แผนจัดการเรยี นรทู ่ี 4 เรื่อง วสั ดอุ ุปกรณใ นการทาํ เคก แผนจัดการเรยี นรูที่ 5 เร่ือง วตั ถุดิบในการทําเคก รายวชิ า ผลิตภณั ฑเคก 1 รหัสวชิ า ง 33230 ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 ภาคเรยี นท่ี 1 ปก ารศึกษา 2564 น้าํ หนกั เวลาเรียน 2.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 5 ชั่วโมง/สปั ดาห เวลาทใ่ี ชในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู 5 ชว่ั โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสําคัญ (ความเขา ใจทีค่ งทน) การเลือกใชวัตถดุ บิ และอปุ กรณใ หถ ูกตอ งน้ันเปน สวนสาํ คัญ ซึง่ จะสง ผลตอลักษณะของขนม ฉะนั้นกอน ทาํ จงึ ควรศกึ ษาเรื่องวตั ถดุ บิ หลักๆและอปุ กรณในการทํา 2. ตวั ช้ีวดั ชัน้ ป/ ผลการเรียนร/ู เปาหมายการเรียนรู ตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรู 4. รูจ กั และเลือกใชว ัตถุดบิ ในการทําเคกไดอยา งถูกตอง 3. สาระการเรยี นรู 3.1 เนอ้ื หาสาระหลกั : Knowledge วั คุณสมบตั ิ หนาท่ีของวตั ถุดิบในการทาํ เคก 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process เลือกใชวัตถดุ ิบและหนา ทขี่ องวัตถุดิบได 3.3 คุณลักษณะท่พี ึงประสงค : Attitude ใฝเรียนรู ,มุงมั่นในการทาํ งาน 4. สมรรถนะสําคญั ของนักเรยี น 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 5. คณุ ลักษณะของวชิ า - ความตง้ั ใจ- ความรบั ผิดชอบ 6. คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค 1. ใฝเ รียนรู 2. มุงมนั่ ในการทาํ งาน 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน : - สรางส่อื ที่ไดจากการเรยี นแลว นําเสนอเก่ยี วกบั เร่ืองของวตั ถุดบิ และคุณสมบตั ิ หนา ที่ของวตั ถุดบิ 8. กิจกรรมการเรียนรู ข้นั นําเขาสูบทเรยี น 1.ครใู หนกั เรียน พูดชื่อเคก สมุ คนละ 1 ช่อื แลวถามตอ วา นร.คิดวา เคก 1 ช้นิ มสี วนประกอบอะไรบาง 2.ทําความเขา ใจและชแี้ จงสาระการเรียนรูใหน ักเรียนทราบในหนว ยการเรียนรเู รอื่ ง วตั ถุดิบ ในการทาํ เคก ข้ันสอน 1. ครู ใหนร.ดู ขนมเคก ( ของจรงิ )ทีค่ รูไดน าํ มา แลว ถาม นร.วา ในขนมเคก 1 ช้ิน อะไรทําใหเ คกมีรส หวาน ทาํ ใหเคก มีความเบา ฟู นุม ใหน ร.ชวยกนั ตอบ
2. .ครสู รปุ วา วัตถดุ ิบในการทําเคกเปนส่ิงสาํ คญั ทีช่ ว ยทําใหไ ดเคกทม่ี ีคณุ ภาพ ครูแจกใบความรูให นร. ไดศึกษา พรอมอธบิ ายประกอบของจริงให นร.ดูวัตถดุ ิบตางๆ 3. ครใู หน ร.แบง กลมุ ๆละ 4 คน คดิ วิธกี ารทาํ สอ่ื เร่ืองวัตถุดิบในการทําเคก โดยจะทําแบบใดกอได เชน ทําพาวเวอรพอยท หรอื เกม บตั รคาํ ตามที่ กลมุ นร.ไดตกลงกนั แลว นาํ มาแจง ใหกบั ครูไดท ราบ 4. ใหนร. บนั ทกึ การทาํ สื่อประกอบการเรียน ลงในใบงาน แลว ออกมานําเสนอ 5. ใหน ักเรยี นสง ใบงานในเวลา ขั้นสรุป จํานวน 1. ครูสรุปและใหค วามรเู พ่มิ เติม ในดานเนอื้ หา - 9. สอ่ื การเรียนการสอน / แหลงเรียนรู - รายการสื่อ 1 ชน้ิ 1. วัตถุดบิ ของจรงิ ในหองปฏิบตั ิการคหกรรม 2.ใบความรเู รือ่ งวัตถดุ ิบในการทําเคก 3.ขนมเคก (ของจรงิ ) 10. การวดั ผลและประเมินผล เปา หมาย หลกั ฐานการเรียนรู วิธีวัด เครื่องมอื วัดฯ ประเด็น/ การเรยี นรู ชิ้นงาน/ภาระงาน แบบประเมินทํางานกลมุ เกณฑการให การสง งานของ บอกหนาที่ ใบงานเรอ่ื งการวาง นกั เรยี น คะแนน เต็ม 10 คะแนน คุณสมบตั ิของ แผนการทาํ ส่อื วัตถุดบิ ในการทําเคก ประกอบการเรยี น ไดถ ูกตอ ง ลงชื่อ..................................................ผสู อน ( นางสาวปณ ชดา ไชยมงคล) ตําแหนง ครู คศ.2
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลังการจัดกจิ กรรมการเรียนรู ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู ขอคน พบระหวาง ปญหาท่ีพบ แนวทางแกไข ทม่ี ีการจดั กิจกรรมการเรียนรู เนอ้ื หา กิจกรรมการเรยี นรู สอ่ื ประกอบการเรียนรู พฤติกรรม/การมีสวนรวมของ ผูเรียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ูจดั กิจกรรมการเรียนรู ( นางสาวปณ ชดา ไชยมงคล) ตําแหนง ครู คศ.2
ชนดิ ของวตั ถุดบิ แปงสาลี (Wheat Flour) : สําหรับแปงสาลีมีหลายชนิดหลายตราดวยกัน แตละตรามีคุณสมบัติในการทํา ขนมอบตา งกัน บางชนิดเหมาะทําขนมปง บางชนดิ เหมาะทําเคก ท้ังน้ีเพราะทํามาจากขาวสาลที ่ีมปี รมิ าณโปรตีน มากนอยตางกัน แปงสาลีที่ใชทําขนมอบทุกชนิดจัดเปนแปงสาลีอยางเบา คือ มีโปรตีนตํ่าและนํ้าหนักนอยกวา ปกติ แปงสาลีผลิตออกมาขายเพ่ือการทําผลิตภัณฑเบเกอรี่นั้นมี 3 ชนิด ท่ีสําคัญ คือ แปงขนมปง แปงขนมเคก และ แปงอเนกประสงค ซง่ึ แตละชนดิ มคี ุณสมบตั ิและคณุ ลกั ษณะรวมถึงการใชประโยชนตา งกนั ดงั น้ี คอื 1. แปงขนมปง (Bread Flour) มีโปรตีนสูง 12 - 14 เปอรเซ็นต โมจากขาวสาลีชนิดแข็งพวก Hard Red Spring หรือ Hard Red Winter ซึ่งเปนแปงสาลีท่ีมีเปอรเซ็นตโปรตีนสูง ใชทําผลิตภัณฑพวกขนมปงจืด ขนมปงหวาน และผลิตภัณฑท่ีใชหมักดวยยีสตทุกชนิด ลักษณะของแปงชนิดนี้คือเมื่อถูดวยมือจะรูสึก ระคายมือคลายมีกรวดหรือหยาบเหมือนทราย จะมีสีครีม ไมข าว เม่ือกดนิ้วลงไปบนแปง แปงจะไมเกาะ ตดิ กนั แปง ชนิดนใี้ ชย สี ตเปน ตัวทําใหฟู เพราะยสี ตจะทําใหก อ นโตพองตวั ได 2. แปงเอนกประสงค (All Purpose Flour) มีโปรตีนปานกลาง 10 - 11 เปอรเซ็นต เปนแปงที่ไดจากการ ผสมขาวสาลีชนดิ แข็งกับชนิดออนเขาดวยกันในสัดสวนที่เหมาะสมในการทําผลิตภัณฑหลายๆ ชนิด เชน ขนมปงจืดและขนมปงหวาน ขนมเคกบางชนิด ปาทองโก บะหมี่ เพสตรี้ จะใชเวลาในการนวดแปงนอย กวาขนมปง ลักษณะของแปงชนิดนี้จะมีลักษณะของแปงขนมปงและแปงเคกรวมกัน ตัวท่ีทําใหข้ึนฟู สําหรับแปง ชนดิ น้สี ามารถใชไ ดทงั้ ยสี ตแ ละผงฟู 3. แปงเคก (Cake Flour) มีโปรตีนต่ํา 7 - 9 เปอรเซ็นต โมจากขาวสาลีชนิดออนพวก Soft Wheat และ Soft Red Winter ใชทําคุกก้ี ลักษณะของแปงเม่ือถูดวยน้ิวมือจะรูสึกออนนุม เนียนละเอียดมีสีขาวกวา แปง 2 ชนิดแรก เมื่อกดนิ้วลงไปในแปง แปงจะเกาะรวมกันเปนกอนและคงรอยนิ้วมือไว แปงชนิดน้ีใช สารเคมชี ว ยทาํ ใหขึ้นฟูเทา น้ัน ไมใ ชย สี ตซ ง่ึ สารเคมไี ดแก ผงฟู เบคกง้ิ โซดา เปน ตน แปงเคกสามารถแบง ยอ ยไดอ ีก 2 ประเภทคอื 1. แปงเคกที่ผานขบวนการคลอริเนช่ัน เปนแปงที่มีคุณสมบัติอุมน้ําตาลและไขมันสูง ซ่ึงชวยใหสามารถ พยงุ ตวั ไวโดย ไมยุบ แมมีนาํ้ ตาลในสูตรมากกวา เปอรเซ็นตแ ปง แปง ชนดิ น้ี นิยมใชทาํ เคกชนดิ ที่มนี ้ําตาล สูง เชน Butter Cake, Chiffon Cake, Jam Roll 2. แปงเคกท่ีไมผานการคลอริเนช่ัน เปนแปงเคก ที่ใชทําขนมที่มีนํ้าตาลในสูตรนอยกวาเปอรเซ็นตแปง เหมาะที่จะใชท ําซาลาเปา คุกก้ีเนื้อเบา เอแคลร ขนม ปุยฝายและใชผสมกับแปงชนิดอ่ืน ๆ ที่ใชใ นการทําขนมปง ชนดิ หวาน และทาํ ประเภทตา ง ๆ เชน นม ไข เนย นํา้ ตาล ฯลฯ
นํ้าตาล : นํ้าตาลเปนสารประกอบอินทรียท ี่เปนผลึก ละลายไดด ีในน้ําและมีรสหวาน จัดอยูในอาหารประเภท คารโบไฮเดรต น้ําตาลท่ีมีขายในตลาดน้ันเปนน้าํ ตาลทรายขาวที่ผลิตจากออย น้ําตาลนี้เปนซูโครสท่ีบริสุทธิ์ 99.9 เปอรเซ็นต มอี ยูหลายชนดิ แตท ่นี าํ มาใชในการทาํ ผลิตภณั ฑเบเกอรท่ี วั่ ๆ ไปมี 3 ชนิดดว ยกัน คอื 1. น้ําตาลทรายขาว (Granulated Sugar) ใชกันมากในการทําผลิตภัณฑเบเกอรี่ นํ้าตาลมีขนาดความ ละเอียดตาง ๆ กัน มีตง้ั แตละเอียดมาก ธรรมดา และหยาบ ในบางประเภท บอกความละเอียดไวท ี่กลอง บรรจุ สําหรับเมืองไทยท่ีวางขายทั่ว ๆ ไป มี 3 ขนาด คือ ขนาดธรรมดา ผลึกใหญหยาบ และเปนผง ละเอียด น้ําตาลทรายทใี่ ชไดผลดี ควรมีความละเอยี ดและขาว เพราะจะผสมเขากบั สวนผสมอน่ื ๆ ได ดี ถาน้ําตาลที่ใชมีขนาดผลึกใหญและหยาบ จะผสมกับเนยไมไดดี เพราะผลึกที่ใหญของมันจะไม ละลายหมด และมกั จะคงอยใู นรูปเมล็ด ผลึกของนํ้าตาลทรายจะไมละลายโดยความรอนและน้ําตาลที่อยู ใกล ๆ กับผิวขนมจะเกิดจดุ ข้ึ น นอกจากนน้ั ผลกึ นํ้าตาลที่หยาบจะไปขูดเอาดีบกุ ทเ่ี คลือบเครื่องผสมหรือ ชามผสม ทําใหเกิดสีเทาข้ึนในผลิตภัณฑและจะย่ิงเปนมากข้ึน ถาเนยหรือไขมันท่ีนํามาตีกับนํ้าตาลเม็ด หยาบมคี วามเย็นมาก อยา งไรก็ตามโอกาสทจ่ี ะใชน ้ําตาลทรายก็มีมาก เชน ใชใ นการโรยไปบนคุกกี้ยอมสี ตาง ๆ ใชทําไสขนมและไซรัปสาํ หรับทาํ ไอซิ่ง แตง หนาเคก สว นน้าํ ตาลผงใชใ นการทําไอซิ่ง 2. นํ้าตาลไอซ่ิงหรือน้ําตาลผง (Icing or Confectionery Sugar) น้ําตาลชนิดนี้เปนผงละเอียดท่ีมีแปง ขาวโพดปนอยู ประมาณ 3 เปอรเซ็นต ทั้งน้ีเพื่อปองกันการจับตัวเปนกอนหรือปองกันการเปนผลึกของ นํ้าตาล สวนมากใชในการทําไอซิ่ง และผสมกับแปงเคกสําเร็จรูปความละเอียดของนํ้าตาลชนิดน้ีชวยให ผสมงายขึ้นและมกั ใชกบั แองเจิล้ เคก 3. น้ําตาลทรายแดง (Yellow or Brown Sugar) นํ้าตาลชนิดนี้จะเปนพวกคาราเมล และความช้ืนอยูดวย และยงั เปน นาํ้ ตาล 4. ที่ไมบริสุทธ์ิหรือเรียกวานํ้าตาลดิบนํ้าตาลชนิดนี้ใชในการทําผลิตภัณฑท่ีตองการกลิ่นรส และสีของ น้ําตาลทรายแดง สวนใหญใชในการทําคุกก้ีและเคกบางชนิด เชน ฟรุตเคก ไมใชในการทําเคกที่มีความ เบาตัว ถา จาํ เปนตอ งใชต องเพ่ิมความระมดั ระวงั ใหม ากในการท่ีจะผสม ไขมนั และน้าํ มนั : คุณสมบตั แิ ละชนดิ ของไขมันทีใ่ ชในการทําขนมอบ - เนยแท (Butter) ไดจ ากสว นของครมี ในนม โดยเอานมเขาเคร่ืองเหวีย่ งสวนท่ีเปนครมี เบากวาจะลอย ข้ึนมาขางบน แยกสวนนี้ไปพาสเจอไรซ แลวปนจะไดไขมันเนยจับเปนกอน สวนที่ไดนี้จะอยูในลักษณะ การรวมตัวของน้ํามนั (Emulsion) มีกลิน่ รสดี ถานําไปใหความรอนจะเดือดจะกระเด็นเพราะมีนาํ้ มันปน กับน้ํา มีท้ังชนิดท่ีเปนเนยสดให หอดวยกระดาษตองเก็บในตูเย็นตลอดเวลา และชนิดท่ีเปนเนยกระปอง ไมจําเปนตองเก็บในตูเย็นถายังมิไดเปดกระปอง มีท้ังชนิดเค็มและจืด ถาชนิดจืดจะหอหรือบรรจุใน กระปองสีเงิน ถาเปน ชนดิ เค็มจะหอ หรอื บรรจุใน กระปอ งสที อง
- เนยเทียม (Margarine) ไดจากน้ํามันพืช เชน น้ํามันมะพราว นํ้ามันถ่ัวเหลือง น้ํามันเมล็ดฝาย เติม วิตามิน เอ ดี และแตงสี รส ใหมีลักษณะใกลเคียงกับเนยแท ตามกฎหมายเนยเทียมน้ีตองมีไขมัน 80 เปอรเซน็ ต เชน เดียวกบั เนยแท ราคาถูกกวาเนยแท - เนยขาว (Hydrogenated Fat) ไดจากไขวัว น้ํามันพืชตางๆ เชนเดียวกับเนยเทียม นํามาเขา ขบวนการเติม Hydrogen ที่เรียกวา Hydrogenated Fat บางคร้ังเรียกไขมันชนิดนี้วา Shortening Fatไมมีกล่ิน ไมมีสี มีสีขาวขุน เก็บไวไดนานกวาเปนของเหลวใชทําขนมอบประเภทใสแปงสาลี เชน ขนมเคก คุกกี้ โดยเฉพาะขนมพายไดดี จะชว ยใหขนมมีปริมาณมาก นุมหรือรอนขึ้น โดยเอาผสมกับ เนยอยางละคร่ึงเพ่ือใหกลิ่น รสดี ถาเทียบกับไขมันชนิดอ่ืน ท่ีกลาวมายังมีราคาถูกบางครั้งยังมีการ เติมสารทช่ี วยการรวมตวั ของน้ํา และนาํ้ มนั เรยี ก High Ratio - Fat - Pastry Margarine เปนเนยเทียมชนิดที่มีจุดหลอมเหลวสูง ใชทําขนมท่ีตองการใหเปนช้ัน เชน แปง Puff หรือ Pastry - กะทิ คอื สวนท่ีไดจ ากการคัน้ มะพรา วขดู ถาตอ งการใหไ ดหวั กะทิแทอ าจคั้นโดยไมต องเติมน้ําหรือเติม เลก็ นอย แลวแตตองการใหขนเพียงใด กะทถิ าตม จะขน ข้นึ ถา เคีย่ วนานกะทิแตกมัน - น้ํามัน สวนใหญที่ใชในขนมอบมักเปนนํ้ามันพืช เชนน้ํามันจากเมล็ดขาวโพด ฝาย ถั่วเหลือง ถั่วลิสง มะกอก มะพราว อาจไดจากการใชเครื่องบีบเอาน้ํามันหรือสกัดโดยใชสารเคมีหรืออาจใชท้ัง 2 วิธี รวมกัน น้ํามันเหลาน้ีบางครั้งมีกลิ่นทีไมตองการ อาจตองผานขบวนการเอากล่ินออก สําหรับคุกก้ี และเพสตรี้ ความสําคัญของไขมันอยูคาของการเปนครีมท่ีดีและความยืดหยุนของไขมัน คุกกี้นั้นใช ไขมนั ประมาณ 10 - 15 เปอรเ ซน็ ต และใน เพสตรใี้ ชประมาณ 40 เปอรเ ซ็นต นม : ในผลิตภัณฑขนมปงน้ํานมและผลิตภัณฑที่ใชนั้น เพ่ือปรับปรุงสีควบคุมการแพรกระจายและให กล่ิน รส โดยปกติแลวใชนมผงมากกวาเพราะมีความสะดวกในการเก็บรักษา พวกนมขนหวานก็สามารถ เก็บไวไดนานแตตองเก็บรักษาไวในสภาพที่เย็น สวนประกอของนํ้านมน้ันโดยเฉลี่ย พบวามีน้ํา 87.6 เปอรเซ็นต ไขมัน 3.6 เปอรเซ็นต โปรตีน 3.3 เปอรเซ็นต แลคโตส (Lactose) 4.7 เปอรเซ็นต ในสวนที่ เปน ไขมันของนมน้ันประกอบดวยเคฟาลิน (Cephalin) กรดออสฟอริค คอเลสเตอรอล (Cholesterol) และวติ ามินทีล่ ะลายได ชนดิ ของนม นมแบงออกเปน 3 ชนดิ คอื 1. นมสด (Whole Milk) มีเน้ือนมอยูประมาณ 10 เปอรเซ็นต เปนของเหลวที่มีทั้งชนิดไขมันเต็ม ซึ่ง ไดแกน มบรสิ ทุ ธิน์ มสดปราศจากไขมันและบัตเตอรม ลิ ค
2. นมขน ไดแก นมขนหวาน (Condensed Milk) มีน้ําตาล 45 - 60 เปอรเซ็นต และนมขนจืดระเหย (Evaporated Milk) คือนมสดท่ีระเหยน้ําออกคร่ึงหน่ึง แตไมเติมนํ้าตาล เวลาจะใชใหเติมนํ้าลงไป 1:1 จะไดน มสด 3. นมผง มี 2 ชนดิ คือ 3.1 นมผงแบบมไี ขมัน มคี วามชน้ื สงู และหืนงาย 3.2 นมผงขาดมันเนย เก็บไดนานโดยไมเหม็นหืนในไขมัน เม่ือใชนมผงในการทําขนมปงท่ีมีสูตร เขมขน สูตรเจอื จาง ไมจาํ เปน ตอ งละลายนมผงในน้ํากอนสาํ หรบั โด สาํ หรับขนมปง นม ไมใชส ว นผสม หลักท่ีสําคัญแตเปนสวนผสมที่เติมเพื่อชวยใหขนมปงมีคุณภาพดีข้ึน ซึ่งนิยมใชนมผงปราศจากไขมัน ซึ่ง การใชน มผงปราศจาก ไขมันหรือหางนม ไข : ไขที่ใชในการทําผลิตภัณฑมีอยู 4 ชนิด คือ 1. ไขสด 2. ไขเหลว 3. ไขแชแข็ง 4. ไขผง นอกจากนั้นยังจําแนกออกเปนไขท้ังฟอง ไขแดง และไขขาวอีกดวย ในการทําขนม เรานิยมใชไขไก มากที่สุด เพราะไขเปนอาหารประเภทใหโปรตีนสูง และมีอยูท้ังไขขาวและไขแดง ฟองหน่ึงใหโปรตีน ประมาณ 7 กรัม มีกรดอะมิโนครบทุกชนิด ความตองการของรางกายและรางกายนําไปใชไดหมด จึง เปน โปรตีนท่มี ีคุณคาสูงทางโภชนาการ นอกจากน้ีไขยงั ใหเ กลือแรที่สําคัญ คือ เหล็ก ในไขแดงมีวิตามินสูง สวนในไขขาวมีวิตามินบีสองสูง ไขไกที่จําหนายอยูในทองตลาดน้ันจะมีน้ําหนักตางกันมาก ฟองเล็กมี นํ้าหนักประมาณ 45 กรัม ฟองใหญมีน้ําหนักระหวาง 65 - 70 กรัม ดังน้ันเพื่อจะใหไดจํานวนท่ีแนนอน จึงนิยมใชก ารตวง ซ่งึ มากกวา จํานวนฟอง การเลอื กใชไขในการทาํ ขนมอบจึงควรเลือกไขใหม ๆ โดยดูที่เปลือกไขจ ะมีผวิ นวล ไมควรซือ้ ไขทม่ี ีรอย ราวหรือเปลือกบุบเพราะอาจมีเชื้อรา ถานําลงแชน้ําดูจะจมลึกกวาไขเกาซ่ึงมีผิวขึ้นมัน เนื่องมาจากตาง พนั ธุกันมากกวา คณุ สมบัตขิ องไขที่มีบทบาทสาํ คัญในการทําขนมหลายประการ คือ การตีไขชวยใหอ าหารโปรง ฟู ขนมอบ บางอยางไมตองใชผลฟูเลย เพราะอากาศท่ีตีเขาไปในไข เม่ือไดรับความรอนจะขยายตัวทําใหขนมนั้นฟู อยางเพียงพอ ไขยังเปนตัวทําใหไขมันกระจายปนไปกับนํ้า (Emulsifting Agent) ไขยังชวยเพิ่มรสและสี ของอาหารดว ย ไขขาวตีใหขน้ึ ฟูไดมากกวาไขแดงหลายเทา แ ละไขขาวใส ตีไดป ริมาณมากกวา ไขขาวขน ถามไี ขแ ดงปน อยูแมเพียงเล็กนอยก็ตาม ไขมันในไขแดงจะไปสาบชูหรือครีมออฟทารทารเพียงเล็กนอย จะไปชวยลด ความเปนดางของไขและชวยโปรตีนจะแข็งตัวทันที หรือถาตีไขใหขึ้นฟูบางแลวเติมกรดดังกลาวลง
ภายหลังจะไดไขที่ข้ึนฟูอยูตัวและมีปริมาณมากกวาดวย (ครีมออฟทารทาร Cream of Tartar เปนผงสี ขาวใชผสมในไขข าว ตีทําหนาขนมเคก ) เกลือ : ชนดิ และคณุ สมบตั ขิ องเกลือที่ใชในการทาํ ผลิตภณั ฑ 1. เกลือธรรมดา (Normal Salts) ไดแก พวกโซเดียมคลอไรด โซเดียมคารบอเนต และโซเดียม ซัลเฟต 2. เกลือกรด (Acid Salts) ไดแก โซเดียมไบคารบอเนต หรือเบคก้ิงโซดา แคลเซียมแอซิดไฟโร ฟอสเฟต 3. เกลือดา ง (Basic Salts) ไมน ิยมใชในการทําผลติ ภณั ฑ 4. เกลอื ผสม (Double Salts) ไดแก อลัม (Alum) นํ้า (Water) : น้ําท่ีใชในการทําผลิตภัณฑเบเกอรี่นั้นไดแกนํ้าที่ใชกันท่ัวๆ ไป หรือเปนนํ้าในสภาพ ของสารประกอบอยางอื่น เชน น้ํานม น้ําผลไม และนํ้าที่ไดจากไข ซึ่งจัดไดว าเปนของเหลวที่ใชในการทํา ผลติ ภณั ฑ คณุ สมบตั ินา้ํ จัดเปนสวนผสมทีส่ ําคญั มากสงิ่ หนง่ึ ซึ่งจะขาดไมได 1. นํ้าออน (Soft Water) ไดแก น้ําที่มีเกลือแรละลายอยูนอย ซึ่งไดแก น้ําฝน นํ้ากล่ัน น้ําชนิดนี้ไมเหมาะ สําหรับทําขนมปง เพราะทําใหแปงที่ผสมเสร็จแลวเหนียวแฉะและติดมือขนมปงจะแบนราบ เน่ืองจาก กลูเตนออนตัว แตถาเปนเคกหรือบิสกิตใชน้ําชนิดน้ีได แตถาจําเปนที่จะตองใชน้ําชนิดน้ีควรจะเพ่ิมเกลือ ในสตู รประมาณ 2 - 5 เปอรเซ็นต หรืออาจจะเพิม่ ยสี ตใหม ากข้ึน 2. น้ํากระดาง (Hard Water) ไดแกน้ําท่ีมีเกลือแรละลายอยูในปริมาณที่พอควร แบงออกไดเปน 2 ชนิด ดวยกนั คือ 2.1 น้ํากระดางช่ัวคราว (Temporary Hardness) นํ้าชนิดน้ีสามารถกําจัดไดโดยการตม จะทําใหเกลือ ละลายตกตะกอน 2.2 น้ํากระดางถาวร (Permanent Hardness) น้ําชนิดน้ีกําจัดโดยการตมไมได แตทําไดโดยการเติม สารเคมีลงไป ซึ่งมีวิธีการท่ีซับซอนมาก ปกติการบอกปริมาณความกระดางของนํ้าเปนสวนตอลานสวน (Parts per Million) ซงึ่ ใชอกั ษรยอวา ppm ไดด ังน้ี 1. นํ้าออน มีความกระดางตํ่าในชวง 0 - 75 ppm ไดแ ก นา้ํ ฝน นํ้ากล่ัน ใชไ ดสําหรับผลิตภัณฑบาง อยางเชน เคก บางชนิด บสิ กิต
2. น้ํากระดางปานกลาง มีความกระดางในชว งระหวา ง 120-180 ppm ไดแ กน ้าํ ประปา ซึ่งเหมาะสําหรับ ทําผลิตภัณฑพวกขนมปง เพราะนํ้าชนดิ นี้ผลิตแกสไดต ามปกตแิ ละกลเู ตนจะเก็บแกส ไดด ีระหวางหมัก ทํา ใหแปงทผี่ สมแลวมีลักษณะนุมพอดี ไมเหนยี วตดิ มือหรือแขง็ กระดาง 3. นา้ํ กระดางมาก มีความกระดางต้ังแต 180 ppm ข้ึนไปไดแก นํ้าบอ น้ําบาดาล น้าํ ชนิดนี้ไมเหมาะ สําหรับทําผลิตภัณฑเพราะมีพวกเกลือแมกนีเซียมและแคลเซียมคารบอเนตละลายปนอยูมาก ทําใหการ หมักหรอื การขึ้นของยีสตช าลง กลเู ตนจับตัวกันแนนทําใหแปง ทีผ่ สมแลว แขง็ สารที่ทําใหข้ึนฟู : สารที่ทําใหขึ้นฟู (Leavening Agent) หมายถึงสารที่เติมลงในแปงหรือสวนผสมของแปงที่ ใชทําขนมอบ ทําใหเกิดแกสข้ึนในระหวางผสมหรือระหวางอบ แกสที่เกิดข้ึนจะทําใหขนมที่อบสุกแลวขยายข้ึน มี ปรมิ าตรมากขึ้น มลี กั ษณะเบาไมอดั แนนและมเี น้ือสัมผสั นมุ สารท่ที ําใหขึ้นฟมู ีหลายชนดิ ดงั น้ี 1. ผงโซดา (Sodium Bicarbonate NaHCO3) 2. ผงแอมโมเนีย (Ammonium Bicarbonate NH4HCO3) เน่ืองจากแกสแอมโมเนียท่ีเกิดข้ึนมีกล่ินฉุนและ เกิดรสชาติที่ไมดี จึง ใชผงแอมโมเนียกับขนมอบที่มีพ้ืนท่ีผิวมาก และอบใหสุกดวยอุณหภูมิสูง ภายใตการ ควบคุมอยางดี ท้ังนี้ก็เพ่ือกลิ่นฉุนของ แกสระเหยออกไป การเลือกซื้อผงแอมโมเนีย ควรเลือกซ้ือท่ีมีลักษณะ แหง หอบรรจุมิดชิดและมีปริมาณบรรจุนอยเพื่อจะไดนําไปใชใหหมดในเวลาอันสั้นเนื่องจากผงแอมโมเนียที่ คุณสมบัติดูดความชืน้ จากอากาศไดงายและดีและจะระเหยเปน แกสไปเรื่อย ๆ ทําใหผงแอมโมเนียท่ีเหลือเส่ือม คณุ ภาพ 3. ผงฟู (Baking Powder) ผงฟูแบงไดเปน 2 ชนิด คอื 1. ผงฟูชนิดที่เกิดแกสเร็ว (Quick - Acting Baking Powder) เปนผงฟูท่ีสามารถใหแกสในระหวางการ ผสม 2. ผงฟูชนิดที่เกิดแกส 2 ครั้ง (Double - Acting Baking Powder) เปนผงฟูท่ีสามารถใหแกสในระหวาง การผสม และใหแกสอีกครัง้ ในระหวา งการอบ การใชผ งฟชู นดิ ทีเ่ กิดแกสเร็ว ไมควรตั้งสวนผสมของแปงที่ ผสมไวนานๆ เพราะแกสคารบอนไดออกไซดที่เกิดขึ้นจะสูญเสียไปเร่ือยๆ ทําใหขนมท่ีไดไมฟูขยาย เทาท่ีควร และการใชผงฟูทุกชนิดควรใชใหถูกวิธี ซ่ึงมักจะรอนผงฟูรวมกับสวนแหงชนิดอื่นๆ เชน แปง
อยา ผสมลงในของเหลวหรือนํ้ากอ น เพราะจะทําใหเ กิดแกส คารบอนไดออกไซดทนั ที และจะทําใหส ูญเสีย แกสไป การเลอื กซอ้ื - เลอื กชนิดที่เปน ผงละเอยี ดบรรจุในภาชนะท่มี ฝี าปดมิดชดิ การเกบ็ รักษา - เกบ็ ในภาชนะทมี่ ีฝาปดมิดชิดแนน สนิท ซึ่งต้งั ไวในท่ีแหง และอณุ หภมู ิไมส ูงเมอ่ื ใชแ ลวทุก ครัง้ ควรปด ฝาใหแนนสนิท 4. ยสี ต (Yeast) ยีสตเ ปนจุลินทรียที่สามารถเปลยี่ นนํ้าตาลหรือแอลกอฮอลใหเปน แกสคารบอนไดออกไซด ในการอบขนม สวนผสมของแปงท่มี ียสี ตจะขึน้ ฟูเพราะเกิดแกส CO2 และแอลกอฮอลจะระเหยไป ยสี ตม ี 3 ชนิด คือ 1. ยีสตสด (Compressed Yeast) ยีสตชนิดน้ีมีลักษณะอัดเปนแผน เจริญเติบโตเร็วเมื่อมีอาหารและ ส่ิงแวดลอมท่ี เหมาะสมและทําใหขนมมีกล่ินรสดี ราคาไมแพง แตตองเก็บในที่ท่ีอุณหภูมิต่ํา เชน ตูเย็น และเก็บไดเพียง 1-2 สัปดาห ปริมาณยสี ตท ใี่ ชใ นขนมอบ ประมาณรอยละ 3 ของนาํ้ หนกั แปง 2. ยีสตแหงชนิดเม็ด (Dry Yeast) ยีสตชนิดนี้ตองละลายนํ้าอุน 400 - 450 oซ.กอนนําไปผสมในสวน ของแปง สามารถเก็บรักษายีสตช นิดนีไ้ ดเปนเวลานานในอุณหภูมิหองและเก็บไดนานหลายเดือนเม่ือเก็บ ในตเู ยน็ ปริมาณการใชยีสต ประมาณรอยละ 1.5 - 2 ของนํา้ หนักแปง 3. ยีสตแหงชนิดผงละเอียด (Instant Dry Yeast) เปนยีสตที่ไมตองละลายน้ํากอนเติมลงในแปง สามารถนาํ ไปผสมกับแปง สารเสริมคณุ ภาพในผลิตภัณฑขนมอบ : ในปจจุบันการทําขนมอบทํางายขน้ึ ไดเน้ือเคกที่ละเอียดและสามารถ ที่จะควบคุมคุณภาพของผลติ ภัณฑ เกบ็ ไดนานปริมาณมาก มใี นลักษณะและปรมิ าณการใชด งั น้ี คือ 1. สารเสริมคุณภาพ เปน สารอมิ ัลซิไฟเออร ท่ีชวยในการทําขนมปง แบบขั้นตอนเดียว (Double Method or Quick Dough) ประกอบดวย Mit C และอาหารสําหรับยีสต เปนตัวชวยใหขนมปงนิ่ม มีสีขาวเน้ือ ละเอยี ดและสามารถเก็บ รกั ษาไดน านขนึ้ การที่ตอ งการใชสารเสริมคณุ ภาพเนื่องจากแนวโนม ในปจ จุบัน การผลิตมีสภาวการณที่เปลี่ยนไป จึงตองใชระยะเวลาใหสั้นลง ซึ่งรวมทั้งตองมีปริมาณและคุณภาพท่ีดี ขึ้น วิธีใช : ใชสารเสริมคุณภาพ 2 - 3 ชอนชาตอแปง 1 กิโลกรัม โดยนําสารเสริมคุณภาพซึ่งเปนผงสีขาว ผสมรวมกับแปง จะชวยลดเวลาในการหมกั แปงในชวงแรก ซึ่งปกติใชเ วลา 1 - 1 1/2 ชวั่ โมงเหลือเพียง 30 นาที
2. เอ็มเพล็กซ มีลักษณะคลายนมผง เปนสารผสมท่ีไดจากนมถั่วเหลือง เกลือ ชวยใหขนมนุมละเอียดและชวยยืด อายุ ผลิตภัณฑใหนานขึ้น และอาจใชคูกับสารเสริมคุณภาพ หรืออาจใชในผลิตภัณฑตัวอื่นเชนเคกที่มีปริมาณ ไขมนั สูง วิธีใช : ใชประมาณ 0.5 - 1.0 เปอรเซ็นตของนํา้ หนกั แปง ขนมที่ข้ึนโดยยีสตใหใ สเอ็มเพล็กซ ขนมที่ข้ึน โดยผงฟใู หใสเอ็มเพล็กซล งพรอมกบั เนย 3. Ec25K มลี ักษณะสีครีมหรือน้ํามันหมูเจียวใสตเู ย็นจนแข็งตวั เปน การอิมลั ซิไฟเออรทช่ี ว ยในการเสริมคุณภาพที่ ดีของเคกที่มีสวนผสมของไขมันเปนหลัก ทําใหเกิดการรวมตัวที่ดีของของเหลวและไขมัน ในสวนผสมของเคกไม แยกตัวเคกมปี ริมาณมากข้นึ เนื้อฟู เบา ละเอียดนมุ วธิ ใี ช : โดยเตมิ ลงไปในระหวางการตเี นยกับนํา้ ตาล หรอื การทําเคกขั้นตอนเดยี ว ใชผสมประมาณ 12 - 15 เปอรเ ซน็ ตข องนํา้ หนักไขมนั ในสูตร 4. S.P. (ผงฟูแบบฟอสเฟต) มีลักษณะเปนครีมสีขาวนวล มีกล่ินหอมออนๆ ใชกับเคกหรือผลิตภัณฑที่มีไขเปน สวนผสมหลักในการตีใหข้ึนดวยฟองอากาศ ชวยใหเกิดฟองอากาศไดปริมาณมาก ชวยใหประหยัดเวลาและ แรงงานในการผสม ชวยทําใหเคกมีเนื้อละเอียดนุม ยืดอายุการเก็บเคก เม่ือผสมแลวไมจําเปนตองอบทันที สว นผสมจะอยตู ัวได 2 - 3 ชั่วโมง วิธีใช : ใสต ามขอ กําหนดในการผสมไขค ร้ังแรก 5. โอวาเลต็ มีลกั ษณะเปนครีมสีสม มีคณุ สมบตั ิในการใชเชนเดียวกบั S.P. แหลงทีม่ า : 1. http://courseware.rmutl.ac.th/courses/109/unit203.html 3. นติ ยสาร Food Paper ฉบบั ที่ 55 วันท่ี 16 ธนั วาคม 2551 – 16 มกราคม 2552
ใบงานเรอื่ ง การวางแผนการทาํ ส่ือการเรียน เวลา 15 นาที กลมุ ท.่ี .............................. 1.............................................................................................................................................. 2............................................................................................................................................. 3............................................................................................................................................. 4............................................................................................................................................. ชื่อสื่อการเรียน....................................................................................................................... วัสดุอุปกรณท ีต่ อ งใช 1............................................................. 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5.............................................................. 6............................................................. ขั้นตอนการทํา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
แบบบันทกึ การประเมินการทาํ งานกลมุ ประเดน็ / ความรวมมอื ขนั้ ตอน แสดงความ ความ รวม คะแนน 8 คดิ เหน็ รบั ผิดชอบ คะแนน กลุม ที่ 4 4 4 20 ชื่อ - สกุล 1 2 3 4 5 6 ลงช่ือ.........................................................ผปู ระเมนิ (................................................................)
ระดับคะแนน เกณฑก ารใหค ะแนนการทํางานกลมุ นาํ้ ห ประเด็น การประเมนิ เกณฑก ารใหคะแนน นัก/ คะแนน 4 32 1 ควา รวม มสํา คญั ความรวมมอื สมาชิกในกลุมทุกคนรว มมอื สมาชิกในกลมุ ทกุ คนรวมมอื สมาชกิ ในกลมุ ทุก สมาชิกในกลมุ กันทาํ งาน มกี าประสานงาน กันทาํ งาน สว นใหญม ีการ คนทํางานทีไ่ ดรบั ที่ดเี ปดโอกาสใหส มาชกิ ประสานงานทด่ี ี เปดโอกาส มอบหมาย แตย งั ขาด บางคนไมทาํ งานกลมุ 1 4 กลุม อื่นมสี ว นรวมใกจิ กรรม ใหสมาชกิ กลมุ อื่นมสี ว นรวม การประสานงานในกลุม ขาดการประสานงาน ตลอดเวลาการนาํ เสนอ ในกิจกรรมบางชว งของการ เปดโอกาสใหส มาชกิ สมาชิกกลุมอ่ืนไมม ี นําเสนอ กลุมอ่นื มีสว นรว มนอ ย โอกาสเขา รวมกจิ กรรม มากในชว งของการ ในชวงของการนําเสนอ นําเสนอ ข้นั ตอนการทํางาน มกี ารกําหนดข้นั ตอนการ มีการกําหนดขั้นตอนการ มีการกาํ หนดข้นั ตอน มกี ารกําหนดข้ันตอน ทาํ งานท่ชี ัดเจนต้งั แตเ รม่ิ ทํางานคอ นขา งชัดเจนตง้ั แต การทาํ งานแตย ังมี การทํางานไมชัดเจน ทาํ ทาํ งานจนกระทั่งเหน็ ผลงาน เริม่ การทาํ งานจนกระท่งั เหน็ ความสาํ เร็จของงานไม ใหผ ลงานไมสมบูรณ 2 8 สมบรู ณ ผลงานสมบูรณ คอ ยสมบรู ณ การแสดงความ สมาชกิ ทกุ คนรว มแสดง สมาชิกสวนใหญรว มแสดง สมาชกิ มากกวา ครึ่งรว ม สมาชกิ ไมใ หค วาม 14 คดิ เห็น ความคิดเห็น ความคดิ เห็น แสดงความคิดเหน็ รวมมือในการแสดง ความคดิ เห็น ความรับผดิ ชอบ สมาชิกทกุ คนทํางานที่ไดรบั สมาชกิ สว นใหญทาํ งานท่ี สมาชิกบางคนเล่ยี งงาน สมาชิกไมม คี วาม มอบหมายจนงานเสรจ็ ไดร บั มอบหมายจนเสรจ็ สน้ิ ไมท าํ หนา ที่ตามที่ไดรบั รับผดิ ชอบทําใหง านไม สมบูรณ ทนั เวลา สมบรู ณ มอบหมายงานเสร็จ แต บรรลุเปาหมาย 1 4 ไมค อยสมบรู ณท ันเวลา 5 20 รวม
แบบบนั ทึกการประเมนิ คณุ ภาพชิ้นงาน / ภาระงาน ประเด็น/คะแนน ความสมบรู ณ ความคิดสรา งสรรค รวมคะแนน ของชนิ้ งาน 20 กลมุ ชอื่ ส่ือการเรียน 12 8 1 2 3 4 5 6 ลงชื่อ.........................................................ผูประเมิน (................................................................) วันท่ี..........เดอื น.................................พ.ศ. .................
เกณฑก ารใหคะแนนคณุ ภาพชนิ้ งาน / ภาระงาน ระดบั เกณฑการใหคะแนน น้ําหนกั / คะแนน คะแนน ประเด็น 4 3 2 1 ความสําคญั รวม การประเมิน ความสมบูรณข อง ช้ินงานมี ชิ้นงานมี ช้ินงานมี ชน้ิ งานมี 3 12 ชนิ้ งาน รายละเอยี ด รายละเอยี ด รายละเอียด รายละเอยี ด ครอบคลมุ วง ครอบคลมุ วง ครอบคลมุ วง ครอบคลมุ วง คําศัพทท่ีเรยี น คาํ ศัพทท ่เี รียน คาํ ศพั ทที่เรียน คาํ ศัพทท เ่ี รยี น สมบรู ณ เปนสวนใหญ พอสมควร นอย ความคดิ เปนช้นิ งานท่ี เปนช้ินงานท่ี เปนชิ้นงานท่ี เปน ช้นิ งานท่ี สรางสรรค แปลกใหมค ดิ แปลกใหมแตมี ปรบั ปรงุ เหมือนกบั ข้ึนเองไมเ หมือ บางสวนคลาย ดดั แปลง ตัวอยา ง ตัวอยาง กบั ตัวอยาง เลก็ นอ ยจาก 2 8 5 20 ตวั อยาง รวม
แบบบันทึกคะแนนการสงั เกตพฤติกรรมในการเรียนดา นเจตคติ (แบบสํารวจรายการ) เรื่อง.......................................................................................................... ชน้ั ............................... ครัง้ ท.ี่ ...................................วันท.่ี ....................เดอื น.......................................พ.ศ......................... รายการพฤตกิ รรม ความ ความ ความเชื่อม่นั ความสนกุ สนาน กระตือรอื รน สนใจใน และกลา การเรียน แสดงออก เลขที่ ชอื่ -สกลุ อาสา ํทางานในการรวม ิกจกรรม ขอเสนอแนะ กระตุนผูรวมงาน ํทางานใ หเสร็จตาม ํกาหนด ในการประเมิน ชวยเหลือผูรวมงาน ํทางานใหเสร็จตาม ํกาหนด เต็มใจเ ชารวม ิกจกรรม ไมรบกวนผู ่ือนในเวลา ํทางาน กลาถาม-ตอบเ ปนภาษา ัองกฤษ อาสาเ ปนตัวแทนแสดง ิกจกรรมห นา ั้ชน ปฏิ ับติ ิกจกรรมดวยความเต็มใจ รวม ิกจกรรมอยางไมเ ่ืบอห นาย ชวย ํทางาน ักบผู ื่อนดวยความพอใจ ผลการประเมิน 1. ผสู ังเกตพิจารณา จากรายงาน พฤตกิ รรมของ นักเรียนแตล ะ ระดับแลวเขยี น เคร่อื งหมายลง ในชอ งรายการ พฤตกิ รรมที่ นกั เรียนผา น 2. นักเรียนผาน รายการพฤติกรรม ทุกรายการถอื วา ผา น
ผังมโนทัศน รายวชิ า ผลติ ภัณฑเ คก 1 รหัสวชิ า ง 33230 ระดับชั้น ม.6 หนวยการเรียนรทู ่ี 3 เร่อื ง ชอ่ื หนว ยการบรรจภุ ณั ฑเคก จาํ นวน 10 ชวั่ โมง : 20 คะแนน ชอื่ เรอื่ ง การบรรจภุ ณั ฑเ คก จํานวน 5 ชว่ั โมง : 10 คะแนน หนวยการเรียนรทู ่ี 3 เรอ่ื ง การบรรจุภัณฑเคก จํานวน 10 ช่ัวโมง ชอ่ื เรอื่ ง การคดิ คาํ นวณตน ทนุ ราคาขาย จํานวน 5 ชว่ั โมง : 10 คะแนน
แผนจดั การเรยี นรูที่ 6 เรอ่ื ง การบรรจภุ ณั ฑเคก รายวิชา ผลิตภัณฑเ คก1 รหัสวชิ า ง 33230 ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 1 ปการศกึ ษา 2564 นํ้าหนักเวลาเรยี น 2.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 5 ชั่วโมง/สัปดาห เวลาทใ่ี ชใ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู 5 ช่วั โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาํ คญั (ความเขาใจที่คงทน) การเลอื กบรรจภุ ณั ฑนบั เปนส่ิงสําคัญสาํ หรับการจัดจาํ หนายผลิตภณั ฑขนมอบเพราะบรรจุ ภัณฑทดี่ ี นอกจากจะชวยปอ งกนั กนั การแตกหกั ของ ผลติ ภณั ฑแลว ยงั ชว ยเกบ็ รักษาคุณภาพของขนมอบ ไวไ ดน านเพ่ิม คุณคา กบั ผลิตภัณฑแ ละกระตุนแรงซื้อจากผูบริโภค การเลอื กใชบ รรจุภณั ฑแ ละการ ออกแบบบรรจุภณั ฑใหเ กดิ ความสวยงาม สะดดุ ตา จะชวยในการตดั สนิ ใจเลือกซื้อไดงายข้นึ และการ ประกอบขนมอบเพื่อใหรปู ระมาณการ คา ใชจา ยผปู ระกอบขนมอบตองจัดทําบัญชีรายรับ รายจายเพื่อ จะไดกําหนดราคาขายไดซง่ึ เปน แนวทางในการ ประกอบอาชีพ 2.ตวั ช้ีวัดชนั้ ป/ผลการเรียนร/ู เปา หมายการเรียนรู ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู 5.เพอื่ ใหนักเรยี นมีความรูเก่ยี วกับ การบรรจแุ ละการเก็บรักษาขนมเคก 6. มคี วามรแู ละสามารถอธิบายเรือ่ ง การคิดตน ทนุ การผลิต การกาํ หนดราคาขาย 3. สาระการเรยี นรู 3.1 เนือ้ หาสาระหลัก : Knowledge 1.ประเภทบรรจภุ ัณฑ 2. ประโยชนข องบรรจุภัณฑ 3. การออกแบบผลติ ภัณฑใ สขนมอบ 4.การทาํ บัญชีรายรับ– รายจาย 5.การกําหนดราคาจําหนา ย 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process ออกแบบบรรจุภัณฑใสข นม/ ปฏบิ ตั ิการคิดคาํ นวนคา ใชจ า ยและ กําหนดราคาขาย 3.3 คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค : Attitude ใฝเรียนรู ,มุงม่ันในการทํางาน,มวี ินัย 4. สมรรถนะสําคญั ของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 5. คุณลักษณะของวชิ า - ความตัง้ ใจ- ความรบั ผดิ ชอบ - ตรงตอ เวลา 6. คุณลกั ษณะที่พึงประสงค 1. ใฝเรียนรู 2. มุงมนั่ ในการทาํ งาน
3. มีวนิ ัย 7. ช้ินงาน/ภาระงาน : - ออกแบบบรรจภุ ัณฑข นมเคก - ทาํ แบบฝกหดั เร่ืองการคิดตนทนุ การกําหนดราคาขาย 8. กจิ กรรมการเรียนรู ขน้ั นําเขา สบู ทเรยี น 1.ทาํ ความเขา ใจและชี้แจงสาระการเรยี นรใู หน ักเรยี นทราบในหนว ยการเรยี นรูเ รื่อง การบรรจุภณั ฑ และ การคิดคํานวณคา ใชจ าย กาํ หนดราคาขาย ข้ันสอน 1. ครู ใหนร.ดู พาวเวอรพ อยทเ รอ่ื งความสาํ คัญของบรรรจภุ ณั ฑ ประโยชน และการออกแบบบรรจุภัณฑ แลว อธิบายประกอบให นร.เขาใจ 2. ครใู หนร.แบงกลมุ ๆละ4 คน ออกแบบบรรจุภณั ฑ ขนมเคก ลงในกระดาษ นาํ เสนอ 3. ครแู จกใบความรูเ รอ่ื ง การคิดตน ทนุ กําหนดราคาขาย ใหนร. แลวอธบิ ายเพ่มิ เตมิ 4. ใหน ร. ทําแบบฝก หัดเรอ่ื งการคิดตน ทนุ กําหนดราคาขาย 5. ใหนกั เรียนสง ใบงานในเวลา ขัน้ สรุป จาํ นวน 1. ครูสรปุ และใหค วามรเู พม่ิ เติม ในดานเนื้อหา - - 9. ส่ือการเรยี นการสอน / แหลง เรียนรู รายการสื่อ 1. พาวเวอรพ อยทเ ร่ืองความสําคญั ของบรรรจุ ภณั ฑ ประโยชน และการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ 2.ใบความรูเร่อื ง การคิดตนทุน กําหนดราคาขาย 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เปา หมาย หลกั ฐานการเรยี นรู วธิ ีวัด เคร่ืองมือวดั ฯ ประเด็น/ การเรียนรู ชนิ้ งาน/ภาระงาน เกณฑก ารให แบบประเมนิ 5.เพ่ือใหนักเรยี นมี - ออกแบบบรรจุภณั ฑ การสง งานของนักเรยี น ทํางานกลมุ คะแนน ความรูเกีย่ วกับ การ ขนมเคก เตม็ 10 คะแนน
บรรจุและการเกบ็ - ทําแบบฝก หัดเรอ่ื ง การสง งานของนักเรยี น แบบประเมนิ เต็ม 10 คะแนน รักษาขนมเคก การคิดตน ทนุ การ รายบคุ คล กําหนดราคาขาย 6. มคี วามรแู ละ สามารถอธบิ ายเรื่อง การคดิ ตนทนุ การ ผลิต การกําหนด ราคาขาย ลงชือ่ ..................................................ผสู อน ( นางสาวปณชดา ไชยมงคล) ตําแหนง ครู คศ.2
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลังการจัดกจิ กรรมการเรียนรู ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู ขอคน พบระหวาง ปญหาท่ีพบ แนวทางแกไข ทม่ี ีการจดั กิจกรรมการเรียนรู เนอ้ื หา กิจกรรมการเรยี นรู สอ่ื ประกอบการเรียนรู พฤติกรรม/การมีสวนรวมของ ผูเรียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ูจดั กิจกรรมการเรียนรู ( นางสาวปณ ชดา ไชยมงคล) ตําแหนง ครู คศ.2
ใบความรเู ร่อื ง การบรรจุภัณฑ บรรจุภณั ฑ (Packaging) การบรรจุหีบหอมีความสําคัญอยางยิ่งในการผลิตขนมอบหรือเบเกอรี่ออกจําหนาย ขนมอบจะดูนา รับประทานและนาซื้อมากข้ึน ถาผูผลิตพิถีพิถันในการเลือกใชวัสดุและการออกแบบบรรจุภัณฑใหเหมาะสมกับ ผลติ ภัณฑ การหอขนมกอ นาํ ออกจาํ หนา ยจงึ เปน ทน่ี ยิ มกนั มาก เนื่องจาก 1. ทาํ ใหขนมเกบ็ ไวไ ดนาน 2. ดสู ะอาดถกู สขุ ลักษณะ 3. สะดวกตอ การจับและการเกบ็ รกั ษา 4. ผบู รโิ ภคสามารถมองเหน็ ลกั ษณะของผลติ ภัณฑได 5. ประหยดั เนอื้ ท่ีในการเกบ็ รกั ษาสนิ คา การขนสง และการวางโชว 6. กระตนุ ความสนใจใหล ูกคา อยากซอ้ื มากข้ึน บรรจุภัณฑนอกจากนี้จะมีประโยชนในการเก็บรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑแลว ยังมีประโยชน ทางดา นการตลาดดว ย คอื 1. ชวยในการสงเสรมิ การขาย บรรจุภัณฑท อี่ อกแบบสวยงามสามารถใชเปนส่ือโฆษณาและขายสินคาได ดวยตวั เอง 2.แสดงรายการขอมูลอาหาร เชน ขอมูลทางดานโภชนาการ สวนประกอบของอาหาร วันที่ผลิต วัน หมดอายุ คาํ แนะนําและเครือ่ งหมายเลขทะเบียนหรอื เลขอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 3.ต้ังราคาขายไดสูงข้ึน บรรจุภัณฑท่ีสวยงามจะสรางมูลคาเพิ่มใหกับสินคา สรางความนิยมใหกับ สนิ คา จากตราและเครอ่ื งหมายการคา ทําใหเกิดความภกั ดใี นตวั สนิ คา ทําใหส ามารถขายในราคาที่สงู ขึ้นได 4.การเพ่ิมปรมิ าณการขาย ดว ยการรว มหนวยขายปลีกหลาย ๆ ชนิ้ รวมเปน ชดุ 5.เพ่ิมความสะดวกรวดเร็ว โดยการใชบ ารโคดบนบรรจุภณั ฑ ทาํ ใหพนักงานขายสามารถคิดคํานวณเงิน ไดส ะดวกรวดเร็วและถูกตอ งมากขึน้ 6.เปน สอื่ ในการรณรงคในเรือ่ งตาง ๆ เชน สัญลกั ษณร ีไซเคิล ฉลากเขยี ว เปน ตน การเลอื กวัสดทุ ี่ใชทาํ บรรจุภัณฑ ควรคาํ นงึ ถึง 1.ราคาไมค วรสูงเกนิ ไป 2.วสั ดทุ ่ีใชจะตองมคี วามมนั และสามารถพมิ พได 3.สามารถโคง งอและพับได 4.สามารถเก็บความสดและความนุมกรอบของสินคาไวได และสามารถปองกันการสูญเสียความช้ืนหรือ การซึมไดบรรจุภัณฑเปนส่ิงที่ชวยกระตุนใหลูกคาอยากซ้ือสินคา โดยบรรจุภัณฑท่ีเลือกใชตองเลือกใชวัสดุท่ี สามารถปกปอ งผลิตภณั ฑไดด ี สะดวกสบายในการขนยาย ลักษณะการออกแบบบรรจภุ ัณฑทดี่ ี 1.รปู แบบตอ งสวยงาม มรี ูปทรงทห่ี ลากหลาย
2.ลูกคาสามารถถือไปไหนมาไหนไดสะดวก เชน บรรจุภัณฑท่ีมีหูห้ิวเพื่อใหสะดวกในการขน ยาย ฯลฯ เปนตน 3.ความสูงของบรรจุภัณฑตองมีความเหมาะสม ไมสูงหรือตํ่าเกินไป ซึ่งอาจจะมีผลเสียหายตอ รปู ทรงของผลติ ภณั ฑไ ด เชน ขนมเคก เปน ตน 4.ชว ยลดเน้อื ทใ่ี นการจัดเก็บและขนสง สขุ ลักษณะของสถานประกอบการ ผูประกอบการรา นขนมอบหรอื เบเกอรี่ ควรจะตองเรียนรูส ขุ ลักษณะทด่ี ใี นการผลติ สนิ คา เพื่อใหไ ดมา ซงึ่ สนิ คาทีม่ ีคุณภาพและมาตรฐาน สิ่งสาํ คญั ท่ีผปู ระกอบการจะตอ งคาํ นึงถึงก็คือ 1.ความสะอาดของคนงาน เปนเรื่องที่สําคัญสิ่งอํานวยความสะดวกตาง ๆ เชน หองน้ํา-หองสวม, อางลางมือ , ผาเช็ดมือ , หมวก , ผากันเปอน เปนตน เหลาน้ีผูประการควรเอาใจใสดูแล และเนนยํ้าใหคนงาน เหน็ ความสําคญั ในการรักษาความสะอาดอยูเสมอ เพราะวา โอกาสที่ผลิตภัณฑจะติดเช้อื จุรนิ ทรียไ ดนนั้ สวนใหญจ ะมาจากคนงานที่ทาํ การผลติ 2.เครื่องมือเคร่ืองใชในการผลิต ควรทําความสะอาดใหเรียบรอยทันทีหลังจากใชงานเสร็จแลวทุก ครงั้ และจดั เกบ็ ใหเปน ระเบียบ เพื่อใหส วยงามหยบิ ใชง านไดสะดวก 3.หอ งเก็บรักษาวัตถดุ ิบ ควรจดั เก็บแยกเปน สัดสว น เชน ท่เี ก็บแปง ไขมัน เนยไข และอื่นๆ หาก เกบ็ วตั ถุดบิ ดังกลาวไวร วมในหอ งเดียวกันจะทําใหผลิตภัณฑท่ผี ลิตออกมามกั มีกลนิ่ แตกตางไป และหองเก็บควรมี ความมิดชดิ สามารถปอ งกนั สตั วหรอื แมลงตาง ๆ ท่ีอาจจะเปนพาหนะนาํ เชือ้ โรคหรอื กอ ใหเกดิ ความเสยี หายได 4. สถานที่ผลิต ควรมีการระบายอากาศไดดี มีแสงสวางเพียง และสามารถปองกันแมลงหรือสัตว อ่นื ๆ เขา ไปทาํ ความเสียหายกับวัตถุดบิ หรอื ผลิตภณั ฑ 5. พื้นโตะท่ีใชประกอบกิจกรรมการผลิต ควรเช็ดถูใหสะอาดเรียบรอยทุกคร้ังหลังจากใชงาน แลว รวมทงั้ พื้นผนงั ของหอ งท่ใี ชผ ลิตขนมควรทําความสะอาดอยเู สมอ 6. การกําจัดของเสีย เชน นํ้าลางเคร่ืองมือ เคร่ืองใชตาง ๆ เศษแปงท่ีผสมแลวหรือวัตถุดิบอื่น ๆ ควรจํากัดออกใหสะอาดในวัสดุหรือภาชนะท่ีปดไดม ิดชิด ท่ีสามารถปอ งกันกล่ินของเสยี และแมลงหรือสัตวไป ร้อื คน ได ส่ิงตา ง ๆ ดงั กลา วผปู ระกอบการควรเอาใจใสดแู ลอยา งทวั่ ถึง เพื่อใหมคี วามสะอาดอยูเ สมอ ผลิตภณั ฑ ทผี่ ลติ ออกมากจ็ ะปราศจากเช้อื โรค และทําใหไ ดผ ลิตภณั ฑทีม่ คี ุณภาพดี เปน ท่ีเชอ่ื ถอื ของผูบรโิ ภค การโฆษณา (Advertising) การโฆษณาประชาสัมพันธสวนใหญของรานขนมอบเบเกอร่ีจะใชสือ่ ส่ิงพิมพตา ง ๆ เชน นิตยสารตาง ๆ ท่กี ลมุ ลกู คา เปาหมายสนใจอา น ใบปลวิ ปา ยโฆษณาหนารานและปายโฆษณาบนช้ันวางขายสินคา เปนตน การสงเสรมิ การขาย (Promotion) การสงเสริมการขายมีบทบาทในการจูงใจใหเกิดความตองการและตัดสินใจซ้ือสินคาขึ้น ผูบริโภคทั้งท่ี กลุมเปาหมายและที่มิใชกลุมเปาหมาย เม่ือไดรับการกระตุนก็อาจเกิดความสนใจอยากทดลองซ้ือสินคา แลว อาจจะกลายมาเปนลกู คาขาประจําในภายหลัง เครือ่ งมือการสงเสริมการขายของธุรกิจรานขนมอบเบเกอรท่ี ่ีมีอยู หลายรูปแบบ ไดแก การลด แลก แจก แถม เชน การลดราคาสินคานรานทุกชนิด 20-25% ประจําทุกวัน
พุธ การสะสมคูปองแลกซือ้ สินคาอ่ืนภายในราน การต้ังยอดซื้อสินคาเม่ือลกู คาซื้อสินคาไดตามมูลคาทางรา นกจ็ ะ แถมสินคาอ่ืน ๆ ใหกับลูกคาไปดวย หรือเม่ือรานมีผลิตภัณฑออกใหมก็จะมีการแจกใหลูกคาไดทดลองชิม เปน ตน การบรหิ ารธรุ กิจ การประกอบธุรกิจรานขนมอบเบเกอรี่ ผูประกอบการตองมีกลวิธีและแนวทางในการบริหาร จัดการ โดยคาํ นึงถงึ เรือ่ งดงั ตอไปน้ี การจดั สงสินคา ในการขนยา ยหรือนําสนิ คา ไปยงั พ้นื ทขี่ ายสนิ คา ส่ิงทผี่ ูประกอบการควรพจิ ารณา ดังน้ีคอื 1. พาหนะท่ีใชในการขนสง ควรมีพื้นที่ในการจัดเก็บอยางเหมาะสม และสามารถปองกันความ เสียหายของสินคาจากการขนสง รวมทั้งสามารถควบคุมอุณหภูมิใหคงที่อยูเสมอ คืออยูระหวาง 20 – 25องศา เซลเซียส 2. ภาชนะที่ใชใ สผลิตภัณฑในการขนสง ควรสามารถปกปองผลิตภัณฑไมใหเกิดความเสียหายหรือ เสียรูปทรง 3. บรรจภุ ัณฑค วรออกแบบและเลอื กใชว สั ดใุ หเหมาะสม และสามารถรกั ษารูปทรงของผลติ ภณั ฑไ ว ได้ ประเภทของบรรจุภณั ฑอ าหาร บรรจุภณั ฑที่ใชใ นอตุ สาหกรรมอาหารมีอยหู ลายชนดิ ไดแ ก 1. บรรจุภัณฑกระดาษ เชน aseptic carton เปนบรรจุภัณฑทม่ี ีตนทุนตํ่า สามารถทําการพมิ พส อดสไี ดง า ยและไม ทําลายส่ิงแวดลอม 2. บรรจภุ ณั ฑแกว เปน บรรจภุ ัณฑทใ่ี ชใ นอตุ สาหกรรมอยางกวางขวางและสามารถนํากลับมาใชใหมไดมากที่สดุ 3. บรรจุภัณฑโลหะ เชน กระปอง มีความแข็งแรงทนทางตอการขนสง สามารถเก็บรักษาคุณภาพอาหารไดนาน และใชมากในการผลติ ผลิตภณั ฑท ี่ตอ งผา นกระบวนการฆาเชื้อดว ยความรอ น 4. บรรจุภัณฑพลาสติก ที่นิยมใชมีอยู 2 ประเภทคือ ประเภทคงรูป เชน ขวด ถวย ลัง และประเภทออนตัว (flexible packaging) เชน ฟลมพลาสตกิ ถุง และซองพลาสตกิ เปน ตน
ใบความรเู รื่อง การคิดตน ทุน กาํ หนดราคาขาย การคาํ นวณคา ใชจ า ย กาํ หนดราคาหรือคาบรกิ าร และการจดั จําหนาย การจําหนายอาหาร ผูผลิตอาหารจําเปนอยางย่ิงท่ีตองมีการคํานวณคาใชจาย หรือคิดราคาตนทุนการ ผลิตกอน จงึ จะสามารถกาํ หนดราคา หรอื คา บริการได ซ่ึงมรี ายละเอยี ดดงั นี้ 1. การคาํ นวณคาใชจ าย หรอื ตนทุน การคํานวณคาใชจาย หรือตนทุน หมายถงึ คาใชจายตาง ๆ ท่ีตองจายไปเพ่ือใหไดสินคา มาประกอบเปนอาหาร ทจี่ ะจัดจาํ หนา ย สินคาตา ง ๆ ที่ถือไดวาเปนตน ทนุ คอื 1.1 ราคาวัสดุที่ซื้อมาประกอบอาหาร เชน นํ้าตาล ไข แปงชนิดตาง ๆ กะทิ มะพราว ขาวโพด สีผสม อาหาร ผัก ผลไม เน้ือสตั วต าง ๆ ฯลฯ 1.2 คา วัสดุทใ่ี ชเปนเชื้อเพลิง เชน ถาน น้าํ มัน ไฟฟา และแกส ท่ีใชหุงตม 1.3 คาอุปกรณเครื่องใชท่ีสึกหรอในการทํางานแตละครั้ง จะตองคิดคาสึกหรอและราคาเส่ือมคุณภาพของ เครื่องมือ การคิดคาเส่ือมราคาอาจจะคิดจํานวนคร้ังของ การใชเครื่องมือในแตละคร้ังตามความเหมาะสมหรือ อาจจะใชวิธีการคิด 10%ของราคาอุปกรณตอป (ลังถึง1 ชุดซ้ือมาราคาชุดละ 450 บาทเพราะฉะนั้นคาอุปกรณ เคร่ืองใชท่ีสึกหรอ แลวจึงหารดวยจํานวนครั้งท่ีใชลังถงึ ในเวลา 1 ป คือ 450 หารดวย 10 = 45 บาท/ป และ 45 หารดวย จํานวนท่ีใชลังถึงก็จะไดเปนคาสึกหรอของลังถึงในแตละคร้ัง ตามหลักความเปนจริงอาจจะไมตองมี รายละเอียดตามทีแ่ สดงไว แตควรใหมีความเหมาะสม และมคี วามเปน จรงิ 1.4 คา แรงงาน คา แรงงานควรคิดใหตามราคาของกรมแรงงานรายวนั 1.5 คาใชจายอ่ืน ๆ เชน คาภาชนะบรรจุท่ีใชเสิรฟอาหารหรือใชในการบรรจุอาหารเพ่ือจําหนายตามความ ตอ งการใหก ับผบู ริโภค คาอปุ กรณห รอื เคร่อื งมือเครื่องใชอนื่ ๆ การคํานวณคาใชจาย หรือการคิดคํานวณราคาตนทุนในการลงทุนทํางานทุกอยางจะตองทราบการลงทุน เสียกอ น จงึ กําหนดราคาสนิ คาได การจาํ หนายสินคาจะไมมกี ารคาดคะเนราคาสนิ คาดงั น้ันกระบวนการของ การคํานวณคา ใชจ า ยหรือการคดิ คาํ นวณตน ทุน “การทาํ ขนมสาล่ีกรอบ” ตามตวั อยา งขางลางมดี ังนี้ 1) คา วัสดุ คิดจากจํานวนที่ใชวสั ดุนั้น ๆ ตามทใี่ ชจริง หลังจากเปรยี บเทยี บหาอัตราสวนของวัสดทุ ี่มีจาํ หนา ย ตามทองตลาด รวมทั้งคาภาชนะท่ีใชบรรจุในการจําหนาย (จํานวนท่ีใชจากจํานวนเต็มท่ีซ้ือซ่ึงอาจมีหนวยเปน กิโลกรัม กรัม มิลลิลิตร ลูก ฟอง มัด ผล ใบ แพค หอฯลฯ ท้ังนี้ข้ึนอยูกับชนิดของอาหารที่มีวางจําหนาย โดยทว่ั ไป โดยจะตองทราบราคาจํานวนเต็มทซี่ อ้ื ดว ย) 2) คาอุปกรณสึกหรอท่ีใชในการประกอบอาหารชนิดน้ัน ๆ เชน ชามผสม กะละมัง ถาด เคร่ืองชั่ง เตา อบ เคร่อื งตีไข ท่ีรอ นแปง ชอน ทพั พี ถว ยจบี พิมพข นม ถว ยตวง ชอ นตวง เปน ตน 3) คาขนสงในการซื้อวัสดุ หรือสงสินคาไปยังพอคาคนกลางและผูบริโภค โดยคํานวณเฉลี่ยจากวัสดุ หรือสง สินคาทุก ๆ ชนิดไปยังพอคา คนกลางและผูบริโภค หากเปนการปฏิบัติงานของผูเรียนอาจจะไมมคี าใชจายในสวน น้ีก็ได เน่ืองจากผูเรียนซื้อวัสดุจากแหลงจําหนายท่ีอยูใกลบานและการจําหนายของผูเรียนก็เปนการจําหนาย ภายในโรงเรยี น หลังจากการปฏิบตั งิ านหรอื นํากลบั ไปจําหนา ยที่บา น ซ่งึ ผเู รยี นจาํ เปน จะตอ งกลับอยูแลว
4) คาเชื้อเพลิงใหคํานวณราคาแกสหุงตม คานํ้า คาไฟที่ใชโดยการคาดคะเนรวมโดยคํานวณเปนช่ัวโมง ตาม ขอตกลงที่เหน็ วาเหมาะสม ขนึ้ อยูกบั สภาพเศรษฐกจิ 5) คา แรงงาน ทีใ่ ชใ นการประกอบอาหารนน้ั ๆ คิดอัตราการจา งแรงงาน รายวันหรือรายช่ัวโมงท่ัว ๆไป โดยคํานวณเวลาในการประกอบอาหารน้ัน ๆ จนเสร็จสิ้นและสามารถนําไป จาํ หนายได 6) การคิดคาํ นวณหากําไรหากมีการจดั จําหนา ย โดยคํานงึ ถงึ ขน้ั ตอน ความประณีตหรือเวลาที่ใชในการประดิดประดอยอาหารนั้น ๆ เชนระหวางขนมกลวยทอด กับ ปนขลิบ ควร กาํ หนดกาํ ไรของปน ขลิบใหมากกวาอีกหน่ึงหรือสองเทา ของขนมกลวยทอด เปน ตน *** ตั้งแตรายการท่ี 2 – 5 อาจจะคิดจาก เปอรเซ็นตของราคาวัสดุท้ังหมด จะเปน 10 – 50 % ขึ้นอยูกับความ ยาก- งา ย อุปกรณท ีน่ าํ มาใช และเวลาท่ีใชในการทาํ งาน **** ตัวอยางท่ี 1 การคาํ นวณคาใชจาย การทําขนมสาส่ีกรอบ ที่ รายการจากตํารบั จํานวนที่ใชจาก ร า ค า จํ า น ว น จํานวนเงิน จาํ นวนเต็มท่ีซ้ือ เตม็ ท่ีซอ้ื 1 แปง สาลีชนิดเบา 3 ถว ยตวง 300 กรมั กก.ละ 32 บาท 32´× 300 = 9.60 บาท 2 นาํ้ ตาลทราย 3 ½ ถวยตวง 700 กรัม 1,000 3 ไขไกข นาดกลาง 6 ฟอง 6 ฟอง กก.ละ 20 บาท 20 ×´ 700 = 14 บาท 1,000 ฟองละ 3 บาท 6 ×´ 3 = 18 บาท 4 มะพราวขูดขาว 4 ถวยตวง 500 กรัม กก.ละ 17 บาท 500 × 17 = 8.50 บาท 5 กลิน่ วานลิ า 2 ชอ นชา 1,000 6 กระทงกระดาษ 60 ใบ 10 มล./ 454 มล. ขวดละ 155บาท 10 ×´155 =3.40 บาท 454 60 ใบ / 800 ใบ แถวละ 36 บาท 60 × 36 =2.70 บาท 800 รวมจา ยคา วัสดุทงั้ หมด 56.20 บาท
รวมจายคาวัสดทุ ้ังหมด 56.20 บาท คดิ เปน 57 บาท คา แรงงาน 12 บาท คา อุปกรณส ึกหรอ 2 บาท 10 -50 % ของคาวสั ดุทัง้ หมด คาเชื้อเพลงิ ใช 1 ช่วั โมง 8 บาท คาพาหนะคาขนสง 5 บาท คาภาชนะบรรจุเพ่ือจําหนา ย 3 บาท รวมคา ใชจายทัง้ หมด 87 บาท จาํ นวนเงนิ 87 บาท คือ ตนทุนในการทําขนมสาล่ีกรอบ เมื่อรวมคาใชจ ายตาง ๆ ไดเทา ไร นน่ั คอื ตนทุน การผลติ ทงั้ หมดของขนม หากคดิ ราคาตอ หนวย ซ่งึ มีจํานวน 60 ช้นิ กจ็ ะไดร าคาตอหนว ย คือ 87หารดว ย 60 = 1.45 บาท 2. การคิดกําไร จะตองการกําไรเทาไร ใหคํานึงถึงข้ันตอน กระบวนการ ความยากงาย และการ ประดิดประดอยของอาหารดังไดกลาวไวแ ลว ขางตน อาจจะเปน 10% - 100% มีวธิ กี ารดงั น้ี ตน ทุนการผลิต × เปอรเ ซน็ ตกาํ ไรที่ตองการ = กาํ ไรท่ีตองการ ตวั อยางที่ 2 การคํานวณหากาํ ไร ห า ก ต อ ง ก า ร กํ า ไ ร ใ น ก า ร ทํ า ข น ม ส า ลี่ ก ร อ บ 20% จ ะ ส า ม า ร ถ คํ า น ว ณ ไ ด ดังนี้ 87 × 20 ÷ 100 = 17.40 กําไรและขาดทุนเกิดจากตนทุนและการขาย ราคาขายมากกวาตนทุน เรียกวา กําไร แตถาราคา ขายนอยกวาตนทนุ หรอื เสมอทุน เรยี กวา ขาดทนุ 3. องคป ระกอบที่ใชใ นการกําหนดราคาหรอื คา บริการ การกาํ หนดราคาหรือคาบริการนนั้ ไมควรกําหนดใหสงู มากเกนิ ไป ควรกําหนดใหเ หมาะสมกับอาหาร ซงึ่ หมายถึง วัสดุที่ใชประกอบเปนอาหารนั้นๆ การกําหนดราคาอาหารข้ึนอยูกับประเภทของการจัดต้ังรานอาหารและ บรกิ าร โดยใชห ลักความพอใจของคนขาย ควรมีกําไรบางพอสมควรแกราคาตนทุนไมควรต้ังราคาสงู จนเกินไป ควรคํานึงถึงความเหมาะสมกับเศรษฐกิจของสภาพทองถิ่น เพ่ือสะดวกในการประกอบกิจการใหเจริญกาวหนา และคงสภาพอยไู ด โดยองคป ระกอบทีใ่ ชใ นการกําหนดราคาหรอื คาบริการนัน้ มหี ลักในการพจิ ราณาดังนี้ 3.1 อาหารมีหลักการปรงุ ที่สงวนคณุ คา ทางโภชนาการ 3.2 ใหคํานงึ ถงึ ผูบ ริโภค นสิ ัยการกนิ วัฒนธรรม ประเพณีและศาสนา 3.3 ใหมีสี รูปลกั ษณะ เน้ือสัมผัสรสและวิธกี ารประกอบอาหารท่แี ตกตางกนั 3.4 ไมใ หมกี ารซํ้าซอ นของลกั ษณะอาหาร 3.5 ใหใ ชอาหารท่ีมีอยตู ามฤดกู าลใหมาก 3.6 ใหมีการเปล่ยี นแปลงรายการอาหารเสมอ 3.7 ใหมีการสงเสริมนิสัยการกินที่ดีของผูบริโภค โดยใหมีการเสิรฟอาหารใหม ๆ บางเพื่อใหผูบริโภคเกิดการ เรียนรูของใหม ๆ 3.8 สภาวะแขงขันของตลาด กาํ ลงั ชอื้ ของผบู รโิ ภค และราคาควบคุมของกระทรวงพานิชย 3.9 ใหม กี ารจัดอาหารในโอกาสพิเศษและตามเทศกาลตา งๆ เปนคร้งั คราว
3.10ความสะอาดของอาหาร ไมมีการปนเปอนจากสิ่งตองหามตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขหาก ตอ งการขายใหไ ดร าคาแพง คณุ ภาพอาหารตอ งดี 3.11 มีปา ยสญั ลกั ษณท ก่ี ระทรวงสาธารณสขุ รบั รองเรอ่ื งความสะอาด 4. การกาํ หนดราคาขาย ( การกาํ หนดราคาหรือคา บริการ ) การกําหนดราคาหรือคาบริการไมถูกตอง เปนสาเหตุหนึ่งที่ทําใหกิจการไมกาวหนา หรือลมเหลว นอกจากการ ขาดแคลนเงินทุน ขาดการจัดการที่ดี และการจัดทําบัญชีที่ไมดีพอ ซ่ึงการกําหนดราคาหรือคาบริการทําได ไมยาก หากทราบราคาตนทุนของสินคา แลวนํามาคํานวณราคาทุนที่กลาวมาแลวขางตน ก็จะสามารถกําหนด ราคาสนิ คาไดไมยาก จากตวั อยางท่ี 1 และตวั อยา งที่ 2 ขนมสาลก่ี รอบ จะตอ งกําหนดราคาขาย โดยการนําราคาทนุ รวมกับกาํ ไร ท่ตี อ งการ คือ 87 + 17.40 = 104.40 ซึ่ง 104.40 คิดเปน 105 บาท 105 บาท คอื ราคาที่ตอ งขายขนมสาลก่ี รอบใหไ ด เปนอยา งตํ่า และเม่อื ตองการคดิ ราคาตอหนวย ซ่งึ มีจํานวน 60 ช้นิ ก็จะไดราคาตอหนว ย คอื 105 ÷ 60 = 1.75 บาท สรปุ เม่ือขายไดกาํ ไร ราคาขาย = ตน ทุน + กาํ ไร ตนทนุ = ราคาขาย – กาํ ไร กําไร = ราคาขาย – ตน ทุน เม่อื ขายขาดทนุ ราคาขาย = ตนทุน - กําไร ตน ทุน = ราคาขาย + กาํ ไร กําไร = ตนทนุ – ราคาขาย การกําหนดราคาหรือคา บริการมีหลัก คือ ใหผูขายคาํ นวณคา ใชจายที่เกิดข้ึนโดยตรงกับราคาสนิ คา โดยการนํา ตนทุนบวกกับกําไรที่ตองการ ก็จะไดราคาขายสินคาที่เหมาะสมท้ังน้ีตองคํานึงถึงความยากงายของขนมหรือ อาหารน้ันๆ ดวย 5. การดําเนินการจัดจาํ หนา ย เม่ือผลิตภัณฑพรอมท่ีจะออกสูตลาด ข้ันตอไปคือ การจัดจําหนาย ซึ่งปจจุบันผูผลิต จะมีความยุงยาก ในการผานสินคาถึงมือผูบริโภคโดยตรง จึงจําเปนตองอาศัยคนกลางเขามาชวยในการจัดจําหนายสินคา ซึ่งมี วธิ ีการดําเนนิ การ 3 ทาง คือ 5.1 ผา นรา นคา ปลีกของผผู ลติ เชน มีรา นคา ของตนเอง 5.2 ขายแบบสงพนกั งานไปขายกบั ผบู ริโภคโดยตรง
5.3สงผานทางไปรษณีย หรือบริการขนสง การขายวิธีน้ีจะใชไดกับสินคาบางตัวเทานั้น เพราะ ผูคาปลีก รายใหญจ ะผูกขาดสนิ คาบางตวั จากผผู ลิต เชน หา งสรรพสนิ คา ใหญ ๆ 6. คุณลกั ษณะของผูจัดจาํ หนา ย การจดั จาํ หนายอาหารและขนมนั้น ขอทจี่ ูงใจและชกั นําลูกคาใหใหเขารานไดมาก นอกจากอาหารหรือขนมท่ี อรอ ย สะอาดและราคาถูกแลว คุณลักษณะของผจู ดั จาํ หนา ย ก็เปน ปจจยั หนึง่ ท่ไี มค วรมองขาม ซงึ่ ควรมี คณุ ลกั ษณะดงั น้ี 6.1 แตงกายสะอาด 6.2 พดู จาดว ยคาํ พดู ทไ่ี พเราะ 6.3 ตอ นรบั แขกดว ยใบหนายม้ิ แยม 6.4 ควรกลา วคาํ ขอบคุณหรอื อื่น ๆ ตอลูกคาท่ีมาอดุ หนนุ 6.5บริการใหความสะดวกสบายดวยความเต็มใจ 6.6 ถามความประสงค และสนองความประสงคด วยความเต็มใจ 6.7 ลดราคาใหล กู คาบา งเลก็ นอ ยเพอื่ เปน สินน้ําใจ หรอื มีของแถมบางในบางโอกาส นอกจากคุณลักษณะท่ีกลาวมาแลว ขางตนการสาํ รวจความตอ งการของตลาด และตลาดท่อี ยูไกลออกไป ผูผลติ จะตอ งมกี ารหาสถติ คิ วามตอ งการของตลาดแตละปทผ่ี า นมา แลว นาํ มาสรปุ เพื่อจะผลิตสนิ คา ออก จําหนายตามความตองการของตลาดแตละแหง ก็ทําใหการจัดจาํ หนา ยประสบผลสาํ เรจ็ มากยง่ิ ขึ้น
ใบงานเรอ่ื ง การออกแบบบรรจุภัณฑ กลมุ ท.ี่ ....................... สมาชิก 1............................................................................................................ 2.............................................................................................................. 3............................................................................................................. 4............................................................................................................. คําส่งั ใหแตละกลุมออกแบบบรรจภุ ณั ฑข นมเคก ใหเหมาะสม สวยงาม 30 นาที
แบบฝก หดั เรื่อง การทําบัญชีรายรับรายจา ย รา นครวั เบเกอร่ี ดาํ เนนิ กจิ การคาขายเบเกอรม่ี รี ายรยั – รายจา ย ในวันที่ 27-28 สิงหาคม ดังน้ี วนั ที่ 27 สงิ หาคม 2564 1. ขายชดุ อาหารวา งเชา 1,000 บาท 2. ซื้อไข 300 บาท 3. ซ้ือแปงเคก 700 บาท 4. ซอ้ื นา้ํ ตาลทราย 500 5. จาํ หนา ยขนมในงานแตง งาน 5,000 บาท 6. จา ยคาเตมิ แกสอบขนม 860 บาท 7. ซือ้ ไมพายสําหรับกวนขนม 500 บาท 8. จําหนา ยขนมบราวน่ี 450 บาท วนั ที่ 28 สงิ หาคม 2560 1. ซ้ือไข 100 บาท 2. ซอ้ื เนย 550 บาท 3. ซ้ือกลองและถุงบรรจุภัณฑ 1,500 บาท 4. จา ยคา แรงงานคนงาน 2,000 บาท 5. จาํ หนา ยเคก ได 2,000 บาท 6. จําหนา ยขนมคุกกี้ได 800 บาท 7. รบั เงนิ คาเชาหนา ราน 3,500บาท 8. จายคา ไฟฟา 1,170 บาท
บญั ชีรายรบั – รายจา ย อยา งงาย รายรบั รายจาย รายการ วัน/เดอื น/ป รายการ จาํ นวนเงนิ จาํ นวนเงนิ บาท สต. วัน/เดอื น/ป บาท สต. 27 27 สงิ หาคม 2560 สิงหาคม 2560 รวม 28 สงิ หาคม 2560 รวม รวม .............................. รวม ..............................
จากตารางขอ 17 นร.สรุป รายรบั – รายจาย ประจาํ เดือน สงิ หาคม 2564 รายรบั ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,บาท รายจาย ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,บาท กําไร ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,บาท
ผังมโนทัศน รายวิชา ผลิตภัณฑเ คก 1 รหัสวิชา ง 33230 ระดับช้นั ม.6 หนว ยการเรยี นรทู ่ี 4 เร่อื ง ช่อื หนว ยปฏบิ ตั กิ ารทาํ เคก จํานวน 80 ชวั่ โมง : 40 คะแนน ชอ่ื เรือ่ ง ปฏบิ ตั กิ ารทาํ เคก 6 ชนดิ จาํ นวน 5 ตอ 1 ชนดิ ชั่วโมง : 40 คะแนน 1.ชอ่ื เรอ่ื ง เคก เนยสด หนวยการเรียนรูท่ี 4 6.ชอื่ เรอ่ื ง เคกกลว ยหอม จํานวน 10 ชวั่ โมง : 5 เร่อื ง ปฏิบตั ิการทําเคก จาํ นวน 80 ชั่วโมง จํานวน 10 ชั่วโมง : 5 2.ชอื่ เรอ่ื ง เคก โกโก จํานวน 10 ช่วั โมง : 5 7.ชอ่ื เรอ่ื ง สรปุ การทาํ เคก จาํ นวน 20 ชม. 5.ชอ่ื เร่ือง สปน จเคก จํานวน 10 ชวั่ โมง : 5 3.ชอ่ื เรอื่ ง ชฟิ ฟอนเคกใบเตย 4.ชอื่ เรอ่ื ง ชฟิ ฟอ นวนลิ า จาํ นวน 10 ชว่ั โมง : 15 จาํ นวน 10 ชวั่ โมง : 5 คะแนน คะแนน
แผนจดั การเรยี นรทู ่ี 7 เรอ่ื ง ปฏบิ ัติการทําเคกเนย รายวิชา ผลิตภณั ฑเ คก1 รหสั วชิ า ง 33230 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2564 นํ้าหนักเวลาเรยี น 2.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 5 ช่ัวโมง/สปั ดาห เวลาทใ่ี ชในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู 10 ช่ัวโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสําคญั (ความเขาใจที่คงทน) เปน เคกท่ีมีสวนผสมหลักคอื เนยสด สว นผสมหลกั คือเนยสด แปง นา้ํ ตาล และไข เพอ่ื ใหไดเ คกท่ีมีเน้ือ หนกั และมีกลนิ่ หอม จากการคิดคน ผงฟูในศตวรรษที่ 19ทําใหส วนผสมของเคกมีเน้ือเบาและนมุ ขนึ้ เคก เนยหรอื เคกท่ีมีไขมันเปนสวนผสมหลัก มีแปง นม ไข เปน โครงสราง โดยปรมิ าตรของเคกข้นึ ฟูดวยการตเี นยกบั นํ้าตาลซ่ึงทําใหไขมนั เกบ็ กกั อากาศระหวา งตี จนมีลกั ษณะเปนครมี ดังน้นั ขนั้ ตอนการผสมแปง จงึ ตองทําอยา ง รวดเรว็ เพ่อื ไมใหสญู เสยี อาการภายในสว นผสม เน้อื เคก มีความนมุ แนนละเอยี ดเสมอกัน เชน เคกเนยสด เคก ผลไม เคกสนิ ออ น คัพเคก เคก เนยสดใชวิธีการตคี รมี โดยนําเอาเนยและน้ําตาลมาตจี นเนอ้ื เนียนเพื่อเก็บอากาศลง ไปในเนย จากนน้ั ใสไ ขล งไป ตามดว ยการทยอยใสส วนผสมเปย กและแหงสลบั กนั เคกเนยสดไมส ามารถคงสภาพ ความแนน และความชุมไดเ ม่ืออยูในตเู ย็น จงึ ตองเพ่ิมสวนผสมเพอื่ ใหทนตอการแชเ ย็นได เชน ครมี ชสี นํ้าตาลไอ ซิง่ และ pastry cream 2.ตัวชี้วดั ชนั้ ป/ ผลการเรียนรู/เปาหมายการเรยี นรู ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู 7. เพอ่ื ใหผ เู รียนปฏบิ ตั ิการทําขนมเคกไดทกุ ประเภทได 3. สาระการเรยี นรู 3.1 เนื้อหาสาระหลกั : Knowledge 1.หลักการทาํ เคกเนย 2. สว นผสม และข้นั ตอนการทํา 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process ปฏิบัตกิ ารทําเคกเนย 3.3 คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค : Attitude ,มงุ มนั่ ในการทํางาน,มวี ินัย.มีจิตสาธารณะ 4. สมรรถนะสําคัญของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความตง้ั ใจ- ความรับผิดชอบ - ตรงตอเวลา 6. คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค 1. มจี ติ สาธารณะ 2. มุง มัน่ ในการทํางาน 3. มวี นิ ยั
7. ชิ้นงาน/ภาระงาน : - ผลงานจากการทาํ เคกเนย 8. กจิ กรรมการเรียนรู ข้นั นาํ เขา สูบทเรยี น 1.ทาํ ความเขา ใจและชี้แจงสาระการเรยี นรูใหน ักเรยี นทราบในหนว ยการเรียนรเู รอื่ ง ปฏบิ ัติการทําเคกเนย 2. ตรวจเช็คเครอ่ื งแตง กาย เล็บ ผม กอ นปฏิบตั ิงาน ข้ันสอน 1. ครู ใหน ร.แจกสูตรเคกเนย อธิบายลกั ษณะของเคก วตั ถุดิบ สว นผสมในการทาํ 2. ครูใหนร.แบง กลมุ ๆละ4 คน ปฏบิ ัตกิ ารทําเคกเนยตามขั้นตอน ใชเวลาในการทาํ 1 ชั่วโมง 3. ครูให นร.แตล ะกลมุ สง ผลงาน ทีโ่ ตะ ครแู จกแบบประเมินรสชาตแิ ละลักษณะขนมใหแ ตละกลุม นําไป ใหครูในโรงเรียนและ นร.ชิมและประเมนิ ใหค ะแนน 4. ครตู รวจผลงานและรว มกนั สรปุ ลกั ษณะของเคกท่ดี แี ละไมด ี 4. ใหนร.จดั เก็บ ลา งอปุ กรณตางๆ ทาํ ความสะอาด จัดเกบ็ ใหเ รยี บรอ ย ขน้ั สรุป จาํ นวน 1. ครูสรุปอกี ครัง้ และแจง ถงึ การเรียนในครัง้ ตอไป - 9. สอื่ การเรยี นการสอน / แหลง เรยี นรู รายการส่อื 1. ใบงานเร่ืองสตู รการทําเคก เนย 10. การวดั ผลและประเมินผล เปาหมาย หลักฐานการเรยี นรู วิธวี ัด เครอื่ งมอื วัดฯ ประเด็น/ การเรยี นรู ช้นิ งาน/ภาระงาน แบบประเมินทํางานกลุม เกณฑก ารให การสง งานของ 7. เพื่อให เคก เนย นักเรียน คะแนน ผเู รยี นปฏิบัติการทํา ขนมเคกไดทกุ เตม็ 10 คะแนน ประเภทได ลงชอ่ื ..................................................ผสู อน ( นางสาวปณชดา ไชยมงคล) ตําแหนง ครู คศ.2
บัตเตอรเ คกถาดเหล่ยี ม 10*10*2 น้วิ แปง เคก 300 กรัม ผงฟู 9 กรมั วนิลาผง 6 กรมั แปงขา วโพด 10 กรัม เนยสดเค็ม 250 กรมั มาการีน 50 กรมั ec25k 22 กรมั น้ําตาลทรายปน 300 กรมั เกลอื 1/2 ชช. ไขเบอร 2 6 ฟอง นมสด 180 กรมั วธิ ที ํา 1. เนย+มาการีน+ec25k ตใี หเขา กันดี ปาดอา ง 2. ใสสวนของแหงท่ีรอ นรวมไว+น้ําตาล+เกลอื +ไข+ นมสด ตีเร็วตํา่ ใหเขา กนั ดี ปาดอา ง 3. ตเี ร็วกลาง 2 นาที ปาดอา ง 4. ตเี ร็วกลาง 2 นาที ปาดอาง 5. ตเี รว็ ตํ่าเพ่อื ตดั อากาศ อกี 2 นาที *** อบไฟ 170 ซี ลางบน
แบบประเมินความพงึ พอใจ ช่ือขนม....................................................... กลมุ ยอยที.่ .........ครง้ั ที่........... คําช้แี จง ใหท าํ เครอ่ื งหมาย / ในชองท่ีตรงกบั ระดับความพงึ พอใจตามความเปน จรงิ มากทีส่ ดุ หัวขอการประเมิน ระดับความพึงพอใจ 5 1234 1. รสชาติ 2. สีสัน รวม 3. กลนิ่ 4. ลกั ษณะความนมุ ขอเสนอแนะ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ระดบั ความพึงพอใจ 1 = นอ ยมาก 2 = นอ ย 3 = ปานกลาง 4 = มาก 5 = มากท่ีสุด เกณฑการประเมินระดับคะแนน หมายถงึ ปรบั ปรุง คะแนน 0 – 5 หมายถึง พอใช คะแนน 6 - 10 หมายถึง ปานกลาง หมายถงึ ดี คะแนน 11 - 15 ดมี าก หมายถงึ คะแนน 16 - 20 คะแนน 21 - 425
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลังการจัดกจิ กรรมการเรียนรู ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู ขอคน พบระหวาง ปญหาท่ีพบ แนวทางแกไข ทม่ี ีการจดั กิจกรรมการเรียนรู เนอ้ื หา กิจกรรมการเรยี นรู สอ่ื ประกอบการเรียนรู พฤติกรรม/การมีสวนรวมของ ผูเรียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ูจดั กิจกรรมการเรียนรู ( นางสาวปณ ชดา ไชยมงคล) ตําแหนง ครู คศ.2
แผนจัดการเรยี นรูท่ี 8 เรอื่ ง ปฏบิ ัติการทําเคก โกโก รายวิชา ผลิตภณั ฑเ คก 1 รหสั วชิ า ง 33230 ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 ปก ารศึกษา 2564 นํ้าหนักเวลาเรียน 2.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 5 ช่ัวโมง/สัปดาห เวลาท่ใี ชในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 10 ชัว่ โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสําคญั (ความเขาใจที่คงทน) เคก โกโกจัด เปน เคกทีม่ ีสว นผสมหลกั คือเนยสด สว นผสมหลกั คอื เนยสด แปง นา้ํ ตาล และไข เพื่อใหได เคก ที่มีเนื้อหนักและมกี ลิ่นหอม จากการคิดคน ผงฟใู นศตวรรษท่ี 19ทาํ ใหส ว นผสมของเคกมีเนอื้ เบาและนุม ขน้ึ เคกเนยหรือเคกท่ีมีไขมันเปนสว นผสมหลัก มีแปง นม ไข เปนโครงสราง โดยปรมิ าตรของเคกขน้ึ ฟดู ว ย การตีเนยกับนํ้าตาลซึ่งทาํ ใหไ ขมนั เกบ็ กักอากาศระหวางตี จนมีลักษณะเปน ครมี ดังนน้ั ขั้นตอนการผสมแปงจงึ ตอง ทําอยา งรวดเรว็ เพื่อไมใ หสญู เสยี อาการภายในสวนผสม เน้ือเคกมีความนุม แนนละเอยี ดเสมอกนั เชน เคกเนยสด เคกผลไม เคก สินออ น คัพเคก เคกเนยสดใชวธิ ีการตีครมี โดยนาํ เอาเนยและน้าํ ตาลมาตจี นเนอ้ื เนียนเพื่อเกบ็ อากาศลงไปในเนย จากนัน้ ใสไขล งไป ตามดวยการทยอยใสสวนผสมเปย กและแหง สลบั กัน เคกเนยสดไมสามารถ คงสภาพความแนนและความชมุ ไดเม่ืออยูในตเู ยน็ จงึ ตองเพ่ิมสว นผสมเพ่ือใหท นตอการแชเยน็ ได เชน ครมี ชีส น้ําตาลไอซิง่ และ pastry cream 2.ตวั ชี้วัดช้นั ป/ผลการเรยี นร/ู เปาหมายการเรียนรู ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู 7. เพอ่ื ใหผ ูเรยี นปฏบิ ตั กิ ารทาํ ขนมเคกไดทุกประเภทได 3. สาระการเรียนรู 3.1 เนือ้ หาสาระหลัก : Knowledge 1.หลักการทาํ เคก เนย (ผสมผงโกโก ) 2. สวนผสม และขนั้ ตอนการทาํ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process ปฏิบัตกิ ารทําเคกเนย(ผสมผงโกโก ) 3.3 คุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค : Attitude ,มุงมั่นในการทํางาน,มีวินยั .มีจิตสาธารณะ 4. สมรรถนะสาํ คญั ของนักเรียน 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะของวชิ า - ความตั้งใจ- ความรับผดิ ชอบ - ตรงตอ เวลา 6. คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค 1. มจี ติ สาธารณะ 2. มุง ม่ันในการทาํ งาน 3. มีวินยั
7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน : - ผลงานจากการทําเคกเนย(ผสมผงโกโก ) 8. กิจกรรมการเรยี นรู ขนั้ นาํ เขา สูบ ทเรยี น 1.ทาํ ความเขา ใจและช้แี จงสาระการเรยี นรใู หน ักเรยี นทราบในหนวยการเรยี นรูเรื่อง ปฏบิ ัติการทาํ เคก เนย (ผสมผงโกโก ) 2. ตรวจเชค็ เครื่องแตงกาย เล็บ ผม กอนปฏบิ ัตงิ าน ขั้นสอน 1. ครู ใหนร.แจกสูตรเคก เนย(ผสมผงโกโก ) อธบิ ายลกั ษณะของเคก วตั ถุดบิ สว นผสมในการทาํ 2. ครูใหนร.แบงกลุม ๆละ4 คน ปฏบิ ัติการทาํ เคกเนยตามขั้นตอน ใชเ วลาในการทาํ 1 ช่ัวโมง 3. ครูให นร.แตล ะกลุมสง ผลงาน ท่โี ตะ ครูแจกแบบประเมินรสชาติและลักษณะขนมใหแ ตละกลุม นาํ ไป ใหครใู นโรงเรยี นและ นร.ชิมและประเมนิ ใหคะแนน 4. ครตู รวจผลงานและรว มกันสรุปลกั ษณะของเคกที่ดีและไมดี 4. ใหนร.จดั เก็บ ลา งอปุ กรณตา งๆ ทาํ ความสะอาด จัดเกบ็ ใหเ รยี บรอ ย ข้นั สรปุ จาํ นวน 1. ครูสรปุ อีกครง้ั และแจง ถงึ การเรียนในคร้ังตอไป - 9. สอ่ื การเรียนการสอน / แหลงเรียนรู รายการสอื่ 1. ใบงานเรอ่ื งสตู รการทาํ เคก เนย(ผสมผงโกโก ) 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เปา หมาย หลักฐานการเรยี นรู วิธวี ดั เครอื่ งมอื วัดฯ ประเดน็ / การเรยี นรู ชิ้นงาน/ภาระงาน แบบประเมินทาํ งานกลมุ เกณฑการให 7. เพือ่ ให เคกเนย(ผสมผงโกโก ) การสงงานของ คะแนน ผูเรียนปฏบิ ตั ิการทาํ นกั เรียน ขนมเคกไดทกุ เต็ม 10 คะแนน ประเภทได ลงช่อื ..................................................ผสู อน ( นางสาวปณ ชดา ไชยมงคล) ตาํ แหนง ครู คศ.2
บัตเตอรเคก ถาดเหลีย่ ม 10*10*2 นิ้ว แปง เคก 300 กรมั ผงฟู 9 กรัม วนิลาผง 6 กรัม แปง ขา วโพด 10 กรัม เนยสดเค็ม 250 กรมั มาการนี 50 กรัม ec25k 22 กรัม นํ้าตาลทรายปน 300 กรมั เกลือ 1/2 ชช. ไขเบอร 2 6 ฟอง นมสด 180 กรมั ผงโกโก 4 ชต. วธิ ที าํ 1. เนย+มาการีน+ec25k ตใี หเขากนั ดี ปาดอา ง 2. ใสสว นของแหง ท่ีรอนรวมไว+น้าํ ตาล+เกลอื +ไข+ นมสด ตีเรว็ ต่ําใหเขา กนั ดี ปาดอา ง 3. ตีเร็วกลาง 2 นาที ปาดอา ง 4. ตเี ร็วกลาง 2 นาที ปาดอาง 5. ตีเร็วต่าํ เพ่อื ตดั อากาศ อีก 2 นาที 6. นําเน้อื บัทเทอร ผสมผงโกโกคนผสมใหเ ขา กนั เทใส พมิ พ นาํ เขา เตาอบ *** อบไฟ 170 ซี ลางบน
แบบประเมินความพงึ พอใจ ช่ือขนม....................................................... กลมุ ยอยที.่ .........ครงั้ ท่ี........... คําช้แี จง ใหท าํ เครอ่ื งหมาย / ในชองท่ีตรงกบั ระดับความพงึ พอใจตามความเปน จรงิ มากทีส่ ดุ หัวขอการประเมิน ระดบั ความพึงพอใจ 5 1234 1. รสชาติ 2. สีสัน รวม 3. กลนิ่ 4. ลกั ษณะความนมุ ขอเสนอแนะ............................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ระดบั ความพึงพอใจ 1 = นอ ยมาก 2 = นอ ย 3 = ปานกลาง 4 = มาก 5 = มากทีส่ ดุ เกณฑการประเมินระดับคะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน 0 – 5 หมายถึง พอใช คะแนน 6 - 10 หมายถึง ปานกลาง หมายถงึ ดี คะแนน 11 - 15 ดมี าก หมายถงึ คะแนน 16 - 20 คะแนน 21 - 425
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลังการจัดกจิ กรรมการเรียนรู ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู ขอคน พบระหวาง ปญหาท่ีพบ แนวทางแกไข ทม่ี ีการจดั กิจกรรมการเรียนรู เนอ้ื หา กิจกรรมการเรยี นรู สอ่ื ประกอบการเรียนรู พฤติกรรม/การมีสวนรวมของ ผูเรียน ลงช่อื …..........………….......................…….. ครผู ูจดั กิจกรรมการเรียนรู ( นางสาวปณ ชดา ไชยมงคล) ตําแหนง ครู คศ.2
แผนจดั การเรยี นรูที่ 9 เรือ่ ง ปฏิบัติการทําชิฟฟอนใบเตย รายวิชา ผลติ ภัณฑเ คก1 รหสั วิชา ง 33230 ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 ปก ารศกึ ษา 2564 นาํ้ หนักเวลาเรยี น 2.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 5 ช่ัวโมง/สปั ดาห เวลาท่ใี ชใ นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู 10 ช่ัวโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสําคัญ (ความเขา ใจที่คงทน) ชฟิ ฟอนเปนเนือ้ เคก ทเี่ บาทส่ี ุด สวนใหญถา มีการแตง หนา ก็จะแตง หนา ใหเ บาๆ เนอ่ื งจากความท่เี น้ือเคก ชฟิ ฟอนนั้นเบามากจึงไมส ามารถรับนํ้าหนักของหนาทม่ี ากเกินไปไดข ึ้นตอนการทําชิฟฟอนเคกที่แตกตา งกวา งเคก ชนิดอ่นื คอื จะมีการแยกไขแดงและไขขาวเพอื่ ใชทาํ ในคนละขนั้ ตอนกัน คือมักจะเร่ิมจากการผสมไขแดง กับพวก แปง ผงฟู น้ําตาล นาํ้ มนั พืช และอ่นื ๆรวมไวด ว ยกันกอน จากนัน้ จะตีไขข าวกับนาํ้ ตาลใหฟูตงั้ ยอด ซงึ่ สว นน้ีจะ เรยี กวา เมอรแรงค ( Meringue ) แลว สุดทายจงึ น้าํ สวนผสมของไขแดงมารวมกับสว นของเมอรแรงคใ นขน้ั ตอน หลงั สุด 2.ตัวชี้วดั ชั้นป/ผลการเรียนรู/เปา หมายการเรยี นรู ตัวช้วี ัด/ผลการเรยี นรู 7. เพือ่ ใหผูเรยี นปฏบิ ัติการทําขนมเคกไดทุกประเภทได 3. สาระการเรียนรู 3.1 เน้อื หาสาระหลกั : Knowledge 1.หลักการทําชฟิ ฟอน 2. สว นผสม และข้ันตอนการทาํ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process ปฏิบัตกิ ารทาํ ชิฟฟอนใบเตย 3.3 คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค : Attitude ,มงุ ม่นั ในการทํางาน,มวี นิ ัย.มจี ติ สาธารณะ 4. สมรรถนะสาํ คญั ของนักเรียน 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใชเทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะของวชิ า - ความตง้ั ใจ- ความรบั ผดิ ชอบ - ตรงตอเวลา 6. คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค 1. มีจิตสาธารณะ 2. มงุ มัน่ ในการทาํ งาน 3. มีวนิ ัย 7. ช้นิ งาน/ภาระงาน : - ผลงานจากการทําชฟิ ฟอนใบเตย
8. กจิ กรรมการเรยี นรู ข้ันนําเขา สูบทเรยี น 1.ทําความเขาใจและชี้แจงสาระการเรยี นรูใหนักเรียนทราบในหนว ยการเรียนรเู รื่อง ปฏบิ ัติการทาํ ชฟิ อน ใบเตย 2. ตรวจเชค็ เครอื่ งแตงกาย เล็บ ผม กอ นปฏิบตั ิงาน ข้นั สอน 1. ครู ใหนร.แจกสตู รชฟิ ฟอนใบเตย อธบิ ายลักษณะของเคก วัตถดุ ิบ สว นผสมในการทาํ 2. ครูใหนร.แบงกลมุ ๆละ4 คน ปฏบิ ตั กิ ารทาํ ชิฟฟอ นใบเตยตามข้ันตอน ใชเวลาในการทํา 1 ชั่วโมง 3. ครใู ห นร.แตล ะกลุม สงผลงาน ทีโ่ ตะ ครูแจกแบบประเมินรสชาติและลกั ษณะขนมใหแตล ะกลุม นาํ ไป ใหครูในโรงเรยี นและ นร.ชิมและประเมินใหค ะแนน 4. ครูตรวจผลงานและรวมกนั สรุปลักษณะของเคกทด่ี แี ละไมด ี 4. ใหน ร.จดั เก็บ ลา งอปุ กรณตา งๆ ทําความสะอาด จดั เก็บใหเ รียบรอ ย ขนั้ สรุป จาํ นวน 1. ครูสรุปอกี ครัง้ และแจง ถึงการเรยี นในคร้ังตอไป - 9. สื่อการเรยี นการสอน / แหลงเรยี นรู รายการสอื่ 1. ใบงานเรอื่ งสตู รการทาํ ชฟิ ฟอนใบเตย 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เปาหมาย หลกั ฐานการเรยี นรู วธิ วี ดั เครอื่ งมอื วัดฯ ประเดน็ / การเรยี นรู ชนิ้ งาน/ภาระงาน แบบประเมินทํางานกลมุ เกณฑการให การสงงานของ 7. เพ่อื ใหผ เู รียน ชิฟฟอ นใบเตย นกั เรียน คะแนน ปฏบิ ตั ิการทําขนม เคก ไดท ุกประเภท เตม็ 10 คะแนน ได ลงชอ่ื ..................................................ผสู อน ( นางสาวปณชดา ไชยมงคล) ตําแหนง ครู คศ.2
สูตรชิฟฟอ นมะพราวออน สวนท่ี 1 -แปงเคก 75 กรัม -ผงฟู 1/2 ชช. สว นที่ 2 -ไขแดงเบอร 0 3 ฟอง -น้ําตาล 25 กรัม -น้ํามะพราว 60 กรัม -เน้ือมะพราวออน -นา้ํ มนั 50 กรมั -เกลือ 1/8 ชช. -กล่นิ มะพรา ว 1/2 ชช. สว นที่ 3 -ไขขาว 3 ฟอง -น้ําตาล 50 กรมั -ครมี ออฟทาทาร 1/8 ชช. #การเปลี่ยนรสชาติ หากตองการเปล่ียนจากมะพราวออนเปนรสชาติอนื่ ๆ ใหเ ปลีย่ นสวนผสมดังนี้ #รสใบเตย ใชน้ําใบเตยคน้ั เขมขน 60 กรมั #รสกาแฟ ใชน มอุน ๆละลายกับกาแฟ ( เนสกาแฟ) จํานวน 1 ชต. (นม 60 กรมั + กาแฟ 1 ชต.) #รสชอ็ กโกแลต ใชนมอนุ ๆ ละลายกบั ผงโกโก (เราใชผ งโกโกเ บนดรอป 15 กรัม + ชอ็ คคอมพาว 30 กรัม ชอ็ คค อมพาวตอ งนําไปตุนกอน) #รสวนิลลา ใชน มสด 60 กรมั +กลิ่นวานลิ ลา 1/2 ชช. #การตดั ชฟิ ฟอน เราเอาฟว เจอรบ อรดแบบบางมาตดั ขนาด 3.5x12น้วิ ( กxย ) จะไดชิฟฟอนขนาดมาตรฐานหอกําลังสวยคะ #สตู รบตั เตอรครมี รสตางๆ วธิ ีทาํ 1.ผสมสว นที่ 1 รอนแปงแลว พักไว 2.นาํ สว นผสมที่ 2 ใสช าม เริม่ จากไขแดง นํา้ ตาล ใชต ะกรอมอื คนใหเขา กันจนนํา้ ตาลละลาย เติมนํ้ามัน คนจนเรม่ิ หนืดจงึ เติมน้ํามะพราว ลงไปคนจนเขา กนั ดจี ึงเติมสวนท่ี 1 พยายามคนใหสว นผสมเขากันจนเนยี นดี (อยา ใหเ ปน เมด็ ๆ นะคะ) เสร็จแลว พักไว 3.นาํ ไขข าว ครีมออฟทาทาร นํา้ ตาล ใสลงอางผสม ตดี วยหัวตีตะกรอจนต้งั ยอด นํามาผสมกบั สว นผสมท่ีพักไว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118