งานวจิ ยั และวรรณกรรม ทางพระพทุ ธศาสนา Research and literary works on Buddhism Present by พระปลดั วชั ระ วชิรญาโณ / เกิดสบาย น.ธ.เอก, พธ.บ.(บริหารรัฐกิจ) Cc.Tibeten language , University of Delhi , India M.A.(Buddhist Studies) University of Delhi , India
Research and literary works on Buddhism
หนงั สือเรียนประจาํ วชิ า
การประเมนิ ในรายวชิ า งานวจิ ัยและวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา • เข้าเรียน ๑๐ • รายงาน ๒๐ • นําเสนอ /ทดสอบ ๑๐ • สอบปลายภาค ๖๐ ๑๐ + ๒๐ + ๑๐ + ๖๐ = ๑๐๐
เรียน..ให้มคี วามสุข
พอใจcontentment
intention ความตัง้ ใจ
ลงมือทาํ
แก้ไข edit ปรับปรุงimprovementพฒั นา
ประยุกตน์ าํ ไปใช้ apply ; adapt
เรียน..ให้มคี วามสุข • พอใจ • ตงั้ ใจ • ลงมือทาํ • แก้ไข • ปรับปรุง • นําไปใช้
อย่าแบกอะไรท่เี กนิ กาํ ลัง “ของตวั เอง” เพราะไม่เพยี งแต่ มันจะทาํ ให้เราเป็ นทุกข์ แต่บางทอี าจมีผลต่อการยนื ตรงๆ อย่างยาวนานของเราด้วย
บทท่ี ๑ ความรพู้ น้ื ฐานเกย่ี วกบั งานวจิ ยั และวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา 13
เพราะ ชีวิตมัน...ไม่แน่นอน จงทาํ ทกุ ฉาก...ทุกตอน...อย่างตงั้ ใจ เพราะวันเวลา...มันย้อนกลับมา...ไม่ได้ จงรักษาส่ิงท่.ี ..อย่ขู ้างกาย...ก่อนท่มี ันจะสาย จนสุดท้าย...กลับมาแก้ไข...อะไรไม่ได้เลย... 14
การวิจยั การศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งเป็นระบบระเบียบ เพ่ือแสวงหาคาํ ตอบ สาํ หรับปัญหา หรือคาํ ตอบการวิจยั ท่ีกาํ หนด เพื่อแสวงหาความรู้ ใหม่ วิธีการทาํ งานใหม่ ๆ ซ่ึงการทาํ ให้เกิดความก้าวหน้าทาง วิชาการหรื อเกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติ ด้วยกระบวนการ วิทยาศาสตร์ ที่มีการวางแผนล่วงหนา้ อยา่ งมีระบบทุกข้นั ตอนการ ดาํ เนินงาน เพื่อใหผ้ ลการศึกษาถูกตอ้ งและเช่ือถือได้ • การวจิ ยั ประกอบดว้ ยลกั ษณะสาํ คญั ๓ ประการ ๑. เป็นกระบวนการคน้ ควา้ หาขอ้ เทจ็ จริงหรือปรากฏการณ์ ตามธรรมชาติ ๒. เป็นกระบวนการหรือการกระทาํ ที่มีระบบระเบียบ ๓. เป็นการกระทาํ ที่มีจุดประสงคท์ ี่แน่นอน 15
วรรณกรรม (Literature Works) หมายถึง งานหนงั สือ งานเขียนหนงั สือทุกชนิด
วรรณคดี •หนงั สือที่ไดร้ ับ การยกยอ่ งวา่ แต่งดีหรือดีเยย่ี ม
วรรณกรรมและศิลปกรรม • คือ การทาํ ข้ึนทุกชนิดในแผนกวรรณคดี • แผนกวทิ ยาศาสตร์ • แผนกศิลปะ • จะแสดงออกโดยวธิ ีการหรือรูปร่าง
งานการวจิ ัย : Rresearch work •การวจิ ยั คือ กระบวนการค้นคว้าหา ข้อเทจ็ จริงทม่ี รี ะบบและมีจุดมุ่งหมาย ทแี่ น่นอนโดยใช้วธิ ีการทาง วทิ ยาศาสตร์ มี ๕ ข้นั ตอน
๑ กาํ หนดปัญหา (Identifying the problem)
๒. ต้งั สมมติฐาน (Setting Hypothesis)
๓. เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล (Collecting Data)
๔.วเิ คราะห์ขอ้ มูล (Analyzing Data)
๕. สรุปผล (Drawing Conclusion
งานวจิ ัย.... ทางพระพทุ ธศาสนา
งานวจิ ยั ทางพระพทุ ธศาสนา กิจหรือหน้าที่ต้องทาํ เกี่ยวกบั การค้นคว้า การรวบรวม การตรวจตรา การสอบสวน หรือการเลือกเฟ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ ความจริงด้านพระพทุ ธศาสนา
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา คืองานเขยี นทุกชนิดทางพระพทุ ธศาสนาได้แก่ ๑. วรรณกรรมในช้ันบาลี ไดแ้ ก่ พระไตรปิ ฏก ๒. วรรณกรรมในช้ันอรรถกถาปกรณ์ ที่พระอาจารยท์ ้งั หลายในภายหลงั แต่ง แกอ้ รรถแห่งบาลี คมั ภีร์ อธิบายความในพระไตรปิ ฎก ๓. วรรณกรรมในช้ันฏีกา ปกรณ์ท่ีพระอาจารยท์ ้งั หลายในภายหลงั แต่งแก้ หรืออธิบายเพิ่มเติม อรรถกถา ๔. โยชนา คมั ภีร์บาลีประเภทหน่ึง ซ่ึงบอกสมั พนั ธ์ศพั ทบ์ าลีวา่ ศพั ทไ์ หนเขา้ กบั ศพั ทไ์ หนในตน้ ฉบบั น้นั ๆ เช่น โยชนาฎีกาสงั คหะ ๕. วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาที่เป็ นงานเขียนเชิงวิชาการด้าน พระพทุ ธศาสนา 27
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ Scientific Method • Indentifying the Problem กาํ หนดปัญหา • Setting hypothesis ตงั้ สมมุตฐิ าน • Collecting Data เกบ็ รวบรวมข้อมูล • Analyzing Data วเิ คราะห์ข้อมูล • Drawing conclusion สรุปผล
จุดมุ่งหมายของการวจิ ยั ทางพระพทุ ธศาสนา ๑. เพอ่ื บรรยาย (Description) บรรยายปรากฏการณ์ท่ี เกิดข้ึนในขณะน้นั ๆ
•๒.เพ่ืออธิบาย (Explanation) อธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่างปรากฏการณ์ที่ เป็นผลเชื่อมโยงไปหาสาเหตุท่ีทาํ ใหเ้ กิดผลน้นั ๆ ล่วงหนา้ ได้
• ๓.เพ่ือการทาํ นาย (Prediction) ศึ ก ษ า ค ว า ม สั ม พ ัน ธ์ ท ํา ใ ห้ เ ร า ส า ม า ร ถ ทาํ นายหรือคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหนา้ ไดว้ ่า เม่ือมีเหตุการณ์เกิดข้ึน จะมีเหตุการณ์ใด ติดตามมา
•๔. เพ่ือการควบคุม ( Control ) เมื่อสามารถทาํ นายเหตุการณ์ต่างๆ จึง ทาํ ใหส้ ามารถควบคุมเหตุการณ์ที่ไม่ พึงประสงค์ ไม่มีประโยชน์ ไม่ใหส้ ิ่ง ดงั กล่าวเกิดข้ึนได้
จุดมุ่งหมายของวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา • ๑.ใหผ้ ศู้ ึกษาไดต้ ระหนกั ถึงคุณค่าของพทุ ธธรรมและความสูงส่ง ของพระพทุ ธศาสนา • ๒. มุ่งใหป้ ระชาชนเขา้ ใจโลกความเป็นจริง • ๓. พระพทุ ธศาสนาสูงส่งดว้ ยบารมีพระบรมศาสดา ทุกคนมี สิทธิและความสามารถท่ีจะบรรลุธรรม • ๔. มุ่งใหเ้ ห็นวา่ พทุ ธศาสนิกชนไดศ้ ึกษาหลกั คาํ สอนโดยผา่ น วรรณคดี • (ต่อ) 33
• ๕. มุ่งแสดงหลักธรรมในพระพุทธศาสนาให้ เด่นชดั เพ่ือโนม้ นา้ วจิตใจให้เกิดศรัทธาเล่ือมใส ในพระพทุ ธศาสนา • ๖. มุ่งท่ีจะแสดงความเจริญรุ่งเรืองของ พระพทุ ธศาสนา 34
ลกั ษณะของการวจิ ยั ๑.เป็นกิจกรรมที่ใช้ปัญญา ๒.เป็นการแสวงหาความรู้ ๓.ทําให้เกิดความรู้ใหม่ ๔.มีจดุ มงุ่ หมายท่ีแนน่ อนชดั เจน ๕.มีระบบแบบแผน ๖.ใช้เครื่องมือเทคนิคที่มีความเท่ียงตรงเช่ือถือได้ 35
• ๗. มีการจดั ทาํ กบั ขอ้ มลู ที่รวบรวมมา • ๘. ดาํ เนินการอยา่ งรอบคอบ • ๙. ไมม่ ีอคติใดๆ • ๑๐. ยดึ หลกั เหตุผล 36
• ๑ กจิ กรรมใช้ปัญญา
• ๒.เป็ นการแสวงหาความรู้
๓. ทําให้เกิดความรู้ใหม่
๔.มีจุดมุ่งหมายท่แี น่นอนชัดเจน
๕.มรี ะบบแบบแผน
๖.ใชเ้ คร่ืองมือเทคนิค ท่ีมีความเที่ยงตรงเช่ือถือได้
๗. มกี ารจัดทาํ กบั ข้อมูลทรี่ วบรวมมา
๘. ดาํ เนินการอยา่ งรอบคอบ
๙.ไมม่ ีอคติใดๆ
ยดึ หลกั เหตุผล
การวิจยั ทางพระพทุ ธศาสนาเป็นการแสวงหาความรู้ ๒ ดา้ น ดา้ นท่ี ๑ เป็นการแสวงหาความรคู้ วามจรงิ เกย่ี วกบั วตั ถุ ดา้ นท่ี ๒ เป็นการแสวงหาความรเู้ กย่ี วกบั สง่ิ ทม่ี ใิ ชว่ ตั ถุ 48
ลกั ษณะของการวจิ ยั ความรู้เดมิ ปัญหา กระบวนการ ความรู้ใหม่ 49
ลกั ษณะของวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา ๑.วรรณกรรมที่นําเนือ้ หามาจากพระไตรปิฏก หรือคมั ภีร์อ่ืนๆโดยตรงมาแตง่ หรือแปลงใหม่โดยนาํ คาํ สอนทางพระพทุ ธศาสนาลงไป เชน่ ไตรภมู ิพระร่วง ๒.วรรณคดที ี่นําแนวคดิ ทางพระพทุ ธศาสนามา แตง่ เพื่อแสดงความเลื่อมใสในพระพทุ ธศาสนา เชน่ โคลงชะลอพระพทุ ธไสยาสน์ 50
Search