มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้ีวดั ฯ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔๖สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพมาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบัตขิ องสิง่ มีชีวติ หนว่ ยพ้นื ฐานของสิง่ มชี ีวติ การลาเลยี งสารผา่ นเซลล์ ความสมั พนั ธข์ อง โครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ โครงสรา้ งและหน้าทขี่ องอวัยวะต่างๆ ของพืชทที่ างานสัมพนั ธก์ นั รวมทง้ั นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชี้วดั ช้นั ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖๑. เปรียบเทยี บ ๑. ระบุอวยั วะและ - ไมเ่ น้นวิทยาศาสตร์ - -รปู รา่ งและ บรรยายหน้าท่ีของ ๑. อธิบายโครงสร้างของ อวยั วะทเี่ กีย่ วขอ้ ง โครงสร้างและเซลล์พชื และ ในระบบหายใจ สมบตั ิของเซลลส์ ตั ว์ รวมทงั้ ๒. อธิบายกลไกการ เยือ่ หุม้ เซลล์ที่บรรยายหนา้ ท่ี หายใจเขา้ และ สมั พันธ์กับการของผนังเซลล์ ออก โดยใช้ ลาเลยี งสาร และ อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์เย่ือหมุ้ เซลล์ แบบจาลอง เปรียบเทยี บการไซโทพลาซมึ รวมทั้งอธิบาย ลาเลียงสารผา่ นนิวเคลยี ส กระบวนการ เย่ือหุ้มเซลล์แบบแวควิ โอล ไมโท แลกเปล่ยี นแกส๊ ต่างๆคอนเดรยี และ ๓. ตระหนักถึง ๒. อธบิ ายการคลอโรพลาสต์ ความสาคัญของ ควบคุมดลุ ยภาพ๒. ใช้กลอ้ ง ระบบหายใจ โดย ของนา้ และสารจลุ ทรรศนใ์ ชแ้ สง การบอกแนวทาง ในเลอื ดโดยการศกึ ษาเซลล์ ในการดูแลรกั ษา ทางานของไตและโครงสร้าง อวยั วะในระบบ ๓. อธิบายการต่างๆ ภายใน หายใจให้ ควบคุมดลุ ยภาพเซลล์ ทางานปน็ ปกติ ของกรด-เบสของ๓. อธบิ าย ๔. ระบอุ วัยวะและ เลอื ดโดยการความสัมพนั ธ์ บรรยายหน้าทีข่ อง ทางานของไตระหวา่ งรูปร่างกับ อวัยวะในระบบ และปอดการทาหน้าทขี่ อง ขับถ่ายในการ ๔. อธบิ ายการเซลล์ กาจัดของเสยี ทาง ควบคุมดลุ ยภาพ๔. อธิบายการ ไต ของอุณหภมู ิจัดระบบของ ๕. ตระหนักถึงความ ภายในร่างกายโดยสิง่ มีชีวติ โดย สาคัญของระบบ ระบบหมนุ เวยี นเร่ิมจากเซลล์ ขับถา่ ยในการ เลือด ผวิ หนงัเน้อื เย่อื อวัยวะ กาจดั ของเสยี ทาง และกลา้ มเนอ้ืระบบอวยั วะ ไตโดยการบอก โครงร่างจนเปน็ ส่งิ มชี ีวิต แนวทางใน ๕. อธบิ ายและ๕. อธิบาย การปฏิบตั ิตนท่ี เขียนแผนผงักระบวนการแพร่ ชว่ ยใหร้ ะบบ เกีย่ วกบั การและออสโมซสิ ขบั ถา่ ยทา ตอบสนองของจากหลักฐานเชิง หนา้ ท่ไี ดอ้ ยา่ งปกติ ร่างกายแบบไม่ประจกั ษ์ และยก ๖. บรรยาย จาเพาะและแบบตัวอย่างการแพร่ โครงสรา้ ง จาเพาะตอ่ สิ่ง
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชี้วัด ฯ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔๗สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพมาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสงิ่ มีชวี ติ หน่วยพื้นฐานของส่งิ มีชวี ิต การลาเลยี งสารผ่านเซลล์ ความสมั พนั ธ์ของ โครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ โครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องอวยั วะตา่ งๆ ของพชื ทที่ างานสัมพนั ธ์กัน รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้ีวัดช้ันปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖และออสโมซสิ ใน และหนา้ ทข่ี อง แปลกปลอมของชีวติ ประจาวนั หวั ใจ หลอดเลือด ร่างกาย๖. ระบปุ ัจจัยที่ และเลือด ๖. สืบค้นขอ้ มูลจาเป็นในการ ๗. อธิบายการทางาน อธบิ ายและสงั เคราะหด์ ว้ ย ของระบบ ยกตัวอยา่ งโรคแสงและผลผลติ หมนุ เวียนเลอื ด หรอื อาการท่ีเกิดท่ีเกดิ ข้ึนจากการ โดยใชแ้ บบ จากความผดิ ปกติ อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์สงั เคราะหด์ ว้ ย จาลอง ของระบบแสง โดยใช้ ๘. ออกแบบการ ภมู ิคุ้มกันหลักฐานเชิง ทดลองและ ๗. อธบิ ายภาวะประจกั ษ์ ทดลองในการ ภมู คิ ้มุ กัน๗. อธิบาย เปรยี บเทยี บ บกพร่องท่ีมีความสาคญั ของ อัตราการเต้นของ สาเหตุมาจากการสังเคราะห์ หัวใจขณะปกติ การตดิ เช้อื HIVด้วยแสงของพืช และหลังทา ๘. ทดสอบและบอกต่อสิ่งมีชวี ิตและ กจิ กรรม ชนิดของสง่ิ แวดลอ้ ม ๙. ตระหนักถึงความ สารอาหารท่พี ืช๘. ตระหนักใน สาคัญของระบบ สงั เคราะหไ์ ด้คณุ คา่ ของพืชท่ีมี หมุนเวียนเลือด ๙. สืบค้นข้อมลูต่อสง่ิ มีชีวติ โดย การบอก อภปิ ราย และยกและสงิ่ แวดล้อม แนวทางในการ ตวั อยา่ งเกีย่ วกบัโดยการร่วมกัน ดูแลรักษา การใช้ประโยชน์ปลูกและดแู ล อวยั วะในระบบ จากสารตา่ งๆ ท่ีรักษาตน้ ไมใ้ น หมุนเวียนเลอื ดให้ พืชบางชนิดสร้างโรงเรียนและ ทางานเป็นปกติ ขึน้ชมุ ชน ๑๐. ระบอุ วัยวะและ ๑๐. ออกแบบการ๙. บรรยายลักษณะ บรรยายหนา้ ทีข่ อง ทดลอง ทดลองและหน้าทีข่ อง อวยั วะในระบบ และอธิบายไซเลม็ และโฟล ประสาทส่วนกลาง เกย่ี วกบั ปัจจัยเอ็ม ในการควบคมุ การ ภายนอกทีม่ ีผลตอ่๑๐. เขียนแผนภาพ ทางานต่าง ๆ ของ การเจรญิ เตบิ โตทบ่ี รรยาย รา่ งกาย ของพืชทศิ ทางการ ๑๑. ตระหนักถงึ ๑๑. สบื คน้ ขอ้ มลูลาเลียงสารใน ความสาคญั ของ เกีย่ วกับสารไซเลม็ และ ระบบประสาท ควบคมุ การโฟลเอม็ ของพชื โดยการบอก เจริญเติบโตของ๑๑. อธบิ ายการ พชื ที่มนษุ ย์
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ัด ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔๘สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพมาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบตั ิของสิง่ มชี วี ติ หน่วยพืน้ ฐานของสิ่งมชี วี ติ การลาเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพนั ธข์ อง โครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ โครงสร้างและหนา้ ท่ขี องอวัยวะตา่ งๆ ของพืชท่ีทางานสัมพนั ธ์กนั รวมทัง้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ชี้วดั ชัน้ ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖สืบพันธ์แุ บบ แนวทางในการ สงั เคราะห์ข้นึ และอาศัยเพศและไม่ ดูแลรกั ษา รวมถึง ยกตัวอยา่ งการอาศยั เพศของ การป้องกนั การ นามาประยุกต์ใช้พชื ดอก กระทบกระเทอื น ทางดา้ น๑๒. อธิบาย และอันตรายตอ่ การเกษตรของพืชลกั ษณะ สมองและไขสนั ๑๒. สงั เกตและโครงสร้างของ หลงั อธบิ ายการ อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ดอกทีม่ ีสว่ นทา ๑๒. ระบุอวยั วะและ ตอบสนองของใหเ้ กดิ การถ่าย บรรยายหน้าท่ีของ พืชต่อสิ่งเร้าในเรณู รวมทัง้ อวัยวะในระบบ รูปแบบต่าง ๆ ท่มี ีบรรยายการ สืบพนั ธุข์ องเพศ ผลตอ่ การปฏสิ นธิของพชื ชายและเพศหญิง ดารงชีวิตดอก การเกดิ โดยใชแ้ บบจาลองผลและเมลด็ ๑๓. อธบิ ายผลของการกระจาย ฮอร์โมนเพศชายเมลด็ และการ และเพศหญิงท่ีงอกของเมล็ด ควบคุมการ๑๓. ตระหนักถงึ เปล่ียนแปลงของความสาคญั ของ รา่ งกายเม่อื เขา้ สู่สัตว์ทช่ี ่วยในการ วัยหนุม่ สาวถ่ายเรณูของพืช ๑๔. ตระหนกั ถงึ การดอก โดยการไม่ เปลี่ยนแปลงของทาลายชวี ติ ของ ร่างกายเม่ือเขา้ สู่สตั วท์ ่ีช่วยใน วัยหนมุ่ สาวโดยการถ่ายเรณู การดูแลรกั ษา๑๔. อธิบาย ร่างกายและจติ ใจความสาคัญ ของตนเองในชว่ งของธาตุอาหาร ทม่ี ีการบางชนดิ ทีม่ ีผล เปล่ียนแปลงตอ่ การ ๑๕. อธบิ ายการเจรญิ เตบิ โตและ ตกไข่ การมีการดารงชวี ิต ประจาเดือน การของพืช ปฏิสนธิ และการ๑๕. เลอื กใช้ปุ๋ยทม่ี ี พฒั นาของไซโกตธาตุอาหาร จนคลอดเป็นทารกเหมาะสมกับ ๑๖. เลือกวธิ ีการพชื ใน คุมกาเนิดที่
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ัด ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๔๙สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพมาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมชี ีวติ หนว่ ยพ้ืนฐานของส่งิ มีชีวิต การลาเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพนั ธ์ของ โครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ โครงสรา้ งและหนา้ ทีข่ องอวัยวะตา่ งๆ ของพชื ท่ที างานสมั พันธ์กนั รวมทง้ั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้วี ัดชน้ั ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖สถานการณท์ ่ี เหมาะสมกบักาหนด สถานการณ์ท่ี๑๖. เลือกวธิ กี าร กาหนดขยายพันธุพ์ ืชให้ ๑๗. ตระหนกั ถึงผลเหมาะสมกบั กระทบของการความตอ้ งการ ตัง้ ครรภ์กอ่ นวัยของมนษุ ย์ โดย อนั ควร โดยการ อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ใช้ความรู้ ประพฤติตนให้เกยี่ วกบั การ เหมาะสมสืบพนั ธขุ์ องพชื๑๗. อธบิ ายความสาคญัของเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเน้ือเยอื่ พืชในการใช้ประโยชน์ด้านตา่ ง ๆ๑๘. ตระหนักถึงประโยชนข์ องการขยายพนั ธุพ์ ชืโดยการนาความรู้ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั
มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวัด ฯ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕๐สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพมาตรฐาน ว ๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการและความสาคญั ของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธกุ รรมการเปลยี่ นแปลงทางพนั ธกุ รรมท่ีมีผลตอ่ ส่ิงมชี วี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวฒั นาการของสิ่งมชี วี ติ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชีว้ ัดช้ันปีป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖- ๑. เปรยี บเทยี บ - ๑. จาแนกสิ่งมชี วี ิต ๑. อธิบายลกั ษณะ -ลักษณะของ โดยใชค้ วามเหมือน ทางพนั ธกุ รรมท่มี ีสิ่งมชี ีวติ และความแตกต่าง การถ่ายทอดจากและสิง่ ไมม่ ีชวี ิต ของลกั ษณะของ พ่อแม่สูล่ ูกของจากขอ้ มูลที่ สิ่งมีชีวิต ออกเป็น พืช สตั ว์ และรวบรวมได้ กลุ่มพืช กลมุ่ สตั ว์ มนุษย์ และกลมุ่ ทไ่ี มใ่ ช่พชื ๒. แสดงความอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ และสตั ว์ อยากรูอ้ ยากเห็น ๒. จาแนกพชื โดยการถาม ออกเป็นพชื ดอก คาถามเกีย่ วกบั และพชื ไมม่ ีดอก ลักษณะท่ี โดยใชก้ ารมดี อก คล้ายคลึงกนั ของ เป็นเกณฑ์ โดยใช้ ตนเองกบั พ่อแม่ ขอ้ มลู ที่รวบรวมได้ ๓. จาแนกสัตว์ ออกเปน็ สัตวม์ ี กระดกู สันหลงั และ สตั วไ์ ม่มกี ระดูกสนั หลงั โดยใชก้ ารมี กระดูกสนั หลังเปน็ เกณฑ์ โดยใช้ ขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้ ๔. บรรยายลกั ษณะ เฉพาะทีส่ ังเกตได้ ของสัตว์มกี ระดกู สันหลังในกลมุ่ ปลา กลมุ่ สตั วส์ ะเทนิ นา้ สะเทนิ บก กลมุ่ สัตวเ์ ลอื้ ยคลาน กล่มุ นก และกล่มุ สัตว์เล้ียงลกู ดว้ ย น้านม และ ยกตวั อย่าง สิ่งมชี ีวิตในแต่ละ กลมุ่
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชีว้ ัด ฯ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕๑สาระท่ี ๑ วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพมาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพนั ธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลตอ่ ส่งิ มีชวี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและววิ ฒั นาการ ของสง่ิ มชี วี ติ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ชี้วดั ชน้ั ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖- - ๑. อธิบายความ ไมเ่ นน้ วทิ ยาศาสตร์ - - สมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ๑. อธบิ ายความ ยนี ดเี อน็ เอ สัมพนั ธ์ระหวา่ งยีน และโครโมโซม การสังเคราะห์ โดยใช้ โปรตนี และลักษณะ แบบจาลอง ทางพันธกุ รรมอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ ๒. อธบิ ายการ ๒. อธิบายหลักการ ถ่ายทอด ลักษณะ ถ่ายทอดลกั ษณะ ทางพนั ธกุ รรมจาก ท่ถี ูกควบคุมดว้ ย การผสมโดย ยนี ท่ีอยู่บน พจิ ารณาลักษณะ โครโมโซมเพศ เดียวทแ่ี อลลีลเด่น และมลั ติเปิล ข่มแอลลลี ดอ้ ย แอลลลี อย่างสมบูรณ์ ๓. อธิบายผลทีเ่ กดิ ๓. อธิบายการเกดิ จากการเปล่ียนแปลง จโี นไทปแ์ ละ ลาดบั นิวคลโี อไทด์ ฟีโน-ไทป์ของลูก ในดเี อ็นเอตอ่ การ และคานวณ แสดงลกั ษณะของ อัตราส่วนการ สิง่ มชี ีวติ เกิดจีโนไทป์ ๔. สบื ค้นขอ้ มลู และ และฟโี นไทป์ของ ยกตัวอยา่ งการ ร่นุ ลกู นามิวเทชนั ไปใช้ ๔. อธบิ ายความ ประโยชน์ แตกต่างของการ ๕. สืบคน้ ขอ้ มลู และ แบง่ เซลลแ์ บบ อภิปรายผลของ ไมโทซสิ และไมโอ เทคโนโลยที างดี ซิส เอน็ เอทีม่ ตี อ่ มนษุ ย์ ๕. บอกได้วา่ การ และสิง่ แวดล้อม เปลีย่ นแปลงของ ๖. สืบคน้ ขอ้ มลู ยีนหรือโครโมโซม อธิบาย และ อาจทาให้เกดิ โรค ยกตวั อย่างความ ทางพันธกุ รรม หลากหลายของ พรอ้ มทง้ั สิ่งมชี ีวติ ซ่ึงเปน็ ยกตัวอย่างโรคทาง ผลมาจาก พนั ธกุ รรม วิวัฒนาการ
มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ัด ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕๒สาระท่ี ๑ วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์มาตรฐาน ว ๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการและความสาคญั ของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพนั ธกุ รรม การเปลยี่ นแปลงทางพันธกุ รรมที่มีผลต่อส่ิงมชี วี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการ ของสง่ิ มชี ีวิต รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชี้วัดชนั้ ปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ ๖. ตระหนักถึง ประโยชน์ของ ความรูเ้ ร่อื งโรค ทางพนั ธุกรรม โดย รูว้ า่ ก่อนแตง่ งาน ควรปรึกษาแพทย์ เพ่อื ตรวจและ วนิ ิจฉยั ภาวะเสย่ี ง ของลูกทีอ่ าจเกดิ โรคทางพนั ธกุ รรม ๗. อธิบายการใช้ ประโยชน์จาก สิ่งมชี วี ติ ดัดแปร พันธกุ รรมและ ผลกระทบท่ีอาจ มีตอ่ มนษุ ย์และ สง่ิ แวดล้อม โดย ใช้ข้อมลู ที่ รวบรวมได้ ๘. ตระหนกั ถงึ ประโยชนแ์ ละ ผลกระทบของ ส่งิ มชี ีวติ ดดั แปร พันธกุ รรมท่อี าจ มีต่อมนษุ ยแ์ ละ สิ่งแวดล้อม โดย การเผยแพร่ ความร้ทู ่ไี ดจ้ าก การโต้แยง้ ทาง วิทยาศาสตร์ซ่งึ มี ข้อมลู สนับสนุน ๙. เปรยี บเทยี บ ความหลากหลาย ทางชีวภาพใน ระดบั ชนิด สงิ่ มีชีวติ ในระบบ นิเวศต่าง ๆ
มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวชี้วัด ฯ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕๓สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพมาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสาคญั ของการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม สารพนั ธุกรรม การเปลยี่ นแปลงทางพนั ธุกรรมที่มผี ลตอ่ สิง่ มชี ีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและวิวัฒนาการ ของสิง่ มชี ีวติ รวมทง้ั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้ีวดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ ๑๐. อธบิ ายความ สาคญั ของความ หลากหลายทาง ชวี ภาพท่มี ตี ่อ การรักษาสมดลุ ของระบบนเิ วศ และตอ่ มนุษย์ ๑๑. แสดงความ ตระหนักในคณุ คา่ และความสาคญั ของความ หลากหลายทาง ชวี ภาพ โดยมสี ่วน ร่วมในการดแู ล รักษาความ หลากหลายทาง ชีวภาพอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕๔สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพมาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี ตวั ช้วี ดั ชั้นปีป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖๑. อธบิ ายสมบัติท่ี ๑. เปรยี บเทียบ ๑. อธบิ ายวา่ วัตถุ ๑. เปรยี บเทียบสมบตั ิ ๑. อธบิ ายการ ๑. อธิบายและสงั เกตได้ของ สมบัตกิ ารดดู ซับ ประกอบขึ้น ทางกายภาพ ด้าน เปล่ียนสถานะ เปรยี บเทยี บการวสั ดทุ ่ใี ชท้ าวัตถุ นา้ ของวัสดุโดย จากช้ินสว่ น ความแขง็ สภาพ ของสสารเมอื่ ทา แยกสารผสมโดยซ่ึงทาจากวัสดุ ใช้หลักฐานเชิง ยอ่ ย ๆ ซ่งึ ยืดหยุ่น การนา ใหส้ สารรอ้ นขน้ึ การหยิบออกชนดิ เดยี วหรอื ประจกั ษ์ และ สามารถแยก ความรอ้ น และการ หรือเย็นลง โดย การร่อน การใช้หลายชนดิ ระบุการนา ออกจากกนั ได้ นาไฟฟา้ ของวสั ดุ ใชห้ ลกั ฐานเชิง แม่เหลก็ ดึงดูดประกอบกันโดย สมบตั ิการดดู ซบั และประกอบ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ การรินออก การ อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ใช้หลักฐานเชงิ นา้ ของวสั ดุไป กนั เปน็ วตั ถุชิ้น ประจักษจ์ ากการ ๒. อธิบายการ กรอง และการประจักษ์ ประยุกต์ใช้ใน ใหม่ได้ โดยใช้ ทดลองและระบุ ละลายของสาร ตกตะกอน โดย๒. ระบชุ นดิ ของ การทาวตั ถุใน หลกั ฐานเชิง การนาสมบตั เิ ร่ือง ในน้า โดยใช้ ใชห้ ลกั ฐานเชงิวสั ดแุ ละจัดกลมุ่ ชีวิตประจาวัน ประจกั ษ์ ความแขง็ สภาพ หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ รวมทงั้วสั ดุตามสมบตั ิท่ี ๒. อธบิ ายสมบตั ิท่ี ๒. อธบิ ายการ ยดื หยนุ่ การนา ประจกั ษ์ ระบุวธิ แี ก้ปัญหาสงั เกตได้ สงั เกตไดข้ องวสั ดุ เปลีย่ นแปลง ความร้อน และการ ๓. วิเคราะห์การ ในชีวติ ประจาวัน ท่ีเกิดจากการนา ของวสั ดุเมือ่ ทา นาไฟฟ้าของวัสดุ เปล่ยี นแปลงของ เก่ยี วกับการแยก วัสดุมาผสมกัน ใหร้ อ้ นข้ึนหรอื ไปใช้ใน สารเมอื่ เกิดการ สาร โดยใชห้ ลักฐาน ทาให้เยน็ ลง ชีวิตประจาวัน เปลี่ยนแปลงทาง เชงิ ประจักษ์ โดยใช้หลกั ฐาน ผา่ นกระบวนการ เคมี โดยใช้ ๓. เปรยี บเทยี บ เชงิ ประจกั ษ์ ออกแบบชนิ้ งาน หลกั ฐานเชงิ สมบตั ิทสี่ ังเกตได้ ๒. แลกเปลี่ยน ประจักษ์ ของวัสดุเพ่อื ความคดิ กับผอู้ นื่ ๔. วิเคราะห์และ นามาทาเป็นวตั ถุ โดยการอภปิ ราย ระบกุ าร ในการใชง้ านตาม เกี่ยวกบั สมบตั ิทาง เปล่ยี นแปลงท่ี วตั ถุประสงค์ กายภาพของวสั ดุ ผนั กลบั ไดแ้ ละ และอธบิ ายการ อยา่ งมเี หตผุ ลจาก การเปลย่ี นแปลง นาวัสดุที่ใชแ้ ล้ว การทดลอง ท่ีผันกลับไมไ่ ด้ กลับมาใชใ้ หม่ ๓. เปรยี บเทยี บ โดยใช้หลกั ฐาน สมบัติของสสารท้ัง เชงิ ประจกั ษ์ ๓ สถานะ จาก ๔. ตระหนกั ถงึ ขอ้ มลู ทีไ่ ดจ้ ากการ ประโยชนข์ อง สังเกตมวล การ การนาวัสดทุ ใี่ ช้ ตอ้ งการที่อยู่ แลว้ กลบั มาใช้ รูปรา่ งและปรมิ าตร ใหม่ โดยการนา ของสสาร วสั ดทุ ่ใี ชแ้ ล้ว ๔. ใช้เคร่ืองมอื เพือ่ กลับมาใช้ใหม่ วดั มวล และ ปริมาตรของสสาร ทั้ง ๓ สถานะ
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัด ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕๕สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพมาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ตัวช้วี ัดช้นั ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖๑. อธิบายสมบัติ ๑. อธิบายการแยก ๑. ระบสุ มบตั ทิ าง - ไม่เน้นวทิ ยาศาสตร์ -ทางกายภาพบาง สารผสมโดยการ กายภาพและการ ๑. ระบุว่าสารเปน็ประการของธาตุ ระเหยแหง้ การตก ใช้ประโยชน์วัสดุ ธาตุหรือโลหะ อโลหะ ผลกึ การกลัน่ ประเภทพอลเิ มอร์ สารประกอบ และและกึง่ โลหะ โดย อยา่ งง่าย เซรามกิ สแ์ ละวัสดุ อยูใ่ นรปู อะตอมใชห้ ลกั ฐานเชิง โครมาโทกราฟี ผสม โดยใช้ โมเลกุล หรอื อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ประจกั ษท์ ี่ไดจ้ าก แบบกระดาษ การ หลักฐานเชิง ไอออน จากสูตรการสังเกตและ สกัดด้วยตวั ทา ประจักษแ์ ละ เคมีการทดสอบ และ ละลาย โดยใช้ สารสนเทศ ๒. เปรยี บเทยี บความใชส้ ารสนเทศท่ี หลกั ฐานเชงิ ๒. ตระหนกั ถงึ คุณค่า เหมือนและความไดจ้ ากแหล่งขอ้ มลู ประจักษ์ ของการใช้วัสดุ แตกตา่ งของต่าง ๆ รวมทงั้ จดั ๒. แยกสารโดยการ ประเภทพอลเิ มอร์ แบบจาลองกลมุ่ ธาตเุ ป็น ระเหยแห้ง การตก เซรามกิ ส์ และวัสดุ อะตอมของโบร์กับโลหะ อโลหะ ผลึก การกล่นั ผสม โดย แบบจาลองและก่งึ โลหะ อย่างงา่ ย เสนอแนะแนว อะตอมแบบกลมุ่๒. วิเคราะหผ์ ลจาก โครมาโทกราฟี ทางการใชว้ สั ดุ หมอกการใชธ้ าตโุ ลหะ แบบกระดาษ อย่างประหยดั และ ๓. ระบจุ านวนอโลหะ ก่งึ โลหะ การสกดั ด้วยตวั ทา คมุ้ คา่ โปรตอน นวิ ตรอนและธาตุ ละลาย ๓. อธบิ ายการเกดิ และอเิ ลก็ ตรอนกมั มันตรงั สี ทม่ี ี ๓. นาวธิ กี ารแยกสาร ปฏกิ ิรยิ าเคมี ของอะตอม และต่อสง่ิ มชี วี ิต ไปใชแ้ ก้ปญั หาใน รวมถงึ การจัดเรียง ไอออนท่เี กิดจากสิ่งแวดล้อม ชีวติ ประจาวนั โดย ตัวใหม่ของอะตอม อะตอมเดยี วเศรษฐกจิ และ บรู ณาการ เมอ่ื การเกดิ ๔. เขยี นสัญลักษณ์สงั คม จากข้อมลู วิทยาศาสตร์ ปฏิกริ ิยาเคมี โดย นวิ เคลยี รข์ องธาตุทีร่ วบรวมได้ คณิตศาสตร์ ใช้แบบจาลองและ และระบกุ ารเป็น๓. ตระหนักถึง เทคโนโลยี และ สมการขอ้ ความ ไอโซโทปคุณคา่ ของการใช้ วิศวกรรมศาสตร์ ๔. อธบิ ายกฎทรง ๕. ระบหุ ม่แู ละคาบธาตโุ ลหะ อโลหะ ๔. ออกแบบการ มวล โดยใช้ ของธาตุ และระบุกึ่งโลหะ ธาตุ ทดลองและทดลอง หลกั ฐานเชงิ ว่าธาตเุ ป็นโลหะกัมมนั ตรงั สี โดย ในการอธิบายผล ประจักษ์ อโลหะ กงึ่ โลหะเสนอแนวทาง ของชนดิ ตัวละลาย ๕. วิเคราะห์ กลมุ่ ธาตเุ รพรเี ซนการใชธ้ าตอุ ยา่ ง ชนิดตัวทาละลาย ปฏิกิรยิ าดดู ความ เททีฟ หรือกลมุ่ปลอดภยั คมุ้ ค่า อณุ หภมู ิ ที่มตี อ่ รอ้ น และ ธาตุแทรนซิชนั๔. เปรยี บเทยี บ สภาพละลายได้ ปฏกิ ริ ิยาคาย จากตารางธาตุจดุ เดอื ด จดุ ของสาร รวมท้งั ความร้อน จาก ๖. เปรยี บเทียบหลอมเหลวของ อธิบายผลของ การเปลยี่ นแปลง สมบัตกิ ารนา
มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ัด ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕๖สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพมาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี ตัวชีว้ ัดชั้นปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖สารบริสุทธิแ์ ละ ความดันทมี่ ีตอ่ พลังงานความ ไฟฟา้ การให้และสารผสม โดยการ สภาพละลายได้ ร้อนของปฏิกริ ยิ า รบั อิเล็กตรอนวัดอุณหภมู ิ เขียน ของสารโดยใช้ ๖. อธบิ ายปฏกิ ริ ยิ า ระหวา่ งธาตุ ในกราฟ แปล สารสนเทศ การเกิดสนมิ ของ กลุ่มโลหะกบัความหมาย ๕. ระบุปริมาณตัว เหลก็ ปฏิกริ ิยา อโลหะขอ้ มูลจากกราฟ ละลายใน ของกรดกับโลหะ ๗. สืบค้นข้อมลู และหรอื สารสนเทศ สารละลายใน ปฏิกิรยิ าของกรด นาเสนอตัวอย่าง อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์๕. อธบิ ายและ หน่วยความเขม้ ข้น กบั เบส และ ประโยชน์และเปรยี บเทยี บ เป็นร้อยละ ปฏกิ ริ ยิ าของเบส อนั ตรายท่ีเกดิ จากความหนาแน่น ปริมาตรต่อ กบั โลหะ โดยใช้ ธาตเุ รพรเี ซนเททฟีของสารบรสิ ุทธิ์ ปริมาตร มวลต่อ หลักฐานเชิง และธาตแุ ทรนซิชนัและสารผสม มวล และมวลต่อ ประจักษ์ และ ๘. ระบุวา่ พนั ธะ๖. ใช้เครอ่ื งมอื เพ่อื ปริมาตร อธบิ ายปฏกิ ิรยิ า โคเวเลนต์เป็นวดั มวลและ ๖. ตระหนักถึง การเผาไหม้ การ พันธะเด่ยี วปรมิ าตรของสาร ความสาคญั ของ เกิดฝนกรด การ พันธะคู่ หรือบริสุทธแ์ิ ละสาร การนาความรเู้ ร่ือง สงั เคราะห์ด้วย พนั ธะสาม และผสม ความเขม้ ข้นของ แสง โดยใช้ ระบุจานวนคู่๗. อธิบายเกยี่ วกบั สารไปใช้ โดย สารสนเทศ อิเล็กตรอนความสมั พนั ธ์ ยกตัวอย่างการใช้ รวมทัง้ เขยี น ระหว่างอะตอมคู่ระหวา่ งอะตอม สารละลายใน สมการข้อความ ร่วมพันธะ จากธาตุ และ ชีวิตประจาวนั แสดงปฏิกริ ิยา สูตรโครงสรา้ งสารประกอบ อยา่ งถกู ตอ้ งและ ดังกล่าว ๙. ระบสุ ภาพข้ัวโดยใช้ ปลอดภัย ๗. ระบุประโยชน์ ของสารที่โมเลกลุแบบจาลองและ และโทษของ ประกอบดว้ ย ๒สารสนเทศ ปฏกิ ริ ิยาเคมีทมี่ ตี ่อ อะตอม๘. อธบิ ายโครงสรา้ ง สง่ิ มีชวี ิตและ ๑๐. ระบสุ ารทเ่ี กดิอะตอมท่ี สิ่งแวดล้อม และ พนั ธะไฮโดรเจนประกอบดว้ ย ยกตัวอย่างวิธกี าร ไดจ้ ากสูตรโปรตอน นิวตรอน ป้องกนั และ โครงสรา้ งและอเิ ลก็ ตรอน แกป้ ญั หาท่เี กดิ ๑๑. อธิบายโดยใช้แบบจาลอง จากปฏิกิรยิ าเคมที ี่ ความสัมพนั ธ์๙. อธบิ ายและ พบใน ระหวา่ งจุดเดือดเปรียบเทยี บการ ชีวิตประจาวัน ของสารโคเวเลนต์จดั เรยี งอนภุ าค จากการสืบค้น กับแรงดึงดดูแรงยดึ เหนยี่ ว ขอ้ มลู ระหว่างโมเลกลุระหวา่ งอนุภาค ๘. ออกแบบวธิ ีแก้ ตามสภาพขวั้และการเคลอ่ื นที่ ปญั หาในชีวติ
มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชวี้ ัด ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕๗สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพมาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี ตัวชีว้ ดั ชั้นปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ของอนภุ าคของ ประจาวันโดยใช้ หรือการเกดิสสารชนดิ ความรู้เกย่ี วกับ พันธะไฮโดรเจนเดียวกนั ใน ปฏิกริ ิยาเคมี โดย ๑๒. เขยี นสตู รเคมีสถานะของแขง็ บูรณาการ ของไอออนและของเหลว และ วทิ ยาศาสตร์ สารประกอบแก๊ส โดยใช้ คณติ ศาสตร์ ไอออนกิแบบจาลอง เทคโนโลยี และ ๑๓. ระบวุ ่าสารเกดิ อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์๑๐. อธิบาย วิศวกรรมศาสตร์ การละลายแบบความสัมพนั ธ์ แตกตวั หรือไมแ่ ตกระหว่างพลงั งาน ตวั พรอ้ มให้ความรอ้ นกบั การ เหตุผลและระบุวา่เปล่ยี นสถานะของ สารละลายท่ีได้สสาร โดยใช้ เป็นสารละลายหลกั ฐานเชิง อิเล็กโทรไลต์ หรือประจักษแ์ ละ นอนอเิ ลก็ โทรไลต์แบบจาลอง ๑๔. ระบุ สารประกอบ อนิ ทรีย์ประเภท ไฮโดรคารบ์ อนว่า อ่มิ ตัวหรอื ไม่ อ่มิ ตวั จากสตู ร โครงสรา้ ง ๑๕. สบื คน้ ข้อมลู และเปรยี บเทียบ สมบตั ทิ าง กายภาพระหวา่ ง พอลเิ มอรแ์ ละ มอนอเมอร์ของ พอลเิ มอรช์ นิด นัน้ ๑๖. ระบสุ มบตั ิ ความเป็นกรด- เบสจาก โครงสร้างของ สารประกอบ อินทรยี ์
มาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวช้วี ดั ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕๘สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ตวั ชีว้ ดั ช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ ๑๗. อธิบายสมบตั ิ การละลายในตวั ทาละลายชนดิ ต่าง ๆ ของสาร ๑๘. วเิ คราะห์และ อธิบาย ความสัมพันธ์ ระหวา่ งโครงสร้าง กับสมบัตเิ ทอร์มอ พลาสตกิ และ เทอรม์ อเซตของ พอลิเมอร์ และการ นาพอลิเมอรไ์ ปใช้ ประโยชน์ ๑๙. สืบคน้ ข้อมลู และนาเสนอ ผลกระทบของ การใชผ้ ลิตภณั ฑ์ พอลิเมอรท์ มี่ ตี อ่ ส่ิงมีชีวติ และ สิ่งแวดล้อม พรอ้ มแนวทาง ปอ้ งกนั หรอื แก้ไข ๒๐. ระบสุ ตู รเคมี ของสารตงั้ ตน้ ผลติ ภณั ฑ์ และ แปลความหมาย ของสญั ลกั ษณ์ใน สมการเคมีของ ปฏิกริ ยิ าเคมี ๒๑. ทดลองและ อธิบายผลของ ความเข้มข้น พ้ืนทผ่ี ิว อุณหภูมิ และตัวเร่ง ปฏิกิริยา ที่มผี ล
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ัด ฯ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๕๙สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพมาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี ตัวชีว้ ดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ ตอ่ อตั ราการเกิด ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ๒๒. สบื ค้นข้อมลู และอธบิ ายปจั จยั ที่มผี ลต่ออตั รา การเกดิ ปฏิกริ ยิ า เคมีทใ่ี ช้ ประโยชน์ใน ชีวิตประจาวนั หรอื ใน อตุ สาหกรรม ๒๓. อธบิ าย ความหมายของ ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ ๒๔. อธบิ ายสมบตั ิ ของสาร กัมมนั ตรงั สี และ คานวณครง่ึ ชวี ิต และปรมิ าณของ สารกัมมนั ตรังสี ๒๕. สบื ค้นข้อมลู และนาเสนอ ตัวอย่าง ประโยชนข์ อง สารกมั มันตรังสี และการป้องกนั อันตรายที่เกดิ จาก กมั มันตภาพรังสีอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ัด ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖๐สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพมาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ติ ประจาวนั ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถุ ลักษณะการเคล่ือนท่แี บบต่างๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ดั ชนั้ ปีป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖- - ๑. ระบผุ ลของแรง ๑. ระบผุ ลของแรง ๑. อธบิ ายวธิ ีการหา ๑. อธิบายการเกดิ ท่ีมีต่อการ โนม้ ถ่วงทม่ี ตี ่อ แรงลพั ธข์ องแรง และผลของแรง เปล่ียนแปลง วัตถุจากหลักฐาน หลายแรงในแนว ไฟฟา้ ซ่ึงเกดิ จาก การเคล่อื นที่ของ เชิงประจักษ์ เดียวกันทีก่ ระทา วัตถทุ ผี่ ่านการ วัตถุจากหลกั ฐาน ๒. ใช้เครอื่ งช่ัง ต่อวตั ถใุ นกรณที ี่ ขัดถูโดยใช้ เชิงประจกั ษ์ สปรงิ ในการวัด วตั ถอุ ยูน่ ่ิงจาก หลกั ฐานเชิง ๒. เปรยี บเทียบและ น้าหนักของวัตถุ หลกั ฐานเชิง ประจักษ์ ยกตัวอย่างแรง ๓. บรรยายมวล ประจักษ์อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ สัมผสั และแรงไม่ ของวัตถทุ ม่ี ผี ล ๒. เขียนแผนภาพ สมั ผสั ท่มี ผี ลตอ่ ต่อการ แสดงแรงท่ี การเคลอ่ื นท่ีของ เปลีย่ นแปลงการ กระทาต่อวัตถทุ ่ี วัตถุโดยใช้ เคล่ือนทีข่ องวัตถุ อยูใ่ นแนว หลกั ฐานเชิง จากหลักฐานเชิง เดียวกันและแรง ประจกั ษ์ ประจกั ษ์ ลัพธท์ ีก่ ระทาตอ่ ๓. จาแนกวัตถุโดย วัตถุ ใชก้ ารดงึ ดูดกบั ๓. ใช้เครอื่ งชง่ั แม่เหลก็ เป็น สปรงิ ในการวัด เกณฑ์จาก แรงทก่ี ระทาตอ่ หลักฐานเชงิ วตั ถุ ประจักษ์ ๔. ระบผุ ลของแรง ๔. ระบุขั้วแมเ่ หล็ก เสียดทานทมี่ ตี ่อ และพยากรณผ์ ล การเปลย่ี นแปลง ทีเ่ กดิ ขน้ึ ระหว่าง การเคลื่อนทขี่ อง ขัว้ แมเ่ หล็กเม่ือ วตั ถจุ ากหลกั ฐาน นามาเข้าใกลก้ ัน เชิงประจักษ์ จากหลกั ฐานเชงิ ๕. เขยี นแผนภาพ ประจกั ษ์ แสดงแรงเสยี ด ทานและแรงท่ีอยู่ ในแนวเดียวกนั ที่ กระทาต่อวตั ถุ
มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชีว้ ดั ฯ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖๑สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพมาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวตั ถุ ลกั ษณะการเคลอ่ื นทแ่ี บบ ตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตวั ชี้วัดชนั้ ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖๑. สรา้ งแบบจาลอง ๑. พยากรณก์ าร - - ไม่เน้นวทิ ยาศาสตร์ -ท่อี ธิบาย เคลือ่ นท่ขี องวัตถุที่ ๑. วเิ คราะหแ์ ละความสัมพันธ์ เปน็ ผลของแรง แปลความหมายระหว่างความดัน ลพั ธท์ ีเ่ กิดจากแรง ขอ้ มูลความเร็วอากาศกบั ความ หลายแรงทก่ี ระทา กบั เวลาของการสงู จากพ้นื โลก ตอ่ วัตถุในแนว เคล่อื นท่ขี องวัตถุ เดียวกันจาก เพื่ออธบิ าย หลกั ฐานเชิง ความเร่งของวัตถุอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ ประจกั ษ์ ๒. สังเกตและอธิบาย ๒. เขียนแผนภาพ การหาแรงลัพธท์ ่ี แสดงแรงและแรง เกิดจากแรงหลาย ลพั ธ์ท่ีเกดิ จากแรง แรงท่อี ยู่ในระนาบ หลายแรงทก่ี ระทา เดยี วกันทก่ี ระทา ตอ่ วัตถุในแนว ตอ่ วัตถุโดยการ เดยี วกัน เขียนแผนภาพการ ๓. ออกแบบการ รวมแบบเวกเตอร์ ทดลองและทดลอง ๓. สังเกต วิเคราะห์ ดว้ ยวธิ ที ีเ่ หมาะสม และอธิบาย ในการอธิบาย ความสัมพันธ์ ปจั จยั ที่มีผลต่อ ระหว่างความเร่ง ความดนั ของ ของวัตถกุ บั แรง ของเหลว ลพั ธ์ทกี่ ระทาต่อ ๔. วเิ คราะหแ์ รงพยงุ วตั ถแุ ละมวลของ และการจม การ วัตถุ ลอยของวตั ถใุ น ๔. สังเกตและ ของเหลวจาก อธบิ ายแรงกิรยิ า หลักฐานเชิง และแรงปฏกิ ริ ิยา ประจักษ์ ระหว่างวตั ถคุ ู่ ๕. เขยี นแผนภาพ หนึง่ ๆ แสดงแรงทก่ี ระทา ๕. สังเกตและ ต่อวัตถใุ น อธบิ ายผลของ ของเหลว ความเรง่ ที่มตี อ่ ๖. อธิบายแรงเสียด การเคลื่อนที่แบบ ทานสถติ และแรง ตา่ ง ๆ ของวตั ถุ เสียดทานจลนจ์ าก ได้แก่ การ หลกั ฐานเชงิ เคลอื่ นทแ่ี นวตรง ประจักษ์ การเคลอ่ื นท่แี บบ โพรเจกไทล์ การ
มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้ีวดั ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖๒สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพมาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวตั ถุ ลกั ษณะการเคลอ่ื นที่แบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตัวชี้วดั ชั้นปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖๗. ออกแบบการ เคลื่อนทีแ่ บบทดลองและ วงกลม และการทดลองด้วยวิธีที่ เคลือ่ นทแ่ี บบสน่ัเหมาะสมในการ ๖. สบื คน้ ข้อมลู และอธิบายปัจจยั ท่มี ี อธิบายแรงโน้มผลต่อขนาดของ ถว่ งท่เี กย่ี วกบัแรงเสยี ดทาน การเคลอ่ื นทข่ี อง๘. เขยี นแผนภาพ วัตถุต่างๆ รอบอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์แสดงแรงเสียด โลกทานและแรงอนื่ ๆ ๗. สงั เกตและทก่ี ระทาตอ่ วตั ถุ อธบิ ายการเกดิ๙. ตระหนักถึง สนามแมเ่ หล็กประโยชนข์ อง เนอื่ งจากความรเู้ รอื่ งแรง กระแสไฟฟ้าเสียดทานโดย ๘. สงั เกตและวิเคราะห์ อธบิ ายแรงสถานการณ์ปญั หา แม่เหล็กที่กระทาและเสนอแนะ ต่ออนุภาคทีม่ ีวธิ ีการลดหรือเพิ่ม ประจไุ ฟฟา้ ที่แรงเสียดทานที่ เคลื่อนทใี่ นสนามเปน็ ประโยชน์ตอ่ แมเ่ หลก็ และแรงการทากิจกรรมใน แมเ่ หล็กท่กี ระทาชีวติ ประจาวัน ต่อลวดตวั นาทม่ี ี๑๐. ออกแบบการ กระแสไฟฟ้าผ่านทดลองและทดลอง ในสนามแมเ่ หล็กดว้ ยวิธีที่เหมาะสม รวมทั้งอธบิ ายในการอธบิ าย หลักการทางานโมเมนตข์ องแรง ของมอเตอร์เมอ่ื วัตถุอยใู่ น ๙. สงั เกตและสภาพสมดลุ ต่อ อธบิ ายการเกดิการหมนุ และ อเี อ็มเอฟ รวมท้งัคานวณโดยใช้ ยกตัวอยา่ งการสมการ M = Fl นาความรไู้ ปใช้๑๑. เปรียบเทียบ ประโยชน์แหล่งของ ๑๐. สบื ค้นข้อมลูสนามแมเ่ หลก็ และอธิบายแรงสนามไฟฟา้ และ เขม้ และแรงออ่ นสนามโนม้ ถว่ ง
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั ฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖๓สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพมาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวติ ประจาวัน ผลของแรงทก่ี ระทาตอ่ วตั ถุ ลกั ษณะการเคลือ่ นทแ่ี บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ชว้ี ัดช้นั ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖และทศิ ทางของแรงท่ีกระทาตอ่วัตถุที่อยูใ่ นแตล่ ะสนามจากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้๑๒. เขยี นแผนภาพแสดงแรงแม่เหล็กแรงไฟฟ้าและแรงอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์โน้มถว่ งทก่ี ระทาต่อวัตถุ๑๓. วิเคราะห์ ความสมั พนั ธ์ระหว่างขนาดของแรงแม่เหลก็ แรงไฟฟา้ และแรงโนม้ถว่ งทีก่ ระทาตอ่วตั ถทุ อี่ ยใู่ นสนามนัน้ ๆ กบัระยะห่างจากแหลง่ ของสนามถงึวัตถุจากข้อมูลท่ีรวบรวมได้๑๔. อธิบายและคานวณอัตราเร็วและความเรว็ ของการเคลือ่ นท่ขี องวัตถุโดยใช้สมการv s และv t s tจากหลกั ฐานเชิง ประจกั ษ์๑๕. เขยี นแผนภาพแสดงการกระจดัและความเร็ว
มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวชีว้ ดั ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖๔สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพมาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลยี่ นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสมั พันธ์ระหวา่ งสสาร และพลังงาน พลงั งานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณท์ เ่ี กี่ยวข้องกบั เสียง แสง และคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชวี้ ัดชน้ั ปีป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖๑. บรรยายการเกิด ๑. บรรยายแนวการ ๑. ยกตวั อย่างการ ๑. จาแนกวตั ถเุ ป็น ๑. อธิบายการได้ยิน ๑. ระบสุ ่วนประกอบเสียงและทศิ เคลือ่ นที่ของแสง เปลีย่ นพลังงาน ตวั กลางโปรง่ ใส เสยี งผา่ นตวั กลาง และบรรยายหนา้ ท่ีทางการเคลอื่ นที่ จากแหล่งกาเนดิ หน่ึงไปเป็นอกี ตวั กลางโปรง่ แสง จากหลักฐานเชิง ของแตล่ ะของเสียงจาก แสง และอธบิ าย พลังงานหนง่ึ จาก และวตั ถุทบึ แสง ประจกั ษ์ ส่วนประกอบของหลกั ฐานเชิง การมองเหน็ วตั ถุ หลกั ฐานเชงิ โดยใช้ลกั ษณะการ ๒. ระบตุ วั แปร วงจรไฟฟ้าอยา่ งประจักษ์ จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ มองเหน็ สงิ่ ต่าง ๆ ทดลองและ ง่ายจากหลกั ฐาน ประจกั ษ์ ๒. บรรยายการ ผา่ นวัตถนุ นั้ เป็น อธบิ ายลักษณะ เชงิ ประจกั ษ์อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ ๒. ตระหนกั ในคุณค่า ทางานของเครอื่ ง เกณฑ์จาก และการเกิด ๒. เขยี นแผนภาพ ของความรขู้ อง กาเนดิ ไฟฟ้าและ หลักฐานเชิง เสียงสงู เสียงต่า และตอ่ วงจรไฟฟ้า การมองเหน็ โดย ระบุแหล่ง ประจกั ษ์ ๓. ออกแบบการ อยา่ งง่าย เสนอแนะแนว พลังงานในการ ทดลองและ ๓. ออกแบบการ ทางการปอ้ งกนั ผลิตไฟฟ้าจาก อธิบายลกั ษณะ ทดลองและทดลอง อันตรายจากการ ข้อมลู ท่ีรวบรวม และการเกิด ดว้ ยวธิ ีทีเ่ หมาะสม มองวตั ถุทอี่ ยู่ใน ได้ เสยี งดัง เสียงค่อย ในการอธิบาย บริเวณทมี่ ีแสง ๓. ตระหนักใน ๔. วดั ระดับเสียง วธิ กี ารและผลของ สว่างไมเ่ หมาะสม ประโยชนแ์ ละ โดยใชเ้ ครอื่ งมือ การตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้า โทษของไฟฟ้า วัดระดบั เสยี ง แบบอนกุ รม โดยนาเสนอ ๕. ตระหนักใน ๔. ตระหนกั ถึง วธิ ีการใช้ไฟฟ้า คณุ ค่าของความรู้ ประโยชน์ของ อยา่ งประหยดั เร่ืองระดบั เสยี ง ความร้ขู องการตอ่ และปลอดภัย โดยเสนอแนะ เซลล์ไฟฟา้ แบบ แนวทางในการ อนกุ รมโดยบอก หลกี เลี่ยงและลด ประโยชนแ์ ละการ มลพษิ ทางเสียง ประยุกตใ์ ชใ้ น ชีวิตประจาวัน ๕. ออกแบบการ ทดลองและ ทดลองดว้ ยวธิ ีที่ เหมาะสมในการ อธิบายการต่อ หลอดไฟฟ้าแบบ อนกุ รมและแบบ ขนาน ๖. ตระหนักถงึ ประโยชน์ของ ความรขู้ องการ ตอ่ หลอดไฟฟ้า
มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้วี ดั ฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖๕สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพมาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสสาร และพลังงาน พลังงานในชวี ิตประจาวัน ธรรมชาติของคลนื่ ปรากฏการณ์ทเ่ี กี่ยวข้องกบั เสียง แสง และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชว้ี ดั ชน้ั ปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ แบบอนกุ รมและ แบบขนาน โดย บอกประโยชน์ ขอ้ จากดั และ การประยุกตใ์ ช้ ในชีวติ ประจาวัน ๗. อธบิ ายการเกดิ เงามืดเงามัวจาก หลักฐานเชิง ประจกั ษ์ ๘. เขียนแผนภาพ รังสีของแสง แสดงการเกดิ เงามดื เงามวัอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชีว้ ัด ฯ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖๖สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพมาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลยี่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสสาร และพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกับเสียง แสง และคลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทัง้ นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตัวชวี้ ัดชนั้ ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖๑. วิเคราะห์ แปล ๑. วิเคราะห์ ๑. วิเคราะหค์ วาม - ไม่เน้นวทิ ยาศาสตร์ -ความหมาย สถานการณ์และ สมั พนั ธ์ระหวา่ ง ๑. สบื คน้ ขอ้ มลู และข้อมูล และ คานวณเกี่ยวกับ ความต่างศกั ย์ อธบิ ายพลงั งานคานวณปรมิ าณ งานและกาลังท่ี กระแสไฟฟา้ และ นิวเคลยี ร์ ฟชิ ชนัความรอ้ นที่ทาให้ เกดิ จากแรงที่ ความต้านทาน และฟิวชันและสสารเปลีย่ น กระทาต่อวตั ถุ และคานวณ ความสมั พนั ธ์อณุ หภมู ิและ โดยใช้สมการ ปริมาณทเ่ี กี่ยวขอ้ ง ระหวา่ งมวลกบั อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์เปลี่ยนสถานะ W Fs และ โดยใช้สมการจาก พลงั งานท่ี โดยใช้สมการ P W จากขอ้ มูล หลักฐานเชงิ ปลดปลอ่ ยออกมา Q mct และ t ประจักษ์ จากฟิชชนั และฟิว ๒. เขียนกราฟความ ชนั Q mL ทรี่ วบรวมได้ สมั พนั ธ์ระหวา่ ง ๒. สบื ค้นข้อมลู และ กระแสไฟฟา้ และ อธบิ ายการเปลยี่ น๒. ใช้เทอร์มอ ๒. วเิ คราะห์ ความตา่ งศักย์ พลังงานทดแทน มิเตอรใ์ นการวดั ไฟฟ้า เป็นพลังงานไฟฟ้า อณุ หภูมิของ หลักการทางาน ๓. ใช้โวลต์มเิ ตอร์ รวมทง้ั สบื คน้ และ สสาร แอมมิเตอร์ ในการ อภิปรายเกย่ี วกบั ของเครื่องกล วดั ปรมิ าณทาง เทคโนโลยีอืน่ ๆ ท่ี๓. สรา้ งแบบจาลอง ไฟฟา้ นามาแกป้ ญั หา ท่ีอธบิ ายการ อย่างง่ายจาก ๔. วิเคราะหค์ วาม หรอื ตอบสนอง ขยายตัวหรอื หด ตา่ งศักย์ไฟฟา้ ความต้องการ ตัวของสสาร ขอ้ มูลท่ีรวบรวม และกระแสไฟฟ้า ทางด้านพลังงาน เนอ่ื งจากได้รบั ในวงจรไฟฟา้ เม่อื ๓. สงั เกตและ หรือสูญเสยี ความ ได้ ต่อตวั ตา้ นทาน อธิบายการ ร้อน หลายตัว แบบ สะทอ้ น การหกั เห ๓. ตระหนักถงึ อนุกรมและแบบ การเลยี้ วเบน๔. ตระหนกั ถึง ขนานจาก และการรวมคล่นื ประโยชนข์ อง ประโยชน์ของ หลักฐานเชงิ ๔. สงั เกตและอธิบาย ความรขู้ องการหด ประจกั ษ์ ความถธี่ รรมชาติ และขยายตัวของ ความรขู้ อง ๕. เขยี นแผนภาพ การสัน่ พอ้ ง และ สสารเน่อื งจาก วงจรไฟฟ้าแสดง ผลทีเ่ กดิ ขนึ้ จาก ความรอ้ นโดย เครอ่ื งกลอยา่ งง่าย การต่อตวั การสั่นพอ้ ง วิเคราะห์ ตา้ นทานแบบ ๕. สงั เกตและ สถานการณ์ปญั หา โดยบอกประโยชน์ อนุกรมและ อธบิ ายการ และเสนอแนะ ขนาน สะท้อน การหกั เห วธิ กี ารนาความรู้ และการ ๖. บรรยายการ การเลยี้ วเบน มาแก้ปญั หาใน ทางานของช้นิ สว่ น ชีวิตประจาวัน ประยุกตใ์ ช้ใน๕. วเิ คราะห์ ชีวติ ประจาวัน สถานการณก์ าร ถ่ายโอนความร้อน ๔. ออกแบบและ ทดลองดว้ ยวิธีท่ี เหมาะสมในการ อธบิ ายปัจจัยทมี่ ี ผลตอ่ พลังงาน จลนแ์ ละพลังงาน ศกั ย์โน้มถ่วง ๕. แปลความหมาย ข้อมูลและอธิบาย การเปลย่ี น พลงั งานระหว่าง พลังงานศักย์
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ัด ฯ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖๗สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพมาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ยี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งสสาร และพลงั งาน พลงั งานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ทีเ่ ก่ยี วข้องกบั เสยี ง แสง และคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมท้งั นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตัวชีว้ ดั ชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖และคานวณ โนม้ ถ่วงและ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ และการรวมคล่นืปริมาณความรอ้ น พลงั งานจลนข์ อง อย่างงา่ ยในวงจร ของคล่ืนเสียงท่ถี ่ายโอนระหว่าง วัตถุโดยพลงั งาน จากข้อมูลที่ ๖. สบื ค้นขอ้ มลู และสสารจนเกดิ สมดลุ กลของวัตถุมีค่า รวบรวมได้ อธบิ ายความรอ้ นโดยใช้ คงตัวจากข้อมูลท่ี ๗. เขียนแผนภาพ ความสมั พนั ธ์สมการ รวบรวมได้ และตอ่ ช้นิ สว่ น ระหวา่ งความเขม้Qสูญเสีย = Q ไดร้ บั ๖. วิเคราะห์ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เสียงกบั ระดบั เสยี ง และผลของความถ่ี๖. สรา้ งแบบจาลอง สถานการณ์และ อย่างง่ายในอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ท่อี ธบิ ายการถ่าย อธิบายการเปล่ียน วงจรไฟฟ้า กับระดบั เสียงทมี่ ีโอนความร้อนโดย และการถา่ ยโอน ๘. อธบิ ายและ ต่อการได้ยินเสยี งการนาความร้อน พลงั งานโดยใชก้ ฎ คานวณพลังงาน ๗. สงั เกตและการพาความร้อน การอนุรักษ์ ไฟฟ้าโดยใชส้ มการ อธิบายการเกดิการแผร่ งั สคี วาม พลังงาน รวมท้งั คานวณค่า เสียงสะท้อนกลับรอ้ น ไฟฟ้าของ บีต ดอปเพลอร์๗. ออกแบบ เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ใน และการสน่ั พ้องเลือกใช้และสร้าง บ้าน ของเสียงอุปกรณ์เพื่อ ๙. ตระหนกั ในคณุ ค่า ๘. สืบค้นข้อมูลและแก้ปญั หาใน ของการเลือกใช้ ยกตวั อย่างการนาชีวิตประจาวัน เคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ โดย ความรู้เก่ียวกับโดยใชค้ วามรู้ นาเสนอวธิ กี ารใช้ เสียงไปใช้เกยี่ วกบั การถา่ ย เครอื่ งใช้ไฟฟา้ ประโยชน์ในชวี ติโอนความรอ้ น อยา่ งประหยดั และ ประจาวนั ปลอดภัย ๙. สงั เกตและ ๑๐. สร้าง อธบิ ายการ แบบจาลองที่ มองเห็นสีของ อธิบายการเกดิ วตั ถุและความ คลน่ื และบรรยาย ผดิ ปกติในการ สว่ นประกอบของ มองเหน็ สี คลื่น ๑๐. สังเกตและ ๑๑. อธบิ ายคล่ืน อธิบายการ แมเ่ หล็กไฟฟ้า ทางานของแผน่ และสเปกตรมั กรองแสงสี การ คลืน่ แม่เหล็ก ผสมแสงสี การ ไฟฟ้าจากข้อมลู ท่ี ผสมสารสีและ รวบรวมได้ การนาไปใช้ ๑๒. ตระหนักถงึ ประโยชนใ์ นชีวิต ประโยชน์และ ประจาวัน
มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้ีวดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖๘สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพมาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณท์ เ่ี กี่ยวข้องกับเสยี ง แสงและคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทงั้ นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตวั ช้วี ัดชั้นปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ อนั ตรายจากคลน่ื ๑๑. สืบค้นข้อมลู แม่เหลก็ ไฟฟ้าโดย และอธิบายคลนื่ นาเสนอการใช้ แม่เหลก็ ไฟฟ้า ประโยชนใ์ นด้าน ส่วนประกอบคล่ืน ตา่ งๆ และ แม่เหล็กไฟฟ้า อันตรายจากคลน่ื และหลกั การ แม่เหลก็ ไฟฟ้าใน ทางานของอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ ชวี ติ ประจาวนั อุปกรณบ์ างชนดิ ท่ี ๑๓. ออกแบบการ อาศยั คล่ืน ทดลอง และ แมเ่ หล็กไฟฟ้า ดาเนินการทดลอง ๑๒. สบื คน้ ข้อมลู ด้วยวิธที ีเ่ หมาะสม และอธบิ ายการ ในการอธบิ ายกฎ สื่อสารโดยอาศยั การสะทอ้ นของ คลน่ื แม่เหล็ก แสง ไฟฟา้ ในการ ๑๔. เขยี นแผนภาพ สง่ ผ่านสารสนเทศ การเคลอ่ื นทข่ี อง และเปรยี บเทียบ แสงแสดงการเกิด การส่ือสารดว้ ย ภาพจากกระจกเงา สญั ญาณ ๑๕. อธิบายการ แอนะลอ็ กกบั หกั เหของแสงเม่อื สัญญาณดจิ ิทลั ผ่านตวั กลาง โปรง่ ใสท่ีแตกตา่ ง กัน และอธบิ าย การกระจายแสง ของแสงขาวเมื่อ ผา่ นปริซมึ จาก หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ๑๖. เขยี นแผนภาพ การเคลื่อนท่ขี อง แสงแสดงการเกดิ ภาพจากเลนส์ บาง ๑๗. อธบิ าย ปรากฏการณ์ที่ เก่ยี วกับแสงและ
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ัด ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๖๙สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพมาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งสสาร และพลงั งาน พลังงานในชวี ติ ประจาวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ท่เี กย่ี วข้องกบั เสยี ง แสง และคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า รวมท้งั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ การทางานของ ทัศนอุปกรณจ์ าก ข้อมลู ท่ีรวบรวม ได้ ๑๘. เขยี นแผนภาพ การเคลื่อนทข่ี อง แสงแสดงการเกดิ ภาพของทศั น- อปุ กรณแ์ ละ เลนสต์ า ๑๙. อธิบายผลของ ความสว่างทม่ี ีต่อ ดวงตาจากข้อมลู ทไ่ี ด้จากการ สบื คน้ ๒๐. วัดความสวา่ ง ของแสงโดยใช้ อปุ กรณ์วดั ความ สว่างของแสง ๒๑. ตระหนกั ใน คุณคา่ ของความรู้ เร่อื งความสวา่ ง ของแสง ทม่ี ตี ่อ ดวงตาโดย วิเคราะห์ สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะการ จัดความสวา่ งให้ เหมาะสมในการ ทากจิ กรรมตา่ ง ๆอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ดั ฯ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗๐สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศมาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสรุ ยิ ะ รวมทง้ั ปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสุริยะทส่ี ่งผลตอ่ ส่ิงมีชวี ิตและการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยี อวกาศ ตัวชีว้ ัดช้นั ปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖๑.ระบุดาวที่ปรากฏ - ๑. อธิบายแบบรปู ๑. อธบิ ายแบบรูป ๑. เปรยี บเทียบ ๑. สรา้ งแบบจาลองบนท้องฟา้ ในเวลา เสน้ ทางการขน้ึ เสน้ ทางการขน้ึ ความแตกตา่ ง ท่อี ธิบายการเกิดกลางวนั และตกของ และตกของ ของดาวเคราะห์ และเปรยี บเทียบและกลางคนื จาก ดวงอาทติ ยโ์ ดย ดวงจนั ทร์ โดยใช้ และดาวฤกษ์ ปรากฏการณ์ขอ้ มูลที่รวบรวม ใชห้ ลกั ฐานเชิง หลักฐานเชิง จากแบบจาลอง สรุ ยิ ุปราคาและได้ ประจักษ์ ประจกั ษ์ ๒. ใช้แผนท่ีดาว จันทรุปราคา อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์๒. อธิบายสาเหตุที่ ๒. อธบิ ายสาเหตุ ๒. สรา้ ง ระบตุ าแหน่ง ๒. อธบิ ายมองไม่เหน็ ดาว การเกิด แบบจาลองที่ และเส้นทาง พัฒนาการส่วนใหญ่ในเวลา ปรากฏการณ์ อธบิ ายแบบรปู การขึ้นและตก ของเทคโนโลยีกลางวนั จาก การข้ึนและตก การเปลยี่ นแปลง ของกล่มุ ดาว อวกาศ และหลักฐานเชงิ ของดวงอาทิตย์ รปู รา่ งปรากฏ ฤกษ์บนทอ้ งฟ้า ยกตวั อยา่ งการประจกั ษ์ การเกดิ กลางวนั ของดวงจนั ทร์ และอธบิ าย ใชป้ ระโยชน์ใน กลางคืน และการ และพยากรณ์ แบบรปู เสน้ ทาง ชวี ิตประจาวนั กาหนดทิศ โดยใช้ รปู รา่ งปรากฏ การขนึ้ และตก จากข้อมูลที่ แบบจาลอง ของดวงจนั ทร์ ของกลุ่มดาว รวบรวมได้ ๓. ตระหนกั ถึง ๓. สรา้ งแบบจาลอง ฤกษบ์ นทอ้ งฟ้า ความสาคัญของ แสดงองคป์ ระกอบ ในรอบปี ดวงอาทิตย์ โดย ของระบบสรุ ยิ ะ บรรยาย และอธิบาย ประโยชน์ของดวง เปรยี บเทียบคาบ อาทิตยต์ ่อ การโคจรของ ส่งิ มีชีวติ ดาวเคราะหต์ า่ ง ๆ จากแบบจาลอง
มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชว้ี ัด ฯ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗๑สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศมาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมทง้ั ปฏิสมั พันธภ์ ายในระบบสุริยะทสี่ ง่ ผลตอ่ ส่งิ มีชีวิตและการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ ตวั ชวี้ ดั ชนั้ ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖- - ๑. อธิบายการโคจร - - ๑. อธิบายการกาเนดิ ของดาวเคราะห์ และการ รอบดวงอาทิตย์ เปลยี่ นแปลง ด้วยแรงโนม้ ถว่ ง พลังงาน สสาร จากสมการ ขนาด อณุ หภมู ิ F=(Gm1m2) / r2 ของเอกภพหลงั ๒. สรา้ งแบบจาลอง เกดิ บกิ แบงในอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ ท่ีอธบิ ายการเกดิ ชว่ งเวลาต่าง ๆ ฤดแู ละการ ตามวิวัฒนาการ เคลอ่ื นทป่ี รากฏ ของเอกภพ ของดวงอาทิตย์ ๒. อธิบายหลกั ฐาน ๓. สรา้ งแบบจาลอง ท่ีสนับสนนุ ที่อธบิ ายการเกิด ทฤษฎีบกิ แบง ข้างขึน้ ข้างแรม จากความ การเปลยี่ นแปลง สัมพันธร์ ะหว่าง เวลาการขน้ึ และ ความเร็วกบั ตกของดวงจันทร์ ระยะทางของ และการเกดิ น้าขน้ึ กาแล็กซี รวมทัง้ นา้ ลง ขอ้ มลู การคน้ พบ ๔. อธบิ ายการใช้ ไมโครเวฟพน้ื ประโยชน์ของ หลงั จากอวกาศ เทคโนโลยีอวกาศ ๓. อธบิ ายโครงสรา้ ง และยกตัวอยา่ ง และองคป์ ระกอบ ความก้าวหน้า ของกาแลก็ ซีทาง ของโครงการ ชา้ งเผอื ก และระบุ สารวจอวกาศ ตาแหน่งของระบบ จากข้อมูลที่ สุรยิ ะพรอ้ มอธบิ าย รวบรวมได้ เชอื่ มโยงกับการ สงั เกตเห็นทาง ช้างเผือกของคน บนโลก
มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วดั ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗๒สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสุริยะ รวมทัง้ ปฏสิ มั พันธ์ภายในระบบสรุ ิยะที่สง่ ผลต่อสงิ่ มชี วี ิตและการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยี อวกาศ ตัวชว้ี ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ ๔. อธบิ าย กระบวนการเกิด ดาวฤกษ์ โดย แสดงการ เปลย่ี นแปลง ความดนั อณุ หภูมิ ขนาด จากดาว ฤกษ์กอ่ นเกดิ จน เป็นดาวฤกษ์ ๕. ระบุปจั จยั ท่ีส่งผล ต่อความสอ่ งสวา่ ง ของดาวฤกษ์ และ อธิบาย ความสัมพันธ์ ระหว่างความสอ่ ง สวา่ งกับโชติมาตร ของดาวฤกษ์ ๖. อธบิ าย ความสัมพันธ์ ระหวา่ งสี อุณหภมู ผิ วิ และ สเปกตรัมของ ดาวฤกษ์ ๗. อธิบายลาดับ วิวฒั นาการที่ สมั พันธ์กบั มวล ตง้ั ต้น และ วเิ คราะห์การ เปล่ยี นแปลง สมบัตบิ าง ประการของดาว ฤกษ์
มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ชว้ี ดั ฯ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗๓สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองคป์ ระกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสุรยิ ะ รวมทง้ั ปฏิสัมพนั ธ์ภายในระบบสรุ ยิ ะที่สง่ ผลตอ่ สิง่ มีชวี ติ และการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยี อวกาศ ตวั ชีว้ ัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ ๘. อธิบาย กระบวนการเกิด ระบบสรุ ิยะ และ การแบง่ เขต บริวารของดวง อาทติ ย์ และ ลกั ษณะของดาว เคราะห์ทเ่ี อื้อตอ่ การดารงชวี ิต ๙. อธิบาย โครงสรา้ งของ ดวงอาทิตย์ การ เกดิ ลมสรุ ยิ ะ พายสุ รุ ยิ ะ และ สืบคน้ ข้อมูล วิเคราะห์ นาเสนอ ปรากฏการณ์ หรือเหตุการณ์ท่ี เกี่ยวข้องกับผล ของลมสรุ ยิ ะ และพายสุ ุริยะท่ี มตี อ่ โลกรวมทั้ง ประเทศไทย ๑๐. สบื คน้ ข้อมลู อธิบายการ สารวจอวกาศ โดยใช้กลอ้ ง โทรทรรศน์ ในช่วงความยาว คลื่นต่าง ๆ ดาวเทยี ม
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้วี ัด ฯ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗๔สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศมาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสรุ ิยะ รวมทงั้ ปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสรุ ิยะทสี่ ่งผลตอ่ สิ่งมชี ีวิตและการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยี อวกาศ ตัวช้วี ัดช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ ยานอวกาศ สถานีอวกาศ และนาเสนอ แนวคดิ การนา ความรทู้ างดา้ น เทคโนโลยีอวกาศ มาประยกุ ตใ์ ช้ใน ชวี ิตประจาวัน หรือในอนาคตอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ดั ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗๕สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศมาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจองค์ประกอบ และความสัมพันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก และบนผวิ โลก ธรณีพบิ ตั ิภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศโลก รวมทงั้ ผลตอ่ สิง่ มชี วี ิตและสง่ิ แวดล้อม ตัวช้วี ดั ชัน้ ปีป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖๑. อธบิ ายลักษณะ ๑. ระบสุ ่วนประกอบ ๑. ระบสุ ว่ นประกอบ - ๑. เปรยี บเทียบ ๑. เปรียบเทยี บภายนอกของหนิ ของดิน และ ของอากาศ ปรมิ าณน้าใน กระบวนการเกิดจากลักษณะ จาแนกชนดิ ของ บรรยาย แตล่ ะแหลง่ และ หนิ อัคนี หนิเฉพาะตัวท่ี ดินโดยใชล้ ักษณะ ความสาคญั ของ ระบปุ รมิ าณนา้ ที่ ตะกอน และหินสังเกตได้ เนือ้ ดินและการจบั อากาศ และ มนุษย์สามารถ แปร และอธิบาย ตัวเปน็ เกณฑ์ ผลกระทบของ นามาใช้ วัฏจักรหนิ จาก ๒. อธบิ ายการใช้ มลพษิ ทางอากาศ ประโยชนไ์ ด้ แบบจาลองอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ ประโยชนจ์ ากดิน ต่อส่งิ มชี ีวิต จาก จากขอ้ มูลที่ ๒. บรรยายและยก จากข้อมูลที่ ข้อมูลที่รวบรวมได้ รวบรวมได้ ตวั อย่างการใช้ รวบรวมได้ ๒. ตระหนักถงึ ๒. ตระหนกั ถึง ประโยชนข์ องหนิ ความสาคญั ของ คุณค่าของนา้ โดย และแร่ในชวี ิต อากาศ โดย นาเสนอแนวทาง ประจาวันจาก นาเสนอแนว การใช้นา้ อย่าง ข้อมูลทีร่ วบรวม ทางการปฏิบตั ิ ประหยดั และการ ได้ ตนในการลดการ อนุรกั ษ์น้า ๓. สรา้ งแบบจาลอง เกดิ มลพิษทาง ๓. สรา้ งแบบจาลอง ทอ่ี ธิบายการเกิด อากาศ ทีอ่ ธิบายการ ซากดึกดาบรรพ์ ๓. อธบิ ายการเกดิ หมุนเวียนของนา้ และคาดคะเน ลมจากหลกั ฐาน ในวัฏจักรน้า สภาพแวดล้อมใน เชิงประจกั ษ์ ๔. เปรยี บเทียบ อดตี ของซากดึก ๔. บรรยาย กระบวนการเกดิ ดาบรรพ์ ประโยชนแ์ ละ เมฆ หมอก ๔. เปรยี บเทยี บการ โทษของลมจาก นา้ คา้ ง และ เกดิ ลมบก ลม ขอ้ มลู ที่รวบรวม น้าค้างแขง็ จาก ทะเล และมรสมุ ได้ แบบจาลอง รวมทงั้ อธิบายผลที่ ๕. เปรยี บเทียบ มีตอ่ สงิ่ มีชีวิตและ กระบวนการเกิด สงิ่ แวดล้อมจาก ฝน หิมะ และ แบบจาลอง ลูกเหบ็ จาก ๕. อธบิ ายผลของ ขอ้ มูลทีร่ วบรวม มรสมุ ต่อการเกิด ได้ ฤดูของประเทศ ไทย จากขอ้ มูลท่ี รวบรวมได้ ๖. บรรยายลกั ษณะ และผลกระทบของ นา้ ท่วม การกดั เซาะชายฝ่ัง
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗๖สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศมาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบ และความสมั พันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพบิ ัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศโลก รวมทง้ั ผลต่อส่งิ มชี ีวติ และสงิ่ แวดลอ้ ม ตัวชีว้ ดั ช้นั ปี ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๖ ดินถลม่ แผ่นดินไหว สนึ ามิ ๗. ตระหนักถงึ ผลกระทบของภยั ธรรมชาติและธรณี พบิ ัตภิ ัย โดย นาเสนอแนวทาง ในการเฝา้ ระวงั และปฏิบตั ิตนให้ ปลอดภัยจากภัย ธรรมชาตแิ ละธรณี พบิ ัติภยั ทอ่ี าจเกดิ ในท้องถิ่น ๘. สรา้ งแบบจาลอง ทอี่ ธบิ ายการเกดิ ปรากฏการณ์ เรอื นกระจกและ ผลของ ปรากฏการณ์ เรือนกระจกตอ่ สงิ่ มชี วี ิต ๙. ตระหนักถึง ผลกระทบของ ปรากฏการณเ์ รอื น กระจกโดย นาเสนอแนวทาง การปฏบิ ัตติ นเพื่อ ลดกิจกรรมที่ ก่อใหเ้ กิดแก๊ส เรอื นกระจกอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗๗สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศมาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบ และความสมั พันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก และบนผวิ โลก ธรณพี ิบัตภิ ยั กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศโลก รวมท้ัง ผลตอ่ สงิ่ มชี ีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม ตัวชว้ี ัดชนั้ ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖๑. สรา้ งแบบจาลอง ๑. เปรยี บเทยี บ - - - ไมเ่ น้นวิทยาศาสตร์ทอี่ ธบิ ายการแบง่ กระบวนการเกดิ ๑. อธบิ ายการแบง่ชนั้ บรรยากาศและ สมบัติ และการ ชั้นและสมบัติเปรียบเทยี บ ใช้ประโยชน์ ของโครงสรา้ งประโยชน์ของ รวมท้ังอธิบาย โลก พรอ้ มบรรยากาศ ผลกระทบจาก ยกตวั อยา่ งข้อมลูแตล่ ะชน้ั การใชเ้ ชอ้ื เพลงิ ท่สี นับสนุน อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์๒. อธบิ ายปจั จัยทม่ี ี ซากดึกดาบรรพ์ ๒. อธบิ ายผลต่อการ จากขอ้ มลู ที่ หลกั ฐานทางเปล่ยี นแปลง รวบรวมได้ ธรณวี ิทยาท่ีองคป์ ระกอบของ ๒. แสดงความ สนบั สนนุ การลมฟ้าอากาศ ตระหนกั ถงึ ผลจาก เคล่อื นที่ของแผ่นจากขอ้ มูลท่ี การใชเ้ ชอื้ เพลิง ธรณีรวบรวมได้ ซากดึกดาบรรพ์ ๓. ระบุสาเหตุ และ๓. เปรยี บเทยี บ โดยนาเสนอ อธิบายรปู แบบกระบวนการเกดิ แนวทางการใช้ แนวรอยตอ่ ของพายุฝนฟา้ คะนอง เช้อื เพลิงซากดึกดา แผน่ ธรณที ่ีและพายหุ มุนเขต บรรพ์ สมั พนั ธ์กับการรอ้ น และผลทีม่ ตี ่อ ๓. เปรยี บเทยี บข้อดี เคล่อื นทขี่ องแผ่นสิง่ มีชีวิตและ และข้อจากดั ของ ธรณี พรอ้ มส่ิงแวดล้อม พลังงานทดแทน ยกตัวอยา่ งรวมท้ังนาเสนอ แตล่ ะประเภทจาก หลกั ฐานทางแนวทางการปฏบิ ัติ การรวบรวมข้อมูล ธรณวี ิทยาทีพ่ บตนใหเ้ หมาะสม และนาเสนอ ๔. อธบิ ายสาเหตุและปลอดภัย แนวทางการใช้ กระบวนการเกิด๔. อธิบายการ พลงั งานทดแทนที่ ภูเขาไฟระเบดิพยากรณอ์ ากาศ เหมาะสมใน รวมทั้งสบื ค้นและพยากรณ์ ท้องถิน่ ข้อมลู พ้นื ที่เสยี่ งอากาศอยา่ งงา่ ย ๔. สรา้ งแบบจาลอง ภัย ออกแบบจากข้อมูลที่ ท่อี ธบิ ายโครงสรา้ ง และนาเสนอรวบรวมได้ ภายในโลก ตาม แนวทางการเฝา้๕. ตระหนักถึง องคป์ ระกอบ ระวังและการคณุ คา่ ของการ ทางเคมี จาก ปฏิบตั ิตนให้พยากรณ์อากาศ ขอ้ มูลทีร่ วบรวม ปลอดภยัโดยนาเสนอแนว ได้ ๕. อธิบายสาเหตุทางการปฏิบัติ ๕. อธิบาย กระบวนการเกิดตนและการใช้ กระบวนการผพุ ัง ขนาดและความ
มาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวชีว้ ดั ฯ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗๘สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศมาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองคป์ ระกอบ และความสมั พนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปล่ยี นแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณพี ิบตั ิภัย กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศโลก รวมท้งั ผลต่อสงิ่ มีชวี ติ และส่งิ แวดล้อม ตวั ช้วี ัดช้ันปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ประโยชน์จากคา อยู่กบั ท่ี รุนแรง และผลพยากรณอ์ ากาศ การกรอ่ น และการ จากแผน่ ดินไหว๖. อธิบาย สะสมตัวของ รวมท้งั สืบคน้สถานการณแ์ ละ ตะกอนจาก ขอ้ มลู พน้ื ที่เส่ยี งผลกระทบการ แบบจาลอง ภยั ออกแบบเปลีย่ นแปลง รวมทัง้ ยกตวั อย่าง และนาเสนอแนวภูมิอากาศโลก ผลของ ทางการเฝ้าระวังอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์จากข้อมลู ท่ี กระบวนการ และการปฏบิ ตั ิรวบรวมได้ ดงั กล่าวที่ทาให้ ตนให้ปลอดภยั๗. ตระหนักถงึ ผิวโลกเกดิ การ ๖. อธบิ ายสาเหตุผลกระทบของ เปล่ียนแปลง กระบวนการเกดิการเปลย่ี นแปลง ๖. อธิบายลักษณะ และผลจากสนึ ามิภูมอิ ากาศโลก ของช้นั หน้าตัด รวมทั้งสบื คน้โดยนาเสนอแนว ดินและ ข้อมลู พน้ื ทีเ่ ส่ยี งทางการปฏบิ ตั ิ กระบวนการเกดิ ภัย ออกแบบตนภายใต้การ ดนิ จาก และนาเสนอเปลีย่ นแปลง แบบจาลอง แนวทาง การเฝา้ภูมิอากาศโลก รวมท้ังระบุปจั จยั ระวังและการ ทีท่ าให้ดินมี ปฏบิ ัตติ นให้ ลกั ษณะและ ปลอดภัย สมบตั แิ ตกต่าง ๗. อธบิ ายปัจจยั กัน สาคัญทีม่ ผี ลตอ่ ๗. ตรวจวดั สมบตั ิ การไดร้ บั บางประการของ พลงั งานจากดวง ดนิ โดยใช้ อาทิตยแ์ ตกตา่ ง เครอื่ งมอื ท่ี กันในแต่ละ เหมาะสมและ บริเวณของโลก นาเสนอแนวทาง ๘. อธิบายการ การใชป้ ระโยชน์ หมนุ เวียนของ ดินจากขอ้ มลู อากาศทเ่ี ปน็ ผล สมบตั ิของดนิ มาจากความ ๘. อธิบายปจั จยั แตกต่างของ และกระบวนการ ความกดอากาศ เกดิ แหลง่ นา้ ผิว ๙. อธิบายทิศทาง ดนิ และแหล่งนา้ การเคลื่อนทข่ี อง ใต้ดิน จาก อากาศทเี่ ป็นผล แบบจาลอง มาจากการ
มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๗๙สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศมาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองคป์ ระกอบ และความสมั พนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ยี นแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพบิ ตั ภิ ยั กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทั้งผลตอ่ สง่ิ มีชวี ติ และส่งิ แวดลอ้ ม ตัวชีว้ ัดชนั้ ปีม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖๙. สรา้ งแบบจาลอง หมุนรอบตวั เองท่อี ธิบายการใช้ ของโลกนา้ และนาเสนอ ๑๐. อธบิ ายการแนวทางการใช้ หมุนเวียนของน้าอย่างยง่ั ยืนใน อากาศตามเขตท้องถนิ่ ของ ละติจดู และผลที่ตนเอง มีต่อภูมิอากาศอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์๑๐. สรา้ ง ๑๑. อธบิ ายปัจจยั ท่ีแบบจาลอง ท่ี ทาให้เกิดการอธบิ ายกระบวน หมุนเวยี นของน้าการเกิดและ ผวิ หน้าในผลกระทบของน้า มหาสมทุ รและทว่ ม การกดั เซาะ รปู แบบการชายฝง่ั ดนิ ถลม่ หมุนเวยี นของนา้หลุมยบุ แผ่นดิน ผวิ หนา้ ในทรุด มหาสมุทร ๑๒. อธิบายผลของ การหมนุ เวยี น ของอากาศและ นา้ ผวิ หน้าใน มหาสมทุ รท่มี ีต่อ ลักษณะ ภูมิอากาศ ลมฟา้ อากาศ ส่งิ มชี ีวิต และสงิ่ แวดล้อม ๑๓. อธิบายปจั จัยที่ มผี ลต่อการ เปลี่ยนแปลง ภมู ิอากาศของ โลก พร้อมทง้ั นาเสนอแนว ปฏิบัติเพือ่ ลด กจิ กรรมของ มนษุ ยท์ ี่สง่ ผลต่อ การเปลย่ี นแปลง ภมู ิอากาศโลก
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัด ฯ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘๐สาระที่ ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศมาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจองคป์ ระกอบ และความสมั พันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณพี บิ ัติภัย กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้ง ผลตอ่ สิง่ มีชีวิตและสิง่ แวดลอ้ ม ตัวช้วี ัดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ ม. ๕ ม. ๖ ๑๔. แปล ความหมาย สัญลกั ษณล์ มฟ้า อากาศท่สี าคญั จากแผนท่ีอากาศ และนาขอ้ มลู สารสนเทศตา่ ง ๆ มาวางแผนการ ดาเนนิ ชวี ิตให้ สอดคลอ้ งกบั สภาพลมฟ้า อากาศอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชี้วดั ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘๑สาระที่ ๔ ชวี วทิ ยามาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องสิง่ มชี ีวติ การศึกษาชวี วิทยาและวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ สารท่ีเปน็ องค์ประกอบของสิง่ มชี วี ิต ปฏิกริ ิยาเคมใี นเซลล์ของสง่ิ มีชีวิต กล้องจลุ ทรรศน์ โครงสรา้ งและ หน้าท่ขี องเซลล์ การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับเซลล์ ตัวชว้ี ดั ชั้นปี ม.๔ ม.๕ ม.๖เน้นวิทยาศาสตร์ --๑. อธบิ ายและสรุปสมบัติทส่ี าคญั ของสง่ิ มชี ีวิต และความสมั พันธ์ของการจดั ระบบในสง่ิ มีชวี ิตท่ที าให้ส่งิ มีชีวติดารงชวี ติ อยู่ได้๒. อภิปรายและบอกความสาคัญของการระบปุ ญั หา ความสัมพันธร์ ะหว่างปญั หา อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์สมมติฐาน และวิธีการตรวจสอบสมมติฐาน รวมท้งั ออกแบบการทดลองเพอ่ื ตรวจสอบสมมตฐิ าน๓. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ ายเกี่ยวกับสมบตั ิของน้าและบอกความสาคญั ของนา้ ที่มีตอ่สิ่งมชี วี ิต และยกตัวอย่างธาตชุ นดิ ต่างๆทม่ี คี วามสาคัญตอ่ รา่ งกายสิง่ มีชวี ติ๔. สืบคน้ ข้อมลู อธิบายโครงสรา้ งของคาร์โบไฮเดรต ระบกุ ลมุ่ ของคารโ์ บไฮเดรต รวมทัง้ ความสาคญั ของคาร์โบไฮเดรตท่มี ตี ่อส่ิงมชี วี ติ๕. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ ายโครงสรา้ งของโปรตนี และความสาคญั ของโปรตนี ท่ีมีต่อสงิ่ มชี ีวติ๖. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ ายโครงสรา้ งของลิพิดและความสาคญั ของลพิ ดิ ทีม่ ีตอ่ สิง่ มชี วี ติ๗. อธิบายโครงสรา้ งของกรดนิวคลิอกิและระบุชนดิ ของกรดนวิ คลอิ กิ และความสาคญั ของกรดนวิ คลิอิกทีม่ ีตอ่ส่งิ มีชีวติ๘. สบื ค้นขอ้ มลู และอธิบายปฏิกริ ยิ าเคมีท่ีเกิดขึน้ ในสงิ่ มชี วี ิต๙. อธบิ ายการทางานของเอนไซมใ์ นการเร่งปฏิกิรยิ าเคมีในสงิ่ มีชวี ติ และระบุปัจจยั ที่มผี ลต่อการทางานของเอนไซม์๑๐. บอกวิธกี ารและเตรยี มตวั อยา่ งส่งิ มชี วี ติ เพอ่ื ศึกษาภายใตก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ใชแ้ สง วดั ขนาดโดยประมาณและวาดภาพทป่ี รากฏภายใต้กลอ้ ง บอก
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชวี้ ดั ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘๒สาระที่ ๔ ชีววทิ ยามาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องสงิ่ มชี วี ิต การศึกษาชวี วทิ ยาและวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ สารทเี่ ป็น องคป์ ระกอบของส่ิงมชี ีวติ ปฏกิ ิรยิ าเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวติ กล้องจุลทรรศน์ โครงสรา้ งและ หน้าที่ของเซลล์ การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ การแบ่งเซลล์ และการหายใจระดับเซลล์ ตัวชีว้ ดั ช้นั ปี ม.๔ ม.๕ ม.๖ วิธกี ารใช้ และการดแู ลรกั ษากล้อง จุลทรรศน์ใชแ้ สงทถ่ี ูกต้อง๑๑. อธิบายโครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องส่วน ทหี่ อ่ หมุ้ เซลลข์ องเซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์๑๒. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ าย และระบุชนดิ และหน้าที่ของออรแ์ กเนลล์๑๓. อธิบายโครงสรา้ งและหน้าที่ของ นิวเคลียส๑๔. อธบิ ายและเปรียบเทยี บการแพร่ ออสโมซสิ การแพร่แบบฟาซิลิเทต และ แอกทฟี ทรานสปอร์ต๑๕. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย และเขยี น แผนภาพการลาเลยี งสารโมเลกุลใหญ่ ออกจากเซลลด์ ้วยกระบวนการเอกโซไซ- โทซสิ และการลาเลียงสารโมเลกลุ ใหญ่ เขา้ ส่เู ซลลด์ ้วยกระบวนการเอนโดไซ- โทซสิ๑๖. สังเกตการแบ่งนวิ เคลยี สแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซสิ จากตัวอย่างภายใต้ กลอ้ งจลุ ทรรศน์ พร้อมทงั้ อธบิ ายและ เปรยี บเทยี บการแบง่ นิวเคลียสแบบ ไมโทซสิ และแบบไมโอซสิ๑๗. อธิบาย เปรียบเทียบ และสรปุ ข้นั ตอนการหายใจระดับเซลลใ์ นภาวะท่ี มีออกซิเจนเพยี งพอและภาวะท่ีมี ออกซเิ จนไมเ่ พียงพออ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘๓สาระท่ี ๔ ชีววิทยามาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบตั ิและหน้าท่ี ของสารพนั ธกุ รรม การเกดิ มวิ เทชัน เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ หลกั ฐาน ขอ้ มลู และแนวคิด เกย่ี วกับวิวัฒนาการของส่งิ มีชวี ิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ก์ การเกิดสปชี ีส์ใหม่ ความ หลากหลายทางชีวภาพ กาเนิดของสิง่ มีชวี ติ ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวิต และ อนุกรมวธิ าน รวมท้งั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชว้ี ดั ชัน้ ปี ม.๔ ม.๕ ม.๖เนน้ วทิ ยาศาสตร์ - เน้นวิทยาศาสตร์๑. สืบค้นข้อมูล อธบิ ายและสรุปผลการ ๑. อภปิ รายความสาคญั ของความทดลองของเมนเดล หลากหลายทางชวี ภาพ และความ๒. อธบิ ายและสรปุ กฎแห่งการแยกและกฎ เชือ่ มโยงระหวา่ งความหลากหลายทางอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์แห่งการรวมกลมุ่ อยา่ งอิสระ และนากฎ พันธกุ รรม ความหลากหลายของสปชี ีส์ของเมนเดลนไี้ ปอธบิ ายการถ่ายทอด และความหลากหลายของระบบนเิ วศลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมและใชใ้ นการ ๒. อธบิ ายการเกิดเซลลเ์ รมิ่ แรกของคานวณโอกาสในการเกดิ ฟโี นไทปแ์ ละ สิ่งมีชวี ิตและวิวัฒนาการของสงิ่ มีชวี ิตจโี นไทปแ์ บบตา่ ง ๆ ของร่นุ F1 และ F2 เซลล์เดยี ว๓. สืบค้นขอ้ มูล วเิ คราะห์ อธบิ าย และ ๓. อธบิ ายลกั ษณะสาคัญและยกตวั อยา่ งสรุปเกย่ี วกับการถ่ายทอดลกั ษณะทาง สงิ่ มีชีวติ กลมุ่ แบคทีเรีย ส่ิงมชี ีวิตกลุม่พันธกุ รรมที่เปน็ สว่ นขยายของ โพรทสิ ต์ สิ่งมีชวี ิตกลมุ่ พชื สิ่งมชี วี ติ กลุ่มพันธศุ าสตรเ์ มนเดล ฟงั ไจ และสิง่ มีชวี ิตกลมุ่ สัตว์๔. สืบคน้ ข้อมูล วิเคราะห์ และเปรยี บเทียบ ๔. อธิบายและยกตวั อย่างการจาแนกลักษณะทางพนั ธุกรรมทม่ี กี ารแปรผัน สง่ิ มีชวี ติ จากหมวดหม่ใู หญ่จนถงึไม่ตอ่ เน่ืองและลักษณะทางพันธกุ รรมที่ หมวดหมยู่ อ่ ย และวธิ ีการเขียนชอ่ืมกี ารแปรผนั ต่อเน่ือง วทิ ยาศาสตร์ในลาดับขน้ั สปีชสี ์๕. อธิบายการถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซม ๕. สรา้ งไดโคโทมสั คีย์ในการระบสุ ่งิ มีชีวิตและยกตัวอย่างลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่ี หรือตวั อย่างทก่ี าหนดออกเป็นหมวดหมู่ถูกควบคมุ ดว้ ยยีนบนออโตโซมและยนีบนโครโมโซมเพศ๖. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบายสมบตั แิ ละหน้าที่ของสารพันธกุ รรม โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบทางเคมีของ DNA และสรปุ การจาลอง DNA๗. อธบิ ายและระบุขัน้ ตอนในกระบวนการสงั เคราะห์โปรตนี และหนา้ ทขี่ อง DNAและ RNA แตล่ ะชนิดในกระบวนการสงั เคราะห์ โปรตนี๘. สรปุ ความสมั พันธ์ระหว่างสารพันธุกรรม แอลลีล โปรตีน ลักษณะทางพันธกุ รรม และเชื่อมโยงกับความรเู้ ร่ืองพนั ธุศาสตรเ์ มนเดล
มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชีว้ ัด ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘๔สาระท่ี ๔ ชีววิทยามาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม การถา่ ยทอดยนี บนโครโมโซม สมบตั แิ ละหน้าที่ ของสารพนั ธุกรรม การเกดิ มิวเทชัน เทคโนโลยที างดเี อ็นเอ หลักฐาน ขอ้ มลู และแนวคิด เก่ียวกบั ววิ ัฒนาการของสงิ่ มีชีวิต ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิร์ก การเกิดสปีชีสใ์ หม่ ความ หลากหลายทางชีวภาพ กาเนิดของสิง่ มีชีวติ ความหลากหลายของสงิ่ มีชีวติ และ อนุกรมวิธาน รวมทัง้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้วี ัดชน้ั ปี ม.๔ ม.๕ ม.๖๙. สบื ค้นข้อมลู และอธิบายการเกิดมวิ เทชนั ระดับยนี และระดับโครโมโซม สาเหตุ การเกิดมิวเทชนั รวมทงั้ ยกตัวอย่างโรค และกลมุ่ อาการที่เป็นผลของการเกิด มวิ เทชัน๑๐. อธิบายหลักการสร้างสงิ่ มชี ีวติ ดัดแปร พันธุกรรมโดยใชด้ ีเอ็นเอรคี อมบแิ นนท์๑๑. สืบคน้ ขอ้ มลู ยกตัวอยา่ ง และอภปิ ราย การนาเทคโนโลยีทางดเี อ็นเอไปประยกุ ต์ ทงั้ ในดา้ นส่งิ แวดล้อม นติ วิ ทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตร และอตุ สาหกรรม และข้อควรคานึงถงึ ดา้ นชวี จรยิ ธรรม๑๒. สบื คน้ ข้อมลู และอธิบายเก่ียวกบั หลกั ฐานที่สนับสนนุ และข้อมูลทีใ่ ช้ อธบิ ายการเกดิ วิวฒั นาการของสิง่ มชี วี ติ๑๓. อธิบายและเปรยี บเทียบแนวคิด เก่ยี วกบั วิวัฒนาการของสิง่ มีชวี ติ ของ ฌอง ลามารก์ และทฤษฎเี ก่ียวกบั ววิ ัฒนาการของส่งิ มีชวี ิตของชาลส์ ดาร์วนิ๑๔. ระบสุ าระสาคญั และอธบิ ายเง่ือนไข ของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิรก์ ปัจจัยทที่ าให้เกิดการเปล่ียนแปลง ความถข่ี องแอลลีลในประชากร พร้อม ทง้ั คานวณหาความถ่ีของแอลลลี และ จีโนไทปข์ องประชากรโดยใช้หลกั ของ ฮารด์ ี-ไวน์เบริ ก์๑๕. สบื คน้ ข้อมลู อภิปราย และอธบิ าย กระบวนการเกดิ สปีชสี ใ์ หม่ของสิ่งมชี ีวติอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชี้วดั ฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘๕สาระที่ ๔ ชีววิทยามาตรฐาน ว ๔.๓ เข้าใจส่วนประกอบของพชื การแลกเปลี่ยนแก๊สและคายนา้ ของพืช การลาเลียงของพืชการสังเคราะห์ด้วยแสง การสืบพนั ธุ์ของพชื ดอกและการเจรญิ เตบิ โต และการตอบสนองของพชืรวมทงั้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตัวชว้ี ดั ช้นั ปีม.๔ ม.๕ ม.๖- เนน้ วิทยาศาสตร์ - ๑. อธบิ ายเกย่ี วกบั ชนิดและลกั ษณะของ เน้ือเย่อื พืช และเขียนแผนผังเพ่อื สรุปชนิด ของเน้ือเยื่อพชื ๒. สังเกต อธิบาย และเปรยี บเทยี บ โครงสร้างภายในของรากพชื ใบเลยี้ งเดย่ี ว และรากพืชใบเลยี้ งคู่จากการตัดตามขวางอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ ๓. สงั เกต อธิบาย และเปรยี บเทยี บ โครงสร้างภายในของลาตน้ พืชใบเลี้ยง เดี่ยวและลาตน้ พืชใบเลี้ยงคจู่ ากการตัด ตามขวาง ๔. สังเกต และอธิบายโครงสร้างภายใน ของใบพชื จากการตดั ตามขวาง ๕. สืบค้นข้อมลู สังเกต และอธิบายการ แลกเปลย่ี นแก๊สและการคายนา้ ของพชื ๖. สืบค้นขอ้ มลู และอธิบายกลไกการ ลาเลียงนา้ และธาตุอาหารของพชื ๗. สืบค้นขอ้ มลู อธิบายความสาคญั ของ ธาตุอาหาร และยกตวั อยา่ งธาตุอาหารท่ี สาคัญทม่ี ผี ลตอ่ การเจรญิ เติบโตของพชื ๘. อธบิ ายกลไกการลาเลียงอาหารในพชื ๙. สืบค้นขอ้ มลู และสรปุ การศกึ ษาท่ไี ด้จาก การทดลองของนักวทิ ยาศาสตร์ในอดีต เก่ียวกบั กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง ๑๐. อธิบายขั้นตอนทีเ่ กิดข้นึ ใน กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช C3 ๑๑. เปรยี บเทียบกลไกการตรึงคาร์บอนได ออกไซด์ในพืช C3 พืช C4 และ พชื CAM ๑๒. สบื คน้ ขอ้ มลู อภปิ รายและสรปุ ปัจจยั ความเขม้ ของแสง ความเขม้ ขน้ ของ คาร์บอนไดออกไซด์ และอณุ หภูมิ ท่มี ผี ล ต่อการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช ๑๓. อธิบายวัฏจักรชีวติ แบบสลบั ของ พชื ดอก
มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ดั ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘๖สาระที่ ๔ ชีววิทยามาตรฐาน ว ๔.๓ เขา้ ใจสว่ นประกอบของพืช การแลกเปล่ียนแก๊สและคายน้าของพืช การลาเลยี งของพืช การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง การสืบพันธ์ขุ องพชื ดอกและการเจริญเตบิ โต และการตอบสนองของพชื รวมทง้ั นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ชวี้ ดั ชัน้ ปี ม.๔ ม.๕ ม.๖ ๑๔. อธบิ ายและเปรยี บเทยี บกระบวนการ สรา้ งเซลลส์ ืบพันธเุ์ พศผู้และเพศเมียของ พชื ดอก และอธิบายการปฏิสนธิของ พืชดอก ๑๕. อธิบายการเกดิ เมล็ดและการเกดิ ผล ของพชื ดอก โครงสรา้ งของเมลด็ และผล และยกตัวอยา่ งการใชป้ ระโยชนจ์ าก โครงสรา้ งตา่ งๆ ของเมลด็ และผล ๑๖. ทดลอง และอธบิ ายเกี่ยวกับปัจจยั ต่างๆ ที่มผี ลต่อการงอกของเมลด็ สภาพ พกั ตวั ของเมลด็ และบอกแนวทางใน การแกส้ ภาพพกั ตวั ของเมลด็ ๑๗. สืบค้นขอ้ มลู อธบิ ายบทบาทและ หนา้ ท่ีของออกซิน ไซโทไคนนิ จิบเบอ เรลลนิ เอทิลนี และกรดแอบไซซิก และ อภิปรายเกยี่ วกบั การนาไปใชป้ ระโยชน์ ทางการเกษตร ๑๘. สบื ค้นข้อมลู ทดลอง และอภปิ ราย เกย่ี วกับส่ิงเรา้ ภายนอกทีม่ ผี ลต่อการ เจรญิ เติบโตของพืชอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชีว้ ัด ฯ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘๗สาระที่ ๔ ชีววิทยามาตรฐาน ว ๔.๔ เขา้ ใจการยอ่ ยอาหารของสัตวแ์ ละมนุษย์ รวมท้งั การหายใจและการแลกเปล่ยี นแกส๊การลาเลยี งสารและการหมนุ เวยี นเลอื ด ภมู คิ ้มุ กนั ของร่างกาย การขับถ่าย การรบั รแู้ ละการตอบสนอง การเคลื่อนที่ การสบื พนั ธ์ุและการเจริญเตบิ โต ฮอร์โมนกบั การรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์ รวมทง้ั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตวั ชี้วัดช้นั ปีม.๔ ม.๕ ม.๖- เนน้ วทิ ยาศาสตร์ เน้นวิทยาศาสตร์ ๑. สืบคน้ ข้อมลู อธิบาย และเปรยี บเทียบ ๑. สืบค้นขอ้ มูล อธิบาย และเปรยี บเทยี บ โครงสร้างและกระบวนการยอ่ ยอาหาร โครงสรา้ งและหน้าท่ขี องระบบประสาท ของสตั วท์ ไี่ ม่มีทางเดนิ อาหาร สตั วท์ ม่ี ี ของไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดือนดนิ ก้งุ ทางเดนิ อาหารแบบไมส่ มบรู ณ์ และสตั ว์ หอย แมลง และสัตวม์ ีกระดกู สันหลังอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ ท่มี ีทางเดนิ อาหารแบบสมบรู ณ์ ๒. อธิบายเก่ียวกับโครงสร้างและหนา้ ท่ี ๒. สังเกต อธบิ าย การกนิ อาหารของ ของเซลลป์ ระสาท ไฮดรา และพลานาเรีย ๓. อธบิ ายเกีย่ วกับการเปล่ียนแปลงของ ๓. อธบิ ายเกีย่ วกบั โครงสรา้ ง หน้าที่ และ ศักยไ์ ฟฟา้ ท่ีเย่ือหุม้ เซลล์ของเซลล์ กระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซึม ประสาท และกลไกการถา่ ยทอดกระแส สารอาหารภายในระบบยอ่ ยอาหารของ ประสาท มนษุ ย์ ๔. อธบิ ายและสรปุ เก่ียวกบั โครงสร้างของ ๔. สบื ค้นข้อมลู อธิบาย และเปรยี บเทยี บ ระบบประสาทส่วนกลางและระบบ โครงสรา้ งทท่ี าหน้าทแ่ี ลกเปล่ยี นแก๊สของ ประสาทรอบนอก ฟองน้า ไฮดรา พลานาเรยี ไสเ้ ดือนดิน ๕. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ ายโครงสรา้ งและ แมลง ปลา กบ และนก หน้าทีข่ องสว่ นตา่ งๆ ในสมองส่วนหน้า ๕. สังเกต และอธิบายโครงสรา้ งของปอด สมองส่วนกลาง สมองส่วนหลัง และไข ในสตั ว์เลยี้ งลกู ด้วยนา้ นม สนั หลัง ๖. สบื คน้ ข้อมลู อธบิ ายโครงสรา้ งทีใ่ ชใ้ น ๖. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ าย เปรยี บเทยี บ และ การแลกเปลยี่ นแกส๊ และกระบวนการ ยกตวั อยา่ งการทางานของระบบ แลกเปลยี่ นแกส๊ ของมนุษย์ ประสาทโซมาตกิ และระบบประสาท ๗. อธิบายการทางานของปอด และทดลอง อตั โนวตั ิ วัดปริมาตรของอากาศในการหายใจออก ๗. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ ายโครงสรา้ งและ ของมนุษย์ หนา้ ที่ของ ตา หู จมูก ล้ิน และผวิ หนัง ๘. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ ายและเปรยี บเทยี บ ของมนุษย์ ยกตวั อยา่ งโรคต่างๆ ท่ี ระบบหมนุ เวยี นเลือดแบบเปดิ และระบบ เกีย่ วข้อง และบอกแนวทางในการดแู ล หมนุ เวยี นเลอื ดแบบปดิ ป้องกัน และรกั ษา ๙. สังเกตและอธิบายทิศทางการไหลของ ๘. สงั เกตและอธบิ ายการหาตาแหนง่ ของ เลอื ดและการเคลื่อนท่ีของเซลลเ์ มด็ เลือด จดุ บอด โฟเวยี และความไวในการรับ ในหางปลา และสรุปความสมั พันธ์ สมั ผสั ของผวิ หนัง ระหวา่ งขนาดของหลอดเลอื ดกับ ๙. สืบค้นขอ้ มลู อธิบาย และเปรยี บเทียบ ความเร็วในการไหลของเลือด โครงสร้างและหนา้ ทข่ี องอวัยวะที่ ๑๐. อธบิ ายโครงสรา้ งและการทางานของ เกี่ยวขอ้ งกบั การเคล่อื นทข่ี อง หัวใจและหลอดเลือดในมนุษย์ แมงกะพรุน หมกึ ดาวทะเล ไสเ้ ดอื นดิน ๑๑. สงั เกตและอธบิ ายโครงสรา้ งหวั ใจของ แมลง ปลา และนก สัตว์เล้ยี งลกู ดว้ ยน้านม ทศิ ทางการไหล
มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘๘สาระที่ ๔ ชีววิทยามาตรฐาน ว ๔.๔ เข้าใจการยอ่ ยอาหารของสตั วแ์ ละมนุษย์ รวมทงั้ การหายใจและการแลกเปล่ยี นแกส๊การลาเลยี งสารและการหมนุ เวียนเลอื ด ภมู คิ ้มุ กันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรูแ้ ละการตอบสนอง การเคล่ือนที่ การสบื พันธ์ุและการเจรญิ เตบิ โต ฮอร์โมนกับการรักษาดลุ ยภาพ และพฤตกิ รรมของสัตว์ รวมท้ังนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ดั ชัน้ ปีม.๔ ม.๕ ม.๖ ของเลอื ดผา่ นหวั ใจของมนษุ ย์ และเขียน ๑๐. สบื ค้นข้อมลู และอธบิ ายโครงสรา้ ง แผนผงั สรุปการหมุนเวยี นเลอื ดของมนษุ ย์ และหน้าทข่ี องกระดูกและกล้ามเนอ้ื ท่ี ๑๒. สบื ค้นข้อมลู ระบคุ วามแตกตา่ งของ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวและการ เซลล์เมด็ เลือดแดง เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว เคลอื่ นทข่ี องมนษุ ย์ เพลตเลต และพลาสมา ๑๑. สงั เกตและอธิบายการทางานของอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ ๑๓. อธิบายหมู่เลอื ดและหลกั การให้และ ข้อตอ่ ชนดิ ต่างๆ และการทางานของ รับเลอื ดในระบบ ABO และระบบ Rh กลา้ มเนื้อโครงรา่ งท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการ ๑๔. อธิบาย และสรปุ เกีย่ วกับส่วนประกอบ เคล่อื นไหวและการเคลื่อนท่ีของมนษุ ย์ และหน้าทีข่ องน้าเหลอื ง รวมทง้ั ๑๒. สบื คน้ ข้อมลู อธบิ าย และยกตัวอยา่ ง โครงสร้าง และหนา้ ที่ของหลอดนา้ เหลอื ง การสืบพันธุ์แบบไมอ่ าศัยเพศและการ และตอ่ มนา้ เหลอื ง สบื พันธแุ์ บบอาศัยเพศในสัตว์ ๑๕. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ าย และเปรยี บเทียบ ๑๓. สืบค้นข้อมลู อธบิ ายโครงสรา้ งและ กลไกการต่อต้านหรือทาลายสิ่ง หนา้ ทีข่ องอวยั วะในระบบสบื พนั ธเุ์ พศ แปลกปลอม แบบไม่จาเพาะและแบบ ชายและระบบสบื พนั ธเ์ุ พศหญงิ จาเพาะ ๑๔. อธิบายกระบวนการสร้างสเปริ ม์ ๑๖. สบื ค้นข้อมลู อธิบาย และเปรยี บเทยี บ กระบวนการสรา้ งเซลล์ไข่ และการ การสร้างภูมิค้มุ กันกอ่ เองและภูมิคมุ้ กนั รับมา ปฏสิ นธิในมนุษย์ ๑๗. สบื ค้นข้อมลู และอธิบายเก่ียวกบั ความ ๑๕. อธิบายการเจรญิ เติบโตระยะเอ็มบรโิ อ ผดิ ปกติของระบบภูมคิ ุ้มกันทท่ี าใหเ้ กิด และระยะหลงั เอ็มบริโอของกบ ไก่ และ เอดส์ ภมู แิ พ้ การสรา้ งภมู ติ ้านทานต่อ มนุษย์ เน้ือเย่อื ตนเอง ๑๖. สืบค้นข้อมลู อธิบาย และเขยี น ๑๘. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย และเปรียบเทียบ แผนผังสรุปหน้าท่ีของฮอรโ์ มนจากต่อม โครงสร้างและหนา้ ทีใ่ นการกาจัดของเสีย ไร้ท่อและเน้อื เยื่อทส่ี ร้างฮอร์โมน ออกจากร่างกายของฟองน้า ไฮดรา ๑๗. สบื คน้ ข้อมลู อธิบาย เปรยี บเทียบ พลานาเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ แมลง และสตั ว์ และยกตวั อย่างพฤติกรรมท่เี ป็นมาแต่ มกี ระดูกสันหลงั กาเนดิ และพฤตกิ รรมท่เี กิดจากการ ๑๙. อธิบายโครงสร้างและหนา้ ท่ีของไต เรยี นรู้ของสตั ว์ และโครงสรา้ งที่ใช้ลาเลยี งปสั สาวะออก ๑๘. สืบคน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และยกตัวอย่าง จากร่างกาย ความสัมพันธร์ ะหว่างพฤตกิ รรมกบั ๒๐. อธิบายกลไกการทางานของหนว่ ยไต วิวัฒนาการของระบบประสาท ในการกาจัดของเสยี ออกจากรา่ งกาย ๑๙. สืบค้นข้อมลู อธบิ าย และยกตวั อยา่ ง และเขยี นแผนผงั สรุปขัน้ ตอนการกาจัด การส่ือสารระหว่างสตั วท์ ีท่ าใหส้ ตั ว์ ของเสยี ออกจากรา่ งกายโดยหนว่ ยไต แสดงพฤติกรรม ๒๑. สืบค้นข้อมลู อธบิ ายและยกตวั อยา่ ง เกีย่ วกับความผิดปกติของไตอันเนอ่ื ง มาจากโรคต่างๆ
มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชีว้ ัด ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๘๙สาระท่ี ๔ ชีววิทยามาตรฐาน ว ๔.๕ เข้าใจแนวคดิ เกย่ี วกับระบบนเิ วศ กระบวนการถา่ ยทอดพลังงานและการหมนุ เวยี นสารในระบบนเิ วศ ความหลากหลายของไบโอม การเปล่ียนแปลงแทนท่ีของสง่ิ มีชวี ิตในระบบนิเวศ ประชากรและรูปแบบการเพ่ิมของประชากร ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม ปญั หา และผลกระทบท่ีเกิดจากการใชป้ ระโยชน์ และแนวทางการแกไ้ ขปญั หา ตวั ชีว้ ัดช้นั ปีม.๔ ม.๕ ม.๖- - เน้นวทิ ยาศาสตร์ ๑. วเิ คราะห์ อธบิ าย และยกตัวอย่าง กระบวนการถ่ายทอดพลังงานในระบบ นิเวศ ๒. อธิบาย ยกตัวอย่างการเกิดไบโอแมกนิฟิเคชันอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ และบอกแนวทางในการลดการเกดิ ไบโอ แมกนิฟเิ คชัน ๓. สืบคน้ ข้อมลู และเขียนแผนภาพเพอ่ื อธิบาย วัฏจักรไนโตรเจน วฏั จกั รกามะถนั และ วัฏจกั รฟอสฟอรสั ๔. สบื ค้นข้อมลู ยกตวั อย่าง และอธิบาย ลกั ษณะของไบโอมที่กระจายอยตู่ ามเขต ภมู ศิ าสตรต์ า่ งๆ บนโลก ๕. สบื ค้นขอ้ มูล ยกตวั อยา่ ง อธิบาย และ เปรียบเทยี บการเปล่ียนแปลงแทนท่ีแบบ ปฐมภูมแิ ละการเปลยี่ นแปลงแทนท่แี บบ ทตุ ยิ ภมู ิ ๖. สืบค้นขอ้ มลู อธิบาย ยกตวั อยา่ งและสรุป เกย่ี วกับลกั ษณะเฉพาะของประชากรของ สิ่งมชี วี ิตบางชนดิ ๗. สืบคน้ ข้อมลู อธิบาย เปรยี บเทยี บ และ ยกตวั อย่างการเพิม่ ของประชากรแบบ เอ็กโพเนนเชยี ลและการเพม่ิ ของประชากร แบบลอจสิ ติก ๘. อธบิ ายและยกตวั อย่างปจั จยั ทค่ี วบคุมการ เตบิ โตของประชากร ๙. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปญั หาการขาด แคลนนา้ การเกดิ มลพิษทางนา้ และ ผลกระทบท่มี ีต่อมนษุ ย์และสิ่งแวดลอ้ ม รวมทั้งเสนอแนวทางการวางแผนการ จัดการนา้ และการแกไ้ ขปญั หา ๑๐. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปัญหามลพษิ ทางอากาศ และผลกระทบท่มี ตี ่อมนษุ ย์ และส่ิงแวดล้อม รวมทง้ั เสนอแนวทางการ แกไ้ ขปัญหา
มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วดั ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๙๐สาระท่ี ๔ ชีววิทยามาตรฐาน ว ๔.๕ เข้าใจแนวคดิ เกีย่ วกับระบบนิเวศ กระบวนการถา่ ยทอดพลงั งานและการหมุนเวยี นสารในระบบนิเวศ ความหลากหลายของไบโอม การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของส่งิ มชี วี ติ ในระบบนิเวศ ประชากรและรปู แบบการเพ่ิมของประชากร ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม ปญั หา และผลกระทบที่เกดิ จากการใชป้ ระโยชน์ และแนวทางการแกไ้ ขปญั หา ตวั ชว้ี ัดช้ันปีม.๔ ม.๕ ม.๖ ๑๑. วเิ คราะห์ อภปิ ราย และสรปุ ปัญหาท่เี กดิ กับทรัพยากรดนิ และผลกระทบทม่ี ตี อ่ มนุษย์และส่งิ แวดลอ้ ม รวมท้ังเสนอ แนวทางการแกไ้ ขปัญหา ๑๒. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปญั หาอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ ผลกระทบที่เกิดจากการทาลายปา่ ไม้ รวมท้ังเสนอแนวทางในการป้องกันการ ทาลายปา่ ไมแ้ ละการอนรุ กั ษป์ า่ ไม้ ๑๓. วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปปญั หา ผลกระทบทีท่ าใหส้ ตั วป์ า่ มีจานวนลดลง และแนวทางในการอนุรกั ษส์ ตั วป์ า่
มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวัด ฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๙๑สาระท่ี ๕ เคมีมาตรฐาน ว ๕.๑ เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบตั ขิ องธาตุ พันธะเคมีและสมบัติ ของสาร แก๊สและสมบัตขิ องแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรยี ์และพอลเิ มอร์ รวมทง้ั การนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวช้ีวดั ชัน้ ปี ม.๔ ม.๕ ม.๖เน้นวทิ ยาศาสตร์ เนน้ วิทยาศาสตร์ เน้นวิทยาศาสตร์๑. สบื ค้นขอ้ มลู สมมติฐาน การทดลอง ๑. อธิบายความสมั พันธแ์ ละคานวณ ๑. สืบค้นขอ้ มลู และนาเสนอตวั อยา่ งหรือผลการทดลองทเ่ี ปน็ ประจักษพ์ ยาน ปริมาตร ความดนั หรอื อณุ หภมู ขิ องแกส๊ สารประกอบอนิ ทรีย์ทีม่ ีพนั ธะเดี่ยวในการเสนอแบบจาลองอะตอมของ ท่ภี าวะตา่ ง ๆ ตามกฎของบอยล์ กฎของ พนั ธะคู่ หรือพันธะสาม ทพ่ี บในนกั วทิ ยาศาสตร์ และอธิบายวิวฒั นาการ ชารล์ กฎของเกย–์ ลูสแซก ชีวติ ประจาวันของแบบจาลองอะตอม ๒. คานวณปริมาตร ความดนั หรอื อณุ หภมู ิ ๒. เขียนสตู รโครงสร้างลวิ อสิ สูตร๒. เขยี นสญั ลกั ษณน์ ิวเคลียรข์ องธาตุ และ ของแกส๊ ทภ่ี าวะต่าง ๆ ตามกฎรวมแกส๊ โครงสรา้ งแบบย่อ และสตู รโครงสร้าง อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ระบจุ านวนโปรตอน นวิ ตรอน และ ๓. คานวณปริมาตร ความดัน อุณหภมู ิ แบบเส้นของสารประกอบอนิ ทรยี ์อิเลก็ ตรอนของอะตอมจากสญั ลักษณ์ จานวนโมล หรอื มวลของแกส๊ จาก ๓. วิเคราะห์โครงสรา้ งและระบุประเภทนวิ เคลียร์ รวมท้ังบอกความหมายของ ความสัมพนั ธต์ ามกฎของอาโวกาโดร และ ของสารประกอบอนิ ทรยี จ์ ากหมฟู่ งั กช์ ันไอโซโทป กฎแกส๊ อุดมคติ ๔. เขียนสูตรโครงสรา้ งและเรยี กชื่อ๓. อธิบายและเขยี นการจดั เรยี งอิเลก็ ตรอน ๔. คานวณความดนั ย่อยหรือจานวนโมล สารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภทต่าง ๆ ทม่ี ีในระดับพลงั งานหลกั และระดบั พลังงาน ของแก๊สในแก๊สผสม โดยใชก้ ฎความดัน หม่ฟู งั กช์ ันไม่เกิน ๑ หมู่ ตามระบบย่อยเมือ่ ทราบเลขอะตอมของธาตุ ย่อยของดอลตัน IUPAC๔. ระบหุ มู่ คาบ ความเปน็ โลหะ อโลหะ ๕. อธิบายการแพร่ของแก๊สโดยใชท้ ฤษฎี ๕. เขยี นไอโซเมอรโ์ ครงสรา้ งของและกงึ่ โลหะ ของธาตเุ รพรีเซนเททฟี จลน์ของแก๊ส คานวณและเปรยี บเทียบ สารประกอบอนิ ทรยี ์ประเภทต่าง ๆและธาตแุ ทรนซิชนั ในตารางธาตุ อตั ราการแพรข่ องแก๊ส โดยใชก้ ฎการ ๖. วิเคราะหแ์ ละเปรยี บเทยี บจุดเดอื ดและ๕. วเิ คราะห์และบอกแนวโน้มสมบตั ขิ อง แพรผ่ า่ นของเกรแฮม การละลายในน้าของสารประกอบธาตเุ รพรเี ซนเททีฟตามหมู่และตามคาบ ๖. สืบคน้ ข้อมลู นาเสนอตวั อยา่ ง และ อนิ ทรยี ท์ ่ีมหี มู่ฟงั ก์ชัน ขนาดโมเลกลุ๖. บอกสมบตั ิของธาตโุ ลหะแทรนซิชัน อธิบายการประยุกต์ใช้ความรู้เก่ยี วกับ หรอื โครงสร้างตา่ งกนัและเปรยี บเทียบสมบตั ิกบั ธาตโุ ลหะใน สมบัตแิ ละกฎตา่ ง ๆ ของแก๊สในการ ๗. ระบปุ ระเภทของสารประกอบกลุ่มธาตเุ รพรเี ซนเททีฟ อธิบายปรากฏการณ์ หรอื แก้ปัญหาใน ไฮโดรคาร์บอนและเขียนผลติ ภณั ฑจ์ าก๗. อธบิ ายสมบัตแิ ละคานวณครงึ่ ชวี ติ ของ ชวี ิตประจาวนั และในอตุ สาหกรรม ปฏกิ ริ ิยาการเผาไหม้ ปฏกิ ริ ยิ ากบัไอโซโทปกมั มันตรงั สี โบรมนี หรือปฏิกิรยิ ากับโพแทสเซยี ม๘. สบื คน้ ขอ้ มลู และยกตัวอยา่ งการนาธาตุ เปอรแ์ มงกาเนตมาใชป้ ระโยชน์ รวมทั้งผลกระทบตอ่ ๘. เขยี นสมการเคมีและอธิบายการสงิ่ มีชีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม เกิดปฏกิ ริ ยิ า เอสเทอริฟิเคชนั ปฏกิ ริ ยิ า๙. อธบิ ายการเกิดไอออนและการเกิด การสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซิสพันธะไอออนิก โดยใช้แผนภาพหรอื และปฏิกริ ิยาสะปอนนฟิ ิเคชันสัญลกั ษณแ์ บบจดุ ของลวิ อิส ๙. ทดสอบปฏกิ ริ ิยาเอสเทอรฟิ เิ คชนั๑๐. เขยี นสตู รและเรียกช่ือสารประกอบ ปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรลิซสิ และปฏิกริ ยิ าไอออนกิ สะปอนนฟิ ิเคชัน๑๑. คานวณพลังงานทเ่ี กี่ยวข้องกบั ๑๐. สืบคน้ ข้อมลู และนาเสนอตัวอย่างการปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบไอออนิก นาสารประกอบอนิ ทรียไ์ ปใชป้ ระโยชน์จากวัฏจักรบอร์น-ฮาเบอร์ ในชีวติ ประจาวันและอุตสาหกรรม๑๒. อธบิ ายสมบตั ิของสารประกอบไอออนกิ
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชี้วดั ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๙๒สาระที่ ๕ เคมีมาตรฐาน ว ๕.๑ เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตใุ นตารางธาตุ สมบตั ขิ องธาตุ พันธะเคมีและสมบัติ ของสาร แกส๊ และสมบัตขิ องแกส๊ ประเภทและสมบัตขิ องสารประกอบอนิ ทรยี ์และพอลเิ มอร์ รวมทั้งการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัดช้ันปี ม.๔ ม.๕ ม.๖๑๓. เขยี นสมการไอออนกิ และสมการ ๑๑. ระบุประเภทของปฏกิ ิรยิ าการเกิดไอออนิกสุทธขิ องปฏิกริ ยิ าของ พอลิเมอร์ จากโครงสร้างของมอนอเมอร์สารประกอบไอออนิก หรือพอลิเมอร์๑๔. อธบิ ายการเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์แบบ ๑๒. วิเคราะหแ์ ละอธิบายความสมั พนั ธ์พันธะเดยี่ ว พนั ธะคู่ และพันธะสาม ระหวา่ งโครงสรา้ งและสมบตั ขิ องดว้ ยโครงสร้างลวิ อสิ พอลิเมอร์ รวมท้ังการนาไปใช้ประโยชน์๑๕. เขยี นสตู รและเรยี กชือ่ สารโคเวเลนต์ ๑๓. ทดสอบและระบปุ ระเภทของพลาสตกิ อ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์๑๖. วเิ คราะหแ์ ละเปรยี บเทยี บความยาว และผลติ ภัณฑ์ยาง รวมทัง้ การนาไปใช้พันธะและพลงั งานพนั ธะในสารโคเวเลนต์ ประโยชน์รวมทัง้ คานวณพลังงานทเ่ี ก่ียวข้องกบั ๑๔. อธบิ ายผลของการปรับเปล่ยี นปฏิกริ ยิ าของสารโคเวเลนต์จากพลงั งาน โครงสรา้ ง และการสงั เคราะห์พอลเิ มอร์พันธะ ทมี่ ตี อ่ สมบตั ิของพอลิเมอร์๑๗. คาดคะเนรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนตโ์ ดย ๑๕. สบื คน้ ข้อมลู และนาเสนอตวั อย่างใชท้ ฤษฎกี ารผลกั ระหว่างคู่อิเลก็ ตรอน ผลกระทบจากการใช้และการกาจดัในวงเวเลนซ์ และระบสุ ภาพขัว้ ของ ผลติ ภณั ฑพ์ อลเิ มอรแ์ ละแนวทางแก้ไขโมเลกุลโคเวเลนต์๑๘. ระบุชนิดของแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ และเปรยี บเทยี บจุดหลอมเหลว จดุ เดอื ด และการละลายน้าของสารโคเวเลนต์๑๙. สบื ค้นขอ้ มลู และอธิบายสมบตั ขิ องสารโคเวเลนตโ์ ครงร่างตาขา่ ยชนิดต่าง ๆ๒๐. อธิบายการเกดิ พนั ธะโลหะและสมบตั ิของโลหะ๒๑. เปรียบเทยี บสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์และโลหะ สืบคน้ ขอ้ มลู และนาเสนอตวั อย่างการใชป้ ระโยชนข์ องสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์และโลหะ ได้อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ดั ฯ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๙๓สาระท่ี ๕ เคมีมาตรฐาน ว ๕.๒ เขา้ ใจการเขียนและการดลุ สมการเคมี ปรมิ าณสัมพันธใ์ นปฏกิ ริ ิยาเคมี อตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ า เคมี สมดลุ ในปฏกิ ิริยาเคมี สมบตั แิ ละปฏกิ ริ ยิ าของกรด–เบส ปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์และเซลล์ เคมไี ฟฟ้า รวมทั้งการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชวี้ ัดชนั้ ปี ม.๔ ม.๕ ม.๖เน้นวิทยาศาสตร์ เนน้ วิทยาศาสตร์ -๑. แปลความหมายสญั ลักษณ์ในสมการ ๑. ทดลอง และเขียนกราฟการเพม่ิ ขึ้นหรอืเคมี เขียนและดลุ สมการเคมีของ ลดลงของสารทีท่ าการวัดในปฏกิ ิรยิ าปฏกิ ิรยิ าเคมบี างชนดิ ๒. คานวณอตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี และ๒. คานวณปริมาณของสารในปฏกิ ริ ยิ าเคมี เขยี นกราฟการลดลงหรอื เพิม่ ขน้ึ ของสารที่เก่ียวข้องกบั มวลสาร ทไ่ี มไ่ ดว้ ัดในปฏิกริ ิยา๓. คานวณปริมาณของสารในปฏกิ ิรยิ าเคมี ๓. เขยี นแผนภาพและอธิบายทศิ ทางการอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์ทเ่ี กย่ี วข้องกับความเข้มข้นของ ชนกันของอนุภาคและพลังงานทีส่ ง่ ผลตอ่สารละลาย อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี๔. คานวณปรมิ าณของสารในปฏกิ ิรยิ าเคมี ๔. ทดลองและอธบิ ายผลของความเข้มข้นท่เี กยี่ วขอ้ งกับปรมิ าตรแก๊ส พ้ืนทผ่ี ิวของสารตน้ั ต้น อณุ หภมู ิ และ๕. คานวณปรมิ าณของสารในปฏกิ ริ ิยาเคมี ตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ าทม่ี ตี อ่ อตั ราการเกดิหลายข้ันตอน ปฏิกิรยิ าเคมี๖. ระบสุ ารกาหนดปริมาณและคานวณ ๕. เปรยี บเทยี บอัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเมื่อปริมาณสารต่าง ๆ ในปฏกิ ริ ิยาเคมี มีการเปลีย่ นแปลงความเขม้ ขน้ พน้ื ทีผ่ วิ๗. คานวณผลไดร้ ้อยละของผลติ ภณั ฑ์ใน ของสารตั้งตน้ อุณหภูมิ และตัวเรง่ปฏกิ ริ ิยาเคมี ปฏกิ ริ ยิ า ๖. ยกตวั อย่างและอธิบายปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมใี นชวี ติ ประจาวันหรืออุตสาหกรรม ๗. ทดสอบและอธิบายความหมายของ ปฏกิ ริ ยิ าผันกลับได้และภาวะสมดลุ ๘. อธบิ ายการเปลีย่ นแปลงความเขม้ ข้น ของสาร อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าไป ขา้ งหนา้ และอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า ยอ้ นกลับ เมือ่ เริ่มปฏิกิรยิ าจนกระทั่ง ระบบอยู่ในภาวะสมดุล ๙. คานวณคา่ คงท่สี มดลุ ของปฏกิ ริ ิยา ๑๐. คานวณความเขม้ ขน้ ของสารที่ภาวะ สมดลุ ๑๑.คานวณคา่ คงที่สมดลุ หรือความเขม้ ข้น ของปฏิกริ ยิ าหลายขนั้ ตอน ๑๒. ระบปุ จั จยั ท่มี ีผลตอ่ ภาวะสมดลุ และ ค่าคงทส่ี มดลุ ของระบบ รวมท้งั คาดคะเน การเปลยี่ นแปลงท่เี กดิ ขนึ้ เมือ่ ภาวะสมดลุ ของระบบถกู รบกวนโดยใช้หลกั ของ เลอชาเตอลิเอ
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ดั ฯ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๙๔สาระที่ ๕ เคมีอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์มาตรฐาน ว ๕.๒ เขา้ ใจการเขยี นและการดลุ สมการเคมี ปรมิ าณสมั พันธใ์ นปฏิกิรยิ าเคมี อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า เคมี สมดุลในปฏิกริ ยิ าเคมี สมบตั แิ ละปฏิกริ ิยาของกรด–เบส ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์และเซลล์ เคมไี ฟฟา้ รวมท้ังการนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตวั ชว้ี ดั ชนั้ ปี ม.๔ ม.๕ ม.๖ ๑๓. ยกตัวอยา่ งและอธบิ ายสมดลุ เคมีของ กระบวนการทเี่ กดิ ขึ้นในส่งิ มชี วี ติ ปรากฏการณ์ในธรรมชาตแิ ละกระบวนการ ในอุตสาหกรรม ๑๔. ระบุและอธิบายว่าสารเป็นกรดหรอื เบส โดยใช้ทฤษฎกี รด–เบสของ อาร์เรเนยี ส เบรินสเตด–ลาวรี และลวิ อสิ ๑๕. ระบุคู่กรด-เบสของสารตามทฤษฎี กรด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี ๑๖. คานวณและเปรียบเทียบ ความสามารถในการแตกตวั หรอื ความ แรงของกรดและเบส ๑๗. คานวณคา่ pH ความเขม้ ขน้ ของ ไฮโดรเนยี มไอออน หรอื ไฮดรอกไซด์ ไอออนของสารละลายกรดและเบส ๑๘. เขยี นสมการเคมแี สดงปฏกิ ริ ยิ าสะเทิน และระบุความเปน็ กรด-เบสของ สารละลายหลงั การสะเทนิ ๑๙. เขยี นปฏกิ ิรยิ าไฮโดรลซิ ิสของเกลือ และระบุความเป็นกรด-เบสของ สารละลายเกลอื ๒๐. ทดลองและอธบิ ายหลักการการ ไทเทรต และเลอื กใชอ้ ินดเิ คเตอร์ท่ี เหมาะสมสาหรบั การไทเทรตกรด-เบส ๒๑. คานวณปรมิ าณสารหรอื ความเข้มขน้ ของสารละลายกรดหรือเบสจากการ ไทเทรต ๒๒. อธิบายสมบตั ิ องคป์ ระกอบ และ ประโยชนข์ องสารละลายบฟั เฟอร์ ๒๓. สบื คน้ ขอ้ มลู และนาเสนอตวั อย่างการ ใช้ประโยชน์และการแกป้ ัญหาโดยใช้ ความรเู้ กี่ยวกบั กรด–เบส ๒๔. คานวณเลขออกซิเดชันและระบุ ปฏกิ ริ ยิ าทเี่ ปน็ ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ ๒๕. วิเคราะหก์ ารเปล่ียนแปลงเลข ออกซิเดชันและระบตุ ัวรีดิวซ์และตวั ออก ซิไดส์ รวมทง้ั เขียนครึง่ ปฏกิ ริ ยิ า
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ฯ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ๙๕สาระที่ ๕ เคมีมาตรฐาน ว ๕.๒ เข้าใจการเขยี นและการดลุ สมการเคมี ปริมาณสมั พันธใ์ นปฏกิ ริ ิยาเคมี อตั ราการเกิดปฏิกริ ิยา เคมี สมดลุ ในปฏิกิรยิ าเคมี สมบตั ิและปฏิกริ ยิ าของกรด–เบส ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์และเซลล์ เคมีไฟฟา้ รวมทั้งการนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ตัวชีว้ ดั ชัน้ ปี ม.๔ ม.๕ ม.๖ ออกซเิ ดชนั และคร่ึงปฏกิ ริ ยิ ารดี ักชันของ ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ ๒๖. ทดลองและเปรยี บเทยี บความสามารถ ในการเปน็ ตัวรดี ิวซ์หรือตัวออกซิไดส์ และเขยี นแสดงปฏิกริ ิยารีดอกซ์ ๒๗. ดุลสมการรีดอกซด์ ว้ ยการใช้เลข ออกซเิ ดชนั และวธิ คี รง่ึ ปฏิกริ ยิ า ๒๘. ระบุองค์ประกอบของเซลลเ์ คมีไฟฟา้ และเขียนสมการเคมีของปฏิกริ ยิ าที่ แอโนดและแคโทด ปฏิกริ ยิ ารวม และ แผนภาพเซลล์ ๒๙. คานวณคา่ ศกั ยไ์ ฟฟา้ มาตรฐานของ เซลล์ และระบปุ ระเภทของเซลล์ เคมีไฟฟา้ ขั้วไฟฟา้ และปฏกิ ริ ิยาเคมที ี่ เกดิ ขึ้น ๓๐. อธิบายหลกั การทางานและเขียน สมการแสดงปฏิกิรยิ าของเซลล์ปฐมภมู ิ และเซลลท์ ตุ ยิ ภมู ิ ๓๑. ทดลองชุบโลหะและแยกสารเคมดี ว้ ย กระแสไฟฟา้ และอธบิ ายหลักการทาง เคมไี ฟฟ้าท่ใี ชใ้ นการชุบโลหะ การแยก สารเคมีดว้ ยกระแสไฟฟ้า การทาโลหะให้ บริสทุ ธ์ิ และการปอ้ งกนั การกัดกรอ่ นของ โลหะ ๓๒. สืบค้นขอ้ มูลและนาเสนอตัวอยา่ ง ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีท่เี กี่ยวข้อง กบั เซลลเ์ คมไี ฟฟา้ ในชีวิตประจาวนัอ ู่ยระห ่วาง ํดเาอเกนิสนากรา ้ตรนจัฉด ับพิบมพ์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130