Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พืชไร้ดิน

พืชไร้ดิน

Published by ศูนย์วิทย์ ขอนแก่น, 2021-08-17 06:52:50

Description: เป็นการปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหารพืช (Water culture หรือ Hydroponics) เป็นการปลูกพืชโดยให้รากแช่ในสารละลายธาตุอาหารพืช และบางส่วนสัมผัสอากาศ (Aeroponics) หรือเป็นการปลูกพืชบนวัสดุที่ไม่ใช่ดินและรดด้วยสารละลายธาตุอาหรพืชหรือน้ำปุ๋ย (Substrats)

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ เร่ือง การปลูกพชื ไรด้ นิ (Soilless Culture) ปจั จยั ในการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่ แสง น้ำ อำกำศ อุณหภมู ิ แรธ่ ำตุ แสงแดด เป็นปัจจัยสำคัญต่อกำรเจริญเติบโต เพรำะแสง กระตุ้นกำรเจริญของปลำยยอดและปลำยรำก พืชแต่ละ ชนิดต้องกำรแสงแดดต่ำงกัน แสงเป็นปัจจัยในกำรสร้ำง อำหำรของพืชในกระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง คลอโรฟิลล์ในพืชทำหน้ำที่ดูดพลังงำนจำกแสงแดดนำมำ สังเครำะห์ดว้ ยแสง ไดเ้ ปน็ น้ำตำลกลูโคส ซึ่งพืชจะเก็บในรูป ของแป้งและแก๊สออกซิเจน กำรปลูกพืชในที่มีแสงไม่ เพยี งพอจึงทำใหพ้ ืชเจริญเติบโตชำ้ …………………………………………………………………………… นา้ พืชใช้น้ำเป็นวัตถุดิบในกำรสังเครำะห์ด้วยแสง น้ำชว่ ยละลำยแร่ธำตุในดิน ช่วยใหร้ ำกพชื ดูดและลำเลียงแร่ ธำตุและสำรอำหำรภำยในลำตน้ และช่วยปรบั อุณหภูมิ ช่วย ให้กระบวนกำรต่ำง ๆ ดำเนินไปได้ นอกจำกนี้น้ำยังให้ธำตุ ออกซิเจนและธำตุไฮโดรเจนแก่พืชด้วย ถ้ำพืชขำดน้ำก็จะ เห่ียวเฉำ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… อากาศ พืชมกี ำรหำยใจเหมือนคนและสัตว์ พืชหำยใจทัง้ เวลำกลำงวนั และกลำงคืน กำรหำยใจของพืชต้องกำร ใช้แก๊สออกซิเจน และคำยแก๊สคำร์บอนไดออกไซด์ออกมำตลอดเวลำ เช่นเดียวกันกับมนุษย์และสัตว์ ส่วนใน เวลำกลำงวัน พชื สำมำรถสร้ำงอำหำรได้โดยกระบวนกำรสงั เครำะห์ดว้ ยแสง พชื จะใช้แกส๊ คำร์บอนไดออกไซด์ มำสรำ้ งอำหำร และคำยแกส๊ ออกซเิ จน และไอนำ้ ออกมำทำงปำกใบ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

อณุ หภมิ พืชแต่ละชนิดเจริญเติบโตได้ในช่วงอุณหภูมิที่แตกต่ำงกัน ทั้งน้ี อณุ หภูมจิ ะแตกตำ่ งกนั ออกไปตำมฤดกู ำร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… แร่ธาตุ ธำตุอำหำรที่จำเป็นสำหรับกำรเติบโต ของพืช ซง่ึ สำมำรถถูกจัดได้จำกเกณฑ์คือ ถ้ำเกิด พืชขำดสำรอำหำรนี้แล้ว ทำให้พืชไม่สำมำรถ เติบโตตำมวงจรชีวิตได้ตำมปกติ หรือ สำรนั้น เป็นส่ว นประกอบที่ส ำคัญของพืช หรือ ส่วนประกอบของสำรตัวกลำงในกระบวนกำร สร้ำงและสลำยของสำรนั้นๆ (metabolite) สำรอำหำรที่จำเป็นสำหรับพืช สำมำรถแบ่งตำม ปริมำณท่ีปรำกฏในเนอื้ เย่อื พชื ได้เปน็ ธาตุอาหารหลัก (primary macronutrients) ไดแ้ ก่ ไนโตรเจน (N), ฟอสฟอรสั (P), และ โพแทสเซยี ม (K) ธาตุอาหารรอง (secondary macronutrients) ได้แก่ แคลเซียม (Ca),แมกนีเซียม (Mg), และ ซลั เฟอร์ (กำมะถัน) (S) ธาตุอาหารเสรมิ (micronutrients) ไดแ้ ก่ แมงกำนีส (Mn),คอปเปอร์ (ทองแดง) (Cu),คลอรนี (Cl), เฟอรสั (เหล็ก) (Fe), โบรอน (B), ซิงค์ (สังกะสี) (Zn), โมลบิ ดินัม (Mo) มหำสำรอำหำร (macronutrients) คือสำรอำหำรท่ีพชื ตอ้ งกำรในปรมิ ำณมำก หรอื วำ่ เป็นสำรทมี่ อี ยู่ ในเน้ือเย่ือของพชื ในปริมำณมำก (0.2% ถึง 4% โดยน้ำหนักแหง้ ) จุลสำรอำหำร คือสำรท่ีมอี ยู่ในเนอ้ื เยื่อของ พืชในปริมำณไม่มำก และวดั เปน็ หนว่ ย ppm โดยมปี ริมำณอยใู่ นชว่ งตัง้ แต่ 5 ถึง 200 ppm หรอื น้อยกวำ่ 0.02% โดยน้ำหนกั แหง้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ประวตั ิ ตัวอย่ำงของควำมพยำยำมในช่วงแรกๆ ที่ปลูกพืชไร้ดิน ก็คือ สวนลอยบาบิโลน เมื่อรำว 600 ปีก่อน ครสิ ตกำล และสวยลอยแหง่ อสั เตก็ ซ์ ในชว่ งครสิ ต์ศตวรรษท่ี 11 นักวิจัยกำรปลูกพืชไร้ดินคนแรกๆ ก็คือ จอห์น วูดวำร์ด (John Woodward) ชำวอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2002 เขำได้ปลูกพืช ในน้ำ โดยได้เติมดินลงไปหลำยชนิด กำรปลูกพืชครั้งนั้นเป็นกำร สำธิตว่ำ นอกจำกน้ำแล้วในโลกเรำนั้นมีสสำรหลำยขนิดที่พืช ต้องกำร ครั้นเมื่อกลำงคริสต์ศตวรรษที่ 19 นักสรีรวิทยำพืช (plant physiologists) ชำวเยอรมัน ชื่อซัคส์ (Sachs) และคนอพ (Knop) ไดป้ ลกู พชื ในสำรละลำยอยำ่ งงำ่ ยของเกลืออนนิ ทรยี ์ เม่ือ พ.ศ. 2472 ศำสตรำจำรย์ Gericke แห่งมหำวิทยำลัย แคลิฟอร์เนีย ที่เมืองเดวิส ได้สำธิตว่ำพืชจะเติบโตโดยไม่ใช้ดิน สำมำรถเติบโตไปได้จนโตเต็มที่ ครั้งนั้นเขำได้ปลูกมะเขือเทศในน้ำ จนได้ผลขนำดใหญ่อย่ำงน่ำแปลกใจ และ เขำได้เทียบคำศัพท์ในภำษำกรีก ที่มีควำมหมำยว่ำ กำรเกษตร คือ geoponics ซึ่งหมำยถึง ศำสตร์แห่งกำร ปลูกพืชโดยใช้ดิน ด้วยเหตุนี้เขำจึง คิดคำใหม่ว่ำ hydroponics ซึ่งหมำยถึง กำรปลูกพืชในน้ำ จำกภำษำ กรกี hydros (นำ้ ) และ ponos (แรงงำน) ภาพวาดสวนลอยบาบโิ ลน โดย มาเตน แวน ฮีมเสติรก์ (Maarten van Heemskerck) นกั วาดภาพชาวดตั ช์ สวนลอยบำบิโลน (อังกฤษ: Hanging Gardens of Babylon) จัดเป็นหนึ่งใน เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตั้งอยู่ริมแม่น ้ำยูเฟรติส ประเทศอิรักในปัจจุบัน สร้ำง โดยพระเจ้ำเนบูคัดเนซซำร์ที่ 2 แห่งกรุงบำบิโลเนีย สร้ำงให้แก่มเหสีของพระองค์ชื่อพระนำงอมีทิส สร้ำงขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักรำช สูงประมำณ 75 ฟุต กินพื้นที่ 400 ตำรำงฟุต ระเบียงทุกชั้นได้รับกำรตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนพุ่ม ชนิดต่ำง ๆ มรี ะบบชลประทำนชกั นำ้ จำกแม่นำ้ ยูเฟรตสี ไปทำเปน็ น้ำตกและนำไปเลยี้ งตน้ ไม้ตลอดปี

สวนลอยบำบโิ ลนคือสิง่ มหัศจรรย์แหง่ เดียวที่ยังไม่ทรำบที่ต้ังชัดเจนของมันและไม่มีเอกสำรใดของบำ บิโลนที่กล่ำวถงึ สวนนี้ ทำให้มีกำรตัง้ ทฤษฎีต่ำงๆ ที่ตั้งข้อสงสัยถึงกำรมีอยู่ของมนั มำกมำย โดยทฤษฎีที่ไดร้ บั กำรวิเครำะหว์ ่ำเปน็ ไปไดน้ ั้นมีอยู่สำมทฤษฎี 1. สวนน้อี ำจมอี ยู่จรงิ ที่บำบโิ ลน และถกู ทำลำยดว้ ยปัจจัยบำงอย่ำงในชว่ งเวลำหลังครสิ ตศ์ ตวรรษท่หี นง่ึ 2. สวนลอยบำบโิ ลนอำจเป็นเพียงสวนในตำนำนทม่ี ำจำกจินตนำกำรของนกั เขยี นชำวกรกี และโรมนั เท่ำน้ัน 3. สวนนแ้ี ทจ้ รงิ แลว้ เปน็ สวนในตำนำนทีไ่ ด้รบั กำรอ้ำงองิ ถึงสวนของกษัตริย์เซนนำเชริบของอัสซเี รยี ทต่ี ัง้ อยู่ใน กรุงนเิ นเวหท์ ่ีรมิ แมน่ ้ำไทกริส ใกลเ้ มืองโมซลู ของประเทศซีเรียในปจั จุบัน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… การปลกู พชื ไรด้ นิ (Soil less culture) กำรปลูกพชื ไรด้ นิ หรอื Soilless culture คือ กำรปลูกพชื โดยใหร้ ำกอยใู่ นวสั ดุปลกู ที่ไม่ใช่ดนิ ซงึ่ ได้แก่ 1. กำรปลกู ใหร้ ำกแช่อยใู่ นนำ้ (water culture หรือ hydroponics) 2. กำรปลกู ให้รำกอยู่ในอำกำศ (aeroponics) 3. กำรปลกู ใหร้ ำกอยู่ในวัสดปุ ลูกอ่ืน ๆ (substrate culture) ซงึ่ มีดังนี้ - วัสดุปลกู ท่เี ปน็ อนินทรยี ส์ ำร เชน่ ขยุ มะพรำ้ ว ขี้เถำ้ แกลบ ขี้เลื่อย วัสดผุ สมตำ่ ง ๆ - วัสดปุ ลกู ที่เป็นอินทรียส์ ำร เชน่ ทรำย กรวด ฟองน้ำ ใยหิน (rock wool) เพอไลท์ (perlite) เวอรม์ ิคูไลท์ (vermiculite) และวสั ดปุ ลูกสงั เครำะห์ กำรปลูกในวสั ดุปลกู ท่ไี มใ่ ชด่ นิ เหล่ำน้ี ต้องให้สำรละลำยธำตอุ ำหำรแก่พชื อย่ำงพอเหมำะและ ตอ่ เน่อื ง จึงจะทำใหพ้ ชื เจริญ ความสาคญั กำรปลูกพืชไร้ดินเป็นเทคโนโลยีทำงเลือกสำหรับกำรเกษตร ในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดทำงกำรเกษตร จำกปัญหำกำรปลูกพืชในดินติดต่อกันเป็นเวลำนำน ทำให้เกิดปัญหำต่ำงๆ เช่น ดินเค็ม ดินเปรี้ยว แมลง ศัตรูพชื ทำให้ตอ้ งใช้สำรเคมีมำกข้ึนเรอ่ื ยๆ ซ่งึ ส่งผลกระทบต่อมนุษยแ์ ละสง่ิ แวดล้อม ท้ังนี้ กำรปลูกพชื ไร้ดิน สำมำรถหลีกเลี่ยงกำรเกิดปัญหำดังกล่ำวได้ ผลผลิตที่ได้เป็นผลผลิตที่สะอำดปลอดภัยต่อผู้ผลิต ผู้บริโภค และไม่ส่งผลกระทบตอ่ ปญั หำสง่ิ แวดลอ้ ม ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) เป็นกำรปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแต่ใช้น้ำที่มีธำตุอำหำรพืชละลำยอยู่ หรือ กำรปลูกพืชในสำรละลำยธำตุอำหำรพืชทดแทน ซึ่งนับเป็นวิธีกำรใหม่ในกำรปลูกพืช โดยเฉพำะกำร ปลูกผักและพืชที่ใช้เป็นอำหำร เนื่องจำกประหยัดพื้นที่ และไม่ปนเปื้อนกับสำรเคมตี ่ำงๆ ในดิน ให้ได้พืชผักท่ี สะอำดเปน็ อำหำร ปจั จุบนั นใ้ี นเทคนคิ กำรปลูกพชื แบบไรด้ ินหลำยแบบดว้ ยกนั คำวำ่ ไฮโดรโปนิกส์ (hydroponics) เปน็ คำผสมระหว่ำงคำ 3 คำ คือ

ไฮโดร (hydro) หมำยถึง น้ำ โปโนส (ponos) เปน็ คำทม่ี ำจำกภำษำกรีก หมำยถึงกำรทำงำน และ อกิ ส์ (ics) หมำยถงึ ศำสตรห์ รอื ศลิ ปะ ซึ่งเมื่อรวมคำท้ัง 3 คำเข้ำดว้ ยกนั จงึ มีควำมหมำยตำมรปู ศัพท์วำ่ ศำสตร์หรอื ศลิ ปะวำ่ ด้วยกำรทำงำน ของนำ้ ปัจจุบัน กำรปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์มีเทคนิคที่คิดค้นใหม่ๆหลำกหลำยรูปแบบ มิได้จำกัดอยู่ เฉพำะกำรปลูกพืชในน้ำ (water culture) เท่ำนั้น บำงกรณีมีกำรใช้วัสดุปลูก (substrate) ทดแทนดิน ทั้งหมดและรดด้วยสำรละลำยธำตุอำหำรพืช ซึ่งเรำมักเรียกว่ำ ซับส์เทรต คัลเจอร์ (substrate culture) หรือ มีเดีย คัลเจอร์ (media culture) หรือแอกกรีเกตไฮโดรโปนิกส์ (aggregate hydroponics) เทคนิคดังกล่ำว นิยมเรียกว่ำ กำรปลูกโดยไม่ใช้ดิน หรือ กำรปลูกพืชไร้ดิน (soilless culture) ซึ่งเป็นที่น่ำสังเกตว่ำเทคนิค กำรปลูกพืชในน้ำก็ดี หรือ กำรปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์รูปแบบอื่นๆ ก็ดี บำงครั้งก็อำจเรียกรวมๆ ว่ำ soilless culture แทนคำว่ำ hydroponics กไ็ ด้ ไฮโดรโปนิกส์ มีประโยชน์หลักๆ 2 ประกำรด้วยกัน ประกำรแรกคือช่วยให้มีสิ่งแวดล้อมที่ควบคุม ไดม้ ำกข้นึ สำหรบั กำรเติบโตของพชื แทนทจ่ี ะเปน็ กำรใช้ดินอย่ำงเดิม ทำให้กำจัดตวั แปรที่ไมท่ รำบออกไปจำก กำรทดลองไดจ้ ำนวนมำก ประกำรทีส่ องก็คือ พืชหลำยชนิดจะใหผ้ ลผลติ ไดม้ ำกในเวลำท่ีน้อยกว่ำเดิม และใน บำงครั้งก็มีคุณภำพที่ดีกว่ำเดิมด้วย ซึ่งในสภำพแวดล้อมและสภำพกำรเศรษฐศำสตร์หน่ึงๆ กำรปลูกพืชแบบ ไฮโดรโปนกิ ส์จะให้ผลกำไรแกเ่ กษตรกรมำกขน้ึ และด้วยกำรปลกู ที่ไมใ่ ช้ดินจึงทำให้พืชไม่มโี รคท่เี กิดในดนิ ไม่มี วัชพืช ไม่ต้องจัดกำรดิน และยังสำมำรถปลูกพืชใกล้กันมำกได้ ด้วยเหตุนี้พืชจึงให้ผลผลิตในปริมำณที่มำก กว่ำเดิมขณะที่ใช้พื้นที่จำกัด นอกจำกนี้ยังมีกำรใช้น้ำน้อยมำกเพรำะมีกำรใช้ภำชนะ หรือระบบวนน้ำแบบ ปิด เพื่อหมุนเวียนน้ำ เมื่อเทียบกับกำรเกษตรแบบเดิมแล้ว นับว่ำใช้น้ำเพียงส่วนน้อยนิดเท่ำนั้น ด้วย คุณภำพที่กล่ำวมำข้ำงต้น ทำให้ไฮโดรโปนิกส์มีประโยชน์กับกำรปลูกพืชที่ไม้ใช่วิธีกำรแบบเดิมๆ นักเขียน นิยำยวิทยำศำสตร์ได้เสนอมำนำนแล้วว่ำ ไฮโดรโปนิกส์นั้นจะทำให้สถำนีอวกำศ หรือ ยำนอวกำศ สำมำรถ ปลูกพืชไร้ดินได้เอง และคุณสมบัติดังกล่ำวน้ีทำให้ไฮโดรโปนิกส์เหมำะอยำ่ งย่ิงสำหรับผู้ที่ต้องกำรปลกู พืชโดย กำรกำรควบคุมปัจจยั ทีเ่ ก่ียวข้องไดม้ ำกทส่ี ดุ และมคี วำมหนำแน่นสูงสุด

วธิ ีการปลูก พืชไร้ดนิ แบบรากแช่ในนา้ (Hydroponics) 1. เตรียมฟองน้ำที่ใช้โดยกำรผ่ำแบ่งให้เหมำะสมกับรำงปลูก ใช้ มีดคัตเตอร์ กดี ฟองน้ำเป็นรูปเครอ่ื งหมำยคูณ ควำมลกึ ของ รอยประมำณ 2-3 มลิ ลเิ มตร 2. ใส่เมล็ดลงไปในรอยกีด ประมำณ 2-3 เมล็ด นำไปใส่ใน กระบะเพำะ รดน้ำให้ชุ่มแต่ห้ำมไม่ให้ระดับน้ำสูงเกินไปจน ทว่ มเมล็ดเพรำะ เมล็ดจะไม่งอกและเน่ำในท่ีสดุ 3. นำผ้ำขำวบำงหรือผ้ำที่ไม่หนำมำกนกั มำคลุมที่กระบะเพำะ เพื่อเป็นกำรรักษำควำมชื่นทิ้งไว้ 3-4 วัน แต่ต้องมีกำรเปิดดู ทุก ๆ วนั 4. เมื่อต้นกล้ำที่เพำะไว้เริ่มจะแข็งแรงหรือมีอำยุได้ประมำณ 5-7 วัน ให้เปิดผ้ำออก แล้วนำตน้ กล้ำออกจำกทีร่ ม่ เพื่อมำรับ แสงแดด 2-3 วนั กจ็ ะได้ต้นกล้ำทส่ี ำมำรถลงในรำงปลกู ได้ 5. ย้ำยตน้ กลำ้ ลงในรำงปลกู ใหฟ้ องน้ำ จมลงไปในระดบั น้ำเพยี งคร่ึงหนึ่งของทั้งหมดเพื่อใหร้ ำกของต้นพืชได้มี กำรเจริญเตบิ โต หำอำหำรเองตำมธรรมชำติ โดยมสี ำรละลำยธำตุอำหำรไหลผำ่ นรำกตลอดเวลำ 6. ใหธ้ ำตอุ ำหำรตำมควำมเข้มข้นท่เี หมำะสม ตอ่ ควำมตอ้ งกำรของพืชชนดิ น้ัน และตำมทีผ่ ลติ ภัณฑ์สำรอำหำร นน้ั กำหนด 7. หมั่นดแู ลรักษำทกุ วันสังเกตควำมต้องกำรสำรอำหำรของตน้ พืชจำกสีของลำตน้ และสีของใบตำมแต่ลักษณะ ของพชื ชนดิ น้ัน ๆ การปลูกในวสั ดุปลูก (Substrate culture) เป็นกำรปลูกในลักษณะที่คลำ้ ยกับกำรปลูกพืชบนดินมำกที่สุดกำรดูแลรักษำ จึงคล้ำยกับกำรปลูกพชื ในกระถำง แต่ใช้วัสดุปลูกอื่นแทนดินเพือ่ ให้รำกพยุงลำตน้ อยู่ได้ กำรปลูกในวัสดุปลกู ปริมำณของวัสดุปลูกจะ น้อยกว่ำดนิ มำก คอื รำกพชื จะมีพน้ื ท่ใี นกำรหำน้ำและอำหำรไม่เกิน 5 ลิตรต่อต้น ดงั น้ันกำรจัดกำรเกี่ยวกับน้ำ และธำตุอำหำรจะตอ้ งดแู ลเป็นพเิ ศษต้องควบคุมปรมิ ำณน้ำในวสั ดปุ ลูกให้เหมำะสม โดยนอกจำกใชว้ สั ดุปลูกท่ี มีกำรระบำยน้ำดี อุ้มน้ำได้น้อย มีอัตรำส่วนระหว่ำงน้ำและอำกำศที่เหมำะสมแล้ว ยังต้องควบคุมกำรให้ สำรละลำย ต้องระวังไม่ปล่อยให้วัสดุปลกู แห้งจนไม่มีควำมชืน้ เหลืออยู่ เพรำะถ้ำแห้งถึงระดับหนึ่งรำกอำจไม่ สำมำรถกลับสู่สภำพเดิมได้ ทำให้เกิดควำมเสียหำยได้ วิธีที่เหมำะสมคือ ให้ครั้งละน้อยๆ แต่ให้บ่อยๆ เหตุน้ี เองระบบควบคุมกำรให้น้ำอัตโนมัติจึงเป็นสิ่งจำเป็น สูตรและควำมเข้มข้นของสำรละลำยธำตุอำหำรจะต้อง เหมำะสมกับชนิดพืช ช่วงกำรเจริญเติบโต และสภำพภูมิอำกำศก่อนปลูกควรปรับ pH ของวัสดุปลูกให้อยู่ ในช่วง 5.5-6.0โดยใช้สำรละลำยกรดไนตริกเจอจำง ข้อควรระวังอีกอย่ำงหนึ่งคือต้องเก็บเศษรำกพืชที่เหลือ ออกจำกวัสดปุ ลกู ใหห้ มดเมือ่ ต้องเร่มิ ปลกู พืชคร้ังใหม่

ขอ้ ดีของการปลกู พชื ไรด้ นิ 1. พชื เจรญิ เติบโตเรว็ ผลผลิตสูง สำมำรถผลติ นอกฤดูกำลได้ 2. ปลูกพืชได้ในเขตท่ีดนิ มีปัญหำ เชน่ ดินเค็ม ดินลกู รงั ดนิ กรวด 3. ลดกำรสญู เสยี ธำตอุ ำหำร 4. ใชแ้ รงงำนในกำรดูแลรักษำน้อย 5. ประหยัดค่ำใชจ้ ่ำยในกำรใชส้ ำรเคมีป้องกันกำจดั วชั พืช 6. ประหยัดคำ่ ใช้จำ่ ยในกำรใช้สำรเคมปี ้องกนั โรคและแมลงศตั รูพืช 7. ไดผ้ ลผลิตสะอำด ข้อจากัดของการปลูกพืชไรด้ ิน 1. ค่ำใช้จ่ำยในกำรลงทนุ เริ่มแรกสูงกว่ำกำรปลกู พชื ปกติ 2. ผ้ปู ฏบิ ัตติ อ้ งมคี วำมรคู้ วำมเขำ้ ใจ 3. กำรดแู ลรกั ษำต้องทำอย่ำงใกล้ชดิ โดยเฉพำะ เรือ่ งของควำมเข้มข้นของสำรละลำยธำตุอำหำร ค่ำ pH และ ปริมำณออกซเิ จน 4. กรณีเกดโรคระบำดจะเกิดได้อยำ่ งรวดเร็ว

แบบทดสอบ ก่อนเรียน และ หลงั เรียน แบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบหลงั เรียน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook