๔๖ จากหนงั สือ พจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ .ศ. ๒๕๕๒ ได้ให้ความหมายของคาว่าโต๊ ะ กบั โตก ดงั น้ี โต๊ะ ๑ น. สงิ่ ทที่ าดว้ ยไม้เปน็ ต้น พน้ื ราบ เป็นรูปร่างต่าง ๆ มขี าสาหรับเปน็ ทเี่ ขียนหนงั สือ ตง้ั เคร่ืองบูชา หรือวางสง่ิ ของตา่ ง ๆ เรียกชือ่ ตา่ ง ๆ ตามวสั ดุที่ทา เช่น โตะ๊ หนิ โต๊ะมกุ ตามรูปร่าง เชน่ โต๊ะ กลม โตะ๊ สีเ่ หลย่ี ม ตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีใช้ เชน่ โต๊ะเขยี นหนังสอื โต๊ะกินข้าว, ลกั ษณนามวา่ ตัว ......... โตะ๊ ๒ น. ภาชนะมีเชิงสูงรปู คล้ายพาน มีพ้ืนตื้นสาหรับวางหรือใส่สิ่งของ มักทาดว้ ยโลหะ เชน่ เงิน ทองคา ทองเหลือง, โตก ก็วา่ , ลักษณนามวา่ ใบ หรือ ลูก. โตก ( ถ่ิน – พายับ ) น. ภาชน ะทาดว้ ยไมก้ ลงึ ไมไ้ ผส่ าน หวาย หรอื อย่างเครอื่ งเขนิ สว่ นบน ลักษณะคล้ายถาดส่วนลา่ งเป็นตนี ลักษณะเป็นวงแหวนมขี นาดเล็กกวา่ ถาดส่วนบน โดยมซี ่ีไมล้ กู มะหวด ประมาณ ๖ ซ่ีปักทตี่ ีนค้าถาดไว้ ใช้สาหรบั ใสอ่ าหารเปน็ ต้น , ขนั โตก หรอื สะโตก ก็ว่า, ลักษณะนาม วา่ ใบ หรือ ลู ก ; ภาชนะมีเชิงสูงรปู คล้ายพาน มีพ้นื ต้ืนสาหรบั วางหรือใสส่ ่งิ ของ มกั ทาด้วยโลหะ เชน่ เงิน ทองคา ทองเหลือง, โต๊ะก็ว่า, ลกั ษณนามวา่ ใบ หรอื ลูก. และจากหนังสือพจนานกุ รมสถาปตั ยกรรมและศลิ ปะเกยี่ วเนอื่ ง โดยศาสตราจารย์โชติ กัลยาณมิตร กล่าวไว้วา่ “ โตก ” ถาดไม้ต่อขาสงู มีใช้อยู่ ๔ ประเภท ๑. ถาดไมเ้ ทา้ กลงึ เป็นลกู มะหวด เปน็ ของภาคเหนอื เรียกว่า สะโตก ๒. ถาดโลหะทองเหลือง ต่อสามขาเปน็ รูปเทา้ ช้างเปน็ ของภาคกลาง เรียกโตกเทา้ ชา้ ง ๓. ถาดโลหะทองเหลือง ต่อขาสามขาเป็นรปู เท้าสิงห์ เป็นของภาคกลาง เรียก โตกเทา้ สิงห์ ๔. ถาดโลหะต่อขาเป็นเชงิ บวั ค่าแบบเชงิ พานเป็นของภาคกลาง
๔๗ คนโท หรอื หม้อนา้ มนต์ เปน็ ลกั ษณะพเิ ศษของหมอ้ นา้ ประเภทตา่ ง ๆ ทม่ี ีคอยาว ใชส้ าหรับบรรจุน้า คนโทนเี้ ป็นคนโททรงสูงฝายอดสี่ชนั้ ลายกลบี บัวคว่าซอ้ นกนั และตวั คนโททรงกลม สลกั - ดนุ เป็นลาย กลบี ขนนุ ซอ้ นกันโดยรอบสอดไสล้ ายใบเทศ บรเิ วณสว่ นทบ่ี ริเวณคอ และฐานของคนโท สลัก – ดุน เป็น รปู บวั คว่า บนโลหะทองแดง ชบุ ทอง ปากกว้าง ๗.๒ เซนตเิ มตร มีความสงู รวมฝา ๒๒ เซนติเมตร ตวั คนโทกวา้ ง ๑๓ เซนติเมตร ฐานกวา้ ง ๘.๔ เซนติเมตร จากหนังสือ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ให้ความหมายของคาว่า คนโท ( คน- ) น. กณุ โฑ, หม้อน้ารูปทรงต่าง ๆ คอยาว
๔๘ เครอื่ งทรงพระ หรอื พระพทุ ธรูปทรงเครอ่ื งทรงกษัตริยห์ รือพระจกั รพรรดิ มีความเชือ่ ตามคติ เทวราชาของ ศาสนาพราหมณ์ เป็นการยกพระมหากษัตรยิ ไ์ ว้เทียบเท่าเทพเจ้า ต่อมาเมอ่ื พทุ ธศาสนาไดเ้ ขา้ มาเป็นความเช่อื หลัก คตนิ ไ้ี ดเ้ ปล่ยี นเปน็ พทุ ธราชา แทนความเช่ือเดมิ พระพุทธรปู ทรงเครอ่ื งจึงเปน็ สญั ลักษณ์ การรวมกัน ของพระมหากษัตรยิ ์กับพระพทุ ธเจ้านั้นเอง การสร้างเคร่อื งทรงพระชนิ้ นี้ เป็นการจาลองและประยุกต์มาจากพระพุทธรูปทรงเครอ่ื ง มีลักษณะของ เครือ่ งทรงฤดรู ้อน ซ่งึ มลี ายละเอียดของเครื่องทรงดังน้ี ๑. พระมหามงกุฎ ๒. พระกรรเจยี ก ( จอนหู ) ๓. อณุ าโลม ๔. ฉลองพระศอ ( กรองศอ ) ๕. อินทรธนู ๖. กนกปักไหล่ ๗. ตาบหนา้ ( ทับทรวง ) ๘. ตาบหลัง ๙. ตาบขา้ งหรือตาบทิศและสังวาล ๑๐. รัดพระองค์ ๑๑. พาหรุ ดั ( กาไลต้นแขน ) ๑๒. ทองพระกร ( กาไลข้อมือ ) ๑๓. พระธามรงค์ ๑๔. กรอบพระชงฆ์ ( สนบั เขา ) ๑๕. ทองพระบาท ( กาไลขอ้ เท้า ) ๑๖. มงคลฝา่ พระบาท การสร้างตน้ แบบเพอ่ื จัดทาองคค์ วามรดู้ า้ นศิลปกรรม ความรูด้ ้านงานโลหะ การสร้างลวดลายใน งานโลหะทง้ั ๓ ชิ้นนไี้ ด้จัดสร้างลวดลายบนงานโลหะดว้ ยวิธกี ารสลกั – ดุน ซึง่ มกี รรมวิธี สรุปไดด้ งั นี้
๔๙ ผังสรุปขัน้ ตอนการสร้างงานโลหะประณตี ตน้ แบบ ประเภทงานรูปพรรณ ประเภทงานลวดลายประกอบชน้ิ งานศลิ ปกรรม ทาต้นแบบบนกระดาษแข็ง เขียนลาย , ตดิ แบบบนโลหะ ตดั โลหะตามแบบ มว้ นโลหะขึน้ รปู ดว้ ยวธิ ีการเชื่อม ขึ้นรปู โดยวธิ กี ารเคาะดว้ ยคอ้ น เขยี นลาย , ตดิ แบบบนโลหะ กรรมวธิ ีสลัก - ดุน ประกอบชิ้นงาน ชุบทอง ลงยาสี , ประดับพลอย
๔๗ ตน้ แบบโตะ๊ หรอื โตกโลหะ ในทีน่ ี้ขอแบง่ ออกเปน็ สามสว่ น คอื ส่วนตัวหรือถาด ( อยู่บนสดุ ) สว่ นขา และส่วนฐานตามลาดับ วาดและตัดกระดาษเป็นตน้ แบบของสว่ นตวั หรอื ถาดและฐานโตะ๊ ทาการต่อกระดาษ เปน็ วงกลม จะได้ความกวา้ งของส่วนตัวหรือถาด และฐานตามแบบทกี่ าหนด แล้วจึง นาแบบกระดาษมาวดั และตัดบนแผน่ โลหะ สว่ นถาด และฐาน
๔๘ งานโลหะทีต่ ัดสว่ นถาด และ ส่วนฐานเปน็ ชน้ิ แล้วนามาต่อชนกนั เปน็ วงกลม เชือ่ มรอยตอ่ แล้ว ใชค้ อ้ นเขาควายเคาะใหร้ อยต่อเรยี บเสมอเป็นชนิ้ เดียวกับเนอื้ โลหะ ทาการขดั แตง่ ขอบช้นิ งานดว้ ยตะไบหางหนใู หเ้ สมอกนั และทาการเคาะไล่พน้ื ให้เรยี บ ดว้ ยค้อนเขาควาย
๔๙ นาแผน่ โลหะมาวัดขนาดโดยใชว้ งเวยี นเหลก็ ขีดเพื่อวาดใหเ้ ปน็ รูปวงกลมใหไ้ ดข้ นาดตาม เส้นขอบของส่วนฐาน ตัดแผน่ โลหะใหเ้ ปน็ รปู วงกลม ( เผอ่ื ขอบเลก็ น้อย ) นามาวาง ประกบกนั โดยใชล้ วดยดึ ตรึงประคองฐานไว้ เพอ่ื ทาการเช่ือมชิน้ ตัวติดกบั ขอบ โดยนามาทา นา้ ประสานทองและใช้ไฟเปา่ ให้น้าประสานทองเชื่อมโลหะเป็นชนิ้ เดียวกัน นาชน้ิ งานแช่น้ากรดกามะถนั เจือจางสักครู่แล้วจงึ ทาความสะอาดชิ้นงานด้วยแปรง ทองเหลอื งและล้างน้าสะอาดอีกคร้งั เช็ดใหแ้ ห้งดว้ ยผ้าสะอาด
๕๐ ชนิ้ งานทีท่ าการเชือ่ มเสรจ็ แลว้ การขน้ึ รูปดว้ ยค้อน ใชค้ ้อนคอ่ ย ๆ เคาะเกบ็ พื้นทขี่ องถาดให้เรยี บทัง้ หมดโดยเฉพาะสว่ น ทท่ี าการเช่ือมใหเ้ รยี บเปน็ เนื้อเดียวกนั กับชิน้ งาน
๕๑ นาช้นิ งานมาทาการขน้ึ รปู โดยการใชค้ อ้ นขึ้นรปู เคาะขน้ึ รูปบนหลุมไมท้ ใ่ี ชเ้ ป็นแบบโดย ไล่จากสว่ นล่างของถาดใหไ้ ดค้ วามโค้งของรูปทรงท่ีตอ้ งการ แลว้ จึงเคาะไลผ่ ายขึน้ ไป สว่ นจนได้รปู ทรงตามแบบทง้ั สว่ นพานและฐานของช้นิ งาน ชิ้นงานทผี่ า่ นการเคาะขน้ึ รูปในขัน้ ต้น
๕๒ นาสว่ิ เคาะใหเ้ กดิ สนั เป็นความคมชัดของขอบเส้นปากถาดและฐานตามแบบเกบ็ งานใหเ้ รียบรอ้ ย ช้นิ งานทท่ี าการเคาะขึน้ รปู เรียบรอ้ ย
๕๓ นาชิ้นงานมาทาการเข้าชนั สลกั และทาการแบง่ ตัวลาย โดยใชว้ งเวยี นปลายเหล็ก แบ่งสว่ นตวั ลายเปน็ ๑๒ ช่องแลว้ จึงร่างเขียนลาย
๕๔ ใช้ส่ิวสลักเดินเส้นเบา ใหท้ ั่วตวั ลายท่เี ขยี นรา่ งไว้โดยเลอื กหน้าสวิ่ ใหพ้ อเหมาะกับลาย เชน่ เสน้ ตรงใชส้ ิ่วหนา้ ตรงเสน้ ทมี่ คี วามโค้งใชส้ ิว่ หนา้ โคง้ หรอื ส่ิวเล็บมือ เมื่อทาการเดิน เส้นเบาเสรจ็ แล้วทาการออกชนั และทาความสะอาด นาสว่ิ ปลายแหลมมนมาทาการตอกดุนให้โลหะยุบตวั เปน็ ลายจากด้านใน ในทกุ ตัวลายจะเกดิ ระยะเมอ่ื มองจากอีกด้านหน่งึ
๕๕ เม่อื มองจากดา้ นนอกจะเหน็ ตวั ลายนูนออกมาจากการดนุ ทางดา้ นใน
๕๖ ทาการเข้าชันอกี ครั้ง นาสิ่วสลักมาทาการสลกั เหยียบลายเพือ่ เปน็ การแบง่ ระยะของตวั ลาย ใหม้ มี ิตทิ ีช่ ัดเจน การแบง่ ระยะของตัวลายกบั พื้นทาให้เกิดตัวลายทช่ี ัดเจน
๕๗ ทาการเขยี นไสล้ ายเปน็ ลายดอกพดุ ตาลและลายใบเทศ ทาการสลักเดินเสน้ เบา ให้เกิดลวดลาย เพ่อื แบ่งลายของไส้ลายให้สมบูรณ์ตามแบบ ทาการสลักลวดลายดอกพดุ ตานและลายใบเทศเกบ็ ลายละเอยี ดและเหยยี บพืน้ ลาย จนเสร็จสมบูรณ์
๕๘ ลายท่ที าการสลกั – ดุนลายบัวกลีบขนุนทสี่ มบรู ณ์ ในส่วนของขาโต๊ะน้ัน ซ่ึงเป็นรูปโคง้ แบบขาสิงหน์ น้ั มีกรรมวิธกี ารทาแบบเดียวกับการ ขน้ึ รูปส่วนถาดคือเรม่ิ โดยการทาตน้ แบบกระดาษมาวางบนแผ่นโลหะ ทั้งซา้ ย –ขวานามา ทาบและตัดแผ่นโลหะเปน็ ชนิ้ งานนาชิ้นงานมาเคาะในแบบหลุ่มไม้ใหโ้ ก่งตัวพอประมาณทง้ั
๕๙ สองช้ิน นาทง้ั สองชิ้นไปเช่ือมตดิ กัน ทาความสะอาด แลว้ นามาเคาะขึ้นรูปใหไ้ ดต้ ามแบบท่ี กาหนด ทาการเขา้ ชนั เขยี นลายเสน้ แล้วทาการสลักย้าพน้ื ลาย ชน้ิ ขาโต๊ะท่ที าการสลกั ลายแลว้
๖๐ ส่วนของฐานโตะ๊ ที่ทาการสลกั – ดุนเสรจ็ แลว้ นามาฉลุออกโดยวัดออกจากขอบ ประมาณ ๑.๕ เซนติเมตรใหเ้ กดิ วงตรงกลาง ตามแบบ นาส่วนตา่ ง ๆ ท่ีสลกั – ดุนเสรจ็ แล้วมาประกอบกนั ตอ่ เชื่อมกนั เป็นโตะ๊ ตามแบบ
๖๑ เม่อื เชอ่ื มเรยี บร้อยแล้ว
๖๒ ชนิ้ งานเมอื่ ผ่ายกระบวนการชบุ สที องแล้ว
๖๔ ต้นแบบคนโทหรือหม้อน้ามนต์ ซ่ึงมกี รรมวิธีการขนึ้ รูปแยกเปน็ ๑๘ ชิ้นด้วยกนั เมื่อน้าแต่ ละชนิ้ มาประกอบกันจะได้สว่ นฐานของคนโท ตัวคนโน ส่วนคอคนโทและสว่ นฝาคนโท ซึ่งจะมีวธิ กี ารท้าทเ่ี หมือนกนั จึงขอยกส่วนตวั คนโทมาแสดงการทา้ ตดั กระดาษเป็นต้นแบบ โดยแบ่งเป็นสองส่วนเพือ่ สะดวกในการเคาะขน้ึ รูปนา้ มาทาบบน โลหะและทา้ การตัดโลหะตามแบบ
๖๕ ดัดโลหะมาต่อชนเป็นวงกลม เชื่อมรอยตอ่ และเคาะเกบ็ รอยการเชื่อมให้เป็นเนื้อเดียวกัน กบั เนือ้ อโลหะ นา้ แผน่ โลหะทรงกลมมาท้าการต่อเช่อื มเปน็ เป็นก้นของคนโท ท้าการเคาะเก็บ รอยการเช่ือมให้เป็นเนอ้ื เดียวกัน เริม่ ทา้ การเคาะขนึ้ รูปบนแบบหลุมไม้เพอื่ คอ่ ย ๆ เคาะจนโลหะยดื ตวั เปน็ ทรงโคง้ คลา้ ยถ้วย ท้าเหมือนกันทั้งสองช้ิน จนไดร้ ูปทรงตามแบ
๖๖ การเคาะข้ึนรปู บนแบบหลมุ ไมน้ ้จี ะเคาะจากดา้ นในจนได้รปู ทรงตามแบบจะเห็นถงึ การ ขยายตวั ตัวของโลหะเม่ือยิง่ เคาะไล่ใหโ้ คง้ มากขึ้นโลหะจะบางลงจงึ ช่างทที่ า้ ดว้ ยความชา้ นาญ จะรักษาความหนาบางของเนือ้ โลหะใหเ้ ท่าเสมอกนั เม่ือเคาะไล่ดา้ นในจนได้ทรงตามแบบแลว้ กก็ ลบั มาเคาะจากดา้ นนอกเพ่ือคุมทรงให้ ไดท้ รงโค้งกลมตามแบบ
๖๗ เม่ือเคาะทรงไดท้ แี่ ล้วจะมีลกั ษณะตามภาพ นา้ วงเวยี นปลายแหลมมาวดั และขดี รศั มวี งกลม กา้ หนดขนาดความสูงของแตล่ ะช้ิน ท้าการตดั ขอบทั้ง ๒ ชิ้น และนา้ มาประกอบเป็นชน้ิ เดียวกนั และท้าการเจาะเปิดสว่ นบน
๖๘ เมอื่ ทา้ การประกอบกนั แล้วจึงนา้ มาเช่อื มรอยตอ่ ดว้ ยตะกว่ั บักกรที ้ังใบใหส้ นิทเผาด้วยความรอ้ น หลงั จากเชอ่ื มเสรจ็ แล้ว น้าไปแช่กรดกา้ มะถนั เจือจาง ขัดดว้ ยแปรงทองเหลอื ง และลา้ งน้าทา้ ความสะอาด
๖๙ ท้ากรรมวธิ ีการขนึ้ หนุ่ กับ ส่วนฐาน ส่วนคอ ส่วน ฝาด้วยกรรมวธิ ีเดียวกนั แล้ว น้ามาประกอบเพ่ือตรวจดรู ปู ร่าง รปู ทรง เพือ่ ทา้ การปรับแก้ในส่วนของการขนึ้ รูป น้าช้นิ งานมาพัดเทปกาวเพอ่ื ท้าการเข้าชัน เพ่ือเตรยี มท้าการสลกั ลวดลายตอ่ ไป
๗๐ นา้ ช้ินงานท่เี ข้าชันแลว้ มาทา้ การวดั และแบง่ ช่องเปน็ ๖ ช่องและ ๑๒ ชอ่ ง เพือ่ กา้ หนดลายและเขยี นลาย นา้ สิ่วมาสลักลายเบาเดนิ เสน้ แบง่ ลายทงั้ หมด ทา้ กระบวนการออกชนั แลว้ จึงท้าการตอก ดุนในตัวลายจากด้านในในส่วนทต่ี อ้ งการใหเ้ กิดมิตติ วั ลายนูนออกมา
๗๑ เม่ือทา้ กรรมวธิ ีตอกดนุ ลายเสร็จแล้ว จะเหน็ การแบง่ ตวั ลายชัดเจนเมือ่ มองจากดา้ นนอก ทา้ การเขียนไสล้ ายตามแบบ เพื่อกา้ หนดพ้นื ท่ขี องตัวไส้ลาย
๗๒ ทา้ กรรมวธิ สี ลักเดนิ เส้นเบาในสว่ นไส้ลายตามที่เขยี นไว้ จะเห็นลายละเอียดของไสล้ าย ที่สมบรู ณข์ นึ้ การสลกั แบบเหยียบพน้ื ลายเปน็ สลกั วธิ หี นง่ึ ทท่ี ้าให้ดอกลายนูนเด่นชดั ขน้ึ มา
๗๓ ในสว่ นของฐานคนโท คอคนโทและฝาคนโทนั้นมกี รรมวิธกี ารทา้ เหมอื นกันกับตัวคนโท คอื การท้าตน้ แบบ กระดาษมาวางบนแผ่นโลหะ นา้ มาทาบและตัดแผน่ โลหะเปน็ ชิ้นงานนา้ ชน้ิ งานมาเคาะในแบบหล่มุ ไม้ทกุ ช้ิน ใหไ้ ดท้ รงตามลกั ษณะชนิ้ งาน นา้ มาเขยี นลายและสลัก – ดุนลายตามแบบ และเม่อื ท้าทุกสว่ นเรยี บร้อยแล้วจงึ น้ามาทา้ การต่อตามแบบและเชอ่ื มตดิ กัน ทา้ ความสะอาด ลายส่วนฐาน ลายส่วนคอ ลายสว่ นฝาชิ้นท่ี ๑ ลายส่วนฝาชนิ้ ท่ี ๒ ลายสว่ นฝาช้ินท่ี ๓ ลายสว่ นฝาชนิ้ ที่ ๓และ๔ เม่ือน้าชิ้นส่วนฝามาประกอบกนั ลายส่วนตัว
๗๔ น้าแต่ละชนิ้ มาประกอบกันเปน็ คนโทตามแบบ
๗๕ หลังจากนา้ คนโทไปชบุ สที อง
๗๖ เคร่ืองทรงพระฯ ฤดูร้อน ความเป็นมาเก่ียวกับเคร่อื งทรงพระฯ การสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในศิลปะอินเดีย ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ ด้วย การเติมเคร่ืองทรงของกษตั รยิ บ์ างช้นิ ใหก้ บั พระพุทธรูป ตามคตพิ ุทธศาสนามหายานที่ถือว่า พระพุทธเจ้าทรงอยู่ ในสภาวะเหนือมนุษย์ และทรงเป็นจักรวาทิน จากคติและรูปแบบดังกล่าว ได้แพร่หลายไปยังดินแดนในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ๒ กระแส คือ กระแสที่ 1 ไปยังดินแดนพม่า เข้าสู่ดินแดนภาคเหนือของไทย ท่ีอาณาจักร ล้านนา และกระแสท่ี ๒ ผ่านไปทางอาณาจกั รเขมร เขา้ สดู่ นิ แดนประเทศไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ในการศกึ ษาเรื่องราวเกี่ยวกบั คติและรูปแบบของพระพุทธรูปทรงเคร่ืองอยธุ ยา แบ่งออกได้เป็น ๓ สมัยคือ ๑. สมัยอยุธยาตอนต้น ในชว่ งน้ีเช่อื กนั วา่ การสรา้ งพระพุทธรูปทรงเครื่อง อาจแบ่งออกได้ ๒ ระดับ คือ ในระดับพระมหากษัตริย์ได้รับอิทธิพลมาจากคติเทวราชาของเขมรโดยตรง ท่ีถ่ายทอดมาสู่ราชสานักไทย จาก การที่สมเด็จพระรามาธิบดีโปรดให้ขุนหลวงพะง่ัวไปตีเขมรและกวาดต้อนผู้คนรวมท้ังช่างฝีมือมายั งกรุงศรี อยุธยาทางหนึ่งและอีกทางหนึ่งในระดับสามัญชนที่มีพื้นฐานความเช่ือทางไสยศาสตร์แฝงอยู่ในความเชื่อทาง พุทธศาสนา ปะปนคติความเชื่อที่คล้ายคลึงกันจากทางเหนือ ก่อให้เกิดการสร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ือง ขึ้นรปู แบบของพระพทุ ธรปู ทรงเครื่องที่ปรากฎในสมัยนีก้ เ็ ป็นการรับรปู แบบเครอ่ื งทรงมาจากศิลปะเขมร ๒. สมัยอยุธยาตอนกลาง ลัทธิเทวราชา หรือพุทธราชาเริ่มเสื่อมลง คตินิยมการสร้างพระพุทธรูป ทรงเคร่ืองในช่วงนี้ ในระดับพระมหากษัตริย์เป็นการจาลองรูปพระมหากษัตริย์ตามคติธรรมราชา ซ่ึงได้รับ อิทธิพลของศาสนาพุทธลัทธิลังกาวงศ์ ว่าพระมหากษัตริย์ที่ประพฤติธรรมจะได้รับการยกย่องเป็นจักรวาทิน มีฐานะเท่ากับพระพุทธเจ้า ในระดับประชาชนความเช่ือเรื่องพระศรีอาริยเมตไตรยและพระยาชมภูบดีมี ความสาคัญอยู่ทั่วไป ในสมัยนี้นิยมสร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ืองกันอย่างแพร่หลายมาก เคร่ืองทรงจะมี ววิ ัฒนาการเพ่มิ มากข้ึน ๓. สมัยอยุธยาตอนปลาย คติความเช่ือในการสร้างพระพุทธรูปทรงเคร่ือง ยังคงมีการผสมผสานกัน ระหว่างลัทธิเทวราชา ซ่ึงสมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้ทรงพยายามท่ีจะฟื้นฟูขึ้นใหม่ เพื่อแสดงฐานะของ กษตั รยิ ์ให้สงู สง่ ย่ิงขน้ึ ประกอบกบั ความเชื่อในไสยศาสตร์และความเชื่อเรื่องพระศรีอาริย์ ซึ่งยังคงมีบทบาทอยู่ ในความคิดของบรรดาประชาชนทั่วไป รูปแบบของพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยน้ีจะสวมเครื่องทรงตามแบบ กษตั ริย์ จนดเู หมอื นเป็นรปู ฉลองพระองคข์ องพระมหากษัตริยอ์ ยา่ งชัดเจน กล่าวได้ว่า การสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องในสมัยอยุธยา เกิดจากการผสมผสานกันของความเชื่อใน คติเทวราชาท่ีได้รับมาจากเขมรของพระมหากษัตริย์ ประกอบกับความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ ตานานชมพูบดี และความเชอื่ ในความสาคัญของพระศรอี ารยิ ์ของสามัญชนนั่นเอง
๗๗ วธิ ีการจดั สรา้ งเคร่อื งทรงพระฯ ฤดรู ้อน การจัดสรา้ งเครอื่ งทรงพระฯ ฤดูรอ้ น เคร่ืองทรงพระฯ ฤดูร้อน ชุดนี้สร้างข้ึนเป็นต้นแบบเพ่ือจัดทาองค์ความรู้ด้านศิลปกรรมด้าน งานโลหะ เดิมกลุ่มงานช่างโลหะ กลุ่มประณีตศิลป์และการช่างไทย สานักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ได้จัดทา เครื่องทรงจักรพรรดิสาหรับองค์ พระพุทธปฏิมาสุวรรณภูมิสิริโชค ภ.ป.ร.ตามคาส่ังกรมศิลปากร ที่ ๓๖๓ / ๒๕๕๑ ลงวันท่ี ๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๑ เพ่ือมอบให้กับสมาคมสโมสรพนักงานการบินไทย บริษัทการบิน ไทย จากัด (มหาชน)เมื่อมีโครงการสร้างต้นแบบเพื่อจัดทาองค์ความรู้ด้านศิลปกรรมด้านงานโลหะ ทางสานัก ช่างสบิ หมจู่ งึ ใช้แบบจากองคเ์ ดมิ แตไ่ ดด้ ัดแปลงบางสว่ นเพอ่ื ใหเ้ หมาะกบั องค์พระ โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี ลกั ษณะของเครื่องทรงฯ ชดุ ฤดรู ้อน (คมิ หนั ต์) ประกอบด้วย ๒๐ ชิน้ ส่วนดังนี้ ๑. พระมงกุฎทองแดงลงยา ๒. อณุ าโลม ๓. พระกรรเจยี ก (ซา้ ยและขวา) ๔. ฉลองพระศอทับพระอังสา(กรองศอ) ๕. กนกปักไหล่ (ซา้ ยและขวา) ๖. ตาบหนา้ (ทับทรวง) ๗. ตาบหลัง ๘. ตาบขา้ งและสังวาล ๙. รัดพระองค์ ๑๐. พาหรุ ัด (ซา้ ยและขวา) ๑๑. ขอ้ พระกร (ซ้ายและขวา) ๑๒. ขอ้ พระบาท(ซ้ายและขวา) ๑๓. สนับเขา่ (ซ้ายและขวา)
๗๘ ขั้นตอนการสร้างเคร่อื งทรงฯ ชดุ ฤดรู อ้ น ๑. ออกแบบลวดลายเคร่อื งทรงฯ ข้นั ตอนการออกแบบน้นั สาคัญไมแ่ พ้กบั ข้ันตอนอ่ืนๆ เครื่องทรงจะมีลวดลายที่งดงามเพียงใดน้ันข้ึนอยู่ กับการออกแบบ การเขียนลายเพ่ืองานโลหะนั้นแตกต่างจากการออกแบบทั่วๆ ไปในการออกแบบน้ันต้อง คานึงถงึ ระยะ หรือมติ ิของชิ้นงานอย่างนอ้ ย ๓ ระยะ สว่ นใหญ่งานโลหะจะมีระยะ หรือมิติไม่เกิน ๕ ระยะ หาก เปน็ ภาพวาดหรือลวดลายภาพวาดอาจมไี ด้หลายระยะกว่านี้
๑.๑ แบบพระมงกุฎทองแดงลงยา ๗๙ แบบพระมงกุฎทองแดงลงยา ประกอบดว้ ยกระจงั ตาอ้อย จานวน ๑๒ ช้นั ๑.๒ แบบอณุ าโลม
๑.๓ แบบพระกรรเจยี ก (ซา้ ยและขวา) ๘๐ พระกรรเจยี ก ประกอบดว้ ยกระหนก ลายใบเทศ และกณุ ฑล (ต่างห)ู ๑.๕ แบบฉลองพระศอทับพระองั สา(กรองศอ) ฉลองพระศอทับพระองั สา ประกอบด้วยช้นั บนเปน็ ลายบวั ฟนั ยกั ษ์ เส้นลวด ไข่ปลา รกั ร้อยลายใบเทศ และกระจังใบเทศ ตามลาดับ
๑.๖ แบบกนกปักไหล่ (ซ้ายและขวา) ๘๑ ประกอบดว้ ย กระหนกลายใบเทศ ๑.๗ แบบตาบหน้า (ทับทรวง) ประกอบด้วยกระจงั ลวดลายใบเทศ
๑.๙ แบบตาบหลัง ๘๒ ประกอบด้วยกระจัง ลวดลายใบเทศ ๑.๑๐ แบบตาบข้างและสงั วาล ประกอบด้วยกระจังลวดลาย ใบเทศและลายประจายาม
๑.๑๑ แบบรัดพระองค์ ๘๓ ประกอบด้วยบัวฟนั ยกั ษ์ เสน้ ลวด รกั ร้อยลวดลายใบเทศ ๑.๑๔ แบบพาหุรัด (ซา้ ยและขวา) ประกอบด้วยกระจังลวดลายใบเทศ ลายบัว เสน้ ลวด ไข่ปลา และลายดอกไม้(กระเปาะพลอย)
๘๔ ๑.๑๕ แบบขอ้ พระกร(ซ้ายและขวา) ประกอบด้วยลายดอกไม้(กระเปาะพลอย) เส้นลวด บวั ฟันยักษ์ ลายบวั และกระจัง ๑.๑๗ แบบขอ้ พระบาท(ซ้ายและขวา) ประกอบดว้ ย เส้นลวด ไข่ปลา ลายดอกไม้(กระเปาะพลอย) ลายบวั และกระจงั
๘๕ ๑.๑๘ แบบสนับเขา่ (ซา้ ยและขวา) ประกอบด้วยลวดลายใบเทศ ๒. การเตรียมชันและแผ่นทองแดง ข้ันตอนการเตรียมชันและการเตรียมแผ่นทองแดงน้ัน เป็นข้ันตอนแรกในการสร้างชิ้นงานโลหะ ชัน เป็นอปุ กรณ์สาคญั ในการทางานเนื่องจากเป็นส่วนท่ีรับแรงตอกในการสร้างลาย ขั้นตอนมดี งั นี้ ๒.๑ การเตรยี มแผน่ โลหะ มดี ังน้ี ในการทาเคร่ืองทรงคร้ังน้ีใชแ้ ผน่ โลหะขนาดเบอร์ ๒๔ โดยใชอ้ ุปกรณว์ ัดขนาดเบอรแ์ ผน่ โลหะดังภาพ ภาพ ๒.๑ ก จะทาให้เราทราบว่าโลหะได้ขนาดเบอร์ตามต้องการหรือไม่ หากสั่งซื้อตามร้านวัสดุโดยส่วนใหญ่จะได้ตาม ขนาดมาตรฐานอยู่แล้ว หลังจากได้แผ่นโลหะทองแดงแล้วนาแผ่นทองแดงมาตัดให้มีขนาดใหญ่กว่าขนาดของ
๘๖ ช้ินงานเล็กน้อย เพอ่ื ให้เหลอื เน้ือท่ใี นปอ้ งกันการเสียหายของชิ้นงานจากการเข้าชัน(เพราะเม่ือเข้าชัน ตัวชันอาจ กินเนอื้ ท่ขี อบของแผ่นทองแดงไปบา้ ง) ๒.๑.๑ เตรียมอปุ กรณ์การเผาแผ่นโลหะ เมื่อได้แผ่นโลหะตามขนาดตอ้ งการแลว้ เตรียมอปุ กรณ์ ดังรปู ภาพ (๒.๑.๑ ก) - ตะแกง(เพ่ือวางชิ้นงานเมอ่ื เผาให้ความร้อน) - หัวแก๊ส ถังแก๊ส - คมี คีบแผ่นโลหะ ภาพ ๒.๑.๑ ก ๒.๑.๒ ขั้นตอนการเผาให้ความร้อนแผ่นโลหะ เผาโลหะก่อนการสร้างลวดลายเพื่อให้แผ่น ทองแดงมีการคลายตัวสามารถสร้างลวดลายได้ ดังภาพ (๒.๑.๒ก) ภาพ ๒.๑.๒ ก ใหค้ วามร้อนแผ่นโลหะโดยใช้ไฟจากหวั แกส๊ ไปเรอ่ื ยๆ จนกระทง่ั แผ่นทองแดงเปลยี่ นสีท้ังแผ่น เผาท้ังสองด้าน ของแผ่นโลหะ หลังจากนั้นพักสักระยะให้แผ่นโลหะเย็นตัวลง แล้วนาไปทาความสะอาดโดย นาไปพรม น้าเปล่าและล้างน้าเปล่า (แค่เพียงให้น้าถูกแผ่นโลหะท่ัวท้ังแผ่นก็พอแล้ว) หลังจากน้ันนาไปแช่น้ากรดอย่าง อ่อนประมาณ ๕-๑๐ นาที หลังจากนั้นทาความสะอาดด้วยผงซักฟอกและน้าเปล่า โดยใช้แปรงทองเหลืองขัด ร่วมดว้ ย ดงั ภาพ (๒.๑.๒ ข)
๘๗ ภาพ ๒.๑.๒ ข ปล่อยให้แผ่นทองแดงแห้ง และใช้คีมดัดมุมท้ัง ๔ มุมของแผ่นทองแดงขึ้นมา เพ่ือให้ชันกินพื้นที่เม่ือเข้าชัน น้อยลง หลังจากนั้นนาไปทาน้ามันพืช ทาเพียงบางๆ การทาน้ามันพืชช่วยให้แผ่นทองแดงติดกับชันได้แนบ สนทิ ดังภาพ (๒.๑.๒ ค) ภาพ ๒.๑.๒ ค ๒.๒ การเตรยี มชนั มีดังน้ี นาชนั ในกลอ่ งไม้(หรือในภาชนะอน่ื ท่ตี ้องการใช้งาน) ในทน่ี ้ีนยิ มใช้กล่องไม้ ชันท่เี ทใสภ่ าชนะไว้ ภาพ ๒.๒ ก
๘๘ จะมีความแข็งเมื่อตอ้ งการใช้จึงตอ้ งนามาให้ความรอ้ นโดยใชไ้ ฟ เม่ือใหค้ วามร้อนไปสักระยะหน่ึงชันจะอ่อนตัว ลง ใชช้ อ้ นขูดเปน็ เส้นๆ พรอ้ มทงั้ ให้ความร้อนไปด้วยในเวลาเดียวกันจะทาให้ความร้อนนั้นแทรกซึมไปถึงด้าน ในของเนื้อชนั ดังภาพ (๒.๒ ก) เม่อื ชนั ออ่ นตวั ลงมากแลว้ นาแผ่นโลหะทองแดงวางลงบนชัน และใช้แท่งเหล็ก กดใหช้ นั และแผน่ โลหะแนบสนทิ กันพกั ไว้ใหเ้ ย็นสนิท ภาพ ๒.๒ ข ๓. การสลักลายเดินเส้น(การสลักลายเสน้ ครั้งท่ี ๑) การสลักลายเดินเส้นนี้ เป็นการกาหนดขอบเขตพื้นท่ีในการทางาน ถ้าเปรียบเทียบกับการวาดรูปก็ คอื เส้นร่างของภาพน่ันเอง เส้นร่างนี้สามารถแก้ไขและเปล่ียนแปลงได้ในขั้นต่อไป จึงเป็นการตอกลายเส้นท่ีมี น้าหนักการตอกเบากวา่ การสลกั ลายเส้น ดังภาพ ภาพ ๓.ก
๘๙ ภาพ ๓.ข ๓.๑) การจับสิว่ ในการตอกลายโลหะมีดังน้ี ถนดั ขวา จับส่วิ มือซ้าย จับค้อนมือขวา ถนัดซ้าย จับสวิ่ มือขวา จบั ค้อนมือซ้าย การจับสิ่วนั้นให้วางสิ่วลงบนมือโดยให้หัวส่ิวอยู่ด้านล่างไปทางนิ้วก้อยและใช้น้ิวหัวแม่มือพยุงส่ิวไว้ ในระหว่างตอกลายนิ้วกอ้ ยจะเปน็ นวิ้ ทใ่ี ช้บงั คับทิศทางการตอกลาย และน้ิวหัวแม่มือและน้ิวอื่นๆจะเป็นตัวช่วย รับนา้ หนกั ไมใ่ หส้ ิว่ ขยับมากนักในการตอกลาย ดังรูปภาพ (๓.๑ ก) ภาพ ๓.๑ ก
๙๐ ๓.๒) ใชส้ ่วิ สลักตอกลายตามเสน้ ลายทอี่ อกแบบไว้ โดยบรเิ วณโค้ง จะใชส้ ิว่ ปากโค้งขนาด เล็ก กลาง หรือใหญแ่ ล้วแต่ขนาดของเส้นโค้งน้ัน และในสว่ นของเสน้ ตรง ใช้สิว่ ปากตรงขนาด เลก็ กลาง หรือใหญ่ แล้วแตข่ นาดของความยาวเสน้ น้ัน สรา้ งลายด้วยสว่ิ จนครบท่วั ทัง้ ชิ้นงานตามท่อี อกแบบไว้ โดยใช้อุปกรณ์ดัง ภาพดา้ นลา่ ง ภาพ ๓.๒ ก ส่วิ ปากโค้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ภาพ ๓.๒ ข ส่วิ ปากตรงขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ภาพ ๓.๒ ค ค้อนสลกั
๙๑ ๓.๓) การออกชัน เมื่อสลักลายเดินเส้นเสร็จท้ังช้ินงานแล้ว เราจะนาแผ่นโลหะออกจากชันโดยการนา ชิ้นงานไปเผาไฟเพื่อให้ชันอ่อนตัวสามารถนาแผ่นโลหะออกมาได้ หลังจากน้ันจึงนาแผ่นโลหะไปทาความ สะอาดดังขั้นตอนตอ่ ไปน้ี ภาพ ๓.๓ ก (อุปกรณ์การเผาออกชัน) ๓.๓.๑ เตรยี มอปุ กรณ์การเผาออกชนั เตรียมชนิ้ งานทีส่ ลักลายเดินเสน้ เสร็จแลว้ พร้อมอุปกรณ์ ดงั รูปภาพ (๓.๓ ก) - ตะแกรง(เพ่อื วางช้ินงานเมื่อเผาให้ความร้อน) - หัวแกส๊ ถังแก๊ส - คมี คีบแผน่ โลหะ - ชิ้นงานท่ีต้องการออกชัน
๙๒ ภาพ ๓.๓ ข ๓.๓.๒ การเผาออกชัน จุดไฟท่หี ัวแกส๊ หลงั จากนั้นเผาใหค้ วามร้อนทั่วทัง้ ช้ินงาน จนชนั นิ่ม อ่อนตวั ลง สามารถดึงแผ่นโลหะออกมาจากกลอ่ งชันได้ ดังภาพ (๓.๓ ข) หลงั จากนั้นเผาแผ่นโลหะชิ้นงานไป อกี จนกระทง่ั ทว่ั ทั้งแผน่ จนกระทัง่ ช้ินงานเปล่ยี นสี ดงั ภาพ (๓.๓ ค) ภาพ ๓.๓ ค
๙๓ ๓.๓.๓ การทาความสะอาดชน้ิ งานเมื่อเผาชิ้นงานโลหะแล้ว หลงั จากนนั้ เปน็ ขน้ั ตอนการทา ความสะอาด โดยรอใหช้ น้ิ งานเย็นลงสกั ระยะ เมอ่ื ชน้ิ งานเยน็ ลงจึงนาไปลา้ งด้วยน้าเปล่า หลังจากนั้นจงึ แช่ น้ากรดชนิดอ่อน ประมาณ ๑๐ นาที เมอ่ื ครบกาหนดนาข้ึนมาทาความสะอาดด้วยผงซักฟอกพร้อมใชแ้ ปรง ทองเหลอื งขัดเบาๆ เพื่อใหค้ ราบสีดาทเี่ กิดจากการเผาออกจนหมด ดงั ภาพ ๓.๓ ง ภาพ ๓.๓ ง (ภาพขนั้ ตอนการทาความสะอาดช้ินงานโลหะ)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118