HISTORY OF MUAY THAI สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ. 2133-2147) พระองค์ทรงเลือกคนหนุ่ม รุ่นราวคราวเดียวกับพระองค์มาทรงฝึกหัดด้วยพระองค์เอง โดยฝึกให้มีความกล้าหาญ ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย มีความเช่ือม่ันตนเอง ใช้อาวุธได้ทุกชนิดอย่างช�ำนาญ มีความสามารถในศิลปะการต่อสู้ มวยไทยดีเย่ยี ม และพระองค์ทรงตัง้ “กองเสือป่าแมวมอง” เป็นหนว่ ยรบแบบกองโจร ซ่ึงทหารกองน้ีเองมบี ทบาทมากในการกอบกู้เอกราชจากพม่าในปี พ.ศ. 2127 สมัยสมเด็จพระนารายณม์ หาราช (พ.ศ. 2147-2233) ยคุ นบี้ า้ นเมืองสงบรม่ เยน็ และเจริญรุ่งเรืองพระองค์จึงทรงให้การสนับสนุนและส่งเสริมการกีฬาอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ มวยไทยซง่ึ นยิ มกนั จนกลายเปน็ อาชพี และมคี า่ ยมวยตา่ ง ๆ เกดิ ขน้ึ มากมาย มวยไทยสมยั นชี้ กกนั บนลานดนิ โดยใชเ้ ชอื กเสน้ เดยี วกนั้ บรเิ วณเปน็ สเี่ หลย่ี มจตรุ สั นกั มวย จะใช้ดา้ ยดิบชุบแป้งหรือน�ำ้ มันดนิ จนแข็งพนั มือ เรยี กวา่ “มวยคาดเชอื ก” นิยมสวมมงคล ไวท้ ศี่ รี ษะ และผกู ประเจยี ดไวท้ ต่ี น้ แขนตลอดการแขง่ ขนั การเปรยี บคชู่ กยดึ เอาความสมคั รใจ ของท้ังสองฝ่าย ไม่ค�ำนึงถึงขนาดรูปร่างหรืออายุโดยมีกติกาง่ายๆ ว่าชกจนกว่า ฝา่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ จะยอมแพ้ ทงั้ นใ้ี นงานเทศกาลตา่ งๆ จะตอ้ งมกี ารแขง่ ขนั มวยไทยดว้ ยเสมอ 50 ถือไดว้ ่าการแข่งขนั มวยไทยเปน็ มหรสพท่ีสำ� คญั มหรสพหนึ่งในงานเทศกาลเลยก็วา่ ได้ ส�ำนักดาบพุทไธสวรรค์ถือเป็นส�ำนักดาบท่ีมีช่ือเสียงยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา ใน การฝกึ จะใชอ้ าวธุ จำ� ลองคอื ดาบหวายทเี่ รยี กวา่ “กระบก่ี ระบอง”พรอ้ มทง้ั ฝกึ การตอ่ สปู้ อ้ งกนั ตวั ด้วยมือเปล่าที่เรียกว่า มวยไทย ควบคู่กันไปด้วยในสมัยน้ีวัดก็ยังคงเป็นสถานที่ส�ำคัญ ซ่งึ ประสิทธปิ์ ระสาทวชิ าการต่อส้ตู ่างๆ นานาใหก้ ับบรรดาชายไทยท้งั วชิ าสามญั และวิชา ปฏบิ ตั ใิ นเชงิ อาวธุ ควบคู่กนั ไปกับมวยไทย วิธีการชกมวยไทยนี้ยังมีปรากฏในจดหมายเหตุของเทเลอร์แรนดัล ซึ่งกล่าวไว้ว่า สมยั สมเดจ็ พระเจ้าเสือ (พ.ศ. 2240-2252) ทรงมีฝีมอื การชกมวยไทยชำ� นาญมาก เคยใช้ ศลิ ปะมวยไทยไลช่ กเจา้ พระยาวชิ าเยนทรซ์ งึ่ เปน็ ฝรง่ั (ชาวตา่ งชาต)ิ ทส่ี มเดจ็ พระนารายณ์ โปรดปรานมาก โดยใช้วิธีการเตะต่อยแล้วลงเข่า เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ได้รับบาดเจ็บ บอบชำ้� เปน็ อนั มาก สมเด็จพระเจ้าเสือเมื่อคร้ังยังไม่ได้ขึ้นครองราชสมบัติ เคยมีเรื่องชกต่อยกับฝร่ัง อยู่เสมอเพราะกลัวว่าฝร่ังจะมีอ�ำนาจในการปกครองบ้านเมือง อันเนื่องมาจากที่สมเด็จ พระนารายณ์มหาราชทรงโปรดฝรัง่ มาก
King Naresuan the Great (B.E. 2133-2147) chose young of his age to HISTORY OF MUAY THAI train them by himself in gaining bravery and self-confidence, using all kinds of weapons and being excellent in the art of Muay Thai. He also created “Kong 51 Sua Pa Maew Mong,” a guerrilla warfare unit, which played a very important role in regaining the kingdom’s independence from Burma in B.E. 2127. ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย During the reign of King Narai the Great (B.E. 2147-2233) the kingdom was quite peaceful, so he fully supported and encouraged sports, particularly Muay thai which was so popular that it became a profession. Many boxing camps sprang up. The boxers fought on the square ground fenced off with a single rope. Each boxer bound his hands with raw thread hardened by dipping into wet powder or oil called “khad chuak” and usually wore a headband called “mongkhon” and tied and armband called “prachiat” (made of fine gauze or unbleached cloth) on his upper arm (s) throughout the bout. The boxers were free to choose their opponent without regard to weight, size or age, and the fighting would until either side gave up the fight. Muay Thai had usually been an important part of those entertaining activities on festive occasions. Putthaisawan Sword Fighting School was very famous in Ayudhya period for its teaching of cane swords (called “krabi krabong”) and fighting with bare hands called Muay Thai for self-defence. Temples were still places for teaching fighting arts along with Muay Thai. Taylor randal wrote in his letter that King Sua (B.E. 2440-2252) was very skillful at Muay Thai. He used to punch Chao Phraya Wichayen, a high-ranking Frenchman, King Narai’s very favourite person, by using his fists, feet and knees in hitting him until he was badly injured. King Sua, prior to his accession to the throne, used to fight with “farangs” (Westerners) time and again because he was afraid that they would dominate the country’s government due to King Narai’s great admiration of them.
HISTORY OF MUAY THAI ขุนหลวงสรศักดิ์เกรงว่าบ้านเมืองจะตกอยู่ในอ�ำนาจของฝรั่ง เพราะว่าฝรั่งได้ เข้ามากรุงศรีอยุธยามาก และมีฝร่ังหลายคนท่ีสมเด็จพระนารายณ์พระราชทานยศ ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย เป็นถึงเจ้าพระยา ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีอ�ำนาจวาสนา เกรงว่าจะคิดการณ์ไกลเป็นกบฏ ต่อพระราชบัลลังก์ จึงไม่ไว้วางใจฝร่ังต่างชาติเหล่านี้ มีครั้งหนึ่งท่ีขุนหลวงสรศักด์ิ ไดม้ เี รอ่ื งชกตอ่ ยกบั ฝรง่ั ในบรเิ วณพระราชวงั สมเดจ็ พระนารายณ์ จนฝรงั่ ไดร้ บั บาดเจบ็ แลว้ ขนุ หลวงสรศักดิ์กห็ ลบหนีไป สมเด็จพระเจ้าเสือ หรือขุนหลวงสรศักด์ิเป็นพระมหากษัตริย์ไทยในสมัยกรุง ศรอี ยธุ ยาทม่ี กี ารกลา่ วถงึ กนั มากในเรอ่ื งของความสามารถเกย่ี วกบั มวยไทย ความเสยี สละ และความกตญั ญรู คู้ ณุ ไดฝ้ กึ หดั มวยไทยจนมคี วามชำ� นาญดงั ที่ ประยรู พศิ นาคะ (2514) กลา่ ววา่ สมเดจ็ พระเจา้ เสอื ในสมยั ทย่ี งั ทรงพระเยาว์ ไดฝ้ กึ ฝนวชิ ามวยไทยในพระราช สำ� นกั และไดเ้ รร่ อ่ นไปฝกึ มวยไทยตามสำ� นกั มวยตา่ งๆ อกี หลายสำ� นกั จนมฝี มี อื ดเี ยยี่ ม แม้พระองค์ข้ึนครองราชสมบัติแล้ว พระองค์ยังทรงพอพระทัยในการทอดพระเนตร 52 การชกมวยไทย และพระองค์ทรงฝกึ ซอ้ มมวยไทยอย่เู ป็นประจ�ำมไิ ดข้ าด นอกจากนี้พระองค์ยังทรงส่งเสริมกีฬามวยไทย โดยทรงเป็นนักมวยเองและ “ทรงชอบปลอมพระองค์ไปท้าชกมวยในสถานท่ีต่างๆ สร้างความปีติยินดีให้กับ ราษฎรท่ีได้ชื่นชมพระบารมีและท่ีได้ทราบข่าว เพราะประชาชนชาวไทยตาม หวั เมอื งตา่ งๆ กน็ ิยมชกมวยไทยและสง่ เสริมการชกมวยไทย” ด้วยเห็นคณุ ค่าของ การฝกึ ซอ้ มมวยไทย ซงึ่ เปน็ ศลิ ปะปอ้ งกนั ตวั เปน็ การบรหิ ารรา่ งกายใหส้ งา่ งามสมเปน็ ลกู ผู้ชาย เป็นการฝึกความแขง็ แรงทรหดอดทน มีน�ำ้ ใจนกั กฬี า สามารถสร้างชือ่ เสียงให้ กับตนเองในวงสังคม ท่ีส�ำคัญที่สุดคือ ถ้ามีชั้นเชิงมวยไทยดีเยี่ยมเป็นที่ช่ืนชอบของ เจ้านายช้ันสูงแลว้ กจ็ ะไดร้ บั การคดั เลอื กให้ไปอยใู่ นพระราชวงั ท�ำหน้าท่ีเป็นผสู้ อน มวยไทยใหข้ ุนนาง ทหาร และพระราชโอรส หรอื เปน็ ราชองครักษ์ จะเห็นได้ว่าการชกต่อยและการชกมวยแทบจะมีลักษณะท่ีคล้ายกัน เพียงแต่ การชกมวยน้ันจัดเป็นการละเล่นประเภทหนึ่งท่ีน�ำเอาศิลปะการป้องกันตัวมาใช้ ส่วนการชกตอ่ ยกันอาจเขา้ ข่ายของการววิ าทเปน็ ความกนั
King Sua (or Khum Luang Sorasak) was afraid the kingome would fall HISTORY OF MUAY THAI under farangs’ power because of a large influx of them and King Narai promoted some of them to the rank of Chao Phraya who became very powerful. Khun 53 Luang Sorasak was fearful of their high treason, so he distrusted them. He once fought with a farang in the king’s palace compound and hurt him before fleeing. ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย King Sua was mentioned a lot about his Muay Thai skill, devotion and gratitude. Prayoon Pitsanaka said that King Sua had practiced Muay Thai in his childhood and went from one boxing to another to practice it until he became so good at it. Even after his accession to the throne he still went to see boxing matches and constantly kept on practicing Muay Thai. He also promoted Muay Thai and “went from place to place in disguise to join in boxing, bring great pleasure to the people who heard the news because they also admired Muay Thai” due to its benefit of being the art of self-defence, making the body look smart and manly, cultivating sportsmanship. What’s more, if a person were very good at boxing style he would be likely to be chosen by a high-ranking official to serve in the royal palace as a trainer for the king’s sons, the court staff and soldiers, or as a body guard. Boxing is a kind of sport using the art of self-defence, unlike fighting which is likely to be caused by dispute or quarrel.
สมัยอยุธยาพระเจ้าแผ่นดินมีกองก�ำลังทหารกองหนึ่งส�ำหรับท�ำหน้าท่ีถวายการ อารักขาเรียกว่า “กองทนายเลือก” ผู้เข้ารับราชการในกองนี้ได้รับคัดเลือกมาจาก นกั มวยฝมี อื ดี เปน็ ชายฉกรรจท์ มี่ รี ปู รา่ งลำ�่ สนั แขง็ แรง นอกจากนนั้ บรรดาเจา้ นายชน้ั สงู กม็ ี ทนายเลอื กไวป้ ระจำ� ตวั เชน่ เดยี วกนั ทนายเลอื กมบี ทบาทสำ� คญั และอยใู่ กลช้ ดิ พระยคุ ลบาท พระเจ้าแผ่นดิน ดังเช่นระหว่างที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงประชวรใกล้เสด็จ สวรรคต มีขา่ วว่าเจ้าพระยาวิชาเยนทรซ์ ง่ึ เป็นฝรั่งจะคดิ การกบฏ ขุนหลวงสรศักดิ์ได้ใช้ ทนายเลอื กไปลวงเจา้ พระยาวชิ าเยนทรเ์ ขา้ มาในพระราชวงั โดยโกหกวา่ พระเจา้ แผน่ ดนิ รับส่ัง แล้วให้ทนายเลือกคอยทีอยู่สองข้างทางพอเจ้าพระยาวิชาเยนทร์นั่งเสลียง HISTORY OF MUAY THAI คนหามเข้ามา ทนายเลือกก็จัดการด้วยไม้พลอยแล้วฆ่าเสีย จะเห็นได้ว่าหน้าที่ของ ทนายเลือกมีความส�ำคัญต่อพระมหากษัตริย์และความมั่นคงของพระราชบัลลังก์มาก ทนายเลือกท�ำงานใกล้ชิดพระมหากษัตริย์มากที่สุด บางคร้ังก็เป็นทหารรักษาพระองค์ บางครงั้ กต็ รวจตราอยเู่ วรยาม ซง่ึ เรยี กชอ่ื แตกตา่ งออกไปตามหนา้ ทน่ี นั้ ถา้ อยเู่ วรยามเรยี ก 54 กองตระเวน ดังนนั้ นอกจากจะคดั เลือกเอาผู้มีฝมี ือมวยไทยอย่างดีเยีย่ ม แขง็ แรง ล่ำ� สัน In the Ayudhya period the king had a band of soldiers who gave him ทรหด อดทน มีไหวพริบ สติปญั ญาดีแล้ว จะต้องมคี วามซื่อสตั ยส์ จุ รติ และจงรกั ภักดี protection called “Kong Thanai Luak”. It consisted of chosen skillful boxers ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย ตอ่ พระมหากษัตริยอ์ ยา่ งจริงใจด้วย with physical fitness. Other royal family members also had such soldiers. They played an important role in closely guarding the king. An example was when King กองทนายเลือกสมัยอยุธยาท�ำหน้าที่หลายอย่าง บางครั้งก็เรียกต�ำรวจหลวง Narai was seriously ill, Khun Luang Sorasa, hearing that Chao Phraya Wichayen ทนายต�ำรวจหรือกรมนักมวย ท�ำหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยภายในพระราชวังดังที่ was planning a plot to overthrow the king, sent his soldier to deceive him into ส.พลายนอ้ ย กลา่ วไวใ้ นเกรด็ โบราณคดวี า่ “กรมนกั มวย หรอื ทนายเลอื กเปน็ กรมกรมหนง่ึ believing that the king sent for him. As Chao Phraya Wichayen entered the palace, ส�ำหรับก�ำกับนักมวย” ทนายเลือกหรือพวกนักมวยที่จัดขึ้นเป็นรักษาพระองค์นั้น the soldiers lying in wait beat him to death. These soldiers, usually called “Thanai เห็นจะมีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแล้ว พระมหากษัตริย์ทรงโปรดให้มีกรมมวยหลวงขึ้น Luak”, were very important to the king’s safety and the security of his throne. ตั้งแต่สมัยอยุธยาโดยให้คัดเลือกเอาชายฉกรรจ์ที่มีฝีมือการชกมวยไทยเข้ามาต่อสู้กัน They also kept watch (then called “Kong Trawane”). These soldiers needed to หน้าพระที่น่ังแล้วคัดเลือกเอาผู้ท่ีมีฝีมือดีเลิศไว้เป็นผู้อารักขาเป็นทหารสนิทและทหาร be honest and truly loyal to the king. รักษาพระองค์ มีหนา้ ทรี่ กั ษาความปลอดภยั เวลาเสดจ็ ประทบั ในพระราชวงั หรือเสดจ็ They were sometimes also called “Tamruat Luang, Thanai Tamruat, or Krom Nak Muay”. So Plainoi said “Krom Nak Muay/Thanai Luak was a department ในงานตา่ งๆ for controlling the boxers.”
ประวัตศิ าสตร์ มวยไทย 55 HISTORY OF MUAY THAI
HISTORY OF MUAY THAIสาเหตทุ กี่ รมนกั มวยมคี วามสำ� คญั มากในการทำ� หนา้ ทร่ี กั ษาความปลอดภยั ในพระราชวงั และในการตามเสดจ็ นก้ี เ็ พราะสมยั นนั้ บุคคลใด จะพกอาวธุ เขา้ ไปในพระราชวงั ไมไ่ ด้ นอกจากจะไดร้ บั อนญุ าตเปน็ พเิ ศษ ดงั นน้ั เวลาเกดิ เรอื่ งราวหรอื เกดิ การตอ่ สกู้ นั ในพระราชวงั จงึ มกั จะใช้ ฝมี อื มวยไทยเข้าตอ่ สกู้ นั No one was allowed to carry any weapon in the palace except for some special cases. However, when there was a fight, the boxer-soldiers would be sent in to quell it by using Muay Thai. This was the reason why Krom Nak Muay was very important by that time. 56 ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย
ประวัตศิ าสตร์ มวยไทย 57 HISTORY OF MUAY THAI
ประวัตศิ าสตร์ มวยไทย 58 HISTORY OF MUAY THAI
สาเหตุที่กรมนักมวยมีความส�ำคัญมากในการท�ำหน้าท่ีรักษาความปลอดภัยใน No one was allowed to carry any weapon in the palace except for some HISTORY OF MUAY THAI พระราชวงั และในการตามเสดจ็ นก้ี เ็ พราะสมยั นน้ั บคุ คลใดจะพกอาวธุ เขา้ ไปในพระราชวงั special cases. However, when there was a fight, the boxer-soldiers would be sent ไมไ่ ด้ นอกจากจะได้รบั อนญุ าตเปน็ พิเศษ ดงั นัน้ เวลาเกดิ เรื่องราวหรือเกดิ การต่อสู้กนั ใน in to quell it by using Muay Thai. This was the reason why Krom Nak Muay was 59 พระราชวังจึงมักจะใช้ฝีมือมวยไทยเข้าต่อสู้กัน กรมนักมวยน้ีนอกจากจะท�ำหน้าที่รักษา very important by that time. Apart from maintaining security, these soldiers also ความปลอดภยั แลว้ ยงั ทำ� หนา้ ทฝี่ กึ สอนเยาวชนในพระราชวงั ดว้ ย กรมนกั มวยนรี้ งุ่ เรอื งมาก gave training to young people in the palace. Krom Nak Muay was later changed ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย ในสมัยพระเจ้าเสือ แต่ในระยะหลังต่อมาได้เปลี่ยนช่ือเป็นกรมมวยหลวงหรือมวยหลวง to Krom Muay Luang or Muay Luang and existed until Rattanakosin period. ซง่ึ มีมาจนถึงสมัยรัตนโกสนิ ทร์ Muay Thai had been very popular in Ayudhya period, so it was found กฬี ามวยไทยในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาไดร้ บั ความสนใจอยา่ งกวา้ งขวาง มกี ารฝกึ หดั มวยไทย commonly practiced in the palace, temples and at boxing schools. The teachers ในพระราชวัง ตามวัดและส�ำนักมวยประจ�ำหมู่บ้านที่ครูมวยอาศัยอยู่ ครูมวยท่ีสอน who taught Muay Thai in the palace were well selected and appointed as Thanai ในพระราชวงั เปน็ ครมู วยทไ่ี ดร้ บั การคดั เลอื กเขา้ มาทำ� หนา้ ทส่ี อนมวยหรอื เปน็ ทนายเลอื ก Luak, whereas those teaching in the temples were either laymen or retired ส่วนครูมวยท่ีสอนตามวัดมักเป็นครูมวย หรือข้าราชการที่ออกบวชเมื่อมีอายุมาก หรือ officials who entered monkhood. La Loubaire said, “In Ayudhya period boxing บวชเพ่ือหนีภัยทางการเมือง ซ่ึงล้วนแต่มีความรู้ความสามารถในศิลปศาสตร์หลายแขนง is very popular. Boxers use fists, elbows, knees and feet. Some people ลาลแู บร์ ซง่ึ เดนิ ทางเขา้ มาประเทศไทยในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาไดก้ ลา่ วถงึ ความนยิ มชกมวย take it as a profession …”. Boxing would take place only on festive occasions. ในสมยั น้ันวา่ “...ในสมัยอยุธยามีการชกมวย หมัด ศอก เขา่ และเทา้ ผูค้ นนยิ มกนั มาก Awards usually came in the forms of things or just small sums of money not จนบางคนก็ยึดเป็นอาชีพ...” แต่การชกมวยสมัยกรุงศรีอยุธยาไม่ได้จัดให้มีการชกกัน enough to support one’s living. Most Thai people believed that Muay Thai was เปน็ ประจ�ำ จะมีการชกมวยกเ็ นือ่ งมาจากมีงานเฉลมิ ฉลอง งานประเพณี งานเทศกาลใน the advanced art of self-defence which could cause disability, severe injuries วันส�ำคัญตา่ งๆ เทา่ น้นั และการชกมวยสมยั นนั้ รางวลั ท่ีไดร้ ับสว่ นมากเปน็ สิ่งของ ถึงแม้ or even death. เป็นเงินทองก็คงไม่มากนัก ไม่มากพอท่ีจะเป็นอาชีพที่มั่นคงได้ และท่ีส�ำคัญคนไทย เชอ่ื วา่ มวยไทยเปน็ ศลิ ปะปอ้ งกนั ตวั ชน้ั สงู สามารถทจี่ ะทำ� ใหร้ า่ งกายพกิ ารและไดร้ บั บาดเจบ็ King Sua, on his trip by boat, stopped at Talat Kruad Subdistrict, and ถงึ ตายไดง้ า่ ย went to a festive fair with his four followers in disquise. The king walked straight to the boxing ring and told the ring master to make a match for him. การเปรียบคู่มวยในการแข่งขันชกมวยได้มีการกล่าวไว้ในประวัติศาสตร์ไทยตอนหน่ึงว่า พระเจ้าเสือเสด็จทางชลมารคพร้อมเรือตามเสด็จอีกมากมาย ไปจอดท่ีต�ำบล ตลาดกรวดแล้วพระองคพ์ รอ้ มดว้ ยมหาดเลก็ อีกสค่ี น แตง่ กายแบบชาวบ้านออกไปในงาน มหรสพซึ่งมีคนไปเที่ยวงานอย่างเนืองแน่น มีการละเล่นมากมายหลายอย่างทั่วบรเิ วณ พระองคเ์ สดจ็ ไปยงั สนามมวยเพราะพระองคท์ รงสนพระทยั เกยี่ วกบั การชกมวยมาก พระองค์
ประวัตศิ าสตร์ มวยไทย 60 HISTORY OF MUAY THAI
จึงให้นายสนามจดั หาคู่ชกให้ จะเอามวยเอกหรือระดับใดก็ได้ โดยทางสนามประกาศให้ Then the king had a chance to fight three first-rate boxers from the town of HISTORY OF MUAY THAI ประชาชนทราบว่าพระองค์เปน็ นกั มวยจากเมืองกรงุ ประชาชนสนใจมากเพราะสมัยนัน้ Wiset Chaicharn, namely Mr.Klang Mudtai, Mr.Yai Mudlek and Mr.Lek Mudnuk. นักมวยกรงุ ศรอี ยุธยามีช่อื เสยี งมาก นายสนามมวยได้จดั เอานักมวยฝมี อื ดขี องเมืองวเิ ศษ He could defeat all of them, each being badly hurt. 61 ไชยชาญเท่าท่ีมีอยู่มาเป็นคู่ชก พระเจ้าเสือได้ชกกับนักมวยเอกถึงสามคน มีนายกลาง หมัดตาย นายใหญ่ หมัดเหล็ก และนายเล็ก หมัดหนัก ซึ่งแต่ละคนมีฝีมือดีเย่ียม The king got one baht as the winning prize while the losers got 50 satangs ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย การตอ่ สเู้ ปน็ ไปอยา่ งนา่ ดดู ว้ ยฝมี อื เกง่ พอๆ กนั แตด่ ว้ ยความฉลาดและความชำ� นาญในศลิ ปะ (=0.5 baht). มวยไทยที่พระองค์ได้ทรงฝึกหัดและศึกษาจากส�ำนักมวยหลายส�ำนัก จึงท�ำให้พระองค์ สามารถเอาชนะคตู่ ่อสูท้ ้ังสามได้ โดยทค่ี ตู่ อ่ สู้ตา่ งได้รบั ความบอบช�้ำเป็นอนั มาก There were no definite rules of boxing. The fight would not stop until either side clearly won. According to “La Loubaire, boxers fought on the ground ในการชกครงั้ นนั้ สมเดจ็ พระเจา้ เสอื ไดร้ างวลั เปน็ เงนิ หนง่ึ บาท สว่ นผแู้ พไ้ ดส้ องสลงึ fenced off with a rope into a square ring. The boxers wear no gloves but พระองคท์ รงพอพระทยั กับการทีไ่ ด้ชกมวยในครง้ั น้ันมาก bound his hands with raw thread.” Each boxer must be very tough and patient enough to be hit by his opponent’s fists, elbows, knees and feet. Thai boxing is วธิ กี ารชกมวยกไ็ มม่ กี ฎกตกิ าอะไรทแ่ี นน่ อน คงเปลย่ี นไปตามสถานการณแ์ ละความ a fierce and exciting fight. สมัครใจของท้ังสองฝ่ายโดยชกจนกว่าจะชนะ บางทีคนเดียวอาจจะขึ้นชกหลายคร้ังกับ คตู่ อ่ สคู้ นอนื่ ๆ “ลาลแู บร์ กลา่ วถงึ ลกั ษณะการชกมวยไทยไวว้ า่ มกี ารชกมวยกนั กลางพน้ื ดนิ ใชเ้ ชอื กกนั้ เปน็ รปู สเี่ หลย่ี มจตั รุ สั นกั มวยไมส่ วมนวมแตถ่ กั หมดั ดว้ ยดา้ ยดบิ ” ผชู้ กมวย จะต้องเป็นผู้ที่มีความอดทนมาก เพราะทุกคนที่ชกมวยต้องเจ็บตัวด้วยอาวุธหมัด ศอก เข่า เท้า ของฝ่ายตรงข้ามจนกว่าจะมีฝ่ายใดชนะโดยเด็ดขาดเท่าน้ัน ซ่ึงเป็นการต่อสู้ท่ี ดุเดือดและเร้าใจผชู้ มเปน็ อย่างยิ่ง
HISTORY OF MUAY THAIสมยั กรุงศรอี ยุธยา ตอนปลาย ความนิยมฝึกหัดวิชามวยไทยในหมู่ประชาชนชาวไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่ ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทยตอนกลางและตอนปลายคงมโี ดยทว่ั ไป จงึ ทำ� ใหม้ นี กั มวยฝมี อื ดเี กดิ ขน้ึ มากมาย หลายคน ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในคราวกรุงศรีอยุธยาหลังจากพ่ายแพ้แก่พม่าเป็นคร้ังที่ 2 เมอื่ พ.ศ. 2310 มนี กั มวยทมี่ ชี อ่ื เสยี ง 2 คน ปรากฏขน้ึ เปน็ ทปี่ ระจกั ษใ์ นฝมี อื และชอ่ื เสยี ง คอื 1. พระยาพชิ ัยดาบหัก (พ.ศ. 2284-2325) เดมิ ชอื่ จ้อย เป็นคนเมอื งพิชัย จงั หวัด อุตรดิตถ์ มีความรู้ความสามารถเชงิ กีฬามวยมาก ไดฝ้ ึกมวยจากส�ำนกั ครเู ท่ียงและใช้วิชา ความรู้ชกมวยหาเลี้ยงตัวเองมาตลอด เด็กชายจ้อยมีนิสัยชอบชกมวยมาต้ังแต่เยาว์วัย บดิ าไดพ้ รำ่� สอนเสมอถา้ จะชกมวยใหเ้ กง่ ตอ้ งขยนั เรยี นหนงั สอื ดว้ ย เมอื่ อายไุ ด้ 14 ปี บดิ า น�ำไปฝากกบั ทา่ นพระครูวัดมหาธาตุ เมอื งพิชยั จนเด็กชายจ้อยสามารถอ่านออกเขียนได้ แตกฉานเพราะเป็นคนขยันและเอาใจใส่ในต�ำราเรียน คอยรับใช้อาจารย์ และซ้อมมวย ไปด้วย ท้งั หมัด เข่า ศอก และสามารถเตะได้สงู ถึง 4 ศอก “ในขณะทเี่ ปน็ เดก็ วัดนน้ั เขา 62 มกั จะถกู กลนั่ แกลง้ จากเดก็ ทโ่ี ตกวา่ เสมอแตใ่ นระยะหลงั เขากส็ ามารถปราบเดก็ วดั ได้ ทุกคนดว้ ยชน้ั เชิงมวย” ตอ่ มาเจา้ เมอื งพชิ ยั ไดน้ ำ� บตุ ร (ชอื่ เฉดิ ) มาฝากทว่ี ดั เพอ่ื รำ�่ เรยี นวชิ า เฉดิ กบั พวกมกั หาทางทะเลาะววิ าทกบั จอ้ ยเสมอ จอ้ ยจงึ ตดั สนิ ใจหนอี อกจากวดั ขนึ้ ไปทางเหนอื โดยมไิ ด้ บอกพอ่ แมแ่ ละอาจารย์ เดนิ ตามลำ� นำ้� นา่ นไปเรอื่ ยๆ เมอื่ เหนอื่ ยกห็ ยดุ พกั ตามวดั และทวี่ ดั บา้ นแก่ง จ้อยได้พบกบั ครูฝึกมวยคนหน่ึงชอื่ เทีย่ ง จงึ ฝากตัวเป็นศษิ ย์แล้วเปลย่ี นชื่อเปน็ นายทองดีฟันขาว ครูเที่ยงรักนายทองดีมากและมักเรียกนายทองดีว่านายทองดีฟันขาว (เนอื่ งจากทา่ นไมเ่ คยี้ วหมากพลดู งั คนสมยั นนั้ ) ดว้ ยความสภุ าพเรยี บรอ้ ย และขยนั ขนั แขง็ เอาใจใสก่ ารฝกึ มวยชว่ ยการงานบา้ นครเู ทย่ี งดว้ ยดเี สมอมา ทำ� ใหล้ กู หลานครเู ทย่ี งอจิ ฉานาย ทองดมี าก จนหาทางกล่ันแกลง้ ตา่ งๆ นานา นายทองดีฟันขาว เหน็ วา่ อยู่บา้ นแก่งต่อไป คงลำ� บาก ประกอบกบั ครเู ทยี่ งกถ็ า่ ยทอดวชิ ามวยใหจ้ บหมดสน้ิ แลว้ จงึ ตดั สนิ ใจลาครเู ทย่ี ง และเดินทางต่อไปยงั เมืองตาก
Late Ayudhya Period HISTORY OF MUAY THAI There was quite a number of famous boxers in this period, and many were taken to Burma as prisoners after the kingdom’s second defeat 63 by the Burmese army in B.E. 2310. Two famous boxers worth mentioning here were : ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย 1. Phraya Phichai Daab Hak (B.E. 2284-2325) He was a citizen of Phichai, a town in Uttaradit Province. His normal name was Joi. He practiced Muay Thai at Khru thiang Boxing School and earned his living on it. He had been fond of Muay Thai since his childhood. At 14, his father sent him to live with “phrakhru” (a high-ranking monk) at Mahathat Temple (=Wat) in Phichai. He could read and write very well, and kept on practicing Muay Thai. “He was always mistreated by older children, but he finally could defeat all of them with Muay Thai.” Later on, Cherd, Phichai governor’s son, joined classes. He and his friends often tried to pick a quarrel with Joi, so he decided to escape to the north without telling anyone. He met Khru Thiang, a trainer, he asked to practice Muay Thai with him and changed his name to Thongdee. Khru thiang loved him very much and often called him “Thongdee White Teeth”. His politeness diligence and hard working caused jealousy among Khru Thiang’s children and they thus kept finding fault with him. So, again, Thongdee decided to leave and go further north after bidding farewell to Khru Thiang.
HISTORY OF MUAY THAIเม่ือท่านเดินทางถึงเมืองตาก ขณะน้ันได้มีพิธีถือน�้ำพิพัฒน์สัตยาที่วัดใหญ่เจ้าเมืองตาก สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จัดให้มีมวยฉลองข้ึน นายทองดีฟันขาวดีใจมากได้มีโอกาสเข้าไปเปรียบมวยกับครูห้าว ซ่ึงเป็นครูมวยฝีมือดีของ ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทยเจ้าเมืองตากและมีอิทธิพลมาก นายทองดีฟันขาวใช้ความว่องไวใช้หมัดศอกและเตะขากรรไกรจนครูห้าวสลบไป เจ้าเมืองตากจึงถามว่าสามารถชกนักมวยอ่ืนอีกได้หรือไม่ นายทองดีฟันขาวตอบว่าสามารถชกได้อีก เจ้าเมืองตากจึง ให้ชกกับครูหมึกครูมวยร่างสูงใหญ่ผิวด�ำ นายทองดีฟันขาวเตะซ้ายเตะขวาบริเวณขากรรไกรจนครูหมึกล้มลงสลบไป เจา้ เมอื งตากพอใจมากใหเ้ งนิ รางวลั 3 ตำ� ลงึ และชกั ชวนใหอ้ ยดู่ ว้ ย นายทองดฟี นั ขาว จงึ ไดถ้ วายตวั เปน็ ทหารของเจา้ เมอื งตาก (สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ )ี ตัง้ แตบ่ ดั น้ันเป็นต้นมา ไดร้ บั ใชแ้ ละเปน็ ทโ่ี ปรดปรานมาก ไดร้ ับยศเป็น “หลวงพิชัยอาสา” เม่อื เจา้ เมืองตากไดร้ บั พระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้เปน็ พระยาวชริ ปราการครองเมอื งกำ� แพงเพชร หลวงพิชัยอาสาได้ติดตามไปรับใช้ อย่างใกล้ชิดและเป็นเวลาเดียวท่ีพม่ายกทัพล้อมกรุงศรีอยุธยา พระยาวชิรปราการพร้อมด้วยหลวงพิชัยอาสาและทหารหาญ ไดเ้ ขา้ ปะทะตอ่ สจู้ นชนะ ไดช้ า้ งมา้ อาหารพอสมควร ในเวลาตอ่ มาไดเ้ ขา้ สรู้ บกบั ทพั พมา่ หลายคราวจนไดร้ บั ชยั ชนะ “เมอ่ื พระยาธงิ พระยาวชิรปราการ ปราการทรงกอบกู้เอกราชจากพม่าแล้ว ทรงสถาปนาเป็นขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงธนบุรี และได้โปรดเกล้าฯ ใหห้ ลวงพชิ ยั อาสา เป็นเจ้าหมน่ื ไวยวรนาถทหารเอกราชองครักษ์ในพระองค์ และก็ใหพ้ ระยาพิชัยไป 64 ครองเมืองพิชยั บา้ นเมืองเดิมของตนเอง” ในปี พ.ศ. 2314 พมา่ ยกทพั มาตีเมืองเชยี งใหม่แล้วเลยมาตเี มืองพิชัย พระยาพชิ ยั น�ำทหารออกสรู้ บ การรบถงึ ขัน้ ตะลุมบอนจนดาบหกั ทง้ั สองขา้ งจึงไดน้ ามว่า พระยาพชิ ยั ดาบหกั “ความสามารถของพระเจา้ ตากสนิ ทน่ี า่ ประทบั ใจ คอื ความเสยี สละ และความรกั เพอ่ื นทหารของพระองค์ พระองค์ เสียสละแม้กระทั่งคนรักให้กับหลวงพิชัยอาสา” โดยกล่าวว่า หญิงรึจะสู้ทหารกล้า นับเป็นผู้น�ำท่ีมีจิตใจเมตตา เสียสละ ทเ่ี หน็ ทหารกลา้ มคี วามสำ� คญั มากกวา่ คนรกั ของพระองค์ ทรงมนี ำ้� พระทยั ใหญห่ ลวงทเ่ี หน็ ความสขุ ของทหารกลา้ มคี า่ ยงิ่ กวา่ คนรกั ความสามารถของพระยาพิชยั ดาบหัก คือ “ความกตัญญูกตเวท”ี หลงั จากพระองคไ์ ดเ้ ป็นเจ้าเมืองพชิ ยั แลว้ กก็ ลับไป หาครมู วยทงั้ สองทา่ น คอื ครเู ทย่ี งและครเู มฆ ไดแ้ ตง่ ตงั้ ครเู มฆเปน็ กำ� นนั และครเู ทย่ี งเปน็ ผใู้ หญบ่ า้ น ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นตอ่ อาจารย์ เย่ยี งศษิ ยท์ ดี่ ี แมว้ า่ จะเปน็ เจา้ เมืองแล้วก็ตาม
The time when Thongdee reached the town of Tak, a loyalty-swearing ceremong (“Thue HISTORY OF MUAY THAI Nam Pipatsattaya” Ceremony) was being held at Wat yai Chao Muang Tak. Boxing matches were arranged to celebrate the occasion. Thongdee had a chance to box with Khru Hao, a 65 skillful boxer of Tak Governor (Chao Muang Tak). He could knock out Khru Hao by his quickness and kicked him on his jaw which sent him down to the floor. Tak Governor (King Taksin later ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย on) asked if he could still fight and Thongdee said he could. So he was matched against Khru Muk, a big, dark-skinned trainer. Thongdee knocked him out by kicking his jaws until he fell to the floor. Tak Governor was so pleased and gave Thongdee three tamlung (former unit of Thai currency). The governor persuaded him to serve as his soldier. He agreed and then became the governor’s favourite and was promoted as “Luang Phichai Arsa”. When the governor was promoted as “Phraya Vachira Prakarn” governing Kamphangphet, Luang Phichai Arsa went along with him. It was the same period that the Burmese army surrounded Ayudhya. Phraya Vachira Prakarn and Luang Phichai Arsa led the soldiers to fight the enemy time and again, and could finally defeat them. They were warmly welcomed by the people and Phraya Vachira Prakarn was hailed as their leader. “When he came to the throne becoming king of Krung Thonburi (Thonburi Kingdom), King Krung Thonburi, or, more popularly, King Taksin, promoted Luang Phichai Arsa as Chaomuen Vaiya voranart and sent hime to govern Phichai, his hometown.” In B.E. 2314 the Burmese army invaded the city of Chiangmai and came down to seize the city of Phichai. Luang Phichai Arsa (Phraya Phichai) led his men to fight the enemy. The battle led to fighting at close quarters until Phraya Phichai’s both swords were broken. That is why he was otherwise called “Phraya Phichai Daab Hak (=broken sword)”. “A good impression of King Taksin was his sacrifice and love for his soldiers. He sacrificed even his lover to Luang Phichai Arsa” on the ground that a brave soldier was more important, which well reflected his broad mind.
HISTORY OF MUAY THAI 66ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย สุดท้ายส่ิงที่หน้ายกย่องของพระยาพิชัยดาบหัก คือ “ความจงรักภักดีต่อ พระเจ้าตากสิน” หลังจากทราบข่าวว่าพระเจ้าตากสินสิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก สถาปนากรงุ รัตนโกสนิ ทรเ์ ปน็ เมอื งหลวงใหม่ของไทย เจา้ เมอื ง หัวเมืองต่าง ๆ จะต้องเขา้ ไปถอื นำ�้ พิพฒั น์สัตยาต่อพระมหากษัตริย ์ “พระยาพชิ ยั ตดั สนิ ใจทจ่ี ะเปน็ “ทหารเสอื พระเจา้ ตาก” แตเ่ พยี งพระองคเ์ ดยี ว จงึ ทงิ้ ลกู และภรรยาเดนิ ออก จากเมอื งพชิ ยั ดว้ ยใจเดด็ เดยี่ ว และหายไปจากเมอื งพชิ ยั ตงั้ แตว่ นั นน้ั ” ซง่ึ นา่ เสยี ดายทหารกลา้ คนนม้ี าก แตด่ ว้ ยความจงรกั ภกั ดตี อ่ พระเจา้ ตากสนิ ทไ่ี ดถ้ อื นำ้� พพิ ฒั นส์ ตั ยารว่ มกนั มาแลว้ จงึ ไมอ่ าจเปลย่ี นแปลงหรอื แปรพกั ตรไ์ ปเปน็ ทหารเสอื ของ ผใู้ ดไดอ้ กี ในชาตนิ ้ี นา่ ชน่ื ชมความซอื่ สตั ยข์ องบคุ คลสำ� คญั ของชาตไิ ทยทช่ี ว่ ยกอบกอู้ สิ รภาพ ให้ชาตไิ ทยเป็นเอกราชอยู่ไดจ้ วบจนทุกวนั น้ี
Phraya Phichai had his great gratitude to Khru Thiang and Khru Mek. After HISTORY OF MUAY THAI his appointed as Governor of Phichai, he appointed Khru Mek as Kamnan (subdistrict head) and Khru Thiang as village head and treated them very well. Another good impression of Phraya Phichai was his “unfailing loyalty to King Taksin.” After King Taksin’s death, King Rama I (Somdet Phra Buddhayodfa Chulaloke) became king and established Krung Rattakosin as the new capital of Siam. Traditionally, all the governors must join in the swearing ceremony to show their loyalty to the king. “Phraya Phichai decided to be King Taksin’s soldier only, so he left his town and family and disappeared ever since. His heroic decision is highly praiseworthy.” 67 ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย
HISTORY OF MUAY THAI2. นายขนมตม้ เคยเปน็ เชลยไทยทถี่ กู กวาดตอ้ นไปครง้ั กรงุ ศรอี ยธุ ยาแตก ครง้ั ที่ 2 เมอ่ื ปี พ.ศ.2310 นายขนมตม้ เกดิ วนั องั คาร เดอื นย่ี ปมี ะเมยี พ.ศ. 2293 ในสมยั พระเจา้ อยหู่ วั ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทยท้ายสระ (ปัจจุบันคือ ต�ำบลบ้านกุ่ม อ�ำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) บิดาชอ่ื นายเกิด มารดาช่ือนางอ่ี มพี นี่ ้อง 2 คนคือ 1. นางเอื้อย ถกู พมา่ ฆา่ ตายเม่อื เลก็ ๆ 2. นายขนมตม้ นายขนมต้มต้องอาศัยอยู่วัดตั้งแต่เด็กๆ ต่อมาเม่ืออายุได้ประมาณ 10 ขวบ พ่อแม่ได้ถูกพม่าฆ่าตายทั้งคู่ เมื่อเริ่มโตเป็นหนุ่ม ได้ฝึกหัดมวยไทยจากผู้มีฝีมือด้าน หมัดมวย และมีความสามารถด้านมวยมากข้ึนเป็นล�ำดับ ครั้งเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก ในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ผู้คนได้ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยศึกอย่างมากมาย ในระหว่างน้ันเองชื่อเสียงของนายขนมต้มได้เริ่มปรากฏเม่ือในปี พ.ศ. 2317 จึงปรากฏ เรื่องราวของนักมวยไทยในพระราชพงศาวดารซ่ึงบันทึกเหตุการณ์เมื่อคร้ังพระเจ้าอังวะ 68 จัดพิธียกฉัตรยอดพระมหาเจดีย์เกศธาตุ แลว้ ใหม้ งี านเฉลมิ ฉลองจดั งานสมโภชมหาเจดยี ์ มีขุนนางพม่ากราบทูลว่า ชาวไทยมีฝีมือด้านมวยไทยดีแทบทุกคน จึงตรัสสั่งให้จัดหา 2. Nai (Mr.) Khanom Tom He was born on Tuesday, January (2nd month according to the lunar year) B.E. 2293 in the reign of King Tai Sra at Baan Kum (now Baan Kum Subdistrict, Bangbarn District, Ayudhya). His parents were Mr.Kerd and Mrs.Ee. His sister, Mrs.Uei, was killed by Burmese soldiers in her childhood. Nai Khanom Tom had to live at a temple since he was ten years old when his parents had been killed. He started practicing Muay Thai in his youth. After the fall of Ayudhya Kingdom in the reign of King Ekkatat he was one of those who were taken to Burma by the Burmese army. There, in B.E. 2317, King Angwa ordered celebration of Ket Taat, a great pagoda. Being informed that there were a lot of skillful Thai boxers, he ordered arrangement of boxing matches. Nai Khanom Tom, a strong, tough, dark-skinned guy, was fetched before the
king. Nai Khanom Tom then could beat 9-10 Burmese boxers. King Angwa said in appreciation of the Thai boxer that “The Thai people can be dangerous from top to toe. Even one man with bare hands can beat nine to ten men. They have got a bad ruler; otherwise, they would not have lost their kingdom”. The king then gave him money and two women as an award. Nai Khanom Tom was the first Thai boxer to show his Thai boxing skill abroad. It may be said that he was one of forefathers of Muay Thai. นักมวยเพื่อชกกัน ในงานน้ีได้นักมวยไทยมีฝีมือคนหนึ่งช่ือนายขนมต้มเป็นนักมวยมี HISTORY OF MUAY THAI ช่ือเสยี งมากตง้ั แตค่ รง้ั กรุงเก่า ขุนนางพมา่ ได้นำ� ตัวนายขนมตม้ ผ้มู ีรปู รา่ งลำ�่ สนั บึกบนึ ผิวด�ำ มาถวายพระเจ้าอังวะ แล้วจัดให้นักมวยพม่าเข้าเปรียบเทียบกับนายขนมต้ม 69 เมื่อได้คู่กันแล้วก็ให้ชกกันหน้าพระท่ีนั่ง และนายขนมต้มชกชนะพม่าถึงเก้าคนสิบคน พระเจ้าอังวะทอดพระเนตรแลว้ ตรัสสรรเสริญฝีมอื มวยนายขนมต้มวา่ “ไทยมพี ิษอยู่ ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย ทั่วตัว แต่มือเปล่าไม่มีอาวุธเลยยังสู้ได้คนเดียวชนะถึงเก้าคนสิบคนฉะนี้เพราะเจ้านาย ไมด่ จี งึ เสยี บา้ นเมอื งแกข่ า้ ศกึ ถา้ เจา้ นายดแี ลว้ ไหนเลยจะเสยี กรงุ ศรอี ยธุ ยา” พระเจา้ องั วะ จงึ ทรงมอบเงินและภรรยาให้ 2 คน เปน็ รางวลั กาลเวลาต่อมานายขนมตม้ ก็ได้นำ� เอา สองศรีภรรยาเขา้ มาตงั้ รกรากในไทยจนถึงบั้นปลายของชวี ติ นายขนมต้มจึงเป็นนักมวยเอกคนแรกของไทยที่ได้ไปประกาศฝีไม้ลายมือ มวยไทยในต่างแดน และยังเปรียบเสมือนกับเป็นบิดามวยไทยมาจนเท่าทุกวันน้ี อน่ึง ในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาตอนปลายมวยไทยชกกนั ดว้ ยการคาดเชอื ก เรยี กวา่ มวยคาดเชอื ก
HISTORY OF MUAY THAI นายขนมต้มคอื “บิดาของมวยไทย” ส�ำหรับชาวพระนครศรีอยุธยาได้ ส�ำนกึ ในบญุ คุณของนายขนมตม้ และถอื เป็นเกยี รติศักดิ์คนดศี รอี ยุธยา จงึ ได้ พรอ้ มใจกนั สร้าง “อนุสาวรีย์นายขนมตม้ ” ไวท้ ่ีบรเิ วณสนามกฬี ากลางจงั หวัด พระนครศรีอยธุ ยา The Thai people hailed him as “Father of Muay Thai”. Statue of Nai Khanom Tom was built at Ayudhya Provincial Stadium in commemoration of his greatness for Thai descendants to follow his example. 70 ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย
ซง่ึ ใชเ้ ชอื กหรอื ผา้ พนั มอื บางครง้ั การชกอาจจะถงึ ตาย เพราะเชอื กทใี่ ชค้ าดมอื ถงึ ขอ้ ศอก HISTORY OF MUAY THAI นนั้ บางครง้ั ใชน้ ำ�้ มนั ชบุ เศษแกว้ หรอื ทรายละเอยี ด ชกถกู ตรงไหนจะบาดเจบ็ และไดเ้ ลอื ด ตรงนนั้ นบั ว่าการชกมวยคาดเชอื กนน้ั มอี นั ตรายมาก ทง้ั นีย้ งั นิยมสวมมงคลไวท้ ศ่ี รี ษะ 71 และผกู ประเจยี ดไวท้ ต่ี น้ แขนตลอดการแขง่ ขนั การเปรยี บคชู่ กนนั้ ตอ้ งทำ� ดว้ ยความสมคั รใจ ทัง้ สองฝ่าย ไมค่ �ำนงึ ถึงขนาดร่างกาย อายุ “กตกิ าการชกง่ายๆ คอื ชกจนกวา่ ฝ่ายหน่ึง “There was just a simple rule : keep on boxing until either opponent ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย ฝ่ายใดจะยอมแพ้” ในงานเทศกาลต่างๆ ต้องมีการจัดแข่งขันมวยไทยด้วยเสมอ surrendered.” มกี ารพนนั กนั ระหวา่ งนกั มวยทเี่ กง่ จากหมบู่ า้ นหนง่ึ กบั นกั มวยทเ่ี กง่ จากอกี หมบู่ า้ นหนง่ึ As earlier mentioned, Krom Nak Muay, or Thanai Luak, served as the king’s ต้ังแต่สมัยอยุธยาลงมาปรากฏว่ามีกรมนักมวยที่เรียก ทนายเลือก มีหน้าที่ bodyguards to protect him without any weapons except bare hands. Krom Nak แวดล้อมองค์พระมหากษัตริย์คอยป้องกันอันตรายในระยะประชิดพระองค์ โดยไม่ใช้ Muay lasted until Rattakosin period. Some of the kings, such as King Naresuan, อาวธุ อ่นื ใดนอกจากมอื เปลา่ กรมน้ีมีอยตู่ อ่ มาจนถึงกรงุ รตั นโกสินทร์ กษัตรยิ ์บางองค์ King Sua and King Taksin, were skillful boxers. ทรงเป็นนกั มวยมฝี ีมอื เช่น สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระเจ้าเสือ พระเจา้ กรุงธนบุรี เป็นตน้ The date when Nai Khanom Tom fought the Burmese boxers was March 17, B.E. 2313. So it was later observed as Thai Boxer’s Day. “The Thai people วันท่ีนายขนมตม้ ชกกับพมา่ น้นั เปน็ วันท่ี 17 มนี าคม พ.ศ. 2313 ตอ่ มาจึงไดถ้ ือ hailed him as “Father of Muay Thai”. Statue of Nai Khanom Tom was built เอาวนั ดงั กล่าวของทกุ ปเี ป็นวันนักมวยไทย และ คนไทยถือว่า“นายขนมตม้ คอื บดิ า at Ayudhya Provincial Stadium in commemoration of his greatness for Thai ของมวยไทย” สำ� หรบั ชาวพระนครศรอี ยธุ ยาไดส้ ำ� นกึ ในบญุ คณุ ของนายขนมตม้ และ descendants to follow his example.” ถอื เปน็ เกยี รตศิ ักด์คิ นดศี รอี ยุธยา จงึ ได้พร้อมใจกนั สรา้ ง “อนสุ าวรยี น์ ายขนมตม้ ” ไว้ที่บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพ่ือเป็นอนุสติเตือนใจและให้ ลูกหลานไทยยึดถอื เปน็ แบบอยา่ งสืบไป
HISTORY OF MUAY THAI 72ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย สมัยกรุงธนบรุ ี พ.ศ. 2310-2325 Thonburi Period B.E. 2310-2325
Thonburi Period HISTORY OF MUAY THAI Thonburi Kingdom (B.E. 2310-2325) was established by King Taksin, who, after the fall of Ayudhya Kingdom, recruited men dispersed in the forest and various communities to form an army and fight back the enemy. He could finally defeat the enemy and founded Thonburi Kingdom in 2310. Throughout the Thonburi period, the king had been very often engaged in wars against both external and internal enemies. Most Thai people hence had to be alert for fighting incidents which might occur any time. Also, as a large number of capable and knowledgeable men died in the war, there was a great need to recruit those experienced persons to give knowledge and trainings on religion, politics, administration, war-fare strategy, Muay Thai, weaponry, etc. สมยั กรงุ ธนบุรี 73 สมัยกรุงธนบุรี ระหว่าง พ.ศ. 2310-2325 หลังจากท่ีกรุงศรีอยุธยาเสียเอกราช ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย ให้แก่พมา่ ขณะนน้ั สภาพบา้ นเมอื งวัดวาอารามถูกทำ� ลาย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ พยายามรวบรวมไพรพ่ ลทหี่ นีกระจัดกระจายอยู่ตามปา่ ตามชุมนุมต่างๆ เพ่ือกอบกู้เอกราช ตจนสามารถต้งั กรุงธนบุรีเปน็ ราชธานไี ดเ้ มือ่ จลุ ศักราช 1130 ปีชวด สัมฤทธิศก ลอดเวลาดงั กลา่ วประเทศชาติไมไ่ ด้วา่ งเวน้ จากการทำ� สงคราม ท้ังจากศัตรู ภายนอกประเทศและจากการต้ังตวั เปน็ ใหญ่ของชุมนมุ ต่างๆ ท�ำให้คนไทย ในสมัยน้ันต้องอยู่ในสภาพเตรียมตัวพร้อมรับกับสถานการณ์จากการสู้รบท่ีอาจเกิดข้ึน ได้ตลอดเวลา อีกทั้งคนดีมีฝีมือและพระสงฆ์ที่มีวิชาความรู้ในศิลปศาสตร์แขนงต่างๆ ล้มตายกนั เป็นจ�ำนวนมาก จงึ ตอ้ งเสาะแสวงหาผรู้ ้ผู ้ชู ำ� นาญการตา่ งๆ เขา้ มาในกรงุ ธนบุรี เพื่อฝึกฝนวิชาความรู้ต่างๆ ท้ังด้านการศาสนา การเมือง การปกครอง ยุทธวิธีการรบ การฝกึ หดั มวยไทย กระบี่กระบอง ดาบ ฯลฯ เพอ่ื เตรียมความพร้อมในการทำ� ศกึ สงคราม
สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ ท์ ี่สนใจมวยไทยเป็นพิเศษ ทรงมคี วามสามารถในศลิ ปะมวยไทยและกระบก่ี ระบองเปน็ อยา่ งดี เมอ่ื อายุ 6 ขวบไดเ้ ขา้ ศกึ ษาทวี่ ดั โกษาวาศน์ (วดั คลงั ) และทรงฝกึ หดั มวยไทยจากทนายเลอื กในพระราชวงั และ สำ� นกั มวยอนื่ ๆ อกี หลายสำ� นกั และเสดจ็ ทอดพระเนตรการชกมวยอยเู่ สมอ “สมยั กรงุ ศรี อยุธยาตอนปลายและสมัยกรุงธนบุรีจึงมีนักมวยที่มีความสามารถเกิดข้ึนมากมาย ได้แก่ ครูเมฆ บ้านท่าเสา ครเู ท่ยี ง บ้านเก่ง นายทองดฟี นั ขาว (นายจอ้ ย) หรือหมืน่ ไว วรนารถ หรือพระยาสีหราชเดโช หรือพระยาพิชัยดาบหัก ครูห้าว แขวงเมืองตาก ครูนลิ เมืองทุง่ ย้งั นายถกึ ศิษยค์ รนู ลิ เปน็ ตน้ ” HISTORY OF MUAY THAI จดุ มงุ่ หมายในการฝกึ หัดมวยไทยในสมัยนน้ั จงึ คลา้ ยกับสมัยกรงุ ศรอี ยุธยา คอื ฝึก เพ่ือการทหาร การป้องกันประเทศชาติเม่ือเกิดสงครามรักษาความสงบภายในประเทศ ถวายการอารักขาแด่พระมหากษัตริย์ และฝึกหัดมวยไทยเพ่ือเป็นศิลปะป้องกันตัว สำ� หรบั ลกู ผชู้ ายในการปอ้ งกนั ตวั ครอบครวั และชมุ ชน เพราะเปน็ ชว่ งทมี่ โี จรผรู้ า้ ยชกุ ชมุ การฝึกมวยไทยสมัยน้ีเพ่ือการสงครามและการฝึกทหารอย่างแท้จริง มีนักมวยฝีมือดี King Taksin was particularly interested in Muay Thai and was very good at 74 เกดิ ขนึ้ มากมาย สว่ นนกั มวยทเ่ี ปน็ นายทหารเลอื กของพระเจา้ ตากสนิ ไดแ้ ก่ หลวงพรหมเสนา Muay Thai and weaponry himself. At six, he was educated at Wat Kosawart (Wat หลวงราชเสน่หา ขุนอภัยภกั ดี นายหมกึ พระยาพชิ ัยดาบหัก Klang) and learnt Muay Thai from Thanai Luak in the palace and from many other ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย boxing schools. He always spared his time to watch boxing matches. “There were quite a number of boxers in late Ayudhya and Thonburi periods, e.g. Khru Mek Baan Tha Sao, Khru Thiang Baan Keng, Nai Thongdee Fun Khao (Nai Joi) or Phraya Phichai Daab Hak, Khru Hao Khwang Muang Tak, Khru Nin Muang Thung Yang, Nai Thuek Sit Khru Nin, etc.” The practicing of Muay Thai, like Ayudhya period, was for the military purpose, i.e. for territorial defence, for keeping internal peace, protecting the king and for self-defence because of wide-spread burglary and robbery. The boxers who were King Taksin’s Thanai Luak included Luang Phrom Sena, Luang Raj Saneha, Khun Apai Pakdi, Nai Muek and Nai Thongdee (Phraya Phichai Daab Hak). Boxers from different places/boxing schools would be matched in boxing contests. There were no definite rules, and no point count. The fight would go on until either opponent gave up.
การฝึกมวยไทยสมัยน้ีเพ่ือการสงครามและการฝึกทหาร HISTORY OF MUAY THAI อยา่ งแทจ้ ริง มีนักมวยฝีมือดีเกิดขึน้ มากมาย สว่ นนกั มวย ท่ีเป็นนายทหารเลือกของพระเจ้าตากสิน ได้แก่ หลวงพรหมเสนา 75 หลวงราชเสนห่ า ขนุ อภยั ภกั ดี นายหมกึ พระยาพชิ ยั ดาบหกั ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย The practicing of Muay Thai, like Ayudhya period, was for the military purpose, i.e. for territorial defence, for keeping internal peace, protecting the king and for self-defence because of wide-spread burglary and robbery. The boxers who were King Taksin’s Thanai Luak included Luang Phrom Sena, Luang Raj Saneha, Khun Apai Pakdi, Nai Muek and Phraya Phichai Daab Hak.
HISTORY OF MUAY THAI การจัดชกมวยในสมัยกรุงธนบุรีนิยมจัดนักมวยต่างถิ่นหรือลูกศิษย์ต่างครูชกกัน กติกาการแข่งขันยังไม่ปรากฏชัดเจน ทราบเพียงแต่ว่าเป็นการชกแบบไม่มีคะแนน จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้ไป สังเวียนเป็นลานดิน ส่วนมากเป็นบริเวณวัด นักมวย ยังชกแบบคาดเชอื กสวมมงคล และผูกประเจียดท่ีต้นแขนขณะทำ� การแข่งขัน สมยั กรงุ ธนบรุ ตี อ่ เนอ่ื งถงึ กรงุ รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ชนชาวสยามเปน็ ปกึ แผน่ รวบรวม ดินแดนได้มากแล้ว แต่ยงั ไม่วา่ งเวน้ จากศกึ สงครามใหญน่ อ้ ย ท�ำให้ต้องเร่งการฝกึ ปรอื กลมวย เพลงดาบอยเู่ สมอ จงึ นบั ไดว้ า่ เปน็ ศลิ ปะประจำ� ชาตทิ ส่ี ำ� คญั ซง่ึ คนไทยโดยทวั่ ไป ใหค้ วามสนใจและใหค้ วามสำ� คญั “แมแ้ ตใ่ นพระมหาราชวงั กย็ งั มกี ารเรยี นการสอนกระบ่ี กระบอง วิชามวย และพิชัยสงคราม อนั เป็นหลักสูตรสำ� คัญ” โดยเฉพาะมวยไทยท่ีมี รูปแบบการใช้อวัยวะเปน็ อาวุธ ทง้ั หมัด เทา้ เขา่ ศอก คล้ายคลงึ กันทัว่ ประเทศ อย่างไร ก็ตามด้วยปัญญา และภูมิปัญญาอันมากมายของคนไทย วิชามวยก็ได้แตกแขนง ออกไปอยา่ งเด่นชัดท้ังทา่ รำ� รา่ ยไหว้ครู รปู แบบลลี าท่ายา่ ง ท่าครู แมไ่ ม้ ลกู ไม้ อกี ทั้ง 76 ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย
As Thonburi Kingdom still had been engaged in wars, practicing Muay Thai HISTORY OF MUAY THAI and the use of weaponry became national fighting arts which the Thai people regarded as important and paid so much attention to it that “even the royal court members were taught the art of fighting, Muay Thai and war strategy which were regarded as essential curricula.” The art of Muay Thai had been developed and thus differed in styles and tactics from one region to another, mainly consisting of Muay Tha Sao, Muay Chaiya, Muay Korat and Muay Lopburi. 77 ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย
HISTORY OF MUAY THAIความชำ� นาญเรอื่ งการจกั สาน รอ้ ยรดั ถกั ทอ ทำ� ใหก้ ารคาดเชอื ก ถกั หมดั มรี ปู แบบเฉพาะตวั อีกมากมาย ดังน้ัน จึงได้มีรปู แบบการฝึกมวยแต่ละทีแ่ ตกตา่ งกันออกไปตามภูมปิ ระเทศ ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทยความถนัด และความสามารถหลักใหญ่แบ่งได้ตามภูมิภาค คือ มวยท่าเสา มวยไชยา มวยโคราช มวยลพบรุ ี เปน็ ต้น “สำ� นกั ฝึกมวยสมัยกรงุ ธนบุรีมลี ักษณะคลา้ ยๆ กบั ในสมัยกรงุ ศรีอยุธยา คอื มี ส�ำนักมวยในพระราชวังส�ำหรับฝึกหัดมวยไทยให้ทหารและขุนนาง และมีสำ� นักมวย ตามหมู่บ้านต่างๆ ทั่วไป” การฝึกหัดก็นิยมฝึกหัดกันในบริเวณวัด เพราะบริเวณวัด กวา้ งขวางเหมาะสมอยา่ งยง่ิ ในการฝกึ หดั มวย และอกี อยา่ งหนงึ่ คนเกง่ ไมว่ า่ จะเปน็ นกั รบและ นกั มวยเมอ่ื แกเ่ ฒา่ ลงมกั จะใชช้ วี ติ ในบนั้ ปลายออกบวชเปน็ พระภกิ ษอุ ยทู่ วี่ ดั ลกู ศษิ ยเ์ มอ่ื ไดข้ า่ ววา่ มฝี ีมือดกี จ็ ะติดตามไปขอมอบตวั เป็นลกู ศษิ ย์เพือ่ ฝีกหัดมวยดว้ ย การท�ำสงครามในสมัยกรุงธนบุรีน้ี เป็นการรบท่ีไทยมีก�ำลังพลน้อยจึงต้อง อาศัยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยและการรบที่รวดเร็วไม่ให้ข้าศึกตั้งตัวได้ทัน 78 จึงนิยมเดินทัพทางเรือมากกวา่ ทัพบกเปน็ ทัพหนนุ และนิยมใชย้ ุทธวธิ หี ลอกล่อให้ขา้ ศึก “In Thonburi period, like Ayudhya period, the boxing school in the palace was for training the soldiers and the court members while boxing schools in villages, mostly using extensive temple grounds, were for laymen.” Those retired warriors and boxers usually spent their old age life as monks, and young men would then request these monks to teach them Muay Thai. Due to limited military force, the warfare during Thonburi period had to resort to modern weapons and quick manoeuvres to attack the enemy unawares. Moving by boat made it faster and ambushing was often used to defeat the enemy. Foreign trade helped in importing guns. The traders from Trengganu
ประวัตศิ าสตร์ มวยไทย 79 HISTORY OF MUAY THAI
HISTORY OF MUAY THAI and Yakkatra offered 1,200 guns to the king. “Advanced weapons thus made fighting at close quarters less necessary, and led to diminishing role of Muay ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย Thai as part of fighting.” In time of peace Muay Thai boxing matches would be organized on festive occasions, e.g. Songkran Festival, pagoda celebrations, etc. No definite rules existed; neither did point count. Unlike the present, there would be a break after the first round (timed by floating half a coconut shell with a hole at the bottom which would finally sink when fully filled with water). Then the second, third, fourth and fifth matches of boxers would fight and the first match would หลงกลตกอยู่ในวงล้อมท่ีซุ่มโจมตี ท้ังนี้การค้ากับต่างประเทศช่วยให้ได้อาวุธปืนไว้ใช้ใน สงครามจำ� นวนมาก เชน่ กรณพี อ่ คา้ จากเมอื งตรงั กานแู ละเมอื งยกั กะตรานำ� ปนื คาบศลิ า 80 เข้ามาถวายถึง 1,200 กระบอก การรบแบบซุ่มโจมตีโดยใช้ปืนที่ทันสมัยล้อมยิงข้าศึก จึงเป็นการได้เปรียบคู่ต่อสู้ การรบในลักษณะดังกล่าวและ “ความก้าวหน้าของอาวุธ ยทุ โธปกรณ์จงึ ทำ� ให้การรบในระยะประชดิ ตวั ลดลำ� ดบั ลง ซึ่งจะส่งผลให้ความสำ� คัญ ของมวยไทยในการรับใช้ชาติในสมัยต่อๆ มาลดลงเช่นกนั ” ในยามสงบโอกาสท่ีจะได้ชกมวยมักจะเป็นในงานเฉลิมฉลองต่างๆ เช่น ง านประเพณีบวชนาค เทศกาลสงกรานต์ วันสมโภชเจดีย์ วันถือน้�ำพิพัฒน์สัตยา และ การชกมวยหนา้ พระทน่ี งั่ หากพระมหากษตั รยิ เ์ สดจ็ ทอดพระเนตร ทนายเลอื กจะจดั ใหม้ กี าร คัดเลือกนักมวยมาเปรียบมวยเพ่ือหาคู่ชก โดยใช้วิธีคล้ายกับสมัยกรุงศรีอยุธยาเพราะ ถอื วา่ ฝมี อื สำ� คญั กวา่ รปู รา่ ง และมกั จะนยิ มจดั นกั มวยตา่ งถน่ิ หรอื ลกู ศษิ ยต์ า่ งครชู กมวยกนั ส่วนกติกาการแข่งขันยังไม่ปรากฏชัดเจน คงใช้วิธีการเดียวกับสมัยอยุธยา คือชกไม่มี กำ� หนดยก ไมม่ กี ารใหค้ ะแนน มกี ารพกั ระหวา่ งยกคอื เมอ่ื ชกไปหนงึ่ ยก (ใชก้ ะลาเจาะรวู าง บนน�ำ้ เป็นการจบั เวลา เมอื่ กะลมนี ำ้� ไหลเข้าเต็มกจ็ ะจมลงถือว่าหมดยก) จะหยดุ พักโดย ใหค้ ูท่ ่ี 2 ขึ้นชกยกท่หี น่งึ หลังจากนน้ั จึงให้คู่ท่ี 3-4-5 ชกตอ่ จนหมดคู่ แลว้ จึงย้อนกลบั มา
HISTORY OF MUAY THAI 81 ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย ใหค้ ทู่ หี่ นึ่งชกยกทส่ี องต่อไป ตามล�ำดบั คแู่ รกจนครบค่สู ดุ ทา้ ย นกั มวยตอ้ งชกกันจนกวา่ start its second round and so on. So a break between each round took quite ฝา่ ยหน่งึ ฝา่ ยใดจะยอมแพ้ไปเอง หากคู่ใดชกกนั จนแพช้ นะแล้วกใ็ ห้ข้ามคู่นน้ั ไป การพกั a long time. In addition, the fight would go on until either opponent gave in. ระหวา่ งยกจึงใชเ้ วลายาวนานพอสมควร ตา่ งกับปัจจบุ ันท่ีชกทลี ะคู่ ก�ำหนดเวลาชกและ Presently, the time for each boxing round and break will be definite. The boxing พกั ไวแ้ นน่ อน “สงั เวยี นสมยั กอ่ นจะเปน็ ลานดนิ สว่ นมากเปน็ บรเิ วณวดั ” รางวลั สำ� หรบั ring was on the ground, mostly in the temple area. Nai Thongdee was given five นักมวยเท่าท่ีปรากฏคอื นายทองดฟี นั ขาว ต่อมาได้เป็นพระยาพชิ ัยดาบหัก ได้เงินรางวัล tamlung as a reward and promoted as Phraya Phichai later on. No taxes were 5 ตำ� ลึง และไม่มีการเกบ็ ภาษอี ากรมหรสพแต่อย่างใด collected from boxing.
HISTORY OF MUAY THAI 82ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย สมัยกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ 1 พ.ศ. 2325-2352 Rattanakosin Period King Rama I, B.E. 2325-2352
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก King Buddha Yodfa Chulaloke HISTORY OF MUAY THAI พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีได้สถาปนา King Buddha Yodfa Chulaloke (King Rama I), the founder of Chakri Dynasty, 83 กรงุ รตั นโกสนิ ทรเ์ ปน็ ราชธานี ในปี พ.ศ. 2325 หลกั ฐานทเี่ กา่ แกท่ ส่ี ดุ ในสมยั นไี้ ดแ้ กก่ ฎหมาย established Krung Rattanakosin as new capital city of Siam in B.E. 2325. Muay Thai ตราสามดวงซงึ่ มมี าแตค่ รงั้ กรงุ ศรอี ยธุ ยา และชำ� ระเมอื่ พ.ศ. 2347 ซง่ึ ไดก้ ลา่ วถงึ การตมี วย and wrestling had been mentioned in what was called “Tra Sam Duang Law”. Muay ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย และปล้�ำกันไว้ในพระอัยการเบ็ดเสร็จอันเป็นสาเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทกัน การนิยมชกมวย Thai was quite popular and even foreigners were interested in contending with Thai ไทยคงมีอยู่ทั่วไปจึงท�ำให้ชาวต่างชาติสนใจเข้ามาท้าชกพนัน ดังปรากฏในประวัติศาสตร์ boxers. Part of the history had it that: กตอนหนงึ่ ว่า Rattanakosin people usually had Muay Thai at festive fairs, e.g. Buddha รงุ รตั นโกสนิ ทรน์ ยิ มชกมวยไทยตามงานวนั สำ� คญั ตา่ งๆ เชน่ งานปดิ ทองพระ image gold leaf pasting, loyalty-swearing ceremony, annual fair, etc. งานถือน�้ำพิพัฒน์สัตยา งานประจ�ำปี และงานรับเสด็จเจ้านาย ท�ำให้ Foreigners witnessing the art of Muay Thai then felt like contending with the ชาวต่างประเทศที่ได้เห็นการต่อสู้แบบศิลปะมวยไทยและคิดว่าคนไทยดูเหมือนจะเป็น Thai boxers. In B.E. 2331, two French merchant brothers. The first one to fight นกั มวยไปหมด ทำ� ใหช้ าวฝรงั่ อยากทจ่ี ะประลองฝมี อื ดู ในปี พ.ศ. 2331 ฝรงั่ เขา้ มาทา้ พนนั was the younger brother, a good boxer who had many bouts in many places. ชกมวยนั้น ตามพงศาวดารกล่าววา่ เป็นชาวฝรัง่ เศส มีอาชีพเป็นนายก�ำปั้น 2 คน ซ่งึ เปน็ พนี่ ้องกัน คนท่จี ะขอชกคนแรกเป็นนอ้ ง ซ่งึ มีฝมี ือดแี ละผา่ นการชกมาหลายท่หี ลายเมอื ง จนสดุ ท้ายมาขอท้าชกกับนักมวยชาวกรงุ รัตนโกสินทร์
ประวัตศิ าสตร์ มวยไทย 84 HISTORY OF MUAY THAI
เมอื่ มาถงึ พระนคร นายกำ� ปน่ั ใหล้ า่ มกราบเรยี นพระยาพระคลงั วา่ จะขอชกมวย HISTORY OF MUAY THAI พนันกับคนไทย พระยาพระคลังจึงกราบทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ ทรงดำ� รสั ปรกึ ษากบั กรมพระราชวงั บวรฯ ซง่ึ เปน็ ผมู้ ฝี มี อื มวยไทยและควบคมุ กรมทนาย 85 เลอื กอยใู่ นขณะนนั้ เหน็ วา่ การขอ้ ทา้ พนนั มวยของชาวฝรงั่ เศสครงั้ นี้ เปน็ การตอ่ สเู้ พอื่ รกั ษาเกยี รตแิ ละศกั ดศิ์ รขี องคนไทยจงึ ไดต้ กลงพนนั กนั เปน็ เงนิ 50 ชง่ั กรมพระราชวงั บวรฯ ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย จึงจัดการคัดเลือกนักมวยช่ือ “หมื่นผลาญ” เป็นทนายเลือกวังหน้า แล้วจัด สนามมวยปลูกพลับพลาข้ึนที่สนามหลังวัดพระแก้ว เมื่อถึงเวลาชกก็ตรัสให้แต่งตัว หมื่นผลาญชโลมนำ�้ มัน วา่ นยา และให้ขึ้นขค่ี อคนเดินมายงั มาสนามมวย เม่ือเร่ิมชก ชาวฝร่ังเศสได้เปรียบทางด้านร่างกายที่สูงใหญ่กว่าพยายามเข้ามา ปล้ำ� และจะจับหกั กระดกู แตห่ มืน่ ผลาญใชว้ ิธชี กพลางถอยพลางปอ้ งกนั แลว้ กเ็ ตะ ถบี ตอ่ ย แลว้ วงิ่ ถอยออกมา ฝรง่ั โดนหมดั โดนเตะหลายครง้ั แตไ่ มย่ อมลม้ การตอ่ สดู้ ำ� เนนิ ไป ในรปู เดมิ คอื หมน่ื ผลาญเปน็ ฝา่ ยใชอ้ าวธุ ยาว เตะหนี ถบี หนี ตอ่ ยหนี สว่ นฝรง่ั กเ็ ดนิ หนา้ Upon arrival, they asked their interpreter to tell Phraya Phraklang that they wanted to contend with Thai boxers. The king, having been informed, discussed the matter with Krom Praratchawang Borvorn Satharnmongkhon, who controlled Krom Thanai Luak. He was of the opinion that the challenge should be accepted in order to maintain the Thai people’s honour and dignity. So he put a bet of 50 chang (old unit of Thai currency) on the fight. “Muen Phlan” a Thanai Luak of Krom Praratchawang Borvorn’s Palace, was chosen for the fight. A boxing ring was raised on the ground behind Emerald Buddha Temple. Muen Phlan , “having been dressed and rubbed with oil and herbal liquids, was then carried on someone’s shoulders to the boxing ring.”
HISTORY OF MUAY THAI 86 เขา้ มาหมายจะจับหกั กระดูกทา่ เดียว ย่งิ การชกเนนิ่ นานไปฝรง่ั ก็ย่งิ เสยี เปรียบ เพราะทำ� When the fight started, the French boxer tried to seize Muen Phlan and ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย อะไรหมน่ื ผลาญไมไ่ ด้ ฝา่ ยพช่ี ายชาวฝรงั่ เศสเหน็ วา่ ถา้ หมน่ื ผลาญเอาแตถ่ อยเตะ ถอยตอ่ ย his bone, but Muen Phlan used the tactic of kicking, thrushing, punching and ถอยถบี นอ้ งชายของตนคงแยแ่ น่ เลยกระโดดเขา้ ไปผลกั หมน่ื ผลาญไมใ่ หถ้ อยหนี “การกระทำ� then backing off. The longer the bout was, the more disadvantage on the French ดังกล่าวเป็นเหมือนช่วยกันชก จึงท�ำให้เกิดมวยหมู่ตะลุมบอนกันข้ึนระหว่างฝรั่ง boxer’s side. So his brother jumped in and pushed Muen Phlan to prevent him กับพวกทนายเลือกซ่ึงล้วนแต่เป็นผู้มีฝีมือทางด้านมวยไทย จึงพากันต่อยเตะจนฝรั่ง from backing off. “This led to a dog fight between the two French boxers บาดเจบ็ สาหสั ” พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ จงึ สง่ั ใหห้ ยดุ การชกและพระราชทานหมอยา and Muen Phlan and those Thanai Luak who came to help him. The French หมอนวด ให้ไปรักษาพยาบาล แล้วฝร่ังท้ังสองก็ได้ออกเรือกลับไปโดยยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ boxers were badly hurt.” The king then stopped the fight and sent them for ดว้ ยเหตกุ ารณด์ งั กลา่ วเปน็ การทห่ี มน่ื ผลาญกำ� ลงั ดชู น้ั เชงิ ของคตู่ อ่ สู้ คดิ วา่ จะเผดจ็ ศกึ เอา medical treatment. The fact was that Muen Phlan was studying the French boxer ตอนหลังเม่อื ฝรั่งหมดแรง style before trying to defeat him later on. หลักฐานที่ส�ำคัญอีกรูปแบบหนึ่งคือวรรณคดี ซึ่งผู้แต่งมีวิถีชีวิตอยู่ในสมัยใดก็จะ Literature was also important evidence which described the life style, way บันทกึ เร่ืองราวทไ่ี ดพ้ บเห็นถ่ายทอดให้ผู้อา่ นไดร้ ับร้แู ละสมั ผัสกบั ภาพ นำ�้ เสียง ความคดิ of thinking, etc. of the respective period. Soonthorn Poo, for example, wrote และองค์ประกอบอ่นื ๆ จากตัวหนงั สอื ท่สี รา้ งสรรค์ไว้ ดังท่ีสนุ ทรภู่ไดแ้ ตง่ นริ าศพระบาท “Nirat Phra Baat” mentioned Muay Thai and the boxer’s dressing as follows : คราวตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ซ่ึงผนวชอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม ที่จะขึ้นไปนมัสการ
ประวัตศิ าสตร์ มวยไทย 87 HISTORY OF MUAY THAI
พระพทุ ธบาทจ�ำลองในเดือน 3 ปลาย พ.ศ. 2350 และได้กลา่ วถึงการชกมวย วิธกี ารชก และการแต่งกายของนักมวยไวด้ ังน้ี ละครหยดุ อุตลุดด้วยมวยปลำ�้ ยนื ประจำ� หมายส้เู ป็นคู่ขนั มงคลใส่สวมหัวไมก่ ลวั กนั ตัง้ ประจนั จดจับกระหยับมอื ตีเขา่ ปับรบั โปกสองมอื ปิด ประจบตดิ เตะผางหมดั ขวา้ งหวือ กระหวัดหวิดหวิวผวาเสยี งฮาฮือ คนดูอือ้ เออเอาสนั่นอึง ใครมีชยั ได้เงนิ บำ� เหนจ็ มาก จมูกปากบอบบวมอลึ่งฉงึ่ แสนสนกุ สขุ ลำ�้ สำ� มดงึ ษ์ พระผ้ถู ึงนฤพานด้วยการเพยี ร “นริ าศพระบาท” HISTORY OF MUAY THAI จากบทกลอนดังกล่าวท�ำให้เราทราบว่าการชกมวยในสมัยก่อนจะสวมมงคลไว้ที่ ศรี ษะในขณะชกมวย นกั มวยใชว้ ิธีการชกท้ังหมด ขวา้ งหมัด เข่า เตะ และกลวิธีการรับ เพื่อปกปิดร่างกาย สภาพคนดูสนุกสนานพร้อมกับเสียงเชียร์สน่ันรอบสนาม นักมวย เจบ็ ตวั กนั ทง้ั สองฝา่ ย ใครชนะกไ็ ดร้ างวลั มากกวา่ คนชกแพ้ การชกมวยในสมยั นม้ี กั จะเรยี ก 88 ชอื่ อย่างเดมิ ท่ีเคยเรยี กมาคร้ังกรุงศรอี ยุธยา คือ มวย มวยปลำ�้ ตมี วย ตอ่ ยมวย เป็นตน้ ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย The boxers are in their position, getting ready to fight. Each wears “Mongkhone” on his head. The boxers use knees and feet in hitting and kicking amidst the spectators’ loud cheers and excitement. The winners will got a lot of money, whereas some boxers got swelling mouth and nose. “Nirat Phra Baat” Soonthorn Poo’s poetry in “Nirat Phra Baat” lets us know that those boxers wore a Mongkhon (head band) while boxing. They used fists, knees and feet in attacking and defending tactics in protecting their body.
ประวัตศิ าสตร์ มวยไทย 89 HISTORY OF MUAY THAI
HISTORY OF MUAY THAI 90ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย สมัยกรงุ รตั นโกสินทร์ รชั กาลที่ 2 พ.ศ. 2352-2367 Rattanakosin Period King Rama II, B.E. 2352-2367
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั King Phra Buddha Lertla Naphalai HISTORY OF MUAY THAI King Phra Buddha Lertla Naphalai (King Rama II) came to the throne in 2352. 91 It was the golden age of literature. During his reign Muay Thai was mentioned in many พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัย ทรงครองราชย์ พ.ศ. 2352 ซงึ่ เป็นยุคทอง literary works, some of which were written by the king himself. Following are examples : ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย ของวรรณคดีไทย ในรัชสมัยน้ีปรากฏมีการบันทึกถึงเรื่องมวยไว้ในวรรณคดีหลายเร่ือง บางเรื่องกเ็ ป็นพระราชนิพนธใ์ นพระองคเ์ อง เชน่ บัดน้นั ประชาชนคนดูอักนษิ ฐ์ There the people watched them flying here and there with wonder, เห็นเหาะท้งั สองข้างต่างมฤี ทธ ์ิ ให้คิดพศิ วงงงงวย standing agape. บา้ งแหวงหน้าอา้ ปากตะลงึ ตะไล แลดภู ูวไนยเอาใจช่วย เบยี ดเสียดเยียดยัดดังดูมวย แซ่ซร้องรอ้ งอำ� นวยอวยชยั They crowded around as if they were watching a boxing match “สงั ขท์ อง” “Sang Thong” มีท้งั โขนละครมอญร�ำ มวยปล้�ำค�ำ่ ลงจงมหี นัง There are many kinds of entertainment, including drama, dancing, ตีประโคมฆอ้ งกลองใหก้ ้องดงั ใหห้ บี ตงั้ ใสศ่ พให้ครบครัน wrestling/boxing “ขนุ ชา้ งขนุ แผน” “Khun Chang Khun Phan”
ให้เปรียบคผู่ ู้หญิงชกมวยปล�ำ้ ข้างหนงึ่ ดำ� ขา้ งหนงึ่ ขาวสาวขยนั กางเกงลายสายถักเส้อื กกั๊ กัน ตา่ งตัง้ มัน่ เหมน่ เหมค่ นเฮฮา เข้าทุบทอยต่อยตะกายป่ายปบุ ปับ เสยี งตบุ ตบั เตะผางถูกหวา่ งขา กางเกงแยกแตกควากเป็นปากกา ผูช้ ายฮาเฮล่ันสนนั่ ดัง ตา่ งเหนอ่ื ยหอบหมอบทรดุ ใหห้ ยดุ อยู่ จงู มือคปู่ ลำ�้ เข้ามาหน้าท่นี ่ัง ต่างประหมา่ หน้าต่นื ยืนเก้งกงั เขาทุบหลงั ใหบ้ ังคมประพรมน้�ำ แลว้ ลกุ ข้นึ ยนื ประจญั ขย้ันขยับ เขา้ ยดุ จับขาแขง้ แยง่ ขยำ� ตา่ งกอดเกี้ยวเกลียวกลมล้มคะม�ำ คนหน่งึ ควำ�่ คนหนึ่งหงายผชู้ ายฮา HISTORY OF MUAY THAI ขึน้ อยบู่ นคนควำ�่ ขยำ� หยกิ คนล่างพลิกผลักแพลงไขวแ้ ข้งขา กอดประกับกลับไพลพ่ ลกิ ไปมา คนดูฮาเฮสนน่ั ครน้ื ครน่ั ไป “สงิ หไกรภพ” แล้วมมี วยหมัดรบั กนั กบั โกก แขยะปบั ขยบั โปกปะเตะถอง ปับเขาฮาปาเขาเฮเซคะนอง ดำ� มันแรงแดงเป็นรองตกรางวัล 92 “ลักษณะวงศ์” ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย Women are matched to wrestle. They fight fiercely, trying to beat and defeat the opponent until they were exhausted “Singha Kraiphop” There are boxing matches. The boxers fight by kicking and hitting with elbows. “Laksanawong”
ประวัตศิ าสตร์ มวยไทย 93 HISTORY OF MUAY THAI
HISTORY OF MUAY THAI วรรณกรรมทแ่ี ตง่ ขน้ึ ในสมยั รชั กาลท่ี 2 สามารถแสดง ภาพลักษณ์ของกีฬามวยไว้ได้ชัดเจนว่าเป็นการ ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย แข่งขันที่มีคนนิยมดูกันมากท่ีสุดในสมัยน้ัน และเป็นการบันเทิง ชนิดหนึ่ง “ในงานเทศกาลประเพณี เช่น งานสงกรานต์ ลอยกระทง เข้าพรรษา เทศกาลกฐิน งานบวช แต่งงาน หรือ การฉลองสมโภชตา่ งๆ มกั จะมพี ธิ ที างศาสนาและการบนั เทงิ ควบคู่ กันไป ซ่ึงนอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้ร่วมแรง ร่วมใจในการพระศาสนาแล้วยังจะได้ความสนุกสนานบันเทิงใจ ได้รับการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีของสังคมสืบต่อกันไป การบันเทิงท่ีเป็นกีฬา เช่น วิ่งวัว มวยปล้�ำ การแข่งเรือในหน้า น้�ำหลาก เล่นว่าวในฤดูหนาว ท่ีต้องอาศัยความแข็งแรง ความสามคั คแี ละความพรอ้ มเพรยี งกนั ดว้ ย” ขอ้ นา่ สงั เกตอกี ประการ 94 หน่ึงคือ ในสมัยน้ีมีการกล่าวถึงการชกมวยปล้�ำผู้หญิงหน้า พระที่น่ัง ซ่ึงแสดงให้เห็นว่า การชกมวยไม่ใช่จะมีแต่ในหมู่ชาย เทา่ นน้ั ผหู้ ญงิ กม็ สี ทิ ธทิ์ จ่ี ะเรยี นรศู้ ลิ ปะการตอ่ สแู้ ขนงนไี้ ดเ้ ชน่ กนั สนั นษิ ฐานวา่ คงจะฝกึ หดั กนั มานานแลว้ เพราะไทยเราตอ้ งทำ� ศกึ สงครามกับพม่าและหัวเมืองต่างๆ ตลอดเวลา แต่การที่ผู้หญิง มาชกมวยพนันกันคงจะเริ่มมีในระยะหลัง คงเป็นเพราะสภาพ บ้านเมืองยังขัดสนเน่ืองจากผลกระทบจากภาวะสงคราม การชกมวยจึงเป็นหนทางหนึ่งท่ีจะได้เงินรางวัลมาใช้จ่ายเท่าน้ัน คงไม่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าเช่นผู้ชายท่ีมีฝีมือและได้คัดเลือกเป็น ทนายเลอื กหรือเป็นครมู วย การชกมวยก็คงเป็นท้งั มวยปลำ�้ และ ใชห้ มดั มวยควบคกู่ นั ไป ยงั ไมม่ กี ตกิ าอะไรมากมาย ปลอ่ ยใหป้ ลำ้� ใหช้ กกนั จนเหนอ่ื ยกห็ ยดุ พกั แลว้ ชกกนั ตอ่ จนฝา่ ยหนงึ่ ฝา่ ยใดยอม แพ้ไปในที่สดุ
The literary works during the reign of King Rama II clearly HISTORY OF MUAY THAI reflected the fact that Muay Thai was the most popular competition and was regarded as a kind of entertainment. 95 “In festive events such as Songkran, Loy Krathong, Buddhist Lent, Kathin and wedding, there will usually be religious ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย ceremonies and entertainment. This will be an opportunity for the people to participate in religious activities and enjoy their life while maintaining cultural heritage from generation to generation. Entertainment like cow racing, wrestling, boat racing and kite flying, all need united strength and oneness”. It was also noteworthy that there was female wrestling, proving that women also had the right to practice this branch of fighting art. Presumably, females had long practiced it because Siam had long been engaged in war with Burma and other. However, female boxing for betting took place some time later, probably as a means of earning prize money for spending due to scarcity in time of war. It would be a very rare chance to be promoted like male boxers who would be selected as Thanai Luak or trainers. Boxing in those days was somehow mixed with wrestling without definite rules. The fight would end only when either opponent surrendered.
HISTORY OF MUAY THAI 96ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย สมัยกรุงรตั นโกสินทร์ รชั กาลที่ 3 พ.ศ. 2367-2394 Rattanakosin Period King Rama III, B.E. 2367-2394
พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าเจ้าอยูห่ ัว King Phra Nangklao Chaoyuhua พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงครองราชย์ พ.ศ. 2367 ในสมัยนีป้ รากฏ In the reign of King Phra Nangklao Chaoyuhua (King Rama III), who came to คำ� กลอนท่กี ลา่ วถงึ การชกมวยผ้หู ญิงในนทิ านคำ� กลอนเรอ่ื งพระอภยั มณขี องสนุ ทรภดู่ งั นี้ the throne in B.E. 2367, female boxing was mentioned in Soonthorn Poo’s literary work, “Phra Apaimance”, as follows : แลว้ พระองค์ทรงส่ังใหต้ ั้งแต่ง ศพตำ� แหนง่ นอ้ งพระมเหสี มโี ขนหนังตง้ั สมโภชโปรดเต็มที แล้วให้มีมวยหญิงทงั้ ทิง้ ทาน Then he organize funeral ceremony of his wife’s sister “พระอภยั มณี” With performing art (Khone) and female boxing celebrating the funeral นสมยั นป้ี รากฏหลกั ฐานสำ� คญั ทเี่ ปน็ เรอ่ื งของมวยไทยโดยตรง ไดแ้ ก่ “ตำ� รา Together with alms giving. HISTORY OF MUAY THAI มวยไทยโบราณที่เขียนข้ึนในสมัยรัชกาลท่ี 3 เป็นภาพเขียนท่ามวย “Phra Apaimanee” ลงในสมุดข่อย มีภาษาไทยเขียนบอกวา่ แม่ไม้ ลูกไม้ และไม้แก้ มีจำ� นวนภาพท้ังหมด 97 46 ภาพ” ประกอบดว้ ยภาพการตัง้ ทา่ ชกมวย 2 ภาพ ภาพชุดแม่ไม้มวยไทย 23 ภาพ During this third reign a text on Muay Thai was written on old-styled มี 12 ท่า ภาพชุดลูกไม้มวยไทย 21 ภาพ มี 12 ท่า ต�ำรามวยไทยโบราณฉบับน้ี writing material called “Samut Khoi”, showing pictures of boxing ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย พระปลดั เตง็ วดั ชนะสงครามไดน้ ำ� มามอบใหห้ อสมดุ แหง่ ชาติ เมอ่ื วนั ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2474 forms described as “Mae Mai”, “Luk Mai” and “Mai Kae”, 46 pictures in all. ปจั จบุ นั ทางหอสมดุ แหง่ ชาตไิ ดเ้ กบ็ รวบรวมตำ� รามวยไทยโบราณเลม่ นไี้ วท้ ห่ี มวดตำ� ราภาพ Of these, two were the pictures of boxing guards, 23 were the series of Mae Mai, เลขท่ี 11/ก มัดท่ี 3 ตูท้ ี่ 117 consisting of 12 forms and 21 were the series of Luk Mai, also consisting of 12 forms. Phra Palad Teng, a monk of Wat Chanasongkhram, gave the text to the จากหลักฐานภาพเขยี นทา่ มวยไทยโบราณ ท�ำให้ทราบว่า ครูมวยทีเ่ ขียนภาพเรียก National Library on April 4, B.E. 2474. The text is presently kept at Picture Text ทา่ มวยนน้ั วา่ ไม้ และลกู ไม้ นา่ จะหมายถงึ แมไ่ ม้ลูกไม้ซ่งึ มอี ยู่อย่างละ 12 ทา่ อนั เปน็ สว่ น Section, No. 11/Kor, Box 117. สำ� คญั ใหเ้ หน็ พฒั นาการของมวยไทย ซงึ่ ตอ่ มามคี รมู วยทมี่ คี วามสามารถคน้ คดิ ทา่ มวยแยก The text revealed that the trainer who drew the pictures called the boxing ยอ่ ยออกไปอกี และเรยี กชอ่ื ตา่ งกนั ไปเพอ่ื ประโยชนใ์ นการจดจำ� และแยกประเภททา่ มวยนนั้ ๆ guards “Mai” and “Luk Mai”, probably referring to “Mae Mai” and “Luk Mai”, เช่น กลมวย เชิงมวย ไม้เกร็ด เป็นตน้ each consisting of 12 forms which later had been further developed into smaller units/form as “kon muay”, “choeng muay” and “mai kred”.
HISTORY OF MUAY THAI 98ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย สมัยกรงุ รตั นโกสินทร์ รชั กาลที่ 4 พ.ศ. 2394-2411 Rattanakosin Period King Rama IV, B.E. 2394-2411
HISTORY OF MUAY THAI พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัว King Chomklao Chaoyuhua or King Mongkut 99 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ พ.ศ. 2394 พระองค์ทรง King Chomklao Chaoyuhua or King Mongkut (King Rama IV) came to the throned ประ ัว ิตศาสต ์ร มวยไทย โปรดกีฬากระบีก่ ระบอง และมวยไทยมาก ได้ทรงโปรดใหพ้ ระเจ้าลูกยาเธอหลายพระองค์หัด in B.E. 2394. He was very fond of Muay Thai and weaponry, and also had his sons กระบก่ี ระบองและมวยไทยจนชำ� นาญ และในสมยั ทพ่ี ระองคย์ งั ทรงพระเยาวท์ รงแตง่ องคอ์ ยา่ ง practice Muay Thai and the use of weaponry. During childhood he himself practiced กมุ ารเล่นกระบี่กระบอง และชกมวยในงานสมโภชหนา้ พระอุโบสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม Muay Thai and the use of weaponry during the celebrations on the foreground of the church of the Emerald Buddha Temple. สมัยนี้เป็นระยะหัวเล้ียวหัวต่อของการน�ำอารยธรรมตะวันตกเข้ามามี บทบาทในประเทศไทยหลายด้าน เน่ืองจากมีพวกมิชชันนารีเข้ามาสอน There had been an influx of Western civilization into the kingdom ศาสนา และน�ำความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษ การแพทย์ เข้ามาเผยแพร่ ตั้งแต่ในสมัย because those missionaries brought with them Christianity, English, รัชกาลก่อน ซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงสนพระทัยในวิทยาการของตะวันตกมาก จึงได้เร่ิมให้มี medicine, etc. King Mongkut was very much interested in Western technology. การฝึกหัดทหารแบบยุโรปแต่เป็นเพียงทหารรักษาพระองค์ ทหารท่ีรบเพ่ือการป้องกัน He started European military training for his royal guards, whereas the remaining ประเทศยังเป็นตามรูปแบบเดิมอยู่ การศึกษาเจริญก้าวหน้ามากในสมัยน้ีทรงโปรดให้ตั้ง military forces still had the traditional training. He also had schools of various โรงเรียนในหลายๆ ระดบั และหลายสาขาการศกึ ษา disciplines established.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202