Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการริหารรความเสี่ยงการฝึก E book

คู่มือการริหารรความเสี่ยงการฝึก E book

Published by jitrada.sin, 2022-07-30 01:58:01

Description: คู่มือการริหารรความเสี่ยงการฝึก E book

Keywords: การบริหาร

Search

Read the Text Version

0

1

คู่มือการบริหารความเสี่ยงในการจัดการศึกษาภาคปฏบิ ตั ิ (Clinical risk management in practicum nursing education) บรรณาธกิ าร ผศ.ดร. สรุ ีย์ ธรรมิกบวร อ.จติ รรดา พงศธราธิก พิมพ์ครังที่ 1 เผยแพรใ่ นรปู E book เดือน พฤษภาคม 2564 สงวนสิทธต์ิ ามพระราชบัญญัติการพิมพ์ ห้ามมใิ ห้ทำซ้ำหรือคัดลอกเลียนแบบโดยไมไ่ ดร้ บั อนุญาต จัดพิมพแ์ ละเผยแพรโ่ ดย อ. จิตรรดา พงศธราธิก ออกแบบปกและรูปเลม่ อ. จติ รรดา พงศธราธิก ทม่ี า: โครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการ การบรหิ ารความเสีย่ งสำหรับการฝกึ ภาคปฏบิ ัติ (Clinical risk management) รว่ มระหว่างสถาบันแหลง่ ฝกึ วันท่ี 16-17 กมุ ภาพันธ์ 2564 คณะกรรมการบริหารหลักสตู ร รับรองในการประชุมครัง้ ท่ี 4 วันท่ี 15 มนี าคม พ.ศ. 2564 0

รายนามผู้แต่ง 1. ผศ.ดร. สรุ ยี ์ ธรรมิกบวร กลุ่มวิชาการพยาบาลอนามยั ชุมชน คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวทิ ยาการสุขภาพ 2. ผศ.ดร. ภัทรา ซรู คิ กลมุ่ วชิ าการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวิทยาการสขุ ภาพ 3. ผศ.ดร. สขุ ศริ ิ ประสมสุข กลมุ่ วิชาการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวทิ ยาการสุขภาพ 4. ผศ. เผ่า อนันจ๋ิว กลมุ่ วิชาการพยาบาลอนามยั ชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์และวทิ ยาการสขุ ภาพ 5. อ. ประเสรฐิ ศรนี วล กลุ่มวิชาการพยาบาลอนามยั ชมุ ชน คณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ 6. อ. มนชยา สมจริต กลมุ่ วิชาการพยาบาลอนามัยชมุ ชน คณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสขุ ภาพ 7. อ. ลออ สิงหโชติสขุ แพทย์ กลมุ่ วชิ าการพยาบาลสขุ ภาพจติ คณะพยาบาลศาสตร์และวทิ ยาการสุขภาพ 8. อ. วรรณไพร แย้มมา และจติ เวชศาสตร์ 9. อ.รอ. หญงิ สพุ ตั รา นุตรักษ์, กลุม่ วชิ าการพยาบาลเดก็ และ คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวทิ ยาการสขุ ภาพ ร.น. วยั รุ่น คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวทิ ยาการสขุ ภาพ 10. อ. วาสนา ทรัพยป์ ระเสริฐ กลมุ่ วชิ าการพยาบาลเดก็ และ คณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ วยั รุ่น 11. อ. จติ รรดา พงศธราธกิ กลมุ่ วิชาการพยาบาลพืน้ ฐาน ผู้ใหญแ่ ละผู้สูงอายุ 12. อ. สิชล ทองมา กลมุ่ วิชาการพยาบาลพ้ืนฐาน คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวทิ ยาการสขุ ภาพ ผู้ใหญ่และผสู้ ูงอายุ กลมุ่ วชิ าการพยาบาลพน้ื ฐาน คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวทิ ยาการสุขภาพ ผู้ใหญ่และผสู้ งู อายุ 1

13. พว. โสภา หมู่ศิริ รายนามผู้แตง่ (ต่อ) 14. พว. ภทั รจารี หา้ สกุล 15. พว. ทัศนยี ์ ธีระศานตร์ โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จงั หวดั เพชรบุรี 16. พว. ณัฐพล คำกลั่น โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จงั หวัดเพชรบรุ ี 17. พว. ธัญญา หร่ายเรยี ง โรงพยาบาลเขาย้อย 18. พว. นวรตั น์ ทวีพรกุล โรงพยาบาลชะอำ 19. พว. มนันยา สิงโต โรงพยาบาลชะอำ 20. พว. เขมพร โตเปรีย้ ว โรงพยาบาลทา่ ยาง 21. พว. เพญ็ จนั ทร์ สังขะภกั ดี โรงพยาบาลทา่ ยาง 22. พว. กุลธิดา บุญเนตร์ โรงพยาบาลปราณบรุ ี 23. พว. สุวัชรีย์ เดชาธรอมร โรงพยาบาลปราณบรุ ี โรงพยาบาลปราณบรุ ี โรงพยาบาลหวั หนิ 2

คำนำ คู่มือนี้ได้รับความร่วมมือจากอาจารย์ประจำสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ทุกท่านและแหล่งฝึกร่วมกัน จดั ทำข้นึ โดยมีเป้าหมายเพือ่ ลดความเสยี่ ง ปอ้ งกันความเสยี่ ง ลดความรนุ แรงเมอ่ื เกดิ ความเส่ียง มีแนวทางการ ดูแลร่วมกันเพื่อสร้างการฝึก และการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยกับผู้ป่วย อาจารย์นักศึกษามีความมั่นใจ สถาบัน แหล่งฝึกมีความมั่นใจในการฝึกปฏิบัติของนักศึกษา คู่มือน้ีเกิดจากการร่วมพิจารณาองค์ความรู้และ ประสบการณ์ จากผู้ทรงคุณวุฒิและการร่วมกันถอดองค์ความรู้ร่วมกันกับพยาบาลวิชาชีพในแหล่งฝึก ทั้งน้ี คู่มอื นีจ้ ะนำสู่การปฏิบตั ิ การปฐมนเิ ทศรวมท้งั เตรยี มความพร้อมนกั ศกึ ษา นอกจากนส้ี ามารถนำไปใช้เป็นคู่มือ สำหรับผสู้ นใจนำไปใชป้ ระโยชน์เพ่อื ความปลอดภัยในการปฏิบตั งิ านต่อไป ขอขอบคุณวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ดร.ผ่องพักตร์ พิทยพันธ์ และคณะ ตัวแทนจากโรงพยาบาลแหล่ง ฝึกที่ร่วมพิจารณาให้ความเห็น ข้อเสนอแนะในการจัดทำคู่มือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการ ขอขอบคุณ ผศ.ดร.สรุ ยี ์ ธรรมิกบวรและอาจารย์จิตรรดา พงศธราธกิ ทีร่ วบรวมจัดทำ และขอขอบคุณวทิ ยากรกลุ่มที่จัดทำ ในแต่ละประเด็น คู่มือนี้ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการบริหารหลักสูตร ในการประชุมครั้งที่ 4 / 2564 วันท่ี 15 มนี าคม พ.ศ. 2564 (ผศ.ดร.วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย) คณบดี คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวทิ ยาการสุขภาพ วนั ที่ 21 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 3

สารบญั แนวปฏิบัติการจัดการความเสย่ี งในการฝกึ ภาคปฏิบัติ..................................................................................... 1 การบรหิ ารความเสีย่ งทางคลินกิ ...................................................................................................................... 4 แนวทางการบรหิ ารความเสย่ี งเพอ่ื การผ่าตัดปลอดภัย (SAFE SURGERY) ...................................................... 8 แนวทางการบรหิ ารความเสย่ี งเพอ่ื ปอ้ งกนั การแพร่กระจายเช้อื (INFECTION CONTROL)........................... 11 แนวทางการป้องกนั อุบัติเหตุจากการสัมผัสเลือดและสารคัดหลง่ั (ของมคี มทมิ่ ตำ)........................................ 12 แนวทางการป้องกนั การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (C0VID-19).................................................................... 15 แนวทางการป้องกนั การแพรก่ ระจายเชอื้ ดื้อยา ............................................................................................. 20 แนวทางการบริหารความเสย่ี งปอ้ งกนั ความผดิ พลาดในการบรหิ ารยาและการให้เลือด (MEDICATION AND BLOOD SAFETY ) ....................................................................................................................................... 21 แนวทางการบรหิ ารความเสี่ยง กรณมี สี าย ท่อ ต่างๆ LINE TUBE CATHETER และ การตรวจทาง ห้องปฏิบตั กิ าร .............................................................................................................................................. 33 แนวทางการบรหิ ารความเส่ยี งในกระบวนการดูแลผปู้ ่วย (PATIENT CARE PROCESS)................................ 38 แนวทางการบรหิ ารความเสี่ยงในสถานการณ์ฉุกเฉิน (EMERGENCY RESPONSE)........................................ 40 บรรณานกุ รม ................................................................................................................................................ 43 ภาคผนวก 1 ระบบกลไกการบริหารจัดการความเส่ียง .................................................................................. 44 ภาคผนวก 2 แนวทางปฏิบตั เิ มือ่ เกิดความเส่ียงกบั นักศึกษา.......................................................................... 45 ภาคผนวก 3 แบบรายงานความเสยี่ ง ............................................................................................................ 47 ภาคผนวก 4 แบบรายงานเหตกุ ารณต์ ามแนวทาง ISBAR.............................................................................. 50 ภาคผนวก 5 รายนามอาจารย์วิทยากรกลมุ่ ในแตล่ ะหวั ข้อ ............................................................................ 51 ภาคผนวก 6 รายนามอาจารยผ์ ทู้ รงคุณวฒุ ใิ นการประชุมวิชาการ................................................................. 52 ภาคผนวก 7 รายนามอาจารยป์ ระจำสาขาวิชาพยาบาลศาสตรผ์ ูร้ ่วมพจิ ารณาคู่มอื ....................................... 54 0

แนวปฏบิ ตั กิ ารจัดการความเสยี่ งในการฝึกภาคปฏิบตั ิ Risk management in Nursing practicum คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบ์ ัณฑิต แนวปฏิบัติการจัดการความเสี่ยงในการฝึกภาคปฏบิ ตั ิเป็นกระบวนการที่เริ่มตั้งแตก่ ารวางแผนการจดั การศึกษา การเดินทางของนักศึกษา การจัดเตรียมที่พักเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับนักศึกษาหรืออาจารย์ นิเทศ การเตรียมการตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแนวทางการป้องกันความเสี่ยง การจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึน้ อย่างทันทว่ งที รายละเอยี ดดงั น้ี การจดั การความเส่ียงก่อนฝึกปฏบิ ตั ิ 1. การเตรยี มความพร้อมการเดินทาง 1.1 มกี ารจัดรถรับส่งให้นักศึกษาในการเดินทางไปฝึกและกลบั โรงพยาบาล 1.2 กำหนดใหน้ กั ศกึ ษาต้องเดินทางดว้ ยรถยนต์ทางมหาวทิ ยาลัยจัดใหเ้ ท่าน้ัน 1.3 จัดให้มีตัวแทนนักศึกษาทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับผู้รับผิดชอบรายวิชาตลอดระยะของการ ฝกึ ปฏิบัติ 1.4 หากเกดิ อบุ ัติการณ์ต่างๆเกิดขึ้น ใหน้ กั ศกึ ษาหรืออาจารย์ที่พบเหตุการณ์เขียนรายงานอุบัติการณ์ เสนอต่อรองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ผ่านหัวหน้ากลุ่มวิชาฯ เพื่อนำเข้าพิจารณา คณะกรรมการผู้รับผิดชอบหลกั สูตร 2. การเตรียมความพรอ้ มที่พัก 2.1 โรงพยาบาลแหล่งฝึกจดั ใหน้ ักศกึ ษาและอาจารยน์ ิเทศอยูห่ อพักโรงพยาบาลกรณมี ที ี่พักที่สามารถ เดนิ ทางมาฝึกปฏบิ ัตใิ นเวรเชา้ ได้สะดวกและปลอดภยั 2.2 โรงพยาบาลแหลง่ ฝกึ จดั ให้นักศึกษาและอาจารย์นิเทศอยูห่ อพกั เอกชน สามารถเดนิ ทางมาฝึก ปฏิบัตใิ นเวรเช้าไดส้ ะดวกและปลอดภยั กรณีไม่มีที่พัก 3. การเตรียมความพรอ้ มนักศึกษากอ่ นการฝกึ ปฏบิ ัติ 3.1 การปฐมนิเทศ โดยรายวิชาปฏิบัติทุกรายวิชาของสาขาพยาบาลศาสตร์ต้องมีการปฐมนิเทศ รายวิชาก่อนการไปฝึกปฏิบัติจริง หัวข้อการปฐมนิเทศครอบคลุม เรื่องการจัดการความเสี่ยง (clinical risk management) ขณะฝึกประสบการณ์ภาคสนามอย่างเคร่งครัดและนักศึกษาเซ็นชื่อรับทราบ 3.2 จัดให้กิจกรรมเตรียมความพร้อมก่อนการฝึกปฏิบัติ (Pre clinic) เพื่อให้นักศึกษาทบทวนทักษะ การพยาบาลทจ่ี ำเปน็ ของแต่ละรายวิชาในห้องปฏิบตั ิการวิทยาศาสตร์สุขภาพ ศูนย์ทรพั ยากรการเรียนรู้ คณะ พยาบาลศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ อาจารยน์ ิเทศประเมินผลการปฏิบตั ิกลับทนั ทีเพ่ือให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติ จนคลอ่ งแคลว่ กอ่ นการปฏิบตั ิการพยาบาลจริงในหอผู้ปว่ ย 1

3.3 อาจารย์ผรู้ บั ผิดชอบวิชาและอาจารยน์ ิเทศประสานงานกบั แหลง่ ฝึกอย่างต่อเนื่อง 3.4 จัดให้มีตัวแทนนักศึกษาทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับอาจารย์ผู้รับผิดชอบวิชาและอาจารย์ นเิ ทศประจำกลุม่ ตลอดการฝกึ ปฏิบตั ิงาน 3.5 ติดตามการฝึกปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรคในการฝึกฯและหาแนว ทางแกไ้ ขร่วมกันระหว่างอาจารยน์ เิ ทศ และนักศึกษา 4. การประเมินสมรรถนะนักศึกษากอ่ นฝกึ ปฏิบตั ิ การฝึกปฏิบัติแม้จะเป็นการฝึกภายใต้การดูแลของผู้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ แต่นักศึกษา จำเป็นต้องผ่านการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคทดลอง รวมทั้งการประเมินสมรรถนะหลังการเตรียมพร้อม ก่อนฝึกปฏิบัติเพื่อจะสร้างความมั่นใจในการฝึกปฏิบัติ โดยไม่เกิดความเสี่ยง การปฐมนิเทศให้มีการอธิบาย ความเสี่ยงท่ีอาจเกดิ ได้หากไม่ทำตามแนวทางการทำงานท่ีหอผู้ป่วยกำหนด หรือไม่ทำตามมาตรฐาน ดังนั้นใน ทุกรายวิชาปฏบิ ัติควรมีการดำเนินการดังนี้ 4.1 การจัดกิจกรรม Pre clinic ก่อนฝึกปฏิบัติจริง เพื่อเป็นการเตรียมความรู้และทักษะพื้นฐานท่ี สำคญั โดยเนน้ ยำ้ ข้อพงึ ระวงั ต่างๆ 4.2 การเตรยี มคมู่ อื การฝกึ โดยละเอยี ดและเน้นย้ำการป้องกนั ความเสยี่ งทางคลินิก 4.3 จดั สอบทบทวนสมรรถนะนกั ศกึ ษาก่อนการฝึกปฏิบตั ิจรงิ การจัดการความเสยี่ งขณะฝึกปฏบิ ัติ 1. เมอื่ เกดิ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เช่น การเกิดความผดิ พลาดในการบรหิ ารยา (medication error) ตั้งแต่ระดับ A. การถูกเข็มตำหรือของมีคมที่สัมผัสสิ่งคัดหลั่ง หรือการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งโดยตรงจากผู้ป่วยที่มี ความเสี่ยง การเกิดการพลัดตกหกล้มกับผู้รับบริการในระหว่างที่นักศึกษาเป็นผู้ดูแล นักศึกษาต้องรายงาน อาจารย์นเิ ทศหรอื พยาบาลพ่ีเลี้ยงทรี่ บั ผดิ ชอบนักศึกษาในหอผู้ป่วยนน้ั ทนั ที 2. กรณีเกิดความผิดพลาดในการบริหารยา (medication error) ตั้งแต่ระดับ C ขึ้นไป หลังจาก รายงานความเสี่ยงแล้ว ต้องเฝ้าระวังอาการผู้ป่วยตามการออกฤทธิ์ของยาและผลข้างเคียงของยา หากมีการ เปลี่ยนแปลงต้องรายงานตอ่ อาจารย์นเิ ทศหรือพยาบาลพเ่ี ลี้ยงทันที 3. กรณีที่ถูกเข็มตำหรือของมีคมที่สัมผัสสิ่งคัดหลั่ง หรือสิ่งคัดหลั่งผู้ที่มีความเสี่ยงการติดเชื้อ เช่น HIV, Hepatitis B ให้ล้างน้ำสะอาดผ่านบริเวณที่ถูกเข็มตำและห้ามบีบเค้นบาดแผลเด็ดขาด เพราะจะทำให้ เนื้อเยื่อรอบๆเกิดการบาดเจ็บเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น หลังจากรายงานความเสี่ยงอาจารย์นิเทศหรือ พยาบาลพี่เลี้ยงทร่ี บั ผิดชอบนักศกึ ษาในหอผู้ปว่ ยแล้ว ใหป้ ฏบิ ัติตามขัน้ ตอนปฏิบตั ิของโรงพยาบาลนนั้ ๆ 4. กรณีที่เกิดเหตุการณ์การพลัดตกหกล้มกับผู้รับบริการในระหว่างที่นักศึกษาเป็นผู้ดูแล นักศึกษา ต้องเฝ้าระวังอาการผู้ป่วยโดยการประเมินอาการเปลี่ยนแปลงและการเขียนบันทึกรายงาน หลังจากรายงาน ความเส่ยี งตอ่ อาจารย์นิเทศหรือพยาบาลพีเ่ ลย้ี งท่ีรับผิดชอบนักศึกษาในหอผปู้ ว่ ย 5. หลังจากเกิดความเสี่ยงให้นักศึกษาเขียนแบบรายงานความเสี่ยงส่งอาจารย์นิเทศหรือพยาบาลพ่ี เลีย้ งที่รบั ผิดชอบนกั ศึกษาในหอผู้ปว่ ยน้นั ภายใน 24 ชัว่ โมง เพอ่ื รายงานตามขั้นตอนต่อไป 2

แนวปฏิบตั ขิ องอาจารย์นิเทศและพยาบาลพเี่ ล้ียง 1. เมื่อเกิดความเสี่ยงหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์กับนักศึกษาให้อาจารย์นิเทศหรือพยาบาลพี่เลี้ยง รายงานอาจารยท์ ่รี บั ผดิ ชอบรายวิชาทันทแี ละปฏบิ ตั ิกบั นกั ศกึ ษาตามขัน้ ตอน 2. ให้นกั ศกึ ษาเขยี นแบบรายงานความเสีย่ งสง่ อาจารยน์ เิ ทศหรือพยาบาลพเ่ี ล้ยี งภายใน 24 ชั่วโมง 3. อาจารย์นิเทศหรือพยาบาลพี่เลี้ยงส่งแบบรายงานความเสี่ยงที่นักศึกษาเขียนให้อาจารย์ท่ี รบั ผิดชอบรายวิชาภายใน 48 ช่วั โมง แนวปฏิบัติของอาจารย์ผ้รู บั ผิดชอบรายวิชา 1. อาจารย์ผู้รบั ผดิ ชอบรายวิชารายงานตอ่ อาจารย์ผูร้ บั ผดิ ชอบหลักสตู รของสาขาวชิ านัน้ ๆ รบั ทราบ ทันทที ่ีได้รบั แจ้ง 2. สง่ แบบรายงานความเสีย่ งของนักศึกษาให้อาจารย์ผรู้ ับผิดชอบหลกั สูตรของสาขาวิชานั้น ๆ ภายใน 48 ช่วั โมง เพือ่ ดำเนินการตามระเบียบของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงตอ่ ไป แนวทางดำเนินการเมอ่ื เกิดความเสย่ี งและการจดั การหลังเกดิ ความเสยี่ ง การดำเนินการเมื่อเกิดความเสี่ยงเป็นการพิจารณาที่ต้องละเอียดรอบคอบหลายด้าน ดังนั้นโดย กระบวนการจึงเป็นการวางแผนในเชิงระบบคือให้เป็นการพิจารณาร่วมกันในระดับคณะกรรมการและมีผู้ที่มี ส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมพิจารณา โดยหลักการสำคัญคือ คำนึงถึงหลักจริยธรรมวิชาชีพ มาตรฐานการพยาบาล และหลกั สิทธผิ ู้ปว่ ย สทิ ธิพยาบาล ข้ันตอนการดำเนินการ ดงั นี้ 1. เมื่อผู้บริหารได้รับรายงานจากผู้รับผิดชอบหลักสูตร ดำเนินการมอบหมายคณะกรรมการบริหาร หลักสูตรประชุมพจิ ารณาเปน็ วาระพิเศษโดยเฉพาะ 2. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรพจิ ารณาผลแจ้งผูเ้ กี่ยวข้องทราบและรายงานผลไปที่คณะกรรมการ บรหิ ารความเสี่ยงของคณะ ฯ รับทราบเพ่อื วางแผนเป็นระบบตอ่ ไป 3. อาจารย์ผู้รับผิดชอบวิชาประสานอาจารย์นิเทศ อาจารย์พี่เลี้ยงแหล่งฝึกเพื่อดูแลและพัฒนา นกั ศึกษาในประเดน็ ท่ที ำความเส่ยี งจนม่ันใจในสมรรถนะโดยการกำหนดให้มกี ารสอบสมรรถนะและการพัฒนา เปน็ ระบบ ตดิ ตามการพจิ ารณาเพื่อดแู ลนกั ศึกษาตามเหมาะสมเพ่อื ลดความเครียด ความไมม่ น่ั ใจของนักศึกษา ร่วมดูแลผูไ้ ดร้ บั ผลกระทบจากขอ้ ผดิ พลาดตามหลกั ความรับผดิ ชอบและหลกั กฎหมายที่เก่ียวข้อง 4. วางแผนแก้ไขความเสี่ยงที่เกิดเป็นการด่วนเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ โดยมีการดำเนินการอย่างเป็น ระบบ เช่น การทบทวนแนวทางการบริหารความเสีย่ ง การประชมุ วิชาการดา้ นความปลอดภยั เป็นต้น 3

การบรหิ ารความเสี่ยงทางคลินกิ Clinical risk management อาจารย์จติ รรดา พงศธราธกิ การบริหารความเสี่ยงทางคลินิกเป็นเครื่องมือที่มุ่งเน้นให้เกิดความปลอดภัยของผู้ป่วย (Patient Safety Goal: PSGs) เปน็ หลักการและมาตรฐานท่ีทุกโรงพยาบาลต้องให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่ พึงประสงค์ที่จะเกิดกับผู้ป่วย ญาติ รวมทั้งผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (Personal Safety Goals) ตามหลักการ ขององค์การอนามัยโลก (world health organization: WHO) ท่ีได้กำหนดเป้าหมายความปลอดภัยในการ ดแู ลผู้ปว่ ย เพอ่ื ใหบ้ คุ ลากรทางสุขภาพเหน็ ความสำคัญและรว่ มปฏบิ ตั ใิ หต้ รงกนั สำหรับมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคคลากรสาธารณสุขของประเทศไทยนั้น ได้ ดำเนนิ การจดั ทำมาตรฐานมาเป็นระยะโดย สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องคก์ รมหาชน) หรือ สรพ. ซึ่งได้จัดการประชุมเพื่อรวบรวมองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญและจากหลักฐานเชิงประจักษ์ จากนั้นได้นำ ตัวอักษรตัวแรกของหมวดหมู่ความปลอดภัยเพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ง่าย มาเพื่อสื่อสารกับทีมสุขภาพให้ สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเป็นไปตามแนวทางความปลอดภัย โดยตัวอักษรดังกล่าวคือ “SIMPLE” สรพ. ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ประกาศมาตรฐานความความปลอดภัยท้ัง ด้านผู้ป่วยและบุคลากร เรียกว่า “Patient Safety Goals and Personnel safety Goals หรือ 2P safety Goals” ซง่ึ เป็นตวั ยอ่ ตามรายละเอยี ดดงั น้ี (สถาบันรับรองคณุ ภาพสถานพยาบาล, 2561) S = Safe surgery คือ ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดอย่างปลอดภัย ซึ่งประกอบด้วยความปลอดย่อย 3 ข้อ ดังนี้ • S1 Safe Surgery and Invasive Procedure เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบและประเมิน ความพร้อมในการผ่าตัด ป้องกันการผ่าตัดผิดคน ผิดข้าง การติดเชื้อที่แผลผ่าตัด การ ป้องกันการเกิด Venous Thromboembolism รวมทั้งการส่งเสริมการฟื้นตวั ภายหลังการ ผ่าตัด • Safe Anesthesia ความปลอดภยั ในการใหย้ าระงบั ความรู้สกึ แก่ผู้ป่วย ครอบคลุมตั้งแต่การ ประเมินผู้ป่วย ณ. หอผู้ป่วยก่อนการให้ยาระงับความรู้สึก ระหว่างให้ยาระงับความรู้สึก และการดูแลผปู้ ่วยภายหลังให้ยาระงบั ความรสู้ กึ ท่ี Post Anesthesia Care Unit (PACU) • Safe Operating Room ห้องผ่าตัดมีความปลอดภัย เครื่องมือที่เกี่ยวข้องปลอดเชื้อตาม หลกั การมาตรฐาน I = Infection Prevention and Control คือ การความคุมการตดิ เช้ือในโรงพยาบาล ประกอบด้วย เป้าหมายย่อย ดังนี้ • Hand Hygiene การล้างมอื อย่างถกู ต้อง 7 ขั้นตอนและถูกตอ้ งตามโอกาส 5 moment 4

• Prevention of healthcare – Associated Infection ได้แก่ การป้องกันการติดเชื้อใน ระบบทางเดินปัสสาวะจากการคาสายสวนปัสสาวะ (Catheter- Associated Urinary tract infection: CAUTI) การป้องกันภาวะปอดอักเสบจากเครื่องช่วยหายใจ (Ventilator- Associated Pneumonia: VAP) การป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือดจากการใส่สายสวน หลอดเลือด (Peripheral and Central Line – Associated Blood stream Infection: CLABSI) • Isolation Precaution การแยกผู้ป่วยที่ถูกต้องตามหลักการ Standard Transmission Based Precaution. • Prevention and Control Spread of Multidrug Resistant Organisms ( MDRO) เ ป็ น การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาล ซึ่งมักเป็นการดื้อต่อยาปฏิชีวนะ หลายชนิด ต้องการปฏบิ ัติการตามหลักการ Contact Precaution อย่างเคร่งครัด M = Medication & Blood safety คือ ความปลอดภัยของผู้ป่วยในการได้รับยาและเลือด ประกอบดว้ ยเปา้ หมายยอ่ ย ดังน้ี • Safe from Adverse drug Events เป็นการบริหารยาที่ถูกต้องตามหลักการในกลุ่มยา High alert drug การป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา และความปลอดภัยใน การใช้ยาท่อี าจมปี ฏกิ ิริยาตอ่ กนั (fatal drug interaction) • Safe from medication Error เป็นความปลอดภัยจากความคลาดเคลื่อนทางยา ตั้งแต่ กระบวนการสั่งจ่ายยา การตรวจสอบยา การบริหารยาสู่ตัวผู้ป่วยตามช่องทางต่าง ๆ อย่าง ถูกต้อง รวมทั้งการป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยาที่มีสะกดคล้ายกันหรือออกเสียง คล้ายกนั • Medication Reconciliation เป็นกระบวนการเพื่อให้ได้ข้อมูลรายการยาที่ผู้ป่วยใช้อยู่ ท้งั หมดเพ่อื ให้เกดิ การส่งต่อผูป้ ่วยอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ • Rational Drug Use (RDU) การใช้ยาอย่างสมเหตผุ ลตามขอ้ บ่งชี้ มีประโยชน์จากการใช้ยา มากกวา่ ความเสีย่ งท่เี กดิ จากยา รวมท้ังการสร้างความตระหนกั รู้การใช้ยาอยา่ งสมเหตุผลใน บุคลากรสาธารณสุขและประชาชน • Blood Transfusion ลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ป่วยในการรักษาด้วยเลือด และส่วนประกอบของเลือด P = Patient Care process เป็นกระบวนการเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ประกอบด้วยเป้าหมาย ยอ่ ย ดังนี้ • Patient Identification การบ่งชี้ตัวผู้ป่วยอย่างถกู ต้อง โดยต้องระบุอย่างน้อย 2 ชนิด เชน่ ชือ่ ผปู้ ว่ ยและ Hospital number 5

• Communication การสื่อสารและการประสานอย่างมีประสิทธิภาพโดยหลักการ ISBAR คำนงึ ถงึ การรักษาความลบั ของผปู้ ว่ ย การส่อื สารอยา่ งชดั เจน ทันตอ่ สถานการณฉ์ กุ เฉิน การ สื่อสารทางโทรศัพทอ์ ย่างมีประสิทธภิ าพ หลีกเลยี่ งการใช้ตัวยอ่ ทไี่ มเ่ ป็นสากล • Reduction of Diagnosis Errors การทำงานของสหสาขาวิชาชีพเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการ ตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้องและรวดเร็ว รวมถึงการรายงานผลค่าวิกฤตของผลการตรวจทาง ห้องปฏบิ ตั ิการ • Preventing common complications การดูแลผู้ป่วยและการให้บริการที่มีความเสี่ยงสงู อย่างทันท่วงที ปลอดภัย เหมาะสม ตามมาตรฐานวิชาชีพและการป้องกันการเกิดแผลกด ทับ การพลัดตกหกลม้ • Pain Management การบริหารความปวดอย่างเหมาะสมตามคะแนนความปวดของผู้ป่วย ความปลอดภัยในการบริหารยาแก้ปวดกลุ่ม Opioids รวมทั้งการบริหารยาแก้ปวดในผ้ปู ่วย มะเร็งและผูป้ ่วยระยะสุดท้าย • Refer and Transfer Safety กระบวนการการสง่ ตอ่ ผู้ป่วยวิกฤตระหวา่ งสถานพยาบาลและ ภายในโรงพยาบาลอยา่ งปลอดภัย การเตรียมความพรอ้ มของหน่วยงานทต่ี ้องรับผู้ปว่ ยตอ่ L = Line, Tube, Catheter and Laboratory ประกอบดว้ ย 2 เป้าหมายย่อย ดังน้ี • การดูแลผูป้ ่วยท่ีมสี ายสวนหรอื อุปกรณต์ า่ งๆ ทใ่ี ช้กบั ผู้ป่วยอยา่ งมมี าตรฐาน • การรายงานผลการตรวจทางห้องปฏิบัตกิ ารอย่างถูกตอ้ ง เป็นมาตรฐาน E = Emergency Response คือ การปฏิบัติตามแนวทางในการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการทรุดลงหรือ การเปลีย่ นแปลงเข้าสู่ภาวะวิกฤติประกอบด้วยเป้าหมายยอ่ ย ดังน้ี • Response to the Deteriorating Patient การระบุผปู้ ่วยที่มีอาการทรดุ ลงหรือมีอาการแย่ ลงไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพและมแี นวทางการดแู ลอยา่ งเหมาะสม • Medication Emergency การบริหารยาในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือภาวะวิกฤตของผู้ป่วย ไดแ้ ก่ Sepsis, Acute Coronary Syndrome, Acute ischemic stroke รวมทั้งการชว่ ยฟน้ื คืนชีพอย่างถกู ต้องตามหลักการ มีประสทิ ธิภาพ • Maternal and Neonatal Morbidity ความปลอดภัยของผู้คลอด กระบวนการปลอดภัย จากการตกเลอื ด ต้งั แต่การประเมินผู้ป่วยจนกระท่ังการคลอด รวมท้งั การป้องกันภาวะพร่อง ออกซิเจนของทารกแรกเกิด • ER safety การคัดแยกผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ การอธิบายปัญหาสุขภาพแก่ผู้ป่วยอย่าง ถูกต้อง ทันท่วงที การป้องกันการวินิจฉัยโรคผิดพลาดรวมทั้งการสื่อสารในทีม การทำงาน เป็นทมี อย่างเหมาะสม 6

การจัดการฝกึ ปฏิบตั ิของนักศึกษาพยาบาลมจี ำเป็นอยา่ งย่งิ ทต่ี ้องมีความรูแ้ ละปฏิบตั ิได้ถูกตอ้ ง ตรง ตามมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสขุ ดงั นัน้ การจัดใหม้ ีการเรียนการสอนเกีย่ วกบั Patient Safety Goals and Personnel safety Goals จงึ ควรบรรจุในหลักสตู รพยาบาศาสตรบณั ฑิตเพ่ือให้ มีสมรรถนะในการพยาบาลอยา่ งปลอดภยั 7

แนวทางการบรหิ ารความเสย่ี งเพ่อื การผา่ ตัดปลอดภัย (Safe surgery) อาจารยม์ นชยา สมจริต ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยเ์ ผ่า อนนั จิว๋ พว.โสภา หมู่ศริ ิ โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จงั หวดั เพชรบุรี พว. ภัทรจารี ห้าสกลุ โรงพยาบาลพระจอมเกลา้ จงั หวัดเพชรบรุ ี อบุ ตั กิ ารณ์ที่เกีย่ วขอ้ งกบั การผา่ ตดั ทส่ี ามารถพบได้ เช่น การผ่าตดั ผิดคน ผิดขา้ ง ผดิ หัตถการ แผลผ่าตดั ติดเชื้อ (surgical site infection: SSI) การพยาบาลเพื่อให้เกิดความปลอดภัยตามหลักการมีวิธีปฏิบัติที่ เกยี่ วขอ้ งกบั นักศกึ ษาพยาบาล โดยสรุปดงั น้ี ลำดับ ความเสย่ี ง วตั ถปุ ระสงค์ วธิ ปี ฏบิ ัติ 1 การผ่าตัดผิดคน การป้องกันการผ่าตัด หอผ้ปู ว่ ย /หนว่ ยตรวจ ผดิ ขา้ ง ผิดหัตถการ ผ ิ ด ค น ผ ิ ด ข ้ า ง ผิ ด 1) ยืนยันความถูกต้องของชื่อ นามสกุลผู้ป่วย ตำแหน่ง ผดิ หัตถการ ตำแหน่งผ่าตัด ชนิดของการผ่าตัด และใบยินยอม โดยตรวจสอบจาก เวชระเบียน และแผนรักษา ของแพทย์ 2) ยืนยันความถูกต้องของตัวผู้ป่วยก่อนขึ้นห้อง ผ่าตัด โดย ถามจากตัวผู้ป่วย หรือ ญาติ และ ตรวจสอบให้ตรงกบั ปา้ ยขอ้ มือ หอ้ งผา่ ตัด 1) ยืนยันความถูกต้องของชื่อ นามสกุลผู้ป่วย ตำแหน่งผ่าตัด ชนิดของการผ่าตัด และใบยินยอม โดยตรวจสอบจากเวชระเบียน และแผนรักษาของ แพทย์ อีกครง้ั 2) ตรวจสอบความถูกต้องของการ Mark site 2 แผลผ่าตัดติดเช้ือ การป้องกันแผลผ่าตัด กอ่ นผ่าตดั (SSI) ตดิ เชอ้ื 1) การเตรยี มผิวหนังกอ่ นผ่าตัด - ทำความสะอาดร่างกายทั่วไป อาบน้ำ สระผม ตดั เลบ็ - ทำความสะอาดบริเวณที่ผ่าตัด ด้วย surgical clipper ในกรณีที่ไม่มี surgical clipper ให้ ระมัดระวังอย่าให้มีดบาด หากมีบาดแผลจากการ เตรียมผิวหนังให้บันทึกในบันทึกทางการพยาบาล (Nurse’s note) และแจ้งต่ออาจารย์นิเทศ พยาบาลหวั หนา้ เวร 2) การดูแลใหผ้ ้ปู ว่ ยได้รับยาปฏิชีวนะก่อนผ่าตดั ปราณ 1 ช่วั โมง ทงั้ นตี้ ามแผนการรักษาของแพทย์ 8

ลำดับ ความเสย่ี ง วตั ถุประสงค์ วธิ ปี ฏิบัติ 3. การเกดิ การเฝ้าระวัง หลังผา่ ตดั ภาวะแทรกซ้อน ภาวะแทรกซ้อน 1) ไม่เปิดแผล จนกว่าแพทย์จะมีแผนการรักษาให้ ภายหลังการผา่ ตดั ภายหลงั การผา่ ตดั 48 เปิดทำแผล (dressing) หากแผลมีเลือดหรือสาร ชว่ั โมงแรก คัดหลั่งซึมเปื้อน gauze แจ้งต่ออาจารย์นิเทศ ภาวะแทรกซ้อนหลงั และหัวหน้าเวร เพ่ือพิจารณาเปล่ียน Dressing ผา่ ตดั ทตี่ ้องเฝ้าระวัง 2) เฝ้าระวังการติดเชื้อของแผลผ่าตัด (SSI) ชนิด เช่น Active bleeding, Clean wound เป็นเวลา 1 เดือนในกรณีที่เป็น Postoperative pain, การผ่าตัดทางศัลยกรรมทั่วไป และเป็นเวลา 1 ปี Aspirate, Bowel ในกรณีที่เป็นการผ่าตัดทางออร์โธปิดิกสท์ ีม่ ีการใส่ ileus, Implant หมายเหตุ : ก่อนปฏิบัติการพยาบาลทุกครั้งต้อง ตรวจสอบกับแผนการรักษาของแพทย์ และ สอบถามจากหวั หน้าเวร กอ่ นผา่ ตดั 1) ตรวจสอบการงดน้ำและอาหารทางปาก ตาม แผนการรกั ษาของแพทย์ 2) ตรวจสอบฟันโยก ฟันปลอม หากพบให้บันทึก ใน nurse’s note และปฏิบัติตามแนวทางการ สื่อสารเกี่ยวกับการมีฟันโยก ฟันปลอม ของแหล่ง ฝกึ 3) ตรวจสอบ V/S หากพบว่ามีการผิดปกติให้แจ้ง ต่ออาจารย์ และหัวหน้าเวร เพื่อพิจารณารายงาน แพทย์ หลังผา่ ตดั 1) V/S ตาม Routine PO care หรือตาม Clinical ทีเ่ ปลย่ี นไปของผู้ปว่ ย หรือ ตามแผนการ รักษาของแพทย์ 2) หากพบว่า ผ้ปู ่วยมี Early warning signs ของ การเกิด Hypovolemic shock (BP drop, Pulse เบาเร็ว, แผลผา่ ตัดมเี ลือดซึมมาก สาย ระบายเลอื ด ( vacuum drain) มเี ลอื ดออก มากกว่า 200 มิลลลิ ติ รใน 1 ช่ัวโมง ให้แจ้งต่อ อาจารย์ หรอื หวั หนา้ เวร 3) ติดตามอาการปวดอย่างต่อเนื่องตามแนวทาง ของแหล่งฝึก หากพบ Pain score มากกว่า 3 คะแนน ให้บรรเทาความปวดเบื้องต้นโดยไม่ใช้ยา ร่วมกับ การรายงานต่ออาจารย์ / หัวหน้าเวร เพื่อ 9

ลำดับ ความเส่ยี ง วัตถปุ ระสงค์ วธิ ีปฏิบตั ิ พิจารณาใหย้ าแก้ปวดตามแผนการรักษา ทั้งน้ีหาก เป็นการให้ยาแก้ปวดกลุ่ม Opioids ให้เฝ้าระวัง ดว้ ยการประเมนิ sedation score Recovery room / Post -anesthesia care unit ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาระงับความรู้สึกชนิด GA หากผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัวให้จัด position นอน ราบไม่หนุนหมอน และดูแล Suction clear airway ยกเว้นเป็นขอ้ หา้ ม เชน่ การผ่าตัดสมอง Ward ใ น ก ร ณ ี ท ี ่ ผ ู ้ ป ่ ว ย ไ ด ้ ร ั บ อ น ุ ญ า ต ใ ห ้ เ ริ่ ม รับประทานอาหาร หรอื จิบนำ้ ได้ ให้จดั position โดยใหผ้ ้ปู ่วยอยู่ในทา่ น่งั หรอื ศีรษะสูงมากกว่า 30 องศา ทุกครั้ง หากผู้ป่วยมี fair cognitive เพ่ิม การรับรูใ้ หก้ ับผ้ปู ว่ ยด้วยการใชช้ ้อนแตะที่ริมฝีปาก เพอื่ เตรียมการกลนื หลังผ่าตดั ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาระงับความรู้สึกแบบ Spinal block/ Epidural nerve block จัด position ใหน้ อนราบห้ามลกุ จากเตยี ง 6-8 ช่วั โมง หรือ ปฏิบัติตามข้อกำหนด/ แผนการรักษาของ วสิ ัญญีแพทย์ รวมทง้ั ให้ติดตามอาการชาตั้งแต่เอว จนถึงปลายเท้า หากยังมีอยู่ให้รายงานตอ่ อาจารย์ / หัวหน้าเวร Early ambulation ในรายท่ีไม่มขี อ้ จำกดั ติดป้ายพร้อมอธิบายให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจงดนำ้ งดอาหาร หรือ ป้ายอาหาร อื่นๆ ตามแผนการ รักษาของแพทย์ ให้ชัดเจน ติดตามความสามารถ ของการปสั สาวะภายหลงั การผ่าตดั 6 ชม. ในกรณี ที่ผู้ป่วยยังไม่ปัสสาวะให้แจ้งต่ออาจารย์ และ หวั หน้าเวร 10

แนวทางการบริหารความเส่ยี งเพอ่ื ปอ้ งกนั การแพร่กระจายเช้อื (Infection control) อาจารย์สิชล ทองมา พว. ณัฐพล คำกลน่ั โรงพยาบาลชะอำ พว. ธัญญา หร่ายเรยี ง โรงพยาบาลชะอำ การบริหารความเสี่ยงในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสำหรับผู้ป่วยทุกราย เรียกว่า “ standard precaution” ท้ังนก้ี ารยังต้องปฏิบัติตามหลกั การการป้องกันการแพร่กระจายเช้ือตามวธิ ีการแพร่กระจายเช้ือ โรค เรียกว่า “mode of transmission” นักศึกษาพยาบาลต้องทำความเข้าใจตามหลักการเพื่อให้เกิดการ ป้องกนั การแพรก่ ระจายเชื้ออย่างมปี ระสิทธิภาพ รายละเอยี ดดังนี้ การป้องกันและควบคุมการแพรก่ ระจาย ของเช้อื ผปู้ ว่ ยทกุ ราย (standard precaution) Airborne precaution Droplet precaution Contact precaution ex. TB COVID19 งสู วัด หดั ex. ไข้หวดั ใหญ่ ไข้หวดั นก ปอดอักเสบ ex. เช้อื ด้ือยา HIV เริม คอตบี หดั เยอรมนั วิธีการป้องกัน วธิ กี ารปอ้ งกัน วิธกี ารปอ้ งกนั เจ้าหน้าท/่ี นกั ศึกษาพยาบาล เจ้าหนา้ ท/ี่ นกั ศึกษาพยาบาล เจา้ หน้าท/ี่ นกั ศกึ ษาพยาบาล ใส่ mask N95 surgical mask ใส่ถุงมอื เสือ้ คลมุ ใสถ่ ุงมือ เสื้อคลุม ใสถ่ งุ มอื เสอ้ื คลุม ผปู้ ่วย ผูป้ ว่ ย ผู้ปว่ ย เนน้ ปอ้ งกนั ไม่ใหแ้ พร่กระจายเชื้อสู่ ใส่ surgical mask ใส่ surgical maskเน้นป้องกันไมใ่ ห้ สิ่งแวดล้อม ระวังการสมั ผสั แยกของใช้ตาม เนน้ ป้องกนั ไมใ่ ห้แพรก่ ระจายเชอื้ สู่ แพร่กระจายเชอื้ ส่สู ิ่งแวดลอ้ ม ระวังการ สงิ่ แวดลอ้ ม ระวงั การสัมผสั แยกของ สัมผัส แยกของใชต้ ามความเสย่ี งและตาม ความเส่ียงและตามแนวปฏบิ ตั ิ ใช้ตามความเสย่ี งและตามแนวปฏบิ ัติ แนวปฏิบตั ิ 11

แนวทางการป้องกันอบุ ัติเหตจุ ากการสมั ผัสเลอื ดและสารคดั หลง่ั (ของมีคมทม่ิ ตำ) อาจารย์สิชล ทองมา พว. ณฐั พล คำกล่นั โรงพยาบาลชะอำ พว. ธญั ญา หร่ายเรยี ง โรงพยาบาลชะอำ 1. การฉีดยาและการเจาะเลือด สวมถุงมอื ทกุ คร้งั หา้ มสวมปลอกเข็มโดยใชม้ ือจับปลอกเข็ม หากมคี วามจำเป็นต้องสวมปลอกเข็ม ต้องใช้ อุปกรณ์หรือเครื่องมือช่วยจับปลอกเข็มให้ตรึงกับที่เพื่อสะดวกต่อการใส่เข็มเข้าในปลอกอย่างปลอดภัยไม่เปรอะ เป้ือนและไม่ก่อใหเ้ กดิ อุบัติเหตุ หากไม่จำเปน็ ต้องสวมปลอกเข็มให้ท้ิงเข็มท่ีใช้แลว้ ลงในภาชนะที่เข็มไม่สามารถแทง ทะลไุ ด้ 2. การจดั การเขม็ ท่ใี ชแ้ ลว้ เข็มทีใ่ ชแ้ ลว้ ให้ปลดออกทันที ด้วยวิธีท่ปี ลอดภัยโดยใช้เทคนิคมือเดียวในการสวมปลอกเขม็ กลบั หรอื อาจ ใช้อปุ กรณช์ ่วยปลดเข็ม - เข็มทใ่ี ชค้ รง้ั เดียวท้ิง รวมทง้ั scalp vein หรอื เข็มท่ีตดิ กบั IV set ใหป้ ลดเขม็ หรอื scalp vein ทง้ิ ในภาชนะท่ีเขม็ ไมส่ ามารถแทงทะลไุ ด้เพ่ือนำไปเผาทำลาย - เข็มชนิดใช้ซ้ำ เชน่ เข็มเจาะหลัง เขม็ เจาะปอด เขม็ เจาะตับ เข็มตรวจชน้ิ เน้อื หลงั ใช้แล้วใหด้ ดู นำ้ ผสมผงซักฟอกผา่ นรเู ข็มหลายๆ ครงั้ จนสะอาด ล้างด้วยความระมดั ระวัง บรรจใุ นภาชนะท่สี ามารถปอ้ งกันการ แทงทะลไุ ดแ้ ละสง่ ทำให้ปราศจากเชอื้ 3. การเยบ็ แผล - ไมจ่ ับเขม็ ด้วยมอื ใหใ้ ชค้ มี จับเข็ม (Needle holder) จบั ทกุ คร้ัง - ระหวา่ งที่มีการใชเ้ ขม็ เยบ็ ขณะพักเข็มใหซ้ อ่ นปลายเขม็ เพื่อป้องกันอบุ ตั เิ หตเุ ข็มตำตนเองและ ผู้อน่ื เช่น ใชค้ ีมจบั เขม็ จบั ใกล้ปลายเข็มแล้วคว่ำไว้ - เขม็ เย็บแผลทีใ่ ชแ้ ล้ว ควรทง้ิ ในภาชนะท่จี ัดไว้เฉพาะสำหรบั ทิง้ ของมีคม - การเยบ็ แผลไม่ควรใชน้ ิ้วมอื ขา้ งใดขา้ งหนง่ึ กดแผลไว้ แล้วเย็บผา่ นระหวา่ งน้วิ มอื ควรใชค้ ีมจับ (Forceps) แทนใช้นว้ิ กด 4. ของมีคมอื่นๆ เชน่ ใบมดี กรรไกร เขม็ - ถอดใบมีดออกจากดา้ ม โดยใชค้ มี จบั (Clamp) ดงึ มีดออก - ทง้ิ ใบมดี ท่ีใช้แลว้ ลงในภาชนะสำหรบั ทิง้ ของมคี ม - หา้ มสง่ ของมคี มจากมือคนหนึ่งไปสู่มืออกี คนหนึ่ง - ห้ามวางหรือหงายส่วนแหลมคมข้นึ หรือย่นื ออกมานอกภาชนะรองรับ 12

5. หลอดยา Ampule - หักหลอดยา โดยใช้ผา้ สะอาด หรอื สำลีรองเพือ่ ป้องกันอุบตั ิเหตจุ ากเศษแกว้ ทมิ่ ตำหรือบาดมือ หรือใช้ อุปกรณช์ ว่ ยในการหกั เชน่ ใช้ syringe หักเพอื่ ป้องกันการทิ่มตำ - ทงิ้ หลอดยาท่ใี ชแ้ ลว้ ลงในภาชนะทไ่ี มส่ ามารถแทงทะลผุ า่ น 6. หลอด Hematocrit tube - ตอ้ งท้งิ ในภาชนะท่ที ิ้งของมคี ม และทำความสะอาดเครื่องปน่ั ฮมี าโตคริตท่ีเป้ือนคราบเลือด - ห้ามท้งิ ของมคี มหรอื ของแหลมคมลงในขยะทวั่ ไปหรอื ถงุ ขยะ เดด็ ขาด 7. การเกบ็ และรวบรวม Specimen สง่ ตรวจ - ตอ้ งสวมถุงมอื ทกุ ครัง้ ทส่ี ัมผัสส่งิ ส่งตรวจ ไมค่ วรสมั ผัสส่ิงส่งตรวจโดยตรง - บรรจุสิ่งสง่ ตรวจในภาชนะท่ปี ดิ ฝามิดชดิ - ห้ามวางสิ่งส่งตรวจหรืออุปกรณ์ที่ปนเปื้อนสิ่งส่งตรวจบนโต๊ะการพยาบาล ควรวางที่โต๊ะสิ่งส่งตรวจ โดยเฉพาะ - นำส่งสง่ิ สง่ ตรวจทเ่ี ก็บแลว้ ทนั ที ถา้ ไม่สามารถทำได้ให้นำส่งิ สง่ ตรวจเก็บในท่ปี ลอดภัย 8. การปอ้ งกันการติดเช้ือ HIV สำหรบั นักศึกษา หลังได้รบั อบุ ัตเิ หตใุ นขณะปฏบิ ัตงิ าน - เมือ่ นักศึกษาสมั ผสั เลือดหรือสารคัดหล่ังของผู้ปว่ ยที่ไม่แน่ใจวา่ ติดเชื้อ HIV หรอื ไม่ ให้ทำความ สะอาด ดังน้ี 1) ถา้ โดนเข็มตำหรือของมคี มบาด ให้ลา้ งด้วยน้ำสะอาดและ/หรอื นำ้ สบู่ ใหน้ าน 2) น้ำยาทำลายเชื้อชนิดใดดีที่สุด ในกรณีนี้มีน้ำยาทำลายเชื้อที่แนะนำ เช่น เบตาดีน ไม่ควรใช้ นำ้ ยาทีก่ ดั หรอื ทำลายผวิ หนังและเยื่อบุผวิ และไม่ควรบีบเค้นแผลเดด็ ขาด 3) ถา้ เลือดหรอื สารคดั หลัง่ กระเด็นเขา้ ตา ให้ล้างดว้ ยนำ้ สะอาดมากๆ 4) ถ้าเลอื ดหรือสารคัดหลงั่ กระเด็นเขา้ ปาก ใหบ้ ว้ นปากและ/หรอื กลว้ั ปาก และคอด้วยนำ้ สะอาด นกั ศึกษารายงานเหตุการณ์ที่เกดิ ขนึ้ กับอาจารย์นิเทศและหวั หน้าหอผู้ป่วย จากนั้นอาจารยน์ ิเทศและ/หรือหัวหน้า หอผู้ป่วยแจ้งให้งานป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลทราบเพื่อให้คำปรึกษา และลงบันทึกรายงาน เหตุการณไ์ ว้เปน็ หลักฐาน เนอ่ื งจากมีผลตอ่ การประเมินความเสย่ี ง การให้ยาต้านไวรัส HIV และการติดตามบคุ ลากร สิ่งที่ควรจะต้อง รายงานมดี ังต่อไปน้ี 1) วนั เวลา และสถานทีเ่ กดิ เหตุ 2) ลกั ษณะและรายละเอียดของเหตกุ ารณ์ ได้แก่ เกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร กำลงั ทำอะไร ถ้าโดน เข็ม หรอื ของมีคม ควรทราบชนิดและแบบของเครอ่ื งมอื ด้วย 3) ความรนุ แรง ได้แก่ ชนดิ และปริมาณของสิ่งคัดหลงั่ ทีส่ ัมผสั และความลึกของแผล 4) ตำแหน่งและลกั ษณะของผวิ หนงั หรือเย่อื บบุ รเิ วณที่โดน 5) การปฏิบัตเิ บือ้ งตน้ หลงั จากได้รับอุบัติเหตุ 13

6) ประวัติของผู้ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั การตดิ HIV ควรจะตอ้ งทราบข้อมูลเกี่ยวกบั ระยะเวลาของการติดเชื้อ, ปริมาณไวรัส (ถ้ามี), ระดับเม็ดเลือดขาวชนิด CD 4, ยาต้านไวรัส HIV ที่เคยรับประทานในอดีต และปจั จุบัน, ผลการรักษา, และแบบแผนการดอ้ื ยา (ถา้ ม)ี 7) ประวัติของนกั ศกึ ษา โดยเฉพาะผลการตรวจ anti-HIV แนวทางการปฏิบตั เิ ม่ือบคุ ลากร/นกั ศึกษา สมั ผัสเลือดหรอื สิ่งคดั หล่ังขณะปฏิบตั ิงาน ถูกเข็ม/ของมีคม เปอื้ นเลือด เลือดหรือสารคัดหล่งั จากผปู้ ว่ ย เลือดหรือสารคัดหลัง่ จากผ้ปู ว่ ย หรือสิง่ คัดหลั่ง กระเด็นเขา้ ตา กระเด็นเข้าปาก ลา้ งดว้ ยนา้ สะอาด/สบู่ เช็ดดว้ ยเบตาดนี ลา้ งด้วยน้าสะอาดมากๆ บ้วนปากและกลว้ั คอดว้ ยนา้ สะอาด หรอื น้ายาลา้ งตา มากๆ นักศกึ ษารายงานเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขึ้นกับอาจารย์นิเทศและหวั หนา้ หอผ้ปู ่วยทันที อาจารย์นเิ ทศ หัวหน้าหอผูป้ ่วย นักศึกษา - รายงานผู้รบั ผิดชอบวชิ า - แจ้งใหง้ านปอ้ งกันและควบคมุ การติด เขา้ รบั ปรึกษากับแผนก ARV คลนิ กิ ของ บนั ทึกรายงานเหตุการณ์ไวเ้ ป็นหลักฐาน เช้อื ในโรงพยาบาล โรงพยาบาล - ดูแลนักศกึ ษาเพอื่ ให้ได้รบั การดแู ลตามแนว - ด้าเนนิ การตามแนวปฏบั ัติของ ปฏิบัติ โรงพยาบาล 14

แนวทางการปอ้ งกนั การติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (C0VID-19) อาจารยเ์ รือเอกหญิง สพุ ตั รา นุตรกั ษ์ อาจารย์วรรณไพร แย้มมา เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (C0VID-19) คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จึงประกาศแนวปฏิบัติในการป้องกัน การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อความ ปลอดภยั ของนกั ศึกษาและผู้เกยี่ วข้องสำหรบั การฝึกปฏบิ ัตกิ ารพยาบาล ดังน้ี 1. การดูแลผู้ป่วยทุกราย ให้ใช้วิธีการป้องกันแบบมาตรฐาน โดยถือว่าผู้ป่วยทุกรายอาจเป็นพาหะของเช้ือ ไวรัส นี้ เมื่อต้องให้การพยาบาลผู้ป่วยให้สวมใส่หน้ากากอนามัย และล้างมืออย่างถูกวิธี (ครบทั้ง 7 ขั้นตอน) ด้วยสบู่ หรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ ก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง และในรายที่คาดว่าอาจ ตอ้ งสมั ผัสกับเลือด สารคดั หลงั่ หรือบาดแผลของผูป้ ว่ ยให้ สวมถงุ มอื ในการให้การพยาบาลด้วยทุกครง้ั 2. การดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อหรือสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสนี้ ให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อในการปฏิบัติการ พยาบาลที่สมั ผัสใกลช้ ดิ ผู้ปว่ ย ซงึ่ ไดแ้ ก่ การสวมใส่หน้ากากอนามยั เส้ือคลุม ถงุ มือ และล้างมอื อย่างถูกวิธี ดว้ ยสบู่หรอื เชด็ ด้วยแอลกอฮอล์ก่อน และหลังให้การพยาบาลทุกคร้งั และในกรณที ่ีคาดว่าอาจต้องสัมผัส กับละอองฝอยของน้ำลาย เสมหะ หรือเลือด เช่น การดูดเสมหะ หรือการช่วยแพทย์ใสท่ ่อทางเดนิ หายใจ ใหส้ วมใสอ่ ุปกรณ์ปอ้ งกนั ดวงตา และใบหนา้ ด้วย 3. ควรมีการให้ความรู้และสร้างความตระหนักแก่ประชาชนผู้มารบั บริการ เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยใน สุขภาพ ด้วยการล้างมืออย่างถูกวิธีฟอกสบู่ หรอื เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ เพือ่ ทำลายและลดจุลชีพท่ีอยู่บนมือ นำไปสู่การลดและป้องกันการแพร่กระจายเช้อื โรค สวมใส่หน้ากากอนามยั เม่อื มีอาการเจบ็ ป่วยทางระบบ ทางเดินหายใจ ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่ ไอ จาม และผู้ที่มีอาการคล้ายหวัด ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่นผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกและใช้ช้อนกลาง หลีกเลี่ยง การอยใู่ นสถานทแ่ี ออัด และงดเดินทางไปยังพ้ืนทีเ่ สี่ยงที่มีการระบาดของเช้ือไวรสั น้ี 4. หากมีการระบาดของโรคทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอาจพิจารณาปรับและใหเ้ ลือ่ นการฝึกงานในโรงพยาบาล โดยใช้หุ่นจำลองเปน็ Model ในการฝกึ ปฏบิ ัติงานเพ่มิ เตมิ 5. เตรียมวางแผนปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนแบบปกติเป็นแบบ online ในทันที และจัดเตรียม platform กลาง เพือ่ สนบั สนนุ ใหเ้ กิดการเรยี นการสอนแบบออนไลน์ตลอดจนจดั ทำ Application รองรบั สถานการณใ์ นระยะยาว เพือ่ ประโยชน์กบั นักศึกษาในช่วงวิกฤติ 6. ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้การสนับสนุนในด้านอื่นๆ เช่น หน้ากากอนามัยจากแผ่นกรองเส้นใย สมบตั พิ ิเศษตา้ นเชื้อไวรสั หรอื หนา้ กากผา้ แบบซักได้ ถุงมอื เปน็ ตน้ 15

หากพบนักศึกษาติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (C0VID-19) ให้ปฏิบัติตามแนวทางการควบคุมการ แพรก่ ระจายของเชอ้ื โรคดงั กล่าว ดงั นี้ 1. นักศึกษารายงานเหตกุ ารณ์ความเสยี่ งการสมั ผสั โรคทเี่ กิดขน้ึ กบั อาจารยน์ เิ ทศ และหัวหนา้ หอผู้ปว่ ย จากนั้นอาจารย์นเิ ทศและ/หรือหวั หนา้ หอผ้ปู ว่ ยแจ้งให้งานป้องกันและควบคุมการติดเชื้อใน โรงพยาบาลทราบเพื่อให้คำปรึกษา และลงบนั ทึกรายงานเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน เน่อื งจากมีผลต่อการประเมิน ความเส่ยี ง การดแู ลรักษาบุคลากรทสี่ มั ผัสโรคดงั กล่าว เพื่อยนื ยันผลการตรวจวินจิ ฉัยการตดิ เชอื้ โรค COVID-19 2. ในกรณที ่ีมกี ารยืนยันการตดิ เชื้ออาจารย์นิเทศร่วมกับผู้รบั ผิดชอบรายวิชารายงานผู้บริหารระดับคณะและ ระดับมหาวิทยาลัย เพื่อมีการประสานกับหน่วยงานดังกล่าวในโรงพยาบาลในการให้การดูแลรักษาแก่ นกั ศกึ ษาตามมาตรฐานอยา่ งดที ่ีสุด 3. ดำเนินการติดตามผู้สัมผสั ใกล้ชิดกับนักศึกษาที่สัมผัสโรคดังกล่าว ทั้งคณาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ของ คณะฯ และสมาชิกในครอบครัวที่นักศึกษาพักอาศัยด้วยมารับการตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาลพระจอม เกล้า เพอื่ ประเมินความเส่ยี งต่อการติดเชื้อและให้คำแนะนำต่อไป 4. หากมีการติดเชื้อให้คณะฯ ปิดทำการ 1 สัปดาห์ นับจากวันที่มีผลยืนยันการติดเชื้อ เพื่อฉีดพ่นน้ำยาฆ่า เชอื้ และทำความสะอาดตามมาตรฐานของสาธารณสุขทว่ั พน้ื ทอ่ี าคารตลอดจนหอพักของนักศึกษา 5. เมื่อพบนักศึกษาติดเชื้อ ให้ทางมหาวิทยาลัยงดการเรียนการสอนและกิจกรรมทุกรายการ เพื่อลดควา ม เสีย่ งของการสัมผัสเชื้อระหวา่ งบุคคล และชว่ ยใหท้ างคณะฯและมหาวิทยาลัยสามารถควบคุมการระบาด ของโรคได้ การคดั กรองความเส่ียงในการฝกึ ปฏิบตั ิ ระหวา่ งสถานการณ์การติดเชือ้ โคโรนา ไวรสั 2019 (C0VID-19) อาจารย์สิชล ทองมา อาจารย์ประเสรฐิ ศรนี วล พว. ณฐั พล คำกล่ัน โรงพยาบาลชะอำ พว. ธัญญา หรา่ ยเรียง โรงพยาบาลชะอำ การคัดกรองนักศึกษาก่อนการฝึกปฏิบตั ินั้นเป็นมาตรการปอ้ งกันการแพรก่ ระจายของเชื้ออุบัติใหม่ได้ดี เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ป่วย นักศึกษา อาจารย์นิเทศ และสร้างความมั่นใจให้กับ ผ้ปู กครองกอ่ นการฝกึ ปฏิบตั ิทางการพยาบาล ซึ่งเป็นการฝึกปฏบิ ตั ใิ นโรงพยาบาล แนวทางการคัดกรองนี้พัฒนามาจากประกาศของกระทวงสาธารณสุข ซึ่งอาจารย์ที่ได้รับมอบหมาย ประจำศูนย์เฝ้าระวงั covid19 ของคณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสุขภาพเป็นผู้รับผิดชอบการคดั กรองและ การสง่ ต่อ โดยรายละเอียดการคัดกรอง ดังน้ี 16

แนวทางการปอ้ งกนั การตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (C0VID-19) ของนักศกึ ษาสาขาพยาบาลศาสตร์ กักตวั 14 วนั ก่อนเขา้ รบั การฝึกปฏบิ ัติ มีความเส่ยี ง เขา้ รับการประเมินความเส่ยี งC0VID-19ตามแบบประเมินของมหาวิทยาลยั ไม่มีความเสย่ี ง 1. ประสานงาน/แจ้งหน่วยศนู ยเ์ ฝา้ ระวงั covid19 สามารถฝึกปฏิบตั ิงานได้ 2. ศูนยเ์ ฝา้ ระวัง covid19 แจง้ หน่วย covid ของ โรงพยาบาล pre-cilnic ในการป้องกนั การตดิ เช้อื 3. กักตวั นกั ศึกษาระหว่างรอประสานงานการตรวจคดั การสวมใส่ mask ชุด PPE (ตามหลกั ic) กรองโรคและระหว่างรอผลการตรวจ ยนื ยนั การตดิ เชอ้ื โควิด19 ไมพ่ บเช้อื สง่ ตัวนักศึกษาเข้ารบั การ 1. ด้าเนินการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดรับการ กกั ตัว 14 วนั และสงั เกตอาการหากมอี าการ รกั ษาตามระบบ ตรวจคัดกรองท่ีโรงพยาบาลพระจอมเกล้า ผิดปกติ ตอ้ งแจง้ ให้อาจารยท์ ราบทนั ที เพื่อประเมินความเส่ียงต่อการติดเช้ือและให้ คา้ แนะน้าในการดูแล 1. กกั ตวั ครบ 14 วัน 2. คณะฯ ปิดท้าการ 1 สัปดาห์ นับจากวันท่ีมี 2. เข้ารบั การประเมนิ ความเสี่ยงอกี ครั้ง ผลยืนยันการติดเชื้อ เพื่อฉีดพ่นน้ายาฆ่าเช้ือ แ ล ะ ท้ า ค ว า ม ส ะ อ า ด ต า ม ม า ต ร ฐ า น ข อ ง ประเมนิ แล้วไมม่ ีความเสี่ยง สาธารณสขุ ท่ัวพ้นื ทอ่ี าคารตลอดจนหอพักของ ฝึกปฏบิ ตั ิงานได้ นักศกึ ษา 3.มหาวิทยาลัยงดการเรียนการสอนและ กิจกรรมทกุ รายการ เพือ่ ลดความเส่ียงของการ สัมผัสเช้ือระหว่างบุคคล และช่วยให้ทาง คณะฯและมหาวิทยาลัยสามารถควบคุมการ ระบาดของโรคได้ 17

แนวทางการประเมนิ และเตรยี มความพร้อม ก่อนฝึกภาคปฏิบตั ิในสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 (C0VID-19) อาจารยล์ ออ สงิ หโชตสิ ุขแพทย์ 1 นกั ศึกษาทุกคนโหลด Application: หมอชนะ เพ่อื ใหร้ บั รกู้ ารเตือนในกรณีมคี วามเสี่ยง 2 นักศกึ ษาใสห่ น้ากากอนามัยในการปฏิบัติงานท่ีมีความใกลช้ ดิ ผู้ปว่ ย 3 นักศกึ ษาบนั ทกึ ไทมไ์ ลมใ์ นช่วงมีการระบาดเพือ่ ใหม้ นั่ ใจวา่ ไม่เปน็ กลุ่มเส่ียง 4 นักศึกษาเคร่งครัดในการล้างมอื เป็นระยะระหวา่ งปฏิบัติงาน 5 ในกรณสี งสัยวา่ มคี วามเสยี่ งใด จะงดการฝึกปฏิบตั ทิ นั ที 6 ในรายวิชาปฏิบัติการรักษาพยาบาลเบื้องต้นให้อาจารย์ประเมินความเสี่ยงก่อนให้นักศึกษารับ กรณศี ึกษาเพ่ือลดความเส่ยี งจากผู้ปว่ ย 7 นักศึกษารับผดิ ชอบตนเองไมไ่ ปในทีเ่ สี่ยงเพราะจะทำให้รับเช้ือโดยไม่รู้ตัวอันจะเป็นโอกาสนำเชื้อสู่ ผู้ป่วยในความดแู ลได้ 8 รายวชิ าทฝี่ ึกปฏิบตั ิในช่วงเวลาท่มี ีการระบาดมีการประเมนิ ความเสย่ี งรว่ มกบั แหล่งฝึก และวางแผน การฝกึ รว่ มกันเพอื่ ลดความเสยี่ งใหน้ กั ศึกษาและลดโอกาสการนำเชือ้ โดยนักศกึ ษา 9 สนบั สนนุ วัสดุจำเป็นให้นกั ศึกษาเช่น Mask เป็นต้น 10 พิจารณาการจัดซอ้ื ประกนั ความเส่ยี งโควิดเป็นหมู่คณะในระหว่างการฝึกภาคปฏิบตั ิ 18

ตัวอยา่ งกรณฝี ึกในช่วงมกี ารระบาดของ Corona virus-19. มาตรการการดแู ลขณะฝกึ ปฏิบตั งิ านขณะปฏบิ ตั ิงานตามแหลง่ ฝกึ วิชาปฏบิ ัติการบริหารทางการพยาบาล 1. โหลด Application: หมอชนะ ประเมินและบันทึก timeline ทกุ วัน ลงในไลน์กลมุ่ ของแต่ละ แหล่งฝกึ วิธีการปฏบิ ตั ิ 1.1 เข้าระบบลงทะเบยี นและประเมนิ ใหเ้ รยี บร้อย 1.2 บันทึกภาพหน้าจอผลการประเมิน ใสล่ งในบนั ทึกของไลน์ (line note) แล้วสร้าง เป็นแฟ้ม (folder) ของตัวเอง (ไลน์เฉพาะแหล่งฝึกของตวั เอง เช่น ท่ายาง รายงานในกลุ่มท่า ยาง เป็นต้น) 1.3 บนั ทึก timeline ตัวเองทกุ วนั ลงในโน้ตของตัวเอง (ไลน์เฉพาะแหลง่ ฝกึ ของ ตัวเอง) ตวั อยา่ งการบนั ทึก timeline 11 ธนั วาคม 2563 8.00 น. นงั่ รถสองแถวไปลงที่ทา่ รถตู้มหาชัย (ใส่หน้ากากอนามยั ตลอด) 9.00 น. น่ังรถตจู้ ากมหาชยั ไปเซน็ ทรัลพระราม 2 (ใส่หน้ากากอนามัยตลอด) 11.30 น. นัง่ รถตู้จากเซน็ ทรลั พระราม 2 ไปพัทยาโดยลงรถทีเ่ ซ็นทรลั เฟสติวัลพัทยา (ใส่หนา้ กากอนามัยตลอด) 12.20 น. ทานอาหารท่ีเซ็นทรัลเฟสตวิ ลั พัทยา (ถอดหน้ากากอนามัยตอนกินขา้ ว) 14.00 น. น่งั รถสองแถวไปท่ีพกั (ใส่หน้ากากอนามยั ตลอด) 19.00 น. ไปงานคอนเสริ ต์ music festival Pattaya (ใส่หนา้ กากอนามยั ตลอด) 23.30 น. เดินกลบั ทีพ่ ัก 2. ไม่อนุญาตให้ออกนอกพื้นทคี่ วรอยบู่ ริเวณหอพักและโรงพยาบาลเทา่ นั้น ห้ามออกจากเขตอำเภอโดยเด็ดขาด 3. กลับเขา้ หอพัก ไมเ่ กนิ 1 ทุ่ม และรายงานเวรสุขภาพในเวลา 1 ทุ่มตรงทกุ วัน ในไลนก์ รปุ๊ ใหญ่ โดยให้ตวั แทนหรือหวั หนา้ กลุ่ม รายงานแบบเวรสขุ ภาพ (ไลนบ์ ริหารทางการพยาบาล) 4. ไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิตามมาตรการนีไ้ ด้ จะพิจารณางดการฝึกงานของ นศ. 19

แนวทางการป้องกันการแพรก่ ระจายเช้อื ดื้อยา อาจารย์สิชล ทองมา พว. ณัฐพล คำกล่นั โรงพยาบาลชะอำ พว. ธัญญา หรา่ ยเรยี ง โรงพยาบาลชะอำ การปฏบิ ตั ิสำหรบั บุคลากรทางการแพทย์/นักศึกษา 1. เมื่อพบปัญหาเชื้อดื้อยาโดยห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาและ/หรือพยาบาลควบคุมโรคติดเชื้อและ/ หรอื แพทย์ แจง้ ใหพ้ ยาบาลประจำหอผู้ปว่ ยจัดการแยกผ้ปู ว่ ยนนั้ เข้าหอ้ งแยกหรอื เตียงแยก 2. ไมเ่ ขา้ ห้องแยกหรือเตยี งแยกโดยไม่จำเป็น กรณีมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมต่างๆ กิจกรรมทุกชนิดทั้งที่ทำกับผู้ป่วยโดยตรงและ /หรือกับ สง่ิ แวดลอ้ มรอบเตยี งผู้ป่วย ให้ทำเป็นรายสดุ ทา้ ย 3. เปลีย่ นรองเทา้ ไว้นอกหอ้ งแยกแล้วใหส้ วมรองเท้าท่จี ัดไวโ้ ดยเฉพาะในห้อง(กรณหี อ้ งแยก) 4. ทำความสะอาดมือก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วย ก่อนและหลังทำหัตถการและหลังสัมผัสสิ่งแวดล้อม รอบตัวผู้ป่วยด้วยสบู่ทำลายเชื้อ 4% chlorhexidine gluconate หรือกรณีที่มือไม่เปื้อนใช้แอลกอฮอล์เจล ประมาณ 3-5 มล. ถมู อื 2 ขา้ งใหท้ ว่ั และรอจนน้ำยาแหง้ 5. การปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาที่จำเป็นต้องควบคุมพิเศษสวมเครื่องป้องกัน รา่ งกายเม่อื สมั ผสั ผ้ปู ว่ ยหรือส่ิงแวดลอ้ มในห้องแยกหรือเตยี งแยกตามความเหมาะสม - สวมถงุ มอื ทกุ ครัง้ ทีด่ ูแลผ้ปู ่วย เม่ือเสร็จกจิ กรรมแลว้ ใหถ้ อดถุงมือทันทีแล้วทำความสะอาดมือ - สวมเสื้อคลุม(Gown) เมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยหรือคาดว่าจะต้องสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมและสาร คดั หลัง่ จากผ้ปู ่วย ใหใ้ ชเ้ ฉพาะราย เมือ่ เสรจ็ กิจกรรมแลว้ ให้ถอดเสอ้ื คลุมทนั ที - สวมผา้ ปดิ จมูกและปาก(Mask) เมือ่ ต้องอยู่ใกล้ชิดผูป้ ว่ ย เมือ่ เสร็จกิจกรรมแลว้ ให้ถอดทนั ที 6. เมื่อเสร็จกิจกรรมให้ถอดเครื่องป้องกันร่างกายทันทีที่ ใส่ ในถังผ้าติดเชื้อหรือขยะติดเชื้อ ที่จัดไว้ ทนั ที 7. ทำความสะอาดมือด้วยน้ำยาทำลายเชื้อ หรือถูมือด้วยด้วยแอลกอฮอล์เจล ก่อนและหลังออกจาก หอ้ งผูป้ ว่ ยทุกครั้ง (กรณีห้องแยก) 8. เปล่ยี นรองเทา้ เมือ่ ออกจากห้องแยก(กรณหี ้องแยก) 9. การทำความสะอาดบริเวณแยกหรือห้องแยกและส่ิงแวดล้อมรอบตวั ผปู้ ่วยได้แก่เตียง ปุ่มปรับเตียง สวิทซ์ไฟ โต๊ะข้างเตียง เก้าอี้ Over bed ปุ่มเปิดพัดลมเคาน์เตอร์พยาบาล ใช้ 70% alcohol เช็ด อย่างน้อย วนั ละ 1 ครัง้ พนื้ ใช้ 0.5%Hypochlorite (virkon) เช็ด อยา่ งนอ้ ยวันละ 2 คร้ัง 20

แนวทางการบรหิ ารความเสี่ยงป้องกันความผดิ พลาดในการบรหิ ารยาและการใหเ้ ลอื ด (medication and Blood Safety ) อาจารย์จติ รรดา พงศธราธิก อาจารย์ลออ สงิ หโชตสิ ุขแพทย์ พว. ทศั นยี ์ ธีระศานตร์ โรงพยาบาลเขาย้อย การบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการบริหารยาและเลือด เป็นเป้าหมายความ ปลอดภยั ของผปู้ ่วยตัง้ แต่กระบวนการสง่ั ยา การจ่ายยา การบริหารยาถึงตัวผปู้ ่วย เป็นมาตรฐานความปลอดภัย ที่เกี่ยวข้องกบั สหสาขาวิชาชีพ ได้แก่ แพทย์ เภสัชกร พยาบาล มุ่งเน้นการทำงานเป็นทีม การตรวจสอบซ่ึงกัน และกันเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับผู้ป่วยระหว่างที่ได้รับการรักษาด้วยยาและเลือด ประกอบไปด้วย เป้าหมายยอ่ ย ดงั แสดงในตารางที่ 1 M1 Safe from Adverse Drug Events (ADE) M1.1 Safe from High Alert Drug M 1.2 Safe from Preventable Adverse Drug Reactions (ADR) M 1.3 Safe from Fatal Drug Interaction Safe from Medication Error M2 Look-Alike Sound-Alike Medication Names M 2.1 Safe from Using Medication M 2.2 Medication Reconciliation Rational Drug Use (RDU) M3 Blood Transfusion Safety M4 M5 ตารางท่ี 1 เป้าหมายย่อย medication and Blood Safety ที่มา: สถาบันรบั รองคณุ ภาพสถานพยาบาล. (2561) 21

ความเสีย่ งทเี่ กีย่ วข้องกับการบรหิ ารยาและเลอื ดสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 9 ระดบั หากเกิดความเส่ยี ง หรือความคลอดเคล่ือนทางยา สามารถปฏิบตั ิตามแนวปฏิบัตดิ งั แสดงในรปู ภาพ แนวปฏิบตั ิเมื่อเกิดความเสี่ยงทางคลนิ ิก เมอ่ื เกดิ เหตกุ ารณ์ท่เี ป็นความเสยี่ ง โดยพิจารณาระดับความเสยี่ งทางคลินิก ดังนี้ ความเสยี่ งทางคลนิ ิก (Clinical Risk) แบง่ ความรนุ แรงเป็น 9 ระดบั ระดบั A : เหตกุ ารณท์ อี่ าจจะกอ่ ให้เกิดความเสยี่ งหรอื ความเสียหายได้ (ยังไมเ่ กดิ ) ระดบั B : เกดิ อบุ ตั ิการณ์ความเสย่ี งแลว้ แตย่ งั ไม่ถึงผรู้ ับบรกิ าร ระดับ C : เกิดอุบัติการณ์ความเสี่ยงแล้ว ถึงผู้รับบริการแล้ว แต่ไม่เป็นอันตรายไม่ได้รับความ เสียหายหรือสูญเสีย ไมจ่ ำเปน็ ต้องรกั ษาดแู ล ระดับ D : เกิดอุบัติการณ์ความเสี่ยงแล้ว ถึงผู้รับบริการแล้วได้รับความเสียหายแต่ไม่เป็นอันตราย แตจ่ ำเปน็ ตอ้ งมกี ารเฝา้ ระวังใหม้ น่ั ใจว่าปลอดภัย ระดับ E : เกิดอุบัติการณ์ความเสี่ยงแล้ว ถึงผู้รับบริการ ได้รับอันตราย หรือเสียหายชั่วคราว จำเป็นต้องดูแลรักษา แต่สามารถจัดการไดใ้ นสถานการณน์ ้ันๆ ระดับ F : เกิดอุบัติการณ์ความเสี่ยงแล้ว ถึงผู้รับบริการ และส่งผลให้ได้รับอันตรายหรือเสียหาย ช่ัวคราว จำเปน็ ต้องดูแลรักษานานขึ้น นอนโรงพยาบาลนานข้นึ แตส่ ามารถจดั การไดโ้ ดยหัวหน้างาน ระดับ G : เกิดอุบัติการณ์ความเสี่ยงแล้ว ถึงผู้รับบริการ เป็นผลให้ได้รับอันตราย หรือเสียหาย หรอื สูญเสยี อยา่ งถาวร ตอ้ งใหท้ มี เจรจาไกล่เกลย่ี จดั การ ระดับ H : เกิดอุบัติการณ์ความเสี่ยงขึ้นแล้ว ถึงผู้รับบริการ เป็นผลให้ต้องทำการช่วยชีวิต ไม่ สามารถจัดการไดโ้ ดยทีมเจรจาไกลเ่ กลีย่ หรอื มกี ารฟ้องร้องทางกฎหมาย ระดบั I : เกดิ อบุ ัตกิ ารณค์ วามเสี่ยงขนึ้ แล้ว ถงึ ผู้รบั บริการ และเปน็ ผลให้เกิดการเสียชีวิต หรือมี การฟอ้ งร้องทางกฎหมาย ** เมื่อเกิดความเสี่ยงต่อผู้รับบริการในระหว่างที่นักศึกษาเป็นผู้ดูแล ให้รายงานอาจารย์หรือ พยาบาลพี่เลี้ยงที่รับผิดชอบนักศึกษาในหอผู้ป่วยนัน้ ทันที และเขียนแบบรายงานความเสี่ยงส่งอาจารย์ หรือพยาบาลพ่เี ลีย้ งทร่ี บั ผิดชอบนกั ศึกษาในหอผ้ปู ว่ ยนน้ั ภายใน ๒๔ ชัว่ โมง *** หากเกิดความเสี่ยงตั้งแต่ระดับ D ขึ้นไป อาจารย์นิเทศแจ้งคณะกรรมการรายวิชาเพื่อพิจารณา ตอ่ ไป 22

แนวทางการป้องกันความเส่ียงในการบรหิ ารยา 1. การปฐมนิเทศรายวชิ า มีการสือ่ สารความเสยี่ ง หลกั การบรหิ ารยาท่ถี กู ต้องตามหลักการ 10R. 2. จดั กจิ กรรมโครงการสรา้ งความตระหนกั รู้การบริหารยาอย่างถกู ต้องตามมาตรฐาน 3. การสรา้ งทัศนคตทิ ี่ถูกต้องในการรายงานอบุ ตั ิการณ์ No harm, No blame, No shame. 4. เนน้ ยำ้ การฝึกปฏิบัตภิ ายใต้การดูแลของอาจารย์นิเทศหรอื พยาบาลวชิ าชพี อย่างเครง่ ครดั Safe High Alert Drug เป้าหมาย 1. ลดความคลาดเคล่ือนของยาความเสี่ยงสงู ทีจ่ ะก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายรนุ แรงหากถึงตวั ผปู้ ว่ ย 2. ลดเหตุการณ์ไมพ่ ึงประสงคจ์ ากการใชย้ าความเส่ยี งสงู Process วธิ ีการเพ่ือป้องกันอนั ตราย 1. จัดทำรายการยา High Alert Drug รายช่ือยา วิธกี ารบริหารยา การเฝ้าระวงั ระหว่างการใหย้ า การ ตดิ ตามผลการบริหารยา 2. การส่อื สาร กรณีการบริหารยา High Alert Drug มีการจัดทำสัญลกั ษณ์ ปดิ หน้าซอง (HAD สแี ดง) 3. แนวปฏบิ ัติการพยาบาลสำหรับการบรหิ ารยา High Alert Drug ดงั น้ี 1) วธิ กี ารจัดเกบ็ ยา High Alert Drug การจัดเกบ็ แยกกลอ่ ง กลอ่ ง seal 2) ข้นั เตรยี มก่อนใหย้ า Double check กอ่ นการบรหิ ารยา 2 คน order, ใบบันทกึ การใหย้ า (Medication Administration: MAR) 3) ขั้นบรหิ าร สอบช่อื ผู้ป่วย ตรวจสอบป้ายข้อมือ ตรวจสอบใบ MAR 4) จัดแผน่ คำแนะนำการสงั เกตอาการ ขณะได้รบั ยา High Alert Drug รูปเป็นสญั ลักษณ์ใหแ้ ก่ ผปู้ ว่ ย/ผ้ดู ูแล Training ระบบการฝกึ อบรม อยา่ งน้อยปลี ะ 1 ครง้ั เชน่ Adenosine มกี ารอบรม ปลี ะ 1 คร้ัง โดยแพทย์ ผ้เู ชยี่ วชาญเฉพาะสาขา / มพี ยาบาล ER เป็นวทิ ยากรรว่ ม streptokinase มกี ารจดั เก็บแยก การนำมาใชย้ กมา ทงั้ กล่อง มีใบ consent form ก่อนใชย้ า Monitoring ความคลาดเคล่ือนทางยา (การสงั่ ยา การคำนวณ การจัดจ่ายยา การเตรยี มยา การบริหารยา) เหตกุ ารณ์ไม่พึงประสงคท์ ีเ่ กิดขึ้น (Adverse Drug Event) เช่น vital signs , Bleeding, Thrombocytopenia Adverse drug Reaction การตอบสนองของร่างกายต่อยาท่ีได้รบั ในขนาดยาปกติ เกิดเปน็ อันตรายขึ้นโดยไมต่ งั้ ใจ และไม่ได้เกดิ จากความคลาดเคล่อื นทางยา มีความหมายรวมถึงการแพย้ าและการเกิดผลขา้ งเคยี งจากยา Side effect คือผลขา้ งเคยี งเป็นผลของยาฃองยา การแพย้ าซำ้ 23

Process 1. จัดทำ work Flow การปอ้ งกนั การแพ้ยาซำ้ 2. ซกั ประวัติการแพ้ยา หากมีประวัติแพย้ าสง่ พบเภสชั กรทุกราย 3. การทำสัญลักษณ์ที่บ่งบ่งถึงการแพ้ยา เช่น เปลี่ยน OPD card เป็นสีชมพู และ ปิดป้ายชื่อยาและ อาการท่แี พ้ 4. จัดทำระบบลงข้อมูลทาง computer สำหรับบันทึกประวัติการแพ้ยา ที่สามารถบันทึกได้สะดวก มี ระบบ pop up เพอื่ แจง้ เตอื นการแพย้ าซ่งึ เปน็ การปอ้ งกันการสั่งจ่ายยาท่ผี ู้ป่วยมีประวัตแิ พ้ยา 5. จัดทำบตั รแพย้ าให้ผ้ปู ่วย 6. ทำสัญลักษณ์ แพ้ยา ระบุชื่อยาใน คำสั่งการรักษา ใบ MAR ใบซักประวัติ เช่น สติ๊กเกอร์แพ้ยา ตัวหนังสือสีแดง 7. แนวปฏิบัติของหอผู้ป่วย การบริหารยาครั้งแรกจะต้องเริ่มภายหลังการนำข้อมูลยาลงในระบบ computer ก่อนเท่านั้น จึงจะเริ่มบริหารยาได้ 8. หากพบผปู้ ว่ ยแพย้ ารายใหม่ให้รายงานแพทย์ทนั ที Training มีการอบรมพยาบาลวิชาชีพใหม่ รวมท้ังการอบรม re-skill, up- skill เป็นระยะ Pitfall การบรหิ ารเกิดความคลาดเคลอื่ นไดใ้ นกรณที ่ีผ้ปู ฏิบัติมีความเคยชิน จนทำให้เกิดความประมาท พลาดพลั้งได้ Safe from Fatal Drug Interaction Fatal Drug Interaction คือ ปฏิกริ ยิ าตอ่ กนั ของยาสองชนิดท่มี ีผลใหฤทธ์ิของยารนุ แรงขนาดเกดิ อันตรายถึงชีวติ ได้ process 1. มีระบบจัดทำฐานข้อมูลคู่ยาที่อาจเกิดปฏิกริยาระหว่างยาที่รุนแรงหากมีการใช้ร่วมกัน และ แนวทางการจัดการที่ชัดเจน ได้แก่ หากมีการสั่งจ่ายยาที่มีปฏิกิริยาระหว่างกันจะมีระบบแจ้งเตือน จากนั้นมี การรายงานแพทย์ผสู้ งั ยาทนั ที 2. ตรวจสอบ Medication reconciliation เพ่อื ป้องกันการได้รับยาซ้ำ Training 1. สื่อสารแนวทางปฏบิ ัติ เพ่ือทำความเข้าใจกับ แพทย์ ใหล้ ดการสง่ั ใชย้ า เภสชั กรทำหนา้ ทค่ี ัดกรองและ ปรึกษาแพทยห์ ากพบการส่งั ใชร้ ว่ มกัน 24

2. ใหค้ วามรกู้ ับพยาบาลเพื่อเฝา้ ระวงั อาการไม่พึงประสงค์ท่ีอาจเกดิ เม่ือใชย้ าร่วมกันเมอื่ พบ อาการ ผดิ ปกติรบี รายงานแพทย์ เพื่อการจัดการที่เหมาะสม Safe from Medication Error ความคลาดเคลื่อนทางยา (Medication Error) คือ เหตุการณ์ใดๆที่สามารถป้องกันได้ที่อาจเป็น สาเหตุหรือนำไปสู่การใช้ยาที่ไม่เหมาะสมหรือเป็นอันตรายแก่ผู้ป่วย ขณะที่ยานั้นอยู่ในความควบคุมของ บุคลากรหรือผรู้ บั บริการ Look-Alike, Sound-Alike Medication names หมายถงึ ช่ือยาทส่ี ะกดคลา้ ยกนั หรอื อา่ นออก เสยี งแลว้ ฟงั คล้ายกนั (รูปพ้อง มองคลา้ ย) Goal เพอื่ ป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยาในกลมุ่ ยาที่มชี อื่ ยาเขียนคล้ายกันหรอื ออกเสียงคล้ายกนั Process 1. ทบทวนรายช่อื ยาทีช่ ่ือพ้องมองคล้ายเป็นประจำทุกปี มกี ารจดั ทำอลั บ้ัมยา รปู พ้อง มองคล้าย 2. ไม่ใหม้ ีการสั่งยาดว้ ยวาจา ยกเวน้ กรณฉี ุกเฉิน และผ้รู ับคำสัง่ ตอ้ งจดลงทนั ทีและอ่านทวน ตัวสะกด ใหผ้ สู้ ่ังฟงั ทุกคร้งั 3. ใหม้ ีการอ่านชอื่ ยาซ้ำเมอ่ื หยิบยาและกอ่ นให้ยา โดยไมใ่ หจ้ ำภาพหรือสีของยาแทนการอ่านช่อื ยา 4. ตอ้ งสามารถตรวจสอบข้อบง่ ใช้ของยาใหส้ อดคล้องกบั การวนิ จิ ฉัยและอาการของผปู้ ว่ ย 5. ฉลากต้องมที ้ังชอ่ื การค้าและช่ือสามัญทางยา 6. ชื่อยาที่สะกดคล้ายกนั ควรทำใหเ้ หน็ ความแตกต่างชดั เจนและควรจัดเก็บโดยไมเ่ รยี งอกั ษร 7. ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในการตรวจสอบความถูกตอ้ งของยา เชน่ การใชบ้ าร์โคด้ QR code 8. ใหผ้ ปู้ ว่ ยมสี ว่ นรว่ มในการตรวจสอบความถูกต้องของยา โดยใหค้ วามร้แู ละให้เอกสารรายการยา ท่ี มีภาพประกอบ 9. มฉี ลากยาพิเศษสำหรบั ผสู้ งู อายุ ผ้ทู มี่ ีปญั หาการมองเห็น ผูท้ อี่ ่านหนังสือไม่ออก ผู้ท่ีอ่านภาษาไทย ไม่ได้ Training จัดให้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับยาที่ชื่อพ้องมองคล้าย Look-Alike, Sound-Alike Medication ใน หลักสตู รการศกึ ษา การปฐมนิเทศและการศึกษาต่อเนอ่ื งของผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทเ่ี กยี่ วข้อง Monitoring คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัดติดตามการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยาที่เกิดจากยาที่ มชี ่ือพอ้ งมองคลา้ ยอยา่ งสม่ำเสมอ และออกมาตรการเพอื่ ป้องกันการเกิดซ้ำ 25

Safe from Using Medication ผู้ปว่ ยได้รบั ความปลอดภยั ในกระบวนการใชย้ าของสถานพยาบาล Goal เพ่ือใหเ้ กดิ ความปลอดภัยในการใช้ยาในทุกข้นั ตอน ไดแ้ ก่ การส่งั ยา การจัดจา่ ยยา การให้ยาและการ ตดิ ตามผลการใชย้ า Process 1. แพทย์สั่งยาโดยมีข้อมูลยาและข้อมูลผู้ป่วยครบถ้วน มีระบบสารสนเทศเพื่อช่วยแพทย์ในการ ตัดสินใจสั่งการรกั ษา โดยมีคำเตือนหรือมีระบบช่วยตรวจสอบอัตโนมัติเมื่อเกิดการสัง่ ที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน เช่น การสงั่ ยาท่ีผปู้ ว่ ยมปี ระวตั ิแพ้ การส่งั ยาเกิดขนาดยาสูงสุด เป็นต้น 2. เภสัชกรตรวจสอบยาที่จัดจ่ายกับคำสั่งที่รบั โดยตรงจากแพทย์โดยไม่ผ่านการคัดลอกจากบคุ ลากร อน่ื (มรี ะบบการสแกนคำสัง่ การรกั ษา และการคีย์ยาจากคำสัง่ การรักษาของแพทยโ์ ดยเภสชั กร) โดยมีขอ้ มลู ยา และข้อมูลผู้ปว่ ยชดุ เดียวกับที่แพทย์ใช้ 3. พยาบาลผู้ให้ยาสามารถเข้าถึงข้อมูลชุดเดียวกับที่แพทย์และเภสัชกรใช้และต้องมีการตรวจสอบ ขา้ มระหวา่ งวชิ าชพี กอ่ นใหย้ าแก่ผ้ปู ่วย ตรวจสอบใบสงั่ ยา คำสงั่ การรักษาของแพทยแ์ ละตวั ยา 4. มีตารางการผสมยา การจัดเก็บยาภายหลังการผสมยา ควรจัดให้มีหน่วยผสมยาฉีดพร้อมใช้ โดยเฉพาะในสถานพยาบาลขนาดใหญ่ท่มี ีการบริหารยาจำนวนมาก 5. ฉลากยาควรมขี ้อมูลครบถว้ นให้ตรวจสอบได้ ได้แก่ ชื่อ-นามสกุลผูป้ ่วย เลขประจำตัวผู้ป่วย ชื่อยา ทง้ั ชื่อการค้าและชอื่ สามญั ขนาดยา ความเข้มขน้ ปริมาณ วธิ ีใช้ คำเตือนที่จำเปน็ 6. ต้องมีการบันทึกการบริหารยาทุกรายการลงใน Medication Administration Record โดยมี ข้อมูลสำคัญได้แก่ ชื่อผู้ป่วย ประวัติแพ้ยา รายการยา ความแรง ขนาด สารละลายที่ใช้ผสมยา วิถีการบริหาร ยา เวลาบริหารยา เพอ่ื ให้มนั่ ใจวา่ ผู้ปว่ ยจะไดย้ าหรอื สารน้ำตามแผนการรกั ษา 26

ตัวอยา่ งใบ MAR 7. กำหนดใหม้ ีการตดิ ตามผลภายหลงั การใหย้ าตามกลไกการออกฤทธยิ าแต่ละชนดิ เพื่อลดโอกาสเกิด อนั ตรายจากผลข้างเคียงหรือจากความคลาดเคลือ่ นทางยา 8. บริหารยาตามหลกั การ 10 R ได้แก่ 1) ถกู ผูป้ ่วย (Right patients หรอื Right clients) 2) ถกู ชนิด หรอื ถกู ตวั ยา (Right drugs) 3) ถูกขนาด (Right dose) 27

4) ถกู วถิ ที างหรือวิธี (Right route /method) 5) ถูกเวลา (Right time) 6) บนั ทึกถกู ตอ้ ง (Right document) 7) ถกู เหตผุ ล (Right reason) 8) ถกู ความถ่ี (Right frequency) 9) ผ้ปู ่วยมีสิทธปิ ฏเิ สธการรับยา (Right to refused) 10) ประเมินก่อนและหลงั ใหย้ าอยา่ งถกู ต้อง (Right evaluation) Training จัดให้มีการให้ความรู้เกี่ยวกบั การใช้ยาอย่างปลอดภยั ในหลกั สูตรการศึกษา ระดับปริญญาตรี รวมทั้ง ระบบการปฐมนิเทศและการศึกษาตอ่ เน่ืองของผู้ประกอบวชิ าชพี ทเี่ กย่ี วขอ้ ง Monitoring มีระบบรายงานความคลาดเคลื่อนทางยาที่มีประสิทธิภาพ มีการวิเคราะห์และนำมาสร้างระบบท่ี รัดกมุ ยิ่งข้ึนเพอื่ ป้องกันการเกิดซ้ำ Medication Reconciliation Medication Reconciliation (MR) คือ กระบวนการเพ่ือให้ได้ข้อมูลรายการยาทีผ่ ปู้ ่วยใช้อยู่ทงั้ หมด ในทุกรอยตอ่ ทีม่ ีการสง่ ตอ่ ผ้ปู ่วยไปรบั บริการ Process 1. ซกั ประวตั ยิ าเดมิ ทผ่ี ปู้ ว่ ยใช้อยูโ่ ดยเภสชั กรหรือพยาบาล เภสชั กรนำข้อมลู ยาลงในระบบการจัดเก็บ และบันทึกข้อมูลด้านยาทเี่ ป็นปัจจุบันของผปู้ ว่ ยแตล่ ะราย 2. ส่งมอบรายการยาของผู้ป่วย (รวมถึงยาที่ผู้ป่วยรับประทานที่บ้าน ถ้ามี) ให้กับผู้ดูแลผู้ป่วยใน ขั้นตอนถัดไป (เช่น รับผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล ส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลอืน่ หน่ายผู้ป่วย ส่งผู้ป่วยมาตรวจท่ี ตึกผู้ปว่ ยนอก 3. มกี ารเปรียบเทียบรายการยาที่ผปู้ ่วยได้รบั อยู่กบั รายการยาที่สงั่ ให้ผูป้ ่วย เพ่ือค้นหายาท่ีตกหล่นสั่ง ซำ้ ไม่เขา้ กบั สภาพของผู้ปว่ ย ผิดขนาด มีโอกาสเกิดอันตรกิรยิ าระหว่างกนั 4. แพทย์พิจารณาว่าควรใช้ต่อหยุดยา หรือเปลี่ยนยาให้เหมาะสมก่อนการจัดจ่ายยาและสื่อสารการ ตัดสนิ ใจแกท่ มี งานและผู้ป่วย 5. นำรายการยาที่ทำไว้ใส่ในเวชระเบียนเพื่อให้มีการทบทวนได้ภายหลังเมื่อผู้ป่วยถูกส่งต่อเปลี่ยน สถานทีร่ บั บรกิ ารหรือเมอ่ื กลับบ้านและควรให้รายการยาทั้งหดแกผ่ ู้ป่วยไว้ด้วย Training บรรจุความรู้เกี่ยวกับ medication reconciliation ในหลักสูตรการศึกษาพยาบาศาสตรบัณฑิต รายวชิ า การพยาบาลพืน้ ฐาน 28

ตัวอย่างใบบนั ทกึ medication reconciliation Rational Drug Use (RDU) 1. ลดการใช้ยา antibiotic ตามหลกั การ RDU เช่น Diarrhea, แผลสะอาด, common cold 2. การใช้ยากลุ่ม Antibiotic high ใช้ยาจากคลงั ยารว่ ม ต้องมีการเขียนข้อบง่ ใช้ consent form 3. การสร้างตะหนกั รู้การใชย้ าอย่างสมเหตุแก่บุคลากร ศึกษารายละเอียดจาก RDU hospital 29

Blood Transfusion Safety กระบวนการจัดหาโลหิตที่ปลอดภัยเป็นส่วนสำคัญมากที่ต้องเริ่มต้นจากการรับบริจาคโลหิตจากผู้ บริจาคแบบสมัครใจ มีสุขภาพดี ไม่มีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทาง กระแสโลหิตมีการคัดเลือกและรับบริจาค โลหิต ตามคู่มือการคัดเลือกผู้บริจาคโลหิต มีกระบวนการตรวจคัดกรองโลหิตที่ได้รับบริจาค การแยก ส่วนประกอบโลหิต การควบคุมคุณภาพ การจัดเก็บและการน าส่งที่รักษาอุณภูมิอย่างถูกต้อง ตามนโยบาย บรกิ ารโลหิตแห่งชาติ และตามมาตรฐานบริการโลหิตและธนาคารเลือด รวมทงั้ มาตรฐานสากลด้านเวชศาสตร์ บริการโลหิตที่เป็นที่ยอมรับ ในที่นี้จะเน้นกระบวนการให้โลหิตที่ปลอดภัยแก่ผู้ป่วย (Blood transfusion safety) กระบวนการให้โลหิตที่ปลอดภัยแก่ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานบริการโลหิตและธนาคารเลือด พ.ศ.2558 รวมท้ังมาตรฐานสากลด้านเวชศาสตร์บรกิ ารโลหติ ทเ่ี ปน็ ท่ยี อมรับ ประกอบดว้ ยขัน้ ตอน การเตรยี มการกอ่ นใหโ้ ลหิต 1. มกี ระบวนการชีบ้ ่งตัวผู้ปว่ ยอยา่ งถูกต้อง (Positive patient identification) ซึง่ ข้อมลู ในเอกสารที่ เกี่ยวข้องกับการชี้บ่งใช้ต้องถูกต้องตรงกันได้แก่ ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ หมายเลขประจำตัวผู้ป่วยของ โรงพยาบาล (Hospital number, HN) หมายเลขประจำตัวผู้ป่วยใน (Admission number, AN) เอกสารที่ เกี่ยวข้องได้แก่ แฟ้มผู้ป่วยนอก แฟ้มผู้ป่วยใน สายรัดข้อมือผู้ป่วยในที่ต้องมีอย่างถูกต้องและใช้งานได้ ตลอดเวลา ฉลากติดสิ่งส่งตรวจ ใบนำส่งสิ่งส่งตรวจ ใบขอจองเลือด ใบขอรับเลือด ทั้งนี้รวมถึงข้อมูลที่อยู่ใน ระบบอเิ ล็กโทรนคิ สารสนเทศ 2. มีกระบวนการเจาะเก็บตัวอย่างผูป้ ว่ ย เพื่อขอจองเลือดที่ถูกต้อง โดยใส่ tube clot ตามมาตรฐาน บริการโลหิตและธนาคารเลอื ด พ.ศ.2558 3. มีกระบวนการตรวจโลหิตเพื่อยืนยันหมู่โลหิต ABO ของผู้ป่วยอย่างน้อย 2 ครั้งในผู้ป่วยที่ได้รับ โลหติ คร้ังแรก โดยการเจาะเลือดใส่ capillary tube เพอื่ ช่วยป้องกันการเจาะเก็บตวั อย่างโลหิตผู้ปว่ ยสลับคน และปฏบิ ตั เิ ช่นน้ีทุกกรณีที่ไมม่ ผี ลการตรวจหม่โู ลหติ อยู่ในบันทึกของธนาคารเลือดมายืนยนั ความถูกต้อง 4. ไม่นำโลหิตไปเก็บสำรองไว้ที่หอผู้ป่วย ห้องผ่าตัดและห้องสังเกตอาการ เพราะจะเกิดความสับสน ในการนำมาใหผ้ ปู้ ่วยและมีโอกาสให้ผูป้ ่วยผดิ คน 5. การเกบ็ รกั ษาในอุณหภมู ิทเ่ี หมาะสม การอุ่นโลหิตเฉพาะรายท่จี ำเปน็ ต้องใหโ้ ลหติ ปรมิ าณมากๆ ใน เวลารวดเร็ว ตลอดจนขั้นตอนการเคลือ่ นย้ายโลหิตไปยังจุดต่างๆท่ีสง่ ต่อผู้ป่วย มีกระบวนการบันทึกและชี้บ่ง โลหติ แตล่ ะยนู ติ ของผปู้ ว่ ยแตล่ ะรายอยา่ งถกู ต้องโดยมีเจ้าหน้าทีร่ ับทราบการเคลอื่ นยา้ ยส่งต่อโลหติ นน้ั ๆ กระบวนการใหเ้ ลือด 1. การตรวจสอบก่อนให้เลือด โดยพยาบาลอย่างน้อย 2 คน รว่ มกันตรวจสอบความถูกต้องของโลหิต และส่วนประกอบโลหติ ที่จะให้แก่ผูป้ ่วย โดยต้องตรงกันทั้งใบคล้องเลอื ด คำส่งั การรกั ษา และใบ MAR 2. ไม่ให้โลหติ ทางหลอดเลอื ดทีใ่ หน้ ้ำเกลอื สารน้ำหรือยาชนิดอื่นๆ 30

3. ตรวจวัดสัญญาณชีพก่อนให้โลหิต เมื่อให้โลหิตผู้ป่วยในระยะแรก ประมาณ 5-10 นาที ให้ปรับ อัตราการไหลช้าๆและเฝ้าสังเกตอาการและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจาก AHTR ได้แก่ผู้ป่วยที่รู้ตัวอาจมี อาการแสดงแน่นหน้าอก ปวดหลัง ผู้ป่วยที่ไม่รู้ตัวอาจมีการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ นอกจากนี้อาจมี อาการแพ้ ผน่ื คัน มีไข้หนาวสั่น ตอ้ งหยุดการใหโ้ ลหิต แล้วรายงานแพทยแ์ ละธนาคารเลือดทราบ การใหใ้ นภาวะโลหติ ฉกุ เฉิน 1. ผู้ป่วยทีม่ ภี าวะสูญเสยี โลหิตฉกุ เฉนิ ควรให้สารน้ำทดแทนเพอื่ คงระดบั การไหลเวยี นโลหติ และความ ดันโลหิตก่อน แล้วเจาะเก็บตัวอย่างโลหิตผู้ป่วยเพื่อจองโลหิตมาให้ต่อไปโดยแพทย์ต้องระบุความจ ำเป็น เรง่ ด่วนและสอ่ื สารให้ธนาคารเลือดทราบ 2. ในกรณฉี กุ เฉินไม่สามารถรอได้ ธนาคารเลอื ดอาจจ่ายโลหิตที่มีหมู่ตรงกับผู้ป่วยและได้รับการตรวจ ความเข้ากันไดเ้ บ้ืองตน้ (Immediate cross match) ซึ่งอาจมีความเสีย่ งกรณีท่ีผู้ป่วยมีแอนติบอดีในหมู่เลือด รอง จึงต้องให้โลหิตด้วยความระมัดระวังและติดตามผลการตรวจคัดกรองแอนติบอดีและการตรวจความเข้า กนั ไดอ้ ย่างสมบรู ณ์ (Complete cross match) 3. กรณีที่โรงพยาบาลมีนโยบายให้สำรองส่วนประกอบโลหิตหมูโ่ อ ไว้ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับกรณีผูป้ ่วย เสียโลหิตเร่งด่วนจนไม่สามารถรอการตรวจหมู่โลหิตและการตรวจความเข้ากันได้ ธนาคารเลือดและห้อง ฉุกเฉินต้องกำหนดผู้รับผิดชอบในการจดั เตรียมโลหิตที่ถกู ต้อง นำโลหิตมาเปลีย่ นกอ่ นหมดอายุ และตรวจอุณ ภูมติ ูเ้ ย็นเกบ็ โลหิตทุกวัน การใหโ้ ลหิตท่หี ้องผ่าตัด 1. วิสัญญีตอ้ งรับผดิ ชอบดูแลกระบวนการก่อนการใหโ้ ลหิตระหว่างการใหโ้ ลหิตและหลังการใหโ้ ลหติ อยา่ งใกลช้ ิด 2. หลีกเลี่ยงการอุ่นโลหิต แต่หากจำเป็นต้องใช้เครื่องมือมาตรฐานที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิไม่เกิน 37 องศาเซลเซียส การใช้อ่างผสมน้ำอุ่นมักมีอุณภูมิสงู และทำใหเ้ ม็ดเลือดแดงแตกทำลาย เมื่อให้ผู้ป่วยจะเกดิ ภาวะ AHTR แบบ non immune ซึ่งพบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์นี้ได้บ่อย การอุ่นโลหิตรวมกันสำหรับผู้ป่วย หลายคน เครื่องอุ่นเดียวกันอาจทำให้เกิดความสับสนและให้โลหิตผิดคนได้ จึงควรจัดมีเครื่องอุ่นโลหิตถ้า จำเปน็ แยกแต่ละหอ้ งผ่าตัด 3. การใช้เครื่องหัวใจและปอดเทียม และการใช้เครื่องเก็บโลหิตที่สูญเสียระหว่างการผ่าตัด (Autologous blood cell saver) อาจพบการแตกทำลายของเมด็ โลหติ แดงทผ่ี ่านเครื่องไดผ้ ปู้ ่วยที่ได้รับโลหิต อาจเกดิ ภาวะ AHTR แบบ non immune ซ่ึงพบเหตุการณ์ไม่พงึ ประสงค์น้ีได้เชน่ กัน 4. ผ้ปู ว่ ยที่ไดร้ ับการวางยาสลบ หากไดร้ บั โลหิตผิดหมู่แล้วเกดิ AHTR ผูป้ ว่ ยจะไมส่ ามารถบอกอาการ แน่นหน้าอก ปวดหลังได้ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้แต่เนิ่น ๆ ดังนั้นกว่าจะพบว่ามีภาวะแทรกซ้อนก็อาจถึงขั้นมี อาการแสดงของ hemoglobinuria ปัสสาวะดำ ช็อก ซี่งอาจจะแก้ไขได้ยาก ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งก่อนการใหโ้ ลหติ และสว่ นประกอบโลหติ และตดิ ตามอาการและสญั ญาณชพี ตลอดเวลา 31

แนวทางการแก้ไขเบือ้ งตน้ เมื่อเกดิ medication error 1. เมอ่ื เกิดความเสย่ี งต่อผู้รบั บริการในระหว่างทีน่ กั ศกึ ษาเปน็ ผดู้ ูแลใหร้ ายงานอาจารย์ / พยาบาลพีเ่ ลี้ยง ทร่ี บั ผดิ ชอบนักศกึ ษาในหอผู้ปว่ ยน้นั ทนั ที และเขียนแบบรายงานความเสี่ยงสง่ อาจารย์ / พยาบาลพี่ เลี้ยงที่รับผิดชอบนักศกึ ษาในหอผ้ปู ว่ ยน้ันภายใน ๒๔ ชว่ั โมง 2. หากเกดิ ความเส่ียงตั้งแตร่ ะดับ D ข้ึนไป อาจารยน์ ิเทศแจ้งคณะกรรมการรายวชิ าเพ่ือพจิ ารณาต่อไป 3. ดำเนนิ การแกไ้ ขเบื้องตน้ ร่วมกบั อาจารย์นิเทศ พยาบาลวชิ าชพี แพทยเ์ จ้าของไข้ แนวทางปฏิบัตภิ ายหลังเกิด medication error 1. ปรึกษาอาจารย์พยาบาลสาขาวิชาการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวชศาสตร์เพื่อประเมินสขุ ภาพจติ ของนักศึกษา 2. นำผลการประเมนิ มาพจิ ารณามาตรการใหน้ ักศึกษาหยุดพักการฝกึ ปฏิบตั ชิ ัว่ คราว ตามความเหน็ ของผู้เชีย่ วชาญดา้ นสุขภาพจิต 3. มาตรการการเยียวยากรณีฟ้องร้องตามท่ขี ้อกฎหมายกำหนด 32

แนวทางการบรหิ ารความเสี่ยง กรณีมีสาย ทอ่ ต่างๆ Line Tube Catheter และ การตรวจ ทางหอ้ งปฏบิ ตั ิการ ผศ.ดร สรุ ีย์ ธรรมิกบวร ผศ.ดร.สุขศิริ ประสมสุข พว.นวรตั น์ ทวีพรกลุ กบั โรงพยาบาลทา่ ยาง พว. มนนั ยา สงิ โต โรงพยาบาลท่ายาง การบริหารความเสี่ยงกรณีผู้ป่วยมีสายต่างๆมีความสำคัญมาก และความเสี่ยงที่พบบ่อยเช่นมีการร่ัว ของยานอกเสน้ เลือด มกี ารเล่ือนหลดุ ของท่อ สายต่างๆ ในการฝึกปฏบิ ัตินกั ศึกษาจึงต้องยึดตามแนวทางความ ปลอดภัยของผู้ป่วย และปฏิบัตโิ ดยเครง่ ครัด Definition Misconnection: การเชือ่ มต่อสายผดิ ชนดิ เชน่ การนำสาย enteral feeding เชือ่ มตอ่ กบั สาย สวนหลอด เลือดดำDisconnection: การเล่อื นหลดุ ของข้อต่อ เช่นการเลอื่ นหลดุ ของข้อต่อระหวา่ ง extension tube และ สายสวนหลอดเลือดดำใหญ่ Infusion pump: เครอื่ งควบคุมการไหลของสารนำ้ ซึง่ มอี ุปกรณ์ท่สี ำคัญหลกั ตัวปรับอัตราการ ไหล ตัว ควบคมุ การหยดและสัญญาณเตอื นเม่ือเกิดความผดิ ปกติ Goal ลดอุบัติการณก์ ารเกิดความผิดพลาดจากการต่อสายผิดชนดิ (Misconnection) และ การเลอ่ื นหลุดของข้อต่อ (Disconnection) รวมถึงความปลอดภยั จาการใชเ้ ครอ่ื งควบคุมการไหล ของสารนำ้ (Infusion pump) Why ในสถานการณ์ปัจจบุ นั ประเทศไทยยงั มีการใช้ Line and catheter หลากหลายชนิด และยังมีอปุ กรณห์ ลาย ชนิดที่มคี วามเสี่ยงในการเกิด Misconnection และ Disconnection รวมถึงความรคู้ วามเข้าใจในการใช้ อปุ กรณ์ทีถ่ ูกต้อง เหมาะสมของผปู้ ระกอบวิชาชพี อันนำมา ซึ่งความเสี่ยงที่อาจจะเกิดข้ึนกบั ผปู้ ว่ ย Process 1. Avoiding Catheter and tubing misconnection and disconnection 1) เนน้ ย้ำผ้ปู ว่ ย ครอบครัวและผูด้ ูแลว่าไม่ควรถอดหรอื ต่อสายอปุ กรณต์ ่างๆ ดว้ ยตนเอง และขอความ ช่วยเหลอื จากแพทย/์ พยาบาลเมื่อเกิดปัญหา 2) กำหนดใหม้ ีการ label high risk catheter (เช่น arterial, epidural, intrathecal) ควร หลกี เลีย่ ง การใช้catheter ท่มี ี injection port สำหรับสายเหลา่ นี้ 33

3) ต้องมีการตรวจสอบสายทุกเส้น ตั้งแต่ต้นทางจนถึงข้อต่อเมื่อก่อนที่จะ connect สาย disconnect สาย หรอื reconnect สาย 4) ใช้กระบวนการ line reconciliation ให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการส่งต่อข้อมูล (Hand over communication) โดยมกี ารตรวจสอบขอ้ ตอ่ ทุกข้อต่อตัง้ แต่ต้นทางถึง ปลายทางทีต่ อ่ กบั ตวั ผู้ปว่ ย 6) ห้ามใช้กระบอกฉดี ยา (syringe) ในการป้อนยาทางปากหรอื ใหอ้ าหารทางสายยาง 2. Avoiding Line & Tubing disconnection 1) หลกี เลย่ี งการต่ออปุ กรณ์เสรมิ (add on device) ที่ไมจ่ ำเป็นเพื่อลดการปนเป้ือนของ เช้อื และการ หลดุ เลื่อน 2) หากจำเป็นต้องมีการเช่อื มต่อ ควรใชอ้ ุปกรณ์ที่ข้อต่อส่วนปลายมลี ักษณะเป็นเกลียว (Luer lock) เพื่อช่วยยดึ ตรึงข้อต่อให้เกิดความมน่ั คงและลดความเสย่ี งต่อการหลดุ บริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ผูป้ ่วยท่ี ใหย้ าเคมีบำบัด และผปู้ ่วยกลุ่มเสีย่ งอน่ื ๆ เชน่ ผู้ป่วยวิกฤติ 3. Infusion Pump Safety Using 1) เลอื กใช้ Infusion pump ท่ีมรี ะบบ free flow protection 2) แม้จะมีการบริหารยาและสารนำ้ ผ่าน Infusion Pump ผ้ปู ว่ ยจะตอ้ งได้รบั การตรวจ เย่ียมและ ประเมินตามมาตรฐานท่ีกำหนด ห้ามใช้สัญญาณเตือน (alarm) ของเคร่ือง เปน็ ข้อบง่ ชใี้ นการประเมินและ ตรวจเยีย่ มผปู้ ่วย การบริหารความเสี่ยงการตรวจทางหอ้ งทดลอง Right and Accurate Laboratory Results ความถกู ตอ้ งและแมน่ ยา ของผลการทดสอบทาง หอ้ งปฏิบตั ิการ Definition ผลการทดสอบทางห้องปฏบิ ัติการของส่งิ ส่งตรวจจากผปู้ ว่ ยต้องมีความถูกต้อง คอื รายงานผลทีต่ รง กับเจา้ ของสง่ิ สง่ ตรวจ และมีความแม่นยำ สามารถสะท้อนถึงสิ่งท่ีเกดิ ข้ึนใน ร่างกายของเจา้ ของสิง่ สง่ ตรวจได้ Goal เพือ่ ให้ผลการทดสอบทางห้องปฏิบตั กิ ารเป็นประโยชนต์ ่อผู้ป่วยและแพทยใ์ นการ วนิ ิจฉัยโรค / ให้แนวทางใน การรักษา / ติดตามผลการรักษา / พยากรณ์โรค / ปอ้ งกนั โรค / ประเมินสภาวะสุขภาพ Why ผลการทดสอบจากสิ่งส่งตรวจของผู้ป่วยเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่สะท้อนสิ่งที่เป็นไป ในร่างกาย ผู้ป่วย ช่วยในการให้การรักษาของแพทย์ หากผลผิดพลาด เช่น ผิดคน หรือสิ่ง ตัวอย่างอยู่ในสภาพที่ไม่ เหมาะสมจะทำใหก้ ารวิเคราะหไ์ ดค้ ่าไมถ่ ูกต้อง ส่งผลให้เกิดความ เสียหายหรืออันตรายต่อผ้ปู ว่ ย 34

Process ขั้นตอนในกระบวนวิเคราะห์ของห้องปฏิบัติการทางการแพทย์มีระบบควบคุมคุณภาพ กำกับอยู่ใน งานประจำความผดิ พลาดของผลการวเิ คราะห์ทเ่ี กดิ ในขนั้ ตอนนจี้ ึงน้อย ความผดิ พลาดของผลการทดสอบส่วน ใหญ่ประมาณร้อยละ 70 เกิดในขั้นตอนก่อนการวิเคราะห์ (Pre-Analysis) ดังนั้น การได้มาซึ่งสิ่งส่งตรวจจาก ผู้ป่วยต้องดำเนินการ ดงั ต่อไปน้ี 1) การระบุตัวผู้ป่วยถูกคนในขณะทำการเก็บสิ่งส่งตรวจจากผู้ป่วย ใช้แนวทางตาม P1: Patients Identification 2) การเก็บสิ่งส่งตรวจที่ถูกต้อง มีการเตรียมตัวผู้ป่วยอย่างถูกต้องตามประเภทของการทดสอบ ใช้ ชนิดและสัดส่วนของสารกันเลือดแข็งหรือสารรักษาสภาพอย่างเหมาะสมกับปริมาณเลือดที่ เจาะเก็บ สิ่งส่ง ตรวจเลือดไม่ปนเป้ือนหรอื ถกู เจอื จางดว้ ยสารนำ้ ท่ใี ห้ทางหลอดเลือดดำ 3) การติดฉลากสงิ่ สง่ ตรวจถูกต้อง เหมาะสม ตรงตวั ผู้ป่วย ตดิ ฉลากสิ่งส่งตรวจตอ่ หนา้ ผู้ปว่ ย ติดฉลาก ให้อา่ นได้ชดั เจน 4) การรักษาสภาพสิ่งส่งตรวจให้เหมาะสมก่อนการตรวจวิเคราะห์ โดยคำนึงถึงระยะเวลา และ อุณหภูมิในการขนส่งหรอื เกบ็ และสิ่งรบกวนทีอ่ าจมีผลต่อการวิเคราะห์ เช่น แสงสว่าง, ออกซิเจน, แบคทีเรีย ปนเปอ้ื นทเี่ พม่ิ จำนวนตามระยะเวลา 5) การระบตุ วั ผู้ปว่ ยและส่งิ ส่งตรวจถูกตอ้ งตรงกันในขณะทำการวเิ คราะห์และเมื่อรายงานผล มีวิธีการ สอบกลับสิ่งส่งตรวจที่แบ่งมาใช้วิเคราะห์ไปยังสิ่งส่งตรวจที่เก็บจากผู้ป่วยโดยตรง (primary sample) มีการ ตรวจสอบความถูกต้องตรงกนั ของผลการทดสอบกับผ้ปู ่วยเจา้ ของ ส่งิ สง่ ตรวจ Pitfall 1) การถามนำในการระบุตัวผู้ปว่ ยขณะเกบ็ สง่ิ สง่ ตรวจ เช่น ช่ือสมหญิงใชไ่ หม (ไม่ถกู ตอ้ งควรถามว่า ผู้ปว่ ยช่ืออะไร) 2) การเจาะเกบ็ เลือดสง่ ตรวจจากแขนขา้ งที่ให้สารน้ำทางหลอดเลอื ดดำไม่ถกู ต้อง (เพราะอาจสง่ ผล ต่อคา่ ผลตรวจ) 3) การตดิ ฉลากภาชนะบรรจุสิง่ ส่งตรวจลว่ งหนา้ หรือติดฉลากหลายรายในเวลาเดียวกัน 4) การตรวจตะกอนปสั สาวะจากปสั สาวะสง่ ตรวจทเ่ี ก็บนานเกิน 2 ช่ัวโมง 35

ประเดน็ ความเส่ยี งทคี่ วรระมัดระวงั สำหรบั นักศึกษาในกรณดี ูแลผปู้ ่วยทีม่ สี ายต่างๆ ความเสีย่ ง ปัจจยั เส่ียง แนวปฏิบตั ิ 1 กรณี Tube เล่อื นหลดุ ผู้ป่วยสบั สน เช่นผสู้ งู อายุ หรือไม่ การตรวจสอบสายจาก รว่ มมอื เชน่ เดก็ เล็ก เป็นตน้ ต้นทางปลายทางทกุ ช่วง ข้อต่อไมม่ เี กลียว เวร ไม่มีการตรวจสอบช่วงเวร หรอื ตอ่ ตรวจสอบรเิ วณรอยต่อ เวร เป็นระยะ กรณเี ลอ่ื นหลดุ ของ ทอ่ สาย การไม่ตรวจสอบเป็นระยะ ตรวจสอบตามแนว ทมี่ าจากห้องผา่ ตัด สาย drain การยึด การตรงึ ไม่ถกู วธิ ี ปฏิบัติ จดั หาอุปกรณ์ในการตรงึ สายใหถ้ ูกวิธี 2 การให้ยาผิดสาย ในกรณมี ี ไม่ตรวจสอบ ติดสตกิ เกอร์ หลายสายเช่นสายให้สารนำ้ ตรวจสอบก่อนฉีด สายใหส้ ารอาหารเปน็ ต้น 3 การ leak และ burn ไมต่ รวจสอบเส้น เชน่ กรณีผปู้ ่วยเด็ก การแทงจากส่วนปลาย Extravasation รอ้ งงอแงไม่ยอมให้ตรวจสอบ กอ่ น Flush ไม่ถกู วธิ ี การตรวจสอบ การแทงเขม็ ไม่ตามหลักการ การรับฟงั ผู้ปว่ ย ใหค้ ำแนะนำกับ ผู้ปกครอง การเจอื จางตามกำหนด 4 การตดิ เช้อื Phlebitis เช่นยา การไมเ่ ปลีย่ นสาย การทำความสะอาด levophed ระคายเคือง ต้อง การไม่ตรวจสอบ บรเิ วณแทงเข็มให้ถูกต้อง เปล่ียนสายทุก24 ชม เปลี่ยนสายตามแนวทาง กำหนดเช่นทุก 24 ชม หรอื กรณีพบรอยแดงให้ เปลี่ยนตำแหน่งทันที 5 การไหลของ IV ไมต่ รงตาม ไมต่ รวจสอบเคร่ืองเปน็ ระยะ ตรวจสอบทุกระยะ กำหนด ไมย่ ึดตามเสยี งเตือนแต่ ตรวจสอบเปน็ ระยะ 6 กรณกี ารมีก้อนอุดกัน้ สาย ไม่ตระหนกั การเกดิ อุดตันในหลอด ไมด่ นั ก้อนเลือด แตใ่ ห้ เลือด เปล่ยี นตำแหน่งแทงใหม่ เปลี่ยนเขม็ ใหม่ 7 การปนเป้ือนของสายบรเิ วณข้อ ไม่มีทกั ษะ ฝึกฝนใหเ้ ข้าใจในขนั้ ตอน ตอ่ ในห้องทดลอง 36

ความเสีย่ ง ปจั จัยเสีย่ ง แนวปฏิบตั ิ 8 การหลุดของท่อ inner กรณีมี ไม่มีทักษะการผูกสาย ฝึกฝนทกั ษะ tracheostomy ไมผ่ ูกสายใหม่ก่อนตัดสายเก่าออก ผูกสายใหม่ให้แนน่ ก่อน สายเกา่ 9 การเจาะเลือด การเกบ็ สง่ิ สง่ การไม่ทำตามแนวปฏิบตั ิ เช่นไมต่ ดิ ตรวจสอบช่ือ ตรวจผิดคน ชอื่ ไม่ตรวจสอบกอ่ นเก็บสิง่ ส่งตรวจ การติดสลากต่อหน้า ไม่ตรวจสอบผปู้ ่วยใหถ้ ูกคน ผู้ป่วย 10 การเก็บเพาะเชือ้ ไม่ถูกวิธี ไมเ่ ปลยี่ นเข็ม เปล่ยี นเขม็ การเกบ็ ตาม กรณHี emoculture ไมต่ รงตามเวลากำหนด แนวทางเครง่ ครดั หรอื แนะนำวธิ ีการเก็บไม่ชัดเจน ปฏิบตั ิตามแนวทางของ แตล่ ะสถาบัน ในบางที่จะ ไม่เปลยี่ นเข็ม ตรงเวลาในการเกบ็ Urine culture เกบ็ ไมถ่ กู วธิ ี ผู้ปว่ ยสบั สน ลืมคำแนะนำ ทบทวนวธิ เี กบ็ กอ่ นนำสง่ิ กรณผี ู้ปว่ ยเก็บ ส่งตรวจสง่ ตอ่ ไปเพอื่ แนใ่ จวา่ เก็บถูกวิธี เกบ็ urine culture จากสาย ไมเ่ ข้าใจหลักการทต่ี ้องเปน็ ปัสสาวะ เก็บปสั สาวะทใี่ หมโ่ ดย สวนปสั สาวะไม่ถกู วธิ ี ใหม่ การกกั ไวก้ ่อนเกบ็ เชด็ สายยางตรงท่ีจะเกบ็ ด้วย alcohol 11 รายงานผลการตรวจล่าชา้ ไม่ตระหนกั บนั ทึกตดิ ตามในระหว่าง ไมต่ ิดตาม รบั สง่ เวร รายงานทันทเี ม่ือ รับทราบผล 12 การวดั ความดันโลหิตในแขน ไม่รูจ้ ักผู้ปว่ ย รับฟังการรับสง่ เวรอย่าง หรอื ตำแหนง่ ที่มีการต่อเสน้ ไม่ตรวจสอบ ตง้ั ใจเพ่ือใหร้ ้จู กั ผู้ป่วย เลือดในผู้ปว่ ย Hemodialysis ตรวจสอบใหช้ ดั เจน 13 ไมต่ อบสนองต่อผูป้ ่วยต่อการ ไมต่ ระหนกั หยุดและตรวจสอบทนั ที complain เชน่ กรณีผปู้ ว่ ยบน่ ไม่ไวต่อปัญหา หากไม่แนใ่ จเชญิ หวั หนา้ แสบ ปวดขณะฉดี ยา กรณีสาย ทมี หรอื อาจารย์รว่ ม เลื่อนหลดุ พจิ ารณา อา้ งอิงข้อมูล (เอกสารแปล Patient and Personnel Safety Goals http://www.ayhosp.go.th/ayh/images/HA/rm/pt2018.pdf ค้นเม่ือ 16 ก.พ. 2564) และการประชมุ ร่วม 37

แนวทางการบริหารความเส่ียงในกระบวนการดูแลผู้ป่วย (Patient Care process) อาจารยจ์ ติ รรดา พงศธราธิก ความเสี่ยงในกระบวนการดูแลผู้ป่วย (Patient Care process) เป็นกระบวนการเพื่อให้เกิดความ ปลอดภยั ในทน่ี ้ขี อกล่าวถึงกระบวนการที่สำคญั 2 สว่ น ไดแ้ ก่ Patient Identification การบ่งชีต้ วั ผปู้ ว่ ยอยา่ ง ถกู ตอ้ ง และ Communication การสื่อสารและการประสานอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพโดยหลักการ ISBAR คำนึงถึง การรักษาความลับของผู้ป่วย การสื่อสารอย่างชัดเจน ทันต่อสถานการณ์ฉกุ เฉิน การสื่อสารทางโทรศพั ท์อย่าง มีประสิทธิภาพ หลีกเลีย่ งการใชต้ วั ยอ่ ทีไ่ ม่เปน็ สากล รายละเอยี ด ดงั นี้ Patient Identification Patient Identification หมายถึงการระบุตัวผู้ป่วยที่สามารถแยกแยะผู้ป่วยได้อย่างชัดเจน ป้องกัน การรักษาผดิ พลาด ผดิ คน หลกั การระบุตวั ผปู้ ่วย 1. ระบุตัวผู้ป่วยด้วยตัวบ่งชี้อย่างน้อย 2 ตัวบ่งชี้ เช่น หอผู้ป่วยระบุตัวผู้ป่วยจาก ชื่อ นามสกุล และ Admission number. ชื่อ นามสกุล และ barcode บนป้ายข้อมือผู้ป่วย หน่วยตรวจโรคผู้ป่วยนอกระบุตัว ผ้ปู ่วยจากชอื่ นามสกุล และ Hospital number. หา้ มใช้เลขเตยี งในการระบตุ วั ผปู้ ว่ ย 2. การจัดทำปา้ ยขอ้ มือผูป้ ว่ ยทุกราย 3. ก่อนทำหัตถการ การบริหารยาต่างๆ ต้องมีการระบุตัวผู้ป่วยด้วยการสอบถามชื่อ นามสกุลและ ตรวจสอบป้ายขอ้ มือผปู้ ว่ ยก่อนทุกครัง้ Effective Communication การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดียิ่ง การ สื่อสารที่ดีต้องส่งข้อมูลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ทันต่อเหตุการณ์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือวิกฤติ กรณีที่ติดตอ่ แพทยไ์ ม่ไดภ้ ายใน 5 นาที ควรมีการติดต่อแพทยท์ ่านอ่ืนทเ่ี ปน็ second call ขอ้ พงึ ตระหนกั ก่อนรายงานแพทย์ 1. ประเมนิ ผ้ปู ่วยด้วยตนเองแล้วหรือยงั 2. ปรกึ ษากบั พยาบาลวชิ าชีพที่มคี วามรู้ ประสบการณม์ ากกว่าแลว้ หรือยัง 3. อา่ น Progress ของแพทย์ และ Nurse note ของพยาบาลเวรกอ่ นหนา้ แล้วหรอื ยัง 4. การเตรียมความพร้อมกอ่ นรายงานแพทย์ต้องมีเวชระเบียนผูป้ ่วย รายการยา สารน้ำที่ผู้ป่วยกำลงั ไดร้ บั การแพย้ าต่าง ๆ ผลการตรวจทางห้องปฏบิ ตั ิการทีเ่ กย่ี วขอ้ งล่าสุด สัญญาณชพี ล่าสดุ 38

หลกั การรายงานแพทย์ดว้ ย ISBAR หัวข้อ รายละเอียด I= Identification การระบุตวั ผูร้ ายงาน: ชอื่ นามสกลุ ตำแหน่ง สถานท่ี S = Situation การระบุตัวผปู้ ่วย : ช่ือ นามสกลุ ผปู้ ว่ ย เพศ อายุ หมายเลขหอ้ งหรือเตยี ง B = Background สถานการณ์ทต่ี ้องรายงาน โดยระบเุ หตผุ ลท่ีตอ้ งรายงานสน้ั ๆ เวลาทเ่ี กิด A = Assessment เหตุ ความรนุ แรง R = Recommendation ข้อมลู ภมู หิ ลังสำคัญเกีย่ วกับสถานการณ์ ดังน้ี - การวินิจฉัยเมื่อแรกรบั และวันทีร่ ับไวใ้ นโรงพยาบาล - รายการยา สารน้ำทผ่ี ู้ป่วยกำลังได้รบั การแพ้ยาต่าง ๆ - สัญญาณชีพล่าสดุ - ผลการตรวจทางหอ้ งปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องลา่ สุด ผลการตรวจกอ่ นหน้า การเปรยี บเทยี บผลการตรวจท่ีเปลีย่ นแปลง - ข้อมลู ทางคลนิ ิกอ่นื ๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง การประเมินสถานการณข์ องพยาบาล เป็นการระบคุ วามคิดเหน็ ของพยาบาล ผรู้ ายงานต่อสถานการณน์ น้ั ตวั อยา่ ง - ผปู้ ว่ ยมีอาการซมึ ลงนา่ จะมาจากอาการอาเจยี นหลายคร้ัง - อาการมีผ่ืนขน้ึ ตามร่างกายอาจมาจากยาปฏชิ วี นะท่ีผปู้ ่วยไดร้ ับอยู่ ข้อแนะนำหรือความต้องการของพยาบาล ตวั อยา่ ง - ต้องการเปลี่ยนแปลงคำส่งั การรกั ษา การสง่ ผลตรวจทางห้องปฏิบตั ิการ เพมิ่ การหยุดใหย้ า - ตอ้ งการความชว่ ยเหลอื โดยให้แพทย์มาดผู ้ปู ว่ ยดว่ น 39

แนวทางการบริหารความเสย่ี งในสถานการณฉ์ กุ เฉิน (Emergency Response) อาจารย์วาสนา ทรัพยป์ ระเสริฐ ผูช้ ่วยศาสตราจารย์. ดร. ภัทรา ซรู ิค พว. เขมพร โตเปรย้ี ว โรงพยาบาลปราณบรุ ี พว. เพญ็ จันทร์ สังขะภกั ดี โรงพยาบาลปราณบุรี พว. กุลธิดา บุญเนตร์ โรงพยาบาลปราณบรุ ี พว. สวุ ชั รีย์ เดชาธรอมร โรงพยาบาลหวั หิน E: Emergency Response E1 Response to the deteriorating patient E2 Medical emergency 1. Sepsis 2. Acute coronary syndrome 3. Acute ischemic stroke 4. Safe Cardiopulmonary resuscitation (CPR) E3 Maternal and Neonatal Morbidity 1. Postpartum hemorrhage 2. Safe labour at community hospitals 3. Birth Asphysia E4 ER safety 1. Effect triage 2. Effect diagnosis and treatment in high-risk presentation 3. Effect Teamwork and communication 4. Effect patient flow 5. Effect hospital presentation for emergency สรุปความเสยี่ งจากการปฏิบัติงานท่ีพบมดี งั นี้ ความเสยี่ งทั่วไป 1. ระบุตวั ผ้ปู ว่ ย (Patient Identification) 2. การให้ยาผดิ พลาด (Medication error) 3. Delay diagnosis and delay treatment 4. Early Evaluation and Diagnosis ความเส่ียงทางคลินิก Emergency response 1. Acute coronary syndrome 2. Acute ischemic stroke 3. Safe Cardiopulmonary resuscitation (CPR) 40

ความเส่ียงท่วั ไป 1.แนวทางการปอ้ งกันความเสย่ี งการระบตุ ัวผู้ป่วย (Patient Identification) ดงั นี้ แนวทางกอ่ นฝกึ ปฏบิ ัติ 1) ปฐมนิเทศรายวิชาร่วมกับแหล่งฝึก มีการสื่อสารความเสี่ยง หลักการบริหารยาที่ถูกต้องตามหลักการ 10 R. 2) จัดกจิ กรรมทบทวนหลกั การบรหิ ารยาอยา่ งถกู ตอ้ งตามมาตรฐาน ขณะฝกึ ปฏบิ ัติ 1) การระบุตวั ผ้ปู ่วยทแี่ ผนกผปู้ ว่ ยฉุกเฉิน 2) ผปู้ ว่ ยรู้สึกตวั ตรวจสอบถามช่อื -สกุลคำถามปลายเปดิ 3) ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว จัดให้มีวิธีปฏิบัติเฉพาะในการบ่งชี้ตัวผู้ป่วยโดยให้ใช้เอกลักษณ์บ่งชี้ เช่น เสื้อผ้า ตำหนิ 2. การระบตุ ัวผู้ป่วยหอ้ งสงั เกตอาการ 1) รบั เอกสารให้ถามชอ่ื -สกุล อายุ วา่ ตรงกับเอกสารหรอื ไม่ ด้วยคำถามปลายเปดิ กรณมี ี film, CT, U/S ให้เช็คใหเ้ รียบร้อย 2) เขียนเตยี ง ช่ือ-สกุล อายุ HN ติดปลายเตียง 3) เขยี นเตยี ง ช่อื -สกุล อายุ HN ตดิ ทชี่ นดิ น้ำเกลอื เวลาทใี่ ห้ เวลาหมดทปี่ ้าย IV fluid ทุกครั้ง 3. การระบุตัวผู้ปว่ ยในการทำหตั ถการตา่ งๆ 1) ตรวจสอบจากป้ายข้อมือ ให้สอบถามชื่อ-สกุล ด้วยคำถามปลายเปิดทุกครั้ง กรณีเด็กให้ถามชื่อจาก บิดามารดา หรอื ญาติ 2) ตรวจสอบโดยการ Double check ทุกคร้งั บรหิ ารยาท่ถี ูกต้องตามหลกั การบรหิ ารยา 10 R. 2.แนวทางการป้องกนั ความเส่ยี งการให้ยาผดิ พลาด (Medication error) ดงั น้ี การป้องกนั ความเสีย่ งในการบริหารยา 1. การปฐมนิเทศรายวิชา มกี ารส่อื สารความเสย่ี ง หลกั การบรหิ ารยาท่ีถูกตอ้ งตามหลักการ 10 R. 2. จดั กิจกรรมโครงการสรา้ งความตระหนกั รู้การบริหารยาอย่างถกู ตอ้ งตามมาตรฐาน 3. การสรา้ งทัศนคตทิ ่ถี ูกตอ้ งในการรายงานอบุ ัติการณ์ No blame 4. เนน้ ย้ำการฝกึ ปฏบิ ตั ภิ ายใต้การดแู ลของอาจารย์นเิ ทศหรอื พยาบาลวิชาชีพ อยา่ งเคร่งครัด การแกไ้ ขเบ้อื งต้นเม่ือเกิด medication error 1. เมือ่ เกิดความเสีย่ งตอ่ ผู้รับบรกิ ารในระหว่างท่ีนักศึกษาเปน็ ผู้ดูแลใหร้ ายงานอาจารย์ / พยาบาลพี่ เล้ียงท่รี บั ผดิ ชอบนักศกึ ษาในหอผู้ป่วยนัน้ ทันที และเขียนแบบรายงานความเส่ียงสง่ อาจารย์ / พยาบาลพี่เลี้ยง ท่ีรบั ผิดชอบนกั ศกึ ษาในหอผ้ปู ว่ ยน้ันภายใน 24 ช่วั โมง 2. หากเกิดความเสย่ี งต้งั แต่ระดับ D ขึ้นไป อาจารยน์ เิ ทศแจ้งคณะกรรมการรายวชิ าเพอ่ื พิจารณา ต่อไป 3. ดำเนินการแกไ้ ขเบ้ืองตน้ ร่วมกบั อาจารยน์ ิเทศ พยาบาลวิชาชพี แพทยเ์ จ้าของไข้ 41

การปฏบิ ัตภิ ายหลังเกดิ medication error 1. ปรกึ ษาอาจารยพ์ ยาบาลสาขาวิชาการพยาบาลสุขภาพจิตและจติ เวชศาสตร์เพื่อประเมนิ สุขภาพจิต ของนกั ศกึ ษา 2. นำผลการประเมินมาพิจารณามาตรการให้นักศึกษาหยุดพักการฝึกปฏิบัติชั่วคราว ตามความเห็น ของผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นสขุ ภาพจิต 3. มาตรการการเยียวยากรณีฟ้องร้อง 3.แนวทางการป้องกนั ความเสย่ี ง Early Evaluation and Diagnosis ดังนี้ Emergency response ความเสีย่ งทางคลนิ ิก 1. Acute coronary syndrome -ปอ้ งกนั เกดิ miss fast track STEMI แนวทางการประเมินและการป้องกนั ความเสย่ี งก่อนเกิด 1. ประเมินอาการจดุ คดั กรองผูป้ ่วยทกุ ชว่ ยวัย หากมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก ใหเ้ ข้ามาวดั vital signs และ ทำ EKG complete lead ภายในเวลา 4 นาที 2. ส่งแพทย์อา่ น หากพบว่ามีความผดิ ปกติให้ปรึกษาแพทยเ์ ฉพาะทางหัวใจทนั ที โดยไมต่ ้องรอผล 2. Acute ischemic stroke -ปอ้ งกันเกดิ ภาวะความดนั ในกะโหลกศีรษะสูง -ป้องกนั ความดนั โลหิตสงู -ป้องกนั Large infarction แนวทางการประเมนิ และการป้องกันความเสย่ี งก่อนเกิด 1. เฝ้าระวังติดตามอาการเตอื นของภาวะความดันในกะโหลกสูง 2. ตดิ ตามและประเมนิ สญั ญาณชพี และประเมิน Neurological sign ทกุ 15 นาท,ี 30 นาที, 1 ช่วั โมง until stable 3. ดแู ลให้ไดร้ ับออกซิเจน (Oxygen therapy) อย่างเพียงพอ ดแู ลทางเดนิ หายใจใหโ้ ลง่ 4. จัดทา่ ศีรษะสูง 30 องศา 5. ดแู ลให้ได้รับยาควบคุมความดันโลหติ ตามแผนการรักษา และบรหิ ารยาตามหลกั 10 R. 6. หลกี เลยี่ งกิจกรรมทีท่ ำใหเ้ พมิ่ เมตาบอลซิ ึมในสมอง เชน่ ภาวะไข้ 7. ลดกจิ กรรมท่ีท้าใหเ้ กดิ ความดันในช่องอกและช่องท้อง (Valsalva maneuver) เพ่ิมข้ึน ไดแ้ ก่การออก แรงลกุ น่ัง การเบ่งถ่ายอุจจาระ 8. ดูแลให้ไดร้ บั ยา rT-PA ตามแผนการรกั ษาและตดิ ตามอาการข้างเคยี ง 3. Safe Cardiopulmonary resuscitation (CPR) การเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทำ CPR แนวทางการประเมินและป้องกนั ความเส่ยี งกอ่ นเกดิ 1. Early diagnosis 2. Early CPR แนวทางการจัดการเมื่อเกิดเหตกุ ารณ์ 1. รายงานแพทย์ และแกไ้ ขปญั หา 2. ประเมนิ และเฝา้ ระวังอาการผิดปกติ 42

บรรณานุกรม ผ่องพักตร์ พิทยพันธุ์. (2564). Clinical Risk management and Patient safety: SIMPLE. เอกสาร ประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ การบริหารความเสี่ยงสำหรับการฝึกภาคปฏิบัติ (Clinical risk management) คณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี. วันท่ี 16 -17 กมุ ภาพันธ์ 2564. ธนธรรม เจริญเลศิ . (2564). สำนกั งานอัยการคุม้ ครองสทิ ธิและชว่ ยเหลือทางกฎหมายและการบงั คบั คดจี ังหวัด เพชรบุรี (สคชจ.เพชรบุรี). เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ การบริหารความเสี่ยงสำหรับ การฝึกภาคปฏิบัติ (Clinical risk management) คณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบรุ .ี วันท่ี 16 -17 กมุ ภาพนั ธ์ 2564. วิภารัตน์ ศรีสุวรรณ์. (2564). ประสบการณ์บริหารความเสี่ยงในหน่วยไตเทียม โรงพยาบาลศิริราช. เอกสาร ประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ การบริหารความเสี่ยงสำหรับการฝึกภาคปฏิบัติ (Clinical risk management) คณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เพชรบุร.ี วันที่ 16 -17 กมุ ภาพันธ์ 2564. สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล. (2561). เป้าหมายและความปลอดภัยของผู้ป่วยของประเทศไทย พ.ศ. 2561. นนทบรุ ี: เฟมสั แอนด์ ซัคเซสฟลู . สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล. (2561). เป้าหมายและความปลอดภัยของบุคคลากรสาธารณสุขของ ประเทศไทย พ.ศ. 2561. นนทบุรี: เฟมัส แอนด์ ซัคเซสฟูล. หน่วยคุณภาพ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์. (2562). แนวปฏิบัติ 2P Safety Goals โรงพยาบาลสงขลา นครินทร์. สืบค้นจาก https://hospital.psu.ac.th/file/quality/2P/2P_Safety_Goals.pdf . เมอื่ 12 กุมภาพันธ์ 2564. อธชิ า อนิ ทสวุ รรณโณ. (2564). ประสบการณบ์ ริหารความเสยี่ ง เร่อื ง ความคลาดเคล่อื นทางยาในเด็ก. เอกสาร ประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ การบริหารความเสี่ยงสำหรับการฝึกภาคปฏิบัติ (Clinical risk management) คณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ มหาวิทยาลยั ราชภัฏเพชรบุรี. วันท่ี 16 -17 กุมภาพนั ธ์ 2564. 43


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook