Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 18575_2019071913ป.5

18575_2019071913ป.5

Published by สุเมธ สร้อยฟ้า, 2022-01-20 03:48:41

Description: 18575_2019071913ป.5

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรู “รายวิชาเพิ่มเตมิ การปองกนั การทุจรติ ” ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ สาํ นักงานคณะกรรมการปอ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง ชาติ รว มกบั สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๖๑

แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เติม การปอ้ งกนั การทุจริต” ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ ร่วมกบั สำ�นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๖๑

แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การปอ้ งกันการทจุ รติ ” ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ พิมพค์ รัง้ ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำ�นวนพิมพ์ ๓๒,๕๓๒ เล่ม ผจู้ ดั พมิ พ ์ สำ�นกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ ร่วมกบั ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน พิมพท์ ่ี ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำ�กดั สาขา ๔ ๑๔๕ , ๑๔๗ ถ.เล่ียงเมืองนนทบรุ ี ต.ตลาดขวญั อ.เมือง จ.นนทบรุ ี ๑๑๐๐๐ โทร. ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๐๗-๙ , ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๕๓-๔ โทรสาร ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๕๕ E-mail : [email protected] www.co-opthai.com

คำ�น�ำ ยุทธศายสทุ ตธรศช์าาสติวร่าช์ ดาตว้ ยวิ า่กดาว้รยปก้อางรกปนั อ้ แงลกะนั ปแลราะบปปรารบามปกรามรกทาุจรรทิตจุ รติะ ยระยทะี่ ท๓ ี่๓( พ(พ.ศ.ศ.. ๒๕๖๐ -๒ ๒๕๕๖๔) ได้ก�าำำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๑ สร้างสังคมทีไ่ ม่ทนต่อการทุจรติ ประกอบด้วย กกลลยยทุ ุทธธ์ท์ที่ ่ ี๑ ปรับฐาน ความคิดทุกช่วงวัยตัง้ แตป่ ฐมวัยเป็นตน้ ไปให้สามารถแยกระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ สว่ นรวม กกลลยยทุ ุทธธท์ ท์ ี่ ๒ี่ ๒ สง่ สเสง่ เรสมิ รใิมหใม้ หรี ้มะีรบะบบแบลแะลกะรกะรบะวบนวกนากรการลกอ่ ลม่อเกมลเกาลทาทงสางั คสมังคเพมอื่เพตื่อา้ นตทา้ นจุ ทรติจุ รกิตลยกทุ ลธยท์ ุท ี่ ๓ธ์ ทปี่ร๓ะยกุปตรห์ะลยกัุ ปตร์หชั ลญักาปขรอัชงญเศารขษอฐงกเจิศพรอษเฐพกยี ิจงพเปอน็ เพเคียรงอื่ เงปม็นอื เตคา้ รน่ือทงจุมรือติ ต แ้าลนะทกุจลรยิตทุ ธแท์ ล ่ี ะ๔ก เลสรยมิุทพธล์ทงั ่ี ก๔ารเมสสี รว่ ิมนพรลว่ มัง กขาอรงมชสี ุมว่ ชนนร ว่ แมลขะอบงชูรมุณชานกาแรลทะุกบภรู ณาคาสก่วานรทเพกุ ื่อภตาค่อสตว่้านนเกพาอ่ื รตทอ่ ุจตรา้ิตน กจาารกทกจุ ลรยติ ุทจธา์ทกี่ ก๑ล ยคทุ ณธท์ะ่ีก๑รครมณกะากรรปร้อมงกกาันร ปแอ้ลงะกปนั รแาลบะปปรราามบกปารราทมุจกราิตรทแหจุ ร่งติชแาหติง่ ช(คาณติ (ะคกณรระมกรกรามรก าปร.ปป..ชป..)ช .จ)ึงจไงึ ดได้มม้ีคคีำา�สำส่ังง่ัแแตต่งง่ตต้ังง้ั คคณณะะออนนุกกุ รรรรมมกกาารร จจดััดทท�ำาำหหลลกัักสสูตตู รรหหรรอืือชชดุดุ กกาารรเเรรียียนนรรู้แู้แลละะสสอื่ื่อปปรระะกกออบบกกาารรเเรรยีียนนรรู้ ู้ ดด้าา้ นนกกาารรปป้อ้องงกกนัันกกาารรททุจจุ รริตติ ซซ่ึงึ่งปปรระะกกออบบดดว้้วยย ผผทูู้้ทรรงงคคณุ ุณววฒุ ุฒดิ ิด้า้านนกการาใรหใก้หา้กราศรกึ ศษึกาษแาลแะลกะารกพาฒัรพนัฒาทนราพั ทยราัพกยรมากนรษุ มยน์ ขุษน้ึ ยเ์ขพ้ึนอ่ื ศเกึ พษื่อาศ วึกเิ คษราา ะวหิเค์ แรลาะะรหว์บ แรวลมะ ขรว้อบมรูลวมกข�ำ้อหมนูลด แกนำาหวทนาดงแแนลวะทขาองแบลเขะตขใอนบกเขาตรจในัดกทา�ำรหจลัดักทสำาูตหรลักยสกูตรร่า งยแกลระ่าจงแัดลทะ�ำจเนัดื้ทอำหาเานห้ือลหักาสหูตลรักหสรูตือร ก๕เกก๒อกกทคช เ๕กแหหคเปอ ปซย๕โกเร พรพดาดุลาาุดาณงจุัล่ึุดาณงล๕.อ้.ร ร่ง่งหปห่ืรอรรรไ่ืคมุ่อรกมยรือะืมุ่ดงมอด๖ดะะนหเเทล.เลปติกาณทศป รรแใ�ศชรชทำาค้ออ๑ำ�กัลุจักรนยห๕ัยีียรึกำเียหน.ึกรุเดดะัหหนน เน สรัสกนัังนนบก้ัษนร.บหมษาวรเกรค ลกุิตุากไูตโินูตสลยาีิรกนรปทกาอัฐดปดาาหนรากณัรไรรรรูู้อแ ืนกตากมา บยดรค้าแรยรร่สลทรซว (รกล(าะดรรรดุงงานวมว้รเัดหุลวงใมตูักง่ึจยุสรแ้รูสสะอโกังใงัรหัย่วิชใัยกเตคะมรกรสคคอีหยนงตอลนอื่ลนหาเมใา้ใาหไตณริตาูตตเาณาน้สชนกระ�นี้อืส้้ี ปมุก้กรเตมีำม๑ ยไำรนารรนรนพ๑สขาะเก จขดรีใระปันรีปีจมรพใโ.ีวยชร่ใวรอื่อำาู้่ิทแ.สดัมรอร้จีอยคจสวัรด หจตเรใย้ม่ืัฐอหหปวมง่รอ่ืทลงสี่เมน้ชเนสจะระทิเลมสงตมคยีกสลกกลรก๔ะะหำาา้เะค สุกหสากั�นถินกมพะถวัาก่ีกัาหงาอำยส๔อ็.นิวทนรนิหทสานตักาชรรรารกสส่ือาล่ืวอาารหช.นทว่ธูตจู้มนจลเรธอรุสด ดาููตตกดกัมมรขปยอลิภูาศรีม้ัิ่ีดเคัภกพศรหบรหรรียา ส้พกกองกกับกรา้กึ“ีมาทปิดสกึ“กรไากลลรนาตู่ีายแะงรสางปพตYษตรYูพษ�ต้า้ตอนอาัักกรชรรำร้หอวกนูตoู้คาหoรใิเราแรมู้า้หงทสจาแสดุศขชหมลจรอำมศuเาิดuหกลลนัูดตใูรหรตเล่ีกึ้้ใสอง็นา่ใบกึทnหกตนnักันยีะรอืนรททตนรละษกรงชษgยี่ี่้คากgือสลดนตปชกสหาก้า่ัปำนุาแดจาsอนวsาณาูตัช้า้งดุางรกาหรสรtขนห�รt้ราขบขๆทรำวนeู้นุรดร้eกาะตูสิัน้ตหะรลนะ่วลอ้นั้ทิเต หrุจทงทrากตสทวรูรกยัพกตสง่ลตง พาวยรรรตมุุจจ่ีาิwายทตงั้ชwรงิสทักื้น่รามแิทเิตือา้ืนารใ้งรทรารรนาุ่ดธูงตiตสลนฐทiกธน ชtๆยเิตินตฐtยีมงง้ัๆิผรรหhราิ้ะูตผhชราปคีุ่ๆดทาา ศพนทกีู้ย นหลดผลนุด รลนกรณเกจสุึกรจิาเGี่เรนทGพ�้นูรตะัหก พกร รท(ำาแู้�ษราว(ะเoืสรอำรงั้oเ�้ื่สาอตรผิรสน่ียล หลื่รอุทำมจกาาใู้แ�oชกนoาเำศาู้นปนูณำัวตก นนิะนรยรศรทรหลยdุาดdหทกึขำส:ำสา.ัารียบกปรวิ�แาตรป้ัวะงรกำ ษ้อกหุรดจอมืู่ตชินาหใลหรเAHชิพัHศสบ.าัปหบรางารัปกรงาชละระลnาลeื่ึรอิจeก อกิรตเกดคล้:ูเก้าแั.ตรกเักt ัพเกaแ ทปaานเพ่ืAาษรยี่ศัรวงะลiลาา่สปr-สเสrลริม่ศรกnรีๆยากนงิ่มtCึสกร่ะาtาูตูตปลณู”ตะใเมปะแ”tลนอใเวนแสoษไตตชรiี่รตยด)ช.กร-เ)ลร่าปบไราปื่ปอrอิม ตาCหา้ตใมิกนำ้ะาวใดrอะ๓ู้แใ๓กมปนลไใ. u้oานน็้เาเไช หาตกแ้บผปชล.กนทาเท.งดนรกprนเรก .ม่าา้ปคr้่รสะกา ใาพะิหศนค้ี่ผหทลtuศทงรชลื่อเเรนสว่สูลแiาก มิ่รณ่ลากสปุpoลปึ่กุมรจุุ้่จปมวาร่ืงัองกยีอลนเกัานวtักnรษ้อรแเัะนรคเมตส้อเปiนบรรมปกะสระoิอสปติตกงลมาทมิู่งสเะอีรรย กเรูตใEกn้ตูาหศร้๕กศขาะททัง่ี ดู้บะ่ืนหะนเกdารนั หรรหึั้็กนัใึนกEนคม๐๒ศไี่า้กบรตๆว้ม�หตuรกกมมdษำกษมอ่ืมพนเ เ๒อหนูาว้กช าcรรพ้ารกuท่าาวาาทกา้ืมนบนตดมน aนาวิ้ียรกะรยรcิ่ันมนยไไา่ีรแไพมtทาฐก้แกาน ดาทaะปปทตเรมทiตเตมนนาoพนาปุจราฤtแรตทุจปปป๕่อ่ร่ท่อiี่อนรทรวนnoรูก้ดษวผอ.่ืิรมร๒อ้ปรวร๐ไกนไนเทติที่คn�้าในาติวภรปัับ บปงำง๒ช.าำาจป)าตนร ไชณาี)งยหกชปกาศรใใ้ใ ไ ปงั๒ดปง่ศรอ.๒กชนนชคนนิ้ัรปทำารนะพึรนกรมะทท.้ึอกกาอื้.ใ้ะกใมรหกับทกจุบัอ ฤอกษอเหนรนห�งดษากู้แดาา พรำรรนดรกษปอกบกขลรกรากอลนลร้๒าิตาาราื่อลดจบภทเ้จัอห้ึนักนทธานบกัชธามวอรช๕ใอแาแิางารดสุมิจรกกกชทโยจสุกีดกกกง๖งกกคดจผกลจตู้วรานร้ใาาตูใาวา้าาาาใันนนชัมด๑ยยยินะันตติดรรรรชยงรรรรรร้ ี ้ ู้ ้ ้ี อนุกรรมการด้านการศึกษา ในคณะอนุกรรมการจัดท�ำหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบ การเรียนรู้ ดา้ นการป้องกนั การทจุ รติ และกลมุ่ ผูท้ รงคุณวุฒดิ า้ นการศึกษา สาระการเรียนรปู้ ระกอบด้วย (๑) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม (๒) ความอายและ

ค วามไม ท่ นตอ่ กรารยทวจุิชราติ เพ(๓ิ่ม)เตSิมTRกOารNปG้อ:งจกติันพกอาเรพทยี ุจงรติตา้ นสทำาจุ หรรติ ับ(ห๔ล) ัพกสลูตเมรอื กงาแรลศะึกคษวาขม้ันรบัพผ้ืนดิ ฐชาอนบ ตจอั่ดสทงัำาคขมึ้น ตโ่อดเยนอื่อนงุกกรันรตม้ังกแาตร่รดะ้าดนับกปารฐศมึกวษัยา รใะนดคับณปะระอถนมุกศรรึกมษกา ารจะัดทับำามหัธลยักมสศูตึกรษหารตืออชนุดตก้นารแเรลียะนรระู้แดลับะมสัธื่อยปมรศะึกกษอาบ ตกอานรเปรลยี านยรู้ ดา้ นการปอ้ งกนั การทจุ ริตและกลุ่มผทู้ รงคุณวฒุ ิดา้ นการศึกษา สาระการเรียนรปู้ ระกอบด้วย (๑) การคณดิ แะยกกรแรยมะกราะรหปว.า่ปง.ผชล.หปวรงั ะเปโยน็ ชอนยส์ ่าว่งนยตง่ิ วนา่ แ รลาะยผวลชิ ปารเพะโม่ิ ยเชตนมิ ส์กว่านรปรวอ้ มงก (๒นั ก) คารวทามจุ อรติายสแ�ำลหะรคบั วหาลมกั ไสมตูท่ รน กตาอ่ รกศาึกรษทาจุ รขติ้ัน พ(๓ื้น) ฐSาTนROในNชGดุ ห: จลติ ักพสอตู เรพตยี ้างนตทา้ ุจนรทิตจุ ศรกึติ ษ (๔า )( Aพnลtเiม-Cอื oงแrrลuะpคtวioาnมรEบั dผuดิ cชaอtiบoตnอ่) สจงัะคนม�ำ เตขอ่า้ เสน่รู อื่ ะงบกบนั กตา้งั รแศตึกร่ ษะาดเบั พป่ือฐเปมว็นัยก ลรไะกดรบั ะปยระะยถามวศในึกกษาาร รปะลดูกบั ฝมังัธวยิธีมคิศดึกปษ้อางตกอันนกตารน้ ท แุจลระิตรใหะด้แบักม่ผธัู้เรยียมนศอึกยษา่ างตเปอ็นนอปัตลโานยม ัติ เ พ่ือรว่ ม กันสร้าคงปณระะกเทรรศมไทกยาใรส สปะ.อปา.ดช.ไ ทหยวทัง้งัเปชา็นตอติ ยา้ ่านงทยุจิ่งรวิต่า รายวิชาเพิ่มเติมการป้องกันการทุจริต สำาหรบั หลกั สูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน ในชุดหลกั สูตรตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา (Anti-Corruption Education) จะนำาเข้าสู่ระบบการศึกษา เพ่ือเป็นกลไกระยะยาวในการปลูกฝงวิธีคิดป้องกันการทุจริตให้แก่ผู้เรียน อยา่ งเปน็ อตั โนมตั ิ เพื่อร่วมกันสร้างประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาตติ า้ นทจุ ริต พลตำ�รวจเอก (วัชรพล ประสารราชกิจ) ประธานกรรมการ ป.ป.ช. พลตำาร วจเอก ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ (วชั รพล ประสารราชกิจ) ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑

สารบัญ หน้า โครงสร้างรายวิชา ๑ หนว่ ยที่ ๑ การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ๓ หนว่ ยที่ ๒ ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจรติ ๕๓ หน่วยที่ ๓ STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทุจริต ๖๗ หนว่ ยท่ี ๔ พลเมอื งกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม ๑๐๐ ค�ำ สั่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ ๖๔๖/๒๕๖๐ เร่ือง แตง่ ตัง้ คณะอนกุ รรมการ ๑๒๙ จดั ท�ำ หลักสูตร หรอื ชดุ การเรยี นรู้ และสอ่ื ประกอบการเรยี นร้ ู ด้านการปอ้ งกนั การทจุ ริต รายช่อื คณะท�ำ งานจัดทำ�หลักสตู ร หรอื ชุดการเรยี นรู้และสอ่ื ประกอบการเรียนร ู้ ๑๓๒ ดา้ นการป้องกันการทจุ ริต กลุ่มการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน รายชอื่ คณะบรรณาธิการกิจ หลักสูตร หรือชุดการเรยี นร้แู ละสื่อประกอบการเรียนรู้ ๑๓๖ ด้านการปอ้ งกนั การทุจริต กลมุ่ การศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน รายชอ่ื คณะผ้ปู ระสานงานการจัดทำ�หลกั สูตร หรอื ชดุ การเรียนรแู้ ละสือ่ ประกอบ ๑๓๘ การเรยี นรู้ ดา้ นการป้องกนั การทุจริต กลมุ่ การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน สำ�นักงาน ป.ป.ช.

โครงสรา้ งรายวชิ า ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ ล�ำ ดบั หนว่ ยการเรียนรู้ เรือ่ ง จำ�นวน ๑. การคิดแยกแยะระหว่างผล ๑. การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผล ชัว่ โมง ประโยชนส์ ว่ นรวม ๑๔ ประโยชน์สว่ นตนและผล ๑.๑ วิเคราะห์ วิจารณ์ระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน ประโยชน์ส่วนรวม และผลประโยชน์สว่ นรวมในระดบั สงั คม ๑.๒ การแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนออกจากผล ประโยชน์สว่ นรวมโดยใชร้ ะบบคิดฐาน ๒ ในระดบั สงั คม ๑.๓ พฤตกิ รรมระบบคดิ ฐาน ๑๐ ท่เี กิดข้นึ ในระดับ สังคม ๑.๔ ผลของพฤติกรรมระบบคดิ ฐาน ๑๐ ที่สง่ ผลใน ระดบั สงั คม ๑.๕ การเปรียบเทียบผลประโยชน์ส่วนตนและผล ประโยชน์ส่วนรวมในสงั คม ๑.๖ ขอ้ ดีข้อเสียของประโยชนส์ ่วนตนและผล ประโยชนส์ ่วนรวมในระดับสังคม ๒. ความแตกต่างระหว่างจรยิ ธรรมและการทุจรติ ๒.๑ รูปแบบของการทจุ ริต ๒.๒ ความแตกต่างระหวา่ งจรยิ ธรรมและการทุจริต ๓. การขัดกันระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผล ประโยชนส์ ่วนรวม ๓.๑ ผลกระทบของการขดั กนั ระหว่าง ผลประโยชน์ สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวมในสังคม ๓.๒ วธิ ีการแก้ไขการขัดกนั ระหวา่ งผลประโยชน ์ ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวมในสงั คม ๔. ผลประโยชน์ทบั ซ้อน ๔.๑ สาเหตุการเกิดของผลประโยชน์ทับซ้อนภายใน โรงเรยี น ๔.๒ รปู แบบผลประโยชนท์ ับซ้อนภายในโรงเรยี น ๔.๓ แนวทางการป้องกนั ผลประโยชน์ทับซอ้ นใน โรงเรยี น ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๕ 1

ล�ำ ดบั หน่วยการเรยี นรู้ เรอื่ ง จ�ำ นวน ชวั่ โมง ๒. ความละอายและความไมท่ น ๑. ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ทเ่ี กิดขึ้น ๕ ต่อการทจุ ริต ในสงั คม ๑.๑ การจอดรถไม่เปน็ ท่ี ๑.๒ การต้ังแผงขายของบนทางเท้า ๒. กิจกรรมที่ปฏิบัติและส่งผลให้เกิดความละอายและ ความไมท่ นตอ่ การทจุ ริตในสังคม ๓. แนวทางการปฏิบัติตนเปน็ ผมู้ ีความละอายและไมท่ น ตอ่ การทจุ ริตในสงั คม ๓. STRONG:จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ STRONG:จิตพอเพยี งตา้ นทุจริต ๑๑ ๑. การใช้ศาลาประชาคมทีส่ อดคล้องกบั STRONG: จติ พอเพยี งต้านทุจรติ ๒. การใชห้ ้องสมุดประชาชนทส่ี อดคลอ้ งกับ STRONG: จิตพอเพยี งต้านทจุ ริต ๓. การจอดรถในทีส่ าธารณะที่สอดคล้องกบั STRONG: จิตพอเพยี งต้านทจุ ริต ๔. การใชส้ าธารณปู โภค (ไฟฟ้า,ประปา) ท่ี สอดคลอ้ ง กบั STRONG: จติ พอเพยี งตา้ นทุจรติ ๕. การใชร้ ถใชถ้ นนในท่สี าธารณะทส่ี อดคล้องกบั STRONG: จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ ๔. พลเมืองกับความรับผิดชอบ ๑. การเคารพสทิ ธแิ ละหนา้ ทข่ี องตนเองและผอู้ นื่ ในสงั คม ๑๐ ตอ่ สังคม ๒. สทิ ธทิ ่ไี ดร้ บั ในสังคม ๒.๑ การศกึ ษา ๒.๒ สาธารณสุข ๒.๓ ความปลอดภัยในชีวติ และทรัพย์สนิ ๒.๔ สาธารณูปโภค ๓. หน้าที่ท่ีตอ้ งปฏิบตั ิต่อสังคมและประเทศชาติ ๓.๑ การเสียภาษี ๓.๒ การเคารพกฎจราจร ๓.๓ การปฏิบตั ติ ามกฎหมาย ๓.๔ การใชส้ ทิ ธเิ ลือกตง้ั ๔. ความเป็นพลเมือง ๔.๑ ปฏิบัตติ ามกฎ กติกา ระเบียบ ข้อตกลงวฒั นธรรม ในสังคมและประเทศชาติ ๔.๒ การตอ่ ตา้ นการทุจริตในสังคมและประเทศชาติ รวม ๔๐ 2 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวิชาเพ่มิ เติม การปอ้ งกนั การทจุ ริต”

หนว่ ยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยที่ ๑ ชอ่ื หน่วย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ และผลประโยชน์ส่วนรวม แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๑ เรือ่ ง วเิ คราะห์การคดิ แยกแยะระหว่าง เวลา ๒ ช่ัวโมง ผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวมในชุมชน ๑. ผลการเรียนรู้ นกั เรยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์ สว่ นรวม ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์ระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวมใน ระดบั สงั คมได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม - ผลประโยชน์ส่วนตน หมายถึง ผลต่อบุคคลหรือกลุ่มในด้านของการงานหรือธุรกิจ รวมถงึ การตดิ ตอ่ สัมพันธก์ ับเพือ่ น หรือญาติ ทปี่ ระสงคใ์ หค้ นเหล่าน้ีไดป้ ระโยชน์ - ผลประโยชน์ส่วนรวม หมายถึง ผลประโยชน์ของชุมชนโดยรวม ไม่ใช่ผลประโยชน์ ส่วนบคุ คล อาจไดม้ าโดยการเสยี สละประโยชน์สว่ นตน - การจ�ำแนกแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมหมายถงึ แยกไดว้ ่า การกระท�ำใดเป็นผลประโยชนส์ ่วนตนและการกระท�ำใดเปน็ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๓.๒ สมรรถนะส�ำคัญของผ้เู รียน ๑. ความสามารถในการสือ่ สาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓.๓ คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ ความซ่อื สตั ย์สุจริต ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ 3

๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขน้ั ตอนการเรยี นรู้ ชัว่ โมงที่ ๑ ๑. ให้นักเรยี นชมวีดทิ ศั นข์ า่ วเรอ่ื ง แกไ้ ม่จบส่แี ยกกลว้ ยแขกท�ำรถติด ผดิ กฎหมาย ๒. ครูตง้ั ค�ำถาม ดงั นี้ - อะไรเปน็ สาเหตุที่ท�ำให้แม่คา้ ตอ้ งมาเรข่ ายกล้วยแขกตามส่ีแยกไฟแดง - การกระท�ำของแม่คา้ มีผลกระทบต่อสังคมอยา่ งไรบ้าง ๓. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละเทา่ ๆ กัน ๔. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มไปแสวงหาข้อมูลเก่ียวกับการกระท�ำท่ีแสดงให้เห็นถึงผล ประโยชน์ส่วนตนหรือผลประโยชน์ส่วนรวม เช่น รูปภาพ หรือเน้ือหาข่าวจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น ห้องสมุดโรงเรยี น หนังสือพิมพ์ อนิ เทอรเ์ นต็ ฯลฯ ๕. ครูให้นักเรียนน�ำข้อมูลที่ได้มาช่วยกันวิเคราะห์ วิจารณ์ จ�ำแนก แยกแยะเกี่ยวกับ การกระท�ำ และบนั ทกึ ลงในใบงานท่ีครูแจกให้ ช่ัวโมงท่ี ๒ ๑. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ น�ำเสนอขอ้ มลู เกย่ี วกบั การกระท�ำทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ผลประโยชน์ สว่ นตน และผลประโยชน์สว่ นรวมหน้าช้นั เรียน ๒. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั การกระท�ำและแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ดงั น้ี - ผลประโยชนส์ ่วนตน หมายถงึ ผลประโยชน์ท่ที �ำแล้ว ตนเองเปน็ ผ้ไู ด้รับประโยชน์ - ผลประโยชนส์ ว่ นรวม หมายถงึ ผลประโยชน์ท่ีท�ำแล้ว สว่ นรวมเปน็ ผูไ้ ด้รับผลประโยชน์ ๓. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ น�ำขอ้ มลู ทร่ี วบรวมไดม้ าจดั ท�ำปา้ ยนเิ ทศ เรอื่ งการคดิ แยกแยะผล ประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม แลว้ น�ำไปตดิ ภายในบรเิ วณโรงเรยี น เชน่ ปา้ ยประชาสมั พนั ธ์ ของโรงเรยี น หนา้ หอ้ งสมดุ โรงอาหาร สนามเดก็ เลน่ ฯลฯ เพอ่ื สรา้ งความตระหนกั และใหเ้ หน็ ความส�ำคญั ของการคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ๔.๒ สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรยี นรู้ ๑. วดี ทิ ศั นข์ ่าว เรอื่ ง แกไ้ ม่จบสแ่ี ยกกล้วยแขกท�ำรถตดิ ผิดกฎหมาย ๒. ใบงาน เร่ือง การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ๓. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น ๔. อินเตอร์เน็ต ๕. สือ่ สิ่งพิมพต์ า่ งๆ เชน่ หนงั สือพมิ พ์ หรือแผน่ พับ เป็นต้น 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวิชาเพมิ่ เติม การปอ้ งกนั การทจุ ริต”

๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ ๑. ท�ำแบบทดสอบ เรื่อง การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๒. สงั เกตพฤตกิ รรม ซือ่ สัตยส์ ุจรติ ๕.๒ เคร่อื งมอื ทีใ่ ชใ้ นการประเมิน ๑. แบบทดสอบ เรอื่ ง การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๒. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ซื่อสัตยส์ ุจริต ๕.๓ เกณฑก์ ารตดั สิน นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป ๖. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ลงช่ือ ................................................ ครผู ู้สอน (...............................................) ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๕ 5

๗. ภาคผนวก ใบงาน เร่ือง การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน และผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชอ่ื .................................................................................................................ชน้ั ..............เลขที.่ ............... ค�ำชีแ้ จง ให้นักเรียนน�ำขอ้ มลู ที่สบื คน้ มาวิเคราะห์และบนั ทึกลงในตารางตามหัวข้อทีก่ �ำหนดให้ถูกต้อง การกระท�ำทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ ผลประโยชน์ส่วนตน การกระท�ำทแ่ี สดงให้เหน็ ถงึ ผลประโยชน์ส่วนรวม ๑) ................................................................................... ๑) ................................................................................... ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ๒) ................................................................................... ๒) ................................................................................... ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ๓) ................................................................................... ๓) ................................................................................... ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ๔) ................................................................................... ๔) ................................................................................... ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ๕) ................................................................................... ๕) ................................................................................... ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ 6 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกันการทุจรติ ”

แบบทดสอบ เรื่อง การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน และผลประโยชน์สว่ นรวม ชอ่ื .............................................................................................................ชน้ั .....................เลขท.่ี ................. ค�ำช้ีแจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย ✓ หน้าข้อความท่ีเป็นการกระท�ำที่แสดงให้เห็นถึง ผลประโยชนส์ ว่ นรวมและเขยี นเครอื่ งหมาย✕หนา้ ขอ้ ความทเี่ ปน็ การกระท�ำทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ผลประโยชนส์ ว่ นตน ๑. เดก็ ชายตณิ ขี่รถจกั รยานยนตบ์ นทางเทา้ สาธารณะ ๒. เดก็ ชายก้องชว่ ยเกบ็ ขยะในบรเิ วณโรงเรยี น ๓. เดก็ ชายตนู ไม่ตอ่ แถวซอ้ื อาหาร ๔. เด็กหญงิ แพรวาช่วยรดน้ำ� ต้นไม้ภายในบรเิ วณโรงเรยี น ๕. เดก็ หญงิ ดารินสมคั รเป็นคณะกรรมการสภานกั เรียน ๖. นายโจน้ �ำอาหารขึ้นมารบั ประทานบนรถสาธารณะ ๗. นายเรวตั น�ำโทรศพั ท์มอื ถอื มาชาร์จแบตเตอร์รีใ่ นสถานทรี่ าชการ ๘. เด็กหญงิ พลอยใสอาสาพานอ้ งอนบุ าลไปสง่ ถึงหอ้ งเรยี น ๙. นายแบงค์น�ำสุนัขของตนเองไปถา่ ยมูลในท่สี าธารณะ ๑๐. นายพรเทพขับแท็กซ่นี �ำทรัพยส์ นิ ทีเ่ ก็บไดข้ องผู้โดยสารไปสง่ ทีส่ ถานีต�ำรวจ ระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ 7

แบบสงั เกตพฤติกรรมเร่ือง ซ่อื สตั ย์สจุ รติ ค�ำชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นเขยี นเคร่อื งหมาย ✓ ลงในช่องทต่ี รงกบั พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง รายการ เลขที่ ชอ่ื - สกุล พดู ความ ไมล่ กั รจู้ ัก สรุปผล แยกแยะ การประเมนิ ตรงไป ท�ำตวั นา่ ประโยชน์ จริง ขโมย ตรงมา เชื่อถือ ส่วนตนและ ประโยชน์ สว่ นรวม ผ่าน ไม่ผ่าน เกณฑก์ ารประเมิน ลงชอ่ื ผปู้ ระเมนิ ผา่ นตง้ั แต่ ๓ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผ่าน ๒ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน 8 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิม่ เตมิ การป้องกันการทจุ รติ ”

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ ๑ ชือ่ หนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕ และผลประโยชน์ส่วนรวม แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๒ เรอื่ ง การแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตนออกจาก เวลา ๒ ช่ัวโมง ผลประโยชนส์ ว่ นรวม โดยใชร้ ะบบคดิ ฐาน ๒ ในระดับสงั คม ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ ส่วนรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นกั เรยี นสามารถแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนออกจากผลประโยชนส์ ว่ นรวม โดยใชร้ ะบบ คิดฐาน ๒ ในระดับสังคมได้ ๒.๒ นักเรยี นสามารถตระหนักถึงผลประโยชนส์ ่วนรวมมาก่อนผลประโยชนส์ ่วนตน ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ “การปฏิบัติงานแบบใช้ระบบคิดฐาน๒ (Digital)” คือ การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ มีระบบ การคิดที่สามารถแยกเร่ืองต�ำแหน่งหน้าท่ีกับเร่ืองส่วนบุคคลออกจากกันได้อย่างชัดเจนส่ิงไหนถูกส่ิงไหนผิด สง่ิ ไหนท�ำไดส้ งิ่ ไหนท�ำไมไ่ ดส้ ง่ิ ไหนคอื ประโยชนส์ ว่ นบคุ คลสง่ิ ไหน คอื ประโยชนส์ ว่ นรวม ไมน่ �ำมาปะปนกนั ไม่น�ำบุคลากรหรือทรัพย์สินของราชการมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนบุคคลไม่เบียดบังราชการ เห็นแก่ ประโยชน์ส่วนรวมหรอื ของหน่วยงานเหนอื กวา่ ประโยชนส์ ่วนบคุ คล เครือญาตแิ ละพวกพอ้ งไมแ่ สวงหา ประโยชน์จากต�ำแหนง่ หนา้ ที่ราชการ ไมร่ ับทรพั ย์สินหรอื ประโยชนอ์ ืน่ ใดจากการปฏิบตั ิหน้าทก่ี รณเี กิด การขดั กันระหว่าง ประโยชนส์ ว่ นบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม กจ็ ะยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ๓.๒ สมรรถนะส�ำคญั ของผูเ้ รยี น ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓.๓ คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ความซือ่ สัตย์สจุ รติ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขนั้ ตอนการเรยี นรู้ ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ 9

ชวั่ โมงที่ ๑ ๑. ครูน�ำข่าว “ทิ้งหมัดเข้ามุม คดีตัวอย่าง” และภาพแผนท่ีเปรียบเทียบป่าไม้ไทย ปี ๒๕๐๖ –ปจั จุบันให้นักเรยี นดู ๒. ครูถามนักเรียนว่านักเรียนเห็นอะไรบ้างในข่าว เม่ือนักเรียนช่วยกันตอบเสร็จแล้ว ครูถามนกั เรียนว่ารูส้ ึกอย่างไรต่อข่าวน้ี ๓. นักเรียนแบ่งกลุม่ ช่วยกนั ระดมสมองในประเด็นต่อไปน้ี ๓.๑ จากขา่ วน้ี นักเรียนคดิ ว่าการกระท�ำดงั กลา่ วถกู ตอ้ งหรือไมอ่ ย่างไร ๓.๒ นักเรียนคิดว่าตนเองมีส่วนร่วมหรือเคยมีส่วนท�ำให้เกิดเหตุการณ์ในข่าวหรือไม่ อย่างไร ๓.๓ นักเรียนคิดว่า ถ้าสังคมไทย มีผู้กระท�ำตามข่าวนี้มากๆ สังคมไทยจะดีหรือไม่ อย่างไร ๓.๔ นกั เรยี นคดิ ว่าปญั หาทเ่ี กิดข้นึ จะแกไ้ ขได้อยา่ งไร ๔. ใหน้ กั เรยี นบนั ทกึ ผลการวเิ คราะหล์ งในใบงาน เรอ่ื ง ขา่ ว “ทงิ้ หมดั เขา้ มมุ คดตี วั อยา่ ง” ๕. ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมาน�ำเสนอหน้าชั้นเรียน และเปิดโอกาสให้เพื่อนแสดงความ คดิ เหน็ ตอ่ ประเด็น ดังกล่าวดว้ ย ๖. ครูสรุปความคดิ เหน็ ของนกั เรยี นต่อประเด็นดงั กล่าวอกี คร้ัง ชั่วโมงที่ ๒ ๑. ครนู �ำเสนอเอกสาร โรงเรยี นสจุ ริตคิดฐาน๒ และอธบิ ายเนื้อหาใหน้ กั เรียนฟงั ๒. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกนั ยกตวั อยา่ งเหตกุ ารณห์ รอื พฤตกิ รรมของคนในสงั คมทเี่ ปน็ ระบบ คิดฐาน ๒รวมท้ังช่วยกันหาแนวทางปรับเปลยี่ นพฤตกิ รรมที่ไมเ่ หมาะสมให้ถูกต้อง ๓. นกั เรยี นสรปุ ความคดิ ในใบงาน เรอ่ื ง ส�ำนึกเพ่ือสว่ นรวม ๔.๒ ส่ือการเรียนร้/ู แหลง่ เรียนรู้ ๑. ใบความรขู้ ่าว“ท้ิงหมัดเขา้ มุม คดีตวั อยา่ ง” ๒. ภาพแผนท่ีเปรียบเทยี บป่าไม้ไทยปี ๒๕๐๖-ปจั จบุ ัน ๓. เอกสารโรงเรยี นสุจรติ คิดฐาน ๒ ๔. ใบงานท่ี ๑ เรือ่ ง ขา่ ว “ท้ิงหมัดเขา้ มุม คดตี ัวอย่าง” ๕. ใบงานที่ ๒ เรอื่ ง ส�ำนกึ เพื่อส่วนรวม ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมิน ๑. สงั เกตพฤตกิ รรม ซ่อื สัตยส์ จุ ริต ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลุ่ม 10 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพ่มิ เตมิ การป้องกนั การทุจรติ ”

๕.๒ เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการประเมนิ ๑. แบบสังเกตพฤตกิ รรม ซือ่ สตั ยส์ ุจริต ๒. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการท�ำงานกลุม่ ๕.๓ เกณฑ์การตัดสนิ ๑. นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๒. นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมิน ระดบั ดี ขน้ึ ไป ๖. บนั ทึกหลงั การสอน .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ลงชื่อ ................................................ ครผู ้สู อน (...............................................) ระดับช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ 11

๗. ภาคผนวก ใบงานที่ ๑ เรอ่ื งขา่ ว “ท้ิงหมัดเขา้ มุม คดตี วั อยา่ ง” กลุ่มท.ี่ .............................................. สมาชิกกลมุ่ ๑. ......................................................... ๖. ......................................................... ๒. ......................................................... ๗. ......................................................... ๓. ......................................................... ๘. ......................................................... ๔. ......................................................... ๙. ......................................................... ๕. ......................................................... ๑๐. ......................................................... ประเด็นการวเิ คราะห์ ๑. จากขา่ วน้ี นกั เรยี นคิดว่า การกระท�ำดงั กลา่ ว ถกู ตอ้ งหรอื ไม่ อยา่ งไร .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๒. นกั เรียนคดิ วา่ ตนเองมสี ่วนร่วมหรอื เคยมสี ว่ นท�ำให้เกดิ เหตกุ ารณ์ในขา่ วหรอื ไม่อยา่ งไร .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๓. นกั เรยี นคิดว่า ถ้าสงั คมไทย มีผกู้ ระท�ำตามข่าวนี้มากๆ สงั คมไทยจะดีหรอื ไม่ อยา่ งไร .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๔. นกั เรียนคิดว่าปัญหาทเ่ี กิดข้ึนจะแกไ้ ขได้อย่างไร .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 12 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิม่ เตมิ การป้องกันการทจุ รติ ”

ใบความรู้ จําคุก ๒ ปี ๖ เดือน “หมอชยั วัน” ฐานใชร้ ถหลวงงานแตง่ ลกู สาวศาลอาญาพิพากษาจําคุก ๒ ปี ๖ เดือน ปรับหม่ืนบาท “นายแพทย์ชัยวัน เจริญโชคทวี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล นํารถหลวง-อปุ กรณไ์ ปใชใ้ นงานแต่ง สดุ หรูท้งั ที่บา้ น ท่ีโรงแรม โดยศาลยงั ปรานี ลดเหลอื จําคกุ ๒ ปีคร่งึ ปรบั หน่ึงหมื่นบาท โดยโทษจําคุกให้รอลงอาญา ๒ ปีศาลอาญารชั ดา อา่ นคําพพิ ากษา ในคดีท่อี ัยการ เปน็ โจทกย์ ื่นฟ้องนายแพทย์ชัยวนั เจริญโชคทวี อดตี คณบดคี ณะแพทยศาสตร์วชริ พยาบาล ฐานเป็นเจา้ พนกั งานมีหน้าทซ่ี ือ้ ทําจดั การหรือรักษาทรัพยใ์ ด ๆ ใชอ้ ํานาจในตําแหน่งโดยทจุ รติ อนั เปน็ การเสยี หาย แกร่ ฐั และเปน็ เจ้าพนักงานปฏิบัติหนา้ ที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่โี ดยมิชอบ หรอื ปฏบิ ตั ิ หรือละเว้น การปฏิบัติหนา้ ที่โดยทจุ ริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ และ ๑๕๗จากกรณี เมอ่ื วนั ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๔ ขณะจําเลย ดํารงตําแหน่งคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ไดใ้ ชอ้ ํานาจหน้าที่โดยทจุ ริต ดว้ ย การสง่ั ให้เจา้ หน้าทนี่ ําเก้าอ้๑ี ๐๐ ตวั พรอ้ มผา้ ปลอกคมุ เก้าอ/้ี เคร่อื งถ่ายวิดโี อ ๒ เคร่อื ง/เครื่องเลน่ วิดีโอ /กล้องถา่ ยรูป และผา้ เต็นท์หลายผืน เพ่ือนําไปใช้ในงานวิวาห์บุตรสาวจําเลยท่ีบ้านพักส่วนตัว รวมทั้ง รถยนต์ รถตู้ ส่วนกลางอกี ๔ คนั เพอ่ื ใชร้ บั สง่ เจา้ หนา้ ทีเ่ ขา้ รว่ มพิธี และขนยา้ ยอุปกรณ์ ท้งั ท่ีบ้านพกั และ งานฉลองมงคลสมรสท่ีโรงแรมซ่งึ ลว้ นเป็นทรพั ย์สนิ ของทางราชการ การกระทําของจําเลยนับเป็นการใช้อํานาจโดยทุจริต เพอื่ ประโยชน์ส่วนตวั อนั เป็นการเสียหาย แก่รัฐ และคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ต่อมาเดือนกันยายน ๒๕๕๖ คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาตหิ รือ ป.ป.ช. ไดช้ ้มี ูลความผิดวนิ ัยและอาญากับจําเลย โจทกจ์ ึงขอให้ศาล พพิ ากษาลงโทษจําเลยตามความผดิ ดว้ ย ครงั้ แรกจําเลยใหก้ ารปฏเิ สธ แตต่ อ่ มา ใหก้ ารรบั สารภาพไมต่ อ่ สู้ คดศี าลพิเคราะห์พยานหลกั ฐานโจทก์แล้วเห็นวา่ การกระทําของจําเลยเปน็ การทจุ รติ ต่อตําแหน่งหนา้ ท่ี ตามฟ้อง จึงพิพากษาใหจ้ ําคกุ ๕ ปี และปรบั ๒๐,๐๐๐ บาท คําใหก้ ารรบั สารภาพ เปน็ ประโยชน์แกก่ าร พจิ ารณาคดี ลดโทษใหก้ งึ่ หน่งึ คงจําคุกจําเลยไว้ ๒ ปี ๖ เดือนและปรบั ๑๐,๐๐๐ บาทอย่างไรกด็ จี ําเลย ได้สํานึกผิด และชดใช้คา่ เสยี หายคืนให้แก่รฐั ทนั ทปี ระกอบกบั เปน็ แพทยท์ ําคุณประโยชน์ต่อสงั คม และ ไมเ่ คยตอ้ งโทษจําคกุ มาก่อนศาลจึงเห็นควรให้รอลงอาญา ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕ 13

ภาพเปรยี บเทียบแผนที่ปา่ ไมไ้ ทย ปี ๒๕๐๖ - ปัจจุบัน แผนทป่ี า่ ไม้ไทย ปี ๒๕๐๖ แผนที่ปา่ ไมไ้ ทยปัจจุบนั แผนทีแ่ สดงปา่ ไมท้ ีส่ ืบค้นได้จากการคน้ คว้า กรมปา่ ไมเ้ มอ่ื ปี ๒๕๖๐ เปรยี บเทียบกบั แผนท ่ี พน้ื ทป่ี า่ ไม้ปัจจบุ นั 14 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพมิ่ เตมิ การปอ้ งกนั การทุจรติ ”

ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ 15

ใบงานท่ี ๒ เร่ือง ส�ำนึกเพอ่ื สว่ นรวม ช่ือ-สกลุ .....................................................................ชัน้ ป.๕/.................. เลขที.่ ....................... ค�ำชีแ้ จง ให้นักเรียนอ่านสถานการณ์ท่ีก�ำหนดให้และตอบตามความเป็นจริงขณะที่นักเรียนอยู่ใน หอ้ งสมุด นักเรียนชอบหนงั สือเล่มหนึ่งมาก เพราะมภี าพการต์ ูนตัวโปรดเม่ือนักเรยี นเอาไป ใหเ้ พ่อื นดูเพือ่ นของนกั เรยี นแนะน�ำวา่ ใหฉ้ ีกหน้าทมี่ กี าร์ตนู นไ้ี ปกไ็ ด้ไม่มใี ครรู้ ๑. นกั เรียนเหน็ ด้วยกับเพ่อื นหรอื ไม่ .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๒. หากนักเรียนฉีกหน้าหนังสอื ไป จะสง่ ผลอยา่ งไร .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๓. นักเรยี นเคยเห็นหนงั สือในหอ้ งสมุดท่ีถกู ฉีกไปหรอื ไม่ นักเรียนรูส้ ึกอย่างไร .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๔. หากทุกคนท่อี ยากได้หนงั สือ ต่างกฉ็ ีกหนงั สือกันหมด อะไรจะเกิดข้ึน .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 16 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวิชาเพ่มิ เตมิ การปอ้ งกนั การทจุ รติ ”

แบบสงั เกตพฤติกรรมเร่อื ง ซือ่ สตั ยส์ ุจริต ค�ำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเขียนเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องทตี่ รงกับพฤตกิ รรมท่เี กิดขน้ึ จริง รายการ เลขที่ ช่อื - สกลุ พูดความ ไม่ลัก รู้จกั สรุปผล แยกแยะ การประเมนิ ตรงไป ท�ำตวั นา่ ประโยชน์ จริง ขโมย ตรงมา เช่อื ถือ ส่วนตนและ ประโยชน์ สว่ นรวม ผ่าน ไม่ผา่ น เกณฑก์ ารประเมิน ลงชื่อ .............................................ครผู ้สู อน ผ่านตง้ั แต่ ๔ รายการ ถอื วา่ ผ่าน (...........................................) ผ่าน ๑-๓ รายการ ถือว่า ไมผ่ ่าน ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ 17

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการท�ำ งานกล่มุ กลุ่ม ............................................................................................ สมาชิกกลมุ่ ๑. ......................................................... ๖. ......................................................... ๒. ......................................................... ๗. ......................................................... ๓. ......................................................... ๘. ......................................................... ๔. ......................................................... ๙. ......................................................... ๕. ......................................................... ๑๐. ......................................................... ค�ำช้แี จง ใหน้ กั เรียนเขยี นเครื่องหมาย ✓ ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ความเป็นจริง พฤติกรรมที่สงั เกต คะแนน ๓๒๑ ๑. มสี ่วนรว่ มในการแสดงความคิดเหน็ ๒. มีความกระตอื รือรน้ ในการท�ำงาน ๓. มคี วามรบั ผดิ ชอบในงานทไี่ ด้รบั มอบหมาย ๔. มีขั้นตอนในการท�ำงานอยา่ งเปน็ ระบบ ๕. ใช้เวลาในการท�ำงานอยา่ งเหมาะสม รวม ให้ ๓ คะแนน ให้ ๒ คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๑ คะแนน พฤตกิ รรมทท่ี �ำเปน็ ประจ�ำ ระดบั คณุ ภาพ พฤติกรรมทท่ี �ำเป็นบางคร้งั ดี พฤติกรรมทที่ �ำนอ้ ยครงั้ ปานกลาง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปรบั ปรุง ช่วงคะแนน ๑๓-๑๕ ๘-๑๒ ๕-๗ 18 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพ่ิมเติม การปอ้ งกันการทุจริต”

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยที่ ๑ ชือ่ หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ และผลประโยชน์ส่วนรวม แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓ เร่อื ง พฤติกรรมและผลของพฤตกิ รรมระบบคิดฐาน ๑๐ เวลา ๒ ช่วั โมง ทสี่ ง่ ผลในระดบั สงั คม ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ ส่วนรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกพฤตกิ รรมระบบคดิ ฐาน ๑๐ ในสังคมได้ ๒.๒ นกั เรยี นบอกผลของพฤติกรรมระบบคิดฐาน ๑๐ ที่ส่งผลในสังคมได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ระบบคิดฐานสิบ Analog เป็นระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่มีตัวเลขหลายตัวและอาจ หมายถงึ โอกาสทเี่ ลอื กไดห้ ลายทางเกดิ ความคดิ ทหี่ ลากหลายซบั ซอ้ น หากน�ำมาเปรยี บเทยี บกบั การปฏบิ ตั ิ งานของเจ้าหน้าท่ีของรัฐจะท�ำให้เจา้ หน้าท่ีของรัฐต้องคิดเยอะอาจแยกประโยชน์ส่วนตนและประโยชน ์ สว่ นรวมออกจากกันไมไ่ ด้ ๓.๒ สมรรถนะส�ำคญั ของผ้เู รียน ๑. ความสามารถในการส่อื สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓.๓ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ความซ่อื สัตย์สจุ ริต ๔. กิจกรรมในการเรียนรู้ ๔.๑ ข้นั ตอนการเรียนรู้ ชวั่ โมงที่ ๑ ๑. ให้นักเรียนหาข่าวหรือเหตุการณ์เกี่ยวกับการทุจริตหรือกลโกง มาคนละ ๑ข่าว (ครสู ั่งล่วงหน้า ๑ สัปดาห์) ๒. ครูให้นักเรียนดูส่อื วีดทิ ัศน์ ป.ป.ช. หนว่ ยท่ี ๓ เรอ่ื ง ทุจรติ ถนน และจราจรเรียกเงิน จากเว็บไซต์https://youtube/inlY๖znizw ๓. ครูให้ความรู้ เก่ียวกับระบบคิดฐาน ๑๐ จากน้ันร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับ เร่ืองทุจริต ถนน และจราจรเรยี กเงินโดยใหน้ ักเรียนบอกว่าพฤติกรรมใดทเี่ ปน็ พฤตกิ รรมระบบคดิ ฐาน ๑๐ ๔. ครใู หน้ กั เรยี นน�ำขา่ วทเี่ ตรยี มมาท�ำลงในใบงานท่ี ๑ เรอื่ งการวเิ คราะหข์ า่ ว แลว้ วเิ คราะห์ ข่าวตามประเด็นทกี่ �ำหนดให้ ระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ 19

๕. ครเู ลอื กนกั เรยี นออกมาน�ำเสนอขา่ วหนา้ ชน้ั เรยี นเพอื่ เปน็ การแลกเปลยี่ นรกู้ บั เพอื่ นๆ ในชัน้ เรยี น ชั่วโมงที่ ๒ ๑. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุม่ และระดมความคดิ เพ่อื เขยี นแสดงความคดิ เหน็ ขอ้ ท่ี ๑- ๔ลงใน ใบงานท่ี ๒ เรื่อง รว่ มรักษช์ าติไทย ๑.๑ ให้นักเรียนยกตัวอย่างพฤติกรรม และผลของพฤติกรรมตามระบบคิดฐาน ๑๐ ทเี่ กิดขน้ึ ในสงั คมไทย ๑.๒ ใหน้ กั เรยี นเสนอแนวทางการป้องกันและแก้ไขพฤตกิ รรมตามระบบคดิ ฐาน ๑๐ ๑.๓ ในฐานะที่นกั เรียนเปน็ คนรนุ่ ใหมจ่ ะมีสว่ นร่วมในการด�ำรงไว้ซ่ึงชาตไิ ทยอย่างไร ๑.๔ ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแต่งค�ำขวัญง่ายๆ เพื่อรณรงค์และปลูกจิตส�ำนึกการคิด และการท�ำพฤตกิ รรมทีด่ ตี อ่ สงั คมส่วนรวม ๒. ให้นกั เรยี นส่งตัวแทนน�ำเสนอผลงาน แล้วน�ำไปติดประชาสัมพนั ธ์ ๔.๒ สอื่ การเรียนร้/ู แหล่งเรยี นรู้ ๑. ใบงานท่ี ๑ เรื่อง การวเิ คราะห์ข่าว ๒. ใบงานที่ ๒ เรื่อง ร่วมรกั ษ์ชาติ ๓. สื่อวดี ทิ ัศน์ ป.ป.ช. หนว่ ยท่ี ๓ ทจุ รติ ถนน และจราจรเรียกเงิน จากเว็บไซต์ https:// youtube/NwRuG_๒๐๐Oc ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมิน ๑. ตรวจผลงาน ๒. สังเกตพฤติกรรม ซ่อื สัตย์สุจริต ๓. สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลมุ่ ๕.๒ เครอื่ งมือทใี่ ช้ในการประเมนิ ๑. แบบประเมินผลงาน ๒. แบบสงั เกตพฤติกรรม ซอื่ สตั ย์สจุ รติ ๓. แบบประเมินพฤตกิ รรมการท�ำงานกลุ่ม ๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสิน ๑. นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ถือว่า ผา่ น ๒. นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับดี ข้นึ ไป ถอื วา่ ผา่ น ๖. บนั ทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ลงชอื่ ................................................ ครผู ้สู อน (...............................................) 20 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การป้องกันการทจุ ริต”

๗. ภาคผนวก ใบงานที่ ๑ เรอื่ ง การวเิ คราะหข์ ่าว ช่ือ-สกุล..................................................................................ชน้ั ป๕/................. เลขท่.ี ................ ค�ำชแ้ี จง ให้นกั เรียนน�ำขา่ วติดลงในตารางสี่เหล่ียมและเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ตามประเดน็ ทีก่ �ำหนดให้ ตดิ ข่าว ชอ่ื ขา่ ว.................................................................................................................................................. แหล่งที่มา............................................................................................................................................. ประเดน็ วิเคราะห์ ๑. ข่าวทน่ี ักเรียนน�ำมาสง่ ผลกระทบตอ่ สังคมอยา่ งไร .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๒. นกั เรียนรสู้ ึกอยา่ งไรตอ่ ข่าวท่ีน�ำมา .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕ 21

ใบงานที่ ๒ เร่อื ง รว่ มรกั ษช์ าติไทย กล่มุ ท.่ี ................................................. สมาชิกกลมุ่ ๑. ......................................................... ๖. ......................................................... ๒. ......................................................... ๗. ......................................................... ๓. ......................................................... ๘. ......................................................... ๔. ......................................................... ๙. ......................................................... ๕. ......................................................... ๑๐. ......................................................... ค�ำชีแ้ จง ให้นักเรียนระดมความคดิ เห็น และเขียนแสดงความคดิ เหน็ ตามความเข้าใจ ๑. ให้นักเรียนยกตัวอย่างพฤติกรรม และผลของพฤติกรรมระบบคิดฐาน ๑๐ ท่ีเกิดข้ึนใน สังคมไทย .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๒.ใหน้ ักเรียนเสนอแนวทางการป้องกันและแกไ้ ขพฤติกรรม ระบบคิดฐาน ๑๐ดังกลา่ ว .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๓.ในฐานะของนักเรยี นควรปฏิบตั ติ นอยา่ งไรจงึ จะมสี ว่ นรว่ มในการด�ำรงไว้ซงึ่ ชาติไทย .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๔. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ เขยี นค�ำขวญั เพอื่ รณรงคแ์ ละปลกู จติ ส�ำนกึ การคดิ และการท�ำพฤตกิ รรม ท่ีดตี อ่ สงั คมส่วนรวม .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 22 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เติม การปอ้ งกันการทจุ ริต”

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการท�ำ งานกลุม่ กลุม่ ............................................................................................ สมาชกิ กลมุ่ ๑. ......................................................... ๖. ......................................................... ๒. ......................................................... ๗. ......................................................... ๓. ......................................................... ๘. ......................................................... ๔. ......................................................... ๙. ......................................................... ๕. ......................................................... ๑๐. ......................................................... ค�ำช้แี จง ใหน้ กั เรียนเขียนเคร่ืองหมาย ✓ ลงในช่องทต่ี รงกบั ความเปน็ จริง พฤตกิ รรมท่สี งั เกต คะแนน ๓๒๑ ๑. มสี ว่ นร่วมในการแสดงความคิดเห็น ๒. มคี วามกระตือรอื ร้นในการท�ำงาน ๓. มคี วามรับผดิ ชอบในงานท่ไี ด้รับมอบหมาย ๔. มีขัน้ ตอนในการท�ำงานอยา่ งเปน็ ระบบ ๕. ใช้เวลาในการท�ำงานอย่างเหมาะสม รวม ให้ ๓ คะแนน ให้ ๒ คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ ๑ คะแนน พฤตกิ รรมที่ท�ำเปน็ ประจ�ำ ระดบั คุณภาพ พฤตกิ รรมทท่ี �ำเป็นบางครง้ั ดี พฤติกรรมที่ท�ำน้อยคร้งั ปานกลาง เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปรับปรุง ช่วงคะแนน ๑๓-๑๕ ๘-๑๒ ๕-๗ ระดบั ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๕ 23

แบบประเมินผลงาน เรื่อง ............................................................................................. ค�ำช้แี จง ท�ำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องระดับคะแนนพฤติกรรมที่นักเรียนปฏิบัติได้ตามเกณฑ ์ การประเมนิ หัวขอ้ ประเมนิ ความคิด สรปุ การ สรา้ งสรรค์ ประเมิน ล�ำดบั ความถูกตอ้ ง ความเรียบรอ้ ย รวม หมาย ที่ ระดบั คะแนน คะแนน ผล เหตุ ช่อื -สกลุ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ผา่ น ไม่ ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. เกณฑ์การตดั สิน = ดีมาก คะแนน ๘ - ๙ = ปานกลาง คะแนน ๖ - ๗ = พอใช้ คะแนน ๔ - ๕ = ปรบั ปรงุ คะแนนตำ่� กว่า ๔ 24 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเติม การป้องกนั การทุจริต”

เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงาน เร่อื ง ค�ำขวญั รณรงคแ์ ละปลกู จติ ส�ำนกึ การคดิ และการท�ำพฤตกิ รรมทด่ี ตี อ่ สงั คมสว่ นรวม และการจดั ปา้ ยนเิ ทศ ประเด็น เกณฑ์การใหค้ ะแนน การประเมิน ความถูกตอ้ ง ๓๒ ๑ ความเรียบร้อย ๑. สะกดค�ำได้ถูกตอ้ ง ๑. สะกดค�ำไดถ้ กู ต้อง ๑. สะกดค�ำผิดเล็กน้อย ความคิด ๒. เนื้อหาตรงตามหวั ขอ้ เรื่อง ๒. เน้อื หาตรงตามหัวขอ้ เร่อื ง ๒. เนื้อหาไม่ตรงตาม สร้างสรรค์ ๓. รปู แบบเขียนที่ถูกตอ้ ง หัวข้อเรอ่ื ง ตามก�ำหนด (ค�ำขวัญ) ท�ำงานเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย ท�ำงานเป็นระเบยี บ งาน งานเสร็จทนั เวลา สวยงาม งานเสรจ็ ทนั เวลา เสรจ็ ทันเวลา ที่ก�ำหนด ๑. ตกแต่งชิ้นงานได้สวยงาม ๑. ตกแตง่ ช้ินงานไดส้ วยงาม ๑. ตกแตง่ ชน้ิ งานได้สวยงามดี ดีมาก ดมี าก ๒. ใชส้ �ำนวนภาษาน่าสนใจ ๒. ใช้ส�ำนวนภาษาสละสลวย ๒.ใชส้ �ำนวนภาษาสละสลวย น่าสนใจ น่าสนใจ ๓.มีความคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์ ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ 25

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเร่อื ง ซือ่ สตั ยส์ ุจริต ค�ำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนเขียนเคร่ืองหมาย ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั พฤตกิ รรมทเ่ี กิดข้นึ จริง รายการ เลขที่ ชอ่ื - สกุล พูด รู้จกั สรปุ ผล แยกแยะ การประเมิน ไมล่ ัก ตรงไป ท�ำตวั น่า ประโยชน์ ความจริง ขโมย ตรงมา เช่อื ถือ สว่ นตนและ ประโยชน์ ส่วนรวม ผ่าน ไมผ่ า่ น เกณฑ์การประเมนิ ลงชื่อ .............................................ครผู ู้สอน ผ่านต้ังแต่ ๓ รายการ ถอื วา่ ผา่ น (...........................................) ผา่ น ๒ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน 26 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิม่ เติม การปอ้ งกนั การทุจริต”

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี ๑ ช่อื หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๕ และผลประโยชนส์ ่วนรวม แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๔ เรื่อง การเปรียบเทียบ และข้อดี ข้อเสีย ผลประโยชน์สว่ นตน เวลา ๒ ช่ัวโมง และผลประโยชนส์ ว่ นรวมในสงั คม ๑. ผลการเรียนรู้ นกั เรยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ ส่วนรวม ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นักเรยี นสามารถเปรียบเทียบผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวมในสังคมได้ ๒.๒ นักเรยี นสามารถบอกขอ้ ดี ข้อเสยี ของผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมใน สงั คมได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความหมายของประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์สว่ นรวม ประโยชน์ส่วนตน หมายถึง การท่ีบุคคลทั่วไปในสถานะเอกชนหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐได้ ท�ำกจิ กรรมหรอื ได้กระท�ำการตา่ งๆ เพ่อื ประโยชนส์ ว่ นตน ครอบครัว ญาติ เพ่ือนหรือของกลุม่ ในสังคม ประโยชน์ส่วนรวมหรอื ประโยชนส์ าธารณะ หมายถึง การทบ่ี ุคคลใด ๆ ในสถานะทเี่ ป็นเจ้าหน้าทข่ี องรัฐ ไดก้ ระท�ำการใด ๆ ตามหนา้ ที่หรือได้ปฏิบตั หิ น้าท่ี อนั เปน็ การด�ำเนนิ การในอีกส่วนหนึ่ง ทแ่ี ยกออกมา จากการด�ำเนินการตามหนา้ ทีใ่ นสถานะของเอกชน ๓.๒ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓.๓ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ความซือ่ สัตย์สจุ รติ ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขน้ั ตอนการเรียนรู้ ช่วั โมงที่ ๑ ๑. ครูให้นักเรียนดูภาพเกี่ยวกับสาธารณะสมบัติ เช่น สวนสาธารณะ รถไฟสาธารณะ ห้องสมุดเป็นต้น ๒. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสนทนาเก่ียวกับภาพ ดงั น้ี - ภาพนเ้ี ก่ียวกบั อะไร - ภาพน้ีมกี ิจกรรมอะไรเกดิ ข้ึนบา้ ง - ส่ิงของในภาพนีม้ ีอะไรบา้ งทเี่ ป็นส่วนตัว - สิ่งของในภาพนี้มอี ะไรบา้ งทเี่ ป็นสว่ นรวม ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ 27

๓. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความหมายของค�ำว่า “ผลประโยชน์ส่วนตน” และ “ผลประโยชน์สว่ นรวม” ๔. ครูซกั ถามนกั เรยี นเกยี่ วกับสิง่ ของสว่ นรวม ดังนี้ - สิ่งของที่เป็นของส่วนรวมมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร - ใครเปน็ ผไู้ ดร้ บั ประโยชนจ์ ากสง่ิ ของส่วนรวมเหล่าน้ัน - ใครเปน็ ผู้ดูแลรักษาสิง่ ของสว่ นรวม - เรามวี ิธีการดแู ลรักษาสง่ิ ของส่วนรวมอย่างไร ๕. ครซู ักถามนักเรียนเกย่ี วกับสิง่ ของสว่ นตน ดงั น้ี - ส่งิ ของทเ่ี ปน็ ของส่วนตนมีประโยชนอ์ ยา่ งไร - ใครเปน็ ผู้ได้รบั ประโยชนจ์ ากส่ิงของส่วนตนเหล่านัน้ - ใครเปน็ ผู้ดูแลรกั ษาสิง่ ของสว่ นตน - เรามีวิธกี ารดูแลรกั ษาส่งิ ของสว่ นตนอย่างไร ๖. ให้นักเรยี นเปรียบเทียบสิง่ ของสว่ นรวมกับส่งิ ของสว่ นตน ต่างกันอย่างไร ช่วั โมงที่ ๒ ๑. ครใู ห้นกั เรียนท�ำใบงาน เร่อื ง ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมในสังคม โดย ๒. ใหน้ กั เรียนน�ำเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น ๓. นกั เรียนน�ำผลงานไปติดท่ีปา้ ยประชาสมั พนั ธ์ของโรงเรยี น ๔.๒ สือ่ การเรียนรู้ ๑. รปู ภาพเก่ยี วกับสาธารณะสมบัติ เช่น สวนสาธารณะรถไฟสาธารณะ ห้องสมดุ ๒. ใบงาน เรอ่ื ง ผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมในสังคม ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมนิ ๑. ตรวจใบงาน เร่อื ง ผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวมในสงั คม ๒. สังเกตพฤติกรรม ซ่ือสัตยส์ จุ รติ ๕.๒ เครอ่ื งมอื ท่ใี ชใ้ นการประเมิน ๑. แบบประเมนิ ใบงาน ๒. แบบสังเกตพฤติกรรม ซ่ือสตั ย์สจุ ริต ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป ๖. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ลงชื่อ ................................................ ครผู สู้ อน (...............................................) 28 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพ่มิ เติม การปอ้ งกนั การทจุ รติ ”

๗. ภาคผนวก ใบงาน เรอื่ ง ผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวมในสงั คม ช่อื .......................................................................................................ชนั้ .....................เลขท.่ี .............. ค�ำชีแ้ จง ตอนที่ ๑ ใหน้ กั เรียนอ่านข้อความในภาพแล้วน�ำไปเขยี นแยกแยะใหถ้ ูกต้อง ปลกู ปา่ ในวันสำ� คญั ทิง้ ขยะลงในแม่นำ้� ล�ำคลอง นำ� สัตว์เลยี้ งเขา้ มา ในร้านสะดวกซ้อื ชว่ ยกนั ท�ำความสะอาดหอ้ งน้ำ� ขม่ี อเตอรไ์ ซด์บนทางเทา้ ท�ำความสะอาดลานวดั ในท่ีสาธารณะ หยุดรถมอเตอร์ไซด์ทับทางมา้ ลาย จติ อาสาท�ำความสะอาดถนน ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ 29

ผลประโยชน์ส่วนตน ๑. ๒. ๓. ๔. ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑. ๒. ๓. ๔. ตอนท่ี ๒ ให้นักเรียนเขียนเปรียบเทียบว่าภาพไหนมีการปฏิบัติตนท่ีเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และ ภาพไหน มีการปฏิบัติตนท่ีเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน อย่างใดจะมีประโยชน์ต่อสังคม มากกวา่ กนั เพราะเหตุใด .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 30 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพิม่ เติม การป้องกันการทุจรติ ”

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเรือ่ ง ซือ่ สัตยส์ จุ ริต ค�ำช้แี จง ให้นกั เรียนเขยี นเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องที่ตรงกับพฤตกิ รรมทีเ่ กิดขึ้นจรงิ รายการ เลขที่ ช่อื - สกลุ พดู รู้จกั สรปุ ผล แยกแยะ การประเมิน ไม่ลกั ตรงไป ท�ำตัวน่า ประโยชน์ ความจรงิ ขโมย ตรงมา เช่อื ถือ สว่ นตนและ ประโยชน์ ส่วนรวม ผา่ น ไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมนิ ลงช่ือ .............................................ครูผสู้ อน ผ่านตง้ั แต่ ๓ รายการ ถือว่า ผา่ น (...........................................) ผา่ น ๒ รายการ ถือว่า ไมผ่ า่ น ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕ 31

แบบประเมนิ ใบงาน การล�ำดับ ความคิด เนอ้ื หา วิเคราะห์ ที่ ชอ่ื -นามสกุล ความถูกต้อง การใช้ภาษา ความเรยี บรอ้ ย ความคดิ รวม สร้างสรรค์ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๒๐ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ๔ คะแนน = ดมี าก ช่วงคะแนน ๑๖ - ๒๐ ดีมาก ๓ คะแนน = ดี ๑๑ - ๑๕ ดี ๒ คะแนน = ปานกลาง ๕ - ๑๐ พอใช้ ๑ คะแนน = ปรับปรงุ ต่�ำกวา่ ๕ ปรับปรุง ลงชื่อ .............................................ผปู้ ระเมนิ (...........................................) ............../............../.............. 32 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพิ่มเตมิ การปอ้ งกนั การทุจรติ ”

แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๑ ช่อื หน่วย การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕ และผลประโยชน์สว่ นรวม แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๕ เรอื่ ง ความแตกต่างระหวา่ งจรยิ ธรรมและการทุจรติ เวลา ๒ ชั่วโมง ๑. ผลการเรียนรู้ นกั เรยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ ส่วนรวม ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของจริยธรรม และการทุจรติ ได้ ๒.๒ นกั เรียนสามารถบอกความแตกตา่ งระหวา่ งจริยธรรมและการทุจริตได้ ๒.๓ นักเรียนสามารถบอกรูปแบบของการทุจรติ ได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ - จริยธรรม หมายถึง พฤติกรรมท่ีแสดงออกเชิงบวกปฏิบัติจนเป็นนิสัย เป็นสิ่งท่ีผู้อื่น และสังคมยอมรับ - การทจุ ริต หมายถงึ ส่งิ ทไี่ ม่ดี มีการแสวงหาหรือเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมมาเปน็ ของส่วนตัว ท้งั ๆทต่ี นเองไม่ได้มสี ิทธิ ในสิง่ ๆนน้ั การยึดถือเอาดงั กล่าวจะถือเป็นส่งิ ท่ีผิดทัง้ ๆ ในแงข่ อง กฎหมายและศีลธรรม - รูปแบบการทุจริต สามารถแบ่งได้ ๓ ลักษณะ คือ แบ่งตามผู้ท่ีเกี่ยวข้อง แบ่งตาม กระบวนการทีใ่ ชแ้ ละแบ่งตามลกั ษณะรปู ธรรม ๓.๒ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการส่อื สาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๓.๓ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ความซื่อสตั ย์สจุ รติ ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขน้ั ตอนการเรยี นรู้ ชว่ั โมงที่ ๑ ๑. ครใู หน้ กั เรยี นชมวีดิทศั น์ เรื่อง “ หักเหล่ียมคอร์รปั ชนั เรม่ิ ทคี่ ณุ จบทค่ี ณุ ” ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ 33

๒. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเท่า ๆ กนั แลว้ ค�ำถามหลงั จากชมวดี ทิ ศั น์ โดยใหค้ รใู ชค้ �ำถาม กับนกั เรียนวา่ “ท�ำไม” “เพราะเหตุใด” “ผลเป็นอย่างไร”เชน่ เพราะเหตุใดโดมจงึ พงั ลง เปน็ ต้น ๓. ให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง “การทุจริต” จากนั้นครูอธิบายความหมายของ การทจุ ริตและรูปแบบของการทจุ รติ ชว่ั โมงท่ี ๒ ๑. ครใู หน้ กั เรียนยกตัวอย่างเหตุการณ์หรอื การกระท�ำท่ีแสดงถงึ การทุจรติ ในสังคมไทย ๒. ให้นกั เรยี นศึกษาใบความรู้ เรอื่ ง จริยธรรม ๓. ให้นักเรียนยกตัวอย่างของเหตุการณ์หรือการกระท�ำท่ีแสดงถึงจริยธรรมต่าง ๆ ใน สังคมไทยเช่น ข้าราชการไม่รับของขวัญจากผมู้ าตดิ ต่อราชการ เปน็ ต้น ๔. ครใู หน้ กั เรยี นเขยี นการกระท�ำทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ การมจี รยิ ธรรมและการกระท�ำทแ่ี สดง ใหเ้ ห็นถึงการทจุ รติ ลงในใบงาน เรื่อง ความแตกตา่ งระหวา่ งจริยธรรมและการทุจรติ ๕. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปความแตกตา่ งระหว่างจริยธรรมและการทจุ ริต ดงั น้ี จรยิ ธรรม หมายถงึ แนวทางซงึ่ เปน็ กฎเกณฑใ์ นการประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นสงิ่ ทถ่ี กู ตอ้ งดงี าม และเป็นลกั ษณะท่ีสังคมต้องการเปน็ สิง่ ทเ่ี กดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสังคมสว่ นรวม บคุ คลท่ีมจี ริยธรรม อยู่ในตนเอง ย่อมเป็นที่ยอมรับนับถือของคนในสังคมและสามารถด�ำเนินชีวิตได้อยา่ งเป็นปกติสุข เป็น คนทม่ี ีคุณภาพและเป็นท่ียอมรบั ของสงั คมส่วนรวม การทุจริต คอื การคดโกง ไม่ซื่อสตั ยส์ ุจริต การกระท�ำที่ผดิ กฎหมาย เพ่ือใหเ้ กดิ ความ ได้เปรียบในการแข่งขัน การใช้อ�ำนาจหน้าท่ีในทางที่ผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์หรือให้ได้รับส่ิงตอบแทน การให้หรือการรับสินบน การก�ำหนดนโยบายที่เอื้อประโยชน์แก่ตนหรือพวกพ้องรวมถึงการทุจริต เชิงนโยบาย ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมและการทุจริต คือ จริยธรรมเป็นแนวทางซึ่งเป็น กฎเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติในส่ิงที่ถูกต้องดีงาม ส่วนการทุจริต คือ การคดโกง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต การกระท�ำที่ผิดกฎหมาย ๔.๒ สอื่ การเรียนรู้ /แหล่งการเรียนรู้ ๑. วดี ทิ ัศน์ เรอ่ื ง หักเหล่ียมคอรร์ ปั ชัน เรมิ่ ทีค่ ุณ จบที่คุณ จากเวบ็ ไซต์ https://www. youtube.com/watech?v=ihlY๖zniZw ๒. ใบความรู้ เรือ่ ง การทุจรติ ๓. ใบความรู้ เรือ่ ง จริยธรรม ๔. ใบงาน เรอื่ ง ความแตกตา่ งระหวา่ งจรยิ ธรรมและการทจุ รติ 34 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริต”

๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วิธีการประเมิน ๑. ตรวจผลงานการท�ำใบงาน เรอ่ื ง ความแตกต่างระหวา่ งจริยธรรมและการทจุ ริต ๒. สงั เกตพฤติกรรมซ่ือสัตยส์ จุ ริต ๕.๒ เครือ่ งมือท่ีใช้ในการประเมนิ ๑. แบบประเมนิ ใบงาน เรื่อง ความแตกตา่ งระหวา่ งจริยธรรมและการทจุ ริต ๒. แบบสงั เกตพฤติกรรมซ่ือสตั ยส์ จุ รติ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ถือว่า ผ่าน ๖. บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ลงชื่อ ................................................ ครูผูส้ อน (...............................................) ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ 35

๗. ภาคผนวก ใบความรู้ เรอื่ ง การทจุ ริต การทจุ รติ ปัญหาการทุจริต เป็นปัญหาที่ส�ำคัญทั้งของประเทศไทยและประเทศอ่ืนๆ ทั่วโลก ปัญหาการ ทจุ รติ จะท�ำใหเ้ กดิ ความเสอื่ มในดา้ นตา่ งๆ เกดิ ขน้ึ ทงั้ สงั คม เศรษฐกจิ การเมอื ง และนบั วนั ปญั หาดงั กลา่ ว กจ็ ะรนุ แรงมากขนึ้ และมรี ปู แบบการทจุ รติ ทซ่ี บั ซอ้ น ยากแกก่ ารตรวจสอบมากขนึ้ จากเดมิ ทกี่ ระท�ำเพยี ง สองฝา่ ย ปจั จบุ นั การทจุ รติ จะกระท�ำกนั หลายฝา่ ย ทงั้ ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั และ เอกชน โดยประกอบด้วยสองสว่ นใหญ่ๆ คอื ผ้ใู ห้ผลประโยชน์กับผรู้ ับผลประโยชน์ ซ่งึ ทงั้ สองฝา่ ยนจ้ี ะมี ผลประโยชน์รว่ มกนั ตราบใดทผี่ ลประโยชน์สมเหตุสมผลตอ่ กัน กจ็ ะน�ำไปส่ปู ัญหาการทจุ ริตได้ บางครั้ง ผ้ทู รี่ ับผลประโยชน์กเ็ ปน็ ผ้ใู หป้ ระโยชนไ์ ด้เชน่ กนั โดยผ้รู ับผลประโยชน์และผใู้ หผ้ ลประโยชน์ คือ ๑. ผรู้ บั ผลประโยชน์ จะเป็นเจา้ หน้าท่ีของรัฐ ซ่งึ มีอ�ำนาจ หนา้ ที่ในการกระท�ำ การด�ำเนินการ ตา่ งๆ และรบั ประโยชนจ์ ะเป็นไปในรูปแบบตา่ งๆ เชน่ การจัดซอื้ จัดจา้ ง การเรยี กรบั ประโยชนโ์ ดยตรง การก�ำหนดระเบียบหรอื คุณสมบัติทีเ่ อ้ือตอ่ ตนเองและพวกพ้อง ๒. ผ้ใู ห้ผลประโยชน์ เชน่ ภาคเอกชน โดยการเสนอผลตอบแทนในรปู แบบตา่ งๆ เช่น เงิน สิทธิ พเิ ศษอนื่ ๆ เพ่ือจูงใจให้นกั การเมอื ง เจา้ หน้าทข่ี องรัฐ กระท�ำการหรอื ไม่กระท�ำการอย่างใดอย่างหนง่ึ ใน ต�ำแหนง่ หน้าท่ี ซง่ึ การกระท�ำดังกล่าวเปน็ การกระท�ำท่ฝี า่ ฝนื ต่อระเบยี บหรือผิดกฎหมาย เปน็ ต้น ทจุ รติ คอื อะไร ค�ำวา่ ทุจรติ มีการให้ความหมายไดม้ ากมาย หลากหลาย ข้ึนอยู่กบั วา่ จะมีการให้ความหมายดงั กล่าวไว้ว่าอย่างไร โดยที่ค�ำว่าทุจริตนั้น จะมีการให้ความหมายโดยหน่วยงานของรัฐ หรือการให้ความ หมายโดยกฎหมายซ่ึงไม่วา่ จะเปน็ การให้ความหมายจากแหลง่ ใด เน้อื หาส�ำคญั ของค�ำว่าทุจรติ กย็ ังคงมี ความหมายทีส่ อดคลอ้ งกันอยู่ น่ันคอื การทจุ ริตเป็นสิ่งทไี่ ม่ดี มกี ารแสวหาหรอื เอาผลประโยชน์ของส่วน รวม มาเป็นของสว่ นตวั ท้ังๆ ที่ตนเองไมไ่ ดม้ ีสิทธใิ นส่งิ ๆ น้นั การยดึ ถือ เอามาดงั กลา่ วจึงถอื เป็นส่งิ ทผ่ี ดิ ทั้งในแง่ของกฎหมายและศีลธรรม รูปแบบการทจุ รติ รูปแบบการทุจริตท่ีเกิดขึ้นสามารถแบ่งได้ ๓ ลักษณะ คือ แบ่งตามผู้ที่เกี่ยวข้อง แบ่งตาม กระบวนการทีใ่ ช้และแบ่งตามลักษณะรปู ธรรม ดงั นี้ ๑. แบง่ ตามผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง เปน็ รปู แบบการทจุ รติ ในเรอ่ื งของอ�ำนาจและความสมั พนั ธแ์ บบอปุ ถมั ภ์ ระหวา่ งผูใ้ หก้ ารอปุ ถัมภ์ (ผ้ใู ห้การช่วยเหลือ) กับผ้ถู กู อปุ ถัมภ์ (ผทู้ ีไ่ ด้รบั การชว่ ยเหลอื ) ๒. แบง่ ตามกระบวนการท่ใี ช้ มี ๒ ประเภท คอื เกิดจากการใชอ้ �ำนาจในการก�ำหนด กฎ กตกิ า พื้นฐานเกิดจากการใช้อ�ำนาจหนา้ ท่ีเพ่ือแสวงหาผลประโยชน์จากกฎ และระเบียบที่ด�ำรงอยู่ ซ่ึงมักเกิด จากความไมช่ ัดเจนของกฎและระเบยี บเหล่านนั้ ๓. แบง่ ตามลกั ษณะรปู ธรรม มที ง้ั หมด ๔ รปู แบบ คอื คอรร์ ปั ชนั จากการจดั ซอ้ื จดั หา คอรร์ ปั ชนั จากการใหส้ ัมปทานและสทิ ธพิ เิ ศษ คอร์รัปชนั จากการขายสาธารณะสมบัติ และคอร์รปั ชนั จากการก�ำกับดูแล 36 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเตมิ การปอ้ งกันการทุจริต”

ใบความรู้ เร่อื ง จริยธรรม ความดีงามทางสังคม ถือเป็นกฎเกณฑ์แห่งความประพฤติ หรือหลักความจริงที่เป็นแนวทาง แหง่ ความประพฤติปฏิบัตใิ หม้ นษุ ย์อยรู่ ่วมกนั ในสังคมอยา่ งเปน็ สุข การศกึ ษาเรอ่ื งจรยิ ธรรม จึงเปน็ หนง่ึ ในวิชาปรชั ญาทีศ่ กึ ษาเกี่ยวกับความดีงามทางสังคมมนษุ ย์ ความหมายของ จริยธรรม จริยธรรม หมายถึง ส่ิงที่ท�ำได้ในทางวินัยจนเกิดความเคยชินมีพลังใจ มีความตั้งใจแน่วแน ่ จึงต้องอาศัยปัญญา และปัญญาอาจเกิดจากความศรัทธาเชื่อถือผู้อ่ืน ในทางพุทธศาสนาสอนว่า จริยธรรมคือการน�ำความรู้ ความจริงหรือกฎธรรมชาติมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการด�ำเนินชีวิตที่ดีงาม (พระราชวรมุน)ี พจนานกุ รมไทยฉบบั ราชบณั ฑติ สถาน (๒๕๔๖ ) ใหค้ วามหมายของจรยิ ธรรมไวว้ า่ หมายถงึ ธรรม ทเี่ ป็นขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ัติ โคลเบิร์ก (Kohlberg ๑๙๗๒ : ๒๑๒) กล่าวถงึ จริยธรรมวา่ จรยิ ธรรมเป็นความรูส้ ึกผิดชอบชวั่ ดี เปน็ กฎเกณฑแ์ ละมาตรฐานของการประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นสงั คมซง่ึ บคุ คลพฒั นาขน้ึ จนกระทงั่ มพี ฤตกิ รรมเปน็ ของตนเอง โดยสงั คมจะเปน็ ตัวตดั สนิ ผลของการกระท�ำ นน้ั ว่าเปน็ การกระท�ำ ท่ีถกู หรือผดิ จากความหมายทก่ี ลา่ วมา สรปุ ไดว้ า่ จรยิ ธรรม หมายถงึ แนวทางซง่ึ เปน็ กฎเกณฑใ์ นการประพฤติ ปฏิบัติในส่ิงท่ีถูกต้องดีงาม และเป็นลักษณะท่ีสังคมต้องการเป็นสิ่งท่ีเกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ส่วนรวม บุคคลที่มีจริยธรรมอยู่ในตนเอง ย่อมเป็นท่ียอมรับนับถือของคนในสังคมและสามารถด�ำเนิน ชีวติ ได้อยา่ งเป็นปกตสิ ุข เป็นคนที่มีคุณภาพและเปน็ ทีย่ อมรบั ของสังคมสว่ นรวม ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ 37

ใบงาน เรื่อง ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมและการทจุ รติ ชอ่ื .................................................................................................ชน้ั ....................เลขท่ี................ ค�ำช้แี จง ให้นักเรียนเขียนการกระท�ำที่แสดงให้เห็นถึงจริยธรรมและการกระท�ำที่แสดงให้เห็นถึง การทุจรติ ลงในแผนผงั ทก่ี �ำหนดให้ 38 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพ่ิมเติม การปอ้ งกนั การทุจริต”

แบบสงั เกตพฤติกรรมเรอื่ ง ซื่อสัตยส์ จุ ริต ค�ำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นเขยี นเคร่อื งหมาย ✓ ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั พฤตกิ รรมท่เี กิดข้นึ จรงิ รายการ เลขที่ ชื่อ - สกลุ พูด รู้จกั สรุปผล แยกแยะ การประเมนิ ไม่ลกั ตรงไป ท�ำตัวน่า ประโยชน์ ความจริง ขโมย ตรงมา เชอื่ ถือ สว่ นตนและ ประโยชน์ ส่วนรวม ผ่าน ไม่ผา่ น เกณฑ์การประเมิน ลงชอื่ .............................................ครผู ้สู อน ผา่ นต้ังแต่ ๓ รายการ ถือว่า ผา่ น (...........................................) ผา่ น ๒ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน ระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๕ 39

แบบประเมนิ ใบงาน การล�ำดับ ความคิด เนื้อหา วิเคราะห์ ที่ ช่อื -นามสกลุ ความถกู ต้อง การใช้ภาษา ความเรยี บร้อย ความคิด รวม สรา้ งสรรค์ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๒๐ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ๔ คะแนน = ดมี าก ช่วงคะแนน ๑๖ - ๒๐ ดมี าก ๓ คะแนน = ดี ๑๑ - ๑๕ ดี ๒ คะแนน = ปานกลาง ๕ - ๑๐ พอใช้ ๑ คะแนน = ปรับปรงุ ตำ�่ กว่า ๕ ปรับปรงุ ลงช่อื .............................................ผ้ปู ระเมนิ (...........................................) ............../............../.............. 40 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวิชาเพม่ิ เติม การปอ้ งกนั การทจุ ริต”

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี ๑ ชอื่ หนว่ ย การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๕ และผลประโยชน์สว่ นรวม แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๕ เร่ือง ผลกระทบ และวธิ ีการแกไ้ ขการขดั กันระหว่าง เวลา ๒ ชว่ั โมง ผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวมในสงั คม ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ นักเรยี นสามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นกั เรยี นสามารถอธิบายความหมายของค�ำว่า “ขดั กนั ” ได้ ๒.๒ นักเรียนสามารถบอกผลกระทบการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ สว่ นรวมในสงั คมได้ ๒.๓ นกั เรยี นสามารถบอกวธิ กี ารแกไ้ ขการขดั กนั ระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ สว่ นรวมในสังคมได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความหมายของการขัดกนั ความขดั กันระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม หมายถงึ สถานการณ์ หรอื การกระท�ำทบี่ คุ คลไมว่ า่ จะเปน็ นกั การเมอื ง ขา้ ราชการ พนกั งานบรษิ ทั หรอื ผบู้ รหิ ารเหน็ ผลประโยชน์ สว่ นตวั มากจนมผี ลตอ่ การตดั สนิ ใจ หรอื การปฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี นต�ำแหนง่ หนา้ ทท่ี บี่ คุ คลนน้ั รบั ผดิ ชอบอยู่ และ ส่งผลกระทบตอ่ ประโยชน์สว่ นรวม ซึง่ การกระท�ำนั้นอาจจะเกิดขน้ึ อยา่ งรูต้ วั หรือไมร่ ู้ตัว ทั้งเจตนาและ ไม่เจตนา และมีรปู แบบท่ีหลากหลาย จนกระทั่งกลายเป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันทั่วไป โดยไม่เห็นวา่ เป็นความ ผิด เชน่ การรบั สนิ บน การจา่ ยเงินใต้โตะ๊ การจ่ายเงินตอบแทนเจ้าหน้าท่ีของรฐั ๓.๒ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการสือ่ สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓.๓ คณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์ ความซือ่ สัตยส์ จุ ริต ระดับชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๕ 41

๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ข้นั ตอนการเรียนรู้ ชวั่ โมงที่ ๑ ๑. ครทู บทวนเร่อื งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ๒. ครูเล่าเหตกุ ารณ์เรื่อง “เทศกจิ เตอื นแม่คา้ ขายของในทห่ี ้ามขาย” เสยี วคอแทน! เทศกจิ เตือนแมค่ ้าขายของในทห่ี า้ มขาย เจอแทงสวนด้วยไมเ้ สียบขนม เม่ือเจ้าหน้าท่ีเทศกิจเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ถูกแม่ค้าวัย ๔๕ ปี ที่อยู่ในอารมณ์โกรธเกร้ียวใช้ไม้แหลม ส�ำหรับเสียบผลไม้เช่ือมแทงเข้าท่ีคอ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังเจ้าหน้าที่ก�ำลังเดินเข้ามา เตอื นแม่คา้ ท่ีขายขนมถงั หูลู่ในท่หี ้ามขาย แต่แทนทีเ่ ธอจะเกบ็ ของหนีไปเหมอื นแม่คา้ คนอ่ืนๆ กลบั เลอื ก ที่จะเผชิญหน้าและใช้ไม้แหลมเป็นอาวุธท�ำร้ายอีกฝ่ายโชคดีท่ีเจ้าหน้าท่ีเทศกิจไม่ได้รับอันตรายร้ายแรง ในขณะทแ่ี ม่ค้าผู้กอ่ เหตถุ กู ด�ำเนนิ คดใี นข้อหาท�ำร้ายรา่ งกายเจา้ หนา้ ท่ี ๓. ครใู ห้นกั เรียนวิพากษว์ ิจารณ์เกยี่ วกับการกระท�ำของแม่ค้าและเจา้ หนา้ ทเี่ ทศกจิ ๔. ครูอธบิ ายความหมายของค�ำวา่ การขัดกัน - การขดั กันหมายถงึ ไม่ลงรอยกัน ไมเ่ ห็นพอ้ งตอ้ งกนั ทัง้ ในเร่อื งผลประโยชน์สว่ น ตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ช่วั โมงที่ ๒ ๑. ครูให้นักเรียนบอกผลกระทบจากการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผล ประโยชนส์ ่วนรวมในสังคม ๒. ครูสนทนาซักถามนักเรียนว่า “ถ้านักเรียนพบเห็นการกระท�ำหรือเหตุการณ์ท่ีขัดกัน เชน่ เหตุการณน์ ี้ นกั เรยี นจะมีวธิ ีการแกไ้ ขความขัดแย้งกนั ไดอ้ ยา่ งไร เชน่ ไมเ่ หน็ แกไ่ ด้ ไม่โลภ ไม่อยาก ได้ของผอู้ ื่นเปน็ ของตนเอง เป็นต้น ๓. ครูใหน้ กั เรยี นท�ำใบงาน เรื่อง วนิ มอเตอร์ไซค์เจ้าถน่ิ ๔. นกั เรียนน�ำเสนอผลงานเพือ่ แลกเปล่ียนเรียนรูแ้ ละน�ำผลงานไปติดป้ายนเิ ทศ ๔.๒ สือ่ การเรยี นรู้ ๑. ใบงาน เรอ่ื ง วนิ มอเตอรไ์ ซค์เจา้ ถน่ิ ๒. ข่าว “เทศกจิ เตือนแมค่ ้าขายของในท่หี า้ มขาย” ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมนิ ๑. ตรวจผลงาน เรือ่ ง วินมอเตอร์ไซค์เจ้าถิ่น ๒. สังเกตพฤตกิ รรม ซอื่ สตั ยส์ ุจริต 42 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเติม การปอ้ งกนั การทุจริต”

๕.๒ เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการประเมิน ๑. แบบให้คะแนนการตรวจใบงาน เรอ่ื ง วนิ มอเตอร์ไซค์เจา้ ถิ่น ๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ซอ่ื สตั ย์สจุ รติ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป ๖. บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ................................................ ครผู ้สู อน (...............................................) ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ 43

๗. ภาคผนวก ใบงาน เรื่อง วนิ มอเตอรไ์ ซคเ์ จ้าถน่ิ ชอื่ ...............................................................................................ชั้น..................เลขท.่ี ................. ค�ำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นอ่านขา่ ว แล้วตอบค�ำถามต่อไปนี้ นักศึกษาจุฬา เรียกใช้บริการผ่านแอพพลิเคช่ัน หรือ grab bike เน่ืองจากหน้าหอพักขณะนั้นไม่มีวิน มอเตอรไ์ ซคร์ ับจา้ ง และเม่ือ grab bike มาถึงกลับถูกวนิ มอเตอร์ไซดร์ ับจ้างประจ�ำซอย ขบั ไล่และดึง กุญแจรถออกจนทะเลาะววิ าทกนั เรียบเรียง PPTV ขา่ ว ๑) นักเรียนคิดว่าการกระท�ำของวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างประจ�ำซอยเป็นการกระท�ำที่เหมาะสม หรือไม่ เพราะเหตใุ ด .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ๒) ถ้านกั เรยี นเปน็ นกั ศึกษาคนดงั กลา่ ว นกั เรยี นจะแก้ไขปัญหาทเี่ กดิ ขึ้นอย่างไร .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 44 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพิม่ เตมิ การปอ้ งกันการทจุ ริต”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook