Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผลพลอยได้ที่เนื่องถึงกันและกันได้ในโลก

ผลพลอยได้ที่เนื่องถึงกันและกันได้ในโลก

Description: ผลพลอยได้ที่เนื่องถึงกันและกันได้ในโลก

Search

Read the Text Version

ความทุกข์ มันต้องมีความรู้ระบบจิตระบบ วญิ ญาณฝา่ ยธรรมะเขา้ ไปประกอบอยดู่ ว้ ย เปน็ ความรู้ท่ีสมบูรณ์ท้ัง ๒ ฝ่าย ทั้งฝ่ายวัตถุและ ฝ่ายจิต คือท้ังฝ่ายกายและฝ่ายใจ ความรู้ท่ีจะ ได้โดยตรงบ้างเป็นผลพลอยได้บ้าง ถ้าสอนกัน ตรงๆ เขาบอกเปน็ ผลไดโ้ ดยตรง ถา้ มอี ยโู่ ดยออ้ ม มนั สอนกนั อยูโ่ ดยอ้อม พลอยได้โดยออ้ ม กเ็ ป็น ผลพลอยไดใ้ นทนี่ ้ี ทนี เ้ี กย่ี วกบั การปฏบิ ตั ิ พทุ ธบรษิ ทั หรอื ภกิ ษปุ ฏิบัตจิ รงิ ก็ทำ� ใหเ้ ขาได้มีการปฏิบัติ การ ปฏบิ ตั นิ เี่ ราหมายถงึ การกระทำ� ฉะนนั้ เมอื่ พดู ถงึ การปฏบิ ัติ เราจะไมเ่ รยี กว่าสอนใหร้ จู้ กั ท�ำ แต่ เราจะเรียกว่าท�ำตัวอย่างให้ดู คือไม่ต้องพูดกัน แล้ว ไม่ต้องเอาสมุดหนังสือหนังหาต�ำรับต�ำรา มาแลว้ แตม่ าทำ� ใหด้ ู แสดงบทบาทใหด้ อู ยตู่ ำ� ตา ท้ังวนั ทง้ั คืนอย่างนี้ อย่างนีค้ ือให้ ให้การปฏิบตั ิ โดยตรง เรียกว่าทำ� ใหด้ เู ป็นตัวอย่าง ๔๕

ฉะน้ันการที่มีภิกษุอยู่ในโลกน้ี หลัก ธรรมะแต่โบรมโบราณเขาถือว่าเป็นการให้อยู่ ตลอดเวลา เพียงแต่ได้เห็นสมณะเท่าน้ันก็เป็น มงคลอนั สูงสดุ หรือเพยี งแตไ่ ด้เหน็ พระอรหันต์ เทา่ นั้นเปน็ มงคลอันสูงสุด ไมต่ อ้ งพดู กนั เพราะ วา่ ทา่ นแสดงดว้ ยการกระทำ� ทเ่ี นอ้ื ทตี่ วั หรอื เปน็ ตัวอย่าง ทีนี้พระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน ในบาง ความหมายท่านมุ่งหมายอย่างน้ี ว่าการที่มี พระพุทธเจ้าอยู่ในโลกพอแล้ว แล้วคนในยุค ปจั จบุ ันนแ้ี ต่ไม่ใชย่ ุควันนี้ ยคุ ที่เรยี กวา่ ถอยหลัง กลับไปสักหน่อย เขาก็ยังถือหลักอย่างน้ัน ถือ หลกั วา่ ไดเ้ หน็ วา่ บคุ คลนน้ั เปน็ อยอู่ ยา่ งไร ดกี วา่ อ่านหนังสือที่บุคคลน้ันเขียนเป็นหอบๆ หาบๆ น่ีผมเคยอ่านข้อความนี้ในหนังสือเล่มหน่ึงเมื่อ ผมยังเด็กๆ อยู่ เขาระบชุ ือ่ คนประเทศชาตดิ ว้ ย ๔๖

เขาไปเพ่ือจะเห็นการเป็นอยู่ของสุภาพบุรุษคน นั้น เพราะเขาเคยอ่านหนังสือของผู้น้ันมามาก แล้ว มันก็ไม่พอใจหรือว่าถือว่าไม่ได้ผลเท่ากับ ไปดสู ักแวบหนึ่ง ถ้าจะพดู ตรงๆ กอ็ ยา่ งน้กี ็ตอ้ ง พูดว่าก็ได้เห็นพระพุทธเจ้าสักแวบหนึ่งดีกว่า อ่านพระไตรปิฎกให้จบก็ได้ พูดอย่างน้ีก็ได้ เพราะวา่ ทเ่ี นอ้ื ทต่ี วั ของทา่ นมนั แสดงตวั อยา่ งอยู่ เพราะฉะน้ันมันจึงเป็นคนละอย่างกับสอนด้วย ปาก พรำ�่ สอนดว้ ยปาก หรอื ใหอ้ า่ น เขยี นใหอ้ า่ น ทนี มี้ นั มอี นั ทสี่ ามทดี่ ไี ปกวา่ นน้ั อกี กค็ อื วา่ มผี ลของการปฏิบตั แิ จกจ่ายให้ ให้ดูมันกลาย เป็นว่ามีความสุขให้ดู นี่มันชัดลงไป เป็นผู้มี ความสุขอย่างยิ่งให้ดูพอแล้ว ให้มากเหลือเกิน แล้วให้เพียงเท่าน้ี ไม่ต้องพูดไม่ต้องจา ไม่ต้อง ให้เงินให้ของ ไม่ต้องให้อะไร เป็นผู้มีความสุข ให้ดูเป็นการให้ที่สูงสุด ปฏิบัติให้ดูคือท�ำตัว ๔๗

อย่างให้ดู ทีนี้มีผลการปฏิบัติให้ดู คือมีความ สุขให้ดู อย่าเอาไปปนกันนะ ถ้าปฏิบัติให้ดูมัน ตอ้ งทำ� อยา่ งนนั้ ทำ� อยา่ งน้ี ทำ� หลายๆ อยา่ ง คอื ปฏบิ ัตอิ ยใู่ หด้ อู ยู่ เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั นิ ส้ี รปุ ไวใ้ นถอ้ ยคำ� สัก ๓ ค�ำกไ็ ด้ ปฏบิ ัติในทางที่จะละเสียสำ� หรับ ส่ิงท่ีควรละ ปฏิบัติในทางที่จะสร้างให้มีขึ้น ท�ำให้มีข้ึนในที่มันควรจะท�ำ แล้วก็ปฏิบัติใน ทางท่ีจะรักษาเอาไว้ให้ได้ สิ่งท่ีสร้างข้ึนมา แล้วคือความดคี วามสขุ แลว้ กต็ ้องทำ� กร็ ักษา เท่านก้ี ็พอ คำ� วา่ ละความชั่วเสีย มนั กนิ ความ ลงไปถึงป้องกันไปถึงอะไรหมด อย่าให้มันมา เข้ามาได้ อยา่ ให้มนั มีเข้ามาได้ ละเสยี ในส่วน ท่ีจะต้องละ ทีนใ้ี นสว่ นทตี่ อ้ งท�ำใหม้ ขี นึ้ ก็ต้อง ทำ� ทำ� ทำ� แตแ่ ลว้ มนั ตอ้ งรกั ษาไวอ้ กี ลกั ษณะ ปฏบิ ตั ิกม็ อี ยใู่ น ๓ ความหมายน้ี ๔๘

ทีนี้ผลการปฏิบัติก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว คือเป็นความสุข สุขทางกายทางวัตถุระบบ หนึง่ ก็ได้ สุขทางจิตทางวญิ ญาณ ทางทิฏฐิ ทาง ความรู้สึกอีกระบบหนึ่งก็ได้ ทีนี้สิ่งที่จะเป็น ผลพลอยได้คือได้รู้แล้วก็ได้เห็นตัวอย่างท้ังใน การปฏบิ ตั แิ ละตวั อยา่ งทงั้ ในการทมี่ คี วามสขุ ใหด้ ู ฉะนั้นสมมติว่ามีภิกษุในพุทธศาสนา ท่ีแท้จริงอยู่ในโลกพอแล้ว ทางหนึ่งก็สอนให้รู้ ทางหน่งึ ก็ทำ� ตัวอยา่ งใหด้ ู อีกทางหน่ึงก็มีความ สุขให้ดู แล้วคนเขาก็จะท�ำตาม แล้วเขาไว้ใจ เพยี งแต่พดู แต่ปากใหด้ ูเขาไม่ไวใ้ จหรอก เพราะ มันพูดเท่าไรก็ได้ มันพูดไม่จริงก็ได้ ฉะนั้นการ สอนดว้ ยปากพูดนน้ั ไม่คอ่ ยส�ำเรจ็ ประโยชน์ แต่ ถา้ ทำ� ตวั อยา่ งใหด้ หู รอื มคี วามสขุ ใหด้ แู ลว้ กม็ นั มี ผลส�ำเร็จเตม็ ที่ เอาเป็นอันว่าเราพูดถึงผลพลอยได้ ๔๙

ที่เน่ืองถึงกันและกัน ก็ขอให้มองมันสัมพันธ์ กันทั่วไปหมด โยงกันไปโยงกันมาท่ัวถึงกันท้ัง โลก ท�ำผิดมันก็ร้ายเสียหายเดือดร้อนกันไปทั้ง โลก ท�ำถูกมันก็ดีมีความสุขกันไปทั้งโลก เด๋ียว น้ีมันก็ก�ำลังเป็นไปในทางผิดมากกว่า ไม่ใช่ผม จะอวดดีหรือว่าจะแกล้งข่มผู้อ่ืน โลกในสมัย ที่ก้าวหน้าแต่ทางวัตถุอย่างเดียว มันมีความ ผดิ อย่บู ้างคอื มนั ส่งเสรมิ กเิ ลสมากเกินไป มัน จะต้องไปคดิ กนั เสยี ใหม่ ไปตดั ทอนความมาก เกินไปในส่วนวัตถุลงเสียบ้าง แล้วมาเพ่ิมใน ทางฝา่ ยจติ ใจ เขาเรยี กวา่ มคี วามสมดลุ ความ รอดตัวมีอยู่ได้เพราะความสมดุลระหว่างวัตถุ กับจิตใจ ท�ำอย่างไรจะให้เกิดผลอันน้ีข้ึนมาคือ ความสมดุลข้ึนมาระหว่างวัตถุกับจิตใจในโลก นี้ กพ็ ยายามใหม้ ี มีพระ มีอรยิ บุคคลนน่ั แหละ ใหม้ ากขึน้ ในโลก มนั จะเป็นเครือ่ งทำ� ให้มคี วาม ถกู ต้องขนึ้ มาในโลก สมดุลขน้ึ มาในโลก ๕๐

เด๋ียวน้ีเราจะเรียกว่าพุทธบริษัท พวก อนื่ เขากจ็ ะหาวา่ เหน็ แกต่ วั พดู เขา้ ขา้ งตวั เอาเปรยี บ แตถ่ า้ เราจะพดู วา่ พทุ ธบรษิ ทั มนั กค็ วรจะถกู ตอ้ ง แล้ว เพราะผู้รู้ ผู้ตน่ื ผู้เบิกบานศาสนาไหนกไ็ ด้ ไม่จ�ำกัด แตข่ อให้มันรู้ ใหม้ นั ต่ืน ให้มันเบิกบาน จริงก็แล้วกัน ขอให้มีพุทธบุคคลข้ึนมาในโลก แลว้ ผลพลอยไดค้ อื ผลโดยออ้ มกจ็ ะแผไ่ ปทวั่ โลก อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าผลโดยตรงเสียอีก ผล โดยตรงมันจะแคบกว่า ผลพลอยได้มนั จะกว้าง กว่า มอี ิทธพิ ลและมีอ�ำนาจมากกวา่ ทนี เี้ รามามองดดู ว้ ยจติ ดว้ ยปญั ญาไมใ่ ช่ มองดูไดด้ ้วยตา ถงึ ความที่ผลพลอยไดม้ ันเน่อื ง ถึงกันและกัน ท้ังในทางเสียหายและในทางดี ทางเจรญิ ถา้ ทำ� ผดิ ในทางผดิ มนั กม็ ผี ลพลอยได้ ถึงกันหมด ถ้าท�ำถูกก็มีผลพลอยได้ถึงกันหมด เพราะว่าโลกเด๋ียวน้ีมันย่ิงแคบเข้าไปทุกที ควร ๕๑

จะนึกถึงผลพลอยได้ในทางท่ีดี เช่นได้มาบวช ได้มาเรียน ได้มาเข้าถึงพรหมจรรย์ ถึงศาสนา เป็นพุทธบริษัท และท�ำอย่างไรให้ผลพลอยได้ นี้มันแผ่กระจายออกไปทั่วโลกท่ัวขอบเขตท่ีมัน จะเป็นไปได้ ทบทวนอกี ทหี น่งึ ส้ันๆ แต่ว่าเราพูดถงึ การบวชที่ประสบความส�ำเร็จมีผลพลอยได้ ท�ำให้ผู้อื่นพลอยรู้ ท�ำให้ผู้อื่นพลอยชื่นชม ทำ� ให้ผูอ้ นื่ พลอยได้รับประโยชน์ ผลพลอยได้ น้ีมันได้จากการมีอยู่ของสิ่งที่ควรจะมีอยู่ ได้ จากการกระทำ� ของผทู้ ก่ี ระทำ� ทคี่ วรกระทำ� ได้ จากผลของการกระท�ำส�ำเร็จน้ัน ของใครเล่า ของผูร้ ู้ ผู้ตื่น ผ้เู บิกบาน ผู้ประสบความสำ� เร็จ ในหนา้ ทขี่ องตนมเี มตตากรณุ า ระบเุ ฉพาะความ เป็นพุทธบริษัททั้ง ๔ และระบุให้แคบเฉพาะ เข้าไปอีกคือความเป็นภิกษุท่ีสามารถบวชจริง ๕๒

เรียนจริง ปฏิบัติจริง ไดผ้ ลจริง และประกาศ ออกไปจรงิ ๆ ในลกั ษณะทว่ี า่ พยายามจะทำ� ตน เป็นบุรุษอาชาไนย เกิดขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ แกค่ นทั้งหลาย สัตวท์ ง้ั หลายท้งั ปวง และแก่ โลกและแก่ประเทศชาติและแก่ครอบครัว ตัว เองไมพ่ ดู เอาไปทงิ้ เสยี เลย อยา่ พดู ถงึ ตวั เองเปน็ อันขาด ขืนพูดถึงตัวเองแล้วมิใช่บุรุษอาชาไนย ท�ำให้ทุกคนท่ีเกี่ยวข้องด้วยได้รับความรู้ ได้รับ ตัวอย่างท่ีดี ทั้งในการปฏิบัติและผลของการ ปฏบิ ตั ิ มีความสุขให้ดู กเ็ ทา่ นัน้ ก็พอ กด็ วู ่ามันมี อยหู่ ลายอยา่ งหรอื แทบทง้ั หมด มนั ไมไ่ ดม้ ไี วเ้ พอื่ ประโยชน์แก่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่มีประโยชน์ เพื่อทุกอย่างท่ีมันเข้ามาเก่ียวข้องหรือเน่ือง ถึงกัน ถา้ จะเกดิ ถามขนึ้ มาวา่ พระพทุ ธเจา้ กด็ ี พระสาวกของท่านก็ดี มันมีอยู่เพื่อประโยชน์ ๕๓

อะไรกัน น้ีผมถามท่านท้ังหลายเดี๋ยวน้ีก็ได้ ว่าพระพุทธเจ้าก็ดีและพระสาวกท้ังหลายก็ ดีมีอยู่เพื่อประโยชน์อะไรกัน ถ้าเข้าใจเร่ืองท่ี พูดมาท้ังหมดก็ตอบได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจหรือลืม เสียก็คงไม่รู้เป็นแน่ว่าพระพุทธเจ้านี้มีไว้เพ่ือ ประโยชน์อะไรกันหรือพระสาวกทั้งหลายมีไว้ เพื่อประโยชน์อะไรกัน เพราะว่าจิตมันก็คอย คิดแต่ว่าเพ่ือประโยชน์แก่กูสิ พระพุทธเจ้า ของกู อะไรของกู มันก็เพื่อประโยชน์แก่กูไป เสียหมด นี่คนมันก็เป็นโรคอย่างนี้กันเสียหมด ต้องให้พระพุทธเจ้ามีอะไรสมกับที่ท่านเป็น พระพุทธเจา้ พระสาวกทั้งหลายก็เหมือนกนั ก็จะพูดเสียเลยว่าพระพุทธเจ้าและ คณะสงฆ์ของท่านมีอยู่เพ่ือเป็นดวงประทีป ของโลก อย่าได้ไปคิดว่าพระพุทธองค์ทรงมี พระพุทธประสงค์เพื่อประโยชน์แก่ใครคนใด ๕๔

คนหน่ึงพวกใดพวกหนึ่ง และก็ระยะเวลาใด เวลาหน่ึง ขอให้ถือว่าพระพุทธเจ้าท่านมีอยู่ เหมือนที่ดวงอาทิตย์มีอยู่ น่ีอุปมานะ ว่าดวง อาทิตย์มันเป็นเร่ืองของวัตถุมีอยู่ในโลก มันมี ก็ตามแบบของมันเอง ตามแบบของดวง อาทิตย์ ประโยชน์มันก็แพร่ไปตามที่ใครจะได้ ประโยชน์อะไรจากดวงอาทิตย์มากมายเหลือ เกิน ผู้ท่ีศึกษาทางชีววิทยา มาแล้วก็รู้ได้ดี ว่า ถา้ ปราศจากดวงอาทติ ยอ์ ยา่ งเดยี วนน้ั ไมม่ อี ะไร เกิดข้ึนในบรรดาสิ่งท่ีมีชีวิต คือที่ชีวิตที่มีอยู่ใน เวลาน้ีมันจะตายลงวูบเดียวหมดไม่มีเหลือ ถ้า ปราศจากดวงอาทิตย์หรือแสงสว่างดวงอาทติ ย์ หรอื อะไรๆ ตา่ งๆ ทม่ี นั เปน็ ปฏกิ ริ ยิ าออกมาจาก ดวงอาทติ ย์ แตด่ วงอาทติ ยม์ นั กม็ ไิ ดม้ อี ยเู่ พอ่ื คน เหลา่ นี้ คนเหลา่ นเ้ี ปน็ ผลพลอยไดจ้ ากการมขี อง ดวงอาทิตย์ ๕๕

นี่พระพุทธเจ้าก็เหมือนกันอีก เพราะ ท่านมีพระพุทธเจ้า ท่านจึงเกิดบุคคลชนิดท่ี คล้ายๆ กับท่านคือดับทุกข์ได้ ดับทุกข์ได้ ดับ ทุกข์ได้ เพมิ่ ขนึ้ เพ่ิมข้ึน ตามมากตามน้อย แม้ จะไมเ่ ปน็ พระอรหนั ตแ์ ตก่ ย็ งั เปน็ ผทู้ มี่ คี วามทกุ ข์ น้อยพอสมควร ดวงอาทิตย์คือพระพุทธองค์มี อยู่เพื่อเป็นดวงประทีปของโลก ทีนี้สาวกท้ัง หลายของท่านก็เป็นดวงประทีปดวงน้อยๆ นอ้ ยๆ เหมอื นกบั ดวงดาวทงั้ หลายอะไรกต็ าม แลว้ แตช่ นดิ มนั เปน็ ดวงนอ้ ยๆ ลงไป ถา้ เราไม่ เห็นแก่ตัว เราควรจะคิดว่า เราก็ควรจะเป็น ดวงประทีปที่เป็นบริวารของพระพุทธเจ้านี่ดี กวา่ ถา้ ทำ� ไมไ่ ดก้ เ็ ปน็ คนธรรมดาไป แตใ่ หเ้ ปน็ คนธรรมดาทม่ี นั มแี สงสวา่ ง มคี วามเปน็ พทุ ธ- บริษัท ผู้รู้ ผตู้ นื่ ผู้เบิกบานน่ันเอง ถ้าไมท่ �ำตน เป็นบริวารพระพุทธเจ้าในแง่ของดวงประทีป ๕๖

ก็เป็นดวงประทีปที่เต็มท่ีถึงท่ีสุด ก็ไปเป็นดวง ประทีปน้อยๆ อยู่ข้างเคียงกันในบรรดาสัตว์ที่ เขายังมีปัญหา มที ุกข์ มรี ้อนมอี ะไร กเ็ ห็นกันอยู่ แล้วว่าไปครองเรือนกันเป็นฆราวาสน้ันจะต้อง ท�ำอะไร แต่ถึงอย่างไรมันก็หลีกรัศมีหรือบารมี อะไรของพระพุทธเจ้าไปไม่พ้น แสงสว่างแห่ง ธรรมของพระพุทธเจ้าจะส่องไปในที่ทุกหนทุก แห่ง แม้ในครอบครัวที่ยากจนที่สุด ฉะนั้นก็ช่วยกันท�ำให้ผลพลอยได้อันนี้ มนั มไี ดง้ ่ายๆ มไี ดม้ ากๆ มไี ด้เร็วๆ กแ็ ลว้ กนั ผม จึงเอาเร่ืองนี้มาพูด ให้ท่านท่ีเป็นราชภัฏผู้ลา บวชท้ังหลายสังเกตดูให้ดี ให้การบวชของตน มีผลพลอยได้ที่น่าช่ืนใจคือสูงสุดและมหาศาล การบรรยายในวนั นี้ก็ยตุ ิเพยี งไว้เท่าน.้ี ๕๗

การบวชทปี่ ระสบความสำเรจ็ มีผลพลอยไดท ำใหผ ูอ น่ื พลอยรู ทำใหผูอื่นพลอยชืน่ ชม ทำใหผ อู ืน่ พลอยไดรบั ประโยชน ผลพลอยไดน ม้ี นั ไดจ ากการมีอยูของสิง่ ที่ควรจะมีอยู ไดจากการกระทำของผูท่กี ระทำ ท่คี วรกระทำ ไดจ ากผลของการกระทำสำเร็จนน้ั ของใครเลา ของผรู ู ผูตน่ื ผเู บกิ บาน สมทบพมิ พ ๘ บาท