Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ✍️ ประมวลตำรับยา อโรคยาศาล วัดป่ากุดฉนวนอุดมพร (ฉบับเก็บสงวนรักษา)

✍️ ประมวลตำรับยา อโรคยาศาล วัดป่ากุดฉนวนอุดมพร (ฉบับเก็บสงวนรักษา)

Description: ✍️ ประมวลตำรับยา อโรคยาศาล วัดป่ากุดฉนวนอุดมพร (ฉบับเก็บสงวนรักษา)

Search

Read the Text Version

ครอบตลับ จอกบ่วาย จนั ทนแ์ ดง เจียงปนื 200 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล

ชะลูด ช้างนา้ ว ชาฤาษี ดองดึง 201 ประมวลต�ำ รับยา อโรคยาศาล

ดีหมีต้น ดู่ทุ่ง โดไ่ มร่ ้ลู ม้ ตะโกนา 202 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล

ตะคลอง ตาลโตนด ตีนตง่ั ท้าวยายม่อม 203 ประมวลต�ำ รบั ยา อโรคยาศาล

แทงทวย ไทสงขาว บ๋าซาด เปราะป่า 204 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล

ผกั แพรว ผักเสยี้ นผี พลชู า้ ง พษิ นาศน์ 205 ประมวลตำ�รบั ยา อโรคยาศาล

พดุ ผา แฟบน�ำ้ มะขามปอ้ ม มะคังแดง 206 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล

มะคำ�ไก่ มะเดื่อชุมพร มะตมู มะแวง้ เครือ 207 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล

มะแว้งต้น ระยอ่ ม รางแดง พญาเลบ็ ครฑุ 208 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล

โลดทะนงแดง สม้ กุ้งน้อย ส้มซ่า สมอนั่ง 209 ประมวลต�ำ รับยา อโรคยาศาล

สลดั ได สันพร้าหอม สา้ นใหญ่ หญา้ ปกี ไก่ด�ำ 210 ประมวลต�ำ รับยา อโรคยาศาล

หมอ่ น หุ่นไห้ อบเชยจีน อตุ พดิ 211 ประมวลต�ำ รบั ยา อโรคยาศาล

ค�ำ ฝอย หญ้าลิ้นเป็ด ว่านนำ�้ เทพทาโร 212 ประมวลตำ�รบั ยา อโรคยาศาล

บรรณานุกรม ประพต เศรษฐกานนท.์ ประมวลตำ�รับยาไทย. นนทบรุ ี : ส�ำ นักพิมพศ์ รปี ัญญา,  ๒๕๕๔. ส.ศ. .  รวมยาเกร็ด ตำ�รายาไทยรักษาโรคส�ำ หรับเดก็ . กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์อกั ษรเจริญทัศน,์   มปป. พระยาแพทยพ์ งศาพิสุทธาธบด.ี   หมอประจ�ำ บ้าน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพอ์ ักษรนิติ,  ๒๔๗๑. เคน แกว้ รงั ศรี. บนั ทกึ ตำ�รายาอสี าน. [ม.ป.ท., ม.ป.ป.] (เอกสารลายมือ) พระธาตรี อุปฺปลวณฺโณ (ศรี ษะใบ). บันทกึ ตำ�รายา ๑. [ม.ป.ท., ม.ป.ป.] (เอกสารลายมอื ) พระธาตรี อุปฺปลวณโฺ ณ (ศรี ษะใบ). บนั ทึกต�ำ รายา ๒. [ม.ป.ท., ม.ป.ป.] (เอกสารลายมือ) วทิ ย์ เทีย่ งบรู ณธรรม.  พจนานกุ รมสมนุ ไพรไทย. กรงุ เทพมหานคร : รวมสาสน์ ,  ๒๕๓๗. เสงยี่ ม พงษ์บญุ รอด.  ไมเ้ ทศเมืองไทย สรรพคณุ ของยาเทศและยาไทย. กรงุ เทพมหานคร : เกษมบรรณกิจ,  ๒๕๒๒. วดั พระเชตุพนฯ วดั โพธ์ิ ทา่ เตยี น พระนคร.  ประมวลสรรพคุณยาไทย ภาค ๑. กรุงเทพมหานคร : วดั พระเชตุพนฯ วัดโพธ์ิ ทา่ เตยี น พระนคร,  ๒๕๒๑. วัดพระเชตุพนฯ วดั โพธิ์ ทา่ เตยี น พระนคร.  ประมวลสรรพคณุ ยาไทย ภาค ๒. กรุงเทพมหานคร : วัดพระเชตพุ นฯ วัดโพธ์ิ ท่าเตยี น พระนคร,  ๒๕๒๑. วัดพระเชตุพนฯ วัดโพธ์ิ ท่าเตียน พระนคร.  ประมวลสรรพคณุ ยาไทย ภาค ๓. กรงุ เทพมหานคร : วดั พระเชตุพนฯ วัดโพธิ์ ท่าเตยี น พระนคร,  ๒๕๒๑. 213 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล

วฒุ ิ วุฒธิ รรมเวช.  สารานกุ รมสมุนไพร รวมหลกั เภสัชกรรมไทย. กรุงเทพมหานคร : สำ�นกั พิมพ์โอเดียนสโตร,์   ๒๕๔๐. วัดปา่ อุดมสมพร.  หนังสอื อนุสรณง์ านศพพระอาจารย์ฝน้ั อาจารเถระ. ม.ป.ท.,  ๒๕๒๑. ปรีชา พณิ ทอง.  ตำ�รายาโบราณอสี าน. อุบลราชธานี : โรงพมิ พศ์ ริ ิธรรมออฟเซ็ต,  ม.ป.ป. ___________.หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพพระครูอุบลเดช คณาจารย์ (ต่วน นิทเฺ ทสโก). [ออนไลน]์ . ทมี่ า http://www.isangate.com/local/ya_hak_mai.html (เขา้ ถงึ เมอื่ วนั ท่ี ๑๙ เมษายน ๒๕๕๗) 214 ประมวลต�ำ รับยา อโรคยาศาล

ภาคผนวก ก. ตารางเปรียบเทยี บชอ่ื สมนุ ไพร อีสาน-กลาง ล�ำ ดบั ช่อื สมนุ ไพร ช่ือสมนุ ไพร ช่ือวิทยาศาสตร์ ชอื่ วงศ์ อีสาน กลาง 1. กอกดอ่ น มะกอกโคก Shrebera swieteniodes Roxb. Oleaceae 2. กางของ ปีป Millingtonia hortensis L.f. Bignoniaceae 3. กา้ นตง คนั ทรง Colubrina asiatica L. ex Brongn. Rhamnaceae 4. ก่าม กมุ่ น้ำ� Crateva religiosa Ham. Capparaceae 5. ก่มุ กุ่มบก Crateva adansonii DC. subsp. Capparaceae trifoliata (Roxb.) Jacobs 6. แก สะแก Combretum quadrangulare Kurz. Combretaceae 7. ขามแป มะขามเทศ Pithecellobium dulce (Roxb.) Fabaceae Benth. 8. ข้าวหมนิ้ ขมน้ิ Curcuma longa L. Zingiberaceae 9. ข้าวหมน้ิ ต้น ขมนิ้ ตน้ Mahonia siamensis Takeda Berberidaceae 10. ขี้สดู ชันโรง Trigona laeviceps Apidae 11. เขียบ นอ้ ยหนา่ Annona squamosa L. Annonaceae 12. เข่อื ข่นื มะเขอ่ื ขื่น Solanum aculeatissimum Solanaceae Jacq. 13. เขอื ผอ่ ย มะเขอื เปราะ Solanum xanthocarpum Schrad. & Solanaceae Wendl. 14. คีไฟนกคมุ้ โดไ่ มร่ ู้ลม้ Elephantopus scaber L. Asteraceae 215 ประมวลต�ำ รับยา อโรคยาศาล

ลำ�ดบั ชื่อสมนุ ไพร ช่ือสมนุ ไพร ช่อื วทิ ยาศาสตร์ ชอ่ื วงศ์ อสี าน กลาง Tinospora crispa (L.) Miers ex Menisperma- 15. เครอื กอฮอ บอระเพ็ด Hook.f.& Thomson ceae Derris scandens Benth. Papilaoneae 16. เครอื ตาปลา เถาวลั ย์เปรยี ง Solanum torvum Sw. Solanaceae. Calycopteris floribunda (Roxb.) Combretaceae 17. แคง้ มะเขือพวง Lam. Thumbergia laurifolia Lindl Acanthaceae 18. งวงซุ่ม งวงสุ่ม Plumeria rubra L. Apocynaceae Pedilanthus tithymaloides (L.) Euphorbiaceae 19. จางจดื รางจดื Poit. 20. จ�ำ ปาแดง ลนั่ ทมแดง Capparis micracantha DC. Capparidaceae 21. จีนายก้อม แสยก Bixa orellana L. Bixaceae Suregada multiflorum (A.Juss) Euphorbiaceae 22. ชายซูต่ ้น ชิงช่ี Baill. 23. ซาตรี คำ�ไทย Siphonodon celastrineus Celastraceae 24. ดูกใส ขันทอง Doragag Staph Poaceae พยาบาท Salacia chinensis L. Celastraceae 25. ดกู หนี มะดกู Leea indica (Berm.f.) Merr. Vitaceae 26. ตน้ สไี ค ตะไคร้ (Leeaceae) 27. ตาไก้ กำ�แพงเจด็ ชนั้ Meliacea 28. ตา้ งไก่ กระตังใบ Annonaceae 29. ตาเสือ ตาเสอื Amoora culcullata Roxb. Euphorbiaceae Euphorbiaceae 30. ท้องแลง่ นมแมวป่า Polyalthia evecta (Pierre) Finet Apocynaceae &Gagnep. 31. นางแซ่ง โลดทะนง Trigonostemon reidiodes (Kurz) 32. น้ำ�นมราชสีห์ น้ำ�นมราชสีห์ Euphorbia hirta L. 33. นูดหอม ชะลดู Alyxia reinwardtii Blume var. lucida Markgr. 216 ประมวลตำ�รบั ยา อโรคยาศาล

ล�ำ ดับ ชื่อสมุนไพร ช่ือสมนุ ไพร ช่อื วิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ อสี าน กลาง 34. บ้าลาย สะบา้ ลาย Mucuna interrupta Gagnap.cape L. Fabaceae 35. บคี น ราชดัด Brucea javanica (L.) Merr. Simaroubaceae 36. บีปลาคอ่ ดีปลาช่อน Tacca chantrieri Andre Taccaceae 37. ปีบปีแดง เจตมูลเพลงิ แดง Plumbago indica L. Plumbagina- ceae 38. ปปี ปขี าว เจตมลู เพลิงขาว Plumbago zeylanica L. Plumbagina- ceae 39. ผกั กาดหยา่ ชา้ เลือด Caesalpinia mimosoides Lamk. Fabaceae 40. ผักขา ชะอม Acacia Insuavis, Lace Mimoseae 41. ผักชีชา้ ง รากสามสบิ Asparagus racemosus Willd. Asparagaceae 42. ผกั บั่ว ตน้ หอม Alliumcepa var. aggregatum Alliaceae 43. ผักอฮี ุม มะรุม Moringa oleifera Lam. Moringaceae 44. นมงัว ฝหี มอบ Polyalthia cerasoides ( Roxb. ) Annonaceae Benth. ex Bedd.ST 45. พนั ชาติ พันชาด Erythophleum succirubrum Leguminosae- Gagnep. ceae 46. พิลา ทบั ทมิ Punica granatum L. Punicaceae 47. แพงก�ำ ฮ้อย ฮอ่ สะพายควาย Suregada multiflorum Baill. Euphorbiaceae 48. กอสาย มะละกอตัวผู้ Carica papaya L. Caricaceae 49. มาด กำ�มะถัน Sulphur - 50. มุยดอ่ น มะคังขาว Tamilnadia uliginosa (Retz.) Rubiaceae Tirveng. & Sastre 51. มุยแดง มะคังแดง Gardenia erythroclada Kurz. Rubiaceae 52. ย่านเขาขม้ี ้ิน ขมิ้นเครอื Arcangelisia flava (L.) Merr Menisperma- ceae 53. ยาหัว ข้าวเย็นเหนือ Smilax corbularia Kunth. Smilaceae 217 ประมวลตำ�รบั ยา อโรคยาศาล

ล�ำ ดับ ชื่อสมุนไพร ช่อื สมนุ ไพร ชื่อวทิ ยาศาสตร์ ชือ่ วงศ์ อีสาน กลาง Citrus ichangensis Swingle Rutaceae 54. เวอ่ ส้มมะงั่ว Streblus asper Lour. Moraceae Murraya siamensis CRAIB Rutaceae 55. ส้มผอ่ ข่อย Micromelum minutum (Forst.f.) Rutaceae Copper(II) sulfate - 56. ส่องฟา้ โปร่งฟ้า Cyathula prostrata (L.) Blume Amaranthaceae Catunaregam tomentosa (Blume Rubiaceae 57. สะมัด หสั คณุ ไทย ex DC.)Triveng Lygodium flexousum Sw. Schzaeaceae 58. สยี ายอน จุนสี Datura metel L. var. fastuosa Solanaceae (Bernh.) Danert. 59. หญ้าโคยงู พันงแู ดง Celastrus paniculatus willd. Celastraceae Canarium sabulatum Guillaumin Burseraceae 60. หนามแท่ง หนามแทง่ Eurycoma longifolia Jack. Simaroubaceae Lepisanthes rubiginosa (Roxb.) Sapindaceae 61. หมอยสาวแก่ ลิเภาหนู Leenh. 62. หมากเขือบ้า ลำ�โพง Zingiber cassumunar Roxb. Zingiberaceae Alum - 63. หมากแตก กระทงลาย Terminalia tripterordws Craib. Combretaceae Albizia myriophylla Benth. Leguminosae 64. หมากเหลอื่ ม มะกอกเกลือ้ น Piper sarmentosum Roxb. Piperaceae Cryptolepis buchanani Roem. & Asclepiadaceae 65. หยิกบ่ถอง ปลาไหลเผอื ก Schult. Melastoma malabathricum Melastomata- 66. หวดข้า มะหวด L.subsp. malabathricum ceae 67. หว้านไฟ ไพล 68. หินส้ม สารสม้ 69. หูลิง แฟบนำ้� 70. ออ้ ยชา้ ง อวดต้น 71. อเี ลศิ ชา้ พลู 72. เอนอ่อน เถาเอ็นออ่ น 73. เอน็ อา้ โคลงเคลง 218 ประมวลต�ำ รบั ยา อโรคยาศาล

ภาคผนวก ข. ชอ่ื โรคอสี านที่ปรากฏในตำ�รา โรคคะยือ โรคคะยือ (หืด) เปน็ โรคจำ�พวกหนึ่ง เกดิ เสลดขึน้ ทป่ี อด ปอดเปน็ อวัยวะ เก่ียวกบั การหายใจเขา้ ออกถา้ ปอดไมม่ เี สลด อาการหายใจก็สะดวก หากมีเสลด จะหายใจฝดื หอบและเมอ่ื ย เมือ่ มอี าการหนักจะถึงแก่ชวี ติ โรคคะยอื มักกำ�เริบ ในเวลาอาการเปลี่ยนแปลงจากฤดฝู นไปสฤู่ ดูหนาว ในระยะน้ผี ู้เป็นคะยอื จะตอ้ ง ลำ�บากเก่ียวกับการหายใจ คะยือโบราณว่าไว้ว่ามเี พียง ๒ อย่าง คือ คะยือบ้อง ขวาน คะยือแมว ทมี่ ชี ่ืออย่างนี้ คงสนั นษิ ฐานจากอาการของโรค ที่เรียกคะยือบ้องขวาน ยังหาหลกั ฐานท่ีแนน่ อนไม่ได้ แตเ่ ข้าใจวา่ จะเกิดเพราะอาการหายใจฝืดจงึ เรยี ก ชอื่ เช่นนน้ั ส่วนทเี่ รียกว่าคะยือแมว น่าจะหมายเอาคนที่หายใจเสยี งดงั เช่นแมว โรคเกี่ยวกับเลอื ด ก่อนอืน่ ควรรจู กั ค�ำ วา่ คนเสียก่อน ค�ำ ว่าคนหมายถงึ สภาวะสองอย่างคอื รูปกับนามมารวมกนั เข้า ถ้ามีแตร่ ูปขาดนามจะเรยี กว่าคนเตม็ ทไ่ี ปไมไ่ ด้ รูปคอื สิ่งทม่ี องเห็นได้ดว้ ยตา ซ่ึงเรียกวา่ รูปธรรม อรูปคอื ส่งิ ทม่ี องด้วยตาไม่ๆได้ ซึง่ เรียกว่า นามธรรม รูปธรรม ไดแ้ ก่ ธาตทุ ้ีสี่ คือ ดนิ น้ำ� ลม ไฟ จ�ำ พวกท่ีเขม้ แขง็ จัดเป็นดิน ได้แกผ่ ม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนอื้ เอน็ กระดูก เย่อื ในกระดูก เปน็ ต้น เหลา่ นเ้ี รยี ก ธาตุดนิ จ�ำ พวกท่ีอ่อนไหว ไหลไปไหลมาจัดเปน็ ธาตุน�้ำ ไดแ้ ก่ ดี เสลด หนอง เลือด เปน็ ต้น เหล่านเ้ี รยี กวา่ ธาตุน้ำ� จ�ำ พวกทีพ่ ัดปลิวไปจัดธาตลุ ม ได้แก่ ลม พัดขึน้ เบื้องบน ลมพดั ลงเบอ้ื งล่าง ลมในทอ้ ง ลมในล�ำ ไส้ ลมพดั ไปมา ลมหายใจ 219 ประมวลต�ำ รบั ยา อโรคยาศาล

เหล่านี้เรยี กว่าธาตลุ ม จำ�พวกทท่ี �ำ ให้อบอุ่นจดั เปน็ ธาตไุ ฟ ได้แก่ ไฟทใ่ี ห้อบอนุ่ ไฟทที่ �ำ ให้ทรุดโทรม ไฟท่ีท�ำ ให้กระวนกระวาย ไฟทเี่ ผาอาหารให้ยอ่ ย เหล่าน้ี เรียกว่า ธาตไุ ฟ รวมดินนำ�้ ลมไฟทัง้ สี่น้ีเปน็ รปู ธรรม มองเห็นไดด้ ้วยตา ส่วนอรปู ธรรม คอื สิ่งทีม่ องเห็นดย้ ตาไม่ไดอ้ กี ๔ อยา่ ง คือ เวทนา สัญญา สังขารและวญิ ญาณ เม่ือรูปธรรมคือ ธาตสุ ่อื ละอรปู ธรรมคือเวทนา สญั ญา สังขาร และวิญญาณมารวมกันเขา้ จึงสมมตุ ิให้เป็นคน ไข้หมากไม้ หมากไม้ เป็นชื่อของโรคชนิดหนึ่ง มีทั้งชื่อหมากไม้น้อยและหมากไม้ ใหญ่ การท่จี ะทราบวา่ เปน็ ไข้หมากไม้ชนดิ ใดตง้ ดลู ักษณะอาการของไข้ หมาก ไม้กินเลอื ด ภาคกลางเรียกไขร้ ากสาด หมากไม้กินล�ำ ไส้ ภาคกลางเรียกไขไ้ ท ฟอยท์ หมากไมท้ กทน้ื ภาคกลางเรียกไข้นกนางแอน่ ลกั ษณะของไข้หมากไม้ ของอีสาน คนอีสานเรยี กชอ่ื ไข้ว่าดังน้ี ไข้ที่มีอาการมึน(ชา)ไปท่ัวร่างกายมีน้ำ�ลายไหลออกมาไม่ขาดดุจน้ำ�ลาย หมาวอ้ (หมาบ้า) รา่ งกายแขง็ แกรง พลกิ ไปไม่ไดเ้ รยี กไข้สาระบาดจบั ไข้ที่มีอาการร้อนในกระหายน้ำ�กินนำ้�ลงไปเท่าไรก็ไม่พออยากกินแต่นำ้� เรียก ไขอ้ อกเหือดไฟหลวง ไขท้ ี่มีอาการตีนเย็นมือเย็น เยน็ ตัง้ แตห่ ัวถึงตีนคลำ� ดูที่ไหนก็มีท่เี ยน็ ไมอ่ บอุ่นเลยเรยี กวา่ ไขอ้ อกกล่อมนางนอน ไข้ที่มีอาการไม่ร้อนและไม่กระหายน้ำ�เท่าไร แต่ยังอยากกินข้าวกินน้ำ� อยูม่ ีอาการซมึ เรยี กว่า ไข้เหือดจม ไขท้ ่มี อี าการตาเหลอื กตาซน้ ปากปิดปากเบ้ียว ผดุ ลุกผดุ น่ังและขบ(กดั ) แขว่ (ฟนั ) ขบคางอยู่ไมข่ าดเรียกไข้ออกเห่าหรอื ออกจงอาง ไขท้ ีม่ อี าการบ่มืน (ลม) หูมนื ตา นอนหลบั ซึมเหมอื นคนนอนหลบั เรยี ก ไขแ้ ฮด นอนซำ� 220 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล

ไข้ที่มีอาการนอนแลบลิ้นปลิ้นตา มีอาการดุจงูแลบลิ้นเรียก ไข้ออก จงอางสับท�ำ ทาน (งูจงอาง งูทำ�ทาน) ไข้ที่มีอาการตีนเย็นมือเย็น แต่ไม่ทุรนทุรายดิ้นรนแสดง แต่มีอาการ เยน็ เทา่ น้นั เรยี ก ไขอ้ อกดำ� ไข้ที่มีอาการดิ้นรนไปมา ฝ่ามือดำ� ฝ่าตีนดำ� เรียกว่า ไข้ออกเกียวดำ� และออกเงาสับกับ ไข้ท่มี ีอาการรอ้ น คอื ฝ่าตนี ร้อน ฝา่ มอื รอ้ น นอกนัน้ ไมป่ รากฏ เรยี ก ไขอ้ อกเงาและออกแดงสับกัน อกี อยา่ งหนึง่ เรยี กวา่ ไข้ออกจงอางและออกมึก สับกนั ไข้ท่มี อี าการรอ้ นบา้ ง เย็นบา้ ง คือ บางแห่งร้อน บางแห่งเย็น ส่วนตนี และมือเยน็ บางคนมีปวดหวั ดว้ ย เรยี กว่า ไขอ้ อกเหือดจมไฟ ไข้ที่มอี าการเหมอื นคนไม่ไข้ แต่พูดจาไมไ่ ด้ ปากคา้ งคางแข็ง นอนมืน ตาอยู่ เรียก ไข้คางแข็ง ไขท้ ม่ี อี าการปวดหลงั ปวดเอว มอี าการรอ้ นตามล�ำ ตวั เรยี ก ไขอ้ อกเหอื ดไฟ ไข้ทมี่ ีอาการลงทอ้ ง (ทอ้ งรว่ ง) คอื ทั้งขี้ ท้งั ฮาก ร้อนใน กระหายน�ำ้ เรยี ก ไขไ้ ฟลามโกน ไข้ทม่ี ีอาการเพอ้ นอนไมร่ ูส้ ึกตัว นอนมืนตาอยู่ ถามอะไรกไ็ ม่ไดค้ วาม เรียก ไขอ้ อกเหอื ดจม ไข้ทมี่ ีอาการกระวนกระวายนอนไม่รู้สึกตวั แขง้ ขาวิ่งไปมาตาแดงตาไว กลอกกลิ้งก็ดี แก้มเหลอื งหนา้ ผากเหลอื ง ตนี ผมเหลอื ง เล็บตีนเล็บมอื เหลือง กินข้าวกินน้ำ�แล้วฮากออกก็ดี ขี้เหลืองเยี่ยวแดงก็ดีเรียกว่า ไข้ออกจงอางซาง เหลอื ง ไข้ที่มีอาการเจ็บหัวร้อนในกินน้ำ�ไม่ขาด แต่เหื่อ (เหงื่อ) ไม่ออก เหื่อ ออกเฉพาะตรงหน้าผากเวลาหนั (หายใจ) ปากเบี้ยวปากบิด ขบกดั เลบ็ มือเลบ็ ตีน กนิ ข้าวกนิ นำ�้ แลว้ ฮากออกหมด ฮากมีสเี หลอื งดังขมิน้ หรือเวลาข้เี ลาเยยี้ ว 221 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล

สขี องขแ้ี หละเย่ียวมสี ีเหลือง สแี ดงแดงเรียก ไข้จงอางเงาแกมเหือดจม ไขท้ ี่มอี าการเย็นแตห่ ัวลงมาหาตีน ส่วนท่อนแขนไม่มีอาการเรียก ไข้ ออกจงอางป่นิ หวั ขนึ้ ไข้ที่มอี าการรอ้ นทีป่ ลายมือปลายตนี ตามล�ำ ตวั ก็ร้อนเรยี กวา่ ไข้ออก เหอื ดซาง ไข้ที่มอี าการรอ้ นเสมอกันท่ัวรา่ งกายเรยี กว่า ไข้ออกเหอื ด ไขท้ ม่ี อี าการร้อนท่ัวล�ำ ตวั ร่างกายสดี �ำ ตอนเชา้ ทรุ นทรุ ายเหมือนเปน็ บ้า นอนหลับตาเรียกว่า ไข้ออกซางเมยี ไข้ที่มีอาการสั่นรา่ งกายร้อนหนาวในถิ้ม (ท้ิง) ตนี ถิม้ มอื ไปมาดจุ เปน็ คน บ้าเรยี กว่า ไขอ้ อกเหอื ดซาง ไขท้ ี่มีอาการทเุ ลาเป็นบางเวลา เชน่ ตอนเชา้ อาการทุเลาลง ตอนกลาง คืนพอเดก็ นอนหลับเร่มิ จบั ไข้ ตอนไก่ขันไขห้ นัก เรยี กว่า ไขอ้ อกปานดำ�ปาน แดงสบั กัน ไขท้ มี่ อี าการคันคายออกตุม่ เรยี กว่า ไขอ้ อกเหอื ดช้าง ไขท้ ม่ี ีอาการร้อนจดั ออกตุม่ สแี ดงปลายต่มุ มีลกั ษณะแหลมเรยี กว่า ไข้ หมากแดงนอ้ ย ไขท้ ี่มีอาการขน้ึ ๆลงๆ เวลาใกล้เที่ยงข้นึ คร้ังหนึง่ เทยี่ งขน้ึ อีกคร้งั หนง่ึ เวลามนั ข้ึนไมม่ เี ห่ือ นอนหลับตาไมร่ สู้ ึกตวั เรยี กว่าไข้เหอื ดจม ไขท้ ม่ี อี าการชักแอนชงั แงนเหมอื นดังหลงั จักหัก เวลาไข้ขึ้นสะอืน้ ตีน มอื ชกั เข้าหากนั เรียกวา่ ไข้ออกแงน ไข้ทม่ี อี าการคดั อกคดั ใจ หันใจฝืดเห่ือออกตนี ผมชุ่มดว้ ยเหง่อื เรียกว่า ไข้ออกแดงหลวง ไขท้ ม่ี อี าการออกตุ่ม ทห่ี นา้ ผากและล�ำ คอ ตุ่มนนั้ เป็นเหมอื นมึกควาย ดอ่ น (ควายเผือก)เรียกว่า ไขอ้ อกมึกปลาเดิด ไขท้ ี่มีอาการไอ หันใจฝืดเส่า (หอบ) และคัดหนา้ อกเรยี กว่า ไข้ออกเหา่ หอ้ ม 222 ประมวลตำ�รบั ยา อโรคยาศาล

ไขท้ ี่มีอาการร้อนจัดเลือดออกดงั (จมกู ) ออกตามไรฟันเรียกว่า ไข้ออก ทอ่ มเลอื ด ไข้ที่มีอาการร้อนใน เย็นนอก ร่างกายสีเหลืองแสดงอาการกระวน กระวาย เรียกวา่ ไขอ้ อกเสยี ดน้�ำ ไข้ที่มีอาการไม่เสมอกันตั้งแต่อกขึ้นไปหัว มีอาการร้อนมากตั้งแต่แอว ลงไปหาปลายเท้ามีอาการรอ้ นพอประมาณร่างกายมีสีแดงเรียกว่า ไข้เสยี ดไฟ ไขท้ ม่ี อี าการรอ้ นพอประมาณแตป่ วดตามกระดกู วง่ิ ไปวง่ิ มาเรยี กวา่ ไขอ้ อก มมุ หมากตาล ไข้ท่ีมีอาการร้อนจัดทุรนทุรายหนักอกสองสามวันต่อมาบวมตามแข็ง ตามขาเรียกวา่ ไข้ออกไฟตามโกน โรคทราง ทรางเป็นโรคชนิดหนง่ึ เป็นได้ท้ังผ้ชู ายและผู้หญงิ เด็กเล็กและคนแก่ ทรางมักจะเป็นในเด็กมากที่สุด โดยเฉพาะเด็กที่พ่อแม่จน อาหารการกินไม่ สมบูรณ์ มักจะเกิดเปน็ ทราง เม่อื เป็นแล้วโรคทรางเกดิ แกผ่ เู้ ปน็ ลกั ษณะตา่ งๆกัน ดงั นน้ั โบราณจงึ ตง้ั ช่อื ทรางไว้ต่างๆกัน ทรางที่มลี ักษณะข้ี กนิ ข้าวลงไปก็ข้ี กนิ น�้ำ ลงไปกข็ ้ี อาหารหรอื น้ำ�ไม่ เหลอื ในท้อง เรยี กทรางข้ี ทรางท่ีมลี กั ษณะเป็นขี้ตา ตน่ื เช้าข้ึนขีต้ าเตม็ เบ้าตา หรอื มขี ต้ี าไมข่ าด เรียกทรางข้ีตา ทางท่มี ีลกั ษณะมืนตาไม่ได้ เม่ือมืนตานำ้�ตาไหล มีอาการคอตก เรยี ก ทรางคอหัก ทรางที่มลี ำ�คงิ เหมอื นขมิน้ สีเหลอื ง ฝา่ มอื ด�ำ เวลาจะขึ้นต้ังแตต่ ะวนั ตก ดนิ ไปถงึ รุง่ ขึ้น เรยี กทรางเหลือง ทรางที่มีฝ่ามือฝา่ ตนี เหลือง ขแ้ี ฮ้ (รกั แร้)ทั้งสองสีด�ำ ไปถึงตนี ผม กิน น้ำ�ลงไปเสียงน้ำ�จะดังตั้งแต่ฮูคอถึงท้องเวลาไข้ขึ้นมีอาการป่วง ไข้จะมีอาการ 223 ประมวลต�ำ รับยา อโรคยาศาล

ตงั้ แตต่ ะวันสอดขือ่ จนถงึ เวลาตีกลองเดิก เรียดไขท้ รางขาว ทรางที่มีลักษณะมึนตีนมนึ มือ ตาแดงเปน็ เลอื ด หนหวยดน้ิ ไปดิน้ มาไม่ หยดุ เรยี กทรางเมย ทรางทมี่ ีลกั ษณะปวดแขง้ ปวดขา ล�ำ คิงเย็น ปลายตีนปลายมอื ขาว เรยี ก ทรางหนา้ ดอก ทรางที่มีลกั ษณะเมอ่ื ไข้ข้ึนจะชักแอนชักแงนทรุ นทุราย เรียกทรางแอน ทรางแงน ทรางทม่ี ีลกั ษณะล�ำ แขง้ ขา จ่อย ทอ้ งใหญ่ กนิ อะไรลงไปขงั อยู่ เรยี ก ทรางขโี้ ผ้ โรคปะดง ปะดงเปน็ โรคชนดิ หนง่ึ มีลกั ษณะคล้ายโรคทรางมหี ลายชนดิ คนท่ีเป็น โรคปะดงสว่ นมากเป็นคนที่มอี ายุกลางคนขน้ึ ไป โดยมากเป็นผู้หญงิ ซงึ่ มีรา่ งกาย อว้ นท้วนสมบูรณ์ กินยาแกป้ ะดงแลว้ ๒-๓ วัน โรคปะดงหายแลว้ กลบั เป็นข้นึ ใหม่ คลา้ ยกับโรคดื้อยา ไดเ้ คยถามหมอรักษาโรคปะดง หมอบอกว่าโรคน้ีต้ังชอ่ื ใหม้ นั ไมถ่ ูก ชือ่ ท่ถี ูกนา่ จะเปน็ ปา่ ดง เพราะรักษาใหห้ ายเดด็ ขาดไดย้ ากเหลือเกนิ ชื่อของโรคปะดง โบราณว่าไว้ดังนี้ ไข้ทม่ี ีอาการปวดร้อนตามรา่ งกาย ความร้อนวงิ่ ไปตามเส้นเอ็น เรยี กปะ ดงไฟ ไข้ท่ีมีอาการเจ็บปวดตามส่วนของร่างกายหรือเจ็บปวดว่ิงไปตามเส้น ตามเอ็นเรยี กปะดงเสน้ ปะดงเอน็ ไข้ที่มีอาการมึนตึงตามข้อมือข้อเท้าแข้งขาเดินไปมาไม่สะดวกถ้าป็น หนักนอนอยู่กับท่ีไปมาไม่ได้หรือพลิกไปมาไม่ได้ต้องอาศัยลูกหลานช่วยเหลือ เรยี กปะดงล่อย ไขท้ ีม่ อี าการฝีขนึ้ เหมือนปลาเป้าหนั ใจฝดื บางคร้ังผอมลง บางทีเรียกปะ ดงไค่ ปะดงฟกกว็ ่า 224 ประมวลต�ำ รับยา อโรคยาศาล

ไข้ทม่ี อี าการคันตามล�ำ ตวั บางทีเป็นตุ่ม บางทไี มเ่ ปน็ ตมุ่ อาการคนั นัน้ ว่ิงไปตามเส้นตามเอ็นปะดงคัน ไขท้ ่มี ีอาการบวมตามลำ�ตวั ตามแข้ง ตามขา ตามหู ตามตา บางคร้งั กแ็ วบลง บางทกี ็นนู ขึน้ เรยี กปะดงลม ไข้ทม่ี อี าการชกั แอนชกั แงน ไขข้ ึ้น ถ้าเวลาไขล้ งกเ็ ปน็ ปกติเรยี กปะดง ชักแอนชักแงน ไข้ที่มีอาการเมื่อเวลาเป็นโรคจะมีอาการปวดหัวมัวตาเจ็บตาม แข้งตามขาท่ีหนักท่สี ดุ คอื หัวเรยี กปะดงถอื หวั ไข้ที่มีอาการวิงเวียนสวิงสวอยไปไม่รู้สึกตนตัว ต้องบีบคั้นเส้นเอ็นจึงรู้ สึกตัวเรียกปะดงวนิ ไข้ที่มีอาการเมื่อยตามตนตัว ยกมือยกขาไม่ขึ้น หรือขึ้นก็อ่อนเพลีย เรียกปะดงเม่อื ย ไขท้ ่มี ีอาการเปน็ จดุ หรือตุม่ เลก็ ๆ สีแดง ตามแขง้ ขา หู ตา จมกู หรอื ทใี่ ดท่ีหน่ึงเรียกปะดงเลือด ไข้ทม่ี ีอาการแน่นหน้าอก กนิ อาหารลงไปแล้วไมถ่ า่ ย หรอื ถ่ายแตเ่ พยี ง เล็กนอ้ ยเรียกปะดงล�ำ ไส้ โรคสะดวง สะดวง(ริดสีดวง) เป็นโรคจำ�พวกหนึ่งมีหลายชนิดเกิดในช่องตาเรียก สะดวงตา เกิดในช่องจมูกเรียกสะดวงดัง โรคสะดวงนี้เกิดได้ทั้งภายในและ ภายนอกร่างกายเป็นโรคทร่ี กั ษาได้ยากบางชนิดท�ำ ใหเ้ สยี โฉมไปกม็ ี เชน่ เกดิ ท่ี จมูกถ้าไม่รีบรักษาหรือรักษาแต่ยาไม่ถูกกับโรคทำ�ให้ด้ังจมูกยุบหรือเว้าแหว่งไป ซ่ึงเรยี กว่า ดังวกื หรือวีกไปกม็ โี รคสะดวงนี้โบราณเรียกชอื่ ตา่ งๆดงั น ี้ สะดวงดัง สะดวงทวาร สะดวงลำ�ไส้ สะดวงหงอก สะดวงหนอง 225 ประมวลต�ำ รับยา อโรคยาศาล

สะดวงทอ้ ง สะดวงล้นิ สะดวงตา สะดวงเข้าขอ้ ถ้าเป็นสะดวงชนิดไหนจงเลือกใช้ตำ�ราแผนโบราณอีสานรักษาโรคสะดวงก็จะ หายไปไดต้ ำ�ราเหลา่ น้ีหมอยาอสี านใช้รักษาโรคสะดวงมาต้ังแต่ดึกด�ำ บรรพ์ โรคสะเออะ สะเออะ (สะอกึ ) เปน็ โรคจ�ำ พวกหนง่ึ คอื การหายใจชะงกั เนอ่ื งจากกะบงั ลม หดตัวช่องเสียงกป็ ดิ ตามมาพรอ้ มกนั สะเออะบางชนิดถ่ี บางชนิดห่าง สาเหตุ ท่ีทำ�ให้สะเออะอาจจะมีหลายอย่างบางอย่างเกิดจากวาโยกำ�เริบคือเกิดลมตีขึ้น เบือ้ งบนมักปรากฏให้เห็นทวั่ ไปในบุคคลที่ไมเ่ จ็บป่วย สะเออะแบบนร้ี กั ษาง่าย หายทันที เมอ่ื เกดิ สะเออะขนึ้ มาให้เอาชอ้ นตกั เอาน้�ำ ตาลทรายขาว ๑ ช้อน บบี มะนาวลงไปพอกลนื ลงถึงทอ้ งสะเออะจะหายทันทไี มเ่ ชอ่ื ทดลองดูได้ ส่วนสะเออะที่เกิดจากเจ็บป่วยเม่ือไข้ข้ึนสูงจะสะเออะทันทีอาการท่ีจะเอ อะนั้นจะทำ�ให้ลำ�บากใจถ้ารักษาไม่ถูกจะสะเออะเป็นเวลาหลายวันแต่ไม่ทำ�ให้ ตายเป็นเพยี งโรคแทรกซ้อนชนิดหนึง่ ซึง้ ทำ�ให้เกดิ ความตระหนกตกใจ โรคสาระบาด สาระบาดเปน็ ไข้ชนิดหนงึ่ ภาคกลางเรยี กไข้สนั นบิ าตโรคชนดิ นมี้ กั เป็น ในคนแก่ไม่เลือกผู้หญิงหรือผู้ชายเวลาเป็นไข้ชนิดน้ีจะมีอาการเหง่ือตกวิงเวียน ไมร่ สู้ ึกตัวเหมือนเปน็ ลมโดยมากมักจะเป็นในผทู้ มี่ รี ่างกายอ่อนแอ โรคนี้ถา้ รกั ษา ให้ถูกวิธีจะหายในทันทีทันใดหากรักษาไม่ถูกวิธีและวางยาไม่ถูกแก่โรคอาจจะ ตายภายใน ๒๔ ชว่ั โมง ช่ือของโรคและอาการของโรค หมอโบราณอสี านกล่าว ไวด้ ังน้ี ไข้ท่ีมอี าการรอ้ นตามรา่ งกายเหงอื่ ออกมกั อาบนำ้�เรียกสาระบาดไฟ ไขท้ ม่ี อี าการวงิ เวยี นปวดหวั มวั ตากระดกิ ไปกระดกิ มาเรยี ก สาระบาดวนิ 226 ประมวลตำ�รบั ยา อโรคยาศาล

ไขท้ ี่มีอาการชกั ผลุดลกุ ผลุดนั่ง หัวเราะวิงไปมา เรียกสาระบาดป่วง ไขท้ ม่ี ีอาการนอนนิง่ ไมร่ สู้ ึกตัวใครจะท�ำ อะไรกไ็ มร่ ้สู ึก เรียกสาระบาดจม ไขท้ ี่มีอาการไมพ่ ูดจาไมล่ มื ตาหลับตาเหมอื นคนนอนหลับเรยี กสาระบาด กุมภณั ฑ์ ไขท้ ี่มอี าการมองดูใครจะพูดจะจากันทีไ่ หนใครจะทำ�อะไรมกั มองไปเรยี ก สาระบาดสอ่ ง ไข้ท่มี ีอาการปวดหัว การปวดหวั น้นั ปวดเฉพาะหวั ขา้ งขวาข้างซา้ ยไม่ปวด เรียก สาระบาดตัวผู้ ไข้ท่ีมอี าการปวดหวั การปวดหวั นน้ั ปวดเฉพาะหวั ข้างซ้ายขา้ งขวาไมป่ วด เรียก สาระบาดตัวแม่ ไข้ทีม่ อี าการปวดหวั หนักลกุ ไปมาไม่ได้ ไมอ่ ยากข้าวอยากน้ำ� หลู ายตา ลายเห็นอะไรจ�ำ ไม่ไดล้ ักษณะเหมอื นคนฝนั แลว้ ต่นื ขน้ึ เรียก สาระบาดเลอื ด โรคฮาน ฮานเป็นโรคชนิดหนึ่งหมอแผนปัจจุบันเรื่องโรคกษัยโรคน้ีเกิดในผู้ชาย ที่สูงอายุเม่ือเกิดข้ึนแล้วทำ�ให้ผอมแห้งแรงน้อยกินยากถ่ายยากโดยเฉพาะ ปสั สาวะ เวลาถ่ายจะมีสีเหลอื งขุ่นข้นและขดั ลำ�กล้อง โรคฮานน้ีมหี ลายชนดิ เชน่ ฮานนำ้� ฮานเลอื ดเปน็ ตน้ โรคนว่ิ นิ่วเป็นโรคภายในชนิดหนึ่งเกิดที่กระเพราะปัสสาวะ ถุงน้ำ�ดี เป็นต้น เป็นโรคที่รักษายาก คนโบราณเป็นโรคนิ่วกันมากเนื่องจากกินน้ำ�ไม่สะอาด ตะกอนของดินหรือหิน ไปนอนทับกันอยู่ที่กระเพาะปัสสาวะ คนโบราณใช้ยา รกั ษา ถา้ น่ิวโตยาก้อขับออกไม่ได้เว้นแตน่ ิว่ เล็กเม่อื กินยาเขา้ ไปยาจะขบั ไล่หลุด ออกมา หมอแผนปัจจุบันใช้การผ่าตัดเอาน่ิวออก นิว่ บางรายโตมากเมอ่ื เอามา กองหลายๆราย นิ่วจะสงู คลา้ ยภูเขาเต้ยี ๆ 227 ประมวลต�ำ รับยา อโรคยาศาล

โรคผ�ำ ้ ฝีชนดิ หนึ่งมักเกิดจากการทิม่ แทงดว้ ยเหล็กไล ขวากหนามหรือเกิดจาก ก้าง เง่ยี งของปลา เป็นตน้ มักปกั อยู่สว่ นใดสว่ นหนึ่งของร่างกาย เม่ือบาดแผล หายสนิทแลว้ เกดิ อาการปวดขึน้ ลักษณะเชน่ นแี้ ล โบราณเรียก ผ�ำ้ กินของผิด การกินของผิด (แสลง) ก็เป็นโรคชนิดหนึ่ง จำ�ต้องรักษาถ้าไม่รักษา ก็ไม่หาย คนที่กินของผิดส่วนมากเป็นคนป่วย เมื่อป่วยแล้วกินอาหารอะไร แสลงต่อโรค โรคนัน้ จะก�ำ เรบิ ขึน้ ผู้ท่ีกินของผดิ มักจะเปน็ ผหู้ ญิงท่คี ลอดลูก คน คลอดลกู จะคะลำ� (เวน้ ) ของกนิ ถา้ กินอาหารอะไรที่มีรสลงไปมักจะไปแสลงกบั โรค ดงั นน้ั ยาแกก้ นิ ของผดิ ของหมอโบราณจงึ มหี ลายขนาน สว่ นผชู้ ายทเ่ี จบ็ ไขไ้ ด้ ปว่ ย เมือ่ กนิ อาหารอะไรลงไปแลว้ อาหารจะไปแสลงกบั โรคกม็ อี ยบู่ ้างแตไ่ ม่มาก เหมือนผูห้ ญิง โรคฝี ฝีเป็นโรคชนิดหนึ่ง เป็นทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ชนิดที่เป็น ภายในโบราณเรยี กฝีในท้อง แตห่ มอแผนปัจจุบันเรยี กวรรณโรค โรคฝีในทอ้ ง โบราณรักษาให้หายได้ยากมากส่วนโรคฝีภายนอกรักษาให้หายได้ไม่ยากนัก ยาแผนโบราณเกี่ยวกับโรคฝีนั้นโบราณมีหลายขนาน ถ้าขนานหนึ่งรักษาไม่ หายกเ็ ปลีย่ นไปรักษาขนานใหม่ โรคฝโี บราณมีหลายชนดิ แตล่ ะโรคเรียกชื่อไป ตามลักษณะของฝี ฝนี ้ันโปราณเรยี กช่อื ต่างๆ ดงั นี้ ฝหี ัวเอ็น ฝีทน่ี ม ฝสี ำ�บาย ฝหี วั บาน ฝีปลาคอ่ (ฝที ่เี ป็นแต่เอวลงมา) 228 ประมวลต�ำ รบั ยา อโรคยาศาล

ฝีในทอ้ ง (วรรณโรค) ฝีหัวเอี่ยน (หรือฝที ด่ี ูนเอ่ียน) ฝีหัวคว�่ำ ฝีปะอาก (ฝีทเี่ ปน็ แต่เอวขน้ึ ไป) โรคฟก ไค่ ฟก ไค่ เป็นโรคจำ�พวกหนึ่ง มีหลายชนิด เกิดจากธาตุสี่พิการบางที เรียกฟก บากที่เรียกไค่ อาการที่เนื้อบวมช่้ำ�พราะถูกกระทบกระแทกอย่างแรง เรียกฟก หรอื ฟกช้ำ�ดำ�เขียวก็วา่ อาการทีเ่ น้ืออมู หรอื นนู ขน้ึ เพราะอกั เสบหรอื ฟกช้�ำ เปน็ ต้น เรียกไค่บา้ ง เรียกโป หรอื โน กว็ า่ โรค ตา หู จมูก อวยั วะภายในได้แก่ ตา หู จมูก ลิน้ กาย ใจ อวยั วะภายนอกไดแ้ ก่รปู เสียง กล่นิ รส สัมผสั อารมณ์ อวัยวะภายในและภายนอกเกย่ี วถึงกันคือ ตาดูรูป หฟู งั เสยี ง จมูกดมกลน่ิ ล้นิ ชิมรส กายถูกต้อง ใจรบั รอู้ ารมณ์ ถา้ อวยั วะภายใน ไม่พกิ ลพกิ ารจะใชป้ ระโยชนไ์ ดเ้ ตม็ ที่ ในอวยั วะภายใน ตาสำ�คัญที่สุด ถา้ ตาพกิ ลพกิ ารแล้ว จักเสียหายไปเปน็ อยา่ งมาก เนอื่ งด้วยตาเปน็ อวยั วะทีส่ ำ�คญั ทสี่ ุด ดงั นนั้ คนเราจงึ เอาใจใส่และ รักษาปอ้ งกันมิให้ตาเสยี หาย โรคมะเฮง็ มะเฮง็ (มะเร็ง) เปน็ ชือ่ โรคชนดิ หนึง่ โรคทเ่ี กดิ ทง้ั ภายในและภายนอก ร่างกาย ที่เกิดภายในรักษายาก เพราะยาทจ่ี ะรกั ษาเข้าไปไม่ถงึ สว่ นทเ่ี กดิ ภายนอกรกั ษางา่ ย เพราะมีวิธีการรกั ษาไดห้ ลายอยา่ ง โรคมะเฮ็งเป็นโรคทรี่ กั ษา ยากมาก เมอื่ โรคน้ีเกิดข้นึ แล้วจะท�ำ ให้เนอ้ื เสยี เน้ือเนา่ หมอจึงจ�ำ เป็นตอ้ งฆ่าเชอื้ ของโรค เชือ้ ของโรคหมออสี านเรียกแมข่ ้ีมะเฮ็ง คือโรคชนดิ น้มี ตี ัว จำ�เป็นต้อง ฆ่าตวั หรอื เชอื้ ให้ตายเสยี กอ่ น จงึ รกั ษาเนื้อทีหลัง ยาฆา่ เชอื้ โบราณเลา่ ไวว้ า่ ให้ 229 ประมวลตำ�รบั ยา อโรคยาศาล

เอาเขียดโมด้ บิ มาฟกั ให้แหลกแล้วโรยท่ปี ากแผลนานประมาน ๓๐ นาที จึงเอาไฟ เผา ขณะท่เี ผาไฟจะไดย้ ินเสยี งแตก เสียงที่แตกนเ้ี รยี กวา่ แม่เฮง็ ตายแลว้ การจะ น�ำ เอายาชนดิ นไี้ ปรกั ษาโรคมะเฮง็ ทเ่ี กดิ ภายในเปน็ เรอื่ งทท่ี ำ�ไมไ่ ด้หมอจงึ จำ�เปน็ ตอ้ งวางยาขนานอื่นเขา้ ไปรกั ษา โรคไอ ไอ เปน็ โรคชนดิ หนง่ึ เกดิ ขน้ึ จากอาการทล่ี มพงุ่ ขน้ึ มาจากปอด โดยแรง ท�ำ ใหเ้ กดิ เสียงดงั ในลำ�คอ เรียกไอ โรคไอ นี้เกดิ ในบคุ คลทุกจำ�พวกไมเ่ ลอื กเดก็ หรอื ผใู้ หญ่ โดยมากมกั เกดิ ในบคุ คลทกุ จ�ำ พวกไมเ่ ลอื กเดก็ หรอื ผใู้ หญ่ โดยมามกั เกดิ ในเวลาทอ่ี ากาศเปลย่ี นแปลงหรอื ในเวลาเปน็ ไข้ บางชนดิ รกั ษาใหห้ ายยาก โรคขท้ี ูด ขีท้ ูด (เรอ้ื น) เปน็ โรคผวิ หนงั ชนิดหนึ่ง ทำ�ให้ผวิ หนังเปน็ ผืน่ ชนดิ ท่ี ท�ำ ใหผ้ ิวหนังเป็นผ่ืนน้ี เรยี กขี้ทดู ชนดิ ทที่ �ำ ใหน้ ้วิ มือนว้ิ เท้ากุด เรยี กกฎุ ฐงั โรค ขที้ ดู และกุฎฐงั นี้เป็นโรคท่ีรกั ษายาก สมัยโบราณโรคชนิดนี้ไม่ค่อยมมี าก ดงั น้นั ยารักษาโรคนี้จึงมีไม่มาก โรคเก่ยี วกบั ลม ในธาตุทงั้ ๔ คอื ดิน น้ำ� ไฟ ลม ซึง่ ประชุมกันอย่ใู นร่างกายของคน เราน้ัน แตล่ ะธาตกุ ็มหี น้าทเ่ี ป็นของตนเอง ไม่ย่งิ หย่อนกว่ากัน หากธาตหุ นง่ึ ธาตุใดยิ่งหย่อนลงไป คือ ทำ�หน้าที่ของตนไม่สมบูรณ์ คือเกินไปบ้างขาดบ้าง น่ันแสดงวา่ ธาตพุ ิการพกิ ลแล้ว โดยเฉพาะธาตลุ มกเ็ ปน็ ส่วนหนง่ึ ทีม่ ีความส�ำ คญั ต่อรา่ งกาย ถา้ ยิ่งหรือหยอ่ นไปเกิดความเสียหายเชน่ ลมหายใจ ถ้าหายใจเข้า แล้วไม่หายใจออก ก็แปลวา่ ความตายเหยียบยา่ งเขา้ มาแล้ว ถ้าไมร่ ีบแก้ไข ต้องตายอยา่ งแน่นอนโดยไมต่ ้องสงสัย 230 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล

โรคทำ�มะลา โรคทำ�มะลา เป็นโรคชนดิ หนึ่ง เปน็ ท้งั ภายในและภายนอก ทเ่ี ปน็ ภายใน เปน็ ในล�ำ คอ ท่เี ปน็ ในล�ำ คอเปน็ ได้สองชนดิ คือ ชนดิ หนึ่งเป็นตมุ่ ในล�ำ คอ เปน็ อยู่ นาน ๓-๔ วนั ตุม่ นน้ั จะแตกมหี นองและเลอื ดไหลออกมา ชนิดทเี่ ป็นตมุ่ นไ้ี มร่ า้ ย แรง พอแตกแลว้ ก็จะหายไปเอง ชนดิ ทเี่ ป็นเสลดนี้ร้ายแรงมาก ถา้ รักษาไม่ทนั ทว่ งที เสลดน้นั จะอดั รคู อตายในทันทที นั ใด ท�ำ มะลาชนิดอดั รูคอตายนี้ หมอแผน โบราณเรยี กท�ำ มะลากักกกื ชายบา้ นทวั่ ไปเรยี กโรคไหลตาย ทเ่ี รยี กทำ�มะลากักกื กนนั้ เพราะเม่ือเปน็ แล้วจะพดู ไมไ่ ด้ กายใจไมอ่ อก ถ้าไมข่ ับเสลดในล�ำ คอออก จะ ตายในไม่ก่ีนาที โรคท�ำ มะลาเป็นทัง้ ภายในและภายนอก มชี อ่ื เรียกต่างกันดงั น้ี ท�ำ มะลากกั กกื ท�ำ มะลาออ้ งควาย ท�ำ มะลาผ้งแก้ม ทำ�มะลาเดอื ยไก่ ทำ�มะลาตัวผตู้ ัวแม่ ท�ำ มะลาจับล�ำ คอ ทำ�มะลาจับข้างหนา้ โรคกะบนู กะบูนเป็นโรคจำ�พวกหนึ่ง มีหลายชนิด เป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สาเหตเุ กดิ จากการเสยี เลอื ดเนือ้ ผูห้ ญงิ เวลาคลอดลกู เลอื ดท่ีเสยี ออกมาไมห่ มด หรอื เวลาคลอดแล้วอยู่ไฟไมไ่ ด้ กนิ อาหารที่แสลงต่อโรค เลือดท่ีเสียหมกั หมม อยู่ภายใน ถ้าไมร่ เุ ลือดทีเ่ สยี ออกมาใหห้ มด เลอื ดจะกลายเป็นพษิ อาการเช่นนี้ หมอแผนโบราณเรียกวา่ กะบูนเลือด ส่วนผชู้ ายก็เกดิ โคกะบูนไดเ้ หมือนกัน เชน่ ตกตน้ ไม้ ควายชน หรือทุบตอ่ ยตบตีกนั เลอื ดทีเ่ สียหมักหมมอยู่ภายในร่างกาย 231 ประมวลต�ำ รบั ยา อโรคยาศาล

เรยี กกะบนู เช่นกนั กะบนู น้นั มีหลายอย่างคอื กะบนู เลือด กะบนู ลม กะบูนท้อง กะบูนเตา่ กะบนู เลือดไดแ้ กเ่ ลือดที่เสีย เลือดทนี่ ี้ถ้ามีมากจะปรากฏเปน็ กอ้ นเหมอื นมะตมู กะบูนลมได้แก่ลมที่เสียเป็นก้อนเช่นกัน กะบูนท้องได้แก่กะบูนเลือดหรือลมที่ เกิดในทอ้ ง เมอื่ ไม่มชี ือ่ เรยี กกจ็ ะเรียกง่ายๆ ว่ากะบนู ทอ้ ง ส่วนกะบูนเต่ากห็ มาย ถงึ กะบูนเลอื ดและลมนน่ั เอง แต่เม่ือมันเกดข้ึนแล้วจะมีลกั ษณะคล้ายเตา่ จงึ เรียก กะบูนเตา่ 232 ประมวลตำ�รับยา อโรคยาศาล