Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงาน

โครงงาน

Published by Nattaporn Yawinchan, 2021-09-24 07:43:04

Description: โครงงาน

Search

Read the Text Version

รายงานการวจิ ัย เรื อง พฤติกรรมการดําเนินชีวิตตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนักศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร โดย กรรณิการ์ ภิรมย์รัตน์ ได้รับทุนอดุ หนุนจากมหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสุนันทา ปี งบประมาณ 2553 http://www.ssru.ac.th

สารบญั หน้า (2) บทคัดย่อภาษาไทย (4) ABSTRACT (6) กิตติกรรมประกาศ (9) สารบัญตาราง (11) สารบัญภาพ 1 บทที 1 บทนํา 1 3 1.1 ความเป็นมาและความสําคัญของปัญหา 3 1.2 วัตถุประสงค์ 4 1.3 สมมตฐิ านการวิจัย 5 1.4 ขอบเขตการวจิ ัย 5 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ 6 1.6 ประโยชน์ทีคาดว่าจะได้รับ 6 บทที 2 วรรณกรรมทีเกยี วข้อง 15 2.1 หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาํ ริ 20 2.2 โครงสร้างและเนื อหาของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 25 2.3 ทฤษฎพี ฤตกิ รรมและพัฒนาการของวัยรุ่น 37 2.4 งานวิจัยทีเกียวข้อง 37 บทที 3 วิธีดําเนินการวจิ ัย 38 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 41 3.2 เครืองมอื ทีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 41 3.3 วธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมูล 43 3.4 ขั นตอนและสถิติทีใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล 44 บทที 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 4.1 ตอนที 1 การวเิ คราะห์ข้อมูลทัวไปของกลุ่มตัวอย่าง 46 4.2 ตอนที 2 การวิเคราะห์ระดับความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง (7) http://www.ssru.ac.th

4.3 ตอนที 3 การวิเคราะห์ระดับพฤติกรรมการดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญา หน้า เศรษฐกิจพอเพียง 51 4.4 ตอนที 4 การวิเคราะห์ความคิดเห็นของนักศึกษาในการนําหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพยี งไปใช้ 57 61 บทที 5 สรุปผลการวจิ ัย อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ 63 5.1 สรุปผลการวจิ ัย 65 5.2 อภิปรายผล 69 5.3 ข้อเสนอแนะ 70 73 บรรณานุกรม 80 ภาคผนวก ประวัติผู ้ ทํารายงานการวิจัย (8) http://www.ssru.ac.th

สารบัญตาราง ตาราง หน้า 38 3.1 จํานวนและร้อยละของกลุ่มตัวอยา่ งจําแนกตามมหาวิทยาลัย 44 4.1 จํานวนและร้อยละของนักศึกษาจําแนกตามเพศ ชั นปีทีศึกษา รายได้ต่อเดอื น 46 46 รายจ่ายต่อเดอื น และภูมลิ าํ เนา 47 4.2 ค่าเฉลีย ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน ระดับความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญา 47 48 เศรษฐกิจพอเพยี ง จําแนกตามเพศ 49 4.3 เปรียบเทียบคะแนนความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 50 51 จําแนกตามเพศ 52 4.4 ค่าเฉลีย ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน ระดับความรคู้ วามเข้าใจเกียวกับหลักปรชั ญา 53 54 เศรษฐกิจพอเพียง จําแนกตามมหาวทิ ยาลัยราชภัฏ 4.5 เปรียบเทยี บคะแนนความรู้ความเข้าใจเกยี วกับหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง จําแนกตามมหาวทิ ยาลัยราชภัฏ 4.6 ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลยี ความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นรายคู่ 4.7 ค่าเฉลยี ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน ระดับความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี ง จําแนกตามภูมลิ าํ เนา 4.8 เปรียบเทยี บคะแนนความรู้ความเข้าใจเกยี วกับหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง จําแนกตามภูมิลําเนา 4.9 ค่าเฉลีย ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน ระดับพฤติกรรมการดําเนินชีวติ หลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพยี ง โดยภาพรวม 4.10 เปรียบเทียบระดับพฤติกรรมการดาํ เนนิ ชีวิตหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง จําแนกตามเพศ 4.11 ค่าเฉลีย ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน ระดับพฤติกรรมการดาํ เนินชีวิตหลักปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี ง จําแนกตามมหาวทิ ยาลัย 4.12 เปรียบเทียบระดับพฤตกิ รรมการดาํ เนินชีวติ หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง จําแนกตามมหาวทิ ยาลัย (9) http://www.ssru.ac.th

4.13 ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลยี พฤติกรรมการดําเนินชีวติ หลักปรัชญา หน้า เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นรายคู่ จําแนกตามมหาวิทยาลัย 55 4.14 เปรียบเทียบระดับพฤติกรรมการดําเนนิ ชีวิตหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 56 จําแนกตามภูมิลําเนา (10) http://www.ssru.ac.th

สารบัญภาพ หน้า 17 ภาพ หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง (11) http://www.ssru.ac.th

บทคัดย่อ ชือรายงานการวิจัย : พฤตกิ รรมการดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร ชือผวู้ จิ ัย : นางกรรณิการ์ ภิรมย์รัตน์ ปี ทีทําการวิจัย : 2553 .............................................................................................................. งานวิจัยนมี ีวัตถุประสงค์1) เพือศึกษาระดับความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา2) เพือศึกษาระดับพฤตกิ รรมการดาํ เนนิ ชีวิตตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของนกั ศึกษา 3) เพือศึกษาความคดิ เห็นของนักศึกษาในการนําหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการดําเนินชีวติ กลุ่มตัวอยา่ งทีใช้ในการวจิ ัยครั งนี คอื นักศึกษาระดับปริญญาตรีทีกําลังศึกษาในมหาวทิ ยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร6 แห่ง ได้แก่ 1) มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม 2) มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี3) มหาวิทยาลัยราชภัฏ- บ้านสมเด็จเจ้าพระยา 4) มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร5) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 6) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาจํานวน 420 คน เครืองมือการวจิ ัยมี 2 ฉบับ คอื ฉบบั ที 1 แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจเกยี วกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแบบ2 ตัวเลอื ก ถูก-ผดิ และฉบับที 2 เป็นแบบสอบถามวัดพฤติกรรมการดําเนินชีวติ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงของนักศึกษาโดยข้อความทีสร้างขึ นเป็นแบบมาตรประเมนิ ค่า(Rating scale) แบบ 3 ระดับ เครืองมอื ทั ง2 ฉบบั มีค่าความเชือมันเท่ากับ0.750 และ 0.830 ตามลาํ ดับ สถิตทิ ีใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี ค่าร้อยละค่าเฉลีย ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติทดสอบ ได้แก่ t-test และ One-Way ANOVA ผลการศึกษาพบว่า 1. นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมรีะดับความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงโดยรวมอยู่ในระดับสูง( X = 15.53) เมือพิจารณาเป็นรายมหาวทิ ยาลัยราชภัฏ พบว่าทุก มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมีระดับความรู้อยูใ่ นระดับสูง 2. นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมรี ะดับพฤตกิ รรมการดําเนินชีวิตตามหลักปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพียงโดยรวมอยูใ่ นระดับสูง ( X = 1.35) เมอื พิจารณาตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจ (2) http://www.ssru.ac.th

พอเพียง พบว่า (1) ด้านความพอประมาณ นักศึกษามีระดับพฤติกรรมอยูใ่ นระดับปานกลาง ( X = 1.11) (2) ด้านความมีเหตุผล นักศึกษามรี ะดับพฤติกรรมอยูใ่ นระดับสูง( X = 1.38) และ (3) ด้านการมีภูมคิ ุ้มกันนักศึกษามีระดับพฤติกรรมอยู่ในระดับสูง( X = 1.49) 3. นักศึกษามีความคิดเห็นต่อการนําหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้เป็นแนวทางใน การดาํ เนนิ ชีวติ ดังนี (1) ด้านการดํารงชีวิตประจําวัน ได้แก่ การเกบ็ ออมเงนิ การจัดทําบัญชีรายรับ- รายจา่ ย การใช้ทรัพยากรทุกอยา่ งอย่างประหยัดและรู้คุณค่า การประยกุ ตข์ องเก่าให้กลับมาใช้ได้ อกี ครั ง (2) ด้านการเรียนการสอน ได้แก่ มหาวิทยาลัยควรมกี ารจัดทําหลักสูตรการเรียน รายวิชา “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” ควรมีการสอดแทรกเศรษฐกจิ พอเพียงในทุกรายวิชา มีการจัดตั ง ชมรมเศรษฐกิจพอเพียง มีการฝึกปฏิบัติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (3) ด้านการณรงค์ ได้แก่ การทําสอื โฆษณาประชาสัมพันธ์ในมหาวิทยาลัยการ จัดอบรมให้ความรู้ทั งในภาคทฤษฎีและภาคปฏบิ ัติ การจัดนิทรรศการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (3) http://www.ssru.ac.th

ABSTRACT Research’s Title: Students conduct of Rajabhat Unversities in Bangkok on the way of self-sufficient economy. Author : Mrs. Kannika Bhiromrat Year : 2010 .............................................................................................................. The purposes of this research are 1) to study the level of knowledge and understanding about Sufficiency Economy Philosophy of the students 2) to study the level of living behavior according to sufficiency economy philosophy of the students 3) to study the ideas of the students in taking sufficiency economy into their lives. The sample groups of this researcher are 420 bachelor’s degree students who are studying at 6 Rajabhat Universities in Bangkok area namely 1) Chantarakasem Rajabhat University 2) Thonburi Rajabhat University 3) Bansomdej Chaopraya Rajabhat University 4) Phranakorn Rajabhat University 5) Suan Dusit Rajabhat University 6) Suan Sunandha Rajabhat University. There 2 tools in this research. The first one is test on knowledge and understanding about sufficiency economy. It is double choice test – true or false. The second one is the questionnaire on living behavior of the students according to sufficiency economy philosophy. The created statement is the 3 level-rating scale. Both tools have 0.750 and 0.830 confident rate accordingly. The statistics used in data analyze are frequency, percentage, mean, standard deviatation, T-test and One-Way ANOVA. The findings were as follows: 1. The students have knowledge and understanding about sufficiency economy in higher level ( X = 15.53). After consideration the universities individually, it found that every university has “higher” knowledge level. 2. In general, the Rajabhat universities’ students have higher level of living behavior according to sufficiency economy philosophy ( X = 1.35). After considerationac (4) http://www.ssru.ac.th

according to sufficiency economy philosophy, it found that (1) In moderation, the universities’ students have medium level of behavior ( X = 1.11) (2) In being reasonable, The students have high level of behavior ( X = 1.38) and (3) In immunity, The students have high level of behavior ( X = 1.49). 3. The students have comments on taking sufficiency economy philosophy into their own lives namely; (1) In daily life: money saving, income and expenses report, using resources wisely and recycling (2) In teaching: The universities design sufficiency economy curriculum, intervene sufficiency economy into every subject, set up sufficiency economy club and sufficiency economy sufficiency economy philosophy workshop (3) In campaign: making advertising media in the university, setting up seminar in both theory part and practical part, sufficiency economy exhibition (5) http://www.ssru.ac.th

กิตติกรรมประกาศ รายงานการวจิ ัยเรืองการศึกษาพฤตกิ รรมการดาํ เนนิ ชีวติ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจ พอเพียงของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานครได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาปีงบประมาณ 2553 ซงึ การดําเนนิ งานวิจัยครั งนี สําเร็จลุลง่วได้ ด้วยความอนุเคราะหจ์ ากผู้บริหารมหาวทิ ยาลัยราชภัฏทั ง6 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร และ ผู้ทรงคุณวุฒทิ ีให้คาํ แนะนําและข้อเสนอแนะเกียวกับวธิ ีการดาํ เนินการวจิ ัย ผู้วจิ ัยขอขอบพระคุณ มา ณ โอกาสนี ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิทีได้กรุณตารวจสอบเครืองมอื ในการวิจัยพร้อมให้คําแนะนําอัน เป็นประโยชน์อย่างยิงในการสร้างเครืองมือและสนับสนุนให้งานวจิ ัยนี สาํ เร็จลุล่วงไปด้วยดี ขอขอบใจนักศึกษามหาวทิ ยาลัยราชภัฏทั ง6 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานครทีให้ความ ร่วมมอื เป็นอย่างดใี นการตอบแบบสอบถาม และให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการดําเนินการวจิ ัย คุณค่าและประโยชน์ของงานวิจัยฉบับนี ขอมอบแด่บิดา มารดา และครูบาอาจารย์ ทุกทา่ นทีได้อบรมสังสอนให้ความรู้แกผ่ ู้วิจัยตั งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กรรณิการ์ ภริ มย์รตั น์ (6) http://www.ssru.ac.th

พฤตกิ รรมการดําเนินชวี ิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนักศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร กรรณกิ าร์ ภิรมย์รัตน์ บทคดั ย่อ งานวจิ ัยนี มีวัตถุประสงค1์ ) เพือศึกษาระดับความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงของนักศึกษา2) เพือศึกษาระดบั พฤติกรรมการดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ นักศึกษา กลุ่มตัวอยา่ งทีใช้ในการวิจัยครั งนี คือนักศึกษาระดับปริญญาตรีทีกําลังศึกษาในมหาวิทยาลัย ราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร6 แหง่ ได้แก่ 1) มหาวทิ ยาลัยราชภัฏจันทรเกษม2) มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ ธนบุรี 3) มหาวิทยาลัยบ้านสมเด็จเจ้าพระยา4) มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร5) มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ สวนดุสติ 6) มหาวิทยาลัย ราชภัฏสวนสุนันทาจํานวน 420 คน เครืองมอื การวจิ ัยมี 2 ฉบับ คอื ฉบับที 1 แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแบบ2 ตัวเลือก ถูก-ผิด และ ฉบับที 2 เป็นแบบสอบถามวัดพฤติกรรมการดาํ เนินชีวิตของนักศึกษาตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยข้อความทีสร้างขึ นเป็นแบบมาตรประเมินค่า(Rating scale) แบบ 3 ระดับ เครืองมือทั ง2 ฉบับ มคี ่า ความเชือมันเท่ากับ0.750 และ 0.830 ตามลาํ ดับ สถิติทีใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี ค่าร้อยละ ค่าเฉลยี ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน และใช้สถิตทิ ดสอบ ได้แก่ t-test และ One-Way ANOVA ผลการศึกษาพบว่า 1. นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมรีะดับความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง โดยรวมอยู่ในระดับสงู ( X = 15.53) เมือพิจารณาเป็นรายมหาวทิ ยาลัยราชภัฏ พบว่าทุกมหาวทิ ยาลัย- ราชภัฏมีระดับความรู้อยูใ่ นระดับสูง 2. นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมรี ะดับพฤติกรรมการดําเนินชีวิตตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงโดยรวมอยู่ในระดับสูง( X = 1.35) เมอื พิจารณาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พบว่า (1) ด้านความพอประมาณ นักศึกษามรี ะดับพฤติกรรมอยู่ในระดับปานกลาง( X = 1.11) (2) ด้านความมี เหตุผล นักศึกษามีระดับพฤตกิ รรมอยู่ในระดับสูง( X = 1.38) และ (3) ด้านการมีภูมิคุ้มกัน นักศึกษามี ระดับพฤติกรรมอยูใ่ นระดับสูง( X = 1.49) คําสาํ คญั .....พฤตกิ รรมการดําเนินชีวิต.....เศรษฐกิจพอเพียง..… http://www.ssru.ac.th

2 1. ความเป็ นมาและความสําคัญของปัญหา สภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันเป็นสาเหตุสาํ คัญทีทาํ ให้คนไทยตกอยู่ในภาวะเดือดร้อน ทั ง ปัญหาด้านเศรษฐกจิ และปัญหาสังคม ซึงนับวันจะยิงทวีความรุนแรงมากขึ น เนืองจากสังคมไทยจะให้ ความสําคัญกับระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม จนทําให้คนทําทุกวิถีทางเพือให้ได้ในสงิ ทีต้องการ บางคน ถงึ กับสละจรรยาบรรณในวิชาชีพ นําความรู้ความสามารถของตนไปแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คาํ นึงถงึ ความเดือดร้อนทีจะเกิดกับคนอนื ในสังคม ขอเพียงให้ตนเองได้รบั ประโยชน์สูงสุดกพ็ อ ทุกคนต้องการทีจะ ตอบสนองความต้องการของตนเอง จงึ เกิดการแข่งขันกันเพือให้ได้เงินตราโดยไม่จํากัดรูปแบบ เช่น การ ฉ้อโกงรวมถงึ การฉ้อราษฎร์บังหลวง การดําเนินกิจกรรมนอกกฎหมาย (อารีย์ เชื อเมืองพาน, 2551) ซึง ทั งหมดทีกล่าวมาเป็นปัญหาทเี กิดจากภาวะเศรษฐกิจ จนนําไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ทางสังคม เชน่ ปัญหาการ ขาดคุณธรรม จริยธรรม ปัญหาความรุนแรงต่าง ๆ ปัญหาการรบั ค่านิยมวัฒนธรรมต่างชาติทีไม่เหมาะสม ของเยาวชนไทย ซึงในปัจจุบันเยาวชนไทยได้รบั การเลี ยงดูทีแตกต่างจากอดีตครอบครัวทีพ่อแม่เลี ยงดูลูก แบบเอื ออาทร ให้ความรัก ดูแลลูกและให้ทุกสิงทุกอย่างแกล่ ูกเพือให้ลูกมีโอกาสได้เรียนหนังสือทัดเทียม เพือน โดยไม่ต้องทําหน้าทีอืน ๆ และลูกทีดี ลูกทีน่ารกั คอื ลูกทีตั งอกตใัจงเรียน เรียนเกง่ ได้เกรดดี และไม่ก่อ เรืองราวให้พอ่ แม่ไม่สบายใจ หากพอ่ แม่สามารถหาทุกสิงทุกอยา่ งทีลูกต้องการให้ได้ กค็ งจะไม่ทําให้เกิด ปัญหามากมาย แต่ในครอบครัวของเด็กทีขาดวัตถุบางอย่างแต่ว่าต้องการสิงนั นมาอยา่ งงา่ ย ๆ จะทําให้ เด็กขาดความยั งคิด และหลงผิดได้โดยงา่ ย ๆ ในภาวะบริโภคนิยมซึงเต็มไปด้วยสงิ เร้ามากมายนี หากเด็ก ขาดวุฒิภาวะ ขาดการนับถือตนเองซึงจะเหน็ ว่าเด็กไทยปัจจุบันมคี วามคดิ เปลยี นไปจากอดีตมาก เด็กจะ ตกอยู่ในความเสยี งสูงเพราะเขาจะกล้าทําสิงผิด ๆ ดังนั นจะเหน็ ได้ว่าในปัจจุบันการดําเนินชีวติ ของเยวาชน จะให้ความสําคัญกับวัตถุนิยม ความฟุ ้ งเฟ้ อ มคี วามต้องการทีไม่รู้จักพอ ใช้จ่ายเงินเกินความจําเป็น ก็จะ ทําให้สังคมไทยในอนาคตน่าเป็นห่วง เพราะเยาวชนถือเป็นทรพั ยากรมนุษย์ทีสําคัญทีสุดทีจะพัฒนา ประเทศชาติให้มคี วามเจริญก้าวหน้าในอนาคต จากปัญหาต่าง ๆ ทีกล่าวมา ภาครัฐได้เล็งเห็นความสําคัญและหาแนวทางแก้ไขปัญหานี อย่าง เร่งด่วน ดังเช่นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที10 (2550-2554) ทีมุ่งเน้นจะพัฒนาประเทศ ให้เป็นสังคมทีอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน ภายใต้แนวปฏบิ ัติของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงและมียุทธศาสตร์การ พัฒนาคนให้มคี ุณธรรมนําความรู้ เกิดภูมิคุ้มกัน โดยมีจิตใจควบคู่กับการพัฒนาการเรียนรู้ของคนทุกกลุ่ม ทุกวัย(สาํ นักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาต,ิ 2549) แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาทีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดาํ รสั แก่พสกนกิ รชาวไทยมาโดยตลอดตั งแต่ปี พ.ศ. 2517 และภายหลังวกิ ฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 ได้ทรงเน้นยํ าเป็นแนวทางการแก้ไขเพือให้รอดพ้น และ สามารถดํารงอยู่ได้อย่างมันคงและยังยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลยี นแปลงต่าง ๆ ของ สังคมไทยก็กลายเป็นอุดมการณ์สาํ หรับคนทุกชนชั นในสังคมไทยทีอยากใชีว้ ติ แบบทางสายกลาง รวมทั ง ผู้คนในวัยรุ่นหนุม่ สาวเช่นกัน และต่อมาในปี พ.ศ. 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน http://www.ssru.ac.th

3 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตไิ ว้ว่า “เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรชั ญาชีถึงแนวการดํารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตังแตร่ ะดับ ครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐทังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดําเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพือให้กา้ วทันโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความ พอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจําเป็นทีจะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวทีดีพอสมควร ตอ่ การมี ผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลียนแปลงทังภายนอกและภายใน ทังนีจะต้องอาศัยความรอบรู้ ความ รอบคอบ และความระมัดระวังอยา่ งยิงในการนําวิชาการต่าง ๆ มาใชใ้ นการวางแผนและดําเนินการทุก ขันตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าทีของรัฐ นัก ทฤษฎี และนักธรุ กิจในทุกระดับให้มีจิตสํานึกในคุณธรรมความซือสัตย์สุจริต และให้มีความรอบคอบ เพือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรบั การเปลียนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทังด้านวัตถุ สังคม สิงแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอยา่ งด”ี (สุภัทรา บุญปัญญโรจน,์ 2550) การทีปรชั ญาได้รบั การยอมรับทั งในแง่กรอบความคดิ และการปฏบิ ัตใิ นสังคมไทยเช่นนี เป็นเพราะ ปรชั ญานี มาจากประสบการณท์ ีเป็นจริงของการพัฒนาทัวทุกพื นทีของประเทศ เพราะมาจากการกลันกรอง พระบรมราโชวาทอันมีพื นฐานจากพระราชกรณยี กิจและการดําเนินงานโครงการหลวง ทีพระองคท์ า่ นได้ ทรงพัฒนาในภูมสิ ังคมต่าง ๆ ทัวประเทศ จงึ เป็นประสบการณ์ทีแท้จริงของประชาชนส่วนใหญ่ เป็นการ พัฒนาทีให้ความสาํ คัญมุ่งให้คนสามารถพึงตนเองได้ ปรชั ญายังมีหลักทางสายกลาง มีการพัฒนาเป็น ขั นตอน ไม่สุดโตง่ เป็นตามหลักมัชฌิมาปฏิปทาของพุทธศาสนา อันเป็นทียอมรบั ของประชาชนโดยทัวไป ทั งยังให้หลักการพัฒนาทีเน้นองคร์ วมโดยมุ่งความสุขของบุคคล ทั งด้านวัตถุ สังคม วัฒนธรรม และ สงิ แวดล้อม จงึ ชว่ ยให้มีกรอบทีกว้างกว่าในอดตี ทีมักจะมองภาพโดยแยกส่วน ปรชั ญานี ไม่ปฏเิ สกธระแส โลกาภวิ ัตน์ แต่ชี ว่าให้มีความรู้เทา่ ทันให้มคี วามสามารถทจี ะรับความผันผวนของการเปลียนแปลงได้ (สมพร เทพสทิ ธา, 2550) ดังนั นจะเห็นได้ว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนํามาประยุกตใ์ ช้กับ ประชาชนได้ทุกกลุ่ม เพือให้ชีวติ อยู่บนพื นฐานความพอเพยี งในทุกเรืองหากคนในสังคมโดยเฉพาะเยาวชน ไทยสามารถปฏิบัตติ นตามหลักเศรษฐกจิ ได้จะทําให้เยาวชนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทีมีคุณภาพ และจะนําไปสู่ การนําพาประเทศให้รอดพ้นจากวกิ ฤตติ ่าง ๆ ได้ ดังนั นผู้วิจัยจึงสนใจทีจะศึกษาพฤติกรรมการดาํ เนินชีวิตตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงของ นักศึกษามหาวทิ ยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร ว่านักศึกษามีความรู้ความเข้ใาจเกียวกับเรืองนี อยา่ งไร และมพี ฤติกรรมการดาํ เนินชีวติ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งอยูใ่ นระดับใดอีกทั งนักศึกษามี ความคดิ เห็นเกียวกับการนําหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดําเนินชีวติ อยา่ งไร http://www.ssru.ac.th

4 2. วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือศึกษาระดับความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา 2. เพือศึกษาระดับพฤติกรรมการดาํ เนนิ ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของนักศึกษา 3. สมมตฐิ านการวิจัย 1.3.1 นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเกยี วกับหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงอยู่ในระดับสูง 1.3.2 นักศึกษามพี ฤติกรรมการดาํ เนินชีวิตตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งอยู่ในระดับสูง 4. แนวคิด ทฤษฎีและวรรณกรรมทีเกียวข้อง มีผรู้ วบรวมแนวคิดเกียวกับปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงไว้หลายท่าน ดังนี สมพร เทพสิทธา (2550: 14 – 15) ได้กล่าวถงึ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาทพี ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทาน พระราชดาํ รัสเกียวกับการพออยูพ่ อกิน ซึงเป็นเรืองของเศรษฐกิจพอเพียงใน พ.ศ. 2517 ในขณะนั น เศรษฐกิจของไทยกําลังเฟื องฟู เรืองเศรษฐกิจพอเพียงจงึ ไม่ได้รบั ความสนใจจากทางราชการและประชาชน เท่าทีควร ในกลางปี 2540 ประเทศไทยต้องประสบภาวะวิฤตทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างรุนแรง ในวันที 4 ธันวาคม 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวได้มพี ระราชดํารสั เกียวกับเศรษฐกจิ พอเพียง โดยรับสังมี ข้อความตอนหนงึ ว่า “การจะเป็นเสือนันไม่สําคัญ สําคัญทีเราพออยพู่ อกินและมีเศรษฐกิจการเป็นอยูแ่ บบพอมีพอกิน” และ “คนเราถ้าพอในความต้องการก็มีความโลภน้อย เมือมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอืนน้อย” จาก พระราชดาํ รัสในวันที 4 ธันวาคม 2540 ทําให้ทางราชการ ธุรกิจเอกชน และประชาชนมีความสนใจใน ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงตามแนวพระราชดําริอยา่ งกว้างขวาง นอกจากนี หลังจากเกิดวกิ ฤตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2540 ได้มหี ลายหน่วยงานน้อมนําแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการกําหนดนโยบาย และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ดังที สาํ นักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในทางเศรษฐกิจ และสาขาอืน ๆ มาร่วมกันประมวลและกลันกรองพระราชดํารัสเรงือ เศรษฐกิจพอเพียงและขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาตนําไปเผยแพร่ เพือเป็นแนวทางปฏบิ ัติต่อไป เกษม วัฒนชัย(2550: 164-165) ได้กล่าวถงึ การนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้จะต้องมีเงือนไข 3 ประการ คอื 1) เงือนไขหลักวิชา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งเป็นการนําหลักวชิ าความรู้และเทคโนโลยีที เหมาะสมมาใช้ ทั งในขั นวางแผนและปฏิบัติ เป็นเศรษฐกิจบนพื นฐานของความ(Kรู้nowledge Base Economy) และเป็นสังคมแหง่ การเรียนรู้(Learning Society) 2) เงือนไขคุณธรรม การสร้างคุณธรรมให้ เกิดขึ นในสังคมโดยกลไกการเลี ยงดูในครอบครัว การศึกษาอบรมในโรงเรียน การสังสอนศลี ธรรมจาก ศาสนา และการฝึกจิตข่มจิตของตนเอง ซึงบุคคล ครอบครัว องค์กรหรือชุมชนทจี ะนําปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงไปใช้จะต้องนําระบบคุณธรรมและความซือสัตย์สุจริตมาประพฤติปฏิบัติก่อน3) เงือนไขในการ ดําเนินชีวติ ต้องมีความรอบรู้ทีเหมาะสมในการดําเนินชีวิต มีความเข้มแข็ง อดทน มีความเพียร มี http://www.ssru.ac.th

5 สติปัญญาและมีความรอบคอบ ผลทีคาดว่าจะได้รับ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งจะเป็นระบบเศรษฐกิจแห่ง ความสุข ระบบเศรษฐกิจแหง่ คุณธรรม เป็นระบบเศรษฐกจิ เพือความยังยืน เมือนํามาประยุกต์ใช้กับตัวเอง และหนว่ ยงานจะชว่ ยให้ชีวติ และหน่วยงานมีความสมดุล ทั งในยามปกติและยามวกิ ฤตจะมีภูมคิ ุ้มกันหรือ ความเข้มแข็ง พร้อมรบั ผลกระทบต่อการเปลยี นแปลงทั ง4 ด้าน ชีวติ และองคก์ รก็จะรุดหน้าไปอย่างมันคง ประโยชนท์ ีได้จากการนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ สรุปได้ดังนี(1) เป็นหลักคิดในการดําเนิน ชีวิตของทุกคน (2) ผู้บริหารนํามาใช้ในการกําหนดแนวนโยบายขององคก์ ร(3) ผู้ปฏิบัตินํามาใช้เป็น แนวทางในการกําหนดแนวการปฏิบัติงาน นอกจากนี มีการประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ ดังน(ี1) ด้านจติ ใจ จะ ทําให้จิตใจเข้มแข็ง สามารถพึงตนเองได้ มจี ิตสาํ นกึ ทีดี เอื ออาทร ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม เป็นหลัก (2) ด้านสังคม จะช่วยเหลือเกื อกูล รู้รกั สามัคคี สร้างความเข้มแข็งในครอบครัวและชุมชน(3) ด้านทรพั ยากรธรรมชาติและสิงแวดล้อม รู้จักใช้และมีการจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ เลอื กใช้ ทรพั ยากรทีมีอยูใ่ ห้เกดิ ความยังยืนสูงสุด(4) ด้านเทคโนโลยี รู้จักใช้เทคโนโลยีทีเหมาะสม สอดคล้องกับ ความต้องการและสภาพแวดล้อม พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ก่อให้เกิดประโยชน์แก่คนหมู่ มาก นอกจากนี สมพร เทพสิทธา(2550: 15-26) ได้กล่าวถึงปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนว พระราชดําริประกอบด้วยหลักการ หลักวชิ า และหลักธรรมหลายประการ อาทิ1) เป็นปรัชญาแนวการดํารง อยู่และปฏิบัตติ นของประชาชนในทุกระดับ ตั งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนนจถงึ ระดับรฐั 2) เป็น ปรชั ญาในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดําเนนิ ไปในทางสายกลาง 3) จะช่วยพัฒนาเศรษฐกจิ ให้ก้าว ทันโลกยุคโลกาภิวัตน์ เพือให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลียนแปลงอยา่ งรวดเร็วกว้างขวางทั งด้าน วัตถุ สังคม สิงแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอยา่ งดี 4) ความพอเพยี งหมายถงึ ความ พอประมาณ ความมีเหตุผลรวมถึงความจําเป็นทจี ะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวทีดีพอสมควรต่อการมี ผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลียนแปลงทั งภายนอกและภายใน5) จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความ รอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิงในการนําวิชาการต่าง ๆมาใช้ในการวางแผนและการดําเนินการทุก ขั นตอน6) จะต้องเสริมสร้างพื นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าทีของรัฐ นักทฤษฏแี ละนัก ธุรกิจในทุกระดับให้มีสํานึกในคุณธรรมความซือสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ทเี หมาะสม ดาํ เนนิ ชีวติ ด้วย ความอดทน ความเพียร มสี ตปิ ัญญาและความรอบคอบ หลักการทีสําคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีหลักการทีสําคัญ 3 ประการ คอื 1. ความพอประมาณ หมายถงึ การปฏบิ ัติตามทางสายกลาง มคี วามพอดไี ม่น้อยเกนิ ไปและไม่ มากเกินไป โดยไม่เบยี ดเบียนคนอนื และผู้อนื 2. ความมเี หตุผล หมายถงึ การตัดสินใจจะต้องเป็นไปอย่างมเี หตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที เกียวข้อง ตลอดจนคาํ นึงถึงผลทีคาดว่าจะเกิดขึ นจากการกระทํานั น ๆ อยา่ งรอบคอบ http://www.ssru.ac.th

6 3. การมีภูมคิ ุ้มกันทีดี หมายถึง การมีคุณธรรมเป็นเครืองยึดเหนียว เตรียมตัวให้พร้อมกับ ผลกระทบและการเปลยี นแปลงด้านต่าง ๆ ทีจะเกดิ ขึ นโดยคํานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที คาดว่าจะเกิดขึ นในอนาคตทั งใกล้และไกล เงือนไขการตัดสินใจและการดาํ เนินกิจกรรมต่าง ๆการตัดสินใจและการดาํ เนินการตามปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงต้องอาศัยทั งความรู้และคุณธรรมเป็นพื นฐาน 1. เงือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกียวกับวิชาการต่าง ๆ ทีเกียวข้องอยา่ งรอบด้าน ความ รอบคอบทีจะนําความรู้เหล่านั นมาพิจารณาให้เชือมโยงกัน เพือประกอบการวางแผน และความระมัดระวัง ในขั นปฏบิ ัติ 2. เงือนไขคุณธรรม มีจิตสํานึกในด้านคุณธรรมและจริยธรรม เช่น ความซือสัตย์สุจตริ ความ ขยันหมันเพียร ความอดทน มคี วามพอประมาณ ใช้สตปิ ัญญาในการดําเนินชีวติ กล่าวโดยสรุป การมีวัฒนธรรมหรือวถิ ีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงมขี ้อปฏิบัตทิ ีสาํ คัญดังนี 1. มีชีวติ ทีเรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุ ้ งเฟ้ อฟุ ่ มเฟื อย 2. ให้ยึดถือทางสายกลาง รู้จักพอ พอดี พอประมาณและพอใจ 3. มคี วามเมตตาเอื ออาทรต่อกัน ร่วมมือและช่วยเหลือกัน ไม่เบียดเบียนกัน ไม่เอารดั เอาเปรียบกัน ไม่มุ่งร้ ายทําร้ ายกัน 4. ประกอบสัมมาอาชีพด้วยความขยนั หมันเพียร ซือสัตย์สุจริต ใฝ่ หาความรู้ เพือนํามาใช้ให้เป็ น ประโยชน์ 5. ให้สามารถพงึ ตนเองได้ให้พ้นจากความยากจนให้สามารถพออยู่พอกิน ไมเ่ ดือดร้อน ไมต่ กเป็ น ทาสของอบายมุข วัตถุนิยมและบริโภคนิยม ทั งนี การทีบุคคลจะใช้ชีวติ ตามวถิ ีชีวิตเศรษฐกิจพอเพยี งยังมคี วามสัมพันธ์กับทฤษฎีพฤตกิ รรม และพัฒนาการของวัยรุ่นมผี ู้กล่าวถงึ ทฤษฎที ีเกียวข้องกับพฤติกรรมของวัยรุ่น ดังนลี ้วน สายยศ และ อังคณา สายยศ (2543: 170-176) ได้กล่าวถงึ ทฤษฎีจิตวเิ คราะห์ (Psychoanalytic Theory) และทฤษฎี การเรียนรู้ทางสังคม(Social Learning Theory) ไว้ดังนี 1. ทฤษฎจี ิตวเิ คราะห์ (Psychoanalytic Theory)องค์ประกอบทีสําคัญในทฤษฎีจติ วเิ คราะห์ของ ฟรอยด์ (Freud) คือ อดิ (id) อีโก้ (ego) และซุปเปอร์อีโก้ (superego) id เป็นแหล่งพลังงานทางจิตเบื องต้น และเป็นทีตั งแห่งสัญชาตญาณ เป็นความต้องการแสวงหาเพือตนเอง ต่อมาก็มีego (อีโก้) เป็นผู้ควบคุม พฤตกิ รรมของ id (อิด) ego อาศัยหลักแห่งความจริง คอื สงิ ทีปรากฏอยอู่ ย่างแท้จริง จากนั นจะมีการเรียนรู้ พัฒนาขึ นมา การเรียนรู้ทําให้ฉลาด สามารถเป็นนายเหนอื ความอยากอันเกิดแต่ id การเรียนรู้อาศัยการรบั รู้ ความจํา ความคดิ และส่งเสริมให้ ego เข้มแข็ง ซปุ เปอรอ์ โี ก้เป็นลักษณะทีสาม เป็นหลักแห่งอุดมคตแิ ละ ศีลธรรมจรรยา ซุปเปอร์อโี ก้แบง่ ได้เป็น 2 ประเภท คือ 1) Ego-ideal คือ อุดมคติ เป็นแนวคดิ ของผู้ใหญ่ สังคมทีสอนไว้ว่าอะไรเป็นสงิ ทคี วร อะไรเป็นสิงไม่ควร และเมอื ประพฤติตามแล้ว จะเป็นทีนิยมชมชอบของ http://www.ssru.ac.th

7 ผู้ใหญใ่ นสังคม2) Conscience คือ มโนธรรม ได้แก่ ความรู้สึกว่า อะไรดีควรทํา อะไรชัวควรละเว้น ในขั นนี เด็กจะพัฒนาจากการทีเด็กเคยกระทําผิดอยู่ในใจ เช่น ผู้ใหญ่สอนให้เกลียดชคังวามสกปรก ถ้าเราไปนิยมก็ จะได้รับโทษ เราจงึ เว้นเสีย บุคคลในระดับนี จะเครง่ ต่อหลักศีลธรรเมป็นอันมาก เป็นส่วนสําคัญทปี ้ องกันการ กระทําความผดิ 2. ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม(Social Learning Theory) ทฤษฎีนี มคี วามเชือว่ากฎเกณฑ์ของ สังคมและวฒั นธรรมเป็นปัจจัยสําคัญให้เกิดการพัฒนาจริยธรรม ทฤษฎีนี พยายามอธิบายกระบวนการ เรียนรู้ โดยหลักการเสริมแรงและหลักการเชือมโยงความสัมพันธ์จากปรากฏการณ์ของสังคมสกินเนอร์ (Skinner อ้างถึงใน ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2543: 171) มคี วามเชือว่าแรงจูงใจทีทําให้เกดิ พัฒนาการทางสังคมมีรากฐานมาจากความต้องการรางวัลและหลกี เลียงการลงโทษจากสังคมบันดูรา (Bandura อ้างถึงใน ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2543: 171-172) ได้ศึกษาทฤษฎกี ารเรียนรู้ทาง สังคมอย่างลึกซึ ง เขามีความคดิ ว่า การเรียนรู้ทางสังคมเกิดจากการ-เรียนรู้โดย การสังเกต การเลียนแบบ และการเอาอยา่ งแบบ บันดูราเชือว่าความสาํ คัญของการเรียนรู้ คอื กระบวนการเลียนแบบพฤติกรรมผู้อนื หรือพิจารณาการกระทําของผู้อืนแล้วสังเกตผลกรรมทีตามมา การตัดสินใจนี เกิดจากการเรียนรู้พฤติกรรม ของมนุษยใ์ นสังคม ดังนั น ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมจงึ ขึ นอยู่กับเงือนแไลขะตัวแบบเป็นสําคัญ จากแนวคิดและทฤษฎีเกียวกับพฤตกิ รรมของวัยรุ่น จะเห็นได้ว่าพฤตกิ รรมจะเกิดขึ นได้ทั งจากการ เรียนรู้ตามสันชาตญาณ จิตใต้สํานกึ และเกิดจากความต้องการทางร่างกายของมนุษย์ ความต้องการทาง จิตใจ ซึงมนุษย์จะมีการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง การพัฒนาด้านความรู้ความเข้าใจนั น จะเริมต้นทีประสาท รับรู้และการเคลือนไหว การคิดและใช้เหตุผล ซงึ เป็นขั นทีวัยรุ่นจะพัฒนาพฤติกรรมของตนเองในขั นนี นอกจากนี มผี ทู้ ําการศึกษาเกียวกับพฤติกรรมการดาํ เนินชวี ิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี เธียรธิดา เหมพิพัฒน์ (2546) ได้ทําการศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ต่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พบว่า 1) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นนักศึกษากลุ่มวิทยาศาสตร์ ได้แก่ คณะสถิติประยุกต์ โครงการบัณฑิตศึกษาการพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ โครงการบัณฑิตศึกษาเทคโนโลยกี าร บริหาร และสํานักพัฒนาบัณฑิตศึกษาหลักสูตรการจัดการสงิ แวดล้อม ส่วนใหญเ่ ป็นนักศึกษาชั นปีท2ี มี ผลการศึกษาเฉลียตั งแต3่ .21 ถงึ 3.49 จบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์เกษตร ยังไม่ได้ประกอบอาชีพ และได้รับข่าวสารเกียวกับปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งจากสือโทรทัศน์2) ผู้ตอบแบบสอบถามมีความเหน็ ด้วยต่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมอื พิจารณาทั ง6 ด้าน พบว่า ในระดับ ความคิดเห็นค่อนข้างสูง คอื ด้านการนําไปประยุกต์ ในระดับความคิดเหน็ ปานกลาง คอื ด้านการนํามาใช้ ประโยชน์ ด้านอธิบายปรากฏการณ์ ด้านการขยายขององค์ความรู้ ด้านความเข้าใจเนื อหาสาระ และด้าน การรับรู้ในเนื อหาสาระ3) ปัจจัยทีมผี ลต่อความคดิ เห็นของนักศึกษาสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ต่อ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ คณะทีศึกษา และสาขาทีจบปริญญาตรี ส่วนปัจจัยทีไม่มีผลกับความ คิดเห็นของนักศึกษาสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ต่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้แก่ ชั นปี ทีศึกษ,า http://www.ssru.ac.th

8 ผลการศึกษา, อาชีพ และการได้รับข่าวสารเกียวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และศศพิ รรณ บัวทรัพย์ (2547) ได้ทําการศึกษาความคดิ เห็นของนักศึกษามหาวทิ ยาลัยรามคาํ แหงต่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พบวา่ 1) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ศึกษาคณะนิตศิ าสตร์ จบการศึกษาชั น ม.6 กอ่ นเข้า รับการศึกษาทีมหาวทิ ยาลัยรามคําแหง ส่วนใหญ่มภี ูมิลําเนาอยู่ต่างจังหวัด ได้รับรู้ข้อมูลเกยี วกับเศรษกฐิจ พอเพียงจากสอื โทรทัศน์ ครอบครวั และเพือนหรือผู้นํากลุ่ม ตามลําดับ2) ผู้ตอบแบบสอบถามมีความเห็น ด้วยต่อปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมอื พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการ รบั รู้ในเนื อหาสาระ ด้านความเข้าใจในเนื อหาสาระ ด้านการปฏิบัตหิ รือการประยุกตแ์ ละด้านการเผยแพร่ อยูใ่ นระดับมากทั ง4 ด้าน 3) ปัจจัยทีมผี ลต่อความคิดเห็นของนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคําแหงต่อปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ เพศ คณะทีศึกษา และการรับรู้จากครอบครัว ส่วนปัจจัยทีไม่มีผลต่อความคดิ เห็น ของนักศึกษามหาวทิ ยาลัยรามคําแหง ต่อปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ได้แก่ ชั นปี ทีศึกษา สาขาทีจบ กอ่ นเข้า ศึกษา ภูมลิ าํ เนา การรบั รู้จากสอื มวลชนและการรบั รู้จากเพือน หรือผู้นํากลุ่ม กุลวดี ล้อมทอง วีระภัทรานนท์ (2550) การนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยุกตใ์ ช้ใน การดําเนินชีวติ ศึกษากรณี บุคลากรสาํ นักงานทรัพย์สนิ ส่วนพระมหากษัตริย์ ผลการศึกษาพอสรุปได้ดังนี การนําหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกตใ์ ช้ในการดาํ เนินชีวิตของตนเอง ครอบครวั และการทํางาน พบว่า การประยุกต์ใช้กับตนเอง และการประยุกต์ใช้กับครอบครวั คือ สามารถจัดสรรรายได้ให้เพียงพอกับ ค่าใช้จ่าย และยังมีเหลอื เกบ็ ออม มกี ารใช้เหตุผลเพือแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ เน้นเรืองความประหยัดและ คุ้มค่ามีการเตรียมพร้อมรบั การเปลียนแปลง เสริมสร้างความรู้ควบคู่เทคโนโลยีทีทันสมัย และเน้นเรือง ความซือสัตยแ์ ละตวงพร ศรีวิชัย (2550) ได้ทําการศึกษาการนําปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงไปใช้ในการ ดําเนินชีวิตประจําวันของนักเรียนเตรียมทหาร ผลการวิจัยพบว่านักเรียนเตรียมทหารนําปรชั ญาเศรษฐกิจ พอเพียงโดยรวมไปปฏิบัติมาก โดยเรียงลําดับการปฏิบัติ ดังนี ด้านวัฒนธรรม ด้านสังคม ด้านสิงแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจ และศักดิ ชัย คํ าช(2ู 550) ได้ทําการศึกษาการประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงใน องคก์ ร : ศึกษากรณีศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านบงึ พบว่า เจ้าหน้าทีและเยาวชนในศูนย์ฝึกและ อบรมเด็กและเยาวชนบ้านบึง ส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจทีถูกต้องเกียวกับแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียงว่า เป็นแนวทางการดําเนินชีวติ โดยคํานงึ ถึงความพอประมาณ พอมี พอกิน พอใช้ เป็นแนวคิดพึงตนเอง ไม่ ประมาท รู้จักเก็บออม ไม่ฟุ ่ มเฟื อยชใ้ทรพั ยากรทีมีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีการวางแผน ใช้ความรู้คู่ คุณธรรม ซือสัตยต์ ่อตนเองและผู้อืน ซึงตรงกันกับลักษณะการดาํ เนนิ ชีวติ แบบเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากนี ผู้วจิ ัยได้ประเมินผลสําเร็จตามกรอบแนวคิดทีวางไว้ และได้ข้อค้นพบว่าในการดําเนินโครงการ ต่าง ๆ ในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านบงึ ทีเป็นการนําแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้นั น ทําให้เจ้าหน้าทีและเยาวชนมคี วามรู้ ความเข้าใจเกียวกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ น นอกหเนือจาก การรบั รู้ข้อมูลข่าวสารจากสือต่าง ๆ ทั งสอื สิงพิมพ์ สือวิทยุโทรทัศน์ ทนั งี ในการดาํ เนินโครงการดังกล่าว ได้รบั การตอบรับจากทุกฝ่ ายทีเกียวข้องในศูนย์ฝึก ด้วยต่างก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อศูนย์ฝึกและอบรมเด็ก http://www.ssru.ac.th

9 และเยาวชนบ้านบึง ในแง่การบริหาร การประหยัดงบประมาณ ภาพลักษณ์ขององคก์ ร และเป็นประโยชน์ กับตัวเจ้าหน้าทีให้เรียนรู้ถึงความพอเพียงในการดาํ เนินชีวิต รู้จักประหยัดอดออม เห็นคุณค่าและรู้จักใช้ ทรัพยากรธรรมชาตใิ ห้เกดิ ประโยชน์สูงสุด ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนรู้จักพอประมาณมีจิตสาํ นึก ของความรบั ผดิ ชอบร่วมกัน และสามารถเป็นแนวทางในการพัฒนาเยาวชนได้ ทรงศักดิ ศรบี ุญจิตต์ และคณะ (2551) ได้ทําโครงการประเมนิ ผลเปรียบเทยี บในมิติต่าง ๆ ของ ประชาชนในการนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ จากการวัดระดับความรู้และความเข้าใจ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง พบว่า ประชาชนในทุกอาชีพยังไม่ค่อยมีความเข้าใจในหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ประชาชนทัวไปส่วนใหญ่มีความเข้าใจปรชั ญาเศรษฐกจิ ในระดับมาก ในด้านหลักการมภี ูมิคุ้มกัน ประชาชนในภาคเกษตรมีความเข้าใจในระดับปานกลาง โดยเฉพาะด้านหลักการมภี ูมิคุ้มกันและเงือนไข การมีความรู้และคุณธรรม ประชาชนในภาคบริการมีความเข้าใจในระดับมาก โดยเฉพาะด้านหลักการมี ภูมคิ ุ้มกัน เจ้าของหรือผู้บริหารภคาอุตสาหกรรมมีความเข้าใจในระดับมาก โดยเฉพาะด้านหลักการมี ภูมคิ ุ้มกัน และลูกจ้างภาคอุตสาหกรรมมคี วามเข้าใจในระดับมาก โดยเฉพาะหลักการมีภูมคิ ุ้มกัน ส่วน ประชาชนในภาคราชการมีความเข้าใจในระดับมาก โดยเฉพาะด้านหลักการมีภูมคิ ุ้มกัน เมือศึกษาการนํา ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในทุกมิติ พบว่าประชาชนทัวไปนํามาประยุกต์ใช้ในระดับมาก ประชาชนในภาคเกษตรนํามาประยุกต์ใช้ในระดับปานกลาง และประชาชนในภาคบริการ นํามาประยุกต์ใช้ ในระดับปานกลาง โดยนํามาใช้มากในมิติด้านสังคมเช่นเดียวกัน สําหรับเจ้าของหรือผู้บริหาร ภาคอุตสาหกรรม นํามาประยกุ ต์ใช้ในระดับปานกลาง และประชาชนภาคราชการ นํามาประยุกต์ใช้ใน ระดับมาก โดยนํามาใช้มากในมิตสิ ังคมเช่นเดียวกัน นอกจากนั นยังพบว่าการนําปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้นั นมคี วามสัมพันธ์กับระดับความรู้ความเข้าใจในหลักการปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยผู้ที มีความเข้าใจมากจะนํามาประยุกต์ใช้มาก ส่วนผู้ทีเข้าใจน้อยก็จะนํามาใช้น้อย จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎแี ละงานวิจัยทีเกยี วข้องกับพฤตกิ รรมการดําเนินชีวติ ตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา จะเห็นได้ว่ามตี ัวแปรทีเกียวข้องกับพฤติกรรมตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจ พอเพียง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเพศ ชั นปี ทีศึกษารายได้ต่อเดอื น รายจ่ายต่อเดือน และภูมลิ าํ เนานอกจากนี ยังมตี ัวแปรเกียวกับความรู้ความเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในด้านหลักการ ประกอบด้วย (1) พอประมาณ (2) มเี หตุผล (3) มภี ูมิคุ้มกันและด้านเงอื นไข ประกอบด้วย (1) ความรู้ (2) คุณธรรม ซึง ตัวแปรเหล่านี จะทําให้ทราบ(1) ระดับความรู้ความเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา(2) ระดับ พฤติกรรมการดาํ เนินชีวติ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา http://www.ssru.ac.th

10 5. ระเบียบวิธีวิจยั การศึกษาพฤตกิ รรมการดาํ เนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษามหาวิทยาลัย ราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร ประชากรทีทําการศึกษาครั งนคี ือ ประชากรทีใช้ในการวิจัยครั งนเี ป็น นักศึกษาระดับปริญญาตรีทีกําลังศึกษาในมหาวทิ ยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร6 แห่ง ได้แก่ 1) มหาวทิ ยาลัยราชภัฏจันทรเกษม2) มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี3) มหาวทิ ยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ เจ้าพระยา 4) มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนคร5) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสติ 6) มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนสุนันทาจํานวน 115,542 คน (สาํ นักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา, 2553) การวิจัยครั งนี ผู้วิจัยจะ ทําการศึกษาจากกลุ่มตัวอยา่ งทีใช้ในการวจิ ัยประมาณขนาดกลุ่มตัวอย่างจากตารางYamane ทีระดับ ความเชือมัน 95% (Yamane อ้างถงึ ใน สุวิมล ติรกานันท,์ 2548: 177) ซงึ ต้องใช้กลุ่มตัวอยา่ ง จํานวน420 คน จากนั นจะทําการเลอื กตัวอย่างโดยวธิ กี ารสุ่มแบบหลายขั นตอน(Multi-stage Sampling) ซงึ จะทําการ สุ่มนักศึกษาเพือให้ได้ตัวแทนของประชากรทีทําการศึกษา เครืองมอื ทีใช้ในการวจิ ัยครั งนีมดี ังนี 1. แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นแบบ2 ตัวเลือก ถูก-ผิด จํานวน 20 ข้อ โดยจะทําการทดสอบกับกลุ่มตัวอยา่ ง จํานวน420 คน โดยหาความเชือมัน ของแบบทดสอบด้วยสูตรคูเดอร์ ริชาร์ดสันKR-20 มคี ่าความเชือมันเท่ากับ0.750 2. แบบสอบถามวัดพฤตกิ รรมการดําเนนิ ชีวิตของนักศึกษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง แบบสอบถามแบ่งเป็น 2 ตอน ดังนี ตอนที 1 เป็นแบบสอบถามข้อมูลทัวไปของนักศึกษา ตอนที 2 เป็นแบบสอบถามวัดพฤตกิ รรมการดาํ เนนิ ชีวติ ของนักศึกษาตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง โดยข้อความทีสร้างขึ นเป็นแบบมาตรประเมินค่า(Rating scale) แบบ 3 ระดับ ซึงวัด ความเชือมันได้ทีระดับ0.830 สถิติทีใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลีย ส่วนเบียงเบนมาตรฐานได้ผลการวิเคราะห์ดังนี http://www.ssru.ac.th

11 6. การวิเคราะห์และการอภิปรายผล ตารางที 1 ค่าเฉลยี ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน ระดับความรู้ความเข้าใจเกยี วกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง จําแนกตามมหาวทิ ยาลัยราชภัฏ มหาวิทยาลัย X SD. ระดับความรู้ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏจันทรเกษม 2.11 สูง มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี 14.79 2.03 สูง มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 14.93 2.07 สูง มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนคร 16.19 2.04 สูง มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 16.23 1.78 สูง มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 16.14 2.35 สูง 14.90 2.16 สูง รวม 15.53 จากตารางที 1 พบว่านักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมรีะดับความรู้ความเข้าใจเกยี วกับหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงโดยรวมอยูใ่ นระดับสูง ( X = 15.53) เมอื พจิ ารณาเป็นรายมหาวทิ ยาลัยราชภัฏ พบว่าทุก มหาวิทยาลัยมีระดับความรู้อยู่ในระดับสูง ซงึ จากผลการศึกษานี สอดคล้องกับงานวิจัยของ ทรงศักดิ ศรีบุญ จิตต์ และคณะ (2551) พบว่าประชาชนในภาคบริการมคี วามเข้าใจเกียวกับหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ในระดับมาก และสอดคล้องกับงานวิจัยของ อภชิ าต ชูเกียรตสิ กุล(2551) พบว่า ข้าราชการทหารสังกัดกอง พันพัฒนาที 3 มคี วามรู้ความเข้าใจเกียวกับเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ในเกณฑ์ระดับดมี าก และยังสอดคล้องกับ งานวิจัยของ ศศิพรรณ บัวทรัพย์ (2547) พบว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคาํ แหงมีการรบั รู้เนื อหาสาระ และเข้าใจในเนื อหาของเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ในระดับมาก และสอดคล้องกับงานวจิ ัยของ ศักชดัยิ คํ าชู (2550) พบว่า เจ้าหน้าทีและเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านบงึ ส่วนใหญ่มีความรู้ความ เข้าใจทีถูกต้องเกยี วกับแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงว่า เป็นแนวทางการดําเนินชีวติ โดยคาํ นงึ ถึงความ พอประมาณ พอมี พอกิน พอใช้ เป็นแนวคิดพึงตนเอง ไม่ประมาณ รู้จักกเ ็บออม ไม่ฟุ ่ มเฟื อย ใช้ทรพั ยากรที มอี ยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มกี ารวางแผน ใช้ความรู้คู่คุณธรรม http://www.ssru.ac.th

12 ตารางที 2 ค่าเฉลีย ส่วนเบียงเบนมาตรฐาน และระดับพฤติกรรมการดําเนินชีวิตตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจ พอเพียงของนักศึกษามหาวทิ ยาลัยราชภัฏโดยภาพรวม พฤติกรรม X SD. ระดับพฤติกรรม 1. ด้านความพอประมาณ 1.11 0.26 ปานกลาง 2. ด้านความมเี หตุผล 3. ด้านการมภี ูมิคุ้มกัน 1.38 0.24 สูง รวม 1.46 0.27 สูง 1.32 0.21 สูง จากตารางที 2 พบว่า นักศึกษามหาวทิ ยาลัยราชภัฏมรี ะดับพฤตกิ รรมการดําเนนิ ชีวิตตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยภาพรวมอยูใ่ นระดับสูง เมอื พิจารณารายด้าน พบว่าระดับพฤตกิ รรมการ ดาํ เนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษามหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ ด้านความมีเหตุผลและ ด้านภูมคิ ุ้มกันอยู่ในระดับสูงและด้านความพอประมาณนักศึกษามรี ะดับพฤติกรรมการดาํ เนินชีวติ ตาม หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษาอยูใ่ นระดับปานกลางซึงผลการศึกษาสอดคล้องกับงานวิจัย ของ ปวัน มนี รักษ์เรืองเดช (2549) พบว่า ประชาชนทีเข้าร่วมโครงการชีวติ พอเพยี งตามแนวพระราชดาํ ริมี พฤตกิ รรมอยู่ในระดับค่อนข้างมาก และสอดคล้องกับงานวิจัยของ กุลวดี ล้อมทอง วรี ะภัทรานนท์ (2550) พบว่าบุคลากรสาํ นักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีการนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมา ประยุกต์ใช้กับครอบครวั คอื สามารถจัดสรรรายได้ให้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย และยังมเี งินเหลอื เก็บออม มี การใช้เหตุผลเพือแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ เนน้ เรืองความประหยัดและคุ้มค่า นอกจากนี ผลการศึกษายังสอดคล้องกับงานวิจัย ตวงพร ศรีวชิ ัย(2550) พบว่านักเรียนเตรียม ทหารนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยรวมไปปฏิบัติมาก โดยเรียงลาํ ดับการปฏบิ ัติ ดังนี ด้านวัฒนธรรม ด้านสังคม ด้านสิงแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับงานวิจัยของ สุมาลี จันทร์ชลอ และคณะ (2551) พบว่า พฤตกิ รรมการดําเนินชีวติ ของประชาชนทีพักอาศัยอยู่ในเขตกรงุ เทพมหานครและปริมณฑล ในภาพรวมพบว่าประชาชนมพี ฤตกิ รรมด้านการใช้จา่ ยพอประมาณมพี ฤติกรรมอยู่ในระดับบอ่ ยครั งถึงเป็น ประจํา ด้านความรอบคอบมีพฤติกรรมอยู่ในระดับบ่อยครั งด้านความมเี หตุผลมีพฤติกรรมอยู่ในระดับ บอ่ ยครั ง ด้านการช่วยเหลือครอบครวั มพี ฤติกรรมอยูใ่ นระดับบ่อยครั งนอกจากนี ยังสอดคล้องกับงานวิจัย ของ ทรงศักดิ ศรีบุญจิตต์ และคณะ(2551) พบว่าการนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้นั นมี ความสัมพันธ์กับระดับความรู้ความเข้าใจหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยผู้ทีมคี วามเข้าใจมากจะ นํามาประยุกต์ใช้มาก ส่วนผู้ทเี ข้าใจน้อยก็นํามาใช้น้อย http://www.ssru.ac.th

13 7. บทสรุปและข้อเสนอแนะ จากการศึกษาพฤติกรรมการดําเนินชีวติ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานครสรุปผลได้ดังนี 1. นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมรีะดับความรู้ความเข้าใจเกยี วกับหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง โดยรวมอยูใ่ นระดับสูง ( X = 15.53) เมอื พิจารณาเป็นรายมหาวิทยาลัยราชภัฏ พบว่าทุกมหาวิทยาลัย- ราชภัฏมีระดับความรู้อยูใ่ นระดับสูง จากผลการศกึ ษาเกียวกับความรู้ความเข้าใจของนักศึกษาเกียวกับ หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงนี นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏทั6งแห่ง มีความรู้ความเข้าใจอยู่ใน ระดับสูง ทั งนี อาจเนืองมาจากในปัจจุบันทั งภาครัฐและภาคเอกชนมกี ารรณรงค์การใช้ชีวติ อย่างพอเพียง มี การประชาสัมพันธ์ในสือต่าง ๆ อีกทั งนักศึกษาได้มีการเรียนเกียวกับเนื อหาเศรษฐกิจพอเพียงในชั นเรียนมา บ้างแล้ว จงึ ทําให้นักศึกษามีความรู้เกยี วกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทั งในประเด็น ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมภี ูมคิ ุ้มกันทีดี อยู่ในระดับสูง 2. นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมีระดับพฤติกรรมการดําเนินชีวติ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงโดยรวมอยู่ในระดับสูง( X = 1.35) เมอื พิจารณาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พบว่า (1) ด้านความพอประมาณ นักศึกษามรี ะดับพฤติกรรมอยู่ในระดับปานกลาง( X = 1.11) (2) ด้านความมี เหตุผล นักศึกษามีระดับพฤติกรรมอยู่ในระดับสูง( X = 1.38) และ (3) ด้านการมภี ูมคิ ุ้มกัน นักศึกษามี ระดับพฤติกรรมอยูใ่ นระดับสูง( X = 1.49) จากผลการศึกษาเกียวกับพฤติกรรมการดาํ เนินชีวติ ของ นักศึกษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นักศึกษามหาวทิ ยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานครได้มีการ นําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึงส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการเกบ็ ออมเงนิ การดาํ เนินชีวติ ด้วย ความประหยัด การใช้ทรัพยากรอยา่ งรู้คุณค่า การทีนักศึกษามีพฤตกิ รรมเช่นนี อาจเนืองมาจากนักกศษึ า มหาวิทยาลัยราชภัฏส่วนใหญ่จะเป็นเด็กต่างจังหวัด ต้องเช่าหอพักอยู่ รายรบั จะมีอยา่ งจํากัด ดังนั นเขาจงึ ต้องใช้จา่ ยเงินทุกบาทอยา่ งประหยัดและรู้คุณค่า จงึ นําไปสู่การมพี ฤติกรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั งนี ม4ี ข้อ ดังนี 1) ควรมีการการรณรงค์การปฏบิ ัติตนตามหลัก ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ด้วยการจัดกจิ กรรมทีหลากหลาย เช่น การประชุมสัมมนา การอบรมให้ความรู้ การฝึกปฏิบัติ 2) มหาวทิ ยาลัยควรมนี โยบายส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมด้านเศรษฐกิจพอเพียง ให้กับนักศึกษา3) มหาวิทยาลัยควรจัดให้มีการเรยี นการสอนเกียวกับเศรษฐกิจพอเพียงทั งทางทฤษฎแี ละ ทางปฏบิ ัติ 4) ควรมกี ารศึกษารูปแบบการปรบั ใช้เศรษฐกิจพอเพียงให้เหมาะสมกับกลุ่มบุคคล ต่าง ๆ เพือ จะได้มแี นวทางทีเหมาะสม ชัดเจน และเป็นรูปธรรมทีสามารถนําไปใช้เป็นแบบอยา่ งในการปฏิบัติได้จริง http://www.ssru.ac.th

14 7. เอกสารอ้างอิง กลุ วดี ล้อมทอง วีระภัทรานนท.์ 2550. การนําหลักเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยุกต์ใช้ในการดําเนินชีวติ ศึกษากรณี บุคลากรสํานักงานทรัพย์สนิ ส่วนพระมหากษัตรยิ ์. ภาคนิพนธ์ปริญญาศลิ ปศาสตรมหา บัณฑิต, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร.์ เกษม วัฒนชัย. 2550. เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาํ ริ. วารสารผู้ตรวจการแผ่นดนิ ของรฐั สภา,ปี ที 5 ฉบับที 2 ตุลาคม 2549 – มนี าคม 2550: 155-156. ตวงพร ศรีชัย. 2550. การศึกษาการนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดําเนินชีวิตประจําวันของ นักเรียนเตรียมทหาร. วทิ ยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. ทรงศักดิ ศรีบุญจิตต์ และคณะ. 2251. โครงการประเมนิ ผลเปรียบเทียบในมิติต่าง ๆ ของประชาชนในการ นําปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกต์ใช้. ทุนอุดหนุนการวิจัยจากสาํ นักงานคณะกรรมการวจิ ัย แหง่ ชาติ. ศูนย์วจิ ัยและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม.่ เธียรดา เหมพิพัฒน.์ 2546. ความคดิ เหน็ ของนักศึกษาสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ต่อปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง. ภาคนิพนธ์ปริญญาศลิ ปศาตรมหาบัณฑิต, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร.์ ปวัน มนี รักษ์เรืองเดช. 2549. การประยุกต์แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพยี งไปปฏิบัติ ของประชาชนทีเข้าร่วม โครงการชีวติ พอเพยี งตามแนวพระราชดาํ ริ. ภาคนิพนธป์ ริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สถาบัน บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร.์ ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2543). การวัดด้านจิตพิสัย. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์ . ศศิพรรณ บัวทรัพย.์ 2547. ความคดิ เห็นของนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคําแหงต่อปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง. ภาคนิพนธ์ปริญญาศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร.์ ศักดิ ชัย คํ า.ช2ู 550. การประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงในองค์กร: ศึกษากรณีศูนย์ฝึกและอบรมเด็ก และเยาวชนบ้านบึง. ภาคนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์. สมพร เทพสิทธา. 2550. การดาํ เนินชีวิตแบบเศรษฐกจิ พอเพียง ชุมชนและแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียง ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงในบริบทของศาสนาและวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: สมชายการพิมพ์. สุภัทรา บุญปัญญโรจน.์ 2550. ภาวะบริโภคนิยมของวัยรุ่นไทย: ปัจจัยผลักดันสู่สังคมไทย. วารสาร รามคาํ แหง. ฉบับมนุษยศาสตร์ ปีที 27 ฉบับที 1: 1-2. สุวมิ ล ติรกานันท.์ (2546). การใช้สถิติในงานวจิ ัยทางสังคมศาสตร:์ แนวทางสู่การปฏบิ ัต.ิ กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. สาํ นักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาต.ิ (2549). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับทีสบิ พ.ศ. 2550 - 2554. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว. http://www.ssru.ac.th

15 อภชิ าต ชูเกียรตสิ กุล. 2551. ความรู้ความเข้าใจในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของข้าราชการทหารสังกัด กองพันพัฒนาที 3. วทิ ยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยแม่โจ.้ อารีย์ เชื อเมืองพาน. 2551. วถิ ีชีวติ แบบเศรษฐกิจพอเพียง: ทางรอดพ้นกับดักทางเศรษฐกิจและสังคม. วารสารแม่โจ้ปริทัศน.์ ปี ที 9 ฉบับที 6 พฤศจกิ ายน – ธันวาคม 2551: 9 - 11. ประวตั ิผู้เขยี นบทความ ชือ - นามสกุล : (ภาษาไทย)…………นางกรรณกิ าร์ ภิรมย์รตั น…์ ………………………………………….……… (ภาษาอังกฤษ)………Mrs. Kannika Bhiromrat…………………………………..……….……… เพศ : …….หญิง………วันเดือนปีเกิด………29 ตุลาคม 2517……………………………………...…… ตาํ แหนง่ ปัจจุบัน(อาจารย,์ ผศ., รศ., ศ., ตาํ แหน่งทางราชการ)………อาจารย์ ระดับ 7……………….…. สถานทีตดิ ต่อ (ทีทํางาน)……….…คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา……………………… โทรศัพท…์ ……..0-2160-1099……. โทรสาร…………0-2160-1069…………………….……………….. E-mail – address….…[email protected]….…. ทีอยู่ (ทีบ้าน)………476/14 หมู่บ้านอนันตส์ ุขสันต์ ซ. ลาดพร้าว 47 ถ.ลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310………. โทรศัพท์ (บ้าน)……………0-2539-0533………โทรศัพท์ (มือถือ) …….… 0-8953-57082………….. http://www.ssru.ac.th

บทที 1 บทนํา 1.1 ความเป็ นมาและความสําคัญของปัญหา สภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันเป็นสาเหตุสาํ คัญทีทาํ ให้คนไทยตกอยู่ในภาวะ เดอื ดร้อน ทั งปัญหาด้านเศรษฐกิจและปัญหาสังคม ซึงนับวันจะยิงทวคี วามรุนแรงมากขึ น เนืองจากสังคมไทยจะให้ความสําคัญกับระบบเศรษฐกิจแบบทนุ นิยม จนทําให้คนทําทุกวิถีทาง เพือให้ได้ในสิงทีต้องการ บางคนถึงกับสละจรรยาบรรณในวชิ าชีพ นําความรู้ความสามารถของตน ไปแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คาํ นึงถึงความเดอื ดร้อนทีจะเกิดกับคนอืนในสังคม ขอเพียงให้ ตนเองได้รับประโยชน์สูงสุดกพ็ อ ทุกคนต้องการทีจะตอบสนองความต้องการของตนเอง จงึ เกิด การแข่งขันกันเพือให้ได้เงินตราโดยไม่จํากัดรูปแบบ เช่น การฉ้อโกงรวมถงึ การฉ้อราษฎร์บังหลวง การดําเนนิ กิจกรรมนอกกฎหมาย (อารีย์ เชื อเมืองพาน, 2551) ซงึ ทั งหมดทีกล่าวมาเป็นปัญหาที เกิดจากภาวะเศรษฐกิจ จนนําไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ทางสังคม เชน่ ปัญหาการขาดคุณธรรม จริยธรรม ปัญหาความรุนแรงต่าง ๆ ปัญหาการรับค่านิยมวัฒนธรรมต่างชาตทิ ีไม่เหมาะสมของเยาวชนไทย ปัจจุบันเยาวชนไทยได้รบั การเลี ยงดูทีแตกต่างจากอดตี ครอบครัวทีพอ่ แม่เลี ยงดูลูกแบบ เอื ออาทร ให้ความรกั ดูแลลูกและให้ทุกสิงทุกอย่างแก่ลูกเพือให้ลมูกีโอกาสได้เรียนหนังสือ ทัดเทียมเพือน โดยไม่ต้องทําหน้าทีอนื ๆ และลูกทีดี ลูกทีน่ารักคือลูกทีตั งอกตั งใจเรียน เรียน่งเก ได้เกรดดี และไม่ก่อเรืองราวให้พอ่ แม่ไม่สบายใจ หากพอ่ แม่สามารถหาทุกสิงทุกอย่างทีลูก ต้องการให้ได้ กค็ งจะไม่ทําให้เกิดปัญหามากมาย แตใ่ นครอบครัวของเด็กทีขาดวัตถุบางอยา่ งแต่ ว่าต้องการสงิ นั นมาอย่างงา่ ย ๆ จะทําให้เด็กขาดความยั งคิด และหลงผดิ ได้โดยง่าย ๆ ในภาวะ บริโภคนิยมซึงเต็มไปด้วยสิงเร้ามากมายนี หากเด็กขาดวุฒิภาวะ ขาดการนับถือตนเองซึงจะเหน็ ว่าเด็กไทยปัจจุบันมีความคิดเปลยี นไปจากอดีตมาก เด็กจะตกอยู่ในความเสยี งสูงเพราะเขาจะ กล้าทําสิงผิด ๆ ดังนั นจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันการดําเนินชีวติ ของเยาวชนจะให้ความสําคัญกับวัตถุ นิยม ความฟุ ้ งเฟ้ อ มคี วามต้องการทีไม่รู้จักพอ ใช้จ่ายเงินเกินความจําเป็น กจ็ ะทําให้สังคมไทยใน อนาคตนา่ เป็นหว่ ง เพราะเยาวชนถือเป็นทรัพยากรมนุษยท์ ีสาํ คัญทีสุดทีจะพัฒนาประเทศชาติให้ มีความเจริญก้าวหน้าในอนาคต http://www.ssru.ac.th

2 จากปัญหาต่าง ๆ ทีกล่าวมา ภาครฐั ได้เล็งเห็นความสําคัญและหาแนวทางแก้ไขปัญหานี อย่างเร่งด่วน ดังเช่นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที10 (2550-2554) ทีมุ่งเน้นจะ พัฒนาประเทศให้เป็นสังคมทีอยูเ่ ยน็ เป็นสุขร่วมกัน ภายใต้แนวปฏิบัติของปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง และมียุทธศาสตร์การพัฒนาคนให้มีคุณธรรมนําความรู้ เกิดภูมคิ ุ้มกัน โดยมจี ิตใจควบคู่ กับการพัฒนาการเรียนรู้ของคนทุกกลุ่มทุกวัย(สาํ นักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาต,ิ 2549) แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาทีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมพี ระราชดาํ รัส แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดตั งแต่ปี พ.ศ. 2517 และภายหลังวิกฤตเศรษฐกจิ พ.ศ. 2540 ได้ ทรงเน้นยํ าเป็นแนวทางการแก้ไขเพือให้รอดพ้น และสามารถดํารงอยู่ได้อยา่ งมันคงและยังยนื ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลยี นแปลงต่าง ๆ ของสังคมไทยกก็ ลายเป็นอุดมการณ์ สาํ หรับคนทุกชนชั นในสังคมไทยทีอยากใช้ชีวติ แบบทางสายกลาง รวมทั งผู้คนในวัยรุ่นหนุ่มสาว เชน่ กัน และต่อมาในปี พ.ศ. 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงให้กับ สาํ นักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตไิ ว้ว่า “เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรชั ญาชีถึงแนวการดํารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตังแต่ ระดับครอบครวั ระดับชมุ ชนจนถึงระดับรัฐทังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดําเนินไป ในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกจิ เพือให้ก้าวทันโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจําเป็นทีจะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที ดีพอสมควร ตอ่ การมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลียนแปลงทังภายนอกและภายใน ทังนี จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอยา่ งยิงในการนําวิชาการต่าง ๆ มา ใชใ้ นการวางแผนและดําเนินการทุกขันตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพืนฐานจิตใจของ คนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าทีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับให้มีจิตสํานึกใน คุณธรรมความซือสัตย์สุจริต และให้มีความรอบคอบ เพือให้สมดลุ และพร้อมต่อการรองรับการ เปลียนแปลงอยา่ งรวดเร็วและกว้างขวางทังด้านวัตถุ สังคม สิงแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลก ภายนอกได้เป็นอยา่ งด”ี (สุภัทรา บุญปัญญโรจน,์ 2550) การทีปรชั ญาได้รบั การยอมรับทั งในแงก่ รอบความคิดและการปฏบิ ัติในสังคมไทยเช่นนี เป็นเพราะปรัชญานมี าจากประสบการณ์ทีเป็นจริงของการพัฒนาทัวทุกพื นทีของประเทศ เพราะ มาจากการกลันกรองพระบรมราโชวาทอันมีพื นฐานจากพระราชกรณียกิจและการดาํ เนนิ งาน โครงการหลวง ทีพระองค์ทา่ นได้ทรงพัฒนาในภูมิสังคมต่าง ๆ ทัวประเทศ จึงเป็นประสบการณท์ ี แท้จริงของประชาชนส่วนใหญ่ เป็นการพัฒนาทใี ห้ความสําคัญมุ่งให้คนสามารถพึงตนเองได้ ปรัชญายังมหี ลักทางสายกลาง มีการพัฒนาเป็นขั นตอน ไม่สุดโต่ง เป็นตามหลักมัชฌิมาปฏิปทา http://www.ssru.ac.th

3 ของพุทธศาสนา อันเป็นทียอมรับของประชาชนโดยทัวไป ทั งยังให้หลักการพัฒนาทีเน้นองคร์ วม โดยมุ่งความสุขของบุคคล ทั งด้านวัตถสุ ังคม วัฒนธรรม และสิงแวดล้อม จงึ ชว่ ยให้มีกรอบทีกว้าง กว่าในอดตี ทีมักจะมองภาพโดยแยกส่วน ปรชั ญานี ไม่ปฏเิ สธกระแสโลกาภวิ ัตน์ แต่ชี ว่าให้มีความ รู้เทา่ ทันให้มีความสามารถทจี ะรับความผันผวนของการเปลียนแปลงได(้ สมพร เทพสิทธา, 2550) ดังนั นจะเห็นได้ว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนํามาประยุกต์ใช้กับประชาชนได้ทุกกลุ่ม เพือให้ชีวติ อยู่บนพื นฐานความพอเพียงในทุกเรือง หากคนในสังคมโดยเฉพาะเยาวชนไทยสามารถ ปฏิบัตติ นตามหลักเศรษฐกิจได้จะทําให้เยาวชนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทีมคี ุณภาพ และจะนําไปสู่การ นําพาประเทศให้รอดพ้นจากวกิ ฤตติ ่าง ๆ ได้ ดังนั นผู้วิจัยจึงสนใจทจี ะศึกษาพฤติกรรมการดําเนินชีวิตตาหมลักปรชั ญาเศรษฐกิจ พอเพียงของนักศึกษามหาวทิ ยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร ว่านักศึกษามคี วามรู้ควา-ม เข้าใจเกยี วกับเรืองนี อยา่ งไรและมีพฤติกรรมการดําเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อยูใ่ นระดับใดอกี ทั งนักศึกษามีความคิดเห็นเกียวกับการนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็น แนวทางในการดําเนินชีวติ อยา่ งไร 1.2 วัตถุประสงค์ 1.2.1 เพือศึกษาระดับความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ นักศึกษา 1.2.2 เพือศึกษาระดับพฤติกรรมการดําเนินชีวติ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงของ นักศึกษา 1.2.3 เพือศึกษาความคดิ เห็นของนักศึกษาในการนําหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ เป็นแนวทางในการดาํ เนินชีวติ 1.3 สมมติฐานการวิจัย 1.3.1 นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ในระดับสงู 1.3.2 นักศึกษามีพฤตกิ รรมการดาํ เนนิ ชีวติ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงอยู่ใน ระดับสูง http://www.ssru.ac.th

4 1.4 ขอบเขตการวจิ ัย 1.4.1 ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง 1.4.1.1 ประชากรทีใช้ในการวจิ ัยครั งนเี ป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีทีกําลังศึกษา ในมหาวิทยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร6 แหง่ ได้แก่ 1) มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม 2) มหาวทิ ยาลัยราชภัฏธนบุรี3) มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 4) มหาวิทยาลัย- ราชภัฏพระนคร 5) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต6) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาจํานวน 115,542 คน (สํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา, 2552) 1.4.1.2 กลุ่มตัวอยา่ งในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอยา่ งทีใช้ในการวิจัยประมาณขนาดกลุ่มตัวอยา่ งจากตารางYamane ทีระดับ ความเชือมัน 95% (Yamane อ้างถึงใน สุวมิ ล ติรกานันท,์ 2548: 177) ซงึ ต้องใช้กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 420 คน จากนั นจะทําการเลอื กตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั นตอน(Multi-stage Sampling) ซึงจะทําการสุ่มนักศึกษาเพือให้ได้ตัวแทนของประชากรทีทําการศึกษา 1.4.1.3 กลุ่มตัวอย่างในการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ ในการสนทนากลุ่ม ผู้วิจัยจะคัดเลือกนักศึกษาแบบเฉพาะเจาะจง โดยทําการสนทนา เกยี วกับประเด็นพฤตกิ รรมการดาํ เนินชีวิตของนักศึกษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและ ความคิดเห็นต่อหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง รวมนักศึกษาทีทําการสนทนากลุ่ม6 กลุ่ม จาก มหาวิทยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานคร ทั ง6 แหง่ จํานวน 36 คน 1.3.2 ตัวแปรทีศึกษา 1.3.2.1 ตัวแปรตน้ ได้แก่ มหาวทิ ยาลัย เพศ ชั นปี ทีศึกษารายได้ต่อเดือน รายจา่ ยต่อเดอื น ภูมิลําเนาและความรู้ความเข้าใจหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 1.3.2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ระดับความรู้ความเข้าใจหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงของนักศึกษาระดับพฤติกรรมการดาํ เนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ นักศึกษาและความคิดเห็นของนักศึกษาในการนําหลั กปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เป็ น แนวทางใน การดําเนินชีวิต http://www.ssru.ac.th

5 1.5 นิยามศพั ท์เฉพาะ ความรู้ความเข้าใจเกียวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหมายถงึ ความรู้และความ เข้าใจของนักศึกษาเกียวกับความหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซงึ ประกอบด้วยหลักการ สาํ คัญ 3 ประการ คือ ความพอประมาณ ความมเี หตุผล ความมีภูมิคุ้มกันทีดี และเงือนไขการ ตัดสินใจ 2 ประการ คอื ความรู้และคุณธรรม พฤติกรรมการดาํ เนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงหมายถึง การปฏิบัติตนใน เรืองต่าง ๆ ของนกั ศึกษาทีแสดงออกถึงการนําหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้เป็น แนวทางในการดาํ เนินชีวติ ประกอบด้วย 1. ความพอประมาณ ได้แก่ พฤติกรรมเกียวกับการใช้จา่ ยเงินอยา่ งพอประมาณ การออมเงิน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า 2. ความมเี หตุผล ได้แก่ พฤติกรรมการตัดสินใจเกียวกับการใช้จา่ ยเงนิ การทํางาน การคบเพือน 3. การมีภูมคิ ุ้มกันได้แก่ พฤตกิ รรมเกียวกับการวางแผนการใช้จ่ายเงิน การวางแผนในการทํางาน การวางแผนการเรียนการสอน และพฤติกรรมทีแสดงออกถึง ความซือสัตย์สุจริต ความขยันหมันเพียร และความอดทน นักศึกษา หมายถึง นักศึกษาทกี ําลงั ศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏในเขตกรงุ เทพมหานคร 6 แห่ง ได้แก่ 1) มหาวทิ ยาลัยราชภัฏจันทรเกษม2) มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี3) มหาวทิ ยาลัย- ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 4) มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร5) มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนดุสติ 6) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 1.6 ประโยชน์ทีคาดว่าจะได้รับ 1.6.1 มหาวทิ ยาลัยสามารถนําผลการวิจัยไปใช้เป็นข้อมูลพื นฐานในการส่งเสริมและ พัฒนาการดําเนินชีวิตของนักศึกษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 1.6.2 สํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาสามารถนําผลการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางใน การวางนโยบายพัฒนานักศึกษาทั งในด้านการจัดการเรียนการสอน และคุณภาพชีวิตของ นักศึกษาบนพื นฐานความพอเพียง http://www.ssru.ac.th

บทที 2 วรรณกรรมที เกี ยวข้อง การศึกษาพฤตกิ รรมการดาํ เนินชีวติ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏในเขตกรุงเทพมหานครผู้วิจัยได้ทําการศึกษาค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยที เกียวข้องโดยนําเสนอผลการศึกษาตามลาํ ดับดังนี 2.1 หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริ 2.2 โครงสร้างและเนื อหาของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2.3 ทฤษฎพี ฤติกรรมและพัฒนาการของวัยรุ่น 2.4 งานวิจัยทีเกียวข้อง 2.1 หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงตามแนวพระราชดาํ ริ มีผู้กล่าวถงึ หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงตามแนวพระราชดาํ ริ ไว้หลายท่าน ดังนี สมพร เทพสิทธา (2550: 14 – 15) ได้กล่าวถงึ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง เป็นปรัชญาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดํารัสเกียวกับการพออยูพ่ อกิน ซงึ เป็นเรือง ของเศรษฐกิจพอเพียงใน พ.ศ. 2517 ในขณะนั นเศรษฐกิจของไทยกําลังเฟื องฟู เรืองเศรษฐกิจ พอเพียงจึงไม่ได้รบั ความสนใจจากทางราชการและประชาชนเทา่ ทีควร ในกลางปี 2540 ประเทศ ไทยต้องประสบภาวะวฤิ ตทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างรุนแรง ในวันที 4 ธันวาคม 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มพี ระราชดํารัสเกียวกับเศรษฐกิจพอเพียง โดยรับสังมีข้อความ ตอนหนึงว่า “การจะเป็นเสือนันไม่สําคัญ สําคัญทีเราพออยูพ่ อกินและมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบ พอมีพอกิน” และ “คนเราถ้าพอในความต้องการก็มีความโลภน้อย เมือมีความโลภน้อย ก็ เบียดเบียนคนอืนน้อย” จากพระราชดาํ รัสในวันที 4 ธันวาคม 2540 ทําให้ทางราชการ ธุรกิจเอกชน และประชาชนมคี วามสนใจในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาํ ริอย่างกว้างขวาง นอกจากนี หลังจากเกิดวกิ ฤตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2540 ได้มีหลายหน่วยงานน้อมนํา แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการกําหนดนโยบายและการพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคม ดังที สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ http://www.ssru.ac.th

7 ในทางเศรษฐกิจ และสาขาอืน ๆ มาร่วมกันประมวลและกลันกรองพระราชดํารสั เรืองเศรษฐกจิ พอเพียงและขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาตนําไปเผยแพร่ เพือเป็นแนวทางปฏิบัตติ ่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรณุ าปรบั ปรุงแก้ไขมขี ้อความดังต่อไปนี “เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชีถึงแนวทางการดํารงอยูแ่ ละปฏิบัติตนของประชาชนใน ทุกระดับ ตังแตร่ ะดับครอบครวั ระดับชมุ ชนจนถึงระดับรัฐ ทังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ ดําเนินไปทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพือให้กา้ วทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความ พอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจําเป็นทีจะต้องมีระบบ ภูมิคุ้มกันในตัวดีพอสมควรตอ่ การมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลียนแปลงทังภายนอกและ ภายใน ทังนีจะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอยา่ งยิงในการนําวิชา ต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดําเนินทุกขันตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพืนฐาน จิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าทีของรฐั นักทฤษฏี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสํานึกใน คุณธรรม ความซือสัตย์สุจริตและใหม้ ีความรอบคอบ เพือให้สมดุลและพร้อมตอ่ การรองรบั การ เปลียนแปลงอยา่ งรวดเร็วและกว้างขวางทังด้านวัตถุสังคม สิงแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลก ภายนอกได้เป็ นอย่างด”ี เกษม วัฒนชัย(2550: 164-165) ได้กล่าวถึงการนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้จะต้อง มีเงือนไข 3 ประการ คอื 1. เงือนไขหลักวิชา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการนําหลักวิชาความรู้และเทคโนโลยีที เหมาะสมมาใช้ ทั งในขั นวางแผนและปฏิบัติ เป็ นเศรษฐกิจบนพื นฐานของความ(รKู้ nowledge Base Economy) และเป็นสังคมแหง่ การเรียนรู้(Learning Society) 2. เงือนไขคุณธรรม การสร้างคณุ ธรรมให้เกิดขึ นในสังคมโดยกลไกการเลี ยงดูในครอบครวั การศึกษาอบรมในโรงเรียน การสังสอนศลี ธรรมจากศาสนา และการฝึกจิตข่มจิตของตนเอง ซงึ บุคคล ครอบครัว องค์กรหรือชุมชนทีจะนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปใช้จะต้องนําระบบ คุณธรรมและความซือสัตย์สุจริตมาประพฤตปิ ฏิบัติก่อน 3. เงือนไขในการดําเนินชีวติ ต้องมคี วามรอบรู้ทีเหมาะสมในการดําเนินชีวติ มีความ เข้มแข็ง อดทน มีความเพียร มีสติปัญญาและมีความรอบคอบ ผลทีคาดว่าจะได้รับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นระบบเศรษฐกจิ แหง่ ความสุข ระบบ เศรษฐกิจแห่งคุณธรรม เป็นระบบเศรษฐกิจเพือความยังยนื เมอื นํามาประยุกต์ใช้กับตัวเองและ หน่วยงานจะชว่ ยให้ชีวติ และหน่วยงานมีความสมดุล ทั งในยามปกติและยามวกิ ฤตจะมีภูมิคุ้มกัน หรือความเข้มแข็ง พร้อมรบั ผลกระทบต่อการเปลียนแปลงทั ง4 ด้าน ชีวิตและองค์กรก็จะรุดหน้าไป อยา่ งมันคง http://www.ssru.ac.th

8 ประโยชน์ทีได้จากการนําปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ สรุปได้ดังนี (1) เป็นหลักคิดใน การดาํ เนินชีวติ ของทุกคน (2) ผู้บริหารนํามาใช้ในการกําหนดแนวนโยบายขององค์กร(3) ผู้ปฏิบัติ นํามาใช้เป็นแนวทางในการกําหนดแนวการปฏบิ ัติงาน นอกจากนี มีการประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ ดังนี (1) ด้านจิตใจ จะทําให้จติ ใจเข้มแข็ง สามารถพึงตนเองได้ มจี ิตสํานกึ ทดี ี เอื ออาทร ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก(2) ด้านสังคม จะชว่ ยเหลอื เกื อกูล รู้รกั สามัคคี สร้างความเข้มแข็งในครอบครัวและชุมชน (3) ด้านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ แวดล้อม รู้จักใช้และ มกี ารจัดการอยา่ งฉลาดและรอบคอบ เลือกใช้ทรพั ยากรทมี อี ยู่ให้เกิดความยังยืนสูงสุด(4) ด้าน เทคโนโลยี รู้จักใช้เทคโนโลยีทเี หมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและสภาพแวดล้อม พัฒนา เทคโนโลยจี ากภูมิปัญญาชาวบ้าน กอ่ ให้เกิดประโยชน์แก่คนหมู่มาก นอกจากนี สมพร เทพสทิ ธา(2550: 15-26) ได้กล่าวถงึ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดาํ ริประกอบด้วยหลักการ หลักวิชา และหลักธรรมหลายประการ อาทิ 1. เป็นปรชั ญาแนวการดาํ รงอยูแ่ ละปฏบิ ัตติ นของประชาชนในทุกระดับ ตั งแต่ระดับ ครอบครวั ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ 2. เป็นปรัชญาในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดําเนินไปในทางสายกลาง 3. จะชว่ ยพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวทนั โลกยุคโลกาภิวัตน์ เพือให้สมดุลและพร้อมต่อการ รองรบั การเปลยี นแปลงอย่างรวดเร็วกว้างขวางทั งด้านวัตถุ สังคม สิงแวดล้อมและวัฒนธรรมจาก โลกภายนอกได้เป็ นอย่างดี 4. ความพอเพียงหมายถึงความพอประมาณ ความมเี หตุผลรวมถงึ ความจําเป็นทีจะต้องมี ระบบภูมิคุ้มกันในตวั ทีดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อนั เกิดจากการเปลียนแปลงทั ง ภายนอกและภายใน 5. จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวังอย่างยิงในการนํา วิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดาํ เนินการทุกขั นตอน 6. จะต้องเสริมสร้างพื นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าทีของรัฐ นักทฤษฏี และนักธุรกจิ ในทุกระดับให้มีสํานกึ ในคุณธรรมความซือสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ทเี หมาะสม ดําเนินชีวติ ด้วยความอดทน ความเพียร มสี ติปัญญาและความรอบคอบ http://www.ssru.ac.th

9 หลักการทีสาํ คญั ของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมหี ลักการทีสาํ คัญ3 ประการ คือ 1. ความพอประมาณ หมายถึง การปฏบิ ัติตามทางสายกลาง มคี วามพอดีไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบยี นคนอืนและผู้อืน 2. ความมเี หตุผล หมายถงึ การตัดสินใจจะต้องเป็นไปอย่างมเี หตุผล โดยพิจารณาจาก เหตุปัจจัยทเี กียวข้อง ตลอดจนคาํ นึงถึงผลทีคาดว่าจะเกิดขึ นจากการกระทํานั น ๆ อยา่ งรอบคอบ 3. การมีภูมคิ ุ้มกันทีดี หมายถึง การมีคุณธรรมเป็นเครืองยึดเหนียว เตรียมตัวให้พร้อมกับ ผลกระทบและการเปลียนแปลงด้านต่าง ๆ ทีจะเกิดขึ นโดยคํานงึ ถงึ ความเป็นไปได้ของ สถานการณ์ต่าง ๆ ทีคาดว่าจะเกดิ ขึ นในอนาคตทั งใกล้และไกล เงือนไขการตัดสินใจและการดาํ เนนิ กิจกรรมต่าง ๆ การตัดสินใจและการดําเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงต้องอาศัยทั งความรู้และ คุณธรรมเป็นพื นฐาน 1. เงือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกียวกบั วิชาการต่าง ๆ ทีเกียวข้องอย่างรอบ ด้าน ความรอบคอบทีจะนําความรู้เหล่านั นมาพิจารณาให้เชือมโยงกัน เพือประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั นปฏบิ ัติ 2. เงือนไขคณุ ธรรม มีจิตสํานึกในด้านคณุ ธรรมและจริยธรรม เช่น ความซือสัตย์สุจริต ความขยันหมันเพียร ความอดทน มีความพอประมาณ ใช้สติปัญญาในการดาํ เนินชีวิต ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมีมิติ 4 ด้าน เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริอยู่เหนือกว่าเศรษฐกิจแบบทนุ นิยมของตะวันตก ซึงเกียวกับเรืองวัตถุทีเป็นรูปธรรม เชน่ เงิน ทรัพย์สิน กําไร ไม่เกียวกับเรืองจิตใจซึงเป็ นนามธรรม แต่เศรษฐกิจพอเพียงมขี อบเขตกว้างขวางกวา่ เศรษฐกิจทุนนิยมหรือเศรษฐกิจ เพราะครอบคลุมถึง 4 ด้าน คือ มิตดิ ้านเศรษฐกิจ มิติด้านจิตใจ มติ ดิ ้านสังคมและมติ ิด้านวัฒนธรรม 1. มติ ิด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพียงเป็ นเศรษฐกิจแบบพออยู่พอกิน ให้มีความขยันหมันเพียร ประกอบ สัมมาอาชีพ เพือให้พึงตนเองได้ ให้พ้นจากความยากจน การปฏิบัติตามทฤษฎีใหม่ตามแนว พระราชดาํ ริเป็นตัวอยา่ งของการปฏบิ ัตติ ามเศรษฐกิจพอเพียงซึงได้ช่วยให้เกษตรกรจํานวนมากมี รายได้เพิมสูงขึ น มีชีวิตทีเป็ นสุขตามสมควรแก่อัตภาพ พ้นจากการเป็ นหนี และความยากจน สามารถพงึ ตนเองได้มีครอบครวั ทีอบอุ่นและเป็นสุข http://www.ssru.ac.th

10 2. มติ ดิ ้านจิตใจ เศรษฐกิจพอเพียงเน้นทีจิตใจทีรู้จักพอ คอื พอดี พอประมาณ และพอใจในสิงทีมี ยินดีใน สงิ ทีได้ ไม่โลภ เศรษฐกิจพอเพียงจะต้องเริมทีตัวเอง โดยสร้างรากฐานทางจิตใจทีมันคง โดยเริม จากใจทีรู้จักพอ เป็นการปฏิบัติตามทางสายกลางหรือมัชฌิมาปฏิปทา สุเมธ ตันตเิ วชกุล (2549) ได้เขียนไว้ในหนังสือเรือง “ใต้เบื องพระยุคลบาท” วา่ เศรษฐกิจ พอเพียงกล่าวโดยสรุปคือการหันกลับมายึดเส้นทางสายกลาง(มัชฌิมาปฏปิ ทา) ในการดํารงชีวิต โดยใช้หลักการพึงตนเอง 5 ประการ คือ พงึ ตนเองทางจิตใจ คนทีสมบูรณ์พร้อมต้องมจี ิตใจทีเข้มแข็ง มีจิตสาํ นกึ ว่าตนนั นสามารถ พงึ ตนเองได้ ดังนั นจึงควรทีจะสร้างพลังผลักดันให้มีภาวะจิตใจฮึกเหิมต่อสู้ชีวิตด้วยความสุจริต แม้อาจจะไม่ประสบผลสําเร็จบ้างก็ตาม มิพึงควรท้อแท้ ให้พยายามต่อไป พึงยึดพระราชดํารัส “การพัฒนาตน” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวทีวา่ “บุคคลตอ้ งมีรากฐานทางจิตใจทีดี คือความหนักแน่นมันคง ในสุจริ ตธรรมและความ มุ่งมันทีจะปฏิบัติหน้าทีใหจ้ นสําเร็จ ทังตอ้ งมีกุศโลบายหรือวิธีการอันแยบยลในการปฏิบัติงาน ประกอบพร้อมกันด้วยจึงจะสมั ฤทธิ ผลดีแน่นอน และบังเกิดประโยชน์อันยังยืนแก่ตนเองและ แผน่ ดิน” พึงตนเองทางสังคม ควรเสริมสร้างให้แต่ละชุมชนในท้องถินได้ร่วมมือช่วยเหลือเกื อกลู กัน นําความรู้ทีได้รบั มาถ่ายทอดและเผยแพร่ให้ได้รับประโยชน์ซงึ กันและกัน ดังพระบรมราโชวาททีว่า “เพือใหง้ านรุดหน้าไปพร้อมเพียงกันไม่ลดหลัน จึงขอให้ทุกคนพยายามทีจะทํางานใน หน้าทีอย่างเตม็ ทีและให้มีการประสานสัมพันธ์กันให้ดีเพือให้งานทังหมดเกือหนุนสนับสนุนก”ัน พึงตนเองได้ทางทรพั ยากรธรรมชาติ คือ การส่งเสริมให้มีการนําเอาศักยภาพของผู้คนใน ท้องถิน สามารถเสาะแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุในท้องถินทีมอี ยู่ให้เกิดประโยชน์สงู สุด ซงึ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาประกาศได้อย่างดียิง สิงดกี ็คอื การประยุกตใ์ ช้ภูมิปัญญาท้องถิน(Local Wisdom) ซงึ มมี ากมายในประเทศ พึงตนเองได้ทางเทคโนโลยี ควรส่งเสริมให้มีการศกึ ษา ทดลอง ทดสอบเพือให้ได้มาซึง เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทีสอดคล้องกับสภาพภูมปิ ระเทศและสงั คมไทย และสิงสําคัญสามารถนําไปใช้ ปฏบิ ัติได้อย่างเหมาะสม ซงึ สอดคล้องกับพระราชดาํ รัสทีว่า “จุดประสงค์ของศูนย์ศึกษาฯ คือ เป็นสถานทีสําหรับค้นคว้าวิจัยในท้องที เพราะว่าแต่ละ ท้องที สภาพฝนฟ้ าอากาศและประชาชนในท้องทีตา่ งกันก็มีลักษณะแตกต่างกันมากเหมือนกัน” http://www.ssru.ac.th

11 พึงตนเองในทางเศรษฐกิจ หมายถงึ สามารถอยูไ่ ด้ด้วยตนเองในระดับเบื องต้น กลา่ วคือ แม้ไม่มีเงินก็ยังมีข้าว ปลา ผัก ผลไม้ ในท้องถินของตนเองเพือการยังชีพ และสามารถนําไปสูก่ าร พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระดับมหภาคต่อไปได้ด้วย 3. มิติด้านสังคม เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งให้เกิดสังคมทีมีความสขุ สงบ ประชาชนมีความเมตตาเอื ออาทร ช่วยเหลือซึงกันและกัน ไมใ่ ช่ต่างคนตา่ งอยู่ มุ่งให้เกิดความสามัคคีร่วมมือกัน เพือให้ทุกคนอยู่ ร่วมกันได้โดยปราศจากการเบียดเบียนกัน การเอารดั เอาเปรียบกัน การมุ่งร้ายทําลายกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่สภายวุ พทุ ธิกสมาคม แห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพืออัญเชิญไปด้านในพิธีเปิ ดการประชมุ ยุวพทุ ธิกสมาคมทัว ประเทศครั งที18 ในวันที 18 มกราคม 2530 มีข้อความทีสาํ คัญดังนี “การสร้างสรรค์แผ่นดินไทยให้เป็นแผ่นดินทอง หรือการช่วยตัวเองในปัจจุบันนี เห็นว่า จําเป็นอยา่ งยิงทีจะต้องทําความสงบให้เกิดขึนก่อนโดยเร็ว เพราะถ้าความสงบยังไม่เกิด เราจะคิด อ่านแก้ปัญหาหรือจะรวมกําลังกันทํางานช่วยตัวเองไม่ได้ ความสงบนันภายนอกได้แก่สถานการณ์ อันเรียบร้อยเป็นปกติ ไม่มีวุ่นวายขัดแย้ง ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนหรือมุ่งร้ายทําลาย กัน ภายในได้แก่ความคิดจิตใจทีไม่ฟุ ้ งซ่านหวันไหวหรือเดือดร้อนกระวนกระวายด้วยอํานาจความ มักไดเ้ ห็นแก่ตัว ความร้ายกาจเพ่งโทษ ความหลงใหลเห่อเหิม อันเป็ นต้นเหตุของอกุศลทุจริ ต ทังหมด การทําความสงบนันต้องเริมทีภายในตัวในใจก่อน” 4. มิติด้านวัฒนธรรม วัฒนธรรมหมายถงึ วิถีชีวิต (Way of life) ของประชาชน เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งให้เกดิ วัฒนธรรมหรือวถิ ชี ีวติ ทปี ระหยัดอดออม มชี ีวิตทีเรียบง่าย ไม่ ฟุ ้ งเฟ้ อ ฟุ ่ มเฟื อย ไม่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยมและบริโภคนยิ ม ซงึ ทําให้เกิดการเป็นหนี เป็นสนิ เกิด การทุจริตคอรปั ชนั ซึงปัญหาสังคมทีร้ายแรงทีสุดปัญหาหนงึ ทีบ่อนทําลายความมันคงของชาติ สาเหตุประการหนงึ ของความยากจนคือการขาดการประหยัดและอดออม ใช้เงินเกินกว่ารายได้ ใช้ จา่ ยเงินซื อเครืองอุปโภคบริโภคทีเกินจําเป็นใช้จ่ายเงินเพือการเทียวเตร่และความสนุกสนานทีเกิน ขอบเขต คนไทยมักจะชอบแข่งขันกันในการใช้สินค้าทีมียหี ้อราคาแพง ทําให้ใช้จา่ ยเงินอย่าง สุรุ่ยสุร่ายฟุ ่ มเฟื อยเกนิ ฐานะตามคาํ กล่าวทีว่า“มรี ายได้น้อยแต่มีรสนิยมสูง” เมอื รายได้ไม่พอก็กู้ หนี ยืมสินหรือซื อสินค้าเงินผ่อน ทําให้ต้องมีหนี สนิ จํานวนหนี สินได้เพิมพูนขอึ นยเรๆื บางคนไม่มี เงินชําระหนี สินก็ต้องหาทางออกโดยการทุจริตหรือการฆา่ ตัวตาย http://www.ssru.ac.th

12 ในทางเศรษฐกิจ เงินออม (Saving) ของประชาชนถือเป็นปัจจัยสําคัญในการพัฒนา ประเทศ ประเทศทีมีเงินออมสูง กไ็ ม่จําเป็นต้องไปกู้ยืมเงินได้ ส่วนประเทศทีมีเงินออมตําหรือไม่มี เงินออมก็จะต้องกเู้งินจากต่างประเทศมาใช้ หากกู้และเป็นหนี มากเกนิ ไปก็จะทําให้ กระทบกระเทือนต่อฐานะทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ เช่น การทีประเทศไทยต้องกู้ยืม เงินจากต่างประเทศเป็นจํานวนถึง 90,000 ล้านเหรียญสหรฐั อเมริกาในกลางปี 2540 เป็นเหตุหนงึ ทีทําให้ประเทศไทยต้องประสบภาวะวกิ ฤตทางเศรษฐกิจและการเงินอยา่ งรุนแรง คนทีมเี งินออมจะต้องเป็นคนประหยัด ใช้จา่ ยน้อยกว่ารายได้ คนทีไม่ควบคุมการใช้จ่าย มี นิสัยฟุ ้ งเฟ้ อฟุ ่ มเฟื อย เหน็ คนอนื มีก็อยากมีบ้าง ทั งทีฐานะทางการเงินไม่อํานวยให้ จะพยายามหา เงินมาไม่ว่าโดยทางสุจริต ไม่ว่าโดยชอบธรรมหรอื ไม่ชอบธรรม พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราโชวาทเกียวกบั ความฟุ ้ งเฟ้ อมี ข้อความทีสาํ คัญดังนี “ความฟุ ้ งเฟ้ อทําใหเ้ กิดความไม่พอ คนเราฟุ ้ งเฟ้ อก็ไม่มีทางทีจะหาทรัพย์มาป้ อนความ ฟุ ้ งเฟ้ อได้ ความฟุ ้ งเฟ้ อเป็นปากทีหิวไม่หยุด เป็นปากทีหิวตลอดเวลาอนป้ เท่าไรไม่พอ หาเท่าไร ไมพ่ อ ฉะนันจะต้องหาทางป้ องกันวิธีทีจะนํามาป้ อนความฟุ ้ งเฟ้ อ ซึงก็คือการทุจร”ิต กล่าวโดยสรุป การมวี ัฒนธรรมหรือวถิ ีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงมขี ้อปฏิบัตทิ ีสําคัญดังนี 1. มีชีวติ ทีเรียบงา่ ย ประหยัด ไม่ฟุ ้ งเฟ้ อฟุ ่ มเฟื อย 2. ให้ยึดถือทางสายกลาง รู้จักพอ พอดี พอประมาณและพอใจ 3. มีความเมตตาเอื ออาทรต่อกัน ร่วมมือและชว่ ยเหลอื กัน ไม่เบียดเบียนกนั ไมเ่ อารัดเอา เปรียบกัน ไม่มุ่งร้ายทําร้ายกัน 4. ประกอบสัมมาอาชีพด้วยความขยันหมันเพียร ซือสัตย์สุจริต ใฝ่ หาความรู้ เพือนํามาใช้ ให้ เป็ นประโยชน์ 5. ให้สามารถพึงตนเองได้ให้พ้นจากความยากจนให้สามารถพออยู่พอกิน ไม่เดือดร้อน ไม่ ตกเป็นทาสของอบายมุข วัตถุนิยมและบริโภคนิยม ความสําคญั ของเศรษฐกิจพอเพยี ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดํารัสเกียวกับความสําคญั ของ ปรัชญาเศรษฐกิจ ดังนี “เศรษฐกิ จพอเพียงเป็ นเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐานความมันคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือนเสาเข็มทีถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้นันเอง สิงก่อสร้างจะมันคงไดอ้ ยู่ที เสาเขม็ แต่คนส่วนมากมองไม่เห็นเสาเขม็ และลืมเสาเข็มเสียด้วยซําไป” http://www.ssru.ac.th

13 กล่าวโดยสรุป ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมีความสาํ คัญดังนี 1. เป็นรากฐานทีสําคัญของชีวิตของแต่ละคน ให้สามารถดําเนินชีวิตอย่างถกู ต้อง ตั งตน ได้ในทางเศรษฐกิจ อยู่ในสังคมได้อยา่ งมีความสุขและเป็นประโยชน์ 2. เป็นรากฐานทีสําคัญของสังคม ทําให้สังคมมีความปกติสุข ไม่เบียดเบียนกนั มีความ เมตตาเอื ออาทรต่อกัน ไม่มกี ารขดัแย้ง แตกแยกความสามัคคี 3. เป็ นรากฐานทีสําคญั ของประเทศชาติ ทําให้การบริหารประเทศมีความโปร่งใส ปราศจากการทจุ ริตคอรัปชัน มีการใช้อํานาจทีเป็ นธรรมเพือประโยชน์สว่ นรวม ประเทศชาติมี ความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าอย่างสมดุลและยังยืน พระราชดาํ รัสเกี ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ(2546) ได้รวบรวมพระ ราชดํารัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกียวกับปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในมิตติ ่าง ๆ ดังนี 1. มิติด้านการทํางาน “การทํางาน อย่างให้มีคุณภาพ ให้ได้ผลบริบูรณ์ จะทําอย่างไรเบื องต้น ตอ้ งทําความเหน็ ให้ถูกต้องในงานทจี ะทําเสียกอ่ นโดยใช้ปัญญาไตร่ตรองให้เห็นเหตุทีแท้ผลทีแท้ทีถูกต้องตรงตาม เป้ าหมายทงึ มุ่งหวัง แล้ววางแผนการอันแน่นอนทีจะดาํ เนนิ การต่อไป ด้วยหลักวิชา ด้วยความ ร่วมมอื ปรองดองกัน และสําคัญทีสุด ต้องมีความพากเพียร ไม่ยอ่ หยอ่ นในอันทจีะกระทําต่อไป จนกว่าจะเป็นผลสาํ เร็จ” (พระบรมราโชวาทในพิ ธี พระราชทานปริ ญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : 19 กรกฎาคม 2516) 2. มติ ิด้านการลงทุน “การลงทุนอย่างมากนั นบอกให้เขาทราบว่า ไม่ค่อยเหน็ ด้วยเพราะว่าคเยทําโรงงานเล็ก ๆ ทีทางภาคเหนือ ใช้เงนิ สามแสนบาท เพือทจี ะเอาผลติ ผลของชาวบ้านชาวเขามาใส่กระป๋ องแล้ว ขาย กไ็ ด้ผลเป็นโรงงานเล็ก ๆ บอกว่าทีเขาลงทุนเป็นล้าน รู้สึกว่าเสยี ง เขาบอกว่าต้องทําอยา่ งนั น เขากล็ งทุนทําไปทํามาสับปะรดทีอําเภอบ้านบึง ทางชลบุรี ก็มีไม่พอ เมือไม่พอต้องไปสังสับปะรด มาจากปราณบุรี สับปะรดจากปราณบุรีต้องขนส่งมา ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก ทําไปทํามาโรงงานก็ ล้ม อยา่ งนี ก็แสดงให้เห็นว่า ทําโครงการอะไรก็ต้องนึกถงึ ขนาดทีเหมาะสมกับทีเรียกว่าอัตภาพ หรือกับสิงแวดล้อม” (พระราชดํารัสเนืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : 5 ธันวาคม 2540) http://www.ssru.ac.th

14 3. มิติด้านการประกอบอาชีพ “ขอให้ทุกคนจงรําลึกถงึ อุดมคติของวิชาชีพทีมุ่งหวัง จะบําบัดทุกข์บํารุงสุขแก่ประชาชน เหนือสงิ อนื ใด และรักษามรรยาทของการประกอบอาชีพโดยเคร่งครดั จนหมันฝึกฝนตนเองให้ ทันสมัยในวทิ ยาการประกอบโรคศลิ ปะอยูเ่ สมอ” (พระบรมราโชวาทในพิ ธี พระราชทานปริ ญญาบัตรและอนุปริ ญญาบั ตร ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : 1 เมษายน 2498) 4. มิติด้านความเจริญของประเทศ “สมัยนี เป็นสมัยพัฒนาประเทศ เรากําลังร่วมกันดาํ เนินโครงการพัฒนาต่าง ๆ อยา่ งเร่งรีบ และได้รบั ผลดีจากโครงการเหล่านั นแล้วอยา่ งน่าพอใจ หลายประการ ความเจริญของประเทศ นั น หมายถึงความเจริญของประชาชนเป็นส่วนรวม สมําเสมอทั งประเทศ” (พระบรมราโชวาทในพิ ธี พระราชทานปริ ญญาบัตรและอนุปริ ญญาบั ตร ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : 20 กรกฎาคม 2510) 5. มิติด้านความเป็นตัวของตัวเอง “ความเปลยี นแปลงต่าง ๆ ทเี กิดขึ นอยา่ งไม่เคยมมี ากอ่ นในบ้านเมอื งของเาร ทําให้เกิด ความรู้สึกว่าประเทศไทยและคนไทยกําลังเสือมลงกําลังจะถูกกลนื หายไปกับอทิ ธิพลแห่งความ เสอื มในโลกปัจจุบัน ความรู้สึกเชน่ นี ไม่ตรงกับความจริงนัก เพราะคนไทยเรามคี วามเป็นตัวของ ตัวเอง มสี มบัตทิ ั งทางวัตถุและจิตใจอยา่ งอุดมสมบูรณ์ มาแต่เดิม เป็นการยากทีจะกถกู ลืนหรือถูก ทําลายอย่างทีคิดกัน” (พระบรมราโชวาทในพิ ธี พระราชทานปริ ญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ : 5 สิงหาคม 2514) 6. มติ ดิ ้านความสุข “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั น หมายถงึ ความสุขความเจริญทีบุคคลแสวงหามาได้ ด้วยความเป็นธรรม ทั งในเจตนาและการกระทําไมใ่ช่ได้มาด้วยความบังเอญิ หรือด้วยการแกง่ แยง่ เบียดเบียนมาจากผู้อืน ความเจริญทีแท้นี มลี ักษณะเป็นการสร้างสรรค์ เพราะอาํ นวยประโยชน์ถงึ ผู ้ อืนและส่วนรวมด้ วย” (พระบรมราโชวาทในพิ ธี พระราชทานปริ ญญาบัตร ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : 10 กรกฎาคม 2518 http://www.ssru.ac.th

15 2.2 โครงสร้างและเนือหาของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ณัฐพงศ์ ทองภักดี(2550: 11-15) ได้กล่าวถงึ โครงสร้างและเนื อหาของปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงไว้ว่า หลังจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตฉิ บับที9 เริมดาํ เนินการความ เข้าใจในปรัชญาก็มที ิศทางตรงกันมากขึ น อยา่ งไรก็ตามก็มคี วามต้องการทจีะให้มคี วามชัดเจน กระชับมากขึ น เพือความสะดวกในการประยุกต์และการสือสารในวงกว้าง จึงได้มีคณะทํางาน ทําการศึกษาวิเคราะห์ต่อไป เพือแยกแยะโครงสร้างและเนื อหาตามทีได้พระราชทานมา คณะทํางานได้แยกองคป์ ระกอบของปรัชญาตามข้อความทีได้รับพระราชทานมาเป็น กรอบ ความคิด คณุ ลักษณะ คาํ นิยาม เงือนไข และแนวทางปฏิบัต/ิผลทีคาดว่าจะได้รับ คณะทํางานนี สรุปว่ากรอบความคิดของปรัชญา เป็นการชี แนะแนวทางการดาํ รงอยูแ่ ละ ปฏิบัติตนทั งแนวทางปฏบิ ัตแิ ละตัวอยา่ งการประยุกต์ทีเกิดขึ น โดยปรัชญาใช้ได้ทั งระดับปัจเจกชน ครอบครัว ชุมชน และประเทศ ในทีนี มองในแง่การบริหารเศรษฐกิจ(ระดับประเทศ) เป็นการมอง โลกในลักษณะทีเป็นพลวัต มกี ารเปลยี นแปลง มีความไม่แนน่ อนและมคี วามเชือมโยงกับกระแส โลก มุ่งผลทั งระยะสั นและระยะยาว เพือความมันคงและยังยืนในมิตติ ่าง ๆ เป็นการเปลยี นแปลง กรอบแนวคิดในการพัฒนา สืบเนืองจากการเปลียนแปลงสภาพแวดล้อมทั งภายในและภายนอก ประเทศ คุณลักษณะคอื เป็นแนวทางการดาํ รงอยูแ่ ละการปฏบิ ัติตนตามแนวทางทีควรจะเป็นใช้ได้ กับประชาชนทุกระดับ ทุกหน้าที เป็นการดําเนินตามทางสายกลาง ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง จึงมใิ ชเ่ ป็นเฉพาะเรืองเศรษฐกิจ เพราะเป็นแนวทางการปฏิบัตติ นซงึ มีหลายมิติ นอกจากนี ยังให้มี ความเท่าทันโลกคอื กระแสโลกาภวิ ัตน์ คือไม่ใช่ปิ ดประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เปิ ดเสรีเต็มที อยา่ งไม่มีการควบคุมดูแล ไม่ใชอ่ ยูอ่ ย่างโดดเดียวหรืออยูโ่ ดยพึงพิงภายนอกทั งหมด ความหมายของความพอเพียง คอื ความพอประมาณ ความมเี หตุผล มรี ะบบภูมิคุ้มกันทีดี ต่อผลกระทบของการเปลยี นแปลง หากขาดองค์ประกอบใดก็ไม่เป็นความพอเพียงทีสมบูรณ์ ความพอประมาณ (Moderation) มีสองนัย คือ ความพอดีไม่สุดโต่ง และการยืนได้บนขา ของตนเอง (self-reliant) เป็นการดาํ เนินชีวิตอย่างทางสายกลาง โดยมกี ารกระทําไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกนิ ไปในมิติต่าง ๆ เช่น การบริโภค การผลิตอยู่ในระดับสมดุล การใช้จ่ายการออมอยู่ใน ระดับทีไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง เป็นสิงทีทําให้เราทําอะไรเต็มตามศักยภาพ ไม่เบียดเบียน ตนเองและผู้อืน เพือเป็นการยนื ได้โดยลําแข้งของตนเอง ความมีเหตุผล (reasonableness) หมายความว่า การตัดสนิ เกยี วกับพฤตกิ รรมต่าง ๆ ทีมี ความพอประมาณ ในมิตติ ่าง ๆ จะต้องมสี ตริ อบรู้คิดถงึ ระยะยาว ต้องมีเป้ าหมายและวิธีการที http://www.ssru.ac.th

16 เหมาะสม มคี วามรู้ในการดําเนินการ มกี ารพิจารณาจากเหตุปัจจัยและข้อมูลทีเกียวข้อง ต้องเป็น การมองระยะยาว ตลอดจนคํานึงถงึ ผลกระทบของการกระทํา และความเสียง จะทําให้มีความ พอประมาณทั งในปัจจุบันและอนาคต ความสําคัญของการมเี หตุผลอาจพิจารณาจากพระราชดาํ รัส นี “...ทุกคนจําเป็นต้องหมันใช้ปัญญาพิจารณาการกระทําของตนให้รอบคอบอยู่ เสมอ ระมัดระวังทําการทุกอยา่ งด้วยเหตุผล ด้วยความมีสติ และด้วยความรู้ตัวเพือเอาชนะ ความชัวร้ายทังมวลให้ได้โดยตลอด และสามารถก้าวไปถงึ สําเร็จทีแท้จริง ทังในการงาน และการครองชีวิต...” พระราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย13 กรกฎาคม 2516 การมีภูมิคุ้มกันในตัวดพี อสมควร(Self-immunity) พลวัตมิติต่าง ๆ ทําให้มีการ เปลยี นแปลงในสภาวะต่าง ๆ อย่างรวดเร็วขึ น จงึ ต้องมีการเตรียมตัวพร้อมรบั ผลกระทบทีคาดว่า จะเกดิ ขึ นจากการเปลียนแปลงด้านต่าง ๆ การกระทําทเี รียกว่าได้ว่าพอเพียงไม่คํานึงถึงเหตุการณ์ และผลในปัจจุบัน แต่จําเป็นต้องคาํ นงึ ถงึ ความเปน็ ไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ทีจะเกิดขึ นใน อนาคต ภายใต้ข้อจํากัดของข้อมูลทีมีอยู่ และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันพร้อมรบั การเปลียนแปลง และการมภี ูมิคุ้มกันจะทําให้มีความพอเพียงแม้เมือมีการเปลยี นแปลง ถงึ จะมีเหตุการณ์ทีแยท่ ีสุด กร็ ับมอื ได้ ทั งนี หากจะมีความพอเพีงยเงือนไขการปฏบิ ัติตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คอื เงือนไขความรู้ ได้แก่ มีความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง และเงือนไขคุณธรรม ความรอบรู้ คือ มคี วามรู้เกียวกับวิชาการต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ในเรืองต่าง ๆ ทีเกียวข้อง เพือใช้เป็นประโยชน์พื นฐาน เพือนําไปใช้ในการปฏบิ ัตอิ ย่างพอเพียง การมีความรอบรู้ย่อมทําให้มี การตัดสินใจทีถูกต้อง ทั งนี รวมถงึ ความรอบคอบ ความระมัดระวัง คือ มีการวางแผน โดยสามารถ ทีจะนําความรู้และหลักวชิ าการต่าง ๆ มาพิจารณาเชือมโยงสัมพันธ์กัน และความมสี ติ ตระหนัก ถึงการเปลียนแปลงทีจะเกดิ ขึ นได้ ในการนําแผนปฏิบัตทิ ตี ั งอยู่บนหลักวิชาการต่าง ๆ เหล่านั นไป ใช้ในทางปฏิบัติ โดยมกี ารปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทั งทางกายภาพและทางสังคม ด้วย ในส่วนของคุณธรรม ความซือสัตย์สุจริต ซึงครอบคลุมคนทั งชาตรวิ มทั งเจ้าหน้าที นักวิชาการ นักธุรกจิ มสี องด้าน คือด้านจิตใจ/ปัญญา และด้านการกระทําในด้านแรกเป็นการเน้น http://www.ssru.ac.th

17 ความรู้คู่คุณธรรม ตระหนักในคุณธรรม มคี วามซือสัตย์ และมคี วามรอบรู้ทีเหมาะสม ส่วนด้านการ กระทําหรือแนวทางดําเนินชีวิต เน้นความอดทน ความเพียร สตปิ ัญญา และความรอบคอบ เงือนไขนี จะทําให้การปฏบิ ัติตามเนื อหาของควมาพอเพียงเป็นไปได้ ทําให้ตนเองไม่มคี วามโลภ ไม่ เบียดเบียนผู้อืนหรือสังคม เพราะการมคี วามโลภจะทําให้ทําอะไรสุดโต่ง ไม่นกึ ถงึ ความเสียง ไม่ รู้จักพอ มโี อกาสทีจะกระทําการทุจริต ปรัชญากล่าวถึงผลทีคาดว่าจะได้รบั โดยความพอเพียงเป็นทั งวธิ ีการและผล(End and mean) จากการกระทํา โดยจะทําให้เกดิ วิถีการพัฒนาและผลของการพัฒนาทีสมดุล และพร้อมรบั การเปลียนแปลง ความสมดุลและความพร้อมรบั การเปลียนแปลง หมายถงึ ความสมดุลในทุก ด้าน ทั งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิงแวดล้อม และวัฒนธรรม ในขณะเดียวกัน ความสมดุลของการ กระทําทั งเหตุและผลจะนําไปสคู่ วามยังยืนของการพัฒนา ภายใต้พลวัตทั งภายในและภายนอก ประเทศ คณะกรรมการขับเคลือนเศรษฐกิจพอเพียง (2547) ได้สรุปโครงสร้างเศรษฐกจิ พอเพียงดัง ภาพที 1 ต่อไปนี ทางสายกลาง พอประมาณ มีเหตุผล มภี มู ิคุ้มกัน ในตัวทีดี ความรู้ คุณธรรม มสี ติปัญญา รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ซือสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน สามัคคี แบ่งปัน นําไปสู่ เศรษฐกจิ / สังคม / สิงแวดล้อม / วัฒนธรรม สมดุล / ยั งยืน / พร้อมรับต่อการเปลี ยนแปลง ภาพที 1 หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (คณะกรรมการขับเคลือนเศรษฐกิจพอเพียง, 2547) http://www.ssru.ac.th

18 จากภาพนี มักจะสรุปสั น ๆ ว่าปรัชญานี เป็นสามหว่ ง สองเงือนไขคอื ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมภี ูมคิ ุ้มกัน ซึงเป็นองคป์ ระกอบของความพอเพียง และความรู้ คุณธรรม เป็ นเงือนไขสองประการ นอกจากจะยึดหลักสามหว่ งสองเงือนไขแล้ว ผู้ทีสนใจในทางปฏบิ ัติ อาจตคี วามหมายที ง่ายต่อตนในการประยุกตโ์ ดยมีในแนวทางเดียวกันได้ เชน่ UNDP (2007) ระบุว่าการปฏบิ ัติตาม ปรชั ญาคือรู้ตัวว่าทําอะไร(Know what you are doing) ซือสัตย์และพากเพียร (Be honest and persevere) ปฏิบัติตามทางสายกลางไม่สุดโต่ง(Take a middle path, avoid extremes) ตัดสินใจอย่างไตร่ตรองรอบคอบ มเี หตุมผี ล(Be sensible and insightful in taking decision) มี การปกป้ องจากการเปลียนแปลงทีรุนแรง (Build protection against shocks) หรือผู้ทีคุ้นเคย ในทางศาสนา ก็อาจจะปฏบิ ัติตนตามหลัก สัปปุริสธรรม7 และ มรรค 8 กจ็ ะมสี ่วนในการสร้าง ความพอเพียงเช่นกัน ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงจงึ เป็นแนวคิดทเี หมาะกับพื นฐานสังคมไทย เพือการ ตัดสินใจในการดําเนินชีวิตอยา่ งสมดุล เจริญมันคง และมีความยังยืนในระยะยาวทา่ มกลาง กระแสการเปลียนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ มคี วามมันคงในการเจริญเติบโต ไม่ผันผวนไปตามปัจจัย เสยี งต่าง ๆ โดยพิจารณาในหลายมิติเป็นองค์รวมมิใช่เฉพาะเรืองของเศรษฐกจิ มีลักษณะองคร์ วม ทีมคี วามครอบคลุม ทั งมิตจิ ิตใจซงึ กําหนดพฤตกิ รรม มติ ิสถาบันทางเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และ กฎระเบียบ ทีมีผลต่อสภาพแวดล้อมของความพอเพียง การกระทําตามแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงหรือการประยุกต์ คอื การตัดสินใจที เหมาะสม โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตัดสินใจตามหลัก คอื สามหว่ ง สองเงือนไข จุดมุ่งหมายเพือการพัฒนาทีสมดุลและยังยนื ลดความผันผวน การประยุกต์ใช้ปรชั ญาทําได้ในทุกระดับ เพราะคนเรามีหลายฐานะ เราจึงสามารถใช้หลัก ปรชั ญาในการตัดสินใจได้ทั งของตัวเองและครอบครวั หากอยูใ่ นฐานะทีเป็นการบริหารพัฒนา ชุมชน องคก์ รไม่ว่าจะเป็นภาครฐั และเอกชน ก็ใช้หลักปรัชญาในการตัดสินใจได้ ซึงก็คือ การใช้ใน ระดับทีกว้างกว่าระดับตนเองและครอบครวั หากอยู่ในฐานะทีจะเป็นผู้กําหนดนโยบายหรือ มาตรการระดับชาติก็สามารถใช้เป็นหลักได้เชน่ กัน การประยุกต์ใช้ปรัชญาเกิดได้ในหลายระดับ หลายมิติ และหลายรูปแบบ ไม่มสี ูตรสําเร็จ แม้ว่าจะเป็นกรอบแนวคดิ เดียวกัน แต่ละคนจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสมในแต่ละกรณีให้ สอดคล้องกับเงือนไข และสภาวะทีเผชิญอยู่ การยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จะช่วยใน http://www.ssru.ac.th

19 การให้ “ฉุกคดิ ” ว่าการตัดสนิ ใจการดาํ เนนิ ชีวติ หรือการดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ มคี วามเหมาะสม หรือไม่ จะมีความสมดุลยังยนื หรือไม่ มีความเสียงและการเตรียมรับความเสยี งอยา่ งไร การเปลี ยนแปลงทีเกี ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษม วัฒนชัย (2550: 153-156) ได้กล่าวถึงประเด็นทีเกียวข้องกับปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง นั นคอื การเปลียนแปลง ซึงธรรมชาติของการเปลียนแปลง มดี ังนี 1. ทุกสิงทุกอยา่ งล้วนมกี ารเปลยี นแปลงตลอดเวลา (กฎของไตรลักษณ์ : อนิจจงั ทุกข์ขัง อนัตตา) 2. การเปลยี นแปลงเกิดจากเหตุ – ปัจจยั ซงึ มีทั งเหตุปัจจัยภายนอก เหตุปัจจัยภายใน เหตุปัจจัยทีควบคุมได้และเหตุปัจจัยทีควบคุมไม่ได้ สามารถนําไปใช้ได้กับทุกระดับ ทั งระดับ บุคคล ระดับครอบครวั ระดับบริษทั ระดับองค์กร ระดับชุมชน และระดับประเทศ เมือนําไปใช้ที ระดับใดก็ให้เอาการเปลียนแปลงทเี กิดจากเหตุปัจจัยทั งภายนอกและภายในไปไว้ทีระดับนั น หาก เราสามารถเปลียนแปลงเหตุปัจจัยทีควบคุมไม่ได้ ให้เป็นเหตุปัจจัยทีควบคุมได้ให้มากทีสุด ก็จะ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้มากเท่านั น 3. การเปลยี นแปลงมลี ักษณะเป็นวงจร มีทั งขาขึ น– ขาลง ขาขึ นต้องไม่ประมาท ขาลง ต้องรีบยับยั ง 4. ผลกระทบจากการเปลยี นแปลง (Impact of changes) มี 4 ด้าน คอื ด้านวัตถุ ด้าน สังคม ด้านสิงแวดล้อม และด้านวัฒนธรรม ซึงผลกระทบอาจเกิดเร็ว รุนแรง และกว้างขวางได้ ผลกระทบของการเปลยี นแปลงทั ง4 ด้าน สามารถเกิดขึ นได้ทุกระดับ เช่น 1. ระดับครอบครัว หากเกิดการเปลียนแปลงแล้วส่งผลกระทบต่อครอบครัวอย่างไร เช่น พ่อถูกรถชนเสียชีวิตกะทันหัน จะส่งผลกระทบในเรืองเงินทอง ความอยู่รอดทางเศรษฐกิจของ ครอบครวั อยา่ งไรบ้าง โดยพิจารณาถงึ ผลกระทบด้านสังคม ด้านสงิ แวดล้อม และด้านวัฒนธรรม 2. ระดับองคก์ ร 2.1 ผลกระทบของการเปลียนแปลงด้านวัตถุ เชน่ งบประมาณ วัสดุครุภัณฑ์ เมือ เปลยี นรฐั บาล หนว่ ยงานจะได้รบั ผลกระทบเรืองการเปลยี นแปลงด้านวัตถุอยา่ งไรบ้าง 2.2 ผลกระทบของการเปลียนแปลงด้านสังคม มีหรือไม่ เช่น หน่วยงานนี ทะเลาะ เบาะแว้งกันหรือรักใคร่สามัคคกี ัน สิงตา่ ง ๆ เหล่านี คอื ความเข้มแขง็ หรือความออ่ นแอทางสังคม เมือมีการเปลยี นแปลงมากระทบจะยิงส่งผลให้มคี วามเข้มแข็งมากขึ นหรืออ่อนแอลง 2.3 ผลกระทบของการเปลียนแปลงด้านสิงแวดล้อมของหน่วยงานเป็ นอย่างไร เช่น สะอาด เป็นระเบียบ ทุกคนเหน็ แก่ส่วนร่วม http://www.ssru.ac.th

20 2.4 ผลกระทบของการเปลียนแปลงด้านวัฒนธรรม สามารถดูได้จากการทีทุกคน จงรกั ภักดีต่อองคก์ ร ยดึ มันต่อปณิธานขององคก์ ร ยินดีเสียสละเพืองานส่วนรวมหรือไม่ ดังนั นจะเห็นได้ว่าหากทุกคนสามารถควบคุมตัวเองจากการเปลียนแปลงทั งภายนอกลา ภายใน โดยอาศัยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็ นตัวควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ก็จะทําให้ เกิดผลดที ั งต่อตนเอง ครอบครัว องคก์ ร และสังคมต่อไป 2.3 ทฤษฎีพฤติกรรมและพฒั นาการของวัยรุ่น มีผู้กล่าวถงึ ทฤษฎีทีเกียวข้องกับพฤติกรรมของวัยร่นุ ดังนี ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ (2543: 170-176) ได้กล่าวถึงทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic Theory) และทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม(Social Learning Theory) ไว้ดังนี 2.3.1 ทฤษฎจี ิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic Theory) องคป์ ระกอบทีสาํ คัญในทฤษฎีจิตวเิ คราะห์ของฟรอยด์(Freud) คอื อดิ (id) อโี ก้ (ego) และซปุ เปอร์อโี ก้ (superego) id เป็นแหล่งพลังงานทางจติ เบื องต้นและเป็นทีตั งแห่งสัญชาตญาณ เป็นความต้องการแสวงหาเพือตนเอง ต่อมาก็มี ego (อีโก้) เป็นผู้ควบคุม พฤตกิ รรมของid (อดิ ) ego อาศัยหลักแหง่ ความจริง คือ สิงทีปรากฏอยูอ่ ย่างแท้จริง จากนั นจะมีการเรียนรู้พัฒนาขึ นมา กา-ร เรียนรู้ทําให้ฉลาด สามารถเป็นนายเหนือความอยากอันเกดิ แต่ id การเรียนรู้อาศัยการรบั รู้ ความจํา ความคิด และส่งเสริมให้ ego เข้มแข็ง ซุปเปอรอ์ โี ก้เป็นลักษณะทีสาม เป็นหลักแห่งอุดมคตแิ ละ ศีลธรรมจรรยา ซุปเปอร์อโี ก้แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. Ego-ideal คอื อุดมคติ เป็นแนวคดิ ของผู้ใหญ่ สังคมทีสอนไว้ว่าอะรไเป็นสิงที ควร อะไรเป็นสิงไม่ควร และเมอื ประพฤตติ ามแล้ว จะเป็นทีนิยมชมชอบของผู้ใหญ่ในสังคม 2. Conscience คือ มโนธรรม ได้แก่ ความรู้สึกว่า อะไรดีควรทํา อะไรชัวควรละ เว้น ในขั นนี เด็กจะพัฒนาจากการทีเด็กเคยกระทําผิดอยู่ในใจ เชน่ ผู้ใหญ่สอนให้เกลียดคชวังาม สกปรก ถ้าเราไปนิยมก็จะได้รับโทษ เราจึงเว้นเสยี บุคคลในระดับนี จะเคร่งต่อหลักศลี ธรรเมป็นอัน มาก เป็นส่วนสาํ คัญทีป้ องกันการกระทําความผิด 2.3.2 ทฤษฎกี ารเรียนรู้ทางสังคม(Social Learning Theory) ทฤษฎีนี มคี วามเชือว่ากฎเกณฑ์ของสังคมและวัฒนธรรมเป็นปัจจัยสําคัญใหก้เิดการ- พัฒนาจริยธรรม ทฤษฎีนี พยายามอธิบายกระบวนการเรียนรู้ โดยหลักการเสริมแรงและหลักการ เชือมโยงความสัมพันธ์จากปรากฏการณ์ของสังคม http://www.ssru.ac.th

21 สกินเนอร์ (Skinner อ้างถงึ ใน ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2543: 171) มคี วามเชือ ว่าแรงจูงใจทีทําให้เกิดพัฒนาการทางสังคมมรี ากฐานมาจากความต้องการรางวัลและหลีกเลียง การลงโทษจากสังคม บันดูรา(Bandura อ้างถงึ ใน ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2543: 171-172) ได้ ศึกษาทฤษฎกี ารเรียนรู้ทางสังคมอยา่ งลึกซึ ง เขามีความคิดว่า การเรียนรู้ทาสงังคมเกิดจากการ- เรียนรู้โดย การสังเกต การเลียนแบบ และการเอาอย่างแบบ บันดูราเชือว่าความสําคัญของการ- เรียนรู้ คอื กระบวนการเลียนแบบพฤติกรรมผู้อืน หรือพิจารณาการกระทําของผู้อืนแล้วสังเกต ผลกรรมทีตามมา การตัดสินใจนี เกิดจากการเรียนรู้พฤติกรรมของมนุษยใ์ นสังคม ดังนั น ทฤษฎีการ เรียนรู้ทางสังคมจึงขึ นอยูก่ ับเงือนไแขละตัวแบบเป็นสาํ คัญ 2.3.3 ทฤษฎีปรากฏการณ์ (Phenomenological Theories) ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ (2543: 232-234) ได้สรุปทฤษฎีปรากฏการณ์ของ มาสโลว์ ไว้ดังนี มาสโลว์ (Abraham Maslow) ได้รบั การยกยอ่ งว่าเป็นผู้นําในแนวคิดกลุ่มมนุษยนิยม เขาไม่เหน็ ด้วยกับการมองว่าพฤตกิ รรมของมนุษย์ตกอยูภ่ ายใต้การผลักดันจากสงิทีอยู่ในจิตใต้ สาํ นกึ ตามแนวคดิ ของฟรอยด์ หรือการถูกกําหนดจากผลกรรมจากสงิ แวดล้อมภายนอกของสกนิ เนอร์ มาสโลวม์ องว่ามนุษย์นั นมีศักดิ ศรีพร้อมจะพัฒนาไปในทิศทางทีดขี ึ นหากอยูใ่ น สภาพแวดล้อมทีเออื อาํ นวยให้ได้รับการตอบสนองต่อความต้องการซงึ ถือเป็นแรงจูงใจให้มนุษย์ แสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมา ดังนั นการทีมนุษย์จะดีไม่ดีก็อยู่ทีว่าเขาได้รบั การตอบสนองต่อ ความต้องการเหล่านี อย่างเหมาะสมหรือไมม่ าสโลว์จัดความต้องการทีหลากหลายของมนุษย์เป็น 5 ลําดับประเภท และความต้องการในลาํ ดับแรก ๆ จะต้องได้รับการตอบสนองจนเป็นทีพอใจก่อน ความต้องการในลําดับสูงขึ นจึงจะกลายเป็นแรงจูงใจสําหรับการกระทําของเราความต้องการ ตามลาํ ดับประเภทเรียงจากตาํ ไปหาสูง ได้แก่ 2.1 ความต้องการทางร่างกาย เป็นความต้องการสิงทีจําเป็นต่อการทําให้ร่างกายอยู่ ในสภาวะสมดุล เชน่ ต้องการปัจจัยสี ต้องการพักผ่อน ต้องการอยูใ่ นสภาวะอุณหภูมไิ ม่ร้อนไม่ หนาวเกนิ ไป หรือความต้องการทางเพศ เป็นต้น 2.2 ความต้องการความมันคงปลอดภัย หมายถงึ ความต้องการให้ตนเองมคี วาม http://www.ssru.ac.th

22 ปลอดภัย และมีความมันคงในการดําเนินชีวติ อันหมายรวมทั งความมันคงปลอดภัยทางร่างกาย และจิตใจ 2.3 ความต้องการความรกั และเป็นส่วนหนงึ ของหมู่เหล่า มนุษย์ถือเป็นสัตว์สังคม ต้องการมีกลุ่ม มีสังกัด มพี รรคพวกเพือนพ้อง ทุกคนอยากได้รบั ความรักความห่วงใยจากผู้อืน ขณะเดียวกันก็อยากให้ความรักความห่วงใยต่อบุคคลทเี รารกั เช่นกันแต่ความรักเป็นสิงแปลกต้อง ได้รบั ก่อนจงึ จะเรียนรู้ทีจะให้ คนทีไม่ได้รบั ความรักจึงเรียกร้องไขว่คว้าโดยไม่รู้จักการให้ 2.4 ความต้องการทีจะรู้สึกว่าตนมคี ุณค่าเป็นความต้องการทีจะรับรู้ว่าตนมี ความสามารถ มคี วามสําเร็จ มเี กียรติ มศี ักดิ ศรี ได้รบั การยอมรับนับถือจากผู้อนื 2.5 ความต้องการทีจะพัฒนาตนให้เป็นคนเต็มสมบูรณ์ (Self - actualization) หมายถึง ความต้องการทีจะรู้จักตนเอง ยอมรบั และเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงปรารถนาพัฒนาตนเองไปให้ ถึงขีดสูงสุดตามทิศทางและศักยภาพแหง่ ตนพร้อมทั งอยากชว่ ยเหลือเกื อกูลบุคคลอืนและสังคม ตามแนวคิดของมาสโลวค์ นทีได้รับการตอบสนองในความต้องการขั นนี จะเป็นคนทีถือว่าเป็นคน เต็มสมบูรณ์ เพราะเขาจะเป็นผู้ปราศจากความเห็นแก่ตัว มีความสุขความพอใจกับชีวิตของตน และนําพาก่อเกิดแต่สิงทีดี ๆ ต่อตนเอง คนอืน และสังคม จากแนวคิดของมาสโลว์ อาจกล่าวได้ว่าหากผู้ใหญ่ต้องการทีจะเหน็ วัยรุ่นมีพฤตกิ รรม และพัฒนาไปในทางทีดี กค็ วรช่วยให้วัยรนุ่ ได้รับการตอบสนองความต้องในลําดับต้นทั ง4 ลาํ ดับ กอ่ น บคุ คลจึงจะเรียนรู้และใฝ่ หาการพัฒนาตนให้เป็นคน เก่ง ดี และมีสุข(เก่งในทีนี หมายถงึ การ มคี วามสามารถตามขีดสุดและความถนัดของแต่ละบุคคล) 3. ทฤษฎีพฒั นาการทางความรู้ความเข้าใจของเพียเจต์ เพียเจต์ (อ้างถึงใน ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2543: 172-174) เพียเจต์ (Jean Piaget ) เป็นนักจิตวิทยาทีได้ศึกษาว่าคนเรามกี ารพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจเป็นไป อยา่ งไร ซึงทําให้เราได้รู้ว่าความรู้ความเข้าใจต่อสงิ ต่าง ๆของเด็กและผู้ใหญน่ ั นแตกต่างกัน แนวความคิดทีสําคัญต่อการเข้าใจพฤตกิ รรมและพัฒนาการของบุคคลประกอบด้วย 2 เรืองหลัก คือ กระบวนการพัฒนา โครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจและขั นพัฒนาการทางความรู้ความ เข้าใจ 3.1 กระบวนการพัฒนาโครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจ ตามแนวคิดของเพียเจต์นั น โครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจต่อสิงต่าง ๆ ของบุคคลมีการเพิมขนึ หรือพัฒนาไปโดยใช้กระบวน http://www.ssru.ac.th

23 ทางสมอง 3 อยา่ ง คือ 3.1.1 การรับเข้ามาสู่โครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจ(Assimilation) กระบวนการนี เป็นการรบั ข้อมูลจากการปฏิสัมพันธ์กับสิงแวดล้อมเข้ามาเป็น หรือเข้ามาสู่โครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจ เช่น เมือเด็กเห็นสัตว์ชนิดหนงึ และผู้ใหญช่ ี บอกว่า สุนัขเด็กกจ็ ะรบั ภาพและคําว่าสุนัขเข้าเป็นโครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจเกยี วกับสุนัขและเมอื เด็กไปพบเห็นสัตวท์ ีมลี ักษณะเหมอื นหรือคล้ายคลึงกับสุนัขทีเคยมาก็จะรบั ข้อมูลเหล่านี เข้ามาสู่ โครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจเกียวกับสุนัขเช่นนี ไปเรือย ๆ 3.1.2 การปรบั โครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจ(Accomodation) กระบวนการนี เป็นการปรับเปลียนหรือขยายโครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจ ต่อสิงต่าง ๆ ให้เข้ากับประสบการณ์ทไี ด้รบั เช่น จากประสบการณ์ทีผ่านมาเด็กเคยเหน็ สุนัขทีมี ลักษณะใกล้เคียง คล้ายคลึงกันต่อมาเมอื เด็กไปพบสัตว์ทีมลี ักษณะไม่เหมอื นกับสุนัขทีเคยเห็น มา แต่สัตว์ชนิดนี เรียกว่าสุนัขเช่นกันแสดงว่าเด็กได้พบประสบการณ์ใหม่ทีแตกต่างจากโครงสร้าง ทางความรู้ความเข้าใจเดิม ดังนั นเด็กจึงต้องปรบั โครงสร้างทางความรู้ความเข้าใจเกียวกับสุนัข ใหม่ เพือให้สามารถบรรจุข้อมูลใหม่เกยี วกับสุนัขนี ไดค้ วามรู้ความเข้าใจเกยี วกับสุนัขของเด็กจึงมี หลากหลายขึ นนันเอง 3.1.3 การจัดระบบ (Organization) เป็นกระบวนการจัดความรู/้ ความเข้าใจทีบุคคล มใี ห้มคี วามเป็นประเภท เป็นระบบระเบียบ และมคี วามเกยี วเนืองต่อกันทั งนี เพือทจี ะช่วยให้ บุคคลรบั รู้หรือเรียนรู้สิงต่าง ๆและตอบสนองต่อสงิ แวดล้อมทีประสบนั นได้ดีขึ น 3.2 ขั นพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจ เพียเจตเ์ ชือว่าคนเรามีการพัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจต่อสงิ ต่าง ๆ เป็น4 ขั น โดยขั นทีสูงขึ นหมายถึงการเข้าใจต่อสงิ ต่างเๆหล่านั นในแง่มุมทีแตกต่างหลากหลายขึ น ฉะนั น ปริมาณการรับข้อมูลทีมากกว่าอาจจะไม่ทําให้การคิดการเข้าใจของบุคคลพัฒนาไปสู่ขั นทีสูงกว่า ก็ได้ ถ้าไม่ทําให้บุคคลมคี ุณภาพทางความคดิ ความเข้าใจทีแตกต่างไป ดังนั นการพัฒนาการทาง ความรู้สึกความเข้าใจต่อสงิ แวดล้อมจึงเป็นกระบวนการทีบุคคลจะต้องกระทํากจิ กรรมหรือ ปฏิสัมพันธ์กับสงิ แวดล้อมและสามารถสร้างโครงสร้างของความรู้ความเข้าใจทีมคี วามแตกต่าง หลากหลายมากขึ นและลึกซึ งขึ น โดยเพียเจตม์ องว่า การเริมเข้าสู่ในแต่ละขแั นละการพัฒนา อยา่ งสมบูรณ์ในขั นนั น ๆ ของแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกอันายุทีกําหนดไว้สําหรับแต่ละขั นจึง เป็นตัวเลขประมาณเทา่ นั นบางคนอาจพัฒนาการเร็วกว่า หรือช้ากว่าทีกําหนดไว้ ขั นพัฒนาการ ทงั 4 ขั น ได้แก่ http://www.ssru.ac.th

24 3.2.1 ขั นประสาทรบั รู้และการเคลือนไหว(Sensorimotor stage) อยู่ในชว่ งอายุ ตั งแต่แรกเกิดถึง2 ปี การทําความเข้าใจต่อสิงต่าง ๆ ของเด็กวัยนี จะอาศัยประสาทสัมผัสรบั รู้ และ การเคลอื นไหวอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเชน่ การมองเห็น การได้ยิน การสัมผัสแตะต้อง การดูด การกัด การคว้า จับ หรือขว้างปา การถีบการเตะ เป็นต้น ซงึ จะเห็นได้ว่าในช่วงแรก ๆ ของวัยนี ทารกจะใช้ พฤติกรรมลักษณะดังกล่าวในการเรียนรู ้ หรือทําความเข้ าใจต่อสิงแวดล้ อมจนกระทังใน ระยะปลายของขั นนี เด็กจงึ เริมทจี ะเข้าใจและเมรใิ ช้สัญลักษณ์ง่าย ๆได้ เริมมีการคดิ ในใจได้ เลยี นแบบโดยทีไม่ต้องมีตัวแบบอยูต่ ่อหน้าได้รวมทั งเริมอนุมานความสัมพันธ์ของเหตุ และผล งา่ ย ๆ ได้ 3.2.2 ขั นก่อนปฏิบัติการทางการคิด(Preoperational stage) อายุประมาณ 2 – 7 ปี ในขั นนี เด็กจเะข้าใจและเรียนรู้การใช้สัญลักษณ์แทนสิงต่าง ๆ ไดจ้ งึ เรียนรู้ภาษาได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างภาพแทนสงิ ต่าง ๆ ขึ นมาในใจได้ นันคอื เด็กเริมมกี ารคดิ จินตนาการได้ แต่อยา่ งไรก็ ตาม การคดิ การเข้าใจของเด็กวัยนี ก็ยังมีลักษณะทียึดตนเองเป็นศูนย์กลาแงละมขี ้อจํากัดหลาย ประการ ทีเด็กไม่อาจเข้าใจสิงต่าง ๆ ได้หลากหลายมิติไปพร้อม ๆกัน ทําให้การคดิ มีลักษณะทียัง ไม่สมบูรณ์ตามความเป็นเหตุและผลทถี ูกต้องได้จงึ เรียกขั นนี ว่า เป็นขั นกอ่ นปฏิบัตกิ ารทางการคดิ 3.2.3 ขั นปฏิบัติการทางการคิดด้วยรูปธรรม(Concrete operational stage) อยู่ ในช่วงอายุประมาณ 7 –11 ปี เด็กมพี ัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจต่อสิงต่าง ๆทีถูกต้อง สมเหตุสมผล สามารถคิดย้อนกลับได้ เข้าใจกฎเกณฑ์ในหลายมติ พิ ร้อมกันได้จึงทําให้สามารถคิด หาเหตุและผลได้ แก้ปัญหาอยา่ งเป็นระบบได้ แต่มีข้อจํากัดว่าความรู้ความเข้าใจและ ความสามารถทางการคดิ เหล่านี จะต้องสามารถแทนด้วยสิงทีเป็นรูปธรรมได้ 3.2.4 ขั นปฏบิ ัติการทางการคิดด้วยนามธรรม(Formal operational stage) ขั นนี อยู่ ในช่วงอายุตั งแต1่ 1 ปี ขึ นไปบุคคลสามารถคดิ และเข้าใจในสิงทเี ป็นนามธรรมได้ จึงสามารถคดิ อนุมานหาเหตุผลทนี อกเหนือไปจากทีข้อมูลมอี ยู่ได้นันคือเข้าใจการตั งสมมุติฐาน และหาข้อมูล หาเหตุผลมาพิสูจน์ หาข้อสรุปได้ วัยรุ่นส่วนใหญจ่ ะมพี ัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจอยู่ในขั นนี ผู้ใหญ่เองก็มีพัฒนาการทางการคิดอยู่ในขั นนี เชน่ เดยี วกเันราจึงมักจะพบว่าเวลาทีพอ่ แม่ ครู หรือ ผู้ใหญบ่ อกสังสอนอะไรวัยรุ่นจะไม่เชืออย่างง่าย ๆ เหมือนในวัยเด็กนันเป็นเพราะวัยรุน่ มองว่าตน สามารถคดิ และหาเหตุผลเองได้ เข้าใจความเป็นจริงในสิงต่าง ๆ ได้ไม่แพ้ผู้ใหญจ่ ึงไม่อยากให้ ผู ้ ใหญ่มาบงการในความคิดของตน http://www.ssru.ac.th


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook