เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ๕. พระท่นี ั่งเหราประกอบ ช่อื สุวรรณเหรา ยาว ๑๗ วา ๒ ศอก กำ� ลัง ๖ ศอก ๕ น้ิว ๖. พระที่น่งั กราบ ชอื่ สุดสายตา พระวเิ ศษเทยี นส่วยมาศ เมืองจนั ทบรุ ี ตัดไม้มาศยาว ๑ เส้นเศษ ถวาย ๑ ล�ำ โปรดใหห้ ลาวเป็นเรอื ยาวตลอดทั้งโคน ๑ เส้น ๓ วา กำ� ลงั ๕ ศอก ๑ คืบ ๕ นว้ิ ๗. พระท่ีน่ังรอง ช่ือ กลีบสมุทร เมืองไชยา ตัดไม้มาศถวาย โปรดให้หลาวเป็นเรือยาว ๑๕ วา ๒ ศอก ก�ำลงั ๕ ศอก ๕ นวิ้ ๘. พระท่นี ่ังกราบ ชอื่ ขจรกรุง เมอื งไชยาตัดไมม้ าศถวาย โปรดใหห้ ลาวเป็นเรือยาว ๑๕ วา ๒ ศอก ๑ คบื ๕ น้ิว ก�ำลงั ๕ ศอก ๙. พระท่นี ั่งกราบ ชอ่ื รุ้งประสานสาย ยาว ๑๖ วา ๘ นิ้ว กำ� ลงั ๔ ศอก ๑ คืบ ๓ นิ้ว ๑๐. พระท่นี งั่ กราบ ชอื่ ชายลมหวล ยาว ๑๖ วา ๒ ศอก ก�ำลงั ๔ ศอก ๓ นิว้ ๑๑. พระทีน่ ่งั กราบ ชื่อ ประพาศแสงจันทร์ ยาว ๑๕ วา ๑ ศอก ๖ นว้ิ ก�ำลัง ๕ ศอก ๑ คบื ๘ นิ้ว ๑๒. พระที่นัง่ กราบ ชอ่ื ตะวนั ส่องแสง ยาว ๑๕ วา ๑ ศอก ๖ น้วิ ก�ำลงั ๕ ศอก ๑ คืบ ๘ นว้ิ ๑๓. พระทนี่ ั่งกราบ ช่ือ แทง่ ทองหลอ่ ยาว ๑๕ วา ๓ ศอก ๑ คืบ ๑๐ นวิ้ กำ� ลงั ๕ ศอก ๘ น้วิ ๑๔. พระท่นี ัง่ กราบ ชอ่ื ลอ่ ใจชืน่ ยาว ๑๔ วา ๒ ศอก ๑ คบื ๙ น้วิ กำ� ลัง ๔ ศอก ๑ คืบ ๘ นว้ิ ๑๕. พระทน่ี ั่งกราบ ชื่อ รื่นใจชม ยาว ๑๗ วา ๓ นวิ้ กำ� ลงั ๔ ศอก ๑๑ นว้ิ 45
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES ๑๖. พระทีน่ ง่ั กราบ ชือ่ สมทรงสลวย ยาว ๑๕ วา ๓ ศอก ๑ คืบ ๔ นว้ิ กำ� ลัง ๔ ศอก ๑ คืบ ๙ น้วิ ๑๗. พระทีน่ ่ังกราบ ยาว ๑๕ วา ๑ ศอก ๑ คบื ๓ น้วิ กำ� ลงั ๔ ศอก ๑ คืบ ๕ นว้ิ ๑๘. พระท่ีนงั่ กราบ ช่ือ ราไน ยาว ๑๒ วา ๒ ศอก กำ� ลงั ๔ ศอก ๑ คบื ๑๐ นว้ิ ๑๙. พระทนี่ ัง่ กราบ ชื่อ สทุ ธาทิพย์ ยาว ๑๑ วา ๑ ศอก ๖ นวิ้ ก�ำลัง ๖ ศอก ๑ คืบ ๘ นิ้ว ๒๐. พระที่น่งั กราบ ชื่อ บลั ลังก์ทอง ยาว ๑๒ วา ๑ ศอก กำ� ลงั ๖ ศอก ๑ คบื ๘ น้ิว ๒๑. พระท่ีน่ังกราบ ชอ่ื บัลลังก์เงนิ ยาว ๑๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๒ นิ้ว กำ� ลงั ๖ ศอก ๑ คบื ๒๒. พระทน่ี ่ังกราบ ช่อื บัลลงั ก์แกว้ ยาว ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คบื ๖ น้ิว กำ� ลัง ๖ ศอก ๘ นว้ิ ๒๓. พระท่ีนัง่ กราบ ชอ่ื บรรทัดทอง ยาว ๑๔ วา ๑ ศอก ๑ คบื ก�ำลงั ๔ ศอก ๗ นิว้ ๒๔. พระที่นง่ั กราบ ช่ือ กล้องสลัด ยาว ๑๔ วา ก�ำลัง ๔ ศอก ๗ นว้ิ รวมทัง้ เรือศรี เรอื ประกอบ เรือเอกไชย เรอื กราบ เปน็ เรือพระทน่ี งั่ ๒๔ ลำ� อยา่ งไรก็ดี พระยามหามนตรี หลวงสุนทรภริ มย์ และหลวงอุดมภกั ดี ไดเ้ รยี บเรียงไวท้ ัง้ เรอื พระทน่ี ง่ั ทรง และเรือพระทนี่ งั่ รองท้ังล�ำเก่าลำ� ใหมใ่ นสมยั รชั กาลท่ี ๓ มที ัง้ หมด ๕๖ ลำ� แยกประเภทของเรือ ดังนี้ ๑. เรือไชยลายสลัก มี ๕ ลำ� - เรอื พระท่นี ั่งก่งิ ศรีสมรรถไชย พ้ืนสแี ดง ขนาดยาว ๑๘ วา ๖ นิ้ว กว้าง ๑ วา ศอก ๔ นวิ้ ทอ้ งลึก ศอก คบื ๕ นิ้ว ก�ำลัง ๑ วา ๒ ศอก ๗ นว้ิ - เรือพระทนี่ ง่ั กง่ิ ไกรสรมขุ พนื้ สดี ำ� ขนาดยาว ๑๙ วา ๑ ศอก กว้าง ๑ วา ๑ ศอก ๗ นว้ิ ท้องลกึ ๑ ศอก ๖ นิ้ว ก�ำลงั ๑ วา ๒ ศอก ๑ คืบ ๑ นว้ิ - เรือพระที่น่ังศรีประภัศรไชย พ้ืนสีด�ำ ขนาดยาว ๑๘ วา กว้าง ๑ วา ๑ ศอก ๕ น้ิว ท้องลกึ ๑ ศอก ๕ นิว้ ก�ำลงั ๑ วา ๑ ศอก ๕ น้วิ - เรอื พระที่นงั่ ไกรแก้วจกั รรตั น์ พนื้ สีเขยี ว ขนาดยาว ๑๗ วา ๑ ศอก ๑ คบื ๓ น้ิว กวา้ ง ๑ วา ๑ คบื ๖ นิว้ ท้องลึก ๑ ศอก ๖ นว้ิ ก�ำลัง ๑ วา ๒ ศอก ๑ นว้ิ - เรอื พระทน่ี ง่ั ศรีสนุ ทรไชย พ้นื สีแดง ขนาดยาว ๑๗ วา ๒ ศอก กวา้ ง ๑ วา ๑ คืบ ๘ น้ิว ท้องลกึ ๑ ศอก ๗ น้วิ ก�ำลงั ๑ วา ๒ ศอก ๓ นิ้ว ๒. เรือไชยลายเขยี น มี ๓ ลำ� - เรอื พระทนี่ งั่ ไกรสรจกั ร พ้ืนสเี ขียว ขนาดยาว ๑๗ วา ๒ ศอก กวา้ ง ๑ วา ๑ คบื ๔ นิ้ว ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๖ น้ิว กำ� ลงั ๑ วา ๒ ศอก ๓ น้วิ - เรือวังหน้า เรือพระที่นั่งชลพิมานไชย พ้ืนสีแดง ขนาดยาว ๑๒ วา ๓ ศอก ๖ น้ิว กว้าว ๓ ศอก ๑ คืบ ๘ นิว้ ก�ำลัง ๑ วา ๑ ศอก ๒ นวิ้ - เรอื พระที่นง่ั ไกรสรมาศ พนื้ สแี ดง ขนาดยาว ๑๔ วา กวา้ ง ๔ ศอก ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๒ น้ิว ก�ำลงั ๔ ศอก ๓. เรือพระทีน่ งั่ ศรีลายสลกั มี ๘ ลำ� - เรอื พระท่ีนั่งศรรี ัตนดิลก พ้นื สแี ดง ขนาดยาว ๑๙ วา ๒ ศอก ๗ นว้ิ กวา้ ง ๑ วา ๑ ศอก ๔ น้วิ ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๓ นวิ้ ก�ำลงั ๑ วา ๒ ศอก ๖ นว้ิ 46
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES - เรือพระท่ีนั่งศรีบุษบกพิศาล พ้ืนสีน้�ำเงิน ขนาดยาว ๑๕ วา กว้าง ๑ วา ๑ คืบ ๒ นิ้ว ท้องลกึ ๑ ศอก ๒ นว้ิ กำ� ลัง ๑ วา ๑ ศอก ๑ คบื ๒ น้วิ - เรอื พระท่ีนั่งศรวี ิมานเมืองอินทร พนื้ สเี ขียว ขนาดยาว ๑๒ วา ๓ ศอก ๑ คืบ กวา้ ง ๑ วา ๖ นวิ้ ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ก�ำลัง ๑ วา ๑ ศอก ๒ ศอก - เรือพระท่ีนั่งสวัสดชิ ิงไชย พ้ืนสเี ขียว ขนาดยาว ๑๖ วา กวา้ ง ๑ ศอก ๔ น้ิว ท้องลึก ๑ ศอก ๖ น้วิ กำ� ลัง ๑ วา ๒ ศอก - เรอื พระที่นง่ั ศรีแก้วจกั รพรรดิ พนื้ สีนำ้� เงิน ขนาดยาว ๑๖ วา ๒ ศอก กว้าง ๑ วา ๔ นิว้ ท้องลกึ ๑ ศอก ๓ นว้ิ กำ� ลัง ๑ วา ๑ ศอก ๖ น้วิ - เรือพระท่ีนงั่ เทวาธิวตั ถ์ ของวงั หนา้ ขนาดยาว ๒๔ วา ๔ น้วิ กวา้ ง ๑ วา ๑ ศอก ๑๐ นวิ้ ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๑๐ นิ้ว ก�ำลงั ๑ วา ๒ ศอก ๑ คบื ๖ นิว้ - เรือพระที่น่ังเพชรัตน์ดาราราย ขนาดยาว ๒๐ วา ๒ นิ้ว กว้าง ๑ วา ๑ ศอก ๕ นิ้ว ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๙ นิว้ ก�ำลัง ๑ วา ๒ ศอก ๖ นิ้ว - เรอื พระทน่ี ง่ั ทวยเทพยถ์ วายกร ขนาดยาว ๑๘ วา กวา้ ง ๑ วา ๑ คบื ๔ นว้ิ ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๑๐ นว้ิ กำ� ลงั ๑ วา ๒ ศอก ๔. เรือศรลี ายเขียน ๗ ล�ำ ของวงั หนา้ คอื - เรือพระท่ีนั่งศรีรังสีทิพยรัตน์ พ้ืนสีแดง ขนาดยาว ๑๕ วา กว้าง ๑ วา ๑ คืบ ๒ น้ิว ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๓ นวิ้ ก�ำลัง ๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๑ น้ิว - เรือพระทน่ี ง่ั ศรจี กั รพรรดิภริ มย์ พน้ื สดี ำ� ขนาดยาว ๑๔ วา ๒ ศอก ๕ นิ้ว กวา้ ง ๑ วา ๑ คบื ๔ นว้ิ ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๘ น้ิว ก�ำลัง ๑ วา ๑ ศอก ๑ คบื ๙ นวิ้ - เรอื พระทน่ี ั่งศรีทนิ กรสอ่ งสี พ้ืนสีมว่ ง ขนาดยาว ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คืบ กวา้ ง ๓ ศอก ๓ นิ้ว ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๑ นว้ิ ก�ำลัง ๑ วา ๑ ศอก ๕ นิ้ว - เรอื พระทน่ี ่ังศรีมณีจกั รพรรดิ พ้ืนสเี ขยี ว ขนาดยาว ๑๓ วา ๕ นิว้ กวา้ ง ๓ ศอก ๑ คบื ๗ นิ้ว ทอ้ งลกึ ๑ คืบ ๑๐ นิว้ ก�ำลงั ๑ วา ๑ ศอก ๒ นิ้ว - เรือพระท่ีน่ังศรีรอง อนงคนิกร ขนาดยาว ๑๓ วา ๑๐ นิ้ว กว้าง ๑ วา ท้องลึก ๑ ศอก ก�ำลงั ๑ วา ๑ ศอก - เรือพระที่น่ังศรีรอง อัปสรสำ� ราญ พ้นื สมี ่วง ขนาดยาว ๑๓ วา ๑ ศอก กวา้ ง ๑ วา ๑ นิ้ว ทอ้ งลกึ ๑ ศอก กำ� ลัง ๑ วา ๑ ศอก ๒ น้ิว - เรือพระท่ีน่ังศรีวิไลเลขา พ้ืนสีด�ำ ขนาดยาว ๑๕ วา ๓ ศอก ๑ คืบ กว้าง ๑ วา ๓ นิ้ว ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๔ น้ิว กำ� ลัง ๑ วา ๑ ศอก ๗ นว้ิ ๕. เรอื พระทนี่ ่งั ของวังหน้า ๕ ล�ำ คือ - เรือพระทีน่ งั่ อนันตนาคราช ขนาดยาว ๒๑ วา ๒ ศอก ๗ นว้ิ กวา้ ง ๑ วา ๑ คบื ๕ น้วิ ท้องลกึ ๑ ศอก ๕ นิ้ว ก�ำลงั ๑ วา ๒ ศอก ๙ นว้ิ - เรอื พระทีน่ ั่งศรสี พุ รรณหงส์ พืน้ สีดำ� ขนาดยาว ๑๘ วา กว้าง ๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๖ นว้ิ ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๗ นิว้ กำ� ลงั ๑ วา ๓ ศอก 47
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES - เรอื พระทน่ี ั่งนารายณ์ทรงสบุ รรณ พนื้ สีแดง ขนาดยาว ๑๗ วา ๒ ศอก กว้าง ๑ วา ๑ ศอก ๕ นว้ิ ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๖ นวิ้ ก�ำลัง ๑ วา ๒ ศอก ๖ น้วิ - เรือพระที่นั่งสุวรรณเหรา พื้นสีน�้ำเงิน ขนาดยาว ๑๕ วา ๑ ศอก กว้าง ๑ วา ๔ นิ้ว ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๑ นวิ้ ก�ำลงั ๑ วา ๒ ศอก ๖ นิ้ว - เรือพระที่นั่งเหราข้ามสมุทร ขนาดยาว ๑๕ วา ๑ ศอก กวา้ ง ๑ วา ๑ คบื ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๗ น้วิ กำ� ลงั ๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๘ นิ้ว ๖. เรือพระที่นงั่ กราบ ๒๘ ล�ำ คือ - เรือพระที่นง่ั หลกั ไตรโลกย์ ขนาดยาว ๒๔ วา กวา้ ง ๑ วา ๑ ศอก ๕ นิ้ว ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๖ นว้ิ กำ� ลงั ๑ วา ๒ ศอก - เรือพระทน่ี ัง่ ศรเี มอื ง ขนาดยาว ๑๔ วา ๒ ศอก ๑ คืบ ๖ นิ้ว กว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ๖ นิว้ ท้องลึก ๑ ศอก ก�ำลัง ๑ วา ๑ ศอก - เรอื พระทน่ี ัง่ เฟื่องฟ้า ขนาดยาว ๑๔ วา ๒ ศอก กวา้ ง ๓ ศอก ๑ คบื ๙ น้ิว ท้องลึก ๑ ศอก ๒ นิว้ กำ� ลงั ๑ วา ๑ ศอก ๕ น้วิ - เรอื พระที่นั่งทิพากร ขนาดยาว ๑๔ วา ๒ ศอก กว้าง ๑ วา ๑ นวิ้ ท้องลึก ๑ ศอก ๒ น้วิ ก�ำลัง ๑ วา ๑ ศอก ๕ น้ิว - เรอื พระทนี่ งั่ ขจรกรุง ขนาดยาว ๑๕ วา ๒ ศอก ๑ คบื ๕ น้วิ กวา้ ง ๓ ศอก ๑ คบื ๑๐ นว้ิ ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๑ น้ิว กำ� ลัง ๑ วา ๑ ศอก - เรือพระท่ีนั่งรุ้งประสานสาย ขนาดยาว ๑๖ วา ๘ น้ิว กว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ๓ น้ิว ท้องลกึ ๑ ศอก กำ� ลงั ๑ วา ๑ คืบ ๓ นว้ิ - เรือพระท่ีนั่งชายลมหวน ขนาดยาว ๑๖ วา ๒ ศอก กว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ๕ นิ้ว ทอ้ งลกึ ๑ คืบ ๑๐ นิ้ว กำ� ลัง ๑ วา ๓ นวิ้ - เรือพระทน่ี ่ังกระบวนบางรำ� ขนาดยาว ๑๖ วา ๒ ศอก ๑ คืบ ๖ นิ้ว กวา้ ง ๓ ศอก ๑ คบื ๘ น้วิ ท้องลกึ ๑ ศอก กำ� ลงั ๑ วา ๑ คบื ๑๐ นิว้ - เรือพระที่นั่งประจ�ำทวีป ขนาดยาว ๑๗ วา ๓ ศอก ๑ คืบ กว้าง ๑ วา ๑ คืบ ๖ นิ้ว ทอ้ งลึก ๑ ศอก กำ� ลัง ๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๘ นิ้ว - เรอื พระทนี่ ั่งกลบี สมุทร ขนาดยาว ๑๖ วา ๒ ศอก ๑ คบื กวา้ ง ๑ วา ๓ นิว้ ท้องลึก ๑ ศอก ๓ น้วิ กำ� ลงั ๑ วา ๑ ศอก ๕ นว้ิ - เรือพระที่นง่ั สดุ สายตา ขนาดยาว ๒๓ วา กวา้ ง ๑ วา ๑ คืบ ๖ น้วิ ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๑๐ นิว้ ก�ำลงั ๑ วา ๑ ศอก ๑ คบื ๕ นิว้ - เรือพระที่นั่งช้านางนอน ขนาดยาว ๑๖ วา ๒ ศอก ๘ น้ิว กว้าง ๑ วา ๑ คืบ ๕ นิ้ว ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๑ น้ิว กำ� ลงั ๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๖ นิว้ - เรือพระทน่ี ่งั กรนางนาดของวังหนา้ ขนาดยาว ๑๔ วา กว้าง ๑ วา ๑๐ นว้ิ ท้องลกึ ๑ ศอก ๑ นว้ิ กำ� ลัง ๑ วา ๑ ศอก 48
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES - เรอื พระทีน่ ัง่ ประพาสแสงจันทรข์ องวังหน้า ขนาดยาว ๑๖ วา ๑ ศอก กวา้ ง ๑ วา ๑๐ น้วิ ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๔ นิ้ว กำ� ลงั ๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๒ นว้ิ - เรอื พระที่น่งั ตะวนั ส่องแสง ขนาดยาว ๑๕ วา ๑ ศอก ๖ น้วิ กวา้ ง ๓ ศอก ๑ คืบ ๘ น้วิ ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๓ นิว้ กำ� ลัง ๑ วา ๑ ศอก ๑ คบื ๒ นวิ้ - เรอื พระทน่ี ง่ั แท่งทองหลอ่ ขนาดยาว ๑๕ วา ๓ ศอก กว้าง ๑ วา ๑๐ น้วิ ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ๓ นว้ิ กำ� ลัง ๑ วา ๑ ศอก ๘ นว้ิ - เรือพระที่นั่งลอ่ ใจช่ืน ขนาดยาว ๑๔ วา ๒ ศอก ๑ คบื ๙ นวิ้ กวา้ ง ๓ ศอก ๑ คืบ ๘ นว้ิ ทอ้ งลกึ ๑ ศอก ก�ำลงั ๑ วา ๑ ศอก ๘ นวิ้ - เรอื พระท่ีนง่ั รนื่ ใจชม ขนาดยาว ๑๗ วา ๓ นิ้ว กวา้ ง ๓ ศอก ๑ คบื ๖ น้วิ ท้องลึก ๑ คบื ๖ นวิ้ กำ� ลัง ๑ วา ๑๑ นิ้ว - เรอื พระท่ีนงั่ สมทรงสลวย ขนาดยาว ๑๕ วา ๓ ศอก ๑ คืบ ๔ น้วิ กวา้ ง ๓ ศอก ๑ คบื ๔ น้ิว ท้องลกึ ๑ ศอก ๑ นิว้ ก�ำลัง ๑ วา ๑ คืบ ๙ นิ้ว - เรอื พระทนี่ ง่ั เหลาใหม่ ขนาดยาว ๑๕ วา ๑ ศอก ๑ คบื ๓ น้ิว กวา้ ง ๓ ศอก ๑ คืบ ๗ นว้ิ ท้องลึก ๑ ศอก ก�ำลงั ๑ วา ๑ คบื ๔ น้ิว - เรือพระที่น่ังประทัดทอง ขนาดยาว ๑๔ วา ๑ ศอก ๑ คบื กำ� ลงั ๑ วา ๗ นว้ิ กวา้ ง ๑ วา ๗ น้ิว ท้องลึก ๑ ศอก - เรือพระทน่ี ง่ั กล้องสลัด ขนาดยาว ๑๔ วา กว้าง ๓ ศอก ๑ คบื ๒ นิว้ ท้องลกึ ๑ คืบ ๘ นิว้ ก�ำลงั ๑ วา ๗ นว้ิ - เรือพระที่นั่งแก้วชิงดวง ขนาดยาว ๑๓ วา ๕ นิว้ กวา้ ง ๓ ศอก ๖ นิว้ ท้องลกึ ๑ ศอก ก�ำลงั ๑ วา ๕ นวิ้ - เรือพระท่ีนั่งพวงแก้ว ขนาดยาว ๑๓ วา กว้าง ๓ ศอก ๙ น้ิว ท้องลึก ๑ คืบ ๘ นิ้ว ก�ำลัง ๑ วา ๑ ศอก ๕ นว้ิ - เรือพระที่น่ังบัลลังก์ทอง ขนาดยาว ๑๒ วา ๑ ศอก กว้าง ๑ วา ๑ ศอก ๓ นิ้ว ทอ้ งลึก ๑ ศอก ๘ นว้ิ กำ� ลัง ๑ วา ๒ ศอก ๑ คบื ๘ นิว้ - เรอื พระท่นี ั่งบังลงั กแ์ ก้ว ขนาดยาว ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คบื ๖ นวิ้ กวา้ ง ๑ วา ๑ ศอก ๓ นว้ิ ท้องลึก ๑ ศอก ๗ นว้ิ กำ� ลัง ๑ วา ๒ ศอก ๘ นว้ิ - เรือพระท่ีน่ังสุทธาทิพย์ ขนาดยาว ๑๑ วา ๑ ศอก ๖ นิ้ว กว้าง ๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ท้องลกึ ๑ ศอก ๙ น้ิว กำ� ลงั ๑ วา ๒ ศอก ๑ คืบ ๘ นว้ิ - เรือพระที่นั่งบัลลังก์เงิน ขนาดยาว ๑๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ กว้าง ๑ วา ท้องลึก ๑ ศอก ก�ำลงั ๑ วา ๒ ศอก ๑ คืบ 49
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ในสมัยรัชกาลท่ี ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงประกอบพระราชพิธีบรม ราชาภิเษก ในวนั ศกุ ร์ท่ี ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๙๔ ข้ึน ๒ ค�่ำ เดือนหก ปีกุนแล้ว ไดโ้ ปรดให้เสด็จเลยี บ พระนครทั้งทางสถลมารคและชลมารค โดยเสด็จเลียบพระนครทางชลมารค ในวันพุธท่ี ๒๑ พฤษภาคม การเสดจ็ เลียบพระนครครั้งนี้ มีกระบวนเรอื เตรยี มแห่รบั เสดจ็ ดังน้ี ตอนที่ ๑ ๑. เรอื แงท่ ราย น�ำเสดจ็ ๖ ลำ� เรอื ยาว ๑๐ วา มธี งหน้าธงทา้ ย มปี นื เปรยี บน�ำเรือลำ� ละกระบอก ๒. เรือประตแู หก่ ระบวนหน้าเปน็ เรอื กญั ญา พระเทพผลู ล�ำซ้าย พระราชรองเมอื ง ล�ำขวา ๓. เรือเหราลายก�ำมะลอ มีกูบจัตุรมุขมีปืนใหญ่หน้าเรือ ๑ กระบอก ๒ ล�ำ เป็นของฝรั่งแม่นปืน ลงเรอื ลำ� ละ ๔ คน หลวงเสนห่ ส์ รชติ เป็นนายลำ� ๔. เรือแซคชรำ� บาญ ของพระยารตั นจักลำ� ขวา เรอื แซสารสนิ ธ์ุ พระยาภกั ดีสงคราม ลำ� ซ้าย ๕. เรือแซตลมุ ระเวง พระยาสหี ราชา ลำ� ขวา เรอื แซตะเลงละวล พระยาฤทธคิ �ำรณ ซ้าย ๖. เรอื แซวรวารี พระยากำ� แหงหาญณรงค์ ล�ำขวา เรอื แซศรีปทั มสมทุ ร พระยาจงใจหาญ ซ้าย ๗. เรอื แซจระเข้คำ� รามรอ้ ง พระยาจัตุรงคฤทธ์ิ ล�ำขวา เรอื แซจระเขค้ ะนองน้�ำ พระยาอัคศิริ ซ้าย ๘. เรือแซชงิ ไชเยศ พระยาแผลงศตั รู เรอื นแซเพชรปูมคาบ พระยาปราบปจั จามติ ร มีธงท้ายผกู ปืน หนา้ เรอื ฝรั่งแมน่ ปืนลำ� ละ ๒ คน ตอนที่ ๒ ๙. เรือพาลรี ้ังทวปี ทา้ ยเรือเจ้าพระยาพระคลงั วา่ ทสี่ มุหพระกลาโหม ซงึ่ โปรดใหเ้ รียกว่า เจ้าพระยา อคั รอุดมบรมเสนาบดีเป็นนายลำ� มที นายหมอบอย่หู น้า ฝพี าย ๖๐ คน ๑๐. เรือกัญญา พระยาเทพอรชนุ ลำ� ขวา พระยาราชนิกุล ลำ� ซ้าย ฝีพาย ๔๐ คน ๑๑. เรือสารวตั ร ๒ ลำ� มีขนุ นางเป็นนายลำ� ฝีพายลำ� ละ ๒๓ คน ๑ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์, พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๔, ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์, ๒๕๒๑, หน้า ๓๑-๔๐. 50
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 51
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ๑๒. เรือเอกไชยพื้นดำ� มธี งหน้าธงทา้ ย กลางเรอื มีมณฑปทรงพระไชย มฉี ตั ร ๕ ชนั้ ปกั เคยี งมณฑป ต�ำรวจใหญ่ซา้ ยเป็นนายลำ� ฝีพาย ๕๘ คน ๑๓. เรือกัญญากลอง น�ำเสด็จ พระยาวิชิตณรงค์เป็นนายล�ำ ฝพี าย ๒๕ คน ๑๔. เรอื กงิ่ ชลพมิ านไชย ลำ� ขวา เรอื กงิ่ ไกรศรมารถ ลำ� ซา้ ย มธี งปกั หนา้ ปกั ทา้ ย มมี ณฑปกลางตง้ั พระ มหากฐนิ กับวางผา้ ทรงพระพุทธรูป มฉี ัตร ๕ ชัน้ ปักซ้ายขวาข้างมณฑป เจ้าพนักงานเปน็ นายล�ำฝีพายลำ� ละ ๕๒ คน หมู่ ๑ คน ตอนท่ี ๓ ๑๕. เรอื กระบร่ี าญรอนราพณ์ พระอนุรักษโ์ ยธา ล�ำขวา เรือกระบปี่ ราบเมอื งมาร พระมหาสงคราม ลำ� ซ้าย ๑๖. เรือเสือทะยานชล หลวงเดชสำ� แดง ล�ำขวา เรือเสอื ค�ำรณชลสนิ ธ์ุ หลวงแสงสรสทิ ธ์ิ ล�ำซา้ ยเปน็ เรอื เจา้ กรมทหารปืนปากนำ�้ ในเรือมีคนกระทุง้ เส้า ฝีพายล�ำละ ๓๘ คน ๑๗. เรอื โตขมังคลื่น หลวงวิจารณโ์ กษา ลำ� ขวา เรือโตฝนื สมุทร หลวงโยธาภกั ดี ล�ำซ้าย ในเรอื มีคน กระทงุ้ เสา้ ฝีพายลำ� ละ ๓๐ คน ๑๘. เรอื สางก�ำแหงหาญ หลวงพิทกั ษ์โยธา ล�ำขวา เรอื สางชาญชลสนิ ธ์ุ หลวงนราเรืองเดช ล�ำซา้ ย เป็นเรอื เจ้ากรมไพร่หลวงอาสาใหญ่ กรมเกา่ มีฝีพาย ๓๐ คน ๑๙. เรอื เหราลอ่ งลอยสนิ ธ์ุ หลวงวเิ ชยี รไพชยนต์ ลำ� ขวา เรอื เหราลลี าสมทุ ร หลวงสกลพมิ าณ ลำ� ซา้ ย เป็นเรอื เจ้ากรมไพร่หลวงกรมวงั ฝพี ายลำ� ละ ๓๐ คน ๒๐. เรอื กเิ ลนประลองเชงิ หลวงเทพเดช ล�ำขวา เรอื กเิ ลนละเลงิ ชล หลวงสรุ นิ ทรเดช ลำ� ซา้ ยเปน็ เรอื เจ้ากรมทำ� ลุ มฝี ีพาย ๓๐ คน ๒๑. เรือมังกรจ�ำแลงอาสา หลวงรามเดชะ ล�ำขวา เรือมังกรแผลงฤทธิ์อาสา หลวงเพชรก�ำแหง ลำ� ซ้ายเป็นเรอื เจ้ากรมอาสา ๖ เหลา่ มีฝพี าย ๓๐ คน หมู่ ๑ คน ตอนที่ ๔ ๒๒. เรอื อสรุ วายภุ กั ษ์ หลวงศรสำ� แดง ลำ� ขวา เรอื อสรุ ปกั ษี หลวงจงพยหุ ลำ� ซา้ ย เปน็ เรอื ปลดั เขนทอง มฝี พี าย ๔๐ คน ๒๓. เรอื ครฑุ เหินเห็จ หลวงไชยเดชะ ล�ำขวา เรอื ครุฑเตรจ็ ไตรจกั ร หลวงจตุรงควไิ ชย ล�ำซา้ ยฝพี าย ล�ำละ ๔๐ คน ๒๔. เรอื สวุ รรณเหรา ลำ� ขวา เรอื เหราขา้ มสมทุ ร ลำ� ซา้ ย มเี จา้ พนกั งานเปน็ นายกำ� กบั ลำ� มนี กั สราชถอื ธงหกั ทองขวางหน้าเรอื ทา้ ยเรอื มีกลองชนะท�ำด้วยเงิน ล�ำละ ๕ คน มฝี ีพาย ๔๘ คน มเี รือกลองน�ำไปหวา่ ง กลาง พระยาพไิ ชยรณฤทธิ์เปน็ นายลำ� ฝีพาย ๒๕ คน ๒๕. เรือมงคลสุบรรณ ล�ำขวา เรือศรสี ุพรรณหงส์ ล�ำซา้ ย นกั สราชถือธงหกั ทองขวาง หน้าเรือ ท้าย เรือ มีกลองชนะทำ� ด้วยเงิน ล�ำละ ๕ คน ฝีพายลำ� ละ ๖๕ คน 52
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ๒๖. เรอื กง่ิ ศรสี มรรถไชย ลำ� ขวา เรอื กง่ิ ไกรแกว้ จกั รรตั น์ ลำ� ซา้ ย มนี กั สราชถอื ธงหนา้ ธงทา้ ย มมี ณฑป ตั้งพระเจดยี เ์ งิน ตง้ั พระสพุ รรณบฏั มีแตรงอน แตรฝร่ัง ลำ� ละ ๑๗ คน ฝพี ายลำ� ละ ๖๕ คน ๒๗. เรอื กง่ิ ศรสี นุ ทรไชย หมนื่ สทิ ธโิ สรบ ลำ� ขวา เรอื กงิ่ ไกรสรจกั ร หมนื่ ภกั ดศี วร ลำ� ซา้ ยเปน็ เรอื ตำ� รวจ ใน มนี ักสราชถอื ธงหนา้ ธงท้าย มีคชาธารปกั ฉัตร ๗ ชน้ั ฝีพาย ๕๖ คน ๒๘. เรอื กระโห้ หลวงลักษมณา ล�ำขวา เรือกระโห้ หลวงสรุ นิ ทรภักดี ล�ำซา้ ย เป็นเรอื ของอาสาจาม ฝีพายลำ� ละ ๓๕ คน ๒๙. เรือกระโห้ หลวงคชเสนี ลำ� ขวา เรือกระโห้ ขนุ วิชติ สงคราม ล�ำซา้ ย เป็นเรอื ของอาสาจามซ้าย ขวา ฝพี ายลำ� ละ ๓๕ คน หมู่ ๑ คน ตอนที่ ๕ ๓๐. เรือกนั ขวา เรอื ด้งั ซ้าย ๓๑. เรือด้งั กองกลาง ขวา เรอื ดง้ั กองกลาง ซา้ ย ๓๒. เรอื ดั้งต�ำรวจสนม ขวา เรอื ดัง้ ตำ� รวจสนม ซ้าย ๓๓. เรอื ดั้งต�ำรวจนอก ขวา เรอื ดง้ั ตำ� รวจนอก ซ้าย ๓๔. เรือด้ังต�ำรวจใหญ่ ขวา เรอื ดั้งตำ� รวจใหญ่ ซา้ ย ๓๕. เรอื ดงั้ ต�ำรวจใน ขวา เรอื ด้งั ตำ� รวจใน ซา้ ย ๓๖. เรอื ดั้งล้อมวงั ขวา เรอื ด้งั ล้อมวัง ซ้าย ๓๗. เรือดั้งเกณฑห์ ัด ขวา เรือดั้งเกณฑห์ ดั ซ้าย ๓๘. เรอื ดง้ั อาสาวเิ ศษ ขวา เรอื ด้งั อาสาวเิ ศษ ซ้าย ๓๙. เรือด้งั น�ำหน้าฉาน ขวา เรือด้ังนำ� หนา้ ฉาน ซา้ ย ๔๐. เรือดง้ั ผลาญสมุทร ขวา เรอื ดง้ั ผลาญสมุทร ซ้าย ๔๑. เรือดั้งบา้ บ่ิน ขวา เรอื ดง้ั ทองขวานฟา้ ซ้าย เรือด้ังตั้งแต่หมายเลข ๒๐-๔๑ มีนายก�ำกับล�ำถือปืนคาบศิลา ล�ำละ ๔ คน มีคนกระทุ้งเส้า ล�ำละ ๒ คน ฝีพายล�ำละ ๔๕ คน มีเรือกัญญาสารวัตรไปกลางแถวล�ำหน่ึง มีจม่ืนสมุหพิมาน เป็นนายล�ำ ฝีพาย ๓๕ คน ตอนที่ ๖ ๔๒. เรือเอกไชยหลาวทอง ขวา เรือเอกไชยเหิรหาว ซ้าย มีนักสราชถือธงหักทองขวางหน้าเรือ ท้ายเรอื มกี ลองมโหระทกึ ประโคมลำ� ละ ๕ คน ฝพี ายลำ� ละ ๔๕ คน ๔๓. เรอื กลองนำ� เสด็จ พระยาพิไชยสงคราม เป็นนายล�ำ ฝีพาย ๒๕ คน ๔๔. เรือกงิ่ ศรปี ระภัศรไชย ลำ� พระทีน่ งั่ ทรง ๔๕. เรอื กิ่งไกรสรมุข พระท่ีนั่งรอง 53
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ทั้งสองล�ำมีนักสราชถือธงหักทองขวางหน้าท้าย มีมณฑปยอดเป็นพระท่ีนั่งประดับพลอยสีต่าง มเี ศวตฉตั รขาวลายทอง ๗ ชนั้ ปกั เคยี งพระมณฑปซ้ายขวา เครอ่ื งสูงอภิรุมชุมสาย ต้ังรายไปตามเรือฝีพาย ๑๐๐ คน ๔๖. เรือกราบ มีกญั ญาผา้ หน้าโขนหกั ทองขวาง จางวางเจา้ กรม ปลัดกรม ต�ำรวจหนา้ ต�ำรวจหลัง ทหารในรักษาพระองค์ กรมวัง แสงตน้ มหาดเล็กเป็นนายล�ำตามเสดจ็ พายไป ๔ แถวๆ ละ ๖ ล�ำ รวมเรือ ๒๔ ล�ำ ๔๗. เรือตารา้ ย เกณฑ์หดั แสงปนื ประทนุ แดง ๔ ล�ำ มพี ระอคั เนศร พระศรส�ำแดงเดช จมื่นก่งศลิ ป จมน่ื กง่ ศร เปน็ นายลำ� แต่ละลำ� บรรทกุ ปนื เครือ่ งอาวธุ เตรียมไป ฝพี ายลำ� ละ ๒๕ คน ๔๘. หมู่เรือศรีประกอบเขียนลายทอง เป็นเรือประเทียบม่านทองแย่ง รวม ๖ ล�ำ ของกรมฝ่ายใน ฝพี ายล�ำละ ๕๐ คน ได้แก่ เรือสวสั ดิชงิ ไชย เรือวิไลเลขา เรอื รังสีทพิ ยรัตน ์ เรอื จกั รพรรดิภริ มย์ เรือทินกรสอ่ งศรี เรือมณจี กั รพรรดิ ๔๙. หมู่เรือแซ มี ๔ ลำ� ทวนปักทา้ ยเรือ มฝี พี ายลำ� ละ ๓๕ คน ได้แก่ เรอื แซหมชู่ ลจร พระยาเกียรต ิ เรือแซสุกรก�ำเหลาะ พระยาพระราม เรือแซวภิ ัชนชล พระยาปราบปจั จามิตร เรอื แซอนันตสมุทร พระยาแผลงศตั รู ๕๐. เรือกราบกัญญา พระนรินทเสนี เรือกราบกัญญา พระราชเสนา (แทนพระศรสี หเทพ) เปน็ เรือ ประตูหลัง มีฝีพายลำ� ละ ๓๕ คน หมู่ ๑ คน ๕๑. เรอื กญั ญาผกู ผา้ หนา้ โขนหกั ทองขวาง ผกู พู่ ผกู ดาว เปน็ เรอื พระเจา้ นอ้ งยาเธอ พระเจา้ ลกู ยาเธอ พระเจา้ หลานเธอ และพระเจา้ ราชวรวงศ์เธอ มรี วม ๒๓ ลำ� ฝีพายละลำ� ๕๐ คน ๕๒. เรอื สคุ รพี ครองเมือง พระยาศรีพิพฒั นรตั นราชโกษา ซ่งึ โปรดเกลา้ ฯ ให้เรยี กว่า เจา้ พระยาบรม มหาพิชัยญาติ เสนาบดผี ้ใู หญเ่ ปน็ นายลำ� เรือน้มี ีธงหักทองขวางปกั หน้าเรอื และท้ายเรอื มที นายหมอบหน้า ฝพี าย ๖๐ คน ๕๓. เรือกราบกญั ญาหม่มู ขุ มาตยาผใู้ หญ่ ผูน้ อ้ ย ทีม่ ไิ ดเ้ ขา้ กระบวนเป็นนายล�ำ มีฝีพาย ๓๐-๔๐ คน ๕๔. หมู่เรือเก๋งฟ้งั ขนุ นางจีนเจา้ ภาษี ๒๐ ล�ำ ๕๕. เรอื สำ� ปน้ั ขนุ นางนอ้ ยๆ ซงึ่ มไิ ดเ้ ขา้ กระบวนแห่ เรอื นยี้ าว ๖-๘ วา มฝี พี ายลำ� ละ ๑๔, ๑๕, ๒๐ คน รวมเรอื ในกระบวน ๒๖๘ ลำ� เจา้ พนกั งานและพลพาย ๑๐,๐๐๐ คนเศษ เรอื นอกกระบวนประมาณ ๕๐ ลำ� เศษ จากเรอ่ื ง พระราชพธิ ที วาทศมาส๑ ซง่ึ เปน็ พระนพิ นธข์ องสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ ฯ กรมพระยา บำ� ราบปรปกั ษ์ ทรงกลา่ วถงึ รวิ้ กระบวน ในสมยั รชั กาลที่ ๔ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั อนั สามารถ นำ� มาเปรยี บเทยี บกบั เรอ่ื งราวในพระราชพงศาวดารไดเ้ รมิ่ ตน้ ดว้ ยเรอื ดงั้ ซงึ่ เปน็ เรอื รปู สตั ว์ แลว้ ตามดว้ ยเรอื แซ เรือญวน แล้วจึงถึงเรือพระท่ีน่ังกิ่ง ๒ ล�ำ ล�ำหน่ึงเป็นเรือพระท่ีน่ังทรง อีกล�ำหน่ึงเป็นเรือพระท่ีนั่งรอง ดังบทความโคลงท่วี ่า ๑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยาบ�ำราบปรปักษ์, พระราชพิธีทวาทศมาส, เจ้าพระยาธรรมาธิ กรณาธบิ ดี ใหพ้ มิ พใ์ นงานพระราชทานเพลงิ ศพ หมอ่ มราชวงศแ์ ปน้ เจา้ จอมในรชั กาลท่ี ๔, โรงพมิ พเ์ จรญิ ผล, หนา้ ๕๗ - ๗๗. 54
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ๏ ชลมารคพยหุ ยาตรยา้ ย เป็นขบวน เรือรูปสัตว์จำ� นวน ค่ดู ัง้ เรอื แซอีกเรือญวน แจวคู่ นา่ เฮย เรือก่งิ ที่นั่งทง้ั ค่ไู ท้ทรงรอง ๏ ทหารญวนล้วนสอดเสอ้ื จีนประจ�ำ สามคอู่ ยู่แจวนำ� แห่หน้า ทา้ ยธงปักทุกลำ� อาวุธ อกี เลย กรมพระตำ� รวจ ปนื ใหญ่แม่นปนื กล้า อยยู่ ้ังลำ� ลสอง ๏ เรอื แซแห่เหลา่ ดว้ ย มวญมอญ ลำ� หน่ึงหมูช่ ลจร ชื่อแท้ อกี ลำ� หนง่ึ สกุ ร ก�ำเหลาะ กองทหารใน นา้ วหน่วงกรรเชียงแต้ โยกโย้ เต็มตึง ๏ แซชงิ ไชเยศอ้าง ออกนาม อกี เพศภุกามตาม คลู่ ำ�้ จรเขช้ ่อื ค�ำราม รอ้ งเรียก เรือแฮ หนึง่ ช่ือคนองนำ้� หกถ้วนขบวนเดิม นน่ั คือมีเรอื ญวนพายน�ำหนา้ ๓ คู่ ตอ่ มาเป็นเรอื แซ ซึง่ มีพวกมอญลงประจำ� ๑ คู่ ซ่งึ เรือหมูช่ ลจรกบั เรอื สุกรก�ำเหลาะ แลว้ เปน็ เรือแซของพวกภกุ าม (พมา่ ) อีก ๑ คู่ แต่มิไดเ้ อ่ยถึงชือ่ เรือ จากนั้นกเ็ ป็นเรอื ดง้ั รปู สตั ว์ ๑ คู่ หวั รปู จระเข้ชื่อ เรอื ค�ำรามร้อง และเรือคะนองน้�ำ รวมเรือน�ำทก่ี ลา่ วมาแลว้ เปน็ เรอื ๖ คู่ ถดั ไปเป็น เรอื รูปสัตว์ และเรือกราบ ซึง่ มีเสนาบดีต่างๆ คมุ ไปแต่ละลำ� ดงั นี้ เรือเสือชื่อ เรอื เสอื ทะยานชล (หลวงเดชส�ำแดง) เรือเสือค�ำรณสินธ์ุ (หลวงแสงศรสทิ ธิ) เรอื กราบกญั ญา ๒ ล�ำ ของพระราชวรานกุ ูล กบั ของ พระเทพอรชนุ เรือสางชอื่ เรอื กำ� แหงหาญ (หลวงพทิ ักษโ์ ยธา) เรือชาญชลสนิ ธ์ุ (หลวงนราเรอื งเดช) เรือกเิ ลนช่อื เรอื ประลองเชิง (หลวงเทพเดชะ) เรือละเลงิ ชล (หลวงสรุ นิ ทร์เดชะ) เรอื มกรช่ือ เรือมกรแผลงฤทธิ์ (พระรามพิชยั ) เรือมกรจ�ำแลง (พระเผด็จสงคราม) เรอื เหราช่อื เรอื ลอ่ งลอยสนิ ธ์ุ (หลวงสกลพมิ าน) เรือลินลาสมุทร (หลวงวิเชียรไพชยนต์) เรือโต๑ ชือ่ เรือฝนื สมทุ ร (ขนุ ช�ำนาญภกั ดี) เรือหมุนแผ่นน้�ำ (ขนุ ศรสี งั หาร) เรอื ดงั กล่าวน้จี ะตั้งคฤห์ กลางลำ� ลวดลายทลี่ ำ� เรอื ทาน้�ำมนั หลงั คาคฤหค์ าดผ้าแดง ตอ่ มาเปน็ เรอื รปู สัตวอ์ กี ๔ คู่ ต้ังคฤหต์ รงกลาง หลังคาคาดแดง ปักทองลายกรวยเชงิ ลวดลายทเ่ี รือเป็นลายรดน�้ำ หรือลงรักปดิ ทองน่นั เอง ซ่ึงได้แก่ เรอื กระบ่ี ชอื่ เรือกระบร่ี าญรอนราพณ์ (หลวงศรณี รงค)์ เรือกระบป่ี ราบเมอื งมาร (หลวงมหาโยธ)ี เรอื ยักษ์ ช่ือ เรืออสรุ วายุภกั ษ์ (หลวงเสนานนท์) เรืออสุรปักษสี มทุ ร (หลวงพลอาไศรย) เรือกระบี่ ชื่อ เรอื พาลีร้งั ทวปี (ขุนพรหมรักษา) เรือสุครีพครองเมือง (ขุนอินทร์รักษา) ๑ เรอื โต ไม่ทราบแนว่ ่าหมายถงึ สงิ โต หรือโลโต. 55
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES เรอื ครุฑ ช่อื เรือครฑุ เหนิ ระเหจ็ (ขนุ บญั ชาพล) เรอื ครฑุ เตร็จไตรจกั ร (ขุนฤทธ์ิพชิ ยั ) ต่อจากเรอื ครุฑ เป็นเรือกราบ ๑ คู่ พายนำ� หนา้ เรอื คชู่ กั จากนน้ั ก็ตามด้วยเรือพระทน่ี ั่งก่งิ ชื่อ เรอื ศรสี มรรถไชย ตรงกลางล�ำ ต้งั บัลลงั ก์บุษบก ดงั บทโคลงทวี่ า่ ตดั ถึงเรอื กงิ่ แก้ว ศรีสมรรถ ไชยเฮย ประกอบกาบกนกสบดั ชดช้อย บัลลังกบ์ ุษบกรตั น์ เรืองโรจ แสงสุวรรณสกุ ย้อย ยอดหลิว้ เลอหาว ถัดจากเรอื ศรสี มรรถไชย เปน็ เรือชัย ๑ คู่ อยูฝ่ ่ายซ้ายและฝ่ายขวา คือ เรือไชยเหนิ หาว (หลวงอภยั เสนา) เรือหลาวทองเอกไชย (หลวงสเุ รนทรวิชติ ) ตามดว้ ยเรือพระทน่ี ัง่ อนันตนาคราช ซงึ่ มีโขนเรือเป็นรปู พระยานาค ๗ เศียร และ เรือพระที่น่ังรอง ซึ่งเป็นเรือศรี อกี ๒ ลำ� มิไดบ้ อกชื่อไว้ จากนั้นก็เป็นกระบวนในหลัง กระบวนในหลัง ใช้เรอื กราบกัญญา ๘ คู่ ซ่งึ เปน็ เรอื ราชองครกั ษ์ท้ัง ๘ กรม ล้วนมเี จ้ากรมควบคุมจงึ เรยี กชือ่ ตามชอ่ื ของเจา้ กรมทปี่ ระจำ� ฝา่ ยซา้ ย และฝ่ายขวา ดงั นี้ ๑. เรอื พระยาอภยั รณฤทธ ์ิ เรอื พระยาอนชุ ติ ราชา ๒. เรือพระมหาเทพ เรือพระมหามนตรี ๓. เรือพระพิเรนทรเทพ เรือพระอินทรเทพ ๔. เรือพระอินทรเดช เรอื พระราชวรินทร์ ๕. เรอื พระพรหมบรริ กั ษ ์ เรอื พระสรุ ิยภักดี (กรมสนม) ๖. เรอื พระยามหานุภาพ เรอื พระยาราชสงคราม (องครกั ษ์) ๗. เรือพระราชโยธาเทพ เรอื พระวิสทุ ธิโยธามาตย์ ๘. เรอื พระหฤไทย เรอื พระอภยั สุรินทร์ ตามด้วยเรือปลัดกรมพระต�ำรวจ ๓ คู่ และกรมรกั ษาพระองค์ ๒ คคู่ ือ ๑. เรือหลวงกรรภยุบาทว ์ เรือหลวงราชเสวกชาญ ๒. เรอื ขุนปลดั ราชพิมาร เรอื ขุนอนิ ทร์ประสาท จากนน้ั เปน็ เรอื ของพวกตรวจไฟ มี จา่ หาญ จา่ หา้ ว จา่ ผลาญ จา่ เรง่ จา่ เขบง จา่ เขมน้ จา่ เผน่ จา่ โผน จา่ ชว่ ง และจา่ โชน ตอ่ จากพวกตรวจไฟกเ็ ปน็ เรอื กรมทนายเลอื ก เรอื กรมรกั ษาพระองคป์ ลายหอก ซง่ึ มี ๒ คู่ ๑. เรือพระอภบิ าล เรอื หลวงบรมราช ๒. เรือขนุ อาจ เรอื ขนุ อมร เรอื ทหารเกณฑ์หดั มเี รือ ๒ คู่ ๑. เรอื พระศรสำ� แดงเดช เรือพระอัคเนศรแสงใหญ่ ๒. เรือหมื่นก่งศร เรือหมืน่ กง่ ศิลป์ เรอื ทหารมหาดเลก็ ๓ ล�ำ เปน็ เรือของหลวงสาตราธกิ รณ์ หลวงสรจักรานกุ จิ และหลวงวิทยาธิกรณ์ นอกจากน้ีมีเรือแซง เรือกัญญาของเหล่านายเวร จ่า มหาดเล็ก และหุ้มแพร ตามด้วยเรือของพวกจมื่น ปลดั วังอีก ๔ ลำ� โดยมีเรอื อนรุ ักษ์ และเรือบ�ำเรอภักด์ิ อย่คู ู่ทา้ ยของกระบวนในหลัง 56
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES กระบวนในนอก มีเรือประตหู ลังของพวกปลดั บญั ชี ซงึ่ จดั ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา คือ เรือพระนรินทรเ์ สนี เรือพระยาศรสี ิงหเทพ ตามด้วยเรอื แซต้ังคฤห์ คือ เรอื วรวารี เรือศรปี ัดสมทุ ร เรือกราบกัญญาของพระองค์เจ้าและเจา้ ตา่ งกรม แลว้ จึงถึงเรือกญั ญาของพวกขุนนาง อย่างไรก็ดี ในตอนท้ายของบทได้กล่าวว่า มีการแก้ไขพยุหยาตราทางชลมารคใหม่ ดังความในบท โคลงทีว่ ่า ๏ ชลมารคพยุหยาตราน้ ี มวี ัน หนงึ่ นา ตอ่ อีกนัน้ จดั สรร ใหมแ่ ท้ พรหมราชทีพ่ ัวพนั หมายบอก เรือรูปสตั ว์ผลดั แก ้ เปลีย่ นต้ังธรรมเนยี ม นั่นคือการจัดร้ิวขบวนพยุหยาตราครั้งน้ีมีการแก้ไขใหม่ด้วย โดยการเปลี่ยนแปลงเรือรูปสัตว์ไปบ้าง อกี ดว้ ย คือ ให้คงเรอื ญวน ๓ คู่ ไว้กบั เรือเสือ ๑ คู่ เรือแซ ๓ คู่ รวมเป็น ๔ คู่ มเี รือประตกู บั เรอื กลองนำ� ขบวน ริ้วนอก มีเรอื ปลดั กรมพระตำ� รวจหน้า เรอื ตำ� รวจ เรือกลอง เรอื ประตู และเรือเสือ อย่างละคู่ รวม ๕ คู่ มเี รือ ที่เรยี กว่า กองกลาง ซ่งึ จดั ฝา่ ยขวา ฝ่ายซา้ ยดังน้ี ๑. เรือดั้งนอก คือ เรือของขนุ จงใจหาญ ขุนผลาญไพรี ๒. เรือกนั ของกรมสรุ สั วดี คอื เรอื ของขุนนราฤทธไิ กร ขนุ พิไชยชาญยทุ ธ ๓. เรอื ด้ังตำ� รวจ ๔. เรือดง้ั ของพวกเกณฑ์หดั อยา่ งฝร่ัง คอื เรอื ของขนุ คงปนื ไฟ ขุนไล่พลรบ ๕. เรอื ดง้ั ของพวกลอ้ มวัง คอื เรอื ของหลวงอภยั พลชาญ หลวงชนะไพริน ๖. เรอื ดัง้ ของพวกอาสาวิเศษ คอื เรอื ของขุนอนชุ ติ สงคราม ขุนรณฤทธ์พิ ิไชย ๗. เรือดัง้ ของทหารใน คอื เรือของหมื่นจงใจสนิท หม่ืนจติ รรกั ษา ต่อมามีเรือปลัดต�ำรวจน�ำหน้าเรือทหารใน จากนั้นเป็นเรือกลอง ซ่ึงอยู่หน้าเรือคู่ชัก แล้วจึงถึงเรือ พระท่ีนั่งเอกไชยตั้งบุษบก ซ่ึงเรือพระที่น่ังศรีประภัศรไชย ส�ำหรับต้ังผ้าพระกฐิน ตามด้วยเรือพระที่น่ังรอง ๒ ลำ� คกู่ ัน คอื เรอื ทองบา้ บนิ่ อยู่ฝา่ ยขวา มชี าวโพเรยี งเปน็ พลพาย เรือทองแขวนฟา้ อย่ฝู ่ายซ้าย มชี าวบา้ น ใหมเ่ ป็นพลพาย ถัดไปเปน็ เรอื พระท่นี ัง่ เทวาธวิ ตั ถ์ เรอื พระทนี่ ่ังเพชรตั นรายดารา และเรอื พระทนี่ ง่ั รตั นดลิ ก จากนั้นเป็นเรอื พระที่น่ังกราบ ๓ ลำ� ๑ คือ เรอื พระที่นัง่ ประจ�ำทวปี เรอื พระทน่ี ง่ั กลีบสมทุ ร และเรอื พระท่ีนงั่ ประพาสแสงจันทร์ และต่อด้วยเรือศรีอีก ๒ ล�ำ คือ เรือพระท่ีนั่งจักรพรรดิภิรมย์ และเรือพระที่นั่งพิมาน อมรนิ ทร์ น่เี ปน็ ริ้วกระบวนเรอื พยหุ ยาตราในสมัยรชั กาลท่ี ๔ ซง่ึ มีท่ีเปล่ียนแปลงไปจากสมยั กรงุ ศรีอยุธยาอยู่ บ้าง ทัง้ น้อี าจจะเปน็ เพ่อื ให้มีความสวยงามและความโออ่ า่ ยิ่งข้ึนนัน่ เอง ๑ เรอื ท้ัง ๓ ล�ำน้กี ลา่ วกันว่า “ปา่ ใต”้ (คงหมายถงึ ปกั ษใ์ ต)้ ตอ่ ถวายมาไว้เปน็ เรอื พระท่นี ัง่ ตน้ สำ� หรับผลัดเปลยี่ น วันละล�ำ. 57
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES นอกจากพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินที่ต้องใช้เรือพระที่น่ังแล้ว ก็ปรากฏว่าในพระราชพิธีลอยพระ ประทปี ๑ หรือที่สมัยโบราณเรียกว่า พระราชพธิ ีจองเปรียง และคนไทยปจั จบุ นั ร้จู ักกันว่าลอยกระทงน้นั ใน สมัยโบราณการประกอบพระราชพธิ นี ก้ี ม็ ีการใชเ้ รอื พระที่นง่ั และเรือด้งั เรือกนั ด้วย นัน่ คือใหพ้ นั พรหมราช ทำ� หมายบอกลอ้ มวงบรเิ วณท่ีใช้ทำ� พระราชพธิ ี มีพลเรอื น ทหาร และกรมท่าทอดทุน่ ใหญน่ อ้ ย ความหมายที่ ตง้ั ทกุ กอง พวกทท่ี อดทนุ่ รว้ิ สายใน พวกปลดั กรม นงั่ เรอื คฤห์ ซง่ึ ใชเ้ รอื รปู สตั วเ์ ขยี นลายนำ�้ มนั ไปทอดทนุ่ ดา้ น ขวา ๔ ทุน่ ด้านซา้ ย ๔ ทนุ่ ทางเหนือนำ้� สดุ เป็นเรอื ของขนุ เทพราช สว่ นทา้ ยสดุ เปน็ เรอื ของขนุ ศรนี รินทร์ ร้วิ สายนอก ใหพ้ วกกองทำ� ลุ กองเกณฑห์ ดั ฝร่งั กองสนม และกองต�ำรวจ ทอดทนุ่ รวิ้ สายกลาง เปน็ เรอื พณิ พาทย์ มกี ลองแขกนำ� มเี รอื นอก ๒ ลำ� เปน็ เรอื คอยจดุ ดอกไมเ้ พลงิ ตรงกลาง เปน็ เรอื บัลลังกข์ นานทจี่ ะมาทรงลอยพระประทีป ด้านหนา้ ของเรอื บลั ลงั ก์ขนาน มเี รอื ตำ� รวจในทอดอยู่ สว่ น ทางหน้าฉาน เป็นเรือของกรมพระตำ� รวจใหญ่ กองกลาง มีเรือดัง้ ของกรมอาสา และเรือกันนอกจากนีจ้ ะเห็น ไดว้ า่ การทอดทุน่ ยังมีเรอื ปืนทเี่ รียก “กันโบด” (Gun Boat) ๔ ล�ำ อยู่ด้านเหนือน�้ำ ๒ ลำ� ใต้นำ�้ อีก ๒ ล�ำ ชั้นนอกออกไปเป็นเรือส�ำหรับกักเรืออ่ืนๆ มิให้ผ่านเข้ามาในบริเวณที่จะประกอบพระราชพิธีโดยมี พวกอาสาจามคอนตฆี อ้ งกระแตบอกเตอื น สว่ นพวกนครบาลซงึ่ ทอดทนุ่ อยใู่ นชน้ั นอกสดุ นน้ั คอยเกบ็ สงิ่ ตา่ งๆ ที่ลอยมาตามนำ�้ ให้ออกไป ในยามคำ�่ ก็มีเรือตำ� รวจตดิ โคมเพชร โคมสาน และโคมกลีบบัวสอ่ งเพอื่ ไม่ใหพ้ วก แลน่ เรอื ในคนื นนั้ ผา่ นเขา้ มาในเขตดว้ ยการตฆี อ้ งกระแตเตอื น ในเรอื รปู สตั วข์ องพวกตำ� รวจจะมปี นื จา่ รงตดิ ตง้ั อยู่ ส่วนบนตล่ิงทัง้ สองดา้ นมพี นั พุฒิ และพันเทพราชไปตั้งกองรกั ษาความปลอดภัย โดยทางฝ่งั ตะวนั ออกมี ๖ กรม เช่น ทหารใน ทหารเลือกหอก ทหารกองรกั ษาพระองค์ กองอาสาญี่ปนุ่ กรมไพรีคลงั สนิ คา้ สว่ นทาง ฝ่งั ตะวนั ตกมกี องรกั ษาความปลอดภยั ๑๐ กรม เป็นพวกกองตระเวน เมอื่ ไดเ้ วลาเสดจ็ ถงึ เจา้ พนกั งานกจ็ ะชกั โคมสญั ญาณขน้ึ ยอดเสา บรรดาเรอื ทนุ่ กจ็ ะจดุ โคมรายบรรดา พณิ พาทยแ์ ละกลองแขกกป็ ระโคม ทหารกเ็ ปา่ แตร พระเจา้ อยหู่ วั กจ็ ะเสดจ็ ลงเรอื พระทนี่ ง่ั อนนั ตนาคราช ลอ่ ง ไปทเ่ี รอื บลั ลงั กข์ นาน ในกระบวนนมี้ เี รอื ตง้ั บษุ บกประดษิ ฐานพระพทุ ธสหิ งิ คจ์ ำ� ลองลำ� หนงึ่ ตง้ั พมุ่ พานทองอกี ลำ� หนง่ึ เรอื ในรว้ิ กระบวนถดั ไปมเี รอื โขมดยา เรอื ดงั้ เรอื รปู สตั ว์ ซง่ึ ลว้ นตง้ั คฤหก์ ญั ญาคาดผา้ แดงลายทอง สว่ น เรอื พระที่นั่งต้นมี เรือนาค เรอื ครฑุ เรอื หงส์ เรือเหรา เรอื ก่งิ แก้ว เรอื เอกไชย เรอื กราบ เรอื พวกน้ี ตั้งบัลลงั ก์ มณฑปตรงกลางล�ำมมี ่านปักด้นิ ทอง ในเรือกราบล้วนเปน็ พวกขุนนางชัน้ ผ้ใู หญ่ ซ่ึงการจดั เรอื พระราชพิธใี น พระราชพิธีจองเปรียง กับเรือในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินจะคล้ายกัน เพียงแค่ริ้วเรือในพระราชพิธีจอง เปรียงไมใ่ หญโ่ ตมากมายอย่างในพระราชพิธีถวายผา้ พระกฐนิ อย่างไรกด็ ี สำ� หรับกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคนี้ มวี ิธกี ารจัดกระบวนเปน็ ๒ กระบวน๒เรยี กว่า “กระบวนพยุหยาตรา (ใหญ)่ ชลมารค” และ “กระบวนพยุหยาตรา (นอ้ ย) ชลมารค” อีกกระบวนหน่ึง แตใ่ นโบราณทา่ นจดั ลักษณะกระบวนทงั้ สองนแ้ี ตกต่างกนั อย่างไร กระบวนใดใช้เรอื กี่ลำ� เรอื อะไรบ้างนั้นยงั ไม่มีใครสามารถที่จะค้นคว้าหาหลักฐานมารวบรวมไว้ให้สมบูรณ์ได้ จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟา้ ฯ กรมพระนครสวรรคว์ รพนิ ติ ครงั้ ทรงทำ� หนา้ ทแี่ ทนเสนาบดกี ระทรวงทหารเรอื อยใู่ นรชั สมยั พระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพยายามท่ีจะค้นคว้าหาหลักฐานเพ่ือวางเป็นระเบียบปฏิบัติไว้ก็ไม่อาจ ๑ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้าฯ กรมพระยาบำ� ราบปรปักษ์, เลม่ เดยี วกนั , หนา้ ๘๖. ๒ ม.ร.ว.แสงสูรย์ ลดาวัลย,์ กระบวนพยุหยาตรา. 58
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ทรงกระทำ� ได้ ดงั นั้นเม่อื วนั ท่ี ๔ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๗๐ จงึ ไดท้ รงท�ำหนังสอื กราบบังคมทลู ผา่ นทางราช เลขาธิการ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตวางระเบียบร้ิวกระบวนเรือพระราชพิธีเสียใหม่โดยจัดรูป กระบวนเข้าหาจ�ำนวนเรือที่มีอยู่เป็นส�ำคัญ ยึดหลักโบราณราชประเพณีแต่เพียงอนุโลม ซ่ึงร้ิวกระบวนเรือ ซึ่งจอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรคว์ รพนิ ิต ทลู เกล้าฯ ถวายมีดงั นี้ กระบวนพยหุ ยาตราใหญ่ จัดเปน็ ๔ สาย มีเรอื คือ ๑. เรอื ประตหู นา้ ๑ คู่ ๒. เรือพิฆาต ๑ คู่ ๓. สายนอก เรือดัง้ ๑๑ คู่ ๔. สายใน เรอื รูปสัตว์ ๔ คู่ ถือลำ� ดบั แต่หลงั ไปหน้า คอื เรอื ครฑุ (กลองชนะ) เรอื กระบ่ี เรอื พญาวานร เรอื อสูร ๕. เรือกลองนอก ๑ กลองใน ๑ ๖. เรือตำ� รวจนอก ๑ ใน ๑ ๗. เรือเอกชัย ทอดบุษบก ทรงผา้ ไตรหรือพระพทุ ธรูป หรอื พ่มุ แลว้ แตง่ าน มเี ครือ่ งสงู ธงสามชาย แตรสงั ข์ ๘. เรือคู่ชกั ใช้เรือเอกชยั เหนิ หาว และเรือเอกชัยหลาวทอง มแี ตร สงั ข์ มโหระทึก ๙. เรอื พระท่นี ่ังทรง ใชเ้ รือพระทีน่ ัง่ กิ่ง ทอดพระท่นี ั่งบษุ บก มีเครอื่ งสูง ธงสามชาย ๑๐. เรอื พลับพลา ใช้เรือพระที่นั่งศรี ทรงบลั ลงั ก์กัญญา ๑๑. เรอื พระทน่ี ั่งรอง ใช้เรือพระทีน่ ัง่ ศรี ทรงบัลลงั ก์กัญญา ๑๒. เรอื ต�ำรวจ ตาม ๑ คู่ ๑๓. เรือทหาร แซง ๒ คู่ ๑๔. เรือประตหู ลงั ๑ คู่ 59
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES กระบวนพยหุ ยาตรานอ้ ย จดั เป็น ๒ สาย มเี รอื ตา่ งๆ คอื ๑. เรอื ประตูหน้า ๑ คู่ ๒. เรือพฆิ าต ๑ คู่ ๓. เรอื ดง้ั ๗ คู่ ๔. เรือรูปสตั ว ์ ๔ คู่ ถือล�ำดบั แต่หลงั ไปหนา้ คอื เรอื ครฑุ เรอื กระบ่ี เรือพญาวานร เรอื อสูร กลองชนะเรอื ครฑุ ๕. เรอื กลองนอก ๑ กลองใน ๑ ๖. เรอื ตำ� รวจนอก ๑ ใน ๑ ๗. เรือเอกชัยทอดบุษบก ทรงผา้ ไตร หรอื พระพทุ ธรปู หรือพมุ่ ๘. เรอื คู่ชกั ใช้เรอื เอกชัยเหินหาว เรอื เอกชยั หลาวทอง มีแตร สงั ข์ มโหระทึก ๙. เรือพระท่ีนง่ั ทรง ใช้เรือศรี งดธง คงมีแตเ่ ครอ่ื งสงู ๑๐. เรือพระที่นัง่ รอง ใช้เรือศรที รงบัลลงั กก์ ญั ญา ๑๑. เรอื ตำ� รวจหลวง ตาม ๑ คู่ ๑๒. เรือทหาร แซง ๒ คู่ ๑๓. เรอื ประตูหลงั ๑ คู่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชด�ำริเห็นชอบ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหถ้ อื เปน็ ระเบยี บปฏบิ ตั ติ งั้ แตว่ นั ที่ ๑๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๗๐ เปน็ ตน้ มา ซึ่งเม่ือน�ำไปเปรียบเทียบกับกระบวนพยุหยาตราใหญ่เลียบพระนครคราวบรมราชาภิเษกสมโภชรัชกาลที่ ๖ และคราวบรมราชาภเิ ษกรชั กาลที่ ๗ แลว้ กไ็ มแ่ ตกตา่ งกนั มากนกั แตถ่ า้ เปรยี บเทยี บกบั รว้ิ กระบวนพยหุ ยาตรา ทางชลมารคครั้งรชั กาลที่ ๔ ท่ีกลา่ วไปแล้ว จะเห็นไดว้ ่าเรอื บางประเภท เช่น เรอื แซ เคยใชเ้ ปน็ กระบวนหน้า น�ำหนา้ เรือพฆิ าตนน้ั หายไป เรือพิฆาตท่ีเคยมีมาแตเ่ ดิม กน็ �ำมาเขา้ กระบวนถงึ ๖ คู่ คือ เรอื มังกรจ�ำแลง คูก่ บั เรอื มงั กรแผลงฤทธ์ิ เรอื เหราล่องลอยสินธุ ์ คู่กบั เรอื เหราลนิ ลาสมุทร เรือสางก�ำแหงหาญ คกู่ บั เรอื สางชาญชลสินธ์ุ เรอื โตขมงั คลน่ื คูก่ บั เรือโตฝนื สมุทร เรอื กเิ ลนประลองเชิง ค่กู ับ เรือกิเลนละเลงิ ชล เรอื เสือทะยานชล คู่กับ เรือเสอื คำ� รณสินธุ์ เรอื ดังกล่าวทง้ั หมดน้ี เปน็ เรอื ท่ีสร้างขึน้ ไว้ในสมัยรัชกาลท่ี ๑ ทงั้ สิ้น แตใ่ นกระบวนพยหุ ยาตราสมยั ตอ่ มามเี รอื พิฆาตเพยี งคเู่ ดียว คือ เรือเสอื ทะยานชล กบั เรือเสอื ค�ำรณสินธุ์ 60
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES แผนผงั ร้วิ กระบวนเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ โดยกระบวนพยหุ ยาตราใหญ่ชลมารค คราวฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปี เม่อื พ.ศ. ๒๔๗๕ เรือกราบกญั ญา (เรอื ประตูหน้า) เรือกราบกัญญา (เรอื ประตูหน้า) เรือพฆิ าตเสือค�ำรณสนิ ธ์ ุ เรอื พิฆาตเสอื ทะยานชล เรอื ด้ัง เรือพระต�ำรวจนอก เรอื ดั้ง เรอื ดง้ั เรอื ดงั้ เรอื ดง้ั เรอื กระบ่ปี ราบเมืองมาร เรอื กระบ่รี าญรอนราพณ์ เรอื ดัง้ เรือดัง้ เรือกลองนอก เรือดัง้ เรือดั้ง เรืออสุรปักษา เรืออสรุ วายภุ กั ษ ์ เรือดงั้ เรอื ดั้ง เรอื ดงั้ เรือดั้ง เรอื สคุ รีพครองเมอื ง เรือพาลรี ัง้ ทวปี เรอื ดงั้ (กลองชนะ) (กลองชนะ) เรอื ด้งั เรอื ดั้ง เรือดั้ง เรือครุฑเตรจ็ ไตรจักร เรือครุฑเหินเหจ็ เรอื ด้งั (สงั ข์แตร) (สงั ขแ์ ตร) เรือดั้ง เรอื ดง้ั เรอื ดัง้ ชอ่ื เรือกลองใน เรือดง้ั ชอ่ื ทองขวานฟ้า ทองบ้าบ่ิน เรอื เอกชัยหลาวทอง เรือเอกชยั เหินหาว (มโหระทกึ ) (มโหระทึก) เรอื พระทน่ี ัง่ สุพรรณหงส์ ทอดบัลลงั ก์บษุ บก เปน็ เรอื พระที่นั่งทรง เรอื อเนกชาตภิ ชุ งค์ ทอดบัลลงั ก์กญั ญา เปน็ เรอื พระที่นง่ั รอง เรือต�ำรวจหลวง เรือตำ� รวจหลวง เรือต�ำรวจหลวง เรือตำ� รวจหลวง เรือต�ำรวจหลวง เรือกราบกญั ญา เรอื กราบกญั ญา (เป็นเรอื ประตหู ลัง) (เป็นเรือประตูหลงั ) 61
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ขอ้ ทผ่ี ดิ กนั อกี ประการหนง่ึ คือ การลำ� ดับเรือรูปสตั ว์ครัง้ รัชกาลที่ ๔ นัน้ เอาเรือกระบ่ีน�ำเป็นคหู่ น้า เรืออสูรเป็นคู่ท่ี ๒ เรือพญาวานรเป็นคู่ที่ ๓ เรือครุฑเป็นคู่ที่ ๔ แต่ในการจัดกระบวนเรือพระราชพิธี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ นนั้ ไดน้ ำ� เรอื กระบม่ี าเปน็ คทู่ ี่ ๓ เลอ่ื นเรอื อสรู เปน็ คทู่ ่ี ๑ และเรอื พญาวานรเปน็ คทู่ ี่ ๒ แตต่ อ่ มา เมือ่ คราวจัดกระบวนพยหุ ยาตราใหญ่ในงานฉลองพระนครครบรอบ ๑๕๐ ปี เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๗๕ น้นั ได้จดั ล�ำดบั เรอื รปู สตั วเ์ ชน่ เดยี วกับท่จี ัดในรชั กาลท่ี ๔ กระบวนเรือคร้ังน้ไี ม่มเี รือทรงผ้าไตร หรือผ้าทรงสะพกั พระพุทธรปู เพราะมิได้เสด็จขน้ึ ทรงนมัสการ หรอื บำ� เพญ็ พระราชกศุ ล ณ พระอารามหลวง ดงั เชน่ เสดจ็ ถวายผา้ พระกฐนิ หรอื เสดจ็ เลยี บพระนคร และไมม่ ี เรอื พลบั พลา เพราะมิได้ทรงเครอ่ื งบรมขัตติยราชภษู ิตาภรณ์ ไม่ตอ้ งทรงเปล้อื งพระมหาพชิ ยั มงกุฎ หรอื พระ ชฎามหากฐิน ส�ำหรับกระบวนพยุหยาตราน้อยชลมารค ท่ีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถือเป็นแบบตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๐ เปน็ ต้นมานั้น มขี ้อแตกตา่ งจากกระบวนที่เคยจดั กนั มาแต่ก่อนดงั นี้ คอื ๑. เดมิ ไมเ่ คยใชเ้ รือรปู สัตว์ คราวนี้ได้น�ำเอาเรอื รูปสัตวม์ าเขา้ กระบวนดว้ ย โดยจัดให้เป็นคู่ท่ี ๘ ถึง ๑๑ รวม ๔ คู่ โดยตัดเรือดง้ั เดิม ๔ คู่ออกไป ๒. เรือพระท่ีนั่งเป็นเรือทอดบัลลังก์กัญญา แต่เดิมเรือที่ทอดบัลลังก์กัญญาไม่ใช้เครื่องสูง แต่ใน กระบวนท่จี ัดใหม่เปลย่ี นให้มีเคร่ืองสงู ดว้ ย ต่อมาเมื่อได้มีการเปล่ียนแปลงระบอบการปกครองเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ สถานการณ์บ้านเมืองได้ เปล่ียนแปรไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้เสด็จประทับอยู่ในพระราชอาณาจักร การถวายผ้าพระ กฐนิ โดยกระบวนพยหุ ยาตราจึงมอี นั ต้องระงับไปเปน็ เวลากว่า ๓๐ ปี และในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวรัชกาลปจั จุบนั ได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหฟ้ น้ื ฟจู ารีตประเพณีการเสด็จพระราชด�ำเนนิ ถวายผา้ พระกฐนิ โดยกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารคขึน้ ใหม่เปน็ ครัง้ แรกในรัชกาลปัจจุบนั ใน พ.ศ. ๒๕๒๕ เป็นโอกาสทีก่ รงุ รัตนโกสนิ ทร์มีอายุครบ ๒๐๐ ปี รัฐบาลไดจ้ ัดงานเฉลมิ ฉลองข้นึ พระราชพธิ ีทีย่ งิ่ ใหญอ่ ยา่ งหนึง่ คอื การเสดจ็ พยุหยาตราทางชลมารค ในวนั ท่ี ๕ เมษายน และกระบวนพทุ ธ พยหุ ยาตราในวนั ท่ี ๑๓ เมษายน โดยอญั เชญิ พระพทุ ธสหิ งิ คแ์ หอ่ อกเพอ่ื ใหป้ ระชาชนไดส้ รงนำ้� ในวนั สงกรานต์ อันเปน็ วนั ขน้ึ ปีใหมข่ องชาวไทย และถอื เป็นสริ มิ งคลในการฉลองกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี การจัดกระบวน พยหุ ยาตราของทั้งสองวนั นี้ ได้ใชแ้ ผนผังการจัดรว้ิ กระบวนการแบบเดียวกนั เพยี งแตว่ ่าในวนั ท่ี ๑๓ เมษายน มิไดอ้ ญั เชิญเรือพระท่ีนง่ั สพุ รรณหงสอ์ อกดว้ ยเท่านั้น การเสด็จพยหุ ยาตราทางชลมารคในวนั ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ นน้ั รฐั บาลไดก้ ราบบังคมทูลพระ กรณุ าขอพระราชทานใหเ้ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปทรงบวงสรวงสมเดจ็ พระบรู พมหากษตั รยิ าธริ าช โดยกระบวน พยุหยาตราใหญช่ ลมารค เพอ่ื ใหป้ ระชาชนไดช้ ่ืนชมพระบารมีและภาคภมู ใิ จในมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ คณะกรรมการจัดงานสมโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ไดเ้ ตรียมจดั ริว้ กระบวนพยุหยาตราใหญ่เช่นเม่อื ครง้ั ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยู่หวั เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ กลบั จากการเสดจ็ เปิดสะพานพระพทุ ธยอดฟ้า คราวฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปี เม่อื พ.ศ. ๒๔๗๕ แต่ท่ีแตกตา่ งออกไปคือเพิ่มเรือพระท่นี ัง่ อนนั ตนาคราช ทอดบษุ บกบัลลังก์ เชิญพระชัยหลงั ชา้ งขึน้ อกี หน่งึ ลำ� แต่คร้ันไดม้ กี ารซอ้ มใหญ่ริ้วกระบวนดงั กลา่ วได้มีผู้น�ำ ความกราบบงั คมทลู ใหท้ ราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาทวา่ กระบวนพยหุ ยาตราใหญช่ ลมารคทซี่ อ้ มเตรยี มถวายให้ 62
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เปน็ กระบวนเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ นน้ั มองดไู มง่ ดงามเปน็ สงา่ เทา่ ทค่ี วร เพราะเรอื พระทน่ี งั่ ไปอยทู่ า้ ยกระบวน มีเรือตามแต่เรือกรมวัง ๑ ล�ำ กับเรือแซงอีก ๑ ล�ำเท่านั้น ส่วนในสมัยโบราณน้ันมีเรือพระบรมวงศานุวงศ์ ตามเสดจ็ เปน็ กระบวนหลงั อกี หลายลำ� เรอื พระทน่ี งั่ จงึ ดไู มร่ งั้ ทา้ ยกระบวน สว่ นปจั จบุ นั ไมม่ เี รอื พระบรมวงศานวุ งศ์ ตามเป็นกระบวนหลัง เรือพระที่นั่งจึงกลายเป็นกระบวนหลังไม่งดงาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง พระราชด�ำริเห็นพ้องตามค�ำกราบบังคมทูลน้ัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงพระด�ำริแก้ไข๑ จัดรูปกระบวนเรือเสียใหม่ให้ดูงาม โดยได้ ประทานขอ้ คดิ เห็นในการปรบั ปรุงกระบวนพยหุ ยาตราใหญ่ชลมารค คอื ๑. ถอนเรือประตหู นา้ ซ่งึ เดิมกำ� หนดใชเ้ รอื ดง้ั ทอง คือ เรือทองขวานฟ้า และทองบา้ บน่ิ แล่นนำ� อยู่ สายนอกนั้น ลงมาเปน็ เรือกระบวนหลงั สายในแนวเดยี วกบั เรอื รปู สตั วใ์ นกระบวนหน้า ๒. จดั เรือดั้งคู่ ๑๑ ข้นึ ไปเป็นเรือประตูหน้า แตใ่ ห้แล่นนำ� อยสู่ ายในแนวเดยี วกับเรือพฆิ าตและเรือ รูปสัตว์ ๓. กระบวนหนา้ สายนอก ซ่งึ ริ้วกระบวนเดมิ เปน็ เรอื ดัง้ ๑๑ คู่น้นั ใหล้ ดลงเหลือเพยี ง ๖ คู่ และมีเรอื รูปสตั ว์ ๔ คู่ เป็นเรอื สายใน ๔. ถอนเรอื ด้ัง คู่ท่ี ๗ ถึง ๑๐ รวม ๔ คู่ มาเป็นเรือกระบวนหลังริว้ นอก การจัดกระบวนเรือตามพระด�ำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ท�ำให้รูปกระบวนงดงามขึ้นคอื มีทงั้ กระบวนหน้า กระบวนเรอื พระที่นง่ั กระบวนแซงเสดจ็ และกระบวนหลงั เป็นลักษณะดุจดาวล้อมเดือน คือมีเรือพระท่ีนั่งเป็นเดือน เรืออ่ืนในกระบวนหน้า ในกระบวนแซง และใน กระบวนหลัง เปน็ ดาวลอ้ มอยทู่ ุกด้าน ร้ิวกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค ในคราวสมโภชกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี จึงเปลีย่ นไปจากรว้ิ กระบวนแต่โบราณ ๑ คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ส�ำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, กระบวนพยุหยาตรา, ๒๕๒๕, หนา้ ๒๕ - ๒๖. 63
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES กระบวนพยหุ ยาตรา (ใหญ่) ชลมารค สมโภชกรงุ รัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี ๕ เมษายน ๒๕๒๕ The Large Royal Barge Procession held on April 5, 1982 in Celebration of Bicentennial of Bangkok 64
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES 65
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES เรือพระทีน่ ัง่ สพุ รรณหงส์ Suphannahong Royal Barge เรือพระที่น่งั อนันตนาคราช Ananta Nagaraj Royal Barge 66
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES กระบวนพระราชอสิ รยิ ยศอยา่ งนอ้ ย แหอ่ ญั เชิญพระชยั หลังชา้ ง จากเรือพระทน่ี ง่ั อนันตนาคราช ไปยังพลบั พลาท้องสนามหลวง ในการสมโภชกรุงรัตนโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี วนั ที่ ๕ เมษายน ๒๕๒๕ Royal Procession of Phra Chai Lang Chang (Buddha Image of Victory) 67
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว เสดจ็ พระราชดำ�เนนิ พร้อมด้วยสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินนี าถ ทรงบวงสรวงสมเดจ็ พระบูรพมหากษัตราธริ าช ณ ปะรำ�พิธที อ้ งสนามหลวง ในงานสมโภชกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี วนั ท่ี ๕ เมษายน ๒๕๒๕ His Majesty The King and Her Majesty The Queen paid homage to the ancestors during the Ceremony of Celebration of Bicentennial of Bangkok on April 5, 1982 68
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ลวดลายไม้จำ�หลักของเรือพระที่นั่งอนนั ตนาคราช Wood carving design on Ananta Nagaraj Royal Barge 69
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เรอื กระบ่ีปราบเมืองมาร ตกแต่งโขนเรือเปน็ รูปหนุมาน หรือกระบ่สี ขี าว The Krabi Prab Muang Mara Royal Barge has Hanuman monkey figure - head painted in white. เรอื กระบร่ี าญรอนราพณ์ แต่งโขนเรือเป็นรูปกระบ่ี (ลิง) สีลูกหว้า The Krabi Ran Ron Rap Royal Barge has monkey figure - head in bark purple. 70
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES เรอื เสือได้แก่ เรือเสอื ทะยานชล และเสือคำ�รณสินธุ์ ตกแตง่ โขนเปน็ รปู เสือใชเ้ ปน็ เรือปนื หรอื เรือพฆิ าตในสมยั ก่อน The Royal Barges with tiger figure - head are Rua Sua Thayan Chon, and Rua Sua Khamron Sinthu, which are ancient warships with muskets. โขนเรอื เสอื ตกแต่งโขนเป็นรปู เสือ และใช้เป็นเรือปืนหรือเรอื พิฆาตในสมัยกอ่ น The tiger figure - head barges with muskets. 71
เรอื พระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เรือทองขวานฟ้า (แผลงมาจากช่ือ ทองแขวนฟ้า) Rua Thong Khwan Fa meaning Golden Sky Axe Royal Barge. เรอื แซง เดมิ เรยี ก เรือแซ ในสมยั อยธุ ยาใช้เป็นกลมุ่ เรอื พวกพลอาสามอญ กองอาทมาต Rua Saeng was formally called Rua Sae, which was for the Mon volunteers during the Ayutthaya period. 72
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES เรอื พระท่ีน่งั สพุ รรณหงส์ Suphannahong Royal Barge. เรอื พระทีน่ ่งั สุพรรณหงส์ : โขนเรอื แกะสลกั เปน็ รูปหงส์ไทยอย่างงดงาม Suphannahong Royal Barge with beautifully carved figure - head in the form of celestial swan in Thai style. 73
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES เรือพระทนี่ ั่งสพุ รรณหงส์ Suphannahong Royal Barge. เรือพระทีน่ ั่งอนนั ตนาคราช Ananta Nagaraj Royal Barge. 76
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES เรอื พระทน่ี งั่ อเนกชาติภชุ งค์ Anekachat Bhujong Royal Barge. 77
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES เรือเอกชัยเหนิ หาว Rua Ekkachai Hoen Hao Royal Barge. 78
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES เรือพิฆาต : เรือเสอื ทะยานชล และเรือเสือคำ�รณสนิ ธุ์ Rua Phikhat Royal Barges with tiger figure - head : Rua Sua Thayan Chon and Rua Sua Khamron Sinthu. เรอื ครฑุ เตรจ็ ไตรจกั ร Rua Krut Tret Trai Chak Royal Barge. 79
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES เรอื ดั้ง ในริ้วกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค Rua Dang Barges in the Royal Barge Procession. 80
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES เรอื กระบีป่ ราบเมืองมาร : โขนเรอื เปน็ รูปหนุมาน จากเร่ืองรามเกยี รติ์ Monkey figurehead royal barges : Royal Barge with Hanuman figure - head from the Ramakien epic. เรือสุครีพครองเมอื ง : โขนเรือเป็นรปู สุครพี (วานรสแี ดง) จากเรือ่ งรามเกยี รต์ิ Rua Sukrip Khrong Mueang has the figure - head Sukhrip from the Ramakien epic in the shape of red monkey. 81
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES เรืออสรุ วายุภกั ษ์ Half Demon Half bird Royal Barge called Rua Asura Wayuphak. เรือครฑุ เหนิ เห็จ Rua krut Hoen Het Royal Barge. 86
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES ร้วิ กระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค วันท่ี ๕ เมษายน ๒๕๒๕ 87
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES 88
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES กระบวนพระราชอสิ รยิ ยศอย่างน้อย แหเ่ ชิญพระชยั (หลังช้าง) ไปยงั พลับพลาท้องสนามหลวง นำ�ร้วิ ราชรถเชญิ พระชัย ๑ ธงสามชาย ๒ มโหระทึก ๒ กลองชนะ ๔๐ จ่าปี่ จา่ กลอง ๓ แตรฝรัง่ ๒๐ แตรงอน ๔ สงั ข์ ๒ เครือ่ งสูงหน้า ๗ ชน้ั ๒ ๕ ชน้ั ๖ บงั แทรก ๔ เครอ่ื งสูงหลงั ๗ ชั้น ๒ ๕ ช้นั ๔ บังแทรก ๒ กำ�กับเครอ่ื งสูง ๒ สารวตั รแตร ๑ สารวตั รกระบวน ๑ ผกู้ ำ�กับกระบวน ๑ ๑ คนฉดุ ชกั (หนา้ ๑๖) ๒๔ (หลัง ๘) กำ�กบั ราชรถ ๒ บังพระสรู ย์ ๑ }พระกลด ๑๖ อินทร์ เชญิ พ่มุ ดอกไม้ทอง (๘) ๒ พรหม เชิญพ่มุ ดอกไม้เงิน (๘) ๑ กำ�กับกระบวนหลงั ๑ ประคองพระชยั สารถีราชรถ 89
เรือพระราชพิธี : ROYAL BARGES อน่ึง นายภิญโญ ศรีจ�ำลอง ได้ประพันธ์กาพย์เห่เรือ ชมพระราชพิธีเสด็จทางชลมารค เป็นบทชม กระบวนเรอื ในทัศนะของกวผี ู้ประพันธ์ ซ่ึงกาพย์เหเ่ รอื ฉลองกรุงรตั นโกสินทร์ ๒๐๐ ปี นใ้ี ชเ้ หใ่ นงานพระราช พธิ เี สดจ็ พระราชดำ� เนินโดยกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารคในวนั ท่ี ๕ เมษายน ๒๕๒๕ ดว้ ย ชมพระราชพธิ เี สดจ็ ทางชลมารค โคลงส่ี ๏ พระราชพธิ ีชลมารคใช้ ชูเฉลิม ฉลองรัตนโกสนิ ทร์เสรมิ ศักดใ์ิ ห้ สองศตวรรษกรุงเติม เตม็ เกยี รติ เกรกิ แฮ สามสบิ หกศกธิราชได้ เดน่ ปอ้ งครองถวัลยฯ์ กาพย์ยานี ๑๑ ๏ พระราชพิธศี รโี สภาคย ์ แดนชลมารคหลากนาวา เรง่ เร้าเจ้าพระยา จ้าเจดิ ยศสดใสแสน ๏ นาวาหา้ สิบสองลำ� เลศิ ลำ�้ ช่ือลือลน่ั แดน แม้มฝี ีมอื แมน ไม่แมน้ ที่ฝีมอื ไทย ๏ สพุ รรณหงส์แหง่ จอมราช งามผงาดผาดผายไป ลวดลายพรายพิไล ไพจติ รแพรว้ แก้วกาญจน์กรอง ๏ เรอื หลามงามหน้าหลงั พลสะพรั่งทง้ั พายทอง อึงม่ีป่ฆี อ้ งกลอง ร้องเห่กาพย์ซาบซ้ึงขวญั ๏ ฉลองสองร้อยป ี บุรเี รอื งเมืองสวรรค์ รัตนโกสินทร์อนั บันลือศักดจ์ิ ักรวี งศ์ ๏ พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลก ชูโชคชัยไทยยรรยง เร่มิ กรงุ รุ่งด�ำรง สง่ ศักด์ชิ าตศิ าสนา ๏ จวบเขา้ เกา้ รชั กาล เพิม่ ไพศาลงานนานา วตั ถลุ เุ จริญตา อารยธรรมยำ�้ เกยี รติยศ ๏ บรมกษตั ริยป์ ัจจุบนั นี้ ชีช้ ื่อไทยไกรปรากฏ โลกเหน็ เพญ็ ภาพพจน ์ งดงามคา่ จ้าศักดศ์ิ รี 90
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ๏ สามสบิ หกศกครอง กรงุ ฉลองสองรอ้ ยปี มงคลดลทวี เปรมปรดี ิ์สุขทุกหมู่ชน ๏ คราวเสด็จแดนชลมารค สองฝั่งฟากมากผ้คู น เต็มตืน้ ช่ืนกมล ยอบตนซ้องพร้องพรถวาย ๏ เดชจรสั รัตนตรยั พสิ ุทธ์ิใสแผค่ ณุ ปราย อ�ำนาจพระแก้วฉาย สงิ่ ศกั ด์ิสทิ ธิฤ์ ทธ์ิบนั ดาล ๏ เดชะพระสิหิงค ์ โปรดดลสิง่ ม่งิ ขวญั ประทาน สพู่ ระองค์ทรงสุขศานต ์ ดาลเดชกลา้ บารมี ๏ น�ำรัฐฉตั รชยั ชาต ิ ประชาราษฎรเ์ ปรมปรีดี รงุ่ ศักดิ์จักรีศร ี ทวีเฟอื่ งเรอื งเจรญิ ๏ บรรดาประชาไทย แสนสขุ ใสใจเพลิดเพลนิ ทกุ ข์ยากหากเผชิญ จงเหนิ ห่างรา้ งผองภยั ๏ ฉลองสองรอ้ ยปี นมิ ติ รดีศรีไผท รตั นโกสินทร์สมยั พไิ ลโลกโชคชืน่ ชู ๏ ฉลองชาตศิ าสนก์ ษตั รยิ ์ สมโภชรฐั จดั ฟืน้ ฟู จติ ใจไทยตราตรู อย่ยู นื ม่นั นริ นั ดรฯ 91
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES ส�ำหรับการเสด็จพระราชด�ำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราใหญ่ทางชลมารคครั้งนี้ นอกจากจะมี พระบรมราชโองการให้เปลี่ยนร้ิวกระบวนใหม่แล้ว ยังมีส่ิงซึ่งถือว่าเป็นประวัติการณ์คร้ังแรกของการเสด็จ พระราชด�ำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เน่ืองจากทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ ใหเ้ จ้านายฝา่ ยในร่วมกระบวนเสดจ็ ฯ ดว้ ย คอื ๑. ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ตามเสดจ็ ในเรอื พระทน่ี งั่ สพุ รรณหงส์ ดว้ ย โดยสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ ประทบั พระราชอาสนท์ างเบอื้ งซา้ ย สมเดจ็ พระบรมโอรสา ธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ประทบั บนกระทงในบลั ลงั กก์ ญั ญาตรงขา้ มทป่ี ระทบั และสมเดจ็ พระเทพรตั นราช สุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ประทบั บนกระทงในบัลลงั กก์ ญั ญาแทบพระบาท พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั และสมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ ๒. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเดจ็ พระเจ้าลกู เธอ เจ้าฟา้ จุฬาภรณวลัยลกั ษณ์ อัครราชกุมารี และพระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ โสมสวลี พระวรราชาทนิ ดั ดามาตุ ตามเสดจ็ ในเรอื พระทนี่ ง่ั อเนกชาตภิ ชุ งค์ ซึ่งเป็นเรอื พระที่นัง่ รอง โดยประทบั บนกระทงในบัลลังก์กัญญาไม่ทอดพระเกา้ อี้ อยา่ งไรกด็ ี ตอ่ มาในวนั ท่ี ๑๖ ตลุ าคม ๒๕๓๐ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ ใน พระราชพธิ ถี วายผา้ พระกฐนิ โดยกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค ณ วดั อรณุ ราชวราราม โดยมกี ารจดั กระบวน เรอื ตามแบบกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค(ใหญ)่ เมอื่ ครง้ั สมโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์๒๐๐ปีเมอื่ วนั ที่๕เมษายน ๒๕๒๕ และใชบ้ ทเห่เดมิ ของเจา้ ฟ้าธรรมธิเบศร์ เป็นบทเหช่ มกระบวนเรือ ชมทวิ ทศั น์ ชมนก ชมปลา และ ชมไม้ น.ต. มงคล แสงสว่าง เป็นเจา้ หน้าท่เี ห่ นอกจากน้ี มี พ.จ.อ.สจุ นิ ต์ สุวรรณ์ และ พ.จ.อ. ทวี นลิ วงษ์ เปน็ ผู้ชว่ ยในการเหด่ ว้ ย ก่อนจะถงึ วนั พระราชพิธี กองทพั เรือไดน้ �ำเรอื พระทน่ี ั่งออกจดั กระบวนเรอื ฝึกซอ้ มใหญ่ ๒ คร้งั คอื วันท่ี ๖ และ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๐ ในวันท่ี ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ เป็นวันมหามงคลของราชอาณาจักรไทยอีกวาระหน่ึง ด้วยเป็นวันที่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ทรงครองราชย์ได้ ๔๒ ปี ๒๓ วัน ซึง่ นานกวา่ สมเด็จพระมหากษตั รยิ าธริ าช ทกุ พระองค์ในอดีต รัฐบาลได้จดั งานเฉลิมฉลอง พระราชพธิ ีรัชมงั คลาภิเษกข้นึ ในงานนี้ระหว่าง วนั ท่ี ๒-๕ กรกฎาคม มกี ารเห่เรือพระท่นี ่ังสพุ รรณหงส์ เรอื พระท่ีนงั่ อนันตนาคราช และเรือพระทีน่ ง่ั อเนกชาตภิ ชุ งค์ ที่ ทา่ ราชวรดฐิ โดยบทเหน่ นั้ คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกจิ รองอธิบดีกรมศลิ ปากรในขณะนัน้ เปน็ ผูป้ ระพนั ธ์ ด้วย 92
เรอื พระราชพิธี : ROYAL BARGES กาพยเ์ ห่เรอื เฉลิมพระเกยี รติ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช เนื่องในมหามงคลสมัยรัชมงั คลาภเิ ษก ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ คุณหญิงกลุ ทรพั ย์ เกษแม่นกิจ ประพนั ธ์ พระคือรวีรงุ่ ฟ้า แรงศาน ตสิ ขุ นา ยงยิ่งกฤดาการ ก่องเกลา้ พระกรุณาสอ่ งฉายฉาน โลกชื่น “ภูมพิ ลมหาราช” เจ้า แหลง่ หล้าบังคม พระคือรวีรงุ่ ฟ้า พระกฤษฎาดำ� รงแสดง พระกรณุ ล�้ำเลอแสง ทุกหล้าแหลง่ บังคมคณุ พระทรงดำ� รงราชย์ ประชาชาตชิ นื่ ชมบญุ ไอศวรรยย์ งิ่ ยงอดุลย์ อุ่นศริ เกล้าผองเผา่ ไทย ภมู พิ ลมหาราชเจ้า พระผ่านเผา้ เกียรติเกรียงไกร ทรงราชยเ์ น่นิ นานสมยั ยงิ่ กษัตริย์ใดไพบูลย์ผล แผน่ ดินมีธัญญา นำ้� มปี ลาค่าอนนต์ กนั ดารพระประทานชล ทกุ ดวงกมลพรอ้ มภกั ดี รัชมังคลาภเิ ษก พระบญุ เอกอจั ฉรีย์ รอนเขญ็ เย็นปถพี ทีฆายโุ กโหตอุ ดุ ม ขอจงทรงพระเจริญ เชิญทิพย์พรกรประนม ทวยราษฎร์ผดมชม ภริ มย์รชั ย์โชติชชั วาล เผยแผ่พระกฤษฎา งามสง่าปรีชาชาญ แหล่งหล้าสาธกุ าร พระบรบิ าลทศพิธธรรม พระเดชปกเกศชาต ิ ปกทวยราษฎรน์ านฉนำ� ภญิ โญเดโชปถมั ภ์ ลำ�้ ดินฟา้ ตรงึ ตราหทยั ทรงสดบั ศพั ทเ์ ทวษ คูณหารเหตเุ ภทพาลภยั ขจัดพิบัติไกล เพอ่ื ถ่นิ ไทยไพบูลย์ผล เกษตรเขตราบลุ่ม ดอนดนิ ช่มุ คุ้มชีพชน คน้ คดิ ผลิตฝน ผลพิเศษเขตขัณฑง์ าม 93
เรือพระราชพธิ ี : ROYAL BARGES พระน�ำความหวงั ชาต ิ ร่มเกล้าราษฎร์ทุกเขตคาม สยามรัฐเลิศลือนาม ความไพบูลย์พูนทวี เชิดชาตสิ ืบศาสนา บุญกิริยาอาจารี ทรงธรรมน�ำวิถ ี พุทธิจรยี ์ทวศี านต์ ประทปี ช่วงดวงใดเปรียบ มิทันเทียบบรมสมภาร พทุ ธศาสน์กอ่ งตระการ พระบรบิ าลบำ� รุงชน สว่างลำ�้ ธรรมประภาพ ทวยราษฎรก์ ราบบาทยุคล สงั ฆานุภาพดล ผลพสิ ุทธ์อิ ุตดมคณุ งามสง่าจรรยาวตั ร ราชปฏิบัตจิ รสั บญุ ทรงผนวชน้อมมนญุ เอกอดุลย์บุญโญปถัมภ์ สรรพศาสตรแ์ ลศึกษา วทิ ยาอารยธรรม ดนตรศี ลิ ปกรรม วรรณศิลปล์ ำ้� เลิศบ�ำรุง กีฬาพลานามัย แขง่ เรอื ใบทรงผดุง พระมหาการุณมุ่ง ชพี ชนรุ่งเกรกิ กรุงไกร โรงเรยี นนาม “รม่ เกลา้ ” เมตตาเยาวชนไทย กันดารผา่ นพงไพร โปรดเกล้าให้ได้อา่ นเขียน “ภูมพิ ล” “สวฤกษ์” ทนุ ทรงค้�ำจนุ ผเู้ ลา่ เรยี น สง่ เสรมิ เพ่ิมพนู เพียร คมุ้ เศยี รเกล้าทุกเผา่ พนั ธุ์ กองทพั สรรพอาวธุ พรอ้ มรบยุทธเชยี่ วชำ� นญั บกเรืออากาศสรรพ ์ พระทรงธรรม์ทรงบำ� รงุ โองการพระผ่านฟ้า ทัพแกร่งกลา้ อาทรผดงุ ตอ่ เรอื เพ่อื ปรับปรงุ ทพั เรอื รุง่ จรงุ เจริญ น่านนำ�้ แนวประเทศ ทกุ คามเขตหาญเผชญิ เรือ ต.ตอ่ เองประเมนิ สมรรถนะดว้ ยพระองค์ นอบน้อมพร้อมพิทกั ษ ์ จอดจติ ภกั ดิพ์ ระจอมพงศ์ ปกปอ้ งขตั ติยวงศ ์ เพือ่ ไตรรงค์ชพี คงพลี พระเอยพระจอมจักร ไพรฟ่ ้าสมคั รสามคั คี ถวายชพี ภบู ด ี ม่นั มมิ ีวันคลอนคลาย พระเอยพระมหาราช เกยี รตภิ ูวนาถเกรกิ กำ� จาย พระคุณเลศิ พรรณราย นอ้ มใจกายถวายไท งามเอยสพุ รรณหงส์ เห่เทดิ องคพ์ ระทรงชยั รัชมงคลสมัย ทกุ ดวงใจไทยปรีดา 94
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176