สรุป ขอ เขยี นและสมั ภาษณ ชนั้ จฬู อาภธิ รรมกิ ะโท (๔๓-๖๓/๑) วิชา : ปกณิ ณกสงั คหะ สมจุ จยสงั คหะ ขอ เขยี น ๑๐ ขอ (๑๐๐ คะแนน) สมั ภาษณ ๕ ขอ (๒๕ คะแนน) ขอ ความเบอื้ งตน [P001] คาถาที่แสดงมาตกิ าทงั้ ๖ และคําปฏญิ ญา แสดงดังนี้ / คาถาสังคหะ สมปฺ ยตุ ตฺ า ยถาโยคํ เตปฺ าส สภาวโต จติ ตฺ เจตสกิ า ธมมฺ า เตสนทฺ านิ ยถารหํ เวทนา เหตุโต กจิ ฺจ- ทวฺ าราลมพฺ นวตถฺ โุ ต จิตตฺ ปุ ปฺ าทวเสเนว สงคฺ โห นาม นยี เต ฯ แปลคาถาดังตอไปน้ี สภาวธรรม ๕๓ คือ จิตและเจตสิก ช่อื วา นามเตปฺ าส วาโดยลกั ษณะของตน ๆ ประกอบดว ย เอกปุ ปฺ าทตา เปน ตน ตามทปี่ ระกอบได ดงั แสดงแลว โดยพิสดาร (ในปรจิ เฉทท่ี ๒) บัดนี้ ขา พเจาจะแสดงปกิณณกสงั คหะของจิตและเจตสกิ วา ดว ยอํานาจแหงการเกิดข้นึ ของจติ โดยประเภทแหง เวทนา เหตุ กจิ ทวาร อารมณ และ วตั ถุ ตามสมควร. [P002 ส] คาํ วา นามเตปญ ญาส คอื สภาวธรรม ๕๓ น้นั ไดแก จิต ๑ เจตสกิ ๕๒ นี้ นบั ดวยลกั ษณะ อาการของตนๆ คือ จิต ๘๙ นน้ั เมือ่ วาโดยลกั ษณะแลว มีลกั ษณะอยางเดียวคือ มีการไดรับอารมณอ ยเู สมอ เปนลกั ษณะเหมือนกันหมด (อารมมฺ ณวชิ านนลกขฺ ณา) ฉะนน้ั จึงนับเปน ๑ สวน เจตสกิ ๕๒ ดวงน้ัน มลี ักษณะของตนโดยเฉพาะๆ ไมเหมอื นกนั เชน ผัสสเจตสกิ มลี กั ษณะ กระทบอารมณ (ผุสนลกขฺ ณา) เวทนาเจตสกิ มีลกั ษณะเสวยอารมณ (อนภุ วนลกฺขณา) ดังนีเ้ ปน ตน ฉะน้ัน เมอ่ื รวมจติ และเจตสกิ เขา แลว จงึ เรียกวา นามเตปญ ญาส คอื สภาวธรรม ๕๓ [P002] นามเตปฺ าส คอื สภาวธรรม ๕๓ น้นั ไดแ ก จิตทงั้ หมดวา โดยลกั ษณะแลวนับรวมเปน ๑ เจตสกิ ๕๒ [P004] และประเภทของเวทนาโดยนยั ทัง้ ๒ นน้ั คือ ๑. อารมั มณานภุ วนลกั ขณนัย คือ อาการเปน ไปแหง การเสวยอารมณ ๒. อนิ ทรยิ เภทนยั คือ การเปน ใหญเ ปน ผปู กครอง [P002] คําวา ปกณิ ณกสังคหะ แปลวา การแสดงสงเคราะห จติ เจตสกิ โดยเรยี่ รายทวั่ ไป คือ แสดงสงเคราะหโ ดยประเภทแหง เวทนาบาง เหตุบา ง กจิ บา ง ทวารบาง อารมณบ า ง วตั ถุบาง เมอื่ วา โดยมาติกาแลว มี ๖ อยา ง คอื ๑. เวทนาสงั คหะ ๒. เหตสุ งั คหะ ๓. กจิ จสงั คหะ ๔. ทวารสงั คหะ ๕. อารัมมณสงั คหะ ๖. วัตถสุ ังคหะ [P002] ปริจเฉทท่ี ๓ เรยี กวา ปกิณณกสงั คหะ นัน้ เพราะเหตวุ า การแสดงสงเคราะห จติ เจตสกิ โดยเรย่ี รายทั่วไป คือ แสดงสงเคราะหโ ดยประเภทแหง เวทนาบา ง เหตุบาง กจิ บา ง ทวารบา ง อารมณบ าง วตั ถุบา ง เพราะเหตนุ ้ี ปริจเฉทที่ ๓ จงึ เรยี กวา ปกณิ ณกสังคหะ แสดงมาตกิ าทงั้ ๖ พรอ มดว ยความหมาย ดาวนโหลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอ ความเพิ่มเตมิ ที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
๑. เวทนาสงั คหะ ~2~ ๒. เหตสุ ังคหะ ๓. กจิ จสังคหะ หมายความวา การสงเคราะหจติ เจตสกิ โดยประเภทแหงเวทนา ๓ หรือ ๕ ๔. ทวารสงั คหะ หมายความวา การสงเคราะหจิต เจตสกิ โดยประเภทแหงเหตุ ๖ ๕. อารมั มณสงั คหะ หมายความวา การสงเคราะหจ ติ เจตสกิ โดยประเภทแหงกจิ ๑๔ และฐาน ๑๐ ๖. วตั ถสุ งั คหะ หมายความวา การสงเคราะหจ ิต เจตสิก โดยประเภทแหงทวาร ๖ หมายความวา การสงเคราะหจติ เจตสกิ โดยประเภทแหงอารมณ ๖ หมายความวา การสงเคราะหจ ิต เจตสิก โดยประเภทแหงวตั ถุ ๖ เวทนาสงั คหะ เวทนาสังคหะ หมายความวา การแสดงสงเคราะหจิต เจตสกิ โดยประเภทแหงเวทนา ช่ือวา เวทนาสงั คหะ และเมอื่ วา โดยนยั แลวมี ๒ นัย คอื ๑. แสดงโดยอารมั มณานุภวนลกั ขณนยั คอื อาการเปน ไปแหงการเสวยอารมณ ๒. แสดงโดยอินทรยิ เภทนยั คอื การเปน ใหญ เปนผปู กครอง [P003] คาถาเวทนาสงั คหะ สขุ ํ ทุกขฺ มเุ ปกขฺ าติ ตวิ ิธา ตตถฺ เวทนา โสมนสฺสํ โทมนสสฺ มติ ิ เภเทน ปฺจธา คาถาน้ีแปลความวา ในเวทนาสังคหะนนั้ วา โดย อารัมมณานภุ วนลักขณะ คอื ลักษณะแหง การเสวยอารมณแลว มเี วทนา ๓ อยา ง คือ ๑. สุขเวทนา ๒. ทกุ ขเวทนา ๓. อเุ บกขาเวทนา วาโดย อินทริยเภท คอื ประเภทแหง อินทรยี แลว มีเวทนา ๕ อยา ง คอื ๑. สุขเวทนา ๒. ทุกขเวทนา (สขุ ทุก โสม โทม อุ) ๓. โสมนัสสเวทนา ๔. โทมนสั สเวทนา ๕. อุเบกขาเวทนา [P003] คาถา สขุ เมกตถฺ ทกุ ขฺ จฺ โทมนสสฺ ํ ทวฺ เย ต ํ ทวฺ าสฏสุ โสมนสสฺ ํ ปฺจปฺ าสเกตรา ? แปลคาถาดงั ตอ ไปน้ี สุขเวทนาและทุกขเวทนาประกอบอยูในกายวญิ ญาณจติ อยา งละ ๑ ดวง โทมนสั เวทนา ประกอบอยูในจิต ๒ ดวง โสมนัสเวทนา ประกอบอยูในจิต ๖๒ ดวง เวทนาทนี่ อกจากนี้คือ อเุ บกขาเวทนา ประกอบอยใู นจิต ๕๕ ดวง อธบิ ายความเปนไปแหงประเภทเวทนา ๓ / อาการเปนไปแหง การเสวยอารมณข องสัตวท ั้งหลายมีอยู ๓ อยา ง ๑. ในขณะที่เสวยอารมณอยูน น้ั บางทีกร็ สู กึ สบาย เรยี กวา สุขเวทนา ๒. ในขณะที่เสวยอารมณอยนู ้ัน บางทีกร็ ูสึกไมส บาย เรียกวา ทกุ ขเวทนา ๓. ในขณะทเี่ สวยอารมณอยูนั้น บางทีก็รสู กึ เฉยๆ ไมใ ชสขุ ไมใ ชท ุกข เรยี กวา อุเบกขาเวทนา [P004] การเสวยอารมณข องสตั วท ัง้ หลายโดยเวทนา ๕ นน้ั คอื การเสวยอารมณข องสัตวทัง้ หลายนี้ เกี่ยวดวยกายบาง เก่ียวดว ยใจบาง เกี่ยวดวยกาย มี ๒ คือ รูสกึ สบาย และไมส บาย, เก่ียวดวยใจ มี ๓ คอื รูสกึ สบาย ไมสบายและเฉยๆ รวมมี ๕ คอื ๑. ความรสู กึ สบายทเ่ี กีย่ วดว ยกายน้นั เวทนาเจตสกิ ท่อี ยูในสุขสหคตกายวญิ ญาณจิต ดาวนโหลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอความเพม่ิ เตมิ ท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
~3~ เปนใหญ เปน ผปู กครอง เรียกวา สขุ เวทนา ๒. ความรูส กึ ไมส บายท่ีเกย่ี วดวยกายนน้ั เวทนาเจตสิกที่อยใู นทกุ ขสหคตกายวญิ ญาณจติ เปน ใหญ เปนผูป กครอง เรียกวา ทุกขเวทนา ๓. ความรสู กึ สบายทเ่ี กย่ี วดวยใจน้นั เวทนาเจตสกิ ที่อยใู นโสมนสั สหคตจิต เปน ใหญ เปน ผูปกครอง เรียกวา โสมนสั เวทนา ๔. ความรสู กึ ไมส บายทีเ่ กี่ยวดว ยใจนน้ั เวทนาเจตสกิ ที่อยใู นโทสมลู จติ เปนใหญ เปน ผปู กครอง เรียกวา โทมนสั เวทนา ๕. ความรูส กึ เฉย ๆ นั้น เวทนาเจตสิกทอี่ ยใู นอุเบกขาสหคตจติ เปนใหญ เปน ผูปกครอง เรียกวา อเุ บกขาเวทนา [P005] จาํ แนกจติ ๑๒๑ โดยเวทนา ๓ ดังนี้ คอื ๑. จิตทเี่ กดิ พรอ มดว ยสขุ เวทนา มี ๖๓ คอื สขุ สหคตกายวญิ ญาณจติ ๑ โสมนสั สสหคตจิต ๖๒ ๒. จติ ทีเ่ กิดพรอมดว ยทุกขเวทนา มี ๓ คือ ทกุ ขสหคตกายวญิ ญาณจิต ๑ โทสมลู จติ ๒ ๓. จิตที่เกิดพรอ มดว ยอุเบกขาเวทนา มี ๕๕ คอื อุเบกขาสหคตจิต ๕๕ [P005-6] แสดงจาํ นวนเจตสกิ ดงั ตอ ไปน้ี ๑ เจตสกิ ที่เกิดพรอ มดวยเวทนาอยางเดยี ว มี ๖ ดวง คือ ปติเจตสิก ๑ โทจตกุ เจตสิก ๔ วจิ ิกจิ ฉาเจตสิก ๑ ๒. เจตสกิ ทเ่ี กดิ พรอ มดว ยเวทนา ๒ มี ๒๘ ดวง คือ โลตกิ เจตสกิ ๓ โสภณเจตสิก ๒๕ ๓. เจตสิกทีเ่ กิดพรอมดว ยเวทนา ๓ มี ๑๑ ดวง คอื ปกณิ ณกเจตสกิ ๕ (เวน ปต ิ) โมจตกุ เจตสิก ๔ ถที กุ เจตสกิ ๒ ๔. เจตสกิ ท่เี กิดพรอมดว ยเวทนา ๔ ไมมี ๕. เจตสิกที่เกดิ พรอมดวยเวทนา ๕ มี ๖ ดวง คือ สพั พจิตตสาธารณเจตสกิ ๖ (เวน เวทนา) ๖. เจตสกิ ทไี่ มไ ดเ กิดพรอ มดว ยเวทนา มี ๑ ดวง คอื เวทนาเจตสกิ ๗. เจตสกิ ท่ีเกดิ พรอมดวยโสมนสั เวทนาได แตเ กดิ พรอ มดวยอเุ บกขาเวทนาไมไ ด ไดแก ปติเจตสกิ ๘. เจตสิกท่เี กิดพรอ มดว ยอุเบกขาเวทนาได แตเ กดิ พรอ มดว ยโสมนสั เวทนาไมได ไดแ ก วจิ ิกจิ ฉาเจตสิก ๙. เจตสกิ ท่ีเกิดพรอ มดวยโสมนสั เวทนาและอุเบกขาเวทนาไดท้ังสอง ไดแก เจตสกิ ๔๕ (เวน เวทนา ปติ โทจตกุ ๔ วิจิกิจฉา) ๑๐. เจตสิกที่เกดิ พรอมดวยโสมนัสเวทนาและอุเบกขาเวทนาไมไดทัง้ สอง ไดแ ก โทจตกุ เจตสิก ๔ [P005-6] เจตสกิ ท่ีเกดิ พรอมดวยเวทนาอยา งเดยี ว มี ๖ ดวง คอื โทจตุกเจตสกิ ๔ เกดิ พรอ มดวย โทมนัสเวทนาอยางเดียว, ปติเจตสกิ ๑ เกดิ พรอ มดวย โสมนัสเวทนาอยา งเดียว, วจิ ิกจิ ฉาเจตสกิ ๑ เกดิ พรอ มดว ย อุเบกขาเวทนาอยางเดียว เจตสกิ ทเี่ กดิ พรอ มดว ยเวทนา ๓ มี ๑๑ ดวง คอื ปกณิ ณกเจตสกิ ๕ (เวน ปต)ิ โมจตกุ เจตสกิ ๔ ดาวนโหลดขอ มลู ตา งๆไดจ าก ขอความเพิม่ เตมิ ที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
~4~ ถที ุกเจตสิก ๒ เกดิ พรอมดว ยโสมนสั สเวทนา โทมนสั สเวทนา และ อุเบกขาเวทนา ในบรรดาจติ ทง้ั ๔ ชาติน้นั ๑. จิตทีเ่ ปน กุศลชาติ เกดิ พรอมดว ยเวทนาได ๒ คอื โสมนัสเวทนา และ อุเบกขาเวทนา ๒. จติ ทเ่ี ปนอกศุ ลชาติ เกดิ พรอ มดวยเวทนาได ๓ คอื โสมนัสเวทนา โทมนัสสเวทนา และ อุเบกขาเวทนา ๓. จติ ทีเ่ ปน วปิ ากชาติ เกิดพรอมดวยเวทนาได ๔ คือ สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา โสมนสั สเวทนา และ อุเบกขาเวทนา ๔. จติ ทเี่ ปนกริ ยิ าชาติ เกิดพรอมดว ยเวทนาได ๒ คอื โสมนสั เวทนา และ อุเบกขาเวทนา เหตสุ งั คหะ [P007] คําวา “เหต”ุ หมายความวา เปนธรรมทใ่ี หผ ลเกดิ ขึน้ และใหผ ลธรรมน้ันตง้ั มัน่ ในอารมณ และใหเ จรญิ ขน้ึ ได ผลทเี่ กดิ จากเหตนุ ั้น ไดแก กายกรรม วจกี รรม มโนกรรม ท่ีเปน กุศลบาง อกศุ ลบาง อัพยากตะบาง แสดงถึงผลธรรมทตี่ ้งั มนั่ ไดใ นอารมณ และเจรญิ ขึ้นไดในอารมณ โดยอาศัยเหตุ ดังน้ี เหตทุ ่ีทาํ ใหผ ลธรรมตง้ั ม่นั ในอารมณน นั้ คือ เม่อื ตาเห็นรูป หไู ดยนิ เสยี ง เปนตน ตลอดจนถึงจิตคดิ นกึ เรอ่ื งราวตา ง ๆ แลว อกุศลจิตหรือกุศลจิต ยอ มเกิดขนึ้ และยดึ อารมณต าง ๆ เหลา น้นั ไวอยางมน่ั คงนีแ้ หละ คือ เปนผลท่ีตั้งมน่ั ในอารมณอ นั เกิดจากเหตเุ หลา นั้น เหตทุ ่ีทําใหผ ลธรรมเจรญิ ขนึ้ ไดน น้ั คือ เมอ่ื จิตท่ียึดเอาอารมณต า ง ๆ นั้น คอ ย ๆ มกี าํ ลังมากขึ้น ๆ หมายความวา โลภะกด็ ี โทสะก็ดี หรือสทั ธา เปน ตน เหลาน้ันกด็ ี เมือ่ ขณะแรกทเ่ี กดิ ขึ้นนนั้ ยงั มกี ําลงั ออนอยู ยงั ไมทาํ ใหลลุ ว งไปถึงทุจริต หรอื สุจรติ ได แตเ มอ่ื กาํ ลงั มากข้นึ แลว ยอ มสามารถทาํ ใหผูนั้นกระทาํ ทุจรติ หรอื สุจริต ในบรรดาทุจริต ๑๐ หรอื สุจริต ๑๐ น้นั ลงไปได นแ้ี หละเปนผลทีเ่ จริญข้ึนดว ยอาศยั เหตเุ หลา นัน้ การจําแนกสเหตุกจติ โดยเหตุ ในสเหตกุ จติ ๗๑ หรอื ๑๐๓ น้นั ๑. เอกเหตกุ จติ จิตที่มเี หตุ ๑ มี ๒ ดวง คือ โมหมลู จติ ๒ มเี หตุ ๑ คือ โมหเหตุ ๒. ทวเิ หตุกจิต จติ ท่มี ีเหตุ ๒ มี ๒๒ ดวง คอื โลภมูลจิต ๘ มเี หตุ ๒ คือ โลภเหตุ โมหเหตุ โทสมูลจิต ๒ มเี หตุ ๒ คอื โทสเหตุ โมหเหตุ ญาณวปิ ปยุตตจติ ๑๒ มีเหตุ ๒ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ ๓. ติเหตุกจติ จติ ทีม่ ีเหตุ ๓ มี ๔๗ หรอื ๗๙ ดวง คอื กามาวจรญาณสมั ปยุตตจิต ๑๒ มหคั คตจติ ๒๗ โลกตุ ตรจติ ๘ หรอื ๔๐ มีเหตุ ๓ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ เหตุเมื่อจาํ แนกโดยอกศุ ล กุศล อพยากตแลว มี ๙ คอื อกศุ ลเหตมุ ี ๓ คอื โลภเหตุ โทสเหตุ โมหเหตุ กุศลเหตุมี ๓ คอื อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ อพยากตเหตมุ ี ๓ คอื อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ ฯ ดาวนโ หลดขอมลู ตางๆไดจาก ขอ ความเพิ่มเติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
~5~ แสดงจํานวน อกศุ ลเหตุ กศุ ลเหตุ และกรยิ าเหตุ โดยพิสดาร และใหจาํ แนกเหตุเหลานั้นมาใหเ ห็นชัดดงั น้ี อกศุ ลเหตมุ ี ๒๒ คือ โลภเหตมุ ี ๘ ท่ใี นโลภมลู จิต ๘ โทสเหตมุ ี ๒ ท่ีในโทสมูลจติ ๒ โมหเหตมุ ี ๑๒ ท่ใี นอกศุ ลจติ ๑๒ กุศลเหตมุ ี ๑๐๗ คือ อโลภเหตมุ ี ๓๗ ท่ใี น มหากุศลจิต ๘ มหคั คตกศุ ลจติ ๙ มรรคจติ ๒๐ อโทสเหตุมี ๓๗ ทีใ่ น มหากุศลจติ ๘ มหัคคตกศุ ลจิต ๙ มรรคจิต ๒๐ อโมหเหตมุ ี ๓๓ ทใ่ี น มหากุศลญาณสมั ปยุตตจิต ๔ มหคั คตกศุ ลจิต ๙ มรรคจติ ๒๐ กรยิ าเหตมุ ี ๔๗ คือ อโลภเหตุมี ๑๗ ที่ใน มหากรยิ าจิต ๘ มหคั คตกริยาจติ ๙ อโทสเหตมุ ี ๑๗ ท่ใี น มหากริยาจิต ๘ มหัคคตกริยาจติ ๙ อโมหเหตมุ ี ๑๓ ทใี่ น มหากรยิ าญาณสมั ปยตุ ตจิต ๔ มหัคคตกริยาจติ ๙ เหตุโดยพสิ ดารมจี ํานวน ๒๘๓ คือ อกุศลเหตุ ๒๒ กุศลเหตุ ๑๐๗ วิปากเหตุ ๑๐๗ กริยาเหตุ ๔๗ ๑. อกศุ ลจิตทม่ี ีโลภเหตุ แตไ มม โี ทสเหตุ ไดแ ก โลภมลู จิต ๘ ๒. อกุศลจิตท่มี โี ทสเหตุ แตไ มม โี ลภเหตุ ไดแ ก โทสมลู จิต ๒ ๓. อกศุ ลจิตทม่ี โี ลภเหตุ และโทสเหตุ ไมม ี ๔. อกุศลจติ ทไี่ มมโี ลภเหตุ และโทสเหตุ ไดแ ก โมหมูลจิต ๒ ๕. กุศลจติ ทม่ี อี โลภเหตุ แตไ มม อี โมหเหตุ ไดแ ก มหากุศลญาณวปิ ปยตุ ตจติ ๔ ๖. กศุ ลจติ ทมี่ ีอโมหเหตุ แตไ มม อี โลภเหตุ ไมม ี ๗. กศุ ลจติ ทม่ี ีอโลภเหตุ และอโมหเหตุ ไดแ ก มหากุศลญาณสัมปยตุ ตจิต ๔ มหัคคตกศุ ลจิต ๙ มรรคจิต ๔ หรือ ๒๐ ๘. กศุ ลจิตทไ่ี มม อี โลภเหตุ และอโมหเหตุ ไมม ี เม่ือจาํ แนกจิตโดยเหตุ ๖ แลว มีแต อเหตกุ จิต เอกเหตุกจติ ทวเิ หตกุ จิต ติเหตุกจิต สวนจตุเหตุกจิต ปญจเหตุกจติ ฉเหตกุ จิต นนั้ ไมมี การทจี่ ตุเหตกุ จติ ปญ จเหตุกจติ ฉเหตุกจติ ไมม นี นั้ เพราะอกศุ ลเหตมุ เี พยี ง ๓ กุศลเหตแุ ละ อพยากตเหตุ ก็มีเพยี ง ๓ ธรรมดาอกุศลเหตกุ บั กศุ ลเหตุ หรอื กับอพยากตเหตนุ น้ั เกดิ ข้ึนพรอ มกันในจิตดวงเดยี วกนั ไมได ฉะนัน้ จตุเหตกุ จติ ปญจเหตุกจิต ฉเหตกุ จติ จึงไมมี ความแตกตางกันระหวางอเหตุกจิต กบั สเหตกุ จิตนัน้ คือ ๑. อเหตกุ จิต จิตที่ไมมเี หตนุ ้นั มีกําลงั ออน ไมม่นั คงในการรบั อารมณ สเหตกุ จิต จิตท่มี ีเหตุ มีกําลงั เขม แข็ง มน่ั คงในการรับอารมณ ๒. อเหตกุ จติ เมอื่ วาโดยชาติแลว มี ๒ ชาติ คือ วปิ ากชาติ กบั กิรยิ าชาติ สเหตกุ จิต เมอื่ วา โดยชาติแลว มี ๔ ชาติ คือ กุศลชาติ อกศุ ลชาติ วปิ ากชาติ กิรยิ าชาติ ๓. อเหตุกจติ เปน กามพวกเดียว ดาวนโ หลดขอมลู ตา งๆไดจ าก ขอ ความเพ่มิ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
~6~ สเหตกุ จติ เปน กามะ มหัคคตะ และ โลกุตตระ ไดทัง้ ๓ ๔. อเหตกุ จติ เปนโลกยี ะ สเหตกุ จิต เปนโลกียะ และ โลกุตตระ ไดทัง้ ๒ เอกเหตุกเจตสกิ เจตสิกที่มเี หตุ ๑ ตาม อคหติ คั คหนนยั มี ๓ ดวง คอื โลภเจตสกิ มีเหตุ ๑ คือ โมหเหตุ โทสเจตสกิ มีเหตุ ๑ คอื โมหเหตุ วจิ ิกิจฉาเจตสกิ มีเหตุ ๑ คือ โมหเหตุ เอกเหตุกเจตสกิ ตามคหติ คั คหนนัย มี ๒๐ ดวง คือ อัญญสมานเจตสกิ ๑๑ (เวน ปติ ฉันทะ) ทีป่ ระกอบกับ โมหมลู จติ มีเหตุ ๑ คือ โมหเหตุ อหริ ิกะ อโนตตปั ปะ อุทธัจจะ ท่ีประกอบกับ โมหมลู จิต มเี หตุ ๑ คือ โมหเหตุ วจิ กิ จิ ฉาเจตสกิ ๑ มีเหตุ ๑ คอื โมหเหตุ โลภเจตสิก ๑ มีเหตุ ๑ คือ โมหเหตุ โทสเจตสกิ ๑ มีเหตุ ๑ คือ โมหเหตุ โมหเจตสิก ๑ ท่ีประกอบกบั โลภมูลจิต มีเหตุ ๑ คอื โลภเหตุ โมหเจตสกิ ๑ ท่ีประกอบกับโทสมลู จติ มเี หตุ ๑ คอื โทสเหตุ อโลภเจตสิก ๑ ท่ปี ระกอบกบั ญาณวปิ ปยตุ ตจติ มีเหตุ ๑ คอื อโทสเหตุ อโทสเจตสกิ ๑ ทปี่ ระกอบกบั ญาณวปิ ปยตุ ตจติ มเี หตุ ๑ คอื อโลภเหตุ อโลภะ อโทสะ ท่ปี ระกอบกบั ญาณวปิ ปยตุ ตจิตนนั้ เปน เจตสิกพวกเอกเหตกุ เจตสกิ อโลภะ อโทสะ ที่ประกอบกับญาณสัมปยุตตจติ น้ัน เปน เจตสิกพวกทวเิ หตกุ เจตสิก และ ตเิ หตกุ เจตสิก ๓๕ ดวงนัน้ ไดแก อญั ญสมานเจตสกิ ๑๓ โสภณเจตสกิ ๒๒ (เวนอโลภะ อโทสะ ปญญา) ที่ประกอบกับญาณสัมปยุตตจิต เหตุ ๓ น้นั คอื อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ ตเิ หตกุ จติ ๔๗ หรือ ๗๙ คอื กามาวจรญาณสัมปยุตตจิต ๑๒ อโลภเหตุ มหคั คตจิต ๒๗ มเี หตุ ๓ คือ อโทสเหตุ โลกตุ ตรจิต ๘ หรอื ๔๐ อโมหเหตุ ตเิ หตกุ เจตสิก ๒๗ คือ อหิริกะ อโนตตปั ปะ อุทธจั จะ ถนี มิทธะ มเี หตุ ๓ คอื โลภเหตุ โทสเหตุ โมหเหตุ โสภณเจตสกิ ๒๒ (เวน อโลภะ อโทสะ ปญญา) มีเหตุ ๓ คอื อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ จําแนกอโลภเจตสิก อโทสเจตสกิ ปญญาเจตสกิ โดยเหตุ ตามนยั ทัง้ ๒ คือ นบั แลวไมนบั อีก และนบั แลวนับอกี ดงั นี้ จําแนกอโลภเจตสกิ อโทสเจตสิก ปญ ญาเจตสิกโดยเหตุ ตามนัยท่ีนับแลว ไมนบั อกี เปนทวิเหตุกเจตสกิ คอื เจตสกิ ท่มี ีเหตุ ๒ ดงั นี้ คอื อโลภเจตสกิ มเี หตุ ๒ คือ อโทสเหตุ อโมหเหตุ ดาวนโหลดขอมูลตางๆไดจ าก ขอ ความเพมิ่ เติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)
~7~ อโทสเจตสกิ มเี หตุ ๒ คอื อโลภเหตุ อโมหเหตุ ปญ ญาเจตสิก มเี หตุ ๒ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ จาํ แนก อโลภเจตสกิ อโทสเจตสิก ปญญาเจตสกิ โดยเหตตุ ามนยั ทน่ี ับแลว นับอีกดงั นี้ คือ = เปนเอกเหตกุ เจตสิก คือ เจตสิกทมี่ ีเหตุ ๑ มี ๒ ดวง คือ อโลภเจตสกิ ท่ีประกอบกับญาณวปิ ปยตุ ตจติ มเี หตุ ๑ คือ อโทสเหตุ อโทสเจตสกิ ทปี่ ระกอบกับญาณวปิ ปยุตตจติ มีเหตุ ๑ คอื อโลภเหตุ = เปน ทวเิ หตกุ เจตสิก คอื เจตสิกท่มี ีเหตุ ๒ มี ๓ ดวง คอื อโลภเจตสกิ ท่ีประกอบกับญาณสัมปยุตตจิตมีเหตุ ๒ คอื อโทสเหตุ อโมหเหตุ อโทสเจตสกิ ทป่ี ระกอบกับญาณสมั ปยุตตจิตมเี หตุ ๒ คือ อโลภเหตุ อโมหเหตุ ปญ ญาเจตสกิ ท่ปี ระกอบกับญาณสมั ปยตุ ตจิตมเี หตุ ๒ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อธบิ ายปรมตั ถธรรมที่เปน มลู เปนรากของจติ เจตสิก รปู ในหวั ขอ ตอไปนี้ ก. ปรมัตถธรรมท่เี ปน มูลรากของ จิต เจตสิก รูป ไดแก เจตสกิ ๖ ดวง คือ โลภะ โทสะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ข. ปรมัตถธรรมที่เปนมลู รากของ จติ เจตสิก รปู เหลานน้ั ชือ่ วา เหตุ ค. ผลทเี่ กิดจากเหตุ ไดแ ก กายกรรม วจกี รรม มโนกรรม ทีเ่ ปน กุศลบา ง อกุศลบาง อพั ยากตบา ง ง. เหตุทเี่ กดิ ใน ปุถชุ น มี ๖ ไดแ ก โลภะ โทสะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ เหตทุ ่เี กิดใน โสดาบันบคุ คล มี ๖ ไดแก โลภะ โทสะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ เหตุทเ่ี กดิ ใน อนาคามบี คุ คล มี ๕ ไดแก โลภะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ เหตุทเี่ กดิ ใน พระอรหนั ต มี ๓ ไดแก อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ แสดงเหตทุ เี่ กดิ แกบ คุ คลดงั ตอ ไปนี้ ๑. เหตุท่ีเกิดแกพระอนาคามไี ด แตเ กิดแกพระอรหันตไ มได ไดแก โลภเหตุ โมหเหตุ ๒. เหตทุ ่เี กดิ แกพระอรหนั ตไ ด แตเกดิ แกพระอนาคามีไมไ ด ไมม ี ๓. เหตทุ ี่เกดิ แกพระอนาคามี และพระอรหนั ต ไดทั้งสอง ไดแก อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ ๔. เหตทุ ่เี กดิ แกพระอนาคามี และพระอรหนั ต ไมไ ดทั้งสอง ไดแก โทสเหตุ พระอนาคามี ไมม ีความโกรธ ทราบไดจากการจาํ แนกเหตุโดยบคุ คล คอื เหตทุ ่เี กิดกบั พระอนาคามี บุคคล มี ๕ คอื โลภเหตุ โมหเหตุ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ สาํ หรับตัวโทสเหตุ ซงึ่ เปน ตัวเหตุทจ่ี ะทําให เกิดความโกรธนน้ั ไมเกดิ กบั พระอนาคามี หรือจะพูดวาพระอนาคามีละโทสะไดเ ดด็ ขาดแลวกไ็ ด กจิ จสงั คหะ คาํ วา กิจ ในกิจจสงั คหะนี้ หมายความวา การงานของจิต เจตสิก ชอ่ื วา กิจ เปนชอ่ื ของ จิต เจตสกิ กจิ มี ๑๔ คอื ๑. ปฏิสนธิกิจ ๒. ภวังคกิจ ๓. อาวชั ชนกจิ ๔. ทัสสนกจิ ๕. สวนกิจ ๖. ฆายนกิจ ๗. สายนกจิ ดาวนโ หลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอความเพมิ่ เติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว)
~8~ ๘. ผุสนกจิ ๙. สัมปฏจิ ฉนกิจ ๑๐. สันตีรณกิจ ๑๑. โวฏฐพั พนกจิ ๑๒. ชวนกิจ ๑๓. ตทารมั มณกิจ ๑๔. จตุ ิกจิ การสงเคราะหจ ติ เจตสกิ โดยประเภทแหงกจิ ช่อื วา กจิ จสังคหะ / และ กจิ มีจาํ นวน ๑๔ คือ ๑. ปฏิสนธกิ จิ หมายความวา ทาํ หนาที่ สืบตอภพใหม ๒. ภวงั คกจิ หมายความวา ทําหนา ท่ี รักษาภพ ๓. อาวชั ชนกจิ หมายความวา ทาํ หนา ท่ี พิจารณาอารมณใ หม ๔. ทัสสนกจิ หมายความวา ทําหนา ที่ เหน็ ๕. สวนกจิ หมายความวา ทาํ หนา ที่ ไดย นิ ๖. ฆายนกจิ หมายความวา ทาํ หนาท่ี รกู ลนิ่ ๗. สายนกจิ หมายความวา ทําหนาท่ี รรู ส ๘. ผสุ นกิจ หมายความวา ทาํ หนา ที่ รถู กู ตอ ง ๙. สมั ปฏจิ ฉนกจิ หมายความวา ทาํ หนาท่ี รับอารมณ ๑๐. สนั ตรี ณกิจ หมายความวา ทาํ หนาท่ี ไตส วนอารมณ ๑๑. โวฏฐพั พนกจิ หมายความวา ทาํ หนา ท่ี ตดั สนิ อารมณ ๑๒. ชวนกจิ หมายความวา ทําหนาท่ี เสพอารมณ ๑๓. ตทารัมมณกิจ หมายความวา ทาํ หนาที่ รับอารมณต อจากชวนะ ๑๔. จตุ กิ จิ หมายความวา ทาํ หนา ท่ี สน้ิ จากภพเกา จติ ทที่ าํ หนา ที่มากทสี่ ดุ มี ๒ ดวง คอื อุเบกขาสนั ตีรณ ๒ ทําหนา ท่ี ๕ อยาง คือ ปฏิสนธกิ ิจ ภวงั คกจิ จุติกิจ สันตีรณกจิ ตทารัมมณกิจ เจตสกิ ท่ที าํ หนาทีม่ ากทส่ี ดุ มี ๗ ดวง คอื สพั พจิตตสาธารณเจตสกิ ๗ ทาํ หนา ท่ี ๑๔ อยา ง คือ ๑) ปฏสิ นธกิ จิ ๒) ภวงั คกจิ ๓) จุตกิ จิ ๔) อาวัชชนกจิ ๕) ทสั สนกจิ ๖) สวนกจิ ๗) ฆายนกจิ ๘) สายนกิจ ๙) ผสุ นกิจ ๑๐) สัมปฏจิ ฉนกิจ ๑๑) สันตีรณกจิ ๑๒) โวฏฐพั พนกจิ ๑๓) ชวนกิจ ๑๔) ตทารมั มณกจิ ในจาํ นวนเจตสกิ ๕๒ น้นั จํานวนเจตสกิ ทีท่ ําหนา ทนี่ อ ยท่สี ดุ มี ๑๗ ดวง คอื อกุศลเจตสกิ ๑๔ วิรตี เจตสิก ๓ ทําหนาท่ี ๑ กจิ คอื ชวนกจิ , เจตสกิ ที่ทาํ หนา ทม่ี ากทีส่ ดุ มี ๗ ดวงคอื สพั พจิตตสาธารณเจตสกิ ๗ ทาํ หนาที่ ๑๔ อยาง คือ ... (ป ภ จุ อา ทัส ส ฆา สา ผุ สัม สัน โว ช ต) กจิ มี ๑๔ กจิ แตฐ านของกิจเหลานัน้ มเี พยี ง ๑๐ ฐาน ทีเ่ ปน เชน น้ีเพราะ ทัสสนกจิ สวนกิจ ฆายนกจิ สายนกิจ ผสุ สนกิจ ทงั้ ๕ นี้ ตองต้งั อยใู นระหวาง ปญจทวารวัชชนจิต กับ สัมปฏิจฉนจติ เทานน้ั ต้งั อยูที่อื่น ไมได ฐานนี้เรียกวา ปญจวญิ ญาณฐาน ดวยเหตนุ ี้ ฐานจงึ มีเพยี ง ๑๐ ฐาน ฐานโดยพิสดาร มีจํานวน ๒๕ คอื ดาวนโหลดขอ มลู ตางๆไดจาก ขอ ความเพ่มิ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)
~9~ ปฏสิ นธฐิ านมี ๑ ภวงั คฐานมี ๖ อาวชั ชนฐานมี ๒ ปญ จวิญญาณฐานมี ๑ สัมปฏิจฉนฐานมี ๑ สนั ตีรณฐาน มี ๑ โวฏฐพั พนฐานมี ๒ ชวนฐานมี ๖ ตทารมั มณฐานมี ๒ จุตฐิ านมี ๓ รวมเปนฐาน ๒๕ ดงั มหี ลกั ฐานบาลีแสดงวา สนฺธิ เอกํ ฉ ภวงคฺ ํ ทวฺ าวชฺชนํ ปจฺ าทเฺ ยกํ เทฺว โว โช ฉ ตทา เทวฺ ติ จุตีติ ปฺจวสี ต.ิ ความแตกตา งกนั ระหวา งกจิ และฐาน มดี งั น้ี คอื หนา ทขี่ องจติ เจตสิก มปี ฏสิ นธิจติ เปน ตน ช่อื วา กิจ, สถานท่ีทํางานของจติ เจตสกิ ท้งั หลาย กลา วคือเมอ่ื ดวงท่ี ๑ ดบั ลง และในระหวางดวงที่ ๓ ยังไมเกิดขึน้ มีเวลาช่วั ๑ ขณะใหญข องจติ ซง่ึ เปนเวลาสําหรับดวงท่ี ๒ จะเกดิ ขึน้ ได และทาํ หนาที่ของปฏสิ นธิกจิ เปนตน ในระหวางนี้ แหละชอื่ วา ฐาน ถาจะอปุ มาแลว การงานของคนทงั้ หลายเหมอื นกับกิจ สํานกั งานตาง ๆ เหมอื นกบั ฐาน ปฏสิ นธิฐาน มี ๑ คือ ระหวา งจตุ จิ ติ กบั ภวังคจติ ภวังคค ฐาน มี ๖ คือ ระหวา งปฏิสนธจิ ิต กับ อาวชั ชนจิต, ตทารัมมณจติ กบั อาวชั ชนจติ , ชวนจิต กับ อาวชั ชนจิต, โวฏฐัพพนจิต กับ อาวชั ชนจิต, ตทารมั มณจิต กบั จุติจติ , ชวนจติ กับ จุติจติ ฯ (แสดงการ)จาํ แนกกจิ ๑๔ โดยจติ ๘๙ มดี งั นี้ จิตที่ทาํ หนาทป่ี ฏสิ นธกิ ิจ ภวังคกจิ จตุ ิกจิ มี ๑๙ ดวง คือ อุเบกขาสนั ตีรณจิต ๒ มหาวปิ ากจติ ๘ มหคั คตวิปากจติ ๙ จิตท่ีทําหนา ทอ่ี าวัชนกจิ มี ๒ ดวง คือ ปญ จทวาราวชั ชนจติ ๑ มโนทวาราวชั ชนจิต ๑ จติ ทท่ี าํ หนาทที่ สั สนกจิ มี ๒ ดวง คอื จกั ขวุ ิญญาณจติ ๒ จติ ที่ทาํ หนา ทส่ี วนกจิ มี ๒ ดวง คอื โสตวญิ ญาณจติ ๒ จติ ทท่ี าํ หนา ทฆ่ี ายนกิจ มี ๒ ดวง คือ ฆานวิญญาณจติ ๒ จิตทท่ี าํ หนาทสี่ ายนกิจ มี ๒ ดวง คือ ชิวหาวญิ ญาณจิต ๒ จิตทท่ี ําหนา ทผี่ สุ นกิจ มี ๒ ดวง คอื กายวิญญาณจติ ๒ จิตทีท่ ําหนาทสี่ ัมปฏจิ ฉนกจิ มี ๒ ดวง คอื สมั ปฏจิ ฉนจิต ๒ จติ ที่ทําหนาทส่ี นั ตรี ณกิจ มี ๓ ดวง คือ สนั ตรี ณจิต ๓ จิตทที่ าํ หนาทโี่ วฏฐพั พนกจิ มี ๑ ดวง คือ มโนทวาราวัชชนจติ ๑ จิตทที่ าํ หนาทช่ี วนกจิ มี ๕๕ ดวง คือ อกุศลจติ ๑๒ หสิตุปปาทจติ ๑ มหากศุ ลจิต ๘ มหากริยาจิต ๘ มหคั คตกุศลจิต ๙ มหัคคตกริยาจิต ๙ โลกุตตรจิต ๘ จติ ท่ที ําหนาทต่ี ทารมั มณกิจ มี ๑๑ ดวง คือ สนั ตรี ณจิต ๓ มหาวิปากจิต ๘ จําแนกกจิ ๑๔ โดยอเหตกุ จติ ๑๘ ดงั นี้ คอื จติ ท่ีทาํ หนาท่ี ปฏสิ นธกิ ิจ ภวงั คกจิ จตุ ิกิจ มี ๒ ดวงคือ อเุ บกขาสันตีรณจิต ๒ จติ ทท่ี าํ หนาท่ี อาวัชชนกจิ มี ๒ ดวงคอื ปญจทวาราวัชชนจิต ๑ มโนทวาราวัชชนจิต ๑ จติ ทท่ี าํ หนาที่ ทสั สนกจิ มี ๒ ดวงคอื จกั ขุวญิ ญาณจิต ๒ ดาวนโหลดขอ มลู ตางๆไดจ าก ขอความเพ่ิมเติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
จติ ทท่ี าํ หนา ท่ี สวนกจิ ~ 10 ~ จิตทที่ าํ หนาที่ ฆายนกิจ จติ ทท่ี าํ หนาที่ สายนกจิ มี ๒ ดวงคือ โสตวิญญาณจติ ๒ จิตที่ทําหนาท่ี ผสุ นกจิ มี ๒ ดวงคอื ฆานวิญญาณจิต ๒ จติ ที่ทาํ หนาที่ สมั ปฏจิ ฉนกิจ มี ๒ ดวงคือ ชิวหาวญิ ญาณจิต ๒ จิตทีท่ าํ หนาท่ี สนั ตรี ณกจิ มี ๒ ดวงคอื กายวญิ ญาณจิต ๒ จิตทท่ี าํ หนา ที่ โวฏฐพั พนกจิ มี ๒ ดวงคือ สมั ปฏิจฉนจิต ๒ จิตท่ที าํ หนาท่ี ชวนกจิ มี ๓ ดวงคอื สนั ตีรณจิต ๓ จิตที่ทาํ หนา ท่ี ตทารมั มณกจิ มี ๑ ดวงคือ มโนทวาราวัชชนจิต ๑ มี ๑ ดวงคอื หสิตุปปาทจิต ๑ มี ๓ ดวงคอื สันตรี ณจิต ๓ จาํ แนก กจิ ๑๔ โดย อเหตกุ วบิ ากจติ ๑๕ ๑.จิตท่ที าํ หนา ท่ี ปฏสิ นธกิ ิจ ภวังคกิจ จุติกิจ มี ๒ ดวง คอื อุเบกขาสนั ตีรณจติ ๒ ๒. จิตทที่ าํ หนา ท่ี อาวัชชนกิจ ไมม ี ๓. จติ ท่ที ําหนา ที่ ทัสสนกิจ มี ๒ ดวง คือ จักขุวญิ ญาณจติ ๒ ๔. จติ ทท่ี ําหนา ที่ สวนกิจ มี ๒ ดวง คือ โสตวิญญาณจิต ๒ ๕. จิตท่ที าํ หนา ที่ ฆายนกจิ มี ๒ ดวง คือ ฆานวิญญาณจติ ๒ ๖. จิตท่ที าํ หนา ที่ สายนกจิ มี ๒ ดวง คอื ชิวหาวญิ ญาณจิต ๒ ๗. จิตทท่ี ําหนาที่ ผสุ นกิจ มี ๒ ดวง คือ กายวญิ ญาณจิต ๒ ๘. จิตทีท่ ําหนาที่ สัมปฏจิ ฉนกิจ มี ๒ ดวง คือ สมั ปฏจิ ฉนจิต ๒ ๙. จิตทท่ี ําหนา ท่ี สนั ตีรณกิจ มี ๓ ดวง คือ สันตรี ณจติ ๓ ๑๐. จิตที่ทําหนา ท่ี โวฏฐพั พนกจิ ไมมี ๑๑. จติ ทท่ี าํ หนาท่ี ชวนกิจ ไมมี ๑๒. จิตท่ที าํ หนาท่ี ตทารัมมณกิจ มี ๓ ดวง คอื สันตีรณจติ ๓ แปลคาถา อฎสฏ ตถา เทวฺ จ นวาฏ เทวฺ ยถากฺกมํ เอก ทวฺ ิ ติ จตุ ปจฺ กจิ จฺ ฏานานิ นิททฺ ิเส ? คาถานแ้ี ปลความวา แสดงจํานวนจิต โดยหนาท่ีและฐานตามลําดบั ดังนคี้ อื จิตที่มหี นาที่ ๑ และฐาน ๑ มีจํานวน ๖๘ ดวง จติ ทมี่ ีหนาท่ี ๒ และฐาน ๒ มจี าํ นวน ๒ ดวง จิตที่มหี นา ท่ี ๓ และฐาน ๓ มีจาํ นวน ๙ ดวง จิตทม่ี หี นา ที่ ๔ และฐาน ๔ มีจาํ นวน ๘ ดวง จิตท่ีมหี นาที่ ๕ และฐาน ๕ มีจาํ นวน ๒ ดวง จติ ทม่ี หี นาท่ี ๒ และฐาน ๒ มจี ํานวน ๒ ดวงคือ โสมนัสสันตีรณจติ ๑ มสี นั ตรี ณกิจ ตทารัมมณกจิ และ สันตรี ณฐาน ตทารมั มณฐาน มโนทวาราวชั ชนจติ ๑ มีอาวัชชนกจิ โวฏฐัพพนกิจ และ อาวชั ชนฐาน โวฏฐพั พนฐาน ฯ ดาวนโหลดขอ มูลตางๆไดจ าก ขอความเพม่ิ เตมิ ท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว)
~ 11 ~ แสดงการจาํ แนกฐาน ๑๐ โดยจติ ๘๙ หรอื ๑๒๑ ดังนี้ คอื ๑. จิตทที่ ําหนา ทีใ่ น ปฏสิ นธิฐาน ภวงั คฐาน จุติฐาน มี ๑๙ ดวง คอื อุเบกขาสนั ตรี ณจติ ๒ มหาวิปากจติ ๘ มหคั คตวิปากจิต ๙ ๒. จิตที่ทาํ หนาทใ่ี น อาวัชชนฐาน มี ๒ ดวง คือ ปญ จทวาราวชั ชนจติ ๑ มโนทวาราวัชชนจติ ๑ ขณะเกดิ ในมโนทวาร ๓. จติ ที่ทําหนาทใี่ น ปญจวิญญาณฐาน มี ๑๐ ดวง คอื ทวิปญ จวญิ ญาณจิต ๑๐ ๔. จติ ที่ทาํ หนาทใ่ี น สมั ปฏิจฉนฐาน มี ๒ ดวง คอื สัมปฏิจฉนจติ ๒ ๕. จติ ที่ทําหนาทใ่ี น สันตรี ณฐาน มี ๓ ดวง คือ สนั ตรี ณจติ ๓ ๖. จิตทีท่ ําหนาท่ีใน โวฏฐพั พนฐาน มี ๑ ดวง คอื มโนทวาราวัชชนจติ ๑ ขณะเกิดในปญจทวาร ๗. จติ ท่ีทําหนาท่ใี น ชวนฐาน มี ๕๕ หรือ ๘๗ ดวง คือ อกุศลจติ ๑๒ หสติ ปุ าทจิต ๑ มหากศุ ลจติ ๘ มหา กริยาจิต ๘ มหัคคตกุศลจิต ๙ มหัคคตกริยาจิต ๙ โลกุตตรจิต ๘ หรือ ๔๐ ๘. จิตทท่ี าํ หนาที่ใน ตทารมั มณฐาน มี ๑๑ ดวง คือ สนั ตีรณจิต ๓ มหาวิปากจิต ๘ ชวนฐานมี ๖ ฐาน คอื ๑. ระหวา งโวฏฐพั พนะ กบั ตทารัมมณะ ในปญ จทวารวถิ ี ทเ่ี ปน ตทารัมมณวาระ ๒. ระหวางโวฏฐพั พนะ กบั ภวงั ค ในปญจทวารวถิ ี ทีเ่ ปนชวนะวาระ ๓. ระหวา งโวฏฐพั พนะ กับ จุติ ในปญจทวารมรณาสันนวถิ ี ที่เปนชวนวาระ ๔. ระหวา งมโนทวาราวัชชนะ กับ ตทารัมมณะ ในกามชวนมโนทวารวิถี ทเี่ ปนตทารัมมณวาระ ๕. ระหวา งมโนทวารวชั ชนะ กบั ภวังค ในกามชวนมโนทวารวถิ ี ท่เี ปน ชวนวาระ ๖. ระหวา งมโนทวาราวชั ชน กบั จุติ ในมโนทวารมรณาสันนวิถี ทเ่ี ปน ชวนวาระ ทวารสังคหะ ทวารสงั คหะ แปลวา การสงเคราะห จิต เจตสิก โดยประเภทแหงทวาร ช่อื วา ทวารสังคหะ คาํ วา ทวาร ในท่ีนี้ หมายความวา ประตู ซ่ึงเปนท่เี ขาออก ของวถิ จี ติ ทงั้ หลาย เหมอื นหนึ่งประตูสาํ หรับเปน ทเ่ี ขาออก ของคนทง้ั หลาย มี ๖ อยา ง คือ ๑. จักขทุ วาร องคธ รรมไดแก จักขปุ สาท ๔. ชวิ หาทวาร องคธรรมไดแ ก ชิวหาปสาท ๒. โสตทวาร องคธ รรมไดแ ก โสตปสาท ๕. กายทวาร องคธรรมไดแก กายปสาท ๓. ฆานทวาร องคธรรมไดแก ฆานปสาท ๖. มโนทวาร องคธ รรมไดแ ก ภวงั คจติ ๑๙ ทวารมี ๖ พรอมดวยองคธ รรม คอื ......... // คําวา ทวาร แปลวา ประตสู ําหรบั เปนท่ีเขาออกของคน ทง้ั หลาย จักขุปสาทเปนตน ชอ่ื วา ทวาร เพราะเหมือนหน่ึงประตูเปนที่เขาออกของวถิ ีจิตทั้งหลาย ธรรมดาสัตว ท้ังหลาย ถาไมม ีปสาทรูปทั้ง ๕ และภวังคจิตแลว วิถีจิตก็เกิดข้ึนไมได เมื่อวิถีจิตเกิดข้ึนไมไดแลว ก็เปนอันวา การทาํ การพูด การคดิ ทีด่ กี ็ตาม ไมด ีกต็ าม ก็มไี มไดเ ชน เดียวกนั แสดง จติ ท่ีเกดิ ในทวารเดียว โดยแนนอนมี ๓๖ หรือ ๖๘ ดวง ไดแ ก ทวิปญ จวญิ ญาณจติ ๑๐ อัปปนาชวนจติ ดาวนโ หลดขอ มลู ตางๆไดจ าก ขอ ความเพิ่มเติมท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว)
~ 12 ~ ๒๖ หรือ ๕๘ ไมแ นน อน ไดแ ก กามจิต ๔๔ (เวน ทวปิ ญ จวิญญาณจติ ๑๐) จิตที่เกิดในทวาร ๕ โดยแนนอนมี ๓ ดวง ไดแก มโนธาตุ ๓ ไมแ นนอน ไดแ ก กามจติ ๔๑ (เวน ทวปิ ญจวญิ ญาณจติ ๑๐ มโนธาตุ ๓) จิตที่เกดิ ในทวาร ๖ โดยแนนอน มี ๓๑ ดวง ไดแ ก โสมนัสสันตีรณจิต ๑ มโนทวาราวชั ชนจติ ๑ กามชวนจิต ๒๙ ไมแ นน อนมี ๑๐ ดวง ไดแ ก อุเบกขาสนั ตรี ณจิต ๒ มหาวปิ ากจิต ๘ จิตทีเ่ กิดพนจากทวาร ๖ โดยแนนอนมี ๙ ดวง ไดแก มหัคคตวปิ ากจิต ๙ ไมแ นนอน ไดแ ก อุเบกขาสนั ตีรณจิต ๒ มหาวิปากจติ ๘ และจงแปลคาถา ดงั ตอ ไปน้ี เอกทวฺ าริกจติ ตฺ านิ ปจฺ ฉทวฺ ารกิ านิ จ ฉทวฺ ารกิ วมิ ุตตฺ านิ วมิ ตุ ตฺ านิ จ สพพฺ ถา ฉตตฺ สึ ติ ตถา ตณี ิ เอกตตฺ ึส ยถากกฺ มํ ทสธา นวธา เจติ ปจฺ ธา ปริทีปเย ฯ คาถานี้แปลความวา จติ ทีเ่ กิดในทวารเดยี ว จติ ท่เี กดิ ในทวาร ๕ จิตทเี่ กิดในทวาร ๖ จิตท่ีบางทีเกิดในทวาร ๖ บางทีเกดิ พนจากทวาร ๖ และจติ ท่ีเกิดพนจากทวาร ๖ เสมอ มีจํานวนตามลําดับดงั นีค้ ือ ๓๖-๓-๓๑–๑๐–๙ แสดงการจาํ แนกทวารรกิ จิต และทวารวมิ ตุ ตจติ โดยอารมณ ๖ ดงั นค้ี อื ๑. จักขทุ วารกิ จิต ๔๖ มีรูปารมณ ทเ่ี ปน ปจจุบันอยางเดยี ว ๒. โสตทวาริกจติ ๔๖ มสี ทั ทารมณ ท่ีเปนปจ จุบนั อยางเดยี ว ๓. ฆานทวาริกจติ ๔๖ มคี ันธารมณ ทีเ่ ปน ปจ จุบันอยางเดยี ว ๔. ชิวหาทวารกิ จิต ๔๖ มีรสารมณ ทเี่ ปน ปจจุบันอยางเดยี ว ๕. กายทวาริกจิต ๔๖ มโี ผฏฐพั พารมณ ที่เปนปจจุบนั อยางเดียว ๖. มโนทวาริกจติ ๖๗ หรือ ๙๙ มอี ารมณ ๖ ที่เปนปจ จุบนั อดตี อนาคต และกาลวมิ ุตต ตามสมควรแก อารมณ ๗. ทวารวิมตุ ตจิต ทเี่ กิดขน้ึ ทาํ หนาท่ีปฏสิ นธิ ภวงั ค จตุ ิ ทัง้ ๑๙ ดวงน้ีมีอารมณหนึ่งอารมณใ ด ในบรรดา อารมณท ง้ั ๖ ท่ีเรยี กวา กรรม กรรมนิมิต คตินิมติ ซง่ึ เปน ปจจุบัน อดตี และบญั ญัติ ทฉี่ ทวารกิ มรณาสันนชวนะ รับเอามาจากภพกอ น เมือ่ ใกลจะตายเปน สว นมาก ทวารวมิ ตุ ตจติ คอื จิตทพ่ี น จากทวารทง้ั ๖ ได มี ๑๙ ดวง คอื อุเบกขาสันตีรณจิต ๒ มหาวปิ ากจิต ๘ มหคั คตวิปากจิต ๙ จติ ๑๙ ดวงนี้ ในขณะทาํ หนาที่ ปฏิสนธิ ภวงั ค จุติ เปน ทวารวิมุตต หมายความวาขณะ ทําหนา ทป่ี ฏิสนธิ และจุตนิ ัน้ ตัวเองยังไมไ ดเ ปนมโนทวาร เพราะไมม วี ิถีจติ เกดิ ขึน้ แสดง จิตทีเ่ กดิ ในกายทวาร โดยแนน อนมี ๒ ดวง คอื กายวิญญาณจติ ๒ ไมแนนอนมี ๔๔ ดวง คือ กามจิต ๔๔ (เวน ทวิปญจวญิ ญาณจิต ๑๐) ดาวนโหลดขอมูลตา งๆไดจ าก ขอความเพิ่มเติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
~ 13 ~ จิตที่เกดิ ในมโนทวาร แนนอนมี ๒๖ หรอื ๕๘ ดวงคือ อปั ปนาชวนะ ๒๖ หรือ ๕๘ ไมแนนอนมี ๔๑ ดวง คอื กามจิต ๔๑ (เวน ทวิปญ จวญิ ญาณจิต ๑๐ มโนธาตุ ๓) หรอื มโนทวาราวชั ชนจติ ๑ กามชวนะ ๒๙ ตทารมั มณจติ ๑๑ จิตทีเ่ กิดพนจากทวาร โดยแนนอนมี ๙ ดวงคอื มหัคคตวปิ ากจติ ๙ ไมแนน อนมี ๑๐ ดวงคอื อุเบกขาสนั ตีรณจิต ๒ มหาวิปากจติ ๘ จกั ขทุ วารกิ เจตสกิ ปญ จทวารกิ เจตสกิ ทวารวิมตุ เจตสิก ท้งั ๓ อยางนี้ โดยแนน อนไมม นี ัน้ เพราะ เจตสกิ ทปี่ ระกอบกบั จกั ขุวญิ ญาณจิตโดยเฉพาะไมม ี เจตสกิ ทปี่ ระกอบกบั มโนธาตุ ๓ โดยเฉพาะไมมี เจตสกิ ที่ ประกอบกับมหคั คตวปิ ากจิต ๙ โดยเฉพาะก็ไมมี ฉะนน้ั เจตสกิ ทงั้ ๓ อยางน้ี จึงเปนเจตสิกท่แี นนอนไมได เจตสกิ ที่เกิดขนึ้ ไมวา เวลาใด ตอ งเกดิ ในทวารเดยี วเสมอน้นั มจี าํ นวน ๒ ดวงคอื อัปปมญั ญาเจตสกิ ๒ ที่ เปน เชน น้ีเพราะอัปปมัญญาเจตสิก ๒ ดวงน้ี เกิดขึ้นรบั สตั วบญั ญัตเิ ปนอารมณ วิถจี ิตทจี่ ะรับสัตวบัญญัตเิ ปน อารมณไ ดน ้ัน ตอ งเปน วถิ จี ติ ท่ีเกดิ ทางมโนทวารอยา งเดียว ที่กลาวเชน นี้มงุ หมายเอาอัปปมญั ญาเจตสิก ที่ ประกอบกบั มหากุศลจิต มหากริยาจติ รูปาวจรกศุ ลจิต รูปาวจรกริยาจิต เทานั้น ถา อัปปมัญญาเจตสกิ ที่ ประกอบกับ รปู าวจรวปิ ากจิตแลว กเ็ ปนทวารวิมุตไิ ป ฉะนนั้ อปั ปมญั ญาเจตสิก ๒ ดวงน้ี จึงเกิดไดเ ฉพาะแต ในมโนทวารเทานั้น เจตสกิ ทีต่ อ งเกดิ ในทวารเสมอ มี ๑๗ ดวง คือ อกศุ ลเจตสิก ๑๔ วิรตเี จตสกิ ๓ เพราะอกุศลเจตสิก ๑๓ ประกอบกับอกุศลจิต ๑๒ ซงึ่ เปน จิตท่เี กิดในทวาร ๖ ทวารใดทวารหนง่ึ เสมอ สว นวิรตเี จตสกิ ๓ นนั้ ประกอบกับมหากศุ ลจติ และโลกุตตรจติ ซงึ่ เปน ทเ่ี กดิ ในทวารใดทวารหน่ึงเสมอเชนเดยี วกัน ฉะน้นั เจตสิกท้ัง ๑๗ ดวงจงึ เกดิ ในทวารโดยแนน อน ปญญาเจตสกิ ท่ีเกดิ ข้นึ โดยไมใ ชทางตา หู จมกู ล้นิ กาย ใจน้นั มี เปนปญ ญาเจตสกิ ทปี่ ระกอบกับมหาวบิ าก ญาณสัมปยุตตจติ ๔ ในขณะท่ีทําหนาที่ปฏสิ นธิ ภวงั ค จตุ ิ และปญญาเจตสิกท่ีประกอบกับมหคั คตวิปากจิต ๙ อารมั มณสงั คหะ ความแตกตา งกนั ระหวางคําวา อารัมมณะกับอาลัมพนะนั้น มดี งั นี้ อารมั มณะ หมาย ความวา ธรรมชาติท่ีเปน ท่ียินดขี อง จิต เจตสกิ ทง้ั หลาย เสมอื นหนง่ึ สวนดอกไมอ ันเปนที่ยินดีของคนทั้งหลาย อาลัมพนะ หมายความวา ธรรมชาตอิ นั เปน เคร่ืองยดึ เหนี่ยวของ จิต เจตสกิ ท้งั หลาย เหมอื นไมเ ทาหรอื เชอื กอันเปนเครือ่ งยดึ เหนี่ยวของคนชรา และคนทุพพลภาพ ๑. รปู ารมณ อารมณม ี ๖ อยา งคือ ๒. สทั ทารมณ องคธ รรมไดแก สตี า ง ๆ ๓. คันธารมณ องคธ รรมไดแก เสียงตา ง ๆ ๔. รสารมณ องคธรรมไดแก กล่ินตาง ๆ องคธ รรมไดแ ก รสตาง ๆ ดาวนโ หลดขอมลู ตางๆไดจ าก ขอ ความเพิม่ เตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)
~ 14 ~ ๕. โผฏฐพั พารมณ องคธรรมไดแ ก เย็น รอ น ออน แข็ง หยอ น ตึง ๖. ธรรมารมณ องคธ รรมไดแ ก จติ เจตสิก ปสาทรปู สุขุมรปู นพิ พาน บัญญัติ แปลคาถา ปฺจวสี ปริตตฺ มหฺ ิ ฉ จติ ตฺ านิ มหคคฺ เต เอกวีสติ โวหาเร อฏ นิพพฺ านโคจเร วสี านุตตฺ รมตุ ตฺ มฺหิ อคคฺ มคคฺ ผลชุ ฌฺ เิ ต ปจฺ สพฺพตถฺ ฉจเฺ จติ สตตฺ ธา ตตฺถ สงคฺ โห. คาถานี้แปลวา / แปลคาถาดงั ตอไปนี้ จติ ๒๕ ดวง คอื ทวปิ ญ จวญิ ญาณจติ ๑๐ มโนธาตุ ๓ สันตรี ณจติ ๓ มหาวปิ ากจิต ๘ หสิตปุ ปาทจิต ๑ เกดิ ไดในอารมณ ๖ ท่ีเปน กามธรรมอยางเดยี ว จติ ๖ ดวง คือ วิญญานญั จายตนฌานจิต ๓ เนวสัญญานาสัญญายตนฌานจติ ๓ เกิดไดใ นธรรมารมณท ่ีเปน มหัคคตะอยางเดยี ว จิต ๒๑ ดวง คือ รปู าวจรจิต ๑๕ (เวนอภญิ ญาจติ ๒) อากาสานญั จายตนฌานจติ ๓ อากญิ จญั ญายตนฌาน จิต ๓ เกิดไดใ นธรรมารมณท เี่ ปน บัญญัตอิ ยางเดยี ว จิต ๘ ดวง คือ โลกตุ ตรจิต ๘ เกิดไดในธรรมารมณทเี่ ปน นิพพานอยา งเดียว จิต ๒๐ ดวง คือ อกศุ ลจิต ๑๒ มหากศุ ลญาณวิปปยุตตจติ ๔ มหากรยิ าญาณวิปปยุตตจิต ๔ เกิดไดในอารมณ ๖ ทเี่ ปนกามะ มหคั คตะ บัญญตั ิ (เวนโลกุตตรธรรม ๙) จิต ๕ ดวง คือ มหากศุ ลญาณสมั ปยุตตจิต ๔ กุศลอภิญญาจติ ๑ เกดิ ไดใ นอารมณ ๖ ทีเ่ ปน กามะ มหคั คตะ โลกุตตระ บัญญัติ (เวน อรหตั ตมรรค อรหัตตผล) จติ ๖ ดวง คือ มหากริยาญาณสมั ปยตุ ตจติ ๔ กริ ิยาอภิญญาจิต ๑ มโนทวาราวัชชนจติ ๑ เกิดไดใ นอารมณ ๖ ทเี่ ปนกามะ มหัคคตะ โลกุตตระ บัญญตั ิ โดยไมมเี หลอื ในอารัมมณสงั คหะนี้ มกี ารสงเคราะหจ ิต ๗ นยั โดยประเภทแหงเอกันตะ ๔ อเนกนั ตะ ๓ ดังทกี่ ลา วมาแลว ดวยประการฉะน้ี. อารมณ ๖ เมื่อจาํ แนกโดยประเภทใหญแลว มี ๔ ประเภท คอื ๑. กามอารมณ องคธ รรมไดแ ก กามจติ ๕๔ เจตสกิ ๕๒ รปู ๒๘ ๒. มหคั คตอารมณ องคธรรมไดแก มหคั คตจิต ๒๗ เจตสิก ๓๕ ๓. โลกตุ ตรอารมณ องคธ รรมไดแ ก โลกตุ ตรจติ ๘ เจตสิก ๓๖ นพิ พาน ๔. บญั ญตั อิ ารมณ องคธรรมไดแ ก สทั ทบญั ญตั ิ อตั ถบัญญัติ อารมณ ๖ แบง ออกเปน ๒ พวก คอื ๑. เตกาลกิ อารมณ เปน อารมณท่เี กีย่ วดวยกาลท้ัง ๓ คอื ปจจุบัน อดีต อนาคต ไดแก จติ เจตสิก รูป จติ เจตสกิ รปู ท่ีเปนปจ จุบนั อารมณน ัน้ หมายถงึ ขณะที่ปรากฏอยูเฉพาะหนา ทางตา หู จมูก ลนิ้ กาย ใจ คอื กาํ ลงั เหน็ กําลงั ไดยนิ กาํ ลังไดกล่ิน กําลงั รรู ส กาํ ลังถูกตอ ง กําลังรใู นอารมณที่เกิดข้นึ ยงั ไมด ับ ดาวนโหลดขอมูลตางๆไดจ าก ขอ ความเพิม่ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
~ 15 ~ ไป เหลา น้ี เรียกวา ปจ จบุ ันอารมณ จติ เจตสกิ รปู ทเี่ ปน อดีตอารมณน น้ั หมายถึง อารมณเ หลาน้ผี า นไปแลว คือ ไดเห็นแลว ไดยนิ แลว ไดก ลิน่ แลว ไดรูรสแลว ไดถ ูกตอ งแลว สาํ หรับทางใจน้ัน คดิ ในอารมณท ่ผี านไปแลว จติ เจตสกิ รปู ท่ีเปน อนาคตอารมณน ั้น หมายถึงอารมณต าง ๆ เหลานั้นจะมาปรากฏในทางตา หู จมกู ล้ิน กาย ใจ คือจะเห็น จะไดยินจะไดก ล่นิ จะไดรูรส จะไดถูกตอง สาํ หรับทางใจนน้ั คิดนึกถึง อารมณท จ่ี ะมาปรากฏเหลานัน้ ๒. กาลวมิ ตุ ตอารมณ เปนอารมณท ีไ่ มเก่ียวดวยกาลท้งั ๓ ไดแก นพิ พาน บัญญัติ นพิ พาน บญั ญตั ิ ทเี่ ปน กาลวิมตุ ตอารมณนั้น เพราะธรรม ๒ พวกน้ีเปน อสังขตธรรม ไมไ ดถ กู ปรงุ แตง ดว ย ปจจัย ๔ ฉะน้นั การเกดิ ขนึ้ ของธรรมทั้ง ๒ พวกน้ีจึงไมมี เม่อื ไมมีการเกดิ แลว ก็กลาวไมไ ด วา นพิ พานหรอื บัญญตั ิเหลา น้ี เปนปจจบุ นั อดีต อนาคต เรยี กวา กาลวิมตุ ตอารมณ นพิ พาน กับ บญั ญัติ ทพี่ นจากกาลทง้ั ๓ เรียกวา กาลวมิ ตุ อารมณน ัน้ เพราะธรรม ๒ พวกนี้ เปนอสงั ขต ธรรม ไมไ ดถ กู ปรงุ แตง ดวยปจ จยั ๔ ฉะนั้น การเกดิ ขนึ้ ของธรรม ๒ พวกนจ้ี ึงไมมี เม่อื ไมม ีการเกดิ ขึ้นแลว ก็ กลา วไมไ ดว า นพิ พาน หรือบญั ญัตเิ หลานี้ เปน ปจจุบัน อดีต อนาคต จงึ เรยี กวา กาลวมิ ุตอารมณ จาํ แนกจติ ท่รี บั อารมณ โดยแนนอน (บางสวน) ดังนี้ ๑. จติ ที่รับนิพพานอารมณอยางเดียว โดยแนนอน มี ๘ หรอื ๔๐ ดวง คือ โลกตุ ตรจติ ๘ หรือ ๔๐ ๒. จติ ทรี่ บั อนาคตอารมณอยา งเดียว โดยแนน อน ไมมี ๓. จิตท่รี บั บัญญตั อิ ารมณอ ยา งเดยี ว โดยแนน อน มี ๒๑ ดวง คือ รปู าวจรจิต ๑๕ (เวน อภิญญาจติ ๒) อากาสานญั จายตนฌานจิต ๓ อากญิ จัญญายตนฌานจิต ๓ ๔. จติ ทร่ี บั ธรรมารมณอ ยา งเดียว โดยแนน อน มี ๓๕ ดวง คือ มหัคคตจิ ต ๒๗ (เวน อภญิ ญาจติ ๒) โลกุตตร จิต ๘ จติ และเจตสกิ ทร่ี ับอารมณโ ดยแนน อนมดี งั นค้ี ือ ๑./- จติ ทร่ี ับนพิ พานอารมณ โดยแนนอนมี ๘ ดวง คอื โลกตุ ตรจิต ๘ เจตสิกที่รบั นิพพานอารมณ โดยแนนอนไมม ี ๒/๑. จติ ท่ีรับนามอารมณโ ดยแนนอน มี ๑๔ ดวง คือ วิญญาณญั จายตนฌานจติ ๓ เนวสญั ญานาสญั ญายตนฌานจิต ๓ โลกตุ ตรจิต ๘ เจตสกิ ทร่ี บั นามอารมณโดยแนนอน ไมมี ๓/๒. จิตท่ีรับรูปอารมณ โดยแนน อน มี ๑๓ ดวง คือ ทวิปญ จวิญญาณจิต ๑๐ มโนธาตุ ๓ เจตสกิ ทร่ี บั รปู อารมณโ ดยแนน อน ไมม ี ๔/๓. จติ ที่รบั บัญญัตอิ ารมณ โดยแนน อน มี ๒๑ ดวง คอื รปู าวจรจติ ๑๕ (เวน อภญิ ญาจติ ๒) อากาสานญั จายตนฌานจติ ๓ อากญิ จญั ญายตนฌานจิต ๓ เจตสกิ ท่รี บั บญั ญัติอารมณโ ดยแนนอน มี ๒ ดวง คือ อปั ปมัญญาเจตสิก ๒ ๕/๔. จิตท่ีรับปรมัตถอารมณ โดยแนนอน มี ๓๙ ดวง คือ ทวิปญจวญิ ญาณจิต ๑๐ มโนธาตุ ๓ สันตีรณจิต ดาวนโหลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอ ความเพิม่ เตมิ ที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)
~ 16 ~ ๓ มหาวิปากจิต ๘ หสิตปุ ปาทจิต ๑ วิญญานัญจายตนฌานจิต ๓ เนวสญั ญานาสัญญายตนฌานจิต ๓ โลกตุ ตรจิต ๘ เจตสกิ ทรี่ บั ปรมตั ถอารมณโ ดยแนน อนมี ๓ ดวงคอื วีรตีเจตสกิ ๓ วัตถสุ งั คหะ คําวา วัตถุ ในวัตถสุ งั คหะนี้ หมายความวา ธรรมเปนทอี่ าศยั ของจติ และเจตสกิ ชอ่ื วา วัตถุ วตั ถุมี ๖ อยา ง คอื ๑. จกั ขุวตั ถุ องคธรรมไดแก จกั ขุปสาท ๒. โสตวตั ถุ องคธ รรมไดแก โสตปสาท ๓. ฆานวตั ถุ องคธรรมไดแ ก ฆานปสาท ๔. ชวิ หาวัตถุ องคธ รรมไดแ ก ชวิ หาปสาท ๕. กายวตั ถุ องคธ รรมไดแ ก กายปสาท ๖. หทยั วตั ถุ องคธ รรมไดแ ก หทยั รูป ฉวตถฺ ุ นสิ ฺสติ า กาเม สตตฺ รูเป จตพุ ฺพธิ า ตวิ ตถฺ ุ นสิ ฺสติ า รูเป ธาเตฺวกา นสิ สฺ ติ า มตา. คาถานี้แปลความวา นกั ศกึ ษาท้งั หลาย พึงทราบ วญิ ญาณธาตุ ๗ ทอี่ าศัยวตั ถุรูป ๖ เกดิ ในกามภมู ิ ๑๑ พึงทราบ วิญญาณธาตุ ๔ คือ จักขุวิญญาณธาตุ โสตวิญญาณธาตุ มโนธาตุ มโนวิญญาณธาตุ ท่ีอาศัยวัตถุ รูป ๓ คือ จักขุวตั ถุ โสตวัตถุ หทยวตั ถุ เกิดในรูปภมู ิ ๑๕ (เวน อสญั ญสตั ตภูม)ิ พงึ ทราบ มโนวิญญาณธาตุ ๑ ท่ไี มอาศัยวตั ถุรปู เกดิ ในอรูปภูมิ ๔ ฯ เตจตตฺ าลสี นสิ สฺ าย เทวฺ จตตฺ าลสี ชายเร นสิ ฺสาย จ อนสิ สฺ าย ปาการปุ ปฺ า อนสิ สฺ ติ า ฯ แปลคาถา : - จิต ๔๓ ดวง คอื ปญจวิญญาณธาตุ ๑๐ มโนธาตุ ๓ มโนวิญญาณธาตุ ๓๐ ไดแก โทสมูลจิต ๒ สนั ตีรณจิต ๓ หสิตุปปาทจิต ๑ มหาวิปากจิต ๘ รูปาวจรจิต ๑๕ โสตาปตติมรรคจิต ๑ เหลานี้ เกดิ ขึ้นโดยอาศัยวตั ถรุ ปู แนน อน (๑๐ ๓ ๓๐=๒/๓/๑/๘/๑๕/๑) จิต ๔๒ ดวง คือ โลภมูลจิต ๘ โมหมูลจิต ๒ มโนทวาราวัชชนจิต ๑ มหากุศลจิต ๘ มหากริยาจิต ๘ อรู ปาวจรกุศลจิต ๔ อรูปาวจรกรยิ าจติ ๔ โลกตุ ตรจิต ๗ (เวนโสดาปตติมรรค) เหลานี้ เกดิ ข้นึ โดยอาศัยวตั ถรุ ปู ไมแนน อน (๘ ๒ ๑ ๘ ๘ ๔ ๔ ๗) อรปู วปิ ากจิต ๔ ยอมเกิดขึน้ โดยไมอ าศยั วัตถรุ ปู เลย จิตท่ีเกดิ ข้ึนโดยอาศยั วัตถรุ ูปแนน อน มี ๔๓ ดวง คือ ทวปิ ญ จวญิ ญาณจิต ๑๐ มโนธาตุ ๓ โทสมูลจติ ๒ ตทารมั มณจิต ๑๑ หสติ ปุ ปาทจติ ๑ รูปาวจรจติ ๑๕ โสดาปต ติมรรคจิต ๑ จิตทอี่ าศยั วตั ถรุ ูปเกิดไมแนน อน มี ๔๒ ดวง คอื โลภมูลจิต ๘ โมหมูลจติ ๒ มโนทวาราวชั ชนจิต ๑ มหา กศุ ลจิต ๘ มหากรยิ าจิต ๘ อรปู าวจรกศุ ลจติ ๔ อรูปาวจรกริยาจิต ๔ โลกตุ ตรจติ ๗ (เวน โสดาปตติมรรค) (๘ ๒ ๑ ๘ ๘ ๔ ๔ ๗) ดาวนโหลดขอ มูลตา งๆไดจ าก ขอ ความเพม่ิ เติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
~ 17 ~ จติ ทีเ่ กิดขึน้ โดยไมไดอาศัยวตั ถุรปู แนน อน มี ๔ ดวง คอื อรปู าวจรวปิ ากจติ ๔ จิตท่เี กิดขึน้ โดยไมตอ งอาศยั วตั ถรุ ูปเลย มี ๔ ดวงคือ อรูปาวจร วปิ ากจติ ๔ จําแนกจติ ๔๓ ดวง ท่ีอาศยั วตั ถรุ ปู เกดิ แนน อนโดยวตั ถรุ ปู ๖ ดังนี้คือ ๑. จกั ขวุ ญิ ญาณธาตุ ๒ อาศัยจักขุวตั ถเุ กิด ๒. โสตวิญญาณธาตุ ๒ อาศยั โสตวตั ถุเกดิ ๓. ฆานวญิ ญาณธาตุ ๒ อาศัยฆานวัตถุเกิด ๔. ชิวหาวิญญาณธาตุ ๒ อาศยั ชิวหาวัตถุเกดิ ๕. กายวิญญาณธาตุ ๒ อาศัยกายวตั ถเุ กิด ๖. มโนธาตุ ๓ โทสมูลจิต ๒ ตทารัมมณจติ ๑๑ หสติ ุปปาทจิต ๑ อาศัยหทยั วัตถุเกิด รปู าวจรจติ ๑๕ โสตาปตติมรรคจิต ๑ รวม ๓๓ ดวงน้ี แสดงวญิ ญาณธาตุ ๗ พรอ มดว ยองคธ รรม มดี ังนี้ ๑. จกั ขวุ ญิ ญาณธาตุ องคธรรมไดแก จักขวุ ญิ ญาณจติ ๒ ๒. โสตวญิ ญาณธาตุ องคธรรมไดแก โสตวิญญาณจิต ๒ ๓. ฆานวญิ ญาณธาตุ องคธ รรมไดแก ฆานวญิ ญาณจติ ๒ ๔. ชวิ หาวิญญาณธาตุ องคธรรมไดแก ชิวหาวิญญาณจิต ๒ ๕. กายวิญญาณธาตุ องคธ รรมไดแก กายวญิ ญาณจติ ๒ ๖. มโนธาตุ องคธรรมไดแ ก สัมปฏิจฉนจติ ๒ ปญ จทวาราวชั ชนจิต ๑ ๗. มโนวิญญาณธาตุ องคธรรมไดแ ก จิต ๗๖ หรือ ๑๐๘ (เวน ทวิปญจวญิ ญาณจติ ๑๐ มโนธาตุ ๓) การจําแนกวญิ ญาณธาตุ ๗ ทเี่ กดิ ในกามภมู ิ ๑๑ โดยวตั ถรุ ปู ๖ ดังน้ี ๑. จักขุวญิ ญาณธาตุ ๒ อาศยั จกั ขวุ ตั ถุเกิด ๒. โสตวิญญาณธาตุ ๒ อาศยั โสตวัตถเุ กดิ ๓. ฆานวญิ ญาณธาตุ ๒ อาศัยฆานวัตถุเกิด ๔. ชวิ หาวญิ ญาณธาตุ ๒ อาศยั ชิวหาวตั ถเุ กิด ๕. กายวญิ ญาณธาตุ ๒ อาศัยกายวตั ถุเกิด ๖. มโนธาตุ ๓ อาศยั หทยั วตั ถุเกดิ ๗. มโนวญิ ญาณธาตุ ๖๗ ไดแ ก กามจิต ๔๑ (เวน ทวปิ ญ จวญิ ญาณ ๑๐ มโนธาตุ ๓) และมหัคคตกุศลจิต ๙ มหคั คตกริยาจิต ๙ โลกตุ ตรจติ ๘ อาศัยหทยั วัตถุเกิด จาํ แนกวญิ ญาณธาตุ ๔ ทีเ่ กดิ ในรปู ภมู ิ ๑๕ โดยวตั ถรุ ปู ๓ ดงั น้ี ๑. จกั ขุวิญญาณธาตุ ๒ อาศยั จักขวุ ัตถเุ กิด ๒. โสตวญิ ญาณธาตุ ๒ อาศยั โสตวตั ถเุ กดิ ๓. มโนธาตุ ๓ อาศยั หทยวตั ถเุ กิด ดาวนโหลดขอ มูลตางๆไดจาก ขอ ความเพ่ิมเติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)
~ 18 ~ ๔. มโนวญิ ญาณธาตุ ๖๒ ไดแกโลภมลู จติ ๘ โมหมูลจติ ๒ สนั ตรี ณจติ ๓ มโนทวาราวชั ชนจิต ๑ หสิตุป ปาทจิต ๑ มหากุศลจิต ๘ โลกุตตรจิต ๘ มหากริยาจติ ๘ รปู าวจรจิต ๑๕ อรู ปาวจรกุศลจิต ๔ อรปู าวจรกริยาจติ ๔ เหลา นี้ อาศยั หทยวัตถเุ กดิ จําแนกเจตสกิ ๕๒ โดยวตั ถรุ ปู ๖ นนั้ มีดงั นี้ คอื ในบรรดาเจตสิก ๕๒ ดวงนั้น สัพพจิตตตสาธารณเจตสกิ ๗ ดวง อาศยั วตั ถุรูป ๖ เกิดก็ได ไมอาศัยวตั ถุรูป ๖ เกดิ กไ็ ด เจตสกิ ท่ีเหลอื ๓๙ (เวน โทจตกุ กเจตสิก ๔ อัปปมญั ญาเจตสิก ๒) อาศัยหทยวตั ถรุ ูปเกดิ กไ็ ด ไมอาศัยหทยวตั ถุรปู เกิดก็ได โทจตกุ เจตสกิ ๔ อปั ปมญั ญาเจตสิก ๒ อาศยั หทยวตั ถรุ ูปเกดิ แนนอน และท่กี ลา ววา โทจตุกเจตสกิ ๔ อัปปมัญญาเจตสกิ ๒ ตองอาศัยหทยวตั ถรุ ปู เกิดโดยแนน อนนัน้ เพราะเหตุวา โทจตุกเจตสิก ๔ ดวงน้ี เกิดไดเ ฉพาะแตใ นกามภมู อิ ยางเดียว สวนอัปปมญั ญาเจตสิก ๒ เกดิ ไดเฉพาะแตใ นปญ จโวการภูมิเทานัน้ ทวารมี ๖ วัตถมุ ี ๖ ทง้ั สองอยา งน้ี องคธรรมเหมือนกันกม็ ี ตา งกันก็มี สว นทเ่ี หมอื นกนั นน้ั คอื จักขุทวารกับจกั ขุวตั ถุ องคธรรมไดแ ก จกั ขุปสาท โสตทวารกบั โสตวตั ถุ องคธรรมไดแก โสตปสาท ฆานทวารกบั ฆานวัตถุ องคธ รรมไดแก ฆานปสาท ชิวหาทวารกบั ชิวหาวัตถุ องคธ รรมไดแ ก ชิวหาปสาท กายทวารกับกายวตั ถุ องคธ รรมไดแ ก กายปสาท สว นท่ีตา งกนั คอื มโนทวาร องคธรรมไดแ ก ภวงั คจติ ๑๙, หทัยวตั ถุ องคธรรมไดแก ทหยั รปู สมจุ จยสังคหะ ปรจิ เฉทที่ ๗ จงึ เรียกวา สมจุ จยสังคหะ เพราะเหตุ ในปริจเฉทท่ี ๗ น้ี พระอนุรุทธาจารยแ สดงการรวบรวม ธรรมท่ีมีสภาพเขากนั ได เรียกวา สมจุ จยสังคหะ และในสมุจจยสงั คหะ นี้มีสงั คหะอยู ๔ หมวด คอื ๑. อกศุ ลสังคหะ การแสดงสงเคราะหธรรมทเี่ ปน ฝายอกศุ ลโดยสวนเดียว หมวดหน่งึ ๒. มิสสกสงั คหะ การแสดงสงเคราะหธ รรมทเ่ี ปนกศุ ล อกุศล อพยฺ ากต ทัง้ ๓ ปนกัน หมวดหน่งึ ๓. โพธปิ กขยิ สังคหะ การแสดงสงเคราะหธรรมทเ่ี ปนฝายมรรคญาณ หมวดหนง่ึ ๔. สพั พสงั คหะ การแสดงสงเคราะหจิต เจตสกิ รูป นพิ พาน ซ่ึงเปน วตั ถธุ รรมทัง้ หมดรวมกัน หมวดหนึ่ง ในอกศุ ลสังคหะ มธี รรมอยู ๙ หมวด คือ ๑. อาสวะ ๒. โอฆะ ๓. โยคะ ๔. คนั ถะ ๕. อปุ าทาน ๖. นีวรณะ ๗. อนสุ ัย ๘.สังโยชน ๙. กิเลส ในมสิ สกสังคหะ มีธรรมอยู ๗ หมวด คือ ๑. เหตุ ๒. ฌานงั คะ ๓. มัคคงั คะ ๔. อนิ ทรยี ๕. พละ ๖. อธิบดี ๗. อาหาร ในโพธิปก ขยิ สงั คหะมธี รรมอยู ๗ หมวด คอื ๑. สตปิ ฏ ฐาน ๒. สมั มัปปธาน ๓. อิทธิบาท ๔. อินทรยี ๕. พละ ๖. โพชฌงค ๗. มคั คังคะ ดาวนโ หลดขอ มูลตา งๆไดจาก ขอความเพิม่ เตมิ ที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)
~ 19 ~ ในสพั พสงั คหะ มีธรรมอยู ๕ หมวด คอื ๑. ขันธ ๒. อุปาทานขันธ ๓. อายตนะ ๔. ธาตุ ๕. สัจจะ คาถาทีแ่ สดงถึงอนสุ นธแิ ละปฏิญญา ทวฺ าสตตฺ ตวิ ธิ า วตุ ตฺ า วตถฺ ุธมฺมา สลกฺขณา เตสํ ทานิ ยถาโยคํ ปวกขฺ ามิ สมจุ จฺ ย.ํ คาถานแ้ี ปลวา วัตถุธรรม คอื ธรรมทม่ี ีสภาพของตนโดยแท ๗๒ ประการนน้ั ขาพเจาไดแ สดงไปแลว บดั น้ีจะ แสดงสมุจจยสังคหะ คือสังคหะท่รี วบรวมธรรมตา ง ๆ ของวัตถุธรรม ๗๒ ประการน้นั ตามที่จะเขากนั ได นับจาํ นวนวัตถธุ รรม ๗๒ นั้น มดี ังน้ี จิตทั้งหมดนบั เปน ๑ เจตสกิ ๕๒ นปิ ผนั นรปู ๑๘ นิพพาน ๑ สมจุ จยสงั คหะ หมายความวา ปริจเฉทท่ีแสดงการรวบรวมปรมตั ถธรรมทั้ง ๔ ท่มี สี ภาพเขากันไดใ หอ ยูเ ปนหมวด ๆ ช่อื วา สมุจจยสงั คหะ ดงั มวี จนตั ถะแสดงวา สห อจุ ฺจยี นเฺ ต เอตถฺ าติ สมจุ ฺจโย (วา) สํ ปณ ฺเฑตวฺ า อจุ ฺจยี นเฺ ต เอเตนาติ สมจุ จฺ โย ปรจิ เฉทท่ีชอ่ื วา สมจุ จยะ เพราะเปน ปรจิ เฉทท่แี สดงรวบรวมปรมตั ถธรรมท้ัง ๔ ประการพรอ มกนั (หรือ) ปริจเฉททช่ี ่ือวา สมุจจยะ เพราะเปนเหตแุ หง การรวบรวมปรมัตถธรรมทมี่ สี ภาพเขากันได ใหอ ยูเปนหมวด ๆ สมจุ จยสงั คหะ แบงออกเปน ๔ หมวด คอื ๑. อกุศลสังคหะ การแสดงสงเคราะหธรรมทีเ่ ปนฝา ยอกุศล โดยสว นเดียว หมวดหนง่ึ ๒. มสิ สกสังคหะ การแสดงสงเคราะหธรรมท่เี ปน กุศล อกุศล อพยฺ ากต ท้ัง ๓ ปนกนั หมวดหนง่ึ ๓. โพธปิ กขยิ สงั คหะ การแสดงสงเคราะหธรรมที่เปนฝายมรรคญาณ หมวดหนึ่ง ๔. สพั พสังคหะ การแสดงสงเคราะหจติ เจตสกิ รปู นพิ พาน ซ่ึงเปน วัตถธุ รรมทง้ั หมดรวมกนั หมวดหน่ึง วตั ถุธรรม หมายความวา ธรรมท่ีมีองคธรรมปรมัตถข องตนโดยเฉพาะ สามารถปรากฏแกปญ ญาได การแสดงรวบรวมธรรมทมี่ ีสภาพเขากนั ไดใ หอ ยูเปนหมวด ๆ แบงออกเปน ๔ หมวด คือ ...... อกศุ ลสงั คหะ ในอกุศลสงั คหะนน้ั มีธรรมอยู ๙ หมวด คือ (อา โอ โย คนั อุ นี อนุ สัง กิ) ๑. อาสวะ ๒. โอฆะ ๓. โยคะ ๔. คันถะ ๕. อุปาทาน ๖. นวี รณะ ๗. อนสุ ัย ๘. สังโยชน ๙. กิเลส เมื่อวาโดยประเภท มี ๕๕ แปลและแสดงองคธรรมของบทตอไปนี้ ก. กามาสวะ ธรรมชาติท่เี ปน เครอ่ื งไหลอยูใ นกามคุณอารมณ องคธ รรมไดแ ก โลภเจตสิก ทใ่ี นโลภมลู จิต ๘ ข. ภโวฆะ ธรรมชาติที่เปน เครือ่ งทําใหสัตวจ มอยูใน รูปภพ อรปู ภพ หรือ รปู ฌาน อรปู ฌาน องคธรรมไดแ ก โลภเจตสิก ทใี่ นทิฏฐคิ ตวปิ ปยุตตจติ ๔ ค. ทฏิ ฐิโยคะ ธรรมชาติทเี่ ปน เคร่อื งประกอบสตั วใ หต ิดอยูในความเห็นผดิ องคธรรมไดแ ก ทิฏฐิเจตสกิ ที่ในทิฏฐคิ ตสมั ปยตุ ตจติ ๔ ง. อตั ตวาทุปาทาน ธรรมชาติทเี่ ปนเครอ่ื งยึดมั่นใน รูปนาม ขันธ ๕ วาเปน ตวั เปนตน ดาวนโหลดขอ มูลตางๆไดจาก ขอความเพม่ิ เตมิ ท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว)
~ 20 ~ องคธ รรมไดแก ทฏิ ฐิเจตสกิ ท่ใี นทิฏฐคิ ตสมั ปยุตตจติ ๔ จ. อวิชชานวี รณะ ธรรมชาติทเี่ ปนเคร่อื งกน้ั ความดีคือความหลง ความโง ทไ่ี มร ูตามความเปนจริง องคธ รรมไดแก โมหเจตสกิ ทีใ่ นอกศุ ลจิต ๑๒ แสดงคนั ถะ ๔ พรอ มทง้ั ความหมายและองคธ รรม ๑. อภิชฌากายคนั ถะ ธรรมชาติท่ีเก่ยี วคลองนามกาย รูปกายไวโดยอาการผกู พันอยูในกามคุณอารมณ องคธ รรมไดแ ก โลภเจตสิก ท่ใี นโลภมูลจติ ๘ ๒. พยาปาทกายคันถะ ธรรมชาติที่เก่ยี วคลอ งนามกายรปู กายไวโดยอาการโกรธ องคธ รรมไดแ ก โทสเจตสิก ที่ในโทสมลู จติ ๒ ๓. สลี พั พตปรามาสกายคนั ถะ ธรรมชาติท่ีเกย่ี วคลองนามกายรปู กายไวโ ดยอาการยดึ ถอื ในการปฏิบตั ทิ ่ผี ิด องคธรรมไดแก ทฏิ ฐเิ จตสิก ทใี่ นทิฏฐคิ ตสัมปยตุ ตจิต ๔ ๔. อทิ ังสัจจาภินเิ วสกายคันถะ ธรรมชาติท่ีเกี่ยวคลอ งนามกายรูปกายไว โดยอาการยดึ ม่ันในความเห็นผิดของ ตนวาถูก ความเห็นของคนอ่นื วา ผดิ องคธรรมไดแก ทิฏฐิเจตสิก ที่ในทิฏฐคิ ตสัมปยุตตจิต ๔ แสดงความแตกตา งระหวา ง อภิชฌาและพยาบาททเ่ี ปน มโนทจุ ริต กบั อภิชฌาและพยาบาทที่เปนคนั ถะ ๑. อภชิ ฌาท่เี ปน มโนทุจรติ นนั้ เปนโลภะอยา งหยาบ มีสภาพอยากไดท รพั ย สมบัติ ของผอู ืน่ มาเปน ของ ๆ ตน โดยไมชอบธรรม ๒. สว น อภชิ ฌากายคนั ถะ นน้ั เปนไดทั้งโลภะอยา งหยาบและอยางละเอยี ดทั้งหมด ที่เก่ียวกับความอยากได ความพอใจในทรพั ยส มบตั ิของผอู ่ืน หรือของตนเอง โดยชอบธรรมก็ตาม ไมช อบธรรมก็ตาม จัดเปน อภิชฌา กายคันถะ ท้งั สนิ้ ๓. พยาบาททีเ่ ปน มโนทจุ รติ ไดแก โทสะอยา งหยาบ ทเ่ี กี่ยวกับความปองรา ยผูอื่น โดยนึกคดิ ใหเ ขามีความ ลาํ บากเสยี หายตา ง ๆ หรอื นกึ แชง ใหผูท่ีตนไมช อบน้นั ใหถ ึงตาย ๔. สวน พยาปาทกายคันถะ น้ัน ไดแ ก โทสะ อยางหยาบกต็ าม อยา งละเอียดก็ตาม คือความไมช อบ ไมพ อใจ โกรธ กลวั กลุม ใจ เสียใจ ไปจนถึงการทําปาณาตบิ าต ผรสุ วาจา เหลาน้ี จัดเปน พยาปาทกายคันถะทัง้ สิ้น คาํ วา อุปาทาน เมอ่ื แยกบทออกแลว ได ๒ บท คือ อุป + อาทาน อุป หมายถงึ มนั่ อาทาน หมายถึงยดึ เม่อื รวม ๒ บทเขาดวยกนั แลว หมายถงึ การยึดมนั่ ในอารมณ ธรรมที่ยดึ มน่ั ในอารมณท ่เี รียกวา อุปาทาน นี้ เปรียบเสมอื นหน่ึงงูท่ีจบั กบได กัดกบนัน้ ไวแ นน ไมยอมปลอย ฉันใด โลภะ ทฏิ ฐิ ทั้ง ๒ ทม่ี ีสภาพยดึ มัน่ ในอารมณ ของตน ๆ ไมยอมปลอ ย กฉ็ ันน้นั ดงั แสดงวจนัตถะวา อุปาทยี นตฺ ตี ิ = อุปาทานานิ ธรรมเหลา ใดยอมยึดมน่ั ในอารมณ ฉะนั้น ธรรมเหลา นั้น ชื่อวา อุปาทาน ความยึดมน่ั ในอารมณเ รยี กวา อุปาทาน มี ๔ /แสดงอุปาทาน ๔ พรอมทั้งความหมายและองคธ รรม คอื ๑. กามปุ าทาน ธรรมชาติที่เปนเครื่องยึดม่นั ในกามคณุ อารมณ องคธรรมไดแก โลภเจตสกิ ที่ในโลภมูลจติ ๘ ๒. ทฏิ ุปาทาน ธรรมชาติที่เปนเคร่ืองยึดม่ันในความเห็นผิด ที่นอกจากสีลัพพตปรามาสทิฏฐิ ดาวนโหลดขอ มลู ตา งๆไดจาก ขอความเพิ่มเตมิ ที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว)
๓. สีลัพพตุปาทาน ~ 21 ~ ๔. อตั ตวาทปุ าทาน และอตั ตวาททิฏฐิ องคธ รรมไดแ ก ทฏิ ฐเิ จตสกิ ท่ีในทฏิ ฐคิ ตสมั ปยตุ ตจติ ๔ ธรรมชาตทิ ่ีเปนเครอื่ งยึดมนั่ ในการปฏิบัตผิ ดิ องคธ รรมไดแ ก ทฏิ ฐเิ จตสิก ท่ใี นทฏิ ฐคิ ตสัมปยุตตจติ ๔ ธรรมชาติทเี่ ปนเครื่องยดึ ม่ันในรปู นามขนั ธ ๕ วา เปน ตัวเปนตน องคธรรมไดแก ทิฏฐเิ จตสกิ ท่ีในทิฏฐคิ ตสัมปยุตจิต ๔ คําวา สงั โยชน หมายความวา ธรรมชาตทิ ผ่ี กู สตั วท้งั หลายไว ไมใ หอ อกไปจากวฏั ฏทกุ ขได เหมือนหน่ึง เชอื กท่ผี กู โยงสตั วห รือวตั ถุสิ่งของไวไ มใหห ลดุ ไป ดงั แสดงวจนตั ถะวา สํ โยเชนฺติ พนธฺ นตฺ ตี ิ = สโํ ยชนานิ ธรรมเหลาใด ยอมผกู สตั วท งั้ หลายไว ฉะนั้น ธรรมเหลา น้นั ชอื่ วา สังโยชน จาํ แนกสงั โยชน ๑๐ โดยโอรัมภาคยิ สงั โยชนและอทุ ธมั ภาคยิ สงั โยชนตามสตุ ตันตนัย คอื โอรัมภาคิยสงั โยชน มี ๕ คอื ๑. กามราคสงั โยชน ๒. ปฏฆิ สงั โยชน ๓. ทิฏฐสิ งั โยชน ๔. สีลพั พตปรามาสสงั โยชน ๕. วจิ กิ ิจฉาสงั โยชน อุทธมั ภาคิยสังโยชน มี ๕ คอื ๑. รูปราคสังโยชน ๒. อรปู ราคสังโยชน ๓. มานสงั โยชน ๔. อุทธจั จสงั โยชน ๕. อวิชชาสังโยชน เหตทุ ค่ี วามพอใจ ความโกรธ ความถอื ตวั เปน ตน เหลา นี้ จึงชอ่ื วา สังโยชนไ ด การที่ความพอใจ ความโกรธ ความถือตัวเปนตนเหลาน้ี ช่ือวา สงั โยชนไ ดน ั้น เพราะความพอใจ ความ โกรธ ความถือตวั เปน ตนเหลานี้ยอมผกู สตั วทั้งหลายไวไ มใหพ นจากวฏั ฏะทุกข อธบิ ายวา ตามธรรมดาของปุถชุ นท้ังหลายนั้น ยอมมีธรรมชาติชนดิ หนง่ึ ท่ีเปรียบเหมอื นเชือกเสน ใหญ ๑๐ เสนดวยกนั ซ่งึ ทาํ การผกู มดั สตั วท ั้งหลายไวไ มใหหลุดพนไปจากกองทกุ ขไ ด เชือก ๑๐ เสน เหลา น้ี ถาหาก วา เสน หนง่ึ เสนใดมีอาการตงึ ข้ึนแลว สงั โยชนเสน นน้ั ก็จะนาํ สตั วน้ันใหไ ปเกดิ ในภูมิท่ีเกยี่ วกบั สังโยชนน้นั ๆ โดยอาศยั กรรมทส่ี ตั วนัน้ กระทําขนึ้ ดังมีวจนัตถะแสดงวา สํโยเชนฺติ พนฺธนตฺ ตี ิ = สโํ ยชนานิ ธรรมเหลา ใด ยอ มผูกสัตวทง้ั หลายไว ฉะน้ัน ธรรมเหลานัน้ ช่อื วา สังโยชน แสดงยกอปุ มาเปรียบเทียบระหวา งกเิ ลสทงั้ ๓ มอี นสุ ยั กิเลสเปนตน นั้น มดี งั น้ี คือ อนสุ ยั กเิ ลส ปรยิ ฏุ ฐานกเิ ลส วตี กิ กมกเิ ลส ทง้ั ๓ อยา งน้ี เปรียบเหมอื นไมขดี ไฟ อนสุ ยั กเิ ลส เปรยี บเหมอื นไฟ ทีอ่ ยใู นหวั ไมขีด อารมณต า งๆ ท่ีมากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เปรียบเหมือนเอากา นไมขดี ไฟขีดที่ ขางกลอง เมือ่ ไฟปรากฏขึน้ ไฟนีเ้ ปรยี บเหมอื นกับปริยฏุ ฐานกเิ ลส และเม่ือเอาไฟทปี่ รากฏขน้ึ น้ไี ปจดุ เขากบั วตั ถุสงิ่ หนึง่ ส่ิงใดแลว ไฟทลี่ ุกตดิ วัตถนุ ั้น ๆ เปรยี บเหมอื นวตี กิ กมกเิ ลส ดงั น้ี และกุศลทส่ี ามารถประหาณกเิ ลสทงั้ ๓ เหลา นไี้ ดโ ดยเฉพาะ ๆ นน้ั คือ ๑. ศลี กศุ ล สามารถประหาณวตี กิ กมกเิ ลสได ๒. สมาธกิ ศุ ล สามารถประหาณปริยฏุ ฐานกิเลสได ๓. ปญ ญาในมรรค สามารถประหาณอนสุ ยั กเิ ลสได ดาวนโหลดขอมูลตางๆไดจาก ขอ ความเพิม่ เติมที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว)
~ 22 ~ กเิ ลสมจี ํานวน ๑๐ คอื ๑. โลภกเิ ลส ๒. โทสกเิ ลส ๓. โมหกเิ ลส ๔. มานกเิ ลส ๕. ทิฏฐกิ ิเลส ๖. วจิ ิกจิ ฉากิเลส ๗. ถนี กเิ ลส ๘. อุทธจั จกิเลส ๙. อหิรกิ กิเลส ๑๐. อโนตตปั ปกเิ ลส แสดงการนบั กิเลส โดยพสิ ดาร ๑๕๐๐ อารมณทเี่ ปนเหตใุ หก ิเลส ๑๐ เกดิ ขึ้นไดน้ันมี ๑๕๐ คือ นามเตปญญาสะ คือ นามธรรม ๕๓ นิปผันนรูป ๑๘ ลักขณรปู ๔ รวม ๗๕ ในอชั ฌัตตสนั ดาน คือ ภายในตัวเรา มี ๗๕ ในพหทิ ธสันดาน คอื ส่งิ ท่ีมชี ีวติ และไมม ีชวี ติ ทีอ่ ยูภายนอกตวั เรา มี ๗๕ รวม ๑๕๐ อารมณ ๑๕๐ คณู ดวยกิเลส ๑๐ คงเปนกิเลส ๑๕๐๐ แสดงอกศุ ลธรรมดงั ตอ ไปน้ี ก. ธรรมทเ่ี ปนนวิ รณไ ด แตเปนสังโยชนไมไ ด ไดแ ก ถีนะมิทธะ กุกกจุ จะ ข. ธรรมท่เี ปนสงั โยชนไดแ ตเปน นิวรณไมไ ด ไดแก มานะ ทิฏฐิ อิสสา มจั ฉรยิ ะ ค. ธรรมท่ีเปนนิวรณแ ละสงั โยชนไ ดท้งั ๒ ไดแก โลภะ โทสะ โมหะ อุทธจั จะ วิจิกิจฉา ง. ธรรมทเี่ ปน นวิ รณแ ละสังโยชนไมไ ดท้ัง ๒ ไดแ ก อกุศลจติ ๑๒ เจตสิก ๑๕ (เวนองคธ รรม ๑๒) และอกุศลธรรมทีเ่ ปน อาสวะ โอฆะ โยคะ คันถะ อปุ าทาน นิวรณ อนุสัย สงั โยชน กิเลสทง้ั ๙ เหลา น้ีไดน นั้ ไดแก โลภเจตสกิ อกศุ ลธรรมท่ีเปนไมไ ดท ง้ั ๙ เหลาน้ี ไดแก อกศุ ลจิต ๑๒ อญั ญสมานเจตสิก ๑๓ ทปี่ ระกอบกบั อกศุ ลจิต มสิ สกสงั คหะ ในมิสสกสังคหะนัน้ มีธรรมอยู ๗ หมวด คือ ๑. เหตุ ๒. ฌานงั คะ ๓. มคั คงั คะ ๔. อนิ ทรยี ๕. พละ ๖. อธบิ ดี ๗. อาหาร เมอ่ื วาโดยประเภทแลว มีจํานวน ๖๔ ประเภท แปลคาถาที่แสดงองคธรรมในมิสสกสังคหะท้งั ๗ หมวด ดงั นี้คือ เหตุ เม่ือวา โดยองคธ รรมปรมัตถแลว มี ๖ (โลภะ โทสะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ) ฌานงั คะ เม่ือวา โดยองคธรรมปรมัตถแ ลว มี ๕ (วิตก วจื าร ปติ เวทนา เอกัคคตา) มคั คังคะ เม่ือวา โดยองคธรรมปรมตั ถแ ลว มี ๙ (ปญ วติ ก วริ ตี ๓ วิริยะ สติ เอกัค. ท.ิ ) อินทรยี เมือ่ วา โดยองคธ รรมปรมตั ถแลว มี ๑๖ (รูป๘=ปสาท.๕ อติ ปรุ สิ ช-ี รูป, นาม๘=ชี-เจ จิต เว สทั วิริ สติ เอ ปญ ) พละ เมอ่ื วา โดยองคธ รรมปรมตั ถแลว มี ๙ (สัททา สติ เอกัค ปญ หิริ โอต อหิริ อโนต ) อธบิ ดี เม่ือวา โดยองคธ รรมปรมัตถแ ลว มี ๔ (ฉันทะ วริ ิยะ จิตตะ วมี งั สาปญญา) อาหาร เม่ือวาโดยองคธรรมปรมัตถแลว มี ๔ เหมือนกัน (กพฬกี าราหารโอชา ผสั สะ เจตนา จติ ) นักศกึ ษาทงั้ หลายพึงทราบการแสดงมิสสกสงั คหะ ท่มี กี ุศลเปนตนปะปนกนั โดยมี ๗ หมวดดังน้ี คําวา ฌานหมายความวา การเขาไปเพง อารมณม ีกสณิ เปน ตน หรอื เผาธรรมทีเ่ ปน ปฏปิ ก ษต อ กัน ฉะนนั้ จึงชือ่ วา ฌาน ธรรมทีเ่ ปนปฏิปก ษตอ องคฌ าน นั้น คือ ถนี มทิ ธนิวรณ เปนปฏปิ กษก ับ วติ ก วจิ กิ จิ ฉานวิ รณ เปนปฏิปกษกบั วิจาร ดาวนโหลดขอ มูลตางๆไดจาก ขอ ความเพิม่ เตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
~ 23 ~ พยาปาทนิวรณ เปน ปฏปิ ก ษกบั ปติ กามฉนั ทนิวรณ เปน ปฏปิ ก ษก ับ เอกคั คตา อทุ ธจั จกกุ กจุ นิวรณแ ละโทมนสั เวทนา เปน ปฏปิ กษกับโสมนสั เวทนาและอเุ บกขาเวทนา ปต แิ ละโสมนัสเวทนา เปนปฏิปก ษก ับ โทมนสั เวทนา ในจาํ นวนองคม รรค ๑๒ นี้ องคมรรคที่เปน เหตุและเปนหนทางใหไ ปถึง สคุ ตภิ มู ิ และพระนพิ พาน มอี ยู ๘ คอื ๑.สมั มาทฎิ ฐิ ๒. สมั มาสงั กัปปะ ๓. สัมมาวาจา ๔. สมั มากมั มนั ตะ ๕. สัมมาอาชวี ะ ๖. สมั มาวายามะ ๗. สัมมาสติ ๘. สัมมาสมาธิ องคม รรคท่ีเปนเหตุ และเปน หนทางใหไ ปถึงทคุ ตภิ มู ิ มอี ยู ๔ คอื ๑. มิจฉาทิฏฐิ ๒. มิจฉาสงั กัปปะ ๓. มิจฉาวายามะ ๔. มิจฉาสมาธิ อธิบายองคธรรมทง้ั ๙ มปี ญญาเปน ตน ทไ่ี ดช อ่ื วา มรรค องคธรรม ๙ มีปญญา เปนตน ทไ่ี ดชอ่ื วามรรคน้ี เพราะธรรมดาสัตวทง้ั หลายที่เวียนวา ยตายเกดิ อยูใน ๓๑ ภมู ิ และผูทเี่ ขาถึงพระนพิ พานไดนัน้ ยอมตอ งอาศยั มเี หตมุ ีหนทางท่ีชวยสงเสรมิ ใหถึง ธรรมท่ีเปนเหตแุ ละ เปนหนทางใหเขาถึงภูมิตาง ๆ และพระนพิ พานนนั้ กไ็ ดแ กองคม รรค ๑๒ มสี มั มาทิฏฐิเปนตน นน้ั เอง และพระพุทธองคท รงแสดงหนทางทน่ี อกจากองคม รรค ๑๒ มอี ยู ๔ อยาง คอื มจิ ฉาวาจา มิจฉากมั มนั ตะ มจิ ฉาอาชวี ะ มิจฉาสติ เมื่อวา โดยองคธรรมแลว มิจฉาวาจา ไดแ ก อกุศลจิตตุปบาท ทเ่ี กี่ยวดว ยวจีทจุ รติ มิจฉากัมมนั ตะ ไดแ ก อกศุ ลจติ ตปุ บาท ทเ่ี กี่ยวดว ยกายทจุ ริต มิจฉาอาชีวะ ไดแ ก อกุศลจติ ตุปบาท ท่ีเก่ียวดวยการเลยี้ งชพี ในทางท่ีผดิ มจิ ฉาสติ ไดแ ก อกศุ ลจิตตปุ บาท ท่มี ีสญั ญาเปนประธาน ในการระลกึ สงิ่ ทไี่ มด ตี า ง ๆ นน้ั เอง จาํ แนกอนิ ทรีย ๒๒ โดยจติ เจตสิก รูป น้ันมีดงั นี้คอื ในอินทรีย ๒๒ นน้ั จกั ขุนทรยี โสตนิ ทรยี ฆานินทรีย ชิวหนิ ทรีย กายินทรยี อติ ถนิ ทรยี ปุรสิ นิ ทรีย รวม ๗(อนิ ทรยี น้ี) เปน รปู , ชวี ิตนิ ทรยี เปน เจตสกิ และรูป, มนนิ ทรยี เปน จติ สขุ ินทรีย ทุกขินทรีย โสมนัสสนิ ทรยี โทมนสั สินทรยี อเุ ปกขินทรยี สัทธินทรีย วิริยนิ ทรีย สตินทรยี สมาธิน- ทรยี ปญญนิ ทรยี อนัญญาตัญญสั สามิตินทรีย อัญญนิ ทรยี อัญญาตาวนิ ทรยี รวม ๑๓(อินทรยี นี้) เปน เจตสกิ ปล. อินทรยี ๒๒=รูป ๘ = จักขุ-โสต-ฆาน-ชิวหา-กาย+ปสาทรูป(๕), อติ -ปุริส+ภาวรปู , ชีวิตรปู วตั ถ๕ุ , ภาว๒, รูปชีวติ นิ ฺทรฺ ิยํ นาม ๘ = ชวี ิตินทรียเ จ. จติ เวทนา สัททา วิรยิ ะ สติ เอกคั คตา ปญญา อรปู โน อนิ ฺทฺรยิ า สมฺปยตุ ฺตกานํ แสดงความหมายพรอ มทง้ั องคธรรมของอินทรีย ดังตอไปน้ี อนัญญาตญั ญสั สามติ นิ ทรยี ธรรมชาติท่ีเปน ผปู กครองในการรูแ จงอริยสจั จ ๔ ทตี่ นไมเ คยรู องคธ รรมไดแก ปญญาเจตสกิ ที่ในโสดาปต ตมิ รรคจติ ๑ อัญญินทรยี ธรรมชาติที่เปน ผูปกครองในการรแู จงอริยสจั จ ๔ ท่ตี นเคยรู องคธรรมไดแก ปญ ญาเจตสกิ ทใ่ี นมรรคจติ เบ้อื งบน ๓ และผลจิตเบือ้ งตาํ่ ๓ ดาวนโหลดขอ มูลตางๆไดจ าก ขอ ความเพมิ่ เติมที่ youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว)
~ 24 ~ อญั ญาตาวนิ ทรีย ธรรมชาติที่เปนผปู กครองในการรแู จง อริยสจั จ ๔ สนิ้ สดุ แลว องคธรรมไดแก ปญ ญาเจตสิก ท่ีในอรหตั ตผลจิต ๑ ปล. (ชื่อ:เทยี บโลกตุ ตรจติ ๘) = (ชอ่ื )ยาว:บนสดุ โส-มคั ๑, (ชอื่ )สั้น:๖ กลาง ๓+๓, (ช่ือ)กลาง:ทายสดุ อรผ ๑ จําแนกพละธรรม ๙ โดย โสภณะ และ อโสภณะ นน้ั มดี งั นี้ สทั ธาพละ สติพละ ปญ ญาพละ หิริพละ โอตตัปปะพละ รวม ๕ เปน โสภณ อหิรกิ พละ อโนตตปั ปะพละ รวม ๒ เปน อโสภณ วิรยิ พละ สมาธพิ ละ รวม ๒ เปน ท้ังโสภณและอโสภณ แสดงความหมายของพละธรรม ๙ ดังนี้ ๑. สทั ธาพละ หมายความวา ธรรมชาตทิ ีไ่ มห วนั่ ไหวใน ความเชอื่ ตอสงิ่ ทค่ี วรเช่ือ ๒. วริ ยิ พละ หมายความวา ธรรมชาตทิ ไ่ี มหว่นั ไหวใน ความเพียร ๓. สตพิ ละ หมายความวา ธรรมชาติที่ไมหว่ันไหวใน การระลึกชอบ ๔. สมาธิพละ หมายความวา ธรรมชาติทไี่ มห วน่ั ไหวใน การต้ังมั่นในอารมณอ ันเดียว ๕. ปญ ญาพละ หมายความวา ธรรมชาตทิ ีไ่ มหว่ันไหวใน การรูตามความเปน จริง ๖. หริ พิ ละ หมายความวา ธรรมชาตทิ ไี่ มหวน่ั ไหวใน ความละอายตอทุจริต ๗. โอตตปั ปพละ หมายความวา ธรรมชาตทิ ไี่ มหว่ันไหวใน ความสะดุงกลวั ตอ ทุจริต ๘. อหริ กิ พละ หมายความวา ธรรมชาติทไ่ี มห วน่ั ไหวใน ความไมล ะอายตอทจุ ริต ๙. อโนตตัปปะพละ หมายความวา ธรรมชาตทิ ่ไี มหว่ันไหวใน ความไมส ะดุงกลัวทจุ รติ ๑. ฉนั ทาธิปติ แสดงอธบิ ดี ๔ พรอมท้งั ความหมายและองคธรรม ดงั นี้ ธรรมชาตทิ ี่เปนใหญในความพอใจ (ฉนั ทะ+อธปิ ต)ิ องคธรรมไดแ ก ฉันทเจตสกิ ท่ใี นทวเิ หตุกชวนะ ๑๘ ติเหตกุ ชวนะ ๓๔ หรอื ๖๖ ๒. วริ ยิ าธปิ ติ ธรรมชาตทิ ่ีเปนใหญในความเพียร (วริ ยิ ะ+อธิปติ) องคธ รรมไดแก วิรยิ ะเจตสกิ ทีใ่ นทวิเหตุกชวนะ ๑๘ ติเหตกุ ชวนะ ๓๔ หรอื ๖๖ ธรรมชาติท่ีเปน ใหญในการรับอารมณ ๓. จติ ตาธปิ ติ องคธรรมไดแ ก ทวิเหตุกชวนะ และติเหตุกชวนะ ๕๒ หรือ ๘๔ (จติ ตะ+อธิปติ) ธรรมชาติท่ีเปนใหญในการรแู จง ตามความเปน จรงิ ๔. วีมงั สาธิปติ องคธรรมไดแ ก ปญ ญาเจตสกิ ที่ในติเหตกุ ชวนะ ๓๔ หรอื ๖๖ ฯ (วมี ังสา+อธิปติ) ธรรมใดยอ มนาํ มาซ่ึงผลของตน ธรรมน้นั ชอื่ วา อาหาร อธิบายคาํ ที่วา “นาํ มา” นน้ั ดงั น้ี คําวา “นํามา” ในท่ีนี้น้ัน หมายความวา ทําใหเกิดผลขึ้น และชวยอุดหนุนใหต ้ังอยูได เจริญขน้ึ ได เหมือนดังที่กลาวกันทว่ั ๆ ไปวา การงานสิ่งน้ันต้ังขึ้นได เจริญไดก็โดยอาศัยผูจัดการเปนผูนําถาขาดผจู ัดการ เสยี แลว กิจการน้นั ๆ กต็ ง้ั อยแู ละเจริญขึ้นไมไ ด ขอนฉี้ ันใด ความเปน อยขู องสัตวท ง้ั หลายก็เชน เดียวกนั และ แสดงการนาํ มาของอาหารทั้ง ๔ โดยเฉพาะ ๆ น้นั มดี งั น้ี คือ ดาวนโ หลดขอมูลตา งๆไดจาก ขอ ความเพมิ่ เตมิ ที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว)
~ 25 ~ ๑. กพฬกี าราหาร นาํ มาซึ่งอาหารชสุทธฏั ฐกกลาป ใหเกดิ ขึ้นในสนั ดานของสัตวทงั้ หลาย ๒. ผสั สาหาร นาํ มาซึง่ เวทนา คือ การเสวยอารมณเปน สุขบา ง เปนทกุ ขบ า ง เฉย ๆ บาง ๓. มโนสญั เจตนาหาร นํามาซ่ึงปฏสิ นธวิ ิญญาณ คือ การเกิดเปนมนษุ ย เทวดา พรหม อบาย สัตว และปวตั ตวิ ิญญาณ คือ การเหน็ การไดยิน เปนตน ๔. วญิ ญาณาหาร นํามาซง่ึ เจตสิกและกัมมชรูป ดงั มหี ลักฐานบาลแี สดงวา โอชฏฐ มกรปู เย เวทนํ ปฏสิ นธฺ กิ ํ นามรปู อาหรนตฺ ิ ตสมฺ าหาราติ วุจฺจเร ธรรมเหลาใด ยอ มนาํ อาหารชสุทธัฏฐกกลาป เวทนา ปฏสิ นธวิ ญิ ญาณ เจตสกิ และ กมั มชรปู โดยเฉพาะของตน ๆ ฉะนนั้ ธรรมเหลาน้ัน จงึ ไดชอ่ื วา อาหาร แสดงอาหาร ๔ พรอ มทง้ั ความหมายและองคธ รรม ๑. กพฬกี าราหาร ธรรมชาติที่เปน ผูนําใหอาหารชรปู เกดิ องคธรรมไดแก โอชาทอ่ี ยใู นอาหารตา ง ๆ ๒. ผสั สาหาร ธรรมชาตทิ ่ีเปนผูน ําใหเวทนาเกิด องคธรรมไดแ ก ผสั สเจตสกิ ทีใ่ นจติ ทง้ั หมด ๓. มโนสญั เจตนาหาร ธรรมชาตทิ ่ีเปน ผูน ําใหวปิ ากวิญญาณมปี ฏิสนธิจติ เปนตนเกิด องคธ รรมไดแก เจตนาเจตสิกทีใ่ นจิตทง้ั หมด ๔. วิญญาณาหาร ธรรมชาติท่ีเปน ผูนําใหเจตสกิ และกมั มชรปู เกดิ องคธรรมไดแก จติ ทงั้ หมด ธรรมที่เปนอาหารของทกุ ขต า ง ๆ มชี าติ ชรา พยาธิ มรณะ เปน ตนนน้ั ไดแ ก ขันธ ๕ คอื รูปขันธ เวทนาขันธ สญั ญาขันธ สงั ขารขันธ วิญญาณขันธ ถาธรรมที่เปนอาหารของทกุ ขเหลา นีไ้ มมีแลว ชาติ ชรา เปนตนเหลา น้ีก็เกดิ ขึน้ ไมไ ด อธิบายวา ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ เหลานเ้ี ปนอาการเปน ไปของขนั ธ ๕ หาใชวา มีขนึ้ เฉพาะไม กลาวคอื การเกดิ ขน้ึ ของขนั ธ ๕ เรียกวา ชาติ การสบื ตอ ของขนั ธ ๕ โดยการเจรญิ เตบิ โตขึน้ และแกลง เรยี กวา ชรา การเจบ็ ปว ยของรปู เรียกวา พยาธิ การดับไปของขนั ธ ๕ ในภพหนง่ึ ๆ เรยี กวา มรณะ ดงั มีวจนัตถะแสดงวา อเนกทกุ ฺเขหิ ขชชฺ นตฺ ตี ิ = ขนฺธา ธรรมทงั้ หลาย ที่ถกู ทุกขตา ง ๆ เคีย้ วกิน ฉะนั้น ชอ่ื วา ขนั ธ หมายถงึ ขันธ ๕ นี้ เปนทเี่ กิดแหงชาติ ชรา พยาธิ มรณะ เปนตน ถาไมม ขี ันธ ๕ แลวทกุ ขตา ง ๆ เหลา น้กี เ็ กิดขึ้นไมได โพธปิ ก ขยิ สังคหะ ในโพธปิ ก ขยิ สงั คหะ มธี รรมอยู ๗ หมวด คอื ๑. สตปิ ฏ ฐาน ๒. สัมมปั ปธาน ๓. อิทธบิ าท ๔. อนิ ทรยี ๕. พละ ๖. โพชฌงค ๗. มัคคงั คะ วาโดยประเภทมี ๓๗ แสดงความหมายพรอมทงั้ องคธ รรมของบทตอ ไปนด้ี งั น้ี ดาวนโ หลดขอมลู ตา งๆไดจาก ขอ ความเพมิ่ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
~ 26 ~ ก. กายานุปส สนาสตปิ ฏ ฐาน สติท่ีต้ังม่นั อยูในการพิจารณาเนือง ๆ ซึง่ กาย คือ รูปขนั ธ มีลมหายใจเขา ออก อิรยิ าบถใหญ อิรยิ าบถนอยเปน ตน องคธ รรมไดแ ก สตเิ จตสิกท่ใี นมหากศุ ลจิต ๘ มหากิรยิ าจติ ๘ อัปปนาชวนจิต ๒๖ ข. ฉนั ทิทธิบาท ความพอใจอยางแรงกลา เปน บาทเบ้ืองตน แหงความสําเรจ็ ฌาน มรรค ผล (ฉันทะ+อทิ ธบิ าท) องคธรรมไดแ ก ฉนั ทเจตสิกที่ในกุศลจติ ๒๑ ค. สทั ธินทรยี ศรัทธา เปน ผปู กครองในความเลอ่ื มใสตอ สิ่งทีค่ วร องคธ รรมไดแก สัทธาเจตสิกทีใ่ นมหากศุ ลจิต ๘ มหากริ ิยาจติ ๘ อัปปนาชวนจติ ๒๖ ง. สมั มาทฏิ ฐิ ความเหน็ ชอบ เปนหนทางใหถ งึ มรรค ผล นิพพาน องคธรรมไดแก ปญญาเจตสกิ ท่ีในมหา กศุ ลญาณสมั ปยุตตจิต ๔ มหากิรยิ าญาณสมั ปยตุ ตจิต ๔ อปั ปนาชวนจติ ๒๖ แสดง สมั มัปปธาน ๔ พรอ มทั้งความหมาย และองคธรรม ๑. อปุ ปฺ นนฺ านํ ปาปกานํ ปหานาย วายาโม ความพยายามเพ่ือละอกศุ ลธรรมทเ่ี กดิ ขึ้นแลว องคธ รรมไดแก วริ ยิ เจตสกิ ที่ใน กศุ ลจิต ๒๑ ๒. อนปุ ฺปนนฺ านํ ปาปกานํ อนปุ ปฺ าทาย วายาโม ความพยายามเพ่ือใหอกุศลทย่ี ังไมเกิดขึ้น ไมใ หเกิดขน้ึ องคธ รรมไดแก วริ ยิ เจตสิกท่ใี น กศุ ลจติ ๒๑ ๓. อนปุ ฺปนนฺ านํ กสุ ลานํ อปุ ปฺ าทาย วายาโม ความพยายามเพ่ือใหก ุศลธรรมที่ยงั ไมเกิดขึ้น ใหเ กดิ ขึน้ องคธ รรมไดแ ก วริ ยิ เจตสิกที่ใน กุศลจติ ๒๑ ๔. อปุ ฺปนนฺ านํ กสุ ลานํ ภยิ ฺโยภาวาย วายาโม ความพยายามเพ่ือใหก ุศลธรรมที่เกิดขนึ้ แลวใหเจริญย่ิง ๆ ข้นึ ไป องคธ รรมไดแก วริ ิยเจตสิกที่ใน กุศลจติ ๒๑ ๑. รปู ขนั ธ อารมณอ นั เปน ที่ตง้ั แหง การกาํ หนดของสติ มี ๔ คอื เปน อารมณแ หง การกําหนดของสติ เรียกวา กายานปุ สสนาสตปิ ฏ ฐาน ๒. เวทนาขนั ธ เปนอารมณแ หงการกําหนดของสติ เรยี กวา เวทนานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน ๓. วญิ ญาณขนั ธ เปนอารมณแ หง การกําหนดของสติ เรียกวา จติ ตานปุ สสนาสตปิ ฏ ฐาน ๔. สญั ญาขนั ธ และสังขารขนั ธ เปนอารมณแ หง การกําหนดของสติ เรยี กวา ธัมมานปุ สสนาสตปิ ฏ ฐาน แสดงลกั ษณะอันเปน นิมติ ทป่ี รากฏขึ้น และการประหารวปิ ลาสธรรมในการเจรญิ สติปฏ ฐาน ดังนค้ี ือ การกําหนดพิจารณาในกายอยเู นอื ง ๆ เปนเหตุใหอ สภุ ลกั ขณะปรากฏขึ้น และในขณะเดยี วกันนั้นยอ ม ประหาณ สภุ วปิ ลาสใหหมดไป การกําหนดพิจารณาในเวทนาอยเู นอื ง ๆ เปนเหตุใหทุกขลกั ขณะปรากฏขึ้น และในขณะเดียวกนั น้นั ยอ ม ประหาณ สขุ วปิ ลาสใหห มดไป การกาํ หนดพิจารณาในจติ อยูเนอื ง ๆ เปนเหตใุ หอ นจิ จลกั ขณะปรากฏข้นึ และในขณะเดียวกันนั้นยอม ประหาณ นจิ จวิปลาสใหห มดไป การกําหนดพิจารณาในสภาพธรรม คือ สญั ญา สังขาร อยเู นือง ๆ เปน เหตใุ หอนตั ตลกั ขณะปรากฏข้นึ และใน ดาวนโ หลดขอ มูลตา งๆไดจาก ขอความเพมิ่ เตมิ ท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
~ 27 ~ ขณะเดียวกนั นัน้ ยอ มประหาณอตั ตวิปลาสใหห มดไป คําวา สตปิ ฏ ฐาน หมายความวา สตทิ ่เี ปนประธานในสมั ปยตุ ตธรรม แลวตงั้ มน่ั ในอารมณ มีกายเปน ตน ดังมวี จนัตถะแสดงวา สติ เอว ปฏานนตฺ ิ สตปิ ฏ านํ (54/2) สตนิ ้นั แหละ เปน ประธานในสัมปยตุ ตธรรม แลวตั้งมัน่ ในอารมณ มี กาย เปนตน ฉะนัน้ จึงชื่อวา สติปฏฐาน และการทีส่ ตดิ วงเดยี วเปนสติปฏฐานทั้ง ๔ ไดน้นั ก็เพราะวา ๑. อารมณอนั เปน ทตี่ ้ังแหง การกําหนด กม็ ี ๔ ๒. ลักษณะอันเปนนมิ ิตทีป่ รากฏข้ึน กม็ ี ๔ ๓. การประหาณวิปลาสธรรมก็มี ๔ ดว ยเหตนุ ้ี สติดวงเดียว จึงเปน สติปฏ ฐานทัง้ ๔ ได. วิรยิ ะดวงเดยี วเปน สมั มปั ปธานท้ัง ๔ ได เพราะกิจของวริ ยิ ะในท่ีนีม้ ีอยู ๔ อยา ง คือ ๑. พยายามเพอ่ื ละอกศุ ลที่เกดิ แลว ๒. พยายามเพอ่ื ไมใ หอกศุ ลใหมเกดิ ๓. พยายามเพ่อื ใหกศุ ลใหมเ กดิ ๔. พยายามเพ่ือใหก ศุ ลท่ีเกดิ แลวเจรญิ รงุ เรอื งข้ึน ๑. ฉนั ททิ ธบิ าท แสดงอิทธบิ าท ๔ พรอ มทง้ั ความหมายและองคธ รรม ดงั น้ี คอื ความพอใจอยา งแรงกลา เปนบาทเบื้องตน แหง ความสาํ เร็จ ฌาน มรรค ผล (ฉนั ทะ+อิทธบิ าท) องคธรรมไอแ ก ฉันทเจตสกิ ที่ในกุศลจิต ๒๑ ความพยายามอยางแรงกลา เปนบาทเบือ้ งตน แหงความสาํ เร็จ ฌาน มรรค ผล ๒. วีรยิ ทิ ธบิ าท องคธ รรมไดแก วริ ิยะเจตสิก ทใ่ี นกุศลจติ ๒๑ ความตง้ั ใจอยางแรงกลา เปน บาทเบือ้ งตนแหงความสาํ เรจ็ ฌาน มรรค ผล (วริ ิยะ+อทิ ธบิ าท) องคธ รรมไดแ ก กศุ ลจติ ๒๑ ปญญาอยา งแรงกลา เปน บาทเบ้อื งตน แหง ความสาํ เรจ็ ฌาน มรรค ผล ๓. จิตตทิ ธบิ าท องคธรรมไดแก ปญญาเจตสิกท่ใี นกุศลญาณสมั ปยุตตจติ ๑๗ (จิตตะ+อิทธบิ าท) ๔. วมี งั สทิ ธบิ าท (วมี ังสา+อทิ ธิบาท) คาํ วา โพชฌงค เมอ่ื แยกบทออกแลว ได ๒ บท คอื โพธิ + องคฺ , โพธิ หมายความวา ธรรมท่เี ปน เหตุ ใหร ูอ ริยสัจจ ๔ ไดแ ก องคธรรม ของโพชฌงค ๗ รวมกัน มีสติ ปญ ญา เปนตน องฺค หมายความวา ธรรมอนั เปน เครอื่ งประกอบ ไดแ ก องคธ รรมของโพชฌงคโดยเฉพาะ ๆ ปญ ญา ที่ไดชอื่ วา สมั มาทฏิ ฐมิ รรคน้ัน เปนปญ ญาทีเ่ ห็นแจงในอริยสจั จ ๔ โดยกจิ ๔ อยาง คอื ๑. ทกุ เฺ ขาณํ รูในทกุ ขสจั จโดยปริญญากิจ ๒. ทุกขฺ สมทุ เยาณํ รูใ นเหตใุ หเกิดทุกขโ ดยปหาณกิจ ๓. ทกุ ขฺ นโิ รเธาณํ รใู นพระนพิ พานซึ่งเปนที่ดับแหง ทกุ ข โดยสัจฉิกรณกจิ ๔. ทุกขฺ นโิ รธคามินีปฏปิ ทายาณํ รูในขอ ปฏบิ ตั ิอนั เปน เหตใุ หเ ขาถึงพระนิพพาน ซึ่งเปน ท่ีดับแหง ทกุ ขท้งั ปวง โดยภาวนากิจ เหลานี้แหละไดช่ือวา ปญ ญาที่เปนสัมมาทิฏฐิมรรค สําหรับ วิตก ที่ไดชือ่ วา สมั มาสงั กัปปมรรคนั้น เปน วิตกชนิดที่มคี วามดาํ ริชอบ ในเร่อื งทั้ง ๓ คอื ดาวนโหลดขอมลู ตา งๆไดจาก ขอความเพิ่มเตมิ ท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
๑. นกิ ขมสงั กปั ปะ ~ 28 ~ ๒. อพั ยาปาทสังกปั ปะ ๓. อวิหงิ สาสงั กปั ปะ ความดาํ รทิ ี่ออกจากกามคุณอารมณ ความดําริที่ประกอบดว ยเมตตา ความดําริที่ประกอบดวยกรณุ า เหลา นีแ้ หละไดช ือ่ วาวิตกท่ีเปน สัมมาสงั กัปปมรรค จาํ แนกมคั คงั คะ ๘ โดย ศีล สมาธิ ปญ ญา ดงั น้ี . แสดงการจําแนกองคมรรค ๘ โดยศลี ขันธ สมาธิขันธ ปญญาขันธ ๑. สมั มาวาจา ๒. สมั มากัมมนั ตะ ๓. สัมมาอาชีวะ องคมรรคทง้ั ๓ น้ี สงเคราะหเขาใน ศีลขันธ ๔. สมั มาวายามะ ๕. สัมมาสติ ๖. สมั มาสมาธิ องคมรรคทง้ั ๓ น้ี สงเคราะหเขาใน สมาธิขันธ ๗. สัมมาทฏิ ฐิ ๘. สมั มาสงั กปั ปะ องคม รรคทัง้ ๒ น้ี สงเคราะหเขาใน ปญ ญาขันธ มคั คงั คะที่ในมสิ สกสงั คหะกบั มคั คงั คะทใี่ นโพธปิ ก ขยิ สงั คหะนนั้ ตางกันหรอื เหมือนกนั ตางกนั มัคคังคะท่ใี นมิสสกสังคหะน้ัน เปน เหตใุ หถ ึงสคุ ติภูมิ ทคุ ติภูมิ และพระนิพพาน เปน ไดท้ังกศุ ล และอกุศล กลาวคอื ต้ังแตข อ ที่ ๑-๘ เปนเหตใุ หถ งึ สุคตภิ มู ิและพระนพิ พานเปนกศุ ล สวนขอที่ ๙-๑๒ เปน เหตใุ ห ถึงทคุ ตภิ มู ิ เปนอกศุ ล, สว นมัคคังคะทใี่ นโพธปิ ก ขิยสงั คหะนน้ั เปน องคตรสั รูมงุ ตรงตอ มรรค ผล นิพพาน โดยตรงและเปนกศุ ลโดยสว นเดียว ในโพธปิ ก ขยิ สงั คหะท้งั ๗ หมวดนั้น เมือ่ วาโดยองคธ รรมปรมัตถแลวมี ๑๔ คือ ๑. ฉนั ทะ ๒. จิต ๓. ตัตตรมชั ฌตั ตตา ๔. สทั ธา ๕. ปส สทั ธิ ๖. ปต ิ ๗. ปญญา ๘. วติ ก ๙. วรี ยิ ะ ๑๐. สัมมาวาจา ๑๑. สัมมากัมมันตะ ๑๒. สมั มาอาชีวะ ๑๓. สติ ๑๔. เอกัคคตา โพธิปก ขิยธรรมนี้ เกดิ ขึน้ ในโลกยี ธรรมได และเกิดขนึ้ ในขณะท่ีสาํ เรจ็ เปน วสิ ทุ ธิทัง้ ๖ (เวนญาณทัสสนวิสทุ ธิ) ดงั มหี ลกั ฐานบาลีแสดงวา โลกิเยป ยถาโยคํ ฉพพฺ สิ ทุ ฺธิ ปวตตฺ ยิ ํ แมใ นโลกยี กศุ ลและกิรยิ าจิต ก็ยอ มเกดิ ข้นึ ตามท่ปี ระกอบได สพั พสงั คหะ ในสพั พสังคหะ มีธรรมอยู ๕ หมวด คือ ๑. ขันธ ๒. อุปาทานักขันธ ๓. อายตนะ ๔. ธาตุ ๕. สจั จะ เมื่อวา โดยประเภทแลว มี ๓๙ (ไมตอ งนับอปุ าทานกั ขนั ธโดยเฉพาะ) คําวา ขนั ธ หมายความวา เปน กลุม เปน กอง มบี าลีแสดงวา ราสฏเน (ราสอิ ฏเ น) ขนโฺ ธ ชื่อวา ขนั ธ เพราะอรรถวา เปนกลุมเปน กอง และคําวา ขันธ มี ๕ คือ ............. ๑. รปู ขันธ คําวา ขนั ธ หมายความวา เปน กอง มี ๕ คอื ๒. เวทนาขนั ธ กองรปู องคธรรมไดแก รูป ๒๘ ๓. สญั ญาขนั ธ กองเวทนา องคธรรมไดแ ก เวทนาเจตสิก ที่ในจติ ๘๙ หรือ ๑๒๑ กองสญั ญา องคธ รรมไดแ ก สัญญาเจตสิก ทีใ่ นจิต ๘๙ หรือ ๑๒๑ ดาวนโ หลดขอมูลตา งๆไดจ าก ขอ ความเพม่ิ เตมิ ท่ี youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว)
๔. สงั ขารขันธ กองสังขาร ~ 29 ~ ๕. วญิ ญาณขนั ธ กองจติ องคธรรมไดแก เจตสิก ๕๐ (เวนเวทนา สัญญา) ท่ีในจิต ๘๙ หรือ ๑๒๑ ตามสมควร องคธรรมไดแก จิต ๘๙ หรอื ๑๒๑ อปุ าทานักขนั ธ มี ๕ คือ ๑. รปู ปู าทานกั ขนั ธ กองรปู ทเ่ี ปน อารมณของอุปาทาน องคธ รรมไดแก รูป ๒๘ ๒. เวทนูปาทานกั ขนั ธ กองเวทนาท่ีเปนอารมณข องอุปาทาน องคธรรมไดแก เวทนาเจตสิก ทใ่ี นโลกียจิต ๘๑ ๓. สญั ูปาทานกั ขนั ธ กองสญั ญาท่ีเปน อารมณของอุปาทาน องคธ รรมไดแก สญั ญาเจตสกิ ท่ีในโลกียจิต ๘๑ ๔. สงั ขารปู าทานกั ขนั ธ กองสังขารที่เปน อารมณข องอปุ าทาน องคธรรมไดแก เจตสิก ๕๐ (เวน เวทนา สัญญา) ท่ีในโลกียจติ ๘๑ ๕. วญิ ญาณูปาทานกั ขนั ธ กองจิตท่ีเปน อารมณข องอุปาทาน องคธรรมไดแ ก โลกยี จติ ๘๑ ในปรมตั ถธรรม ๔ ประการ เมอื่ วาโดยอายตนะแลวมี ๑๒ นัน้ เพราะอาศัยมีประเภทตา งกนั แหงทวาร ๖ อารมณ ๖ เม่อื วาโดยธาตุ มี ๑๘ นั้น เพราะอาศยั ทวาร ๖ อารมณ ๖ และวิญญาณ ๖ ๑. จกั ขวุ ิญญาณ ผลทเี่ กิดจากอายตนะ ๑๒ โดยเฉพาะ ๆ น้ัน มดี ังนี้ คือ การเห็น เปนผลของ จักขายตนะ กับ รูปายตนะ ๒. โสตวิญญาณ การไดยนิ เปน ผลของ โสตายตนะ กับ สัททายตนะ ๓. ฆานวิญญาณ การรกู ลิ่น เปน ผลของ ฆานายตนะ กับ คันธายตนะ ๔. ชวิ หาวญิ ญาณ การรูรส เปน ผลของ ชิวหายตนะ กับ รสายตนะ ๕. กายวญิ ญาณ การรถู ูกตอ ง เปนผลของ กายายตนะ กับ โผฏฐัพพายตนะ ๖. จติ ๗๖ (เวนทวิปญจวิญญาณจิต ๑๐ มโนธาตุ ๓) มกี ารรอู ารมณ และคิดนึกในเร่อื งราวทงั้ ปวง เปน ผลของ มนายตนะ กับ ธัมมายตนะ ก. สพั พจติ ตสาธารณเจตสิก ๗ เปน (ข) เวทนาขันธ สญั ญาขันธ สงั ขารขันธ ข. หทยวตั ถุ เปน (อา) ธัมมายตนะ ค. อเหตกุ กริ ิยาจติ ๓ เปน (ธา) มโนธาตุ มโนวญิ ญาณธาตุ ง. รปู ๒๘ เปน ทุกขสัจจะ นิพพาน เปน (สัจ) นโิ รธสจั จะ จ. องคธรรมของธัมมายตนะ กับ ธมั มธาตนุ ั้น เหมือนกัน ไดแก เจตสิก ๕๒ สขุ มุ รูป ๑๖ นพิ พาน สวนองคธ รรมของธมั มารมณน ั้นไดแก จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ ปสาทรูป ๕ สขุ มุ รูป ๑๖ นิพพาน บัญญตั ิ ก. สงั ขารขนั ธ แสดงความหมาย พรอ มทัง้ องคธรรมในหัวขอธรรม ดงั ตอ ไปนี้ ข. รปู ปุ าทานกั ขนั ธ กองสังขาร องคธรรมไดแก เจตสิก ๕๐ (เวน เวทนา สัญญา) ท่ีในจิต ๘๙ หรอื ๑๒๑ ตามสมควร กองรปู ท่ีเปนอารมณข องอปุ าทาน องคธรรมไดแ ก รูป ๒๘ ดาวนโ หลดขอ มลู ตา งๆไดจ าก ขอความเพ่ิมเตมิ ที่ youtube หรอื Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว)
~ 30 ~ ค. จักขายตนะ จกั ขุ ชอ่ื วา อายตนะ เพราะเปนเหตใุ หจ ิต เจตสกิ เกิด องคธรรมไดแก จกั ขุปสาท ข./ค. ธัมมายตนะ สภาพธรรมตาง ๆ ชื่อวา อายตนะ เพราะเปน เหตใุ หจิต เจตสิก เกดิ ค. มโนธาตุ องคธรรมไดแก เจตสกิ ๕๒ สุขุมรูป ๑๖ นิพพาน จติ ๓ ดวง ชอื่ วา มโนธาตุ เพราะทรงไวซ่งึ การรปู ญจารมณ อยา งสามัญ องคธรรมไดแ ก ปญจทวาราวัชชนจติ ๑ สัมปฏิจฉนจติ ๒ ง./ฆ. มโนวญิ ญาณธาตุ จิต ๗๖ ช่อื วา มโนวญิ ญาณธาตุ เพราะทรงไวซ ่งึ การรูอ ารมณ เปนพิเศษ องคธ รรมไดแก ๗๖ (เวนทวปิ ญ จวญิ ญาณจติ ๑๐ มโนธาตุ ๓) จ./ฆ. ทกุ ขสจั จะ ธรรมท่ีเปนทกุ ข เปน ความจริงของพระอริยเจาทงั้ หลาย องคธรรมไดแ ก โลกยี จิต ๘๑ เจตสิก ๕๑ (เวน โลภะ) รูป ๒๘ ง. มรรคสจั จะ ธรรมที่เปนเหตุใหถึงความดบั ทุกข เปน ความจริงของพระอรยิ เจาท้ังหลาย องคธ รรมไดแก มัคคังคเจตสกิ ๘ ดวง มปี ญญาเจตสิกเปน ตน ท่ีในมรรคจติ ๔ ราสฏเ น (ราสอิ ฏเ น) ขนโฺ ธ ชอื่ วาขันธ เพราะอรรถวา เปน กลมุ เปน กอง คอื ธรรมท่ีเปน ปจ จุบัน อดตี อนาคต รวมกนั เปน กอง ๑ ธรรมที่เปน อชั ฌตั ตะ และ พหทิ ธะ รวมกนั เปนกอง ๑ ธรรมที่เปน โอฬารกิ ะ และ สุขุมะ รวมกันเปน กอง ๑ ธรรมท่ีเปน หนี ะ และ ปณีตะ รวมกันเปน กอง ๑ ธรรมท่ีเปน ทรู ะ และ สนั ตกิ ะ รวมกนั เปนกอง ๑. คําวา ขันธ ทแี่ ปลวา เปน กลุม เปน กอง นนั้ หมายเอาธรรมทมี่ ปี ระเภทตา งกนั ๕ ประเภท ซ่งึ ไดแ ก ธรรมท่ีเปน ปจจบุ ัน อดีต อนาคต รวมกันเปนกอง ๑ ธรรมที่เปน อชั ฌตั ตะ และ พหิทธะ รวมกันเปนกอง ๑ ธรรมท่ีเปน โอฬารกิ ะ และ สุขุมะ รวมกนั เปน กอง ๑ ธรรมที่เปน หีนะ และ ปณีตะ รวมกนั เปนกอง ๑ ธรรมท่ีเปน ทูระ และ สนั ตกิ ะ รวมกนั เปนกอง ๑ สาํ หรบั นิพพาน ไมม ีประเภทตา งกันดังกลา วขางตน คอื ๑. นิพพาน ไมมีประเภทแหง ปจจบุ ัน อดีต อนาคต มแี ตก าลวมิ ตุ ตอยา งเดยี ว ฉะนนั้ จึงเปนขันธไมไ ด ๒. นพิ พานทีเ่ ปน อัชฌตั ตะ ไมมี เปน พหิทธะ อยางเดยี ว ฉะนนั้ จงึ เปน ขันธไมไ ด ๓. นิพพานทีเ่ ปน โอฬาริกะ ไมม ี มีแตสขุ มุ ะ อยางเดยี ว ฉะนนั้ จึงเปนขนั ธไมได ๔. นิพพานที่เปน หนี ะ ไมมี เปน ปณตี ะ อยา งเดียว ฉะนนั้ จงึ เปนขนั ธไมได ๕. นพิ พานทีเ่ ปน สนั ตกิ ะ ไมม ี เปน ทูระ อยา งเดยี ว ฉะน้ันจึงเปน ขนั ธไ มไ ด ท่ีกลาววา นพิ พานเปน กาลวิมุตต พหทิ ธะ สุขุมะ ปณีตะ ทรู ะ เหลา นี้ ก็ไมเรยี กวา นพิ พานมี ๕ ประเภท แตคงเปนอนั หนึ่งอันเดยี วกัน คอื นพิ พานทเี่ ปนกาลวมิ ตุ ตนั้นเอง กเ็ ปนพหิทธะ สขุ ุมะ ปณีตะ ทูระ ดวย ดาวนโหลดขอ มูลตางๆไดจาก ขอความเพมิ่ เตมิ ท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
~ 31 ~ เมื่อนพิ พานเปนขนั ธไ มไ ด จึงชอื่ วา เปน ขนั ธวมิ ตุ ต ที่ทานกลาววา นพิ พานเปน ขนั ธวิมุตนน้ั เพราะเหตุวา ไมม ีประเภททตี่ า งกัน กลาวคือ นิพพานไมมี ประเภทแหงปจ จุบัน อดตี อนาคต มีแตก าลวิมุตอยางเดยี ว นิพพานเปนอัชฌัตตะไมม ีเปน พหิทธะอยา งเดียว นิพพานเปน โอฬาริกะไมมีเปน สุขมุ ะอยา งเดียว นพิ พานเปนหีนะไมม ี เปน ปณตี ะอยา งเดียว นพิ พานเปน สันติกะไมม ี เปน ทรู ะอยา งเดียว ฉะนั้นจึงเปนขนั ธไมได ทก่ี ลา ววา นพิ พานเปน กาลวมิ ุต พหิทธะ สขุ ุมะ ปณตี ะ ทรู ะเหลานี้ก็ไมเรียกวา นิพพานมี ๕ ประเภท แต คงเปน อนั หน่ึงอันเดยี วกัน คือ นพิ พานที่เปนกาลวมิ ุตนัน้ เองก็เปน พหิทธะ สุขุมะ ปณีตะ ทรู ะดว ย ธรรมท่ีเปน ความจริงของพระอรยิ เจา ทงั้ หลาย มีช่อื เรยี กวา อริยสจั จะ แสดงพรอ มท้งั ความหมายและองคธ รรมดงั น้ี อรยิ สจั จะมี ๔ คอื / อรยิ สัจจะ มี ๔ อยา ง คือ ๑. ทุกขสจั จะ ธรรมที่เปน ทกุ ข เปนความจรงิ ของพระอรยิ เจา ทั้งหลาย องคธ รรมไดแ ก โลกียจติ ๘๑ เจตสกิ ๕๑ (เวน โลภะ) รปู ๒๘ ๒. สมุทยสัจจะ ธรรมท่เี ปน เหตใุ หเ กดิ ทกุ ข เปนความจรงิ ของพระอริยเจาทั้งหลาย องคธรรมไดแ ก โลภเจตสกิ ๓. นิโรธสจั จะ ธรรมที่เปน เครอ่ื งดับทกุ ข เปน ความจรงิ ของพระอริยเจาท้งั หลาย องคธรรมไดแก นิพพาน ๔. มรรคสจั จะ ธรรมท่ีเปนเหตใุ หถึงความดบั ทุกข เปน ความจรงิ ของพระอรยิ ะเจาทง้ั หลาย องคธ รรมไดแ ก มัคคงั คเจตสกิ ๘ ดวง มีปญญาเจตสกิ เปน ตน ท่ใี นมรรคจติ ๔ แสดง ก. สพั พจิตตสาธารณเจตสกิ ๗ เปน เวทนาขนั ธ สญั ญาขันธ สังขารขนั ธ ข. หทยวตั ถุ เปน ธัมมายตนะ ค. อเหตกุ กิรยิ าจติ ๓ เปน มโนธาตุ มโนวญิ ญาณธาตุ ง. นิพพาน เปนนโิ รธสจั จะ จ. มรรคจติ ตุปบาท ๒๙ (เวนองคม รรค ๘ ทีป่ ระกอบกับมรรคจติ ) ผลจิตตปุ บาท ๓๗ เปนสจั จวมิ ุตต จ. ธัมมารมณแ ละธัมมายตนะ ตา งกันคือ องคธรรมของธมั มารมณ ไดแก จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ ปสาทรูป ๕ สุขมุ รูป ๑๖ นพิ พาน บัญญตั ิ องคธรรมของธัมมายตนะ ไดแ ก เจตสกิ ๕๒ สุขุมรูป ๑๖ นิพพาน จาํ แนกอริยสจั จ ๔ โดยเหตุ ผล และ โลกยี ะโลกตุ ตระ เปน ตน นน้ั มดี งั นี้ ทกุ ขสัจจ เปนผล สมทุ ยสจั จ เปน เหตุ นโิ รธสัจจ เปนผล มรรคสัจจ เปนเหตุ ทกุ ขสัจจ ทง้ั ๒ น้ี เปน โลกยี ธรรม โลกียสัจจะ สมุทยสจั จ ดาวนโ หลดขอ มลู ตางๆไดจ าก ขอความเพ่มิ เตมิ ท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
~ 32 ~ นิโรธสัจจ ท้งั ๒ นี้ เปน โลกตุ ตรธรรม โลกุตตรสัจจะ มรรคสจั จ ทุกขสัจจะ เปนสจั จะท่มี คี วามเปนไปอยูในวฏั ฏสงสาร ชื่อวา ปวัตติสจั จะ สมทุ ยสจั จะ เปนสจั จะท่ีเปนเหตุใหทุกขสจั จะเกิดขึ้น เปน ไปอยูใ นวฏั ฏสงสาร ช่ือวา ปวตั ตเิ หตุสจั จะ นิโรธสัจจะ เปนสัจจะที่ถอยอออกจากวฏั ฏทุกข ชอื่ วา นวิ ัตตสิ จั จะ มรรคสจั จะ เปนสัจจะท่ีเปน เหตใุ หถงึ ความถอยออกจาก วัฏฏทกุ ข ชื่อวา นิวตั ตเิ หตุสจั จะ ๑. รปู นามทงั้ ๒ อรยิ สัจจะ ๔ จําแนกโดยวฏั ฏะ ไดด งั น้ี ที่เกดิ อยูในวัฏฏสงสารน้ี ลวนแตเปนทุกข ฉะนั้น ทกุ ขสจั จะน้ี จึงเปนสจั จะท่มี คี วาม ๒. สมทุ ยสัจจะ เปน อยใู นวฏั ฏสงสาร ชอื่ วา ปวตั ตสิ จั จะ เปนสจั จะที่ไมด ี เปน สัจจะท่เี ปน เหตุใหทกุ ขสัจจะเกดิ ขน้ึ เปนไปอยูใ นวฏั ฏสงสาร ๓. นโิ รธสจั จะ ชือ่ วา ปวัตตเิ หตสุ จั จะ เปนสจั จะท่ไี มด ีเหมือนกัน ๔. มรรคสจั จะ เปนสัจจะทถี่ อยออกจากวฏั ฏทุกข ชอ่ื วา นิวตั ติสัจจะ เปนสจั จะทีด่ ี เปน สจั จะท่ีเปน เหตุใหถึงความถอยออกจากวฏั ฏทกุ ข ชอื่ วา นวิ ตั ตเิ หตสุ จั จะ เปน สัจจะท่ีดีเหมอื นกัน การเหน็ แจงในอรยิ สัจจ ทัง้ ๔ โดยกจิ ท้ัง ๔ คอื ๑. เห็นแจงใน ทกุ ขสจั จะ โดย ปริญญากิจ ๒. เหน็ แจงใน สมุทยสัจจะ โดย ปหานกิจ โดย ภาวนากจิ ๓. เหน็ แจงใน นิโรธสัจจะ โดย สัจฉิกรณกจิ ๔. เหน็ แจงใน มรรคสจั จะ สัมมาสังกปั ปะ ความดํารชิ อบ มี ๓ คอื ๑. นกิ ฺขมสงฺกปฺป ความดาํ ริที่ออกจากกามคุณอารมณ ๒. อพฺยาปาทสงกฺ ปปฺ ความดาํ รทิ ี่ประกอบดวยเมตตา ๓. อวิหงสฺ าสงฺกปปฺ ความดาํ รทิ ี่ประกอบดว ยกรณุ า เหลาน้ีชือ่ วา สัมมาสงั กัปปะ ในวัตถุธรรม ๗๒ นั้น วตั ถธุ รรมทแ่ี สดงไวในอกศุ ลสงั คหะ มี ๑๔ คอื อกศุ ลเจตสกิ ๑๔ วัตถธุ รรมที่แสดงไวในมสิ สกสงั คหะ มี ๓๖ คอื จติ ๑ เจตสิก ๒๖ รปู ๙ วตั ถุธรรมทแี่ สดงไวใ นโพธปิ ก ขิยสงั คหะ มี ๑๔ คอื จิต ๑ เจตสิก ๑๓ วัตถธุ รรมทแ่ี สดงไวในสัพพสงั คหะ มี ๗๒ คือ จิต ๑ เจตสกิ ๕๒ นิปผันนรปู ๑๘ นิพพาน ๑ **************************** ส่ิงที่สาํ คัญคือการเขา ศกึ ษากบั อาจารยผ ูสอน เพอื่ ความรูความเขา ใจท่ถี กู ตอ ง แจมแจง หากสงสยั จะไดส อบถาม ทนั ที การรวบรวมขอสอบทเี่ คยออกมาแลว นี้ เปนเพยี งแนวทางสําหรับผศู ึกษา นํามาเนน+ทรงจาํ ไว (เมอ่ื ไดชื่อวา ศกึ ษาแลว กค็ วรทรงจําใหไ ดมากทส่ี ุดหรือทงั้ หมด จึงจะชือ่ วา สุตะดวยดี เพอ่ื การจินตาและภาวนาตอ ไป) ขอ มลู ของชัน้ จูฬอาภิธรรมิ กะโทนี้ เปนพื้นฐานของชั้นสูงขัน้ ไป จนถงึ จบมหาอาภธิ รรมกิ ะเอก ดังน้ันควรทรงจําไวใ หม ากทส่ี ุด (ตามเน้ือหาหลกั สตู ร) หรือนอ ยท่สี ดุ กค็ วรจะทรงจาํ ขอสอบท่เี คยออกมาแลว ทัง้ หมด การสอบไมใชท ี่สดุ ของชวี ติ แตข อใหต ัง้ จิตศกึ ษาและทรงจาํ เพื่อธาํ รงและรกั ษาไวซงึ่ พระศาสนา รูอรรถะและพยัญชนะ ท้ังเขา ใจและเขา ใหถงึ ธรรมะ แมยงั มบิ รรลุคุณธรรมอันสงู ถงึ ขน้ั อรยิ ะ ก็ขอจงเปน ผูร ธู รรมะ (ตามสมควร) และจงเปนผมู ีธรรมะ ดาวนโ หลดขอ มลู ตางๆไดจาก ขอ ความเพม่ิ เติมท่ี youtube หรือ Post ใน fb ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว)
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: