Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมะทำไม

ธรรมะทำไม

Description: ธรรมะทำไม

Search

Read the Text Version

ร่วมเป็นเจ้าภาพ พมิ พ์ธรรมะเล่มนอ้ ยได้ท่ี หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปญั โญ โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๐๐

รายชื่อหนังสอื ธรรมะเลม่ นอ้ ย ๑๒ เลม่ สำ� หรบั ปี ๒๕๕๕ ประกอบด้วย ๑. การมีอายุครบรอบปี...เป็นเช่นน้ันเอง ๒. สิ่งท่ีเป็นคู่ชีวิต ๓. มาฆบูชา วันน้ีเป็นการกระท�ำเพ่ือบูชาพระอรหันต์ ๔. ความถกู ต้องของการศึกษา ๕. ความหมายและคุณค่าของ ค�ำว่า “ล้ออายุ” ๖. การท�ำงานน้ันคือการปฏิบัติธรรม ๗. เศรษฐศาสตร์ของชาวพุทธ ๘. พระธรรมในทุกแง่ทุกมุม ๙. มอื ขวาทำ� บญุ อยา่ ใหม้ อื ซา้ ยรู้ ๑๐. ปวารณา คอื เครอ่ื งหมาย แหง่ คนดี ๑๑. ประโยชนข์ องความกตญั ญู ๑๒. ภมู ติ า่ งๆ และ แนวครองชวี ิต ๑๒ เล่ม ส�ำหรับปี ๒๕๕๖ ประกอบดว้ ย ๑. ธรรมะเผดจ็ การ ๒. ความเป็นไปของจิต ๓. ความเขา้ ใจถกู เก่ียวกับศาสนา ๔. พุทธบริษัทไม่ต้องใช้ยาระงับประสาท ๕. ธรรมท่ีลูกของพระพุทธเจ้าควรปฏิบัติ ๖. การบวช คือการบังคับตัวเอง ๗. โทษท่ีเกิดเพราะไม่มีวินัย ๘. อย่าง นั้นเอง ๙. มะพร้าวนาฬิเกร์ ๑๐. ชีวิตโวหาร ๑๑. สติ ๑๒. สันทิฏฐโิ ก ๑๒ เลม่ สำ� หรบั ปี ๒๕๕๗ ประกอบด้วย ๑. ธรรมะทำ� ไมกนั ๒. แผน่ ดนิ รองรบั รา่ งกาย ธรรมะรองรบั จติ ใจ ๓. สง่ิ ทเี่ รยี กวา่ กเิ ลส ๔. ธรรมคอื สง่ิ จำ� เปน็ แกม่ นษุ ยส์ ำ� หรบั ปอ้ งกนั และแกไ้ ข ๕. สงิ่ ซง่ึ เปน็ อปุ กรณแ์ กก่ ารเลกิ อายุ ๖. ทกุ สง่ิ อยเู่ หนอื ปญั หา ๗. รจู้ กั ธรรมะใหถ้ งึ ทส่ี ดุ ๘. เขา้ ใจพทุ ธศาสนาใหถ้ กู ตอ้ ง ๙. หลักธรรมท่ีทุกคนควรทราบ ๑๐. ธรรมที่เป็นเคร่ืองมือ การเดินทาง ๑๑. ผลพลอยได้ที่เน่ืองถึงกันและกันในโลก ๑๒. ธรรมะคือหน้าท่ี

ธรรมะ ทำ�ไมกนั โดย พุทธทาสภิกขุ ลำ� ดบั ที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ www.bia.or.th

อบรมพระนวกะปีพ.ศ. ๒๕๒๓ วนั ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๒๓ ผ้ถู อดคำ� บรรยาย คณุ ชุณหเกตมุ ์ กาญจนกิจสกลุ

ธรรมะ ทำ�ไมกนั …ในระดับคนท่ัวไปเขาไม่ถืออย่างน้ัน สงู สดุ ระดบั พระอรหนั ต์ เขาถอื วา่ มนั มนั พา่ ย แพ้แก่กิเลส แก่ความรู้สึกทางเพศเต็มร้อย เปอร์เซ็นต์ เขาเห็นว่ามันยังพ่ายแพ้ คือตาม ความรสู้ กึ มนั กข็ ยะแขยง ถา้ มคี วามรสู้ กึ กต็ อ้ ง ไปสนองตามความรู้สึก เรียกว่ามันน่า ขยะแขยง น่ียกตัวอย่างให้ฟังว่า ธรรมะที่จะมี สำ� หรบั แกป้ ญั หานน่ั มนั กเ็ ปน็ ชนั้ ๆ อยา่ งนี้ เรา ๑

จะพูดกันในช้ันไหน มันก็มีทางท่ีจะพูดได้ ที่ จะพูดถึงเร่ืองชั้นเป็นพระอรหันต์กันเสียเลย มันก็ได้ มันพดู ก็ได้ หรือมันเรยี นก็ศึกษาอาจ จะเข้าใจ แต่มันอาจจะไม่ได้ใช้เลย ไม่ได้เอา ไปปฏิบตั ิ หรอื ใหเ้ ปน็ ประโยชนไ์ ด้เลย คอื มนั สูงเกินไปส�ำหรับคนท่ีจะไปเป็นชาวบ้านตาม ธรรมดา ถา้ ผทู้ ่ีตอ้ งการจะไปใช้เร่อื ยๆ จนถึง ที่สดุ ของธรรมะมนั กเ็ ปน็ เรือ่ งธรรมดา ทตี่ ้อง ศึกษากันจนถึงอย่างง้ัน คือจิตจะไม่ถูกกิเลส ชนิดนี้บีบค้ันได้อกี ตอ่ ไป จิตจะไม่บังคบั ให้ไป ไอ้กิเลสน้ันจะบังคับให้ไปแสวงหากามารมณ์ บรโิ ภคกามารมณ์น้ี มนั ไม่มอี ีกต่อไป แตถ่ า้ วา่ เรายงั เปน็ คนธรรมดาอยู่ กศ็ กึ ษา ไปในทางที่ว่าไปหามันอย่างไร จึงจะไม่เป็น ทกุ ข์ หรอื จะเอามาบริโภค กามารมณน์ ั้นน่ะ ๒

จะบริโภคอยู่อย่างไร จงึ จะไมถ่ ึงกบั ทเี่ รยี กวา่ เป็นทุกข์ ทุกข์อย่างธรรมดาๆ น่ี ทุกข์อย่าง ละเอยี ด อยา่ งประณตี อยา่ งสงู สดุ มนั คงเป็น ไปไม่ได้ เพราะเขามมี าตรฐานว่า ถา้ มนั พา่ ย แพแ้ กค่ วามรสู้ กึ ทางอายตนะนแ้ี ลว้ กเ็ รยี กวา่ แย่ ถกู บีบค้นั หรอื ทนทุกข์ ฉะนน้ั เราควรจะ ทำ� ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั เรอ่ื งนกี้ นั บา้ ง คอื วา่ จะ ศกึ ษาธรรมะกันเพยี งระดับไหน แต่ผมก็อยากจะพูดในขั้นต้นท่ีสุด หรือ วา่ เป็นเร่ืองแรกทีส่ ุด กค็ อื ว่า ขอให้ทุกคนน่ีรู้ ว่าท�ำไมเราจะต้องมายุ่งกับธรรมะ คือว่ามัน เป็นสอง สองขยักอยู่ก็ได้ ต้อง นี่คือต้องมี ธรรมะ ไม่มีไม่ได้ น่ีมันเป็นธรรมะชนิดไหน พวกไหน ระดบั ไหน เหน็ อกี ทีวา่ ควร ไอค้ วร ๓

มีธรรมะ น่ีคือชนิดไหน ระดับไหนที่เรียกว่า ควร ระดบั ไหนท่เี รียกว่าต้อง ไอ้ระดับทเ่ี รียก วา่ ตอ้ งหมายความวา่ ถา้ เกดิ ไมม่ กี แ็ ลว้ มนั มนั เป็นทุกข์อย่างน่าเกลียดน่าชัง หรือว่าอย่าง เสียชาติเกิดไปเลย ถ้าอย่างน้ีก็ต้องใช้ค�ำว่า ต้อง ต้องมธี รรมะชนดิ นั้น ทนี ี้เม่อื มแี ลว้ พอ สมควรแลว้ อยสู่ ขุ สบายแลว้ มนั ยงั จะมเี ลอ่ื น ขน้ึ ไปวา่ ควรจะมธี รรมะระดบั ไหนอกี นน่ั มนั กจ็ ะเลอื่ นขนึ้ ไปถงึ หลดุ พน้ เปน็ โลกตุ ตระหลดุ พ้น บรรลมุ รรคผลนพิ พานไปเลย นี่เรามองดูให้ดีว่า มนุษย์นี่มันมีอยู่สอง ขยัก คือไม่ต้องทนทุกข์อย่างเจ็บปวด อยู่ สบาย น้ีช้ันหน่ึงต้องท�ำให้ได้ ถึงแม้อย่างนั้น แล้วมันก็ยังไม่ดับทุกข์สิ้นเชิง มันก็ท�ำอีกข้ัน หน่งึ สงู ขน้ึ ไปจนหมดปัญหาของมนุษย์ ๔

บางทีเราก็ใช้ค�ำว่า “รอด” ในรอดนี้ก็มี สองขยัก รอดชีวิต มนุษย์จะต้องรู้จักท�ำให้ รอดชีวิตอยไู่ ด้ เปน็ ธรรมะเหมอื นกัน ธรรมะ พื้นฐาน ธรรมะตามธรรมชาติ ธรรมะทั่วไปท่ี ต้องประพฤติเพ่ือให้รอดชีวิตอยู่ได้ ไม่ถูกฆ่า ตาย ไม่เป็นอะไรตาย กระท่ังว่ามีธรรมะใน การกิน การอยู่ การบริหารกาย นี้ก็เรียกว่า ธรรมะเหมอื นกนั นะ นธี่ รรมะขนั้ ทใี่ หร้ อดชวี ติ อยไู่ ด้ ไปศกึ ษาดใู หด้ ี มธี รรมะขน้ั ทใี่ หร้ อดชวี ติ อย่ไู ด้ ทนี เ้ี มอื่ รอดชวี ติ อยไู่ ดแ้ ลว้ ยงั จะตอ้ งรอด จากอะไรอีก น่ีคือธรรมะแท้ ตัวธรรมะแท้ เพียงแค่รอดชีวิตอยู่ได้นี่มันไม่ต้องของพุทธ- ศาสนาก็ได้ ของวิชาความร้ทู วั่ ไปกไ็ ด้ หรือว่า ลัทธิอื่นมันก็มี เพียงรอดชีวิตอยู่ได้ แต่เมื่อมี ๕

ชีวิตรอดอยู่ได้แล้วจะต้องรอดจากอะไรอีก เรียกว่า รอดจากการบีบค้ันของกิเลส รอด จากการบบี คน้ั ของอารมณผ์ กู มดั ทม่ิ แทง หมุ้ ห่อของกิเลส นีค่ อื รอดทีเ่ ราเรยี กกนั วา่ วิมตุ ติ วิโมกข์ หลุดพ้น ไป ไปนพิ พาน คอื รอดชัน้ นี้ มนั เปน็ สองรอดอยอู่ ยา่ งนี้ ไปศกึ ษาใหช้ ดั เจน อย่าให้มันปนกันยงุ่ จน จนไม่รู้อะไรเปน็ อะไร มนั ปนกันยงุ่ ค�ำว่าธรรมะในลักษณะอย่างนี้มันหมาย ถงึ ไอ้ธรรมะตามธรรมชาติ ของธรรมชาติ ไม่ ตอ้ งตดิ ปา้ ยวา่ พทุ ธศาสนา ครสิ ตศ์ าสนา หรอื อะไร คือว่าปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎของ ธรรมชาติก็รอดชีวิตอยู่ได้ในตอนนี้ ทีนี้กิเลส บบี คน้ั ขม่ ข่ี กกั ขงั ผกู มดั กต็ อ้ งตอ่ สใู้ หถ้ กู ตอ้ ง ตามธรรมชาติอีกเหมือนกัน ท่ีแท้มันตาม ๖

ธรรมชาติ ตามกฎของธรรมชาติ คือหลดุ พ้น จากอำ� นาจของกเิ ลสไปได้ นม่ี นั เปน็ ชนั้ ทย่ี าก ชนั้ ทีล่ ึก แลว้ ที่เรามาตดิ ฉลากว่าพุทธศาสนา ทส่ี งู สดุ หรอื ไมม่ ใี ครเทา่ ไมม่ ใี ครเหมอื น ทจ่ี รงิ มันก็เป็นความจริงของธรรมชาติ ถ้าเราพยายามศึกษากันไปในแง่ว่ามัน เปน็ ความจรงิ ของธรรมชาตินี่ จะรูจ้ ริงยิง่ กว่า ที่จะให้มันเป็นพุทธศาสนาหรือศาสนานั้น ศาสนานี้ ผมยงั คดิ คดิ อยา่ งอสิ ระตามความคดิ ของ ตัวว่าในอนาคตน่ีคงจะไม่มีค�ำว่าพุทธศาสนา หรือครสิ ตศ์ าสนา หรือศาสนาอะไรก็ตาม มัน อาจจะไม่มีใครสนใจ จะเหลืออยู่เป็น วทิ ยาศาสตรท์ างจติ ใจ เรยี กวา่ ความจรงิ ของ ธรรมชาติ มนุษย์จะสนใจในฐานะเป็นของ ๗

ความจริงของธรรมชาติ แม้เป็นเรื่องท�ำให้ กิเลสหมดไปก็ยังเรียกเป็นเรื่องความจริงของ ธรรมชาติ ท่ีมันจะรับได้ทั้งโลก ผู้มีปัญญา ปญั ญาชนทง้ั หลาย ทกุ พวกทกุ หมเู่ หลา่ ไมว่ า่ จะเปน็ เกิดท่ไี หน ไม่วา่ เขาจะถือศาสนาอะไร อยู่โดยก�ำเนิดน้ันน่ะ ในที่สุดก็จะมาหาไอ้อัน น้ี ตรงกัน ร่วมกันได้ท้ังโลก ความจริงของ ธรรมชาติวา่ ท�ำอยา่ งไร กิเลสบีบค้นั ไมไ่ ด้ เด๋ียวน้ีเราศึกษากันในฐานะเป็นของ บัญญัติ แต่งตั้ง มีขอบเขต และก็จ�ำเพาะ จำ� กดั หรอื ขนึ้ อยกู่ บั ยงั ขนึ้ อยกู่ บั พทุ ธศาสนา พูดอย่างน้ีเป็นพุทธศาสนา ขอสงวนลิขสิทธ์ิ ว่าอย่างน้ีต้องเป็นพุทธศาสนา ต่อไปจะไม่มี ใครเอาดว้ ย ตอ้ งพดู ออกไปในฐานะวา่ มนั เปน็ ความจรงิ ของธรรมชาตสิ ำ� หรบั มนษุ ยท์ กุ คน ๘

นี่หมายความว่าในอนาคตน่ี การศึกษา มนั เปน็ อสิ ระ มนั กา้ วหนา้ มนั เขา้ ถงึ ความจรงิ มันมีวิธีเข้าถึงความจริงอะไรอย่างอิสระ มัน จะไปรูปนี้ และท่ีจริงพระพุทธเจ้าท่านก็ ประสงคอ์ ยา่ งนน้ั นะ ทา่ นไมป่ ระสงคจ์ ะสงวน สทิ ธคิ ำ� สอนนเี้ รยี กวา่ ของฉนั เปน็ ระบบนข้ี อง พทุ ธศาสนา อย่างทเ่ี รียกกันวา่ มี authority ท่ีจะผูกขาดว่าอย่างนี้เป็นพุทธ อย่างน้ีเป็น ครสิ ต์ อย่างน้เี ปน็ อิสลาม ตอ่ ไปมันจะมีไม่ได้ ต้องปรับตัวเข้าเป็นความจริงของธรรมชาติ สำ� หรบั มนษุ ย์กนั ไปหมด เพราะถ้าทำ� อยา่ งนี้ แล้วบุคคลจะไม่มีความทุกข์แน่นอน เห็นได้ อยู่และไม่ต้องเชื่อใคร น่ีเล่ือนขึ้นไป ถ้าท�ำ อยา่ งนแี้ ลว้ สงั คมจะอยเู่ ปน็ ผาสกุ แนน่ อน หรอื ว่าเลื่อนขึ้นไปอีก ท้ังโลกมันจะอยู่กันเป็น ๙

ผาสุกแน่นอน และมันยังเลื่อนขึ้นไปเป็นเรื่องส่วนตัว ไมใ่ ชร่ ะดบั โลกอยา่ งนี้ เปน็ เรอ่ื งสว่ นตวั ทางจติ ทางวิญญาณว่า ถ้ามนุษย์ขึ้นมาถึงนี่แล้ว ไอ้ กิเลสอันละเอียดของมนุษย์จะบีบค้ันไม่ได้ เชน่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทมี่ นั บบี ค้นั บีบค้ันไม่ได้ คือหมดเลย เดยี๋ วน้ีเรยี กวา่ เราอยู่กันอย่างผาสุก แต่อย่างธรรมดา ไอ้ กเิ ลสยงั บบี คนั้ ได้ เวลาเจบ็ ไขข้ น้ึ มากเ็ ปน็ ทกุ ข์ เวลาจะตายก็เป็นทุกข์ อันนี้เขาก็เรียกว่า ดแี ลว้ ถกู แลว้ สำ� หรบั ระดบั ทวั่ ไป แตถ่ า้ ระดบั แท้จริงก็ไปไกลถึงว่าไม่รู้จักทุกข์ จะมีความ เกดิ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย กไ็ มร่ ู้จัก ทุกข์ จะมีความวิบัติเปล่ียนแปลง อะไรเลว รา้ ยทส่ี ุดในโลก ก็ไมม่ คี วามทุกข์ ๑๐

คนสมัยนี้อาจจะเห็นว่าเกินไปแล้ว เกิน ไปแลว้ ตง้ั ใจแตจ่ ะเหน็ วา่ เกนิ ไปเสยี แลว้ กอ็ ยา่ เอามันสิ แต่เดี๋ยวน้ีมนุษย์ท่ีเขาค้นคว้าใน ระดับพระศาสดา เขาเห็นว่านี่คือจุด จุดที่ ต้องการ คือเราจะอยู่ในโลกนี้ชนิดที่ไม่มี ปญั หา ในชวี ติ นม้ี ันจะเกิด จะแก่ จะเจ็บ จะ ตาย จะเผชิญน่ันเผชิญนี่ พลัดพรากจากนั่น จากน่ี ซง่ึ เขาเปน็ ทกุ ขก์ นั น่ี เราไมต่ อ้ งเปน็ ทกุ ข์ ไม่มีกิเลสอันไหนไสหัวให้ไปเสพกามารมณ์ ไม่มีกิเลสอันไหนท�ำให้โกรธชัง ไม่มีกิเลสอัน ไหนท�ำให้มันค้นคว้าในความสงสัยไม่มีท่ีสิ้น สุด น่ีเรียกว่าหมดโลภะ โทสะ โมหะ หมด ราคะ โทสะ โมหะ ถ้าในอนาคตมนุษย์ไม่ต้องการ มันก็จะ ไปโทษธรรมะไม่ได้ ธรรมะต้องมีอยู่อย่างน้ัน ๑๑

เมอื่ มนษุ ยย์ งั ตอ้ งการจะไปเสพกามารมณก์ ไ็ ป สิ ก็ไมม่ ใี ครวา่ แต่รูจ้ ักท�ำอยา่ ใหม้ นั เกดิ ความ ทกุ ขข์ นึ้ มาเพราะกามารมณก์ ไ็ ดเ้ หมอื นกนั แต่ พระอรยิ เจา้ ชน้ั สงู สดุ ทา่ นไมป่ ระสงคอ์ ยา่ งนนั้ เพราะไม่ประสงค์จะมีกิเลสไหนไสหัวไปหา กามารมณ์ น่ีเขาเรียกความหลุดพ้น วิมุตติ หลดุ พน้ มันคืออยา่ งนี้ ดังน้ันคุณไปใคร่ครวญดู จะเอาหรือไม่ เอาไอ้ธรรมะระดับน้ี หรอื ว่าจะเอาแต่เพียงรู้ ไวก้ ็ได้ ไม่ต้องปฏบิ ัติ ไมต่ อ้ งประพฤติ เอาแต่ เพียงว่าไม่ทุกข์เมื่ออยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย ปญั หา เตม็ ไปดว้ ยไอค้ วามเลวรา้ ยอยา่ งในโลก นี้ กอ็ ยไู่ ด้อยา่ งไม่เปน็ ทุกข์ กพ็ อ กไ็ ด้เหมอื น กนั คือไมต่ ้องหมดกเิ ลสนะ เพราะว่าไอ้หมด กิเลสน่ะมันดีเกินไป สูงเกินไปส�ำหรับเรา น่ี ๑๒

คณุ จะตอ้ งแนใ่ จกนั เสยี กอ่ นวา่ จะเอากนั ระดบั ไหน ที่จริงมันก็เร่ืองเดียวกัน ถ้ามันยังต้องมี ความทกุ ขเ์ พราะความเปลย่ี นแปลงในโลก มนั กอ็ ย่างนน้ั เพราะมนั ยังมกี ิเลส เอาแต่เพยี งว่า พอทนได้ พอใจแลว้ อย่างน้กี ต็ ามใจ เราพูดกัน เราพูดกันหมดเลย พูดกันว่า ในพทุ ธศาสนามอี ยเู่ ทา่ ไร พน้ ทกุ ขก์ นั ถงึ ขนาด ไหน เรามาศกึ ษาเอามาพดู กนั หมดเลย ดงั นน้ั มันจะมีส่วนหนึ่งหรือบางส่วนที่มันไม่มีใคร ตอ้ งการ ไมเ่ ข้าใจ แล้วก็หวั เราะเยาะ น้นั คุณ พยายามศึกษา จับให้มันได้ว่ามันมี มันมี ปัญหาอย่างไรส�ำหรับเรา หรือส�ำหรับมนุษย์ ท้ังหมด หรือส�ำหรับเราด้วย มันมีปัญหา อยา่ งไร ถา้ ไม่มีปญั หา ไม่มปี ัญหาเปน็ ท่พี อใจ ๑๓

แลว้ ก็ ก็ไมต่ ้อง ไมต่ อ้ งมาศึกษาธรรมะใหม้ นั เสยี เวลา ปว่ ยการเปลา่ ๆ ถา้ ไมม่ ีปญั หา ถ้ามี ปัญหามันก็ต้องมีปัญหาจริงๆ อย่าให้เป็น ปัญหาสมมติ เช่นว่า บวชตามธรรมเนียม ประเพณีเผ่ือเข้ามาศึกษาดูว่ามันจะเป็น ประโยชน์ไหม นี่สมมติปัญหาสมมติ ก็ได้ เหมือนกันแต่ประโยชน์มันน้อย และมันยาก ท่จี ะพบตัวของศาสนา นน้ั ถ้าจะใหม้ ันจริงกม็ ี ปญั หา ปญั หาน้นั เป็นทช่ี ัดเจนแจ่มแจ้งแกเ่ รา แล้วตั้งแตก่ ่อนบวชจงึ เข้ามาบวช มันมีปัญหา ท่ีเราไมช่ อบ เกลียดชงั อยากจะท�ำลาย บวช เข้ามาเพื่อศึกษาเพ่ือท�ำลายปัญหาเหล่านั้น เสยี ตรงนก้ี อ็ ยากจะบอกแทรกออกไปหนอ่ ย วา่ ไอท้ ม่ี ตี วั จรงิ ในความรสู้ กึ ตอ้ งมองเหน็ และ ท�ำลายเสีย อย่างนี้เขาไม่ใช่เรียกว่าปรัชญา ๑๔

ตอ้ งเรียกมนั วา่ วิทยาศาสตร์ ธ ร ร ม ะ ท่ี ดั บ ทุ ก ข ์ ไ ด ้ จ ริ ง ต ้ อ ง เ ป ็ น วิทยาศาสตร์ ถ้าเป็นปรัชญามันจะได้แต่ ประมาณ คะเน ค�ำนวณ ไม่มีของจริงมีแต่ สมมติฐาน สมมติฐานว่าเราเป็นทุกข์ ว่าเรา คงจะเปน็ ทกุ ข์ หรือวา่ อยา่ งน้ตี อ้ งเรียกวา่ เรา เป็นทุกข์ มันมีสมมติฐานอย่างนี้ ถ้าต้ังต้น อย่างนี้แล้วหาทางค�ำนวณต่อไปว่าคงจะดับ มนั ไดอ้ ยา่ งไร อยา่ งนน้ั เปน็ ปรชั ญาหมดแหละ ไมเ่ ปน็ พทุ ธศาสนา และจะไมม่ ปี ระโยชนอ์ ะไร ด้วย เอาไปท�ำเป็นปรัชญาเสีย ดังน้ันความ ทุกข์ของเราต้องไม่ใช่สมมติฐาน ไม่ใช่ท่ีเรียก วา่ hypothesis ไมใ่ ชไ่ ออ้ นั นน้ั มนั ตอ้ งมคี วาม ทุกข์ท่ีปรากฏอยู่กับเรา แผดเผาเราอยู่จริงๆ ตัง้ แต่เราเลก็ ๆ มา เราไม่คอ่ ยร้จู กั มัน แต่เรา ๑๕

รสู้ กึ ไดว้ า่ มนั มี มนั เคยมี และมนั ไดม้ เี รอื่ ยๆ มา จนกระทั่งวันนี้ มันมีความทุกข์อยู่จริง ไอ้ ความรูส้ ึกท่เี ป็นทกุ ข์อยจู่ รงิ นไี่ มใ่ ชส่ มมติ มนั ไม่ต้องสมมติ มันสมมติไม่ได้เพราะมันเป็น ทกุ ขอ์ ยจู่ รงิ นเ่ี อาตวั จรงิ เอาเขา้ มาวางลงแลว้ กด็ ู ดู ดู ไมต่ ้องคำ� นวณ ไมต่ ้องค�ำนวณ ดู ดู ด้วยปัญญา ดูด้วยตาส�ำหรับดู เห็นเหตุมัน อยา่ งนน้ั เหน็ ทางดบั มนั อยา่ งนนั้ แลว้ กป็ ฏบิ ตั ิ ดับได้จรงิ นเ่ี ลยเปน็ วทิ ยาศาสตร์ นั้นถ้าจะช่วยกันเผยแผ่ธรรมะต่อไปแก่ ชาวต่างประเทศละก็ พยายามบอกเขาให้ อธิบายให้เขาเห็นชัดว่าพุทธศาสนา หรือ ธรรมะในพุทธศาสนาที่แท้จริงแล้วมันเป็น ลักษณะวิทยาศาสตร์ มีวิธีการอย่าง วิทยาศาสตร์ จะต้องกระท�ำกับมันอย่าง ๑๖

วิทยาศาสตร์ อย่าเอาไปท�ำให้เป็นปรัชญา อย่างที่เขาชอบกันนัก แล้วท�ำเป็นปรัชญา เพ้อเจ้อไปเลย เพราะฉะน้ันหนังสือท่ีช่ือว่า พุทธปรชั ญามันจึงมีมาก ฝรั่งกเ็ ขยี นมาก ชาว อนิ เดียก็เขยี นมาก แลว้ ไมส่ ำ� เร็จประโยชน์ ดู เหอะมันจะไมส่ ำ� เร็จประโยชน์ถ้าเอาไปทำ� ใน รปู ของปรัชญา มนั ดับทุกข์ไมไ่ ด้ ถา้ มนั ให้ทำ� ไปอย่างสมมติฐาน แล้วก็ค�ำนึง ค�ำนวณ อนุมานกนั เรอ่ื ยไป แลว้ ยุติลงวา่ อย่างนน้ั ด้วย ความพอใจ มนั ก็ดับทุกขไ์ ม่ได้ เพราะฉะน้ันเราจะต้องรู้เห็นว่ามันเป็น วทิ ยาศาสตร์ ถา้ เรามโี อกาสจะพดู กบั ชาวตา่ ง ประเทศหรือเพ่ือนร่วมโลกท่ีมันจะอยากจะรู้ พทุ ธศาสนากบ็ อกเขาไปเลยได้ เพราะเดย๋ี ว น้ีเขาชอบปรัชญากันนัก และถ้าคุณเรียนมา ๑๗

แบบนนั้ คณุ กจ็ ะตอ้ งรจู้ กั พทุ ธศาสนาแตใ่ นแง่ ปรชั ญาเหมอื นกนั พดู ได้ ไอธ้ รรมะทง้ั หมดเอา ไปพดู ใหเ้ ปน็ ปรชั ญาไดส้ ำ� หรบั คนทย่ี งั ไม.่ .. ไม่ เหน็ ธรรมะยงั ไมร่ จู้ กั ธรรมะ มนั กต็ อ้ งพดู อยา่ ง ปรัชญากันไปก่อนน่ะ เช่นเราเรียนธรรมะน่ี เรียนในรูปปรัชญากันไปก่อน เพราะเราไม่รู้ จะเรยี นอยา่ งไร ตอ่ เมอื่ เราไปถงึ ตวั จรงิ มนั เขา้ จับตัวความทุกข์ได้จริง เอามาช�ำแหละ ท�ำลายไปได้นี่มันจะเป็นวิทยาศาสตร์ข้ึนมา เพราะฉะนัน้ ถา้ จะเอาประโยชนก์ นั เดย๋ี วนี้ละ ก็รีบจับตัวความทุกข์น้ันให้ได้ มันปรากฏ ต้ังแต่เราเกิดมา ตั้งแต่เด็กจ�ำความได้มา แต่ เรากไ็ มส่ นใจทจ่ี ะรมู้ นั กป็ ลอ่ ยมาตามธรรมดา ธรรมชาติไม่ได้สนใจที่จะรู้ทุกข์ รู้เหตุให้เกิด ทุกข์ รู้ความดับทุกข์ มันไม่มีความรู้นะ แต่ ๑๘

เด๋ียวนี้เมื่อเราอยากจะรู้ขึ้นมา เราก็ไปกวาด มาดูได้ จนกระทั่งวันน้ีน่ะมันมีความทุกข์ อยา่ งไร จะเห็นได้ว่ามัน มันควรจะศึกษาจน ปฏิบัติได้ จนท�ำลายมันหมดได้ แล้วมันจะมี ประโยชน์อย่างย่ิงแล้วก็เอาสิ ถ้าต้องการจะ ดับทุกขใ์ ห้ได้ตอ้ งท�ำกบั มันอยา่ งนี้ ไมใ่ ชเ่ รียน ท่องจ�ำ อย่างท่องจ�ำ แล้วก็ไม่ใช่เรียนอย่าง ค�ำนวณ อย่างเรียนปรัชญาก็ไม่ใช่อย่างนั้น ต้องเรียนเหมือนกับว่ามนุษย์รู้จักท�ำอะไรใน ทางวัตถุ ในทางวัตถุเรารู้จักท�ำอะไรบ้างจน เกิดมอี ะไรขึ้นมาเยอะแยะ ซ่งึ ในทางจติ ใจใน ทางนามธรรมก็เหมือนกัน เราจะตอ้ งรูจ้ ักท�ำ อะไรใหม้ นั ปรากฏออกมา ใหม้ คี า่ มาก เปน็ วธิ ี จะมชี วี ติ อยอู่ ยา่ งดที สี่ ดุ อยา่ งทไ่ี มม่ คี วามทกุ ข์ ๑๙

หรือเป็นทุกข์ได้ยาก คือมีชีวิตอยู่ในจิตใจที่ เกลี้ยงจากกิเลส เกล้ียงจากความทุกข์อยู่ ตลอดเวลา จะเรยี กวา่ ปกตกิ ถ็ กู เหมอื นกนั เรา จะมีชีวิตอยู่ด้วยจิตที่ปกติ จะวิปริต เปลยี่ นแปลงอยา่ งไรกไ็ มไ่ ด้ คอื มนั ไมเ่ ปน็ ทกุ ข์ ก็เท่านัน่ เอง บางทีกใ็ ช้คำ� ว่าอิสระ (free) ท่สี ดุ จะมี ชวี ติ อยดู่ ว้ ยจติ ทอ่ี สิ ระทส่ี ดุ มนั กไ็ ดเ้ หมอื นกนั ความหมายมันเดียวกันแม้แต่ค�ำพูดจะคนละ อยา่ ง จติ ทป่ี กตทิ สี่ ดุ กค็ อื จติ ทอี่ สิ ระทส่ี ดุ ถา้ ไม่ อสิ ระมนั ปกตไิ มไ่ ด้ ถกู กระทบกระทง่ั ดว้ ยโลภ ะ โทสะ โมหะเรือ่ ยไป นั้นเรากไ็ มม่ ีจติ ท่ีปกติ และเราก็ไม่มีจิตที่อิสระ และเราก็ต้องเป็น ทกุ ข์แหละ หรอื แมว้ า่ เราจะท�ำการทำ� งานถ้า จติ ของเราไมเ่ ปน็ อสิ ระ ไมป่ กติ ไอก้ ารงานนน้ั ๒๐

ไม่มีทางทจ่ี ะดีได้ คณุ ทำ� งานเป็นอะไรกนั ไอ้ อาชพี มอี าชพี อะไรทำ� การงานอะไร ถา้ คณุ ได้ ท�ำมนั ดว้ ยจติ ท่ปี กตหิ รือจติ ทอ่ี สิ ระจะทำ� ไดด้ ี มาก งานน้ันจะมีผลดีมาก แล้วสนุกและ เปน็ สขุ ดว้ ยในการงานนน้ั เอง นกึ ถงึ เรอื่ งน้ี ถา้ มองเห็นเรื่องนี้และพยายามจะได้เร่ืองนี้ จะ ถกู ตวั พทุ ธศาสนา เปน็ ในลกั ษณะธรรมะทดี่ บั ทุกข์ได้จริง และถ้าเราบวชเข้ามาเพ่ือท่ีจะ แสวงหาอนั นี้ พบอนั น้ี เอาไปใชเ้ ปน็ ประโยชน์ ใหไ้ ดม้ นั กจ็ ะค้มุ ค่า คุ้มคา่ ท่มี าบวชไมไ่ ด้เสย่ี ง ว่าเพ่อื ลองดหู รืออะไร จงต้ังต้นรู้จักไอ้ตัวปัญหาเสียก่อน ให้มี ปัญหาเสียก่อนว่าเรามีความทุกข์อยู่อย่างไร ไม่ใช่ทุกข์เจ็บปวด เหมือนกับถูกแทง ถูกขบ กดั ไมใ่ ชว่ า่ มคี วามทกุ ขท์ ท่ี รมานใจ รบกวนใจ ๒๑

เรยี กวา่ เปน็ ปญั หาในชวี ติ อยา่ งไร สนใจใหม้ าก เก็บมาดูให้หมด ถ้าไม่ชอบต้องการจะแก้จะ ท�ำลายมันน่ีจึงจะศึกษาธรรมะ ถ้าชอบอยู่ อยา่ งนน้ั กไ็ มต่ อ้ งแลว้ ไปอยดู่ ว้ ยกบั ปญั หา อยู่ ด้วยชวี ติ ชนิดนั้นก็ไดไ้ ม่มีใครวา่ แต่นา่ กลวั ว่า จะเป็นโรคประสาทโรคจิตเข้าวันหนึ่งแน่ ถ้า อยู่ด้วยความทรมาน ถ้าเราท�ำอะไรให้มันลง รูปไม่ได้มันก็อยู่ในลักษณะที่ต่อสู้ เครียด กดดนั ทรมาน ไมเ่ ทา่ ไรกต็ อ้ งเปน็ โรคประสาท หรือย่ิงกว่าโรคประสาท ให้มองเห็นให้ชัดไป กอ่ นนะวา่ เราจะตอ้ งการอะไร เราทำ� มนั ทำ� ไม เราจะไดอ้ ะไร ไอศ้ กึ ษาธรรมะนไี่ มบ่ วชกศ็ กึ ษา ได้ แต่ว่าบวชมันสะดวกกว่า คุณอย่าพูดให้ ผิดๆ เหมอื นกบั ที่เขาพูดกันผดิ ๆ ว่าต้องบวช ตอ้ งบวช มนั พดู ตามความคาดคะเนความเดา ๒๒

อะไรของมนั บวชมนั สะดวกนะนน่ั มนั สะดวก กวา่ ง่ายกว่า เร็วกวา่ แตไ่ มบ่ วชก็ท�ำได้และ ต้องท�ำเหมือนกัน ถึงคนที่ไม่บวชมันก็ต้อง ทำ� การศกึ ษา ร้จู ากธรรมะนเ่ี หมือนกนั มนั ก็ ทำ� ไดด้ ว้ ยความยากลำ� บาก กอ็ ยทู่ บี่ า้ นทเ่ี รอื น มันมีอะไรรบกวนมาก ดังน้ันถ้าออกบวชแม้ สักระยะหนึ่งมันก็ท�ำได้ง่ายกว่าศึกษาหรือ ปฏบิ ัติ ไปอ่านเร่ืองในพระบาลีท่ีว่าคนรู้สึก อยา่ งไรจงึ ไดอ้ อกบวช พระพทุ ธเจา้ เองกด็ ี คน บางคนท่ีเป็นสาวกก็ดี มันก็จะมองเห็นอย่าง นี้ทั้งนั้น มองเห็นว่าไอ้หลักการอันน้ีท่ีจะ ปฏิบัติให้ถูกต้องน้ันให้สมบูรณ์ก็ใช้อุปมา เหมอื นสงั ขท์ ข่ี ดั ดแี ลว้ หอยสงั ขท์ ขี่ ดั สวยแลว้ แล้วท�ำกันเต็มที่ ท�ำที่บ้านเรือนไม่ได้ ฉะนั้น ๒๓

เราตอ้ งบวช เราต้องบวช แล้วมันจึงออกบวช เพ่ือจะปฏิบัติตามหลักการน้ีให้ครบถ้วน สมบูรณ์ เขาจึงบวช ที่เรามันไม่ถึงขนาดนั้น เพราะว่าเรายงั มีแผนการทีจ่ ะสึก เราก็ถอื เอา ว่าเข้ามาหาโอกาสศึกษาให้ดีท่ีสุด ให้ได้มาก ทสี่ ดุ ไดเ้ รว็ ทส่ี ดุ บางอยา่ งมนั กจ็ ะยงั คงอยู่ ยงั คงอยเู่ ตม็ แตบ่ างอยา่ งเมอื่ สกึ กลบั ออกไปเปน็ ฆราวาสมนั จะตอ้ งลดลงบา้ ง คอื เหมอื นกบั มนั จะถอยหลงั ลงบา้ ง แตก่ ย็ งั ดมี ปี ระโยชน์ ไดค้ ำ้� ประกันในฆราวาสคนน้ันให้มีความทุกข์น้อย ให้มีความทุกข์น้อย นี่มันจะหวังได้ก็อย่างนี้ แหละสำ� หรบั ผู้ท่ีบวชชว่ั คราว ถา้ ตอ้ งการจะศกึ ษาและปฏบิ ตั ธิ รรมะให้ ดีให้จริงให้เร็วให้เต็มท่ีสักระยะหน่ึงก็คือบวช ถ้าไมส่ กึ กไ็ ม่มปี ญั หากไ็ ปตอ่ ไป ถา้ สึกมนั ก็จะ ๒๔

ตอ้ งมีอะไรเหลืออยู่มาก ถ้าเรารูจ้ ักเขา้ ใจเต็ม ท่ี รจู้ กั เตม็ ที่ ควบคมุ มนั ไดเ้ ตม็ ที่ กส็ ามารถจะ เอาธรรมะนไี่ ปใชเ้ ปน็ ประโยชนเ์ มอื่ สกึ แลว้ ได้ มากทเี ดยี ว นผ่ี มพดู เหมอื นกบั วา่ มนั เปน็ เรอื่ งนำ� เปน็ ค�ำน�ำ เป็นเรื่องน�ำว่ามันจะเกี่ยวข้องกับ ธรรมะกนั ในลกั ษณะอยา่ งไร เปน็ เรอ่ื งทว่ั ๆ ไป ทีก่อน แล้วตอ่ ไปใครคนไหน มีปญั หาเฉพาะ อยา่ งไรก็ค่อยว่ากันไปใหม้ นั ตรงเรือ่ ง ตัวโดย ทั่วไปมันเป็นอย่างน้ี คุณไปมองให้เห็นเสีย ก่อน เพราะมนั ตอ้ งดบั ทุกข์ทีม่ อี ย่จู ริง ของมี อยู่จริง จัดการลงไปจริงๆ อย่างน้ีมันเป็น ระบบวิทยาศาสตร์ ของไมม่ ีอยู่จริงสมมติขน้ึ มาส�ำหรับคิดนึกค�ำนวณอย่างนี้เป็นปรัชญา ดังนั้นใครจะดับทุกข์จริงหรือจะศึกษาเพียง ๒๕

ปรัชญาก็ได้ไมม่ ีใครว่า แต่ฝร่ังหรือนักศึกษาสมัยปัจจุบันนี่เขา ศึกษามันอย่างปรัชญา แล้วก็เอาไปเปรียบ เทียบกนั ยุ่งไปหมด ปรัชญาเกา่ ปรชั ญาใหม่ ปรัชญากรีก ปรัชญาสายนั้นสายนี้ เพ่ือจะ เทยี บกนั ให้มนั ยงุ่ ไปหมดใหม้ ันเสยี เวลา แล้ว กด็ บั ทกุ ขไ์ มไ่ ด้ เพยี งแตพ่ ดู ไดม้ ากสอนอยา่ งมี เกยี รตไิ ด้ โลกสมยั ปจั จบุ นั นมี้ นั ไปเมาปรชั ญา มันก็รู้อะไรสำ� หรบั พูด ก็ดบั ทุกขไ์ มไ่ ด้ ดังนนั้ โลกสมัยปัจจุบันน้ีจึงมีความทุกข์มากข้ึน มนุษย์แต่ละคนควบคุมตัวเองก็ไม่ได้ ดังนั้น ความทุกข์ก็ต้องมากข้ึน ถ้ามันยังมีปัญหา อย่างอ่ืนอีกท่ีทำ� ให้มันมันยากลำ� บากข้ึน นั่น คือความก้าวหน้าทางวัตถุ มันแรงเหลือเกิน ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุยั่วให้ไปเอากับ ๒๖

มัน เรื่องสวย เร่ืองสะดวก เรื่องอร่อย เรื่อง อะไรก�ำหนดไปมากมายหลายอย่าง ความ ก้าวหน้าทางวัตถุ อันน้ีก็เป็นปัญหาอันหนึ่ง เพม่ิ ในมนุษย์ มปี ญั หามากขนึ้ และก็แก้ไขมัน ไดย้ ากขนึ้ ท่ีอยู่อย่างมาตรฐานปัจจุบันนี้มันก็มาก เร่ืองมนั ก็มาก มนั ก็ตอ้ งใช้เงนิ มาก ต้องมีบา้ น อยา่ งนนั้ อย่างนี้ มีรถยนต์อยา่ งนน้ั อยา่ งน้ี มี เครื่องใช้ไม้สอยอย่างน้ันอย่างนี้ มีอะไรอีก มากมายหลายอยา่ ง มนั กต็ อ้ งมปี ญั หามากขน้ึ ต้องล�ำบากมากขึ้น ไม่เหมือนกับสมัยก่อนท่ี เขามสี งิ่ จำ� เปน็ ถ้าจำ� กัดจำ� เป็น เพราะฉะนน้ั การศึกษาธรรมะในยุคปัจจุบันน้ี มันก็ต้อง ศกึ ษามากกว่ายุคโน้น เป็นเพราะมันมปี ัญหา มาก ไอย้ คุ เรามนั มปี ญั หามาก มขี องมายว่ั มา ๒๗

ดึงให้พลดั ตกลงไปในความทกุ ข์มนั มาก น่ันก็ เพราะวา่ มันมีไมพ่ อ เพราะมนั มีธรรมะไมพ่ อ กับความก้าวหน้าทางวัตถุในโลกปัจจุบัน ธรรมะมไี ม่พอ คอื มนุษยไ์ มส่ นใจมีไมพ่ อ โลก ปจั จบุ นั นจ้ี ึงเตม็ ไปด้วยปญั หายุ่งยากลำ� บาก ไอ้ท่ีพวกที่ก้าวหน้าโดยเฉพาะพวกฝร่ัง มันก้าวหน้าจนไม่รู้ว่าจะก้าวหน้าไปไหน ไอ้ ทางวัตถุน่ีมันยังท�ำให้ก้าวหน้าได้อีกมาก แต่ แล้วมันก็ไม่รู้ว่าจะก้าวหน้าไปท่ีไหนเพ่ือ ประโยชน์อะไร จะประดิษฐ์น่ันประดิษฐ์นี่ ประดิษฐ์โน่นขึ้นมาเรื่อย แล้วมันก็ไม่รู้ว่าจะ ไปไหน จะเพ่ืออะไร ในท่ีสุดมันก็เพ่ือไอ้ของ ปจั จบุ นั เพอ่ื เอร็ดอร่อย สนกุ สนาน เทา่ นี้เอง ทมี่ นั ใหม้ นั แปลกออกไปกม็ นั มเี ทา่ นนั้ ถามวา่ จะท�ำไปท�ำไม มันก็ตอบไม่ถูก ต้องใช้ให้ไป ๒๘

ถามคอมพวิ เตอร์ ใหค้ อมพวิ เตอรช์ ว่ ยคดิ แลว้ กว็ า่ บ้ากันเทา่ ไรแลว้ จะทำ� ไปท�ำไมไอเ้ หล่าน้ี ท่ียุ่งยากล�ำบากหมดเปลืองท�ำลายโลก ท�ำลายทรัพยากรในโลก ที่ว่าน�้ำมันในโลกน้ี จะหมดไปอย่าง จะมีปัญหาล่วงหน้าจะใช้ อะไรแทนน้ำ� มนั น้�ำมนั มันถูกขุดข้ึนมาใชเ้ พ่อื ความคิดของมนุษย์ที่ก้าวหน้าทางวัตถุมาก เกินจำ� เปน็ ถ้ามนั หมดต้องคดิ อ่ืนอีก หมดคิด อ่ืนอีก ก็แปลว่ายุ่งไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อไปท�ำให้ มันเกินกว่าที่มันควรจะท�ำ ดังนั้นค�ำว่าพอดี คำ� ว่าพอดี คือธรรมะ คอื พระธรรม อย่างในพุทธศาสนาก็เห็นได้ชัดว่า มชั ฌิมาปฏิปทา คือตัวพุทธศาสนา ถา้ เกนิ ไป เป็นกามสุขัลลิกานุโยค ถ้าขาดไปเป็นอัตตกิ ลมถานุโยค ไม่พอดี ดังนั้นเราอย่าไปเข้า ๒๙

มาตรฐานหรือแฟชั่น ไอ้พวกเกินจะล�ำบาก ระวังใหอ้ ยู่พอดี มคี รอบครัวทม่ี ีการเป็นอยู่ท่ี พอดีและถูกต้องตามกฎของธรรมชาติ มันก็ จะไมม่ ปี ญั หา นกี่ ป็ ญั หาทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ มาก็ ต้องแก้ได้ แก้ใหไ้ ด้ ส่วนปญั หาธรรมชาติ เช่น เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือความวิบัติตาม ธรรมชาติอะไรนั้นก็เป็นเรื่องธรรมชาติสร้าง ขน้ึ มา เรากต็ อ้ งแกไ้ ด้ คณุ อาจจะฟงั ไมถ่ กู กไ็ ด้ เราจะอยู่เหนือความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้ อยา่ งไร คณุ อาจจะฟงั ไมถ่ กู กไ็ ด้ และนนั่ จะไม่ เข้าใจพุทธศาสนา คือว่าเราอยู่เหนือปัญหา ของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มันจะเกิด แก่ เจ็บ ตาย กเ็ กิด แก่ เจบ็ ตายไปสิแต่มันไม่ท�ำอะไร ใหเ้ ปน็ ทกุ ขไ์ ด้ เราอยเู่ หนอื ปญั หาของการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย อยา่ งนเ้ี ขาเรยี กวา่ อยเู่ หนอื ความ ๓๐

ตาย เหนือความเจ็บ ธรรมะท�ำให้อยู่เหนือ ความเกดิ แก่ เจ็บ ตาย ไมเ่ กดิ ไม่แก่ ไมเ่ จ็บ ไม่ตาย คำ� พดู มันพูดอยา่ งนั้น คนอาจจะฟังผิดว่าไปอยู่ท่ีไหนอย่างมี ชวี ติ แล้วไม่ต้องเกดิ แก่ เจบ็ ตาย อยา่ งนั้นนะ่ มันลบิ ไปไกลลบิ แลว้ เปน็ ความเขา้ ใจผิดกัน ลิบแล้ว อยู่ที่นี่ทั้งท่ีร่างกายมันเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ว่าจิตใจมันไม่มีปัญหา มันอยู่เหนือ ปัญหา ความตายไม่ท�ำอะไรให้เราเป็นทุกข์ ความเจบ็ ไมท่ �ำอะไรให้เราเป็นทกุ ข์ ความแก่ ไม่ท�ำให้เราเป็นทุกข์ ก็อยู่เหนือ เหนือเกิด เหนอื แก่ เหนอื เจบ็ เหนอื ตาย ถา้ อะไรยงั ทำ� ให้ เราเป็นทุกข์ได้อยู่ ก็แปลว่าเราไม่ได้อยู่เหนือ น่ันนะ ฉะน้ันไปดูให้ดีๆ อะไรมันท�ำให้เป็น ทุกข์ ต้องอยู่เหนือน้ันให้ได้ ไอ้ธรรมะมีครบ ๓๑

ส�ำหรับอยู่เหนือปัญหาทุกอย่าง มันอยู่แต่ว่า เราน่ีจะพบธรรมะน้ันหรือไม่ จะศึกษาพบ ธรรมะน้ันหรือไม่ เข้าถึงธรรมะนั้นได้หรือไม่ สำ� หรบั จติ ใจทอ่ี ยเู่ หนอื ปญั หาทงั้ หมด เรยี กวา่ จติ ใจปกตกิ ไ็ ด้ จิตใจอิสระก็ได้ แล้วก็เปน็ สุข นอกจากจะเปน็ สขุ แลว้ มนั จะทำ� อะไรไดด้ ดี ว้ ย มันจะท�ำการท�ำงานอะไรได้ดีด้วย เตรียมมี จิตใจชนิดน้กี ันจะถูกเร่อื ง จิตใจที่ไมเ่ ปน็ ทุกข์ จิตใจท่ีท�ำอะไรก็ท�ำได้ดี ที่เราเคยเป็นทุกข์ อยา่ มีอีกเลย เราท�ำงานทอ่ี อฟฟิศ ราชการก็ดี บรษิ ทั กด็ ี อะไรก็ดี ที่มันเคยเกดิ เปน็ ความทุกขร์ อ้ น ข้ึนมาอย่างไรน้ันอย่าให้มันเกิดได้ ถ้ามันเกิด ขน้ึ มากอ็ ยา่ เปน็ ทกุ ข์ แลว้ แกไ้ ขมนั ใหล้ ลุ ว่ งไป ดว้ ยดี ดว้ ยจติ ท่ีปกตแิ ละอิสระน้ี นี่เรียกว่าไม่ ๓๒

เป็นทุกข์ พอละ ทีนี้จะคิดจะนึกจะตัดสินใจ อะไรจะท�ำอะไรต่อไปก็ท�ำได้ดีที่สุดด้วยจิต ชนิดน้ี เป็นสุขเพ่ิมขึ้นอีกเท่าตัว เม่ือมีจิตใจ เป็นสุข นก่ี เ็ ปน็ สขุ ที่ไปท�ำงานอะไรก็ดเี ปน็ ที่ พอใจ มันเป็นสุขในส่วนน้ันเพ่ิมข้ึนอีกส่วน หนึ่ง แล้วก็เลยเป็นสุขได้โดยไม่ต้องไปอาศัย กามารมณ์หรอื ไปอาศยั เคร่ืองกระตนุ้ เครื่อง ประเลา้ ประโลมอยา่ งโลกๆ มนั กจ็ ะไมต่ อ้ งใช้ เงนิ เป็นคา่ ประเล้าประโลมทางโลกๆ เด๋ียวน้ีคนส่วนมากเงินเดือนไม่พอใช้ เพราะต้องไปใช้จ่ายในเร่ืองประเล้าประโลม จติ ใจของตวั ของครอบครวั มากจนเงนิ เดอื นไม่ พอใช้ นพ่ี วกกรรมกรมนั กอ็ ยากจะท�ำเหมอื น พวกร�่ำรวยมนั กด็ ิ้นรนกันใหญ่ พวกอันธพาล ทย่ี ากจนมนั กจ็ ะทำ� เหมอื นคนรำ่� รวยมนั กเ็ ลย ๓๓

ตอ้ งทำ� อาชญากรรม ขม่ ขนื ขม่ ขนื แลว้ ฆา่ หรอื อะไรกไ็ ปตามเรอ่ื งของมนั เพอื่ จะไดม้ าซงึ่ ไอส้ ง่ิ เหล่านั้นซึ่งไม่อยู่ในฐานะที่ควรได้ เพราะมัน ไมร่ จู้ กั ธรรมะ อนั ธพาลทง้ั หลายไมร่ จู้ กั ธรรมะ เลยแม้แต่นิดเดียว ดังน้ันเมื่ออยากเม่ือ ตอ้ งการแลว้ กเ็ อามนั ดว้ ยกำ� ลงั ดว้ ยกเิ ลส ดว้ ย กำ� ลงั ของตวั ถา้ คนชนดิ นม้ี ีมากขึน้ ในบ้านใน เมอื งแลว้ จะทำ� อยา่ งไร คณุ ลองคดิ ดลู ะกนั ถา้ อนั ธพาลมนั ชมุ เหมอื นกบั ยงุ ในกรงุ เทพฯ แลว้ มนั จะอย่กู นั ไดอ้ ย่างไร นธ่ี รรมะมนั จำ� เปน็ อยา่ งยงิ่ สำ� หรบั มนษุ ย์ แต่มนุษย์ก็ไม่รู้จัก และก็ไม่ให้โอกาสแก่ ธรรมะทจี่ ะมาคมุ้ ครอง เมอื่ มนษุ ยไ์ มม่ ธี รรมะ ธรรมะกไ็ มม่ ีมาคมุ้ ครองเหมอื นกนั ให้ธรรมะ คุ้มครองเฉยๆ มันจะมาได้อย่างไร จะมานั่ง ๓๔

อ้อนวอนกันอยกู่ ไ็ มไ่ ด้มันต้องทำ� อยา่ งน้อยก็ ต้องทำ� เพือ่ เราคนหนึ่ง ถา้ ท�ำเพอ่ื ผู้อน่ื ไดด้ ้วย ก็ย่ิงดีย่ิงวิเศษ เพราะเราอยู่คนเดียวไม่ได้แน่ เราจะดีไปคนเดยี วไมไ่ ด้ เราจะสขุ อยูค่ นเดยี ว คงไม่ได้ มันต้องมีคนรบกวน ก็แก้ปัญหามัน เสยี ให้มันได้รับประโยชนท์ ว่ั ๆ ไปหมด กไ็ ม่มี ใครท่ีจะต้องจ�ำเป็นที่จะไปรบกวนใคร มี ธรรมะแล้วจะมีความสุขในการมีชีวิตในการ งานนั้นเอง ไม่ต้องหาเหย่ือของกิเลสมาประ เล้าประโลมใจ เดี๋ยวนี้มันมุ่งแต่จะหาเหยื่อ ของกิเลสมาประเล้าประโลมใจ จึงเกิดความ ก้าวหน้าทางวัตถุ เหมือนกับว่ิงไม่ทันกัน มนษุ ยไ์ ปหลงสง่ิ ประเลา้ ประโลมใจมากเกนิ ที่ ถูกที่ควรมันก็สร้างปัญหาขึ้นมาส�ำหรับเป็น ทกุ ข์ ทคี่ ดิ จะเปน็ เจา้ โลกกนั กเ็ พอ่ื จะไดโ้ อกาส ๓๕

กอบโกยสง่ิ ประเล้าประโลมใจทงั้ โลก สรปุ ความวา่ มนุษย์ต้อง ตอ้ ง ต้อง ตอ้ ง ท�ำตัวให้เป็นมนุษย์ ไม่อย่างนั้นจะเป็นสัตว์ เดรัจฉานหรือเลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน สัตว์ เดรัจฉานไม่เป็นทุกข์ไม่มีความทุกข์ แล้ว มนุษย์มามีความทุกข์อยู่น่ีมันจะเป็นอย่างไร คุณลองคิดดู นี่เรียกว่าธรรมะพ้ืนฐานธรรมะ เบ้ืองต้นมันก็ไม่มี สัตว์เดรัจฉานมันหยุดการ คิดสตปิ ญั ญา วิวฒั นาการอะไรมนั หยุดอยแู่ ค่ นั้น มันกไ็ ม่มปี ญั หามันก็นอนหลับสบาย หิว ก็กิน หากนิ หากิน แลว้ กพ็ กั ผอ่ น มกี ็ปัญหา สบื พันธุ์เดยี๋ วเดยี วปัญหากามารมณไ์ ม่มี คุณมองให้เห็นด้วยว่าไอ้ปัญหาทาง กามารมณ์ไม่มีแก่สัตว์เดรัจฉาน มีแต่ทาง สบื พนั ธชุ์ ่ัวขณะ ไมก่ วี่ นั ปนี งึ ไม่กีว่ ัน ปญั หา ๓๖

ทางสบื พนั ธ์ุ เป็นบ้า คลา้ ยๆ กับเปน็ บา้ ไปพกั มนั กเ็ รอ่ื งธรรมชาติ เรือ่ งอวยั วะภายใน เร่ือง ตอ่ มเรอื่ งอะไร ปญั หาทางกามารมณท์ ม่ี านอน กกกอดกนั ตลอดคนื ทงั้ เดอื นทงั้ ปนี ม่ี นั ไมม่ แี ก่ สัตว์เดรัจฉาน มันมีแต่มนุษย์ นี่บาปของ มนุษย์ นม่ี นษุ ยม์ นั กต็ อ้ งมปี ญั หาทที่ ำ� ใหน้ อนไม่ หลบั ทตี่ อ้ งตอ่ สดู้ นิ้ รนจนเปน็ ปวดหวั จนเปน็ โรคประสาท จนเปน็ โรคจติ สตั วเ์ ดรจั ฉานไมม่ ี เราต้องไม่เป็นอย่างน้ันสิมันถึงจะเรียกว่าดี กวา่ สตั วเ์ ดรจั ฉาน เราตอ้ งรจู้ กั ทำ� อยา่ ใหน้ อน ไมห่ ลบั หรอื เปน็ โรคประสาท หรอื เปน็ โรคจติ หรือเป็นโรคอะไรที่มันเน่ืองมาจากไอ้สิ่ง เดียวกนั น้ี ก็คือความไมม่ ธี รรมะ ข้อน้ีเอาให้ ไดเ้ สียก่อนอยา่ ใหแ้ พแ้ กส่ ตั วเ์ ดรจั ฉาน ๓๗

ที่เม่ือได้แล้วเราก็ท�ำประโยชน์ต่อไป ประโยชนต์ นเองกส็ งู ขนึ้ ไป ประโยชนแ์ กเ่ พอื่ น มนษุ ยก์ ส็ งู ขน้ึ ไป ตอนนเี้ ราชนะสตั วเ์ ดรจั ฉาน ซงึ่ สตั วเ์ ดรจั ฉานจะตามมาไมท่ นั ตามมาไมถ่ งึ มนษุ ยก์ ด็ กี วา่ สตั วเ์ ดรจั ฉานมากมาย แตถ่ า้ ไอ้ มนุษย์มันไม่มีธรรมะไปนอนปวดหัวเป็น โรคประสาท เป็นโรคจิตอยู่มันก็เลวกว่าสัตว์ เดรัจฉานซึง่ มนั ไม่เปน็ มนั ไมเ่ ป็น ปัญหาเรอ่ื ง ความก้าวหน้าทางวัตถุมันไม่มีแก่สัตว์ เดรัจฉาน มันยังเหมือนเดิม ไอ้เราต้องมีเส้ือ อยา่ งนน้ั มผี า้ อยา่ งน้ี มกี นิ อยา่ งนนั้ มรี ถอยา่ ง นี้ มีบ้านอย่างนี้ อยา่ งนี้มันเพม่ิ ขน้ึ แตค่ น ทนี ม้ี นั กม็ ปี ญั หาทส่ี องทสี่ ามงอกงามออก ไป คอื วา่ ต้องโกงกนั บ้าง คดโกงกนั บา้ ง ตอ้ ง เอาเปรียบกนั บา้ ง ตอ้ งทำ� สงครามกนั บา้ ง ซ่งึ ๓๘

สตั วเ์ ดรจั ฉานมนั ไมต่ อ้ งทำ� ทนี เี้ รามนั อยากได้ สตั วเ์ ดรจั ฉานมนั ไมต่ อ้ งการขนาดนน้ั มนั ไมท่ ำ� อะไรได้ ไม่มีโอกาสที่จะคดโกงหรือคอรปั ชัน่ หรืออะไรได้ มนุษย์จะเต็มไปด้วยคอร์รัปชั่น จนเขาพดู กนั เดยี๋ วนนี้ า่ เศรา้ มาก ไอค้ อรร์ ปั ชนั่ น่ีเต็มไปในวงการต�ำรวจ เดี๋ยวน้ีคอร์รัปช่ันนี้ เขยิบขึ้นไปถงึ วงการผพู้ พิ ากษาตุลาการ คิดดู ในทีส่ ดุ มันจะไมม่ ีท่ีพง่ึ มนั ขาดธรรมะ ทำ� ไมจงึ คอรร์ ปั ชนั่ เพราะมนั ตอ้ งการเกนิ กว่าที่จ�ำเป็นหรือว่าควบคุมจิตไม่ได้ ในเร่ือง มันมีอย่างน้ีคุณเอาไม่เอาก็สุดแท้ผมก็พูดไม่ ถูก ไอ้ธรรมะมนั มีอย่างน้ี ไอ้เรอ่ื งมันกม็ ีอยา่ ง นี้ จะเอาหรอื ไมเ่ อากนั กส็ ดุ แท้ แตอ่ ยา่ งอนื่ มนั ไม่มีนี่มันก็พูดไปไม่ได้ด้วยพูดไม่เป็นด้วย มี ธรรมะ รธู้ รรมะ ปฏบิ ตั ธิ รรมะ กแ็ กป้ ญั หาของ ๓๙

ธรรมชาติที่มันเกิดอยู่กับมนุษย์ผู้ไม่มีธรรมะ คนทไ่ี มม่ ธี รรมะมปี ญั หาตลอดเวลาเหมอื นกบั ตกนรกทั้งเป็น ถ้ามีธรรมะมันกย็ กขึน้ มาจาก นรกได้ เปน็ มนุษย์ท่ีอยเู่ หนอื ปัญหา มันมเี ทา่ นมี้ นั ไม่มีอะไรง่ายมากกวา่ น้ี ลองคิดดูเองค�ำนวณดูเอง ไหนๆ ก็บวช เขา้ มาแลว้ ใครใชใ้ หค้ ณุ บวชหรอื วา่ คณุ สมคั ร ใจบวชเอง จะมาเอาอะไร ตอ้ งการอะไรนไ่ี ป คดิ ดใู หม้ นั ตรงกบั เรอ่ื ง ใหม้ นั ไดพ้ อสมควรกนั กจ็ ะไมเ่ สยี เสยี เทย่ี วทว่ี า่ ไดบ้ วชเขา้ มา ตอ้ งได้ อะไรกลับออกไปคุ้มค่า จะเป็นมนุษยท์ ดี่ กี วา่ ที่มคี วามทกุ ข์น้อยกวา่ หรือไมร่ ูจ้ ักความทกุ ข์ ไดก้ ย็ ง่ิ ดี แตว่ า่ ไมใ่ ชส่ นิ้ กเิ ลสนะ เปน็ คนมกี เิ ลส นะแต่ว่ามีความทุกข์น้อยกว่า เพราะเรามัน ควบคมุ กเิ ลสไดม้ ากกวา่ รจู้ กั ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ ๔๐

กิเลสได้มากกวา่ แตว่ ่าไมใ่ ช่ว่าจะสิน้ กเิ ลส ดังนั้นไปศึกษาเรื่องป้องกันไม่ให้เกิด กิเลสน่ันแหละให้มากมากเข้าไว้ ระวังตา หู จมูก ล้นิ กาย ใจ อย่างไร ป้องกันไมใ่ หเ้ กิด กเิ ลสไดอ้ ยา่ งไร อนั นศี้ กึ ษาใหม้ ากๆ เขา้ ไว้ มนั จะมีประโยชน์ เมื่อสึกออกไปหรือว่าใน อนาคตต่อไปจนกระทั่งแก่เฒ่าเข้าโลงทีเดียว เหมือนกับควบคุมกิเลส เม่ือคนอ่ืนเป็นทุกข์ เราไม่เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านแนะหรือ ท่านสอนให้มีมาตรฐานกันอย่างน้ี ให้วาง มาตรฐานอย่างนี้ เมื่อคนอ่ืนเป็นทุกข์เราไม่ เปน็ ทกุ ข์ เราไมร่ ู้จกั ความทุกขแ์ หละดี เราไม่ ไดเ้ กิดมาเพอื่ เปน็ ทุกข์ ดังนัน้ ทำ� อยา่ งไรจึงจะ ไมเ่ ปน็ ทุกข์ กศ็ กึ ษาให้พอ มฉิ ะนน้ั เราจะเปน็ ทุกข์มากกว่าสตั ว์เดรัจฉาน มันน่าอาย ๔๑

ท้ังหมดน้ีเป็นความจริงของธรรมชาติ ไมใ่ ชพ่ ระพทุ ธเจา้ ทา่ นบญั ญตั ใิ หส้ งิ่ ตา่ งๆ เปน็ ไปตามท่ีท่านบัญญัติมันเป็นไปไม่ได้ มันเป็น ตามธรรมชาติ เป็นกฎของธรรมชาติ ท่าน ตรัสรู้ รู้ก็คือรู้เรื่องน้ี เรียกว่าตรัสรู้ แล้วเอา มาบอกมาสอน เกิดทุกข์อย่างน้นั ไม่เกดิ ทกุ ข์ อย่างน้ัน เป็นตามกฎของธรรมชาติอย่างน้ัน ทา่ นคน้ พบและสำ� เรจ็ ปฏบิ ตั ไิ ดส้ ำ� เรจ็ แลว้ เอา มาสอน เรากเ็ ปน็ สาวกของท่านกท็ ำ� ไป อย่า ให้ต้องเป็นทุกข์เหมือนที่ท่านเคยท�ำมาแล้ว ถ้ายังมีชีวิตอยู่แล้วก็ไม่ให้มันเป็นทุกข์สิก็ พอแลว้ ไม่ตอ้ งรับผิดชอบไปถึงตอนตายแล้ว เพราะมนั แนน่ อนเหลอื เกิน ถา้ วา่ ที่นีท่ �ำให้ไม่ เป็นทุกข์ได้เลย ตายแล้วมันก็ไม่เป็นทุกข์ได้ จะมชี าติหนา้ ชาตใิ หม่ ชาตหิ ลงั มันก็ไมเ่ ป็น ๔๒

ทุกข์ ท�ำถูกต้องท่ีชาตินี้โดยไม่ต้องเป็นทุกข์ มนั กไ็ ม่มีชาตไิ หนทเี่ ป็นทกุ ข์ เรียนเรื่องชีวิตตามธรรมชาติ ของ ธรรมชาติ โดยธรรมชาติ เพื่อธรรมชาติ กิเลส ก็เกิดขึน้ ในชวี ิตตามวธิ ที างธรรมชาติ ตามกฎ ของธรรมชาติ กม็ นั กเ็ ปน็ ธรรมชาติ ทนี จ้ี ติ ของ คนนกี่ ส็ มั ผสั ไอค้ วามทกุ ขจ์ นเกลยี ด จนเบอื่ ก็ ไปหาวิธีด�ำรงจิตกันเสียใหม่ ท�ำกันเสียใหม่ ปรับปรุงกันเสียใหม่ อย่าให้ต้องเป็นทุกข์ น่ี เรื่องของพระพุทธเจ้าท่ีตรัสรู้ก็มีอย่างนี้ เป็น มนุษย์ท่ีพบความลับของธรรมชาติตั้งไว้อยา่ ง น้ี ด�ำรงไว้อย่างนี้ ท�ำอยู่อย่างนี้ ไม่เป็นทุกข์ ต่อไปมนุษย์อาจจะยอมรับเพียงว่าเป็นความ จรงิ ของธรรมชาติ เปน็ สจั จะของธรรมชาติ จะ ไม่เรียกว่าศาสนาน้ันศาสนาน้ีตามชื่อคนพบ ๔๓

ตามช่ือคนคน้ พบอีกต่อไป มนั เอาไวไ้ มอ่ ยู่ จะ สงวนลขิ สิทธไ์ิ วไ้ ม่ได้ ตอ้ งไปเป็นของมนษุ ย์ผู้ รู้จักธรรมชาติ เพ่งเล็งไปยังธรรมชาติ ถือ ศาสนาความจรงิ ของธรรมชาตติ รงกนั หมดทง้ั โลก พรอ้ มกนั หมดทั้งโลกสักวันหนึ่ง. ๔๔


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook