Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ติวโอเน็ตสาระที่ 5 สุรีรัตน์

ติวโอเน็ตสาระที่ 5 สุรีรัตน์

Published by sureerat pajuthai, 2020-01-18 00:09:08

Description: ติวโอเน็ตสาระที่ 5 สุรีรัตน์

Search

Read the Text Version

แบบทดสอบเตรยี มสอบ O-NET กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6

สาระท่ี 5 พลังงาน มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพลงั งานกับการดารงชวี ติ การเปลี่ยน รปู พลงั งาน ปฏิสมั พันธร์ ะหว่างสารและพลงั งาน ผลของการใช้ พลงั งานตอ่ ชีวติ และส่ิงแวดล้อม มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สอ่ื สารสงิ่ ทเี่ รียนรูแ้ ละนาความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตวั ช้วี ัด ป.4/1 ทดลองและอธบิ ายการเคล่อื นทขี่ องแสงจากแหล่งกาเนดิ 1. พจิ ารณาขอ้ มูลตอ่ ไปนีแ้ ลว้ ตอบคาถาม ปราสาทหนิ พนมรุ้ง เปน็ ปราสาทขอมโบราณตง้ั อยบู่ นยอดภูเขาไฟทด่ี บั สนทิ แลว้ โดยในวนั ท่ี 3-5 เมษายน และ 8-10 กันยายน ของทกุ ปี จะเหน็ ดวง อาทติ ยข์ นึ้ ส่งแสงลอดประตทู ง้ั 15 บาน และนอกจากน้ันวนั ท่ี 6-8 มีนาคม และ 6-8 ตุลาคม ของทกุ ปดี วงอาทติ ยต์ กส่องแสงลอดประตูทัง้ 15 บาน การมองเหน็ ดวงอาทิตย์ผา่ นช่องประตูท้งั 15 บาน ของปราสาทหินพนมรุง้ ได้น้ัน ตอ้ ง สร้างบานประตูในลักษณะใด และอาศยั หลักการของแสงในเรื่องใด (Pre O-net ปี 2560) 1. สร้างบนยอดภูเขาไฟสูง โดยใชห้ ลักการสะท้อนของแสง 2. สรา้ งเรียงตวั กนั ในทิศตะวันออก-ตะวันตก โดยใชห้ ลักการหักเหของแสง 3. สรา้ งใหอ้ ยู่ในแนวเสน้ ตรงเดยี วกนั โดยใชห้ ลกั การแสงเดนิ ทางเป็นเส้นตรง 4. สร้างให้มขี นาดใหญ่ โดยใช้หลกั การแสงเคลื่อนที่จากแหล่งกาเนดิ แสงทุกทศิ ทาง

2. ขอ้ ใดแสดงการเดินทางของลาแสงผา่ นแทง่ แกว้ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง (O-net ปี 2561)

ตัวชวี้ ัด ป.4/2 ทดลองและอธิบายการสะทอ้ นของแสงทตี่ กกระทบวัตถุ 1. เม่ือลกู มะพร้าวไดร้ บั แสงจากดวงอาทิตยแ์ ลว้ สะทอ้ นไปยงั กระจกเงาโดยลาแสงตก กระทบทามุมกบั เสน้ แนวฉาก 40 องศา ถา้ ตอ้ งการเห็นผลมะพรา้ วจากกระจกเงา อย่างชัดเจนจะตอ้ งดูท่ตี าแหน่งใด (Pre O-net ปี 2555) 1. ตาแหน่ง ก 2. ตาแหนง่ ข 3. ตาแหนง่ ค 4. ตาแหน่ง ง

2. ภาพใดแสดงการสะท้อนของแสงทเ่ี กดิ จากกระจกเงาระนาบ (O-net ปี 2551) 1. 2. 3. 4.

3. การเกดิ ปรากฏการณร์ ุง้ กินน้าในธรรมชาติ ตอ้ งอาศัยปัจจยั ในขอ้ ใด (O-net ปี 2553) 1. แสงอาทติ ยแ์ ละปรซิ ึม 2. ละอองน้าและแสงอาทิตย์ 3. ความร้อนและแสงอาทติ ย์ 4. ละอองน้าและความรอ้ น

4. พิจารณาแผนภาพ แลว้ ตอบคาถาม ถ้ามมุ  เป็นมุมตกกระทบ มมุ ใดควรเปน็ มุมสะทอ้ น (O-net ปี 2556) 1. มุม  2. มมุ  3. มมุ  4. มมุ  หรือ มุม 

5. ในการทดลองเร่อื งการสะท้อนของแสง นกั เรียนคนหนงึ่ ใหร้ ังสตี กกระทบ ทามมุ ตก กระทบกับเสน้ แนวฉากกบั ผวิ กระจกเงาเปน็ มมุ 25 องศา รงั สีสะทอ้ นจะสะทอ้ น ทามมุ กับเส้นแนวฉากก่อี งศา (O-net ปี 2557) 1. 25 องศา 2. 50 องศา 3. 65 องศา 4. 90 องศา

6. พิจารณาอปุ กรณ์ท่ีประกอบด้วยโคมไฟ กระดาษ และเทอรโ์ มมิเตอร์ วางอยู่ใน ลกั ษณะต่างๆ ดงั รปู (ก ข ค และ ง) กาหนดจดุ ศูนยก์ ลางของกระดาษอยู่หา่ งจากโคมไฟเท่ากนั เมือ่ เปดิ โคมไฟแล้วท้ิงไว้ สกั สองนาที เทอร์โมมิเตอร์ในรปู ใดจะมีอุณหภมู สิ ูงท่สี ุด (O-net ปี 2559) 1. ก 2. ข 3. ค 4. ง

ตวั ชี้วดั ป.4/3 ทดลองและจาแนกวตั ถตุ ามลกั ษณะการมองเหน็ จากแหล่งกาเนดิ แสง 1. จากแผนภาพ A และ B ไดแ้ กข่ อ้ ใด (Pre O-net ปี 2558) AB 1. กระดาษลอกลาย นา้ คลอง 2. แผน่ โฟม แผน่ พลาสตกิ ใส 3. กระจกใส ผา้ ขาวบาง 4. คอนกรตี กระจกฝ้า

2. ตาราง ลักษณะของเปลวเทียนที่มองเหน็ เมือ่ มองเหน็ วตั ถชุ นิดต่างๆ ชนิดของวัตถุ ลกั ษณะของเปลวเทยี นที่มองเห็น A เหน็ ไม่ชดั B เห็นชัดเจน C ไมเ่ หน็ D เห็นไม่ชัด E เหน็ ชดั เจน F เห็นไม่ชัด ขอ้ ใดคอื วัตถทุ ึบแสง วตั ถโุ ปร่งแสง และวัตถโุ ปร่งใส เรียงตามลาดบั (O-net ปี 2553) 1. A B C 2. B D A 3. C A E 4. C B F

3. ถ้าต้องการปรับปรุงห้องนา้ ใหม้ ีความสว่างจากธรรมชาติเพ่มิ ข้ึน โดยทาช่องแสง เพ่ิมเติมและไม่ให้มองเหน็ ทะลุภายในห้องน้า วัสดขุ ้อใดท่ีเหมาะสมสาหรบั เลอื กใช้ ทาช่องแสง (O-net ปี 2560) 1. แผ่นหินหยกสเี ขยี วบาง 2. แผน่ กระเบ้ืองปูพืน้ 3. แผน่ แก้วใส 4. แผ่นเหล็ก

4. นกั เรียนทาการทดลองโดยใชเ้ ชอื กผูกกอ้ นหินสีขาวหย่อนลงไปในสระนา้ ทีละน้อยจน เรม่ิ มองไมเ่ ห็นกอ้ นหิน แล้วจึงบนั ทึกผลโดยการวัดความยาวของเชือกจากกอ้ นหินถึง ผวิ นา้ นกั เรียนทาการทดลองทสี่ ระน้า 2 แหง่ ในบรเิ วณใกลเ้ คียงกัน ไดผ้ ลการ ทดลองวัดความยาวเชือกไดเ้ ท่ากับ 64 และ 82 เซนติเมตร สาหรบั สระน้าแหง่ ท่ี 1 และ 2 ตามลาดบั จากผลการทดลอง ในขอ้ ใดกล่าวไดถ้ ูกตอ้ งเกีย่ วกับสภาพ ของสระน้า (O-net ปี 2560) 1. สระท่ี 2 ลกึ กวา่ สระท่ี 1 2. นา้ ในสระท่ี 1 ขนุ่ กวา่ สระที่ 2 3. นา้ ในสระที่ 2 ขุน่ กว่าสระที่ 1 4. น้าในสระท่ี 1 โปร่งใสกวา่ สระที่ 2

5. ทดสอบการมองทะลผุ า่ นแผน่ วัตถุชนิดหนึง่ โดยวางแผน่ วัตถุก้นั ระหว่างตาและเทียนไข ผลคือ มองเหน็ เทียนไขได้ แต่ไมช่ ดั เจน เม่อื นาแผ่นวัตถุน้ไี ปทดสอบการสะทอ้ นของแสง โดยฉายรังสีของแสงไปตกกระทบท่แี ผ่นวตั ถุ พบวา่ รงั สีของแสงบางสว่ นสะท้อนออกจากแผ่นวตั ถุ และบางส่วนทะลผุ ่านแผ่นวตั ถุ ดังแผนภาพ แผน่ วัตถนุ จี้ ัดเปน็ ตวั กลางชนิดใด และมมุ X มขี นาดเทา่ ใด (O-net ปี 2562) ตัวกลาง ขนาดของมุม X 1. โปรง่ แสง 47 องศา 2. โปร่งแสง 43 องศา 3. โปร่งใส 47 องศา 4. โปร่งใส 43 องศา

ตวั ช้วี ัด ป.4/4 ทดลองและอธบิ ายการหักเหของแสงเมอ่ื ผ่านตัวกลางโปรง่ ใสสองชนิด 1. จัดชดุ การทดลองโดยเปดิ ไฟฉายให้ลาแสงส่งผา่ นกระดาษทบึ เจาะรแู ละเคลอ่ื นท่ผี า่ นไป ยังแทง่ แก้ว สังเกตลาแสงไดผ้ ลดงั ภาพ จากภาพ การทดลองนี้แสดงสมบตั ิของแสงสองเรอื่ งใดต่อไปนี้ ตามลาดบั (Pre O-net ปี 2557) 1. การหักเหของแสง และแสงเดินทางเปน็ เส้นตรง 2. แสงเดนิ ทางเป็นเสน้ ตรง และการหกั เหของแสง 3. การสะท้อนของแสง และแสงเดนิ ทางเปน็ เสนตรง 4. แสงเดินทางเป็นเส้นตรง และการสะทอ้ นของแสง

2. อุปกรณช์ นิดใดทมี่ ีแสงอาทิตย์สอ่ งผา่ นแล้วจะทาให้เกิดสรี ุ้งไดช้ ดั เจนที่สดุ (O-net ปี 2551) 1. เลนสน์ ูน 2. เลนสเ์ ว้า 3. กระจกใส 4. แกว้ ปริซึม

3. เมอื่ ลาแสงขนานส่องผ่านวตั ถุชนิดหนงึ่ แลว้ ทาใหเ้ กดิ การรวมแสงไดว้ ตั ถุชนดิ น้ี คอื อะไร (O-net ปี 2552) 1. เลนส์นนู 2. เลนส์เว้า 3. กระจกใส 4. กระจกเงาระนาบ (กระจกส่องหนา้ )

4. สมศรที าแหวนหลน่ ลงไปในท่อระบายน้า แบบเปดิ ฝารมิ ถนน ซึง่ มนี า้ โสโครกอยู่ เตม็ ท่อ แต่นา้ ใสพอมองเหน็ แหวนไดอ้ ยทู่ ต่ี าแหน่ง X ในภาพ สมศรจี ะใช้ทคี่ ีบ คบี แหวนขึ้นมาใหไ้ ดจ้ ะต้องหยอ่ นทค่ี บี ลงไปทต่ี าแหน่งใด (O-net ปี 2557) X คือ ตาแหน่งของแหวนที่เหน็ ในนา้ 1. A 2. B 3. C 4. D

5. ภาพการทดลองในห้องมดื เมอ่ื ส่องไฟฉายไปยังวัตถุ A มเี งามดื เกิดขนึ้ วตั ถใุ นขอ้ ใดอยู่ในประเภทเดียวกันกับวตั ถุ A (O-net ปี 2557) 1. หนังสอื กระจกใส 2. พลาสตกิ ใส แผ่นใสอดั 3. น้า กระดาษไข 4. สมดุ จานกระเบ้ือง

6. ทาการทดลองวัดอณุ หภูมิจากสถานท่ี 3 แห่ง ภายใตแ้ หลง่ กาเนดิ แสงเดียวกนั คือ ดวงอาทติ ย์ เปน็ ระยะเวลานานตา่ งกัน ได้ผลดังตาราง ระยะเวลาในการวดั อุณหภูมิท่วี ัดได้ (องศาเซลเซยี ส) (นาท)ี สถานท่ี A สถานท่ี B สถานท่ี C 10 20 34 26 21 30 46 32 23 51 36 24 พลังงานของแหลง่ กาเนิดแสงทีบ่ รเิ วณ A B และ C ข้อใดถูกตอ้ ง (O-net ปี 2560) 1. A > B > C 2. A < B < C 3. A = B = C 4. A < C < B

7. เมือ่ แสงเคล่ือนที่ผ่านตัวกลางโปรง่ ใสชนดิ เดยี วกัน แสงมเี ส้นทางการเคลอื่ นท่ีตาม ขอ้ ใด (Pre O-net ปี 2558) 1. แสงเคล่อื นทเ่ี ป็นเส้นตรง 2. แสงหักเหเบนเขา้ หาเสน้ ปกติ 3. แสงหกั เหเบนออกจากเสน้ ปกติ 4. แสงสะทอ้ นกลับหมดทกุ ทิศทาง

8. ภาพการเกดิ เงาของวตั ถุตอ่ ไปนี้ ภาพใดเกิดไดจ้ ริง (O-net ปี 2552)

9. การเดินทางของแสงจากอากาศไปยังตวั กลางโปรง่ แสงทมี่ คี วามหนาแนน่ มากกวา่ อากาศ ภาพใดแสดงการหกั เหของแสงไดถ้ กู ตอ้ ง (O-net ปี 2553)

10. ภาพในข้อใดแสดงการหักเหของแสงท่ีถกู ตอ้ ง 1. 2. 3. 4.

ตวั ชว้ี ดั ป.4/5 ทดลองและอธบิ ายการเปล่ียนแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าและนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 1. ขอ้ ความใดกลา่ วถกู ตอ้ ง (Pre O-net ปี 2558) 1. เซลลส์ รุ ยิ ะเปน็ อุปกรณ์ที่เปล่ยี นพลงั งานแสงอาทติ ยเ์ ปน็ พลงั งานไฟฟ้า 2. การใช้เซลลส์ รุ ยิ ะทาให้เกดิ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเพิม่ ขนึ้ 3. ในเวลากลางคืนไม่สามารถนาพลงั งานไฟฟ้าท่ผี ลิตจากเซลล์สุรยิ ะมาใชไ้ ด้ 4. แสงจากไฟฉายกับแสงจากดวงอาทติ ย์ทาให้เซลลส์ รุ ิยะผลติ กระแสไฟฟ้าได้ ปรมิ าณทเี่ ท่ากนั

2. นาไฟฉายทป่ี รับรับความสวา่ งได้ตง้ั แต่ระดบั 0 ถงึ 5 ไปฉายแสงลงบนเซลล์สุริยะชนิด A และ B จากนน้ั นาค่าระดบั ความสวา่ งของไฟฉายและระดับพลงั งานไฟฟา้ ทไี่ ด้จากเซลล์สุริยะ มาเขยี นกราฟ ไดด้ ังน้ี พิจารณาข้อความตอ่ ไปนี้ ก. เซลล์สุริยะเปลี่ยนพลังงานความรอ้ นเป็นพลังงานไฟฟ้า ข. เซลล์สรุ ยิ ะเปลย่ี นพลังงานแสงเปน็ พลังงานไฟฟ้า ค. ทรี่ ะดับความสวา่ งเท่ากบั 4 เซลลส์ รุ ิยะท้งั สองมรี ะดบั พลงั งานไฟฟา้ ต่างกัน 0.5 ระดับ ข้อความใดกล่าวถกู ต้อง (O-net ปี 2561) 1. ก เท่านน้ั 2. ข เทา่ นน้ั 3. ก และ ค 4. ข และ ค

ตัวชวี้ ัด ป.4/6 ทดลองและอธบิ ายแสงขาวประกอบด้วยแสงสีต่างๆ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ 1. พิจารณาภาพตอ่ ไปน้ีแลว้ ตอบคาถาม ขอ้ ใดคือตัวแปรตน้ และตัวแปรตาม ตามลาดับ (Pre O-net ปี 2560) 1. แผ่นพลาสตกิ , จานวนแมลง 2. สีของหลอดไฟ , จานวนแมลง 3. ชนิดของแมลง , สีของกะละมงั 4. ความสวา่ งของหลอดไฟ , ขนาดของแผ่นพลาสติก

2. แสงขาวประกอบด้วยแสงสีตา่ งๆ เม่ือผา่ นปรซิ มึ จะเกดิ การกระจายของแสงเปน็ แสง สีต่างๆ เช่นเดียวกบั การเกิดรงุ้ ปัจจัยใดที่ทาใหเ้ กิดรงุ้ (O-net ปี 2560) 1. น้าและความร้อน 2. หมอกและอากาศแหง้ 3. แสงแดดและความร้อน 4. แสงแดดและละอองนา้

ตวั ชว้ี ดั ป.5/1 ทดลองและอธบิ ายการเกดิ เสียงและการเคลอื่ นท่ีของเสยี ง 1. จากรปู นกั เรยี นคิดวา่ ชาวอินเดยี นแดงใช้ประโยชนจ์ ากสมบัตขิ อ้ ใดของเสยี ง (Pre O-net ปี 2557) 1. เสยี งแหลมมคี วามถ่สี งู 2. ความดังของเสยี งอยู่ทพี่ ้ืนดิน 3. เสยี งหนักกว่าจะตกลงสูพ่ ้ืนมากกว่า 4. อัตราเรว็ เสียงแปรตามชนดิ ของตัวกลาง

2. จากภาพ คลน่ื เสยี งเคลื่อนทีอ่ อกจากแหล่งกาเนดิ เสียงทุกทิศทาง ตาแหน่งในข้อใดจะได้ยินเสยี งด้วยขนาดของความดังทเี่ ท่ากัน (Pre O-net ปี 2552) 1. A และ B 2. B และ C 3. C และ D 4. E และ F

3. พจิ ารณาภาพตอ่ ไปน้ีแลว้ ตอบคาถาม จากภาพ ถา้ ปรีชาตะโกนดังๆ ใสถ่ ้วยกระดาษ จะเกดิ ผลตามข้อใด (Pre O-net ปี 2556) 1. เส้นลวดขาด 2. ถ้วยกระดาษขาด 3. ผวิ นา้ เกิดการส่นั สะเทือน 4. นา้ กระเด็นออกจากบกี เกอร์

4. ตาราง ผลการฟงั เสียงกระดงิ่ เมื่อเขย่าขวดทปี่ ิดฝาสนทิ ระหว่างขวดที่มอี ากาศและขวด ทส่ี ูบอากาศออกหมด สรปุ ผลของการทดลองนคี้ ืออะไร (O-net ปี 2551) 1. ขนาดของขวดมผี ลต่อการไดย้ นิ เสยี ง 2. ความถใ่ี นการเขย่าขวด ทาให้เกิดเสยี ง 3. เสียงเคลื่อนทโ่ี ดยอาศยั อากาศเป็นตัวกลาง 4. อากาศมผี ลต่อความถีใ่ นการส่นั ของกระด่งิ

5. จากการทดลอง นักเรยี นสามารถไดย้ ินเสยี งเคาะชอ้ นใตผ้ ิวน้าไดช้ ัดเจน การทดลองน้ีตรวจสอบเรอื่ งใด (O-net ปี 2552) 1. นา้ เปน็ ตัวกลางในการเคลอื่ นท่ขี องเสยี ง 2. ชอ้ นเปน็ ตัวกลางในการเคลื่อนท่ขี องเสียง 3. ขนาดของชอ้ นมผี ลตอ่ การเกดิ เสยี งใตน้ ้า 4. ปรมิ าณน้ามีผลตอ่ ระดบั ความเข้มของเสียง

6. ขณะท่ีนกั ดนตรีดีดสายกตี าร์ด้วยตัวดดี (ปกิ๊ ) ผฟู้ ังได้ยนิ เสยี งกีตารไ์ ดเ้ นอ่ื งจากเหตุใด (O-net ปี 2559) 1. สายกตี าร์กระทบกบั ตวั กีตารเ์ กิดเสียงออกมา 2. สายกีตาร์สั่นเพราะถกู ดีดจึงทาให้เกิดเสยี งออกมา 3. สายกีตาร์ไม่ทาใหเ้ กิดเสียง แต่ตัวดดี ทาใหเ้ กิดเสียงออกมา 4. สายกตี าร์ทถี่ กู ดดี สน่ั แลว้ กระทบสายกตี ารท์ ่ีอยู่ตดิ กนั ทาให้เกดิ เสียงออกมา

7. กตี ารเ์ ป็นเคร่อื งดนตรที ปี่ ระกอบด้วยสายกตี าร์หลายเส้นทีม่ ขี นาดตา่ งๆ กนั เมื่อ กดสายกตี ารท์ ี่ตาแหน่งเดยี วกันแล้วดีด ขอ้ ใดกล่าวถกู ตอ้ ง (O-net ปี 2560) 1. เส้นท่หี นาสั่นเรว็ กวา่ เส้นทบี่ าง 2. เส้นท่ีหนาสั่นชา้ กวา่ เส้นที่บาง 3. เสน้ ท่ีหนาสัน่ เท่ากับเส้นท่ีบาง 4. เส้นทห่ี นาไม่เกิดการสั่น แต่เสน้ ท่บี างเกดิ การส่นั

8. ในรายการทางโทรทศั น์ นกั ร้องไดร้ อ้ งเพลงทอ่ นหนึง่ ในทานองเสยี งท่ีเปน็ เสยี งสงู มาก ถ้านักรอ้ งคนน้ี เปรียบเสมอื นแหลง่ กาเนิดเสยี ง ในขณะทน่ี กั ร้องกาลงั ร้องเพลงท่อน นี้ ข้อใดกล่าวถกู ตอ้ ง (O-net ปี 2552) 1. แหลง่ กาเนดิ เสยี ง สน่ั ชา้ 2. แหล่งกาเนดิ เสยี ง ส่ันเร็ว 3. แหลง่ กาเนดิ เสียง มีพลังงานเสียงมาก 4. แหลง่ กาเนดิ เสยี ง มพี ลงั งานเสยี งนอ้ ย

ตวั ช้ีวดั ป.5/2 ทดลองและอธบิ ายการเกิดเสียงสงู เสยี งต่า 1. ใสน่ า้ ในแก้วประมาณครึ่งแก้ว จากนั้นใช้แทง่ ไม้เคาะแก้วและฟังเสียงที่เกิดขน้ึ ตอ่ มาเท นา้ ปริมาณครงึ่ หนึง่ ออกจากแกว้ ใบเดิม จากนั้นเคาะแก้วด้วยแรงทนี่ ้อยลงกว่าคร้ังแรก และฟังเสยี งทเี่ กิดข้นึ จากขอ้ มลู เสยี งเคาะทไ่ี ดย้ ินในครง้ั หลงั จะตา่ งจากครั้งแรกอย่างไร (O-net ปี 2561) 1. เสยี งทมุ้ และคอ่ ยกวา่ เดมิ 2. เสียงทมุ้ และดงั กว่าเดิม 3. เสยี งแหลมและค่อยกว่าเดมิ 4. เสียงแหลมและดังกว่าเดมิ

2. นาแก้ว 4 ใบทม่ี รี ูปร่าง ขนาดและมวลเทา่ กนั มาใสน่ ้าในปรมิ าณตา่ งกนั ดงั รปู เมื่อเคาะ แกว้ ทง้ั 4 ใบ จะเกดิ เสียงที่ต่างกัน แก้วใบไหนเกิดเสยี งท่มี ีความถนี่ ้อยทสี่ ุด (O-net ปี 2558) 1. A 2. B 3. C 4. D

ขอ้ แบบเลือกตอบเชิงซอ้ น (เลอื กตอบ 2 คาตอบ) 2. แขวนแผน่ เหล็กชนดิ เดยี วกัน มคี วามหนาแน่นเทา่ กนั แตม่ ขี นาดต่างกนั ดงั ภาพ ถา้ ตแี ผน่ เหล็กด้วยแรงเทา่ กนั เสียงทเี่ กิดเปน็ อย่างไร (O-net ปี 2551) 1. แผน่ ที่ 1 เสยี งสงู กว่าแผน่ ท่ี 3 2. แผ่นที่ 2 เสียงสูงกว่าแผน่ ที่ 1 3. แผ่นที่ 2 เสยี งสูงกว่าแผน่ ที่ 4 4. แผ่นท่ี 3 เสียงสงู กวา่ แผ่นท่ี 1 5. แผน่ ที่ 3 เสียงสงู เทา่ กับแผน่ ที่ 4 6. แผน่ ที่ 4 เสยี งสงู กวา่ แผน่ ท่ี 2

ตวั ชวี้ ดั ป.5/3 ทดลองและอธิบายเสียงดัง เสียงค่อย 1. พจิ ารณาข้อมูลตอ่ ไปนแ้ี ลว้ ตอบคาถาม ด.ช.ปอ้ ม และ ด.ช.ปอ กาลงั เล่นน้าอยูใ่ นคลองอยู่คนละฝง่ั ป้อมเป่านกหวีดใน อากาศและใต้น้า ให้ ด.ช.ปอ คอยฟังเพ่ือเปรยี บเทียบความดงั ของเสยี ง โดยในแต่ละ ครงั้ ด.ช.ป้อม และ ด.ช.ปอ ยนื อยู่ในตาแหน่งเดมิ จากข้อมลู ขอ้ ใดเปน็ ตวั แปรต้น (Pre O-net ปี 2555) 1. ความดงั ของเสียงนกหวีดท่ปี ้อมเป่าแตล่ ะครัง้ 2. การเดินทางของเสยี งนกหวีดทีไ่ ดย้ ินแต่ละครัง้ 3. ตาแหน่งท่ี ด.ช.ปอ้ ม และ ด.ช.ปอ เปา่ นกหวีด 4. การเป่านกหวดี ในนา้ และในอากาศของ ด.ช.ปอ้ ม

2. ทดลองตกี ลอง 4 ใบ ทีละใบ ดว้ ยแรงเทา่ เดิม แล้วบันทึกระดับเสยี งท่ไี ด้ยนิ ในตาราง ตาราง ระดับเสียงที่ไดย้ นิ เมอื่ ตกี ลอง 4 ใบ ทีละใบด้วยแรงเท่าเดิม กลอง เสียงท่ไี ด้ยนิ ใบท่ี 1 แหลมท่สี ดุ ใบท่ี 2 แหลม ใบที่ 3 ทมุ้ ใบที่ 4 ท้มุ ทีส่ ุด จากตาราง การตกี ลองแลว้ ทาให้ผวิ หนา้ ของกลองส่ันดว้ ยความถต่ี ่าสุดคอื การตกี ลอง ในข้อใด (O-net ปี 2552) 1. ใบที่ 1 2. ใบที่ 2 3. ใบท่ี 3 4. ใบที่ 4

ตัวชวี้ ดั ป.5/4 สารวจและอภิปรายอนั ตรายท่เี กิดขึ้นเมอ่ื ฟังเสียงดงั มากๆ 1. ตาราง ปริมาณเวลาทอี่ นุญาตใหพ้ นกั งานทางานได้อยา่ งปลอดภัยท่คี วามเข้มเสียง เมอ่ื ไดร้ บั อยา่ งตอ่ เน่ืองในระดับต่างๆ ระดับความเข้มเสยี งท่ีได้รับอย่างตอ่ เนื่อง (เดซเิ บล) 91 90 85 80 เวลาที่อนุญาตให้ทางานได้อยา่ งปลอดภัย (ช่ัวโมง) 6 7 8 9 จากตาราง การทางานลักษณะใดมีโอกาสได้รับอันตรายจากเสียงมากทสี่ ดุ (O-net ปี 2551) 1. ทางาน 5 ช่วั โมงในบรเิ วณทม่ี รี ะดบั ความเขม้ เสียง 91 เดซิเบล 2. ทางาน 6 ชว่ั โมงในบรเิ วณท่มี ีระดับความเขม้ เสยี ง 90 เดซิเบล 3. ทางาน 8 ชั่วโมงในบริเวณท่ีมรี ะดับความเขม้ เสยี ง 80 เดซิเบล 4. ทางาน 9 ชัว่ โมงในบรเิ วณท่มี รี ะดับความเข้มเสียง 85 เดซิเบล

ตัวชว้ี ัด ป.6/1 ทดลองและอธิบายการต่อวงจรไฟฟ้าอยา่ งงา่ ย 1. วงจรไฟฟา้ ในภาพใดแสดงทศิ ทางการไหลของกระแสไฟฟา้ ถกู ตอ้ ง (O-net ปี 2551) (เมอื่ ให้ แทนทศิ การไหลของกระแสไฟฟา้ )

2. จากภาพ ส่วนประกอบของวงจรท่ที าหน้าทเี่ ปน็ แหลง่ กาเนิดไฟฟา้ คอื อะไร (O-net ปี 2552) 1. สายไฟ 2. หลอดไฟ 3. ถ่านไฟฉาย 4. ลวดทองแดง

3. ชา่ งไฟฟ้า นาเซลล์ไฟฟ้าหลายเซลลท์ ีม่ แี รงดนั ไฟฟา้ เซลล์ละ 1.5 โวลต์ มาตอ่ กนั เป็น แบบตา่ งๆ แล้วตรวจวัดแรงดันไฟฟา้ ไดด้ ังตาราง รูปแบบการต่อเซลล์ไฟฟ้า แรงดนั ไฟฟา้ (โวลต์) A 1.5 B 3.0 C 6.0 D 9.0 จากขอ้ มลู การตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบใด เป็นการตอ่ แบบอนกุ รม (O-net ปี 2556) 1. A 2. B 3. C 4. D

4. เดก็ หญงิ ลายองทดลองวงจรไฟฟ้าที่ประกอบดว้ ยหลอดไฟฟ้าทเ่ี ป็นชนดิ และแบบ เดียวกนั 3 หลอด สายไฟและถ่านไฟฉาย ซึง่ สามารถเขียนเป็นแผนภาพ วงจรไฟฟ้าดงั รูป เดก็ หญิงลายองจะเหน็ หลอดไฟหลอดใดสวา่ งทส่ี ุด (O-net ปี 2558) 1. A 2. B 3. C 4. B และ C

ตวั ช้ีวดั ป.6/2 ทดลองและอธบิ ายตวั นาไฟฟ้าและฉนวนไฟฟา้ 1. หากต้องการให้หลอดไฟสว่าง ตาแหนง่ A ควรเป็นวสั ดทุ ุกชนิดในขอ้ ใด (O-net ปี 2557) 1. แท่งแก้ว ไส้ดนิ สอ 2. ไมจ้ มิ้ ฟนั เหรียญเงิน 3. แท่งแก้ว เหรียญเงิน 4. ไส้ดนิ สอ ลวดเสยี บกระดาษ

2. นาโลหะ A B C และ D จมุ่ ในบีกเกอร์ทีม่ ีนา้ เดอื ดเปน็ เวลา 2 นาที พบว่า โลหะ A B C และ D มีอุณหภูมติ า่ งกนั ดงั ตาราง ตาราง อณุ หภมู ขิ องโลหะชนิดตา่ งๆ กอ่ นจ่มุ และหลังจมุ่ ในนา้ เดือด ชนิดของโลหะ อณุ หภมู ิของโลหะ (°C) A กอ่ นจมุ่ (°C) หลังจ่มุ (°C) B C 30 80 D 30 50 30 35 30 95 ในการผลติ ภาชนะหุงต้ม จะเลอื กใช้โลหะชนิดใดจงึ เหมาะสมท่ีสดุ (O-net ปี 2558) 1. A 2. B 3. C 4. D

3. วัตถุ A คือวัตถุในขอ้ ใดทเี่ ม่ือต่อในวงจรแลว้ ทาใหห้ ลอดไฟสวา่ ง (O-net ปี 2559) 1. ตะปู เชอื ก 2. ไส้ดนิ สอ เข็มกลัด 3. ยางลบ ลวดเย็บกระดาษ 4. เขม็ เย็บผ้า ไมบ้ รรทดั พลาสตกิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook