Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พิธีจัดงานศพ และ การทำบุญบ้าน ฉบับสมบูรณ์ โดย พ.ต.ท. แสวง แก้วผลึก

พิธีจัดงานศพ และ การทำบุญบ้าน ฉบับสมบูรณ์ โดย พ.ต.ท. แสวง แก้วผลึก

Description: ✍️✅

Search

Read the Text Version

( ด. จำต้งโตะบูชา มีพระบรมฉายาด'กษณ์ฃธงพระบาทฟิมเด็จ พระเจ้าอยู่หำ ซึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควร ประดิษฐานไว้บนโตะน1น ประกอบควยแจกำบกดอกไม้ และเชิงเทียน กระถางธป พร1อมดำย ดอกไม้ธูปเทียน ควรใช้โตะหม่ลายทองที่สวยงาม จะใช้หม่ & หรือหมู่ ๗ ก็ได้ หากไม่มีโตะหมู่ หรือมีแต่ไม่สวยงาม ก็ใช้ผ่ ที่สะอาดปูลาดให้เรียบร้อย ๒. จ้ด์การเมีดหีบเพลงนั้น นำเอาของในหีบออกมาใส่พาน. ทอง จำวางให้เบนระเบียบเรียบร้อย จำตงไว้บนโตะหม่ที่รองจาก พระบรมฉายาดำษณ ให้อยู่ตอนกลางของพระบามฉายาลำษณ์นั้น (ตำหีบที่ใส่เพลิงพระราชทาน เบึนอำไม่ตองใช้) . ต. เมื่อถึงเวลาจุดเพลิงพระราชทาน เจ้าภาพก็เชิญท่ อาวุโสสงสุดที่มาในพิธี .ขอให้ท่าหนำที่พนประธาน โดยเชิญผ ประธานมายำที่ต1ง์โตะบูชา 4. ผู้พนประธานจะต้องกระทำการถวาย คำน้บพระ บรมฉา- ยาลำษณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หำ เสรจแลำจึงนำพานทอง พร้อมดำยเพลิงพระราชทานขนไปบนเมรุทีตํ้งศพ จำการจุด โดยใช้ ไม้ขีดไฟของหลวง1จุดเทียนและธูปพระราชห\"านมาน้นทำหมด เมื่อธป เทียมติดไฟดีแดำจึงจุดดอกไม้จ้นทรี แลำจึงกระทำการเคารพศพและ วางคอกไม้ธปเทียนน8นไว้ใต้หีบ เมีนการพระราชทานเพลิงศพ การตํ้งโตะ เพี่อประดิษฐานพระบรมฉายาลำษณ์นํ้น ควรจ ตํ้ง์ให้ป็ย่ในพี่นที่ ที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ในบริเวณพิธี เ

0^๘ กลากตายไปมา แลเหน1ได้เด่นช'ตี และอยู่'ไม่ห่าง1กากเมรุท ราชทานเพลิงคพน1น ถ้าในบริเวณพิธีมีที่ต่ง์พระพุทธรูป ในที่ใกล้เคียงก*'บโตะบชาพระพุทธรป แต่ไม่ใช่นำโศะพระบรม,ฉา ล้กษณ์ขน'ไปตงบนเมรที่จะพระราชทามเพลิงศพ ค่าใชจ่ายในการพระ:ราชทานเพลิงศพ ผ้ขอพระราชทานนำศพ ขอพระราชทานหีบหรืธโกศ ตลอด ลนถึงการขอพระราชทานเพลิงศพน1น เต่าหนำที่สำน'กพระราช แต่งว่า ผู้ขอพระราชทานไม่ต่องเสียค่าใช้ต่าขแต่อย่างใด เต่าหน แผนกพระราชพิธีจะจ'ตีการตามที่มีพระบรมราชโองการ พระราชทาน ให้ เว่นแต่เต่าภาพจะไต้ติดต่อขอให้ทางสำน'กพระราชว'ง์ต่ตีกา เรื่องเครื่องสุกำสำหรไเใช้ในการเปลชิงศพ ( เครื่องตราสํง์ศพ ) เครื่องประกอบต่าง ๆ ที่จะตองใช้ในการพระราชทานเพลิงศพ (ที ร*บพระราชทานโกศ) จึงจะต่องเลียค่าใช้จ่ายท1งสนเบึนเงินประมาณ สองพ่นสามร่อยบาทเศษ หรือหากจะให้ทางสำน''กพระราชว*งจ'ตีการ เ'กพาะเท่าที่1จำเบึนบางอย่าง กจะเลียค่าใช้จ่ายนอยลงไปตา หากทางเต่าภาพจะจ*ตีการเอง เคยตลอด กึไม่ต'องเลียค่า,ใช้1จ่าย'ใ เต่าหนำที่ของสำนํก์พระราชว*งแต่1อย่างใด ข่าพเต่าเคยส'ง์เกตเหีนในเรื่องการพระราชทานเพลิงคพที ข่าราชการชนสํญญาบ้ศ์ร ซึ่งเบึนคพชํ้นนายร่อยบ้างนายพ้นบ พระราชทานเพลิงศพภายในจ่งหว้ดพระนคร-ธนบุรี เหึนมีพน*

ฟ่^ เจาหน1าทํ 4. นายนำโคมไฟไปพระราชทานเพลิงศพ เจ่าภาพของงาม- นนได้'จ่ายเงินรางว'ลให้แก่พนกงานเหส่านมนายดะ; ด0 บาทบ่าง ๒0 บาทบ่าง เจ่าหนำที่สำนไ)ราชว'ง์แจ่งิว่า ความจริงเจ่าภาพไม่จำ ต1ธงจ่าย เพราะ1ไม่มีข้อผูก'พ*น'ว่าจะต้ธง'จ่าย'ให เท่าที่เจ่าภาพบางราย ได้กรุณาจ่ายให้กนไ]ว่าพึนพระคุณอย่างสง แต่เห็นว่าการก เช่นน1นจะเบึนการเสียหายแก'ทางสำน้กพระราชวํง์ เพราะอาจทำให้ ผู้อื่นเข้าใจผิดคิดไปว่า เบืนข้อผกพ้นํที่เจ่าภาพจะต่อง1จ่าย บางราย อาจกล่าวติเตียนไปในทางเสียหายว่า การขอรไ]พระราชทานเพลิง ศพหรือการที่พน*กงานนำไฟไปพระราชทานให้แก่ศพ จะตองเสียเงิน เบึนค่าธรรมเนียมด้วย ตามความรู้สึกของข้าพเจ่าเห็นว่า การที่เจ่าภาพมีสินนาใจ กึเบึนไปตามนิสไเของคนไทย โดยเมื่อมีแขกไปมาหาส่ห็จํดการต้อนรไ] ตามสมควร เบึนการแสดงอไ]ยาศํย็ไมตรีอํนดีงาม พนไางานผู้นาไฟ พระราชทานมานถึเปรียบเสมือนแขกผู้มีเกียรติได้นำเกียรติยศมาให้ จึงเบึนหนำที่ของเจ่าภาพจะต้องต้อนร่มให้ดีถึงชนาด แต่ขณะน1น เจ่าภาพกำลํง์มีภาระต้องต้อนรํบ์แรเก1อื่น ๆ ที่มาในงาน จึงไม่มีโอกาส ที่จะต้อนรไ]พนำงานผ้นำไทเหลวงไปพระราชทานให้เหมาะสมได้ เมื่อ- เบึนเช่นน เจ่าภาพจึงได้จ่ด์เงินรางว'ลมอบให้เบึนการตอบแทนการที จะต้องต้อนรโ] เงินรางวนนมถาจะจ่ายให้อย่างมากคนละ ๒0 บาท บาท รวม & นายท็งคนข้บ์รถของหลวง ที่น่าเพลงพระราชทานไปกึ รวมเบึนเงิน ต00 บาทเท่าน,น เจ่าภาพไม่น่าจะ:เดึป็ดร‘ธนเพราะต้อง

จ่าขเงินเพียง *1.. บาทน1นเตย แต่ถ้าหากผู้ใดหรือ.เจ่าภาพ เหีนว่าไม่ควรจ่ายก็ไม่ต่องให้ เพราะ1ไม่มีข้อผกพ่น1ว่าจะต หากเหนเบนการสนควร1ว่าควร'ให้เบึนสินนํ้าใจถ้าง ก็ควรจ่ายให ความเหมาะสม ก่อนจดไฟเผาศพ เจ่าภาพจะต่องจ้ด์หามะพราวแก่ปอกเปลือกข่ดเกลาให้ รอย ๑ ผล นำไปเตรียมไว้ เมื่อถึงเวลาจุดไฟเผา.จริง เจ ของ1ว้ต์ หรืธสํปเหร่อกึจะเคลื่อนคพสงจากที่ต่งแล้วเบี เจ่าภาพดศพ และ1ใช้ส'นมีดทบมะพรำวเอานามะพราวลำงหนำ' ศพ ถือว่านามะพรำวเบนของบริสุทธ ใช้ล่างหนำคพฌึนบ ธรรมว่า สงสะอาดย่อมจ่างสิ'งโสโครก คือกุศลธรรมย่อมจ่างอกค ธรรม แต่ในสมขนเท่าที่ทำการเผาศพถ้นิ โดยเฉพาะในจ่ง์หว'ด พระนคร สถานฌาปนกิจบางแห่ง ถ้าเจ่าภาพไม่ได้นำมะพรำวม มอบ'ให้สโ]เหร่อ และไม่ได้ขอร่องให้เบีดหีบ ก็จะไม่มีการเบดห และไม่ได้ใช้น ามะพรำ1วจ่างหนำศพ แต่สถานฌาปนกิจบางแห เหร่อก็ย'ง์ริก์ษาธรรมเนียมเดิมนั้นอยู่ กล่าวคือ เจ่า พีดหีบศพหรือไม่ก็ตาม ส้ปเหร่อก็จะเบดฝาหีบออกให้เจ่าภาพได้ดศพ และใช้นั้าอบนั้าหอมประพรมลงทีศพ เสร็จแล่วเจ่าห นำศพเข1าส่ที่เผา และเจ่าภาพก็ใช้สตางค์ ๓๒ สตางค์ สำหริบช ยายกะลี ตะกะลา ทงลงในที่เผาศพนั้น แล่ว้ก็ลงมือจด'ไฟพ บรรดาญาติมีตรของผู้ตาย และจ*'ดการโปรยทานต่อไป

^ส การโปรยทานน8น ความ'รุ่งหมายในการโปรยทานกเพื่ออุทิศ ส่วนกุศลนให้แก่ผู้ตาย โดยผ้โปรยทานจะตองตำศิตให้เบึนสมาธิ ใจอุทิศส่วนกุศลแห่งการโปรยทานน1น ให้ผ๎ตายไค้ริบประโยชนในผล ทานที่โปรยลง!ปนนด้วย การจดไฟเผาศพ เจ่าหนาทีสถานณาปนกิจจะจด1ไฟไว้ให้ ต ดวง บางแห่งมีนำ มํน์กาส'ให้1จุ่มธปด้วย ผ้ที่ไปเผาคพกึใช้ธปเทียน และดอกไม้จโ;ทน จดจากไฟที่เขาจ้ด์ไว้ให้ สำหร่ขัผู้ที่เกี่ยวฟ้องแก่ผ้ตายไม่1 อาจมีเรื่องขุ่นของหมองใจกโเบาง เมื่อถึงคราวจุดไฟเผาศพ ผ้จดจะ ด้องขอขมาศพโดยกล่าวว่า กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ขอธโหสิ. กรรม พร1อมกโ;บอกกล่าวขอให้วิญญาณของผู้ตายจงไม่ส่สุคติ ใน ทางที่ดีที่ชอบ เมื่อไค้กล่าวคำขออโหสิกรรมต่อหนาศพแลว ก’ใช้ ดอกไม้ธปเทียนที่จดไว้วางลงไปที่ทีบศพ สำหรำผู้ทืไม่ผู้จำคุมเคยกบ ด้ตาย กึควรกล่าวคำทีเบนมงคลให้แก่ศพ เช่นใช้คำว่า อค่คีปบผํง์ มรณํง์ จตติ แปลว่า ด้วยดอกไม้ไฟน เมื่อตายไหม้แล่วกขอให้ไป หรืธไชคำ'ว่า ขอให้วิญญาณของผู้ตายจงไปสู่สุคติในภพหนำโมน หรอจงไปส่ทีขอบ ‘จุ เขนนกได ในสมํยก่อน เมื่อไค้จดไฟเผาศพเสรื่จแลว ผู้ทีจุดไฟเผาศพจะ ตองใช้นาล่างหนำ เพื่อไม่ให้สิ'งที่แลเหนนนติดตาอยู่ ที่งน เพ

๘ 1223 ** •1 ก่อนการเผาศพทว่ \"I ไป ไม่มีที่เผาศพเหมือนในด์ม๚บจจุบ'ม จะแดเหึนศพในล'ก์ษณะต่างๆ ซึ่งเบึนการไม่น่าด จึงด้างหน้าเพื สิง'ที่แดเหมได้หลดพ1นหมดไป แต่ในสม'ยืน้โดขเน่พาะในจ่งัหวํด พระนคร ธนบรี ได้มีที่เผาศพอย่างท'ม์สม'ย์เบึนทีเรียบร็อยผ้เผาคพจะ ไม่แลเห็นศพนอกจากเด้าภาพจะต่องการดศพเท่ามน ฉะน้มผู้ทีเ จึงไม่ตองด้างหน้าเหมือนในสมไเก่อน อานิสง'สชองการเผา ท่านผู้ทรงคณวุฒิได้รวบรวมค'มภีรพระอรรมเทศน มิสงสรเองการหำบุญ ซึ่งมีอามิสงสร!องการเผาศพรวมชิยู่ด้วย มีข้อ ความเกี่ยวก'บการเผาศพด”โต่อไปน้ การหำฌาปนกิจเผาสรีรร่างกายทีเน่าเหมีนเบึนทื่อจาดใ ย้บ์ไปก'บไพ่น้น สมเดจพระบรมสศตตร'ส์เทศนาว่า เบึนมหานิด้ อำนวยให้ประสพลุชสมบ'ตอไ!โอพารขี่งน้ก์ ด้ง์พทธพจน์ที่ทรงตรํส ภิกษท1งหลายว่า ภิกชเว ดูกรภิกษุทงหลาย บุคคลผ้ใคเผาสรีรร ของคนอนาถาที่มีแต่ร่างกระดูก ผ้นํ้นจะบริบูรณ์ด้วยยศถาบรร ศบุงคารและบริวาร แต่สำ'ซากศพน้นย่งัมีเลือดเน้ออย่ ผ้ที่ น้น้ กี่จะ1ได้ร,บผลเบนผ,มียศศ่กาดและบริวารยี่งขนอีก ถาเผาซาก ญาติมิตรสหาย บุตร แสะทารก จะอำนวยผลให้ผ้นํ้นสมบรณด้วย ยศศ!าดสมบํศบริวารขี่งขนไปอีกและถาบุคคลใดได้กระหำฌา

0๓ บิดามารด่าจะได้เสวยผลานิสงส์อไเบืนทิพย์ ยศศได สมบัติบริวารสง ขิงและถำผู้,ใด1ได้เผาสรีรร่างกายของภิกษสงฃ 'จะได้รไ]ผลานิสงส์ ยคคได สมบัติบริวารสงยี่งขน1ไปอีก แม้แต่เผาซากศพนกที่ตกอยู่บน พีนปฐพีด้วยใจยินดีเลื่อมใสศรไธา กึจะได้ผลานิสงส์จากการกระทำ น้นควย เมือกล่าวโดยสรปแลว การเผาศพจะได้ผลานิสงส์ตามลำดไเ ด้ง์ต่อไปน เผาศพ ภิกษสงส์ 'จะ1ได้ผลานิสงส์เบนอ'นด่บที่ ๑ ,1 บิดามารดา 11 ที่ ๒ 1, ญาติมิตรสหาย บตร และทารก 11 ที่ ท 11 คนแก,เฒ่าชรา 11 ที 4 11 คนอนาถา 11 ที& เผาซากศพของสไวด้วยความเลื่อมใสศรไธา11 ที 'ะ) โดยเฉพาะศพของคนอนาถา ถาซากศพนนขํง์มีเลือดเนออยู่ ผ้ที่เผาซากศพน้น''จะได้ร\"บิผลานิสงสขิงกว' '1คนอน'1ถาทีมแต่ร่างกระดก ผลานิสงส์ที่กล่าวขำงตนิน ท่านว'าผ้ทีเผาซากคพน้น1จะได้รบ ผลกต่ป็เมื่อตนเองได้ทำลายข่เมธไป'สู่ปรโลกหนาโนน การบวชหนาไฟ บางรายได้ให้บตรหลานของผ้ศายบวชเบึนสามเณรในวํน์ที่ เผาศพเพื่ออทีศส่วนกศล'ให้แก่ผู้!’าาย เรียกว่า บวชหน้าไฟ การบวชหน้าไฟน จะบวชสไ ๓ วัน หรือ ตเ วัน หรือจะบวช

๘๔ อยู่จนตลอดไปกได้ แต่เท่าที่มีการบวชหนเาไV๒าแล้ว จะธยู ๓ หรือ ๘ ว,น กต่องลาสิกขาบทออกไป นข'ว่ากา:บวชหนำไฟน เมื่อครบ ๓ วํน์ หรือ ฟ่ วํน์แด่วผบวชจะรืสกกลุ้มใจจนแท และต1องลาสิกขาออกจากเพศบรรพชาในระยะ ๓ ว'น หรือ ๘ วํน น1นเอง การที่จะจ่คให้บุตรหลานบวชหนาไฟ จะต่องตกลง'ใจล่วงหนำ ไว้ก่อน เพราะจะต่องเตรียมเครื่องบวช และผ้ที่จะบวชนนควรให้ มีอายุพอสมควร มีความอดทนและร้จํกสิ,งที่ควรและไม่คว เอาเด็กที่มีอายุม่อย ๆ ไปบวชธูาจกระทำพึงที่ไม่ควรเกิดขน เ ผ้ที่จะบวชเรียบร่อยแด่ว กต่องแต่งหรือนิมนต์ท่านเด่าอาวาสขอ จะทำการเผาศพให้จ้ดการบวชบุตรหลานของผ,ตายตามที่ตนประสง การทำบญข้ามหาบ คนที่จะหาบของและถือผาไตรต่องเย้นบุตรหรือหลานของผ้ถืง ' แก'กรรม การแต่งกายของผู้ที่'จะเดินสามหาบ ต่องสวมเลอ .คมถือผ้าไตรเดินนำหนา คนหาบเดินตามหด่ง เดินไปเย้นชด‘บุ ล.ะ ๒ คนรวมของ ๓ หาบ กเย้น ๓ ชุด เวียนรอบเมรหรือเชิงตะกอนที เผาศพเมื่อคนถือผาไตรและคนหาบของชุตที่ ด ออกเดินแด และที่ ณ กออกเดินเวียนรอบเมรุเช่นเดียวก้น ขณะที่เดิ เมรุน1น คนหนึ่งในจำนวนชุดที่ด จะออกเสียงร่องก่ว่า ว *

I ในชุดที ๒ กรองกู่ต011ว่า วู้' และเมื่อเดินเวียนไปได้รอบหนึ่งแ หนึงในชุดที ๓ กจะรองกู่ว่า 0 และคนที่ดของขดที่ด กาะรองตอบ ว่าวู้ เช่นมื่นต่อ\"]ก้น1ไปจนกว่าจะครบ ๓ รอบ เมีอได้หาบเวียนครบ ๓ รอบแล้ว แต่ละชุดก็เดินออกจากเมรุ หรือเชิงตะกอนตรงไปหาพระภิกษสงช เมื่อพบพระสงฆ์องคใด กึนำล้า ไตรและหาบของน5นไปถวาย การถวายของสามหาบแก่พระสงฆ์น8น เพือสะดวกแก่การถวาย เล้าภาพก็จะนิมนต์พระสงฆ์คอยร'บถวายของ 1นนองคละหนึ่งหาบ และเนื่อง'จากของ'ในหาบนนเข้นอาหารเครื่องขบ ส้ม จึงล้องกระทำเช่นมื่นในตอนเล้า เพื่อพระสงฆ์จะได้ร้บ เคนได้ เครืองใชในการทำบุญสามหาบ ต. ล้าไตร I ๓ ไตร ๓ ขุด ๒. เครื่องหงล้มสำหรํบประกอบอาหาร ๓ ชุด ๓. อาหารคาว—หวาน ๓ ชุค่ ๓ ชุด 4. สาแหรกและไม้คาน &. ดอกไม้ธปเทียนและใบปวารณา เครื่องหงต1มมื่น ได้แก่ หม่อขาว เตาไฟ (เตาล้งโด่) ก'บของ เบีดเศลึดต่างๆ เช่น ล้วหอม กระเทียม พริก กะบี นำปลา เบืนล้น ส่วนอาหารได้แก่ล้าวสุก และชองคาว ของหวาน ใส่ภาชนะรวม

๘๖ ไว้ในสาแหรกข่างหนึ่ง อีกข่างหนึ่ง1ใส่แารื่ธงหงต้ม และเค อาหารจ้ด์เช่นนึ่เหมือนก*น์ท1งสามหาบ สาแหรกและไม้คานตลอดจ เครื่องหุงต้มต่าง ๆ เช่น หมอข่าว เตาไฟ ก'บของ1ใช้ต่าง ๆ ใช้ดิน สอพองละลายน^าทาให้เบึนสีขาวท1งหมด สายของสาแหรกกึใ-ชัฟ้าขาว ชูนิดผาแบงทำเบนรวเด็ก ๆ พ้น'ให้รอบตลอดจนไม้คานกึใช้ผ้า พ้น์ตดอดถึงปลายคาน ไม้คานใช้ขนิดที่มีปดายงอนยาวออกมาท1ง สองฟ้าง ....'.1'’. ะการทำบญสามหาบน บางรายไม่มีผาไตร คงมีแต่เครื่องใช้ สาหรบสามทาบเทานน การเก็บอึ๋ฐิ ก่อนทีจะทำการเกึบอัฐิ เข่าภาพจะต่องข่ดเตรืยมฺสิ,งต ดํง์ต่อไปนึ่ ค. โกศสำหร่บใส'อัฐิ ด โกศ ๒. ผาเช็ดหนาหรือผาขาวผืนเลก ชู (เนอบาง) ด ผืน ๓. ผืาขาวขนาดกวาง ด เมตร 4 เหลี่ยม ด ผืน 4. นึ่ำป็บไทย หรือนึ่าหอม ค ขวค &. ดอกพิกลทำดวยเงินหรือทอง, นาก หรือสตางค ค จำนวน ๖. คอกไม้ธปเทียนก'บใบปวารณาสำหรไ)ถวายพระ 4, ชด ฟ. ธปเทียน สำหรไ]จุดเคารพอัฐิ *1 ชค

๘๗ สดแต่ V ฟิงขขิงตามที่กล่าวนโดยเฉพาะโกศสำหริบใส่อฐินํ้น เจ่าภาพ'จะพิจารณาว่าจะควรใช้โกศชนิดใด จะ1ใช้โกศทองที่ทำดำย ไม้หรือจะใช้โกศเงิน หรือโกศกาหลยทอง และต่องการขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ เพียงใด ก็แลวแต่จะเหึนสมควร เมื่อ ตกลงจะใช้โกศชนิดใด ขนาดใด ก็จ'ด์ชอมาตามที่ต่องการ ผ่าเช็ด- หนาหรือผ่าขาวผืนเลกน8น สำหริบห่ธกระดกที่เลืยิกเก็บ เพฺธใส่ในโกศ (ถ้าเบืนโกศขนาดเล็ก ก็ไม่ต่องใช้ผ่าที่งผืน เพียงแต่ใช้รองส่วนล่าง ภายในโกศเท่านิน) ส่วนผ่าขาวสี่เหลี่ยมผืนใหญ่สำหริ!เท่อกระดกท เหล๘)อจากการเก^บ การเก็บอิฐนนิสดแต่เจ่าภาพจะต่องการเก็บในวไ!ที่ปลงคพ หรือจะเก็บในว'ไเริงขนก็ไค้ แต่ถ้าจะทำบญสามหาบก็ต่องเก็บอํฐใน ตยินเช้า เมื่อเจ่าภาพจะเก็บว\"นิใดก็ตองแจำความประสงค์ให้เจ่าห ที่ของว'ดทราบ และเมื่อถึงเวลาเก็บอัฐิ ก็นำสิ'งของดงกล่าวช้างต่ จ้ค้การ โดยนิมนต์พระสงช 6. รป มาบ\"!สุกุลป็ฐ เรียกว่าแปรรป หรือแปรอาต ก่อนที่จะทำการบ*!สกุลอ\"ฐบางรายก็นิมนต่พระสงริ!ทำนิ''เมนต่ มาประพรมด'บอาตเสียก่อน แดำจึงนิมนตพ่ระสงริ!บ่งสุกลอัฐิ การ แปรรป หรือแปรอาตนน ขนตไแ1จ่าหนำที่ส*!]แหร่อจะ1ได้นำอัฐิที่เสร็จ , 911 1 '* จากการเผาแล'ว'ใส่ภาชนะ (ที่สำหรบใส่อัฐิ) มาวางไว้ จ*ดให้.กระดก รวมก'นิเบ็่นส่วนๆตามรปขยิงร่างกาย เช่น กระดูกศีรษะก็จ่ดรวม1ไว้ ตอนบนรองลงมาก็เบึ๋นกระดกคอ และไหล่ กระดกโครง และสนิทลำ

I แขน และขา หํน์ศีรษะ1ไ!]ทางทิศตะว้'นตก เล้าภาพก๊จุคธปเคารพ และบอกว่า จะทำการเก็บอิฐ1ไป,ไว้ที่ม่าน แดะพร้ยมก่นนํ้นก็ พิกุลเงินพิกลทองหรือฟิตางเๆที่เตรียมไว้เอาวางลงบนอิฐ กระจ ตามส่วนต่าง ๆ ให้ทวทงร่างของอิฐ เรียกว่ากระดกเงินกระดูกทอง แล้วใช้นาปีบ หรือนาหอมประพรมลงบนอิฐ ต่อจากนมก๊ใช้ผ้าส หรือล้าอาบหรือใช้ใบปวารณา1ใส่ชอง'วางลงบน ล้าขสาขสิญ'จน ที่วาง พาดอยู่บนอิฐ พระสงรํเก็สวดบังสุกล (เรียกว่าบังสกลตาย) เส แล้วสโ)เหร่อก็หํม์อิฐนํ้น1ให้ศีรษะไปทางทิศตะวนออก แล้วพ สวดบัง์สุกล (เรียกว่าบังสุกุลเบึ๋น) หมายความว่า ตายแล้วไ เสร็จแล้วเล้าภาพก๊ก'วายดอกไม้ธปเทียนแก่พระสงฃ็ แล้ อิฐต่อไป แต่ก่อนที่จะดงมือเก๊บอิฐ้ เล้าภาพจะล้องเก๊บดอกพิ กล ทองและนากหรือฟิตางคที่กระจายอยู่ตามร่างของ1อ่ฐนั้น เก๊บดอกพิกลหรือลตางค์ที่กระจายอยู่ตามร่างของอัฐิ ผู้เก๊บ ใจให้สดขื่นและต1งใจอธิษฐาน เพื่อให้เกิดลาภเกิดผดแก่ ดอกพิกลเงินพิกลทอง หรือสตางค์ทีเก็บขื่นน ขอให้เบืนหล้ก ในอินที่จะช่กจงทร่พยสินเงินทองให้ไหลมาเทมา จะทำการล หรือจะทำการใดๆ ก๊ขอให้รํ๋ารวย ให้ได้เงินได้ทองเพื่มขื่นพ คณ เมือได้ต1งใจอธิษฐานดีแลว กดงมืป็เกบดอกพิกลเงิน หรือฟิตางค์เหล่านน การเกบก็ควรเริมตงแต่ตอนบนศีรษะลงไปจน ปลายเล้า เมื่อเก๊บเสรี1จแล้วก๊รวบรวมเอา1ไว้1ในที่ เงินล้นกง หรือสมบัศประจำถุงเงิน

๘^ การเกบอํฐก็ลงมือเลึธกเก็บต1งแต่ศีรษะตงไปถึงปลาขเท่าเช่น เดียวก*น์ โดยเลือกเก็บเอาแต่ส่วนดะเดึกดะนํอขใส่ลงในผ่าเขึคหนำ หรือผาขาวผืนเลกที่เตรียมไว้เสร็จแล้ว้ก็รวมก่นรวบชายผ่าที่ห่ออฐนํน ใส่ลงไปในโกค (นำโกศขนาดเดึก1ไม่ต1ธง'ใช้ผ่า) แล1วประพรมนำชิน หรือนำหอมอีกครืง์หนึ่ง เสร็จแล้วนำโกศนํนใส่พานนำมาไว้ย*ง์น่า อยู่ข'องตนเพื่อเบึนที่ระลึกและกระทำการส*กการะต่อไป ก่อนที่จะนำอ,ฐมาย''งน่าน ทางน่านควรตงโตะบขา และออก ทุกข์ เมื่ออ่ฐฺถึงน่าน ผ้ที่ธยู่ทางน่านควรจุดธป (นำกระถางธปหรือถือ ธปไป) ออกมาเชอเชิญ โดยออกชื่อผู้ถึงแก'กรรม หรือเรียกตาม ตำแหน่งของผ้ตาย เช่น ผู้ตายเบืมปู่ หรือเบึนย่า ก็เรียกว่าคุณปู่หรือ คณย่า ขอเชิญเข้าในน่าน นำมือ'ฐของบรรพบุรุษอยู่'ในน่ ออกมาร*บ์ย์ฐิที่มาเข้าน่านใหม่ เมื่อขนบนน่านแล้ว ก็โปรยสตางค์ ทานเรื่อยไปจนถึงโตะบูชา แล้ว1จุดธูปเทียนบูชาอฐนน การ'นำอิฐมาย้ง์น่าน เจาหนาทสปเหร่อจะแนะนำว่า เมอจะ นำธํฐออกมาจากที่มนมา เล้าภาพหรือผู้ไปรบอฐนํน จะตองนำออก มาโดยไม่'ให้เหลียวไปมองข้างหล้ง์ และจะตองคอยบอกไว้ในใจ เช่น จะลงน่ม์ได ก็บอกว่าลงบ*น์ได เมอจะขนรถกบอกว่าขนรถ เมือจะลง รถก็บอกว่าลงรถ เมื่อจะเข้าน่านก็บอกว่าเข้าน่าน เมื่อ1จะ ก็บอกว่าขนน่น์ได ต้องคอยบอกจนกว่าจะถึงที่ ๆ นำโกศไปตงไว้

๔๐ ส่วนกระดกหรือย์ฐัที่เหลือธยู่ ก็รวบรวมใส่ผ้าขา นำไปด้วย เมื่อใส่กระดกลงในผ้าขาวเรียบร่อยแส่ว ก็ผูกมํด ไว้ใช้หมกเขียนชื่อผู้ตายที่ชายห่อผ้า แส่วมอบฝากไว้ก*บ์ส เบืนเล่าหฟ้าที่ของ'ว*ด์เบึนการฝาก1ไว้ชื่วคราว เพื่อจะได หรือจ*ด์การอย่างหนึ่งอย่างใดในโอกาสต่อไป และเมื่อไ อิฐมาย*'งบ'านแส่,วภายในระยะ ๘ ว*นนม ก็มื่การทำบุญเลยงพระที่ เรียกก*นว่าทำบุญกระดก หรือบางทีก็เรียกว่าทำบุญ ๘ วํน์ แต่บาง ' รายก็ย้งไม่พรอมที่'จะทำ,ในระยะนึ่ได้ เมื่อย*ง์ไม จนกว่าจะอึงเวลาที่พอจะทำได้ การบรรจุอึ๋ฐิ ย์ฐิที่เหลึอ1จากการเก็บ'ใส่โกศ ซึ่งได้รวบรวมใส่ห เจ้าภาพบางรายก็จ'ดซึ่อเจดีย์มาบรรจุไว้ที่ว่ด บางรายกึ เจดีย์หรือพระปรางค ซึงภายในองคเจดีย์หรือพระปางคน1นได้ท้าไว้ เบึนช่อง ๆ ขนาดพอเหมาะก'บอิฐทีเหลือจากการเก็บ ช่องที่ทำไว้ม ตงแต่ชื่นสงลงมาถึงขนตา บางว*ด์ก็ทำที่สำหร่บ์บรรจอ*ฐไว้ ระเบียงของวิหารหรือโบสถโดยเจาะผนํง์ระเบียงทำไว้เบึนช่ ผ้ใดต้องการจะขอบรรจุช่อง'ใดที่ย้ง์มี1ว่างอยู่ ทางว*'คก็จ การบรรจไว้เช่นมื่น เจ้าภาพจะต่องเสียเงนค่าบำรุงให อ'ตราของชื่น ซึ่งทางว'ดได้กำหนดฺไว้ แต่เจ้าภาพบางรายก็นำอ

เหลออยู่ (หรอท4หมด) เอาไปลอยดงในแม่นา บางรายกนำไปลอย ทะเล การลอยอฐลงแม่นากด ลอยลงทะเดกดี เต่าภาพจะต่องจํด์การ ควยตนเอง และก่ระทำควยความเคารพ ก่อน1จะทำการลอยธํฐ้'จะ ตองจุดธูปเทียนบชา แต่วจึงหย่อมอาคารนํ้นดงพร1อมดอกไม้ธปเทียน ตามลงไปในทีดอยนนต่วยความคารวะ การกระทำเช่นนหมายถึงว่า ผู้ตายจะ1ได้เขึนสบายดี หรือว่าเต่าภาพจะได้ร*บความเยนใจทีอาจเบึน ได้ทํ้งั้สองอย่าง แต่ผดสุคท่ายกเพื่อโห้เมึนการเสรืจสนไป จ ต่องเบึนห่วงเบึนใย1ในอ*น์ที่'จะต่องเกึยรํเาษากระดกนํ้นิอีกต่อ1ไป แต่ บางรายกึตํด์บทเสียแต่,โนชนิต่นI กล่าวคึอ ไม่ต่องการเก็บอ*!เสยเลข เมื่อไม่ต่องการเทีบ เต่าหมาที่1จะเผาคพนํ้นิให้หมด1ไปตดอด ดกคงเหลือป็ยู่กเพียงเต่า ซึ่งเบนเศษของกระดูกเท่าน'น ต่ารายใดไม่ ต่องการเกึบธํฐ้ ก็ต่องบอกเต่าหต่าที่ให้ทราบในขณะที่เผาน1นต่ การบรรจุปี'ฐนม เมื่อตกลงจะท้าการบรรจุไว้ที่ใด เต่าภาพที ต่องเตรียมไปจ'ดการ ณ ที่นม เมื่อเวลาบรรจุเจ้าภาพทีจุดธูปเทียน เคารพอิฐ และบอกว่าจะบรรจอํฐัไว้ในที่นํ้น มีโอกาสเมือใคกจะจ่ค์ การบำเพื่ญกศล'ให้ และพร'อมก่นน5นิทีนิมนต์พระสงซึ่ 4. รูป มาต สกลให้แก'อ*ฐ โดยมีของถวายพระพร้อมต่วยใบปวารณาตามสมควร ’ เมื่อ1ได้บํง์สุกลเสร็จแต่1 ที1ใช้นํ้าอบหรือนาหอมประพรมที่ แต่วจึงนำเต่าในที่บรรจุ

การบรรจุอัฐิบางท่านที่เชื่อถือโชคลางกจ้ด์การหา เสียก่อนโดยไปหาน'[าโหราคาสตร (หมอด) ขอให้ตรวดดว่า ดะท่า บรรจุอัฐิ'ว*ม'ใด เวลาใด จึงดะเบึนมงคลแก่ผ้บรรจุและ ไม่มีโทษ มีผู้\"คำนวณให้โเกษ์ให้ยามมาแล้วว่าว'นนํ้นเวลาน1นเบึนโ]ก ไปติดต่อกํบ์เล้าหนำที่ทางว*ด์ เพื่อล้ด์การบรรจุอัฐิตามที่ต

ปฺการทำบุญบาน การท้าบุญบ้าน ได้แก่การนำ,เพื่ญกุคลเพื่อ'ให้เกิดส แก่บานเรือนทีอยู่อาศํข์ตลอดที่งบุคคลที่อยู่ในบานเรือนนั้ เบึนสุข การทำบุญบ้านจะจ*'ดทำเมื่อใดกึได้ เท่าที่มีก่กระทำก ได้แก่การทำบุญประจำในว*น์ขนบใหม่ หรือว'นตรุษสงกรานต์ ซึ่งถือ บ้น์ว่าเมื่อถึงขวบบึกจ'!ค์การทำบุญเลียครงหนึ่ง เพื่อให้เก สุขแก่ครอบคร่ว์ที่อยู่อาศ*'ขในบ้านเรือนนั้น และเมื่อบ้านเรือนใดได้ มีการตายเกิดขนซึ่งเก่าภาพได้จ*ด์การฌาปนกิจศพเบึนที่เรียบร่อยแล้ว บ้านเรือนนั้นกต'องจ*]ด์ให้มีการทำบุญขน ซึ่งเรียกว่าทำบุญบ้านโดย นิมนต์พระสงร่เมาเจริญพระพุทธมนต์และฉํน์ภ้'ตตาหาร 'การทำบุญบ้านตามที่กล่าวมาน ก่อนที่จะนิมนต์พระสงฃมา เจริญพทธมนต์ เก่าภาพจะตองคำนึงถึงบ้านพกของตนเองก่อนว่า จะใช้ส่วนใด หรือ บ้องใด ของบ้านเรือน นั้น จํห์เบึมท สำหร้บ์ พระสง'ต์ เจริญพทธมนต์และร*บึภ*ต์ตาหาร โดยพิจารณาว่าส่วนของเรือนตอน นั้นจะจ'ด์ให้พระสงซึ่นั้งได้กี่รป การกะที่นงเช่นนจะต้องกะที่สำหร*น์ตง พระพทธรปตดอดท*งเครืองบชาดํวย การกะที่นั้ง,หาก1ไม่กะ'ให้พธเ'หมาะ พอดี โดยคิดว่าพอนง,ได้แต่พอพระสงฃ็นั้งเข่าทีตามทจ'ดไว้เกิดนง1ไ ได้เพราะตองเบียดกห้ภกินไปหรืป็นั้ริได้นึเนึนการท:มารเช่นน จะกลา เบนโ ทษ เพื่อไม่ให้เบึนเช่นนั้น เก่าภาพจึงควรพิจารณา บ้านเรือนค\"บแคบกนิมนต์พร:ะสงฃ็แต่เพียง & รูป บ้าบ้านเรือนใดอยู่ /

\\ ซึ่๔ ในขนาดปานกลางก็จะนิมนต์พระสงฃสไ ๗ รป แต่ถ้าบ้านเรือนใด ไม่คไ)แคบพอที่สะนิมนต์พระได้มาก ก็นิมนต์พระสงช ๙ รป หรือ (1(1 รป มาเจริญพระพุทธมนต์ และนิไถ้ต์ตาหาร การนิมนตพระเจริญพุทธมนต การนิมนต์พระสงรํเมาเจริญพทธมนต์ที่บ้าน ตามปกตก็นิมนต์ & รป เบ้นอย่างต่า ๘ รูป ถึง ๙ รป เย้นอย่างสูง ไม่นิยมน พระเบ้มจำนวนคู่ เวนแต่งานมงคลสมรสเท่านึ่นที่นิยมก สงฃ์เย้น1จำนวนคู่ เช่น ๖ รูป ๘ รป หรือ ๑0 รป ท8งนึ่เขาใจว หว่งัเบ้นเคลืตในอไทีจะให้คู่สมรสได้อยู่เบ้นคู่ครองกไตลอดไป นิะน1นกเบ้นการเบ้ดโอกาสให้คู่สมรสต่างเลือกนิมนต์พระผายละเท่า X กไก็เบ้นได้จึงได้มีการนิมนต์พระสงช์เย้นจำนวนคู่ อนึ่ง การนิมนต์พระมานิไอาหารที่บ้าน บางคนถือเอาค ดันเคยสนิทสนมกไพระ บอกนิมนต์โดยบอกชื่อโภชนาหารที่นิมนต์ ไปนิไนึ่นตัวข เช่นนึ่ พระท่านว่าเย้นการไม่ขอบตัวขพระวน พระสงฃที่รไนิมนต์ไปนิไอาหารที®อกชื่อโภชนาหาร อาจจะเ เบ้นโทษแก่พระผ้ที่รํบนิมนต์ จึงควรนิมนต์โดยกล่าวว่านิมนต์ไ เตัา หรือนิไเพลเท่ามน การทำบญเลืยงพระนึ่น แต่ก่อนนิมนต์พระสงฃ์มาเจริญพระ พทธมนต์ในตอนเยน รุ่งขนเขาก็นิมนต์มานิไถ้ตตาหาร การนิมนต พระสงร์เมานิ'นถ้ต์ตาหารในตอนเช่า เตัาภาพจะตองจไเตรี

๔๕ ใส่บี่นโตถวายพระแต่ละรป เพื่อพระสงขเหล่านั้นละนำกล'11ไปนน เพลที่วํด์ด้วยโดยแต่งใหัเคึกว'ฒาบี่นโตสำหรํบฺพระสงช์รปละ ๒ เถา มาย”งบ้านที่เลี่ยงพระ ขณะนตามชนบทต่างๆ ก็ย่ง์นิยมทำกไแข่น นน แต่ส่วนในด”ง์หว'ด์พระนครโดยที่วไป ได้เปลี่ยนดากการเดริญ พุทธมนต์เยึนฉํมเช่ามาเบึนเจริญพุทธมนศตอน .0.00 น. ((1 โมงเช่ แล,วเลี่ยงเพลเบึนการเสรดไปในว”นเดียว ซึ่งน*บ์ว่าเบึนการสะดวกดี การนิมนต์พระ แต่ก่อนนิยมเขียนหน'งสีธเบืนข้อความ บอก นิมนต์ไปเดริญพระพทธมนต์ในงานน8ม ที่บ้านเต่าของชื่อน8ม กำหนด ว*น์ข้างชนหรือข้างแรม เดือนนนบม8น เวลาเท่านนเด'รืญพระพุทธมนต์ ร่งขนเข่า,เวลาเท่านนนิมนต์ร”บอาหารนิณ'หบาตรี่ และพร*อมก”นน ก หมากพล บหรี่ใส่พานไปถวายพระด้วย หรือมิ'นะนนกด”ดดอกไม้ ธปเทียนไปถวาย ถึงแม้ว่าเต่าของงานดะไปนิมนต์พระด้วยตน เอง ก็ด”ดทำเช่นนน การนิมนต์พระเช่นน ตามชนบทย”ง์นิยมด\"ดทำก”นอยู่ ซึ่งนไ]ว่าเบึ๋นการเหมาะ'สม แต่1ใน1ด”ง์หว่ด้พระนคร-ธนบุรี ขณะน ส่วนมากได้ละเลยมิได้ปฏิบัติเช่นที่น โดยไปนิมนต์พระด้วย'ปากเป และมึป็เปล่า พระท่านต่องดดบ้น์ทึกเอาเองว่า ใครนิมนต์ ไปงานอะ ที่ไหม ว'นเดือนบึใด เบึนการสะดวกและง่ายแต่ผู้นิมนต์ แต่เบึนการ ทอดที่งประเพณีที่เคยนิยม'ก่นมาแต่ปท่าก่อมน8นเสีย หากดะรี่อพื่ มาใหม่ โดยด*ดการเหมือนด้งแต่ก่อนก็สะเมืนกางเหมาะสมอย่างอึ

การตบแต่ง,สถานที การทำบุญบ้าน 'ระต1องตบแต่งสถานที่ให้สะอาดเรียบร้อ ต่องเคลื่อนบ้าย หรืออิด์เกีบสิ'งของ'ใช้บางสิ'งบางอย่างที่'’ระแดดไ ตาหรือกีดขวางเกะกะไปไอ้,เสียที่อื่นขวคราว อิดการบ้ดกวาดหย้ หรือ'ใยแมฟิงบุมที่ห้อยอยู่ตามเพดาน เช็ดถผืนละอองที่ช่างฝ บ้านทำความสะอาดบ้านเรือนให้เรียบร้อย และขึงผาม่าน สวยงามเจริญตาและบดบ้งืสี่งที่1ไม่น่าด แต่ถาช่างฝาสะอา และไม่มีสี่งไดที่จะต่องมีดบ้ง์ จะ1ไม่ต่องขึงผ้าม่านกีไ ผ้าม่านน1น อาจมีดบ้งช่องลม ทำให้ร้อนอบอ่าว หาก'จำเบ ฟ้าม่าน กีอิด์การแต่พอสมควร # 0 '& ( *' 4^ 1' -4 ^ * จดอาสนะสำหร'บทระสงฆ การอิดที่นึ่งสำหรโ]พระสงซึ่ ผ้าเมีนงานใหญ่ เขาใช้บ้าวางต่อกโ]ให้กวางและขาวตามที่ตํองการ ทางด่านหผ พนโ)พิง สำหรโ]วางหมอนอิง การอิดอาสนะสงช์ขนิดน และแขกที่มาในงาน จะตโงมีเผ้าอื่นงดโย แต่ผ้าเมีนงานธรรม ก็ใข้พนของบ้องใดบ้องหนึ่งซึ่งเห็นว่าเหมาะสมที่พอจะอิ เสื่อหรือพรมผืนใหญ่ปูดงกโ]พื่น แผ้วใช้พรมผืนเลก ๆ ปทโ] ผืน ๆ เท่าจำนวนพระสงร์เที่นิมนต่ไอ้ ผ้าทางด่านหล มีฝาเรือนหรือฝาบ้องกนอยู่กใช้ท้มอนสำหร่บอิงวาง เรียง'ไปต

* 6๗ ไค้ระยะ;ห่างพอสมควร แต่ถาทางด้านหลํง์ไม่มีฝาก8น กต่องใช้ไม้ กนเบึนขนํก์สำหรํบ์วางหมอนอิงนนด้วย หากจะไม่ใช้พรมผืนเล็ก ๆ ปจพัใช้น่าขาวปลาดไปบนเสื่อหรือพรมผืนใหญ่นนก่ได้ แต่การว หมอนอิง จะตองวางให้ห่างก้นเบนระยะๆ พอให้พระนงได้สะดวก จํดท็ตงพระพทอรูปแชิะเครืองบูชา การจ*ดที่สำหรโ]ต1ง์พระพทธรป จำเบนจะต่องจค้ตงเครื่องส\"ก- การะบขาควบคู่ก้น์ไปด้วย โคขใช้โต่ะหมู่สำหรํบ์ศ1งพระพุทธรป แล เครื่องส*กการะบูชา ถาโต่ะทจะใช้ไม่ส ะอาด หรือไม่น่าด กึควรใช้ น่าขาวปโตะน5นก่อน การใช้โต่ะหมู่จะใช้แต่เพียง ๓ ต่ว์ หรือ & กึสดแต่สถานที่น8นจะอำนวยให้จ'ดได้เพียงใด ก่จํดไปตามความ เหมาะสม การต8งพระพุทธรป ก'บเครื่องสํก้การะบชาน8น จะต่องต8ง ให้อย่ทางขวามือของพระสงช โดยถือเอาพระพทอรปเมึนต่นแถว ของพระสงซึ่นงห”น้หน่าออกตามพระพุทธรูป ไม่ควรต8งพระพุทธ ทางด้านซ,ายของพระสง'ต์ และจะตโ)งต่งพระพุทธรูปให้พระพักตร์พั ไปทางทิศศะวไ]ออก ซึ่งถือก้นว่าเบึนทิศชํยมงคล แต่พัาจะทไพระ- พักตร์ไปเช่นนํ้นไม่ได้ โดยสถานที่ไม่อำนวย ซึ่งจำเบนต่ ทางทิศอื่น ก็ถือ'ว่าเบึนการตงช1วคราว แต่ถาเมึนการตงประจำควร ต่ง์'ให้พระพักตร์ก้น'ไปทางทิศตะว''นออก หรือทิศเหนึอ พัามตงพระ พทธรป'ให้พระพ*ก์ตร์ก้นไปทางทิศ'ตะพัน.ตก เพราะถือว่า1ไม่เบึนมง

เครองสกการะบชาสาหรบพระพุทธรปตามปกติกม แจกน ค คู เชิงเทียน ด คู่ กระถางธป ด ใบ พร1อมด๎วยอปเทียนแสะดอกไม้ แ ถืาโตะที่ศงั้เครื่องส*กการะมีหลายฅ่ว ก็ควรจ*ด์แจก‘นบกดอกไม้เพมข ให้พชิเหมาะพป็ดีก'บโต่ะที่ตงไว้ การจ่ดดอกไม้ใส่แจก'น์ก็ตํ ประณีตสวยงาม และมีขนาดเท่าเทียมก่นดวย การจ*ดตํ้งเครืองส'กการะบขา ควรต่งกระถางธปไว้บนโตะที่ ตํ่าลง1ไป โดยต1งให้อยู่ระหว่างกลางตรงหนาพระพทธรป ส่วนเชิ เทียนตงไวัทางดานขวาและชายชองกระถางธูป ให้มีระยะห่างเท่า ๆ ก'น และตงแจก่นดอกไม้ไว้ข้างพระพุทธรปท1งสองข้างวางให้ เช่นเทียวก่น การต8งแจก'ม์จะให้อยู่ระด*!แดียวก*บ์พระพทธรป หรือต ลดหลนลงไปเพียงใด ตธงพิจารณาถึงองค์พระพทธรปเมึน กล่าวคือ น่าองค์พระพทธรปทีอ่นเชิญมาน่นเมึนพระขนาดใหญ่ หรือ สง กึตงแจก่นไว้ระด*บเดียวก'บ์พระพทธรป แต่ถาเมึนพระพทธรป ขนาดเล่ก เอาแจก่นไปต8ง์ไว้ชนเดียวก่บพระพทธรป ก็จะทำให้ดอกไ ในแจก'นึน่นข่มพระพุทธรูป ทำให้แลดูเลกลงไปอีก จะไม่น่าด เมึนเช่นน ก็ต้องลดแจก*!เดอกไม้ให้ตํ๋าลง ตงบาตรนำมนต การทำบุญน่าน จะตองต1'งบาตรหรือข้นนำมนต่ต่ว้ย เพราะ ถือก''นว่าน่าพุทธมนต์ เมึนของคก่ดีสิทธ์อาจขจ'ด์บดเน่าสี่ หลดพ่นไปได้ การตงบาตรหรือข''นน่ามนต์น1น น่าใช้บาตรก็ขอ

\\ 66 จากวํดพร้อมด’วยเชิงบาตร ถ้าใช้ขํนกึควรเบึนขํน์ล้มํริด ชํน์ลง หรือขํม์ทองเหลือง ซึ่งเบึนขํน์ที่สะอาด ไม่ใช่ขํน์ที่ใช้ที่วๆใป ไม ควรใช้ข'นเงิน หรือขํน์ทอง เพราะพระท่านจ'บ์ต้องของเช่นที่นไม่ได เมื่อจไแขำกจะเบืนอาบัติแก่ท่าน ขํนหรือบาตรนำมนต์ ต้องห8งไว้ ใกล้ๆก็บ์พระเถระผู้เบึนประธาน1ในพิธี มี'นาใส่ไว้พอสมควร มีเคร ใส่ในบาตรนามนต์ครบถ้วนต1งไว้ทางต้านขวามือของท่าน ซึ่งอย่ ต้ดต่อก้บ่ที่ต8งเครื่องฟิก์การะบชา เบั้นพื่นเดียวก'บที่พระพิงซึ่ที่ง ท่าน จะได้ทำพิธีหยดเทียนทำนๆมนต์ได้สะดวก นาที่จะใช้ทำนามนต์ ใช้นาประปาหรือนาท่า ไม่ใช้นาฝน ถ้าจำเบึนจะต้องใช้นาฝน กให้ใช้ดินสอพองเพียงเลกนอยใส่ลงไปใน นาฝนน5น เพื่อให้กลายสภาพเบึนนำท่า เทียนสำหรไเท้านามนต์ ควร1ใช้เทียนที่ทำต้วยขผงแท้ เบน ขํผงสีขาวหนก ต บาทขนไป ถ้าหาเทียนขผงแท้1ไม่ได้ จะใช้เทียนที่ ขายถ้น์ตามธรรมด ากได แต่ต้องให้ไ ด้หน้ก ด บาทเบึนอย่างต้า และ มีไล้ใหญ่พอสมควร เมธจดแล้วจะไม่ต้บ์ง่าย ถ้าจดแล้วดิบ์ถือว่าไม่ เบึนมงคล และ1จะต้องไม่'ใช้เทียน1ไขเพราะเทียน1ไข'ไม่'ใช้เบึนเทียนทำ นามนต์ เทียนที่ใช้ทำนำมนต์มื่ เมือพระท่านทำพิธีดิบในเวลาที่ทำ นามนต์เสรืจแล้วหำมไม่ให้นำมาจุดใช้ต่อไปอีก เพราะเวลาพระท่าน ทำพิธีต้บ์นํ้น เบึนการดิบทกข์ดิบโคก ด'!!โรคภ'ย ดิบเสนียดจ'ญไร ท1งปวง จึงห่ามไม่ให้นำมาจุดอีก

๑๐๐ I เครืองใส่ในบาตรนำมนต ตามปกตินิยมใช้ใบเงิน ใบทอง แสะใบนากธย่างละ หรือ X ใบ โดยถือนิมิตว่า ใบไม้เหล่านีเบึนคิริวํฒมะ เบึน ไท้เจริญศรี แต่ล่าเบึนงานมงคลเกี่ยวด้วยการทำบุญว'นเกิด กใ คอกไม้ต่างๆประกอบลงไปด้วย ได้แก่ ดอกบํวหลวง & ดอก ถื นิมิตว่า เบนดอกไม้แทนพระพทธเด้า & พระองค์ ดอกกหลา นิมิตว่า เบึนสิงทำให้เจริญยค ดอกมะลิเบึนสี่งทำให้เจริ ดอกบานไม่ร้โรยถือเบึนนิมิตว่า เบึนสี่งที่ทำ1ให้เจริญอายุ ดอกไ เหด่านจะใช้อย่างละ ๓ คอก หรือ & ดอกก่ได้ และใบมะตมเดดยอด ละ ๓ ใบ ๓ ยอด ถือนิมิตว่า เบึนตรีศรใเองพระอิศวร เบึนสี่งทำ ให้เจริญเดข แต่ถ้าเบึนการสะเดาะเคราะห์ ก็ใช้ผิกลมปล่อย, ผิวมะกรูดอย่างละ (ก หรือ & ชํ้น ใส่ลงในบาตรนามนต์ม1นด้วย เวลา อาบนาพระพุทธมนต์ ใช้ผิวมะกรูดกไ]ใบสมปล่อยสะคีรษะ ถือว่าเบ การบดเสนียดด้ญไร สี่งทีกล่าวมานีสุดแต่จะหาได้ แต่ถ้ ทกอย่างยี่งดี เครื่องสำหรไเประพรมนาพุทธมนต์ ตามปกติVก็วไปมไ!ใช้ มะขม ๘ ถ้าน'ใช้กานที่แก่และสน เลือกให้ปลายของกานยาวเท่ ถ้น์ ใช้ด้ายสายสิญจนี หรือเชือกผกทีตรงมือจไ] ณ เปราะ ถือว่าเบึ ห*วใจพระ'ไตรบฎกได้แก่มะอะอุ สำหริบเบึนเครื่องจุ่มนำพระพทธมนต ประพรมให้แก,เด้าภาพ และบรรดาแขกที่ไปในงานตลอดท8งํ๋ปร

6)05) ในเคหะสถานม่านเรือนของเจาภาพด้วย แต่ถ้าหาหญ้าคา1ได้ก็1ใช้ ทญาคาแทนใบมะยม เพราะหญ้าคา เย้นหญ้าซึ่งพระสไเมาสไ]พุทธ- เ1,ม้าได้'ใช้รองประทไ]น1งเมื่อก่อน1ได้ตรํสืรั ถือว่า เบนหญ้ามงคล ใช หญ้าคากำให้โตพ'อสมควร ต'ดรากและปลายอชิก ให้เหลือความยาว ประมาณ 4.0 ซ.ม. หรือไม่เกิน ด คอก ใช้ดำขสายสิญจน์หรือเชือก ผกตรงที่มือ1ๆบ ๘ เปราะ ถือว่าเย้นทํวใจโพชฌงต์ ได้แก่'สะธะวิบีปะ- สะอ เพื่อ'ใช้เบึนเครื่องพรมนาพระพุทธมนต์ ส่วนกำนมะขมถือว่าเบึน ไม้ของพระยายม ซึ่ง'ใช้ดงท้ณต่1แก่ผีที่งหลาย เมื่อฟาดลงใปทีใดผี ราชก็หนีหายไปหมด การจ*ใ]ด1ายสาชสิญจน ด้ายสายสิญจน์ เย้นสี่ง หนึ่งที่จำ เย้นต่องใช้ในการ ทำบุญม่าน ถึงแม้ว่าบานใดไม่มีอาณาเขต หรือบริเวณทีจะต่อง ใช้ด้ายสายสิญจน์ วงม่านเรือน อย่างม่อยก็ต่ธงใช้วงที่พระพุทธรูป บาตรนามนต์ และ ให้พระถือในเวลาเจริญพระพุทธมนต์ด้วิย การจไ]ด้ายสายสิญจน์ เมื่อจะจไ]ต่องมีวิธีบริกรรม กล่าวค เวลาจไ]รอบแรก๓เสน ท่านใหบริกรรม หรือต1งใจภาวนาว่า อิสวาส ซึ่งเรียก'ว่าห้วิใจพระร'ต้นตร'ย'ให้บริกรรมต,ลอด1ไปจนก1ว่าจะจ้บ์พอตาม ที่ต่องการ เมื่อจไ]รอบสอง ** เฟิน ให้บริกรรมว่า อะฟิง วิ ส โล ป สะ พ ภะ ซึ่งเรียกว่า หํว์ใจนวหรคุณ หากจไ]ให้เย้น ๙ เสนได้จะดีมาก

๑0๒ วิธีวงห่ายสายสิญจน์ จะตยิงเรี่มตงต่นจากฐานขธงพร ร ปวง1ใปทางขวามือ (เช่นเดียวกำเขึมนาฬิกาที่เดินบอกเวลา ชำดำยสายสิญจน์ให้สงขนไปตามอะเสบน หรือตามขอบช่องลม ตำบ้าน วงไปให้รอบตำบ้าน หรือจะวงไปให้ถึงรึวบ้านด และตองวงให้ติดต่อกำไปอย่าให้ขาดเบึมช่อง วงมาบรรจบกำตร ฐานของพระพทธรป (อย่าเอาดายสายสิญจน์วงที่องค์พระ) แล้ ไปวงที่เชิงบาตรนามนต่ และให้วงไปทางขวาเช่นเดียวกำ นำกลุ่มดำขสายสิญจน์ใส่พานวางไว้ขำงที่บูชา ใกล้กำบาตรนามน พรำมดำขเทียนขีผงแห้สำหรำใช้ทำนามนต์ ด เล่ม ไม้ขีดไฟด ก่อนวงดายสายสิญจน์ ให้เรี่มดำเนินการดไเม คือ จำก ดายสายสิญจน์ขนประณมมือ ว่า “นะโมตำสะ ภะคะวะโต ป็ะร โต สำมาสำพุทธำสะ ๓ จบก่อน แล่'วจึงเอาดายสายสิญจน์ ที่ฐานพระพุทธรปขณะที่วงรอบฐานพระให้บริกรรมดำยคาถาว่า “เป็ ศาทีสานิ กำวานะ ส'พพ่ตถะมะปะราชิตา สำพะโสตกง คำฉ่ำติ เตส่ง์ มํงคะละมุตตะมนติ” การวงดำยสายสิญจน์ที่ฐานพระห กึเรี่ม1วง1จากชำยไปขวาแล่วิ'โยงสายสิญจน์1จากชำยขององค์ รปไปตามขอบช่องลมของตำเรือน โยงรอบไปจนถึงรึวบ้าน หรืป็คุ วงเนพาะที่ตำเรือนกได้ แลำ'โขงกดำมาบรรจบที่ฐานขอ ขณะทีวงดำยสายสิญจน์ท่านให้บริกรรมคาถาว่าดำน์

(5)0๓ ® พุทธ*ง้กํน์ตง ธ*มมํง์ก้น์ต*ง ส*ง์ฃ้ง์ก้นต'ง์ ก้นหะเนหะ พหะ กนหะ พุทอ้งีรํกึษา ธ*มมํง์ร*ก์ษา ส่งฃํง์ร้ก็ษา, ๑ พุทธิง์ส่'ตตะ ร*ต์นะปาการ'งื อ*'มหาก้ง์สะระณ'งืก้จ์ฉามิ ธ'น¬ ม*งสํต์ตะ ร'ตนะปาการ“งื อ*ม์หาก้ง์สะระณ’ง์ก้จฉามิ ส่ง์ฃ้ง์สํต์ตะ ร*ตีนะ ปาการ*ง์ ย'มหาก้ง์ สะระณ*งค*ตีฉามิ, ๑ ส''พเพพุทธา พะล'ปบตตา บญเจกาบญจะ ยํง์ พะล*ง์ ธะ:ะ หํน์ตาบัญจะ เตเขนะร'กข*ง พ่นธามิ ส่พ่พะโส, เมื่อจะนำสายสิญจน์เข1าบรรจบก้น์ ให้ยกกลุ่มสายสิญจน์ขน ประณมมืธว่า “นะโมต*ส์สะฯ” อีก๓จบก่อน แล้,วจึงว่าคา’ถาด*ง์ต่อ ไปน’ ๑ พทธ*ปปะมโข ภิกขุส*'งโช เธตาทิสานิ ก'ตีตะวานะ ส่พพ่ต ถะมะ ปะราชิกา ส้พ่พ่ตีถะ โสตถิง ต*น์เตส*ง์ ม'ง์คะล่ะมุตตะม''นติ, แส่ว่จึงเยาดายสายสิญจน์พ่นบรรจบเขาที่ฐานพระ ดายสาย. สิญจน์นน ห้ามเหยียบหรื0ขำมเบึนอ*นิขาด การวงห้ายสายสิญจน์ ห้องระว'งอย่าให้ขาด ถาขาดบ่อยๆถือว่าไม่เบนมงคล เมื่อขาด เวสาผกสายสิญจน์ต่อก้ม ให้ภาวนาคาถาว่า “สโ]ปะฐิจฉามิ” จ้ดขปึงถวายพร'ะ . การทำบญบาน จะห้องจ'ดของเตรียมไว้ถวายพระ ได้แก่ของ สำหร'บพระก้น เซ่น หมากพล บุหรี นารอน นาย*ด์ลม และนาเยน หเรียมคว้ว่ขเครื่บิง'ไทยธรรมสำหรํบ์ถวาขเมื่อพระฉ่น์ภตตาหารเส'รึจแส่ว

๑0๔ สี่งขธงที่จํด์ถวายพระนน ไม่ควรใส่ภาชนะที่ทำด้วยเงินหรือทธง ควร ใช้ภาชนะอย่างอื่น เช่นพานสำหรํบ์ใส่หมากพล บุหรี่ ควรใช้พาน แกวหรือขานอย่างอื่นที่ไม่ได้ทำด้วยเงินหรือทอง พานหมากที่ด้ด้- น วายน จะใช้เท่าจำนวนพระสงข์ หรือจะใช้กึ่งหนึ่งขอ พระสงช์ก็ได้ (สองรปต่ธ#ที่) แด้ขอิงอย่างอื่นจะด้อง ถ1วนตามจำนวน เช่นด้วยแกวนาเยึน หรือถ่วขนาชา เบนด้น เว กระโถน จะจํดเท่าจำนวนพานหมากพลู บุหรี่ ก็ได้ เครื่องไทย ที่ด้ดืถวายพระนึ่น ตามปกติก็ใช้ดอกไม้ ด กำ เทียน ด เล่ม *1 ซอง พร1ธมด้วยใบปวารณาใส่ซอง นอกจากนึ่จะจํดให้มีของ อื่นถวายอีกก็1ได้ เช่นผาสบง บุหรี่ ไม้ขีดไฟ และใบชา หรือจะ'ให้ม มากกว่ามน เช่น นมขน นึ่าตาลทราย และโกโก้ หรือโอวํลติน แต่ ของจำพวกหส่งิจะประเคนพระในเวลาวิกาลคือหล*งจากเวลาเที่ยง ไปแส่วไม'ได้ ตองมอบให้เดกร้บไป จะประเคนถวายได้ก็แต่เนพ ดอกไม้ธปเทียน บุหรี่ ไม้ขีดไฟ และใบชาเท่านม V ตอนร้บพระ เมือถงกำหนดเวลาทีนิมนตพระไว้ เด้าภาพก็ควรจะออกไป ด้อ นร'บด้วิยตนเอง แต่ถามืความจำเบึนก็ควรมอบหมายให้ผัอื่นค ตอนรบแทน เมื่อพระมาถึงม่านก็นิมนต์และนำท่านเช่าไป

* •4 4 6)0& หากเย้นทองถี่นที่พระสงช์1จะต*ธง1ดินมา และเทาของท่าน ต่องเปรอะเบอนในขณะที่เดินทาง เมื่อเบนเช่นนื ก่อนที่จะนิมนต่ท่าน ขนบานเรือน ผ้ตอนร่มกึต่องจ*คการล้างเท่า,ให้ท่าน เมื่อล่างเสรึ แล่วก็ควรเชึดเท่าให้ท่านด้วย หากจะวางล่าหรือเครื่องเชึดเท่าไว ท่านเช็ดเองกึได้เมื่อ1ได้นิมนต์พระเช่านงยํง์อาสนะที่จํด์ไว้แ รบ์กด้องประเคนของที่จ้ดไว้ ซึ่งได้แก่หมากพลบหรี่นํ้าขาหรือมา อ่ดลม ต่อจากนั้นVจ่าภาพควรนงธย่เบองหนาของพระ และสนทนา ปราศ*ย์ต์ามสมควรไม่ควรปล่อยให้พระนึ่งอยู่โดยไม่มีใครเอาใจใส่ การจดธปบชาพระ ' , .ธปและเทียนที่จะจุดบปีาพระมน ในงามทำบุญม่าน หรืองาน มงคลต่าง ‘จุ ควรจํดให้มีเทียนไว้สำหรไเจุดอีกเล่มหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่ พอสมควร เรียกว่าเทียนขะนวน เพื่อใช้จุดธูปและเทียนที่บกไว้ จะได้ไม่ต่องถอมธปขนมาจ่ดแสะควรใช้สำลีขบ นํ้ามํน ก่าส เพียงเลึก- นอยพ่มไว้ที่ปลายธปหรือจะใช้มว่ม่นเบนซินขนิดกระไ]องที่ใช้ฒัไฟ- แชกหยดลงที่ปลายธปแดะไส้เทียน กจะจุดได้สะดวก แต่ควรใช้ใน ระยะที่ใกล้เวลาจด หรือหยดชำอีกเมีป็ใกล้จะถึงเวลาจด มิ'กะ นึ่ามํนทีหยดไว้จะแหงเสยก่อน การจดธปเทียนบชาพระ เย้นหนาทีของเจาภาพจะต่อง1จดด้วย ตมเธง เพราะเต่าภาพเบึนเจ้าขชิง'ในงามพิธีนน วิธีจดให้ใช้เทียน

๑๐๖ ชะนวนจดโดยจดเทียนเล่มทีอย่ข้างขวาก่อน (ขวามือชองพระพุ รป) แล่วจึงจดเล่มข้างชาย เสรจแลวจึงใช้เทียนชะนวนน่ม ทบกไว้ ตามธรรมดากจุดแต่เพยง ๓ ดอม ธูป การจดธปบขาพระ ๓ ดอกน'น เบึนการบชาพระพทธเจา โดยเฉพาะคอกที ๑ บูชาพระ บัญญาคณ ดอกที ๒ บชาพระปริสทธิคณ ดอกที ๓ บูชาพระกรุณา- ธิคณส่วนพระธรรมนนบูชาด้วยเทียน ๒ เล่ม เล่มหนึงบูชาธรรม อีก เล่มหนึ่งบชาวินํย์ ซึ่งรวมเรียก1ว่าพระธรรม1วิน่ย์ การจุดเทียน เล่มน8น เบึนการบชาคณพระธรรม สำหร้บคุณของพระสงร์เนึ่น บชาด้วยดอกไม้ เมื่อรวมก่นเข้าแล่ว เรียกว่าเบึนการบ ดรํยทํ้ง ๓ ประการ เมื่อจดธปเทียนเสร็จแล่ว ก่อนจะบชาพระให้กราบพระพุทธ รป ๓ คร็งก่อน การกราบพระน1น โดยปกตินิยมใช้กราบด้วยท่า เทพประณมหรือเรียก1ว่ากราบแบบเบญ1ดางอประดิบฐ กล่าวคือ เข่ ท2งสองต1งอย่ที่พนให้ห่างก่นพอประมาณ ยกมือท่งสองประณมเสมอ อก แล่วยกชนเสมอหนาผาก กไเตํวพรอมก่บืวางผามือทงสอง กราบตงก\"'บพน'ให้ผามือห่างก่น์ประมาณ ต คืบ กมศีรษะลง,ให ผาก'จรดกไ]พน กระท่าเช่นนึ่ ต กรง เมือกมลงกราบครง็ที ดำว่า พทธังว้น์ทามิ ครงที่ ๒ ว่า ธํม์ม้ง์วํน์ทามิ ครํ้ ว'นทามิ แล่วกล่าวดำบขา เมื่อบูชาพระเสรจแล่ว สวํสึดิมงคล'ให้เกิดมีแก่ตนและกรอบครว แลวกราบอีก ๓ ครํง

๑0๗ ถ้ารบูชาพระพทธเจานน ‘จะบชาด้วยบทใด ๆ กตาม 'จะตอง ตงนะโม ๆลๆ ๓ จบก่อน 1 นะโม ๆลฯ นั้น ตรงกไ]พระคุณ 1ก ประการ แปลว่า นะโม ขอนอบน'อม ฅ์สืสะ ต่อพระพทธเจ้า ภะคะวะโต บู้มี พระกรุณาคุณ คือ เสด็จเที่ยวสงสอน อะระหะโต บู้มีปริสทธิกณ คือมีพระหทุทํย์ผ่องใสปราศจากกิเลสทงมวล ส่ม์มาส้มพุทธ*ส์ฟิะ ผ้มี บญญา คุณ คือ ตร'สีรู้ อริยสํจ์จธรรม นะโม ฯลฯ เบึนคำนม้ส์กา: เบนกำบขาพระคณ ๓ ประการบริบูรณ เมื่อจะว่านะโม ฯลฯ คราวใด จงต1งั้ใจนึกให้เกิดความริ-สึกในพระคณ ๓ ประการนึ่จงทุกคราวไป คาถาบขาพระมีอข่บทหนึ่ง ซึ่งเบึนบทส1นๆและได้ความดี กล่าวเบึนภาษาบาลี'ว่า พทธะบขา ธ'มมะบูขา ส'ง์ฆะบชา ปฐิบัตติบชา สาธ การบชาดวยบทน จะกล่าวบชาในงานพิธีใดๆใช้ได้ท8งสํ้น และควรใช้บทนต่ป็จากบท นะโม ฯลฯ ด'ง์ได้กล่าวมาแลวขางตน มีคาถาบชาพระอีกบทหนึ่งว่า พุทธะบูชา มหาเตโช ธ่มมะบชา มหาบัฌโญ ฟิง์ฃะบชามหาโภคะวะโห ติโลกะเสสฐํง อะภิปชะยามิ จ1ะ[ะช้.!บท!หนงบ,ท.เๆ.ด หรอเขตอกนเปก[ด คาถาถวายเครืองบชาพระ (ของพระสุขุมธรรมา1จาร{เว้ด์หงส) ว่าดงันึ่ © ป็มานิ สกกาเรนะ พุทธ'ง อะกิปูชะยามิ อิมานิ ส'กกาเรนะ ธ'มม*ง อะภิปูชะขามิ อิมานิ ส''กกาเรนะ ส*งชํง์ ธะภิปูชะขามิ

ด0๘ \\ แปลว่า จ่าพเ'ว่าบชาพ:ะพทธเจ้า พระธรรมเจ่า พระสงชเจ่า ตํ สำการะน •- การจุดธปบขาพระน1น บางท่านเจ่าใจว่า จะต1ธงจดถึง & ด โดยกล่าวว่าเย้น,การบชาพระพ,ทธเจ่า & พระองค ซึงถือว่าดีกว่า เพียง ๓ คอก ความจริงการ1จดธป& ดอกมื่น เย้นการจุดบชาพระท บานเย้นประจำวำ เมื่อเวลาจะเขำนอน เมื่อจุดธป& ดอกแลว ก็ เจริญพระพทธคณ (อิติย้โส ฯลฯ) ระลึกถึงคุณพระพทธเจ่า กราบ•ลง๑ ครง ต่อจากน1นกเจริญพระธรรมคุณ (สวากขาโตๆลๆ) ระลึกถึงคณพระธรรม แล่วกราบลงเย้นคำรพสองและเจริญพระสำ คุ่ณ (สปฐิบันโนๆลๆ) ระลึกถึงคุณพระธะริยะสงฆ แล่ว เย้มคำรพสาม ต่อจากนนก็ระลึกถึงคุณบิดามารดาผู้ให แล่วกราบลงเย้นคำรพสี่ ต่อจากมื่นก็ระลึกถึงคุณครอา ท่านผู้มอปการะคุณแก่ตน แล่วกราบตงเย้นคำรพท่าเรียกว่ & ครํ้งํ้ หรือกราบ & คร8ง จึงจดธป & ดอก ดำน แต่ความจริงการบ พระในพิธีการ เช่นการทำบุญบาน หรือการทำบุญอย่างอื่น‘จุ ตองบชาเฉพาะคณพระรำนตรำเท่ามื่น จึงควรจดธูปแต่เพีย และการบักธป'มื่น ควรบก'ให้เรียงก้นเบึมื่แถว เพื่อเย้นความ ดำได้กล่าวแล\"วจ่างตน การอาราธนาศีล เมื่อได้กราบและบูชาพระรำนตรำเสรีจแล่ว ก็กล่าวคำอ นาศีล การอาราธนาศีลมื่น ตามแบบฉบับ จะต,องขนต,นดำเขคำว่า *

* ๑๐๙ ยุกาสะ ซึงแปลว่า ขอประทานโทษ หรือขออด้ย (เข่าใจว่าคงเรี่มใช้ มาตงแต่ครืงพุทธกาล ) เมื่อได้กล่าวเช่นมน เบนบทนำแล่ว จึงจะว่ มะยํง์ภ'น้เต ๆตๆ แต่ในสม'ขน ก้อาราธมาส่วนมากไม่ได้ใช้คำว่า ยุกาสะ คงขนต้นด้วยคำว่า มะข้ง์ก่มเต ฯลฯ ถึงแม้ในงานพระราขพิ ในว่งหลวงก็เช่นเคียวก่น การอาราธนาศีลน1ม ถาหากเด้าภาพจะอาราธนาต้วขตนเอง ไม่ได้ กให้คนอื่นเบึนผู้อาราธนาแทน ก้อาราธมาควรคกเข่า,ในท เทพประณม หรือจะนงราบลงกไ]พืนกไค้ แต่ถาในงานนนพระสงข็ นงอยู่บนพนสง แขกที่มาในงานนงเด้าธเช่นนึ่ ผู้อาราธนาศีลจะยืม กล่าวคำอาราธนากไค้ โดยหํนหด้ามายํง์พระสงฃก้ฌึนประธาน แล1ว จึงกล่าวคำอาราธนา การอาราธนาศีลในการทำบุญด้าม หรืองาน มงคลต่างๆก็ใช้แต่เพียงศีล & ซึ,งเรืยกว่านิจศีล และการอาราธนาศีล นั้น ใช้อาราธนาก่นอยู่ ๒ อย่าง กล่าวคือ อย่างหนึ่งมีผู้กล่าวอารา ว่า มะยํง์ภไแต วิสง วิสง รํก่ขะณไเถายะ ติสะระเณนะสะหะ ฯลฯ แต่ อีกอย่างหนงก้กล่าวอาราธนาได้ต่ดคำว่า วิสงวิสง รืก์ขะณํตถายะออก เสีย โดยกล่าวว่า มะย้ง ภ่มเต ติสะระเณนะสะหะ ฯลฯ คำอาราธนา ด้ง ๒ ชิย่างน ต่างก็1ใช้ไค้เ^มือนก่น หากแต่มีผลแตกต่างก่น์ กล่าวค การอาราธนาว่า วิสง วิสง ร*]าขะณ*ต์ถายะด้น หมายความว่า เบึน การขอคืลเพึ่ธถืป็ปฐิด้ตเบึนแต'ดะอย่าง ๆ เมอศีลอย่างหนึ่งอย่ เสียไป อย่างอื่นๆ ก็ย้ง์คีอย่เพราะได้ขอเพื่อถือปฐิบ*ต้เบึนแต่ดะอย่างๆ ส่วนคำอาราธนาที่ต้คี วิสุง วิสุง ร*ก์ขะณ*ศ์ถายะ ออกด้น เบึนการขอ

©6)0 รโศีดก'บ1ไตรสรณาคมเฉย ฯ โดยไม่ได้บอกขอรโเพื่อปฐิบ'ตเบึนแต ธข่างๆเมื่อเบนเช่นน หากศีลข้อใดข้อหนึ่งเสีย ก็เสียไป หมด แต่ก็เบึนความหมายอีกอย่างหนึ่งว่า ผู้อาราธนาเข่นนํ การจะรโษาศีล'หโใหับริบรณีทํ้ง์ห่าข้อ โดยจะไม,ยอมใหัศีล นนต่องเสียไปแม้แต่ข้อเดียว การร้บศีล การรโศีลน1น จะขอรโอย่างใดก็ตาม .มอพระจะให้ศีลท่านจะ ต1งต่นดโย นะโม ตํส์สะ ฯลฯ ก่อน เสร็จแลโจึงให้รโไตรสรณาคม ได้แก่ พทธํง สรณ\"ง คโ'กามิ อโมโ สรณํง์ ค*จ1อามิ ส้ง์ช่ง์ ทติฯลฯ ตะติฯลฯ เมื่อผู้รโได้กล่าวตามจนจบแล้ว พอถ ไตรสรณาคมพระท่านจะกล่าวเบึนภาษาบาลีว่า “ติสะระณะคะมะน นิฏฐิตํง์” แปลว่า ไตรสรณาคม ได้จบลงแดโ เบนการเตือน'ให้ร้ว่า ต่อ1ไปนจะ'ให้คีต ผายผู้ร'บกมีหน'าที่ต่องตอบเย้นภาษาบาลีว่า “อามะ. ภโเต” แปลว่า ครโ หรือขอรโพึนการแสดงตอบว่าทราบแลโ เมื่อมิ รโ1ได้กล่าวตอบเข่นนึ่นแล่ว พระท่านกให้ศีล โดยเรี่มแต่ ปาณา ตาเวระมณีฯลฯ ต่อไปจนจบศีลทํ้ง & ขอ ต่ง์นึ่ การให้ศีลที่มีการกล่าวเมื่อจบไตรสรณาคมว่า ติสะระณะคะ. มะนโ มิฐฐิฅํงมื่น แ!นการกล่าวตามแบบกบโด1งเติม ต่อมา1ในสม'ยนึ หรือพระที่อยู่ในกรุงเทพฯ เบืนส่วนมากได้งดเวน ไม่กล่

ชิ)©© ติสะระณะคะมะน'ง นิฐฐิฅ์ง์ เมื่อท่านไม,กล่าวเข่นนน ผู้ร้บก็ไม่ต่อง กล่าวคำว่า อามะก่นเต เท่าที่นำมาเด่.'ไไว'ในที่น ก็เพราะปรากฐว่า มีพระภิกษุบางรปที่ท่านยิงถือตามแบบฉบไแดิม ท่านยํง์คง'ใช้คำกล่าว เช่น1ว่านนอยู่ ผู้รไ]ศีลบางคนไม่ทราบ ไม่รู้ว่าจะกล่าวตอบต่อท่าน ประการใด เพี่อให้ทราบ จึงได้นำมาเขียนไว้ เมื่อผู้ใดประสบ จะกล่าวคำรไ]ได้ถกต่อง อนึ่ง การรไ]ศีล ผู้รไ]จะต่องออกเสียงพอให้พระท่านได้ยิน ท่าน จะได้ผู้ว่ามีการรไ]ศีลตามที่ท่านให้ การที่ร'บศีลโดยไม่ออกเสียง พร ท่านก็ไม่ทราบว่าได้มีการรไ]ศีลก่นหรือไม่ การรไ]ศีลโดยไม่ออกเสียง มน มีเรื่องขำๆเกิดขน โดยพระท่าน1ให้ศีลแล้ว่ไม่ได้ยินเสียงผู้ ท่านก็เลยหยดนึ่งเสีย บรรดาท่านผู้ทีรไ]ศีลมีความสงสไ] 'คนห เอ่ยถามท่านว่า หลวงพ่อท่าไมไม่ให้ศีลต่อไปล่ะเจ้าว่า ห ท่านก็ตอบว่า ก็โยมทำไมไม่รไ]ศีลตามที่ก่นให้ ผู้นั้มตอบว่า รไ]ในใจ หลวงพ่อจึงพดขีนว่า 'ก่นก็ให้ศีลในใจเหมือนก่น จึงเบน อ่นัต่ธงเริ'มต่น'ให้ศีลก่น'ใหม่ ฉะน2น การรไ]ศีลจึงตองรไเโดยการออก เสียงพอให้พระท่านได้ยิน ไม่ใช่รไ]ในใจ เมื่อพระให้ศีลจบแล่ว ท่านจะกล่าวเบึนภาษาบาลีว่า อิมานิ บัญจะ สิกขาปะทานิ สีเดนะ สุคะติง ขํน์ติ สีเดนะ โภคะล่มปะทา สีเลมะ นิพพติง ขไ]ติ ต'สมา สีส'ง์วิโสธะเย ฯ แปลว่า“สิกขาบททํ้ง & ประการต'ง์ว่ามานึ่ ชมที่งหลายจะไป

© © เ2) สู่สุคติได้ก็เพราะศีล จะสมบรณจ้วยโภคทร่พย์สมบิต ก็เพราะศี ไปสู่พระนิพพานได้ ก็เพราะศีล เพราะฉะนน .จึงควรร*ก์ษาศีลให สะธาดหมดจด ” เมื่อพระท่าน1ว่าดํงนํ้นแล้ว ผู้ร'11ศีล1จะตองกล่า ธมานิ มื่ญจะสิกขาปะทานิ สะมำทิยามิ ทุติยํม์บ ธิมา บัญจะสิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ ฅะติย้ม์บ อิมานิ บัญจะสิก สะมามิยามิ ” แปลว่า“ขำพเจ'’าขธร*บ์สิกขาบททง & ประการน” เมื่อการร'ปศีลได้ผ่านไปแดว ก็ธาราธนาพระปริตร เมื่ออารา นาจบลงแล1ว พระสงฃก็จะเริ'มเจริญพุทธมนต์ต่อ1ไป ในระหว่าง พระเจริญ.พทอมนต์ เจาภาพ1จะตธงพงพุทธมนต์ด้วยความเคารพ เมื่อได้เวลาทำนาพระพุทธมนต์ พระสงรํเผู้เย้มประธ ให้เจ้าภาพจดเทียนสิาหร'บ ทำนำมนต์ ประเคน ถวายแก่ ท่าน เทียนนํ้นไปติดไวัทีปากบาตรหรือข*นิสำหร่บทำนํ้าพระพทธมนต์ ทำนาพทธมนต์เสรา และพระได้เจริญพุทธมนต์จบลงแล้ว ก็เตรียมจ'ดที่สำหรํบพระฉ้นิ จ'ดอาหารสำหร'บถวายพระสงช์ ถว พระพทธ และพระภูมิดวย 1; สู่* จดอาหารบูชาพระพุทธและส่งเวยพระภมิ ก่อนจะถวายอาหารแก่พระสงฃ เจ้าภาพจะตองจ'ดป็าหา: สำหรํบถวายพระพุทธ.และพระภูมิ อาหารที่จ'ดถวาย มิใช่จำใส่ *

ด®๓ ตะไลเลก ๆ อย่างเครืองเซ่นศพ ที่ถกควรจำให้ดีกว่านํ้น ผัที่ทำงาน มงคลเขาใช้คำเมึนสำร'!]คาวแตะหวาน เช่นเดียวก\"บที่คำถวาย ฬ'ระสงฆ ผมใงวงความสวสดมงดล วงควรจดถวายใ0ด้เหมาะสม ไม่ควรจำอย่างที่เขาใช้เซ่นศพ อาหารสำหรบถวายพระพุทธและพระภมินํ้น คะต้องใช้ผาขาว ปูรองรบภาชนะทีใส่อาหารนำดวย การถวายอาหารแด่พระพทธร!! และพระภูมิคะต้องกล่าวคำถวายและกล่าวคำขอ (ลา) ตามระเบีย!) โดยเฉพาะสำหรํบพระภูมิ เรียกโดยที่วไปว่า พระขํย์มงคลภมิ การ นำอาหารไปถวายพระภูมิ เจาภาพควรนำไปถวายดวยตนเอง คุตธป เทียนบอกเชิญ'ให้พระภูมิร'ฆเครื่องสํง์เวย เพื่อขอให้ตนและครอบครำ ได้รไ]ความสขความเคริญต่อไป บูชาขาวพระพุทธ กล่าวเบ็่1นภาษาบาลีว่า “ธม*ง สปะพย*ญ ชะนะ สมบัญนํง์ สาลีนำ โภชะนำ อุทะก'ญคะ วะรำ พทธ*สสะ ปเขมิ” ถวายเครื่องสำเวยพระภมิ ว่าดำน “นะโม เม พระภมมะ เท วานำ ทีปะ ธูปะ ปุบผานำ' สำการะวำทะนำ สปะพข*ญชนะสไ]บนนำ โภชะนานำ สาลีนำสะปะริวารำ อุทะกำ วะรำ อาคำ'ฉินต ปริภญชำต ส'พพะทาติ หิตายะ สุขายะ ส'มติ อุ เทวานำ เตบี ตมเหอะนรำขำต” หรือคะใช้คำสน ๆ ดำมกึได้ “ธม'ง สปะพย'ญชนะ สไ]บันนำ โภชะนำ สะอทะกำ ระวำ ชะยะมำ คะตะ กมม้สสะ เทมิ” 1 1คาถาลาขาวพระพทธ และพระภมิว่าเหมือนกำดำน เสสำ ม-งคะด-ง ย.1า''ค’า'มา (/ห..ลา'ย1ค''มวาข.1\"าค'ามะ)ง

6) 6) คาถาลาข่าวV(ระนที่วฯ ไ!! เขา•ใช้ก่นเช่นน๎น แต่ทา อิสาณใช้ อิมํง์ เพี่มไว้ข่างหนาดำย เช่น อิมํง์ เสล่งื มํงคะ ขึงตามปกติการถวายที่วไป ‘จะถวายข่าวพระพทธ ก็ขนต่นค่วย อิ ‘ฉะที่นตอนลาข่าวพระจะว่า อิมํง์ ดำยก็ดีเหมือนก่น์ จ้ดทิสำหร้บพระฉ้นภ้ตตาหาร เมื่อพระสงชเจริญพระพทธมนต์จวนจะจบ เจ้าภาพจะตอ เตรียมสี่งของสำหร้บ์พระ1ไว้1ให้พริอิม เช่น ข่อนซ่อมคาว-หวาน ช่อน กลาง ขามแบ่ง ผ่าเช็ดมือ นำเยน กระโถนและไม้จํ้มพน การเลยง พระในสมํย์นส่วนมาก.นิยมจำเลยงรวมก่นเบึนวง ๆ เมื่อจำเมึน'วง ตองใช้ผ่าปโต่ะ ปูลงตรงพนที่จะเลยงพระ ซึ่งโดยมากใช้ผ่าพลาสต สีชาว (จะใช้ผ่าขาวตามอรรมดาก็ได้) หากมีโต่ะอาหาร กวางยาว พอกำจำนวนพระสงช์ที่จะนงก่นก่ตตาหารได้ ก็ใช เบึนที่สำหริบพระก่น์ โดยใช้ผ่าปโตะเช่นเดียวก่น การจำทีสำหริบพระก่น์ภำตาหาร จะจำทีพึนหรือโต่ะก็ตาม เมื่อจำเสร็จแล่ว ก็นิมนต์พระเข่านงประจำที พระเข่านง จึงค่อยประเคน การประเคนน1น เจ้าภาพควรประเคนดำยตนเอง โดย ประเคน นำเย็น ข่าว และของคาว ตามลำดไเ การประเคนของถวายพระซึงเจ้าภาพจะต่องประเคนดวขตน เองน5น บางแห่งผู้ที่1ไปช่วยงาน (บางคน) ม้ก์จะจำการประเคนเ เอง ซึ่งเบืนการไม่สมควร สิงทีควรก็คือช่วยยกหรือส่งของที่จะประเคน

* 6)©(3เ ให้เจ่าภาพเบึนผู้ประเคน เมื่อเจ่าภาพประเแคลนะบแลอวกให้ช่วย ประเคนแทน ผ้ทช่วยเหลือจึงค่อยประเคนต่อไป บ การประเคนของถวายพระน1น จะเบนผู้ใดประเคนก็ตาม ผ้ประ เคนจะต่องเข่าให้ใกล้พระสงฃในระยะ ๒ คืบ ซึ่งเรียกว่า ไห้หํส์ถบาส เวลาประเคน'ใช้มือทํ้งสองยกของทีถวายให้พนจากพนพอสมควรขื่น ถวายต่อท่านด้วยความนอบนอม มื่บางคนประเคนชองไม่เบน โดย ตำของกู้ประเคนไม่ขยำเข่าไปใกล้ให้ไห้ระยะห*'สถบาส ใช้มื ของยื่นส่งให้พระ การประเคนด้วยกิริยาเช่นน เบึนการไม่ถกระเบียบ และไม่น่าด ฉะน่น ผู้จะประเคนของแด่พระสงฃ จึงควรระม*คระวํง ในเรองมื่ไวั้คำย' การปฎิบตพระ:ในเวลาชิน ในระหว่างทีพระฉำภ่ตตาหาร ถาเย้นงานพระราชพิธีในว่ำ หลวงพระบาทสมเดจพระเจ่าอยู่หำ และเจ่านายขนผ้,ใหญ่ จะเข่า ประจำที่ตรงหน่าที่พระฉำ โดย,ในหลวงจะทรงประทำตรงหน่าสม เดึจ พระสำชราข ส่วนเจ่ามายและข่าราชการชำผู้ใหญ่ก็น่งเรียงก ตามลำด'บ ตรงหน่าพระแต่ละรป ผ้ใดนงประจำพระรปใดก็ฟินทนา ก^บพระรปนะน เช'รนพระบาทสีม^เดจพ^ระเจาอข'หว^ทรงประทบพอง ^I หน่าของสมเดจพระสำชรฺาชท่านกมีรำสงกำพระสำชราช พระท่าน ก็ฉ่นไปพลางสนทนาไปพลาง1จนกว่าจะเส'ร้จ ลำหรไ)งานพิธีของ เอกชน เจ่าภาพก็ควรสนทนากำพระ'ในเวลา'ฉํน์ เช่นเดียวกำ และ I

** ๑๑๖ คอยเอาใจ'ใส่ดแด คอยต่กเติมอาหารตดอด1จนนำเยนทีบกพร่องถ เพื่มเติมจนกว่าท่านจะ'ถ้น์เสร็จ ในระหว่าง'น่นภ่ตตาหารควรเบดนำ โ๚ดาถวายพระควย เมื่อเสร็จจากการ'นํน์อาหารคาวแลว ก็ให้ผู้ช่วย เหลือจ*ติการลำเลียงขธงคาวออก และลำเลียงของหวานเขาประ ต่อไป ตอนที่พระ'ฉํน์ของหวานนอกจากจะมีนำแข็งถวายแส่ว ก็จํ นาชา (ขาจีน) ถวายด้วย ,( ถวาชเครืองไทยธรรม เมื่อพระ'ถ้น์ภํฅตาหารเสร็จแส่ว ก็จ่ดการถวายเครื่อง1ไทยธรร แต่ก่อน1จะถวายเครื่อง1ไทยธรรมแก'พระสงฃ ถ้าการทำบุญม1มเกี่ยว แก'อิฐของผู้ตาย ซึ่งเจาภาพได้เก็บอํฐิมาจํด์การทำบญเพื่ ส่วนกุศล'ให้แก่ผ้ตาย หรือ1ในบ้านนํ้นมีอํฐอยู่ก่อนแล้ว และได มาต1งเพื่อนิมนต์พระให้สวดปงสุกุล การบํง์สกลอํฐิจะต่องใช้ด้า สายสิญจน์ผกหรือพ่นเช่ากํบ์โกศหรือภาชนะที่ใส่อํฐนน โดยป สายสิญจน์ออกจากฐานพระพุทธรูป และเอาออกจากบาตรนามน ก่อน แด1วจึงนำกลุ่มด้ายสายสิญจน์ประเคนถวายแก่พระสงช์ผ้เมึน ประธาน หรือช'กผาภษาโยงไปจนถึงรปสุดทายแส่ว เจาภาพ ก่นำถ้าสบง หรือถ้าอาบหีจํด์ไว้ (เท่าจำนวนพระสงรํเ) บนด้ายสายสิญจน์หรือถ้าภษาโยงตรงหนำพระสงฃแต่ละรป แต่ถ้า ได้1จํด์ผ้า1ไว้ ก็ใช้ใบปวารณาท่ใส่วองวางแทนถ้า เมื่อได พระท่านก็จะสวดปงสกล และช้กเอาผาหรือชองหีบรรจใบปวารณา

๑๑นิ^ น้นไว้ต่อจากก้นเจ่าภาพกึประเคนเครื่องไทยธรรมที่จ่ดเตรียมไว้ถวาย แด่ท่านท้วถึงก้น์ทก \"I รป เครื่อง'ไทยธรรมก้น ถาเมึนงานมงคลทำบุญอายุ โบราณท่าน นิยมถวายให้ครบบจจํขื4ชงไต้แก' ฟ้า (เครื่องนุ่งห่ม) อาหาร เสนาสนะ และขาท้าษาโรค คำว่าเสนาสนะก้น ได้แก่ฟ้าปน1ง เสื่อ หมอน มุ้ง ร่ม และรองเท่าถ1วยแก้วและคณโ๚นา ท1งนิกึเพื่ออานิสงส์ที่จะให้ถึงพร1อม ด้วย อายุ วรรณะ สขะ พละ ด้งชาตินิและชาติหนำ เพราะอานิสงส์ ของการถวาย บจ'จํย์ 4. คือ ยาร'กิษาโรค ได้แก่อายยีน ฟ้าเครื่องน่งห่ม ให้เกิดวรรณะ เสนาสนะให้เกิดความสุข อาหารให้เกิดมีพล่งแขงแรง ก่อนที่1จะถวายเครือง1ไทยธรรมแด่พระสงรํเ จะเมึนการถวาย เนื่องในงานใด ๆ กตาม เจ่าภาพควร1จะยกสิงของที่จํค์ถวายพระขน จบเกลา (โบราณเรียกว่าจบหิวจบเกลา ) กล่าวคือ ใช้มือท1ง ๒ ข้าง ยกสิ,งของก้นชขนเสมอศีรษะ ก้มศีรษะลงเลกนอข ตงใจให้.แน่วแน่ นึกแฟ้กคลให้แก'บรรพบุรุษ และปรารถนาแลบุญแก่ตนเอง นึกกล่าว ในใจแต่โดยย่อเสร็จแล่ว จึงประเคนถวายของแก่พระสงช์ เมื่อไ จ่ด์การถวายเครื่องไทยธรรมเสรจแลว เจ่าภาพกเตรียมจ่ด์การกรวด. นาต่อไป เมื่อพระสงร็เได้รํบ์ถวายเครื่องไทยธรรมเสร็จแล่ว กึจะกล่าว คำธนโมทนาเมึนภาษาบาลีว่า ยะถา วาริวาหา ฯลๆ แปลเย้นภาษา ไทยไต้ความ1ว่าด้ง์นิ

©©๘ “ แม่นั้าเมื่อเต็มแส่วกึต่องไหลไป และสุถึงเต็มห้องนา'ใหญ่ยึน์ไกล น1นิน'ใด สิ'งที่:บริจาคที่น จะลถึงและให้ความสุชแท่วิญญาณที่น5น ” “ ขธให้บรรดาความหว่งัความปรารถนาของท่าน จงเบนผล สำเร็จโดยเร็ว ขอให้บรรดาสี่งที่คิดไว้จงเบึนผลสำเร็จบริบรณี เต็มเหมือนดวงจ'นทร็ที่ปรากฏเมื่อเต็มควง และส่องแสงสว่างโขต ช่วงเหมือนดวงมณี ” การกรวดนำ เมือพระสงร์แริ,มบทนำ1ว่า ยะถา วาริวหา ฯลฯ เจาภาพกเรม ลงมือกรวดนำ โดยรินนำให้ไหลดงในภาชนะที่รองร*ป ส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญมานั้นให้แก่ผ้ ที่ล่วง'ฒัไปแลว , ''., 1!!! ' ,1.1, 11'^.ไ ชั้นั้ชั้ดา ครอาจารย'และท่านผมอปการะคณแก่ตม ก*11บรรดาฌาติมิตร ทงหดาย เจากรรมนายเวรทงหลาย ตลอดจนสรรพสตว'ทว[ป ขอ ให้ได้ร'บส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญมาแส่วนโดยที่ว้กํน์ น ความปรารถนาให้แก'ตมเองตามแต่จะประสงค์ การกรวดนำ จะตอง,ใช้นำบริสุทธ์ เมนนาใสส ะอาด ปราศ. จากสี และสงเจือปน ในชั้นตนจะต่องรวบร''ดเอาแต่เฉพ เย้.นสาระสำคํญ เพราะจะตองกรวดนำให้จบลงเพียงแค่เว ท่านว่าบท ยถา วาริวหา ฯลฯ จบลงเท่านั้น และต1องรินนาใ

๑๑๙ ลงพรอมกินดวย การริมนำต้องรินให้ไหลติดต่อกิน์ ใช้นวช‘เอง มือ‘จ้าขรองรโ]นาทีรินจากถวยแจ้วลงส่ภาข.นะที่รองรโ] แต่ถามีเครื่อง กรวดนาทีทำเบืนกานาที่มีพวยสำหรโเรินนำออก ก็ไม่ต้องใช้น่วชรอง ร'บนา เพียงแต่รินนาลงสู่ภาชนะที่รองรโ] พร'อมกโ]อธิฐานไ!]ควย เท่ามน การรินนาอย่าให้ขาดจากกินํเบนหยด ๆ พอพระ ท่านว่า ฟิพพี ฯลฯ ก็ประณมมือรโ]พรจากพระจนกว่าจะสวดจบ การกรวดมื่าจะว่าเบึนภาษาบาลี ซึ่งมีขอความสม ๆ คำน ก [คั^ห*-' * ©ธิทำ เม ญาตีนำ โหต สขิตา โหนต ญาตโยฯ แปลว่า กคลผลบุญน จงบำเกดมีแก่หมู่ญาติ จงสขกาย สุขใจ เบนนิตย์ เถิดเมื่อกรวดนำเสร็จแล้ว ก็พนมมือคอยรโ]พรจากพระในตอนที่ท่าน จะสวดฟิพพี ฯลฯ เบนการประสาทพรให้แก'เจ้าภาพจะต้องจบการ กรวดนาแต่โดยย่อ เมื่อเสริจจากการกรวดนาในชั้นต้นนแล้วยำประ- สงค์!จะกรวดนาเพิ'มเติม หรือปรารถนาอย่างใดให้แก่ตนเองก็จ'คการ กรวดนาต่อไปในตอนหลำ แต่กควรจํด์การ1ในว่นํเคียวกินํมื่น อย่าให้ ขำมไปว'นอี่น มื่าที่กรวดเสรืจแล้วจ้องนำไปเทดงบนพีนดินที่กลาง- แจ้งจ้ามไม่ให้เทไว้ในที่บดบำ I การประพรมนำพุทธมนต เมื่อเสรืจจากการกรวดนำตามวิธีที่ว่ามื่นแล้ว ก็นิมนติพระ พึงรํเผ้เบนประธาน ขอ'ให้ท่านประพรมนาพุทธมนต่ โดยเจ้าภาพ

๑เด!)0 ก*บ์บคคลในครอบคร้ว์ และผ้ ที่มาช่วขเลยงพระเข่ามานงชุมนุม พระสงร์เผู้พนประธาน ก็ประพรมนํ้าพทธมนต์'ให้ และพร น1นกเจริญขํย์มงคลค่า:ถา ให้เกิดสขสว*ส์ตีแก่ผู้ทีได้ร*!เนาพุทธ โดยที่วก*น์ ต่อจากนนก็นิมนต์ให้ประพรมบ่านเรือนทีอยู่อาด้ย์ โด ยกบาตรนามนต์นำท่านไปในที่ต่างๆขธงบ่านเรือนน1น ได้แก่ หอง นอน ท่องรบแขกตลอดจนหธงครำ และโรงรถของบ่าน เพือท่าน ได้ประพรมนาพุทธมนต์'ให้ด้วย สืงพระกส้บวด การนิมนต์พระสงปิมาเจริญพทปีมนต์ และฉินภํต์ตาหา หากวิดอยู่ห่างไกล เจาภาพควรจะจ'ดรถไปร\"!)ท่าน เมื่อเสร็จพิ เจ้าภาพก็ควรจ'ดรถไปส่งท่านให้ถึงว'ค ก่อนที่พระจะขนรถกล'บ์ เจ ภาพควรออกไปส่งที่รถด้วยตนเอง เพื่อพึนการแสดงคว ท่านตามสมควร ต่อจากนก็จะขอนำคำบชา คำธาราปีนาๆ คำบชาขาวพระ คำถวายสํงืฃทานฯ คำปวารณา และคำกรวดนา ชึ่งกล่าวเบืนภาษา บาลี พรือมด้วยคำแปลเสนอต่อท่าน ดํง์ต่อ1ไปน คำบูชาพระร'ตนตร้ย ๑ นะโม ต*ส์สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สไ)มาสโเพทปี''สสะ ผทธะบชา ธโ)มะบูชา ส*ง์ฃะบูชา ปฐิบ่ฅติบชา สาธ ๆ

© 1®ป็ © คำแปล ขอนธบนธม ต่อพระพุทธเจ้า ผู้มีพระกรุณาคุณ คือเสดึจเที่ยว พึงสอน ผู้มีปริสุทธิคุณ คือ มีพระจิตผ่องใสปราศวากกิเลสที่งมวล ผู้มีบญญาคุณ คือ ตร'ส์ผ้อริยสํจ์จธรรม ฯ การบูชาพระพุทธเจ้า การบชาพระธไ]มะเจ้า การบูชาพระสง- ร]ะเจ้า ด้วยการปฐิบ้ติ ย่อมจะก่อให้เกิดประโยชน์และความสข * V' '1 คำอาราธนาศีชิ & © มะยง ภไแต วิสุง วิสง' ร่กขะณไเถายะ ติสะระเณนะ สะหะ บจจะสีลานิ ยาจามะๆ ๑ ทฅิขํ!เย้ มะย์ง์ ภ'ม.เต ๆลๆ ® ตะติยไ]บี มะย'ง์ ภไ]เต ๆลๆ (ถาเฉพาะตํวคน’เดียว ใช้คำชนต่'น1ว่า อะหํง์ ภ'นเต และใช้ คำลงทำยว่า ยาจามิ) คำแปล ช้าแต่พระคณเ1จ้าผ้เจริญขำพเจ้าทํ้งหลายข®ศีล & กบทํงโต สรณาคม เพื่อประโยชน์แก’การร'กิษาแต่ละ1อย่าง ฯสๆ แม้คร1งทสอง ๆลๆ แม้ครงทีสาม ฯลๆ

คำอาราธนาพระปริตร ©วิ{เตติ ปฐ๊พาหายะ สัพพะสัมบัตติสัทธิยา สัพพะทกขะวินาสายะ ปริฅต้ง์ พร ถะ มริคะดริ ©วิบตติ ปฏิพาหายะ สัพพะ'สัมบศติสิทธิยา สัพพะกะยะวินาสายะ ปริตตริ พร ถะ มริคะลริ ©วิบศติ ปฐิพาหายะ สัพ์พะสัม์บตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปริตตริ พร ถะ ม่งคะสัง์ๆ คำแปล ขอพระผโบึน]จ่าท้งหลาย คงสวดพระปริตร สันเย้นมงคล เพอบองก'น์ความวิบํตท1งั้ปวงให้สำเริค เพี่อให้พ่นทุกข ภ*ยและ ท8ง์ปวง พินาคไป •- คำอาราธนาพระธรรม ©พรหมา คะ โสกาธิปะตี .สะห้ม์ปะติ ก้ศอ*ญชะดี สัน์ธิวะรริ ธะยาจะถะ สันตีปีะ สัตตาป ปะระช'กขะขาติกา เทเสตุ ธ้มมริ อะนท'ม์บมริ ปะชริๆ คำแปล •- * ท้าวสหไเบดีพรม ผ้เปึนอธิบดีของโลก ได้ประณมห้ตถ์นม'ส์- การกราบทูลวิงวอนสมเดึจพระผู้มีพระภาคเจ่าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ 9

ด๓ หลายทีมิธฺลี คือกิเลสในด่วงตาเบาบางยํง์มิอย่ในโลกน ขอพระองค์ จงทรงแสด' งพระธรรมทรงยินเอราะห‘'หพมส*ต';ว'*น51เ1ถริ'ด \\ คาถาบซาขาวพระพุทธ ๑'อิม้ง์ สปข้พะยํญชะนํะสํม์บัมนํง์ สาลีนํง์ โภชะนํง ธทะกํ จะ วะร้ง์ พทธํส์สะ ปเชมิฯ คำแปล ขำพเจาขอบชา เครื่องบริโภค แห่งขำวสาลี อ่นถึงพรื่ธม ดวยแกง และกํบ์และนา’อ'นประเสริฐน แด่พระพทอเจาฯ Vใ -' ลาขาวทระพุทธ ๑ อิมํงึ เสส่ง มํงคะลํง์ ยาจามิ ๆ (หลายคนว่ายาจามะ) คำแปล ขอส่วนที่เหลีธน เพื่อเย้มมงคลแก่ขำพเจา คำถวายสํงฆทาน ©0มานิ มะขิง ภํนเต ภ*หตานิ สะปะ?วารานิ ภิกขุส้ง์ฃ้ โอโณขะยามิ สาอ โน ภไแต ภิกขุพิงโฆ อิมานิ ภํต์ตามิ สะปะ- ริวารามิ ปฐิคค'ณหาฅ อํมิหาก้ญเจวะ มาตาบีตุ ปุตตะ อาทีนง ญาตะกาน'น์จะ ทีฆะร'ศ์ต่ง หิศายะ สุขายะฯ ถาหลายคน คำว่าโอโณขะยามิ เปลี่ยนเบน โอโณชะยามะ

© 1®0(2ะ. คำแปล ข้าแต่พระคณเจ้าผ้เจริญ ข้าพเจ้าท1งหลาย ข0นอมถ ภ*ตตาหารก*บท1งของที่เมึนบริวารทํ้งทลายเหด่าน แก่พระภ พระภิกษสงฃ์จงรไเซึ่งภ*ติตาหาร ก'บิหงของที่เมึนบริวารVIง์ น เพื่อประโยชน์ เพื่อความสขแก่ข้าพเจ้าทํ้ พงหลาข มีมารดาบิดา และบตรเย้นต่นดวย สนกาลนานเทอญ ฯ คาถากรวดนำขังกิญจิ ©ขงกญจ กสละกมมง กตตพพง กรยง มะมะ กาเยนะ วาจา มะนะสา ติทะเส สคะติง กะตง เย ส'ศ์ตา ฟิญญิโน อ*ติถิ เย จะ ส''ตตา อะส'ญญิโน กะต'ง บุญญะผล*ง์ ม*ย์หํงึ ส*พ์เพ ภาคี ภะว่นตุ เต เย ต'ง กะต*ง์ สุวิทิต่ง์ ทินน*ง์ ษุญญะผล'ง มะขา เย จะ ต'ศถะ นะ ชาน*บิติ เทวา ค*น์ตะวา นัเวทะยง ส้พเพ โลก*'มหิ เย ส''ตตา ชีว'โรตา หาระเหฅกา มนญญ*ง์ โภชะน''ง ส*'พเพ ละภ่น์ตมะมะ เจตะสาๆ คำแปล ยิงกิญจิ กศลกรรมอย่างใดอย่างหนึง เป็นกิริยาชินจะพึงท้ วาจา และใจ ซึ่งเย้นเหตให้ถึงสุคติในเทพชนไตรทค ข้าพเจ้าไค กระทำแจ้ว

© เ20 &. ฟิต์วเหล่าใด มีล่ญญา มีอยู่ และส่ตวเหล่า'ใด ไม่มีสญญ มีอยู่ ขอล่ศ์วเหล่าน1นทํ้งั้หมด จงเบืนผู้มีส่วนเสวยผลบุญที่ชำพเล่ ได้กระทำแล่วเถิด ฯ ! บุญทีขาพเล่าได้กระท้าแลอ\"่นล่วต์นวเนหล่าใดร้ชํด์แล่ว ขอ ล่ต์ว์เหล่าบันจงเบึนผู้มีส่วนเสวยผลบุญที่ขาพเล่าให้แล่ว อนึ่ง ล่ตว์เหล่านั้น สํตวเหล่าใดไม่ร้ ขอทวยเทพยะตาพึงไปประกาศแก่ ฟิตวเหล่านึ่นเถิด ๆ ล่ตว{หล่าใดทํ้งหมดในโลก ทีมีธาหารเบนเหตเบนอยู่ ขอส'ฅว เหล่ๆนึ่นทํง์หมดจงได้โภชนะทีชอบ1ใจตามความคิดของขาพเล่าเถิด ๆ คาถากรวดน0^าอมนา ©อิมินา ปญญะก'มเมน อุบชฌาขา คุณตตะรา อาจะรย ปะการา จะ มาตาบตา จะ ญาตะกา สริโข จ'นทีมา ราขา คณะวํน์ตา นะราบ จะ พรหมมารา จะ อินทา จ โลกะปาลา จะ เทวะตา ยะโม มิตตา มนุสลา จะ มํข์ฌตตา เวริกาบี จะๆ ส'พเพ ส'ศตา สขี (หนตุ บุญญานิ ปะกะตานิ เม สข\"ญ จะ ติวิธ\"ง์ '.ทนตุ ขิปบัง ปาเปถะ ไวมะตงึ ๆ อิมิมา บุญญะกไแมนะ คิมินา อทีสเสนะ จะ ขิปปาหํง์ สละเก เจวะ ศ่ณหุ ปาทานะเฉทะน*ง์ฯ

* © 1®ปิ เ) '- 3 เข ส*นิตา เน หนา ธโเมา ยาวะ นิพพานะ โต มะม*ง นสส่นิตุ ส่พพะทา เยวะ ย'ตถะ ชาโต ภะเว ภะเว อ ช จิตทํงื พึะติ บญญา ส่ลเลโข วิริยํมหินา มารา ดะก้นิตุ โนกาสํง์ กาตญจะ วิริเยสุ เม ฯ พุทธา ธิปะวะโร มาโถ ธ*ม์โม นาโถ วะรุตตะโม นาโถ บาเจกะพทโธ จะ ส่งโ,ซ นา โถตตะโร มะมโ! เต โสตตะมานภา เวนะ มา โรกาส่ง ละก้นตุ มา คำแปล ดวยบญกรรมน ขอพระอบชฌาย์ผู้มีคณอ*นิยี่ง พระอาจารย์ ผู้มอปการะมารดาบิดา และญาติที่ท้าของข้าพเจา พระอาทิ พระ1จ'นิทร์ พระราชา มรชนผู้มีคุณ พระพรหมมาร พระอินทร์ ท้าวโลกบาลทง (1 เทวดา พระยายม มนุษย์ผู้เย้นมิตร ผู้เย้นกลาง‘คุ ผู้มีเวร และส่ต์ว่ท้งหลายท1งปวง จงเย้นผู้มิความสขเถิด บุญอ ข้าพเจ้ากระทำแดวจงให้ความสุข ๓ ประการ อนึ่ง ขอท่านท1งห จงย*งศนให้ถึงพระอมตมหานิพพานโดยพล*นิเถิด ๆ ควยบุญกรรมน ด่วยการอุทิศอ*นินึ่ ขอข้าพเจ้าพึงไค้โด โดยพลํนิซึ่งธรรมอํน์เย้นเครองต'ดต*ณหาและอุปาทาน ธรรมที่งทลาย อ*'นเลวทรามเหล่าใด มีอยู่ในส*นิดามของข้าพเจ้า ขอธรรมท เหล่านั้น จงพินาศไปจากส่นิคานของข้าพเจ้า ในกาลทกเมื จะถึงพระนิพพาน ข้าพเจ้าเทิดในภพใดๆ ขอข้าพเจ้าจงมีจ มีสติบญญา มีธรรมเย้นเครืองข์ดืเกลากิเลส และมีความเพียรใ