื่องสัตว์และประเภทของสัตว์ ในแผนการจดั การเรียนรกู้ ็นา่ สนใจ ซ่งึ เป็นการกระตุน้ และเร้าความสนใจให้กับผเู้ รยี นเปน็ อย่างดี จนทำให้
44 นกั เรยี นมีผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนหลังเรยี นสูงกว่าก่อนเรยี น สอดคลอ้ งกบั วริ ชั เครือทอง (2547:67-68) ได้วิจัยเรื่อง การสร้างบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 สอดคล้องกับ สุนีย์ ผจญ ศิลป์ (2546:66-67) ได้วิจัยเรือ่ งผลการสอนแบบไตรสิกขาท่ีมตี ่อผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น วิชาสังคมศึกษา และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ผลการวิจัยพบว่า (1) นักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการสอนแบบไตรสิกขา มีสัมฤทธิ์ทางการเรียนสงู กว่านกั เรียนที่ได้รับการสอน แบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการสอนแบบ ไตรสกิ ขา มกี ารคดิ อย่างมวี ิจารณญาณสูงกว่านักเรยี นท่ีได้รับการสอนแบบปกติ อยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 (3) นักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ที่ได้รับการสอนแบบไตรสิกขา มีการคิดอย่างมี วิจารณญาณหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 สอดคล้องกับ ภูมิพรรณ ทวี ชาติ (2549:91) ได้วิจัยเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและปรีชาเชิงอารมณ์ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนเรื่อง หลักธรรมในพุทธศาสนาที่ได้รับการสอนแบบไตรสิกขากับการสอนแบบ ร่วมมือด้วยเทคนิค เอส ที เอ ดี (STAD) ผลการวิจัยพบว่า (1) นักเรียนที่ไดร้ ับการสอนแบบไตรสิกขากบั การสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค เอส ที เอ ดี (STAD) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างกัน อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (2) นักเรียนที่ได้รับการสอนแบบไตรสิกขากับการสอนแบบร่วมมือด้วย เทคนิค เอส ที เอ ดี และปรีชาเชิงอารมณ์ด้านความรู้สึก ด้านความคิดและด้านการปฏิบัติแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สอดคล้องกับ เมธาวี เศิกศิริ (2549:71) ได้วิจัยเรื่อง การพัฒนา บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง จังหวัดของเรา ชั้น ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ผลการวจิ ัยพบว่า ผลสมั ฤทธิ์ทาง การเรยี นหลังเรียนสงู กว่าก่อนเรียนอยา่ งมนี ยั สำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 สอดคล้องกับ เกษมศรี บุญพอ ได้สร้างบทเรียนสำเร็จรูปแบสาขา กลุ่มสาระการ เรยี นร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม สาระท่ี 2 หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง วัฒนธรรมและการดำเนนิ ชวี ติ ในสังคม เร่อื ง กฎหมายน่ารู้ สำหรบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ให้มีประสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 90/90 ผลการวิจัย พบวา่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสงู กว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ิที่ระดับ .01 สอดคล้อง กับ เยาวเรศ พันธ์โนราช (2554:91) ได้วิจัยเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ประกอบการสอนตามหลักไตรสิกขา เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรยี น สูงกวา่ ก่อนเรยี นอย่างมนี ัยสำคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดบั .05 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/5 มีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป สำเร็จรูป เร่อื งสัตว์และประเภทของสตั ว์ มคี า่ เฉลยี่ เท่ากับ 4.31 ซึ่งสรปุ ผลไดว้ า่ นักเรียนมีความพึงพอใจ อยใู่ นระดับมาก ท้ังน้ีอาจเป็นเพราะบทเรียนสำเรจ็ รปู สำเรจ็ รปู เรือ่ งสตั วแ์ ละประเภทของสัตว์ ที่สร้างขึ้น เปน็ ส่ือทมี่ ีรูปภาพประกอบสวยงาม มีเนื้อหาและกจิ กรรมที่ชวนติดตาม มกี จิ กรรมการวัดและประเมินผล ที่นักเรียนสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเอง สอดคล้องกับ พระมหาเสงี่ยม มณีวงษ์ (2550:81) ได้ทำการ
45 วิจยั เรื่อง ผลการเรยี นรู้เรื่องวันสำคญั ทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธี กลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้วิธีสอนแบบปุจฉาวิสัชนากับวิธีสอนแบบปกติ สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อวิธีสอนแบบปุจฉาวิสัชนาอยู่ในระดับ มาก สอดคลอ้ งกบั จตุพร เตยี ตระกลู (2553:บทคดั ย่อ) ไดท้ ำการวจิ ัยเรื่อง การพฒั นากิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กิจกรรม การเรียนรู้แบบ 4MAT ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่เรียนโดยการ จัดกิจกรรมการเรยี นรูเ้ รื่องหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 โดยใช้กจิ กรรมการเรียนรู้ แบบ 4MAT มีความพึงพอใจอย่ใู นระดับมาก สอดคล้องกับ เยาวเรศ พันธโ์ นราช (2554:91) ได้วิจัยเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปประกอบการสอนตามหลักไตรสิกขา เรื่อง หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา กลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั ประถมศึกษาปี ที่ 6 ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้บทเรียน สำเร็จรูปประกอบการสอนตามหลักไตรสิกขา เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาโดยส่วนรวมอยู่ใน ระดับพอใจมาก ขอ้ เสนอแนะ 1. ครูผู้สอนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน เรื่องสัตว์และประเภทของสัตว์ ควรให้ความ สนใจในการพัฒนาการเรียนรู้โดยนำบทเรียนสำเร็จรูปไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เกิด ประสทิ ธิภาพสูงสุด 2. ครูผู้สอนควรชี้แจง กำกับดูแลในกรณีที่นักเรียนมีปัญหาการใช้บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อสร้าง ความม่ันใจให้กับนักเรยี น และทำใหก้ ารเรียนเปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 3. ครูผู้สอนควรศึกษาให้นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อตนเอง คอยกระตุ้นและเสริมแรงให้ นักเรยี นเกดิ ความกระตอื รือรน้ ในการเรียน 4. ครูผู้สอนจงึ ควรมุ่งเสริม และสนับสนนุ ตลอดจนให้กำลังใจเพ่ือให้ผูเ้ รียนบรรลุผลการเรียนรู้ที่ คาดหวังไว้ 5. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป สามารถสอดแทรกเจตคติ คุณธรรม จรยิ ธรรมระหวา่ งเรยี นรู้ของนักเรียน เชน่ ความซ่อื สตั ย์ ความรบั ผิดชอบ 6. ครูผู้สอนควรให้อิสระในการใช้บทเรียนสำเร็จรูปแก่นักเรียนเพื่อให้นักเรียนมีเวลาศึกษา บทเรียนมากท่สี ดุ
46 บรรณานกุ รม เกษมศรี บุญพอ. บทเรียนสำเร็จรูปแบบสาขา กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระท่ี 2 หนา้ ทีพ่ ลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนนิ ชีวติ ในสงั คม เรอ่ื ง กฎหมายน่ารู้ สำหรับ นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3. ออนไลน์. เข้าถึงไดจ้ าก : www.data bopp-obec.info/emis/ showdetail.php. (15 พฤษภาคม 2562). ชยั ยงค์ พรหมวงศ์. เทคโนโลยีและการสื่อสารการศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์ยไู นเด โปรดัก๊ ชน่ั . 2526. ไชยยศ เรืองสวุ รรณ. เทคโนโลยที างการศึกษา : หลกั การและแนวการปฏิบตั ิ .กรงุ เทพมหานคร: วฒั นาพานชิ .2526. ณัฏฐณิ ี สโุ พธ์ิ. การพัฒนาบทเรียนสำเรจ็ รูปกลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชวี ติ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง จงั หวดั รอ้ ยเอด็ . วิทยานิพนธก์ ารศึกษามหาบณั ฑติ : มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 2545. ดำรง ตลุ าสืบ . “การใชช้ ุดการสอนแบบสอื่ ประสมในการสอนวชิ าคณติ ศาสตร์ เรื่อง เลขยกกำลงั สำหรับนักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 โรงเรียนเมืองปานวิทยา จังหวดั ลำปาง” .วิทยานิพนธ์ ปรญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาศึกษาศาสตร์ แขนงวิชาหลักสตู รและการสอน. มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช. 2541. ทิศนา แขมณ.ี การสรา้ งบทเรียนสำเร็จรปู 14 วิธีสอนสำหรับครมู ืออาชพี . โรงพมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั , 2544. ทศิ นา แขมณ.ี ศาสตรก์ ารสอน: องคค์ วามรู้เพอ่ื การจัดกระบวนการเรียนร้ทู ่มี ีประสทิ ธิภาพ .พมิ พ์ คร้ังที่ 2. กรุงเทพมหานคร: สำนกั พมิ พ์จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. 2545. ทักษณิ ชนั วตั ร. คำบรรยายพิเศษ ยุทธศาสตร์การพฒั นาประเทศไทยในกระแสโลกาภิวัตน์. กรุงเทพมหานคร : เอพี กราฟิก ดไี ซด์ และการพมิ พ์. 2545. ทบั ทิม วงศ์ประยรู และคนอื่นๆ . เศรษฐศาสตร์ มหาภาค 1 (แนวทางแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม แหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 9 พ.ศ.2545-2549). พิมพ์ครง้ั ที่ 4. กรุงเทพมหานคร. 2545. ทองคำ สาระวงษ์สุทธ.์ิ “การใช้ชดุ การสอนแบบส่ือประสมในการสอนวชิ า ค 01 เรือ่ ง พหนุ าม สำหรับนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 โรงเรียนสามชุกรตั นโภคาราม จังหวัด สุพรรณบุรี” วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ . สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ แขนง วชิ าหลกั สูตรและการสอน. มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. 2538. ทองพูล บุญอง่ึ . “ผลงานทางวชิ าการประเภทบทเรยี นสำเรจ็ รูป” ข้าราชการคร.ู 12(1) : 10-14 ; ตลุ าคม – พฤศจิกายน, 2542. ทะเบียนและวดั ผล . รายงานผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนกล่มุ สาระการเรียนสังคมศกึ ษา ศาสนาและ วฒั นธรรม ประจำปีการศึกษา 2545 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 .จังหวดั ลำพนู : (อดั สำเนา). 2546.
47 ธรี ะชัย ปูรณโชต.ิ การสรา้ งผลงานทางวิชาการเพอื่ พัฒนาการเรียนการสอน. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2539. นิพนธ์ ศขุ ปรีด.ี เทคโนโลยกี ารศึกษา . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์พฆิ เณศ. 2519. บุญเก้อื ควรหาเวช. นวัตกรรมทางการศึกษา. พิมพค์ ร้งั ท่ี 3. กรงุ เทพมหานคร: เจรญิ วทิ ย์การพิมพ,์ 2530. บุญชม ศรสี ะอาด. การพัฒนาการสอน. กรงุ เทพมหานคร : สุวีรยิ าสาสน์ , 2545. เบญจพล พาลี. “การพัฒนาชดุ การสอนทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร.์ วิชาวทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญา ศึกษาศาสตรม์ หาบัณฑติ สาขาศึกษาศาสตร์ แขนงวิชาเทคโนโลยีและสอ่ื สารการศึกษา มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. 2542. ประจกั ษ์ สแี สด. การวิจยั เรอื่ งการพฒั นาบทเรยี นสำเรจ็ รปู กลมุ่ สาระสังคมศกึ ษาศาสนาและ วัฒนธรรม เร่ือง อริยสจั 4 สำหรบั นักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5. วทิ ยานิพนธ์ คม. อุบลราชธานี : มหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธาน,ี 2549. ประหยดั เนตรหาญ. “การใช้ชดุ การสอนแบบสื่อประสมในการสอนวชิ าคณิตศาสตร์ เร่อื งการแยกตวั ประกอบของพหนุ าม สำหรับนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรยี นคำเขือ่ นแก้วชนูปถัมภ์ จงั หวดั ยโสธร” . วทิ ยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรม์ หาบณั ฑติ สาขาศึกษาศาสตร์ แขนง วิชาหลกั สตู รการสอน. มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. 2541. ปรชี า เนาว์เย็นผล. “การวจิ ัยเชงิ ทดลอง” ในประมวลสาระชดุ วชิ าการวิจัยหลกั สูตรและกระบวนการ เรยี นการสอน หน่วยท่ี 6 . นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช สาขาศึกษาศาสตร์. 2542. ปรัชญา ใจสะอาด. การพัฒนาบทเรียนช่วยสอนสูบ่ ทเรยี นสำเร็จรปู . กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.พ., 2522. ผกา สัตยธรรม. ลกั ษณะของสือ่ การเรียนการสอนท่ีมีคณุ ภาพ. กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.พ. 2542. พระมหาธีระศักด์ิ ธิติกิตฺติ (สุขย่ิง). ศกึ ษาผลสมั ฤทธิ์การเผยแผค่ ณุ ธรรมแก่นกั เรียนระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ของศนู ย์พฒั นาคณุ ธรรมจงั หวดั สุรนิ ทร.์ วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญา พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต. (บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย). 2549. หน้า จ. 2549. ภูมิพรรณ ทวชี าติ. การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและปรชี าเชงิ อารมณ์ ของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษา ปีท่ี 5 ทีเ่ รียนเรื่อง หลกั ธรรมในพทุ ธศาสนาที่ไดร้ บั การสอนแบบไตรสกิ ขากบั การสอนแบบ รว่ มมือดว้ ยเทคนคิ เอส ที เอ ดี (STAD). ออนไลน.์ เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : www.research.rmutt.th/. (15 พฤษภาคม 2562). เมธาวี เศกิ ศริ ิ. การพฒั นาบทเรยี นสำเรจ็ รปู กลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เร่อื ง จงั หวัดของเรา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4. ออนไลน์. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :
48 www.th-th. Facebook.com/pubic. (15 พฤษภาคม 2562). มลู นิธิเซนคาเบียลแหง่ ประเทศไทย . “พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 และทแี่ ก้ไข เพ่มิ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2545”. กรุงเทพมหานคร: 2546. เยาวเรศ พันธโ์ นราช. การพัฒนากจิ กรรมาการเรียนรู้โดยใชบ้ ทเรียนสำเรจ็ รูปประกอบการสอนตาม หลักไตรสิกขา เรื่อง หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา กลมุ่ สาระการเรียนร้สู งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6.ออนไลน.์ เข้าถงึ ไดจ้ าก www.Kalasin3.go.th/view.php. (15 พฤษภาคม 2562). รงุ่ ทิวา นาทศรที า. การพฒั นาแผนการจัดการเรียนรูโ้ ดยใชบ้ ทเรยี นสำเรจ็ รปู วชิ าคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. รายงานการศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัย มหาสารคาม, 2547. ลำภรณ์ พิสถาน .การพัฒนาการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยการใชบ้ ทเรียนสำเรจ็ รูป เรื่อง วนั สำคญั ทาง พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรยี นบ้านโนนมว่ ง อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบวั ลำภูรายงานการศกึ ษาค้นคว้า อสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. 2554. ล้วน สายยศ . ระเบียบวธิ ีทางสถติ ิบางประการเพื่อการวิจยั ใน ประมวลสาระชุดการวจิ ยั หลกั สูตรและ กระบวนการเรียนการสอน . นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช สาขาศึกษาศาสตร.์ 2526. วชิ าการ, กรม. การจดั สาระการเรยี นรู้กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1-6 ตามหลกั สูตรการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2546. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์คุรสุ ภาลาดพรา้ ว. 2546. . การจดั สาระการเรียนรกู้ ลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1-6 ตามหลกั สูตรการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พค์ ุรุสภาลาดพร้าว. 2551. . การจดั สาระการเรยี นรู้พระพุทธศาสนา. กรงุ เทพฯ : กรมวิชาการ, 2545. วนดิ า สาวสิ ิทธ.ิ์ การเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธข์ิ องการเรยี นโดยใช้บทเรยี นการ์ตนู และการเรียนปกติ กลุ่มสรา้ งเสรมิ ประสบการณ์ชีวิต เร่ือง ทรพั ยากรดนิ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5. รายงาน การศกึ ษาค้นคว้าอสิ ระ กศ.ม. มหาสารคาม :มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2545. วราลี ศรสี มบตั ิ. เศรษฐศาสตรเ์ บื้องต้น ตามหลกั สูตรประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.) . กรงุ เทพมหานคร: สำนักพิมพฟ์ ิสกิ สเ์ ซ็นเตอร.์ 2544. วชิ ัย วงษใ์ หญ่ . “วัฒนธรรมการเรียนรใู้ นยคุ โลกาภวิ ตั น์” ใน ประมวลสาระชดุ วิชาบรบิ ททาง การศกึ ษา หนว่ ยที่ 13 . นนทบุร:ี มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมธิราช สาขาศกึ ษาศาสตร.์ วเิ ลศิ สาระภกั ดี. การพัฒนาบทเรยี นสำเรจ็ รูปกล่มุ ทกั ษะคณติ ศาสตร์ เรือ่ ง การคูณและการหาร
49 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3. รายงานการศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลัย มหาสารคาม, 2547. วิทยากร เชยี งกูล . เศรษฐกจิ โลกในกำมอื ทุนข้ามชาติ : จากโรงนาถึงวอชงิ ตนั เศรษฐกิจไทย เศรษฐกจิ โลก . กรุงเทพมหานคร :โรงพิมพ์เดือนตลุ า. 2545. วิรัช เครือทอง. การสรา้ งบทเรียนสำเรจ็ รปู เรื่อง ภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ สำหรบั นักเรียนชั้น มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 . ออนไลน.์ เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : www.dric.nrct.go.th/bookdetail. (15 พฤษภาคม 2562). วิษณุ ทุมมี. การพฒั นาแผนการจดั การเรียนร้แู ละบทเรียนสำเรจ็ รปู เรือ่ ง จงั หวัดมหาสารคาม กล่มุ สาระ การเรียนร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4. ออนไลน์. เข้าถึงไดจ้ าก : www.library.msu.ac.th. (15 พฤษภาคม 2562). วีรยทุ ธ แย้มศรเี กียรติกลุ และคนอ่นื ๆ . หลกั สตู รสถานศกึ ษากลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 . กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม. จงั หวัดลำพนู . 2545. วรี นุช สรารตั นกุล และคนอนื่ ๆ . แผนการจัดการเรียนรูโ้ ดยเนน้ ผ้เู รียนเปน็ สำคญั รายวิชาพื้นฐาน กล่มุ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4-6 สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์ .กรงุ เทพมหานคร: สำนักพมิ พป์ ระสานมิตร. 2547. สุฌารกั ษ์ เมอื งโคตร. การพัฒนาบทเรียนสำเรจ็ รปู เร่อื ง จงั หวดั ของเรา (มกุ ดาหาร) กลุ่มสรา้ งเสรมิ ประสบการณ์ชีวติ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4. รายงานการศึกษาคน้ คว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม :มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2545. สุนยี ์ ผจญศิลป.์ ผลการสอนแบบไตรสกิ ขาท่ีมตี อ่ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น วชิ าสังคมศึกษา และการคิด อย่างมีวิจารณญาณ ของนักเรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 .ออนไลน์. เข้าถึงได้จาก : www.data bopp- obec.info/web/index_kru.php. (15 พฤษภาคม 2562). สริ ิวรรณ ศรพี หล และคนอนื่ ๆ. “การสอนโดยยดึ ผู้เรยี นเป็นศูนย์การ (2) ใน เอกสาร ประกอบการสอนชุดวชิ าวทิ ยาการสอน หน่วยที่ 11 . นนทบรุ :ี .มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์. 2540. สพุ ัตรา ดำรงกิจ. การเปรียบเทียบผสัมฤทธ์ิทางการเรยี นกลมุ่ สร้างเสรมิ ประสบการณช์ วี ิต เรอื่ ง สิง่ แวดลอ้ มทางธรรมชาติ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 โดยใช้บทเรียนสำเรจ็ รูปกบั วิธสี อนตาม คู่มือคร.ู วทิ ยานพิ นธก์ ารศึกษามหาบัณฑิต : สถาบนั ราชภฏั อบุ ลราชธานี, 2546. สมุ นทพิ ย์ บญุ สมบัติ. “เศรษฐศาสรตรก์ ับการประยกุ ต์ใช้ในการเรียนการสอนสงั คมศกึ ษา” ใน ประมวลสาระชดุ วชิ าสารัตถะและวทิ ยวธิ ที างวชิ าสงั คมศกึ ษา หน่วยท่ี 3. นนทบรุ ี: มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร.์ 2536. สนุ ทรี คำเลศิ . การพฒั นาบทเรยี นสำเร็จรปู วชิ าคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6 เรอื่ ง ทศนยิ ม . วทิ ยานพิ นธ์การศึกษามหาบัณฑิต : สถาบันราชภฏั อุบลราชธาน,ี 2546.
Search