เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES งามเอยอนนั ตนาคราช งามผงาดราชนาวา เพริศพิพัฒนร์ ัชมงั คลา งามสงา่ พระบารมี พระเกียรตเิ กรกิ ปรากฏ ย่ิงพระยศภูบดี บรมราชจักร ี ศรสี วัสดิม์ ัน่ นิรนั ดร อญั เชญิ เทพสทิ ธิ์ศกั ด ิ์ อภริ ักษพ์ ระภธู ร ไตรรัตนค์ ุณากร ประทานพรพบิ ลู ชัย ขอจงทรงพระเจริญ โลกสรรเสรญิ จอมไผท เกษมสุขนิรตั ศิ ยั ไอศวรรย์สวสั ดิ์พิพัฒน์เทอญ ลกั ษณะของรปู กระบวนพยหุ ยาตราและเรอื ประเภทตา่ งๆ กระบวนพยุหยาตราทางชลมารค เม่ือวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๓๐ กระบวนเรือประกอบไปด้วยริ้ว กระบวน ๕ รว้ิ ใชเ้ รอื รวมทัง้ สิ้น ๕๑ ล�ำ ระยะตอ่ ระหว่างลำ� ๔๐ เมตร เว้นระหว่างเรือพระที่นัง่ ๕๐ เมตร ระยะเคียงระหว่างร้ิว ๒๐ เมตร ความยาวของกระบวนยาว ๑,๑๑๐ เมตร กว้าง ๙๐ เมตร เรอื ประเภทต่างๆ ท่ใี ช้ในกระบวนพยหุ ยาตรามีดงั นี้ ๑. เรอื ประตูหน้า เปน็ เรอื นำ� ริว้ กระบวน ประกอบไปดว้ ยเรือ ๒ ล�ำ เปน็ เรือลำ� หน้าสดุ ของริ้วท่ี ๒ และ ๔ (นับจากขวา) ใชเ้ รือดั้งทอง ๒๑ (ขวา) และเรอื ดงั้ ทอง ๒๒ (ซ้าย) ๒. เรอื พิฆาต เป็นเรือรบท่ีอยู่ในร้วิ ท่ี ๒ และที่ ๔ ถดั จากเรือประตูหนา้ เขา้ มาในกระบวนหวั เรอื เปน็ รปู เสอื มีปืนจา่ รงตั้งที่หวั เรือ ได้แก่ เรือเสือทยานชล (ขวา) และเรือเสือค�ำรณสนิ ธุ์ (ซ้าย) เรือดังกลา่ วน้ปี กติ จะแล่นสาย โดยเรอื เสือทะยานชลแล่นสายนอกด้านขวา และเรือเสอื ค�ำรณสินธ์ุแล่นสายนอกด้านซ้าย ๓. เรอื ด้งั เป็นเรอื ไม้ทานำ้� มัน บางลำ� ทาสที อง (ด้ัง ๒๑ และ ๒๒) ไม่มลี วดลาย ใช้สำ� หรบั เป็นเรือ รอบนอกของกระบวนโดยอยใู่ นร้วิ ขวาสดุ และริ้วซา้ ยสดุ - ร้วิ นอกดา้ นหน้าของกระบวนมี ๖ คู่ หรอื ๑๒ ล�ำ ได้แก่เรอื ดั้ง ๑ - ๑๒ เลขคีอ่ ยู่ดา้ นขวา เลขค่อู ยู่ดา้ นซ้าย - รว้ิ นอกดา้ นท้ายของกระบวนมี ๔ คู่ ๘ ล�ำ ไดแ้ ก่เรือดง้ั ๑๓ - ๒๐ ๔. เรอื กลองใน - กลองนอก เปน็ เรอื กราบ อยู่ในริว้ กลางหรอื ร้ิวที่ ๓ มีปชี่ วาและกลองแขกสำ� หรับ บรรเลงมี ๒ ลำ� ไดแ้ ก่ - เรือกลองใน (ใช้เรือแตงโม) อยู่บริเวณกลางกระบวนข้างหน้าเรือพระที่นั่งเป็นเรือส�ำหรับ ผูบ้ ัญชาการกระบวนเรือ - เรอื กลางนอก (ใชเ้ รอื อเี หลอื ง) อยหู่ นา้ สดุ ของรว้ิ กลาง เปน็ เรอื สำ� หรบั รองผบู้ ญั ชาการกระบวนเรอื ๕. เรอื ต�ำรวจใน – ต�ำรวจนอก เป็นเรอื กราบ มพี ระต�ำรวจหลวงชน้ั ปลดั กรมน่งั คฤหม์ ี ๒ ล�ำ ได้แก่ - เรอื ตำ� รวจใน อยู่ในร้วิ กลางหน้าเรอื อนันตนาคราช - เรอื ตำ� รวจนอก อยู่หน้าถัดจากเรอื ตำ� รวจใน 95
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ๖. เรือรูปสัตว์ เป็นเรอื แกะสลัก เรือเปน็ รปู ขุนกระบ่ี รูปอสูร รปู พญาวานร และรูปครุฑ - ปัจจบุ นั มอี ยู่ ๘ ล�ำ หรอื ๔ คู่ - จดั ใหอ้ ยใู่ นรวิ้ กระบวนที่ ๒ และท่ี ๔ อยถู่ ดั ระดบั เรอื ตำ� รวจนอกเขา้ มาโดยมตี ำ� แหนง่ เรอื ดงั น้ี อสรุ ปักษ ี อสุรวายุภกั ษ์ กระบ่ปี ราบเมอื งมาร กระบีร่ าญรอนราพณ์ (ซา้ ย) (ขวา) สคุ รพี ครองเมือง พาลีรง้ั ทวีป ครฑุ เตรจ็ ไตรจักร ครฑุ เหินเหจ็ ๗. เรือพระทน่ี ่งั จัดวา่ เปน็ เรอื สำ� คญั ทสี่ ดุ และสง่างามที่สดุ ในกระบวน - มเี รือพระทน่ี ่ังกง่ิ ได้แก่ เรือสพุ รรณหงส์ เรอื อนันตนาคราช เรือพระทีน่ ่ังศรี ได้แก่ เรืออเนก ชาติภุชงค์ - ในกระบวนพยหุ ยาตราครง้ั น้ี เรอื อนันตนาคราช จะเปน็ เรือทรงผา้ ไตร เรอื สุพรรณหงส์ เป็น เรือพระที่นั่งทรงและเรืออเนกชาติภุชงค์จะเป็นเรือพระที่นั่งรอง ต�ำแหน่งของเรือจะเป็นไปตามแผนผังรูป กระบวนเรอื ๘. เรือคู่ชัก เป็นเรือที่ท�ำหน้าที่น�ำเรือพระท่ีนั่ง โดยอยู่ทางเบื้องขวาเฉียงไปข้างหน้าล�ำหนึ่งได้แก่ เรือเอกชัยเหินหาว และอยูท่ างเบื้องซ้ายเฉยี งไปขา้ งหนา้ อกี ลำ� หนง่ึ ได้แก่ เรอื เอกชยั หลาวทอง ๙. เรอื ตำ� รวจตาม ใชเ้ รอื กราบกญั ญา ใชเ้ ปน็ พาหนะของพระตำ� รวจหลวงรกั ษาพระองคท์ ต่ี ามเสดจ็ ในกระบวน มตี ำ� แหน่งเรืออยู่ในร้วิ กลางตอ่ จากเรอื พระท่ีนง่ั รอง (เรืออเนกชาติภชุ งค์) ๑๐. เรือแซง ใชเ้ รือกราบกัญญา เปน็ เรอื ทหารเรือแซงเสด็จทงั้ ๒ ขา้ งของเรอื พระท่นี ั่ง โดยอยู่ในร้วิ นอกสดุ ของกระบวน มี ๖ ลำ� หรอื ๓ คู่ โดยแซงดา้ นขวา ๓ ล�ำ (ได้แกเ่ รอื แซง ๑, ๓, ๕) และแซงด้านซา้ ย ๓ ลำ� (ได้แก่เรือแซง ๒, ๔, ๖) นอกจากนนั้ ยงั จดั เรือแซง ๗ อีก ๑ ล�ำปดิ ท้ายร้ิวกลางของกระบวนต่อจากเรือตำ� รวจตาม ๑๑. เรอื ประตหู ลงั ใชเ้ รอื กราบกญั ญาเชน่ เดยี วกบั เรอื ประตหู นา้ เปน็ เรอื สำ� หรบั ขา้ ราชการชน้ั ผใู้ หญ่ กำ� กบั ท้ายกระบวน ๒ ลำ� โดยมีเรอื ทองขวานฟ้าอยขู่ วาและทองบ้าบิน่ อย่ซู ้าย หมายเหตุ เรอื ทง้ั หมดทเ่ี ตรียมไว้มี ๕๓ ลำ� แตจ่ ะใช้ในกระบวนพยุหยาตรา ๕๑ ล�ำ อีก ๒ ล�ำที่เหลอื ไดแ้ ก่เรือ รงุ้ ประสานสาย และเรือเหลอื งใหญ่ จดั ไว้สำ� หรบั ฝกึ และสำ� รอง 96
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 97
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES 98
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 99
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 100
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 101
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES ลกั ษณะหน้าท่แี ละความเปน็ มาของเรือพระทีน่ ั่ง และเรอื ในรว้ิ กระบวน ในการเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ทางชลมารคของพระเจา้ อยหู่ วั ในสมยั โบราณนนั้ เขา้ ใจวา่ แตก่ อ่ นจะมเี รอื ๒ ส�ำรับ เป็นเรือทอง อนั หมายถงึ เรือทแ่ี กะสลักลวดลายและลงรกั ปิดทองสำ� รบั หนงึ่ จะใชเ้ ปน็ เวลาเสดจ็ ใน กระบวนท่ีเป็นพระราชพธิ ี สว่ นอีกสำ� รบั หนงึ่ เป็นเรอื ไม้ซ่งึ มกั จะใชท้ รงในเวลาปกติทั่วไป ไม่ปะปนกัน จากการจัดร้ิวกระบวนเรือ จะมีชื่อเรือต่างๆ มากมายท่ีมาร่วมในกระบวน ซึ่งเรือเหล่านี้มีลักษณะ แตกตา่ งกนั ไปตามความส�ำคญั และลักษณะท่ีมาคือ ๑. เรอื ประตู มีลักษณะเปน็ เรือกราบ กลางล�ำมกี ัญญา เรยี กกันวา่ เรือกราบกัญญา ท�ำหนา้ ที่เปน็ เรอื นำ� ร้วิ กระบวน มีขา้ ราชการผู้ใหญ่ชั้นปลัดทูลฉลองน่ังในกญั ญาล�ำละ ๑ ท่าน ๒. เรือพิฆาต เป็นเรือรบไทยโบราณประเภทหนึ่ง มีปืนจ่ารงต้ังที่หัวเรือ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ มี ๕ คู่ ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชแห่ง กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ มี ๖ คู่ ตอ่ มาภายหลงั ตงั้ แตร่ ชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เปน็ ตน้ มา มี ๑ คู่ คอื เรอื เสือทะยานชล และเรือเสอื ค�ำรณสินธ์ุ หวั เรอื ท�ำเปน็ รูปหวั เสือ มีคฤหส์ �ำหรบั อำ� มาตย์ฝ่ายทหารนง่ั แต่ ในสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยาใชเ้ รอื แซ เรอื พิฆาตน้ีมีนายเรือ นายท้ายฝีพาย และคนนั่งคฤห์ รวม ๓๑ นาย ๓. เรอื ด้งั เป็นเรอื ไม้ทาสนี ำ�้ มนั ไม่มีลวดลายอย่างใด ใช้เป็นเรือกระบวนสายนอก กลางล�ำมคี ฤห์ซ่งึ มนี ายทหารนั่งลำ� ละ ๑ นาย ในเรอื นี้มพี ลปนื ๔ นาย และมีนายเรอื นายทา้ ยและฝีพาย ล�ำละ ๒๙ - ๓๕ คน ขน้ึ อยกู่ บั ขนาดของเรอื และมคี นกระทงุ้ เสา้ ลำ� ละ ๒ นาย เรอื ทกี่ ระทงุ้ เสา้ ในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา เปน็ พวกเรอื ชยั ซง่ึ เป็นเรอื ชนดิ ทีม่ ที วนหวั ต้งั สงู และงอนข้ึนไป ซง่ึ กลา่ ววา่ มีลักษณะเช่นเดยี วกับเรอื กิ่ง แตไ่ มท่ ราบวา่ ต่างกัน ตรงไหน แต่ปัจจุบันเรอื ดง้ั หวั เรือปิดทอง ถ้าหัวเรอื ยังเขยี นลายน�้ำยา ใชเ้ ปน็ เรอื ประจ�ำยศพระราชาคณะ ๔. เรอื กลองนอก-กลองใน เป็นพวกเรอื กราบ มีนายเรือ นายทา้ ย และฝีพายล�ำละ ๓๐ นาย มนี าย ทหารชน้ั ผใู้ หญท่ เี่ ปน็ ผชู้ ว่ ยผอู้ ำ� นวยการกระบวนพยหุ ยาตรานง่ั คฤห์ พรอ้ มทนายในเรอื กลองและมผี บู้ ญั ชาการ กระบวนพร้อมทนาย น่ังคฤห์เรือกลองใน ภายในเรอื มพี นกั งานปชี่ วาและกลองแขกบรรเลงล�ำละ ๖ นาย ๕. เรือต�ำรวจนอก - ต�ำรวจใน ใช้เรือกราบ มีนายเรือ นายท้าย และฝีพาย ในสองล�ำไม่เท่ากัน ล�ำหน่ึงมี ๒๒ นาย ล�ำหนึง่ มี ๒๗ นาย มพี ระตำ� รวจหลวงชัน้ ปลดั กรม น่งั คฤห์ ๖. เรือรูปสัตว์ เป็นเรือท่ีแกะสลักหัวเรือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ทั้งสัตว์จริงและสัตว์ในเทพนิยาย ความเป็นมาของเรอื รปู สัตว์ หรอื ทีเ่ ดมิ เรยี กว่า เรือศรี ษะสตั วน์ ี้ สนั นิษฐานว่าอาจจะเกดิ ขน้ึ ได้ ๒ ทาง๑ คอื ๑. อาจไดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากทางเขมร ทงั้ นเี้ พราะทปี่ ราสาทหนิ นครวดั ไดม้ ภี าพสลกั รปู เรอื ทม่ี หี วั เรอื เป็นหนา้ สตั ว์ เช่น หนา้ หงส์ หน้านาค หนา้ เหรามงั กร ซึง่ อาจทำ� ขนึ้ เพอ่ื ความสวยงาม ทัง้ น้ี ปราสาทหิน นครวดั มีอายุระหวา่ ง พ.ศ. ๑๖๕๓ - ๑๗๒๐ ๑ สมเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ์ และสมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพ, สาส์นสมเด็จ เลม่ ๒, ศึกษาภัณฑพ์ าณิชย์, ๒๕๑๐, หน้า ๒๒๑. 102
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES ๒. อาจไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากอนิ เดยี ซงึ่ ทอ่ี นิ เดยี นนั้ บรรดาขนุ รถจะมตี ราประจำ� ตำ� แหนง่ ของตนตดิ อยทู่ ีร่ ถ แตไ่ ทยเรานำ� มาเปน็ ตราตดิ ทเ่ี รอื คือท�ำเป็นรูปหัวเรือเสยี เวลาเข้าในริว้ กระบวนก็ทราบว่าเรอื ลำ� ใด เปน็ ของกรมใด หรอื ของขนุ นางผใู้ ด และแตเ่ ดมิ ขนุ นางหรอื เสนาบดถี า้ มไิ ดต้ ามเสดจ็ กไ็ มไ่ ดเ้ ขา้ ในรวิ้ กระบวน แตใ่ นสมยั หลัง แม้วา่ ตวั เสนาบดีจะมไิ ดต้ ามเสดจ็ ก็เกณฑเ์ รอื ไปโดยไม่ต้องควบคุมไปกไ็ ด้ จากขอ้ สนั นิษฐานอาจจะกล่าวได้ว่า เรอื รปู สตั ว์ของไทยคงไดร้ บั อิทธพิ ลมาจากอินเดยี เพราะแมแ้ ต่ ตราประจำ� ตำ� แหนง่ ของเสนาบดตี งั้ แตส่ มยั กรงุ ศรอี ยธุ ยามาจนถงึ กรงุ รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ มกั ใชร้ ปู สตั วท์ ง้ั สนิ้ เช่น ราชสีห์ คชสหี ์ ครุฑ นาค ฯลฯ ตราต�ำแหน่งนม้ี ีปรากฏอยู่ในกฎหมายลักษณะศกั ดินาซ่งึ ตัง้ ขน้ึ ในรชั กาล สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พ.ศ. ๑๙๙๘ แล้ว และเรือรูปสตั ว์น้จี ากพงศาวดารปรากฏข้ึนในรชั กาลสมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ พ.ศ. ๒๐๗๖ ซงึ่ พระองคท์ รงแก้เรือแซเป็นเรือชัย และเรอื รปู สตั วต์ ่างๆ เพ่ือจะใหต้ งั้ ปนื ใหญไ่ ดท้ ่ีหวั เรอื เรอื รปู สตั วน์ ัน้ ถ้าเปน็ เรอื ด้งั นา่ จะทำ� เป็นคู่ คอื เรือครฑุ ๑ คู่ เรือกระบ่ี (ลิง) ๒ คู่ เรอื อสรู ๒ คู่ และจะเหน็ ได้ว่าเรอื เสนาบดแี ละเรอื ประตูเปน็ เรือรูปสตั ว์จากตราต�ำแหนง่ ของตนทัง้ สนิ้ จงึ กล่าวได้ว่า เรือ รปู สตั วน์ นั้ มาจากตราตำ� แหนง่ นน่ั เอง เพราะเมอ่ื เทยี บเรอื รปู สตั วก์ บั ตำ� แหนง่ เสนาบดที ลี่ ดหลน่ั ลงมากจ็ ะเหน็ ว่าตรงกนั เรือพระทน่ี ง่ั ก็มีหัวเรือเป็นรูปสตั ว์ ตามพระราชลัญจกรเชน่ กัน อย่างเช่นเรือครฑุ มีพระราชลัญจกร “พระครฑุ พา่ ห์” หัวเรือแต่เดิมกท็ �ำเป็นรูปครุฑเท่าน้ัน และมีเรอื นารายณ์ทรงสบุ รรณ ซึ่งเดมิ กม็ ีแตร่ ปู ครฑุ เปลา่ ๆ สร้างข้ึนในรชั กาลท่ี ๓ พระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ตอ่ มาในรชั กาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้ท�ำองค์พระนารายณ์เติมเข้าไปด้วย หรือเรือพาลีร้ังทวีปและเรือสุครีพ ครองเมือง ซึ่งเปน็ เรอื ของพวกกองอาสา เชน่ กรมเขนทองซ้าย กรมเขนทองขวา กม็ ตี ราเป็นรปู ลิงซ่ึงเรยี กวา่ “กระบธี่ ุช” ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีเรือครุฑซึ่งมีช่ือว่า “เรือมงคลสุบรรณ” ซ่ึงก็มิได้มีองค์พระนารายณ์อยู่ด้วย แต่ท�ำเป็น “ครุฑยุดนาค” ดังปรากฏในบทเห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) ท่ีว่า “เรือครฑุ ยุดนาคหวิ้ ” น่ันเอง ในสมัยกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ เรอื รปู สัตวน์ ้ี กม็ ีช่อื เท่าทปี่ รากฏในรชั กาลท่ี ๔ คือ เรอื ครฑุ มีชื่อว่า “ครุฑเหนิ เหจ็ ” และ “ครุฑเตรจ็ ไตรจักร” เรือพญาวานรมีชือ่ ว่า “พาลรี ง้ั ทวปี ” และ “สคุ รีพครองเมอื ง” เรืออสูร มชี ่อื ว่า “อสรุ วายภุ กั ษ”์ และ “อสุรปกั ษา” เรือกระบ่ี มีช่ือว่า “กระบ่ีราญรอนราพณ”์ และ “กระบีป่ ราบเมอื งมาร” เป็นต้น แตช่ อื่ ของเรอื รปู สตั วท์ กี่ ลา่ วถงึ แลว้ นน้ั ปรากฏวา่ มแี ตกตา่ งไปจากชอ่ื ในทำ� เนยี บครง้ั รชั กาลท่ี ๑ อยู่ ๓ ลำ� คอื เรืออสรุ ปกั ษา ในท�ำเนยี บมีชอื่ วา่ เรอื อสุรปกั ษี เรือพาลรี ้งั ทวปี ในท�ำเนียบมีชอ่ื ว่า เรือพาลลี า้ งทวปี เรอื ครุฑเหนิ เหจ็ ในท�ำเนยี บมชี อื่ ว่า เรอื ครุฑเหริ ระเหจ็ เรอื รปู สตั วน์ แ้ี ตล่ ะล�ำมีปนื จา่ รงประจำ� ลำ� ละ ๑ กระบอก อาวธุ อ่ืนมี เขน ดาบ ทวน หอก งา้ ว และ มีหางนกยูงประดับ มีนายเรือ นายท้าย และฝีพาย ล�ำละ ๓๗ นาย มีนายเส้า ๒ นาย ผู้เชิญธงสามชาย ทางทา้ ยเรือล�ำละ ๑ นาย ผูเ้ ชิญธงสามชายนใ้ี นสมัยกอ่ นเปน็ หนา้ ท่ขี องตำ� รวจหลวง 103
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES โขนเรือครุฑ สมัยรตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ปัจจุบันจดั แสดงอยทู่ ี่พพิ ิธภณั ฑสถาน แหง่ ชาติ พระนคร The Garuda figure-head of the early Bangkok period in the National Museum, Bangkok. ในคฤห์เรอื กระบ่ี และเรืออสรู มีนายทหาร ๑ นาย พลปืนเล็ก ๖ นาย น่ังประจ�ำ ส่วนในคฤหเ์ รือพญา วานรและเรือครุฑ เป็นเรือกลองชนะ มีเจา้ หน้าทกี่ ลองลำ� ละ ๑๐ นาย อาจจะมเี พิ่มเป็น ๖ ล�ำ หรอื ลดเหลือ ๒ ล�ำ ส�ำหรับเรอื รูปสตั วท์ เี่ หลอื อยู่ในปัจจบุ นั มี ๑). เรือครุฑเหินเห็จ ล�ำเดิมสร้างในรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช เป็นเรือรูปสัตวพ์ นื้ ดำ� ยาว ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คืบ กวา้ ง ๔ ศอก ลึก ๑ ศอก ๑๐ นวิ้ กำ� ลงั ๑ ๕ ศอก ๑ คบื ๑๑ น้ิว แตไ่ ด้ถกู ระเบดิ เสียหายในสมัยสงครามโลกครัง้ ที่ ๒ กรมศิลปากรได้เกบ็ หัวเรอื และท้ายเรอื ไว้ และสร้างข้นึ ใหมเ่ มอื่ วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๕ นำ�้ หนัก ๗ ตัน กว้าง ๑.๕๙ เมตร ยาว ๒๗.๕๐ เมตร ลึก ๐.๕๙ เมตร กนิ นำ�้ ลึก ๐.๓๒ เมตร ฝีพาย ๓๘ คน นายท้าย ๒ คน ๒). เรือครุฑเตร็จไตรจกั ร ล�ำเดมิ เป็นเรอื พ้นื ด�ำยาว ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คบื กว้าง ๓ ศอก ๑ คบื ๖ น้วิ ลกึ ๑ ศอก ๙ นว้ิ กำ� ลงั ๕ ศอก ๑ คบื ๗ นวิ้ ลำ� เกา่ ถกู ระเบดิ ชำ� รุด กรมศิลปากรเก็บหัวเรอื และทา้ ย เรือไว้ ลำ� ปัจจบุ นั สร้างใหม่ เมอื่ วันท่ี ๒๒ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๑๑ นำ้� หนกั ๕.๙๗ ตัน กว้าง ๑.๙๐ เมตร ยาว ๒๗.๑๐ เมตร ลึก ๐.๕๒ เมตร กินนำ�้ ลกึ ๐.๒๙ เมตร ฝีพาย ๓๔ คน นายท้าย ๒ คน ๑ กำ� ลงั หมายถงึ ระยะทางเฉลี่ยท่ีฝีพายสามารถให้เรอื แล่นไปได้ สำ� หรบั การพาย ๑ คร้ัง 104
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ๓). เรือพาลรี ัง้ ทวีป ล�ำเดมิ เปน็ เรือพืน้ ด�ำ น้�ำหนกั ๖.๙๗ ตนั ยาว ๑๓ วา ๓ ศอก กวา้ ง ๔ ศอก ลกึ ๑ ศอก ๒ น้วิ กำ� ลงั ๕ ศอก ๕ นิ้ว หรือยาว ๒๗.๕๔ เมตร กว้าง ๑.๙๙ เมตร ลกึ ๐.๕๙ เมตร กินน�ำ้ ลกึ ๐.๓๑ เมตร หวั เรอื กวา้ งมรี กู ลมโผลไ่ ปทางหวั เรอื สำ� หรบั ตดิ ตง้ั ปนื ใหญบ่ รรจทุ างปากกระบอกได้ ๑ กระบอก ขนาดปากกระบอก ๖๕ มม. เหนือชอ่ งปืนแกะเป็นรูปขนุ กระบี่สีเขยี ว ฝีพาย ๓๔ คน นายท้าย ๒ คน ๔). เรอื สคุ รีพครองเมือง ล�ำเดมิ เป็นเรอื พน้ื ด�ำ น�้ำหนกั ๖.๕๖ ตัน ยาว ๑๔ วา กวา้ ง ๓ ศอก ๑ คืบ ๑๐ น้วิ ลึก ๑ ศอก ๓ น้ิว ก�ำลัง ๕ ศอก ๔ นวิ้ หรอื ยาว ๒๗.๔๕ เมตร กวา้ ง ๑.๓๙ เมตร ลึก ๐.๕๙ เมตร กนิ นำ�้ ลกึ ๐.๓๑ เมตร หวั เรอื กว้างมรี ูกลมโผล่ไปทางหัวเรอื สำ� หรบั ตดิ ต้ังปืนใหญบ่ รรจุทางปากกระบอกได้ ๑ กระบอก ขนาดปากกระบอก ๖๕ มม. เหนอื ชอ่ งปืนแกะเป็นขนุ กระบ่ีสีแดง ๕). เรือกระบ่ปี ราบเมืองมาร ล�ำเดิมเปน็ เรอื พ้ืนด�ำ ยาว ๑๓ วา ๒ ศอก ๑ คบื กวา้ ง ๔ ศอก ลกึ ๑ ศอก ก�ำลงั ๕ ศอก ๔ น้ิว ล�ำเดมิ ถูกระเบิดเสยี หาย กรมศลิ ปากรเก็บหัวเรอื ทา้ ยเรือไว้ สว่ นล�ำปัจจบุ ันสรา้ ง ใหมเ่ มื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ นำ้� หนัก ๕.๖๒ ตัน ยาว ๒๖.๘๐ เมตร กว้าง ๒.๑๐ เมตร ลกึ ๐.๕๑ เมตร กินน้ำ� ลึก ๐.๒๕ เมตร ฝีพาย ๓๖ นาย นายทา้ ย ๒ นาย หัวเรอื มีชอ่ งสำ� หรบั ติดตั้งปืนใหญ่ ๑ กระบอก ขนาด ๖๕ มม. เหนือชอ่ งปนื และเปน็ รปู ขนุ กระบีส่ ขี าว ๖). เรอื อสรุ วายภุ กั ษ์ โขนเรอื เปน็ รปู ครงึ่ ยกั ษค์ รงึ่ นก มสี ว่ นบนเปน็ ยกั ษ์ สว่ นลา่ งเปน็ นก องคเ์ ปน็ สีม่วง ลกั ษณะและขนาดของเรอื ใกล้เคียงกบั เรอื กระบป่ี ราบเมอื งมาร ๗). เรอื อสรุ ปกั ษา โขนเรอื เปน็ รปู ครง่ึ ยกั ษค์ รงึ่ นก มสี ว่ นเปน็ ยกั ษ์ สว่ นลา่ งเปน็ นก องคเ์ ปน็ สเี ขยี ว ลกั ษณะและขนาดของเรอื ใกล้เคียงกบั เรอื กระบปี่ ราบเมืองมาร ๗. เรอื แซ มีรปู รา่ งเป็นเรอื ชยั โกลน หวั ท้ายเขียนลายน�้ำยา มตี วั อย่างคือ เรอื เสอื ทะยานชล เรอื เสอื ค�ำรณสินธุ์ ในสมยั รัชกาลที่ ๔ พลพายเรอื แซ หน้ากระบวนพวกมอญ ๘. เรือแซง ใช้เรือกราบกัญญา เป็นเรือของทหารเรอื แซงอยู่ตรงเรือพระทน่ี งั่ ในร้ิวกระบวนมักมี ๒ คู่ ๙. เรือร้ิว หมายถึงว่า เรือที่เข้ากระบวนยาวเป็นเส้นเป็นสาย๑ หลายเส้นหลายสายเรียงขนานกัน และบรรดาเรอื ทกุ ลำ� ทตี่ อ้ งเกณฑเ์ ขา้ กระบวนแลว้ จดั เปน็ เรอื รวิ้ ทง้ั สนิ้ และเรอื กระบวนโดยมากมธี งประจำ� เรอื ตง้ั แตเ่ รอื พระทน่ี ่ังลงไป เป็นตน้ ถ้าเป็นเรอื อย่างหัวเปน็ งอนกม็ ธี งทง้ั หวั เรอื และทา้ ยเรอื ถ้าเปน็ เรอื รปู สตั วก์ ม็ ี ธงแต่ทา้ ยเรอื บรรดาเรือแซงกป็ กั ธงทา้ ยทุกลำ� จงึ สมกบั คำ� ที่ว่า “เรอื ริว้ ทวิ ธงสลอน” ๑๐. เรือก่ิง ในริ้วกระบวนจัดเป็นเรือที่เป็นเคร่ืองประดับยศ เกิดข้ึนคร้ังแรกใน สมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง๒ บ้างก็ว่าในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ. ๒๑๖๓-๒๑๗๑) มรี บั สงั่ ใหเ้ อากง่ิ ดอกเลาประดบั เรอื ตอ่ มาภายหลงั พนกั งานจงึ คดิ เขยี นลายกงิ่ ไมป้ ระดบั ไวท้ ห่ี วั เรอื โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ รยี กชอ่ื ชนดิ นนั้ วา่ “เรอื พระทน่ี งั่ กงิ่ ” คอื เปน็ เรอื ชนั้ สงู สดุ มโิ ปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระบรม วงศานุวงศ์ช้ันใดประทับเว้นแต่บางคร้ังโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเรือทรงผ้าไตร หรือผ้าทรงสะพักพระพุทธรูป หรอื พานพมุ่ ดอกไมแ้ ละเปน็ เรอื ทรงพระชยั ในกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค ถวายผา้ กฐนิ เรอื พระทน่ี ง่ั กง่ิ ท่ีเคยใช้เป็นเรือทรงผ้าไตรแต่เดิมมาท่ีปรากฏในทำ� เนยี บแตค่ รง้ั กรงุ ศรอี ยธุ ยา คอื เรอื พระทน่ี ง่ั ศรสี มรรถไชย ตอ่ มา พ.ศ. ๒๔๗๐ ใชเ้ รอื พระทน่ี ง่ั ประภศั รไชยซึง่ เปน็ เรอื พระทนี่ ่ังเอกชัย มิใชเ่ รือพระทนี่ ่งั ก่งิ แตใ่ นรัชกาล ปัจจุบนั เรือพระท่นี งั่ ประภัศรไชยชำ� รดุ จงึ ใชเ้ รอื พระทน่ี ่งั อนนั ตนาคราช ซึ่งเปน็ เรอื พระที่นั่งกงิ่ แทน ๑ สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ และสมเด็จฯ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพ, สาส์นสมเด็จ เล่ม ๒, ศึกษาภัณฑ์พาณชิ ย์, หนา้ ๒๒๕, ๒๓๖. ๒ ค�ำให้การชาวกรุงเกา่ , หนา้ ๓๒๖. 105
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES เรอื พระท่นี ัง่ กง่ิ นใี้ นสมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยา ครัง้ สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช มี ๙ ลำ� เม่อื เวลาอยู่ในรวิ้ กระบวน เรือพระท่ีน่ังก่ิงจะทอดบัลลังก์บุษบก ปักฉัตร เครื่องสูงกลางล�ำ ท้ังตอนหน้าและตอนหลังบุษบก ดังนี้ ฉตั ร ๗ ชน้ั หน้า ๑ องค์ หลงั ๑ องค์ ฉตั ร ๕ ชนั้ หน้า ๓ องค์ หลงั ๒ องค์ มเี จา้ พนกั งานกัน้ พระกลด ๑ นาย บงั พระสูรย์ ๑ นาย และอยู่งานพัดโบก ๑ นาย เบื้องหน้าบษุ บกมี เจ้าพนกั งานประโคมแตรงอน ๖ นาย แตรฝรงั่ ๘ นาย มคี นแห่ ๒ นาย นักสราชเชญิ ธงท้ายเรอื ๑ นาย สมยั รชั กาลที่ ๔ มีนักสราชเชญิ ธงหนา้ เรือด้วยอีก ๑ นาย เรอื พระทน่ี ่ังก่ิงนีม้ นี ายเรือ นายทา้ ย และฝีพายดังนี้ เรอื พระทน่ี ่งั อนันตนาคราช มีนายเรือ ๒ นาย นายทา้ ย ๒ นาย ฝพี าย ๕๔ นาย เรอื พระทน่ี ง่ั ประภัศรไชย นายเรอื ๒ นาย นายท้าย ๒ นาย ฝพี าย ๔๓ นาย พายทใี่ ชใ้ นเรอื พระทน่ี ง่ั กง่ิ จะเปน็ พายทอง และฝพี ายจะพายในทา่ นกบนิ เรอื กง่ิ นอี้ าจจะเอาแบบอยา่ ง มาจากเรือคา้ ขายล�ำใหญ่ๆ ของพม่า๑ เว้นแตข่ องเขาไมม่ ีก่ิงเท่าน้ัน ถา้ เอากิ่งดอกเลาปักข้นึ ทหี่ ัวเรอื ทา้ ยเรือก็ เหมือนเรอื กิง่ ของเรา ๑๑. เรอื คชู่ กั เดมิ ใชส้ ำ� หรบั เปน็ เรอื ชกั ลากเรอื พระทนี่ งั่ ชนดิ พายไมไ่ ด้ เรยี กวา่ เรอื พระทนี่ งั่ ขนานหรอื บลั ลงั กข์ นาน แตต่ อ่ มาไดเ้ ลกิ ใช้ไปเพราะไม่สะดวกรวดเร็ว เรือพระที่น่งั ขนานจงึ เปลี่ยนมาใชเ้ รอื พระทนี่ ง่ั กิง่ แทน แตย่ งั คงเรอื คชู่ กั ไว้ เรอื คชู่ กั นเี้ ปน็ เรอื ดงั้ ในสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ เรอื ดงั้ คชู่ กั มชี อ่ื วา่ เรอื ทองแขวนฟา้ ๒ และ เรือทองบ้าบิ่น เรือท้ังสองล�ำน้ีน�ำหน้าเรือพระท่ีนั่งล�ำทางเรือทองแขวนฟ้า (หรือบางทีก็เป็นทองขวานฟ้า) ใชพ้ ลพายเปน็ คนชาวบา้ นใหม่ ขน้ึ กบั หลวงสุเรนทรนชุ ติ สว่ นเรอื ทองบา้ บ่นิ ใช้พลพายเปน็ ชาวบา้ นโพเรยี ง ขึน้ อยูก่ บั หลวงอภัยเสนา และตรงกบั ครั้งกรงุ ศรอี ยธุ ยาทกุ อย่าง ผิดกนั แต่ในต�ำราน้วี ่าเป็น “เรอื พระท่ีนง่ั ” ตามแบบชัน้ หลังว่า เป็นเรือคชู่ ัก ซึ่งมีหัวเรอื และทา้ ยเรือปิดทองห้อยพู่สแี ดงและสักหลาดดาดหลงั คากญั ญา น้ัน ปกั สายทองเตม็ ทง้ั ผนื แต่เรือด้ังทัว่ ไป หัวเรอื และท้ายเรือไม่ปดิ ทองห้อยพูส่ ีขาวกบั สักหลาด ดาดหลังคา กัญญาปักทองเฉพาะตรงขอบ เรอื ดง้ั คชู่ กั มสี ทิ ธผิ ดิ กบั เรอื อนื่ ทแี่ หเ่ สดจ็ เพราะเรอื พระทนี่ ง่ั นนั้ บรรดาพลพายตอ้ งถกู คดั เลอื กเอาแต่ เฉพาะพวกทม่ี กี ำ� ลงั พายเรอื แลน่ เรว็ และพายทนกวา่ พลพายของเรอื อนื่ เรอื ดง้ั คตู่ อ้ งพายนำ� ใหเ้ รว็ ทนั หนเี รอื พระทีน่ ง่ั ถ้าหากจะหนีไมพ่ ้น พอหัวเรอื พระทนี่ ัง่ เกย่ี วแนวท้ายเรอื คชู่ ักเขา้ ไป เรียกกนั วา่ “เข้าดั้ง” เรือคู่ชกั ก็ ใชอ้ ุบายแกล้งคดั เรือให้ใกล้กนั จนชอ่ งนำ�้ แคบ เรอื พระท่นี ง่ั ไมส่ ามารถจะพายแทรกกลางแขง่ ข้ึนไปได้ ๑ สมเดจ็ ฯ เจ้าฟา้ กรมพระยานรศิ รานุวดั ตวิ งศ์ และสมเด็จฯ กรมพระยาดำ� รงราชานุภาพ, สาสน์ สมเดจ็ เลม่ ๗, หนา้ ๓๑๒. ๒ สมเด็จฯ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานุวดั ตวิ งศ์ และสมเดจ็ ฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ, สาสน์ สมเดจ็ เล่ม ๑๒, หนา้ ๖๖. 106
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เหตทุ เี่ ลอื กแตช่ าวบา้ นใหมแ่ ละชาวบา้ นโพเรยี งเปน็ ฝพี ายเรอื คชู่ กั กเ็ พราะชาวบา้ นทง้ั สองนน้ั ชำ� นาญ การพายเรอื มาก จึงไดร้ ับการเลอื กมาทกุ คราว เรือแขวนฟ้านั้นที่เรียกเช่นนี้อาจจะหมายถึงเรือทรงที่เป็นเรือเร็วส�ำหรับใช้ในเวลาเสด็จออกรบด้วย และคงจะเรว็ เหมอื นบินในอากาศ จงึ เรียกวา่ เรือแขวนฟ้า ตอ่ มาเม่ือเสร็จส้นิ สงครามแลว้ จึงน�ำเรอื มาปิดทอง ตกแต่งให้งดงาม เอาน�ำหนา้ เรอื พระที่น่งั ล�ำทรงในกระบวนแหเ่ สดจ็ ทางชลมารค จงึ เรยี กว่า “เรอื พระท่นี ่งั ทองแขวนฟา้ ” ท้งั ๒ ลำ� และใช้เปน็ แบบตอ่ มา แต่จะเปล่ยี นเปน็ เรือดั้งค่ชู กั มาแตค่ รัง้ กรุงศรีอยุธยาหรือมา เปล่ียนในสมัยกรงุ รตั นโกสินทร์ ก็ไมอ่ าจทราบได้ ๑๒. เรอื ชยั หรอื เรอื ไชย เปน็ เรอื ชนดิ ทม่ี ที วนหวั ตงั้ สงู ขน้ึ ไปเปน็ งอน มลี กั ษณะเชน่ เดยี วกบั เรอื กง่ิ เรอื ชยั นเ้ี ดิมเปน็ เรือท่ขี ้าราชการน่ังในรว้ิ กระบวน และมเี จา้ พนักงานคอยกระทงุ้ เส้าใหจ้ งั หวะ แต่ถา้ เปน็ เรือที่นั่ง เจ้านายและเรอื ประตู เรียกว่า เรือเอกชัย ตามท่ีปรากฏในโคลงพระราชพิธีทวาทศมาสน้ันมีชื่อว่า เรือไชยเหินหาว ขึ้นอยู่กับหลวงอภัยเสนา และเรอื หลาวทองเอกไชย ขนึ้ อยู่กับหลวงสุเรนทรวชิ ิต หลังคาเรอื คาดผา้ สีแดงลายกา้ นแย่ง เรอื ตกแต่งด้วย ลายรดนำ้� (ลงรกั ปดิ ทอง) มีนักสราชถอื ธงทั้งหน้าเรือและท้ายเรอื มกี ลองมโหระทึก และแตรประจ�ำในเรือมี อาวุธประจ�ำอย่างละคู่ คอื หอกชดั หางโมรี ดาบ ง้าว ทวนทอง ดาบเชลย และเขน ซึ่งล้วนตดิ พสู่ ีแดง เรอื ไชยเหินหาว หรอื เอกชยั เหินหาวน้ันเป็นเรอื พ้ืนดำ� ยาว ๑๔ วา ๑ ศอก ๕ น้ิว กว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ๑๐ นวิ้ ลกึ ๑ ศอก ๓ น้วิ กำ� ลัง ๕ ศอก ๔ น้วิ เรือเดิมถูกระเบิดเสยี หายเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๘๗ กรมศลิ ปากรได้ เกบ็ หวั เรอื และทา้ ยเรอื ไวใ้ นพพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ เรอื พระราชพธิ เี พอื่ เปน็ ประโยชนใ์ นการศกึ ษาเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๙๑ สำ� หรับลำ� ปัจจุบนั สรา้ งขน้ึ ใหม่ วันท่ี ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๘ มนี ำ้� หนัก ๖.๙๓ ตนั กวา้ ง ๑.๙๗ เมตร ยาว ๒๗.๕๐ เมตร ลกึ ๐.๖๐ เมตร กนิ นำ�้ ลึก ๐.๗๒ เมตร ฝพี าย ๓๘ คน นายท้าย ๒ คน สว่ นเรอื หลาวทองเอกไชย หรือเอกชยั หลาวทอง เป็นเรอื พนื้ ด�ำ ยาว ๑๔ วา ๑ ศอก ๕ น้ิว กวา้ ง ๔ ศอก ลึก ๑ ศอก ๒ น้วิ กำ� ลงั ๕ ศอก ๔ น้วิ ลำ� เดมิ นีถ้ กู ระเบดิ เชน่ เดียวกับเรอื เอกชยั เหินหาว ล�ำปัจจบุ ันได้ สรา้ งใหมพ่ ร้อมกับลำ� แรก มีนำ้� หนัก ๗ ตัน กว้าง ๑.๕๙ เมตร ยาว ๒๗.๕๐ เมตร ลึก ๕๙ เมตร กนิ น้ำ� ลกึ ๐.๓๒ เมตร ฝพี าย ๓๘ คน นายทา้ ย ๒ คน ๑๓. เรือโขมดยา โขมดแปลวา่ หวั ยา หมายถงึ นำ�้ ยาทเ่ี ขยี นลายทห่ี ัวเรอื แตล่ ักษณะเรือโขมดยาคร้งั กรงุ ศรอี ยธุ ยา หวั เรอื ทา้ ยเรอื เรยี บ เชดิ ขน้ึ มลี ายแกะเปน็ รปู กลบี บวั สำ� หรบั ผกู ผา้ ตรงกลางตงั้ คฤหด์ าดผา้ แดง ๑๔. เรือพระท่ีน่ังทรง เรือพระที่นั่งล�ำทรง ถ้าเป็นกระบวนพยุหยาตราใหญ่ใช้เรือพระที่น่ังกิ่งทอด พระที่น่ังบุษบกเป็นท่ีประทับ ปักฉัตรเครื่องสูงหักทองขวาง มีพนักงานถวายอยู่งานพระกลด บังพระสูรย์ พดั โบก มนี กั สราชเชญิ ธงทา้ ยเรอื สมี่ มุ บษุ บกมมี หาดเลก็ เชญิ พระแสงรายตนี ตอง ในการเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ถวายผา้ พระกฐนิ มมี หาดเลก็ เชญิ หอกอยเู่ บอ้ื งหนา้ บษุ บกอกี ๒ นาย ขา้ ราชการผใู้ หญใ่ นราชสำ� นกั หมอบเฝา้ ฯ หน้าพระทีน่ ัง่ บุษบก ๒ นาย 107
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เรือพระที่นั่งกิ่งที่ใช้ในกระบวนพยุหยาตราใหญ่ชลมารค ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์จะใช้ล�ำใดล�ำหนึ่ง ใน ๓ องคค์ อื เรือพระที่น่ังศรีสุพรรณหงส์ เป็นเรือท่ีแกะสลักโขนเรือเป็นรูปหงส์ ส�ำหรับล�ำปัจจุบันน้ีสร้างขึ้นใน สมยั รชั กาลที่ ๖ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฏุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ซง่ึ โปรดใหส้ รา้ งขน้ึ แทนลำ� เดมิ ทส่ี รา้ งในสมยั รชั กาล ท่ี ๑ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช แตค่ วามจรงิ แลว้ เรอื พระทน่ี งั่ สพุ รรณหงสม์ มี าแตส่ มยั กรุงศรอี ยธุ ยาแล้ว ดงั ทราบไดจ้ ากบทเห่เรอื ของเจ้าฟา้ ธรรมธเิ บศร์ฯ ที่ว่า ๏ สพุ รรณหงส์ทรงพู่หอ้ ย งอนชดชอ้ ยลอยหลังสินธ์ุ เพียงหงส์ทรงพรหมิน ลนิ ลาศเลอื่ นเตือนตาชม หรอื จากลิลติ พยุหยาตราเพชรพวงของเจา้ พระยาพระคลงั (หน) วา่ ๏ สวุ รรณหงส์เหนิ เหจ็ ฟ้า ชมสนิ ธุ์ ดจุ พา่ ห์พรหมินบนิ ฟ่องฟอ้ น จตรมขุ พิมานอนิ ทร ์ อรอาสน์ เป็นที่นง่ั รองร้อน ทเุ รศรา้ งวงั เวง สำ� หรบั ลำ� ปจั จบุ นั นไี้ ดม้ กี ารประกอบพธิ ลี งนำ้� เมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๕๔ เปน็ เรอื พน้ื ดำ� นำ�้ หนัก ๑๕.๖ ตัน กว้าง ๓.๑๕ เมตร ยาว ๔๔.๗๐ เมตร ลกึ ๐.๙๐ เมตร กินนำ้� ลกึ ๐.๔๑ เมตร ฝีพาย ๕๐ นาย นายทา้ ย ๒ นาย นายเรือ ๒ นาย พายทใ่ี ชเ้ ปน็ พายทอง พลพายจะพายในท่านกบนิ และถือเปน็ ธรรมเนียมว่า ถ้าจะเปล่ียนท่าพายเป็นพายธรรมดา หรือพายกระเดียด จะต้องรับพระราชทานพระบรม ราชานญุ าตเสยี กอ่ น จงึ เปลยี่ นทา่ พายได้ เรือพระทนี่ ่ังอนนั ตนาคราช เปน็ เรือพระท่นี ง่ั ก่งิ ซงึ่ มีโขนเรือเปน็ รปู พญานาค ๗ เศียร ในสมัยกรุง รตั นโกสนิ ทรน์ นั้ สรา้ งขนึ้ ในรชั กาลที่ ๓ พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๑ ซง่ึ ทรงพระราชดำ� รวิ า่ พระทน่ี งั่ ครุฑของเดิมก็มีอยแู่ ลว้ แตพ่ ระทน่ี งั่ นาคยังหามีไม่ จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมใหส้ มเด็จพระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมขุนราชสีหวกิ รม เอามาดเสน้ ๒ ๔ ศอก ทำ� เป็นเรอื พระทน่ี ่ังนาค ๗ เศยี ร ชอื่ วา่ พระทีน่ งั่ อนันตนาคราช ในสมยั รชั กาลที่ ๔ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดใชเ้ รอื พระทน่ี งั่ อนนั ตนาคราชเปน็ เรอื พระทนี่ งั่ ลำ� ทรง ๓ ซงึ่ จะตง้ั บษุ บกผกู มา่ นทำ� ดว้ ยผา้ ตาดมนี กั สราชประจำ� ทง้ั ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั ทห่ี วั เรอื ตงั้ ปืนจ่ารงครำ่� เงนิ หนา้ บษุ บกจะตงั้ เคร่อื งสูง ด้านหน้ามีฉตั ร ๗ ช้นั ๑ องค์ ฉตั ร ๕ ชน้ั ๓ องค์ ดา้ นหลงั บุษบก เป็นฉตั ร ๗ ชน้ั ๑ องค์ ๕ ชนั้ ๒ องค์ และมีพระกลด พัดโบก บังพระสรู ย์ บงั แทรก (บงั ดนั้ ) ด้านหน้าพระ แทนมีอาวธุ ผูกติด คอื ปืนนกสับ พระแสงงา้ วนากถมเงิน ดา้ นทา้ ยพระแทน่ มีทวน ๑ คู่ ขุนนางท่ีอยปู่ ระจำ� เรอื มจี มื่นมหาดเลก็ ขา้ งละ ๒ ทา่ น สำ� หรับเชญิ พระแสงตนี ตอง มจี างวางปลดั ทูลฉลอง และหมุ้ แพรอยูห่ นา้ พระท่ี พวกพลเลวอยทู่ า้ ย ๒ คน พลพายใช้พายทอง เช่นเดยี วกับเรือพระท่นี งั่ สุพรรณหงส์ ๑ พระราชพงศาวดารกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ รัชกาลท่ี ๓, ศึกษาภัณฑพ์ าณิชย์, ๒๕๑๕, หน้า ๓๖๘. ๒ มาดเส้น มาจากค�ำ “มาดเหลา” ซงึ่ หมายถึงเรอื ไม้ขุดท้ังลำ� เรอื เกลาแต่งผิวให้เรยี บ เรือ่ ทมี่ ีขนาดใหญท่ ่ยี าว ๑ เส้น หรือ ๔๐ เมตรขนึ้ ไปเรียกว่ามาดเส้น เปน็ การเรียกขนาดเรือไปดว้ ย. ๓ สมเด็จฯ เจา้ ฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำ� ราบปรปักษ์. อา้ งแลว้ , หนา้ ๕๓. 108
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES สำ� หรบั เรือพระทน่ี ง่ั อนันตนาคราชลำ� ปัจจุบัน สรา้ งขน้ึ ในรัชกาลที่ ๖ แทนลำ� เดมิ สร้างเสรจ็ เม่อื วนั ท่ี ๑๕ เมษายน ๒๔๗๕ เป็นเรือพืน้ เขียว น้ำ� หนกั ๑๕.๓๖ ตัน กว้าง ๒.๙๕ เมตร ยาว ๔๒.๙๕ เมตร ลกึ ๐.๗๖ เมตร กินนำ�้ ลึก ๐.๓๑ เมตร ฝพี าย ๕๔ นาย นายท้าย ๒ นาย มกี ารซ่อมใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๒ อาจท�ำให้นำ้� หนัก เปลย่ี นไป เรอื พระที่น่งั ศรีสมรรถไชย เรอื พระทีน่ ง่ั น้ีมีมาแล้วแตค่ รั้งกรงุ ศรีอยธุ ยา ปรากฏในตำ� ราร้ิวกระบวน แห่พยุหยาตราชลมารค สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช เป็นเรอื ก่ิงพ้นื ด�ำ และมีปรากฏช่อื ในโคลงพระราชพิธี ทวาทศมาส ๑ ในรัชกาลท่ี ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ด้วย เป็นเรือพระที่น่ังส�ำหรับทรงเปล้ืองเคร่ืองเพราะมี การต้งั บัลลงั ก์บุษบก อญั เชญิ พระชฎามหากฐิน น�ำหนา้ เรอื พระท่นี ่งั ลำ� ทรง ตัง้ เครอ่ื งสงู ด้านหนา้ ฉัตร ๗ ชนั้ ๑ องค์ ฉัตร ๕ ชน้ั ๒ องค์ ดา้ นหลังบษุ บกต้งั ฉัตร ๗ ชนั้ ๑ องค์ ฉัตร ๕ ชนั้ ๒ องค์ มา่ นบษุ บกเป็นผา้ ตาดมี ต�ำรวจประจ�ำเรอื ๖ นาย นักสราชน่ังเชิญธง ดา้ นหน้าและดา้ นหลงั ดา้ นละ ๑ นาย ในรชั กาลปจั จบุ นั เนอื่ งจากเรอื พระทนี่ งั่ ศรสี มรรถไชยชำ� รดุ ไมส่ ามารถซอ่ มแซมได้ ดงั นน้ั เรอื พระทนี่ ง่ั ส�ำหรบั ทรงเปล้อื งเครือ่ ง จงึ ใช้เรือพระท่ีนงั่ ศรีแทนเรอื พระทีน่ ั่งกงิ่ คอื ใชเ้ รอื พระทน่ี ั่งอเนกชาติภุงค์แทน โดย การทอดบลั ลงั กก์ ญั ญามมี า่ นกน้ั โดยปกตเิ มอื่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ โดยกระบวน พยุหยาตราใหญ่นั้น จะทรงเคร่ืองบรมราชภูษิตาภรณ์ และทรงพระมหามงกุฎ หรือพระชฎามหากฐินทรง พระมาลาเสา้ สงู เรอื ท่ใี ชท้ รงเปล้อื งเครอ่ื งนเี้ รยี กวา่ เรอื พลับพลา เรอื นจ้ี ะเข้าเทยี บเทา่ ก่อน แล้วเรือพระท่ีน่งั ลำ� ทรงเทยี บดา้ นนอกเรอื พลบั พลา พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ สพู่ ลบั พลา เปลอื้ งพระมหามงกฎุ หรอื พระชฎามหากฐินแล้ว จึงเสด็จขึ้น ตอนเสด็จลงก็เช่นกัน เสด็จลงเรือพลับพลาทรงพระมหามงกุฎ หรือ พระชฎามหากฐนิ ก่อน จึงเสด็จข้นึ ประทับเรอื พระท่ีนัง่ ในเวลาเสด็จกลับเรอื พลบั พลาแลน่ หลงั เรอื พระท่นี งั่ เรือพระทน่ี งั่ อเนกชาติภุชงค์ มีนายเรอื ๒ นาย นายทา้ ย ๒ นาย ฝีพาย ๖๑ นาย ใชพ้ ายทองพาย ทา่ นกบินเช่นเดียวกับเรอื พระทนี่ ั่ง ไม่มนี กั สราญเชิญธง เพราะถือเปน็ ธรรมเนียมว่า เรือพระท่ีนัง่ ศรถี ้าทอด บลั ลังก์กญั ญา จะไมม่ ธี งท้าย เรือพระท่นี งั่ อเนกชาติภชุ งคล์ ำ� ปัจจุบนั สรา้ งข้ึนในรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั เปน็ เรือพระที่น่งั สีพ้ืนชมพู นำ�้ หนกั ๗.๗ ตัน กวา้ ง ๓.๑๕ เมตร ยาว ๔๕.๔๐ เมตร ลึก ๑.๑๑ เมตร กินนำ้� ลกึ ๑.๔๖ เมตร กำ� ลัง ๓.๕ เมตร ซ่อมใหญ่ พ.ศ. ๒๕๑๗ นำ้� หนักอาจเปล่ยี นแปลงได้ ๑๕. เรอื พระที่น่ังรอง ใชเ้ รอื พระทนี่ ่งั ศรี ทอดบลั ลงั กก์ ญั ญาเชน่ เดียวกับเรือพลบั พลา มกั มี ๒ องค์ หลังคาดาดผา้ ลายกา้ นแย่ง บัลลังก์มมี า่ นกัน้ ผกู ผ้าพูจ่ ามรี ๑๖. เรือศรี ค�ำว่าเรอื ศรีนี้ บางทกี ็มคี ำ� วา่ “เรือศรีสักหลาด” ค่ไู ปดว้ ย แสดงว่าคงจะมีลกั ษณะตา่ ง กนั ตรงดาดหลงั คากญั ญา อาจจะเปน็ ไดว้ า่ แตเ่ ดมิ คงจะดาดหลงั คากญั ญาดว้ ยผา้ ธรรมดาจงึ เรยี กวา่ เรอื ศรอี นั หมายถงึ สผี า้ หลงั คากญั ญา ตอ่ มาเมอื่ ใชผ้ า้ สกั หลาดมาดาดหลงั คากญั ญาแทนผา้ ธรรมดา ซง่ึ คงจะดาดเฉพาะ เรือท่สี ำ� คญั เชน่ เรอื พระท่นี ั่ง จงึ เรยี กช่อื อีกค�ำหน่ึงเป็นการเน้นช่อื ผ้า วา่ เรือศรสี ักหลาด ต่อมาในสมัยกรุง รัตนโกสนิ ทร์ การดาดหลงั คากัญญาเรอื ศรดี ้วยสักหลาดมีทุกลำ� จึงงดคำ� “สักหลาด” ไป เรยี กแตเ่ รอื ศรี ๑๗. เรือกราบ เป็นเรอื รบทใ่ี ชฝ้ พี ายของไทยแต่โบราณ มไี มก้ ระดานตดิ ด้านข้างเรอื ไปตามแนวนอน สำ� หรับเดิน ๑ “กระบวนเสดจ็ โดยทางชลมารค” ใน ลทั ธธิ รรมเนยี มตา่ งๆ เลม่ ๒, สำ� นกั พมิ พบ์ รรณาคาร, ๒๕๑๕, หนา้ ๙ - ๑๒. 109
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES หน้าทข่ี องเจ้าพนักงานในกระบวนเสดจ็ กระบวนเสดจ็ โดยทางชลมารค ครง้ั กรงุ ศรอี ยธุ ยา๑ แตม่ าชำ� ระในปลายรชั กาลพระเจา้ ตากสนิ มหาราช ใน พ.ศ. ๒๓๒๓ มีระเบยี บดังนค้ี ือ ถ้าเปน็ การเสดจ็ ทางชลมารคไปประพาสแห่งใดโดยทม่ี ิได้ประทบั แรมนน้ั เจ้าพนกั งานต่างๆ ล้วนมหี น้าทดี่ ังน้ี พนั ทพิ ราชกลาโหม เวรพระตำ� หนกั คมุ เจา้ พนกั งานสตี่ ำ� รวจทำ� ฉนวนพลบั พลารบั เสดจ็ ของพระมหา กษตั รยิ ์ สนมต�ำรวจ ทำ� ฉนวนทำ� พลบั พลา เจา้ ต่างกรม ข้างหน้า ขา้ งใน หลวงอินทรเทพ หลวงพเิ รนทรเทพ จดั แตง่ เรอื พระทีน่ ั่ง ศรีสักหลาดลำ� ทรงและเรอื พระทีน่ ง่ั หม่ืนชยั ภษู า หม่ืนไชยาภรณ์ รอง เกณฑบ์ โทนพันหวั พนั ท้าย และฝีพาย หน้าเรือพระทน่ี ง่ั มมี หาดเลก็ หวั หม่นื หรือนายเวรลง ๑ คน มชี าวแสงปนื ตน้ ถอื ปืน หรอื กระสนุ หมน่ื อัคนิศรหรือ หม่ืนศรส�ำแดง กำ� นันพระแสงลง ๑ คน ท้ายเรือพระที่นง่ั มมี หาดเลก็ หมุ้ แพร หรอื มหาดเลก็ เลวคมุ พระเต้า ลงพระบงั คน หีบใส่เงินพระแสง กระสุน ๑ คน มีชาวพระภูษามาลาเอาถุงสกั หลาดใส่พระภษู ามาลาไป ๑ คน ทัง้ มหาดเลก็ และภูษามาลาที่ลงท้ายเรอื นต้ี อ้ งพายเรอื ดว้ ย พันพรหมราชกลาโหม เกณฑ์เรอื ดัง้ รับเสดจ็ รวมทั้งส้ิน ๗ ล�ำ ไดแ้ ก่ เรอื คชู่ กั ๒ ลำ� เรอื พระทนี่ ง่ั ทองแขวนฟา้ ลำ� หนง่ึ มฝี พี ายเปน็ ชาวบา้ นใหม่ มหี ลวงสเุ รนทรวชิ ติ ควบคมุ อีกลำ� หนง่ึ มฝี ีพายเป็นชาวบา้ นโพเรียง มีหลวงอภยั เสนา ควบคมุ โดยมหี มออยงู่ านลงเรอื พระที่น่ังนี้ ๑ คน เรือดง้ั ทหารในขวา-ซา้ ย มีหลวงพพิ ิธเดชะเป็นเจ้ากรม ซ่ึงมีปลดั กรมคุม ล�ำขวา-ซา้ ย คอื ขุนพิพิธณรงค์ และขุนทรงวชิ ยั แต่เขา้ กระบวนเพยี งล�ำเดียว เรือดงั้ อาสาวเิ ศษ ขวา-ซ้าย มีหลวงเสนานนท์ และหลวงพลอาศรัย คมุ ในเรือด้ังท้ัง ๕ ล�ำน้ี จะมีชาวแสงเกณฑ์ทนายเลือก ถือปืนคาบศิลาลงเรือด้ังล�ำละ ๑ คนเป็น ๑ กระบอก เรอื ขา้ ทลู ทลู ละอองฯ มีทง้ั ที่มีต�ำแหน่งนำ� เสดจ็ มี ๒ ลำ� ตามเสดจ็ มี ๒๑ ลำ� เรอื นำ� เสดจ็ ๑. เรอื ของมหาดไทย หลวงราชนิกุล เจา้ กรม ๒. เรือปลัดกรมตำ� รวจ ผอู้ ยูเ่ วร ๑ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์, พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔, ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์, ๒๕๒๑, หนา้ ๓๑ - ๓๙. 110
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เรือตามเสด็จ ๑. เรอื ตำ� รวจในขวา ของหลวงมหามนตรี กบั ของหมนื่ ทิพเสนา ปลดั กรม ๒. เรือตำ� รวจในซา้ ย ของหลวงมหาเทพ กบั ของหมน่ื ราชามาตย์ ปลัดกรม ๓. เรือตำ� รวจนอกขวา ของหลวงราชรินทร์ กบั หมนื่ ทพิ รกั ษา ปลดั กรม ๔. เรือตำ� รวจนอกซ้าย ของหลวงอนิ ทรเดช กบั หมื่นราชาบาล ปลัดกรม ๕. เรือตำ� รวจใหญ่ ขวา-ซา้ ย ของพลวงพเิ รนทรเทพ กบั หลวงอนิ ทรเทพ ๖. เรือต�ำรวจใน มี ๓ ล�ำ ล�ำขวาของหลวงวิสูตรโยธามาตย์ ล�ำกลางของพระราชสงคราม และลำ� ซ้ายของหลวงราชโยธาเทพ ๗. เรือของบ้านใหม่ หลวงสเุ รนทรวชิ ติ คกู่ บั เรอื ของบา้ นโพเรียง ของหลวงอภยั เสนา ๘. เรอื กรมวงั ของหลวงรกั ษามณเฑยี ร คกู่ บั ของหลวงบ�ำเรอศกั ดิ์ ๙. เรอื จมนื่ จงขวา คู่กับ เรือจม่นื จงซา้ ย ๑๐. เรือปลัดวงั ขวา ค่กู บั เรอื ปลดั วังซ้าย ต่อมาเปน็ เรอื ของสมเด็จพระเจา้ ลูกเธอ เรอื ของพระเจา้ หลานเธอ ตามดว้ ย เรอื ใช้ ๘ ล�ำ คอื ๑. เรอื ทนายเลือกหอก ขวาของขุนภกั ดอี าสา ซ้ายของขุนโยธาภักดี ๒. เรือทนายเลอื กปนื ขวาของหมื่นอัศนศิ ร ซ้ายของหม่นื ศรส�ำแดง ๓. เรอื ตำ� รวจใหญ่ ขวาของหลวงอินทรเทพ ซ้ายของหลวงพเิ รนทรเทพ ๔. เรอื ทหารใน ขวาของหลวงวสิ ตู รโยธามาตย์ ซ้ายของหลวงราชโยธาเทพ เรือทุกล�ำนี้ เจา้ กรม ปลดั กรมได้แต่งพันทนายไปล�ำละ ๖ คน บรรดาข้าทลู ละอองฯ ท้ังหมดน้ี นายเวรมหาดไทย และนายเวรกลาโหม สง่ รายชื่อต่อชาววัง แล้ว ชาววังน�ำส่งมหาดเล็กผู้รับเวร เม่ือถึงท่ีประทับ กรมวังตรวจบัญชีเรือผู้ตามเสด็จช้ัน ๑ ช้ัน ๒ และเรือผู้ใด ตามทันหรอื ไม่ทัน แล้วนำ� ความขน้ึ กราบบงั คมทลู 111
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 112
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES การแตง่ กายของผู้ประจำ� เรือ ในรว้ิ กระบวนเรอื พระราชพิธี จากการเสดจ็ เลยี บพระนครทางชลมารคในสมยั รชั กาลที่ ๔ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว ทำ� ใหเ้ ราได้ทราบการแต่งกายของนายเรอื และฝพี ายไดอ้ ย่างดี ๑. เรือแงร่ ายน�ำเสดจ็ เจา้ กรมทหารปืนปากน�้ำเป็นนายล�ำแตง่ ตวั นุ่งปูม สวมเสอ้ื เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ฝีพายสวมเสอื้ แดง กางเกงขาว สวมหมวกฝาชี ๒. เรอื ประตู เปน็ เรือกัญญา นายลำ� คือพระเทพผลู และพระราชรองเมอื ง น่งุ ปมู สวมเสอื้ เข้มขาบ โพกขลบิ ทอง ฝีพายสวมเสือ้ แดง หมวกแดง ๓. เรอื เหราสายกำ� มะลอ หลวงเสนห่ ส์ รชติ นายลำ� นงุ่ ปมู สวมเสอ้ื เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ฝพี าย สวม เสือ้ แดง ๔. เรอื แซงตา่ งๆ นายล�ำแต่งตัวเปน็ รามญั คนตีกรรเชยี งแตง่ ตวั โพกผ้าแพรรามญั สวมเสือ้ สคี ราม ๕. เรอื พาลีรัง้ ทวีป เจ้าพระยาอคั รอดุ มบรมเสนาบดี นายล�ำ แตง่ ตวั สวมมาลา สวมเสือ้ ตาดอย่าง นอ้ ย ทนายหมอบหนา้ สวมเส้อื อตั ลดั โพกแพรสี ฝพี าย สวมกางเกงมสั รู่ ๖. เรอื กัญญา ของพระยาเทพอรชุน นายลำ� นุ่งปูม สวมเส้ือทรงประพาส หมวกต้มุ ป่ี ๗. เรอื กญั ญากลองนำ� เสด็จ ของพระยาวิชิตณรงค์ นายลำ� สวมเสื้อทรงประพาส หมวกตุม้ ปี่ ๘. เรอื กระบร่ี าญรอนราพณ์ และเรอื กระบปี่ ราบเมอื งมารของพระอนรุ กั ษโ์ ยธา และพระมหาสงคราม นายลำ� นุ่งปูม สวมเสื้อเขม้ ขาบ โพกขลิบทอง ๙. เรอื เสอื ทะยานชล และเรือเสือค�ำรณสินธ์ุ นายลำ� นงุ่ ปมู สวมเสอ้ื เข้มขาบ โพกขลบิ ทอง ๑๐. เรอื โตขมงั คลืน่ และเรือโตฝนื สมุทร นายล�ำนงุ่ ปูน สวมเสอ้ื เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ๑๑. เรอื สางกำ� แพงหาญ และเรือสางชาญชลสินธ์ุ นายล�ำนุง่ ปูม สวมเสอื้ เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ๑๒. เรือเหราล่องลอยสนิ ธุ์ และเรอื เหราลลี าสมทุ ร นายล�ำนุง่ ปูม สวมเสอื้ เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ๑๓. เรอื กเิ ลนประเลน และเรือกิเลนละเลิงชล นายล�ำนุ่งปูม สวมเส้ือเขม้ ขาบ โพกขลิบทอง ๑๔. เรือมงั กรจ�ำแลง และเรือมงั กรแผลงฤทธ์ิ นายลำ� นุ่งปูม สวมเส้ือเขม้ ขาบ โพกขลิบทอง ๑๕. เรืออสรุ วายภุ กั ษ์ และเรืออสุรปกั ษี นายล�ำนุ่งปมู สวมเสอื้ เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ๑๖. เรือครฑุ เหนิ เหจ็ และเรือครุฑเตร็จไตรจกั ร นายลำ� นงุ่ ปูม สวมเสอื้ เข้มขาบ โพกขลิบทอง ๑๗. เรอื สวุ รรณเหรา และเรือเหราข้ามสมุทร นายลำ� นงุ่ ปูม สวมเสอ้ื เข้มขาบ โพกขลิบทอง ๑๘. เรอื กลอง นายล�ำนงุ่ ปูม สวมเสือ้ ทรงประพาส สวมหมวกตุ้มป่ี ๑๙. เรือมงคลสุบรรณ และเรือศรสี ุพรรณหงส์ นายล�ำนงุ่ ปมู สวมเสือ้ เข้มขาบ โพกขลบิ ทอง ฝีพาย ใสเ่ ส้ือสกั หลาดขลิบโหมด หมวกกลีบลำ� ดวน กางเกงมีกรวยเชงิ ใชพ้ ายทอง 113
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 114
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ๒๐. เรือกิง่ ศรสี มรรถไชย และเรือก่ิงไกรแกว้ จกั รรตั น์ นายลำ� นุ่งปูม สวมเสอื้ เข้มขาบ โพกขลิบทอง ๒๑. เรือกิง่ ศรสี ุนทรไชย และเรือไกรสรจกั ร นายลำ� น่งุ ปูม สวมเสือ้ เข้มขาบ โพกขลิบทอง ๒๒. เรือกระโห้อาสาจาม นายล�ำนุ่งปมู สวมเส้อื เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ๒๓. เรือกัญญาสารวตั ร นายลำ� น่งุ ปมู สวมเสื้อเข้มขาบ โพกขลิบทอง ๒๔. เรอื เอกไชยเหนิ หาว และเรือเอกไชยหลาวทอง นายลำ� นุ่งปมู สวมเส้ือเข้มขาบ โพกขลบิ ทอง ๒๕. เรอื กลองนำ� เสดจ็ นายลำ� นงุ่ ปมู สวมเสอ้ื ทรงประพาส หมวกตมุ้ ป่ี ๒๖. เรอื ในกระบวนหน้า ฝีพายสวมเสื้อแดง หมวกแดง กางเกงแดง ๒๗. เรอื กงิ่ ศรปี ระภศั รไชย และเรอื กงิ่ ไกรสรมขุ ฝพี าย สวมเสอ้ื หมวกสวมกางเกงสกั หลาดขลบิ โหมด ๒๘. เรอื กราบมีกญั ญา ผา้ หนา้ โขนหกั ทองขวาง นายลำ� นุง่ ปูม สวมเสื้อทรงประพาส หมวกต้มุ ป่ี สวมเสือ้ เข้มขาบ โพกขลิบทอง ๒๙. เรือตาร้ายเกณฑ์หัด แสงปนื ประทนุ แถว นายล�ำนุง่ ปูม สวมเสือ้ เข้มขาบ โพกขลิบทอง ฝีพาย สวมเสอ้ื แดง กางเกงแดง หมวกแดง ๓๐. เรอื ศรปี ระกอบเขยี นลายทอง เปน็ เรอื ประเทยี บ ๖ ลำ� ฝพี ายสวมเสอื้ แดง กางเกงแดง หมวกแดง ๓๑. เรือแซตา่ งๆ นายลำ� น่งุ ปมู สวมเสอ้ื ทรงประพาส หมวกตุ้มปี่ ฝีพายแต่งตัวโพกศีรษะ สวมเสอ้ื เปน็ รามัญ ๓๒. เรอื กราบมีกัญญา เป็นเรือประตูหลงั นายลำ� นงุ่ ปูม สวมเส้ือเข้มขาบ โพกขลบิ ทอง ๓๓. เรอื กญั ญา ของพระเจ้านอ้ งยาเธอพระเจา้ ลูกเธอ พระเจา้ หลานเธอ พระราชวรวงศเ์ ธอ บรรดา เจา้ นายแต่งพระองค์ ทรงเคร่ืองฉลองพระองคจ์ บี เอว สวมพระมหามาลาเส้าสงู ปักขนนก๑ ๑ เจา้ พระยาพระคลงั (หน), “ลลิ ติ พยหุ ยาตราเพชรพวง”, ใน วรรณคดเี จา้ พระยาพระคลงั (หน), ศกึ ษาภณั ฑพ์ าณชิ ย,์ ๒๕๑๖, หนา้ ๑๓๔ - ๑๔๗ และ สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ มหามาลา กรมพระยาบำ� ราบปรปกั ษ,์ โคลงพระราชพธิ ที วาทศมาส, หา้ งหนุ้ สว่ น สามญั นติ บิ คุ คล ไทยวฒั นาพาณชิ พมิ พแ์ จกในการทอดกฐนิ พระราชทาน ณ วดั บรมวงศอ์ ศิ รวราราม จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา วนั ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๐๙. 115
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 116
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ๓๔. เรอื สคุ รพี ครองเมอื ง ของเจา้ พระยาบรมมหาพชิ ยั ญาตเิ ปน็ นายลำ� สวมมาลา เสอ้ื ตาดอยา่ งนอ้ ย ทนายหมอบหนา้ สวมเสื้ออัตลัด โพกแพรสี ฝีพาย สวมกางเกงมัสรู่ ๓๕. เรอื กญั ญา ของขนุ นางตา่ งๆ ทม่ี ไิ ดเ้ ขา้ กระบวน นายลำ� นงุ่ ปมู สวมเสอื้ ทรงประพาส หมวดตมุ้ ป่ี ฝพี ายสวมกางเกงตา่ งๆ ๓๖. เรอื เกง๋ พง้ั ขนุ นางจีน แตง่ ตัวอยา่ งขุนนางเมอื งจนี ฝพี ายสวมกางเกง เสื้อกกั๊ หมวกจโี บ จาก สารานุกรมไทย ๑ เราจะทราบการแตง่ กายของทหารเรือพระราชพธิ ที คี่ ่อนข้างละเอียด ดงั นี้ ๑. นายเรือ มี ๒ แบบ คอื ๑. สวมเสื้อผ้าโหมดเทศ นุ่งผ้าม่วงเชิงทอง สวมหมวกทรงประพาสสีด�ำยอดเกี้ยว คาดเข็มขัด แถบทองทั้งพกู่ ระบี่ ขัดดาบ สวมถงุ เทา้ ยาวสขี าว รองเท้าชตู ดิ โบว์ ๒. สวมเสอ้ื ผา้ อตั ลดั นงุ่ ผา้ เกย้ี วลาย คาดผา้ โหมดเทศ สวมหมวกทรงประพาส ผา้ โหมดเทศยอด เกยี้ ว สวมถงุ เท้ายาวสีขาว และรองเท้าหนังสีดำ� ๒. คนน่งั คฤหใ์ นกญั ญา ในเรอื รูปสตั ว์ ๒ เรอื กลองและเรือต�ำรวจเอก สวมเส้อื นอกสขี าว น่งุ ผ้ามว่ ง มเี ชิง สวมหมวกทรงประพาสสีนำ้� เงิน สวมถุงเท้ายาวสขี าว และรองเท้าหนงั สดี �ำ ๓. คนนง่ั คฤห์ในกัญญา ในเรอื ต�ำรวจใน เรือดงั้ และเรอื แซ สวมเสื้อนอกสขี าว นงุ่ ผ้าเกีย้ วลาย สวม หมวกทรงประพาสผา้ โหมดเทศยอดจุก สวมถงุ เทา้ ยาวสีขาว รองเทา้ หนังสีด�ำ ๔. คนเห่ สวมเส้ือผา้ โหมดเทศ น่งุ ผ้าเก้ยี วลาย คาดผ้าคาดโหมดเทศ สวมหมวกทรงประพาสยอด เก้ยี ว สวมถงุ เทา้ ยาวสขี าว รองเท้าชูติดโบว์ ๕. คนกระทงุ้ เส้า สวมเสอ้ื ผา้ มัสรู่ไหม นุง่ ผ้าเก้ยี วลาย คาดผ้าคาดโหมดเทศ สวมหมวกหูกระตา่ ย ผ้าสแี ดง แถบลกู ไมใ้ บข้าว สวมถุงเท้ายาวสขี าว รองเทา้ ชูติดโบว์ ๖. ภษู ามาลาและพนกั งานศภุ รตั สวมเสอ้ื นอกสขี าว นงุ่ ผา้ มว่ งเชงิ ทอง คาดผา้ รดั ประคดแพรสแี ดง สวมหมวกทรงประพาสกำ� มะหยส่ี ีดำ� สวมถุงเทา้ ยาวสขี าว รองเท้าชูตดิ โบว์ ๗. มหาดเล็กเชิญหอก และถวายงานพัด สวมเส้ือนอกสีขาว นุ่งผ้าม่วงเชิงเงิน คาดผ้ารัดประคด สีนำ�้ เงินดอกขาว สวมหมวกทรงประพาสสีนำ้� เงิน สวมถุงเท้ายาวสขี าว รองเท้าชูติดโบว์ ๘. คนเชญิ พระกลด บงั พระสูรย์ และพดั โบก สวมเสื้อนอกสีขาว นุ่งผา้ เกี้ยวลาย สวมเส้ือครุยแพร ใหญ่ ศีรษะสวมลอมพอก๓ สีขาว สวมถุงเท้ายาวสขี าว รองเทา้ หนงั สดี �ำ ๙. นักสราช หรือคนเชิญธง สวมเสื้อผ้ามัสรู่ไหม นุ่งผ้าเกี้ยวลาย คาดผ้าโหมดเทศ สวมหมวกหู กระตา่ ยสีแดง ลกู ไม้แถบใบข้าว สวมถงุ เท้าขาวสยี าว รองเทา้ หนงั สดี �ำ ๑๐. คนสัญญาณ สวมเสือ้ ผ้าอัตลัด นงุ่ ผา้ เกี้ยวลาย คาดผ้าโหมดเทศ สวมหมวกหกู ระต่ายสีแดง ติด ลกู ไม้แถบใบข้าว สวมถุงเทา้ ยาวสีขาว รองเท้าหนงั สีดำ� ๑ ราชบณั ฑติ ยสถาน, สารานกุ รมไทย เล่ม ๖, ๒๕๐๗ - ๒๕๐๘, หนา้ ๓๔๐๔ - ๓๔๐๗. ๒ เรอื รปู สตั ว์ เชน่ เรอื เสอื ทะยานชล เรอื เสอื คำ� รณสนิ ธ์ุ เรอื พาลรี ง้ั ทวปี เรอื สคุ รพี ครองเมอื ง เรอื อสรุ วายภุ กั ษ์ เรอื อสรุ ปกั ษา. ๓ เป็นหมวกรูปกลมตามแนวศีรษะ ขอบหมวกสูง และมียอดเรียวแหลม ตัดหมวกด้านในท�ำด้วยไม้ไผ่สานลงรัก หรือยาชันหุ้มด้วยผ้าที่จับจีบขึ้นไปอย่างสวยงามจนถึงยอด รอบตัวหมวกตกแต่งด้วยโลหะตามแต่ยศ เช่น เงิน หรือนาก หรือทอง และมีประดับดอกไม้ไหว. 117
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ๑๑. ฝพี ายเรอื พระทนี่ ง่ั ลำ� ทรงและเรอื พระทน่ี งั่ รอง สวมเสอื้ สกั หลาดสแี ดงตดิ ลกู ไมใ้ บขา้ ว กางเกง ผ้าเสิรจ์ สีด�ำ คาดผา้ รัดประคดโหมดเทศดาบฝกั ไม้ ด้ามไมก้ ลึง สายสะพายดาบสกั หลาดสีแดงตดิ แถบลูกไม้ สวมหมวกทรงประพาสสักหลาดแดงติดลูกไม้ใบข้าว สวมถงุ เท้ายาวสขี าว รองเท้าหนังสดี �ำ ๑๒. ฝพี ายเรือรปู สตั ว์ สวมเส้อื เสนากุฎลาย สวมกางเกงผ้าขาวรวิ้ ทางแดง คาดผ้ารดั ประคดสแี ดง ดอกขาว สวมหมวกสังกะสที าสีแดง มีลายยนั ตร์ สวมรองเท้าหนงั สีดำ� ๑๓. ฝพี ายเรอื เสอื สวมเสอื้ ผา้ ปศั ตสู แี ดงตดิ แถบสเี หลอื ง กางเกงผา้ ขาวรว้ิ ทางแดง คาดผา้ รดั ประคด สแี ดงดอกขาว สวมหมวกกลีบลำ� ดวนสแี ดงตดิ แถบเหลือง สวมรองเทา้ หนังสดี �ำ ๑๔. ฝพี ายเรือกลอง สวมเสือ้ สีขาวตดิ แถบสีน้ำ� เงนิ กางเกงผ้าสีเงิน คาดผา้ รดั ประคดสีน�้ำเงนิ ดอก ขาว สวมหมวกหูกระตา่ ยผา้ สีเงนิ ตดิ แถบสีเหลือง รองเท้าหนังสดี �ำ ๑๕. ฝีพายเรือต�ำรวจ สวมเสื้อผ้าสีเงิน ข้อมือติดแถบสีแดง กางเกงผ้าสีน้�ำเงิน คาดผ้ารัดประคด สีแดงดอกสีขาว สวมหมวกหกู ระตา่ ยสแี ดงแถบผา้ สีเหลือง รองเท้าหนงั สดี �ำ ๑๖. ฝพี ายเรือต�ำรวจ สวมเส้อื ผ้าสีน้�ำเงนิ แถบแดง กางเกงผา้ สนี ้�ำเงิน ปลายขาตดิ แถบสแี ดงคาดผา้ รัดประคดสแี ดงดอกขาว สวมมงคลสีแดง รองเท้าหนังสดี �ำ ๑๗. ฝีพายเรือด้ัง สวมเสื้อผ้าสีด�ำร้ิวทางแดง กางเกงผ้าสีแดงติดแถบสีด�ำ คาดผ้ารัดประคดสีแดง ดอกขาว สวมหมวกทรงประพาสสีดำ� ติดแถบสีแดง รองเทา้ หนังสดี ำ� ๑๘. ฝีพายเรือแซ สวมเสื้อผ้าขาวคอติดแถบแดง ข้อมือมีแถบแดง กางเกงผ้าสีน�้ำเงิน คาดผ้ารัด ประคดสแี ดง หน้ามเี ชิงชาย สวมหมวกหูกระต่ายสแี ดง รองเท้าหนงั สดี �ำ ๑๙. ฝีพายเรือประตู สวมเสือ้ ผ้าสนี ำ�้ เงินติดแถบสีเหลือง กางเกงผา้ สีน�้ำเงิน คาดผ้ารัดประคดสแี ดง ศีรษะสวมมงคลสแี ดง รองเท้าหนังสีด�ำ ๒๐. คนตกี ลองชนะ มี ๒ ชดุ คอื ชุดสเี ขยี วและชุดสแี ดง ชดุ สีเขียว สวมเส้อื สเี ขียว ปลายแขนติดแถบ สเี หลอื ง กางเกงสเี ขยี วปลายขาตดิ แถบสเี หลอื ง สวมหมวกกลบี ลำ� ดวนสเี ขยี ว รองเทา้ หนงั สดี ำ� ชดุ สแี ดง สวม เสอื้ สแี ดง ปลายแขนตดิ แถบเหลอื ง กางเกงสแี ดงปลายขาตดิ แถบสเี หลอื ง สวมหมวกกลบี ลำ� ดวน รองเทา้ หนงั สีด�ำ ๒๑. สงั ข์ แตร สวมเสื้อผา้ ปศั ตูสแี ดง ติดแถบทองปลายแขนบาน กางเกงผ้าปัศตูแดง ขอบปลายขา ติดแถบเหลอื ง สวมหมวกผ้าปัศตแู ดงรปู กรวยพยู่ อดหมวกสีเหลอื งหรอื สีขาว รองเทา้ หนงั สดี �ำ ๒๒. จ่าปี่ จา่ กลอง เส้ือเขม้ ขาบไหม กางเกงผา้ มสั รู่ไหม สวมหมวกทรงประพาสผ้าโหมดเทศยอด เก้ยี วสวมถงุ เท้าสีขาว รองเทา้ หนงั สดี ำ� ๒๓. คนเชิญเคร่ืองสูง สวมเสื้อเข้มขาบไหม กางเกงผ้ามัสรู่ไหม คาดผ้าคาดโหมดเทศ ศีรษะสวม ลอมพอก หางเหยีย่ วแดง สวมรองเทา้ หนังสดี ำ� ๒๔. คนตีมโหระทึก สวมเส้ือเข้มขาบไหม กางเกงผ้ามัสรู่ไหม คาดเข็มขัดแถบทองหัวมงกุฎ สวม หมวกทรงประพาสผา้ โหมดเทศยอดเก้ียว สวมถงุ เทา้ ยาวสีขาว รองเท้าหนงั สีดำ� 118
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 119
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 120
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 121
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 122
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ๑. เรอื พระทน่ี งั่ อเนกชาตภิ ุชงค์ แสดงการแต่งกายของ 1. Anekchat Bhujong, another important royal ฝพี าย ซึ่งอยู่ในชดุ สีแดง และทา่ พายในจังหวะนกบนิ barge manned by the oarsmen in red, They มคี นให้สญั ญาณถอื แพนหางนกยูงน่งั อยดู่ ้านหนา้ also row the barge in the fashion of flying bird, The signaler holding peacock tail is seen ๒. ลกั ษณะพระท่ีนัง่ ราชบลั ลงั กก์ ัญญา ซึ่งทอดกลางเรือ at the stern. พระที่น่งั อเนกชาติภุชงค์ 2. This throne of the Kanya type with canopy is ๓. ทา้ ยเรอื พระที่นัง่ อเนกชาตภิ ชุ งค์ มีนักสราชอญั เชญิ ธง placed in the middle of the Anekchat สามชาย น่ังอยู่ท่เี กรนิ ท้ายเรอื Bhujong Barge. 3. The stem of Anekchat Bhujong. The beaver of Victory flag is seated at the stem. 123
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 124
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES โขนเรืออสรุ วายุภกั ษ์ The stem of Asura Wayuphak Royal Barge. เรอื อเนกชาติภชุ งค์ Anekchat Bhujong Royal Barge. 125
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 126
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ลกั ษณะเรือเอกชยั The Stem of Ekkachai Royal Barge. 127
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 128
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 130
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ประวัตยิ อ่ ของเรอื พระราชพธิ ี คราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี ๑ วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๒๕ เรอื พระทนี่ ั่งสพุ รรณหงส์ ช่ือเรอื พระทนี่ ง่ั นม้ี ีกล่าวถงึ เป็นครัง้ แรก ในสมัยกรุงศรอี ยุธยาตน้ รชั กาลพระมหาจกั รพรรดริ าว พ.ศ. ๒๐๙๑ ลำ� ปัจจุบนั สรา้ งขน้ึ ในปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั รัชกาลท่ี ๕ เพ่ือทดแทน เรอื ลำ� เดมิ ทไี่ ดส้ รา้ งมาตงั้ แตส่ มยั รชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช รชั กาลที่ ๑ เรอื ลำ� น้ี มาแลว้ เสร็จในสมัยรชั กาลพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั รชั กาลท่ี ๖ ประกอบพิธีลงน�้ำเมอ่ื วันท่ี ๑๓ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๕๔ ๑ กองประวตั ศิ าสตร์ กรมยุทธการทหารเรอื , ประวัตยิ ่อเรือพระราชพธิ ี, ๒๕๒๕. 131
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES - พ.ศ. ๒๕๑๐ ซอ่ มเพอื่ ใชช้ วั่ คราวใหท้ นั ใชใ้ นการเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ถวายผา้ พระกฐนิ โดยมบี รษิ ทั สหายสันต์ จ�ำกัด เป็นผู้รบั เหมาการซอ่ มทำ� ช่ัวคราวให้แลว้ เสรจ็ ภายในวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ - พ.ศ. ๒๕๑๒ ซอ่ มใหญ่ โดยซอ่ มทำ� ตวั เรอื ใหมท่ ง้ั หมด ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๒๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๒ จนถงึ วันท่ี ๒๓ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ตอ่ จากนั้นได้ท�ำการซอ่ มทำ� ลวดลายเรอื และเครอื่ งหมายตกแต่งประกอบเรือ ต้งั แต่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ จนถงึ วนั ที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหญ่เปลี่ยนไมต้ ัวเรือท่ีผชุ ำ� รุดบางสว่ น ตกแตง่ ลวดลาย ลงรกั ปิดทองทาสีเรอื ใหมแ่ ละอนื่ ๆ เพื่อให้ทนั ใช้ในงานสมโภชกรุงรัตนโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในวันท่ี ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เรม่ิ ซ่อม ท�ำตงั้ แตว่ นั ท่ี ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วนั ท่ี ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมีบรษิ ทั สหายสนั ต์ จ�ำกดั เปน็ ผู้รับเหมาซอ่ มท�ำ รางวัลเกยี รตยิ ศทีไ่ ดร้ บั จากต่างประเทศ จากความงดงามในศิลปกรรมท่ีประกอบขึ้นเป็นเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ประกอบกับเป็นเรือท่ีมี ความส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติไทยแล้ว ยังมีความส�ำคัญในการเป็นมรดกของโลกในภูมิภาคเอเชีย ตะวนั ออกไกลอยา่ งยงิ่ ลำ� หนง่ึ ทแ่ี สดงถงึ ความมอี จั ฉรยิ ะในการตอ่ เรอื ของชา่ งไทยโบราณ ซง่ึ สามารถแสดงออก ถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติได้อย่างดีย่ิง นอกจากน้ี ยังเป็นงานศิลปกรรมที่รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึง คณุ ค่าและความสำ� คัญ จึงได้ให้การทะนบุ ำ� รงุ รกั ษาเรือพระทนี่ ง่ั สุพรรณหงส์เปน็ อย่างดี จนสามารถนำ� มารบั ใชเ้ บอื้ งพระยคุ ลบาทพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในการพระราชพธิ ตี า่ งๆ มาจนปจั จบุ นั อนั ถอื ไดว้ า่ เปน็ การ สืบต่อความสำ� คัญทางประวัติศาสตรใ์ นการตอ่ เรือและการเดนิ เรอื และการค้าขายทางทะเลในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออกไกลซง่ึ ก�ำเนดิ ขน้ึ มาเป็นเวลาหลายรอ้ ยปมี าแลว้ ด้วยความส�ำคัญของเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ดังกล่าวมาแล้ว จึงท�ำให้องค์การเรือโลกแห่งสหราช อาณาจักรให้ความสนใจส่งผู้แทนมาพิจารณามอบรางวัลเรือโลกแก่เรือพระท่ีน่ังสุพรรณหงส์ ต่อมาในวันท่ี ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๕ (ค.ศ. ๑๙๙๒) คณะกรรมการองคก์ าร WORLD SHIP TRUST ประกอบด้วยนาย อเี วน เซาธบ์ -ี เทลยวั ร์ (MR. EWEN SOUTHBY-TAILYOUR) ประธานองคก์ ารเรอื โลก นายไมเคลิ ไทแนน (MR. MICHAEL TYNAN) นกั กฎหมายประจ�ำองค์การฯ และนายเจมส์ ฟอรไ์ ซธ์ (MR.JAMES FORSYTHE) ได้เดิน ทางมายงั ราชอาณาจกั รไทยและไดเ้ ขา้ เฝา้ ฯ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายเหรยี ญ รางวลั เรอื พระทีน่ ่ังสพุ รรณหงส์ คอื เหรียญรางวลั มรดกทางทะเลขององค์การเรือโลก ประจ�ำปี ค.ศ. ๑๙๙๒ (THE WORLD SHIP TRUST MARITIME HERTIAGE AWARD “SUPHANNAHONG ROYAL BARGE) จาก นั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเหรียญรางวัลดังกล่าวแก่อธิบดีกรมศิลปากรในเวลาน้ันคือ นายสุวิชญ์ รัศมิภูติ ซึ่งเป็นหน่วยงานท่ีรับผิดชอบดูแลรักษาเรือพระท่ีนั่งสุพรรณหงส์ ซ่ึงจัดแสดงอยู่ ณ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ เรอื พระราชพิธี ในคลองบางกอกน้อย องคก์ ารเรือโลก (WORLD SHIP TRUST) แห่งสหราชอาณาจักรเปน็ องคก์ ารทไ่ี ด้รบั การจดทะเบยี น เปน็ องคก์ รการกศุ ลอย่างเป็นทางการเม่อื วนั ท่ี ๒๙ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๗๙ (พ.ศ. ๒๕๒๒) มีดยุก ออฟ เอดิน เบริ ก์ (DUKE OF EDINBURGH) เปน็ องคอ์ ุปถมั ภ์ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพ่อื สง่ เสริมการศกึ ษาและความรขู้ อง สาธารณชนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเดินเรือ การต่อเรือ ส่งเสริมการทะนุบ�ำรุงรักษาเรือสมัยโบราณท่ีมี 132
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ความสำ� คญั ทางประวตั ศิ าสตร์ ทั้งตอ่ โลกและมนุษยชาติ เพื่อให้เปน็ มรดกท่ลี �้ำคา่ ที่สาธารณชนร่นุ หลงั จะได้ มโี อกาสได้ชน่ื ชมตอ่ ไป รวมท้ังดำ� เนนิ การสำ� รวจและรวบรวมขอ้ มูลเกยี่ วกบั เรือต่างๆ เพ่ือบนั ทึกไว้เปน็ หลัก ฐานและเป็นประโยชนใ์ นการทำ� นุบำ� รุงเรือน้ันๆ องคก์ ารเรือโลกไดเ้ คยมอบรางวัลแก่ องค์กร บคุ คลและเรือต่างๆ แลว้ ๑๒ เหรยี ญ ท่สี �ำคัญ มีเรือ วาซา (WASA) ของสวเี ดน เรอื แมรี่โรส (MARY ROSE) ขององั กฤษ เรือจิลแลนด์ (JYLLAND) ของเดนมารก์ เรือ ยู เอส เอส คอนสตติ ิวช่นั (U S S CONSTITUTION) ของสหรัฐอเมริกาและในปีเดียวกบั ท่ีมอบเหรียญ รางวลั ใหเ้ รอื พระทน่ี ง่ั สพุ รรณหงส์ แหง่ ราชอาณาจกั รไทยนน้ั กไ็ ดม้ อบรางวลั ใหก้ บั เรอื มกิ าซา (MIKASA) แหง่ ประเทศญ่ปี ่นุ ดว้ ย สำ� หรบั เรอื พระทน่ี ง่ั สพุ รรณหงส์ นอกจากไดร้ บั เหรยี ญรางวลั แลว้ ยงั ไดร้ บั สาสน์ แสดงความยนิ ดจี าก เจา้ ชายฟิลปิ ดยุกแหง่ เอดินเบิรก์ ดว้ ย นายอีเวน เซาธ์บี-เทลยัวร์ ประธานองค์การเรอื โลกได้เขา้ เฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทลู เกลา้ ทูลกระหม่อม ถวายเหรียญรางวัลเรือพระท่ีน่ังสุพรรณหงส์ คือ เหรียญรางวัลมรดกทางทะเลขององค์การเรือโลก ประจ�ำปี ค.ศ. ๑๙๙๒ เม่ือวันท่ี ๔ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๓๕ 133
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES หนงั สือจากองค์การเรือโลก แหง่ สหราชอาณาจักร มอบรางวัลมรดกทางทะเล แกเ่ รอื พระทน่ี ่ังสุพรรณหงสข์ องราชอาณาจกั รไทย 134
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เรือพระที่นงั่ อนันตนาคราช - ลำ� ปจั จบุ นั สรา้ งขนึ้ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๖ สำ� เรจ็ เมอื่ วนั ที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๗ แทนลำ� เดิมทไ่ี ด้สร้างมาตง้ั แต่สมยั รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว รชั กาลที่ ๔ - พ.ศ. ๒๕๑๐ ซ่อมแซมเพ่ือใช้ชัว่ คราวให้ทนั ใชใ้ นการเสดจ็ พระราชดำ� เนินถวายผ้าพระกฐิน โดยมี บรษิ ัท สหายสันต์ จำ� กดั เปน็ ผรู้ บั เหมาการซอ่ มทำ� ชั่วคราวใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในวันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ - พ.ศ. ๒๕๑๒ ซอ่ มใหญ่ โดยซอ่ มทำ� ตวั เรอื ใหมท่ งั้ หมด ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๒๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๒ จนถงึ วนั ท่ี ๒๓ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ตอ่ จากนั้นได้ท�ำการซอ่ มท�ำลวดลายเรอื และเคร่อื งตกแต่งประกอบเรอื ตัง้ แต่ วันที่ ๙ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๓ จนถึงวันที่ ๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๑๕ - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหญ่ เปลีย่ นไมต้ วั เรือท่ผี ชุ �ำรุดบางสว่ น ตกแตง่ ลวดลาย ลงรกั ปิดทอง ทาสตี วั เรอื ใหม่ และอืน่ ๆ เพื่อให้ทนั ใชใ้ นงานสมโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในวันท่ี ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เรม่ิ ซ่อมทำ� ต้ังแตว่ นั ท่ี ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วันท่ี ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมบี ริษทั สหายสนั ต์ จำ� กัด เป็นผู้รับเหมาซ่อมท�ำ เรอื พระท่ีน่งั อเนกชาตภิ ุชงค์ - สรา้ งขึน้ ใหม่ในสมยั รัชกาลท่ี ๕ - พ.ศ. ๒๕๑๐ ซอ่ มตัวเรอื เพือ่ ใชช้ วั่ คราวให้ทนั ในการเสด็จพระราชดำ� เนนิ ถวายผา้ พระกฐิน โดยมี บรษิ ทั สหายสนั ต์ จำ� กัด เปน็ ผรู้ ับเหมาซ่อมทำ� เสรจ็ ภายในวนั ที่ ๕ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๐ - พ.ศ. ๒๕๑๒ ซอ่ มใหญ่ โดยซอ่ มทำ� ตวั เรอื ใหมท่ ง้ั หมด ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๒๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๒ จนถงึ วันท่ี ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ต่อมาได้ท�ำการซ่อมท�ำลวดลายเรือ และเคร่ืองตกแต่งประกอบเรือต้ังแต่ วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ จนถึงวันที่ ๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๑๕ บริษัท สหายสันต์ จ�ำกัด เปน็ ผ้รู บั เหมาซ่อม ท�ำอย่ใู นความควบคุมของ กรมอู่ทหารเรอื และกรมศลิ ปากร - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหญ่ เปล่ียนไมต้ วั เรอื ทผี่ ชุ �ำรุดบางส่วน ตกแตง่ ลวดลาย ลงรกั ปดิ ทอง ตวั เรอื ทาสีใหมแ่ ละอ่นื ๆ เพ่อื ใหท้ นั ใชใ้ นงานสมโภชกรงุ รัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี ในวนั ท่ี ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เร่ิม ซอ่ มทำ� ตง้ั แต่วนั ที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วนั ท่ี ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยบรษิ ทั สหายสันต์ จ�ำกัด เปน็ ผูร้ ับเหมาซ่อมท�ำ เรือเอกชัยเหนิ หาว - ลำ� เดมิ ไมพ่ บหลกั ฐานการสรา้ ง และเรอื ลำ� นไี้ ดถ้ กู ระเบดิ ไดร้ บั ความเสยี หายในสงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ พ.ศ. ๒๔๘๗ ต่อมากรมศิลปากร ได้ตดั หวั เรอื และท้ายเรอื เกบ็ รักษาไวใ้ นพิพธิ ภณั ฑสถาน เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ - ลำ� ปัจจุบัน สรา้ งขน้ึ เม่อื พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยกรมอทู่ หารเรอื วางกระดกู งูเรอื เมอื่ วนั ที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๘ เสรจ็ เมอ่ื ๔ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๐๘ ลงน้�ำเม่ือวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐ จากนัน้ จึงทำ� การ ตกแตง่ ตวั เรอื โดยชา่ งแกะสลกั ซง่ึ ทำ� งานประมาณ ๑๔ เดอื น ชา่ งรกั ปดิ ทองทำ� งานประมาณ ๖ เดอื น ชา่ งเขยี น ลายรดน�้ำทำ� งานประมาณ ๖ เดอื น ชา่ งปดิ ทองและประดบั กระจกท�ำงานประมาณ ๔ เดอื น 135
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเหรียญรางวัลมรดกทางทะเลขององค์การเรือโลก ประจ�ำปี ค.ศ. ๑๙๙๒ แกอ่ ธิบดีกรมศิลปากร ขณะน้ันคือ นายสุวิชญ์ รศั มิภตู ิ 136
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซ่อมใหญ่เปล่ียนไม้ตัวเรือท่ีผุซึ่งช�ำรุดบางส่วน ลงรักปิดทอง ทาสีตัวเรือใหม่และ อนื่ ๆ เพอ่ื ให้ทันใช้ในงานสมโภชกรงุ รตั นโกสินทร์ ๒๐๐ ปี ในวนั ท่ี ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เรม่ิ ซอ่ มทำ� ต้งั แต่ วนั ที่ ๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วนั ที่ ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมบี รษิ ทั สหายสนั ต์ จำ� กดั เปน็ ผรู้ บั เหมา ซอ่ มท�ำ เรือเอกชยั หลาวทอง - ล�ำเดิมไม่พบหลักฐานการสร้าง และเรือล�ำน้ีได้ถูกลูกระเบิดได้รับความเสียหายในสงครามโลก ครงั้ ท่ี ๒ พ.ศ. ๒๔๘๗ ตอ่ มากรมศลิ ปากรไดต้ ดั หวั เรือ และทา้ ยเรอื เก็บรกั ษาไวใ้ นพิพิธภัณฑสถาน เมอื่ พ.ศ. ๒๔๙๑ - ลำ� ปจั จุบนั สรา้ งข้นึ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยกรมอทู่ หารเรอื วางกระดูกงเู รอื เมื่อวันท่ี ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๘ เริม่ สร้างเมือ่ วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๘ ลงน้�ำเม่อื วนั ที่ ๑๙ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๐ จากนัน้ จงึ ทำ� การตกแต่งตัวเรือ โดยช่างแกะท�ำงานประมาณ ๑๔ เดอื น ช่างรักปดิ ทองท�ำงานประมาณ ๖ เดอื น ช่าง ปดิ ทองและประดบั กระจกทำ� งานประมาณ ๔ เดอื น - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซ่อมใหญ่เปล่ียนไม้ตัวเรือที่ผุช�ำรุดบางส่วน ลงรักปิดทองทาสีตัวเรือใหม่ๆ และ อ่นื ๆ เพ่อื ให้ทนั ใช้ในงานสมโภชกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในวันท่ี ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เรมิ่ ซ่อมทำ� ต้งั แต่ วนั ที่ ๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วนั ที่ ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมบี รษิ ทั สหายสนั ต์ จำ� กดั เปน็ ผรู้ บั เหมา ซ่อมท�ำ เรืออสรุ วายุภักษ์ - ไม่พบหลักฐานการสรา้ ง - ซ่อมท�ำเคร่ืองตกแต่งเรือ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ จนถึงวันท่ี ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยบรษิ ทั สำ� นกั งานเกษรดอกประดู่ เป็นผซู้ ่อมทำ� - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหญ่ เปล่ยี นไม้ตัวเรอื ท่ผี ุช�ำรุดบางสว่ น ตกแต่งลวดลาย ลงรกั ปิดทอง ทาสีตวั เรอื ใหมแ่ ละอ่นื ๆ เพือ่ ใหท้ นั ใช้งานสมโภชกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในวนั ท่ี ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เร่มิ ซ่อม ทำ� ตั้งแต่วนั ที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถึงวนั ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมบี ริษทั สหายสนั ต์ จ�ำกัดเป็น ผ้รู ับเหมาซอ่ มท�ำ เรืออสรุ ปกั ษา (เช่นเดียวกบั เรอื อสุรวายุภกั ษ์) เรอื เสอื ทะยานชล - ไมพ่ บหลักฐานการสรา้ ง - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซ่อมใหญ่ เปลี่ยนไม้ตัวเรอื ท่ีผชุ �ำรุดบางส่วน ตกแต่งลวดลาย ทาสีตัวเรอื ใหมแ่ ละ อนื่ ๆ เพื่อให้ทนั ใชใ้ นงานสมโภชกรุงรตั นโกสินทร์ ๒๐๐ ปี ในวนั ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เรมิ่ ซ่อมทำ� ต้งั แต่ วันท่ี ๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถึงวันท่ี ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมบี ริษัท สหายสนั ต์ จ�ำกดั เปน็ ผูร้ บั เหมาซ่อมทำ� 137
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เรอื เสอื ค�ำรณสินธุ์ (เช่นเดยี วกบั เรือเสอื ทะยานชล) เรอื พาลีรง้ั ทวปี - ไมพ่ บหลกั ฐานการสรา้ ง - ซ่อมทำ� เครอ่ื งตกแต่งเรือตั้งแต่วันท่ี ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ จนถึงวนั ท่ี ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยมบี ริษทั สำ� นกั งานเกษรดอกประดู่ เปน็ ผู้จัดท�ำ - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหญ่เปลยี่ นไมต้ ัวเรอื ท่ชี ำ� รุด ลงรกั ปิดทองใหม่ ทาสีตัวเรือใหม่ และอ่ืนๆ ให้ทนั ใชใ้ นงานสมโภชกรงุ รตั นโกสินทร์ ๒๐๐ ปี ในวันท่ี ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เรม่ิ ซ่อมท�ำตั้งแตว่ ันท่ี ๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถึงวนั ที่ ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมี บริษัท สหายสนั ต์ จำ� กดั เปน็ ผ้รู บั เหมาซ่อมทำ� เรือสคุ รพี ครองเมอื ง (เช่นเดยี วกบั เรือพาลีรั้งทวีป) เรือกระบีป่ ราบเมืองมาร - ไม่พบหลักฐานการสร้าง แต่ถูกระเบิดได้รับความเสียหายในสงครามโลกครั้งท่ี ๒ พ.ศ. ๒๔๘๗ กรมศลิ ปากรได้ตดั หัวเรอื และท้ายเรอื เกบ็ รกั ษาไวใ้ นพิพธิ ภัณฑสถานเม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๑ - ลำ� ปจั จบุ นั ไดส้ รา้ งขนึ้ ใหมเ่ มอื่ พ.ศ. ๒๕๑๐ โดยใชห้ วั เรอื เดมิ นำ� มาซอ่ มแซม ชา่ งแกะสลกั ลวดลาย ทำ� งานประมาณ ๑๒ เดอื น ชา่ งรักท�ำงานประมาณ ๔ เดือน ชา่ งเขียนท�ำงานประมาณ ๖ เดือน ช่างปิดทอง และประดบั กระจกท�ำงานประมาณ ๔ เดอื น - พ.ศ. ๒๕๑๒ จดั ทำ� เครือ่ งตกแต่งเรือใหมต่ ัง้ แต่วันท่ี ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๒ จนถงึ วนั ที่ ๒๕ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๓ โดยบริษัท ส�ำนกั งานเกษรดอกประดู่ เปน็ ผทู้ �ำ - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหญเ่ ปลย่ี นไมต้ วั เรอื ทผ่ี หุ รอื ชำ� รดุ บางสว่ น ลงรกั ปดิ ทอง ทาสตี วั เรอื ใหมแ่ ละอนื่ ๆ เพอ่ื ใหท้ นั ใชง้ านสมโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในวนั ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เรม่ิ ซอ่ มทำ� ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วนั ที่ ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมี บรษิ ทั สหายสนั ต์ จำ� กดั เปน็ ผรู้ บั เหมาซอ่ มทำ� เรอื กระบรี่ าญรอนราพณ์ - ไม่พบหลกั ฐานการสร้าง - พ.ศ. ๒๕๐๙ ซอ่ มทำ� ตวั เรอื ทงั้ ลำ� และไดท้ ำ� หางเรอื ขนึ้ ใหม่ ชา่ งแกะสลกั ลวดลายทำ� งานประมาณ ๑๒ เดอื น ชา่ งรกั ทำ� งานประมาณ ๔ เดอื น ชา่ งเขยี นทำ� งานประมาณ ๖ เดอื น ชา่ งปดิ ทอง และประดบั กระจก ทำ� งานประมาณ ๔ เดือน - พ.ศ. ๒๕๑๔ จดั ท�ำเครื่องตกแต่งเรือใหม่ ตง้ั แตว่ นั ที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ จนถงึ วนั ท่ี ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยบรษิ ทั ส�ำนักงานเกษรดอกประดู่ เปน็ ผจู้ ัดท�ำ 138
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหญเ่ ปล่ียนไมต้ วั เรือท่ีผชุ �ำรดุ บางสว่ น ตกแต่งลวดลาย ลงรกั ปดิ ทองใหม่ และ อ่ืนๆ เพ่อื ใหท้ นั ใชใ้ นงานสมโภชกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในวนั ท่ี ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เริม่ ซอ่ มทำ� ต้ังแต่ ๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมี บริษัท สหายสนั ต์ จ�ำกัด เปน็ ผรู้ บั เหมา เรือครุฑเหนิ เหจ็ - ไมพ่ บหลกั ฐานการสรา้ ง และเรอื ลำ� นถ้ี กู ลกู ระเบดิ ไดร้ บั ความเสยี หายในชว่ งสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๘๗ กรมศลิ ปากรไดต้ ัดหวั เรือ และท้ายเรอื เก็บรักษาไวใ้ นพิพิธภณั ฑสถาน เม่อื พ.ศ. ๒๔๙๑ - ลำ� ปจั จุบนั สร้างใหม่เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยใช้หวั เรอื เดมิ น�ำมาซ่อมแซม ท้ายเรือทำ� ใหมเ่ รมิ่ สร้าง เมื่อวันท่ี ๒๓ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๑๑ แล้วเสรจ็ เมอื่ วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๑ แล้วช่างแกะสลกั ลวดลาย ท�ำงานประมาณ ๑๘ เดือน ช่างรกั ท�ำงาน ๖ เดอื น ชา่ งเขียนลายรดน้�ำทำ� งานประมาณ ๖ เดือน ชา่ งปดิ ทอง และประดับกระจกทำ� งานประมาณ ๔ เดอื น - ท�ำเครื่องตกแต่งเรือใหม่ตั้งแต่วันท่ี ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ จนถึงวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยมบี รษิ ทั ส�ำนักงานเกษรดอกประดู่ เปน็ ผู้จดั ทำ� - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซ่อมใหญ่เปลี่ยนไม้ตัวเรือที่ผุช�ำรุดบางส่วน ลงรักปิดทองทาสีใหม่ๆ และอ่ืนๆ เพอ่ื ใหท้ ันใช้ในงานสมโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในวนั ท่ี ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ ซึ่งซอ่ มท�ำตั้งแตว่ ันท่ี ๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วนั ท่ี ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมี บรษิ ทั สหายสันต์ จ�ำกดั เป็นผู้รบั เหมา ซอ่ มท�ำเรอื เรือครุฑเตร็จไตรจักร (เช่นเดยี วกบั เรือครฑุ เหินเหจ็ ) เรือทองขวานฟา้ - ลำ� เดิม เดิมไม่พบหลักฐานการสร้าง ในสมัยสงครามโลกครั้งท่ี ๒ พ.ศ. ๒๔๘๗ ไดถ้ กู ลกู ระเบิด ตวั เรือไดร้ บั ความเสียหาย กรมศิลปากรไดต้ ดั หวั เรือและทา้ ยเรอื เกบ็ รกั ษาไว้ในพพิ ธิ ภณั ฑสถาน - พ.ศ. ๒๕๐๗ ได้สรา้ งตัวเรือขึน้ ใหม่ โดยใช้หวั เรือเดมิ และไดแ้ กะสลักลวดลาย คาดหวั – ท้ายเรือ ปิดทองประดบั กระจก ใช้เวลาท�ำประมาณ ๑๒๐ วัน และท�ำเครอ่ื งตกแตง่ เรือใหม่ - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหม่ เปลย่ี นไมต้ วั เรอื ทผี่ ชุ ำ� รดุ บางสว่ น ตกแตง่ ลวดลาย ลงรกั ปดิ ทองเพอื่ ใหท้ นั ใชใ้ นงานสมโภชกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เริ่มซ่อมทำ� ต้งั แตว่ ันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วนั ที่ ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมี บริษทั สหายสันต์ จำ� กดั เป็นผู้รับเหมาซ่อมท�ำ เรอื ทองบ้าบน่ิ - ลำ� เดิม เดมิ ไมพ่ บหลักฐานการสร้าง ในสมยั สงครามโลกครง้ั ที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๘๗ ไดถ้ กู ลกู ระเบดิ ตัวเรอื ได้รับความเสยี หาย กรมศิลปากรได้ตดั หวั เรือและท้ายเรอื เกบ็ รักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถาน - พ.ศ. ๒๕๐๗ ไดส้ ร้างตัวเรอื ขึน้ ใหม่ โดยใช้หัวเรอื เดมิ และได้แกะสลกั ลวดลาย คาดหัว – ท้ายเรือ ปิดทองประดบั กระจก ใช้เวลาท�ำประมาณ ๑๒๐ วนั และท�ำเคร่ืองตกแต่งเรือใหม่ 139
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหญ่ เปลยี่ นไมต้ วั เรอื ทผี่ ชุ ำ� รดุ บางสว่ น ตกแตง่ ลวดลาย ลงรกั ปดิ ทองเพอ่ื ใหท้ นั ใชใ้ นงานสมโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในวนั ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เรม่ิ ซอ่ มทำ� ตง้ั แต่ วนั ท่ี ๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถึงวนั ท่ี ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมบี ริษัท สหายสนั ต์ จำ� กดั เปน็ ผ้รู บั เหมาซ่อมทำ� เรืออีเหลอื ง - ไม่พบหลักฐานการสร้าง - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหญ่ เปล่ยี นไมต้ วั เรือทีผ่ ุช�ำรุดบางสว่ น ทาสตี วั เรอื ใหม่และอนื่ ๆ เพื่อใหท้ นั ใช้ ในงานสมโภชกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในวนั ท่ี ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เริ่มซอ่ มทำ� ตัง้ แต่วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วนั ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมบี ริษทั สหายสนั ต์ จำ� กัด เปน็ ผรู้ บั เหมาซ่อมทำ� เรือดั้งและเรอื แซง - ไมพ่ บหลกั ฐานการสร้าง สว่ นมากมักจะซอ่ มทำ� โดยการเปลีย่ นไมท้ ่เี ก่าออก แล้วใสไ่ มใ้ หม่ - พ.ศ. ๒๕๐๖ กรมอทู่ หารเรอื ไดต้ อ่ เรอื ดง้ั ๖ ขน้ึ ใหม่ โดยวางกงเหลก็ เพอ่ื ใหเ้ รอื แขง็ แรงและทนทาน ทำ� ใหต้ ัวเรอื หนักมาก - พ.ศ. ๒๕๒๔ ซอ่ มใหญ่ เปลีย่ นไม้ตัวเรือที่ผุชำ� รดุ บางสว่ น ทาสีตัวเรือใหมแ่ ละอ่นื ๆ เพ่อื ให้ทันใช้ ในงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี ในวนั ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ เรมิ่ ซ่อมทำ� ตง้ั แต่วนั ที่ ๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ จนถงึ วันที่ ๒ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยมบี ริษทั สหายสันต์ จำ� กัด เปน็ ผู้รับเหมาซอ่ มทำ� - สำ� หรับเรอื ดง้ั ๑๙ ไดร้ บั การซ่อมท�ำเปลยี่ นตวั เรอื ไม้ กระดกู งู และกงใหมเ่ กือบทง้ั หมด เรอื พระราชพธิ ีล�ำใหม่ “เรอื พระทน่ี ั่งนารายณท์ รงสุบรรณ รัชกาลท่ี ๙” กองทพั เรอื รว่ มกบั กรมศลิ ปากรและสำ� นกั พระราชวงั เรม่ิ สรา้ งเรอื พระทนี่ ง่ั ลำ� นต้ี ง้ั แตว่ นั ท่ี ๑ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๓๗ และวนั จนั ทรท์ ่ี ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๗ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวภมู พิ ลอดลุ ยเดช และ สมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ ได้เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ ไปทรงวางกระดกู งูเรือพระที่น่ังลำ� ใหม่ ณ กรมอู่ทหารเรือ กรงุ เทพมหานคร เมื่อเวลา ๑๗.๑๕ นาฬกิ า การสร้างเรือพระราชพิธลี ำ� ใหมน่ ้ี กองทัพเรอื ได้เตรียมโครงการไว้เพื่อการเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๕๐ ปี ซึง่ รฐั บาลไดก้ ำ� หนดให้มีงานพระราชพิธีกาญจนาภิเษก และกองทพั เรือจะได้น้อมเกลา้ ฯ ถวาย เรอื พระราชพธิ ลี ำ� ใหม่ ไดท้ รงมพี ระมหากรณุ าธคิ ณุ พระราชทานนามวา่ “เรอื พระทนี่ ง่ั นารายณท์ รงสบุ รรณ รัชกาลท่ี ๙” ตามหนงั สือส�ำนกั ราชเลขาธิการลงวันท่ี ๖ สงิ หาคม ๒๕๓๗ นบั เปน็ เรือพระท่นี ง่ั ลำ� แรกที่สร้าง ในรัชกาลปัจจบุ ัน ในการเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงวางกระดูงเู รือพระที่น่ังนารายณ์ทรงสุบรรณ รชั กาลท่ี ๙ การพระ ราชพิธีประกอบข้ึนระหวา่ งเวลา ๑๗.๑๕ - ๑๗.๔๙ นาฬกิ า เมอ่ื เสด็จพระราชด�ำเนินถึงบริเวณพิธี พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียน เคร่ืองนมัสการบูชาพระรัตนตรัย และทรงศีล ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรอื เอก ประเจตน์ ศริ เิ ดช กราบบงั คมทลู รายงานการสรา้ งเรอื พระทนี่ ง่ั ฯ แลว้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั 140
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมหัวเรือ ทรงผูกผ้าสีชมพู และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงคล้อง พวงมาลยั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวทรงตอกหมุดตอนกระดกู งูเรือ แล้วทรงประเคนจตปุ ัจจัยไทยธรรม ถวายพระสงฆ์ และทรงหลง่ั ทักษโิ ณทก ในระหวา่ งท่พี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงประกอบพิธี พระสงฆ์ เจริญชัยมงคลคาถา โหรพราหมณ์ท�ำพิธีบูชาฤกษ์ เจ้าพนักงานล่ันฆ้องชัย เป่าสังข์และแกว่งบัณเฑาะว์ พณิ พาทยท์ ำ� เพลงมหาฤกษ์ซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์สำ� หรบั การประกอบพธิ ีมงคล ส�ำหรับการสร้างเรอื พระทีน่ ง่ั นารายณท์ รงสบุ รรณ รัชกาลท่ี ๙ นี้ กองทพั เรือร่วมกบั กรมศิลปากรได้ นำ� เอาโขนหรอื พระท่นี งั่ นารายณ์ทรงสุบรรณ ทส่ี รา้ งในรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระรามาธบิ ดี ศรีสินทรมหา เจษฎาบดนิ ทร์ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๓ และพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหามงกฎุ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๔ มาเปน็ แมแ่ บบ โดยกองทพั เรอื ดำ� เนนิ การสรา้ งในสว่ นทเ่ี ปน็ โครงสรา้ งของตวั เรอื พายและ คดั ฉาก สว่ นกรมศิลปากรดำ� เนินการในงานท่ีเกีย่ วกบั ศลิ ปกรรมของเรือทั้งหมด ลักษณะของเรอื จากการพิจารณาโขนเรอื พระทน่ี งั่ นารายณท์ รงสุบรรณเดิม ซ่งึ เป็นโขนเรอื แกะสลกั จากไม้ ลงรกั ปดิ ทองประดบั กระจกตลอดทง้ั ล�ำ ลวดลายเขียนลายดอกพดุ ตานพ้นื สว่ นทา้ ยเรอื มีลกั ษณะคลา้ ยเรอื พระท่นี ่งั อนนั ตนาคราช แตส่ ว่ นเหนอื มาลยั ทา้ ยเปน็ สรอ้ ยหางครฑุ ปลายทางสดุ ของทา้ ยเรอื เปน็ กนกหางครฑุ ทอ้ งลาย ของทอ่ นหางเป็นขนครุฑ สพี น้ื เรอื หรอื สที ้องเรอื เปน็ สีแดงชาด ใช้กญั ญาเรอื เชน่ เดยี วกบั เรอื พระทนี่ ั่งสพุ รรณ หงส์ คอื ตวั บลั ลงั กก์ ญั ญาเรอื เปน็ ลวดลายแกะสลกั ลงรกั ปดิ ทองประดบั กระจก แผงพนกั พงิ แกะสลกั ลวดลาย เป็นรูปครฑุ ยุคนาค ลงรักปดิ ทองประดบั กระจก ภายในเหมือนเรอื พระทีน่ งั่ สพุ รรณหงส์ ลกู แกว้ รบั ขอ่ื เปน็ ไม้ แกะสลกั ลงรักปดิ ทองประดับกระจก เสาสองตน้ ทาสีด�ำ สว่ นพายกบั ฉากลงรกั ปดิ ทอง การวางฉตั รใหเ้ ว้น ๒ กระทงต่อ ๑ ฉัตร ผา้ ดาดหลงั คากัญญาเรอื เป็นทองแผ่ลวดลายโคมแย่ง ลงรกั ปิดทองประดับกระจก พน้ื แดง ลายจัว่ และลายผ้ามา่ นโดยรอบประดบั ดว้ ยทองแผ่ลวด มฝี ีพาย ๕๐ นาย ส้ินค่าใช้จ่ายประมาณ ๑๑.๗ ล้าน บาท ขนาดของเรือ ความยาวท้งั หมด ๔๔.๓๐ เมตร ความยาวแนวนำ�้ หนกั บรรทกุ เตม็ ท ่ี ๓๔.๖๐ เมตร ความกวา้ งของเรือ ๓.๒๐ เมตร ความลึกของเรอื ๑.๑๐ เมตร กินนำ้� ลกึ ๐.๔๐ เมตร ระวางขบั นำ้� บรรทกุ เต็มที ่ ๒๐ เมตร ระยะเวลาดำ� เนนิ การในการสรา้ งเรอื พระทน่ี งั่ นารายณท์ รงสบุ รรณ รชั กาลท่ี ๙ กำ� หนดสรา้ งแลว้ เสรจ็ วันท่ี ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙ สมเด็จพระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฏราชกุมารในฐานะผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สดจ็ เปน็ องคป์ ระธานในพธิ ี ปลอ่ ยเรอื พระทนี่ งั่ นารายณท์ รงสบุ รรณ รชั กาล ที่ ๙ ที่กรมอทู่ หารเรือ ในวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙ 141
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 142
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 143
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 144
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176