Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต

Published by suriyamcdonald3, 2022-06-01 07:47:19

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า ชวี วทิ ยา 1 รหสั วิชา ว30241 ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1/2565 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง การศึกษาชีววทิ ยา แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1 เรอ่ื ง ธรรมชาติของส่ิงมชี ีวิต จำนวน 5 ชว่ั โมง ครูผูส้ อน นายสรุ ยิ า สุขมาเพียร 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชว้ี ดั สาระชีววทิ ยา มาตรฐาน ว 1 เขา้ ใจธรรมชาติของสิ่งมีชวี ิต การศกึ ษาชวี วทิ ยาและวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ สารที่ เปน็ องคป์ ระกอบของสงิ่ มีชวี ติ ปฏกิ ริ ิยาเคมใี นเซลล์ของส่งิ มชี วี ิต กลอ้ งจุลทรรศน์ โครงสรา้ งและหน้าที่ของ เซลล์ การลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดบั เซลล์ ผลการเรยี นรู้ อธิบายและสรปุ สมบัตทิ ี่สำคญั ของสิง่ มีชวี ิต และความสมั พันธ์ของการจดั ระบบในส่ิงมีชีวิตท่ีทำให้ สง่ิ มชี ีวิตดำรงชีวิตอยไู่ ด้ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายสมบตั ิที่สำคัญของสิ่งมชี ีวิตได้ (K) 2. อธบิ ายความสัมพนั ธ์ของการจัดระบบในส่ิงมชี วี ติ ท่ีทำใหส้ ิง่ มีชีวติ ดำรงชีวติ อยไู่ ด้ (K) 3. ทดลองเก่ียวกับการรกั ษาดุลยภาพของร่างกายสง่ิ มีชวี ิตได้ (P) 4. สนใจใฝ่รใู้ นการศึกษา และมีความรบั ผิดชอบ (A) 3. สาระสำคญั สิ่งมีชีวิตมีการสืบพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนและดำรงเผ่าพันธุ์ต้องการสารอาหารและพลังงานเพ่ือ การดำรงชีวิตและการเจรญิ เติบโต สง่ิ มชี วี ติ แตล่ ะชนดิ มอี ายุขยั และขนาดแตกตา่ งกนั และมลี ักษณะจำเพาะ สามารถตอบสนองตอ่ สงิ่ เรา้ ไดม้ ีกลไกในการรกั ษาดุลยภาพภายในของรา่ งกายให้เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต และมีการจดั ระบบตั้งแต่ระดบั เซลล์ไปจนถงึ ระดับกลมุ่ ส่ิงมชี ีวิต การศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตก่อให้เกิดวิชาเฉพาะด้านของสาขาชีววิทยา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการ พัฒนาคุณภาพชีวิตมนุษย์และสิ่งแวดล้อม การศึกษาและการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต้องคำนึงถึง ชวี จรยิ ธรรม

4. เกณฑ์การประเมนิ ดา้ น รายการวดั วิธกี ารประเมนิ เครอื่ งมอื เกณฑ์ การประเมิน การ ประเมิน ความรู้ (K) การประเมินก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อน - ประเมนิ ด้านทกั ษะ - แบบทดสอบก่อนเรียน ก่อนเรียน เรยี น ตามสภาพ กระบวนการ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 จรงิ คิด (P) ประเมนิ ชิน้ งาน / ภาระ - ตรวจบนั ทกึ สรุป ใบ - แบบประเมนิ ชน้ิ งาน/ - ระดับ งาน กจิ กรรมในการทำ ภาระงาน คณุ ภาพ 3 กิจกรรม ผา่ นเกณฑ์ การปฏิบตั กิ าร - ประเมินการ - แบบประเมินการ - ระดบั ปฏบิ ตั ิการ ปฏบิ ัติการ คณุ ภาพ 3 ผา่ นเกณฑ์ การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับ ผลงาน - ประเมินผงั มโนทัศน์ นำเสนอผลงาน คุณภาพ 3 - แบบประเมินผงั มโน ผา่ นเกณฑ์ ทัศน์ ดา้ น พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับ คุณลกั ษณะ รายบคุ คล ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล คณุ ภาพ 3 (A) พฤติกรรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรมการ กลมุ่ ทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั การทำงานกลมุ่ คุณภาพ 3 ผ่านเกณฑ์ คณุ ลักษณะอันพึง - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ - ระดบั ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ ม่นั ในการทำงาน คุณลักษณะอนั พึง คณุ ภาพ 3 ประสงค์ ผ่านเกณฑ์

5. เน้อื หา เราจะทราบได้อย่างไรว่าสิง่ ใดเป็นสิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตควรมีลักษณะเฉพาะอย่างไรบ้าง ในการ ตอบคำาถามนี้ แตล่ ะคนอาจตอบได้แตกต่างกัน บางคนอาจตอบว่าส่ิงมีชวี ติ คือ ส่ิงทเี่ คลื่อนไหวได้ หายใจ ได้ สืบพันธุ์ได้ เจริญเติบโตได้ ฯลฯ ซึ่งคำตอบเหล่านี้เป็นลักษณะเฉพาะ (characteristic) ของสิ่งมีชีวิต น่ันเอง สิ่งต่าง ๆ ที่พบเห็นโดยทั่วไป อาจจะสามารถแยกได้ว่า ส่ิงใดเป็นสิง่ มีชีวิต ซากของสิ่งมชี ีวิต หรือ สิ่งไม่มีชวี ิต แต่ก็อาจมีสิ่งมีชีวิตบางชนิด เช่น ฟองน้ำ กัลปังหา ปะการัง ไดอะตอม ไลเคน เป็นต้น ที่อาจ บอกไดย้ ากวา่ เป็นส่ิงมีชีวติ หรือไม่ มีกระบวนการเมแทบอลิซึม (metabolic process) สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะมีกระบวนการ เปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับเมแทบอลิซึม (metabolism) ได้แก่ การได้รับสารอาหารหรือความ ต้องการอาหาร กระบวนการเปลย่ี นสารอาหารเพือ่ ให้ได้พลังงาน และการกำจดั ของเสียออกจากร่างกาย มกี ระบวนการสืบพนั ธุแ์ ละการเจริญเติบโต (generative process) การสืบพนั ธุ์ (reproduction) เป็นลักษณะสำคัญของสิ่งมีชีวิต การสืบพันธุ์เป็นกระบวนการเพิ่มจำนวนสิ่งมีชีวิตของ สปีชีส์ (species) เดียวกันเพื่อดำรงรักษาเผ่าพันธุ์ไว้ สิ่งมีชีวิตสปีชีส์เดียวกันสามารถสืบพันธุ์และให้ ลูกหลานได้ และมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งผ่าน สารพันธุกรรม (genetic material) มีกระบวนการการตอบสนองต่อสิ่งเร้า (responsive process) สิ่งมชี ีวิตมกี ารตอบสนองต่อสิ่งเร้า ในธรรมชาติ โดยพบพืชหลายชนดิ ท่เี ลือ้ ยพันหลัก เชน่ บวบ นำ้ เต้า ฟัก ถ่วั ฝกั ยาว ตำลึง เป็นต้น พชื เหล่านี้ อาศัยลำต้นพนั ไปรอบ ๆ หลัก และมีมือเกาะ (tendril) พันรอบกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อพยุงลำต้นข้ึนท่ีสงู ให้ ใบรับแสง ตน้ ไม้บางชนิด เช่น ทานตะวนั จะหนั ดอกเข้าหาแสงอาทิตย์ มีกระบวนการควบคมุ (regulating process) สมดลุ ของร่างกาย ส่ิงมีชีวิตตอ้ งมกี ารควบคุมสมดุล หรือการรักษาดุลยภาพ (homeostasis) ของร่างกายเพื่อให้ระบบต่าง ๆ ทำางานได้เป็นปกติ จากการนำ สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น อะมีบา พารามีเซียม มาใส่ในสารละลายที่ความเข้มข้นตำ่ กว่าสารละลายภายใน เซลล์ พบว่าโครงสร้างภายในเซลล์ที่เรียกว่า คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล (contractile vacuole) มีการ เปลี่ยนแปลงทั้งขนาดและรูปร่าง เนื่องจากสารละลายในสภาพแวดล้อมภายนอกเซลล์มคี วามเข้มข้นนอ้ ย กว่าสารละลายภายในเซลล์จงึ เกิดการออสโมซสิ ของน้ำจากภายนอกเข้าสภู่ ายในเซลล์ตลอดเวลา มีการจัดระบบ (organization) สิ่งมีชีวิตแม้จะประกอบด้วยเซลล์เดียวก็มีการจัดระบบหน้าที่ใน การทำงานของโครงสร้างต่าง ๆ ภายในเซลล์ เช่น คลอโรพลาสต์ทำหน้าที่สร้างอาหารให้แก่เซลล์ ไมโทคอนเดรยี เปน็ แหล่งให้พลงั งาน แวควิ โอลควบคุมสมดุลของน้ำหรอื เปน็ ที่เก็บผลึกของสาร นิวเคลียส ทำาหน้าทีค่ วบคมุ การทำกิจกรรมต่าง ๆ ของเซลล์ เป็นต้น ชวี วทิ ยา (biology) เป็นวชิ าที่ศึกษาเกี่ยวกับสงิ่ มีชีวติ ซ่งึ ประกอบดว้ ยส่วนทเ่ี ปน็ ความรู้และส่วนที่ เปน็ กระบวนการคน้ หาความรู้ ชวี วิทยามาจากคำาวา่ ชวี ะ (bios ภาษากรีก แปลวา่ ชีวิต) และวิทยา (logos

ภาษากรีก แปลว่าความคดิ และเหตุผล) เนื่องจากส่ิงมีชีวติ มีอยูเ่ ปน็ จำนวนมาก และมีความหลากหลายทง้ั ชนิดและจำนวน มีการกระจายตัวอยู่ตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ชีววิทยาจึงแยกออกเป็นสาขาวิชาย่อยได้หลาย แขนง เช่น สัตววิทยา (zoology) พฤกษศาสตร์ (botany) จุลชีววิทยา (microbiology) ซึ่งในแตล่ ะแขนง อาจแยกรายละเอียดออกไปตามกล่มุ ยอ่ ยของสิง่ มชี วี ติ อีก เชน่ สัตววิทยา แยกเปน็ กีฏวิทยา (entomology) ปรสิตวทิ ยา (parasitology) เป็นตน้ ชีวจรยิ ธรรม (bioethics) ประกอบด้วยคำทีม่ าจากภาษากรีก 2 คำาคอื bios หมายถึง ชีวติ (life) และ ethicos หมายถึง ดี (good) หรือ เลว (bad) ถูก (right) หรือ ผิด (wrong) ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ชีวจริยธรรมเกี่ยวข้องกับคุณค่าของชีวิตหรือการมีชีวิตนัน่ เอง และเป็นส่วนประกอบหนึ่งของจริยธรรมที่ เกี่ยวข้องกับการศึกษาทางด้านชีววทิ ยา ในปัจจุบันมนุษย์เป็นผู้คิดค้นสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาก็เพื่อสนองตอบต่อ ปัจจัยต่าง ๆ ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ในทุก ๆ ด้าน เช่น ด้านการแพทย์ อุตสาหกรรม เกษตรกรรม พาณชิ ยกรรม สถาปัตยกรรม วศิ วกรรม ฯลฯ เป็นต้น 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำ ข้นั ท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) 1. ครแู จง้ ผลการเรียนรู้ ใหน้ กั เรียนทราบ 2. ให้นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพอ่ื วัดความร้เู ดิมของนกั เรยี นกอ่ นเข้าสกู่ จิ กรรม 3. ครใู ห้นักเรียนสังเกตภาพสงิ่ มีชวี ิตและสิ่งไม่มีชีวติ ดงั ภาพ ตน้ ไม้ หนิ แมว ดนิ น้ำ ปลา แบคทเี รยี กังหันลม 4. ครตู ้งั คำถามกระตุ้นความสนใจ โดยใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั ระดมความคิดในการตอบคำถาม 4.1 ภาพใดบา้ งเป็นสิง่ มีชวี ิต (แนวตอบ ต้นไม้ แมว ปลา และแบคทีเรีย)

4.2 นักเรยี นทราบได้อย่างไรว่าสงิ่ ใดเปน็ สิง่ มีชวี ติ (แนวตอบ นักเรียนอาจตอบวา่ พิจารณาจากเกณฑ์ท่ีใช้จำแนกส่งิ ต่าง ๆ ว่าเปน็ ส่งิ มีชีวิต เชน่ มีการสบื พนั ธ์ุ ต้องการสารอาหารและพลงั งาน มีการเจริญเติบโต มีอายุขัย และมีขนาด จำกัด มีการตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้า มีการรักษาดุลยภาพของร่างกาย มีการจัดระบบ) 5. ครกู ลา่ ววา่ นักเรยี นจะไดเ้ รยี นรูเ้ ก่ยี วกับ ธรรมชาติของสงิ่ มีชวี ิต ขน้ั สอน ขนั้ ท่ี 2 สำรวจและคน้ หา (exploration) เรื่องท่ี 1 ส่ิงมชี วี ติ คืออะไร 1. ครถู ามนักเรยี นวา่ สิ่งมีชวี ติ คอื อะไร (สิ่งมีชีวิตมีลักษณะเฉพาะ (characteristic) หลายอย่างที่ช่วยทำให้เราสามารถจำแนก ส่ิงมีชีวิตออกจากสิ่งไมม่ ชี วี ิตได้) 2. ครูให้นักเรียนศึกษาลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวกับ กระบวนการเมแทบอลิซึม (metabolic process) โดยใชค้ ำถาม ดงั น้ี 2.1 พลังงานมคี วามสำคญั ต่อสิง่ มีชวี ิตหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ พลังงานมีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต โดยพลังงานจะนำไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ เพอ่ื การดำรงชวี ิต) 2.2 นักเรยี นทราบหรอื ไม่ อะไรเปน็ แหลง่ พลงั งานหลกั ของสิ่งมชี ีวติ บนโลก (แนวตอบ ดวงอาทิตย์) 2.3 ถ้าพดู ถงึ ดวงอาทิตย์ นกั เรียนคิดว่ามกี ระบวนการใดของส่ิงมีชีวิตทเ่ี ก่ยี วของบ้าง (แนวตอบ กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง) 3. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม 1.1 เรื่อง การงอกใหม่ เพื่อศึกษาลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวิตที่ เกย่ี วกบั กระบวนการสบื พันธแุ์ ละเจริญเตบิ โต (generative process) 4. ครใู ห้นักเรียนดูวดี ทิ ศั นเ์ กี่ยวกบั การสืบพนั ธุ์ของไฮดราและพลานาเรีย และใชค้ ำถาม ดังน้ี 4.1 จากวดี ิทศั น์ นักเรียนคดิ วา่ เป็นการสบื พนั ธ์ุของสิ่งมชี ีวติ หรือไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ เป็นการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต เพราะเป็นกระบวนการเพิ่มจำนวนสิ่งมีชีวิต สปีชสี เ์ ดยี วกัน) 5. ครตู ั้งคำถามให้นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายในประเด็นดงั นี้ 5.1 นักเรยี นคดิ วา่ สิง่ มีชีวิตมขี นาดจำกัดหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ สงิ่ มีชวี ติ แตล่ ะชนดิ เมื่อเจรญิ เติบโตเตม็ ทแี่ ลว้ ขนาด ความยาวหรือความสูงจะ ไมเ่ พ่ิมขนึ้ อีก)

5.2 นักเรยี นคดิ ว่าพืชมขี นาดจำกัดเหมอื นสัตวห์ รือไม่ อย่างไร (แนวตอบ มี เนื่องจากพืชก็มีขนาดสูงสุดโดยไม่ใช่การเจริญเติบโตไปเรื่อย ๆ จนหมด อายุขัย โดยแบง่ ได้ 3 ประเภท คอื ตน้ ไม้ ไม้พมุ่ และไมล้ ้มลุก) 6. ใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 4 คน และใหต้ ัวแทนกลุ่มออกมารับใบกจิ กรรมและอปุ กรณ์ กจิ กรรม และใหน้ กั เรยี นศกึ ษาใบกจิ กรรม จนนักเรยี นเข้าใจอยา่ งชัดเจน 7. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม 1.2 เรื่อง การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของไส้เดือนดิน เพื่อศึกษา ลกั ษณะเฉพาะของสงิ่ มชี วี ติ ท่ีเกย่ี วกับกระบวนการการตอบสนองสิ่งเร้า (responsive process) 8. ครูให้นักเรยี นศึกษาลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวกับ กระบวนการควบคุม (regulating process) 9. ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษาลกั ษณะเฉพาะของสิง่ มชี วี ิตทเี่ กี่ยวกบั การจัดระบบ (organization) โดยใช้ รูป 1.4 ในหนังสือเรียนชีววทิ ยา หน้า 15 โดยเริ่มตั้งแต่ในระดับเซลล์เนื้อเยื่อ อวัยวะ ระบบอวัยวะ และ รา่ งกายสิง่ มีชวี ิต เรอื่ งที่ 2 ชีววทิ ยาคอื อะไร 1. ครถู ามนักเรียนว่า ชีววิทยาคอื อะไร (แนวตอบ ชวี วิทยาเปน็ วิชาทศี่ กึ ษาเกี่ยวกับส่งิ มชี วี ติ ) 2. ครถู ามนักเรียนวา่ วชิ าชวี วทิ ยามแี ขนงวชิ ายอ่ ยที่เก่ยี วขอ้ งอะไรบ้าง (แนวตอบ รูป 1.5 ในหนังสอื เรียนชีววทิ ยา หนา้ 16) 3. ครูถามนักเรียนว่า การนำความรู้ทางด้านชีววิทยาไปเชื่อมโยงกับศาสตร์ในวิชาอื่น ๆ จะได้ ความรูใ้ หม่ ๆ ทางดา้ นใดบ้าง อธบิ ายและยกตวั อยา่ งประกอบ (แนวตอบ ชีวสารสนเทศศาสตร์หรือชีววิทยาเชิงคำนวณ วิศวกรรมการแพทย์ และ วิทยาศาสตร์การกฬี า เป็นต้น) 4. ครถู ามนักเรียนวา่ ชีววทิ ยาสำคัญต่อมนษุ ยแ์ ละสง่ิ แวดลอ้ มอย่างไร (แนวตอบ มนุษยอ์ าศัยปจั จยั สี่เพ่อื การดำรงชวี ิต ไม่วา่ จะเปน็ อาหาร ท่อี ย่อู าศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคซึง่ ปจั จัยสเ่ี หล่านลี้ ้วนมคี วามเกย่ี วขอ้ งกับชวี วทิ ยาท้งั สน้ิ ) เรื่องท่ี 3 ชีวจริยธรรม 1. ครกู ลา่ ววา่ ชวี วทิ ยาสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวัน และการนำความรูท้ างชีววิทยา ไปใชย้ อ่ มสง่ ผลกระทบตอ่ สิ่งมีชีวิตและสง่ิ แวดล้อม จงึ ตอ้ งคำนึงถงึ ชีวจรยิ ธรรม 2. ครถู ามนักเรยี นว่า ชีวจรยิ ธรรมคืออะไร (แนวตอบ ชีวจริยธรรมเกี่ยวข้องกับคุณค่าของชีวิตหรือการมีชีวิตนั่นเอง และเป็น ส่วนประกอบหนง่ึ ของจรยิ ธรรมท่เี กี่ยวขอ้ งกับการศกึ ษาทางด้านชีววทิ ยา)

3. ครใู ห้นกั เรยี นทำกจิ กรรม 1.3 เร่อื ง กรณีศึกษาทีเ่ กย่ี วกับชีวจริยธรรม ขนั้ สรปุ ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) เรื่องที่ 1 ส่งิ มชี วี ติ คืออะไร 1. ครสู มุ่ เลอื กนกั เรยี นตอบคำถามท้ายกจิ กรรม 1.1 เรอ่ื ง การงอกใหม่ ดังน้ี 1.1 การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตในภาพ ก. ข. และ ค. มีลักษณะที่เหมือนหรือแตกต่างกนั อย่างไร (แนวตอบ ลักษณะที่เหมือนกันคือ ดาวทะเล (ภาพ ก. และ ข.) และจิ้งจก (ภาพ ค.) สามารถงอกส่วน ของร่างกายที่ขาดไปให้ครบสมบูรณ์ได้ สิ่งที่แตกต่างกันคือ ดาวทะเล ภาพ ก. ที่ตัดคร่ึง ลำตัว สามารถงอกเป็นตัวใหม่ได้ 2 ตัว เนอ่ื งจากมกี ารตดั ผ่านระบบประสาทที่ควบคุมการเจรญิ เติบโต ซึ่ง พบไดใ้ นดาวทะเลบางชนิด เช่น สกลุ Linckia ส่วนดาวทะเล ภาพ ข. ที่ตัด เฉพาะสว่ นแฉก (arm) จะงอก เฉพาะสว่ นแฉกน้ันข้ึนมาใหม่ และจิ้งจกทถ่ี กู ตดั หางจะงอกเฉพาะส่วนหางทีข่ าดหายไป) 1.2 การงอกใหม่ของสัตวภ์ าพใดถือว่าเปน็ การสืบพนั ธ์ุ เพราะเหตุใด (แนวตอบ ภาพ ก.) 2. ครูส่มุ เลอื กนกั เรยี นตอบคำถามท้ายกิจกรรม 1.2 เรอ่ื ง การตอบสนองตอ่ สิง่ เร้าของไสเ้ ดือนดิน 2.1 สง่ิ มีชวี ิตทน่ี ักเรียนศกึ ษาตอบสนองตอ่ ส่งิ เร้าได้หรอื ไม่ อย่างไร (แนวตอบ ขึ้นอยู่กับการกำหนดชนิดของสิ่งเร้าและการเลือกชนิดของพืชหรือสัตว์ที่ จะศกึ ษาของนกั เรียนแตล่ ะกลุ่ม) 3. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ บทเรียน เร่ือง สิ่งมีชีวติ คืออะไร เรื่องที่ 2 ชวี วิทยาคืออะไร 1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปบทเรยี น เรอ่ื ง ชวี วทิ ยาคืออะไร เรือ่ งท่ี 3 ชีวจรยิ ธรรม 1. ครสู ุม่ เลือกนักเรียนตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม 1.3 เรอ่ื ง กรณศี ึกษาทีเ่ กี่ยวกับชวี จรยิ ธรรม ดงั น้ี 1.1 การซ้อื ขายอวยั วะของมนุษยก์ ารขโมยอวยั วะของมนุษย์เพอื่ ประโยชน์ทางดา้ นการแพทย์ ในการรกั ษาคนไขผ้ ิดหลักชวี จริยธรรมหรอื ไม่ อย่างไร (แนวตอบ การซื้อขายอวัยวะของมนุษย์การขโมยอวัยวะของมนุษย์ถือว่าผิดหลัก ชีวจริยธรรม ไม่ว่าจะทำเพื่อประโยชน์ทางด้านการแพทยใ์ นการรักษาคนไข้หรือเพื่อวัตถปุ ระสงค์อืน่ ๆ ก็ ตามเปน็ ส่งิ ทไ่ี ม่ควรทำอยา่ งยิ่ง)

1.2 การอุม้ บุญในกรณขี องผู้ทีต่ ้องการมบี ตุ รแต่ไมส่ ามารถมบี ตุ รดว้ ยตนเองได้ผิดหลัก ชีวจริยธรรมหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ การอุ้มบญุ ในกรณีของผู้ทีต่ ้องการมีบุตรแตไ่ ม่สามารถมีบตุ รด้วยตนเองได้หาก กระทำโดยถูกตอ้ งตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กทีเ่ กิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญ พันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 กส็ ามารถทำได้) 1.3 กรณีของผู้ที่เป็นโรคเอดส์หรือติดเชือ้ HIV ที่มีพฤติกรรมในการกอ่ เหตดุ ้วยความตั้งใจใน การเผยแพร่เชื้อ HIV ไปสู่ผู้อื่น โดยการใช้เข็มฉีดยาที่ติดเชื้อไปจิ้มแทงผู้อื่น ผิดหลักชีวจริยธรรมหรือไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ กรณีของผู้ท่ีเป็นโรคเอดส์หรือติดเช้ือ HIVใช้เข็มฉีดยาที่ติดเชื้อไปจิ้มแทงผู้อ่ืน เพอื่ ต้องการให้ผอู้ น่ื ติดเช้ือ HIV ไปดว้ ยนัน้ การกระทำ ดงั กลา่ วถอื ว่าผิดหลกั ชีวจรยิ ธรรม) 2. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ บทเรยี น เร่ือง ชวี จรยิ ธรรม ขัน้ ที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ครูถามนกั เรียนวา่ เชอ้ื ไวรัสโควดิ -19 เป็นสิ่งมีชวี ติ หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (แนวตอบ ไม่ เพราะไวรสั ไมส่ ามารถเติบโตหรอื แพร่พันธนุ์ อกเซลล์อน่ื ได้ เพราะตัวไวรัสนั้นมี โครงสร้างแบบงา่ ย ๆ ประกอบด้วยสารพันธุกรรมเพียงแค่หน่ึงชนิด อาจเป็น DNA หรือ RNA ก็ได้ ห่อหุ้ม ดว้ ยเปลือกโปรตีนที่ เรยี กว่า แคปซิด ไม่มีเมแทบอลซิ มึ ท่ีเป็นกระบวนการทางเคมที ่ีทำให้ร่างกายสิ่งมีชีวิต ทำงานได้ปกติ อีกทั้งยงั ไม่มีโครงสร้างย่อยขนาดเลก็ ท่ีมีหน้าที่เฉพาะที่เรียกว่าออรแ์ กเนลล์เปน็ ของตวั เอง จึงจำเป็นตอ้ งอาศัยการทำงานจากเซลลโ์ ฮสตห์ รอื เซลลเ์ จา้ บา้ นทไี่ วรัสเขา้ ไปฝงั ตวั ) ขน้ั ที่ 5 ประเมิน (evaluation) 1. แบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง ธรรมชาตขิ องสิ่งมชี ีวติ 2. กจิ กรรม 1.2 เร่ือง การตอบสนองต่อส่ิงเร้าของไส้เดือนดิน 7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี นรายวิชาเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ชีววิทยา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เล่ม 1 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ของสถาบันส่งเสริมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ 2. สื่อนำเสนอ Power point เรือ่ ง ธรรมชาตขิ องสิง่ มชี วี ติ 3. ไส้เดอื นดิน

8. ประเมินการเรียนรู้ ครปู ระเมินผลการเรียนรู้ของนักเรยี น ดังนี้ 1. ประเมินความรู้ เรอ่ื ง ธรรมชาตขิ องส่งิ มีชวี ติ ด้วยแบบทดสอบเลือกตอบ 3. ประเมนิ การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมรวบรวมขอ้ มูล 4. ประเมนิ ความสามารถในการสืบคน้ 5. ประเมนิ ทักษะการทำงานกลมุ่ และความใฝเ่ รียนรู้ดว้ ยแบบประเมินกระบวนการกลมุ่ การดำเนนิ การทดลอง และความใฝเ่ รียนรู้

บนั ทึกหลงั การจัดการเรยี นรู้ รายวิชา..................................................................ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี …../......... ภาคเรียนที่ ……….../………. แผนการจดั การเรียนรู้ที่.......เรอื่ ง............................................................................................เวลา.......ชั่วโมง 1. จำนวนนกั เรยี นทใ่ี ชส้ อน ระดับช้นั จำนวนนักเรียน(คน) มัธยมศกึ ษาปที ี.่ ......../......... 2. ผลการจัดการเรยี นรู้ ด้านความร(ู้ K) 1. .............………………………………………………………………………………………………………………………… 2. .............………………………………………………………………………………………………………………………… ผา่ นเกณฑ.์ .............. คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.......... % ดา้ นคณุ ลักษณะ(P) ผ่านเกณฑร์ ะดบั ......................................................................... 1. ……………………………………………………………………………………………………………………….…………… 2. ……………………………………………………………………………………………………………………….…………… ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ด.ี .........คน ผา่ นเกณฑร์ ะดบั พอใช้...........คน ไมผ่ ่านเกณฑ์...........คน ดา้ นทักษะ(A) 1. ……………………………………………………………………………………………………………….………………… 2. ………………………………………………………………………………………………………………..……………….. ผ่านเกณฑ์ระดบั ด.ี .........คน ผ่านเกณฑร์ ะดับพอใช้...........คน ไม่ผา่ นเกณฑ.์ ..........คน 4. ปัญหาและอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 5. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงชือ่ .......................................................... ลงช่อื .......................................................... (นายสรุ ยิ า สุขมาเพยี ร) (นางสาวดวงพร เขียวพระอนิ ทร)์ ครปู ระจำวิชา (ครพู ่ีเล้ียง) นักศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี ครู

ใบกิจกรรม 1.2 เรอื่ ง การตอบสนองต่อสิ่งเรา้ ของไส้เดือนดนิ ชื่อ................................................................ชั้น...................เลขท.่ี .......... ช่อื ................................................................ชั้น...................เลขท.ี่ .......... ชอ่ื ................................................................ชั้น...................เลขที่........... ช่ือ................................................................ชน้ั ...................เลขท.่ี .......... คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มปฏิบตั ดิ ังน้ี 2. ตอบคำถามกอ่ นทำกจิ กรรม 1. อ่านวธิ ที ำกิจกรรมการทดลองใหเ้ ข้าใจ 4. ตอบคำถามหลงั ทำกิจกรรม 3. ทำกิจกรรมและบันทกึ ผล วัสดอุ ุปกรณ์ 1 ตัว 1. ไส้เดอื นดิน 20 mL 2. นำ้ ส้มสายชู 20 mL 3. แอมโมเนีย 50 mL 4. น้ำ 1 อัน 5. ไฟฉาย 2 อัน 6. ก้านสำลี 1 ม้วน 7. กระดาษเย่ือ 1 ใบ 8. กลอ่ งพลาสติก วิธที ำ 1. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม 7 กลุ่ม 2. วางกระดาษเย่ือลงในกลอ่ งพลาสตกิ พรมนำ้ ใหช้ ื้นและวางไส้เดือนดินลงไป 1 ตัว 3. สังเกตลกั ษณะของไสเ้ ดือนดนิ ระบุส่วนหวั และส่วนทา้ ย โดยสังเกตได้จากการเคลอื่ นที่ ส่วนท่ีเคล่ือนท่ี นำคอื สว่ นหวั และสว่ นทเี่ คล่ือนทต่ี ามคือสว่ นท้าย 4. ทดสอบการตอบสนองของสารเคมขี องไสเ้ ดือนดินโดยการใช้สำลีพันก้าน ชุบแอมโมเนียจ่อใกล้ ๆ ส่วน หวั ของไส้เดือนดนิ ระวังอย่าใหแ้ อมโมเนียถูกไส้เดือนดิน สังเกตผลที่เกิดขนึ้ จากนั้นให้นำสำลีพันก้าน ชุบแอมโมเนยี ไปจอ่ ใกล้ ๆ บริเวณส่วนกลางและส่วนทา้ ย และสังเกตผลทเี่ กดิ ข้ึน 5. ทดสอบเหมอื นข้อ 3 แต่เปลีย่ นจากแอมโมเนยี เป็นนำ้ ส้มสายชู 6. ทดสอบการตอบสนองต่อแสงของไส้เดือนดินโดยใช้ไฟฉายส่องไปบริเวณส่วนหัว ส่วนกลาง และ ส่วนท้ายของไส้เดือนดิน สังเกตผลที่เกิดข้นึ 7. สงั เกตการณ์เปลยี่ นแปลงและบนั ทกึ การทดลอง

คำถามก่อนทำกิจกรรม 1. นักเรียนคดิ วา่ ไสเ้ ดอื นดนิ จะมีการตอบสนองตอ่ แอมโมเนีย นำ้ สม้ สายชู และแสงไฟอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. บันทึกผลการทำกิจกรรม พฤตกิ รรมของไส้เดอื นดิน การตอบสนอง ส่งิ เร้า แอมโมเนีย น้ำสม้ สายชู แสงไฟ คำถามทา้ ยกิจกรรม 1. จากผลการทดลองนักเรยี นคิดวา่ สิง่ ทกี่ ระตุ้นใหไ้ ส้เดือนดินแสดงพฤติกรรมออกมาเรียกวา่ อะไร ................................................................................................................................................................... 2. นักเรียนคดิ ว่าพฤตกิ รรมของไส้เดอื นดินท่ีแสดงออกมาเรียกว่าอะไร ................................................................................................................................................................... สรุปผลการทำกิจกรรม ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................

กิจกรรม 1.2 เร่อื ง การตอบสนองต่อส่ิงเรา้ ของไสเ้ ดือนดนิ เฉลย ชอ่ื ................................................................ช้นั ...................เลขท่ี........... ชอ่ื ................................................................ชน้ั ...................เลขที่........... ชื่อ................................................................ชั้น...................เลขที่........... ช่ือ................................................................ชั้น...................เลขท.่ี .......... คำชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มปฏบิ ัติดังน้ี 2. ตอบคำถามกอ่ นทำกิจกรรม 1. อ่านวธิ ีทำกจิ กรรมการทดลองใหเ้ ข้าใจ 4. ตอบคำถามหลังทำกจิ กรรม 3. ทำกิจกรรมและบันทกึ ผล วสั ดอุ ุปกรณ์ 1 ตัว 1. ไสเ้ ดอื นดิน 20 mL 2. นำ้ สม้ สายชู 20 mL 3. แอมโมเนีย 50 mL 4. น้ำ 1 อัน 5. ไฟฉาย 2 อัน 6. กา้ นสำลี 1 ม้วน 7. กระดาษเยอื่ 1 ใบ 8. กลอ่ งพลาสติก วธิ ที ำ 1. ใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 4 คน 2. วางกระดาษเยื่อลงในกล่องพลาสตกิ พรมน้ำใหช้ ้ืนและวางไสเ้ ดือนดินลงไป 1 ตัว 3. สังเกตลกั ษณะของไส้เดือนดนิ ระบุสว่ นหัว และสว่ นท้าย โดยสังเกตได้จากการเคลอ่ื นท่ี ส่วนท่ี เคล่อื นท่ีนำคือสว่ นหวั และส่วนทเี่ คล่อื นท่ีตามคือส่วนท้าย 4. ทดสอบการตอบสนองของสารเคมีของไส้เดือนดินโดยการใช้สำลีพันก้าน ชุบแอมโมเนียจ่อ ใกล้ ๆ ส่วนหวั ของไส้เดอื นดิน ระวงั อยา่ ให้แอมโมเนยี ถูกไสเ้ ดือนดิน สังเกตผลที่เกดิ ข้ึนจากนัน้ ให้นำสำลีพัน กา้ นชุบแอมโมเนียไปจอ่ ใกล้ ๆ บริเวณส่วนกลางและสว่ นท้าย และสงั เกตผลทเี่ กดิ ขน้ึ 5. ทดสอบเหมือนขอ้ 3 แตเ่ ปลยี่ นจากแอมโมเนียเป็นน้ำสม้ สายชู 6. ทดสอบการตอบสนองตอ่ แสงของไส้เดือนดินโดยใช้ไฟฉายสอ่ งไปบรเิ วณสว่ นหัว สว่ นกลาง และ ส่วนท้ายของไส้เดอื นดนิ สังเกตผลทเี่ กดิ ขน้ึ

7. สงั เกตการณเ์ ปลีย่ นแปลงและบนั ทึกการทดลอง คำถามก่อนทำกจิ กรรม 1. นกั เรยี นคดิ ว่าไสเ้ ดือนดินจะมีการตอบสนองต่อแอมโมเนีย นำ้ สม้ สายชู และแสงไฟอย่างไร (มกี ารเคลอื่ นที่เพอื่ หลีกหนีสิ่งเร้า) บนั ทึกผลการทำกจิ กรรม พฤติกรรมของไสเ้ ดอื นดิน การตอบสนอง ไสเ้ ดือนดินเคลอื่ นท่อี อกจากแอมโมเนยี สิ่งเรา้ ไส้เดอื นดินเคล่ือนทอี่ อกจากน้ำส้มสายชู แอมโมเนีย น้ำส้มสายชู ไสเ้ ดือนดนิ เคลอ่ื นท่อี อกจากแสงไฟ แสงไฟ คำถามท้ายกิจกรรม 1. จากผลการทดลองนกั เรียนคิดว่าสิง่ ที่กระต้นุ ให้ไสเ้ ดอื นดินแสดงพฤตกิ รรมออกมาเรียกวา่ อะไร (สิง่ เร้า) 2. นกั เรยี นคดิ ว่าพฤติกรรมของไส้เดอื นดินท่แี สดงออกมาเรียกวา่ อะไร (การตอบสนองต่อสง่ิ เร้า) สรุปผลการทำกจิ กรรม (ไส้เดือนดินสามารถแสดงพฤติกรรมบางอยา่ งเพอ่ื ตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ ภายนอก ซึ่งไดแ้ ก่ อณุ หภมู ิ แสง สารเคมี เพอื่ หลบหนภี ยั จากศัตรู และไส้เดือนดินจะมกี ารตอบสนองต่อส่งิ แวดล้อม มีการปรับตวั ให้ เหมาะสมกบั สภาพแวดล้อมเพื่อการหาอาหาร และการอยรู่ อด ซงึ่ การตอบสนองต่อส่ิงเร้าของไส้เดอื นดิน เปน็ สมบตั ิอยา่ งหนึง่ ของส่งิ มชี ีวิต)

แบบประเมินกระบวนการกลุ่ม การดาเนนิ การทดลอง และความใฝเ่ รยี นรู้ 1. ให้พิจารณาความสอดคล้องระหว่างกระบวนการกลุ่ม การดาเนินการทดลอง และความใฝ่ เรยี นรูก้ บั รายการประเมนิ โดยใช้เกณฑ์ดงั น้ี 1 = ปรบั ปรุง 2 = พอใช้ 3 = ปานกลาง 4 = ดี 5 = ดีมาก 2. ให้เขียนวงกลมล้อมรอบผลการประเมนิ พฤติกรรม รายการพฤติกรรมนกั เรียน ผลการประเมนิ ท่สี งั เกต 1 กระบวนการกลุ่ม • การวางแผนออกแบบการทดลอง/การวางแผนรวบรวม 1 2 3 4 5 ข้อมูล • หวั หนา้ มภี าวะผ้นู า 12345 • สมาชิกกลุม่ ร่วมมอื ในการทางาน 12345 2 การดาเนินการทดลอง/รวบรวมขอ้ มลู 1 2 3 45 • ทาการทดลองตามข้นั ตอนท่ีกาหนด • ปรับปรุงแกไ้ ขเป็นระยะ ๆ 12345 • มกี ารบนั ทึกผลเปน็ ระยะ ๆ 12345 • ส่ือความหมายข้อมูลเข้าใจและชัดเจน 12345 3 การใชเ้ ทคนคิ ในการทดลอง 1 2 3 45 • ติดตง้ั อุปกรณ์ เคร่อื งมอื ไดถ้ กู ต้อง • ใช้วัสดุ อปุ กรณ์ เครื่องมอื ต่าง ๆ ได้อยา่ งถูกต้อง 12345 • ใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ ได้อย่างชานาญและ 1 2 3 4 5 คลอ่ งแคล่ว • ใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ ได้อย่างระมัดระวัง ไม่ 1 2 3 4 5 ก่อใหเ้ กดิ อนั ตราย • มีการแก้ไขอุปกรณ์ที่ชารุด หรือเลือกใช้อุปกรณ์ทดแทน 1 2 3 4 5 อุปกรณ์ทีช่ ารดุ

พฤตกิ รรม รายการพฤติกรรมนกั เรยี น ผลการประเมนิ ที่สงั เกต • ทาความสะอาด และเก็บอปุ กรณ์ และเคร่ืองมืออย่างถูกวิธี 1 2 3 4 5 หลงั ทาการทดลอง 4 การสรุปผลกิจกรรม การสรุปผลการทดลอง 12345 • สามารถแปลความหมายขอ้ มูลได้ • สามารถสรุปผลการทดลองได้ถกู ตอ้ งตามข้อมูลทไ่ี ด้ 12345 5 ความใฝ่เรยี นรู้ 1 2 3 45 • มีนสิ ัยรักการอา่ น • มีการต้ังใจศึกษาเลา่ เรียนรู้ 12345 • มกี ารแสวงหาความรู้ท่หี ลากหลายด้วยตนเองทาให้รูล้ กึ ซึ้ง 1 2 3 4 5 • มเี จตคตทิ /่ี การสืบคน้ และสบื สอบ 12345

แบบประเมนิ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมรวบรวมข้อมลู ตัวชว้ี ัด ระดับคะแนน 1.ทากจิ กรรมตาม แผนท่กี าหนด 4 32 1 2.การทากิจกรรม ทากิจกรรมตาม ทากจิ กรรมตาม ทากจิ กรรมตาม ทากจิ กรรมไม่ 3.การจดั กระทา วิธกี ารและขน้ั ตอน วธิ กี ารและ วธิ กี ารและ ถูกต้องตามวธิ ีการ ข้อมูล ที่กาหนดไวอ้ ย่าง ขัน้ ตอนท่กี าหนด ขัน้ ตอนที่กาหนด และข้ันตอนท่ี 4.การสรุปผล ถกู ต้องด้วยตนเอง ด้วยตงเองมกี าร ไวโ้ ดยครหู รอื ผู้อื่น กาหนดไมม่ กี าร มกี ารปรับปรงุ แก้ไข ปรับปรงุ แก้ไข เปน็ ผู้แนะนา ปรับปรงุ แก้ไข บ้าง บ้าง บันทกึ ผลเป็นระยะ บันทึกผลเป็น บนั ทกึ ผลเปน็ บนั ทกึ ผลไมค่ รบไม่ อยา่ งถกู ต้องมีการ ระยะอยา่ งถูกตอ้ ง ระยะและไม่มกี าร เป็นไปตามการทา อธิบายข้อมูลให้ มกี ารอธบิ าย อธิบายขอ้ มูลให้ กจิ กรรม เหน็ ความเชอ่ื มโยง ข้อมูลใหเ้ หน็ ถงึ เห็นถึง เปน็ ภาพรวมเปน็ ความสัมพนั ธ์กัน ความสมั พนั ธก์ ัน เหตเุ ป็นผลและ เป็นไปตามการทา กจิ กรรม จัดกระทาข้อมลู จดั กระทาข้อมูล จัดกระทาขอ้ มลู จดั กระทาขอ้ มูล อย่างเปน็ ระบบมี อย่างเปน็ ระบบมี อยา่ งเปน็ ระบบมี อย่างไมเ่ ป็นระบบ การเช่ือมโยงให้เหน็ การจาแนกข้อมลู การยกตัวอยา่ ง และมกี ารนาเสนอ เป็นภาพรวมและ ใหเ้ ห็น เพม่ิ เติมให้เขา้ ใจ ไมส่ อื่ ความหมาย นาเสนอดว้ ยแบบ ความสมั พนั ธ์ ง่ายและนาเสนอ และไมช่ ดั เจน ตา่ งๆ อย่างชัดเจน นาเสนอดว้ ยแบบ ด้วยวิธตี า่ งๆ แต่ ถกู ต้อง ตา่ งๆ ได้แตย่ ังไม่ ยงั ไม่ชดั เจนและ ชดั เจน ถกู ต้อง สรุปผลการทา สรปุ ผลการทา สรุปผลการทา สรปุ ผลการทา กิจกรรมไดถ้ ูกต้อง กิจกรรมได้ กิจกรรมไดโ้ ดยมี กิจกรรมตามความรู้ ชดั เจนกระชบั และ ถกู ตอ้ งแตย่ ังไม่ ครูหรือผู้อ่ืน ที่พอมีอยู่โดยไม่ใช้ ครอบคลุมข้อมลู ครอบคลุมข้อมูล แนะนาบา้ งจงึ ขอ้ มูลจากการทา จากการวเิ คราะห์ จากการวเิ คราะห์ สามารถสรปุ ได้ กิจกรรม ทง้ั หมด ทง้ั หมด ถกู ตอ้ ง

ประเมนิ ความสามารถในการสบื คน้ 1. ใหพ้ จิ ารณาความสอดคล้องระหว่างพฤตกิ รรมการสบื ค้นขา่ วสารของผเู้ รียนโดยใช้เกณฑ์ดังน้ี 1 = ปรบั ปรงุ 2 = พอใช้ 3 = ปานกลาง 4 = ดี 5 = ดมี าก รายการ ผลการประเมิน 1. มีการค้นควา้ แหล่งขอ้ มูลจากเอกสารแนะนาแค็ตตาลอ็ กและ 1 2 3 4 5 แหลง่ แนะนาอิเล็กทรอนกิ ส์ 2. มีการคน้ ควา้ ข้อมูลจากแหลง่ ขอ้ มูลมากกวา่ 1 แหลง่ 12345 3. มกี ารตดั สนิ ใจในการเลอื กข้อมูลข้าวสารที่เกีย่ วข้อง 12345 4. มกี ารประเมินคณุ ภาพและความเก่ยี วข้องขอ้ มูลข่าวสารทจี่ ะ 1 2 3 4 5 รวบรวม 5. มีการเพ่ิมวิธกี ารรวบรวมข้อมลู ข่าวสารในระหวา่ งทก่ี าลงั 12345 คน้ หา 6. มีการใช้บรรณานุกรมหรือแหล่งขอ้ มลู แหลง่ ใดแหลง่ หนึง่ เพอ่ื 1 2 3 4 5 สง่ คนื แหลง่ ข้อมลู อนื่ ๆ 7. มีการแยกแยะข้อมลู ข่าวสารท่เี ป็นขอ้ เท็จจริงและความ 12345 คิดเห็น 1 2 3 4 5 8. มกี ารจดั ระบบขอ้ มลู ข้าวสารทไ่ี ด้อย่างมีประสิทธภิ าพ 12345 9. ข้อมลู ข่าวสารทไ่ี ด้มาสอดคลอ้ งกบั งานท่กี าหนดให้ 12345 10. เปน็ การสบื คน้ ขอ้ มูลเชงิ ประจกั ษ์ ความคิดเห็นเพิม่ เติม --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook