149 “ในอนาคตสง่ิ ทภ่ี าคประชาสงั คมตอ้ งพฒั นาเรอ่ื งเศรษฐกจิ แมเ้ ราจะยงั ไมส่ ามารถก�ำ หนดราคาได้ แตถ่ า้ สามารถเพมิ่ ผลผลติ และลดตน้ ทนุ ประชาชน กอ็ ยไู่ ดแ้ ล้ว และตอ้ งท�ำ ให้ไดม้ ากกวา่ 80 เปอรเ์ ซน็ ตข์ องประชากรในพนื้ ท่”ี เปลย่ี นนำ�เดีย่ ว...สูน่ �ำ รว่ ม ดูเหมือนว่าการทำ�งานของทีมงานพังงาแห่งความสุขจะเดินไปด้วยดี แตภ่ าพจ�ำ ของคนนอกทมี่ ตี อ่ ไมตรี จงไกรจกั รคอื ภาพของนกั ตอ่ สเู้ ตม็ ตวั เปน็ ผู้นำ�ท้องถิ่นท่ีอยากเห็นชุมชนเปลี่ยนแปลง ปฏิเสธสิ่งท่ีเห็นต่างอย่างส้ินเชิง แตเ่ มอ่ื ไดเ้ ขา้ รว่ มในเวทแี ลกเปลยี่ นเรยี นรดู้ า้ นภาวะผนู้ �ำ ในหลากหลายเวที เชน่ เวทรี ่วมเรียนรเู้ ครอื ข่ายแห่งอนาคต (CL2) เวทเี ครือขา่ ยภาวะการนำ�เพ่ือการ ขบั เคลื่อนสังคม (Leadership for Social Facilitation) เวทผี ู้น�ำ ภาคธรุ กจิ พบ ผนู้ �ำ ภาคประชาสงั คม (MPI) เวทแี ลกเปลย่ี นเรยี นรปู้ ระจ�ำ ปี (Annual Reflection) ส่งผลให้ไมตรีเกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวเองไม่น้อย โดย รศ.ดร.อนชุ าติ พวงส�ำ ลี ผอู้ �ำ นวยการโครงการ ผู้นำ�แห่งอนาคต บอกว่า 2-3 ปีที่ไมตรีเข้าร่วม เรยี นรกู้ บั โครงการ สง่ิ ทส่ี มั ผสั ไดค้ อื ทา่ ทขี องไมตรี ที่โอบอุ้มคนอ่ืนมากข้ึน เปิดรับความคิดเห็นท่ี แตกตา่ งหลากหลาย และเชอ่ื มประสานการท�ำ งาน กบั คนอนื่ มากขน้ึ ไมน่ �ำ แบบดงิ่ เดย่ี ว เมอ่ื ไดส้ มั ผสั การท�ำ งานในพน้ื ท่ี เรม่ิ ตง้ั แตก่ ารแกป้ ญั หาพบิ ตั ภิ ยั สึนามิ การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนท้องถิ่น และเหน็ ความมงุ่ มน่ั ตง้ั ใจในการท�ำ งานเพอ่ื บา้ นเกดิ นำ�ไปสู่การทำ�งานร่วมกันในเวทีพัฒนาศักยภาพเครือข่ายด้วยเคร่ืองมือ สนับสนุนความย่งั ยนื เพ่ือการขบั เคลอ่ื นทางสังคม รศ.ดร.อนชุ าติ บอกตอ่ วา่ โจทย์ของไมตรีคือ 1. จะสร้างผู้น�ำ ในระดับ พื้นที่จำ�นวนมากให้ทัดเทียมเขาได้อย่างไร 2. กระบวนการทำ�งานและท่าที
150 ด้วยท่าทีการทำ�งานที่เปลยี่ นไปจากนำ�เด่ียวสู่นำ�รว่ ม ทำ�ใหไ้ มตรแี ละทีมสามารถสรา้ งผนู้ �ำ ในระดบั พืน้ ทขี่ ึน้ มาเป็น แกนนำ�หลกั จ�ำ นวนมาก ยงั กอ่ เกิด “สถาบนั การพัฒนา พังงาแห่งความสขุ ” ทน่ี อกจากจะสรา้ งความย่ังยนื ดา้ น เศรษฐกิจให้ภาคประชาสังคมในจงั หวดั พงั งาแลว้ สถาบนั แห่งน้ียังเปน็ ศนู ยร์ วมใหค้ นพงั งาและคนภายนอกไดแ้ บ่งปัน ความสขุ ร่วมกนั เชื่อมประสานอย่างสร้างสรรค์กับคนในภาคส่วนต่างๆ และ 3. ความย่ังยืน ในการท�ำ งาน ซ่ึงสอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ของโครงการคือ การสรา้ งผูน้ ำ� ในระดับพืน้ ที่ และการสร้างความเขม้ แขง็ ด้านเศรษฐกจิ การบรหิ ารจดั การทดี่ ี เพ่ือให้ภาคประชาสังคมอยู่รอดได้ ท่ีกลายมาเป็นโจทย์ในการทำ�งานร่วมกัน ในปีนี้ ด้วยท่าทีการทำ�งานท่ีเปล่ียนไปจากนำ�เดี่ยวสู่นำ�ร่วม ทำ�ให้ไมตรีและ ทมี สามารถสรา้ งผนู้ �ำ ในระดบั พน้ื ทข่ี น้ึ มาเปน็ แกนน�ำ หลกั จ�ำ นวนมาก ยงั กอ่ เกดิ “สถาบนั การพฒั นาพงั งาแหง่ ความสขุ ” ทนี่ อกจากจะสรา้ งความยง่ั ยนื ดา้ น เศรษฐกจิ ใหภ้ าคประชาสงั คมในจงั หวดั พงั งาแลว้ สถาบนั แหง่ นยี้ งั เปน็ ศนู ยร์ วม ให้คนพงั งาและคนภายนอกได้แบ่งปนั ความสขุ ร่วมกนั “จุดเริ่มต้นพังงาแห่งความสุข...สุขท่ีคุณสัมผัสได้เล่มนี้ มาจาก แนวคดิ ของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี และพีป่ ระชา หตุ านุวตั ร ทม่ี องเห็นวา่ บทเรียนการทำ�งานภาคประชาสังคมของจังหวัดพังงา คือการสร้าง ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนในระดบั ฐานราก ทม่ี คี วามเปน็ ตวั ของตวั เอง และ มีศักด์ิศรี เห็นได้จากการทำ�งานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ท่ีไม่ว่าจะ เปล่ียนก่ีคน พวกเขาก็สามารถรับมือและประสานการทำ�งานร่วมกันได้ จงึ อยากน�ำ แนวคดิ การท�ำ งานขบั เคลอื่ นสงั คมของทมี พงั งามาขยายผลตอ่ ให้คนในสังคมเห็นอีกบทเรียนหนึ่งของการสร้างชุมชนเข้มแข็งท่ีมาจาก ฐานรากจรงิ ๆ”
151
152
153 บทท่ี 4 พังงา... หลากหลายความสุข ที่คุณสมั ผสั ได้
154 พงั งาไมไ่ ดม้ ีความสขุ อยแู่ คบ่ า้ นน้ำ�เค็ม บ้านโคกเจรญิ บา้ นท่าอยู่ บา้ นรมณยี ์ เกาะยาวนอ้ ย และ อบต.บางวนั เทา่ นน้ั แตค่ วามสขุ ยงั กระจาย อยู่ท่ัวท้ังจังหวัดพังงา ดังตัวอย่างเร่ืองเล่าจากคนในพ้ืนที่ท่ีอยากให้ คนนอกเข้าไปสัมผสั ความสุขเหมือนที่พวกเขาสัมผัส รวมพลังอนุรักษป์ า่ ชายเลนคลองเคียน ในอดีตหลายปีที่ผ่านมา ป่าชายเลนในเขตตำ�บลคลองเคียน อำ�เภอ ตะกว่ั ทงุ่ จงั หวดั พงั งา มพี น้ื ทก่ี วา้ งใหญแ่ ละอดุ มสมบรู ณม์ าก จงึ ไดร้ บั ความสนใจ จากนายทุนภายนอกเข้ามาสร้างเตาเผาถ่าน ประกอบนโยบายจากภาครัฐท่ี เปิดโอกาสให้นายทุกสามารถเข้ามาสัมปทานป่าชายเลนได้ คนภายนอกจึง หลง่ั ไหลเขา้ มาใชท้ รพั ยากในพนื้ ทแ่ี หง่ น้ี จนปา่ ชายเลนและทรพั ยากรในทะเล ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อรายได้ของคนในชุมชน จึงเกิดกระแส ต่อต้านการเผาถ่าน จนต้องประกาศยกเลิกสัมปทาน ปา่ ชายเลนจึงกลบั มาสมบูรณ์ขึ้นอีกครั้ง ต่อมาเม่ือกระแสนากุ้งได้รับความนิยม ป่าชายเลน บา้ นคลองเคยี นจึงถูกบกุ รุกอกี ครั้ง ปา่ ทเ่ี คยสมบูรณ์เร่มิ เส่อื มโทรมลง สตั วน์ ำ�้ และต้นไม้ในทะเลลดจำ�นวนลงจากการปนเป้ือนสารเคมี และเพ่ือปกป้อง ป่าชายเลนแห่งน้ีไว้ ชาวบ้านจึงรวมตัวกันยึดคืนพื้นท่ีบางส่วน เกิดเป็น คดคี วามกบั นายทนุ สดุ ทา้ ยชาวบา้ นชนะคดี จงึ ท�ำ ใหม้ กี ารปลกู ปา่ ชายเลน ซ่อมแซม โดยขอความร่วมมือและงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงาน ภาครฐั คือ อบต. สมาคมพฒั นาประชากรและชมุ ชน (PDA) และภาคเอกชน และได้ตั้งกฎระเบียบของแต่ละหมู่บ้านในการใช้ไม้ และกำ�หนดพ้ืนที่ใช้สอย ซ่ึงได้รับความร่วมมือจากคนในชุมชนเป็นอย่างดี ทำ�ให้เกิดกลุ่มต่างๆ ขนึ้ มากมายเพอ่ื ดแู ลรกั ษาทรพั ยากรของตนและพน้ื ทป่ี า่ ชายเลนในต�ำ บล คลองเคียน
155
156 ตำ�นานของความสขุ ทค่ี รุ ะบุร ี อำ�เภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ตั้งอยู่ติดกับอำ�เภอ สุขสำ�ราญ จังหวัดระนอง มีประชากรโดยรวม 20,000 คน พ้ืนทแี่ บง่ เปน็ 4 ต�ำ บล 33 หมู่บ้าน โดยพน้ื ทร่ี อ้ ยละ 80 เป็น ที่ดินของรัฐ เช่น เป็นเขตอนุรักษ์ เขตห้ามล่าสัตว์ ป่าไม้ ป่าชายเลน อทุ ยาน ท่รี าชพสั ดุ ทส่ี าธารณะ เป็นต้น ทำ�ให้ คนอำ�เภอคุระบุรีส่วนใหญ่ขาดการเข้าถึงสิทธิในที่ดิน และ ขาดความช่วยเหลือจากภาครัฐ ปี พ.ศ. 2549 คนในชุมชน จึงลุกข้ึนมาต่อสู้กับปัญหาเรื่องสิทธิในท่ีดินอย่างเป็นระบบ เพราะเห็นว่าสิทธิในที่ดินเป็นสิทธิอย่างหน่ึงของประชาชนท่ี ตอ้ งไดร้ บั การคมุ้ ครอง ในครงั้ แรกมตี วั แทนจากชาวบา้ นทเ่ี ปน็ ก�ำ นนั ผ้ใู หญ่บ้าน และแกนนำ�เข้าร่วมประมาณ 10 หมบู่ า้ น มีองค์กรที่จัดต้ังขึ้นว่า “เครือข่ายแก้ไขปัญหาท่ีดินอำ�เภอ คุระบุรี” ทำ�การรวบรวมข้อมูลปัญหาที่ดินเป็นรายหมู่บ้าน เพอ่ื จดั ท�ำ ขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย และน�ำ เสนอตอ่ นายกรฐั มนตรี ท่ีจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ท่ีศาลากลาง จงั หวดั ในปี พ.ศ. 2550 แตป่ ัญหากย็ งั ไม่ไดร้ ับการแก้ไข
157 ตอ่ มาแกนน�ำ อกี ทา่ นคอื นายวษิ ณุ เหลา่ ธนถาวร ไดเ้ ชอ่ื มตอ่ เครอื ขา่ ย ชุมชนเพ่ือการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.) ท่ีมีไมตรี จงไกรจักร เป็น ผู้ประสานงาน จนนำ�ไปสู่การจัดต้ังคณะอนุกรรมการร่วมกับรัฐบาลในสมัย นายอภสิ ิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะกรรมการระดับจงั หวดั ในปี พ.ศ. 2552 แต่ ข้อเสนอเชิงนโยบายก็ไม่ได้รับการแกไ้ ขให้เปน็ รปู ธรรมแตอ่ ย่างใด ในปี พ.ศ. 2553 คปสม.ได้ร่วมกับขบวนการประชาชนเพ่ือความ เป็นธรรมในสังคม (P-move) ชวนสมาชิกท่ัวประเทศไปชุมนุมท่ีบริเวณลาน พระบรมรปู ทรงม้ากว่าจำ�นวน 5,000 คน จนรฐั บาลอภิสทิ ธ์ติ อ้ งขอเปดิ เจรจา กบั ตวั แทนของ P-move ในทสี่ ดุ ผลจากการเจรจาครงั้ นนั้ ท�ำ ใหก้ รมทรพั ยากร ทางทะเลและชายฝั่ง มีคำ�ส่ังให้มีการกันป่าชายเลนออกจากชุมชนใน อำ�เภอคุระบุรี จนนำ�ไปสู่การออกโฉนดที่ดินของกรมที่ดินให้แก่สมาชิก คปสม. และชมุ ชนในอ�ำ เภอครุ ะบรุ ถี งึ 400 แปลง เปน็ การสรา้ งความสขุ ใหแ้ กค่ นครุ ะบรุ ใี นประเด็นท่ดี นิ เป็นครงั้ แรก และถือเป็นบททดสอบคร้ัง ส�ำ คญั ของภาคประชาชน ซ่งึ สง่ ผลและมีอทิ ธิพลต่อคนรุ่นต่อๆ มาจนถึง ปัจจบุ ัน
158 ข้าวดีทตี่ ากแดด ก่อนท่ียางพาราจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก คนในตำ�บลตากแดด อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวดั พงั งา เคยท�ำ นาขา้ วไวก้ นิ ในครวั เรอื น การท�ำ นาจะใชค้ วาย ไถนา ทำ�ให้เกิดวัฒนธรรมการลงแขก ลงแรงช่วยเหลือกัน มีพิธีทำ�ขวัญข้าว เม่ือสภาพพื้นที่เปล่ียนไปกลายเป็นสวนยางพารา นาข้าวจึงเริ่มหมดไป ชาวบ้านในตำ�บลต้องซ้ือข้าวจากที่อ่ืนมาบริโภค กระท่ังปี พ.ศ. 2549 ก�ำ นนั จรพิ ล ฉายแสง มโี อกาสไปศกึ ษาดงู านการจดั ตงั้ กองทนุ สวสั ดกิ ารชมุ ชน ต�ำ บลบางทอง อำ�เภอท้ายเหมือง จังหวดั พงั งา ไดเ้ ห็นการปลกู ข้าวไร่ในสวน ยางพาราท่มี ีการตดั โคน่ และเริ่มมกี ารเพาะปลูกยางใหม่ จึงมพี ืน้ ทีว่ ่างเปล่าท่ี ใช้ปลูกข้าวได้ 2-3 ปีก่อนท่ียางจะโต แต่เป็นการทำ�นาแบบข้าวไร่ (หนำ�ไร่) โดยใช้ไมแ้ ทงดนิ ใหเ้ ป็นหลุม เรยี กวิธี “แทงสกั ” คือคนเดนิ หน้าจะใชไ้ ม้เหลา ปลายใหแ้ หลมแทงดนิ ใหเ้ ปน็ หลมุ ขนาดประมาณ 3 เซนตเิ มตร x 3 เซนตเิ มตร มคี นเดนิ ตามหลงั ใชก้ ระบอกไมไ้ ผย่ าวประมาณ 70 เซนตเิ มตรบรรจเุ มลด็ พนั ธุ์ เทใสม่ อื หยอดลงไปในหลุมๆ ละ 7-8 เมลด็ แลว้ ใชป้ ลายประบอกไม้ไผเ่ กล่ยี ดินปดิ หลุม อบต.ตากแดดเหน็ เปน็ แนวคดิ ทด่ี จี งึ สนบั สนนุ เมลด็ พนั ธข์ุ า้ ว “ดอกขา่ ” ซง่ึ เปน็ พนั ธขุ์ า้ วพน้ื เมอื ง ทนแลง้ ทนโรค ปลกู ไดท้ กุ สภาพพน้ื ท่ี เมลด็ พนั ธขุ์ า้ ว มลี กั ษณะเรียวยาว สมบูรณ์ เมือ่ น�ำ ไปหงุ สุกขา้ วจะนมุ่ มีกลน่ิ หอม การปลกู ข้าวไร่จึงได้รับการฟ้ืนฟูข้ึนในปี พ.ศ. 2553 โดยกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข ประจ�ำ หมบู่ า้ น (อสม.) เปน็ แกนหลกั พลกิ ฟน้ื สวนยางใหเ้ ปน็ ไรข่ า้ ว มพี น้ื ทปี่ ลกู ในปแี รกจ�ำ นวน 5 แปลง เนอื้ ทรี่ วมกนั ประมาณ 20 ไร่ เปน็ การปลกู แบบปลอด สารเคมี ไม่ใชป้ ยุ๋ เพราะใบยางท่ีรว่ งหล่นจะทบั ถมกลายเป็นปยุ๋ อินทรีย์บ�ำ รุง ต้นข้าว ชาวบ้านจะเร่ิมปลูกข้าวไร่ในเดือนสิงหาคม ข้าวที่ปลูกแล้วจะเติบโต ไปตามธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณ 120-150 วันก็เก็บเกี่ยวได้ ทำ�ให้คนใน ชมุ ชนลดรายจา่ ยในการซอื้ ขา้ วลงได้ และเมอื่ เหน็ ผลดี สภาองคก์ รชมุ ชน ตำ�บลตากแดดจึงจัดทำ�เป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและทุนชุมชนในตำ�บล ต่อไป
159
160 เกาะปนั หยมี ีดที ่ีสวสั ดกิ ารชุมชน “เกาะปนั หย”ี หรือที่นกั ท่องเทยี่ วรจู้ ักกันในนาม “หมบู่ า้ นกลางนำ�้ ” เกาะที่มีช่ือเสียงของตำ�บลเกาะปันหยี อำ�เภอเมือง จังหวัดพังงา เป็นเกาะ เล็กๆ ที่มีลักษณะเป็นเขาหินปูนสูงชะลูด แวดล้อมไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ เมอ่ื รฐั บาลประกาศใหอ้ า่ วพงั งาเปน็ อทุ ยานแหง่ ชาติ และเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว สำ�คัญ โดยมีทุนทางวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติเป็นส่ิงล่อใจ ภายใต้ การจดั การของภาครฐั และภาคธรุ กจิ สง่ ผลใหเ้ กาะปนั หยี “ถกู เทย่ี ว” อยา่ งหนกั แมจ้ ะมรี ายไดด้ ี แตส่ วสั ดกิ ารชวี ติ ไมด่ ตี ามไปดว้ ย กระทง่ั ปี พ.ศ. 2553 รฐั บาล มีนโยบายให้จัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนตำ�บลเกาะปันหยี เพื่อให้ ชมุ ชนสามารถดแู ลคนในชุมชนไดด้ ว้ ยตนเอง โดยมีองค์การบรหิ ารสว่ นต�ำ บล เกาะปนั หยเี ปน็ ผสู้ นบั สนนุ การด�ำ เนนิ การ รว่ มกบั คณะท�ำ งานพงั งาแหง่ ความสขุ จนปี พ.ศ. 2554 ได้รบั การรับรองใหเ้ ปน็ “องค์กรสวสั ดิการชุมชน” ท�ำ ให้ คนในชุมชนสามารถเข้าถึงการบริการท่ีมีความสะดวก รวดเร็ว และ เป็นทนี่ า่ พอใจ ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการ และยงั สามารถช่วยบรรเทา ความเดือดร้อนของตนเองและครอบครัวได้เป็นอยา่ งดี ทม่ี าภาพ © chg7 www.justgola.com
161 “ทนุ ชุมชน” ความเขม้ แขง็ ของบ้านนาเตย ตำ�บลนาเตย อำ�เภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เรยี บงา่ ย ส่วนใหญ่เป็นสังคมเกษตรกรรม พื้นท่ีเหมาะแก่การเพาะปลูกและ การท�ำ ประมง มสี ถานทท่ี อ่ งเทยี่ วตามธรรมชาติ ซงึ่ สามารถพฒั นาและสง่ เสรมิ ใหเ้ ปน็ แหล่งท่องเท่ยี วเชงิ อนรุ กั ษ์ มวี ดั จ�ำ นวน 5 แหง่ ซงึ่ เป็นศูนย์กลางในการ ประกอบพธิ กี รรมทางศาสนาของชาวพทุ ธ สว่ นชาวมสุ ลมิ มมี สั ยดิ จ�ำ นวน 4 แหง่ องค์การบริหารสว่ นตำ�บลนาเตยไดร้ บั คัดเลอื กให้เปน็ ต�ำ บลตน้ แบบ ในชมุ ชน มีแกนนำ� อสม.เป็นผู้ดูแลสุขภาพ มีชมรม ผู้สูงอายุที่เข้มแข็งและได้รับการคัดเลือกให้ เปน็ 1 ใน 4 ชมรมผสู้ งู อายขุ องจงั หวดั พงั งา เพ่ือเข้าสู่ชมรมผู้สูงอายุแบบพฤธิภาวะ ซ่ึง ท้ังหมดล้วนเป็นความภาคภูมิใจของคนใน ต�ำ บลเปน็ อยา่ งมาก นอกจากนี้ ยังมีการจัดบริการสวัสดิการให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง เป็นธรรม ไดแ้ ก่ดา้ นสุขภาพอนามัย ด้านการศึกษาและด้านบริการสวัสดิการ เป็นต้น สอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดการสวัสดิการสังคม พ.ศ.2546 ที่มีการกำ�หนดแนวทางการจัดสวัสดิการสังคม โดยต้องคำ�นึงถึง ประเด็นการจดั สวัสดิการสังคมตามความจ�ำ เป็นและเหมาะสม โดยบรู ณาการ กับแผนงานโครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และหน่วยงานในพื้นท่ี ให้สอดคล้องในรูปแบบตามเบญจวิถี 5 แนวทาง เพ่ือให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างสุขภาพท่ีดี สู่วิถีชีวิตที่ย่ังยืนของชุมชน จัดให้มีสวัสดิการ ระดบั ต�ำ บลเพือ่ ดแู ลคนในต�ำ บลตง้ั แรกเกิดจนเสียชีวิต เชน่ กองทุนสวัสดกิ าร ชุมชน กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์ นอกจากนี้ผู้คนในตำ�บลนาเตยยัง ด�ำ เนนิ ชวี ติ ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ยดึ หลกั การลดรายจา่ ย-เพ่ิมรายได้ใน ครวั เรอื น เชน่ สง่ เสรมิ การปลกู พชื ผกั และเลยี้ งสตั วใ์ นครวั เรอื น การท�ำ น�ำ้ หมกั ชวี ภาพ การรวมกลมุ่ อาชีพ เปน็ ตน้ การมีผนู้ ำ�ชุมชนทมี่ ีวสิ ยั ทศั นแ์ ละเปน็
162 นกั พฒั นาทด่ี ี สง่ ผลใหค้ นในชมุ ชนมคี วามรกั ความสามคั คี มคี วามสมั พนั ธ์ แบบเครอื ญาติ ครอบครวั เขา้ สภู่ าวะอบอนุ่ และเขม้ แขง็ ดว้ ยตน้ ทนุ ดงั กลา่ ว ขา้ งตน้ สง่ ผลใหค้ นในต�ำ บลนาเตย มชี วี ติ ความเปน็ อยทู่ ่มี ีความสุข ชว่ ยเหลือเกื้อกูล...จุดสร้างความสุข ของคนบา้ นหล่อยูง ต�ำ บลหลอ่ ยงู อ�ำ เภอตะกว่ั ทงุ่ จงั หวดั พงั งา คนเฒา่ คนแกบ่ อกวา่ พนื้ ท่ี แห่งนี้เต็มไปด้วย “ต้นหล่อ” ซ่ึงเป็นไม้เนื้ออ่อนบาง ใบหล่อสามารถนำ�มา รกั ษาโรคซางทม่ี กั เกดิ กบั เดก็ ได้ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศของต�ำ บลหลอ่ ยงู ประกอบ ดว้ ยภูเขาสลับซบั ซอ้ น เป็นทร่ี าบชายฝ่งั ทะเล และท่ีราบหบุ เขา คนในชมุ ชน ประกอบอาชพี ทำ�สวนยางพารา ประมง ค้าขายและรบั จา้ งทั่วไป จุดเด่นของตำ�บลหล่อยูงคือ มีกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่เข้มแข็ง เช่น กองทนุ เศรษฐกจิ พอเพยี ง กลมุ่ แมบ่ า้ น (เครอ่ื งแกง, ถว่ั ลสิ งคว่ั ) กลมุ่ อสม. ชมรมผสู้ งู อายฯุ กลมุ่ สจั จะออมทรพั ย์ และกองทนุ สวสั ดกิ ารชมุ ชนต�ำ บล หล่อยงู ความสขุ ของสมาชิกภายในชุมชนคอื ความรู้สกึ ทีว่ ่า เงิน 1 บาทต่อวนั สามารถช่วยเหลือคนได้ทั้งตำ�บล โดยผู้ท่ีเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจะได้รับเงิน ชว่ ยเหลอื เปน็ การใหอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพและรบั การชว่ ยเหลอื แบบมศี กั ดศ์ิ รี นคี่ อื การด�ำ เนนิ ชวี ติ ในวถิ เี ศรษฐกจิ พอเพยี ง พง่ึ พาซง่ึ กนั และกนั เป็นพ้ืนฐาน ความเข้มแข็ง พร้อมให้ความร่วมมือในการสนับสนุนและขับเคล่ือน กจิ กรรมของกลมุ่ องค์กรในชมุ ชน ไม่แบ่งแยกกัน และชว่ ยเหลอื กันเป็น อย่างดี มีความรักสามัคคีกันฉันพ่ีน้องทั้งไทยพุทธและมุสลิม สิ่งเหลา่ น้ี เปน็ จุดท่ีสรา้ งความสงบสขุ ใหก้ ับคนในชมุ ชน
163
164 พลงั ชมุ ชนเพอื่ ชมุ ชนเขม้ แข็ง ตำ�บลบางนายสี อำ�เภอตะก่ัวป่า จังหวัดพังงามีคำ�เล่าต่อกันมาว่า บริเวณที่ตั้งตำ�บลเดิมเป็นท่ีรกร้างว่างเปล่าริมทะเล ต่อมามีคนชื่อ “นายสี” มาตง้ั รกรากอาศยั ยบู่ รเิ วณนเ้ี ปน็ คนแรก สว่ นค�ำ วา่ “บาง” เปน็ ชอื่ ของปากน�ำ้ ล�ำ คลองบรเิ วณทนี่ ายสอี าศยั อยู่ เมอื่ ราษฎรออกไปท�ำ มาหากนิ ทางทะเลกจ็ ะ เรยี กบรเิ วณที่นายสีอาศัยอยู่ว่า “บางนายสี” จนติดปาก กระท่ังเปน็ ชอ่ื เรยี ก “ตำ�บลบางนายส”ี มาจนทุกวนั นี้ จุดเด่นของตำ�บลบางนายสี อยู่ที่บ้านท่าจูด ซึ่งในอดีตพื้นท่ีแห่งนี้ อดุ มสมบรู ณด์ ว้ ยระบบนิเวศ 3 นำ�้ คือ น�ำ้ เคม็ น�้ำ กร่อย และนำ้�จดื มีผนื ป่า กว่า 3,000 ไร่ จึงเผชิญกับการช่วงชิงทรัพยากรอยู่บ่อยคร้ัง คือ 1.การทำ� สัมปทานเหมืองแร่ดีบุกในป่าชายเลนและป่าพรุ ส่งผลให้ลำ�คลองตื้นเขิน
165 เกดิ นำ้�เสยี และน้ำ�ทะเลหนนุ สูง ชาวบา้ นไมส่ ามารถท�ำ นา ตน้ จดู ทเี่ คยสรา้ ง เศรษฐกจิ ชุมชนลดจำ�นวนลง 2. การทำ�สมั ปทานป่าไม้ (ป่าบก) แต่ชาวบา้ น ร่วมกันคัดค้านจนกลุ่มสัมปทานถอนตัว 3. สัมปทานเตาถ่าน และธุรกิจทำ� นากงุ้ สง่ ผลใหป้ า่ ชายเลนเสอื่ มโทรม จงึ เปน็ จดุ เปลยี่ นใหค้ นในชมุ ชนหนั มา ฟน้ื ฟทู รพั ยากรเพอ่ื ฟน้ื ระบบนเิ วศ 3 น�ำ้ ใหก้ ลบั คนื มา การทค่ี นบา้ นทา่ จดู กลา้ ลกุ ขน้ึ มาตอ่ ตา้ นกลมุ่ นายทนุ เพราะมผี นู้ �ำ หลายกลมุ่ ทม่ี คี วามกลา้ หาญ มีอำ�นาจในการต่อรอง ใชแ้ นวคิดอนุรักษไ์ ปปรบั ปรงุ แทนการสร้างความ ขดั แยง้ หลงั จากแกป้ ญั หาเรอ่ื งทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอ้ มของบา้ นทา่ จดู ไดแ้ ลว้ คนในชุมชนบางนายสีมีโอกาสเข้าร่วมประชุมสภาองค์กรชุมชนเรื่องสมัชชา พังงาแห่งความสุข ทำ�ข้อมูลเร่ืองความสุขความทุกข์ของคนตำ�บลบางนายสี พบว่า เรือ่ งที่ชาวบ้านเป็นทกุ ขม์ ากท่สี ดุ คือ ทอี่ ยอู่ าศยั และที่ทำ�กิน จึงมีมตใิ ห้ สภาองคช์ มุ ชนทำ�เรอ่ื งนี้โดยของบประมาณจาก พอช. จดั เวทที �ำ ความเข้าใจ กบั ชาวบ้าน พบวา่ มผี ู้เดือดรอ้ นทั้งสิน้ 1,195 ราย แตง่ บประมาณในการเกบ็ ข้อมูลไม่เพียงพอ ชาวบ้านจึงลงแรงช่วยกันทำ�แผนท่ีทำ�มือจนครบทุก หมู่บ้าน และลงขันจ้างวิทยากรมาอบรมเร่ืองการจับจีพีเอส เพ่ือยืนยัน ขอบเขตทดี่ ินท่ตี นมีกรรมสิทธ์ิ โดยปัจจุบนั คณะกรรมการโฉนดชมุ ชนได้ ลงมาตรวจสอบพ้ืนท่ีแลว้ ในเบือ้ งตน้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170