Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วัดสำคัญ ประเพณีล้ำค่า คู่ฟ้าบางกรวย

วัดสำคัญ ประเพณีล้ำค่า คู่ฟ้าบางกรวย

Published by ครูนภัสสร, 2020-04-23 03:35:16

Description: วัดสำคัญ ประเพณีล้ำค่า คู่ฟ้าบางกรวย

Search

Read the Text Version

5. สิ่งก่อสรา้ งทีส่ ำคญั ในวดั บางอ้อยชา้ ง วัดบางอ้อยชา้ งมสี ิง่ ก่อสรา้ งท่ีสำคัญ จำนวน 5 แหง่ ได้แก่ 1) อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราชเป็นอนุสรณ์เม่ือคร้งั รวบรวมเสบียง เวลาเกดิ ศึกสงครามร่วมกับกองทัพหลวง รวมถงึ สง่ ชายฉกรรจ์ในพื้นท่ีไปรว่ มรบกับกองทัพของสมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชในการกอบกู้แผน่ ดิน กกกกกก

2) มณฑปพระพุทธบาทริมน้ำสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2535 ตกแต่งแบบไทยเดิมที่งดงาม รอยพระพุทธบาทจำลองหล่อด้วยทองสำริดขนาด 54 นิ้ว กว้าง 19.5 นิ้ว หนัก 190 กิโลกรัม โดย สันนิษฐานว่าพระอธิการทองอยู่ เจ้าอาวาสวัดรูปแรกได้ธุดงค์ไปทางเหนือได้พบพระพุทธบาทจำลอง ในป่า และพระศาสดาที่เมืองพิษณุโลกเมื่อ พ.ศ. 2339 จึงได้อาราธนาลงแพไม้ล่องลงมาประดิษฐาน ณ วดั บางออ้ ยชา้ ง พระศาสดาปจั จุบันประดิษฐานอยู่ที่วดั บวรนเิ วศวหิ าร กรุงเทพมหานคร

3) ศาลาการเปรียญ เปน็ ศาลาวดั สำหรับพระสงฆ์แสดงธรรม หรอื เป็นสถานท่ี ประกอบศาสนพธิ ี มภี าพจติ รกรรมลวดลายทองรอยพระพุทธบาทบนฝ้าเพดานไม้เหนือศรี ษะ

4) อาคารพพิ ิธภัณฑ์วัดบางอ้อยช้าง เป็นอาคารกุฎีเดมิ ของพระครนู นทวตั รวิบลู ย์ ซ่ึง เป็นผู้รเิ ร่ิมและรว่ มกบั ชาวบ้านบางอ้อยชา้ งในการก่อต้ังพิพธิ ภัณฑ์ เม่ือปี พ.ศ. 2542 มีวัตถปุ ระสงค์ สำคัญสำหรับใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาสมบัติ วตั ถุโบราณท่ีมีอยู่ในวัด และชุมชนบางอ้อยช้าง

5) พระอุโบสถวัดบางอ้อยชา้ งเปน็ ส่งิ ยดึ เหนี่ยวจติ ใจของพทุ ธศาสนกิ ชนมาแต่ อดตี จนถงึ ปัจจบุ นั กล่าวสรุป สิ่งก่อสร้างที่สำคัญในวัดบางอ้อยช้างมีจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ (1) อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นอนุสรณ์เมื่อครั้งรวบรวมเสบียงเวลาเกิดศึกสงคราม ร่วมกับกองทัพหลวง รวมถึงส่งชายฉกรรจ์ในพื้นที่ไปร่วมรบกับกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราชในการกอบกู้แผ่นดิน (2) มณฑปพระพุทธบาทริมน้ำสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2535 ตกแต่งแบบไทย เดิมสวยสง่างาม รอยพระพุทธบาทจำลองหล่อด้วยทองสำรดิ ขนาด 54 นิ้ว กว้าง 19.5 นิ้ว หนัก 190 กิโลกรมั โดยสันนิษฐานว่าพระอธิการทองอยู่ เจา้ อาวาสวดั รปู แรกได้ธุดงค์ไปทางเหนือได้พบพระพุทธ บาทจำลองในป่า และพระศาสดาที่เมืองพิษณุโลกเมื่อ พ.ศ. 2339 จึงได้อาราธนาลงแพไม้ล่องลงมา ประดิษฐาน ณ วัดบางอ้อยช้าง ส่วนพระศาสดาองค์ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร (3) ศาลาการเปรียญ เป็นสถานที่สำหรับพระสงฆ์แสดงธรรมและหรือสถานท่ี ประกอบศาสนพิธีมีภาพจิตกรรมรอยพระพุทธบาทลวดลายทองบนฝ้าเพดานไม้เหนือศีรษะ (4) อาคารพิพิธภัณฑ์วัดบางอ้อยช้าง เป็นอาคารกุฎีเดิมของพระครูนนทวัตรวิบูลย์ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มและ ร่วมกับชาวบา้ นบางอ้อยช้างในการก่อสร้างพิพธิ ภณั ฑ์ เม่ือปี พ.ศ. 2542 มวี ัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็น สถานทเ่ี ก็บรกั ษาโบราณวัตถทุ ม่ี ีอยใู่ นวดั และโบราณวัตถุทีม่ อี ยู่ในชุมชนบางอ้อยชา้ ง และ

(5) พระอุโบสถวัดบางอ้อยช้าง เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนมาแต่อดีตจน ถึงปัจจบุ นั เรอื่ งท่ี 3 วัดบางไกรใน กกกกกกก1. ประวัติความเป็นมาของวัดบางไกรในมีพื้นที่ตั้งอยู่ริมคลองบางนายไกร ตำบลบางขุน กอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี วัดบางไกรในเดิมชื่อ“วัดบางนายไกร” ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา มีตำนานเล่าว่านายไกรทองเป็นชาวสวน เรียนวิชาอาคมต่างๆ ที่วัดลิงขบ (วัดบวรมงคล) จะนำผลไม้ ลงในเรอื แล้วกล็ ่องเรือไปตามหวั เมืองต่าง ๆ ทั้งทางเหนอื และทางใต้ ครัง้ น้นั นายไกรทองได้ล่องเรือไป ทางหวั เมอื งทางเหนอื ณ เมืองพิจติ รได้เจอประกาศการปราบจระเข้ ผใู้ ดปราบไดจ้ ะได้รางวัล คือ ได้ท่ี นาทำกินที่เมืองพิจิตร แต่งงานกับหญิงเมืองพิจิตร ได้ทรัพย์สมบัติ นายไกรทองจึงไปเรียนวิชาหอก เทียนเบิกน้ำ เมื่อปราบชาละวันเรียบร้อยแล้ว นายไกรทองได้ตั้งหลักปักฐานอยู่ท่ีเมืองพิจิตรจน สิ้นชีวิตต่อมาบุตรหลานที่จังหวัดนนทบุรีได้สืบหา และยังได้ประกาศตามหาบุตรหลานนายไกรทองที่ เมืองพิจิตรด้วยแต่ไม่พบบุตรหลานจงึ ได้สร้างวัดบางนายไกร เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่นายไกรทองที่ปราบ ชาละวันได้ทีเ่ มอื งพจิ ิตร วัดบางไกรใน สร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททอง สมัยกรุงศรีอยุธยาเดิมวัดเป็นโครง หลังคาสร้างด้วยไม้สักทอง แกะสลักลายไม้สักทองเขียนด้วยจิตรกรรมสีลายต่างๆอายุประมาณ 300 กว่าปี โบราณสถานสำคัญภายในวดั บางไกรใน ได้แกพ่ ระอโุ บสถก่ออฐิ ฉาบปนู เรียบ มมี ขุ พาไลโครงสร้างไม้ ทั้งหน้าและหลัง หนา้ บนั เป็นไมส้ ักฉลุลวดลาย บานประตดู ้านหน้ามีภาพเขียนสีรูปทวารบาลถืออาวุธด้าม ยาว ฉากหลังเขียนภาพช่อดอกพุดตานใบเทศภายในพระอโุ บสถประดิษฐานพระพุทธไกรรัตนนายก (หลวง พ่อโต) มศี าลนายไกรทองบริเวณข้างๆพระอุโบสถ ภายในบริเวณวัดบางไกรใน มีวิหารหลังเขียว (หลังเก่า) มีพระพุทธรูปหลวงพ่ออู่ ทองหรอื หลวงพ่อแหนซ่งึ ตามประวัติเดมิ หลวงพอ่ ถูกสร้างในสมยั พระเจ้าอู่ทอง คร้ังมาตง้ั กองทัพไปรบ เมืองราชบุรี หลวงพ่ออู่ทองเดิมย้ายมาจากวัดร้างและที่เรียกหลวงพ่อแหนเพราะว่าในการอัญเชิญ หลวงพ่อมาประดิษฐาน ณ วัดบางนายไกร หลวงพ่อแหนตกลงไปในคลองเมื่อนำขึ้นมาแหนก็ติดตาม ตัว จึงเรียกหลวงพ่อแหนต่อมากรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณวัดและยกให้เป็นโบราณสถานแห่งตำบล บางขนุ กองและเปลยี่ นช่ือเปน็ วดั บางไกรใน จนถงึ ปัจจบุ ัน กล่าวโดยสรุปประวัติความเป็นมาวัดบางไกรใน สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามีที่มาจากนายไกรทองมี ช่ือเสียงตามตำนานเลา่ กันมาว่าเป็นชาวบางกรวยสามารถปราบพญาชาละวนั จระเข้เมืองพจิ ิตรได้ ซึ่งต่อมา บุตรหลานได้สร้างวัดบางนายไกร เพอื่ เป็นอนสุ รณ์แก่นายไกรทองและปัจจุบันเปล่ียนเป็นวัดบางไกรใน

กกกกกกกก2. ความสำคัญของวดั บางไกรใน วัดบางไกรในมีความสำคญั คือ เปน็ วัดโบราณสรา้ งขึ้นเป็นท่ีระลึกถึงนายไกรทองผู้ ปราบพญาชาละวัน เป็นทีย่ ึดเหนีย่ วจิตใจ และประกอบพธิ ีกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสน กลา่ วโดยสรุปวัดบางไกรใน มคี วามสำคัญ คือ เป็นโบราณสถานท่ีมปี ระวัติความเป็น มากกวา่ 300 ปี และเป็นทย่ี ดึ เหนยี่ วจิตใจ และประกอบพิธีกรรมในวนั สำคัญทางพระพุทธศาสนา กกกกกกก3. บุคคลสำคัญทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั วัดบางไกรใน วดั บางไกรใน มบี คุ คลสำคัญที่เกยี่ วขอ้ ง 2 รปู ไดแ้ ก่ 1) พระครูสถิตวิสุทธิวงศ์เจ้าอาวาสวัดบางไกรใน รูปปัจจุบันที่อยู่ 111 หมู่ที่ 4 ถนน นครอินทร์ (พระราม5) ในคลองบางนายไกร ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 02-9247008 ได้ดูแลภาระ ธุระของศาสนา รวมทั้งให้การดูแลคันถะธุระและ วปิ สั สนาธุระ ของพระพุทธศาสนา 2) พระครูนนทโสภณ ที่อยู่ 111 หมู่ที่ 4 ถนนนครอินทร์ (พระราม5) ในคลองบางนายไกร ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 02-9247008 อดีตเจ้าอาวาสวัดบางไกรใน เป็นพระนักพัฒนาและยังได้สร้างสาธารณะประโยชน์ ต่าง ๆ เช่น โรงเรียน สถานีอนามัย และห้องสมุดประชาชน เป็นต้น

กล่าวโดยสรุป วัดบางไกรในมีบุคคลสำคญั ท่ีเกีย่ วข้อง จำนวน 2 รูป ได้แก่ (1) พระครู สถิตวิสุทธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดบางไกรใน รูปปัจจุบันได้ดูแลภาระธุระของศาสนา รวมทั้งให้การดูแลคัน ถะธุระและวิปัสสนาธุระของพระพุทธศาสนาและ (2) พระครูนนทโสภณ พระวัดบางไกรใน เป็นพระ นักพัฒนาและยังได้สร้างสาธารณะประโยชน์ต่าง ๆ เช่น โรงเรียน สถานีอนามัย และห้องสมุด ประชาชน เปน็ ตน้

กกกกกกก4. พระพุทธรปู ท่ีสำคัญในวดั บางไกรใน วดั บางไกรในมีพระพทุ ธรปู ท่สี ำคัญ จำนวน 2 องค์ไดแ้ ก่ 1) พระพุทธไกรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) เป็นพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายในพระ อุโบสถเพอ่ื ให้พทุ ธศาสนิกชนทศี่ รทั ธากราบนมัสการ และสกั การะบชู า

2) พระพุทธรูปหลวงพ่ออู่ทอง หรือหลวงพ่อแหน นิมนต์มาไว้เพื่อให้ พุทธศาสนกิ ชนไดก้ ราบนมสั การ และสักการะบูชา กล่าวโดยสรุป วัดบางไกรในมีพระพุทธรูปที่สำคัญ จำนวน 2 องค์ ได้แก่ (1) พระพุทธไกรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) เป็นพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ เพื่อให้ พุทธศาสนิกชนที่นับถือศรัทธากราบนมัสการ และสักการะบูชา และ (2) พระพุทธรูปหลวงพ่ออู่ทอง หรอื เรยี กอีกชอื่ ว่า หลวงพ่อแหน นิมนตม์ าไว้เพ่อื ใหพ้ ุทธศาสนกิ ชนที่นับถอื ศรัทธากราบนมสั การ และ สกั การะบชู า

5. สง่ิ ก่อสรา้ งท่สี ำคัญในวดั บางไกรใน วัดบางไกรในมสี งิ่ ก่อสรา้ งที่สำคัญ จำนวน 2 แห่ง ไดแ้ ก่ 1) ศาลนายไกรทอง สร้างขน้ึ เพ่ือเชดิ ชคู วามเกง่ กลา้ ของนายไกรทองท่สี ามารถปราบ พญาชาละวันจระเขเ้ มืองพจิ ติ รลงได้

2) พระอุโบสถวัดบางไกรใน เป็นสถานท่ีพระสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมตาม พระวินัย ได้แก่ สวดพระปาติโมกข์ ทำพิธีอุปสมบท และศาสนพิธีอื่น ๆ มีพัทธสีมา เป็นเคร่ือง บอกเขต กล่าวโดยสรปุ วัดบางไกรใน มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ (1) ศาลนาย ไกรทอง สร้างขึน้ เพื่อเชดิ ชูความเก่งกลา้ ของนายไกรทอง ที่สามารถปราบพญาชาละวันลงได้ และ (2) พระอุโบสถวัดบางไกรใน เป็นสถานที่พระสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมตามพระวินัย สวดพระปาติโมกข์ ทำพิธีอุปสมบท และศาสนพิธีอ่นื ๆ มีพัทธสีมาเป็นเครื่องบอกเขต เร่อื งที่ 4 วดั โบสถ์บน 1. ประวตั ิความเป็นมาของวัดโบสถบ์ น วัดโบสถ์บน ไม่ปรากฏประวัติ และผู้สร้างชัดเจน แต่มีเรื่องเล่าที่ปรากฏในหนังสือ ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม 2 (พิมพ์เม่ือ พ.ศ.2526) กล่าวว่า พระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรี อยุธยา เคยเสด็จมาประทับอยู่ในสถานที่แห่งนี้ และโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างถาวรวัตถุ ที่เป็นศิลปกรรมแบบสมัยกรุงศรีอยุธยา มีเอกลักษณ์ คือ พระอุโบสถรูปเรือสำเภา หมายถึง การเดนิ ทางสญั จร และการค้าขายในอดตี วัดโบสถ์บน บางคูเวียง ตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อยฝั่งตะวันตก บริเวณหมู่ 4 ตำบล บางคูเวยี ง อำเภอบางกรวย จงั หวัดนนทบุรี เปน็ วดั โบราณสร้างข้ึนตัง้ แต่สมยั กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย

ซึ่งวัดยังอนุรักษ์โบราณสถานไว้ในสภาพสมบูรณ์ คงไว้ซึ่งภูมิปัญญาและศิลปะอันงดงามล้ำค่าแห่ง บรรพบุรุษไทย วัดโบสถ์บนสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2300 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ ประมาณ ปี พ.ศ. 2310 พ้นื ที่โดยรอบวดั เป็นสวนและเปน็ ลำคลอง กล่าวโดยสรุป วัดโบสถ์บน มีประวัติความเป็นมาคือ เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นตั้งแต่ สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรอี ยุธยา เคยเสด็จมาประทับมาอยู่สถานท่ี แห่งน้ี ภายหลังได้พระราชทานที่ดินให้สร้างเป็นวัด โดยโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ มให้สรา้ งถาวรวัตถทุ ่ี เป็นศิลปกรรมแบบสมัยกรุงศรีอยุธยา มีเอกลักษณ์ คือ พระอุโบสถเป็นรูปทรงเรือสำเภา หมายถึง การเดนิ ทางสัญจรและการคา้ ขายในอดีต กกกกกกก2. ความสำคัญของวดั โบสถบ์ น วัดโบสถ์บนบางคูเวียง จังหวัดนนทบุรี เป็นสถานที่สำคัญ 1 ใน 6 แห่งที่เกี่ยวเนื่องกับ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ คือ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺสโร) ผู้ค้นพบวิชา ธรรมกาย วัดโบสถ์บนยังเป็นสถานที่บรรลุธรรมของท่านนอกจากนี้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของ ประชาชน และใชใ้ นการประกอบพิธกี รรมในวนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา กล่าวโดยสรุป วัดโบสถ์บน มีความสำคัญ คือ เป็นวัดโบราณ เป็นสถานที่บรรลุธรรม ของหลวงพ่อสด จนสโร ผู้ค้นพบวิชาธรรมกาย และการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของธรรมกาย นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน และใช้ในการประกอบพิธีกรรมในวันสำคัญ ทางพระพุทธศาสนา

กกกกกกก3. บคุ คลสำคญั ทเ่ี ก่ยี วข้องกับวัดโบสถ์บน วดั โบสถบ์ น มีบุคคลสำคญั ทเี่ กี่ยวขอ้ ง 2 รปู ได้แก่ 1) พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺสโร) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระผู้ค้นพบวิชาธรรมกาย และการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของธรรมกาย ท่านได้บรรลุธรรมที่วัดโบสถ์บน จึงได้สร้างรูปหล่อ ทองคำของท่าน ไวเ้ ปน็ อนสุ รณ์

กกกกกกก2) พระสมุห์อนุวฒั น์ อายุวฑฺฒโน ที่อยู่ วัดโบสถ์บน หมู่ที่ 4 ตำบลบางคูเวียง ตำบลปลาย บาง จังหวัดนนทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 080 - 2646555 เจ้าอาวาสวัดโบสถ์บน รูปปัจจุบัน ได้ดูแล ภาระธรุ ะของศาสนา รวมทง้ั ให้การดแู ลคนั ถะธรุ ะและวปิ ัสสนาธุระ ของพระพุทธศาสนา กล่าวโดยสรุป วัดโบสถ์บน มีบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 รูป ได้แก่ (1) พระ มงคลเทพมุนี (สด จนสฺ โร) พระผคู้ ้นพบวิชาธรรมกาย และการปฏบิ ัติธรรมตามแนวทางของธรรมกาย ท่านได้บรรลุธรรมที่วัดโบสถ์บน และ (2) พระสมุห์อนุวัฒน์ อายุวฑฺฒโน เจ้าอาวาสวัด โบสถ์บน (รูป ปัจจุบัน) ได้ดูแลภาระธุระของศาสนา รวมทั้งให้การดูแลคันถะธุระ และวิปัสสนาธุระของ พระพุทธศาสนา

กกกกกกก4. พระพุทธรูปที่สำคัญในวดั โบสถบ์ น วดั โบสถ์บน มพี ระพุทธรปู ทสี่ ำคัญ จำนวน 2 องค์ได้แก่ 1) พระประธานในพระอุโบสถ รวมถึงพระพุทธรูปบริวารอีก 28 องค์ และพระอัคร สาวกซ้ายขวาสร้างไว้เพือ่ ใหพ้ ุทธศาสนกิ ชนท่ีศรทั ธากราบนมัสการ และสักการะบูชา

กกกกกกก2) รูปหล่อทองคำพระมงคลเทพมุนี(สด จนฺสโร)วัดปากน้ำ ตั้งเป็นอนุสรณ์เพื่อให้ พทุ ธศาสนกิ ชนที่ศรัทธากราบนมัสการ และสกั การะบูชา กล่าวโดยสรุป วัดโบสถ์บนมีพระพุทธรูปที่สำคัญ จำนวน 2 องค์ ได้แก่ (1) พระ ประธานในพระอุโบสถ รวมถึงพระพุทธรูปบริวาร 28 องค์ และพระอัครสาวกซ้ายขวา เป็นสร้างไว้ เพอ่ื ให้พุทธศาสนิกชนทศี่ รัทธากราบนมสั การ และสกั การะบูชา และ (2) รปู หลอ่ ทองคำพระมงคลเทพ มนุ (ี สด จนสฺ โร)สรา้ งเปน็ อนสุ รณ์เพ่อื ให้พทุ ธศาสนิกชนทีศ่ รัทธากราบนมัสการ และสักการะบูชา

กกกกกกก5. สงิ่ ก่อสร้างท่ีสำคัญในวัดโบสถบ์ น วดั โบสถบ์ นมสี ่ิงก่อสรา้ งทสี่ ำคัญ จำนวน 2 แห่ง ไดแ้ ก่ 1) โบสถ์บนบางคูเวียงเป็นศาสนสถานที่พระสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมตามพระวินัย ได้แก่ สวด พระปาติโมกข์ทำพธิ ีอปุ สมบท และศาสนพิธีอ่ืน ๆ ซึ่งมพี ทั ธสมี าเป็นเครื่องบอกเขต

กกกกกกก2) พระอโุ บสถเป็นศาสนสถานท่ีพระสงฆ์ใชท้ ำสังฆกรรมตามพระวินัย ได้แก่ สวดพระ ปาติโมกขท์ ำพิธีอุปสมบท และศาสนพิธอี ืน่ ๆ มีพทั ธสมี าเป็นเคร่อื งบอกเขต กล่าวโดยสรุป วัดโบสถ์บนมสี ิ่งก่อสร้างที่สำคัญ จำนวน 2 แห่งได้แก่ (1) โบสถ์บนบางคูเวยี ง เป็นศาสนสถานที่พระสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมตามพระวินัย ได้แก่ สวดพระปาติโมกข์ทำพิธีอุปสมบท และศาสนพิธีอื่น ๆ มีพัทธสีมาเป็นเครื่องบอกเขต และ (2) พระอุโบสถเป็นศาสนสถานที่พระสงฆ์ใช้ ทำสังฆกรรมตามพระวินัย ได้แก่ สวดพระปาติโมกข์ ทำพิธีอุปสมบท และศาสนพิธีอื่น ๆ มีพัทธสีมา เปน็ เคร่ืองบอกเขตกกก กกกก

เร่ืองที่ 5 วดั แกว้ ฟ้า กกกกกกก1. ประวตั ิความเป็นมาของวัดแก้วฟา้ วัดแก้วฟ้า ตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อย ตำบลบางขนุน มีการสันนิษฐานว่าสร้างเม่ือ ประมาณ ปี พ.ศ. 2095 สมัยรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ ชื่อ วัดแก้วฟ้า น่าจะมีความเกี่ยวเน่อื ง กับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น คือ สมเด็จพระไชยราชาธิราช เสด็จ สวรรคตโดยกะทันหัน พระราชโอรสองค์ใหญ่ คือ พระแก้วฟ้าพระชนมายุ 13 พรรษา ได้รับการ สถาปนาให้ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ได้ 1 ปี 2 เดือน ถูกขุนวรวงศาธิราชประหารชีวิตแล้วข้ึน ครองราชย์แทนต่อมาขุนวรวงศาธิราชถูกขุนพิเรนทรเทพจบั ปลงพระชนม์นำเอาพระศพเสยี บประจาน แลว้ สถาปนาพระเฑยี รราชาซ่ึงเปน็ เชอื้ พระวงศ์ของพระไชยราชาขึ้นครองราชยเ์ ปน็ สมเดจ็ พระมหาจักรพรรด์ิ ในหนงั สือวัฒนธรรมพัฒนาการทางประวตั ิศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัด นนทบุรี ของคณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะอำนวยการจัดงานเฉลมิ พระ ชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ไดก้ ล่าวถึงประวตั ิความเปน็ มาของวดั แกว้ ฟ้าว่า เป็นวัดที่ สร้างขึ้นประมาณ ปี พ.ศ. 2095 รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ภายหลังที่ทรงตั้งเมืองนนทบุรี3 ปี แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเปน็ ผู้สร้าง แต่จากหลักฐานทางด้านโบราณสถาน และโบราณวัตถุที่พระ อุโบสถหลังเก่าเป็นสิ่งก่อสร้างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สภาพปัจจุบันพระอุโบสถหลังเก่าชำรุด มากจำเป็นต้องรบี บูรณปฏสิ ังขรณ์ วัดแก้วฟ้าเป็นวัดราษฎร์ สร้างสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรด์ิพระมหากษัตรยิ ์ลำดบั ที่ 16 แห่งกรุงศรีอยุธยาช่วง พ.ศ. 2091-2111 ส่วนชื่อของ \"วัดแก้วฟ้า\" นั้นตรงกับพระนามของ พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 14 คือสมเด็จพระเจ้าแก้วฟ้า (พระยอดฟ้า) พระราชโอรสในสมเด็จพระไชย ราชาธิราชกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในพ.ศ.2110 และผูกพัทธสีมา เมอ่ื ปี พ.ศ.2114 โบราณสถานภายในวัดล้วนเป็นศิลปะสมัยกรงุ ศรีอยุธยาตอนปลายทม่ี ีความสำคัญไล่ เรียงกันตั้งแต่พระอุโบสถหลังเก่าเป็นแบบทรงโรงมุงด้วยกระเบื้องกาบกล้วยดินเผาไม่เคลือบสีตรง กลางมีเทพพนมชายคามีเทพพนมอุดปลายอาคารเครื่องก่อฝาผนังหุ้มกลองก่ออิฐดอกไก่ด้านใน ประดิษฐานพระประธาน \"หลวงพ่อโต\" หรือ \"หลวงพ่อใหญ่\" ด้านหน้าพระอุโบสถมีประตู 2 บาน ดา้ นหลังปิดทบึ ดา้ นขา้ งมหี นา้ ต่างด้านละ 4 ชอ่ งพรอ้ มซุ้มหน้าต่างลวดลายปูนปั้นฐานพระอุโบสถแอ่น โค้งแบบเรือสำเภากำแพงแก้วเป็นกำแพงบัวหลังเจียดเสาประตูเ ป็นเสาหัวเม็ดทรงมัณฑ์อยู่ทางทิศ เหนือและทิศใต้ด้านละ 1 ช่องใบเสมาทำจากศิลาทรายสีแดงมีลวดลายจำหลัก มีซุ้มทรงกูบช้าง ลอ้ มรอบพระอุโบสถทั้งหมด 8 ซุ้มมุมกำแพงแกว้ ด้านนอกท้ัง 4 มมุ มีเจดีย์ยอ่ มุมไมส้ ิบสองและมีเจดีย์ ย่อมมุ ไม้ยี่สิบองค์ใหญ่อีก 1 องค์ตั้งอยู่หลังพระอโุ บสถนอกกำแพงแกว้ ซ่ึงเจดยี ์ลักษณะนี้เป็นประเพณี ทส่ี ร้างตง้ั แต่สมยั กรงุ สุโขทัย สมัยกรงุ ศรอี ยุธยาและจนถงึ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์

กล่าวโดยสรุป วัดแก้วฟ้ามีประวัติความเป็นมา สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2095 สมัย รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรด์ิ ชื่อ วัดแก้วฟ้า น่าจะมีความเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ทาง ประวัติศาสตร์ในสมยั กรุงศรีอยุธยาตอนตน้ คอื สมเด็จพระไชยราชาธริ าช เสด็จสวรรคตโดยกะทันหัน พระราชโอรสองค์ใหญ่ คือ พระแก้วฟ้าพระชนมายุ 13 พรรษา ได้รับการสถาปนาให้ขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ได้ 1 ปี 2 เดือน ถูกขุนวรวงศาธิราชประหารชีวิตแล้วขึ้นครองราชย์แทน ต่อมา ขุนวรวงศาธริ าชถกู ขุนพิเรนทรเทพจบั ปลงพระชนม์นำเอาพระศพเสียบประจาน แล้วสถาปนาพระเฑียร ราชาซึง่ เปน็ เชือ้ พระวงศ์ของพระไชยราชาขึ้นครองราชย์เปน็ สมเด็จพระมหาจักรพรรด์ิ กกกกกกก2. ความสำคญั ของวดั แก้วฟ้า วัดแก้วฟ้า มีความสำคัญ คือ เป็นวัดที่ยืนยันถึงความเป็นมาในประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรี อยุธยา สร้างสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 16 แห่งกรุงศรีอยุธยาช่วง พ.ศ. 2091-2111 ชื่อของ \"วัดแก้วฟ้า\" นั้นตรงกับพระนามของพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 14 คือสมเด็จพระเจ้า แก้วฟ้า (พระยอดฟ้า) พระราชโอรสในสมเด็จพระไชยราชาธิราชกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์วัดแก้วฟ้า ได้รบั พระราชทานวสิ ุงคามสีมาในปี พ.ศ.2110 และผกู พทั ธสมี าเม่ือปี พ.ศ. 2114 กล่าวโดยสรุป วัดแก้วฟ้ามคี วามสำคัญทางวัตศิ าสตร์สมยั กรงุ ศรีอยุธยา เปน็ ทีย่ ดึ เหน่ยี ว จติ ใจ และประกอบพธิ กี รรมในวนั สำคัญทางพระพุทธศาสนา ชอ่ื ของ \"วดั แกว้ ฟา้ \" ตรงกับพระนามของ พระมหากษัตริยล์ ำดับท่ี 14คอื สมเด็จพระเจา้ แกว้ ฟา้ (พระยอดฟ้า)

กกกกกกก3. บคุ คลสำคัญท่ีเกี่ยวขอ้ งกับวัดแกว้ ฟา้ วัดแก้วฟา้ มบี ุคคลสำคัญทเี่ กย่ี วขอ้ ง 1 รูป ไดแ้ ก่ 1) พระโสภณรัตนาภรณ์ (ไพศาล กิตฺติภทฺโท)ที่อยู่ หมู่ที่ 5ตำบลบางขนุน อำเภอบาง กรวย จังหวัดนนทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 02-8799971เจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้ารูปปัจจุบันได้ดูแล ภาระธรุ ะของศาสนา รวมทงั้ ให้การดูแลคันถะธรุ ะและวิปสั สนาธุระ ของพระพุทธศาสนา กล่าวโดยสรุป วดั แก้วฟ้า มบี คุ คลสำคญั ท่ีเกี่ยวข้อง คือพระโสภณรัตนภรณ์ (ไพศาล กติ ตฺ ภิ ทโฺ ท)เจา้ อาวาสวัดแกว้ ฟา้ รปู ปัจจุบนั ไดด้ แู ลภาระ ธุระของศาสนา รวมท้งั ให้การดูแลคัน ถะธรุ ะและวปิ ัสสนาธรุ ะของพระพุทธศาสนา

กกกกกกก4. พระพทุ ธรูปที่สำคัญในวดั แกว้ ฟา้ วดั แกว้ ฟ้า มีพระพุทธรปู ท่ีสำคัญ จำนวน 1 องค์ ได้แก่ 1) พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญ ประดิษฐานอยู่ภายใน พระอโุ บสถ เพื่อให้พทุ ธศาสนิกชนได้กราบนมสั การ และสักการะบูชา กล่าวโดยสรุป วัดแกว้ ฟ้า มพี ระพทุ ธรูปทสี่ ำคญั คอื พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญ ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบนมัสการ และสักการะบูชา

5. สงิ่ กอ่ สร้างทสี่ ำคัญในวัดแกว้ ฟ้า วัดแก้วฟ้า มีสง่ิ ก่อสร้างท่ีสำคญั จำนวน 2 แห่ง ไดแ้ ก่ 1) พระอโุ บสถวัดแกว้ ฟ้าหลังเกา่ เปน็ ศาสนสถานทีพ่ ระสงฆ์ใชท้ ำสังฆกรรม ตาม พระวินัย ได้แก่ สวดพระปาติโมกข์ทำพิธีอปุ สมบท และศาสนพิธี อ่นื ๆ มพี ัทธสีมาเป็นเคร่อื งบอกเขต

2) พระอุโบสถวัดแกว้ ฟ้าหลงั ใหมเ่ ปน็ ศาสนสถานทีพ่ ระสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมตามพระวินยั ได้แก่ สวด พระปาตโิ มกขท์ ำพธิ ีอปุ สมบท และศาสนพิธอี นื่ ๆ มพี ัทธสมี าเปน็ เคร่อื งบอกเขต กลา่ วโดยสรุป วดั แก้วฟ้ามีสง่ิ กอ่ สร้างทส่ี ำคัญ จำนวน 2 แห่ง ไดแ้ ก่ (1) พระอโุ บสถ วดั แกว้ ฟ้าหลังเก่า และ (2) พระอุโบสถวัดแก้วฟา้ หลงั ใหม่เปน็ ศาสนสถานที่พระสงฆป์ ระชุมทำสงั ฆ กรรมตามพระวนิ ยั ไดแ้ ก่ สวดพระปาติโมกข์ทำพธิ ีอปุ สมบท และศาสนพิธอี น่ื ๆ มีพทั ธสีมาเป็นเคร่ือง บอกเขต 6.วัดเชิงกระบือ 1. ประวัตคิ วามเป็นมาของวัดเชงิ กระบือ วัดเชิงกระบือ มีประวัติความเป็นมา ตั้งอยู่ริมถนนบางกรวย – ไทรน้อย เลขที่ 46/3 หมู่ที่ 1 ตำบล บางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 วัดเชิงกระบือ เดิมเป็นวัดร้างไม่ปรากฏหลักฐาน สร้างข้นึ ในสมัยใด ชาวบ้านเรียกว่า “วดั ปา่ ” ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างมีกฎุ ี ศาลา หรือสถานท่ีต่าง ๆ สิ่งที่ปรากฏเห็นชัดคือ พระอุโบสถหลังเก่าชำรุดสร้างด้วยหินศิลาแลง ไม่มีหลังคา มีแต่ผนังก่อด้วย อิฐ4 ด้าน มีเจดีย์เล็กอยู่ 2 องค์ มีต้นโพธิ์ 3 ต้น ต้นตาล 10 ต้น มีบ่อน้ำ 3 บ่อ ในพระอุโบสถมีพระ ประธานมีสภาพทไ่ี มส่ มบรู ณ์ประทบั บนแท่น1 องค์

ต่อมามีนายทองหล่อ จีนปั่น ได้ติดต่อขอเช่าต่อกรมกัลปนา มีเนื้อที่ประมาณ12 ไร่ และอนุญาตให้ นายทองหล่อ จีนป่นั เชา่ ทดี่ ิน โดยคิดคา่ เชา่ ปลี ะ 12 บาท นายทองหลอ่ ไดถ้ างทีร่ กร้างและขุดเป็นร่อง สวนส้มเขยี วหวาน ในชว่ งตอ่ มากรมกัลปนาได้เก็บคา่ เช่าท่ีเพม่ิ ขึน้ เป็นปีละ 600 บาท เดมิ นายทองหล่อ เช่าแต่คนเดียว ตอ่ มาได้แบ่งท่ีดินให้เชา่ เป็น 4 คน ไดแ้ ก่ นายทองหล่อ จีนป่นั นางกลึง กำจัดภัย นางชม อยู่เกษม และนายหลมิ่ อยูช่ มสขุ ไดท้ ำกินเป็นเวลานาน เมอ่ื ตน้ ปี พ.ศ. 2510 ไดม้ ีพระภกิ ษุเฉลยี ว หรอื อาจารย์ทยุ ไดเ้ ดนิ ทางมาในลักษณะพระธุดงค์ มาปักกลดอยู่ที่หน้าพระอุโบสถอยู่ประมาณ 5-6 คืนและต่อมามีลูกศิษย์มาปลูกกุฎีขึ้น 1 หลัง ใต้ ต้นมะขามมุงหลังคาด้วยจาก โดยการยินยอมจากนายหลิ่ม อยู่ชมสุข เป็นผู้เช่า และในเวลาใกล้กัน ได้มีพระภิกษุน้อยได้มาดูบริเวณวัดแล้วได้ปรารภว่าจะสร้างวัด แล้วได้จ้างคนมาโค่นต้นไม้รอบพระ อุโบสถ แตถ่ ูกปฏิเสธจากผเู้ ช่าหา้ มตดั ตน้ ไม้ พระภิกษนุ ้อยจึงเลกิ ไป พระภกิ ษุเฉลียวมาปักกลดอยู่ที่วัด ใน เดือนพฤษภาคม ตรงกับเดือน 6 ในเดือนเดียวกันได้มีหลวงพ่อเพชร ท่านได้มาปักกลดอยู่ในพระ อโุ บสถ เยน็ วนั นั้นพระภกิ ษุเฉลยี วกลับมาพบหลวงพ่อเพชรปกั กลดอยใู่ นพระอุโบสถ ทั้งคู่เกิดต่อว่ากัน ขึ้น หลังจากน้ันหลวงพ่อเพชรได้หนพี ระภกิ ษเุ ฉลียวเขา้ ไปพักในหมบู่ ้าน 1 คืน พอรงุ่ เช้าหลวงพ่อเพชร ฉันภัตตาหารเช้าเรียบร้อยท่านจะกลับ ก่อนกลับท่านบอกว่าจะขอจำพรรษาในพระอุโบสถ พอใกล้ เข้าพรรษาราวเดือนข้างแรมท่านได้มาพักในพระอุโบสถ ขณะนั้นพระภิกษุเฉลียว ได้ป่วยอยู่ท่ี โรงพยาบาล พอรุ่งเช้าประชาชนนำภัตราหารมาถวายในพระอุโบสถจำนวนมาก เมื่อประชาชนเหน็ ว่า หลวงพ่อเพชรจะจำพรรษาในพระอุโบสถแน่แล้ว ชาวบ้านจึงปรึกษาและกันช่วยทำหลังคากันฝนกัน แดดให้ท่านมุงด้วยจากขึ้น โดยการเรี่ยไรเงินกันคนละเล็กคนละน้อย ซื้อเครื่องมืออุปกรณ์มุงหลังคา พระอโุ บสถ ครัง้ เมอ่ื วนั เสารเ์ ดือน 7 ชาวบ้านจึงปรึกษากนั ควรจะมกี ารปฏิสังขรณ์พระประธานองค์เก่าใน พระอุโบสถซึ่งส่วนต่างๆ ของพระประธานบางส่วนยังหาได้ เช่นพระเศียร พระวรกาย และชิ้นส่วน ใหญ่ ๆ จึงช่วยกันนำเอาชิ้นส่วนต่าง ๆ มาประกอบขึ้นเป็นองค์เดิมโดยถือเอาพระลักษณะรูปเดิมเพือ่ รักษาไว้มิให้เปลี่ยนแปลง นายไปล่ เหมือนแม้น กับ ส.ต.อ.จำลอง เอี่ยมเย็น ได้ปรึกษากันเพื่อบูรณะ พระประธานไว้เพื่อสักการบูชาทำบุญในพระอุโบสถตามเทศกาล และได้มาสวดมนต์ไหว้พระในตอน เยน็ ๆ มไิ ด้หมายจะยกขน้ึ เปน็ วัดมีพระสงฆอ์ ย่างท่เี หน็ ในปัจจุบนั การต่อเติมพระประธานทำได้ยากมาก บางส่วนหาไม่พบ เช่นพระหัตถ์เบื้องขวาจึงต้องใช้ปูนทำแทน เมื่อนำเอาชิ้นส่วนต่าง ๆ มาประกอบครบทุกส่วน แต่ยังขาดพระเกตุ ที่หาไม่พบ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงจะถูกตอ้ งตามลักษณะเดมิ หลวงพอ่ เพชรท่านจงึ รบั ทำเอง ท่านใชป้ ูนปน้ั แตเ่ มือ่ ทำเสร็จใช้ไม่ได้แต่ ท่านพยายามทำอยู่สองสามครั้งไม่สำเร็จ นายไปล่ เหมือนแม้น กัน ส.ต.อ.จำลอง เอี่ยมเย็น จึงจุดธูป เทียนอาราธนาแล้วอธิฐานขอให้พบพระเกตุของท่าน ทั้งสองจึงช่วยกันค้นหาจนพบ มีลักษณะคล้าย ดอกบวั ตูม แตกเหลอื เพียงครึ่งเดยี ว จงึ นำพระเกตุไปลองสวมท่ีพระเศียรของพระพทุ ธรูปซึ่งใส่ได้พอดี

แต่มีครึ่งเดียว จึงใช้ปูนปั้นเสริมแต่งให้เหมือนลักษณะเดิม ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนับตั้งแต่ได้บูรณะ พระประธานขึ้น ข่าวได้ลือกันไปในที่ต่าง ๆ ทำให้พุทธศาสนิกชนสนใจและได้มากราบนมัสการ สักการะบชู ากนั เป็นจำนวนมาก บา้ งกบ็ ริจาคทรัพย์ เพ่อื ให้ทำแทน่ ประทบั องค์พระประธาน เมื่อปฏิสังขรณ์พระประธานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในฤดูเข้าพรรษาต้องนิมนต์พระภิกษุมารับบิณฑบาต จากวัดลุ่มบ้าง วัดวิมุติบ้าง ในวันขึ้น 8 ค่ำ ขึ้น 15 ค่ำ และแรม 8 ค่ำ14 ค่ำ และ 15 ค่ำ ทุก ๆ วันพระใน พรรษา มีนายเจือ จน่ั นงค์เยาว์ ได้ถวายกุฎีแก่หลวงพ่อเพชร1 หลงั หลังจากนั้นจึงได้เรี่ยไรเงินสร้างพระประธานต่อมาหลวงพ่อสมบุญ ปาละกูล ได้บริจาคบ้าน สวน 1 หลัง ให้สร้างกุฎีเป็นหลังแรก ในพรรษา ชาวบ้านได้ช่วยกันรื้อบ้านนายเจือจั่นนงเยาว์ ท่ีได้ ถวายไว้มาสร้างกุฎีเป็นหลงั ที่ 2 หลังที่ 3 ชื่อกุฎีสามัคคีช่วยกันบริจาคเงินสร้างทั้งสิ้น8,000 บาท กุฎี หลงั ที่ 4 คอื กฎุ ีทอง ในปีพ.ศ. 2511 ได้เร่มิ ก่อสร้างกุฎี และหอสวดมนต์ในขณะนัน้ เป็นการดำเนนิ การ ก่อสร้างด้วยความยากลำบาก ต่อมากรมการศาสนาได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบูรณะมาดูแลแนะนำให้ทำ เรื่องขอยกวัดร้างให้เป็นวัดที่มพี ระสงฆ์เพื่อความเป็นวดั อย่างสมบูรณ์ ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2512 ทางกรมศาสนาออกหนงั สือแจ้งเร่ืองการยกวัดเชิงกระบือ ขนึ้ เปน็ วดั ที่มีพระสงฆ์สามารถอยู่จำพรรษา เป็นวดั ที่สมบรู ณ์ กล่าวโดยสรุป ประวัติความเป็นมาวัดเชิงกระบือไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างขึ้นในสมัยใด ชาวบา้ นเรียกวา่ “วดั ป่า” ไม่ปรากฏหลกั ฐานการสร้างกุฎี ศาลา หรอื สถานทีต่ ่าง ๆ ของวัดต้ังอยู่ท่ีใด สิง่ ทีป่ รากฏเห็นชัดคือ พระอโุ บสถหลังเก่าชำรุด ไมม่ ีหลังคา มีแต่ผนงั ก่อดว้ ยอฐิ 4 ด้าน มีเจดีย์เล็กอยู่ 2 องค์ มีต้นโพธิ์ 3 ต้น ต้นตาล 10 ต้น มีบ่อน้ำ 3 บ่อ ในพระอุโบสถมีพระประธานสร้างด้วยหินศิลา แลงประทบั บนแทน่ 1 องค์ มีสภาพทไี่ มส่ มบรู ณต์ ่อมาชาวบ้านมจี ติ ศรัทธา ไดส้ รา้ งวัดข้นึ ใหมจ่ ากความ รว่ มแรงรว่ มใจจดั ตงั้ เป็นวัดทีส่ มบูรณอ์ ยา่ งท่ีเห็นในปจั จบุ นั 2. ความสำคัญของวดั เชิงกระบือ วัดเชิงกระบือมีความสำคัญ เป็นสถานที่ยึดเหน่ียวจิตใจของพุทธศาสนิกชน และการทำกิจกรรมวันในสำคัญทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ ของชุมชนในพื้นที่ตำบล บางกรวยและชุมชนใกล้เคียง กล่าวโดยสรุปวัดเชิงกระบือมีความสำคัญคือ เป็นวัดโบราณที่ประชาชนร่วมแรงร่วมใจ กับบูรณะข้ึนใหม่เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชน และการทำกิจกรรมวันในสำคัญทาง พระพทุ ธศาสนา รวมท้งั กิจกรรมอน่ื ๆ ของชมุ ชนในพื้นท่ีตำบลบางกรวย และชุมชนใกลเ้ คียง

3. บุคคลสำคัญท่เี กี่ยวขอ้ งกบั วดั เชิงกระบือ วดั เชงิ กระบอื มีบคุ คลสำคัญทเ่ี ก่ียวข้อง มี 1 รูป ไดแ้ ก่ พระมหาโอภาส จนฺทาโภ ท่ีอยู่ 46/3 ซ.ชมุ ชนวัดเชิงกระบือตำบลบางกรวยอำเภอบางกรวย จังหวดั นนทบรุ ีหมายเลขโทรศัพท์02-4471363เจ้าอาวาสวดั เชิงกระบือ รูปปจั จบุ ันได้พัฒนาบูรณะวดั เช่น ขยายปริมณฑลวหิ ารหลวงพ่อใหญ่และก่อสรา้ งถาวรวัตถตุ ่าง ๆ ภายในวัด เป็นต้น

4. พระพุทธรูปท่ีสำคญั ในวดั เชงิ กระบือ วดั เชงิ กระบือมพี ระพทุ ธรปู ท่สี ำคญั จำนวน 1องค์ได้แก่ 1) พระพทุ ธรูปหลวงพ่อใหญเ่ ปน็ พระพทุ ธรปู โบราณทมี่ ีอำนาจบารมี ควรแกก่ าร สกั การะบชู า และเป็นท่ีศรทั ธาของพทุ ธศาสนิกชนทว่ั ไป 6.

5. สงิ่ กอ่ สร้างทีส่ ำคัญในวัดเชงิ กระบือ วดั เชิงกระบอื มีสง่ิ กอ่ สรา้ งที่สำคญั จำนวน 1 แห่ง ไดแ้ ก่ 1) พระอโุ บสถวัดเชิงกระบือ เป็นศาสนสถานที่พระสงฆ์ใชท้ ำสงั ฆกรรมตามพระวนิ ัย ได้แก่ สวดพระปาติโมกข์ ทำพธิ ีอุปสมบท และศาสนพิธอี ่นื ๆ มีพัทธสมี าเป็นเครื่องบอกเขต

เร่อื งที่ 7 วดั โคนอนมหาสวสั ดิ์ 1. ประวตั ิความเปน็ มาของวดั โคนอนมหาสวสั ด์ิ วดั โคนอนมหาสวสั ด์ิ มีประวตั ิความเปน็ มา ตงั้ อย่ทู ีต่ ำบลมหาสวสั ด์ิ เลขท่ี 108/2 หมู่ 7 ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 วัดโคนอนมหาสวัสดิ์ ก่อตั้งวัดเมื่อวันท่ี 20 สิงหาคม พ.ศ.2529 เดิมทีวัดโคนอนมหาสวัสดิ์เป็นวัดร้างมาก่อน เดิมมีชื่อเรียกกันว่า วัดวัวนอน ต่อมาเรียกว่าวัดโคนอนมหาสวัสดิ์ เพราะวัดตั้งอยู่ท่ามกลางไร่นาของชาวบ้าน ทิศใต้ของวัดติดกับ คลองโคนอน เช่ือมต่อกบั คลองมหาสวสั ด์ิและคลองบางราวนกที่ชาวบ้านสัญจรทางเรือเพอื่ ค้าขาย ใน วัดมีต้นกร่างใหญ่ ชาวบ้านนำวัวมาพักใต้ต้นกร่างใหญ่ จึงเป็นที่มาของชื่อวัดโคนอน ประกอบกับวัด ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลมหาสวัสดิ์จึงได้ตั้งชื่อวัดว่า วัดโคนอนมหาสวัสดิ์ ได้รับพระราชทาน วิสงุ คามสมี าเม่อื วนั ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2535 กล่าวโดยสรุป ประวัติความเป็นมาวัดโคนอนมหาสวัสดิ์ ก่อสร้างเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2529 เดมิ ทวี ัดโคนอนมหาสวัสด์ิ เป็นวัดร้างมาก่อน ชื่อเรียกกนั วา่ วดั ววั นอน ต่อมาเรียกว่าวัดโค นอนมหาสวัสดิ์ เพราะวัดตั้งอยู่ท่ามกลางไร่นาของชาวบ้านได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 21 ธนั วาคม พ.ศ.2535 2. ความสำคญั ของวัดโคนอนมหาสวสั ด์ิ วัดโคนอนมหาสวสั ดิ์เปน็ ศูนย์ศกึ ษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ มีการจัดกิจกรรมหิว้ ปิ่นโตเข้าวัด ทำบุญตักบาตรเนื่องในวันต่าง ๆ ทางพระพุทธศาสนา และยังเป็นศูนย์ร่วมจิตใจของ พทุ ธศาสนิกชนในพื้นทีต่ ำบลมหาสวัสด์ิและพ้ืนที่ใกล้เคียงในการเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบ อีกทั้งยัง เป็นสถานที่จัดกิจกรรมอื่น ๆ เช่นพิธีกิจกรรมเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ จัดกิจกรรมฝึกอาชีพ ใหก้ บั ประชาชน และจดั ประชมุ ชาวบ้าน เปน็ ตน้ กล่าวโดยสรุป วัดโคนอนมหาสวัสดิ์ มีความสำคัญคือเป็นสถานท่ียึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชน และการทำกิจกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ ของชุมชนในพื้นที่ตำบล มหาสวสั ด์แิ ละชุมชนใกลเ้ คียง

3. บุคคลสำคัญทเ่ี กี่ยวข้องกับวดั โคนอนมหาสวสั ด์ิ วดั โคนอนมหาสวัสดิ์ มบี ุคคลสำคญั ทเ่ี ก่ียวข้อง มี 1 รปู ได้แก่ 1) พระครูนนทวีรวฒั น์ (สมเดจ็ วีรธมฺโม) ที่อยู่ วดั โคนอนมหาสวัสดิ์ หมูท่ ่ี 7 ตำบล มหาสวสั ด์ิ อำเภอบางกรวย จงั หวดั นนทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 02-9851130เจา้ อาวาสวดั โคนอนมหา สวัสด์ิรปู ปัจจุบันท่านได้ดำรงตำแหน่งเปน็ เจ้าอาวาสมาตั้งแต่ พ.ศ. 2530 และท่านไดร้ บั สมณศักดิ์เป็น พระครูสญั ญาบัตรเจา้ คณะตำบลช้นั โท เป็นพระครูนนทวรี วัฒน์ใน พ.ศ. 2554

4. พระพทุ ธรูปทีส่ ำคัญในวัดโคนอนมหาสวสั ดิ์ วดั โคนอนมหาสวัสดิ์มีพระพุทธรปู ทีส่ ำคัญ จำนวน 2 องค์ ไดแ้ ก่ 1) พระพุทธรูปปางมารพระวิชัยเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระ อโุ บสถ เพื่อใหพ้ ุทธศาสนกิ ชนได้กราบนมัสการและสักการะบชู า

2) หลวงพ่อใหญ่วัดโคนอนมหาสวัสดิ์เป็นพระพุทธรูป มีอำนาจบารมี ควรแก่การ สักการะบชู า และเปน็ ที่ศรทั ธาของพุทธศาสนกิ ชนทวั่ ไป กล่าวโดยสรุป วัดโคนอนมหาสวัสดิ์มีพระพุทธรูปที่สำคัญ จำนวน 2 องค์ ได้แก่ (1) พระพุทธรูปปรางค์มารพระวิชัย เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ เพื่อให้ พุทธศาสนิกชนได้กราบนมัสการและสักการะบูชา และ (2) หลวงพ่อใหญ่วัดโคนอนมหาสวัสดิ์ เป็น พระพุทธรูปมีอำนาจบารมี ควรแกก่ ารสักการะบชู า และเปน็ ท่ีศรทั ธาของพุทธศาสนิกชนทวั่ ไป

5. สงิ่ กอ่ สรา้ งทีส่ ำคัญในวัดโคนอนมหาสวัสด์ิ วดั โคนอนมหาสวัสด์ิ มสี ่ิงก่อสร้างที่สำคญั จำนวน 3 แหง่ ไดแ้ ก่ 1) พระอุโบสถสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2536 เป็นศาสนสถานสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปท่ี สำคัญของวัด ที่พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ตำบลมหาสวัสดิ์ และพื้นที่ใกล้เคียงให้ความศรัทธา และ สักการะบชู า

2) ศาลาการเปรยี ญสรา้ งเม่ือปี พ.ศ. 2544 เป็นศาสนสถานสำหรับประดษิ ฐานพระพุทธรูปท่ี สำคัญของวัด ท่ีพุทธศาสนกิ ชนในพื้นที่ตำบลมหาสวัสด์ิ และพ้นื ที่ใกล้เคียงให้ความศรัทธา และ สกั การะบชู า 3) วหิ าร เปน็ สถานที่สำหรับประดิษฐานพระพทุ ธรูปท่ีพทุ ธศาสนกิ ชนสักการะบูชา และยึด เหนย่ี วจติ ใจ

กล่าวโดยสรุป วัดโคนอนมหาสวัสดิ์ มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่(1) พระ อุโบสถสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2536 (2) ศาลาการเปรียญสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2544 และ (3) วิหารพระ ทั้ง 3 แห่ง ใช้เป็นสถานท่สี ำหรับประดษิ ฐานพระพุทธรปู ท่ีพุทธศาสนิกชนสักการะบูชา และเป็นที่ยึดเหน่ียว จติ ใจ เรือ่ งที่ 8 วัดใหมผ่ ดงุ เขต 1. ประวัตคิ วามเปน็ มาของวัดใหม่ผดงุ เขต วัดใหม่ผดุงเขต มีประวัติความเปน็ มา แต่เดิม “ ขุนผดุงเขต ” กำนันตำบลศาลกลาง สมยั น้นั ไดถ้ วายที่ดินเพื่อสร้างวัด เรม่ิ จากเป็นสำนักสงฆเ์ ล็ก ๆ โดยมี “ พระสงวน ถาโม ” เป็นผู้ดูแล ด้วยความศรัทธาของพุทธศาสนกิ ชน และความมุ่งมั่นของท่าน จึงได้สร้างวัดข้ึนในปี พ.ศ. 2470 และ กระทรวงศึกษาธิการ ไดย้ กให้เปน็ วดั ในปี พ.ศ. 2480 ในช่วงแรกๆ คนทั่วไปมักจะเรียกชื่อวัดตามผู้สร้าง คือ วัดใหม่ตาเข้มบ้าง วัดขุนผดุง บ้าง และวัดใหม่บนบ้าง จนในที่สุดได้ตั้งชื่อเป็นทางการคือ วัดใหม่ผดุงเขตจนถึงปัจจุบัน วัดใหม่ ผดุงเขต เป็นวัดเดียวที่ตั้งอยู่ในตำบลศาลากลาง จึงเป็นที่รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน และที่วัด มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คือ “ หลวงพ่อทรงโปรด ” ซึ่งจะจัดงานนมัสการปิดทองเป็นประจำ ในกลางเดือน 3 ของทุก ๆ ปี จากการบอกเล่าของคนรุ่นเก่า หลวงพ่อทรงโปรดเป็นพระพุทธรูปท่ี ลอยน้ำมาอยู่ที่โคนต้นไทรริมน้ำ บริเวณหลังพระอุโบสถ ชาวบ้านและศิษย์วัดช่วยกันนำขึน้ มาจากน้ำ แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ทั้ง ๆ ท่พี ระพทุ ธรปู องค์น้ีมีขนาดไม่ใหญ่ คนเพียง 3 - 4 คน ก็สามารถยกได้ ชาวบ้านจึงนำเรื่องไปเรียนกับหลวงพ่อสงวน เจ้าอาวาส ท่านจึงเดินทางมาอัญเชิญด้วยตนเอง ในคำบอกเล่าของชาวบา้ นบอกวา่ ขณะท่ีหลวงพ่อสงวนกำลงั จดุ ธูปเทียนท่ีจะอาราธนาพระพทุ ธรูปข้ึน นั้น อากาศที่ร้อนจ้าซึ่งเป็นหน้าแล้ง กลับมีเมฆครึ้มและฝนตกนำความชุ่มฉ่ำมาสู่คณะสงฆ์และ ชาวบ้านในบริเวณนั้น ชาวบ้านซึ่งกำลังลำบากด้วยน้ำที่แห้งแล้ง กลับมีฝนตกในฤดูร้อน จึงร่ำลือไป ต่าง ๆ ว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะหลวงพ่อที่ลอยน้ำมาท่านมาโปรด จึงได้อัญเชิญขึ้นจากน้ำโดยง่าย และขนานนามว่า “หลวงพ่อทรงโปรด” ตั้งแต่นั้นมา ผู้ที่มาขอพึ่งบารมีหลวงพ่อในการบนบานต่าง ๆ มักจะไม่ผิดหวัง และมีของมาแก้บนอยู่ในวิหารเกือบทุก ๆ วัน โดยเฉพาะ “ดอกไม้เจ็ดสี” และ “ไข่ต้ม” ซงึ่ ชาวบา้ นบอกว่า ถ้าบนบานดว้ ยส่งิ น้แี ล้วมกั จะสมหวงั ทุกครง้ั พระครูนนทกิจโกศล หรือ หลวงพ่อสงวน ถาโม เจ้าอาวาสรูปแรก เดิมท่านพำนัก ที่อยวู่ ดั ตะเคยี น อำเภอบางกรวย จังหวดั นนทบุรี ต่อมา “กำนันเขม้ ” ได้อาราธนาท่านมาปกครองวัด ในปี พ.ศ. 2477 เพราะทา่ นมีจริยวัตรทง่ี ดงามมีสมณสารูปที่เรยี บร้อย ที่สำคัญทา่ นยงั เป็นผู้ทรงวิทยา คุณในหลายๆ ด้าน ทั้งเวทมนตร์คาถา เรื่องยาแผนโบราณ จึงทำให้มีพุทธศาสนิกชนมาอาศัยบารมี จากท่านไม่ขาดสายปัจจุบันวัดใหม่ผดุงเขตมี “หลวงพ่อเก๊า”หรือ พระครูนิมิตกิจโสภณ ศิษย์เอก

ผูส้ ืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อสงวน เปน็ เจ้าอาวาส ทา่ นเปน็ หนึง่ ในพระเกจิอาจารย์ดังเมืองนนทบุรี ที่ได้รับนิมนต์ไปร่วมงานปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่เสมอ แต่ด้วยความสันโดษ ท่านจึงไม่ค่อยสร้างวัตถุ มงคลใด ๆ จะมีก็แต่ชาวบา้ นและลูกศิษย์นำแผน่ ทองแดงบ้าง ตะกวั่ บา้ ง ผ้าบา้ ง มาให้ทา่ นจารอักขระ แลว้ นำไปบชู ากนั ซ่งึ ก็เปน็ ทีอ่ ศั จรรยเ์ กดิ ปาฏหิ ารยิ ์ขึ้น กล่าวโดยสรุป วัดใหม่ผดุงเขตมีประวัติความเป็นมา เดิมที“ขุนผดุงเขต”กำนันตำบล ศาลากลางสมัยนั้น ได้ถวายที่ดินเพื่อสร้างวัด เริ่มจากเป็นสำนักสงฆ์เล็ก ๆ โดยมี “พระสงวน ถาโม” เป็นผู้ดูแล ด้วยความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน และความมุ่งมั่นของท่านจึงได้สร้างวัดขึ้นในปีพ.ศ. 2470 และกระทรวงศึกษาธิการยกให้เป็นวัดในปี พ.ศ. 2480 ในช่วงแรกๆ คนทั่วไปมักจะเรียกชื่อวัด ตามผสู้ รา้ ง คือ วัดใหม่ตาเข้ม วัดขนุ ผดงุ และวดั ใหมบ่ นในทส่ี ุดไดต้ ั้งชอ่ื เป็นทางการคือวดั ใหม่ผดุงเขต จนถงึ ปัจจบุ นั 2. ความสำคญั ของวัดใหมผ่ ดงุ เขต วัดใหม่ผดุงเขตเป็นวัดเดียวที่ต้ังอยู่ใน ตำบลศาลากลาง จึงเป็นสถานที่รวมจิตใจ ของพุทธศาสนิกชน และวัดมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คือ “หลวงพ่อทรงโปรด”ซึ่งมีการจัดงานนมัสการ ปิดทองเป็นประจำในกลางเดือน 3 ของทุก ๆ ปี จากการบอกเล่าของคนรุ่นเก่า บอกว่าหลวงพ่อทรง โปรดเป็นพระพุทธรูปทีล่ อยน้ำมาอยู่ที่โคนต้นไทรริมน้ำ บริเวณหลังพระอุโบสถ ชาวบ้านและศิษย์วัด ช่วยกันนำขึ้นมาจากน้ำ แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ทั้ง ๆ ที่พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดไม่ใหญ่ คนเพียง 3 - 4 คน ก็สามารถยกขึ้นได้ ชาวบ้านจึงนำเรื่องไปเรียนกับหลวงพ่อสงวน เจ้าอาวาสท่านจึงเดินทาง มาอญั เชิญด้วยตนเอง กลา่ วโดยสรปุ วดั ใหม่ผดุงเขตมีความสำคัญ เปน็ ทรี่ วมจติ ใจของชาวบ้าน และท่ีวัดมี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คือ “หลวงพ่อทรงโปรด”ซึ่งมีการจัดงานนมัสการปิดทองเป็นประจำใน กลางเดอื น 3 ของทุก ๆ ปเี ปน็ ทย่ี ดึ เหนยี่ วจติ ใจ และประกอบพธิ กี รรมในวันสำคัญทางพระพทุ ธศาสนา

3. บุคคลสำคญั ท่เี ก่ียวข้องกบั วดั ใหม่ผดุงเขต วดั ใหม่ผดงุ เขตมบี คุ คลสำคญั ท่เี ก่ียวข้อง มี 1 รปู ได้แก่ 1) พระครูนิมติ กิจโสภณ(อาภาธโร เดชา แซ่เตยี ว) ท่ีอยเู่ ลขท่ี 36 หมู่ที่ 3 ตำบลศาลากลาง อำเภอบางกรวย จงั หวดั นนทบรุ ี หมายเลขโทรศัพท์02-9214208 , 086-8949875เจ้าอาวาสวัดใหม่ผดุง เขตรูปปัจจุบันได้ดูแลภาระธุระของศาสนา รวมทั้งให้การดูแลคันถะธุระและวิปัสสนาธุระ ของ พระพุทธศาสนา กลา่ วโดยสรุป วัดใหม่ผดุงเขตมบี ุคคลสำคัญทเี่ กี่ยวขอ้ ง ได้แก่พระครูนมิ ิตกิจ โสภณ (อาภาธโร เดชา แซเ่ ตียว) เจา้ อาวาสวดั ใหมผ่ ดงุ เขตรปู ปัจจุบนั ไดด้ แู ลภาระธุระของศาสนา รวมทง้ั ให้การดูแลคนั ถะธรุ ะและวปิ ัสสนาธรุ ะ ของพระพทุ ธศาสนา

4. พระพุทธรูปทส่ี ำคัญในวัดใหม่ผดุงเขต วดั ใหม่ผดงุ เขตมีพระพุทธรปู ท่สี ำคัญ จำนวน 2 องค์ ได้แก่ 1) พระพุทธรูปหลวงพ่อทรงโปรด มีความสำคัญที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และนำ ทา่ นมาประกอบพธิ กี รรมในวนั สำคญั ทางพระพุทธศาสนา 2) พระประธานประจำอุโบสถปางมารวิชัยประดิษฐสถานอยู่ภายในพระอุโบสถ เพ่ือให้พทุ ธศาสนิกชนได้กราบนมัสการและสกั การะบูชา

กล่าวโดยสรปุ วัดใหมผ่ ดุงเขตมีพระพทุ ธรปู ที่สำคญั จำนวน 2 องค์ ได้แก่ (1) หลวงพ่อทรงโปรดมีความสำคัญที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และประกอบพิธีกรรมในวันสำคัญทาง พระพุทธศาสนา และ (2) พระประธานประจำอุโบสถปางมารวิชัยประดิษฐสถานอยู่ภายในพระอุโบสถ เพ่ือให้พุทธศาสนิกชนได้กราบนมัสการและสักการะบูชา 5. สง่ิ ก่อสรา้ งท่สี ำคัญในวัดใหม่ผดงุ เขต วัดใหม่ผดุงเขตมีสงิ่ ก่อสร้างท่สี ำคัญ จำนวน 3 แหง่ ไดแ้ ก่ 1) วิหารหลวงพ่อทรงโปรด เป็นท่ปี ระดษิ ฐานพระพุทธปฏมิ าหลวงพอ่ ทรงโปรด

2) เจดีย์เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสาริกธาตุ และหรือเป็นสถานที่สำคัญอัน ศักด์สิ ทิ ธ์ทิ างพระพุทธศาสนาของวัดใหมผ่ ดุงเขต 3) หอระฆงั เปน็ สถานทส่ี ำหรับแขวนระฆังเพื่อใชต้ ีบอกสญั ญาณ เวลาแก่ พระภิกษุในการประกอบศาสนกจิ ของพระสงฆ์

กล่าวโดยสรุป วัดใหม่ผดงุ เขต มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ (1) วิหาร หลวงพ่อทรงโปรด เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาหลวงพ่อทรงโปรด (2) เจดีย์ เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสาริกธาตุ หรือเป็นสถานที่สำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนา และ (3) หอระฆัง เป็น สถานท่ีสำหรับแขวนระฆัง เพื่อใช้ตีบอกสัญญาณเวลาแก่พระภิกษุ ในการประกอบศาสนกิจของ พระสงฆ์ เรอื่ งท่ี 9 วดั อุบลวนาราม 1. ประวัตคิ วามเป็นมาของวดั อุบลวนาราม วัดอุบลวนาราม มีประวัติความเป็นมา สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2300 แต่ไม่ปรากฏนาม ผู้สร้างและบริจาคที่ดิน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2508 กว้าง 20 เมตร ยาว 40 เมตร วดั อุบลวนาราม ตง้ั อยู่เลขที่ 62 หม่ทู ี่ 3 ตำบลปลายบาง อำเภอบางกรวย จงั หวดั นนทบุรี สงั กัดคณะสงฆ์มหานิกาย มเี น้ือที่ 23 ไร่ 1 งาน 43 ตารางวา โฉนดทีด่ ินเลขท่ี 15803 วัดอุบลวนาราม มีประวัติความเป็นมาสันนิษฐานว่า เดิมเป็นที่พักสงฆ์ พระสงฆ์ ใช้พำนักระหว่างเดินทางไปสักการะพระพุทธบาท และพระแท่นดงรังทางน้ำ เป็นประจำทุกปี ต่อมา ชาวบ้านจึงเกิดความศรัทธา อยากให้พระภิกษุอยู่พำนักประจำ จึงได้เปลี่ยนจากที่พักสงฆ์ แล้วเป็น สร้างวัดขึ้น เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2300 แต่ไม่ทราบนามผู้สร้างเดิม มีชื่อว่า“วัดบัว” ได้เปลี่ยนเป็น “วดั อุบลวนาราม” ในภายหลัง และการบรู ณะพฒั นาวัด ได้เริ่มในปี พ.ศ. 2521 เป็นต้นมาจนปัจจบุ นั

กล่าวโดยสรุป วัดอุบลวนาราม มีประวัติความเป็นมา เดิมเป็นที่พักสงฆ์ พระสงฆ์ใช้ พกั ระหว่างเดินทางไปสักการะพระพุทธบาท และพระแทน่ ดงรงั จงั หวัดกาญจนบรุ ี มาปักกรดพักแรม ที่ตรงนี้ เพราะมีชัยภูมิดี มีคลองปลายบาง (ปลายคลองบางคูเวียง) ไหลผ่านทางน้ำเป็นประจำทุกปี ไม่มพี ระภิกษุพำนักอยปู่ ระจำ ต่อมาชาวบ้านจึงได้สร้างเป็นวัดข้ึนเมื่อปี พ.ศ. 2300 แต่ไม่ปรากฏนาม ผสู้ รา้ งและบริจาคทดี่ ิน ได้รบั พระราชทานวสิ งุ คามสีมาเมอ่ื วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2508 2. ความสำคญั ของวดั อบุ ลวนาราม วัดอุบลวนาราม มีความสำคัญ เป็นพื้นที่ไม่มีวัดมาก่อน ภายหลังได้สร้าง วัดอุบลวนารามขึน้ เพราะชาวบ้านต้องการให้มีพระสงฆ์อยู่ประจำ และขออนุญาตวิสุงคามสีมาเปน็ ท่ี ยึดเหน่ียวจติ ใจ และประกอบพธิ กี รรมในวนั สำคญั ทางพระพุทธศาสนา กล่าวโดยสรุป วัดอุบลวนาราม มีความสำคัญ เป็นวัดที่ประชาชนสร้างขึ้นด้วยจิต ศรัทธาของประชาชน ที่ต้องการให้พระภิกษุพำนักอยู่ประจำเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และประกอบ พิธีกรรมในวนั สำคัญในทางพระพุทธศาสนา 3. บุคคลสำคัญทเ่ี ก่ยี วข้องกับวดั อบุ ลวนาราม วดั อุบลวนาราม มบี ุคคลสำคญั ทีเ่ กี่ยวข้อง 2 ท่าน ไดแ้ ก่ 1) พระมหาวัฒนา จนฺทโชโต ที่อยู่ เลขที่ 62 หมูท่ ี่ 3 ตำบลปลายบาง อำเภอ บาง กรวย จงั หวัดนนทบุรี หมายเลขโทรศพั ท์ 089-1241183 เจา้ อาวาสวัดอุบลวนาราม รปู ปจั จุบนั ทา่ น เปน็ พระนักพัฒนา และได้ดูแลภาระธุระของพระพุทธศาสนา

2) นายสนอง พยอมแย้ม ที่อยู่เลขที่ 58 หมู่ที่ 3 ตำบลปลายบาง อำเภอ บางกรวย จังหวดั นนทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 087 - 4944989 ข้าราชการบำนาญ และเป็นอดตี ไวยาวจั กรวดั อุบลวนาราม วัดอุบลวนาราม มีบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 ท่าน ได้แก่ (1) พระมหาวัฒนา จนฺทโช โต เจ้าอาวาสวัดอุบลวนาราม รูปปัจจุบัน ท่านเป็นพระนักพัฒนา และได้ดูแลภาระธุระของศาสนา และ (2) นายสนอง พะยอมแย้ม ข้าราชการบำนาญ และเป็นอดีตไวยาวจั กร วดั อบุ ลวนาราม

4. พระพุทธรูปท่ีสำคญั ในวดั อบุ ลวนาราม วดั อุบลวนาราม มพี ระพทุ ธรูปที่สำคญั จำนวน 3 องค์ ได้แก่ 1) พระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปสำคัญ ท่ีพุทธศาสนิกชนมีความ ศรัทธา และสกั การะบชู า

2) รปู หลอ่ เทพเจ้าไฉซ่ งิ เอ๊ยี ปางพระหนนุ ดี เปน็ เทพเจา้ แห่งโชคลาภท่ชี าวจนี และ ชาวไทยเชอ้ื สายจนี นยิ มบชู าเพ่อื เปน็ สริ ิมงคลตามความเชอ่ื ในเรอื่ งการให้คุณดา้ นโชคลาภ

3) พระรูปหล่อพระสีวลีเถระพระสงฆส์ าวกของพระพทุ ธเจา้ ท่เี ป็นพระเอตทัคคะด้านโชคลาภ กล่าวโดยสรุป พระพุทธรูปที่สำคัญในวัดอุบลวนาราม จำนวน 3 องค์ ได้แก่ (1) พระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปสำคัญทีพ่ ุทธศาสนิกชนมีความศรัทธา (2) รูปหล่อเทพเจ้า ไฉ่ซิงเอี๊ย ปางพระหนุนดีเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ชาวจีน และชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมบูชาเพื่อเป็น สิริมงคลตามความเชื่อในเรื่องการให้คุณด้านโชคลาภ และ (3) พระรูปหล่อพระสีวลีเถระ พระสงฆ์ สาวกของพระพทุ ธเจา้ ท่เี ป็นพระเอตทคั คะดา้ นโชคลาภ

5. ส่ิงก่อสรา้ งทสี่ ำคัญในวดั อุบลวนาราม วัดอุบลวนาราม มสี งิ่ ก่อสรา้ งทส่ี ำคญั จำนวน 3 แหง่ ได้แก่ 1) พระอโุ บสถวดั อบุ ลวนารามเป็นศาสนสถานท่ีพระสงฆใ์ ช้ทำสังฆกรรมตามพระวนิ ัย ได้แก่ สวดพระปาติโมกข์ ทำพิธีอุปสมบท และศาสนพธิ ีอื่น ๆ มพี ัทธสีมาเป็นเครื่องบอกเขต

2) วหิ ารหลวงพ่อโสธรจำลอง เป็นทป่ี ระดิษฐานพระพุทธรปู หลวงพ่อโสธรจำลอง 3) มณฑปหลวงพอ่ ปลดเปน็ สถาปัตยกรรมไทย สรา้ งขนึ้ สำหรับประดิษฐาน พระรปู หล่อ หลวงพ่อปลด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook