5๓14ขIXฒงสั ตำน'ไน1เ1ะเะแกวฒโใต พะเะาากฒุ3หผ3า#ญญา แต่ง!จ้เสฆภาษาขาส าปำยัดิฃ37ม0าถไ (แ10 ตาสะส้กิชมณ) เปรึขญ แปส ข)มฟ้ฝ็แฮแส่รณ[ซงานฌฟณ์ไจ สํผ โ*!โ 141งฟุกา^ ๓ส:ฒั*ฌเณ / -ณ ฒาปแส่ถาแกฮงขนัฆ้บก ว้ดึ้!ส์มนัสืวหา! ว้ฆิส์ ๑๙ ก้แยายแ พุตปิด้กิ}ฟ^ธิตด
รั&ณเฒแฒสั ตาพแฒวะเพวมวกด พ!::!เกฒุ!หมท#'ญญา แต่ง!ว้เสืฆภาษาข!ส ขเร::ยาม่รขัตซรรมอาด! (11111 ต!สะส้โเมมณ) ฟรยญเฟ ขิมฟ้ฝ็ข?เชุส์รฌ[ช^ามฌฟมกจสํ^ มา#?าใะษ ตาสะฒัะฌโม ณ ฌฟ่ะ!สํถใมกฮาฒัฃก รส!ส์มน้สืร๊หาร ร้ม็ลิ่ 0๙ ก้มิยาย1\\ ขฺเตอด้โเรฟ ^^V'1'เข้,'1 I \\\\ 357
ร่ตนทิแทางส พระยาปรย๎คธรรมธาดา (แพ ตาละลํกษมณ์) เปรยญ แปล ทิมVIกร1งแรก ไรงทิมห!ทยทิมพทถเกลา ฯ ถวาย พ.ศ. ๒๔๕๕ และแจกโมงานาวระเมรทองสนาม พ.ศ. ๒๔๐๔ ทิมทิครำท้สอา ส0านกทิมV\\แรร!นาการจคทิมพ'จาหน่าข พ.ศ. ๒๔ ซิ ๒ ทิมVIคร*งทสาม โนงานฌาปนกจศพ นางสภาพ ตาละลกษมณ 0^-0139\" VI 3ป๋จ พ้ยน ทิมพท บรษท สหภาพการทิมพ จำกล ๒๓๘๔ ซอยช่างนาค ธนบร นายVพณิชย ทิรชกจ ผ้น้มพ์ผ้โฆษณา ๒๕©๒
00 คานา เนงานฌาปนกิจศพ นางสภาพ ศาละลกษมณ์ ณ ฌาปนสถานกอง- ภพบก ว่ตโสมนํส่วิหาร กำหนดวนท ด4 กนยายน พุทธศํกราช ๒&ด๒ บตรธิดา [ดมาติดต่อก:มคลปาก: ขชิยินญาต*าดพิบพ์หกํงสืชิเรื่ชิงรํตนพิบพวงศ์ ซึ่ง พระยาปริยศธรรมธาดา (แพ ตาละลกษมณ์) เปรียญ แปลพนภาษาไทย เพืชิแจกเบนชินสรณ!นงานน กรมศิลปากรยินดีอนุฌาตให้ตํด้พิมพ์ได้ตาม ความประสงค์ หนงสอเรื'องรตนพิมพวงศ์นี ว่าดวยตำนานพระแกวมรกต ซึ่งพระ- ภกษุชือ พระพรหมราชบญญา ได้แต่ง'ไว้เบ็นภาษาบาลี นบเบนหน0งสีป็ส0าคฌ เรองหนง ๆเงแตงขน [นด้นแดนลานนาเทยอนเคยมีความเชิริฌร่งริรียิง[เละสง สงดวยวฒนธรรมมาในสมย]มราญ หนงฺสืป็เริยิงนีได้มญ้เบลออกเบนภาษ'า1ไทย หลายสานวน คยิ พระยาธรรมป]รหฅ (แกว) ได้แปลชนเมนตรงแรก เบื่อ พ.ค. ๒๓๓๑ เนรชกาลที ๑ ตํยิมาพระยาปริยฅธรรมธาดา (แพ ตาละลกษมณ์) เปรยญ เมยยงเบนหลวงประเสริฐยิกษรนิติ ได้แปลเมนภาษา'ไทยอีกสำนว14 หนง เสริ'ค:มอ พ.ศ. ๒44๙ เนรชกาลที & ต่อมากรมศิลปากรได้.มอบให้ ร.ตก'). แสง บนวท: เปรยฌ แปลขนไหม เสรชิเมฏ พ.ศ. ๒&0& ริศน¬ พมพ'วงศ์นิบ่บทพระยาปริยศธร:มธาดาแปลน!4 ]รงพิมพ์,เหย1ได้ติพิบพ์เกยแพร่ เบนครงแรก เมชิ ร.ค. 51๓51 (พ.ศ. ๒4&&) ไดยพมพ์รวมกบเริชิงตํๆ'นานทเระแกว มรกต พระราชนิพนธๆนพระบาทสบเด้ลพระวชิมเกลา:ตำชิยู่]ริก กบนนท์ดุษฏี. สรี!วยกล่ป็มพระแกํว่มรกต ต่อมาสำนกพิมพ์บรรญาคารได้ขชิชินุญาตกรบ. ศ^ปากรกํดพิมพ์ตำหน่ายเนยแพริเบนครงพิสอง เบื่อพ.ค. ก^4พิมพ์ ศ:งนนบเบนการตํด้พิมพ์ครงพิสาบ ส่วนรตนพิมพวงศ์นบ'บบื่^ยาธรรบบ]7. กิต (แกว) แปลนน เพิง1ได้พิมพ์เผยแพร'เบื่อ พ.ค. ๒4๘ป้ และริตินติม
ฉบบที่ ร.ต.VI. แสง มนว!น แปลก็!ค้ศีพิมพ์เผยแพร่พนครงแรกแล1ว ๒^๑๐ เพื่อให้ท่าน ผู้อ่านไค้ VIราบ ประ'ว'ต ความเมนมา ของ เรื่องรตม สมพ และตำนานปลีกย่อขเกี่ยวกไ]พระแกวมรกต กองวรรณคดีและประว้ตํศาสต อึงไค้เก็บความในพระนิพนธ์คำนำของ ฟิมเค้ำ ๆ กรมพระยาดำรงราขาม วาก'!วบับพิมพ์ พ.ศ. ๒*&* มาพิมพ์ไว้ควยดำต่อไปนั้ หนำลือเรื่องรัตนพิมพวงศ์เบนเรื่องว่าด้วยตำนานพระแกวมรกต พระภิกษุขื่อ พระพรหมราชบั่ญญ'า เบนผ้แต่ง ได้บอกไว้ในเรื่องว่าเมื หนำลือนํ้อาย ๒* 11 บวช!บ็มพระภิกษุได้ ๒ พรรษา อยู่วิหาร ณ ภูเข ขื่อเขามหาธรรมราปี พระพรหมราชบญญ,าคง'วะบวชเบนสามเณรมาแต่ร หนุ่ม อึงมีสฒญญาเชียบแหลม อุตสาหะเด่าเรียมภาษามคธวมมีความ สามารถแต่งหนำลือในภาษามนได้แต่เมื่อ[บ็มภิกษได้เพียง ๒ พรรษา ท่านคงวะขื่อพรหม ที่เรียก'ว่าพรหมราชบญญ'าอา'ว'ๆะเบืนขื่อพระราช,,'ทน หรือ ขื่อผู้ใหญ่ตง โดยเห์น'ว่าพึนผู้รู้'พระ1ไตรมิ1ฏกแตกฉานก็ไค้ โนเรื่อง ที่แต่งหนังสือร'ตนพิมพวงศ์นไว้'ว่า แต่งสำเร็วเมื่อวไเพระครุวาร ๑0 คํ่า บระกา ท่านผู้แต่งบอก1ไว้ในเรื่องด้วย'ว่า เรื่องราวของพระแกวมรกตมีอย ในสยามภาษาท่านนำเรื่องเหล่านั้มาแต่งเบืนภาษามคธ ความขํอนน่ ว่า เรื่องราวชอง!,]ระแกวมรกตเมื่อก่อนแต่งหนำสืปิร้ต่นพิมพ'วงศ์ วะมี คลำยนิทานที่เล่าบอกต่อ ๆ กไ!มาอยู่แลว พระพรหมราขบืญญานำเรื่องที เขาบอกเล่ามาแต่งขื่นเบนหน*ง์สืยิ เพราะฉะมน กำ'วะตำ!สินความ'จริง:ท็ว ตำนานพระแกวมรกตที่ปรากฏในเรื่องรัตมพิมพวงศ์น หล่กฐานที่ควรเขื่ป็มี ไม่มีหล่กฐานทำสั้น ตอนก่อนนขื่น'ไป เมื่อพระบาทสมเด็วพระวอมเกลาเล่าอ
ทรงพระราชนิพนธ์ประกาศที่อ่านกันสวดมนต์พิธีถือพํ้า จึงไม่ทรงริ ตำนานพระแกวมรกตก่อนทีได้'ในพระเจดีย์ ณ เมืองเชียงรายขนโป ได้พระราช ทานกระแสพระราชดำริไว้ว่า เมือแกวและ'น่มือช่างที่ทำพระแม่วมรกตพระธงต์ เห็นจะมา1หกทางเมืองจีน ซึ่งพิจารณาแลว น่าจะตองเห็นชอบด้วยกระแ พระราชตำริน มีเรื่องปกิรณกะเกี่ยวกับพระแกวมรกต ซึ่งสมเด็จ ๆ กรมพระยาดำรง ราชานุภาพ1ได้ทรงเล่า1ไว้ด้วย คือ แต่โบราณถือกันว่า เทพดาที่ริกษาพระ มรกตกับเทพดาที่ริกษาพระบางทื่อ!รู่;มืธงหลวงพระบางเบนอริกัน กาพระแก มรกตกับพระบางอย่ด้วยกนในที่ใด กักมีเหตุจลาจลหรือความไม่เริ ที่นม ความขอนเคยยกด้วอย่างอ่างกันแต่ก่อนว่า เมื่อพระแกวมรกตประ ฐานอยู่ที่เมืองนครเชียงใหม่ และพระบางอยู่กรงศรีสัตนาคนหุต ก็เจริญร่งเรือง จมพระไชยเชษฐาเด้านครเชียงใหม่ เชิญพระแกวมรกตไปไว้ •ส *-เ กรงศรืด้ตนาคนหุต พระแกวมรกตมาอยู่ที่เมีองหลวงพระบางแห่งเดียวกันก พระบาง นครเชียงใหม่ก็เบนขบถ พระไชยเชษฐาเสียนครเชียงใหม่ และตอง ทำศึกสงครามกบพวกเชียงใหม่ชำนาน ที่สุดตองยายราชธานีลงมาด้งที่เมื เวียงด้นทน์ เชิญพระแกวพระบางลงมาไว้ที่เมืองเวียงด้นทน กัเม่มีความส ตองทำศึกสงครามพ่ายแพ้พม่ารากัญ และที่ชุด พระไชยเชษฐาเองสมพระชนม์ ลงในการสงคราม ต่อนนมา นครศรีสตนาคนหุตก็ไม่เรียบรอย เกิดแย่งชิง ราชสมกัตํและรบพุ่งกันเอง จมตองแยกนครศรีสัตนาคนหุตออกเบึนน่า และน่ายใต้ แด่วียงเบียดเบียนกันเองต่อมา'จนถึงครํ้ง๎กรุงธนบุรีน เสียแก่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดพาจุพาโลก ทรงเชิญพระแกวพระบาง สงมากรงธนบุรี อยู่ศ่ธมา'ในริชิกาลพระเจ่ากรุงธนบุรืก็เกิด1จลาจล'ไนบา เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดพาจุหาโลก เสด็จเถลิงถวฟิยราชสมบิต ทรง ทราบ คติ ที่ถือ กันใน เรื่อง พระแกว พระบาง จึงพระราชทานพระบาง
60 คืนกลไ]ขั้นไปไว้แ ไธงเวียง'วนท!ไ ครื่นถึงแม่นดินพระบาทสมเด็คพระน'งเก เจ่าอยู่หำ เจ่าชนเวียงจนทนใบนขบถ เจ่าพระยา!]ดินทรเดชาชึนไปค เวียงกันทน์ไค้ จึงเชิญพระบางลงมาถวายพระบาทสมเด็จพระกังเกล อยู่ห้ว ‘จุ คงจะได้ทรงทราบเรื่องเดิมทื่เขาถึป็กันในเรื่องพระบางพระแกัว ทฺรงรไ]ไว้ในพระราชวง โปรดให้;จ่าพระยาบดินทรเคขารไเพระบางไปปร ฐานไว้ในว'ดิจ่ก์รวรรติราชา■วาส ซึ่งเบี่นว้คที่เ'จ่าพระยาบดินทรเดช,าปฐิสงขร พระบ่างอยู่ที่กัดจก:วรรคราชาวาสมาจนรชกาลที่ 4 จมพปีบ จุลศกราข ต๒๒๘ เกดฝนแล่ง์ข่าวแพงติด ๆ ก้ม 0! บิ1 ผู้คมคิดคนหาเหต ต่าง ๆ พวกที่ถือล*ทธิเก่าพากันสงสัยว่าจะเบนเพราะเหตุพระบางกบ มรกตเขามาธยู่ในกรงเทพ ฯ ควยกน จึงนำความ!นกราบบงคมทูล ฯ พร บาทสมเด็จพระ'จอมเกล่าเจ’'เธยู่หว,ไม่โปรด'ให้คนคิดเห็นกน1ไปต่าง \"I ราชทานพระบางกลบคืนโปไว้ที่เมืองหลวงพระบาง ในห'ว้เมืธงเหมึธ มีที่ซึ่งอำงว่าเคยได้ประดิษฐานพระแก้วมรกต เช่น ระหว่างแก่งทางไปเชียงใหม่ มีถึาแห่งหนึ่งเรียกว่าถาพระแกว เล ว่า เมื่อพระแก้วมรกตอยู่ทื่เชียงใหม่ เกิดศึกคราวหนึ่ง ได้ มรกตมา'ซ่อมไว้ในถาน1น แต่จะเบ็1นคืกคราวไหนสืบไม่ได้ความ ที่เมื ลำปางก็ย*งมีกัดพระแก้ว อำง'ว่าพระแก้วมรกต^เคยปรรูะดิษฐานอ บดนึ่พ็1นวดร่างเสียแล่ว แต่ที่กัดอึกแห่งหนึ่งเรียกวั พระแกวองค์หนึ่งเบนของรกษาซ่อมเรนปิดบ่งมาก ถึงกับมีองค์จ องค์ปลอมองค์หนึ่ง ล่าคนไปขอนมสการ พระสงร่เผู้รกษาก็เชิญอง ออกมาให้บูชา เบนพระพุทอรูปหนำกักสัก & นึ่วห'รืป็ ๖ นึ่ว ลงริก1เดท หง-องค์ แต่รูปหุ่นพระไปคมละอย่าง ที่เชียงใหม่ เชียงราย ก็กั เคยประดิษฐานพระแกวมรกต แต่ที่เมืองเวียงจนทน์นน มีพระอุ พระแกวมรกตคลำยกับพระอุโบสถกัดพระศรีรตนคาสดารามมาก แต่ชน
เลีกกว่า มีผู้กล่าวว่า พ:ะอุโบสถที่ก:งเทพ ๆ ก'บ■ที'เวียงคุ้มทน์คงถ่ ข้างหนึ่งเบึนแน่ บางคมเห็นว่าก:งเทพ ๆ ถ่ายแบบอโบสก!วียงคันทม์ม ให้โต แต่สมเด็จ ๆ กรมพระยาดำ:ง:าชานภาพท:งฺวินิจ!ดัยว่า [คัาเวียงค อาจจะเบนเจาอนุ พี่มผ้ถ่ายแบบพระอโบสถคัตพระศรี:ตนศาสดารามไปจาก ก:งเทพ ๆ ที่ประดิษฐานพระแกวมรกตในพระอุโบสถคัดพระศรี:ตมศาสดาราม เมื แรก'สรำง'คัด ดังบุษบกทองคำเหนือชนฐานปน โม่มีข้นเบญจา เวลามีพระราช- พิธีใหญ่ๆ เช่น พระราชพิธีตรุษพี่นตม เชิญพ:ะแกวม:กตไปต มณ'ฑลทุกคราว ใน:ชิกาลที่ ๒ เกิดอหิวาตกโรค โป:ดเกล่า ๆ ให้ป:ะกอ พิธีอาพาธพินาศ ก็เชิญพ:ะแกวม:กตออกแห่มา มาใน:ขกาลที่ ๓ พระบาท สมเด็จพระนำ!กล่าเจ่าอย่ห่ว โปรดให้ทำข้นเบญจาหนุนบุษบกพระแกวม:กต ข้นไปให้สงอย่างที่ดังป็ยุ่ทุกคันนึ่ แต่ดังเชิญไปดังในกา:พระ ก่อน ใน:'ชิกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล่าเคัาอยู่ตัวท:งพระราช พระแกวมรกตพี่นของหนกและพี่นของวิเศษหาค่ามิได้ ไม ลงไปๆ มาๆ จะพี่มอไเต:าย จึงไม่โป:ดโห้เชิญไปต8ง๎ในพ:ะรา แต่ก่อน เวลามีงานพระราชพิธีใหญ่ให้ล่ามสายสิญจน์โยงมาถึงพระอ แก่วีม:กต ส่วนในพระแท่นมณ'ตล เชิญพระพุทธบุษยร้ต์นมาต8งแทนที่พร แกวมรกต เบนธรรมเนียมสืบมา เพิงจะเชิญพระแกวมรกตดงมาจากบุษบ ค:1งหนึ่ง เมื่อคันที่ ๙ เศืป็มก:กฏาคม ร.ศ. *๒เอ (พ.ศ. ๒'!(1๖) พทธปรางค์ปราสาท พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเคัาอยู่ตัวเสด็จไป กำดับการดับไฟทรงพระวิตกเห็นไฟไหม้ใกล้พระอุโบสถ จึงโปรดให้เ แกว มรกต จาก พระอุโบสถ ไป ประดิษฐานไว้บนพระ แท่นเศวตดัศรในพระ ที่ น อมริมท:วิน๊จดัย จมไฟดับแล่วิจึงเชิญกลบมาประดิษฐานอย่างเดิม ให้มีการสมโภชพระแก่'วิมรกตพี่นการวิเศษ'ในคข้งนั่นํ้ก่วีย ตำ มรกตโนชนหดำมีมาดังม
(ง ,8นฺ41นฺกา;.ลัด.พ็มพ็ค?งั้น หๅภพไคเรยณรียงปฺ:ะวต1.ม^สุ ค')ละ.สักษมณ์ ผู้วายชนม์ ให้พิมพํIว้ต่,ฐ(จากคำ;นำนค่วิยฺ. ก:มศลปาก:ขออนุโมทนาในกุศล:าศทกษิณานุปทาน ซึ่งเลัาภา ลัฒำเพ็ญอุทิศแด่ นางสุภพ ตาละลักษมณ์ พนมาตุบฏิฐานธ::ม และไ ให้พิมพ์หนงสือสำลัญเ:ป็งนั้ออกเผยแพร่เบนธ:รมวิทยาทาน ขออำนาจกุ ทงปวงนจงเบนหลวิบจ่ลัยส่งเส:มให้ นางสภาพ ตาละลักปมณ่' ผู้วายขน ป:ะสบแต่อฏฐคุณมนุญผลตามศว:แกคดึวิลัยในลัมป:ายภพ สมดั ของเลัาภาพทุกป:ะการ เทอญ. กรมศิลปากร & กนยายน เอX๑๒
ชาตะ 30 กรกฎาคม 245 2 มตะ 11 กรกฎาคม 2512
?1
ใ]ร&วต นางสภาพ ตาสะลกบมณ เกิดเมอา\"นท่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๔๕๒ เบนบุตรเสวกเอก พระยาปริย0\"'ต!!รรกธาดา (แพ ตาละลํกษมณ) เป1ยญ และคุณหญงวาดปรยฅธรรมธาด'ๆ ในจ0านวนพีๆ ทงหมด,โดยล0'ไดบด๎งน ๑. น.ส. เจรญศร ตาคะลกบมณ ๒. น.ส. เฉลิมวงศ ตาละลํกษมณ ๓. นางเพยงพจ (ตาละล0กบมณ์) รายะเลข ๔. นายอาจ ตาละลํกษมณ์ ๔. นางสิทธิธนรกษ (เกตรา ตาละลกบมณ์) พืชผล ๖. นางเพทายพยงเวชชศาสตร์ (ตาละลกบมณ) พยุงเวช ๒. ร.ต. เขม ตาละลกษมณ ๘. น.ส. พ0ชน ตาละลกบมณ์ ๔. นางลำเกา (ตาละลิกษมณ์) สุวรรณมาลิก ๑๐. พ.ต.อ. บุณณะ ตาละล๎กษมณ ๑๑. พลโท ปาระณ ตาละลํกษมณ ๑๒. ร.ท. ณ เณร ตาละลํกษมณ์ ๑๓. นางสภาพ ตาละลกบมณ์ เมอเยาว์วย ได้ร่บการศกบาเริมต2นท่โรงเรยนศรจฅสง่า (บจจุ เลิกกิจการแลํว) และจบม่ธยมบริบูรณที่โรงเรยนราชน (ปากคลองตลา เมอสำเร็จการศกบาใหม่ ๆ ท่านบิดาไดถงแก่อนจกรรม สมเดจพระเจา- บรมางศเธอกรมพระสว'สดวดนวศบฏ ( พระบดาพระบรมราชนในรชกาล ที่ ๗) ไดทรงพระเมตตานำ^วไปถวายสมเด็่ชิพระนางเจ2าร0าไพพรรณ บรมราชินในรชกาลที่ ๗ เบนขาหลวงผายในตราบชนพระบาทสมเด็จพร ปกเกลำเจาอยหวเสด้จส่สวรรคตจงไดกลบออกมาอยุกมคณหญงผูมารดาท บานถนนเพชรบริ
(๒) นางสุภาพ ตาละสักษมณ ได้สมรล'ก0บ นายสไ!ต สนตะกุล มบุตรธดา ทงหมดรวม ๖ คน คอ ๑. นายพลลภ สนตะกล ๒. นายนนทชิน สโ!ตะกุล ๓. นายศลปนาท สนตะกุล ๔. นางสาวพ\"ชนสักษมณ์ สันตะกุล ๔. เด็กหญิงศรกนิษฐ สันตะกุล (เกด ๒๔ มินาคม ๒๔๔ ถงแก่กรรมเมือ ๑๖ กรกฎาคม ๒๔๔๓ และ!ดนำศพ มาฌาปนกิจรวมด้วยในสันน) ๖. น.ส. ม0ทนา สันตะกุล ในบนปลายของชิริ-ต นางสภาพ ตาละสักษมณ ใช้ชิวิตส่วนมากไปในทา ประกอบการบญกศล ซงได้ผ้งใจกระทำมาตงแต่สังเยาวสัย อบรมลูกด้วยความสักและทนถนอม แทบจะเรยกได้ว่ามืช้วิตอย่เพือ เท,านํน เมือล9,มมวยเขา'โรงพยาบาล,ใหม่ ๆ ไม่มใครคาดคิดว่าจะรายแร ถงก่บตองเส!!'ช้วตเพราะอาการม่วยดวยโรคเบาหวานกด็ขนเรือย ๆ ฅวย ความสามารถและเอาใจใส่ของหลานซนบนแพทย์ และคณะแพทย์แห่ง โรงพยาบาลพระมงกฎฯ แต่ในระยะโ?ลิงๆมือาการแทรกทางโลหิต สดวส ทํจะเย์ยวยาได้สนลมอย่างสงบเมือ ๑๑.๒๔ น. สันท ๑๑ กรกฎาคม ๒๔๑๒ สิริอายุได้ ๖๐ บ1 บุตรธิดาได้นำความขนกราบถวายบโคมทูลพระกรณาใด้ผาละออ ธลพระบาท สมเด็จพระนางเจ2ารำไพพรรณ พระบรมราชินในร\"ชกาลท ๒ เมือทรงทราบถงก0าหนดการฌาปนกิจศพ นางสุภาพ ตาละสักษมณ ได้ทรง มืพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกลา ฯ ให่ขาราชบรพารในพระองค เชิญผา และธูปเทยนนำมาพระราชทานแด่ศพในสันฌาปนกิจ เบนการส่วนพระ นบเบนพระมหากรุณาธิคุณลนเกล2าล้นกระหม่อม และเบนเกยร วงศตระกูลนหาทํสุดมิได้
แคคณน เกด แก เจบ ตาย สุดาสยทมนุษยจะหลกเลืยง แต่อดจะใจหาย มใด ในการจากไปอยางใมมานกลบขอาตลเพน ยงนำคาามเศร'เสลด ใหแกดฉนและครอบคราเบนอย่าายา กงแมช์าฅของคณพจะฒัาสนจา เลก.มนุษยแลา แฅคุณงามคาามตขอาคลเพียาอย่โนตาานนรูาข็ๅขฎาต เมรูลม แมดฉนกบคุณพีมใช่พึ่นองร่าบสายโลหิตเตย)นํน แต สํมพนธและใกลชดกนมาเม่นเาลาชานาน นำใหิดิฉไเม่คาามเคารพร่ก เสมอนพสาาทคลานตามกนมา ดฉนขอนำจิตอธษฐาน ขอใหิาญญาณ ของคุณพีไปส่สคตดาย เทอญ. ม.ชิ. หญิง พิศวาทกกวืีลยาณวงศ์
*
ลำไว้อาส่อ แ งรถงแกกรรมของนางสุภาพ ตาละลกษมณ ไคนำคาไม[ศรา!จใ}ใ แกขา['แจาผูเมนพชายเมนอยางยง เพราะเราเทลอก่นอย่เพืยง ๒ คนพ นองเทานน เมอสุภาพมาจากIปเสยคนทนง ภเทลอนต่นำพI,นำเพยงคน เคยว จงรูสกนำเทาและอาลยเมมอนมาก ขาพเจาและภรรยา เด 11]เยยมสุภาพ ทํโรงพยาบาลพระมงกคู ฯ ทลายครง ในตอนแรก คู กเหนร่าอาการค่อยคขน และเมอก่อนกงแก่กรรม เมก่าน คอเมอ ๘ กรกฎๆคม ๒๕๑๒ นำพเนำกบภรรยาก็ได้,ไปเยยม แมคราาน่จะเหนว่าอาการ1ไม่สูจะดนกก่ตาม แต่ก็ไม่ได้คิดร่าจะเบนการเทน ทนานองสาวเบนครงสุดท2ใย ดงนํน เม่อได้ร07บข่าาทางไทรศ\"พทจากทลาน (พลฅร ประเดิม พชผล) เม่อ ๑ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๒ เวลาประมาณ ๑๑.00 เศษ ร่าสุภาพไต้กงแก่กรรมเสยแลว จงร้สกตกใจและ เศนำใจเบน อย่างยิง สุภาพเบนผเฉลยวฉลาด ทนคน เบนแม่ทดของลูก ทนถ11อม ลูกอย่างด อบรมสั่ง•สอนบุตร?ดาด3วยการเอาใจใส่อย่ฅลอดเวลา ไท การศกษาแก,บุตร?ดาสมตามอ\"ตภาพ พยายามเลยงดูลูกดวยล0าแนํงของ ตนเอง ดงนน เมอตสั่งจากไปอย่างไม่มนํนกลบเช่นน ย่อมบงเกิดคราม เศราสลดร\"นทดใจให้แก่ลูก ๆ เบนอย่างยิง เพราะขาดผ้คูแลเอาใจใส ความอมอ,นและเลยงดู อํนความตายแม้'จะเมนจุดหมายปลายทางทบุกรูปทุกนามจะต2!องเดิ ไปสกด แต่นำพเจาก่อดทจะเศนำใจและอาลยต่อการจากไปของในํองสาวใน คร\"งนํเสยมไต้ ขอ'ให้น9องสภาพ ตาละลกษมณ จงไปส่สุคติในส\"มปรายภพ ดรยเทอญ. ม สให ปาร ะณ ต า ล ชล'คษ}! ณ
.-. - - . 1. . . ' .- . .-'
คำไว้ฮาลย คณโง่าสุภาโง่เบนคุณนาคุณ0าคนเลกนสดของโง่วกทลาน คุ นะโง่น จงเบนทสนทสนมและรกใฅ■รู[ๆ]อาบลาน คุ บาก ประกอบบ่ง คณนาเบนผ 1มถอVาว โง่บปะบลาน คุ ท เรกแสดงควาบยใง่คเมตกๅด่อบกๅน คุ อย่[ก'3]0 เมอมาจาก เปจงทาใบเกดความอาลยอยๅงบๅก บ่งคณนากเพงบ่อๅยเพยง- ๖๐ บเทานน ปกฅเบโง่คนรนเรง รูปร่างเลก จงทำใบรสกก0โง่ว่ายโโ!บ่น่า จะดวนสินไป แต่เมอคฅถงความรายทรมาโเของโรคทคณใน)เบนแลว และอาการท เปโดยสงบ เจบอย่ไม่นานจนเกนไปนก กพอผ่อนคลายความ เสยใจไปไดมาก หากแต่ความเสยดายนนยํงอย่มาก ชงขอแสดงความ อาลยไว่ ณ ทน คุณน2าเบ่อย0งมชวิฅอย่ ก็่เบนผู้ที่เข2าบาวดอย'เสมอ ดว่ยอำนาจกุศลบุญทสร'ไง1!ว ขอได้ดลบนดาลให้คณโง่3าได้รไ]ความ ในส้มมาปรภพ เทอญ. หล.ต. ปาะเดิม หีช้ผล
\"IIก^ญถเตานสรฌํ่” โลกเราน เหลอจะเลยง ไม่เท่ยงแท้ เกดแล*วแก่ เจ็บตายม สสถาน คุณความด ช!หเห็น เบนพยาน เมอวายปราณ ท่านทำด มคน'ชม จากไปแล2ว ไปลบ ไม่กลบหล0ง สุดเสยงสั่ง ห่างไกล ไหขนขม สุดฟากพ้า อาล0ย สุดสายลม สุดระทม สุดเท่ยม สุดเปรยบปาน ก่อใ4เคยอย,คูหนาแล้วมาจาก ลูกขอฝากเรือนจิตอธิษฐาน ถาชาติหนามจริงทนอขอสาบาน เบนลูกท่านพ0นผูกทุกชาติไป สดอาลยใจเหลอเมอสนแล*ว ร่มโพธิแกวลูกหลานนนสลาย เมอครงยังสร2'ไงสมร่ม,ใจกาย เมอมาวายอาวรณน์งนอนตรม ขอผลบญหนุนนำท่านสไ]ฤทธิ ไปสถิตทสวรรค์ชนเหมาะสม ขอไตรร0ตนฉํฅรกนถิงชนพรหม ไหสขสมส่สวรรคชน'วิมาน. ป็รา วงค์สท่ริIน.
! - V*
“แม่’’ เมรูว่าเวลาน วญญาณของแม่อยู่ท่ไทน ถนํ]ม่ใช่สคติภพตามกรรมด็ ของแม กคงจะวนเว่ยนอยู่ใกล ๆ ลูก คอยปกมอง คมครองลก ๆ เทม่อน กบทแมทำเมอครีงยงมชวต อนท่จรง - ช่วิฅแม่ตายมานาน{เลว ส่วนร่าง ทยงคงเคลอนไหวอยู่มาจนถง ๑๑ กรกฎา ๑๒ ไดนน เมินช่วิตของลูกทกคน ตางทากทแม่หลอมกนเขาเม่นชรต - เม่นจต]จของแม่ ในระยะทผ่านมา นน แม่-หมดความตองการทุกส่งทุกอย่างเพอฅวของแม่เองแล2ว แม่เผ่ คอยดูแลความเตมโตของลูกแต่ละคนดวยใจยินด้ ระแวดระว็ง - ปกบอง และพรอมทจะแลกดวยช่วิตกำตองท0า - แม่ทา1ไดแม่ ทกอย่างท่มิ แม่พล ใหลูกทุกคน แม่ไม่ใช่คนว่ารวยมาจๅกไหน แต่ลูกของแม่นกคนกํไม่เค ขาดทุกสงทตองการ ลIู\"ก1ข’องแ11!ม1เVมเคยตองนอยหานาณ์เ/คร จ แม่เม่นคนด ไม่ใช่เพราะเม่นลูกจงบอกว่าแม่เบนคนด แต่ เพือนฝูงญาติมิตรของแม่ต่างหาก ทเม่นคนบอก เขาบอกกนในหม่พวกเขา แลวเขาก7บอกต่อ ๆ กนไป กงความใจดของแม่ กงนำใจของแม่ทมิกบทกคน แม่เคยพบเคยเห็นสิงทด้งามมามากจนเกินกว่าท่แม่เองจะจำได้หมด แม่ เคยมิทุกสิงทกอย่างทเพยบพร8อมดว่ยความสมบูรณ์พูนสุข แต่แม่ก็ไม่ ปรารมภ์หรอแหนหวงไว้เลย แม่สอนให้ลูกร่กและแหนหวงสิงหน็ เสมอเท่านนคอ - เกยรติ แม่มิความเมตตาและชอบทำบุญกุศลมาแต่ยงเด็ก เคยพงคุณยาย เล่ากงแม่เมิอยงเล็กว่าจะพาแม่นณ์รถไฟไปเพชรบูร ใครๆในบานเฅรย เสอผ2าขาวของไปใช่กํไาให้สะดวกสบาย แต่แม่กลบเฅรยมขนมบงไว้ไป โยนให้หมาให้แมวทอดโซตามทางรถไฟ พอแม่'โตขนกว่านน เวลาวนพระ แม่จะตามคณยายไปดวยทกครง พอแม่มลูก แม่กิสอนใทลูกรูจกวด ยดหล0กศาสนา แม่สอนลูกกงความเมตตา ซ้งจะตองมิไว้ในใจเสมอ
แม่ล3มบ่1วยไปนอนโรงพยา!],าล แม่พูดอยูเล'มอวากลบจากโ^ ทยาบาลแม่จะจ๎ดทบูชาพระใหม’ทำให้ดกว่าเก่า เวลานีทบูชาพระทบ ใหม่แล้วอย่างทแม่กะการไว้ แล้วแม่ก็จะกลบไปบานอย่างทแม แม้'ว่าจะเบนการกล่บฺไปเพยงส่วนล้ฐิของแม่ แต่กจะเม่นเสม่อน รางล้นยิงใหญ่ สำหรบลูกทก ๆ คนทข้ะรวมใจล้นอย่ในน่น-ในล้ฐ- ฃองแม่ ล้งหฺมดทเข์ยฺนฺน ไม่ใช่คำไว้อาสํย เพราะความอาสัยของลูกท ล้น เขฺย่นอย่างไรก็ไม่ได้เสียวหน้งของความเศร2ไสลดใจทลูกแ จะเก็บไว้แต่ลำพังในใจของห2าคนพน2อง จนกว่าจะตายจากล้นไป ไม่ลมการสูญเสียล้สุดแห่งช่วิตของพวกเราในครั้งน ทเขยนมาล้ การแนะนำแม่-แม่ของเรา ให้ผู้ทล้งเอิญไม่เคยได้รู้จำแม มาร่วมงานในล้นน จะ,ได้รู้จกแม่และร่วมรูว่า ต่อไปนพวกเราล้าคนพ ไม่ม่แม่แล้ว บุญกุศลต่าง ๆ ทได้ทำสำหรไเการสูญสีนของแม่จ ล้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็จะทำต่อ ๆ ไปโดยเต็มท เพราะเบนโอกาสส ล้ายแล้วทจะ ทำให้แม่ไค้ ดว่ยจิตใจล้นแน่วแน่ขออธษฐานไว้ 'หล้าชาติไหนก็ให้ได้เกิดเบนลูกของแม่ทุกชาติ ขออำนาจกุศล ล้ไทแม่ได้กระทำมาและลูกๆ ทุกคนบำเพ็ญให้แม่จงดลล้นดาลให้วิ ของแม่ได้พันทุกข์สำเร็จทุกข์ล1สุคติในสัมปรายภพ เทอญ. ลกของแม่ทกคน.
เรื่อง รตนพิมพวงศํ่ ตอนอุบตติกถา พระนาคเสน นโม ฅส์ส ภควโต อ?หโต สไ/มาสว้ย์พทํย์ส็ส ๆ ทโยญาแนม สมพุทธ0 พุทธ พท์,ธน [ทสิต0 ธม่ม ธมมวรํ ทไ/ติ นํฅวา สิงฃํญจ สาทรํ ขาพเจาขชินม*สการย์ว่ยเธํ้ป็เฟึ่ป็ ซึ่งพระพุทธเจ่าผู้ถึงพ?ฒดว่ยพ กรุณาญาณควย ซึ่งพระธร?มที่พ?ะพุทธ;.อ่าแสดงแลํว่ติ':ย ซึ่ง ธ?รมย์มประเสริฐ มีตมชินท?มานแสวด้วย พิม์โพป็มรโกเงูเน นาค,สนเถเรน การิโต อาภโต เนกราชหิ ปริมปราวเสน โย ฐาบี่โต โยน?ฐฐัม์หิ นคร1ว?วหเย สาธุหิน?เทเวหิ ปูชิ'โต ยาวข,ชตนา. โยพิม์โต ย์นํว่าพระพิมพ์องค์ใดที่พระนาคเสนเถรเจ่า ให้ทำไ แกวอม?โกงู)1'5’ พระราขาที่งหลาย1ไค้.ชิญมาสืบ ๆ ก่น ประดิษ พระนครในโยม?ฐ สาธส'ปบุรษนรเทวดาที่ง์หลาย ไคบูชามาจมตราบเท่าทุกวน การแสดงบพจารีตของพระแก่วมรกต ที่โบราณกษัตริย์นำสืบ ๆ กันมา น'ทปราชญ์ที่งหสายผู้ร้นํย์ได้ทำไว้โดยสยามภาษา ขจ่พเจ่าธาศ*ยบพพจารีตม*นํแลว จดทำซึงจารตนโดยบาลีตามกำลง แห่งมติ.รียกว่า ร*ตนพิมพวงศ์ แท้จริงพระพทธรปพระองค์ม พระนาคเสนเถรเจาผู้ประด'บกัวยคุณา- ล'งการ ต่างดวยคุณมี ชิฬกิญญา แลปฏิสํมฺภิทาเบนตน เธอฉลาดแก้บญห (6,) หนาส1)!?เนอม!โกเป็น ชอฑ่►โอนแกว‘แอง!หวด! แต่มรกตส่หท์ดกช่นนหสํง์สกฤต!! แก\"วIขีขว IIละชอภูเ,ขาโน!กา*ล’,ากา
๒ สขมละเปียด ได้อาคํยพระพ,/]ธรูปแก่น'ล่นทน์ล'ว]น ทีพระ:1^'า บสเสนทโกศ ผ้ทรงพระปริขานลาดทำก.คลได้ ใค้โบิกาสในสำนกสมเด็^พร^ฆูมีพระภา แห่งเราทV*ลายประดิษฐานขนไว้ เพื่อประโยชนเกือกูล แก่ป?ะชุ แสะ (พระเถ:) ได้แก^ซม:โกฏที่ทาวเทวานมินทรทรงนำมาแตคู^า วิมลบรรพตถวายจึงสรวิงไว้ เพื่3ประโยชน์เก่ป็กูลแก่สกลโลกดวย พระศาสนาของพระชินสีห์เล่ารุ่งเริชิงตัวย กิ: ดังได้ยินมาว่า เมือประม กาสได้ ๕๐๐ บี1ล่วงแลวิ แต่กาดแห่งพระสมมาฒัพุทธเลาผู้ทรงญาณใ ได้เขวิสู่พระปรินิพพานเสด้ลขวิมลากโลกไป พระนาคเสนเถรเล่าได้Iกิด ล่นนพรรณนาโดยส่งเขป เพื่อละแสดงความบวิเกิดของพระเถรเล่ โห่แล่มแล่ กิ: ดังได้ยินมาในกาลอนล่วงแลว เมื่อศาสนาพระกลลปผู้ทรงพระ¬ กาคย่ำล่า ภิกษุองค์กนึ่งได้สำนวิชิยู่โนวิการใกล้ ๆ ที่พระเล่ามหาราชท นามวิชิตาวีเสวยราชเมืองสาคลนครสรวิงไว้ ภิกษนไพึงพรอมตัวยศีลแ ลกขนแต่เขำก็ถือไม้กวาดดามยาว เดินระลึกคณพระผ้มืพระภาคย์เล่าแล กวาดลานดัด ทำกยากเยื่อที่เริยรายโห่พนกองแลวิจึงได้เรียกสามเณรอ ว่าแน่ะสามเณรมานึ่ลงที่งกยากเยื่อเสีย สามเณรนนทำดุลว่าไม่ได้ยินคำพระเถรนน่ ยืนเฉยเสียแม้คริ และที่สาม พระเถรยวิเรียกอยู่ก็ทำเหมือนว่าไม่ได้ยิน ยืนอย่นะนไ] ณ ทนโดนน พระเถรนไ]ก็'ว่า “สามเณรนึ่ว่ายาก,’ ลงได้โห่ประการ ตัวยดัาม1ไม้กวาด สามเณรนนรีอง1ไห่อยู่ตัวยความกล,วิ จึงไดวิ ทั้งเสีย เมื่อกำดวิที่งกลบตงสติขนอีกแลวิโตัความเลอมใสเกิดขน ปรารถนากล่าวพนคาถาว่า
๓ อิมนา ปุญิญกมเมน กเตน พีทธ:วตโส ยาว สิว0 นสมบตโศ ย็ตถ ย้ตถ ภ;ว (ภว0 ) ''๑' มขํฌนํฅิโก วิยาสิวไว มเหสกโข ภวามสิ ขาพเ1วามเวตนาอนบรสุมสิ ดวยกรรมคือบญที่ขำพ:วำทำแลวิน เมื่อ ยง เมถงพระนิพพานเพียง [ดแลว วะพึงเกิดในภพใด *า ขอให้;บนคมมีมเหสิกข์ ดงดวงอาสิตย์เวลาเบี่ยงเถิด ได้ทำปฐมปรารถนานิแลว เมื่อหยากเยื่อได้ขนสำเร็วแลววึงไปส แม่นำคงคาเพีบิ'วะอาบ ครนอาบผดขนตำลงกายเย็นแลำวิตบสสํทธิก็เก แลวได้เห็นกำลงคลื่นอ0นไปหนน ^ กน บฅิก็เกิดข์นวึงดำวิว่า อาตมเบน ผู้ที่พระเถรมนได้ใช้มาด'วยการงานของป็า'ทรหิแลอฺบขฌาย์ หาใขํการงานของ ตนไม่ อีกประการหนึ่งเล่าพระเถรมนเบนผ้มิอปการะมากแน่ละหนอ เพ อนุเคราะห์แก'เราแท้''เริง คิดแล่วจึงทำความปรารถนาครงที่สอง กล่าวเบน คาถาว่า ยาว สิวํ น ล้มบเต์โต สํฟิาเร สํสรํ อหิ บึ้ญหากินตมบญ์ญาย ยุต์โต หิตถ ภเว ภวํ ขำพเท้าจะหิงไม่ถึงพระคิวโมกขอรรมเพียงไรแล้ว หิงเที่ วัฏสงสารท้ก1ได้เกิดแล้วในภพ'ไค ๆ ขอใหำาตมมประกอบด้วยบื่ญญ คิดแก้ปริศนา.ถิด ธเนโก อสงเขยโย ขถา ด้งโกทกม์มิเวโคย0 ปฐิภาโณ ศถา เหสล้ ธิมินา ปุญ์ญเตชสา กำลิงค'วามรวดเร็วแห่งคลื่น'ในคงคานึ่ มีเบึมอนมากมิอาจที่จะกำหน นบไค้ล้นใด อาด้ยเดชแห่งบุญราศีนั้ ขอให้ขำพเท้พึนผู้มีปฏ การดํงคดึ่นนนเถิด (*) ฉน่น]\"!แห่ภ!'} แปถ‘แด จง!ตมกรขาล}
๔ แม้ภกษนน ก็1วางไม*กวาด1ไว้,ใน'โรงไวกวาดแล-ว!ปลู่ท่าแม่นำคงคาเพี จะชิาบ ได้ยินความปรารถนาของสามเณรนน จึงคิดว่าความปรารถนาลับ่ม กา:ใหญ่ กิคลัมยี่งมืพุทธคุณเบึ้นตนลักสำเร็คได้แลว จึงทำข ปรารถนาว่า ความปรารถนานั้ด้กสำเร็จควยการงานที่เรา'ไห ก็ทำไมความปรารถนาของเราด้กไม่สำเร็'าเล่า จึงกล่าวคาถาว่า สิว0 อหิ ยาว น ปาปุณ*นไต เอสาหย*ศถุ บึ้ง!ชามิ สม,ตถบึ้ญ์โญ นืพ์เพธ กาตุ้ ปติภาณม'สส บึ้ตี'วา ตีร0 ป็ตีกกมิตุ้ น ส*กกา ลับึ้เพว ถิช์ช้บึ้ติ ยถุม์มิเวคา บึ้ญ่ญา มยาเนกนิปฟ้ณบึ้ญหา บึ้ตีวา น ลัยหมบ ตเถว บึ้ญ่ญํ. แปดความว่า ขาพ.จ่ายำไม่ถึงพระคิวโมกขธรรมเพียงใด ขาพเ จ่ก์บ่งเกิดในภพใด ขอให้มีบึ้ญญาสามารถ และพึงมีปฐิภาณกำลำความค เพื่ป็ทำความชำแรกเจาะแทงกิเลสเสีย กำลังเร็วแห่งลุกคลื่นท็ ผืงแด่วมิอาจกำ'วล่วงไป,ได้ ลูกคลื่นท*งปวงก็ย่อมแตกทำลายไปลั อ'นเบนบึ้ญญาม้ย่ ลักปราขญ่ผูกขํ้นเ!เนอ'นมาก ครนถึงแก่ขำพเจ่ ทำลายบึ้ฌญาลัยบึ้ญหาเหมือนคลื่นกระทบผงนนเถิด ก็บุรุษผู้ช่างหกเ ดายลังกระตำที่ยุ่งเหยิง รู้ได้'ว่า.ลันนเ!เนตํนเสนนั้พึนปลาย ให้ดีแลวทอหูก ลันโดก็ดี ขอให้ขำพ.ลัามีบึ้ญญา ครนได้บึ้งบึ คลมที่เทวดา;เละมนุษย์ทงหลายพยากรณ์แก้ไขได้ด้วยขากโดยที่นกป ตรองไวโเลว ให้ขำพเด้าสามารถพยากรณ์แก้ไขได้ด้วยบึ้ญญา ในภพ ด้วยประขุมแห่งกรรมทงสองเถิด
บรรพชิตทงสองมน ไค้ตงปณิธานไว้คิวยประการดง่นั้แ.สว์ จึง'!ป‘ท ทาพระคงคาสู่วิหาร ไดํประพบุติกศลบญประ:สริฐเต็มที่แสํวิจึงไปเกิดเบ เห'0เดกอ'นเย้นที่อย่ของเทวดา แม้ชนทงสองมน ท่องเที่ยวอยู่!มเทวดาและมนษยท*งหลาย‘จุนพุทธ,มัดร หนึง ณ เมือพุทธุบบาทกาลแห่งพระพทธเจ่าของเราทํ้งํ้หลาย ก็ได เทวโสก แท15เริง'ในขนท็งํ้สองนน สามเณรได้ไปเกิดเบนเทาบุตรในดาวดงสพิภพ ผ๊ายภิกษุผู้อาจารย์ของสามเณรนม ไปเกิดเบ็นเหวบุตรในเกตุมดีวิมาน ผ ดานปราจีนทิศในพิภพของท่าวสํกิกะชื่อว่ามหาเสนเทวบศร แมไทมเณรผู้เกิดเบนเทวบศรภายหล่งแต่กาลแห่งพระสไเมาล่มพุทธเจ่ ได้ถึงพระสํพิพํญญฅญาณประดไ,ควยพระคณมีพระจตุเวสารชคุณเบึนตนเสด็จ คบข้นอปรินิพพานแล่วิมา เทวบุตรก็•จุติจากเทวโลกเบ็นพระราชา ทรงพระนาม ว่าพระเจามิลินท์ เสวยราชธยู่ในเมืองสาคดนครในชมพูทวีป อนึ่ง พระเจา- มิดิมทนน ใคร ๆ ในชมพูทวีปที่จะมีกำล'งและเชาวน์แกลวกสำก็ดี มีญาณใน อุบายถามบ*ญหาอนสขมไพเราะก็ดี เสมอกบพระองค์ไม่มี พระธงคใสต็จแวด ล่ป็มควยบริวารล่วงทางได้ &00 โยชน์ เขาไปใกลศาสดาท่ง ๖ มีปุรณกสสป เบนห่ม ถามบ-ญหาดวยทิฏฐิวาท ในคาสตาเหล่ามน คม'ไดคนหมึงชื่อว่าเบ็่นผู้สามารถ1จะสนทนาควย หระองค์ และกำ-จืดความสงส\"ย์ได้ไม่มีเลข ฟิมณพราหมณ์ทวิหลายก็ดี คณะคณาจารย์ทํ้งหดายก็ดี ชึ่งพึนบ'ณ'ฑิหผู้'นลาดดี เหล่าใด ๆ อยู่ในท พระองค!ข้าไปใกล่คนเหล่า นน ๆ ณ ที่นน ๆ แล่วิจึงถามบญหาอนประณ พระองค์ได้ร็อ์ยศรธงไว้ แม่ชนทํ้ง์ป'วงเหล่'ามน ก็ไม่ท่าให้พระราชาโปรดปรานควยบญห กรณ์ได้ ต่างพาก'ม่หลีก1ไปโดยฐานฐาเนช1อร1ตน ก็ขนเหล่าใดที่ไม่ไปทิศ
๖ แล,\"ว ชนพวกน1นแบ่\"ทุกคนล่องมี่งป็0 ที่พาฒัหลีกลั้ไปสู่ป๋าหิมว ในกาลน8น เมืองสาคลนค: ปรากฐราวกะว่าสูญจากสม™พราหมณ คหบดีบ่\"ณ‘ทิตท1งหลายอย่ตลอด 6:๒ บ ตทา มิลิมี่โท วรบ่ญ์ญว*\"มี่โต อชโช อตุ!ส ชวถามเปโศ บ่ญ์ญานภาเวน สุปากโฐ โส กา!:สิ ร*ชข0 อิธ ชมพุทิเป คร8งมนพระเล่ามิตินท้\"ผู้ทรงพระปรีชาธนประเสริฐ รุ่งเริป็งยี่งหาผ เปรียบมิได้ พระองค์ไล่ห็นแลำซึ่งเชาวน์ความว่องไวและกำด*\"งป ดีล่วยปรีชามุภาพ ไล่สวยราชอยู่ในชมพูทวีปนึ ยถา หิ โลเก สุรีย์ส่ฟิ อาภา ล่นท*ปปภา ตารคเณ วิภูสิ น โกดี สกโก ฟิก:สิ โขเตคุ กุโฅมุ ช*\"ช์โชปนก*สส อาภา แทจริง'ยันใดเด่าในโลกม ร*\"ศมืดวงอาทิตย์ร*\"ศมีดวงล่นทร์ย่อมร กว่าหมู่ดาวท1งหลาย ดาวดวงใดควงหนึ่งยังมิอาจที่จะส่องร หงหอยจะสว่างมาแต่ไหนไล่เด่าหมอ เอวํ นริน์ท*สส มิลิน์ทร**ญ์โญ ร*\"ญ์ญานภาโว สกเลว ธีเร 0*\"ช์โฌล่ถริ โกดี น อ*\"ศตโน วา บญ์ญามุภาวํ ผรีศุ้ สม*'ต์โถ อานุภาพพระ.จามิตินทราช ผู้เบ่มเจาอำนาจชองนรชนได้ท่วมยับ ปราชญ์ทํ้งหลายท'วไปหมด พวกมกปราชญ์คมใดคนหนึ่งที่จะสามารถแผ่ มุภาพของตนเหมือนพระองค์อย่างนมบ่างไม่มีเลย
ต่) ติ!สะ-1า ชนา เย กสเลส เฉกา บญญานุภาวํ ป็ภิบฏิฐย่นIตา ทานาทิปญ็ญ สตต0 ชมา เต สมม\"ชชกไเมาทีมิ วา กเรย่ย์ เพราะเหตุมน ชนทํงหสายเหล่า'ใดเย้นผู้'ฉลาด'เมกุศลทํงหลายปรารถนา อยู่ซ็งบญญานุภาพ ชมทงหลายมมํ้ก็พึงทำบญมีทานเ!!นต่น ภู']ว่ากา:งาน ทะงหลายอนมีกวาดเบ็๋นตมเถิด ก็แลสม*ยมม พระอรหนตเจำทํงหลายมีประมาณ ด00 โกฏิ พากน อาศ้ยอยู่'ในรกชิตเลณ ในภูเขาทิมพานต์ ไต่สดับปวุติข่าวสารนมหวย'โสตธ เพียงว่าโสตรทิพ จึงได้ทำสนนิบาตน'งประชมกัน ณ ยอดเขายุคนธรบรรพต ปรึกษากะกนแสะก่น ลำด*!!นม พระอ่สสคตฅ์ผ้มีอายถามพระอรหันต์ทงหลายเหล่านมอย่า ว่า \" ข่าแต่อาวโสทํงหลาย ภิกษองคใดองคหนึงมอยู่ภู']และเบนผู้สมควรจะ สนทนา ภู']ว่าเพื่อจะทำลฺายกังขาพระเจามิลินทราชได้ ” เมื่อพระอ*สสคตต์กล่าวตงมั้ พระอรหนตกังหลายได้นงอยู่ ครึงที่ ๒ ที่ ๓ พระอสสคตตไดกล่าวแลวพระอรกันต์เหล่านนก็นงอยู พระยึสสคุตตน1นํ้ก็รึอาการพระอรหนตหงทลายเหล่านม จึงใดกล่าว เหตนนกะพระป็รหํนิต์ทํง็หลายเหล่านมดังน1ว่า “ ถาอย่างนม ข่าแต อาวุโสหงหลาย เหวบตรชื่อว่ามหาเสน สำนิ!กอยู่'ในวิมานชื่อเกตุมดีผายดาน ปราจีนทิศ ณ พีภพทำวสํกกเหาราช พระมหาเสนเหวบุตรน้นสมควรจะสนท กับด้วยพระเจามิลินทราชมื่นภู']'ว่าจะ'หำ1ลายกงขาได้” ณ ลำดไ)นนแล พระอรกันตเจา ต0ว โกฏิได้พงคำพระอสสคุตตแล ก็ลบหาย1จากภเชาพระทิม,พา':-เต ไปปรากฐ เมพกพหาวสกกะ
๘ ทำวสักกเทวานมินทรไดโห็มพระป็รทํนต่ทงํ้หลายเหล่านมแ ครนเห็นแล่วพระ0สสคศตผู้มี-อายอยู่ทิศ1ใด ก็เข่าไปสู่ทิศนมํ๋ ครนเขาไปแล จึงอภิวาทพระอํสสคตต์ผู้มีป็ายุแลำ กล่า'วกะพระอ่สสคุตต่มนว่า “ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภิกษุฟิงทํมากแทไเาถึงแล*ว แทํ ผู้ยินดีแก่พระสงฃ์ สักกระทำกรณีอย่างไร:ล่า ” ทีนํ้นพระอ้ส เมื่อ1จะ บอกเหตุนนจึงกล่าวคาถาว่า ซิทานิ เอโก ‘อ-สโน มริม์โท บญญานุฟโตบิ' มิลินทมาโม พหูนิ สฅ่ฅานิ อุค'ณ์หิ'โต ว กาเรฟิ ริชช อิธ ช'มนุทีเป สเจ หิ ราชา อปสังกมิตวา ทิฐ์ฐีทิ วาเทหิ นิษุณ์ณบญีห ปุจ์เฉย'ย สํฃํ อิธ สาสเน โฟิ ลํฃํ วิ'โมเจส็สติ เทวราช แปลว่าข้าแต่ทำวเทวราช ครํ้งมีมีพระ!]นนรินทรทรงนามกรว่าพระ มิลินท์ ไม่มีใครโมแดนดินจะเสมอ เธอทรงพระปรีชาญา1ณอาจหาญ เรียน พระสูตรไว้ไดพนอนมาก เสวยราชสมม่ฅอยู่ในชมพูทวีปนํ้ แทํจริงทำพ ราชา1จะพึงเสด็จไปถามบญหาข้นรำยตรธง ดำยทิฏฐิวาทท8งหลายกะพระสงร ไชร้ ทำวเธอก็จะล่วงพนพระสงริ!ในศาสนานั้ใปเสีย ลำดมมนทำวสักกเทวานมินทร ไต่เพงข่าวครา1วนมแสัวจึงถามพ นมว่า ข้าแต่พระเถรผู้เจริญ พระ.สัามิลินทราชไทํเคลื่อนจากอาวา ไปเกิดในหมู่มนุษย์:เลำนุ']มหาราข ขอถวายพระพร ไค้ไปเกิดแลว ข้าแต่พระเถรผู้เจริญ กะนมก็มหาเถรเทวบตรนนไทํทำบญทํ มิ-สินทน8น1ไว้:.เต'ปางก่อนแลํว้ มีกำสังสมควรจะสนทนาทํบพระเจา ถ']ว่าทำลายทํงขาได้
6 ขาพเจาจะวิงวอนเชิญมหาเฟินเทพบตรน1นให้!ปเกิดในมนุษย์ ก็แ พระอินทรกล่าวดงนีแลวก็พาภิกษสงฆ์เขาไปสเกตมดีวิมาน จึงสวมกอดม เสนเทวบุตรแลวแถลงการณ์มนว่า ดูกรท่านผู้นิรทกข์ ภิกษสงฆ์มาขอต และเพื่อให้ไปเกิดในมนุษยโลก มหาเสนเทวบุตร!ดพื’งคำอาราธนาม8นแล่วิจึงกล่าวว่า ขา เจริญท่งหลาย ขำพเจำไม่ได้ตงั้ใจหมายเพื่อเกิดในมนุษยโลกในกาดใ ขำแต่ท่านผู้เจริญท1งหลาย ขาพเจำปรารถนาอยู่เพื่อที่จะเกิดในเทว บน ญ ขมไปแลํวิจึงปรินิพพาน มหาเฟินเหวบุตรน1ม แม่วาระที่สองและที่สาม พระภิกษุสงฆ์และท่าวเทวานมินทริ ไดวอนขอแล่วิจึงใหปฏิญาณ ท่ามผ้เจริญท8งหลาย กำหากว่าอนตรายแก่ภิกษสงฃ์มีไขร้ ขาพเจาก็1จก! มนษยโลก กล่าวด*งนํ้แล่วก็นงเสีย ภิกษสงฆ์ก็ถือเอาปฏิญาณของมหาเสนเทวบุตรไวแลว ก็อ*นิตรธานหาย จากดาวดึงส์เทวโลก มาปรากฏิในถาริกิขิตเดณในภเขาทิมพานติ แม้ ณ กาลนน มหาเฟินเทพบุตรน8น ได'จุติจากเทวโลกแลวมาถือเอา ปฏิสนธิใน ครรภ์นางพราหมณีผู้ภรรยาแท่งโสณุศตรพราหมณ์ผู้มีสมบ ในม่านพราหมณ์ตำบลขี่ธกชิงคลขำ'งภูเขาทิมพานติ ขณะนนอศจรรย์๓ป ไดปรากฏิแล่วิ คืออาวุธภ์ณณ์ท8งหลายซึ่งเบนบุพพนิมิตแห่งก'!รยีาเหย ปริ!)ปวาท เช่นก'บ-หยียบหลาวทงหลาย1ได้รุ่งเรืองแล'วดํวยสาเตรา.คือบญญา ต ฝนไฟซึ่งพนบพพนิมิตทีจะเผาประกงข'! เช่นภ์บพาหยากเยอไดตกแลวตวย ฅิกขญาณ ต ฝนนํ้งอม.บนบุพพนิมิตที่ชุ่มเยีนใจแท่งสกลโลก ดํวิยบญญา เช่นกิบความชุ่มเย็นแห่งนาอมบุต ๑ อิติ เฟินเทโว วรเทวโลเก วรคีตน*จ.จทิ สมงคิภูเต ปว.ร วิมา.ม สุรเม รมิตวา
'ทเทวนา?หิ ปรํกชิโต โส ชินจ*กก โซเตตุ ปฏิญญา หัตวา ว:เทวโลกา สรไ]นา 'จวิศวา วิภ!'วน อ่ทเธ วรไ/ปกุเด สห ธ'จ'ธ?ยํพกูตธไ/เมหิ นํพํพํศโตสิ หระเลน!ทวบตรได้รื่นรมย์แล’ว์'ในสรไเม'วิมานธนบวว พหังพรอมควย เพลงขบและรำพ้อนอน'ว'งเ1วง แวดดไ)มต,■วยเทพมา?น่า.ลือกสรร'ไนเท'วโลก ล้นประเส?ฐ พระเสนเทพบุตรนนได้ใหปฏิญาณเพื่อจะล้งศาส พระชินสีห์เ1จา'ให้รุ่งเรือง แล้วจึงคุติคุากสุรมมวิมานเทวโลก เกิดแล้วในตระกูดใหญ่น่าเลอกล:: บ่งคงหัวยลมบตพหัอมก,บอศ ธรรมดาเกิดแล้ว แล้ร่านางพราหมณีมนทรงค::ภ'ถ*วนกำหนดทศมาสแล้ว ก็คลอดบ รูปงามราวกะว่าทอง ซนท5เหลาย'ให้ชื่อแก่บุตรนน'ว่านาคเสน ก็สม*ย์นํ้น์แล พระไรหนผ้มีอายุ ถกพระอรหันต์ ด00 โกฏิทำหั โดยการมิได้สมาคม เพราะความที่เธอมิเด่มนสิการ'ไว้ เธอไปบิ ตระกลมนตลอด ๗ บกิบ ต0 เดือน จำเดิมแต่กาลแห่งนาคเสนกมารได้ถือเอ (โปรดล้ตวข่างหนำ) ณ วมนนมนเทีย โสณุศต:พราหมณ์เมื่อมาคุากกๆ:งานภายนอก เห็นพระเถรนมมาเรึ แล้วกลบไม่ จึงไค้ถามว่าแน่ะบรรพชิตผู้เจริญ ว'หถอน.หนึ่งท่านได ข่าพเล้าถ'] พระเถรกล่าวว่า เอธพราหมณ์ ว'ตถอนหนงเราไล้แล้ มนมีใคุกินแหนงจึงไปสู่เรือนถามว่า “วตถอนหนึ่งท่านล้เหลา ชิตนนกุ]” ซนท'.หลายแล้งว่า ‘‘ข่าพเล้าท1งหลายไม่ได้ให้หัตรถ-ุ) ฐนใ
0 (5) ครนวนทีสอง พราหมณให็นพระเถรยืนชิย!กล่ประตูเรือนของตน ชิงกล่าว เหตนนว่า 'ำานนืท่านทว่หลายไม่ได๎วตถุชินใดโน,รือนเราทํ้งหดาย ไดกล่ มลาวาหว่า “เออพราหมณ์วตเถุอนหนึ่งเร,าไดแล่ว’, ‘‘คำมุสาท่านหง กล่าว.พราะเหตุโร ’ ลำดบนึ่นพระเถรกล่าวกนพราหมณ์นนว่า เราทะงหลาย ไม่ได้ว่ตถุใดว่ฅถหนึ่งใน เรือนท่านทาหลายตลอด๘บึ๋ ด0เดือนแลว เม นึ่คำมาตร'ว่า คำหนึ่งว่า “อติค์ธถ ภไ!ไต” เราไคโเลว เพราะเหตุ ทาหลายไหกล่าวแลวว่า “เธอพราหมณ์ ว*ตกหนึ่งเรา1ไต่ไเลว” ด้งนึ่ พงแลว ได้ถึงความโสมนิสแลวคิดว่า บรรพชิตองค์นํ้ไห้แลวแม้มาตรว่าการ ปฎิล่นถารด็ว่ยถํปียคำ ยิงกล่าวว่า “ไดโเลวในท่ามกลางฝูงชน” ณ์าเธอหากว่ ได็ลาภสงอื่นแลว จะสรร.สรญล้นิพนสำเพียงไร จึงได้ยิงค์บชมโนเรือน “ท่านทาหลายจงให้ภิกษาทิพพีหนึ่ง จากภต่รของเราทาหลายแก่บร องค์นพมนิหยกาลเถิด” พราหมณ์น1มครืนเห็นความสงบ แลอริยาบถของ พระเถรแลวเลื่อมใสโดยประมาณขี่งชน จึงนิมนต์พระเถรว่า \"ท่านทง จงฉ่นภ้ตรในเรือมข็าพ.จาทาหลายเบนนิตยกาลเภิด” จำเดิมแต่มนมาพระเถร นมไดชินภ้ต์ร,ในเรือนพราหมณ์ทุก ๆ วน แมพราหมณ์นนได้ไหขาทนี ธนประณีตที่ศกแห่ง1ไก่เพื่อตนถวาย.เก่พระเถร แมพระเถรมน'ก่นแลวม ขนจากบาตร แลำเมือสมยจะธอกก่กล่าวพุทธวจน1•สก \"I นอย \"I ทุกวน ‘ทุ จึงหลีกไป นาคเสนกมารนนเมื่อกาลได้ ต! ขวบเท่านน ได้ถึงความสำเร็จไต ทาหลายด้วยส'เพพลิปปอนเหลือจากคมก็ร็ไ!ตรเพทดวยโนสำนกอาจา:'ย แมว่า เมื่อไต้ ต! ขวบนนค์มก็ร์ไตรเพทและศิลปวิเศษณ์รใดมีอยู่ใน สำนก มหาทิศาปา- โมกข่อาจารยกห กไดละเสยแลว,ชง เตรเพางแลศลปวเศษเหลาใดอนตนพงร ทิวถึงใมเญยยเพทก็ดื ก็'ไห้ถึงบริบูรณ์แลว เมื่อ1ไต้พี,-งคำ'ไดมาแ ห้วยปรีชา'ยิบ1ไวมิไข่รัยาก.ดย
บญหาหงหลายทเทวดามนษ!เทเงํ้หลายแก้!ดัดวยยากมน ๆ ท่งหลายท่งปวง แมนาคเสนกมารนนกแกไต็งาย จรงอณูบีธม,าคเส มนสง์ว่ธยาขไตรเพท ณ ห1ใกล้ประตป็ย่ ๗ ว*น แลนแห่งอรรถในบทด้มภ ปราก1ฏแล'ว นาคเสนกมารคิดว่าด้มภีร์นั้ไม่บีประโยชน์เก็อกูดเบน เข่นกับใบไมแห่งและแกลบเท่าน8ม โม่เบ็นอบายใหเกิฒรรคแดะผล ให้มีด้ตวิปฐิสาร ณ สม'ขนนพระโรหนเถรได้น'งธย่ในอาสนอินควรแก่ว*ตร ได้ทางเสไ ปรืว่ตกขธงกุมารนน ด้งหาย1ไป'จากอาสนนน ได้ปรากฏ ณ ที่ประตูบาน โสณตตรพราหมณ์ กุมารนนได้เห็นพระเถรมาแต่ไกลแดว แลครนได้เห็น กังเกดโลมกัส เราไปใกลพระโรหนผู้มีอายแด้ว ด้งได้กล่าวกะพระเถรน ขำแต่ท่านผ้นิรทุกข์ผู้เจ7ญ ท่านเม็นเข่นเพทนั้เพราะเทตอะไร พระเถรกล่าวว่า ดุกรทารก เราชื่อ'ว่าเบนบรรพชีต กุมารนาคเสนถามว่า ท่านรู้สิปปกุ']แล พระเถรกล่าวว่า ดุกรทารก เรารู้แล เรารู้สิปปด้งปวงธนล่วง เบึนสิปปอ'นอดมในโลกาว่าสิปปท1งหลาย กุมารนาค!สมกล่าวว่า ข่าแต ท่านผู้นิรทุกข์ ท่านสะอาจกุ']แลเพื่อจะให้กัาพเด้าศึกษาสิปปท1งหล พระเถรกล่าวว่า ดุกรทารก เราอาจเพื่อจะให้ท่านศึกษาสิปปที่งห ลำดับมนแลนาคเสนก็รืบบาตรของพระเถรนิมนต์ให้ไปกัง ณ เรือน อำคาสพระเถรให้อมใหพป็ใจด้วยอาหารธนประณีตด้วยมือตนเอง แล กะพระเถรเมื่อด้นแลวว่า เดี๋ยวนท่าน'จกอาจกุ]แล เพื่ ที่งหลาย พระเถรกล่าวว่า ดุกรทารก ท่าน1จะบวขแล่วถือเอาเพศแห่งเร กาลใด ณ กาลน,นเรา'ด้กอาจ'ไห่!ท่านศึกษาสิปปทั้งหลาย ลำดับมนแลนาค กุมารก็ด้งมารดาบิดาท1งสองใด้อนุญาตแลํว่ ด้งกล่าวกะพระเ ผู้นิรทกข์ ข่าพเด้าจะถือเอาเพศของท่านเพื่อศึกษาสิปปที่งํ้หลา
ลำดไ]นนแล พระไรหนผู้มีอาย ก็พานๆคเพึนกมา:ไปสู่วิชไ]พูวหถุ่ชิน เบนเฟินาฟินะควรแก่วำรแลว สำนำอย่ในท่นนคืนหนึ่ง ถารกขิตซิยู่โดยที่ใด ก็เขาไปโดยก่นน เมื่สเขาไปใกล้แลวก่งปรากฐเบขิงหนาพระอรหนต์ ด00 โกฏิ ครงน1นพระอรหนต์ ๑๐ว โกฏิก่งหลาย ก็พากนบวชไหนาคเฟินกมาร ณ ถารํกขิตนน ก็สามเณรนาคเฟินผู้มีอายุเมื่อบวชแก่ว และไดกล่าวคานนึ่กะพ ผู้มีอายุ1ว่า ข่าแต่ท่านผ้เจริญ เพศของทานขาพเจาได้กอเอาแล'า ทานก่งหลาย ลง,ให้สิปปก่งหลายแก่ข่าพเจาเถิด ลำดิบนนความวิตกเกดมแก่พระโรหนผู้มีอายุว่า เรา1จะไหนาคเฟินเรยน อะไรหนอแลเบนครำแรก ออนาคเฟินนีเบ็นมณ*ทิตแล ควรคะใหเรยนอกธรรม มื่ฦกก่อนแท่ ครนคิดแลวจงกล่าวว่า เำกรนาคเฟิน ทานจงเรยนฟิปปทงหลาย ของเราเถิด'' แลวก็ใหนาคเฟินผ้มีอายุเรียนอกธรรมมฏกครำแรกก่น1มี0ปว พระโรหนก็กล่าวปกรณ คือ อภิธมมฟิำคินี วิก่งค ธาตุกกา มคคล ก่ฌฌต กถาก่ตก ยมก บฏิฐาน อนประกอบดวย ตกก ทกก ทงปวงเมนตนวา กฟิลา ธมมา อกฟิลา ธมมา อพ์ยากตา ธมมา ตงน ล0าดํบนนแลจกขญาณ ฟิามารถรพระฟิตตปปกรณ\"เกธรรมทงปวงนน เกดขนแลวครงเดียวแท่ ลามเณรนาคเฟินก็กล่า,วาา ข่าแต่ท่านผู้เจริญ ห ยุดเถิด ท่านก่งหลายอย่ากล่าก่หยงซนโปชิก1ฟิม ขำพเก่าจำฟิาธยายเท นี่แหละ ทีมื่แลสามเณรนาคเฟินผู้มี^มุ1ขำโ11^รงมณ๚ล แก่วสาธยายอภิ- อรรมบภกกบป็รรถกถา,าา1ใร้าน'ใจ สามเณรนาคเสน!ม ครมบวชในพระบวร
๑๔ พ1/)ธคาสนาแล่ว ไดไต้บพระสำ]ตาภิธรรมท,งส๊น เมือกล่า1วอมิธ แล่วในบทกสลติกก พร'อมดับอ:รถกถา'/)1งปวงสาธยายอยู่ พนพสุธา'ไดัห'ว'น'ไหวตัวยเดขธำนา'ๆแห่งสามเณรนาค!สนดั11 เท ทงหลาบ1ได้พาก’ไ!ยมแย้มิบื่ติยินดีขึงดัก ทก \"I องคไดบรบห้ตถึแล่'ร ทำหลายก็แยไสรวลไปรยปรายดอกไม*ทงหลายอม1บนทิพย์แดว ดำดบมไแล พระอรหไต์ ด00โกฐินั้งหลายก็อุปสมบทเห้สามเณรนาคเสนผู้มีอายุ เมือ ครบบริบูรณ์ ณ ถา:'กขิต พระนาคเสนแมอุปสมบทแดว ไห้ปรารภถึงพระอุบชฌาย์ อุบขฌายของเรารู้แต่อภิธรรมเท่ามน อุ'เหนอแล ณ ลำดับนนแล พระโรหนเถรได้รู้ถึงเสโตปริวิตกของพระนาคเสนล่ว์ย ใสในระหว่างเดียวดันนั้น แลวไตักล่าวกะพระนากเสนนั้นว่า ความวิตกของท่านไม่สมควร ท่านจงคิดวิตกให*สมควรเถิด พระนาคเสนนั้ ได้คิดว่าอ*ศสรรย์ใสอึงนกแท้ ไม่น่าสะเบนอึงดักแท้ พระอุบ'ขฌาดั เบึนบ*ณชิตแท้ ย่อมรู้วารจิตของเราได้ จึงไต้กล่าวขมาโทษว่า ขำแต่ ผ้เจริญ ขอท่านสงอดโทษแก่ขำพเส’าครํ้งหนึ่งก่อน ขำพเสาสะไม่วิตกอย่ พระโรหนจึงว่า แน่ะนาคเสน เราดักไม่อดโทษใดัแก่ท่าน ดูกรนา เมืองชื่อสาคลนคร พระราชาทรงพระนามว่ามิลินท่ ไต้เสวยราชย์ในเม ก็แต่ว่าพระราชานั้นพระองค์ไม่มีใครเสมอ ในชมพูทวีป โดยกำดังและ และความกล่าหาญก็ดี โดยอุบายการถามบญหาก็ดี หากว่า ท่านดักอาสสนทนาดับควยพระราขาในเมืองนั้นได นาคเสน เราดักอดโทษให้แก่ท่าน พระนาคเสนกล่าวว่า ขำแต่ท่านผู้เจริญ พระราชามิลินท์อง ไว้ หากว่าพระราชาทำหลายในชมพูทวีปท1วีสํ้น ดักลืบต่อศีรษะตัวย ถามบญหาดับข้าพเสำ ข้าพเดัาดักสามารถให้พระราชาท1งหลายทำปว
6)& เลิอม เสด้วยการวิสชนาบญหา ข่าแด้ท่านว้เจริญ ขธท่านนึ่งทลายจงอดโท ให้แก่ข่าพเข่าเถิด พระโรหนเถรกล่าวว่า แน่ะนาคเสน ถาหากว่าท่านจกสามารถเราจ อดโทษให้ แล1วบ่งตับพระนาคเฟินว่า แน่ะนาค[สน ท่านจงไปสู่สำน'กพร อสสคุตตผู้มือายุเถิด จงไหว้;ท่าพระตัสสคตฅตามคำเรา แสํว่จง'ข่า อยู่1ในสำมกพระอสสคุตคเถิด พระนาคเสนมน พระธนขฌาย์ส่งไปแล่วิ ได้ไปโดยลำดับจนถึงสำน พระจัสสคุตตผ้มีอายุ ไหว้เท้าพระอ่สสคุตตตามคำอุบ่ชฌายกล่าว ว’ตรปฎิวํศรไดโข่าไปจำพรรษาอย่แล่วิในสำนกพระเถรน8นตลอดสามเดือน โดยกาลสามเดือนล่วงแล่วิ อุบาสิกาผู้หนึ่งเข่าไปใกลพระจัสสคุตตผู้มี อายแล่วินิมนต์ว่า ข่าแต่ท่านผ้เจริญ ท่านนึ่งหลายจงร\"บ่ภตตาหารเวลาพรุ่งนั กไ]ตัวยพระนาคเฟิน พระเถรรไ]นิมนต์ของอุบาสิกาบ่นแลว โดยกาลแห่งคืน วนนนล่วงไปแดว จึงพาพระนาคเฟินไปสู่นิเวศนอุบาสิกาไดบ่1โแส*วิ ถ] บญญ'ศ- ตาอาสน' อุบ่าสิกาแท่นไ! ก็ได้อิงคาสพระสององคน'มดวยอาหารประณีตดว มือตนเอง พระเถรบ่นเมืธล่นแล่วจึงกส่า,วกะพระนาคเสนวา แน่ะนาคเสน ท่านจงอมโมทนาแก่ปีบาสิกานิ แลวจึงลุกจากอาสนหลกไปสูวิหาร ลำตับมนแล พระนาคเสนผู้มีอายุ ไค้ท่าอนุโมทนาดวยคมภีรกถาแก่ ธบาสิกานน ธรรม^จักษุคือความเห็นแข่งในธรรม ปราศจากธุลีปราศจากมลทินได้ เถิดแล่วิแก่อุบาสิกามน ทุกขสจธนใดธนหนึ่ง เบนธรรมเถิดแต่สมุทัย ทุกข์กงป1วงมนเบนธรร ตับโดยไม่เหลือ แม่พระนาคเสนฆู้มีอายุ ก็ได้ศรสรู้โสดาบ่ฅศิผล ในเวลาจบสงแห่งพร ธรรมเทศนาครา,รเดกวกนเทยา ลาดบนนแล พระอฟิสคุตตผูมอายุ นงแลว
๑๖ ในมณ6ตสมาล ได้ทู้หตด้วยด้กษญาณด้งทิพย์อ้นบรีสุทธ แลวก กล่าวอย่างนึ่ว่า ‘'กายใหญ่ *'1 ด้งหลายอ้นนายขมงธนูเล็งออก 1ห้ ด้วยลกธนดอกเดียว ก็อย่างเคียวอ้นนนเทียว’' ณ ขณะนมหม่เทวด,าทํงห ได้บนเทิงแล่วิโปรยลงชึ่งล่ก็การะด้งหลายมีมาลา ทิพย์เบ็นตน สาอการโห่อวยพรว่า แน่ะพ่อเอย ธ'ศ'ทรย้ไม่เคยมี ๆแลวย่อมเบนไป พระนาคเสนทำอนโม,/เนาอย่างนั้แด้ว ลกวากอาสมเขาไปใกล้พร คุตตผู้มือายแล่ว อภิวาทนงอยู่ที่ควรส่วนหนึ่ง สำฒ้นใเพระอ้สสคุตตผู้ม้'อายุ กล่าวกะพระนาคเสนว่า ดูกรน ทำนอยในเสนาสนะนึ่นานแล่ว ท่านจงไปเรียนพระพุทธววนในสำด้กพระธร รี'กขิตผ้มีอายุ เธออยู่ในอโศการามวิหาร ถา อุตตรทิศาภาคแห่งเมืองป พระนาคเฟิน1ได'สดับคำพระป็สสคุตตมน จึงอภิวาทพระอ้สสคุตตแล่ หลีกไป เมื่อเที่ยววารีกไปโดยลำด้บถึงอโศการามในปาดลีบุตรนครแล่ ไปใกลพระธรรมข่กขิตผู้มีอายุอภิวาทแล่วิกล่าวถะพระเกรนนว่า “ข่าแ ผู้เจริญ ขอท่านท8งหลายวงให้ข่าพเด้าด้งหลายศกษาพระพุทธววน ณ กาดมนพระติสสด้ตตผู้มือายุ มาแล’วิแต่เกาะล่งกาส่ชมพ ได้เข่า'ไป'ใกล้พระธรรมข่กขิตผู้มีอายุอภิวาทแล่วิ ด้งอยู่ที่ควรส่วนหนึ่ง กะพระเกรนนว่า “ข่าแต่ท่านผู้.'จริญ ข่าพเด้ามาแล่วิแต่ที่1ไกลแด ข ด้งหลายวงให้ข่าพเด้าด้งหลายเรียนพระพุทธววน ’’ ทีด้นแลพระธรรมรกขิตนู้มีอายุ ได้กล่าวเหตุนนกะพระนาคเสน แน่ะพระนาคเสน ท่านวงเรียนพระพุทธววนพข่อมด้วยพระติสสหัตตนึ่ แม้ว่า[ออด้งสองก็วะพึงกระสนแก่อ้นเมื่อกำล่งเรียนอยุ่ ทีมนแลพระนาคเสนนู้มือายุด้วย พระติสสหัตฅนู้มือายุด้วย พระพุทธวจนในสำอ้ก่พระอรรมข่กขิฒู้มีอายุ ได้สาธยายท
๑ ต) เดยวกน แม้ว่าภิกษุท่งสธงนมได้มนสิการพร“ไตรบิญ่กพทธวจนทํ้งั้ปว ไคยพย้ญ่ชนะตลอดสามเดือนแลว มนสิการพระ1ไตรมี่ฏกพทธวจนด้งปวงนม โดยอรรถตลอดสามเดือน อีกทีนนแลแม้พระนาคเสนผ้มีอาย ทาว้บสสนาให้ เจริญแดวไดืถึงพระอรหฅผลพรอมควยปฏิสมภิทา (มีคาถาพ่นธสรรเสริญ ไว้ว่า ) สิเพตวา มี่เฐกศตยํ สมติยา ว้มี่สสม0 ภาวเสยย '๑' สํมีบต์ไต ปฎิสํมภิทาหิ สห ไส เสฐ์โฐ อรหตั อห ครนศึกษาพระ'ไตรมี่ฏกแล้ว เจริญพระว้บสสมาด้วยความรู้ของตน ถึงแล้ว้ชึ่งก'บด้วยพระปฎิส้มีภิทา •พระนาคเสนนั้ก็ประเสริฐกว่าพระอร ท8งหลายควยประการ'ฉะนั้ เตเขนสส ปกัม์มี่ตํ หิตลํ (๒! สํขข์ภ!ต สาคโร เสลี ภิน์ตํ ^ มีศ!ต ปหฐฐหทยา สพรห์มิม่ทเท'วา ตทา ด้วยเดช'อำนาจของพระเถรเจ็ามน พํ้นแผ่นดิน1ใต้หวัน'ไหวทว1ไป พระ- สาครชลาลยก็กำ.ริบ ภูเขาใหญ่มีแท่งทึบด้วยคิลาก็หมุนอยู่เทํ้ม ๆ ไนกาลนม ฝงเทพขเด่าเหด่าพรหมอินก? เคยมีหทยอนเบกบานกบนดาลงวงเหงาเมา ประมาท ฅโต บฏั๊ฐาย โพี เกIร เมธาว ธมมโกวิโท ปากโฐ สพ้พโลกาน คค*ณว นสากโร สํตตวิ’พึพึปริปณ[ณ อุพสมปทโตปร (๑) สงสํยว่าจะเบน ภนวยข หรอ ภาวเสยอ (๒) น่า^เบน บ'หตลํ (®) น่^เบน ภฆํนดํ
๑๘ ท้บเดิมแต่ม1มมา พระเถรเท้านนณ็บ็่นปราชญ์ฉลาดในธรรม ได้ปรา แสวแก่โสกท1งปวง ประด'กด้งดวงนิสากรอนปรากฏ,ในคคณากาศ'ในกำหนด ๗ พรรษากาลบ,ริบรณ์เบั๊องหนาแต่ธปสมบทแล่วิมา ส'รีตวา อบช์ฌาอ้ส์ส วจมํ {รหนส์สบิ' กทาสีติสห้สเฟิหิ ภิก์ขหิ ปริวารโต อคมาตี วิขิมหนโต นครสาคดวิหยํ Vคร ระลึกท้คำพระโรหนผุ้อุบชฌาย์ณกาลไรเล่า พระเถรเกาแวดล ด้วยภิกษุ ๘๐0๐๐ เบนบริวาร อากหาญด้งพระยาราชสีห์ไปสู่เมือเสา ตทา ราชา มิลึน์โท ไส กสไล บฌหปุจ์ฉเม อุปค’มหวาน ฅ0 เถร0 มานาบญหํ อปุจ์ฉยิ ณ กาลมนพระราชามิตินท์ผ้ฉลาดโนการถามปริศนา ศร1นเข่าไปหา พระเถรนมแล้’รไต้ถามบญหาต่าง ‘อุ นั่ญ์หาพยากรเณ เฉโก นาคเสโน มหามุนิ สุขุม0 ปุท้ธิตบญ์ห ต* ส้พพํมืบี่ วิยากริ พระนาคเสนม'กปราชญ์ใหญ่ ฉลาด'ในการแก้บัฌหา เธอได้วิส แก้ไชบญหาท1งปวง อ้นพระเท้มิสินทถามแค่วิอย่างสขมคํริเภีรภาพ อปากฏาบี่ ยา บญ์ทา ด้ม์ภีริตถุปนิสีสิตา ตา ‘ๆ ส*พพา อุปมาว นาคเสน พยากตา บญทาธรรมท!งหสายเหล่าใด เข่าไปอาด้ยอรรถอ้นดึกร้งม แดว พระนาคเสนเถรเท้ไต้วิสชนาบญหาทํ้งปวงเหล่านํ้นพึนการ แท้ได้ ด้สํส ญาเณ ปสีทตวา ปต์ตํ ร'ชเช นิอาย โส สาสเน บั่พ์พชิตวาน อรห*ตตมปาปณิ
ชิ) ลิ่ สมเดจพระเจามิลินท์นน พระองค์'/)รงเลื่อมใส1ในญาณความร้ของ พระนาคเสนเถรเอา แลวองได้อภิเษกพระราชบตรให้ดำรงราชสมบด แลวก็ เสด็อออกผนวชในพระพนธคาสนา ได้สำเร็อพระอรทติดผล สเขปโต กถาปาย0 ท0สเสด0 ต\"ส์พึ ชาติยา มิลน์ทบญ์หคน,ถสม วิฅ์ถาร.โต ว้ชานยาติ ฒันเบนกถาเพื่อแสดงความโดยส็งเขป แห้งชาติกถาของพระนาคเสน เถรเอานน ทากอะพึงทราบความวิเศษโดยพิสดาร อกปรากฎโนคมภีร์มิ บญทาโนน เทอญ อบติกถาแห่งหระนาค(สน โดยวรรณนาในร้ตนพิมพวงศ์ ที่ภิกษุส วํสสามีนามว่า พระพรหม ราชมีญญ'าผ้แต่ง เพื่อพระโยชน์ แก่ ความ เลื่อมใส สาธชน จบลงด้วยประการปี
ตอน ๒ ร0ตนพิมพกรณกถา เตชสี ไกวิโท ชินธมเมสุเกโร ไส ธมมริกซิโต มหาขีณาสโว เสฐ์โฐ สพ์พสญ์โญขม'กชโย นิส์สาย ปวรปริ ปาตสีปุต์ตมามก’ ดัส์สย ปวราราเม อโสการามนามเก สกลตโมปนไท นรวโร โสมบึ้ญ์โญ ติมีรปทาสีไต มลปเถ นิสากไรว ชนปวรสาสเน สติปากโ^บ เกโร ปหนมลคโณ จ ปรินิพ์พุโต อโหสิ พระธรรมรกชิตเถรเจ่านม มีเดชรุ่งเรืองฉลาดในธรรมของพระชินสีห์- เสา เบนพระมหาขีณาสพประเสริฐ สั้นสิญ'โยชน์ธรรมดังป'วง ได อ้นบวร มีนามก:ว่าปาตลีบุตร สำน\"กิในบวรารามนามเรียกว่าธโศการาม ไค้บรรเทาความเมามีดของสัตว์ท1งํ้สั้น เบ็มภิกษุชู้ประเสริฐกว่านรเทวดา บญญาสว่างดังดวงพระดันทร์เมื่อว'นเพ็ญ ทำลายเสียซึ ศังดวงนิสากรผ่องใสอยู่ในห้องนิลบก พระเถรเอ้าก็พงปรากฏในพระ'ชินบว ศาสนา เบนผู้ปราศสากหมู่กิเลสมดทํนอ้นละเสียได้แลวก็ดับขไ!ธปร ครมเมือพระเถรเศัานมแม้ปรินิพพานแล่วิ ผ่ายว่าพระนาคเสนเถรเห มน ได้ดำริดังนว่า ดักทำอย่างไร พระพุทธดักขดักรุ่งเรือง แม้ไฉนพร;;พ น1นพ็งดำรงอยู่ในอนาคตได้ อย่าเลยเราแลควรสะสร่างพระพิมพ์แห่งพร เดัาผู้ประเสริฐมนไว้เพื่อสะให้ พระชินดักข *'๒' ร่งเรือง (๑) น่าจ?เบน พุกธจกก0 (๒) น่าจ?เบน ชนจก’ก็
บ0๑ ถาหากว่าเรา^ะพึ?างพระชินพิมพผู้ป^เพึริฐดํว์ยเงินแสะทธงไซร้ แท้ จรงโจรทงหลายเบนอนมาก ผู้มีราคะ โทสะ โมหะ ก็จึกทำพระพิมพ์น์นให้ 'กบหาย เนอใ4าคตกาล เพราะเหตุนนเราจำส:ำงพ:ะพิมพ์ด้ว่ยริ'ตนก่นบคคล จะเขาไปหำลายได้ดวยยาก ด้วยเด'ขานภาพพระพิมพ์นานเถิด ณ ขณะนน หำวสกกะเจาไตรหํพ ครนทราบประโยชน์พี่พระเถรรำพิงคิด แดำจึงเขาไปใกล่พระเถ:เจาน์นดวยพระวิสสุกรรม ยืนอข่เฉพาะหนำได้กล่าว กะพระเถรน์นว่า “ขำแต่ท่านผู้เจริญ ท่านทำหลายจะส:ำงพระสมพทธพิมพ์ ดวยริตนปีนมีเดช เบนของประเสริฐเพื่อประโยชน์แก่โลกให้เบนพี่ เทพาทงหลาย'ได้บูชาข็งหรือแลพระ,จำขา ” พระเถระได้กล่าวกะทำวสกกะว่า “ท่านจงน์าริตนมาเถิด,' แมีว่าทำวเทวานมีนทรก็กล่าวกะพระเถรว่า ‘' ขำแต่ พระเถรผู้เจริญ ขำพเจำจะให้พระวิสสุกรรมไปนำแกวมณีสีขาวมาแต่เขาวิบ บรรพต ” ทำวเทวานมินทร ครนกล่าวคำด้งนแลวจึงบงฒัพระว่สสุกรรบนนว่า \" ดกรพิอ ท่านจงไปนำแกวมณีก่น์มีเดชรุ่งเรืองบาแต่เขาวิบุลบรรพต ” พระวิสสกรรมน์นก็ทลว่า “ ขำพเจาจะไปตามก่อยคำได้แต่ไม่อาจถิอ เอาแก่วมนได้ เพราะ1ว่าหม่กบกณีน์เประจำอยู่1ในเขา,วิบุลนน ครนเห็น แดวจะไม่พิงให้แก่ว่บณี *' เพราะเหตน์น ขอเชิญพระองคํเสด็จ1ไปสู่เขา1วิบุลนนกบขำพเจาเพ เอารำ]นก่นมบทิทธิน์น์เถิด แท้จริงเมีอพระองคิเสด้จไปยงเขาวบุลน์นแด พวกกบก่ณข์ทงทลายนํ้น ครืนเห็นพระองค์แล'วจะพิงถก'ายรํด้นน์น์แก่พ ทน14แดหำ1วเท'วราช1ได้'สดบคำน์น์แเล,ว จึงไปสู่เขาวิบุลด้วยพระว กรรบ ครนเห็นกบภณ6พี่ผู้รกษาแกำบณี จึงมีเทวบญชาเพื่อจะก่อเอารืตนว “ เราบา ณ เขาน์.พื่คูจะถือเอารฅนมีขื่อว่าบณีโชคิได้แ^านาายแน,าน์น์แก นาคเสนผประเสริฐเพิอ^รแรพร^นพ
เส) 1๐0 ตกรท่านน์เค?ญทํ้งั้หลาย ท่านทงํ้หลาย'มให้ร*,ตนแก่ ทีม*นหม่กุมภ*ณ*ห์ทํ้งหลายเทด่านน์ ได้ยินกรวบ้ญขาแล้วจึงทู มหาอินทรว่า “ฟ้าแต่ทำ'วสํก์กะ ร*ตมขอว่ามณีโชตินึ่เบี่นราชบริโภ เล้า'ล้กรพรรติราชผู้ประเสริฐ แวดล้อมอย่ดวยแก่ำมณีแดงสามพ้น พระชินสีห์เล้าทงหลายก็ไค้ตร\"สไว้'ว่า” “ร'ฒม้เดขมหานุภาพเกิดในประ พระเล้าวรล้กรราชก็ย่อมเกิดในประเทศมน\" ก็แลศรนทลดิงน*นแล้ว จึงสำแดงอมรโกฏิรตม มีวรรณเขียวปร ทดท่า1วเท'วานมนทร'ว่า ฟ้าแต่มหาราชเล้า กำหากว่าพระองค์ถือเอาร\"ต พึงถวายแก่ พระนาคเสน เถรผู้1ใคร่เพื่อ คะสรางพระชินพิมพ์ เทวดามนุษย์บขาไซร้ พระองค์คงเวนมณีโขติรตนอนเกิดเบ็มบริโภครตมข พระเล้าบรมล้,กรพรรดิดวงนึ่ไว้แล้วถือเอาอมรโกฏิร*ตนเกิด อมรโกฏิร*ตนแม้นนมีประมาณโดยรอบวาหนึ่งย์งดวยสามองคุลีโด (คือวด้ได้ออมหนึ่งกบ ๓ นึ่ว) มีหมู่รตน ๘๕0 แวดล้อมแล้ว ตงอยู่ใน กำแพงหอมล้อมมณีโขดึริต่นไว้ ทีม'Iเท่า1วทศสตน1เนา ผู้เบึนเล้าแ ท*งหลาย ถือเอาอมรโกฏิร'ตนอไ!มีร่ศมีเขียวนนพรอมกับพ'ระวิสสุกรรมลงคาก ภเขาวิบุลบรรพต เฟ้าไปใกล้พระเถรแล้วอภิวนท์มอบถวายแก่พระเถรด็ คำว่า “ข่าแต่พระเถรผ้เคริญ ท่านทีงหลายคงให้ช่างทำพิมพ์พระชิน ประเสริฐผู้ทำประโยชน์แก่สกลขนดวยร\"ตมนึ่เถึด’' แล้ว'จึงเสด็จ1ไปส่สถ พระองค์มนเทียว ทีม'น พระนาคเสนมน ได้ร\"ตนแล้วจึงคิดว่า “เราใคร่คะสรำงพระพิมพ์ ธนเทวดามนุษย์พึงบขา คะพึงได้นายช่างคนใดผู้'นลาดคึผู้สามารถ เพื่ พระปฏิมาแด ”
บ0๓ ทนนพระวิสสุกรรมรู้แจงวิตก นนแลว วิง ละเพศ เทวดา ชินเบน บรมศ? วิลาสเสยแล'วจงไคมา [นขณะน8น ด์วยเพศนายช่างผ้ฉลาดเพื่อวะทำพระพทธ- พิมพ์ดำยแกวชิมรโกฏมณีน2น พระสมพุทธพิมพ์งามดวยร'ตนชินประเสริฐ ชินประกอบดำยประมาณ สูง ส ศขิก ๘ นิว เบนวิฅถุควรขินพรทมอินทรเทวดามนษข์ทงหลายบชา ได้สำเร็จลงเเลวแม้หลายวน พระเถรเจ่านม เมื่อพระปฐมากรสำเร็จลงแลว ทำสกการะเคารพแลว จง1ให้ทำมณ*ตปประเสริฐ'ในป็โศการามงามคิวยริตน ประตไเตกแต่งแลวเบนตน เชิญพระพุทธปฏิมาประดิษฐานไว้ในอาสม ใน ท่ามกลางแห่งมณๆ'!ปมม ลำดไเนิม์ฝูงเทวดาทํ้งหลาย มีพระอินทร์11เมตนหวย ฝงพรหมท่ ควย คนธรรพ์รากษสสุบรรณนาคท่ง์หลายดวย มีมาลาเย้นต่น ไนมือถือไว้ มีจิฅชื่นขมยินดีย้งมาประชุมพรอมก้น บซายี่งแลํว่ซึ่งรูปพระชินสีห์เล่า หมู่พระสัมพุทธสาวก แม้เย้นพระขีณาสวทชงลายกำหนดได้ *00 เย้นน้1ใคร่เพื่อ1จะยงพระศาสนา'ให้รุ่งเรือง พระสาวกเหล่านมมีพระนาคเสนเย ประธาน ก็มีพระบี1ติเบิกบานเย้นสภาวะ มาประชุมพรํอมกมบูขายิงซึ่งรู ชินสีห์ว่า พระราซาก็ดี ราชบรษVIงทลายก็ดี มหาขนท*งหลายกดี มีมือถือ มาลาการต่าง ‘ชุ บชๆยิงแล1วซึ่งพระพุทธพิมพล่นบวร ครนเมื่อบขาพิธี ธนหมู่มนุษย์แลเทวดาทั้งหลายประพๆติเบ อย่าเมื่ พระชินพิมพ์ผ้ประเสริฐเก้าผู้หาชิวิตมิได้ก็!ห้ปรากฎราวกะว่ามี รศนิธย่เนืองนิตย์ ได้ทำปาฏิหาริย์ห่าง \"I เย้นเอนกตลอด ๘ วน สว่างท่งํ๋หลายก็แผ่ซ่านธอกแล่'วจากพระสรีรกาย;แห่'ง,พระ'ชีนพิฆพ เขียวคลำยฒับกแมลงภ่บินไบิอย่ พระรศนิเหลืองคลายกบหรดาลโนแผ่นทอ พระริศนิแดงราวกไ!ว่าแสงพระอาทิตย์พึ่งขนมาอ่อน ๆ พระรศนิขาวราวก คาวประกายพรึก (ตาวรุ่ง) พระริศนิมัญเขฐานิวรรณสีราวกะแสงอรุณ
เ2ปิ๔ แดดธกองกพ พระร่ศมีประภํสสรคส่ายยิบแกวไพ'ทรย์แสะแกวผลืน ท;ระ ณีงหสายแม้ท*งปวงออกมาเฉพาะแส่วิแต่พระสรีระแห่งพระพุทธพิมทเหา ศร เมื่อพระแกํวอมรเกฐมณียิยพ็นพระพิมพ์อ้นประ[สรฐขอ งเท'วดากนุ รีศมีเบ็'นอโ;มากยิงพระปาฏิหาริย์ พมอเกก ไห้เบนไปธย่ฅล'อด ๗ วน ต ฝพ.งร.เะ.ท.รพ.า.ขา.าคไรอ-า1ชอเสน..นทเรา?เ.พส.รนรหามบีด.ไเีท’วดา.คหไอบสดีร,1 คเขรI็'นห.ต.ะน.คทนงธห.รล.ร.พา.ยรคสวี1บรยีร’รณประทะชงุหตระมายชีดม’วท*ยงหรีลา ควย พระอรหนต่ทงหดายกำหนด 800 โกฏิ มีพระนาคเสน เบ็่น ประธานควย เห็นแด็ว์แท้ซึ่งปาฏิหาริย์บํงเกิดพนอํศ'ๆรรย์น1น มีหทํยอมบ่นเทิงแล ยไสาธุการมียินโบกแม่นยิามากแสมเบ็ณตน!ห้เบ็เมไปแส่วิ บูชายื ยิกการะ มีประการต่าง ๆ ท*งหลาย มียิตร ธงรัย ธงบรรฏาก มาก เบนตมควย มีดอกบวต่าง ๆ คือ กุมุท กมล อุบลเขียว อบลขาว เบ็่นตน ควย มีมาลายินธ ธูปประทีป เบนตนอนอบแส่วควยกระลมยิก ภถษณา ไม้ยินทม์และการะบุร เบนตนควย บรรลือดุริยางค์มาทกว่าท!น มีก ตะโพน บณเ‘ฑาะว์ พิณ เบ็1นยินทงหลาย เมทนีดลทํ้งสนราวกะว ความกึกกไงของดุริยางค์เบนอเนกแห่งสาธุการอ’นเบนไปแส่วิท1งหลาย ได้มีแส พทธบริษัททงหลายได้บชาย็งแลว ซึ่งพระชินพิมพ์ยินประเสริฐ าข ^ คิวยแกวอมรโกฐตลอด ๗ ทีวาราตรีอย่างนแส่วิ ในการนม พระนาคเสนเถรใคร่.ทื่อจะยิงพระศาสนาชองสมเด็ พระภาคยิเยิาแห่งเราท1งหลายให้รุ่งเรือง ได้นำมา'ซึ่งพระธาตุ ของพระมุนนทร์ผ้ประณีตกว่า พรหม อินทร์ เทวดา มนษย์ พระ มารยินกึงพร’ป็มแส่วิคิว่ยวรรณต่าง ๆ แส่วิจิงตงภาชนะเงินยินวิลิตร'โด ยินท1งหลาย และสุวรรณภาชนะวิจิตรต่าง ๆ ต) ใบท*งหลายในพองบนแห่ง ภาชนะเงินท*งหลายเหด่านน ซึ่งภาชนะแกวมณียินวิจิตรต่าง \"I ส่ ใบท ไว้พองบนแห่งภาชนะทองนมแส่วิ ต*4พระชินธาตุท*งหลาย ในภาชนะแกวม
เดุป็๕ V]งสาม [นอาสนวสตร'อนบคคลลาด1ไวิดีแล่วิ โนเมืองบนแห่งแกวมณีทงหลา ทงปวง แม้1วาพระนาคเสนนไดวย พระขีณาสวที่งหลายดวย พ:ะพรห พระอน,/): เทวดาทงหสายดวิย สาธุชนทงหลา!]คิวย ทกคนพากไมีสิตเลื่อมใส บูชายิงซึงพระมุนราซธาตุ ดวยของหอมและระเบียบดอกไม้ทงทลาย ก สรรเสริญพระพุทธคุณต่าง \"] โปรยปรายซึ่งสกการะวิธี มีขาวตอกเบนต รดพระสมพุทธธาตุทงหลายนนในภาชนะแกวมณีอนเต่มดวขนาหอม พระ- บุนนทรธาตุท3งหลายน่น รุ่งเรืองอย่ดวยพระนพพรรณริงสีแล่นประทกษิณ ไปแลว ๆ ในภาชนะแกวมณีอไเต็มแล่วิดวยนาหอมราวกะวำหงส์ทอง พระ ขีณาสวเล่าท1งหลายดวิย แม้ชนมีพระราชาและอำมาตย์เมนต่นทงหลายดวิย ได้เห็นปาฏิหาริย์แล่วิพากนบไ!เทิงทาวรสาธุการแล่วิโถมนาต่อพระมุนินทรธา ทีนนพระนาคเสนผู้ชิโนรส ได้ทำสิวิสกิริยาเพื่อประดิษฐานพระธาตุ พระทศพลเล่าที่งหลายในที่ ๗ แห่ง ของพระสรืระคือพระพุทธพิมพ์ ของควรเทวดาและมนษย้ได้อภิวไท์ ด้วยความใคร,เพื่อให้สกลโลกเห็น ณีส์สาธิฏิฐานภาเวน นาคเสนิส์ส สตถโน พิม์พ์สส สิตตฐาเนสุ ปติฏิฐหึชุ ธาตุโย พระธาตเสำที่งหลายไดประดิษฐานอย่แลวในฐานสิริ ตเ แห่งของพระ- พิมพ์แห่งพระศาสดาเสา ดวยอานุภาพอธิษฐานของพระนาคเสนเถรเสานน ตาเสวกา โมพ์ยาฏิฐาสิ นลาเตกา ปติฏิฐห้ นาภิเยกา ปติฏิฐาสิ เอกา ปสิกขิณพิม์พิสส กเร วามหศไถ ส ธาเศวกา เอกา ชาณุมหิ ปสิ,’ก์ชิเณ วามชาณมหิ ธาเฅวกา พิม์พ์สส ส ปติฏิฐหิ ในพระธาตุหะงหลาย ๘ นัะ้น องค์หนึ่งไดไ]ระดิษฐานธยู่แล้วในพระไนลี ป็งค์หนึงประดิษฐานธย่แล้ว !นพระนลาฐ ธงคหนงไดประดษฐานธยูแลว พระนาภี องค์หนง'โด่ไเระหิษฐานป็ยู่แล้ว'ไน,พร:5กรแห่งพระพิม'พ์พั๊1องข
พระธาตุองศ์หนึ่งได้ประดิษฐานอณ์เลวในพระหัตถ์พองชาย ประดิษฐานป็ย่แลวในพระชาณุฌองขวา พระธาตองศ์หมีงไดประดิษฐา แลวในพระชาณพองชายพระพิมพ์ พระมนิมทรธาตทํ้งหลาย ได้ประดิษฐานอยู่แลวโนสถานVIงห เหล่าน ไค้เหาะรื่ณ์ไปในอากาศมีรศมีอนร’งเรืองต่าง ๆ ราวก สายพา แลวเสด็จไปสู่ในพระสมพุทธพิมพ์อก พระขีณาสวณ์งหลายด้วย ฝงเทวดาและมนุษย์หงหลายหั ปาฏิหาริย์น8มเทียว พาหันยันดีบูชายงหักแล่ว่ไค้ทำสาธุการ คือเสียงไห่ ทลายเหล่านนไค้ชดไปซึ่งเครื่องสกการะมีผาเมื่นตน และเครื่องบูชา ทุกเมื่อ ผ่ายพระนาคเสนนึ่ม์ไค้ส่งอนาคตญาณอนประ.สร็ฐบริสุทธึ้จึง ประไยชนเกอกุลแก่โลกท\"งปวง แดวได้พยากรณ์พระพิมพ์อิน[มื่นว่ศถ บชาย็่งว่า กัม์โพชวํเส จ มลานว่เส สยามวํเสติ อยมนี่ พิม์โพ ตีเสวว วํเสสุ วิโชตมาโน โดเก ธรืนโตวิย พุทธเสฏิโฐติ พระพิมพ์แม้นรุ่งเรืองวิเศษอยู่ในวงศ์ทํ้งหดาย ๓ นึ่นเทียว คือในกม โพชวงศ์ด้วย ในมลานวงศ์ควย ในสยามวงศ์ด้วย ประหนึ่งว่าองศ์ พระสมพุทธเจ่าผู้ประเสริฐ หังทรงพระชนม์อยู่ในโสก กิร พิม็พเสฐ์โฐ วรเตช'วันโต อชีโว สชีโววิย ปาฏิเหรํ ด้งไต่สดไเมา พระพิมพ์'ประเสริฐ มีเดชอนเลิศ หาชีวิตมิได้ ได้ ไปราวกะว่ามีชีวิต สำแดงพระปาฏิหาริย์ กรุ ธาตุ เสฎ์โฐ วรเตชว้นึ่โต อชีโว สชีโววิย ปาฏิเหรํ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104