Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เห็นถูกรู้แจ้ง เล่ม 4

เห็นถูกรู้แจ้ง เล่ม 4

Description: เห็นถูกรู้แจ้ง เล่ม 4

Search

Read the Text Version

วางความยดึ ถอื จึงจะสงบ เหน็ ถกู วา่ งเพราะเห็นความจริง อ. ประเสริฐ อุทยั เฉลิม วางความเหน็ ผดิ ถอดถอนความเห็นผดิ ทีส่ ่ังสมมา ลาทจี กั รวาลที่นึกวา่ ใหญ่ ทีแ่ ทเ้ ล็กกวา่ จิตซะอีก

ขอมอบเป็น ธรรมบรรณาการ แด่ ............................................................ จาก ............................................................

ชมรมกัลยาณธรรม หนังสอื ดีล�ำดับท่ี ๒๓๖ อ. ประเสรฐิ  อุทยั เฉลิม พมิ พค์ ร้งั ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ จำ� นวนพมิ พ์ ๕,๐๐๐ เลม่ จดั พมิ พ์โดย ชมรมกลั ยาณธรรม ๑๐๐ ถนนประโคนชยั  ต�ำบลปากน้ำ�  อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั สมทุ รปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศพั ท ์ ๐-๒๗๐๒-๗๓๕๓ และ ๐-๒๗๐๒-๙๖๒๔ ภาพประกอบ / ออกแบบรปู เลม่ สวุ ดี ผอ่ งโสภา ออกแบบปก คนขา้ งหลงั   พสิ จู นอ์ กั ษร ทมี งานกลั ยาณธรรม พมิ พ์ Canna Graphic โทรศัพท์ ๐๘-๖๓๑๔-๓๖๕๑ สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ การใหธ้ รรมะเป็นทาน ยอ่ มชนะการใหท้ ้งั ปวง www.kanlayanatam.com www.suanyindee.net

สารบญั  เพราะสง่ิ นๆ้ี  เปน็ ปัจจยั  สิ่งนๆ้ี  จงึ เกดิ ขนึ้ .... ๘ ๑๑ .... พระอาจารยอ์ งค์นน้ั ไม่ดี เปด็ แสนสขุ .... ๑๘ ๒๒ .... เชอ่ื ไหมวา่ น.ี่ .เขยี ด  เนกขมั มะ การพรากออกจากสิง่ ยดึ ติด .... ๒๕ ๓๑ .... วธิ ีเลิกยาเสพติด ศาสตราจารย์ .... ๓๕ ๓๗ .... ยาแกอ้ กั เสบกบั พาราเซตามอล เมอื่ น้ำ� หนาว...รดตวั !!! .... ๓๙ ๔๒ .... ห้องน�้ำกับขันธ์ ๕ ขึน้ บนั ไดอยา่ งมน่ั คง.... ๔๔ ๔๘ .... สรรพสงิ่ ท้ังหลายท้ังปวง ล้วนเป็นไปตามเหตแุ ละปัจจยั   คณุ นี่...เป็นเศรษฐีนะ! .... ๕๗

สุขสันต์ปใี หม่ ๒๕๕๖.... ๖๑ ๖๔ .... บ้านเชา่ เลน่ โยคะเป็นกายานุปสั สนาฯ.... ๖๘ ๗๐ .............. ตามด ู ไมต่ ามไป เมฆอยู่บนฟา้  นำ�้ อยใู่ นขวด .... ๘๘ ๙๑ .... ปกป้องพระศาสดา คนเราไมร่ ้อู ริยสจั .... ๑๐๓ ๑๑๗ .... กระแสโลกมนั แรง การเจรญิ สต ิ ตา่ งจากการเจรญิ มรรค อย่างไร.... ๑๒๐ ๑๒๖ .... หนว่ ยศกึ ษา “ข”้ี  กบั  หนว่ ย “ทง้ิ ขี้” ความหว่ งใย.... ๑๒๙ ๑๓๒ .... ลูกของนกั โทษ แอร ์ Inverter.... ๑๓๔ ๑๓๗ .... คดิ เลขได้ ไม่เหน็ ต้องเรยี น คนน่ารังเกยี จ....... ๑๔๕ ๑๔๘ .... นกกบั ต้นไม้

คำ�น�ำ ของชมรมกัลยาณธรรม จากบทความคารมคมกริบ กระตุกสติปัญญาผู้คน ของอาจารย ์ ประเสรฐิ  อุทยั เฉลิม (นกั เขียนระดับ Best Seller ของแวดวงธรรมะ  สมัยใหม)่  ซง่ึ เผยแผ่ในเว็บไซต์สวนยนิ ดีธรรม (www.suanyindee.net)  อย่างต่อเนื่อง มีผู้สนใจติดตามอ่านกันมากมาย ท่านอาจารย์เมตตา  ส่งต่อบทความดีๆ เหล่าน้ีเผ่ือแผ่มายังมวลมิตรผู้สนใจใฝ่ธรรม ท่าน  มอบความไว้ใจให้ชมรมกัลยาณธรรม ได้จัดพิมพ์รวมเล่มเพื่อแจกเป็น  ธรรมทาน ทง้ั หมด ๓ เลม่ แลว้  ซง่ึ เสยี งตอบรบั ดมี าก มผี กู้ ลา่ วขวญั ถงึ   อย่างชื่นชม เพราะเนื้อหาต่างๆ ท่ีเรียงเรียงจากปัญญาแท้ๆ เป็นเน้ือ  เป็นแก่นของธรรมแท้ มีประโยชน์เก้ือกูลในการเดินตามอริยมรรคมี  องค์ ๘ อย่างย่ิง ทั้งน้ี บริษัทอมรินทร์พริ้นต้ิง แอนพับลิชช่ิง จ�ำกัด  (มหาชน) ได้นำ�  เห็นถูก รู้แจ้ง เล่ม ๑ ถึง เล่ม ๓ ไปจัดรวมเล่มใหม่  ในช่ือ มองเป็นเหน็ ถกู กพ็ น้ ทกุ ข์

6 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ในโอกาสนช้ี มรมกลั ยาณธรรมไดร้ วมบทความของอาจารย ์ ตพี มิ พ์  เปน็ เลม่ ท ี่ ๔ โดยไดร้ บั การอนเุ คราะหว์ าดภาพประกอบโดยศลิ ปนิ ใจบญุ   ทำ� ภาพสสี่ ที งั้ เลม่ อยา่ งงดงาม แตด่ ว้ ยงบประมาณทจี่ ำ� กดั  จงึ จำ� เปน็ ตอ้ ง  พมิ พส์ เี ดยี ว ซงึ่ ทกุ ทา่ นจะไดช้ มภาพเลม่ สส่ี ใี น E-book และในเวบ็ ไซต์  ขออนโุ มทนาทกุ ท่านที่มสี ว่ นร่วมในธรรมทานชดุ นี้ ท่านอาจารย์ประเสริฐ มีความเสียสละทุ่มเทต่องานเผยแผ่ธรรม  อย่างยิ่ง ด้วยกลยุทธ์การน�ำเสนอท่ีเฉียบคม ทันสมัย ขยันหาข้อมูล  เตรยี มการบา้ นสอื่ การสอน อา้ งองิ ทมี่ าจากพทุ ธพจนน์ �ำมาขยายความ  ให้เข้าถึงธรรมแท้ ท้ังมีกล้าหาญทางจริยธรรม กล้าช้ี กล้าแนะ ไม ่ เกรงใจกเิ ลสของใคร ทกุ ทา่ นตา่ งยอมจำ� นนในแงม่ มุ คมกรบิ  แอบบอก  ตัวเองว่า ฉันมองผ่านเร่ืองส�ำคัญต่างๆ เหล่าน้ีไปได้อย่างไร ท่าน  อาจารยเ์ หมอื น “ครจู จู้ ”้ี  ทไ่ี มเ่ หนอ่ื ยไมท่ อ้ ในอดุ มการณธ์ รรมอนั เปย่ี ม  เมตตา คอยชขี้ อ้ ควรระวงั  ในมมุ ทเี่ ราประมาท สง่ิ ทจี่ �ำเปน็ ตอ้ งร ู้ ตอ้ ง  เข้าใจ ต้องยอมรับ เพ่ือความพ้นไปจากส่ิงช่ัวร้าย และบาปธรรม ซึ่ง  ทง้ั หมดมนั กอ็ ยใู่ นใจเราเองทง้ั นนั้  แตเ่ รากลบั ไมเ่ หน็ เพราะอยกู่ บั มนั จนชนิ   เม่ือใครโชคดีได้สดับธรรมของท่าน ธรรมะก็จะไม่กลายเป็นของแสลง  ส�ำหรับคนไกลวัดและไม่สนใจธรรมะอีกต่อไป และเม่ือเปิดใจรับ ท่าน 

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 7 จะเมตตาชใ้ี หเ้ หน็  วา่ เราตอ้ งปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม และตอ้ งปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร  เพือ่ ความเปน็ มัคคานคุ าแทจ้ ริง ขอกราบขอบพระคณุ ในความกรณุ าของทา่ นอาจารยเ์ ปน็ อยา่ งสงู   ท่ีไม่เคยท้อถอย อ่อนล้า ที่จะท�ำหน้าท่ีร้องป่าวประกาศ บอกนักโทษ  ขา้ มภพขา้ มชาตทิ ง้ั หลาย ใหพ้ ากนั เดนิ ออกจากคกุ แหง่ สงั สารวฏั น ้ี คณะ  ผู้จัดท�ำมีความม่ันใจในคุณภาพงานเขียนของท่านอาจารย์ จนไม่ต้อง  เชิญชวนว่า หนังสือเล่มนี้มีคุณค่าเหลือเกินกับชีวิตของทุกท่านท่ีสละ  เวลาอ่าน และโยนิโสมนสิการ น้อมน�ำมาปฏิบัติ ไม่เข้าข้าง ไม่มัว  ปกป้องกิเลสตัวเองอยู่ ขออนุโมทนาทุกท่านท่ีได้รับแผนท่ีช้ีทางท่ ี ชัดเจน เพ่อื เดินออกจากคุกไปสอู่ สิ รภาพชวั่ นริ นั ดร กราบขอบพระคณุ และอนุโมทนาทุกทา่ นค่ะ ทพญ.อจั ฉรา กล่ินสวุ รรณ์ ประธานชมรมกลั ยาณธรรม

8 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ๑ เพราะสิง่ นๆ้ี  เป็นปจั จัย สง่ิ นี้ๆ จึงเกิดขึน้ เปิดไฟ ไฟติด กดสวิตช์ > ไฟติด > อ่านหนังสือ (ถ้าไม่มีไฟ  เวลาน้ันไม่ได้อ่าน เรื่องจากนี้อาจเปล่ียนไปเป็นอย่างอ่ืนแทน) เมื่อ  ไดอ้ า่ น > เกดิ ความร ู้ เกดิ ปญั ญา > พน้ ทกุ ขไ์ ดใ้ นเวลานน้ั  > จงึ สนใจ  สกู่ ารปฏิบัติ หากไฟไมต่ ดิ เรอื่ งอาจจะเปลย่ี นไป กดสวติ ช ์ > ไฟไมต่ ดิ  ไฟดบั  >  เดนิ ไปหยบิ ของในตเู้ ยน็  > มองไมเ่ หน็  > มอื ปดั แกว้  > แกว้ ตกแตก >  เดินไปเหยยี บแกว้ แตก

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 9 เพราะส่ิงน้ีๆ เป็นปัจจัย สิ่งน้ีๆ จึงเกิดขึ้น ตลอดเวลาเรื่องราว  ในชีวิตอาจเปลี่ยนไปจากเหตุปัจจัย ท�ำให้ไปพบเรื่องอื่นๆ หากท�ำ  เหตดุ  ี ผลจะด ี หากสรา้ งเหตไุ มด่  ี ผลจะพาไปพบกบั สง่ิ ทไ่ี มด่  ี ดงั นน้ั   ทุกวนิ าท ี สตปิ ญั ญาจะเปลยี่ นชีวติ หันเหเขา้ ส่กู ศุ ล กดสวติ ช ์ เปน็ เหต ุ ไฟตดิ เปน็ ผล > ไฟตดิ เปน็ เหต ุ > อา่ นหนงั สอื   เปน็ ผล > อา่ นหนงั สอื เปน็ เหต ุ > เกดิ ปญั ญาความรเู้ ปน็ ผล > เกดิ   ปัญญาความรเู้ ปน็ เหตุ > สร้างประโยชนใ์ ห้กับสังคมเป็นผล >.... แต่หากมีโมหะ, โลภะ ผลอาจเปล่ียนไป ผลจะกลายเป็นเหตุ  เหตกุ ไ็ ปสรา้ งผล > ... หรอื  > ตกั ตวงผลประโยชนเ์ ขา้ ตวั  ท�ำทจุ รติ   เป็นผล >....  นค้ี อื ความเปน็ อทิ ปั ปจั จยตา เพราะมเี หตจุ งึ เปน็ ผล แลว้ ผลจะ  กลายเป็นเหตุตอ่ ไป และไปสรา้ งผล ไมม่ ที ่สี นิ้ สดุ เหน็ หรอื ไมว่ า่  แตล่ ะทางเลอื กหรอื ทางสองแพรง่  มอี ยเู่ ปน็ ระยะๆ  วา่ ผลอาจเปลย่ี นจากกศุ ลเปน็ อกศุ ล หรอื ไมก่ เ็ ปลยี่ นจากอกศุ ลเปน็ กศุ ล  ดงั นน้ั การเปลย่ี นนนั้ ตอ้ งมสี ตปิ ระกอบ เพอื่ ใหก้ ารสรา้ งเหตเุ ปน็ การ  สรา้ งกุศล

10 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ฝึกที่จะเห็นอย่างน้ีในทุกๆ เรื่องแล้วจะวนเข้าสู่ปัญญาในระดับ  ปฏิจจสมุปบาท จนวมิ ุตตไิ ด้ด้วยมมุ มองเดยี วกนั รปู นามในโลกในจกั รวาลอยภู่ ายใตก้ ฎนท้ี งั้ หมด ลองเอาไปจบั ดู  ให้เห็นด้วยตัวเอง แล้ววันหน่ึงจะเข้าถึงอนัตตาธรรม จนเห็นว่า  มนั เปน็ ของมนั อยา่ งนเ้ี อง ไมม่ อี ะไรเปน็ ตวั เปน็ ตนใหย้ ดึ ถอื  สรา้ งเหตุ  ที่ดีไว้ จนวันหน่ึงท�ำแต่เหตุไม่ยึดผล ไม่สร้างผู้ท�ำเหตุ จะอยู่ใน  สภาพ “นอกเหต ุ เหนือผล” ๒๒ กันยายน ๒๕๕๕

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 11 ๒ พระอาจารย์องคน์ ัน้ ไม่ดี เหรอ...ท�ำไมทา่ นไมด่ ลี ะ่  ฉันว่าท่าน...ไมน่ ่าทำ� อย่างน้ันเลย ผมวา่ จะบอกวา่ องคไ์ หนเปน็ อยา่ งไร ใหเ้ อาธรรมวนิ ยั มาวดั ดกี วา่   อยา่ เอาความรสู้ กึ ของเราเปน็ ตวั วดั เลยวา่ องคไ์ หนดหี รอื ไมด่  ี เพราะ  แมธ้ รรมวนิ ยั เองยงั ยากทจี่ ะบอกไดว้ า่ ทา่ นดหี รอื ไมด่  ี หากเอาธรรม  วินัยข้อท่ีเล็กๆ น้อยๆ มันเสี่ยง ผิดพลาดไปก็จะสร้างเวรเปล่าๆ  เพราะเทา่ ทฟ่ี งั  มนั เกดิ ขน้ึ มาจากมาจากความคดิ เหน็ ของ “ก”ู  ทงั้ นน้ั   เลย ซง่ึ อยา่ งนัน้ เราสรา้ งมโนกรรมไปแลว้

12 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ องคน์ นั้ ดถี กู จรติ  เอาใหแ้ นน่ ะวา่ จรติ  ทพี่ ดู นนั้ ไมใ่ ชก่ เิ ลสยอ้ มใจ  ให้พูดล่ะ จริตที่ว่ามักจะมาจากปฏิบัติสบายๆ หรือสนุกดีอย่างท่ีคน  ทวั่ ๆ ไปชอบ ระวงั ดๆี  นะ ทว่ี า่ ชอบนน่ั มนั เปน็ แบบทพี่ าไปสหู่ นทาง  พ้นทุกข์รึเปล่า หรือให้ย้อมจิตยึดติดในเร่ืองน้ันเพ่ิมขึ้นไปอีก ไป  สวนสนกุ กช็ อบ ไปทำ� จติ อาสากช็ อบ ไปแคม้ ปป์ ง้ิ กช็ อบ เอาชอบเปน็   เครอ่ื งวดั หรอื ? เพราะการบ�ำเพญ็ ภาวนานน่ั ฝนื กเิ ลส เผากเิ ลส มนั   อาจไม่ใช่อย่างที่ใครๆ ชอบ แต่เพราะเห็นโทษภัยจึงเกิดความพอใจ  ที่จะมุ่งมัน่ กระทำ� ใหถั งึ ที่สดุ คำ� วา่ จรติ  หมายความอยา่ งทเ่ี ราเขา้ ใจรเึ ปลา่  จะยกตวั อยา่ งสกั   ตวั อยา่ งหน่ึง สมยั พทุ ธกาล ภกิ ษหุ นมุ่ ลกู ศษิ ยพ์ ระสารบี ตุ ร เพงิ่ บวชใหม ่ พระ  สารบี ตุ รจงึ แนะนำ� ใหเ้ จรญิ อสภุ กรรมฐานเปน็ ฐานแหง่ การปฏบิ ตั  ิ แต่  ผา่ นไป ๔ เดอื นกลบั ไมม่ อี ะไรดขี นึ้  เขา้ ไมถ่ งึ แมป้ ฐมฌาน พระสาร-ี   บตุ รจึงพาไปกราบพระพุทธเจ้า พระองคจ์ งึ ทรงแนะนำ� ใหภ้ กิ ษหุ นมุ่ นนั้ ไปนง่ั เพง่ ดอกบวั ดว้ ยกสณิ   สีแดง โดยให้ท่อง “โลหิตัง..โลหิตัง..” จากน้ันไม่นาน ก็เร่ิมเข้าสู ่

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 13 ปฐมฌานจนถงึ ฌานท ่ี ๔ ชว่ งนนั้ เองดอกบวั ทเ่ี พง่ เหยี่ วลง จติ ใจของ  ภกิ ษหุ นมุ่ กเ็ รมิ่ เหย่ี วลงตามดอกบวั  ภกิ ษนุ นั้ เกดิ ปญั ญาเหน็ วา่ เพราะ  เราเริ่มยึดติดผูกพันกับดอกบัว (เกิดอุปาทาน) ใจจึงเห่ียวทุกข์เศร้า  หมองไปด้วย เพราะขณะนั้นอ�ำนาจของความต้ังมั่นในฌานจึงเกิด  เปน็ ปญั ญาถอดถอน เมอื่ ถอนอปุ าทานในขนั ธไ์ ดเ้ พราะเกดิ ความเหน็   ถกู  จงึ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ มาดูประเด็นเรื่องน้ีกัน ที่เราชอบพูดว่าองค์นั้นองค์นี้ไม่ดี  ตกลงเรอื่ งเป็นอย่างไร ๑. พระสารบี ตุ ร ไมด่ หี รอื ทส่ี อนศษิ ยไ์ มต่ รงจรติ ? นที่ า่ นเมตตา  มากนะ ยังว่าไม่ดีอีกหรือ? ย้อนกลับมาดูดีๆ ใครจะบรรลุนั้นต้อง  ทำ� เอาเอง แมน้ พระพทุ ธเจา้ ยงั บอกวา่  “ตถาคตเปน็ เพยี งผบู้ อกทาง..”  ไม่มีใครรับผิดชอบใครได้จริงๆ หรอก มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนภายใต้  วบิ ากกรรมอีก

14 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ๒. พระพทุ ธเจา้  ทา่ นใหก้ รรมฐานตรงกบั จรติ  เพราะทา่ นบอกวา่   ภิกษุน้ีเป็นพุทธเวไนยยะ ซึ่งต้องรู้ธรรมจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น  สาวกชใี้ หไ้ มไ่ ด ้ ถา้ อยา่ งนจ้ี ะพระสารบี ตุ รหรอื สาวกองคใ์ ดๆ กไ็ มม่ ที าง ๓. จรติ ของภกิ ษหุ นมุ่ นน้ั  แมร้ ะดบั พระสารบี ตุ รยงั อาจใหก้ รรม-  ฐานไมต่ รง เพราะทา่ นไมใ่ ชส่ พั พญั ญ ู ทงั้ ๆ ทท่ี า่ นเองเปน็ อคั รสาวก  เบ้ืองขวาผู้เป็นเลิศด้านปัญญา ลูกศิษย์เองต้องท�ำเอง รับผิดชอบ  ตนเอง ครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่ก็สอนรวมๆ ตามที่ท่านเข้าใจและ  สง่ั สมมา นนั่ ไมไ่ ดแ้ ปลวา่ ลกู ศษิ ยจ์ ะทำ� ไดอ้ ยา่ งทที่ า่ นสอน และคำ� วา่   ลกู ศษิ ยจ์ รงิ ๆ แปลวา่ อะไร? เราฟงั คำ� สอนทา่ น ไปปฏบิ ตั ใิ นสำ� นกั ทา่ น  กเ็ ลยเรยี กตวั เองวา่ เปน็ ลกู ศษิ ยท์ า่ นหรอื ? ความเปน็ จรงิ นน้ั คอื อะไร  ศิษยเ์ ลอื กอาจารยห์ รืออาจารยเ์ ลอื กศษิ ย์ ๔. จรติ คอื ความชอบของฉนั หรอื ? ฉนั วา่ ฉนั ชอบการปฏบิ ตั แิ บบ  อาจารยอ์ งคน์ ้นี ะ...เหรอ ถา้ วนั ไหนรสู้ กึ ศรทั ธาเปลยี่ นไปเพราะไมไ่ ดด้ ง่ั ใจเรา เรากจ็ ะรสู้ กึ   วา่ คนนน้ั คนนไี้ มด่  ี ไมจ่ ดั การตวั เอง ดแี ตโ่ ยนความผดิ ไปทผ่ี อู้ น่ื  คนมี  “ก”ู  จะโยนความผดิ ใหค้ นอน่ื ไวก้ อ่ น ทง้ั ๆ ทตี่ นเองไมพ่ ยายามพฒั นา 

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 15 จิตใจ สตปิ ัญญา ลดละเลกิ กามคุณอยา่ งจริงจงั เลย นอกจากความ  กา้ วหนา้ ไมม่  ี กย็ งั สรา้ งอกศุ ลกรรมไมห่ ยดุ หยอ่ น คนทเ่ี ราวา่ เขาดไี มด่  ี นน้ั  จะดไี มด่  ี ดดู ๆี  วา่ ทา่ นนนั้  ทเ่ี ราวา่  อาจดกี วา่ เรารอ้ ยเทา่ พนั เทา่   ทง้ั การปฏบิ ตั ติ น ความเหน็ แกต่ วั กย็ งั นอ้ ยกวา่ คนทวี่ า่ ทา่ นตงั้ มากมาย  นนั่ ก็ยังไมด่ ีเพราะ กเู หน็ แตต่ วั  “กู” เอง กูนะ่ ดหี มด หันกลับมาช�ำระตนเองน่าจะเป็นทางท่ีดีที่สุด หากจริตตัวเอง  เป็นอยา่ งไรไม่รู้ กเ็ พยี รฝกึ สติสัมปชญั ญะในแตล่ ะขณะให้มาก มศี ลี   เพียรระวัง ทจุ ริต ๓ กายทจุ รติ  วจีทุจรติ  มโนทุจริตไว้ ตอนนร้ี ลู้ มหายใจไว้ หลบั ตาลงสกั พักกอ่ นอ่านตอ่ .... อารมณ์ต่างไปไหม? อ่านข้อความที่เป็นธรรมะใจเป็นกุศลหรือ  อกศุ ล น่ีล่ะที่เรียกว่าท�ำความเพียร มันยากตรงไหน? มาดูเนื้อเร่ือง  พวกท่ชี อบเพง่ โทษว่าผ้อู น่ื อย่างนัน้ อยา่ งนไี้ ม่ยอ้ นดูตนกัน

16 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ครั้งนั้นพระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภ  พระเถระรปู หนงึ่  ช่ืออุชฌานสญั ญี คุณวิเศษไม่เกดิ แกผ่ เู้ พ่งโทษผูอ้ ่นื   ได้ยินว่า พระเถระรูปนั้นเที่ยวแส่หาความผิดของภิกษุทั้งหลาย  เหลา่ นนั้ วา่  “ภกิ ษนุ กี้ น็ งุ่ ผดิ อยา่ งน ้ี ภกิ ษนุ ก้ี ห็ ม่ ผดิ อยา่ งน.ี้ ” พวกภกิ ษ ุ กราบทูลแด่พระศาสดาว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเถระช่ือโน้น  ชอบทำ� แบบน้ี.” พระศาสดาตรสั ว่า  “ภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษผุ ตู้ งั้ อยใู่ นขอ้ ปฏบิ ตั แิ ลว้ กลา่ วสอนอยอู่ ยา่ งนี้  ใครๆ ก็ไม่ควรติเตียน, ส่วนภิกษุใดแสวงหาโทษของชนเหล่าอ่ืน  เพราะความมงุ่ หมายทจี่ ะจบั ผดิ  พดู แบบนไี้ ปอย,ู่  บรรดาคณุ วเิ ศษ  มีฌานเป็นต้น คุณวิเศษแม้อย่างหนึ่ง ย่อมไม่เกิดข้ึนแก่ภิกษุน้ัน,  อาสวะท้ังหลายเท่านน้ั  ยอ่ มเจริญอยา่ งเดียว”

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 17 ดังนแ้ี ล้ว จึงตรัสพระคาถานวี้ า่   อาสวะทั้งหลายยอ่ มเจริญแก่บุคคลนน้ั  ผคู้ อยดคู วามผดิ   ของบุคคลอ่นื  ผู้มีความมุ่งหมายในอนั จบั ผิดเปน็ นิตย์ บคุ คลนน้ั  เปน็ ผ้ไู กลจากความสิน้ ไปแห่งอาสวะ ระวงั ! ยิ่งเดนิ ทางยิง่ หา่ งไกลออกไปจากปลายทาง ๒๕ กันยายน ๒๕๕๕

18 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ๓ เปด็ แสนสขุ เมอื่ วนั กอ่ นเดนิ ไปในสวนแห่งหนึง่ ไปกับนกั ปฏิบัต ิ สวนแห่งน้นั   มธี ารนำ�้ ไหล เหน็ เปด็  ๒ ตวั วา่ ยนำ้� หาอาหารกนั อยา่ งมคี วามสขุ  จงึ   ถามข้ึนวา่ เป็ดมันมีความสุขไหม? ผมถาม ก็ดมู นั มีความสุขดีนะคะ ถ้าเราชวนมันมาเป็นคน มันจะมาไหม? ออื ..คงไม่ม้ังคะ มนั คงว่ามันอยอู่ ย่างน้ีก็มีความสุขดีอยูแ่ ล้ว น่นั นะซ ิ แล้วเราอยากไปเป็นนายกฯ ไหม? คงไม่ล่ะค่ะ ปวดหัวกับสารพัดเรอ่ื ง

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 19 แลว้ นายกฯ อยากมาเปน็ เราไหมละ่  ถา้ เราวา่ เราดกี วา่  เขากค็ ง  ต้องอยากมาเปน็ เราซิ กไ็ มค่ ดิ วา่ เขาจะอยากมาเปน็ เราหรอกคะ่  เพราะเรามนั กธ็ รรมดาๆ  ไมม่ อี ะไร สงั เกตไหมวา่ ไมม่ ใี ครอยากไปเปน็ ใคร เปด็ กไ็ มอ่ ยากเปน็ มนษุ ย์  มนษุ ยก์ ไ็ มไ่ ดอ้ ยากเปน็ เปด็  คนไมด่ กี อ็ ยากจะไมด่ อี ยอู่ ยา่ งนนั้  ไมเ่ หน็   จะอยากเป็นคนดีเลย มนั น่ากลวั กต็ รงนีล้ ่ะ รูไ้ หมน่ากลวั ยังไง ถา้ ดเู ผนิ ๆ ไปแลว้ จะเหน็ วา่  แตล่ ะคนแตล่ ะภมู  ิ ถา้ ไมเ่ หน็ ทกุ ขข์ อง  ตัวเองด้วยตัวเอง จะไม่มีใครคิดจะออกจากความเป็นส่ิงนั้นกันเลย  ทกุ คนหลงว่าตวั เองดีกว่าใครๆ กนั หมด เป็ดมันก็วา่ เป็นคนให้โง่ คนก็วา่ เป็นเปด็ ใหโ้ ง่ ผชู้ ายก็ว่าเป็นผหู้ ญิงไม่เอาหรอก ผหู้ ญงิ ก็วา่ ฉนั ไม่ขอเปน็ ชาย

20 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ส่วนทอมกว็ ่าฉนั ขอเปน็ ทอมไปทกุ ชาติทกุ ชาติ ตดุ๊ ก็วา่ ฉนั มคี วามสุขท่ีฉันเป็นอยา่ งน้ี ทกุ ขน์ ะ ทกุ ขจ์ รงิ ๆ การเกดิ  แก ่ เจบ็  ตาย ทกุ ขไ์ มม่ อี ะไรเหมอื น  ยากทส่ี ดุ กต็ รงนล้ี ะ่  ทจี่ ะทำ� ใหใ้ ครๆ รใู้ หไ้ ดว้ า่ ตนทกุ ข ์ แตล่ ะภมู มิ ี  ข้อจำ� กดั ท่ีต่างกันตรงไหนรไู้ หม ทุกภูมิดูจะหลงโง่เหมือนๆ กันเพราะอวิชชาสร้างตัวตนเอาไว้  แต่มีภูมิของมนุษย์ท่ีได้เปรียบกว่าเพ่ือนเขาหน่อยคือมีโอกาสท่ีจะ  ยอ้ นกลบั มาดตู วั เองได ้ เมอ่ื ฝกึ มสี มั มาสตแิ ละสมั มาสมาธ ิ โดยใชศ้ ลี   และสัมมาวายามะขูดเกลาให้พ้นจากสัญชาตญาณ จะเห็นทุกข์และ  รู้ทกุ ขข์ ึ้นมาได้ รรู้ ยึ งั วา่ ผเู้ กดิ สมั มาทฏิ ฐทิ พ่ี ระพทุ ธเจา้ บอกคอื อะไรและสำ� คญั   ตอ่ การพน้ ทกุ ข์แคไ่ หน ความรอู้ นั ใดเปน็ ความรใู้ นทกุ ข ์ เหตใุ หเ้ กดิ ทกุ ข ์ ความดบั แหง่ ทกุ ข์  ทางด�ำเนินให้ถึงความดับแห่งทุกข์ น่ันล่ะเราเรียกว่า สัมมาทิฏฐ ิ เมอื่ นนั้ จงึ จะเหน็ ทผ่ี า่ นมาวา่ โงไ่ มม่ อี ะไรเหมอื น แตจ่ ะไมเ่ หน็ วา่ ผอู้ น่ื  

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 21 โง่นะ แต่จะหาทางช่วยอย่างสุดความสามารถท่ีจะทำ� ให้เขารู้ข้ึนมา  ให้ได้ ไม่ว่าเขาจะเข้าใจได้แค่ไหนก็ตาม หรือถึงแม้ว่าเขาจะด่าจะว่า  จะปรามาสที่ไปยุ่งกับชีวิตเขา ก็จักไม่ยอมหยุดเพราะวันหนึ่งเขาจะ  ร้เู อง ไมว่ า่ วนั นั้นจะมาถงึ เมื่อไหร่ ผมยังจ�ำวันท่ีรัฐจะออกกฎหมายหมวกกันน็อค มีการชุมนุม  ประทว้ งของชาวมอเตอรไ์ ซคเ์ ขยี นปา้ ยประทว้ งวา่  “หวั กมู งึ อยา่ เสอื ก”  แต่ฝ่ายออกกฎหมายก็ดึงดันออกกฎหมายมาจนได้ จนวันหน่ึงคนท่ี  ชปู า้ ยคนนน้ั รถมอเตอรไ์ ซคพ์ ลกิ ควำ�่ แลว้ หวั ฟาดพนื้  เมอื่ เขาลกุ ขน้ึ มา  ด้วยความดีใจท่ีรอดตายมาได้เพราะหมวกกันน็อค เขาจึงจะรู้สึก  ขอบคณุ ในใจลกึ ๆ เองวา่  ดนี ะทเ่ี ขาไมเ่ ชอ่ื ก ู หรอื ไมก่ ข็ อบคณุ ทเี่ สอื ก  กับหัวกู ๒ ตลุ าคม ๒๕๕๕

22 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ๔ เชอื่ ไหมวา่ น.่ี .เขยี ด กอ่ นหนา้ นเี้ ราอาจจะไมร่ จู้ กั หรอื ไมก่ น็ กึ วา่ มนั เปน็ กบ พยายาม  ศกึ ษาหาความรจู้ ากผรู้ บู้ า้ ง จากการเฝา้ สงั เกตบา้ ง จากอนิ เตอรเ์ นต็   บา้ ง จนกระทง่ั ไปดตู ามพพิ ธิ ภณั ฑส์ ตั ว ์ จนฟนั ธงไดเ้ ลยวา่ นค่ี อื เขยี ด ครง้ั หนงึ่ ผมไปทเ่ี กาะพะงนั  ไปเดนิ ดภู าพพทุ ธประวตั ทิ ว่ี ดั ๆ หนงึ่   ซง่ึ ตดิ อยทู่ ฝี่ าผนงั ศาลา ขณะทเ่ี ดนิ ดมู ฝี รงั่ หญงิ ชายคหู่ นง่ึ เขา้ มาเดนิ   ชมอยดู่ ว้ ย ผหู้ ญงิ ยนื ชมภาพอยหู่ ลงั ผมแลว้ ถามวา่  นเี่ ปน็ ภาพอะไร?

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 23 พระแมธ่ รณีบิดมวยผม ผมตอบ เธอถามต่อว่า หมายถึงอะไร? ผมจงึ อธบิ ายให้เธอฟงั คร่าวๆ เธอสนใจฟังแลว้ พูดต่อวา่ ไอเชื่อนะเร่ืองการเกิดใหม่และกฎแห่งกรรม แล้วเธอหันไปทาง  แฟนหนมุ่ แลว้ บอกวา่  แตแ่ ฟนไอเขาไมเ่ ชอ่ื  เธอหนั กลบั มามองหนา้ ผม  แลว้ ถามวา่ แลว้ ยเู ชื่อไหม? ผมมองหน้าเธอแล้วกล่าวด้วยเสียงเรียบๆ ว่า ไอไม่ได้เช่ือ มัน  คือความจริง ความจริงไม่ได้ขึ้นกับความเช่ือของใคร แล้วเมื่อเห็น  ความจริงก็ไมเ่ ห็นต้องเชอ่ื วา่ มันจรงิ ทา่ นเชอื่ ไหมละ่ วา่ นเ่ี ขยี ด มนั เปน็ เขยี ดอยแู่ ลว้  ไมต่ อ้ งเชอ่ื วา่ มนั   เปน็ เขยี ดกไ็ ด ้ หรอื จะเชอ่ื วา่ มนั เปน็ กบ เขยี ดกไ็ มว่ า่ อะไรนะ วนั ไหน  เขา้ ใจว่ามันเป็นเขยี ดกจ็ บ จะไปเชอ่ื วา่ มนั เปน็ เขียดท�ำไมอกี  

24 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ คำ� วา่ เชอื่ ใชก้ บั คนทเี่ ชอ่ื หรอื ไมเ่ ชอ่ื  คนทรี่ แู้ ลว้ กจ็ ะหมดความ  ลงั เลสงสยั ไปไมส่ นใจมนั อกี  ทา่ นเชอ่ื ไหมละ่ วา่  ทท่ี า่ นอา่ นอยนู่ ะ่  อย่ ู บนจอคอมพิวเตอร์ ๕ ตลุ าคม ๒๕๕๕

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 25 ๕ เนกขัมมะ  การพราก ออกจากสิ่งยดึ ติด คนติดยาเสพติดมี ๒ ประเภทคือ ตัวเองติดแต่ไม่รู้ว่าติด อีก  ประเภทตดิ อยแู่ ตก่ ย็ อมรบั วา่ ตดิ  นเี้ ปน็ ลกั ษณะคนตดิ ยาเสพตดิ สอง  ประเภท สองประเภทนี้มีลกั ษณะอยา่ งไร ประเภทท่ี ๑ ใช้ยาเสพติดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ไม่รู้ว่ามันเป็น  ยาเสพติด ก็รู้สึกว่าเสพแล้วมีความสุขดี มีใครมาบอกว่าติดยาก็จะ  เถียงทั้งทางวาจาและทางใจว่า ใครติด? ใครๆ ก็ใช้กันถ้าติดก็ติด  กนั ทง้ั บา้ นทงั้ เมอื งซ ิ (กใ็ ชน่ ะซ)ิ  นเ่ี ปน็ ประเภทแรก ยากทจ่ี ะเยยี วยา 

26 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ เพราะเจา้ ตวั ไมเ่ หน็ โทษ เชน่  ลงุ คนหนง่ึ สบู บหุ รที่ กุ วนั  พอวา่ งกส็ บู    มคี นทกั วา่ ลงุ ตดิ บหุ รนี่ ะ ลงุ กลบั ตอบวา่  ลงุ ไมต่ ดิ หรอก สบู มา ๓๐   ปแี ล้ว ถ้าติดตดิ ไปนานแลว้ ...??!!? ประเภทท ี่ ๒ ตดิ ยาอย ู่ รตู้ วั วา่ ตดิ  ประเภทนดี้ กี วา่ ประเภทท ี่ ๑  เพราะอย่างน้อยรู้แล้วว่าติดยาเสพติดแต่อดไม่ได้ยังอยากใช้ตลอด เวลา แบบนย้ี งั พอมโี อกาสจะแก้ไขได้ เมิื่อคนประเภทท่ี ๒ ต้องการบ�ำบัด เข้าสู่กระบวนการบ�ำบัด  ในสถานบ�ำบัด ในผู้ติดยาประเภทท่ี ๒ นั้น ก็ยังแบ่งออกเป็น ๒  ประเภทอีก ๒.๑ เข้ามาบ�ำบัดแล้วรู้สึกอึดอัดเป็นทุกข์เพราะต้องพรากจาก  ยาเสพติดชนิดต่างๆ ท่ีตัวเองติด พอเข้าสู่กระบวนการพรากจาก  ยาเสพติดอาจจะรู้ความจริงเพิ่มข้ึนไปอีกว่าเราไม่ได้ติดยาเสพติด  ชนิดเดียวแต่เราติดเพียบเลย เมื่อเกิดความทุกข์หรืออาการลงแดง  จากการพราก ซง่ึ สง่ ผลออกมาเปน็ อาการคอื เบอ่ื  หงดุ หงดิ  ฟงุ้ ซา่ น  ภาพท่ีมองขัดหูขัดตาไปหมด กระสับกระส่าย หาอะไรกินไม่หยุด  ฯลฯ จึงรู้สึกว่าการบ�ำบัดยานี่ไม่ดีเลย มาแล้วท�ำให้ทุกข์มาก หาก 

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 27 อยบู่ า้ น ไดอ้ ยเู่ สพสง่ิ ตา่ งๆ ทเี่ คยเสพกจ็ ะไมท่ กุ ขแ์ บบน ี้ ประเภทนจี้ ะ  กลบั ออกไปแล้วไปเสพต่อ ๒.๒ เมื่อเข้ามาบ�ำบัดรู้สึกทุกข์แบบเดียวกับประเภทที่ ๒.๑  เชน่ กนั  แตก่ ลบั เหน็ วา่ ความทกุ ขค์ วามกระสบั กระสา่ ยทเี่ กดิ ขนึ้ เพราะ  เราไปเสพติดสิ่งน้ันเอง เรานึกว่ามันดีจึงไปยึดถือเสพเข้าไปอย่าง  ไม่เคยระมัดระวังถึงผลท่ีจะเกิดขึ้นจึงเป็นอย่างน้ี ดังนั้นเราต้องเลิก  มันให้ได้เราถึงจะหายทุกข์ น่ีเป็นลักษณะคนติดยาประเภทท่ีจะ  มีอัธยาศัยท่ีจะเลิกพ้นไปจากยาเสพติดได้ เขาจะอดทนทนสู้กับ  ความทุกข์อันเปน็ ผลจากที่ไปตดิ มันมาก่อนนัน่ เอง ในวัดหรือสถานท่ีปฏิบัติก็จะมีคนที่เข้ามาเพ่ือบ�ำบัด สมัยก่อน  จะมีเพียงประเภทที่ ๒ เดินเข้ามาซึ่งคนประเภท ๒.๑ เข้ามาแล้ว  ก็เลิกไป ส่วนประเภท ๒.๒ ส่วนหน่ึงก็อาจประสบความสำ� เร็จเลิก  ได้ขาดจริงๆ บางส่วนเลิกบ้างเสพบ้างจดๆ จ้องๆ จ่อๆ อยู่ บ้าง  เข้าไปแล้วแม้ตั้งใจจะเลิกแต่ก็ยังอดแอบเอายาเข้าไปเสพในวัดใน  สถานปฏิบตั ไิ ม่ได ้ มันเลยเลิกไมข่ าดสักที

28 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ก็ต้องยอมรับว่าการเลิกยาเสพติดนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก  เพราะในแต่ละคนท่ีติดน้ัน ติดกันมากมายหลายชนิดและแต่ละ  ชนิดทุกวันน้ีสรรพคุณชวนหลงใหลสุดยอดแนบเนียนเหลือเกิน  จนยากทจี่ ะรไู้ ดว้ า่ นค่ี อื ยาเสพตดิ  หากยาเสพตดิ มนั ประกาศตวั มนั   ชัดเจนเช่น ยาบ้า บุหร่ี เหล้า เบียร์ เลยก็สิ้นเรื่อง คนเสพติดน่ัน  เขายินยอมพร้อมใจท่ีจะเข้าไปเป็นทาสเอง แต่ไอ้ประเภทแอบ  มาเนียนไม่แจ้งสถานะน่ีซิมาในรูปเคร่ืองนุ่งห่ม เครื่องใช้ อาหาร  ส่ิงอ�ำนวยความสะดวก เทคโนโลยี พวกน้ีจะมาเนียนเลยเพราะเรา  ตอ้ งใชด้ ว้ ยความจำ� เปน็  แตใ่ ชไ้ ปใชม้ าเรม่ิ เกนิ จำ� เปน็ เรมิ่ หลงตดิ แบบ  แนบแนน่ ขนึ้ เรอื่ ยๆ แลว้ ไมร่ ตู้ วั  เสอื้ ผา้ ขา้ วของแบรนดเ์ นม อปุ กรณ ์ ไอที อาหารเลิศรสสารพัด พวกน้ีย่ิงยากขึ้น แม้ในประเภท ๒.๒  ยงั เอาไมอ่ ยเู่ ลย ไฉนเลย ประเภท ๑ หรือ ๒.๑ จะรับไหว วันน้ีสาวกท้ังหลายมีงานหนักยิ่งกว่ายุคสมัยก่อน คือเน่ืองจาก  ประเภทท่ีต้องช่วยบ�ำบัดนั้น หากเป็นประเภท ๒.๒ นั้นไม่เหนื่อย  เท่าไหร่ มีใจท่ีจะพ้นจากยาให้ได้กันอยู่แล้ว แม้จะมีบ้างว่า รู้หมด  แต่อดไม่ได้ก็ตามที แต่เม่ือเกิดสัมมาทิฏฐิรู้อริยสัจข้ึนเต็มที่ก็จะวาง  ได้แน่นอน ส่วน ๒.๑ ก็ต้องอาศัยเข้ามาบ่อยๆ จะเห็นได้เองเช่นกัน  วา่ เมื่อไม่ต้องใช้จะมคี วามสขุ มากกว่า น่จี ะขยบั เลือ่ นเข้าสู่ ๒.๒ ได้

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 29 แต่วันนี้สาวกต้องหาทางท�ำให้ประเภทที่ ๑ เข้าใจและยอมรับ  ให้ได้ว่าที่เขาอยู่ด้วยและหลงว่ามันสุขน้ัน มันทุกข์นะ เพราะเขา  ไม่สนใจจะฟังเลย ทั้งเขาจะว่าเราบ้าด้วยซำ้�  พูดเพ้อเจ้อบ้าบออะไร  ว่าทุกข ์ ฉนั สุขจะตายที่เสพอยู่น่ ี วิ่งไลบ่ ริโภคทกุ อยา่ ง บา้ งก็ว่ารู้อย ู่ แตเ่ พลดิ เพลิน พรำ�่ สรรเสรญิ  เมาหมกอยไู่ ม่เลกิ เราทกุ คนไมอ่ ยใู่ นประเภทไหนกอ็ ยใู่ นประเภทไหนเขา้ สกั อนั หนงึ่   นน่ั แหละ หากทา่ นกำ� ลงั อา่ นขอ้ ความนอี้ ยกู่ น็ า่ เชอ่ื ไดว้ า่ ทา่ นนา่ จะอย ู่ ในประเภท ๒.๒ ทเ่ี หน็ โทษภยั ของยาเสพตดิ  หาทางพน้ จากมนั ใหไ้ ด ้ อย ู่ แสวงหายาถอนพษิ เพอื่ ความผาสกุ นริ นั ดร ์ โดยทร่ี แู้ ละเขา้ ใจได ้ แลว้ วา่  ความสขุ ทแ่ี ทจ้ รงิ ไมไ่ ดอ้ ยทู่ ก่ี ารไดเ้ สพยาหรอกแตค่ วามสขุ   ทแี่ ทจ้ ริงน้นั เกิดจากการเปน็ อสิ ระจากยาเสพตดิ ตา่ งหาก

30 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ซ่ึงยาถอนพิษท่ีพระบรมศาสดาฝากผ่านสาวกมาบอกพวกเรา  ทกุ คนนน้ั  แมน้  ๒,๖๐๐ ปลี ว่ งมาแลว้ กต็ าม ยาถอนพษิ นไี้ มเ่ คยเสอ่ื ม  ประสิทธิภาพเลยยังคงใช้ได้ผลชะงัดย่ิงนัก เพราะใช้ได้ไม่จ�ำกัดกาล  แถมท้าให้ท่านท้ังหลายจงมาลองดูเถิด แล้วผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตนด้วย  ยานัน้ คือ อรยิ มรรคมีองค์ ๘ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 31 ๖ วิธีเลกิ ยาเสพติด หากคนตดิ ยา หาทางทจี่ ะเลิกยากค็ งมบี างประเภทที่ ๑. เลกิ ยาดว้ ยการอดทน ไมส่ นใจอะไร รวู้ า่ ตดิ แลว้ ทกุ ขก์ อ็ ดทน  ฝืนกลั้น สู้ด้วยใจเด็ดเดย่ี วสุดท้ายเลกิ ได้ ๒. เลกิ ดว้ ยการศกึ ษา กลมุ่ นพี้ ยายามจะศกึ ษาโทษภยั ของสาร  ต่างๆ ในยาเสพติดที่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ จนในที่สุดเห็นโทษ  ภยั ลว้ นๆ ไม่มีประโยชนเ์ ลย จึงเลิกได้

32 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ๓. เลกิ ดว้ ยการสงั เกต กลมุ่ นม้ี ามองในจดุ ทกี่ ารเสพยาใหค้ วาม  สุขช่ัวครู่แต่ให้ความทุกข์ยาวนาน โหยหาบีบค้ันสารพัด และเมื่อ  สังเกตลึกเข้าไปอีกก็กลับเห็นว่าความสุขน้ันเป็นของว่างของเปล่า  ท่ีเกดิ ข้ึนชว่ั แว้บเดียว ไม่ได้มสี าระแกน่ สารอะไร จงึ เลกิ ยาได้ ๔. เลิกได้เพราะเห็นดาราเลิก พวกน้ีเห็นคนที่ตัวเองศรัทธา  เลกิ ได้จงึ พยายามท่จี ะเลกิ ใหไ้ ดเ้ หมอื นดาราคนโปรด ในท่สี ดุ เลกิ ได้ ๕. ใชก้ ารลดการใชย้ าลงเรอื่ ยๆ เมอื่ ถงึ วนั ทจี่ ติ ใจมคี วามเขม้ แขง็   พอ การติดยาออ่ นกำ� ลงั ลงจะเผดจ็ ศึกได้ ก็เลิกไดใ้ นทส่ี ุด ๖. ให้ไปติดอย่างอ่ืนแทนซ่ึงสามารถให้ความสุขได้ดีกว่า และ  เป็นวิตามินอาหารเสริมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ วิธีน้ีก็ได้  เช่นกัน แถมยังดีกว่าปราณีตกว่าจนปล่อยการติดยา เม่ือเลิกยาได้  เดด็ ขาดแลว้  กค็ อ่ ยเลกิ วติ ามนิ อาหารเสรมิ นนั้ อกี ครงั้ เพราะการเลกิ   วติ ามินอาหารเสริมน้ันง่ายมาก นี่ก็เลกิ ได้เชน่ กนั การเลกิ ยาแบบไหนดที สี่ ดุ ?...จ�ำเปน็ ตอ้ งมขี อ้ นดี้ ว้ ยหรอื ? จดุ มงุ่ -  หมายคืออะไร คนติดยาถนัดจะเลิกแบบไหน ท�ำแบบไหนแล้วรู้สึก 

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 33 ว่าดี ง่ายตอ่ ตนเอง ท�ำเลย.. หากคนทเ่ี ลิกได้แล้วหรอื คนที่กำ� ลังเลกิ ด้วยวธิ ีนั้นๆ อย ู่ จะสอน  คนอนื่ ให้เลิกจะสอนแบบไหน? แต่หากคนท่ีเลิกได้แบบใดแบบหน่ึงจะไปบอกว่าวิธีอ่ืนใช้ไม่ได้  นนั่ เปน็ คนแบบไหน? แสดงวา่ เขาเองเหน็ ไดเ้ ทา่ มา้ ลำ� ปางเทา่ นนั้  เกดิ   เปน็ อตั ตาตัวตนแต่ดตู นไมอ่ อก คนทเี่ ปน็ ศาสตราจารยด์ า้ นยาเสพตดิ เทา่ นน้ั จงึ จะรวู้ า่ หนทางใด  เหมาะกับใครและจะรู้เลยว่าทุกวิธีไปจบท่ีเดียวกันคือเป็นอิสระจาก  ยาเสพตดิ ทง้ั สนิ้  อยทู่ คี่ นทตี่ ดิ เองเปน็ หลกั ไมไ่ ดอ้ ยทู่ วี่ ธิ ที ง้ั หมด เพราะ  วธิ ีจริงๆ มีให้เลอื กใหเ้ หมาะแก่บุคคล วันน้ีน่าเศร้าแทนที่คนที่กำ� ลังเลิกยาอยู่หรือเลิกยาได้แล้วจะมา  ช่วยคนที่ก�ำลังติดกันอย่างงอมแงมเต็มบ้านเต็มเมืองและยาเสพติด  ก�ำลังทวีความรุนแรงมากข้ึนทุกที กลับกลายเป็นมานั่งทะเลาะกัน  เถยี งกนั  เหนบ็ แนมตอ่ วา่ กนั เอง ยกยอ่ งวธิ กี ารเลกิ ยาของตวั เองดสี ดุ   ใครๆ กส็ ขู้ องขา้ ไมไ่ ดแ้ ละยงั ประกาศสรรพคณุ ดว้ ยวา่  วธิ เี ลกิ ของคน 

34 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ อน่ื ใชไ้ มไ่ ด ้ น่มี ันเกดิ อะไรขึ้นในแผ่นดนิ ศาสนาพุทธวันน้ีไม่มีศาสนาไหนมาท�ำลายเราหรอก มีแต่นัก  ปฏิบัตนิ ่นั ละ่ ที่มุ่งท�ำลายกันเอง ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๕

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 35 ๗ ศาสตราจารย์ ในหลกั สตู รยวุ เนกขมั ม ์ ๒๒-๒๖ ต.ค. ๒๕๕๕ มกี ารสมั ภาษณห์ มอ  เบริ ด์  แพทยช์ นบท นกั ศกึ ษาแพทย ์ มช. เกยี รตนิ ยิ มอนั ดบั  ๑ แตเ่ ลอื ก  ไปรักษาในชนบท เพราะค�ำค�ำเดียวท่ีกินใจเหลือเกิน “ถ้าทุกคนท ี่ เรยี นเกง่ สมคั รไปอยใู่ นเมอื งกนั หมด แลว้ ผคู้ นทยี่ ากจนหา่ งไกลจะท�ำ  อย่างไร?” หากเปน็ หมอ ทำ� งานรพ.เอกชนแสนสบาย มคี นไขเ้ ขา้ มาสมคั รใจ  ในการรักษาแถมมีเงินมีทองสนับสนุน วันหน่ึงจากการท่ีช่วยเหลือ  ผคู้ น การรกั ษามอี ปุ กรณก์ ารแพทยเ์ ครอื่ งมอื ครบครนั  จงึ มคี วามร้ ู มาก ได้รบั การยกยอ่ งใหเ้ ปน็ ศาสตราจารย์

36 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ แตอ่ กี มมุ หนงึ่ ในดนิ แดนทย่ี ากจน ชนบทหา่ งไกล มหี มอชาวบา้ น  ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ พยายามรักษาคนไข้ภายใต้ทรัพยากรท่ีมีอยู ่ อย่างจ�ำกัด ผู้คนไม่มีความรู้แถมไม่สนใจจะดูแลสุขภาพใช้ชีวิต  ประมาทมัวเมาในการด�ำเนินชีวิต หมอต้องท�ำหน้าที่ประจ�ำอยู่โรง  พยาบาลช่วยคนไข้ที่เข้ามาหาในเวลางาน อีกทั้งออกไปรักษาตาม บา้ นยามทวี่ า่ งจากงาน รพ. และเดนิ ทางไปสอนการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ  ดแู ลตวั เองใหผ้ ทู้ ไ่ี มส่ นใจเลย พยายามอยา่ งเตม็ ทที่ จี่ ะใหค้ นเหลา่ นน้ั   หันกลับมาให้เห็นความส�ำคัญกับสุขภาพเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  ปลอดจากโรคภัย ด�ำเนินชีวิตเพื่อช่วยคนทุกประเภท ท่านว่าหมอคนน้ีมีโอกาส  จะไดเ้ ปน็ ศาสตราจารยไ์ หม? อาจมหี มอคนอน่ื ดา่ วา่ ในความโงเ่ ขลา  ทไี่ มเ่ ขา้ ไปอยใู่ นเมอื ง มาเสยี ดส ี แลว้ คดิ วา่ เขาสนใจไหม? หรอื ตอ่ ให้  มคี นจะมอบดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดใ์ิ หเ้ พราะไมส่ ามารถหาเวลาไปเรยี น  ในระบบได้ เขาอาจจะหาเวลาไปรับไม่ได้ด้วยซ้�ำเพราะคนไข้ที่อยู ่ ตรงหน้าเขากำ� ลังจะตายและยงั มีคนไข้น่งั รอควิ อกี เต็มไปหมด ๒๕ ตลุ าคม ๒๕๕๕

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 37 ๘ ยาแก้อกั เสบกบั พาราเซตามอล อาการคออกั เสบจะสง่ ผลใหค้ นไขเ้ จบ็ คอและไขข้ นึ้  นนั่ เปน็ ความ  ทุกขท์ รมานของคนไข้ หมอคนหนง่ึ จา่ ยยาแกอ้ กั เสบใหค้ นไขเ้ พยี งอยา่ งเดยี ว ซงึ่ นน่ั ตอ้ ง  รอใหย้ าออกฤทธ ์ิ อาจตอ้ งใช้เวลาพอสมควร คนไขจ้ ะยังคงทรมาน  ไปกับอาการอยู่ แต่ในทส่ี ดุ กจ็ ะหายได้ หมออกี คนหนง่ึ จา่ ยยาพาราเซตามอลใหค้ นไขเ้ พอ่ื บรรเทาอาการ  ทุกข์ทรมานให้คนไข้ในเบื้องต้น จนกว่าจะหายาที่เหมาะสมได้ น่ัน  ต้องรอผลการตรวจอย่างอ่ืนประกอบ เพราะยาแก้อักเสบมีหลาย  ตัวยาและหลายย่ีหอ้  ซงึ่ อาจมีผลขา้ งเคยี งต่างกัน

38 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ หมออีกคนให้ยาแก้อักเสบให้หายจากโรคและให้ยาพาราเซตา-  มอลเพ่ือบรรเทาอาการทุกข์ทรมานไปด้วยระหว่างท่ียาแก้อักเสบ  ยงั ไมอ่ อกฤทธเิ์ ตม็ ที่ สว่ นหมอคนสดุ ทา้ ยจา่ ยพาราเซตามอลแลว้ บอกวา่ นจี่ ะหายขาด  จากอาการทเ่ี ป็นอยู่ แม้มันจะมีรายละเอียดท่ีต้องเกี่ยวข้องไปถึงโรคของคนไข้แต่ละ  คนอกี  แตเ่ ชอ่ื เถอะวา่ คนไขท้ รี่ กั ษากบั หมอ ๓ คนแรก จะไดร้ บั ประโยชน ์ จากคณุ หมอทง้ั  ๓ คน แตห่ มอคนท ี่ ๔ อาจจะท�ำใหค้ นไขเ้ ขา้ ใจผดิ   ได้ และนั่นจะท�ำให้โรคที่คนไข้เป็นไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องซ่ึง  จะสง่ ผลให้คนไข้ไม่หายขาด แตห่ ากคณุ หมอเขา้ ใจทงั้ คนไขแ้ ละเขา้ ใจในยาทเ่ี หมาะแกก่ าร  รกั ษา ประโยชนย์ อ่ มเกดิ แกค่ นไขอ้ ยา่ งแนน่ อน แลว้ คณุ อยากรกั ษา  กบั หมอคนไหน? ๒๕ ตลุ าคม ๒๕๕๕

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 39 ๙ เม่ือนำ�้ หนาว...รดตวั !!! ตกั น้ำ� รดตัวทีหนาวสะท้านขนลกุ ซู่ซา่ เนอ้ื ตัวเต้นเร่า มเี พอื่ นคนหนง่ึ คยุ ทบั วา่  โธเ่ อย๊  เธอนไี่ มไ่ ดเ้ รอ่ื งเลย ท�ำจติ ใหอ้ ย่ ู เหนอื เวทนาซ ิ แลว้ ก็จะอาบไดไ้ มท่ รมาน

40 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ โอ้โห! เธอเก่งจัง แยกจิตออกจากเวทนา จนไม่ทุกข์กับเวทนา  ดว้ ย เก่งจริงเหรอ? รู้จักสังขารไหม สังขารคือร่างกายจิตใจหรือจะ  เรียกในมุมของขันธ์ก็ได้ เขาไม่ใช่เรานะ จิตจะทุกข์หรือไม่ทุกข ์ ไม่เห็นเกี่ยวกับสังขารที่ต้องทนทุกข์กับน้�ำเย็นท่ีราดลงไป น่ันท�ำให ้ เหตุปัจจัยท่ีเข้าไปเปลี่ยนอุณหภูมิท่ีกายอย่างรวดเร็วและเฉียบพลัน  เมอ่ื นน้ั ความพยายามทรี่ ปู หรอื กายจะตอ้ งปรบั ตวั เพอื่ ตอ้ งรกั ษาสภาพ  ไว้ น่ีจึงเป็นสภาพทุกข์ ที่ทางธรรมเรียกว่าทุกขัง จะมีผู้โง่ไปยึดถือ  แลว้ เปน็ ทกุ ข ์ หรอื ไมม่ ผี ยู้ ดึ ถอื  (พระอรหนั ต)์  มนั กท็ กุ ขข์ องมนั อยดู่ ี  ของมันทุกข์อยู่แล้วทุกขณะ ไปเพิ่มทุกข์ให้มันอีก ท�ำมันอย่างน ้ี อาจส่งผลต่อสังขาร คือถ้ามันทนไม่ได้ก็ออกอาการเป็นหวัดเป็นไข้  เปน็ จาม นน่ั คนฉลาดจรงิ หรอื  นนั่ เกดิ ปญั ญารแู้ จง้ แลว้ หรอื ? ถา้ ตอ้ ง  อาบกด็ แู ลเขาบา้ ง ถา้ อาบอยา่ งนนั้ มาตลอดจนสงั ขารมนั คนุ้ ของมนั   กไ็ มม่ ปี ญั หา แตห่ ากเกดิ โตเมอื งรอ้ นแตท่ ำ� จติ ไมใ่ หห้ นาว นน่ั เทา่ กบั   ไปท�ำร้ายเขานะ เกิดปัญญาให้มันถูกที่หน่อย เดี๋ยวสัมมาจะกลาย  เป็นมิจฉา

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 41 อยา่ งค�ำทบี่ อกวา่ พระอรหนั ตอ์ าบน้�ำเจด็ ตมุ่ ไมห่ นาว สงั ขารนะ่   มนั จะปอดบวมแน ่ สว่ นพระอรหนั ตอ์ ยไู่ หนละ่ ? แลว้ คดิ วา่ ถา้ เปน็ พระ  อรหนั ต์จะไม่รเู้ หรอวา่ ไปทรมานมนั เพอ่ื อะไร ช่วยไดก้ ช็ ่วย เดีย๋ วทำ�   ไปทำ� มากลายเปน็  “กเู กง่  กดู ”ี  ขน้ึ มาซะอยา่ งนน้ั แลว้ ไมร่ ตู้ วั  หาค�ำ  พูดมากลบๆ เกลือ่ นๆ การกระท�ำของตนอกี วันน้ีมีแต่คนท�ำตามๆ กัน ฟังตามๆ กัน คิดเอาเองกันมาก  ความจริงแทจ้ ึงหายไปเพราะผรู้ ู้เหนือ่ ยทจ่ี ะพูด ๒๕ ตลุ าคม ๒๕๕๕

42 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ๑๐ ห้องนำ�้ กับขันธ ์ ๕ หากเราไปประชมุ ทไี่ หนหรอื ไปเขา้ คอรส์ ปฏบิ ตั ธิ รรม ฟงั บรรยาย  ก็ดี เวลาไปเข้าห้องน้�ำซ่ึงมีมากมายหลายห้องเรียงกัน เรามักจะ  เดนิ ไปเขา้ หอ้ งน�้ำหอ้ งเดมิ ทเี่ ราเขา้ ครง้ั แรก นค่ี อื ธรรมชาตขิ องขนั ธ์ ท�ำไมเราถึงไปห้องเดิมโดยไม่รู้ตัวหรือแม้จะบอกว่ารู้ก็ตาม น่ี  เป็นความยดึ มั่นถอื ม่ันหรือไม?่  เปล่าไม่เกย่ี ว นี่ไมไ่ ดเ้ กิดอกศุ ลอะไร  ถา้ สงั เกตเหน็ สงิ่ นหี้ รอื การกระทำ� แบบน ้ี จะสามารถเรยี นรเู้ ขาอยา่ ง  เข้าใจได้ว่า ธรรมชาติของรูปนามน้ันจะเรียนรู้ด้วยตนเองท่ีจะให ้

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 43 ปลอดภัยไว้ก่อน เมื่อเคยเข้าห้องน้ีแล้วดีไม่มีปัญหาก็จะเข้าห้องเดิม  ไมเ่ สยี่ ง สญั ญาการจำ� ไดห้ มายรกู้ ท็ ำ� งานไปไมม่ เี รา แมจ้ ะบอกใหไ้ ป  เข้าห้องอ่ืนก็ได้ ถ้าต้องการฝึกใหม่เปล่ียนแปลงบ้างจะได้เรียนรู้ใน  มมุ อน่ื ๆ ต่อไป ขนั ธ ์ ๕ ฝกึ ได ้ เรยี นรไู้ ด ้ เคยชนิ กบั สงิ่ เดมิ ๆ มรรคมอี งค ์ ๘ จงึ   เป็นการฝึกใหม่ให้เข้ามาเคยคุ้นเคยชินในการท�ำกุศล และฝึกให้  ละเลิกอกุศลได้ จนอยู่ในกุศลอย่างเดียว เม่ือนั้นจิตจะต้ังมั่นเห็น  ความจริงในกาย เวทนา จิต ธรรม ว่าไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน จากน้ัน  วางกศุ ลอีกทพี รอ้ มกบั ปล่อยวางจติ แตท่ ำ� กศุ ลไม่หยุด เม่ือนั้นขนั ธก์ ็  ทำ� งานตอ่ ไปดว้ ยความวสิ ทุ ธ ิ ไมถ่ กู ยดึ ถอื  หมดสภาพไปตามอายขุ ยั   ไม่มีปัจจัยใหม่ในการก่อชีวิตใหม่ต่อไปอีก จิตจึงเกิดมุมมองใหม่ท ่ี ไมเ่ กาะเกย่ี วด้วยความเหน็ ผิดจากวญิ ญาณขนั ธ ์ มมุ มองนเ้ี ป็นอสิ ระ  กลับไปเห็นความจริงแท้ในฝั่งวิมุตติ (ความหลุดพ้น) จึงเรียกว่า  วิมุตตญิ าณทศั นะ ๑๔ ธนั วาคม ๒๕๕๕

44 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ๑๑ ขึ้นบันได อย่างม่นั คง พยายามกันจริงนะพ่อแม่ พยายามฝึกลูกให้ข้ึนบันไดตั้งแต่อาย ุ ๑ ขวบ คลานไดก้ ฝ็ กึ กนั ใหญ ่ ฝกึ ใหข้ นึ้ ไดส้ ำ� เรจ็ ตอนอาย ุ ๒ ขวบ ดใี จ  กนั ใหญ่ แต่ระหว่างฝกึ นนั้ เดก็ ตกลงมาหวั รา้ งข้างแตกกันไป ส่วนเพ่ือนบ้านสอนให้เด็กมีพัฒนาการสมวัยตอนช่วงอายุ ๑-๒  ขวบ พฒั นากลา้ มเนอื้ แขน กลา้ มเนอ้ื ขา กลา้ มมดั ใหญม่ ดั เลก็  เมอื่   ถงึ อาย ุ ๒ ขวบ เดนิ ขน้ึ บนั ไดไดเ้ องปรอ๋ เลย แถมวงิ่ ขนึ้ วง่ิ ลงไดอ้ ยา่ ง 

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 45 สบาย เปน็ พน้ื ฐานนำ� สคู่ วามเปน็ นกั กฬี าทด่ี ตี อ่ ไปอกี ดว้ ย ในระยะยาว  เก่งกวา่ เดก็ ที่เอาแต่หดั ขึน้ บนั ไดทงั้ ๆ ทยี่ งั ไมพ่ รอ้ ม วนั นหี้ ลายคนพยายามทำ� นนั่ ทำ� น ่ี ตามดนู ามธรรม (เวทนา จติ   ธรรม) ถูกลากไปทง้ั ท่ีใจก็ไมต่ ้งั มน่ั  ไมแ่ ขง็ แรง นิวรณ์ก็ยงั ตามถลม่   หาทย่ี นื ไมไ่ ด ้ เหมอื นพยายามขน้ึ บนั ไดทงั้ ๆ ทไ่ี มม่ วี ฒุ ภิ าวะเลย หลง  ท�ำแล้วคิดว่าดี คนป้อนคนบอกก็อาจจะไม่ดูเลยว่าอาหารท่ีป้อน  เหมาะกบั คนแบบไหน ใหอ้ าหารรวมๆ กนั มา จงึ พากนั เดนิ วนไมไ่ ป ไหนกันสกั ท ี มวั ม่วั แกส้ ภาวะธรรมตรงหน้าแบบไมด่ อู งคร์ วม วันนี้ในอริยมรรคมอี งค์ ๘ มกี ารกระท�ำอยา่ งเปน็ ระบบเป็น  รูปแบบท่ีพระพุทธเจ้าใช้ค�ำว่า โยคกรรม สามารถช�ำระกิเลสจน  หลดุ พน้ ไปไดด้ ว้ ยความเขา้ ใจอยา่ งถกู ตอ้ ง ทำ� อยา่ งถกู ตอ้ ง ไมไ่ ดท้ ำ�   เพราะอยากท�ำหรือท�ำตามๆ กนั มา วันน้ีหากเริ่มต้นมาดูแลท่ีกาย วาจา ไม่ให้ทำ� ทุจริตคืออย่าท�ำ  ผิดศีล ทุกคร้ังท่ีอดทนอดกลั้นท่ีจะไม่ท�ำผิด น่ันก็ฝึกให้จิตต้ังม่ัน  แข็งแรง เมื่อนานไปนานไป ทุจริตทางกายวาจาเบาบาง มันจะมา  เห็นท่ีจิตใจได้ไม่ยาก เพราะระหว่างท่ีใช้ศีลกำ� กับกาย วาจาน้ัน ใจ 

46 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ มนั จะเกดิ ทมะความขม่ ใจขน้ึ ดว้ ย ตอนนนั้ มนั กส็ ลบั กนั มาเหน็ ไดเ้ อง  เม่ือเวลาผ่านไป เมื่อใจขยับอยากจะพูดหรือกระท�ำสิ่งผิดๆ ออกไป  ก็จะเกิดสติข้ึนมาจัดการได้เองโดยไม่ต้องออกแรงจงใจมาก กิเลสก็  อ่อนก�ำลังลง กเ็ ริม่ ละอกุศลออกไดเ้ รือ่ ยๆ จนเบาบาง เพยี งเทา่ นกี้ ารปฏบิ ตั ติ ามมรรคคอื การมศี ลี จากปญั ญา ศลี กจ็ ะ  เป็นบาทฐานให้สมาธิคือระดับจิตใจต่อไป ท�ำอย่างน้ีไปให้ต่อเนื่อง  ช�ำระให้ได้มากๆ เมื่ออกุศลในใจเบาบาง นิวรณ์ก็จะค่อยๆ หายไป  ไม่มารบกวน จิตจะเร่ิมเดินเข้าสู่ปฐมฌานได้ เม่ือจิตต้ังม่ันการไป  เห็นว่า กาย เวทนา จิต ธรรมเกิดดับ ว่างจากตัวตน นั่นก็เกิดข้ึน  ได้ไมย่ ากเยน็ แตว่ นั นท้ี ำ� อะไรกนั  ไมด่ มู รรคทพี่ ระพทุ ธเจา้ ตรสั ไว ้ อยากทำ� นนั่   ท�ำน่ี เขาว่ากันว่าดีอย่างนั้นอย่างน้ี ชอบของสุดยอดคัมภีร์ ต้อง  เจรญิ สตปิ ฏั ฐานนน่ั ละ่ ถงึ จะเปน็ วปิ สั สนา ทำ� อยา่ งนน้ั มนั สมถะ โธเ่ อย๋   ถ้าจิตไม่ต้ังมั่นด้วยสมถะจะเอาอะไรไปรู้ไปดูให้เห็นการเกิดการดับ  เห็นความเป็นอนัตตา เอาอย่างน้ี เทคคอร์สเข้าห้องเรียนให้ตรง  ความรู้เช่ือเถอะว่า หากเราปฏิบัติให้ถูกตามท่ีควรจะไปได้เร็วกว่า  พวกท่เี ดนิ ผิดขั้นผิดตอนแน่นอน

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 47 ไวพจน์ คือ ค�ำท่ีมีความหมายเดียวกันของมรรคมีองค์ ๘ ท ่ี พระพุทธเจ้าตรัสไว้คืออะไรรู้ไหม..คือ สมถะและวิปัสสนา นั่นคือ  มรรคองค์ที่ ๗ สมั มาสติและมรรคองค์ท ่ี ๘ สัมมาสมาธิ และพระองคย์ �ำ้ ว่าเมอ่ื ผนู้ น้ั มศี ีลบริบรู ณ์ ๑๖ ธนั วาคม ๒๕๕๕

48 เ ห ็ น ถ ู ก รู้ แ จ ้ ง ๔ ๑๒ สรรพสง่ิ ทงั้ หลายทง้ั ปวง ลว้ นเปน็ ไปตามเหตุและปจั จัย สรรพสิ่งในโลกมีความเปล่ียนไปทุกขณะตามเหตุปัจจัยท่ีมา  กระทำ�  ไมว่ า่ การกระทำ� นนั้ จะเหน็ ไดถ้ งึ การเปลย่ี นแปลงหรอื เหน็ ไมไ่ ด ้ ในการเปลีย่ นแปลงก็ตาม ดงั เชน่  หากเรามองเฉพาะเขม็ สนั้ บนหนา้ ปดั นาฬกิ า เราจะไมเ่ หน็   การเปล่ียนแปลงในเวลาที่เรามองแต่นั่นไม่ได้แปลว่ามันไม่เปล่ียน  หากท่านมองไปท่ีเข็มยาวท่านก็แทบจะไม่เห็น แต่ถ้ามีสมาธิใน 

อ .  ป ร ะ เ ส ริ ฐ  อุ ท ั ย เ ฉ ล ิ ม 49 การสังเกตจะเห็นการเปล่ียนแปลงมีอยู่ตลอดเวลา ซ่ึงนั่นก็มีความ  เปล่ยี นแปลงเกดิ ขน้ึ ตลอดเวลาในเขม็ ส้ันเช่นเดยี วกัน แตห่ ากเรามองไปทเ่ี ขม็ วนิ าท ี เราไมต่ อ้ งใชป้ ญั ญาหรอื สมาธใิ ดๆ  ในการเปลย่ี นแปลงทกุ ขณะของเขม็ วนิ าทที เ่ี ปลยี่ นแปลงไปทกุ ๆ ขณะ  อย่างรวดเรว็ แตเ่ ราเคยเหน็ อนจิ จงั  ทกุ ขงั  อนตั ตา บนหนา้ ปดั นาฬกิ าของ  ทา่ นบา้ งไหม? ไมเ่ ลยเพราะทา่ นมองวา่ มนั เปน็ ธรรมดาของการบอก  เวลา นาฬิกาทุกเรือนเขาก็สร้างมาอย่างนี้เพ่ือวัตถุประสงค์ให้เรา  รู้ว่ากีโ่ มง คนทงั้ โลกก็เห็นแต่สิง่ เดยี วกนั คอื  เวลาบนนาฬกิ านี่ ความเคยชนิ  การคดิ วา่ คนนนั้ คนนสี้ งิ่ นนั้ สง่ิ นต้ี อ้ งเปน็ อยา่ งนนั้   อยา่ งน้เี ปน็ ธรรมดา จงึ ปิดบงั ความจริงของโลกท้งั หมด และทสี่ ำ� คญั ยงิ่ กวา่ ทพ่ี ดู มาทงั้ หมด เมอื่ เราเหน็ อยา่ งนแ้ี ลว้  จงร ู้ เถอะวา่ เวลาแตล่ ะวนิ าทที เ่ี ลอ่ื นไป กำ� ลงั เลอื่ นไปสสู่ งิ่ ใหม ่ ไมใ่ ชส่ ง่ิ เดมิ   ท่ีเป็นแพทเทอร์นหรือรูปแบบตามเหตุปัจจัยที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา  หากเรายึดถือว่ามันก็เป็นไปอย่างนี้เป็นธรรมดา เราจะพลาดจาก  ปัญญาทีแ่ ทจ้ รงิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook