๑๐๑ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวิชา ‘32251รายวิชาภัตตาคารและการจดั เลี้ยง สาระการเรยี นร้เู พ่ิมเตมิ กล่มุ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ จานวน ๔ ชว่ั โมง จานวน ๒.๐ หนว่ ยกิต คาอธบิ ายรายวิชา ศึกษาและปฏบิ ตั เิ กี่ยวกับ ภัตตาคารและการจดั เล้ยี ง หลกั การด าเนนิ งาน รูปแบบ การวางแผน จดั เตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ สถานท่ใี นภัตตาคารและการจดั เลย้ี ง ประสานงานกับฝ่ายตา่ ง ๆ และฝกึ ปฏิบตั ิ เกย่ี วกบั งานภตั ตาคารและงานจดั เล้ียง ผลการเรยี นรู้ 1. มีความรูค้ วามเขา้ ใจงานภตั ตาคารงานจัดเลย้ี ง 2. มีความเขา้ ใจในหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงานในงานภัตตาคารและงานเลี้ยง 3. สามารถจดั เตรยี มวสั ดุอุปกรณ์และสถานทใี่ นงานภตั ตาคารและงานจัดเล้ียง 4. สามารถให้การบริการอาหารและเคร่อื งด่มื ในงานภัตตาคารและงานจดั เล้ียง 5. มเี จตคติที่ดีในการทางาน รวมทั้งหมด 5 ผลการเรยี นรู้
๑๐๒ คาอธบิ ายรายวชิ า รหสั วชิ า อ32217 รายวิชาภาษาองั กฤษในงานบริการอาหารและเคร่ืองดมื่ สาระการเรียนรเู้ พิ่มเตมิ กลุม่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ จานวน 3 ชวั่ โมง จานวน 1.5 หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวิชา ศึกษาและฝกึ ปฏบิ ตั ิภาษาองั กฤษในงานบริการอาหารและเครอื่ งดื่ม ค าศัพทภ์ าษาอังกฤษ การบรกิ าร อาหารและเครอ่ื งด่มื การจัดเลย้ี ง อุปกรณ์ที่ใชบ้ นโต๊ะอาหาร การต้อนรบั ลูกคา้ การรบั คาสั่ง อาหาร การบริการ ข้อมลู ทั่วไปในร้านอาหาร และฝกึ ทักษะการใชภ้ าษาอังกฤษในงานบรกิ ารอาหารและ เครอ่ื งดม่ื ผลการเรยี นรู้ 1. มีความร้คู วามเข้าใจคาศพั ทส์ านวนทใ่ี ชใ้ นงานบรกิ ารอาหารและเคร่ืองดืม่ 2. มีทักษะในการใช้ภาษาองั กฤษในงานบริการอาหารและเคร่ืองดื่ม 3. เห็นความสาคญั ของการใช้ภาษาอังกฤษในงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม รวมทัง้ หมด ๓ ผลการเรียนรู้
๑๐๓ คาอธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า ง......................... รายวิชาการตลาดเพอื่ อตุ สาหกรรมท่องเท่ียว สาระการเรยี นร้เู พม่ิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๕ จานวน 2 ชวั่ โมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวิชา ศึกษาเก่ยี วกบั ความรพู้ ้นื ฐานของการขาย และการตลาดเพื่ออตุ สาหกรรมท่องเทยี่ ว ความหมาย ความสาคญั องค์ประกอบ กลมุ่ ตลาดเป้าหมาย หลกั การขาย แนวความคิดการขายในธุรกจิ ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั อุตสาหกรรมท่องเท่ียว เปรียบเทียบการตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรมอน่ื ๆ ข้นั ตอนการเสนอขายสินค้าใน อตุ สาหกรรมท่องเทีย่ ว สถานการณ์ทางการตลาดอุตสาหกรรมท่องเทยี่ วในปจั จบุ ัน และแนวโน้มในอนาคต นโยบายของรัฐกับการสง่ เสริมการตลาดในอตุ สาหกรรมท่องเทีย่ ว ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามรู้ความเข้าใจเกยี่ วกับพ้นื ฐานการขายและการตลาดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 2. จาแนกกลุม่ ตลาดเป้าหมายและพฤติกรรมผู้ใช้บรกิ าร 3. มีกจิ นิสัยในการปฏบิ ัตงิ านอยา่ งเปน็ ระบบ มีหลกั เกณฑ์ ความคิดสรา้ งสรรค์ รวมทง้ั หมด ๓ ผลการเรยี นรู้
๑๐๔ คาอธบิ ายรายวชิ า รหสั วชิ า ง ....................... รายวชิ าธุรกจิ โรงแรม สาระการเรียนร้เู พม่ิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ จานวน 2 ชว่ั โมง จานวน ๑.0 หนว่ ยกติ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเก่ยี วกบั ความเปน็ มา ความสาคัญของธรุ กจิ โรงแรมต่อเศรษฐกิจ สงั คม และสิง่ แวดลอ้ ม ประเภทของโรงแรม การแบง่ ระดบั ของโรงแรม โครงสรา้ งการบริหารงาน การปฏิบตั หิ น้าทคี่ วาม รบั ผดิ ชอบ การแบง่ สายงานในโรงแรม ลักษณะพเิ ศษของงานโรงแรม คาศัพทเ์ ฉพาะสาหรบั งานโรงแรม ผลการเรยี นรู้ 1. มีความร้คู วามเข้าใจหลักการดาเนินงานโรงแรม 2. มีความรู้เขา้ ใจลกั ษณะการดาเนนิ งาน โครงสร้างการบริหาร ลักษณะพิเศษ และงานขั้นพืน้ ฐานของ โรงแรม 3. มเี จตคตทิ ่ีดีและถกู ต้องตอ่ อาชีพโรงแรม รวมท้งั หมด ๓ ผลการเรียนรู้
๑๐๕ คาอธิบายรายวิชา รหสั วิชา ง.....................รายวิชางานส่วนหนา้ โรงแรม สาระการเรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ จานวน ๓ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต คาอธิบายรายวชิ า ความรับผดิ ชอบ อปุ กรณท์ ่ีใช้ในงานส่วนหนา้ งานต้อนรับและลงทะเบียนเขา้ พกั (Check – in) การคนื หอ้ งพัก (Check – out) งานบรกิ ารบริเวณส่วนหน้าโรงแรม การประสานงานกับแผนกอ่นื ๆ และศลิ ปะการนาเสนอการขายหอ้ งพัก ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในงานส่วนหนา้ โรงแรม 2. มีทกั ษะในการปฏิบตั งิ านสว่ นหน้าโรงแรมและการประสานงานกับแผนกอ่นื ๆ 3. มที ัศนคติท่ีดตี ่อการปฏบิ ัติงาน รวมทงั้ หมด ๓ ผลการเรียนรู้
๑๐๖ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวชิ า ง....................... รายวิชาเครือ่ งด่มื และการผสมเครอ่ื งดม่ื สาระการเรียนรูเ้ พมิ่ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 จานวน 3 ชวั่ โมง จานวน ๑.5 หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏบิ ตั ิเกี่ยวกับการบรกิ ารอาหารและเครื่องดื่ม ประเภท รปู แบบของการบรกิ ารอาหาร และเคร่ืองดืม่ หน้าท่คี วามรบั ผิดชอบ คณุ สมบัติ จรรยาบรรณของฝ่ายบริการอาหารและเครอ่ื งดื่ม ความรู้ เกีย่ วกบั รายการอาหารและเครือ่ งดืม่ อุปกรณ์ เครอื่ งมอื เคร่ืองใช้ในงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม การจัดเตรียมบริการ มารยาทการรบั ประทานอาหาร และฝึกปฏิบตั ิ การจัดโต๊ะอาหาร การบริการอาหาร และเคร่ืองด่ืม ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามรูค้ วามเข้าใจในหลักการการบริการอาหารและเครอ่ื งด่ืม 2. ปฏิบัตงิ านการบริการอาหารและเครื่องดม่ื 3. ตระหนกั ในหนา้ ทค่ี วามรบั ผิดชอบงานบริการอาหารและเครือ่ งด่ืม 4. เจตคตแิ ละกิจนสิ ยั ท่ีดีในการทางาน รวมท้งั หมด 4 ผลการเรียนรู้
๑๐๗ คาอธิบายรายวชิ า รหสั วิชา ง……………………. รายวชิ าภาษาอังกฤษเพอื่ การโรงแรม สาระการเรยี นรู้เพ่มิ เตมิ กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๕ จานวน ๓ ชัว่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและฝึกปฏิบัติภาษาองั กฤษเพื่อการโรงแรม การตอ้ นรับแขกที่มาพกั ในโรงแรม การให้ข้อมูล เกยี่ วกบั หอ้ งพัก การสารองห้องพัก การบริการอาหารและเคร่ืองด่ืม การบรกิ ารท่ัวไปในโรงแรม การติดต่อ ทางโทรศัพท์ การกรอกแบบฟอร์มท่ีใช้ในงานโรงแรม และฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม ผลการเรยี นรู้ 1. มีความรู้ความเข้าใจคาศัพท์ สานวนที่ใชใ้ นงานโรงแรม 2. มที ักษะการใชภ้ าษาอังกฤษในงานโรงแรม 3. เห็นคณุ ค่าของการใชภ้ าษาอังกฤษในงานโรงแรม รวมทัง้ หมด 3 ผลการเรยี นรู้
๑๐๘ คาอธิบายรายวิชา รหสั วชิ า ง...................... รายวิชากภาษาองั กฤษสาหรบั งานสว่ นหนา้ โรงแรม สาระการเรียนรู้เพมิ่ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๕ จานวน ๓ ชัว่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต คาอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบตั ิเกย่ี วกับภาษาอังกฤษสาหรับงานส่วนหนา้ โรงแรม คาศัพท์ สานวนในงานบรกิ าร ส่วนหน้าโรงแรม การกรอกแบบฟอร์มและเอกสารในงานส่วนหน้า สนทนาภาษาอังกฤษในการใหบ้ รกิ าร ขอ้ มูล การรบั สารองห้องพกั การตอ้ นรบั การรับลงทะเบียน การคนื ห้องพัก และฝกึ ทกั ษะการใช้ ภาษาอังกฤษสาหรบั งานสว่ นหน้าโรงแรม ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับคาศัพท์ และภาษาอังกฤษท่ีใชใ้ นงานบรกิ ารสว่ นหนา้ โรงแรม 2. สามารถจดั ทาเอกสารในงานส่วนหน้าโรงแรม 3. สามารถสื่อสาร ให้ข้อมลู และบรกิ ารในโรงแรม รวมทัง้ หมด ๓ ผลการเรยี นรู้
๑๐๙ คาอธบิ ายรายวิชา รหสั วิชา ง......................รายวิชาโครงการ สาระการเรียนรเู้ พิ่มเตมิ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ จานวน ๘ ชัว่ โมง จานวน ๔ หนว่ ยกิต คาอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั หลกั การจัดทาโครงการ การวางแผน การดาเนินงาน การแก้ไขปัญหา การประเมนิ ผล การจัดทารายงานและการนาเสนอผลงาน โดยปฏบิ ัติจัดทาโครงการสรา้ งและหรือพัฒนางาน ที่ใชค้ วามรู้และทักษะในระดับฝีมอื สอดคลอ้ งกับสาขาวชิ าชีพท่ศี ึกษา ดาเนนิ การเปน็ รายบคุ คลหรอื กลุม่ ตาม ลักษณะของงานให้แลว้ เสรจ็ ในระยะเวลาที่กาหนด ผลการเรียนรู้ ๑. เข้าใจหลกั การและกระบวนการวางแผนจดั ทาโครงการสร้างและหรือพัฒนางาน ๒. ประมวลความรู้และทักษะในการสรา้ งและหรือพัฒนางานในสาขาวชิ าชพี ตามกระบวนการวางแผน ดาเนินงาน แก้ไขปญั หา ประเมนิ ผล ทารายงานและนาเสนอผลงาน ๓. มเี จตคติและกจิ นสิ ยั ในการทางานด้วยความรบั ผิดชอบ มวี นิ ยั คุณธรรม จรยิ ธรรม ความคิดริเร่ิม สร้างสรรคแ์ ละสามารถทางานร่วมกบั ผอู้ ื่น รวมท้งั หมด ๓ ผลการเรยี นรู้
๑๑๐ คาอธบิ ายรายวิชา รหัสวชิ า ง...................... รายวชิ าคอมพิวเตอรใ์ นงานดรงแรมสาระการเรียนรูเ้ พมิ่ เตมิ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน ๓ ชวั่ โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต คาอธิบายรายวชิ า ศึกษาและ ปฏบิ ัตเิ กี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในงานโรงแรม วธิ กี ารใชโ้ ปรแกรมสานักงาน ท่ีใชใ้ นงานโรงแรมท่เี ป็นปัจจุบัน การเลอื กใชโ้ ปรแกรมสานักงานให้เหมาะกบั งาน ปัญหา ขอ้ จากัดในการใชง้ าน และฝึกปฏบิ ตั ิการใช้คอมพวิ เตอร์ในงานโรงแรม ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกับการใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นงานโรงแรม 2. สามารถใชโ้ ปรแกรมสานกั งานทีใ่ ชใ้ นงานโรงแรม 3. มีเจตคติทีด่ ใี นการทางาน รวมทัง้ หมด ๓ ผลการเรียนรู้
๑๑๑ คาอธบิ ายรายวิชา รหัสวชิ า ง..................... รายวชิ าการพสั ดุโรงแรม สาระการเรยี นรู้เพมิ่ เตมิ กลมุ่ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน 2 ชว่ั โมง จานวน ๑.0 หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาเก่ียวกบั การพัสดโุ รงแรม โครงสร้างการบรหิ ารงาน ความสาคัญ ขัน้ ตอน การเบิก – จา่ ย การจัดเกบ็ การดแู ลรกั ษาทเ่ี ป็นระบบและมีระเบียบ ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามรู้และเขา้ ใจถึงโครงสรา้ งการบริหารงานพัสดุโรงแรม 2. มีความรแู้ ละเข้าใจถึงข้ันตอน กระบวนการเบิก – จ่ายและวิธีการจดั เก็บพัสดุ 3. สามารถปฏบิ ตั งิ านการเบิก – จา่ ย การจดั เกบ็ การดแู ลรกั ษาพสั ดใุ นงานโรงแรมได้อย่างถกู ต้อง 4. มกี ิจนิสัยทด่ี ีในการเบิก – จา่ ย และการเกบ็ รกั ษาพสั ดุของโรงแรม รวมทง้ั หมด ๓ ผลการเรยี นรู้
๑๑๒ คาอธิบายรายวชิ า รหสั วิชา ง…………. รายวิชาเบเกอรี่ สาระการเรยี นรเู้ พิ่มเตมิ กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ จานวน 4 ชว่ั โมง จานวน 2.0 หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบตั ิเกีย่ วกับเบเกอร่ี วตั ถดุ ิบ อุปกรณ์ เครอ่ื งใช้ การนาไปใช้ การเก็บรกั ษาผลติ ภณั ฑ์ เบเกอรี่ และฝกึ ปฏบิ ตั ิการทาเบเกอรเี่ บื้องต้น ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามร้คู วามเขา้ ใจเกย่ี วกับผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี 2. สามารถเลือกวตั ถดุ ิบ อุปกรณ์เคร่อื งใชแ้ ละเก็บรักษาได้อยา่ งถูกต้อง 3. สามารถผลติ เบเกอรี่ได้ 4. มีกิจนิสยั ทด่ี ีในการปฏบิ ัตงิ าน รวมท้ังหมด 4 ผลการเรยี นรู้
๑๑๓ คาอธบิ ายรายวิชา รหัสวิชา ง ................... รายวชิ าการท่องเท่ยี วเชงิ วัฒนธรรม สาระการเรยี นรเู้ พ่มิ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ จานวน 2 ชว่ั โมง จานวน 1.๐ หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวิชา ศึกษาเก่ยี วกับความหมาย ความสาคัญ องคป์ ระกอบ รปู แบบ แหล่งทอ่ งเท่ยี ว และหนว่ ยงานทเ่ี กีย่ วข้อง กบั การท่องเที่ยวเชงิ วฒั นธรรม ทัศนศึกษาแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเชิงวฒั นธรรม ผลการเรียนรู้ ๑. มีความรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกับรูปแบบการท่องเทย่ี วเชงิ วัฒนธรรม ๒. ประยุกต์ใชค้ วามรเู้ กีย่ วกบั การทอ่ งเท่ียวเชงิ วฒั นธรรมในการจดั กจิ กรรมการทอ่ งเที่ยว รวมท้ังหมด 2 ผลการเรยี นรู้
๑๑๔ คาอธบิ ายรายวชิ า รหสั วิชา ง รายวชิ านนั ทนาการเพ่ือการท่องเที่ยว สาระการเรียนรเู้ พิม่ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ จานวน ๔ ชั่วโมง จานวน ๒.๐ หนว่ ยกิต คาอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏบิ ัติเก่ียวกบั รูปแบบวิธกี ารจดั กิจกรรมนันทนาการ บทบาท หน้าท่ี ความรับผดิ ชอบในการ ให้บรกิ ารดา้ นนันทนาการ ฝึกปฏิบัติการจัดกจิ กรรมนนั ทนาการ ผลการเรยี นรู้ ๑. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจถงึ ความสาคัญและรปู แบบของการจัดกจิ กรรมนันทนาการเพ่ือการท่องเทย่ี ว ๒. มีทกั ษะในการจดั กจิ กรรมนนั ทนาการเพือ่ การท่องเที่ยว ๓. มีกิจนสิ ัยทีด่ ีในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมร่วมกับผ้อู ื่น รวมทัง้ หมด ๓ ผลการเรียนรู้
๑๑๕ คาอธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ า ง รายวชิ าการฝึกงาน สาระการเรียนรู้เพิ่มเตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน ๘ ชัว่ โมง จานวน ๔.๐ หน่วยกิต คาอธบิ ายรายวิชา ปฏบิ ัติงานท่ีสอดคล้องกบั ลักษณะของงานในสาขาวิชาชพี ในสถานประกอบการ สถานประกอบ อาชพี อิสระหรือแหล่งวิทยาการ ใหเ้ กิดความชานาญ มีทกั ษะและประสบการณง์ านอาชีพในระดับฝีมือ โดย ผา่ นความเห็นชอบรว่ มกันของผู้รับผิดชอบการฝกึ งานในสาขาวิชานัน้ ๆ และรายงานผลการปฏบิ ัตงิ าน ตลอดระยะเวลาการฝกึ งาน ผลการเรยี นรู้ ๑. เขา้ ใจขน้ั ตอนและกระบวนการปฏบิ ัติงานอาชพี อย่างเปน็ ระบบ ๒. ปฏิบัติงานอาชีพในสถานประกอบการ สถานประกอบอาชพี อสิ ระหรือแหล่งวิทยาการจนเกิดความชานาญ มี ทักษะและประสบการณ์ นาไปประยกุ ต์ใช้ในการปฏบิ ตั งิ านอาชพี ระดบั ฝมี ือ ๓. มเี จตคติท่ีดีต่อการปฏบิ ัติงานอาชพี และมกี จิ นสิ ยั ในการทางานด้วยความรับผดิ ชอบ มีวนิ ยั คุณธรรมจรยิ ธรรม ความคิดสรา้ งสรรค์และสามารถทางานรว่ มกับผ้อู ืน่ รวมทัง้ หมด ๓ ผลการเรียนรู้
๑๑๖ คาอธบิ ายรายวิชา รหัสวชิ า ง รายวชิ าการท่องเท่ียวเชงิ เกษตร สาระการเรียนร้เู พม่ิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน 2 ชว่ั โมง จานวน 1.๐ หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาเกย่ี วกบั ความหมาย ความสาคญั องคป์ ระกอบ รปู แบบบ แหลง่ ทอ่ งเท่ียวและหน่วยงานที่ เกีย่ วขอ้ งกบั การท่องเท่ยี วเชงิ เกษตร ความรเู้ ก่ียวกบั กจิ กรรม Home stay และ Farm stay ทศั นศึกษาแหลง่ ทอ่ งเที่ยวเชงิ เกษตร ผลการเรยี นรู้ ๑. มีความรู้ความเข้าใจเก่ยี วกับรปู แบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ๒. ตระหนกั ถึงความสาคัญของการท่องเทย่ี วเชงิ เกษตร รวมทงั้ หมด 2 ผลการเรยี นรู้
๑๑๗ คาอธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า ง รายวิชา สนทนาภาษาอังกฤษในโรงแรม สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเตมิ กลุ่มสาระการเรียนรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ จานวน 3 ชว่ั โมง จานวน 1.5 หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบัตเิ ก่ยี วกับการ สนทนาภาษาอังกฤษในงานโรงแรม ภาษาองั กฤษในการต้อนรบั การบริการแขกในสถานการณ์ตา่ งๆ การให้ขอ้ มลู เกีย่ วกับห้องพัก การสารองหอ้ งพัก การบริการอาหาร และเครื่องด่มื การตดิ ต่อทางโทรศัพท์ การกรอกแบบฟอรม์ ทีใ่ ช้ในการปฏบิ ตั ิงานโรงแรมการบรกิ ารท่วั ไป ในโรงแรม และฝกึ ทกั ษะการสนทนาภาษาอังกฤษในงานโรงแรม ผลการเรยี นรู้ 1. มีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับคาศัพท์ และสานวนภาษาอังกฤษพื้นฐานท่ีใชใ้ นงานโรงแรม 2. สามารถสอ่ื สาร ใหข้ ้อมูลและบริการในโรงแรม 3. กรอกแบบฟอรม์ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับการปฏบิ ตั งิ านโรงแรม รวมทง้ั หมด 3 ผลการเรยี นรู้
๑๑๘ คาอธบิ ายรายวิชา รหสั วิชา ง รายวิชาการจัดตกแตง่ สถานที่ สาระการเรยี นร้เู พิม่ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ จานวน 4 ชวั่ โมง จานวน 2.๐ หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาและปฏบิ ัตเิ กี่ยวกับหลกั การจัดตกแต่งสถานท่ี การจดั ตกแตง่ ห้องอาหาร หอ้ งจัดเล้ียง หอ้ งประชุม บริเวณสาธารณะของโรงแรม การเลือกวัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือ เครอ่ื งใช้ ความปลอดภัย ในการปฏิบตั งิ าน และฝกึ ปฏิบัติการจัดตกแตง่ สถานท่ี ผลการเรยี นรู้ 1. มีความรู้ความเขา้ ใจในการจดั ตกแตง่ สถานทใ่ี หเ้ หมาะสมและสวยงามตามลักษณะของงาน 2. สามารถเลือกใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์ได้อย่างเหมาะสม 3. มที กั ษะในการจดั ตกแตง่ สถานท่ี 4. มกี จิ นิสัยทด่ี ีในการทางานอยา่ งเป็นระบบ รวมทง้ั หมด 4 ผลการเรยี นรู้
๑๑๙ คาอธิบายรายวิชา รหสั วิชา ง รายวชิ าอาหารไทย สาระการเรยี นร้เู พมิ่ เตมิ กล่มุ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๖ จานวน 4 ชว่ั โมง จานวน 2.๐ หนว่ ยกติ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏบิ ัตเิ ก่ียวกบั อาหารไทย ครวั ไทยในโรงแรม หนา้ ทคี่ วามรับผดิ ชอบ ประเภทของ อาหารไทย เทคนิคการประกอบอาหาร เคร่ืองปรุง วตั ถุดิบ เครอ่ื งมือ อปุ กรณ์ การจัดเตรยี ม วธิ กี าร ประกอบอาหารไทยประเภทต่าง ๆ การเลือกใช้ภาชนะ การจดั ตกแตง่ อาหารและฝกึ ปฏิบัติการประกอบ อาหารไทย ผลการเรียนรู้ 1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกับอาหารไทยและเทคนิคการประกอบอาหาร 2. มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกับเคร่อื งปรุง วัตถุดิบ เคร่อื งมือและอุปกรณ์ 3. สามารถเลอื กใช้เคร่ืองมือและอุปกรณ์ได้เหมาะสมกับชนิดของอาหาร 4. สามารถประกอบอาหารไทยและจัดตกแตง่ ลงภาชนะไดเ้ หมาะสม 5. มกี ิจนิสยั ทดี่ ีในการปฏิบัติงานดว้ ยความรับผดิ ชอบและมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ รวมทง้ั หมด 5 ผลการเรยี นรู้
๑๒๐ คาอธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ า ง รายวิชาแกะสลักผกั ผลไม้ สาระการเรยี นรู้เพ่มิ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นร้กู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน 4 ชวั่ โมง จานวน 2.๐ หนว่ ยกติ คาอธบิ ายรายวิชา ศกึ ษาและปฏบิ ตั ิเก่ยี วกับการแกะสลกั ผักและผลไม้ การเลอื ก การจดั เตรียมวตั ถดุ บิ วัสดุ อปุ กรณ์ ในการแกะสลักผัก ผลไมใ้ นโอกาสตา่ งๆ การเก็บรกั ษา และฝกึ ปฏิบตั กิ ารแกะสลกั ผักและผลไม้ ผลการเรยี นรู้ 1. มีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับงานแกะสลักผักและผลไม้ 2. สามารถเลอื กวสั ดุ อุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการแกะสลกั ผักและผลไม้ 3. สามารถแกะสลักผกั ผลไมเ้ พ่ือใชใ้ นโอกาสตา่ งๆ 4. มีกิจนิสัยท่ีดใี นการปฏบิ ัติงาน รวมทง้ั หมด 4 ผลการเรยี นรู้
๑๒๑ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ความหมาย กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น เปน็ กิจกรรมท่จี ัดอย่างเป็นกระบวนการด้วยรูปแบบ วิธกี ารที่หลากหลาย ในการ พัฒนาผู้เรียนท้ังด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มุ่ง เสริมสร้างเจตคติ คุณค่าชีวิต ปลูกฝัง คุณธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเองสร้างจิตสานึก และร่วมอนุรักษ์ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ปรับตัวและมีจิตสาธารณะโดยคานึงถึงประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติและดารงชีวิต อยา่ งมีความสุข รวมท้งั การน้อมนาเอาหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นฐานในการดารงชวี ติ ลกั ษณะของกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๑. ผูเ้ รียนไดร้ บั ประสบการณ์ท่ีหลากหลาย เกดิ ความรู้ ความชานาญ ท้ังวชิ าการและวชิ าชีพ อยา่ ง กวา้ งขวางมากย่ิงขึน้ ๒. ผู้เรียนคน้ พบความสนใจ ความถนัด และพฒั นาความสามารถพิเศษเฉพาะตัว มองเหน็ ช่องทางใน การสรา้ งงานอาชพี ในอนาคตไดเ้ หมาะสมกับตนเอง ๓. ผูเ้ รียนเหน็ คณุ ค่าขององค์ความรูต้ ่าง ๆ สามารถนาความรแู้ ละประสบการณ์ไปใชใ้ นการพัฒนา ตนเอง และประกอบสัมมาชีพ ๔.ผูเ้ รยี นพัฒนาบุคลิกภาพ เจตคติในคา่ นิยมในการดารงชีวิต และเสรมิ สรา้ งศีลธรรม จริยธรรม ๕. ผู้เรียนมจี ติ สาธารณะ และทาประโยชนเ์ พื่อสังคม และประเทศชาติ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๑. กจิ กรรมแนะแนว ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ เรียนสัปดาหล์ ะ ๑ ชวั่ โมง ๒. กจิ กรรมนักเรยี น ๒.๑ กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ เรยี นสปั ดาหล์ ะ ๑ ชัว่ โมง ๒.๒ กจิ กรรมพฒั นาความถนัด ความสนใจ ตามความต้องการของผเู้ รียน เป็นกจิ กรรมที่ จัดใน เวลาเรยี น ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ เรียนสัปดาหล์ ะ ๑ ชวั่ โมง ๓. กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๑-๖ จัดบรู ณาการไว้ในกจิ กรรม ลูกเสอื เนตรนารี จดั เรียนปลี ะ ๑๐ ชั่วโมง โดยจดั ยืดหยุ่นเองตามความเหมาะสมและความจาเป็นในแตล่ ะระดับชนั้ เรียนทง้ั น้ีใหค้ รผู ู้สอนในระดบั ช้นั เรยี นนัน้ ๆ ร่วมกนั ออกแบบกิจกรรมเพ่อื ให้ผเู้ รียนได้บรรลเุ ปา้ หมายทห่ี ลักสตู ร แกนกลาง ฯ กาหนด โดยคานงึ ถึงวัยและวฒุ ิภาวะของผเู้ รียน ๔. กิจกรรมพฒั นาทักษะดารงชีวิต ๘ กจิ กรรมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ จดั กิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน ดังน้ี ๑. กจิ กรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพฒั นาความสามารถของผู้เรียนให้เหมาะสม ตาม ความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของคน เสริมสร้างทักษะชีวติ วุฒิภาวะทาง อารมณ์ และการสรา้ งสมั พันธภาพท่ีดี ซ่ึงผู้สอนทุกคนต้องทาหนา้ ทแ่ี นะแนวให้คาปรึกษา ดา้ นการเรยี นรู้ ทักษะ ชีวิต การอยรู่ ่วมกันในสงั คม การศึกษาต่อและการพัฒนาตนเอง สู่โลกเพื่อการอย่รู ว่ มกันในสังคมอย่างปกตสิ ขุ กจิ กรรมแนะแนวเปน็ บทบาทของครทู ุกคน ท่จี ะต้องดาเนินการ คดั กรอง และจดั กจิ กรรมหรือ บรกิ ารตา่ ง ๆ เพ่ือส่งเสรมิ พัฒนา ปอ้ งกนั แกไ้ ข โดยครูทุกคนดาเนินการดงั นี้ ๑. ศึกษาและรวบรวมข้อมลู ผู้เรียนเป็นรายบคุ คล ๒. คัดกรองผู้เรยี นเพื่อจาแนกผเู้ รยี นออกเป็น ๒ กลมุ่ คอื กลมุ่ ปกติ และกลมุ่ พเิ ศษ ๓. ดแู ลชว่ ยเหลอื ให้คาปรกึ ษาในดา้ นต่าง ๆ ใหผ้ เู้ รียนได้พฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพ
๑๒๒ ๔. พัฒนาระบบขอ้ มลู และภูมคิ วามร้ทู ท่ี ันสมัย อันจะเกิดประโยชน์ และจาเปน็ ในการดาเนินชวี ติ ๕. ประสานงานกับผ้ปู กครอง ชุมชน เพือ่ การร่วมมือในการดูแลช่วยเหลอื ผเู้ รยี น ๖. ประสานงานกบั ผู้เกี่ยวขอ้ งทงั้ ภายในและภายนอกสถานศึกษา เพือ่ การดูแลช่วยเหลอื และ การส่งตอ่ ผ้เู รยี น ๗. จดั กจิ กรรมท้ังในและนอกหอ้ งเรยี น เพื่อป้องกนั แก้ไข สง่ เสริมและพฒั นาผเู้ รยี นทกุ คน รวมท้ังผู้ทมี่ คี วามสามารถพิเศษ ผดู้ ้อยโอกาส คนพกิ าร ตลอดจนผู้มีปญั หาชวี ิตและสังคม ใหส้ ามารถพฒั นาตน ได้เต็มตามศักยภาพ ๘. รว่ มจัดบริการต่าง ๆ เช่น - จดั บริการดา้ นสุขภาพ - จัดหาทุนและอาหารกลางวัน - จัดศนู ยก์ ารเรยี นรู้ใหผ้ เู้ รยี น เพือ่ การวางแผนชีวติ - จดั บรกิ ารช่วยผู้เรียนทม่ี ปี ัญหา หรือความต้องการ - ติดตามผลผู้เรยี นทงั้ ในปจั จุบัน และจบการศกึ ษาแล้ว ๙. นิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผล และประชาสมั พนั ธ์ กิจกรรมแนะแนวทโี่ รงเรียนจัดมีดงั นี้ ๑. การศกึ ษาเด็กเปน็ รายบุคคล ให้ครูประจาชนั้ และครูประจาวชิ า มกี ารศึกษาเด็กเปน็ รายบคุ คลอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ๒. การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ การสอนซอ่ มด้วยกิจกรรมทหี่ ลากหลายใหก้ บั เด็กท่เี รียนอ่อน และมีปัญหา และสอนเสรมิ ให้กับเดก็ ทีเ่ รียนเก่ง สามารถศกึ ษาหาความรู้ด้วยตนเองได้ด้วยกลวิธีทหี่ ลากหลาย ท้ังนีต้ ้องเป็นไปตามความต้องการของผู้เรียน ๓. การส่งเสรมิ ศักยภาพของนักเรยี น ซ่ึงครูผู้รับผดิ ชอบจะใช้ข้อมูลพ้นื ฐานของนกั เรยี น รายบคุ คลเปน็ ฐานในการสง่ เสรมิ ศักยภาพเฉพาะดา้ นให้กับนกั เรียนนนั้ ๆ และดาเนินการอยา่ งเปน็ ระบบ เพื่อให้ นกั เรียนได้รับการส่งเสริมเต็มศกั ยภาพ ๔. การตรวจสขุ ภาพ มีการตรวจสุขภาพและวิเคราะห์ผลการเจรญิ เตบิ โตของนักเรียน ทกุ คน อยา่ งเปน็ ระบบสามารถตรวจสอบได้ ๕. การจัดทนุ การศึกษา และทนุ อาหารกลางวนั ให้กบั นักเรียนท่ีขาดแคลนทางด้านทนุ ทรัพย์ ๖. รวบรวมขอ้ มลู ข่าวสาร สารสนเทศ ของนักเรียนเพอ่ื ใหน้ ักเรียนได้สารวจตนเอง และ รูจ้ ักตนเองในทุกด้าน ๗. การตดิ ตามผลผู้เรียนในปจั จุบันและจบการศึกษาแล้ว ๘. การแนะแนวการศึกษา ใหผ้ เู้ รยี นพฒั นาการเรียนได้เต็มศักยภาพ วางแผนการเรียนและ การศึกษาต่อไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ๒. กิจกรรมนักเรยี น เป็นกจิ กรรมทเ่ี กิดจากความสมคั รใจของผเู้ รยี นไดพ้ ฒั นาตามคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพ่ิมเตมิ จากกจิ กรรมในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ เป็นกิจกรรมที่อาศยั ความร่วมมือระหวา่ งครู นักเรยี น ผปู้ กครอง ทีช่ ว่ ยกันคดิ ช่วยกนั ทา ชว่ ยกนั แก้ปัญหา ส่งเสรมิ ศักยภาพของผูเ้ รียนอย่างเตม็ ที่ รวมถึงกจิ กรรมท่ี ปลกู ฝงั ความมรี ะเบียบวนิ ยั รับผิดชอบ รู้จกั สทิ ธแิ ละหนา้ ทขี่ องตนเอง ซ่งึ แบ่งเปน็ กิจกรรมหลกั ๒ กจิ กรรม คอื ๒.๑ กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด เปน็ กิจกรรมที่มุง่ ปลกู ฝัง ระเบยี บวินัย กฎกติกา เพ่ือ การอยูร่ ว่ มกันในสภาพชีวติ ต่าง ๆ นาไปสู่พนื้ ฐานการทาประโยชน์แกส่ ังคม และวิถชี ีวติ ในระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมุข
๑๒๓ ๒.๒ กิจกรรมพฒั นาความถนัด ความสนใจ ตามความต้องการของผ้เู รียน เปน็ กิจกรรมที่ มุ่งเนน้ การเติมเตม็ ความรู้ความสามารถ ความชานาญ และประสบการณข์ องผู้เรียนให้กว้างขวางยง่ิ ขึน้ เพื่อการ ค้นพบความถนดั ความสนใจของตนเองและพัฒนาตนเองใหเ้ ต็มศกั ยภาพ ตลอดจนการพฒั นาทกั ษะทางสงั คม และปลกู ฝังจติ สานึกของการทาประโยชน์เพื่อสังคม ๓. กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ เปน็ กจิ กรรมท่ีตอ้ งการปลูกฝังใหผ้ เู้ รยี นเล็งเห็นถึง ความสาคญั ของตนเองในการมสี ว่ นร่วมและชว่ ยเหลอื สงั คมตามระดบั ของวัยวฒุ ิ คุณวุฒิ หรือตามศักยภาพของตน ทพี่ งึ จะกระทาได้ จนเกดิ เป็นกิจนสิ ยั ทีไ่ ดร้ ับการบม่ เพาะสิ่งทีด่ งี ามใหบ้ ังเกดิ ในตวั ผ้เู รียนต้ังแต่วัยเยาว์ จนสง่ ผลให้ ผเู้ รยี นเหลา่ นั้นเปน็ ทรัพยากรมนุษยท์ ่มี ีคุณภาพของสังคม ๔. กิจกรรมพฒั นาทักษะดารงชวี ติ
๑๒๔ การจดั การเรยี นรแู้ ละการส่งเสรมิ การเรยี นรู้ ตามหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ การจดั การเรยี นร้เู ป็นกระบวนการสาคญั ในการนาหลกั สตู รสู่การปฏบิ ตั ิ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พื้นฐาน เปน็ หลกั สูตรท่ีมีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผู้เรียน เปน็ เปา้ หมายสาหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ ีคุณสมบัตติ ามเปา้ หมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรโู้ ดยช่วยใหผ้ ู้เรียนเรียนรผู้ า่ นสาระทก่ี าหนดไว้ในหลกั สูตร ๘ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ รวมท้งั ปลกู ฝงั เสรมิ สร้างคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ พฒั นาทกั ษะต่าง ๆ อนั เป็นสมรรถนะสาคัญให้ผู้เรียนบรรลุ ตามเปา้ หมาย หลกั การจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ การจัดการเรียนรตู้ ามหลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตาม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ยึดหลกั การจัดการเรยี นรู้ตามแนวทางของ พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่เนน้ ผู้เรยี นมคี วามสาคญั ทีส่ ดุ เชอ่ื ว่าทุกคนมีความสามารถ เรยี นรู้และพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่เี กดิ กับผเู้ รยี น โดยมีเปา้ หมายใหผ้ เู้ รยี นเป็นคนดี เกง่ มีความเป็นไทย และทางานรว่ มกับผอู้ ่ืนได้อยา่ งมคี วามสุข ในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ทง้ั ๘ กลมุ่ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ต้อง ส่งเสรมิ ให้ผูเ้ รยี น สามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานงึ ถึงความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลและ พัฒนาการทางสมอง เนน้ ให้ความสาคัญท้ังความรู้ และคุณธรรม คิดเป็นองคร์ วม และร่วมมอื กันพฒั นาสังคมไทย การจัดการเรยี นรู้เพ่อื ให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถตามมาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสาคญั และคณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ ตามท่ีกาหนดไว้ในหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระบวนการจดั การเรยี นร้ตู ้องส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานงึ ถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการ ทางสมอง เน้นใหค้ วามสาคัญทัง้ ความรู้ และคุณธรรม การจัดการเรยี นรู้ตามหลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนราช ประชานุเคราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ จงึ ไดก้ าหนดแนวดาเนนิ การเพอื่ ให้การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรประสบความสาเรจ็ ตามจุดมุ่งหมาย ดงั น้ี ๑. จดั ประสบการณ์การเรยี นรโู้ ดยยดึ หลกั การพัฒนาผูเ้ รยี นให้ถึงศักยภาพสงู สุด คือ ผ้เู รียนได้ พฒั นา ตนเอง ท้ังร่างกาย สตปิ ัญญา อารมณ์ และสังคม มคี วามร้สู ึกทีด่ เี ก่ยี วกบั ตนเอง ภาคภูมใิ จในผลการปฏบิ ัติ ๒. จัดประสบการณ์การเรยี นรโู้ ดยยึดชวี ิตจริงของผเู้ รียนเป็นหลกั เน้นใหผ้ เู้ รยี นมศี ักยภาพในการคิดเชงิ ระบบ และคิดอย่างมวี ิจารณญาณ มีรูปแบบการคดิ ของตนเอง คน้ พบตนเอง ๓. จัดประสบการณ์การเรียนรูโ้ ดยยึดหลักความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล และหลักการเรยี นรู้ในเชิงพหุ ปัญญา และใช้กระบวนการวิจัยในการแก้ปญั หาและพัฒนาผู้เรียน ๔. จดั ประสบการณโ์ ดยใช้คุณธรรมนาความรู้ บรู ณาการคุณธรรมในการจดั ประสบการณ์ทุกกล่มุ สาระ การเรยี นรู้ และทุกขน้ั ตอนในการจดั การเรียนรู้ ถือวา่ ครทู ุกคนมีหน้าทีพ่ ัฒนาผเู้ รยี นให้ประพฤติตนยึดหลัก คณุ ธรรม และพัฒนาตนให้มคี ่านิยมอันพึงประสงค์
๑๒๕ ๕. จดั บรรยากาศให้เอื้อตอ่ การแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง มีอิสระในการคดิ ได้ลงมือปฏบิ ัติจรงิ ครู พร้อมใหค้ าปรึกษา ให้กาลังใจ เสรมิ แรงใหผ้ เู้ รยี นมคี วามเช่ือม่นั ว่า ตนเองมีศกั ยภาพในการเรยี นรูใ้ นเชงิ พหุ ปญั ญา ไม่ด้านใดก็ด้านหน่งึ หรอื หลายด้านพร้อมกนั ๖. จดั ประสบการณก์ ารเรียนรใู้ หม้ ีความสมั พันธ์ เชอื่ มโยง หรอื บรู ณาการทง้ั ภายในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ และระหว่างกลมุ่ สาระการเรยี นร้ใู หม้ ากทส่ี ุด ๗. จัดประสบการณ์การเรียนรใู้ หย้ ดื หย่นุ ตามเหตุการณ์ และสภาพท้องถน่ิ โดยใช้แหลง่ การเรยี นรแู้ ละ ภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ ในการจดั การเรียนรตู้ ามความเหมาะสม ๘. จัดประสบการณ์การเรยี นรู้โดยมงุ่ เน้นกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการคิดอยา่ งมเี หตุผล และ สร้างสรรค์ กระบวนการกลุ่ม การจัดการเรยี นรทู้ ี่เน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ ผูเ้ รียนจะตอ้ งอาศยั กระบวนการเรยี นรูท้ ่หี ลากหลาย เปน็ เครือ่ งมือทจี่ ะนาพาตนเองไปสเู่ ปา้ หมายของหลกั สูตร กระบวนการเรียนร้ทู ่จี าเป็นสาหรบั ผเู้ รยี น อาทิ กระบวนการเรยี นรู้แบบบรู ณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแกป้ ัญหา กระบวนการเรยี นรู้ จากประสบการณ์จรงิ กระบวนการปฏิบัติ ลงมอื ทาจรงิ กระบวนการจัดการ กระบวนการวจิ ัย กระบวนการเรยี นรกู้ ารเรียนร้ขู องตนเอง กระบวนการพฒั นา ลักษณะนสิ ยั กระบวนการเหลา่ นเี้ ปน็ แนวทางในการจดั การเรียนรู้ทผ่ี ู้เรียนควรไดร้ ับการฝึกฝน พฒั นา เพราะจะ สามารถชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรียนรูไ้ ดด้ ี บรรลุเปา้ หมายของหลักสตู ร ดังน้นั ผูส้ อน จึงจาเปน็ ต้องศึกษาทาความ เข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่อื ใหส้ ามารถเลือกใชใ้ นการจดั กระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ผสู้ อนตอ้ งศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาใหเ้ ขา้ ใจถงึ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้วี ัด สมรรถนะสาคญั ของ ผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนร้ทู ่เี หมาะสมกบั ผูเ้ รียน แลว้ จงึ พิจารณาออกแบบการ จัดการเรียนรโู้ ดยเลือกใช้วธิ ีสอนและเทคนิคการสอน สือ่ /แหล่งเรียนรู้ การวดั และประเมินผล เพ่ือให้ผูเ้ รยี นได้ พฒั นาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเป้าหมายที่กาหนด ๑. บทบาทของผสู้ อนและผเู้ รยี น การจัดการเรียนรู้เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นมคี ณุ ภาพตามเป้าหมายของหลักสตู ร ทงั้ ผสู้ อนและผเู้ รียนควรมบี ทบาท ดังนี้ ๑.๑ บทบาทของผสู้ อน ๑) ศึกษาวเิ คราะหผ์ ู้เรยี นเป็นรายบคุ คล แลว้ นาขอ้ มูลมาใชใ้ นการวางแผน การจัดการเรยี นรู้ ท่ีทา้ ทายความสามารถของผู้เรยี น ๒) กาหนดเปา้ หมายทต่ี ้องการใหเ้ กิดข้นึ กบั ผู้เรยี น ด้านความร้แู ละทักษะ กระบวนการ ทเ่ี ป็นความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสัมพนั ธ์ รวมทง้ั คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรยี นรู้และจัดการเรยี นรูท้ ี่ตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและ พัฒนาการทางสมอง เพ่ือนาผู้เรยี นไปสู่เป้าหมาย ๔) จดั บรรยากาศทเี่ อือ้ ต่อการเรียนรู้ และดแู ลช่วยเหลือผ้เู รยี นให้เกิดการเรียนรู้ ๕) จดั เตรยี มและเลอื กใช้สอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั กจิ กรรม นาภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน ๖) ประเมินความก้าวหน้าของผเู้ รียนด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติของวชิ าและระดบั พัฒนาการของผเู้ รยี น
๑๒๖ ๗) วิเคราะห์ผลการประเมนิ มาใชใ้ นการซ่อมเสรมิ และพัฒนาผเู้ รยี น รวมท้งั ปรับปรงุ การจัดการเรียนการสอนของตนเอง ๑.๒ บทบาทของผเู้ รยี น ๑) กาหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรียนรูข้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถงึ แหล่งการเรยี นรู้ วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ ความรู้ ตั้งคาถาม คดิ หาคาตอบหรือหาแนวทางแกป้ ญั หาดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ ๒) ลงมือปฏิบัตจิ ริง สรปุ ส่งิ ที่ไดเ้ รยี นรู้ด้วยตนเอง และนาความรู้ไปประยกุ ตใ์ ช้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ๓) มีปฏสิ มั พนั ธ์ ทางาน ทากิจกรรมร่วมกับกลมุ่ และครู ๔) ประเมนิ และพฒั นากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอยา่ งต่อเนอ่ื ง การส่งเสรมิ การเรยี นรู้ ปัจจยั สาคัญทเ่ี ป็นสว่ นหน่ึงของการจัดการศกึ ษาให้มีคณุ ภาพ และประสบความสาเรจ็ ตามจุดมงุ่ หมาย ของหลักสูตร คือการพัฒนาระบบการส่งเสรมิ สนบั สนุน ของสถานศึกษาในด้านต่าง ๆ ที่จะเอ้อื ให้สามารถจดั การ เรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ สาหรบั แนวปฏบิ ตั ิในการสง่ เสริมการเรียนรู้ และสนบั สนุนการจดั กจิ กรรมการ เรียนการสอนของสถานศึกษา ได้กาหนดแนวในการส่งเสริมการเรยี นรู้ ดังต่อไปนี้ ๑. การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาให้เอื้อตอ่ การใช้หลกั สตู ร การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษา ใหเ้ อ้อื ตอ่ การใชห้ ลกั สูตรเปน็ หน้าท่โี ดยตรงของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาที่จะต้อง รว่ มมอื กัน โดยยดึ เปา้ หมาย หลักการ และจดุ เนน้ ตา่ ง ๆ ของหลกั สตู รเป็นหลกั ในการดาเนินการ ท้ังนี้เพ่อื ให้ ผู้เรยี นไดเ้ รยี นรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างเตม็ ศักยภาพ ๒. การจดั ให้มีแหล่งการเรียนรู้ ห้องสมดุ และมมุ หนังสือ หรือแหลง่ วชิ าที่จะให้ผเู้ รยี นได้ศกึ ษา คน้ คว้า หาความรดู้ ้วยตนเอง เพื่อเพิ่มพนู ประสบการณ์และความชานาญ โดยเฉพาะห้องสมุดเป็นแหลง่ การเรียนรู้ที่ สาคัญย่ิงเพราะเป็นแหลง่ ทีร่ วบรวมองค์ความรู้ท่ีเปน็ ประโยชน์กบั ผู้เรียนโดยตรง นอกจากน้ยี งั จดั ใหม้ ีแหล่งการ เรยี นรู้ในรูปของศนู ยก์ ารเรยี นรูแ้ บบพงึ่ พาตนเอง คอมพวิ เตอร์ ห้องปฏิบัตกิ ารทางภาษา หอ้ งปฏิบัตกิ ารทาง วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยตี ่าง ๆ ๓. การจดั ให้มบี รเิ วณสาหรับใหผ้ ู้เรยี นได้ฝึกปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในกลมุ่ สาระการเรียนรูต้ ่าง ๆ เพื่อให้ผูเ้ รียน ไดเ้ รยี นรู้จากประสบการณจ์ รงิ ได้คดิ ได้ทา ได้แสดงออก ได้เรยี นร้เู อง และคน้ พบความรูด้ ว้ ยตนเองตาม ศักยภาพของนักเรียนแตล่ ะคน ๔. การจดั ใหม้ ีแหล่งการเรียนร้ใู นทอ้ งถนิ่ และการใช้ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น การจดั การเรยี นรู้ตามหลกั สูตร เนน้ การเรยี นร้จู ากแหล่งการเรยี นรทู้ ้ังในและนอกห้องเรยี น ท้งั น้ีเพ่ือผู้เรยี นจะได้มีโอกาสท่ีจะสมั ผัสกบั ชวี ติ จรงิ นอกห้องเรียนหรอื นอกโรงเรียน ได้พบปะกับผู้คน ผรู้ ู้ ภูมปิ ัญญาของท้องถ่ินเพื่อจะไดเ้ รียนรสู้ ง่ิ ตา่ ง ๆ มากข้นึ มี ประสบการณ์กวา้ งขวางข้ึน เรยี นรู้ไดท้ ุกเวลาและทุกสถานท่ีไมจ่ ากดั วา่ จะต้องเรียนรู้จากผู้สอนในสถานศกึ ษา เท่าน้นั ๕. การวจิ ัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพ การวิจยั เป็นกระบวนการท่คี วบคกู่ ับกระบวนการเรียนรู้ และ กระบวนการทางานของผู้ท่ีเก่ียวข้องกบั การศึกษา ซงึ่ เป็นกลไกทน่ี าไปสู่สงั คมแหง่ ภูมปิ ัญญาและการเรียนรู้ ดงั นนั้ ในการจดั การเรยี นรู้ ผสู้ อนตอ้ งนากระบวนการวิจยั มาผสมผสานหรือบรู ณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพของ ผเู้ รยี น และสามารถใช้กระบวนการการวจิ ัยเปน็ สว่ นหนึ่งของกระบวนการเรยี นรู้ นอกจากนี้ผลการวิจัยยงั เปน็ ประโยชน์ตอ่ การแกป้ ญั หาหรือพฒั นาคณุ ภาพของผ้เู รียนได้เปน็ อย่างดี
๑๒๗ ๖. การจัดเครือข่ายวชิ าการ ผู้สอนนบั ว่ามสี ่วนสาคัญท่ีจะทาให้การจดั การเรียนร้ปู ระสบผลสาเรจ็ สถานศกึ ษาจงึ จัดให้มเี ครือข่ายเช่ือมโยงกบั สถานศึกษาอืน่ ซึง่ เปน็ สถานศึกษาในโครงการโรงเรยี นเครอื ข่ายการใช้ หลกั สูตรสถานศกึ ษาของจังหวัดชลบุรี ทัง้ นเ้ี พื่อใหผ้ สู้ อนไดแ้ ลกเปลีย่ นเรยี นรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการ จัดการเรียนรซู้ ่ึงกันและกนั ทาใหไ้ ด้รบั ความรู้ และแนวคิดใหม่ ๆ ท่ีหลากหลาย และกว้างขวาง ทีส่ ามารถนาไป พัฒนาการจดั การเรียนการสอนได้อย่างมคี ุณภาพ นอกจากนีย้ งั ส่งเสริม และสนับสนุนให้มกี ารแลกเปลยี่ นเรียนรู้ ทางวิชาการ จากผู้สอนในสถานศกึ ษาเดียวกัน และสถานศึกษาอ่ืน ๆ ตลอดจนชมรมวชิ าการตา่ ง ๆ เพ่ือให้ผสู้ อน ไดร้ ับการพฒั นาตนเองอย่างสม่าเสมอ
๑๒๘ ระเบยี บโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ วา่ ดว้ ยการประเมนิ ผลการเรยี นตามหลกั สตู รโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ……………………………… โดยที่โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ได้ประกาศใช้หลักสตู รสถานศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ. ๒๙๓ / ๒๕๕๑ ลงวนั ท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เรือ่ ง ให้ใช้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และกระจายอานาจใหส้ ถานศึกษากาหนดหลักสตู ร สถานศึกษาขึ้นใช้เอง เพ่ือให้สอดคล้องกบั คาสง่ั ดงั กลา่ ว ฉะน้ัน อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๒๑ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบยี บบริหาร ราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖ และคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ จึงวางระเบียบไวด้ งั ตอ่ ไปนี้ ขอ้ ๑ ระเบียบนี้เรียกวา่ “ระเบยี บสถานศกึ ษาว่าดว้ ยการประเมินผลการเรยี นตามหลักสตู รแกนกลาง การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑” ขอ้ ๒ ระเบียบนใ้ี หใ้ ชบ้ งั คับตง้ั แต่ปีการศึกษา ๒๕๕๗ เป็นตน้ ไป ข้อ ๓ ให้ยกเลกิ ระเบียบข้อบงั คบั หรอื คาส่ังอื่นใดในส่วนทีก่ าหนดไวใ้ นระเบยี บนหี้ รือซ่ึงขดั หรือแย้งกับ ระเบียบนี้ ให้ใชร้ ะเบียบน้ีแทน ขอ้ ๔ ระเบียบนีใ้ หใ้ ชค้ วบคู่กบั หลกั สูตรสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “หลกั สูตร” หมายถึง หลกั สูตรการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ “โรงเรยี น” หมายถงึ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ “ผ้อู านวยการโรงเรยี น” หมายถึง ผูอ้ านวยการสถานศึกษา โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ “ครู” หมายถึง ครู ผปู้ ฏบิ ัติการสอนในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ “นกั เรียน” หมายถงึ นกั เรียนโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ถึงช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ ขอ้ ๖ ให้ผ้อู านวยการโรงเรียนรักษาการให้เปน็ ไปตามระเบยี บน้ี
๑๒๙ หมวดท่ี ๑ หลกั การในการวดั และประเมนิ ผลการเรยี น ข้อ ๗ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นใหเ้ ปน็ ไปตามหลักการดงั นี้ ๗.๑ ทกุ ระดับชน้ั ตง้ั แตช่ ัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ถงึ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ มกี ารวดั และประเมนิ ผล ตัดสนิ ผลการเรยี นตามรายวิชาเปน็ รายปี สว่ นระดบั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ – ๖ มกี ารวัดและประเมินผล ตดั สินผล การเรยี นตามรายวชิ าเปน็ รายภาค ๗.๒ โรงเรียนมีหนา้ ที่วดั และประเมินผลการเรียนให้สอดคล้องกบั วธิ ีการวัดและประเมนิ ผลการ เรยี น ๗.๓ การวัดและประเมินผลการเรยี น ตอ้ งสอดคลอ้ งและครอบคลมุ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชว้ี ัด ท่กี าหนดในหลักสตู รแกนกลางฯ ๗.๔การวัดผลและประเมินผลการเรียน เปน็ สว่ นหนง่ึ ของกระบวนการเรยี นการสอน ต้อง ดาเนนิ การดว้ ยวิธกี ารท่ีหลากหลาย เหมาะสม ตามสภาพจรงิ ธรรมชาตวิ ชิ า และระดับช้นั ของนกั เรียน ๗.๕ วัดและประเมนิ ผล ทง้ั เพอื่ ปรบั ปรุงการเรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรยี น ๗.๖ ให้มกี ารวัดและประเมนิ ความรคู้ วามสามารถของนักเรยี นด้านการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และ เขียนส่อื ความในทุกกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ๗.๗ ใหม้ ีการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๗.๘ ใหม้ กี ารวัดและประเมนิ ผลคุณภาพนักเรยี น ทั้งระดบั ชัน้ เรยี นและระดับ สถานศึกษาในแต่ละชน้ั ปี ๗.๙ ให้นกั เรยี นที่กาลงั ศึกษาในชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เข้า รับการประเมินคณุ ภาพระดับต่าง ๆ ตามทโ่ี รงเรยี น สานกั งานเขตพืน้ ที่ หรือกระทรวงศึกษาธิการกาหนด ๗.๑๐ ให้มกี ารเทยี บโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและรปู แบบการศกึ ษาตา่ งๆ หมวดท่ี ๒ วธิ กี ารวดั และประเมินผลการเรยี น การตดั สนิ ผลการเรยี น ข้อ ๘ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น การตัดสินผลการเรียนนี้ เป็นการประเมินผลระดบั ช้ันเรียน ปฏิบตั ิดังนี้ ๘.๑ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๘.๑.๑ กอ่ นการเรยี น ครูแจ้งให้นักเรยี นทราบถงึ วิธกี ารวดั และประเมินผล ตัวชวี้ ัด การ ประเมนิ การอ่าน คิด วิเคราะห์ เขยี นสือ่ ความ การประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เกณฑ์การประเมิน และการตัดสินผลการเรียน ๘.๑.๒ ครูประเมนิ ความรู้พ้ืนฐานของนักเรียน กอ่ นการเรียนการสอนสาระการเรยี นรตู้ ่างๆ ๘.๑.๓ ครูวดั และประเมินผลการเรยี นเพื่อศึกษาผลการเรียน เพื่อจดั การสอนซ่อมเสรมิ และประเมินผลตามตัวช้ีวดั เพื่อตัดสนิ ผลการเรียน ดงั น้ี ๘.๑.๓.๑ วดั และประเมินผลการเรียนตามตวั ชวี้ ดั ของแต่ละสาระการเรยี นรู้ ทีก่ าหนดในหลกั สตู ร ๘.๑.๓.๒ วัดและประเมนิ ผลการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนสอ่ื ความ ที่ สอดคล้องกบั ตัวช้วี ัดของแต่ละสาระการเรียนรู้
๑๓๐ ๘.๑.๓.๓วดั และประเมินผลคุณลักษณ์อันพึงประสงค์ของแตล่ ะสาระการเรียนรู้ที่ กาหนดในหลกั สูตร ๘.๑.๔ ครวู ดั และประเมนิ ผลการเรียนได้ตลอดในขณะเวลาที่เรยี น ตามตวั ชี้วดั ท่กี าหนด โดยประเมนิ ในรูปเกณฑ์คณุ ภาพ ๘ ระดบั โดยใช้สัญลกั ษณ์เปน็ เลขฮนิ ดูอารบิกหรืออยู่ในดลุ ยพินิจของครูผสู้ อน ดังน้ี ผลการประเมนิ “๔” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “ดีเย่ียม หรอื มผี ล การวัดตั้งแตร่ ้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ผลการประเมนิ “๓.๕” หมายถงึ เกณฑ์คุณภาพ “ดีมาก” หรือมผี ลการวดั ต้ังแต่ร้อยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมนิ “๓” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “ดี” หรอื มีผลการวัด ตั้งแต่ร้อยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมิน “๒.๕” หมายถงึ เกณฑ์คุณภาพ “คอ่ นขา้ งดี” หรือมีผลการวดั ตั้งแต่รอ้ ยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมิน “๒” หมายถึงเกณฑค์ ณุ ภาพ “นา่ พอใจ” หรือมผี ลการวัด ตง้ั แต่รอ้ ยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมิน “๑.๕” หมายถงึ เกณฑ์คุณภาพ “พอใช้” หรือมผี ล การวัดตั้งแตร่ ้อยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมิน “ ๑” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ผ่านเกณฑ์ขัน้ ตา่ ” หรือมีผลการวดั ตงั้ แต่ร้อยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมิน “๐” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ตา่ กวา่ เกณฑ”์ หรือมีผลการวัด ตา่ กวา่ ร้อยละ ๕๐ ๘.๑.๕ การตดั สนิ ผลการเรยี น ผลการประเมนิ การเรยี นรขู้ องสาระการเรยี นรนู้ นั้ ๆ เปรยี บเทียบตวั เลขแสดงความหมายระดบั ผลการเรยี นแตล่ ะรายวิชา โดยใชส้ ญั ลกั ษณเ์ ป็นเลขฮินดูอารบิก ดังนี้ ผลการประเมนิ “๔” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “ดเี ยี่ยม หรือมผี ล การวัดต้ังแตร่ ้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดีมาก” หรือมีผลการวดั ต้ังแตร่ อ้ ยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมิน “๓” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ด”ี หรือมผี ลการวัด ตั้งแตร่ ้อยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมิน “๒.๕” หมายถงึ เกณฑ์คุณภาพ “ค่อนขา้ งดี” หรอื มีผลการวัด ตงั้ แต่รอ้ ยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมิน “๒” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “น่าพอใจ” หรอื มผี ลการวดั ตง้ั แต่รอ้ ยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมนิ “๑.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “พอใช้” หรือมีผล การวดั ตง้ั แตร่ ้อยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมนิ “ ๑” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ผ่านเกณฑ์ขน้ั ต่า” หรือมีผลการวัดต้งั แต่ร้อยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมนิ “๐” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “ต่ากวา่ เกณฑ”์ หรอื มีผลการวัด ต่ากวา่ ร้อยละ ๕๐
๑๓๑ ๘.๑.๖ การประเมนิ ผลการเรยี นเพอ่ื ตัดสินผลการเรียน ใช้เฉพาะนักเรียนผ้ทู ม่ี ีเวลาเรียน ตลอดปีไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนรายวชิ านั้น ๘.๑.๗ นักเรยี นท่มี ีเวลาเรียนไมถ่ งึ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นในวิชานั้น โรงเรียน แต่งตง้ั คณะกรรมการประกอบด้วยผู้บรหิ ารสถานศึกษา หวั หนา้ กลุ่มงานวิชาการ ครูประจาชั้น ครผู ู้สอน และผปู้ กครอง พจิ ารณาให้มีโอกาสซ่อมเสรมิ เวลาเรยี น ปรับปรุงแก้ไขการเรียน แลว้ ประเมินผลใหม่ ภายใน ๙๐ วนั ของปกี ารศกึ ษาถดั มา หากระยะเวลาเกนิ กวา่ ที่กาหนด ให้เรยี นซา้ ในรายวิชาน้นั ๘.๑.๘ นักเรียนที่มีผลการเรียนเฉลยี่ ของปี ต่ากวา่ “๑” หรอื มผี ลการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ เขยี นสือ่ ความไม่ผ่านเกณฑ์ หรือ มผี ลการประเมินคณุ ลักษณะพงึ ประสงค์ ไมผ่ ่านเกณฑ์ หรือมผี ลการ ประเมินกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นไมผ่ ่านเกณฑ์ หรือไมเ่ อาใจใสใ่ นการเรียน คณะกรรมการ ตามขอ้ ๘.๑.๗ เห็นวา่ ควรเรยี นซ้าชั้น ใหม้ ีการเรยี นซ้าช้ันในปถี ัดมา ๘.๑.๙ นักเรยี นทม่ี ีการทจุ ริตในการสอบหรือทจุ รติ ในงานทม่ี อบหมายใหไ้ ดค้ ะแนน ๐หรอื มผี ลการประเมิน “ตก”ในการประเมนิ ครง้ั น้ัน ข้อ ๙ การประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นส่อื ความ ในระดบั สถานศกึ ษา เพ่ือ ปรับปรุงพัฒนา และจบช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖โดยปฏิบตั ดิ งั นี้ ๙.๑ โรงเรียนแตง่ ตงั้ คณะกรรมการประเมนิ การอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียนส่ือความขน้ึ คณะ หน่งึ ในแตล่ ะปีการศึกษา ๙.๒ คณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียนส่ือความกาหนดแนวทาง วิธีการประเมินและเกณฑก์ ารตดั สิน ตามท่หี ลกั สูตรกาหนด ๙.๓ มกี ารประเมินเป็นรายปี เพ่ือปรบั ปรุงและพัฒนาในปีท่ี ๑-๕ การตดั สนิ จบชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ใหถ้ ือผลการประเมนิ ปลายปขี องปีท่ี ๖ ๙.๔ ประเมินนักเรียนเปน็ รายบคุ คลตามมาตรฐานการเรยี นร้แู ละเกณฑท์ ่ีกาหนด ๙.๕ นกั เรียนท่ีผ่านเกณฑ์การประเมิน ตดั สิน “ดี หรือ ดเี ยย่ี ม” แล้วแต่กรณี ๙.๖ นกั เรยี นที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตัดสิน “ปรบั ปรุง” ๙.๗ นกั เรยี นทไ่ี ดร้ บั การตดั สิน “ปรับปรุง” ตอ้ งดาเนินการซ่อมเสริมปรับปรุง แก้ไข ตาม แนวทางทคี่ ณะกรรมการกาหนด และมีการประเมินใหม่ ๙.๘ นกั เรยี นทีไ่ ดร้ ับการตัดสิน “ปรบั ปรุง” และมีการประเมินใหม่แล้วผา่ นเกณฑก์ าร ประเมิน ตัดสนิ “ผา่ น” ๙.๙ นกั เรยี นทไ่ี ด้รับการตดั สิน “ดี หรือ ดเี ยี่ยม หรือ ผา่ น” มสี ิทธิได้รบั การพิจารณาการจบ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ ขอ้ ๑๐ การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของโรงเรียน การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียน ระดับสถานศึกษา เพ่ือ ปรับปรงุ พฒั นา และจบชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ และชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ โดยปฏิบัตดิ ังนี้ ๑๐.๑ โรงเรยี นแต่งต้งั คณะกรรมการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของ โรงเรียนขึน้ คณะ หนง่ึ ในแตล่ ะปีการศึกษา ๑๐.๒ คณะกรรมการประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องโรงเรยี น กาหนดแนวทาง วิธีการประเมิน และเกณฑก์ ารตัดสินตามทห่ี ลกั สตู รกาหนด ๑๐.๓ มีการประเมินเปน็ รายปี เพื่อปรับปรุงและพัฒนาในปที ่ี ๑-๕ การตัดสินจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ ใหถ้ ือผลการประเมนิ ปลายปีของปีท่ี ๖ สาหรบั มธั ยมศึกษามีการประเมนิ ผลเปน็ รายภาค ๑๐.๔ ประเมนิ นักเรยี นเป็นรายบคุ คล ตามมาตรฐาน และเกณฑ์ทีก่ าหนดในหลักสตู ร ๑๐.๕ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมิน ตดั สิน “ดี หรอื ดเี ยีย่ ม” แลว้ แต่กรณี
๑๓๒ ๑๐.๖ นกั เรยี นไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตดั สิน “ปรับปรงุ ” ๑๐.๗ นักเรียนท่ไี ดร้ บั การตัดสนิ “ปรับปรุง” ต้องดาเนินการปรับปรงุ ซ่อมเสริมแก้ไข ตาม แนวทางทคี่ ณะกรรมการกาหนดและมีการประเมนิ ใหม่ ๑๐.๘ นักเรียนทไ่ี ด้รับการตัดสนิ “ปรับปรงุ ” และได้รับการประเมินใหม่แลว้ ผา่ นเกณฑ์การ ประเมิน ตดั สิน “ผ่าน” ๑๐.๙ นักเรียนท่ีไดร้ ับการตดั สนิ “ดี หรอื ดเี ยยี่ ม หรอื ผา่ น” มสี ิทธิได้รบั การพิจารณาจบชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ข้อ ๑๑ การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น การประเมินกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ระดับสถานศึกษา โดยปฏิบัติดงั นี้ ๑๑.๑ โรงเรยี นแต่งต้งั คณะกรรมการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนของ โรงเรยี น ข้นึ คณะหน่งึ ในแต่ละปีการศึกษา ๑๑.๒ คณะกรรมการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียนของโรงเรียน กาหนดแนว ทางวิธีการประเมิน และเกณฑก์ ารตัดสนิ ตามทห่ี ลักสตู รกาหนด ๑๑.๓ นกั เรียน ต้องเขา้ ร่วมกิจกรรม ๓ กลุม่ ดังน้ี ๑๑.๓.๑ กิจกรรมแนะแนว เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง/สปั ดาห์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตท้ังด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้ อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่ ผู้ปกครองในการมีสว่ นร่วมพฒั นาผูเ้ รยี น ๑๑.๓.๒ กจิ กรรมนกั เรยี น เวลาเรยี น ๑ ชัว่ โมง/สัปดาห์ เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นาผู้ตามท่ีดี ความ รบั ผิดชอบ การทางานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอือ้ อาทร และสมานฉันท์ โดยจดั ให้สอดคลอ้ งกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผ้เู รียน ใหไ้ ด้ปฏบิ ัติ ดว้ ยตนเองในทกุ ข้ันตอน ไดแ้ ก่ การศกึ ษาวิเคราะห์วางแผน ปฏบิ ัตติ ามแผน ประเมนิ และปรับปรุงการทางาน เน้น การทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บรบิ ทของสถานศึกษาและ ทอ้ งถิ่น กิจกรรมนกั เรียนประกอบดว้ ย ก. กจิ กรรมลกู เสอื เนตรนารีหรอื ยุวกาชาด หรือผู้บาเพญ็ ประโยชน์ ข. กิจกรรมชมุ นมุ ชมรม ๑๑.๓.๓ กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ เวลาเรยี น ช้ันปลี ะ ๑๐ ชั่วโมง เปน็ กิจกรรมท่ีสง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียนบาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สังคม ชมุ ชน และ ท้องถ่ินตามความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพ่ือแสดงถึงความรับผดิ ชอบ ความดีงาม ความเสยี สละต่อสงั คม มีจิตสาธารณะ เชน่ กิจกรรมอาสาพัฒนาตา่ ง ๆ กจิ กรรมสรา้ งสรรคส์ งั คม ๑๑.๔ ครผู ูร้ ับผดิ ชอบกิจกรรมแนะแนว เปน็ ผู้ประเมนิ และตัดสินผลกจิ กรรม แนะแนว
๑๓๓ ๑๑.๕ ครูผบู้ งั คับบัญชาในกจิ กรรมลกู เสือเนตรนารี ยุวกาชาด หรือ ผบู้ าเพ็ญ ประโยชน์ เป็นผ้ปู ระเมนิ และตดั สินผลการพัฒนาผู้เรยี นในกิจกรรมลูกเสือเนตรนารี ยวุ กาชาด หรือผบู้ าเพ็ญ ประโยชนต์ ามแตก่ รณี ครทู ่ีปรึกษาในกจิ กรรมชุมนุม หรือชมรมเป็นผ้กู าหนดกิจกรรม และประเมิน ผ้เู รยี นใน กิจกรรมนั้น โดยนาผลการประเมนิ ทั้ง ๒ กิจกรรม มาประเมินตดั สนิ ร่วมกัน ๑๑.๖ ครูผ้รู บั ผิดชอบ กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชนเ์ ปน็ ผู้ประเมนิ และ ตัดสนิ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑๑.๗ นกั เรยี นท่ีมเี วลาเข้ารว่ มกิจกรรมไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาร่วม กจิ กรรมรายปี และผ่านจดุ ประสงคส์ าคัญของกิจกรรม มผี ลการประเมินและตัดสนิ “ผา่ น” ๑๑.๘ นักเรียนท่ีมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมน้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลารว่ ม กจิ กรรมรายปี หรือไม่ผา่ นจดุ ประสงคส์ าคัญของกจิ กรรม มีผลการประเมินและตดั สิน “ไม่ผ่าน” ๑๑.๙ นกั เรียนทไ่ี ด้รบั การตัดสนิ “ไมผ่ ่าน” ต้องดาเนนิ การปรบั ปรุง ซอ่ มเสริม แก้ไข ตามแนวทางท่คี รูปรกึ ษาหรอื บังคบั บัญชากาหนดและมกี ารประเมนิ ใหม่ ๑๑.๑๐ นักเรยี นท่ีไดร้ บั การตดั สิน “ไมผ่ า่ น” และไดร้ ับการประเมนิ ใหมแ่ ล้วผา่ นเกณฑ์ การประเมิน ตัดสนิ “ผ่าน” ๑๑.๑๑ นักเรียนท่ีไดร้ ับการตัดสนิ “ผา่ น” ทุกกจิ กรรมได้รับสิทธพิ ิจารณาจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ หมวดท่ี ๓ เกณฑ์การจบหลักสตู ร ขอ้ ๑๒ นกั เรยี นจะไดร้ ับการพิจารณาอนุมัติใหจ้ บช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ และช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ ตอ้ งมีคณุ สมบัติครบถ้วนทุกข้อดงั นี้ ๑๒.๑ ตอ้ งมีเวลาเรยี นไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทง้ั หมด ๑๒.๒ ตอ้ งไดร้ ับการประเมินทุกตัวชวี้ ัด และมผี ลการประเมินแต่ละกลุ่มสาระการเรยี นรไู้ ม่ ต่ากว่า ระดับผลการเรียน ๑ ๑๒.๓ ตอ้ งไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรยี นทกุ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ๑๒.๔ ต้องไดร้ ับการประเมิน และมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทโี่ รงเรียนกาหนด ใน ๓ ดา้ นดงั น้ี ๑๒.๔.๑ การอา่ น คิดวิเคราะห์และเขียน ๑๒.๔.๒ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑๒.๔.๓ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน ขอ้ ๑๓ ผู้อานวยการโรงเรยี นเปน็ ผูอ้ นุมตั ผิ ลการเรยี นและการจบหลักสตู ร
๑๓๔ หมวดที่ ๔ การเทยี บโอนผลการเรยี น ขอ้ ๑๔ โรงเรยี นจะรบั เทยี บโอนผลการเรยี น ซ่งึ เป็นความรู้ ทกั ษะ และประสบการณข์ องผเู้ รยี น ที่ เกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มาประเมนิ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของ การศึกษา ตามหลักสตู รของโรงเรยี นตามแนวปฏบิ ตั ิต่อไปน้ี ๑๔.๑ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ๑๔.๑.๑ โรงเรยี นแต่งตั้งคณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรยี นขนึ้ คณะหนึง่ มี จานวนไม่น้อยกว่า ๓ คน แต่ไมเ่ กิน ๕ คน ประกอบดว้ ยหวั หน้ากลุม่ วิชาการเปน็ ประธานกรรมการ ๑ คน ครู ประจาช้ัน เป็นกรรมการและเลขานกุ าร ๑ คน และครใู นโรงเรียนผมู้ คี วามรู้ประสบการณ์ในสาขาวิชาการศึกษา รวมไม่เกนิ ๓ คน เปน็ กรรมการ ๑๔.๒ วธิ ดี าเนินการเทียบโอนผลการเรยี น ๑๔.๒.๑ ผู้ขอเทยี บโอนผลการเรียน ตอ้ งขนึ้ ทะเบียนเป็นนักเรียนของโรงเรยี นราช ประชานเุ คราะห์ ๓๑ และโรงเรยี นต้องดาเนินการเทียบโอนในภาคเรียนแรกท่ขี อขนึ้ ทะเบียน ๑๔.๒.๒ คณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรียน ต้องพจิ ารณาจากสาระการเรียนรู้/ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ดั ความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ของผเู้ ทียบโอน โดยเทยี บเคยี งกบั โครงสร้างหลกั สูตร สาระการเรยี นรู้และมาตรฐานของโรงเรียน โดยมผี ลการพิจารณาแล้วสอดคล้องกบั โครงสรา้ งหลกั สตู ร สาระการ เรียนรู้และมาตรฐานของโรงเรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ๑๔.๒.๓ การเทยี บโอนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ใหพ้ จิ ารณาจากเอกสาร หลกั ฐาน (ถ้ามี) โดยใหม้ ีการประเมนิ ดว้ ยเครื่องมือท่ีหลากหลาย และใหไ้ ดร้ ะดับผลการเรียนตามเกณฑ์การ ประเมนิ ผลการเรยี นของหลักสตู รโรงเรยี น ๑๔.๒.๔ จานวนกลุ่มวิชา รายวชิ า ท่จี ะรบั เทยี บโอนและอายขุ องผลการเรยี นที่จะ นามาเทียบโอนใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของคณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวิชาการ ทั้งน้ี เม่ือเทยี บโอนแล้วผู้ขอ เทียบโอนตอ้ งมีเวลาเรยี นในโรงเรียนไมน่ ้อยกว่า ๑ ภาคเรียน ๑๔.๒.๕ ผลการพิจารณาและตดั สนิ ของคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ให้เสนอ คณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและงานวิชาการพจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบแลว้ เสนอผู้อานวยการพจิ ารณาตาม เกณฑ์กาหนด คือ มผี ลการเรียนเทียบโอนสอดคลอ้ งกบั หลักสตู รของโรงเรียนมากกว่ารอ้ ยละ ๖๐ พจิ ารณาอนุมัติ ผลการเรียนเทียบโอนสอดคล้องกบั หลักสูตรของโรงเรียนน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ พิจารณาไมอ่ นมุ ตั ิ ๑๔.๒.๖ การกาหนดรายละเอียดวธิ ีการและหลักการเทยี บโอนให้เป็นไปอย่าง สอดคลอ้ งกบั กฎกระทรวงและระเบยี บทก่ี ระทรวงศึกษาธกิ ารกาหนด
๑๓๕ หมวดที่ ๖ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา ข้อ ๑๕ โรงเรยี นจดั ใหม้ เี อกสารการประเมนิ ผลการเรยี นตา่ ง ๆ ดังนี้ ๑๕.๑ ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ. ๑) ๑๕.๒ หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ประกาศนียบัตร) (ปพ. ๒) ๑๕.๓ แบบรายงานผู้สาเรจ็ การศึกษา (ปพ. ๓) ๑๕.๔ แบบแสดงผลการพฒั นาคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์(ปพ. ๔) ๑๕.๕ แบบบนั ทึกผลการพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน(ปพ.๕) ๑๕.๖ แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล(ปพ. ๖) ๑๕.๗ ใบรบั รองผลการศึกษา(ปพ. ๗) ๑๕.๘ ระเบียนสะสม(ปพ. ๘) ๑๕.๙ สมุด/คมู่ ือหลักสูตรโรงเรียน(ปพ. ๙) เอกสาร ปพ. ๑ ปพ. ๒ ปพ. ๓ ใหใ้ ช้รูปแบบทก่ี ระทรวงศึกษาธิการกาหนด ขอ้ ๑๖ โรงเรยี นอาจจดั ใหม้ เี อกสารอนื่ ๆ เพ่ือเป็นหลกั ฐานการศึกษาเพิ่มเติม ตามนโยบายและความ เหมาะสมกบั สถานการณ์ หรือบรู ณาการเอกสารท่ีโรงเรียนจัดทาตามสภาพความเหมาะสม หมวดที่ ๗ การปรบั ปรงุ และพฒั นาระเบยี บ ข้อ ๑๗ ใหค้ ณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและงานวชิ าการ พจิ ารณาเสนอข้อมลู มติ เพ่ือปรบั ปรงุ และ พัฒนาระเบยี บนี้ต่อผู้อานวยการโรงเรียนพจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบ ข้อ ๑๘ การใชร้ ะเบียบ ระเบียบน้ีมผี ลบงั คบั ใช้ ตงั้ แต่วนั ที่ ผ้อู านวยการโรงเรียน ลงนามประกาศเปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผูอ้ านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑
๑๓๖ การบรหิ ารจดั การหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ การบรหิ ารจดั การหลักสตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ กระบวนการในการบริหารจดั การนาหลักสตู รไปใชถ้ ือว่าเป็นปัจจยั ทสี่ าคญั เป็นอยา่ งมากท่ีจะช่วย สนับสนนุ สง่ เสรมิ ใหก้ ารใชห้ ลักสตู รของสถานศึกษาบรรลุผลสงู สุด ดงั นั้นสถานศึกษาจึงได้กาหนดแผนการ บริหารจัดการหลักสูตรของสถานศกึ ษาข้นึ เพ่ือให้ผทู้ ี่มสี ่วนเกยี่ วขอ้ งกบั การจัดการศึกษาของสถานศึกษาในทุก ๆ สว่ น และทุกระดับ เกิดความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั จุดหมายของหลักสตู ร การพัฒนาการเรียนการสอน การนเิ ทศ การศึกษา การบรหิ ารหลักสูตร การประเมินผล และแนวปฏบิ ัติของสถานศึกษาที่จะต้องดาเนนิ การใหส้ อดคลอ้ ง และเหมาะสมกบั สภาพความตอ้ งการของหลกั สตู รสถานศึกษา สาหรับการบริหารจัดการหลักสูตรของสถานศึกษา โรงเรยี นพฒั นาการศึกษา กาหนดแนวทางการบริหารจดั การไว้ ๓ ขั้นตอน ๙ ภารกิจ ดังนี้ ๑. แนวทางการบรหิ ารจดั การด้านวชิ าการ ขนั้ ตอนที่ ๑ การเตรยี มความพร้อมของสถานศกึ ษา ภารกจิ ที่ ๑ การเตรยี มความพร้อมของสถานศกึ ษา ๑.๑ สร้างความตระหนักให้แก่บุคลากร ซ่ึงประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหาร ผู้สอน ผู้ปกครอง ชุมชน นักเรียน ท้ังน้ีเพื่อให้เห็นความสาคัญ ความจาเป็นท่ีจะต้องร่วมมือกันบริหารจัดการ หลกั สูตรสถานศึกษาของสถานศกึ ษา ๑.๒ แต่งต้ังคณ ะกรรมการ และคณ ะอนุกรรมการของสถานศึกษาตามระเบียบของ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารว่าดว้ ยคณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและงานวิชาการสถานศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พ. ศ. ๒๕๕๒ ๑.๓ ประชาสัมพันธใ์ ห้นักเรียน ผูป้ กครอง ชุมชน หน่วยงาน องค์กรในชมุ ชนทกุ ฝ่าย ไดร้ ับทราบ และความรว่ มมอื ในการบริหารจดั การหลกั สูตรของสถานศึกษา ๑.๔ จัดทาขอ้ มลู สารสนเทศของสถานศกึ ษาอย่างเป็นระบบ ๑.๕ จดั ทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ๑.๖ พัฒนาบุคลากรของสถานศึกษาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนาความรู้ไปใช้ในการ จัดทาสาระของหลักสตู รสถานศกึ ษา ข้นั ตอนที่ ๒ การดาเนนิ การจดั ทาสาระของหลกั สูตรสถานศกึ ษา ภารกิจท่ี ๒ จัดทาสาระของหลักสตู รสถานศกึ ษา ๒.๑ ศึกษาวิเคราะหข์ อ้ มลู ท่ีเกีย่ วขอ้ ง ๒.๒ กาหนดปรัชญา และเปา้ หมายของการจัดการศึกษาของสถานศกึ ษา ๒.๓ กาหนดโครงสร้างของหลักสตู รแตล่ ะรายชั้น และจัดสดั ส่วนเวลาเรียน ๒.๔ กาหนดตัวชวี้ ัด และสาระการเรียนรูข้ องกลมุ่ วชิ า ๒.๕ กาหนดสาระและกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ๒.๖ กาหนดส่อื การเรยี นรู้ ๒.๗ กาหนดการวดั และประเมนิ ผล ภารกจิ ที่ ๓ การวางแผนบรหิ ารจัดการหลกั สตู รสถานศกึ ษา ๓.๑ การบรหิ ารการจดั การกจิ กรรมการเรียนรู้ ๓.๒ การบรหิ ารการจดั การกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ๓.๓ การสง่ เสริมและสนับสนนุ การจดั การกจิ กรรมการเรยี นรู้ และกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน
๑๓๗ ภารกจิ ท่ี ๔ ปฏิบัติการบริหารจดั การหลักสตู รสถานศึกษา ดาเนนิ การบรหิ ารจัดการหลักสตู รตามภารกิจที่ ๒ และภารกิจที่ ๓ ที่กาหนดไว้ ขั้นตอนท่ี ๓ การนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล และรายงาน ภารกิจที่ ๕ การนิเทศ กากับ ติดตาม ประเมนิ ผล ๕.๑ การนเิ ทศ กากบั ตดิ ตาม ประเมนิ ผลการบรหิ ารหลักสตู ร และงานวิชาการภายในสถานศกึ ษา ๕.๒ การนิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผลการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการจากภายนอก สถานศึกษา ภารกิจท่ี ๖ สรุปผลการดาเนินการบรหิ ารจดั การหลักสตู รของสถานศึกษา ๖.๑ สถานศึกษาสรุปผลการดาเนนิ การ และเขยี นรายงาน ๖.๒ สรุปผลการดาเนินงานรปู แบบบรหิ ารจัดการหลกั สตู รสถานศกึ ษา ภารกจิ ที่ ๗ ปรับปรุง และพัฒนากระบวนการบริหารจัดการหลักสตู ร ๗.๑ สถานศึกษานาผลการดาเนินการ ปัญหา และข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานใน การวางแผนปรบั ปรงุ และพฒั นากระบวนการบริหารจัดการหลักสูตรของสถานศกึ ษา ๗.๒ สถานศึกษาดาเนินการปรับปรุง และพัฒนากระบวนการบริหารจัดการหลักสูตร เพ่ือให้เกิด ประโยชนม์ ากขนึ้ ขน้ั ตอนท่ี ๔ การบรหิ ารทวั่ ไปตรยี มความพรอ้ มของสถานศกึ ษา ภารกจิ ท่ี ๘ การสนับสนนุ กระบวนการบริหารจัดการหลักสูตร เปน็ ภารกจิ การสนับสนุนการบรหิ ารงานวชิ าการของโรงเรยี น ให้มีประสทิ ธิภาพสูงสุด โดยมี กจิ กรรมทีส่ าคญั ดงั น้ี ๘.๑ การพัฒนาบุคลากรของสถานศึกษา ดาเนินการพฒั นาบุคลากรให้มคี วามรู้ ทักษะความสามารถและเจตคติที่ถูกต้องต่อการ จัดการเรยี นการสอนทีเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาคญั ตามนโยบายปฏิรปู การเรียนรู้ สามารถจดั การเรยี นการสอนได้ตาม จดุ เนน้ ทีห่ ลักสตู รสถานศึกษากาหนด มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมท่เี หมาะสมกับอาชพี และเป็นท่ียอมรับของนักเรียน ผู้ปกครอง ๘.๒ การใช้ห้องเรยี น อาคารเรียน และสถานที่ เพอ่ื ใหป้ ระโยชนใ์ นการจัดการศึกษาของ โรงเรียน ๑) สนบั สนุนการจดั ห้องเรยี นใหส้ ามารถจดั กิจกรรมการเรียนรไู้ ด้หลากหลายลักษณะ สวยงาม นา่ อยู่ มีการสื่อการเรยี นและส่ือสนับสนุนการเรียนรู้ทเ่ี พียงพอ ๒) สนบั สนนุ ใหค้ รใู ช้และอานวยความสะดวกในการใช้ห้องปฏิบัตกิ าร สถานที่ปฏิบัตงิ าน จดุ ศึกษาและแหลง่ เรียนรูภ้ ายในโรงเรยี น เพอื่ เน้นให้ได้เรยี นร้ดู ้วยการปฏบิ ัตจิ รงิ ๓) การสรา้ งความสะอาด สวยงาม รม่ ร่นื และความปลอดภัยในโรงเรียน โดยการจดั ใหโ้ รงเรยี นมคี วามสวยงาม ร่มร่ืนดว้ ยไมย้ ืนต้น ไมด้ อก ไม้ประดับ ให้นักเรยี นเป็นผูร้ บั ผิดชอบในการรกั ษาความ สะอาดในบริเวณโรงเรียน ใหโ้ รงเรียนเปน็ สถานท่พี ักผ่อนหย่อนใจและเลน่ กีฬาของนกั เรียน มีความปลอดภัยใน การใช้ชวี ิตในโรงเรียนและความปลอดภัยในทรัพย์สนิ ของทางราชการและเป็นเขตปลอดส่ิงเสพตดิ ทุกประเภท ๘.๓ การบริหารจัดการงบประมาณในการจัดการเรียนการสอน โรงเรยี นเน้นให้การจัดสรรงบประมาณค่าวสั ดกุ ารศกึ ษา (รายหวั ) และงบประมาณอ่นื ๆ ท่ี เก่ียวขอ้ งกบั การพัฒนาคณุ ภาพการจัดการศึกษาใหเ้ ปน็ ประโยชน์ตอ่ นักเรียนและการจดั การเรียนการสอนตาม หลกั สูตรสถานศึกษา
๑๓๘ ๘.๔ การขอรับการสนบั สนุนชว่ ยเหลอื การจัดการศกึ ษาของโรงเรียน มีกิจกรรมการดาเนนิ งาน ดังน้ี ๑) การประชมุ คณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พืน้ ฐานของโรงเรียน เพอื่ ให้การปฏิบัติงานตาม ภารกิจ หน้าท่ี ความรบั ผิดชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพ สงู สดุ ตอ่ การจดั การศึกษาของโรงเรยี น ๒) การประชมุ ผู้ปกครองนักเรียน เพอ่ื การชแี้ จงการดาเนินงานของโรงเรยี น การ ประสานงานการจัดการศึกษาและพฒั นางาน ๓) การรว่ มกจิ กรรมกบั ชุมชน ทอ้ งถ่ิน องคก์ รปกครองท้องถ่นิ และหน่วยงานในท้องถิ่น ๘.๕ การประกนั คุณภาพการจดั การศกึ ษาภายในของสถานศึกษา เปน็ การดาเนนิ งานของสถานศึกษาทีร่ ว่ มมือกับชมุ ชนและหนว่ ยงานต้นสงั กัดที่เกยี่ วข้อง ใหเ้ ป็นท่ีเชื่อม่ันได้วา่ ผ้เู รยี นทุกคนจะไดร้ บั บริการดา้ นการศึกษาท่ีมีคุณภาพจากสถานศึกษา สามารถพัฒนาความรู้ ความสามารถและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามทกี่ าหนดในมาตรฐานหลกั สตู รการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน โดยมีการ ดาเนินงาน ดังน้ี ๑) การประเมินตนเองประจาปีของครผู สู้ อน ๒) การประเมนิ ตนเองประจาปีของสถานศึกษา ๓) การรายงานคุณภาพการศึกษาประจาปี เสนอตอ่ หนว่ ยงานตน้ สงั กดั หนว่ ยงานท่เี กยี่ วข้อง คณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้น พืน้ ฐาน ผู้ปกครองนักเรียนและชุมชน เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. ระดบั ประถมศกึ ษา ๑.๑ การตดั สนิ ผลการเรยี น หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนดหลักเกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล การเรียนรู้ เพื่อตดั สนิ ผลการเรยี นของผเู้ รียน ดังนี้ ๑) ผู้เรยี นต้องมีเวลาเรียนไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้ังหมด ๒) ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การประเมนิ ทกุ ตัวชว้ี ัดและผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด ๓) ผ้เู รยี นตอ้ งได้รับการตัดสินผลการเรียนทกุ รายวชิ า ๔) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนดในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น การตัดสินผลการเรียน ตัดสนิ เป็นรายวิชา โดยใช้ผลการประเมินระหวา่ งปีและปลายปีตามสดั ส่วนท่ี สถานศกึ ษากาหนด ทุกรายวิชาตอ้ งได้รบั การตัดสินให้ผลการเรียนตามแนวทางการให้ระดบั ผลการเรียนตามท่ี สถานศึกษากาหนด และผู้เรยี นตอ้ งผา่ นทกุ รายวชิ าพื้นฐาน
๑๓๙ ๑.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรียน การประเมินผลการเรยี นสาระการเรยี นรรู้ ายวชิ า ตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังของรายวิชา ซง่ึ สถานศกึ ษา วเิ คราะหจ์ ากตัวช้วี ดั ช้นั ปี การประเมนิ สาระการเรียนรู้รายวิชา ให้ตัดสนิ ผลการประเมินระดับผลการเรียน ๘ ระดับ คือ “๔” หมายถึง ผลการเรียนดีเย่ียม “๓.๕” หมายถงึ ผลการเรียนดีมาก “๓” หมายถงึ ผลการเรยี นดี “๒.๕” หมายถึง ผลการเรียนค่อนขา้ งดี “๒” หมายถงึ ผลการเรยี นนา่ พอใช้ “๑.๕” หมายถึง ผลการเรียนพอใช้ “๑” หมายถงึ ผลการเรยี นผ่านเกณฑข์ น้ั ต่า “๐” หมายถงึ ผลการเรยี นตา่ กวา่ เกณฑ์ การประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคน์ นั้ ใหผ้ ลการประเมนิ เปน็ ผา่ นและไมผ่ า่ น กรณที ผี่ า่ นใหร้ ะดบั ผลการประเมนิ เปน็ ดเี ยยี่ ม ดี และผา่ น ๑. ในการสรปุ ผลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน เพ่อื การเลอ่ื นชัน้ และจบการศกึ ษา กาหนดเกณฑ์การตดั สนิ เป็น ๔ ระดบั และความหมายของแตล่ ะระดับ ดงั น้ี ดีเย่ยี ม หมายถงึ มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี นทมี่ ีคณุ ภาพดีเลศิ อยเู่ สมอ ดี หมายถงึ มผี ลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี นท่ีมี คุณภาพเป็นทีย่ อมรบั ผา่ น หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ท่มี คี ุณภาพเป็นท่ียอมรับ แตย่ งั มขี ้อบกพร่องบางประการ ไมผ่ า่ น หมายถึง ไม่มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียนหรือถา้ มีผลงาน ผลงานนั้นยังมขี ้อบกพร่องท่ีต้องไดร้ บั การ ปรบั ปรงุ แก้ไขหลายประการ ๒. ในการสรปุ ผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์รวมทกุ คุณลกั ษณะเพื่อการเลอ่ื นช้ันและ จบการศึกษา กาหนดเกณฑ์การตัดสินเป็น ๔ ระดบั และความหมายของแต่ละระดับ ดังน้ี ดเี ยย่ี ม หมายถึง ผูเ้ รยี นปฏบิ ัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนสิ ัย และนาไปใช้ใน ชวี ติ ประจาวนั เพือ่ ประโยชนส์ ุขของตนเองและสังคม โดยพจิ ารณาจาก ผลการประเมนิ ระดบั ดเี ยี่ยม จานวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่มี คุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตา่ กว่าระดบั ดี ดี หมายถงึ ผู้เรยี นมคี ุณลักษณะในการปฏิบัตติ ามกฎเกณฑ์ เพอื่ ใหเ้ ป็นการ ยอมรับของสังคม โดยพจิ ารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเยยี่ ม จานวน ๑-๔ คณุ ลักษณะ และ ไมม่ ี คุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่ากวา่ ระดบั ดี หรอื ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดีเยย่ี ม จานวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตา่ กว่าระดบั ผ่าน หรือ ๓. ได้ผลการประเมนิ ระดับดี จานวน ๕-๘ คณุ ลักษณะ และไม่มี คุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมินตา่ กว่าระดบั ผ่าน ผ่าน หมายถงึ ผ้เู รยี นรับรแู้ ละปฏิบตั ิตามกฎเกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขที่สถานศึกษา กาหนดโดยพิจารณาจาก
๑๔๐ ๑. ได้ผลการประเมนิ ระดับผ่าน จานวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่มี คณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่ากว่าระดับผ่าน หรือ ๒. ได้ผลการประเมินระดับดี จานวน ๔ คณุ ลักษณะ และไมม่ ี คณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่ากว่าระดบั ผ่าน ไม่ผ่าน หมายถงึ ผู้เรียนรับรู้และปฏบิ ตั ิไดไ้ มค่ รบตามกฎเกณฑแ์ ละเง่อื นไขท่ี สถานศึกษากาหนดโดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดับไม่ผา่ น ต้งั แต่ ๑ คุณลักษณะ การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น จะตอ้ งพจิ ารณาทง้ั เวลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรม การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และผลงานของผเู้ รยี นตามเกณฑ์ทส่ี ถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการประเมนิ เปน็ ผา่ นและไมผ่ า่ น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มี ๓ ลักษณะ คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซ่งึ ประกอบด้วย (๑) กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี และผบู้ าเพญ็ ประโยชน์ โดยผ้เู รียนเลือกอย่างใดอยา่ งหน่งึ ๑ กิจกรรม (๒) กจิ กรรมชมุ นุมหรือชมรมอีก ๑ กิจกรรม ๓) กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ช้ตวั อกั ษรแสดงผลการประเมิน ดังน้ี “ผ” หมายถึง ผเู้ รียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ปฏบิ ัติกิจกรรม และมผี ลงานตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด “มผ” หมายถงึ ผ้เู รยี นมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม และมีผลงานไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากาหนด ในกรณที ีผ่ เู้ รยี นไดผ้ ลของกิจกรรมเป็น “มผ” สถานศกึ ษาต้องจดั ซ่อมเสริมใหผ้ เู้ รยี นทากิจกรรมในสว่ น ที่ผู้เรียนไม่ได้เข้ารว่ มหรือไม่ได้ทาจนครบถว้ น แลว้ จงึ เปลยี่ นผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทง้ั น้ี ต้องดาเนินการให้ เสร็จส้ินภายในปีการศกึ ษาน้ัน ยกเวน้ มีเหตุสดุ วสิ ยั ใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ๑.๓ การเลอ่ื นชนั้ เม่อื ส้นิ ปกี ารศึกษา ผู้เรยี นจะได้รบั การเลอื่ นช้นั เมอื่ มคี ุณสมบตั ิตามเกณฑ์ดงั ต่อไปน้ี ๑) ผู้เรยี นมเี วลาเรยี นตลอดปีการศึกษาไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทงั้ หมด ๒) ผู้เรียนมผี ลการประเมนิ ผ่านทุกรายวิชาพน้ื ฐาน ๓) ผูเ้ รียนมีผลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรม พัฒนาผ้เู รยี นผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด ทัง้ นี้ ถ้าผู้เรยี นมขี ้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศกึ ษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอน ซอ่ มเสรมิ ได้ ใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาที่จะผอ่ นผนั ใหเ้ ล่ือนช้ันได้ อน่งึ ในกรณีทผ่ี เู้ รียนมีหลักฐานการเรียนรู้ท่ีแสดงว่ามีความสามารถดีเลิศ สถานศกึ ษาอาจให้โอกาส ผเู้ รยี นเลอื่ นช้นั กลางปีการศึกษา โดยสถานศกึ ษาแตง่ ตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย ฝา่ ยวชิ าการของสถานศึกษา และผแู้ ทนของเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาหรือต้นสงั กดั ประเมินผู้เรยี นและตรวจสอบคุณสมบัติให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขทง้ั ๓ ประการ ตอ่ ไปนี้ ๑. มีผลการเรยี นในปีการศึกษาที่ผา่ นมาและมผี ลการเรยี นระหวา่ งปที ่กี าลงั ศึกษาอยใู่ นเกณฑด์ เี ย่ียม ๒. มวี ุฒภิ าวะเหมาะสมท่ีจะเรียนในช้นั ท่สี งู ขนึ้ ๓. ผา่ นการประเมินผลความรู้ความสามารถทกุ รายวชิ าของชนั้ ปีท่ีเรยี นปจั จบุ ัน และความรู้ ความสามารถทุกรายวชิ าในภาคเรียนแรกของชน้ั ปีทจ่ี ะเลื่อนข้ึน การอนมุ ัติให้เลอื่ นชน้ั กลางปีการศึกษาไปเรยี นช้นั สงู ข้ึนได้ ๑ ระดับช้ันนี้ ตอ้ งไดร้ บั การยินยอมจาก ผู้เรียนและผปู้ กครอง และตอ้ งดาเนินการให้เสร็จสิน้ ก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๒ ของปีการศึกษานั้น
๑๔๑ สาหรบั ในกรณีที่พบว่ามีผเู้ รยี นกลุม่ พเิ ศษประเภทตา่ ง ๆ มีปญั หาในการเรียนรู้ ใหส้ ถานศึกษา ดาเนนิ งานร่วมกับสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา/ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจงั หวดั /ศูนยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษเขต การศกึ ษา/หนว่ ยงานตน้ สงั กัด โรงเรยี นเฉพาะความพิการ หาแนวทางการแก้ไขและพัฒนา ๑.๔ การเรยี นซา้ ชน้ั ผูเ้ รยี นทีไ่ มผ่ า่ นรายวิชาจานวนมากและมแี นวโน้มวา่ จะเปน็ ปญั หาต่อการเรยี นในระดบั ชน้ั ทีส่ งู ขน้ึ สถานศกึ ษาอาจตัง้ คณะกรรมการพจิ ารณาให้เรียนซ้าชน้ั ได้ ทั้งนี้ ใหค้ านึงถึงวฒุ ภิ าวะและความร้คู วามสามารถของ ผู้เรียน เปน็ สาคัญผ้เู รียนท่ไี ม่มคี ุณสมบตั ิตามเกณฑก์ ารเลื่อนชัน้ สถานศึกษาควรใหเ้ รียนซา้ ชน้ั ทั้งนี้ สถานศกึ ษา อาจใช้ดุลยพินิจให้เล่ือนชน้ั ได้ หากพจิ ารณาว่าผเู้ รียนมีคณุ สมบัตขิ ้อใดข้อหนง่ึ ดงั ต่อไปนี้ ๑) มีเวลาเรียนไม่ถึงรอ้ ยละ ๘๐ อนั เน่อื งจากสาเหตจุ าเป็นหรือเหตสุ ุดวสิ ัย แต่มีคณุ สมบัติตามเกณฑ์ การเล่ือนช้ันในข้ออื่น ๆ ครบถว้ น ๒) ผู้เรยี นมีผลการประเมินผ่านมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ัดไม่ถงึ เกณฑต์ ามที่สถานศึกษากาหนดใน แต่ละรายวิชา แต่เห็นวา่ สามารถสอนซ่อมเสรมิ ได้ในปีการศึกษาน้ัน และมคี ุณสมบตั ติ ามเกณฑ์การเลอ่ื นชนั้ ในข้อ อน่ื ๆ ครบถว้ น ๓) ผู้เรียนมีผลการประเมนิ รายวิชาในกลุม่ สาระภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมอยู่ในระดบั ผา่ นก่อนที่จะให้ผเู้ รียนเรียนซ้าชัน้ สถานศกึ ษาควรแจ้งให้ผู้ปกครองและผู้เรยี น ทราบเหตผุ ลของการเรยี นซ้าช้นั ๑.๕ การสอนซอ่ มเสรมิ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดใหส้ ถานศึกษาจัดสอนซ่อมเสรมิ เพ่ือพฒั นาการเรยี นรู้ของผูเ้ รียนเตม็ ตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริม เปน็ การสอนเพื่อแกไ้ ขข้อบกพร่อง กรณที ี่ผ้เู รียนมคี วามรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือ เจตคติ/คุณลกั ษณะไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด สถานศกึ ษาต้องจดั สอนซ่อมเสริมเปน็ กรณีพิเศษอก เหนอื ไปจากการสอนตามปกติ เพอ่ื พฒั นาให้ผเู้ รียนสามารถบรรลตุ ามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัดทกี่ าหนดไว้ เป็น การให้โอกาสแกผ่ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรูแ้ ละพัฒนา โดยจดั กจิ กรรมการเรียนร้ทู ี่หลากหลายและตอบสนองความแตกตา่ ง ระหว่างบคุ คล ๑.๖ เกณฑก์ ารจบระดบั ประถมศกึ ษา ๑. ผเู้ รยี นเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน จานวน............ชั่วโมง และรายวชิ าเพ่มิ เติม / กิจกรรมเพิ่มเตมิ จานวน .........ชัว่ โมงและมผี ลการประเมนิ รายวิชาพื้นฐานผา่ นทกุ รายวชิ า ๒. ผเู้ รียนตอ้ งมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ระดับ “ผา่ น” ขนึ้ ไป ๓. ผู้เรียนตอ้ งมลี การประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั “ผ่าน” ข้ึนไป ๔. ผเู้ รียนต้องเขา้ ร่วมกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น และได้รบั การตดั สนิ ผลการเรียน “ผา่ น” ทุกกจิ กรรม ๒. ระดบั มธั ยมศึกษา ๒.๑ การตดั สนิ ผลการเรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนดหลักเกณฑ์การวดั และประเมินผล การเรียนรู้ เพื่อตัดสินผลการเรียนของผูเ้ รียน ดงั นี้ ๑) ตดั สินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผเู้ รยี นตอ้ งมเี วลาเรียนตลอดภาคเรียนไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทั้งหมดในรายวิชาน้ัน ๆ ๒) ผเู้ รียนต้องได้รบั การประเมนิ ทุกตัวช้วี ดั และผ่านตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด ๓) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา ๔) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ และมผี ลการประเมินผา่ นตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนดในการอา่ นคดิ วิเคราะห์ และเขียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
๑๔๒ การตดั สนิ ผลการเรยี น ตดั สนิ เปน็ รายวิชา โดยใช้ผลการประเมนิ ระหวา่ งภาคและปลายภาคตามสัดส่วน ทสี่ ถานศึกษากาหนด ทุกรายวิชาต้องไดร้ ับการตัดสนิ และให้ระดับผลการเรียน ทั้งนี้ ผเู้ รียนตอ้ งผา่ นทุกรายวชิ า พ้ืนฐาน ๒.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรยี น การตัดสนิ ผลการเรยี นในระดับการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานใช้ระบบผา่ นและไมผ่ า่ น โดยกาหนดเกณฑ์การ ตัดสินผ่านแตล่ ะวิชาท่ีรอ้ ยละ ๕๐ จากนั้นจงึ ให้ระดบั ผลการเรียนทีผ่ า่ น สาหรับระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น และ ตอนลาย ใชต้ วั เลขแสดงระดับผลการเรยี นเปน็ ๘ ระดับ แนวการให้ระดับผลการเรียน ๘ ระดบั และความหมาย ของแตล่ ะระดับ ดงั นี้ “๔” หมายถึง ผลการเรยี นดีเยี่ยม “๓.๕” หมายถงึ ผลการเรยี นดมี าก “๓” หมายถึง ผลการเรียนดี “๒.๕” หมายถงึ ผลการเรียนคอ่ นข้างดี “๒” หมายถึง ผลการเรียนนา่ พอใช้ “๑.๕” หมายถงึ ผลการเรียนพอใช้ “๑” หมายถึง ผลการเรียนผา่ นเกณฑข์ ัน้ ต่า “๐” หมายถงึ ผลการเรยี นตา่ กวา่ เกณฑ์ ในกรณที ี่ไมส่ ามารถให้ระดบั ผลการเรียนเปน็ ๘ ระดบั ได้ให้ใชต้ วั อักษรระบเุ ง่ือนไขของผลการเรียน ดังน้ี “มส” หมายถึง ผเู้ รียนไมม่ สี ิทธิเข้ารับการวดั ผลปลายภาคเรยี น เนอ่ื งจาก ผู้เรยี นมีเวลาเรียนไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในแต่ละ รายวิชา และไมไ่ ด้รับการผ่อนผนั ใหเ้ ขา้ รับการวัดผล ปลายภาคเรยี น “ร” หมายถึง รอการตัดสนิ และยงั ตดั สินผลการเรยี นไม่ได้ เน่ืองจาก ผู้เรยี นไม่มขี ้อมลู ผลการเรยี นรายวชิ านัน้ ครบถ้วน ไดแ้ ก่ ไม่ได้วดั ผลระหว่างภาคเรยี น/ปลายภาคเรียน ไมไ่ ด้สง่ งาน ทม่ี อบหมายให้ทา ซง่ึ งานนั้นเป็นสว่ นหนง่ึ ของการตดั สนิ ผลการเรยี นหรือมเี หตสุ ดุ วิสัยทท่ี าให้ประเมินผลการเรยี น ไม่ได้ การประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคน์ ัน้ ใหร้ ะดับผลการประเมิน เปน็ ผา่ นและไมผ่ ่าน กรณีทีผ่ ่านใหร้ ะดบั ผลการประเมินเป็นดเี ย่ยี ม ดี และผ่าน ๑. ในการสรุปผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน เพื่อการเล่ือนช้ันและจบการศกึ ษา กาหนดเกณฑ์ การตัดสนิ เปน็ ๔ ระดับ และความหมายของแต่ละระดับ ดังน้ี ดเี ย่ียม หมายถึง มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นที่มีคุณภาพดเี ลศิ อยู่เสมอ ดี หมายถึง มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน ท่ีมีคุณภาพเปน็ ที่ยอมรบั
๑๔๓ ผ่าน หมายถงึ มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียนที่มีคุณภาพเปน็ ที่ยอมรบั แตย่ งั มขี ้อบกพร่องบาง ประการ ไม่ผ่าน หมายถึง ไมม่ ีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขยี น หรือถ้ามผี ลงาน ผลงานน้ันยงั มี ข้อบกพร่องท่ีต้องได้รบั การปรับปรงุ แกไ้ ขหลายประการ ๒. ในการสรุปผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์รวมทกุ คณุ ลกั ษณะเพ่ือการเลอ่ื นชัน้ และจบ การศึกษา กาหนดเกณฑ์การตดั สนิ เปน็ ๔ ระดับ และความหมายของแต่ละระดับ ดงั นี้ ดเี ย่ียม หมายถึง ผ้เู รยี นปฏบิ ตั ติ นตามคณุ ลักษณะจนเป็นนิสัยและนาไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั เพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดบั ดีเย่ยี ม จานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไมม่ ีคณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่ากว่า ระดับดี ดี หมายถึง ผเู้ รยี นมคี ณุ ลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพ่ือให้ เป็นการยอมรบั ของ สงั คม โดยพจิ ารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดีเยี่ยม จานวน ๑-๔ คณุ ลักษณะ และไม่มี คุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมิน ตา่ กวา่ ระดบั ดี หรอื ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดีเย่ยี ม จานวน ๔ คณุ ลกั ษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดได้ผลการประเมินตา่ กว่าระดบั ผา่ น หรือ ๓. ได้ผลการประเมินระดบั ดี จานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการประเมินตา่ กว่าระดับผ่าน ผา่ น หมายถงึ ผู้เรียนรับรแู้ ละปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขที่ สถานศึกษากาหนดโดยพิจารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ผา่ น จานวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่มี คณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตา่ กวา่ ระดบั ผา่ น หรอื ไมผ่ ่าน หมายถงึ ๓. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี จานวน ๔ คณุ ลกั ษณะ และ ไม่มีคณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมินต่ากว่าระดับผา่ น ผู้เรยี นรับรแู้ ละปฏบิ ัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑแ์ ละ เงือ่ นไขท่สี ถานศกึ ษากาหนด โดยพจิ ารณาจากผลการ ประเมนิ ระดบั ไมผ่ ่าน ต้งั แต่ ๑ คณุ ลักษณะ
๑๔๔ การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น จะตอ้ งพจิ ารณาท้งั เวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และผลงานของผเู้ รียนตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากาหนด และให้ผลการประเมินเป็นผา่ นและไมผ่ า่ น กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซง่ึ ประกอบด้วย (๑) กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ผู้บาเพ็ญประโยชน์ และนกั ศกึ ษาวชิ าทหาร โดยผูเ้ รยี นเลอื กอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ (๒) กิจกรรมชมุ นุมหรือชมรม ท้งั น้ี ผู้เรยี นระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้นจะตอ้ งเขา้ รว่ มกจิ กรรมทงั้ ข้อ (๑) และ (๒) ๓) กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ชต้ วั อกั ษรแสดงผลการประเมนิ ดังนี้ “ผ” หมายถงึ ผเู้ รียนมเี วลาเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน ปฏบิ ัติกิจกรรม และมผี ลงานตามเกณฑท์ ่สี ถานศึกษากาหนด “มผ” หมายถงึ ผูเ้ รยี นมีเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม และมผี ลงานไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากาหนด ๒.๓ การเปลย่ี นผลการเรยี น ๒.๓.๑ การเปลย่ี นผลการเรยี น “๐” สถานศกึ ษาจดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั ทีผ่ เู้ รยี นสอบไมผ่ ่านกอ่ นแลว้ จงึ สอบแก้ตวั ได้ไม่เกิน ๒ คร้ัง ถา้ ผเู้ รยี นไมด่ าเนินการสอบแก้ตวั ตามระยะเวลาทส่ี ถานศึกษากาหนด ใหอ้ ยใู่ นดลุ ย พนิ จิ ของสถานศึกษาทีจ่ ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ภาคเรยี น สาหรบั ภาคเรียนท่ี ๒ ต้องดาเนนิ การให้เสร็จ สน้ิ ภายในปีการศกึ ษานัน้ ถา้ สอบแก้ตวั ๒ คร้ังแล้ว ยงั ได้ระดับผลการเรยี น “๐” อีก ให้สถานศกึ ษาแต่งต้ัง คณะกรรมการดาเนินการเกีย่ วกบั การเปลย่ี นผลการเรยี นของผเู้ รยี น โดยปฏบิ ัติดงั นี้ ๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพืน้ ฐาน ใหเ้ รียนซา้ รายวชิ านนั้ ๒) ถ้าเปน็ รายวิชาเพม่ิ เติม ให้เรียนซ้าหรือเปล่ยี นรายวชิ าเรียนใหม่ ทัง้ น้ี ให้อยใู่ นดุลยพินิจของ สถานศกึ ษาในกรณที เี่ ปลย่ี นรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทนรายวชิ าใด ๒.๓.๒ การเปลย่ี นผลการเรยี น “ร” การเปล่ียนผลการเรยี น “ร” ใหด้ าเนนิ การดังน้ี ให้ผู้เรยี นดาเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตุ เมอ่ื ผู้เรียนแก้ไขปัญหาเสรจ็ แล้วให้ไดร้ ะดับผลการเรียน ตามปกติ(ต้ังแต่ ๐-๔)ถา้ ผู้เรยี นไมด่ าเนนิ การแก้ไข “ร” กรณีท่ีสง่ งานไม่ครบ แต่มผี ลการประเมนิ ระหว่างภาคเรียน และปลายภาคให้ผสู้ อนนาข้อมูลทีม่ อี ยู่ตัดสินผลการเรยี น ยกเวน้ มเี หตุสุดวิสยั ให้อยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษาท่ี จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไมเ่ กิน ๑ ภาคเรยี น สาหรบั ภาคเรียนที่ ๒ ตอ้ งดาเนินการให้เสรจ็ สนิ้ ภายในปี การศกึ ษานัน้ เมื่อพน้ กาหนดนี้แล้วใหเ้ รียนซ้า หากผลการเรยี นเป็น “๐” ให้ดาเนินการแก้ไขตามหลักเกณฑ์ ๒.๓.๓ การเปลย่ี นผลการเรยี น “มส” การเปล่ยี นผลการเรยี น “มส” มี ๒ กรณี ดังน้ี ๑) กรณผี เู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรียนไมถ่ งึ ร้อยละ ๘๐ แต่มีเวลาเรยี นไมน่ ้อยกว่าร้อย ละ ๖๐ ของเวลาเรยี นในรายวิชานั้น ให้สถานศึกษาจัดให้เรยี นเพมิ่ เตมิ โดยใชช้ ่ัวโมงสอนซ่อมเสรมิ หรือใช้เวลาว่าง หรือใชว้ นั หยุด หรอื มอบหมายงานให้ทา จนมีเวลาเรยี นครบตามที่กาหนดไว้ สาหรับรายวชิ าน้นั แลว้ จงึ ใหว้ ัดผลปลายภาคเปน็ กรณพี ิเศษผลการแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการ เรยี นไมเ่ กนิ “๑” การแก้ “มส” กรณีนีใ้ หก้ ระทาใหเ้ สรจ็ สน้ิ ภายในปกี ารศึกษานั้น ถ้าผ้เู รียนไม่มา ดาเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาทก่ี าหนดไว้น้ีใหเ้ รยี นซ้า ยกเว้นมีเหตสุ ุดวสิ ัย ใหอ้ ย่ใู นดุลยพินจิ ของสถานศกึ ษาที่จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรยี น แตเ่ ม่ือพน้ กาหนดนี้ แลว้ ใหป้ ฏิบัติดงั น้ี
๑๔๕ (๑) ถ้าเป็นรายวชิ าพ้ืนฐานให้เรียนซา้ รายวชิ าน้นั (๒) ถ้าเป็นรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ให้อยใู่ นดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษา ใหเ้ รียนซ้าหรอื เปลย่ี น รายวชิ าเรียนใหม่ ๒) กรณผี ู้เรียนไดผ้ ลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนน้อยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของเวลาเรียน ทั้งหมด ให้สถานศกึ ษาดาเนนิ การดงั น้ี (๑) ถา้ เปน็ รายวชิ าพื้นฐาน ใหเ้ รยี นซ้ารายวิชาน้นั (๒) ถ้าเปน็ รายวชิ าเพิ่มเติม ให้อยู่ในดุลยพินจิ ของสถานศึกษา ให้เรยี นซา้ หรอื เปล่ียนรายวชิ า เรียนใหม่ ในกรณที ่ีเปล่ียนรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี นวา่ เรยี นแทนรายวิชาใด การเรยี นซา้ รายวชิ า ผูเ้ รยี นท่ีไดร้ บั การสอนซ่อมเสรมิ และสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้วไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ให้เรียน ซา้ รายวิชาน้นั ทั้งน้ี ให้อย่ใู นดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษาในการจดั ให้เรยี นซ้าในชว่ งใดช่วงหนึง่ ทสี่ ถานศึกษาเห็นวา่ เหมาะสม เช่น พกั กลางวนั วนั หยุด ช่ัวโมงวา่ งหลังเลิกเรียน ภาคฤดูร้อน เป็นต้น ในกรณีภาคเรยี นท่ี ๒ หากผเู้ รยี นยังมีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ดาเนนิ การใหเ้ สร็จสน้ิ ก่อนเปดิ เรยี นปกี ารศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปดิ การเรยี นการสอนในภาคฤดรู อ้ นเพื่อแก้ไขผลการเรียนของผเู้ รยี นได้ ท้ังนห้ี ากสถานศึกษาใดไมส่ ามารถดาเนินการเปิดสอนภาคฤดรู ้อนได้ ใหส้ านกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา/ต้นสังกดั เป็น ผ้พู จิ ารณาประสานงานใหม้ ีการดาเนนิ การเรยี นการสอนในภาคฤดูรอ้ นเพ่ือแก้ไขผลการเรียนของผู้เรยี น ๒.๓.๔ การเปลยี่ นผล “มผ” กรณีท่ผี เู้ รียนไดผ้ ล “มผ” สถานศกึ ษาตอ้ งจัดซ่อมเสรมิ ให้ผู้เรยี นทากิจกรรมในสว่ นทผ่ี เู้ รยี นไม่ไดเ้ ขา้ รว่ ม หรอื ไม่ไดท้ าจนครบถ้วน แล้วจงึ เปล่ยี นผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ท้ังน้ี ดาเนินการใหเ้ สร็จส้ินภายในภาคเรียนนัน้ ๆยกเว้นมเี หตสุ ุดวิสัยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพินิจของสถานศึกษาที่จะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรียน สาหรบั ภาคเรียนที่ ๒ตอ้ งดาเนนิ การใหเ้ สร็จสนิ้ ภายในปีการศกึ ษานั้น ๒.๔ การเลอื่ นชน้ั เม่อื สน้ิ ปกี ารศึกษา ผูเ้ รียนจะไดร้ บั การเลอ่ื นช้นั เมอื่ มีคุณสมบตั ิตามเกณฑ์ ดังตอ่ ไปนี้ ๒.๔.๑ รายวชิ าพ้นื ฐานและรายวิชาเพม่ิ เติมไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรยี นผา่ นตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษา กาหนด ๒.๔.๒ ผู้เรียนตอ้ งได้รบั การประเมินและมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนดในการ อ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ๒.๔.๓ ระดบั ผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นควรได้ไม่ต่ากว่า ๑.๐๐ ทั้งน้ี รายวชิ าใดท่ีไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผ้เู รยี นให้ไดร้ ับการแก้ไข ในภาคเรยี นถดั ไป ท้งั น้สี าหรับภาคเรยี นท่ี ๒ ตอ้ งดาเนนิ การให้เสรจ็ ส้นิ ภายในปกี ารศกึ ษาน้ัน ๒.๕ การสอนซอ่ มเสริม หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดให้สถานศึกษาจดั สอนซ่อมเสริม เพื่อพฒั นาการเรยี นรูข้ องผเู้ รียนเตม็ ตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสรมิ เป็นการสอนเพ่ือแก้ไขข้อบกพร่อง กรณที ่ผี ้เู รียนมีความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือ เจตคติ/คณุ ลักษณะ ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด สถานศกึ ษาตอ้ งจัดสอนซ่อมเสริมเปน็ กรณีพิเศษอก เหนอื ไปจากการสอนตามปกติ เพ่ือพัฒนาให้ผ้เู รียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัดท่กี าหนดไว้ เป็น การใหโ้ อกาสแก่ผู้เรียนได้เรยี นร้แู ละพัฒนา โดยจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ทห่ี ลากหลายและตอบสนองความแตกตา่ ง ระหว่างบคุ คลการสอนซ่อมเสรมิ สามารถดาเนินการได้ในกรณี ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑) ผเู้ รยี นมีความรู้/ทกั ษะพนื้ ฐานไม่เพียงพอทีจ่ ะศึกษาในแตล่ ะรายวิชานน้ั ควรจดั การสอนซ่อมเสริม ปรับความรู้/ทักษะพ้ืนฐาน
๑๔๖ ๒) ผู้เรยี นไมส่ ามารถแสดงความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลักษณะท่ีกาหนดไวต้ าม มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัดในการประเมินผลระหวา่ งเรียน ๓) ผเู้ รยี นท่ไี ด้ระดบั ผลการเรียน “๐” ใหจ้ ัดการสอนซ่อมเสริมก่อนสอบแก้ตวั ๔) กรณผี ู้เรยี นมผี ลการเรยี นไม่ผ่าน สามารถจัดสอนซอ่ มเสริมในภาคฤดูร้อนเพ่ือแก้ไขผลการเรยี นทั้งน้ี ให้อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษา ๒.๖ การเรยี นซา้ ชนั้ ผเู้ รียนทีไ่ ม่ผา่ นรายวชิ าจานวนมากและมแี นวโน้มว่าจะเปน็ ปัญหาตอ่ การเรยี นในระดับช้ันทสี่ ูงขน้ึ สถานศึกษาอาจตงั้ คณะกรรมการพิจารณาให้เรยี นซ้าช้นั ได้ ทัง้ น้ี ให้คานงึ ถงึ วฒุ ภิ าวะและความร้คู วามสามารถของ ผู้เรยี นเปน็ สาคญั การเรียนซ้าชน้ั มี ๒ ลกั ษณะ คือ ๑) ผู้เรียนมีระดับผลการเรยี นเฉลยี่ ในปกี ารศึกษานัน้ ต่ากวา่ ๑.๐๐ และมีแนวโนม้ ว่าจะเป็นปญั หาต่อ การเรยี นในระดับชนั้ ที่สูงข้ึน ๒) ผเู้ รยี นมีผลการเรียน ๐, ร, มส เกนิ ครงึ่ หน่งึ ของรายวิชาทีล่ งทะเบยี นเรียนในปีการศกึ ษานน้ั ทง้ั นี้ หากเกิดลักษณะใดลักษณะหนึ่ง หรือท้ัง ๒ ลักษณะ ใหส้ ถานศึกษาแตง่ ต้ังคณะกรรมการพิจารณา หากเห็นว่าไม่มเี หตุผลอันสมควรกใ็ ห้ซ้าชนั้ โดยยกเลกิ ผลการเรยี นเดิมและให้ใช้ผลการเรียนใหมแ่ ทน หาก พิจารณาแล้วไมต่ ้องเรยี นซา้ ชั้น ให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษาในการแก้ไขผลการเรียน ๒.๗ เกณฑก์ ารจบระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ๑. ผู้เรยี นเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน และรายวิชาเพ่มิ เติม จานวน..........หน่วยกติ โดยเป็นรายวชิ าพ้นื ฐาน จานวน ๖๖ หน่วยกติ และรายวชิ าเพมิ่ เติม จานวน..........หนว่ ยกิต ๒. ผู้เรียนต้องได้หน่วยกติ ตลอดหลักสูตร ไม่น้อยกวา่ ๗๗ หน่วยกติ โดยเปน็ รายวิชาพนื้ ฐาน จานวน ๖๖ หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพม่ิ เติม ไมน่ ้อยกวา่ ๑๑ หน่วยกิต ๓. ผู้เรยี นตอ้ งมผี ลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน ระดับ “ผ่าน” ขน้ึ ไป ๔. ผู้เรยี นต้องมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับ “ผา่ น” ข้ึนไป ๕. ผเู้ รยี นต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น และไดร้ ับการตัดสินผลการเรยี น “ผา่ น” ทุกกจิ กรรม
๑๔๗ บทที่ ๔ การโอนผลการเรยี นเขา้ สู่หลักสูตรการอาชวี ศกึ ษา การโอนผลการเรียนจากหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย รายวชิ าพนื้ ฐาน และจากหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย รายวิชาบังคับ เข้าสูห่ ลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี พุทธศักราช ๒๕๕๖ หมวดวชิ า ทกั ษะชวี ิต และหมวดวิชาเลอื กเสรี มีแนวทางในการดาเนนิ การ ดงั น้ี ๑. วเิ คราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เปรยี บเทยี บกบั จุดประสงค์รายวชิ า สมรรถนะรายวิชาและคาอธบิ ายรายวชิ า หมวดวิชาทกั ษะชวี ติ ในหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวิชาชพี พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ ๒. พิจารณาแนวทางการเทียบรายวชิ าตามระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธิการ ว่าดว้ ยการจดั การศึกษาและ ประเมนิ ผลการเรียนตามหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พุทธศักราช ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ คอื ตอ้ งเป็นรายวชิ า หรือ กลมุ่ วชิ าทมี่ จี ุดประสงค์และเนื้อหาใกลเ้ คียงกัน ไม่ต่ากวา่ รอ้ ยละ ๖๐ และมจี านวนหนว่ ยกติ ไมน่ อ้ ยกวา่ หน่วยกิตของ รายวิชาทรี่ ะบไุ ว้ในหลกั สตู ร โดยมแี นวทางในการพจิ ารณาได้หลายกรณี ดงั นี้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน/ หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษา รายวิชา ข้ันพ้ืนฐาน ๓. การโอนผลการเรยี นรายวชิ า รายวชิ าทีน่ ามาขอโอนผลการเรยี นจะต้องเปน็ รายวชิ าทไี่ ดร้ ะดบั ผลการเรยี น ไม่ต่ากวา่ ๒.๐ กรณที ี่ไดร้ ะดบั ผลการเรียนตา่ กว่า ๒.๐ ให้สถานศกึ ษาที่รับโอนผลการเรียนทาการประเมินใหม่ ถา้ มีผล ตามเกณฑ์มาตรฐานแล้วจงึ รบั โอนรายวิชานน้ั รายวชิ าทไี่ ดร้ ะดบั ผลการเรียนตงั้ แต่ ๒.๐ ข้นึ ไป สถานศึกษาจะรับโอนผล การเรียนหรอื จะทาการประเมนิ ใหมแ่ ล้วจงึ รบั โอนรายวชิ านน้ั กไ็ ด้ กรณมี ีการประเมินใหม่ ระดบั ผลการเรยี นให้เปน็ ไปตามทไ่ี ด้จากการประเมนิ ใหม่ แต่ตอ้ งไมส่ ูงไปกวา่ เดิม ๔. การใหร้ ะดบั ผลการเรยี นเฉพาะรายวชิ า ให้ใช้ตัวเลขแสดงระดับผลการเรียนตามระเบียบกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร ว่าด้วยการจัดการศกึ ษาและการประเมนิ ผลการเรียนตามหลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕6 ดังนี้ ๔.๐ หมายถงึ ผลการเรยี นอยูใ่ นเกณฑ์ดเี ยย่ี ม ๓.๕ หมายถงึ ผลการเรยี นอยู่ในเกณฑด์ ีมาก ๓.๐ หมายถึง ผลการเรยี นอยู่ในเกณฑด์ ี ๒.๕ หมายถงึ ผลการเรียนอย่ใู นเกณฑด์ ีพอใช้ ๒.๐ หมายถงึ ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์พอใช้ ๑.๕ หมายถงึ ผลการเรยี นอย่ใู นเกณฑอ์ อ่ น ๑.๐ หมายถงึ ผลการเรียนอยใู่ นเกณฑ์ออ่ นมาก ๐ หมายถงึ ผลการเรยี นตก ชี พ
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ๑๔๘ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ ๓ นก. พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กลมุ่ วชิ าภาษาไทย ๒-๐-๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๖ ๒๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยพน้ื ฐาน ๑-๐-๑ นก. ๒๐๐๐-๑๑๐๒ ภาษาไทยเพ่ืออาชพี * ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๔ การพูดในงานอาชีพ * ๑-๐-๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ๒๐๐๐-๑๑๐๕ การเขยี นในงานอาชพี * ๑-๐-๑ ๖ นก. ๒๐๐๐-๑๑๐๖ ภาษาไทยเชงิ สรา้ งสรรค์ หมายเหตุ ๖ นก. * หมายถงึ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลอื กเสรี ๒-๐-๒ กลมุ่ วชิ าภาษาตา่ งประเทศ ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษในชวี ิตจริง ๑ ๐-๒-๑ ๒๐๐๐-๑๒๐๒ ภาษาอังกฤษในชีวติ จรงิ ๒ ๐-๒-๑ ๒๐๐๐-๑๒๐๕ การอา่ นส่อื สิ่งพมิ พใ์ นชวี ติ ประจาวนั ๒๐๐๐-๑๒๐๖ การเขียนในชีวติ ประจาวนั กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ๖ กลมุ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๔ นก. นก. ๒๐๐๐-๑๓๐๑ วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาทักษะชวี ติ ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๒ วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาอาชีพชา่ งอตุ สาหกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๓ วิทยาศาสตรเ์ พื่อพฒั นาอาชพี ธุรกิจและบริการ ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๔ วิทยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาอาชพี ศิลปกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๕ วิทยาศาสตรเ์ พอื่ พฒั นาอาชีพเกษตรกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๖ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ * ๐-๒-๑ หมายเหตุ * หมายถึง นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลอื กเสรี ** หมายถงึ เลือกตามสาขาวชิ าที่เรยี นเพือ่ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ า ในหมวดวิชาทักษะชวี ติ
๑๔๙ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กลมุ่ วชิ าคณติ ศาสตร์ ๔ นก. กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ๖ นก.ช ๒๕๕๑ ๒๐๐๐-๑๔๐๑ คณิตศาสตร์พน้ื ฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๒ คณติ ศาสตร์พ้ืนฐานอาชีพ * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๓ คณติ ศาสตรพ์ ้นื ฐานอุตสาหกรรม ๑ ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๕ เรขาคณติ วเิ คราะห์และแคลคูลัสเบอื้ งตน้ ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๖ คณติ ศาสตรพ์ าณชิ ยกรรม ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๗ คณติ ศาสตรเ์ พ่อื การออกแบบ ** ๒-๐-๒ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลอื กเสรี ** หมายถึง เลือกตามสาขาวชิ าทีเ่ รียนเพือ่ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ า ในหมวดวชิ าทักษะชวี ติ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ๘ กลมุ่ วชิ าสงั คมศกึ ษา ๓ นก. นก. ศาสนาและวฒั นธรรม ๒๐๐๐-๑๕๐๑ หนา้ ทพี่ ลเมืองและศีลธรรม ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๒ ทกั ษะชวี ิตและสังคม * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๓ ภมู ิศาสตร์และประวตั ิศาสตร์ไทย * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๗ ประวตั ศิ าสตรช์ าติไทย ๑-๐-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทยี บเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลือกเสรี กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษา ๓ กลมุ่ วชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๒ นก. นก. และพลศกึ ษา ๒๐๐๐-๑๖๐๓ การออกกาลงั กายเพื่อเสริมสรา้ ง ๐-๒-๑ สมรรถภาพในการทางาน ๒๐๐๐-๑๖๐๖ การจัดระเบยี บชวี ติ เพื่อความสุข ๑-๐-๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ ๓ - นก. ๓ - กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงาน นก. รวม หมวดวชิ าทกั ษะชวี ติ ๒๒ หนว่ ยกติ อาชพี และเทคโนโลยี หมวดวชิ าเลอื กเสรี ๑๐ หนว่ ยกติ จานวนหนว่ ยกติ รวม ๔๑ หนว่ ยกติ
๑๕๐ ตารางการเทยี บรายวชิ า หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายวชิ าบงั คับ กับหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พุทธศักราช ๒๕๕๖ หมวดวชิ าทกั ษะชวี ติ และหมวดวชิ าเลือกเสรี หลกั สตู รการศึกษานอกระบบ หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ วชิ าภาษาไทย กลมุ่ วชิ าภาษาไทย ๓ นก. พท๓๑๐๐๑ ภาษาไทย ๕ นก. ๒๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยพน้ื ฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๑๐๒ ภาษาไทยเพื่ออาชพี ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๔ การพดู ในงานอาชพี * ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๕ การเขียนในงานอาชพี * ๑-๐-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทยี บเป็นรายวชิ าในหมวดวิชาเลอื กเสรี วชิ าภาษาตา่ งประเทศ กลมุ่ วชิ าภาษาตา่ งประเทศ ๖ นก. พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ือชวี ิต ๕ นก. ๒๐๐๐-๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง ๑ ๒-๐-๒ และสงั คม ๒๐๐๐-๑๒๐๒ ภาษาองั กฤษในชีวติ จรงิ ๒ ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๒๐๕ การอา่ นส่ือสิ่งพิมพใ์ นชีวติ ประจาวนั ๐-๒-๑ หมายเหตุ ต้องเรียนรายวิชาภาษาต่างประเทศเพม่ิ ในกลมุ่ ทักษะวชิ าชพี เลอื ก อีก ๑ รายวชิ า จานวน ๑ หน่วยกติ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๔ นก. พว๓๑๐๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕ ๒๐๐๐-๑๓๐๑ วทิ ยาศาสตร์เพ่อื พัฒนาทักษะชวี ติ ๑-๒-๒ นก. ๒๐๐๐-๑๓๐๒ วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาอาชีพ ๑-๒-๒ ช่างอุตสาหกรรม *** ๒๐๐๐-๑๓๐๓ วิทยาศาสตรเ์ พือ่ พฒั นาอาชพี ธุรกิจ ๑-๒-๒ และบรกิ าร ** ๒๐๐๐-๑๓๐๔ วทิ ยาศาสตร์เพือ่ พัฒนาอาชพี ศิลปกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๕ วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชพี เกษตรกรรม *๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๖ โครงงานวิทยาศาสตร์ * ๐-๒-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลือกเสรี ** หมายถงึ เลือกตามสาขาวิชาที่เรียนเพื่อนาไปเทยี บเปน็ รายวชิ า ในหมวดวิชาทกั ษะชวี ิต *** หมายถงึ กรณเี รียนประเภทวชิ าอุตสาหกรรม ต้องเรยี นเพิ่ม วชิ าคณติ ศาสตร์ กลมุ่ วชิ าคณติ ศาสตร์ ๔ นก. พค๓๑๐๐๑ คณิตศาสตร์ ๕ นก. ๒๐๐๐-๑๔๐๑ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๒ คณติ ศาสตร์พ้ืนฐานอาชีพ ๒-๐-๒ หมายเหตุ กรณเี รียนประเภทวชิ าอุตสาหกรรม ใหเ้ รียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พื้นฐานวชิ าชพี เพม่ิ เติมตามเง่ือนไข ของหลกั สตู ร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171