sealant

Note • การทาฟันใหแ้ หง้ …..ใชล้ มเปุาเท่านน้ั (ไม่มนี า้ มันปนเป้อื น) ห้ามใชก้ อ้ นสาลีที่กนั้ แยกตวั ฟันมาถูเชด็ ตวั ฟัน • การเปล่ียนสาลีท่ีเปียก ต้องทาอยา่ งรวดเรว็ ไมใ่ ห้โดนผวิ ฟัน อาจทาโดยใช้สาลกี ้อนใหมก่ ดทบั บนสาลีกอ้ นเดมิ • ควรมีผู้ชว่ ย 1 คนเพ่อื ดแู ลบรเิ วณฟันใหแ้ ห้งตลอดเวลา

Note • ถ้าผิวฟันที่ปรบั สภาพแล้วสมั ผัสน้าลาย ให้ทา acid etching ซ้า 10 sec. Protein ในนา้ ลายทาให้ micropores อุดตันไม่สามารถกาจดั ออกได้ด้วยการล้างนา้ >>>> ไม่ เกดิ Resin tag

5. การทาวสั ดเุ คลือบหลมุ รอ่ งฟนั (Sealant placement)  Self-cured • ผสม Initiator และ Activator • ผสมเบาๆเพื่อไมใ่ หเ้ กดิ ฟองอากาศ • polymerization เริ่มต้นทนั ทีที่ผสมวัสดทุ ั้ง 2 ส่วน • ทาดว้ ย applicator หรอื พกู่ นั • ใช้ explorer เกลี่ยตามหลุมร่อง

5. การทาวสั ดุเคลือบหลมุ รอ่ งฟนั (Sealant placement) .CONT  Light-cured • เร่มิ ต้นทาจากหลุมรอ่ งส่วนท่ลี ึกท่สี ดุ ก่อน • explorer เกลย่ี ตามหลมุ รอ่ ง • วสั ดคุ วรมีความหนาตวั พอควร • Lingual groove, Buccal pit • ฉายแสง 20 sec.



การศึกษาวิจยั  จากการศกึ ษาถึงระยะเวลาก่อนการ กระตุน้ การเกิด Polymerization พบวา่ เม่อื ทาวัสดุเคลือบหลุมรอ่ งฟนั แล้วรอนาน 30 sec. จงึ ฉายแสง วสั ดุ จะยดึ ติดได้ดีกว่าฉายแสงทนั ทหี ลงั ทา

6. การตรวจสภาพหลังเคลอื บ • การตรวจสภาพทนั ที - การตดิ แนน่ (retention) - ครอบคลมุ ทวั่ ถงึ (complete coverage) - การสบสงู (occlusion) เขีย่ หลดุ >>> ไม่สัมผสั น้าลาย ทาวัสดซุ ้า >>> สัมผสั นา้ ลาย acid etching ทาวัสดุ * ถา้ เคลือบหลมุ่ ร่องฟนั ซา 2 ครังแลว้ ยังหลดุ ใหเ้ ลอ่ื นทา visit ตอ่ ไป เพอื่ รอใหเ้ กิด remineralization

การตรวจสภาพหลังเคลอื บ (cont.) • การตรวจสภาพหลงั ทา 6 เดอื น การศึกษา/วิจัย……..อัตราการหลุดสงู สุด 6 เดอื นแรก • ตรวจซ้าเปน็ ระยะ (Periodic recall) • เคลอื บหลมุ รอ่ งฟันซา้





















GI sealant

ขั้นตอนการเคลือบหลมุ รอ่ งฟนั ดว้ ย GI 1.ทาความสะอาดฟัน - ขดั ฟนั (prophylaxis) - นา้ ยาปรับสภาพผวิ ฟัน (tooth conditioning :25%polyacrylic acid) 15-20 sec. กาจัด smear layer 2.เชด็ ดว้ ยสาลเี ปียก 2-3 คร้ัง/ลา้ งดว้ ยนา้ เช็ดดว้ ยสาลีแหง้ /เปา่ เบาๆ

ขนั้ ตอนการเคลอื บหลุมรอ่ งฟนั ดว้ ย GI (cont.) 3. ผสมวัสดุ powder+liquid (1:1) 10 sec. 4. ทาวัสดุบนหลมุ รอ่ งฟนั 5. ปดิ ผิววสั ดุดว้ ย Varnish/bonding เม่ือวสั ดุเริ่มด้าน 6. ตรวจการสบฟัน ใช้ spoon กาจัดจุดสงู แล้วปิดดว้ ย Varnish/bonding อกี ครงั้ 7. ห้ามรับประทานอาหาร 1 ชม.ห้ามใชฟ้ นั ซีน่ น้ั เคีย้ ว 24 ชม.























ตารางเปรียบเทยี บการเคลอื บหลมุ ร่องฟนั ด้วย Resin และ GI ข้นั ตอน resin GI การเตรยี มผิวฟนั ขัดฟนั ดว้ ยผงขัด ใชน้ ้ายาปรับสภาพผิวฟัน ทาความสะอาดฟันนาน 15 s กรด กรดกัดนาน 15-30 s ไมต่ ้องใช้กรด ไม่ต้องเปาุ แห้ง การผสมวัสดุ ชนดิ แขง็ ตวั ดว้ ยปฏิกรยิ าเคมี ผสมวัสดตุ ามอตั ราส่วนท่ี ตอ้ งผสม ถูกตอ้ งภายในเวลา 10 s การฉายแสง ชนดิ แข็งตวั ดว้ ยแสง ฉายแสง ไมต่ อ้ งฉายแสง แขง็ ตัว นาน 20-40 s เรม่ิ แรกภายใน 1 นาที

จาก systematic review พบว่าเม่ือเปรยี บเทยี บประสทิ ธภิ าพใน การปูองกนั ฟันผรุ ะหว่าง sealant ท้งั 2 ชนิด • GI สามารถลดการเกดิ ฟันผดุ ้านบดเคี้ยวของฟนั กรามได้มากกวา่ ชนดิ resin รอ้ ยละ 39 แตไ่ มม่ ีความแตกตา่ งกันอยา่ งมนี ยั สาคัญ • resin sealant มกี ารยึดตดิ ดีกวา่ GI sealant โดยในระยะเวลา 2- 3 ปี ฟันท่เี คลอื บดว้ ย GI มโี อกาสหลุดมากกว่า resin sealant ถึง 5 เทา่ แต่การศกึ ษา retention ในระยะเวลา 1 ปี พบว่าทงั้ 2 ชนิดไม่ แตกตา่ งกัน • แนะนาให้ใช้ GI sealant เป็น interim preventive agent เม่อื ไม่สามารถควบคุมความชน้ื ไดด้ ี



การติดแนน่ (Retention) Resin Mechanical lock (resin tag+micropore) GI Chemical bond

ตวั แปรที่มผี ล 1. เทคนคิ วธิ กี ารทา 2. ทักษะความสามารถของ operator 3. ชนิดและตาแหน่งของฟนั ในชอ่ งปาก 4. อายุของผู้ปว่ ย 5. ชนดิ ของวสั ดุเคลอื บหลมุ รอ่ งฟัน 6. ระยะเวลาหลงั การเคลอื บ

เทคนคิ วธิ ีการทา *ผิวฟนั ต้องมพี ้นื ที่ผวิ สาหรบั การยดึ มาก - วิธีทาความสะอาดผวิ ฟัน - ชนดิ และความเข้มขน้ ของกรดท่ีเหมาะสม - วิธีและระยะเวลาในการลา้ งกรด - ระยะเวลาในการฉายแสง - ระยะหา่ งระหวา่ งเคร่อื งฉายแสงกบั วัสดุ - ระยะเวลาก่อนฉายแสง

ชนดิ และตาแหน่งของฟัน - Primary teeth = Permanent teeth - Lower teeth > Upper teeth - Premolar > Molar - Distal gingival tissue ต่ากว่า Distal marginal ridge ระดบั เดยี วกับ Distal marginal ridge ปิดบน Distal marginal ridge







A Unique Moisture Tolerant Resin Based Pit And Fissure Sealant By: Howard E. Strassler, DMD and Joseph P. O'Donnell, DMD, MS 2008-12-01 Retention Occusal surf. > buccal & lingual surf. The lost of sealant from occ surf. Average 5-10% / yr From bucc & ling surf. Average 30% / yr The permanent first and second molar are the greatest risk of becoming carious

During the eruption process, permanent molars break through the gingival tissues leaving excess tissue, an operculum, over the distal surfaces that can interfere with the success of a sealant. The benchmark study that evaluated sealant retention on at-risk fully erupted teeth and partially erupted molars demonstrated a significant difference in resin sealant retention between the three distinct groups. 4 Group 1 consisted of fully erupted molars. Group 2 consisted of molars with gingival tissue at the level of the distal marginal ridge. Group 3 were those molars that had gingival tissue over the distal marginal ridge.

The findings of this three-year study were that no sealant replacements were necessary for the fully-erupted, sealed teeth in Group 1. The molars in Group 2 that had a gingival tissue operculum at the level of the distal mar ginal ridge had a 26% sealant replacement rate. For group 3 with gingival tissue over the distal marginal ridge at the time of placement, the replacement rate rose to 54%.

• จากการศึกษาอตั ราการหลดุ ของ sealant หลายการศกึ ษาใหผ้ ล ใกล้เคียงกนั โดยมีอตั ราการหลุด ร้อยละ 5-10 ต่อป(ี ดา้ นบดเคยี้ ว) และสงู ถงึ ร้อยละ 30 (ดา้ นใกลแ้ ก้ม/ใกลล้ ้นิ ) •แม้ sealant หลุดบางส่วนหรือทง้ั หมด ฟันเหลา่ นน้ั ไมไ่ ด้มีความเส่ียง ต่อการเกดิ ฟนั ผมุ ากขึ้น เม่ือเทียบกับฟนั ท่ีไม่ไดร้ บั การ sealant •แต่กรณีที่มกี ารกรอ enamel ก่อนการ sealant อาจทาให้ฟันซีน่ นั้ มี ความเส่ยี งต่อการเกิดฟนั ผมุ ากขึ้น หาก sealant หลดุ ไป ทม่ี า :การใช้ ซลี แลนทใ์ นการจัดการฟนั ผุ (ผศ. ทพญ. ขวัญชนก อยู่เจรญิ ) ข่าวสารทันตแพทย์ ปีท่ี 31 ฉบบั ที่ 4 ก.ค.-ส.ค. 60