ค่มู อื เตรียมสอบธรรมศกึ ษา ระดับชั้นตรี โท เอก
สารบญั ๒ ตอนที่ ๑ วิธีอา่ นภาษาบาลี หน้า ตอนท่ี ๒ โครงสรา้ งของกระท้ธู รรม ๓ กระทู้ยอดนยิ ม ระดบั ช้นั ตรี ๕ ตอนท่ี ๓ กระท้ยู อดนิยม ระดบั ช้นั โท-เอก ๖ ตวั อย่างการเขยี นกระทูธ้ รรมชนั้ ตรี ๘ โครงสร้างการเขยี นกระท้ธู รรมชั้นตรี ๙ โครงสร้างการเขยี นกระทู้ธรรมชนั้ โท ๑๑ โครงสรา้ งการเขยี นกระทธู้ รรมช้นั เอก แนวข้อสอบธรรมศกึ ษาชั้นตรี วชิ าธรรมวภิ าค ๑๒ แนวขอ้ สอบธรรมศึกษาชน้ั ตรี วชิ าพทุ ธประวัติ ๑๓ แนวขอ้ สอบธรรมศึกษาชน้ั ตรี วิชาศาสนพธิ ี ๑๔ แนวข้อสอบธรรมศึกษาชั้นตรี วิชาเบญจศลี เบญจธรรม ๒๓ แนวขอ้ สอบธรรมศึกษาชนั้ โท วิชาธรรมวภิ าค ๒๘ แนวขอ้ สอบธรรมศกึ ษาชั้นโท วชิ าอนพุ ุทธประวตั ิ ๓๑ แนวขอ้ สอบธรรมศกึ ษาชน้ั โท วชิ าศาสนพธิ ี ๓๘ แนวข้อสอบธรรมศึกษาชั้นโท วชิ าอโุ บสถศลี ๔๕ แนวขอ้ สอบธรรมศกึ ษาชั้นเอก วชิ าธรรมวิจารณ์ ๕๐ แนวขอ้ สอบธรรมศึกษาช้ันเอก วิชาพุทธานุพทุ ธประวัติ ๕๔ แนวข้อสอบธรรมศกึ ษาช้นั โท วิชากรรมบถ ๖๑ เฉลยแนวข้อสอบธรรมศึกษาช้ันตรี ๖๘ เฉลยแนวขอ้ สอบธรรมศกึ ษาชัน้ โท ๗๕ เฉลยแนวขอ้ สอบธรรมศกึ ษาช้ันเอก ๘๒ ๘๓ ๘๔
๓ วิธีอา่ นภาษาบาลี ๑. พยญั ชนะท่ีมีสระกากับอยู่ ให้อ่านออกเสียงตามสระน้นั ๆ เชน่ ปุริมานิ อา่ นว่า ป-ุ ร-ิ มา-นิ ตณี ิ อ่านว่า ต-ี ณิ ๒. พยญั ชนะที่ไม่มีสระใดๆ กากบั อย่เู ลย ให้อ่านออกเสียงสระ อะ ทกุ แห่ง เช่น นววิธ อา่ นว่า นะ-วะ-ว-ิ ธงั ปน อ่านว่า ปะ-นะ ๓. พยญั ชนะทมี่ ี พนิ ทุ ( ) อยู่ขา้ งล่าง แสดงวา่ พยัญชนะตัวนั้นเปน็ ตวั สะกด ให้อ่านออกเสียงรวมกบั สระของพยัญชนะท่ีอยขู่ า้ งหน้า เช่น ภกิ ฺขู (ภิ+ก=ภกิ ) อา่ นว่า ภกิ -ขู โหนฺติ (โห+น=โหน) อา่ นว่า โหน-ติ ถา้ พยญั ชนะท่ีอยขู่ ้างหนา้ ไม่มีสระใดๆ กากับอยู่เลย พินทุ ( ฺ ) น้ันจะเทา่ กับไมห้ ันอากาศ เชน่ ตตถฺ (ตะ+ต=ตัต) อ่านว่า ตตั -ถะ อฎฺฐ (อะ+ฏ=อัฏ) อ่านว่า อฎั -ฐะ ๔. พยญั ชนะที่มี นคิ หิต ( ) อย่ขู า้ งบนและมีสระกากบั อยู่ด้วย ให้อ่านออกเสียงมี ง เป็น ตัวสะกด เช่น กึ (กิ+ง=กิง) อา่ นว่า กงิ กาํตุ (ตุ+ง=ตุง) อ่านวา่ กา-ตุง ถ้าพยญั ชนะท่มี ี นิคหิต ( ) อยขู่ า้ งบน แตไ่ มม่ สี ระใดๆ กากบั อยู่เลย นิคหติ ( ) นน้ั จะเทา่ กบั อัง เชน่ วตฺต (ตะ+ง=ตงั ) อ่านวา่ วัต-ตงั อย (ยะ+ง=ยัง) อ่านว่า อะ-ยงั ๕. พยัญชนะตวั หนา้ ท่ีมี พนิ ทุ ( ) อยู่ขา้ งลา่ ง ให้อ่านออกเสียงสระ อะ กง่ึ เสยี ง เช่น เทว อ่านวา่ ท๎-เว พยฺ ตตฺ อา่ นวา่ พ-๎ยตั -ตงั
๔ ๖. ถ้ามี ร อยู่หลังพยญั ชนะท่ีมี พินทุ ( ) อยู่ขา้ งล่าง ให้อ่านออกเสียงควบกลา้ กนั เชน่ ตตฺร อา่ นว่า ตัต-ตระ พฺรหมฺ จรยิ า อ่านว่า พรมั -มะ-จะ-ร-ิ ยา ๗. ส ทม่ี ี พินทุ ( ) อยู่ข้างล่าง ให้อา่ นออกเสียงเปน็ ตัวสะกดของพยัญชนะท่ีอยขู่ ้างหน้า และออก เสียง ส นน้ั อีกกึ่งเสียง เชน่ อมิ สฺมึ อา่ นว่า อ-ิ มัส-ส-๎หมิง ตสฺมา อ่านวา่ ตสั -ส๎-หมา ๘. คาทีล่ งท้ายดว้ ย ตฺวา ตวฺ าน ให้อ่านออกเสยี ง ต เป็นตัวสะกดของพยญั ชนะที่อยู่ขา้ งหนา้ และออก เสยี ง ต น้ันอีกก่ึงเสยี ง เชน่ กตฺวา อา่ นว่า กตั -ต-๎วา คเหตฺวา อ่านว่า คะ-เหต-ต-๎วา ๙. ฑ ใหอ้ ่านออกเสยี งเป็นตัว ด ท้ังหมด เช่น ปิณฑฺ ปาต อ่านว่า ปิณ-ดะ-ปา-ตงั ปณิ ฑฺ าย อ่านว่า ปณิ -ดา-ยะ ๑๐. ห ทม่ี ีสระ อี อยู่ด้วย ให้อ่านออกเสยี งเปน็ ฮี เช่น ตณุ หฺ ี อา่ นวา่ ตณุ -ณ๎-ฮี อจฉฺ าเทหีติ อา่ นว่า อจั -ฉา-เท-ฮี-ติ
๕ โครงสร้างของกระทู้ธรรม ๑. กระทตู้ ง้ั คือ ธรรมภาษิตท่ีเป็นปัญหาทยี่ กขึ้นมาก่อนสาหรับใหแ้ ต่งแก้ เชน่ “สติ โลกสํมฺ ิ ชาคโร. ผ้สู ติเป็นธรรมเครือ่ งตน่ื ในโลก.” ๒. คานา คอื คาขึน้ ตน้ หรือคาชแ้ี จงก่อนจะแต่งต่อไป กลา่ วคอื เม่ือยกคาถาบทตงั้ ไว้แล้วเวลาจะแตง่ ต้องขึน้ อารัมภบทก่อนว่า บัดนี้จกั ได้บรรยายความตามธรรมภาษติ ท่ไี ดล้ ขิ ติ ไว้ ณ เบื้องตน้ เพื่อเป็นแนวทางแห่ง การประพฤติปฏบิ ตั ขิ องสาธชุ นผู้ใคร่ในธรรมสืบไป ๓. เนือ้ เรอื่ งของกระทู้ต้ัง ต้องมเี นื้อหาสาระสาคัญ ลาดบั เนอ้ื หาสาระให้ตอ่ เน่ืองกนั เป็นเหตเุ ปน็ ผล โดยข้นึ ตน้ ด้วยคาวา่ “อธิบายความวา่ ” ก่อนจบการอธบิ ายจะลงท้ายดว้ ยคาวา่ นี้สมด้วยธรรมภาษิต ที่มาใน (ใสท่ ่มี าของธรรมภาษิตท่นี ามารบั ) ว่า รับรองไวเ้ ป็นหลกั ฐาน เช่น สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เป็นต้น ๔. กระทู้รับ คอื ธรรมภาษิตทยี่ กขึน้ มารับรองให้สมเหตุสมผลกับกระทู้ตง้ั เพราะการแต่งเรียงความ นน้ั ตอ้ งมีกระทรู้ บั อ้างใหส้ มจรงิ กับเนอื้ ความที่ได้แต่งไป มิใชเ่ ขยี นไปแบบลอย ๆ เชน่ “สติมา สุขเมธต.ิ คนมีสติ ยอ่ มไดร้ ับความสขุ .” ๕. เน้ือเรอ่ื งของกระทรู้ ับ ต้องอธิบายเนื้อหาสาระสาคัญของธรรมภาษิตทยี่ กมารบั โดยข้นึ ตน้ ด้วยคา วา่ “อธบิ ายความวา่ ” ๖. บทสรุป คือ การรวบรวมใจความสาคัญของเรอ่ื งที่ได้อธิบายมาแต่ตน้ โดยกลา่ วสรุปลงสนั้ ๆ หรอื ย่อ ๆ ให้ได้ความหมายทค่ี รอบคลุมถงึ เนื้อหาท่ีกล่าวมาทัง้ กระทตู้ ้ังและกระท้รู ับ โดยขึน้ ต้นดว้ ยคาวา่ “สรุปความว่า” ก่อนจบการสรุปจะลงทา้ ยดว้ ยคาวา่ สมดว้ ยธรรมภาษติ ทไ่ี ดล้ ขิ ติ ไว้ ณ เบ้ืองต้นว่า แลว้ จงึ เขียนกระทูต้ ัง้ พร้อมคาแปลอีกครง้ั หนึ่ง ๗. คาลงทา้ ย คือ ประโยคทเ่ี ปน็ การจบการเขยี นเรียงความ จะใช้คาวา่ มนี ยั ดงั ได้พรรณนามาดว้ ยประการฉะนี้ ฯ ๘. จานวนกระทู้รับ คือ จานวนธรรมภาษิตทจ่ี ะต้องหามาเชอ่ื มกบั กระทู้ตง้ั ในระดับช้ันตรี ใช้ ๑ ธรรมภาษิต, ระดบั ชน้ั โท ใช้ ๒ ธรรมภาษิตเต็มคาถา, ระดับชน้ั เอก ใช้ ๓ ธรรมภาษติ เต็มคาถา ๙. จานวนหนา้ ท่ีตอ้ งเขียน คือ การเขยี นเรยี งความในกระดาษสอบสนามหลวง F14 เว้นบรรทัด และหา้ มใช้ปากกาแดงขีดเขยี นเดด็ ขาด ระดับชัน้ ตรี ต้องเขยี น ๒ หนา้ กระดาษข้ึนไป, ระดับชนั้ โท ตอ้ งเขียน ๓ หน้ากระดาษข้ึนไป, ระดบั ชั้นเอก ตอ้ งเขียน ๔ หนา้ กระดาษข้นึ ไป
๖ กระทู้ยอดนยิ ม ระดบั ชั้นตรี (เลอื กทอ่ งไว้ ๒ กระทู้ สาหรับเปน็ กระทรู้ ับ) ๑. อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ. ตนแลเปน็ ทพ่ี ง่ึ ของตน. ที่มาใน ขุททกนิกาย ธรรมบท อธิบายความว่า ตน หมายถึง ร่างกายและจิตใจ ท่ีเรียกว่าอัตภาพหรือตัวตนของเรา ในคาว่า ตนและเป็นท่ีพึ่งของตน หมายถึงให้พึ่งตัวเองให้มาก ในขอบเขตท่ีสามารถทาได้ ในขณะท่ียังอยู่ในวัย หรือในภาวะหน่ึงๆ ทั้งน้ีเพราะท่ีพ่ึงอย่างอนื่ ท่คี นเราจะยึดเป็นทพี่ ึ่งไปตลอดชีวิต ไม่ว่า บิดามารดา ครู อาจารย์ ย่อมจะทาไดโ้ ดยยาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนใหค้ นเราพงึ่ ตนเอง ซง่ึ ทาได้ ๒ อย่าง คือ ๑) ทางร่างกาย อาศัยแรงกายทางานประกอบสัมมาอาชีพดารงชีวิตเพื่อให้ชีวิตดารงอยู่ได้ ๒) ทาง จติ ใจ อาศยั รา่ งกายนี้เป็นส่วนหนงึ่ ท่ีจะตอบสนองให้ทาส่ิงต่างๆ เช่น ทาความดี ทาบุญกศุ ล การสงั่ สม ทรัพย์สินเงินทองไว้เพ่ือให้เราพึ่งตนเองได้ในโลกน้ี เพราะเมื่อสิ้นชีวิตลงทรัพย์เหล่าน้ันไม่สามารถนา ตดิ ตวั ไปได้ สว่ นการส่ังสมบญุ กุศลเป็นการทาที่พ่ึงให้แก่ตนเองในโลกหน้า คนเราเมื่อมีบุญมากเมื่อละ จากโลกน้ีไปแลว้ ย่อมไดไ้ ปเกดิ ในสคุ ตโิ ลกสวรรค.์ .............. ๒. ปญุ ฺ สุข ชีวติ สงฺขยมฺหิ. บุญนาสขุ มาใหใ้ นเวลาส้นิ ชีวติ . ทม่ี าใน ขุททกนิกาย ธรรมบท อธิบายความว่า บุญ หมายถึง สิ่งเกิดขึ้นในจิตใจ แลว้ ทาให้จิตใจใสสะอาดบริสุทธ์ิ ปราศจาก ความเศร้าหมองขุ่นมัว บุญเป็นชื่อของความสุขและความสาเร็จ เป็นผลจากการประกอบกรรมดี เกิดขึ้นได้ด้วยอาการ ๓ อย่าง คือ ๑) ทานมัย บญุ สาเร็จดว้ ยการให้ทาน ๒) ศีลมัย บญุ สาเร็จดว้ ยการ รักษาศีล ๓) ภาวนามัย บุญสาเร็จด้วยการเจริญสมาธิ คนท่ัวไปแม้จะมองไม่เห็นบุญ แต่สามารถรู้ อาการของบญุ หรอื ผลของบุญได้ว่าเกิดข้ึนแล้วทาใหจ้ ิตใจชุ่มช่ืนเปน็ สุข บคุ คลใดเมอ่ื ส่ังสมบญุ อยูเ่ สมอ ย่อมมีชีวิตท่ีสูงกว่าคนธรรมดา เม่ือมีชีวิตอยู่ย่อมดารงชีวิตอยู่ด้วยความสุขกายสบายใจ และเม่ือ สน้ิ ชวี ิตไปแล้วบุญยอ่ มนาความสขุ มาให้ คอื มีสุคตเิ ปน็ ท่ีไป............. ๓. ธมมฺ จารี สขุ เสติ. ผปู้ ระพฤติธรรมย่อมอยเู่ ปน็ สุข. ที่มาใน ขุททกนิกาย ธรรมบท อธิบายความว่า ผู้ประพฤติธรรม หมายถึง ผู้ที่เรียนรู้ธรรมแล้วปฏิบัติตามธรรมสมควรแก่ ธรรม เพราะธรรมคือสภาพท่ีทรงไว้ซึ่งผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ช่ัว ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม จะทา ความดีงาม ไม่ทาบาปคือความชั่วท้ังปวง จึงอยู่เป็นสุข เพราะเป็นผู้อยู่ด้วยการสารวมระวังกายวาจา ใจ อยู่ดว้ ยความไม่ประมาท มสี ติระลกึ รู้วา่ กาลงั ทา พดู คิดอะไรกร็ ้เู ทา่ ทนั มีปกตทิ าดี พดู ดี คิดดี
๗ ผู้ประพฤติธรรมย่อมได้รับอานิสงส์คือความสุขกายสุขใจ เพราะธรรมคือ สภาพท่ีทรงไว้ซ่ึงบุคคลมิให้ ตกไปในท่ีชัว่ ทเี่ รียกวา่ ทคุ ติ ไดแ้ ก่ อบายภมู ิ ๔ คือ นรก เปรต อสรุ กาย และสัตวเ์ ดรจั ฉาน............. ๔. ปาปาน อกรณ สขุ การไม่ทาบาปนาความสุขมาให้ ทม่ี าใน ขุททกนิกาย ธรรมบท อธิบายความว่า บาป คือ ความชั่ว ความทุจริต หมายถึง ความประพฤติชั่ว ๓ อย่าง ได้แก่ ความประพฤติช่วั ทางกาย วาจาและใจ มกี ารฆ่าสัตว์ตดั ชวี ิตเปน็ เบ้ืองตน้ คนที่ไม่ทาบาป ได้ชื่อว่าเป็น ผมู้ ีปัญญา ละเว้นบาปทั้งปวง เป็นผู้มีโอกาสได้บาเพ็ญคณุ ความดีใหเ้ กิดขึ้น เช่น การให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้เกิดปัญญาพิจารณาสังขารให้เห็นเป็นไตรลักษณท์ ่ีว่าส่ิงท้ังปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และ ไม่มีตัวตน ส่ิงเหล่าน้ีเม่ือเกิดข้ึนในจิตใจได้ ย่อมเป็นทางให้พบความสุข เป็นต้นทางไปสู่สวรรค์ตลอด จนถงึ นิพพานได.้ ............ ๕. ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ใหย้ ่อมเป็นทรี่ กั ทม่ี าใน อังคุตตรนิกาย ปญั จกนบิ าต อธิบายความว่า ผู้ให้ หมายถึง ผู้บริจาคสิ่งของของตนให้แก่ผู้อ่ืนด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่ หวังสิ่งตอบแทน การให้มี ๒ ประเภท คือ ให้สิ่งของอย่างหน่ึง และให้ธรรมะให้ความรู้คาแนะนาหรือ การให้อภัยอย่างหนึ่ง การให้นาความสุขและประโยชน์มาให้ทั้งแก่ผู้ให้และผู้รับ เพราะผู้ให้ได้สละ ความตระหน่ีออกจากจิตใจ แบ่งปันช่วยเหลือสังคม ผู้รบั ได้สิ่งของไปใช้เติมเต็มส่ิงท่ีขาด ช่วยบรรเทา ความหิวกระหาย ช่วยให้ชีวิตมคี วามสุขได้ และจะมีความรักเคารพนับถือและรู้สึกซาบซง้ึ ในน้าใจของ ผู้ให้ ผู้ท่ีรู้จักให้ทานย่อมเป็นผู้มีน้าใจ สามารถยึดเหนี่ยวน้าใจของผู้อ่ืนไว้ได้ ทาให้เกิดมิตรภาพที่ดีต่อ กนั ก่อให้เกดิ ความรรู้ กั สามคั คีในหมคู่ ณะ.............
๘ กระทู้ยอดนยิ ม ระดบั ช้ันโท-เอก (เลอื กท่องไว้ สาหรบั เป็นกระทู้รับ) ๑. ยาทสิ วปเต พีช ตาทิส ลภเต ผล กลยฺ าณการี กลฺยาณ ปาปการี จ ปาปก. บุคคลหว่านพืชเชน่ ใด ย่อมได้ผลเช่นนัน้ ผูท้ ากรรมดี ยอ่ มไดผ้ ลดี ผ้ทู ากรรมชว่ั ยอ่ มไดผ้ ลช่ัว. ทีม่ า สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค. ๒. อตฺตา หิ อตตฺ โน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สยิ า อตตฺ นา หิ สุทนเฺ ตน นาถ ลภติ ทุลฺลภ. ตนแล เปน็ ทพ่ี ึ่งของตน คนอ่ืนใครเล่า จะเปน็ ท่ีพึง่ ได้ ก็บคุ คลมีตนฝกึ ฝนดีแลว้ ย่อมไดท้ ี่พึง่ ทห่ี าได้โดยยาก. ทมี่ า ขุทฺทกนิกาย ธรรมบท. ๓. โย จ วสสฺ สต ชเี ว กุสีโต หนี วีรโิ ย เอกาห ชีวิต เสยฺโย วิรยิ อารภโต ทฬหฺ . ผู้เกียจคร้าน มีความเพียรเลว พึงเปน็ อยู่ตั้งรอ้ ยปี สว่ นผูป้ รารภความเพยี รมนั่ คง มีชวี ติ อยู่เพียงวนั เดยี ว ประเสริฐกวา่ . ทม่ี า ขทุ ฺทกนิกาย ธรรมบท. ๔. ปุญฺ ญเฺ จ ปุรโิ ส กยริ า กยริ าเถน ปนุ ปปฺ ุน ตมหฺ ิ ฉนฺท กยิราถ สโุ ข ปญฺ สสฺ อุจฺจโย. ถา้ บุคคลจะกระทาบุญ ควรทาบุญน้ันบ่อย ๆ ควรทาความพอใจในบญุ น้นั การสัง่ สมบุญนาความสขุ มาให.้ ทม่ี า ขุทฺทกนิกาย ธรรมบท. ๕. สพฺพปาปสฺส อกรณ กุสลสสฺ ู ปสมฺปทา สจติ ฺต ปริโยทปน เอต พทุ ธฺ าน สาสน. การไม่ทาบาปทั้งปวง ๑ การยังกศุ ลให้ถึงพร้อม ๑ การทาจติ ของตนใหผ้ ่องแผ้ว ๑ น้ี เปน็ คาสอนของพระพุทธเจ้าทง้ั หลาย. ท่ีมา ขุทฺทกนิกาย ธรรมบท.
๙ ตวั อยา่ งการเขียนกระทธู้ รรม เลขที่..(เลขที่นั่งสอบ เป็นเลขไทย) ประโยคธรรมศกึ ษาช้นั ตรี วชิ ากระท้ธู รรม สอบในสนามหลวง วันที่.๒๑.เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ************** สติ โลกสํมฺ ิ ชาคโร. ผ้สู ติเปน็ ธรรมเครื่องต่นื ในโลก. บดั นจ้ี กั ไดบ้ รรยายความตามธรรมภาษติ ที่ได้ลขิ ิตไว้ ณ เบ้ืองตน้ เพ่ือเป็นแนวทางแห่ง การประพฤตปิ ฏิบัตขิ องสาธุชนผใู้ ครใ่ นธรรมสบื ไป อธบิ ายความว่า สติ หมายถึง ความระลึกได้ เช่นระลึกถงึ สงิ่ ท่กี ระทาและคาท่ีพดู แมน้ านได้ หรือความระลึกไดก้ ่อนจะทา จะพดู จะคดิ ระลึกถงึ สง่ิ ที่ผ่านมาแลว้ เพื่อใหเ้ กดิ ความรอบคอบไม่ให้ ผิดพลาดขึน้ อกี เปน็ คุณธรรมท่ีปอ้ งกันความฟุ้งซ่านเพราะกิเลสอาสวะทั้งหลายทค่ี อยเข้ามาครอบงา จิตใจ ความระลึกไดน้ ้ีควรเป็นการระลึกชอบท่เี ปน็ สัมมาสติ ซึ่งจะเป็นเครือ่ งปลุกให้ตื่นอยู่เสมอ ให้ รู้เทา่ ทันเหตุการณ์ที่พบเจออยา่ งทนั เวลา ทาใหต้ ่ืนจากความหลับใหล คอื กิเลส มคี วามโลภ ความ โกรธ ความหลง ไมเ่ ปดิ โอกาสใหก้ ิเลสเขา้ ครอบงาจติ ใจได้ ผู้มสี ตจิ ึงมีความรอบคอบ ทาผิดพลาดน้อย รเู้ ทา่ ทันเหตกุ ารณร์ อบข้างทันทว่ งที มีสติ จึงมีความสุข น้สี มด้วยธรรมภาษิต ที่มาใน สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค ว่า สติมา สขุ เมธติ. คนมสี ติ ยอ่ มได้รบั ความสขุ . อธบิ ายความวา่ ผมู้ สี ตมิ น่ั คงอยเู่ สมอ ย่อมไม่ประมาท ไมต่ กเปน็ ทาสของอารมณ์ท่นี ่า ปรารถนา มีรูป เสยี ง กล่นิ รส สมั ผสั ทีเ่ กดิ ข้นึ เข้ามากระทบใจ สตจิ ะช่วยใหจ้ ิตใจไม่หวั่นไหว คือไม่ ยินดจี นเหลงิ เม่ือไดร้ บั อารมณ์ท่นี ่าปรารถนา และไม่แสดงอาการเศรา้ โศกเสยี ใจเมอื่ ได้รับอารมณ์ที่ไม่ น่าปรารถนา ผู้มีสตมิ ัน่ คงจะทาให้เกิดความสงบ ซง่ึ เป็นยอดแห่งความสขุ เพราะสุขอนื่ ยิ่งกวา่ ความ สงบยอ่ มไม่มี สรุปความว่า สตเิ ปน็ คณุ ธรรมท่ชี ่วยให้คนเราไม่ประมาท มีความรอบคอบ ทาอะไรผิดพลาด นอ้ ย คนมสี ติย่อมเปน็ คนต่นื ตัว ทาสงิ่ ใดย่อมสดชืน่ กระปร้ีกระเปร่า เม่ือเกิดเหตุการณ์รอบขา้ ง สามารถแก้ไขสถานการณไ์ ด้ทันเวลา ไม่เป็นคนหลับใหลตามอานาจกเิ ลส จึงเปน็ คนมีความสขุ สงบ กายและใจ แมย้ ามประสบปัญหาหรอื อารมณ์ร้ายมากระทบกน็ ่ิงไมห่ วั่นไหว สามารถแก้ไขสถานการณ์ ได้ ยอ่ มได้รับความสุขใจในที่สดุ สมดว้ ยธรรมภาษิตท่ไี ดล้ ิขิตไว้ ณ เบ้ืองต้น ว่า สติ โลกสํมฺ ิ ชาคโร. ผ้สู ติเป็นธรรมเครือ่ งต่ืนในโลก. มนี ัยดงั ได้พรรณนามาดว้ ยประการฉะนี้ ฯ
๑๐ เลขท่ี..(เลขที่นงั่ สอบ เป็นเลขไทย) ประโยคธรรมศกึ ษาชนั้ ตรี วิชากระทู้ธรรม สอบในสนามหลวง วันท.ี่ ๒๑.เดือน พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ************** สลี โลเก อนตุ ฺตร. ศลี เป็นเยีย่ มในโลก. บัดนจ้ี กั ได้บรรยายความตามธรรมภาษิตที่ไดล้ ขิ ติ ไว้ ณ เบอื้ งตน้ เพ่ือเปน็ แนวทางแห่ง การประพฤติปฏิบัติของสาธุชนผใู้ คร่ในธรรมสบื ไป อธบิ ายความว่า ศลี หมายถึง การรักษากายวาจาให้เรยี บรอ้ ยดงี าม เป็นคุณสมบตั ิขัน้ พื้นฐานของมนษุ ย์ ผทู้ ่ีจะได้ชื่อว่าเปน็ มนษุ ย์สมบูรณ์ ผู้น้นั อย่างนอ้ ยต้องมีศีล ๕ คือ ๑) การไมฆ่ ่าสัตว์ หรือทารา้ ยสตั วใ์ ห้เดือดรอ้ นทรมานให้พิกลพิการ ๒) การไม่ลกั ทรพั ย์ หรอื การไม่ถือเอาสง่ิ ของท่เี ขา ไม่ไดใ้ หด้ ้วยการขโมย ๓) การไมป่ ระพฤติผิดในกามหรอื การไมเ่ ปน็ ชู้กับสามีหรือภรรยาของผอู้ ื่น ๔) การไม่พูดเทจ็ หรือพูดโกหกหลอกลวงผูอ้ ่ืน ๕) การไม่ดื่มน้าเมาคือสรุ าและเมรยั อนั เป็นทตี่ ้งั แห่ง ความประมาท การรักษาศลี จงึ เป็นเคร่อื งขจดั ความเบียดเบียนกนั กอ่ ให้เกิดความเมตตาปรารถนาดี ใหเ้ กดิ ขึ้นในโลก ศีลช่อื ว่าเปน็ เยี่ยมในโลก เพราะเปน็ เคร่ืองปกป้องโลกใหอ้ ยู่ร่มเยน็ เปน็ สุข ไม่อยู่ร้อน นอนทกุ ข์ ผมู้ ีปัญญาพึงรักษาศีล นีส้ มดว้ ยธรรมภาษติ ที่มาใน ขุททกนิกาย อิตวิ ุตตกะ ว่า สลี รกเขยฺย เมธาวี. ปราชญพ์ งึ รักษาศลี . อธบิ ายความวา่ ปราชญ์ หมายถงึ คนมีปัญญา คนเป็นบัณฑิต คนท่ีไดร้ บั การยกยอ่ งว่ามี สตปิ ญั ญาเฉลียวฉลาด ปราดเปรื่อง รวู้ า่ ส่ิงไหนควรทาหรือไมค่ วรทา อะไรเปน็ บุญเปน็ บาป แล้วทาสิง่ ทค่ี วรทา เป็นบญุ ไม่มโี ทษ และเปน็ ประโยชน์ คนท่เี ป็นปราชญจ์ าตอ้ งมีศลี ถ้าเม่ือใดเป็นคนไม่มศี ลี เมือ่ นน้ั ก็ไม่ชื่อว่าเปน็ ปราชญ์หรอื เปน็ บัณฑิตตามหลักทางพระพทุ ธศาสนา เป็นเพียงแค่บณั ฑิตตามใบ ปรญิ ญา ปราชญจ์ งึ ต้องหมนั่ รักษาศีลอย่างเครง่ ครดั เพราะเม่อื รักษาศลี ไวด้ ีแลว้ ย่อมเป็นเกราะ คมุ้ ครองภยั จากอบายภูมหิ ลังจากทตี่ ายไปแลว้ และเป็นหนทางช่วยให้บรรลมุ รรคผลนพิ พานได้ดว้ ย สรุปความว่า ศลี จงึ เปน็ คณุ ธรรมขัน้ พ้ืนฐาน ที่จะทาใหค้ นเราเปน็ มนุษยท์ ่ีประเสริฐ ปราศจากศัตรูท่คี อยเบียดเบยี น มีความปลอดภัย ไกลทกุ ข์ ร่มเยน็ เปน็ สขุ ศีลจึงเปน็ ความดีเย่ยี มใน โลก มิใชเ่ งินทองหรือเกียรติยศชือ่ เสยี ง และเป็นส่งิ ท่ีกาจัดกิเลสอยา่ งหยาบทางกายวาจาให้เบาบางลง คนมปี ญั ญาพงึ รักษาศีลไว้ให้อย่คู กู่ ับโลกตลอดไป จะทาให้สังคมมีความสขุ เจรญิ รุง่ เรือง สมด้วยธรรม ภาษติ ท่ีไดล้ ขิ ติ ไว้ ณ เบื้องต้น วา่ สลี โลเก อนุตฺตร. ศีล เปน็ เย่ยี มในโลก. มีนัยดังไดพ้ รรณนามาดว้ ยประการฉะน้ี ฯ
๑๑ ๑. โครงสรา้ งการเขยี นกระทธู้ รรมช้ันตรี เลขท่.ี .(เลขทนี่ ่งั สอบ เป็นเลขไทย) ประโยคธรรมศกึ ษาชน้ั ตรี วชิ ากระทูธ้ รรม สอบในสนามหลวง วนั ที่ เดือน พ.ศ. ************** (กระทู้ตั้ง)------------------. (คาแปลกระทู้ตง้ั )----------------. บดั นจ้ี ักไดบ้ รรยายความตามธรรมภาษิตทีไ่ ด้ลิขิตไว้ ณ เบือ้ งต้น เพื่อเป็นแนวทางแห่ง การประพฤตปิ ฏิบตั ิของสาธชุ นผูใ้ ครใ่ นธรรมสบื ไป อธบิ ายความว่า ---------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ---------------------- น้ีสมด้วยธรรมภาษติ ทีม่ าใน ------------------------------------ว่า (กระทูร้ ับ)------------------. (คาแปลกระทู้รบั )----------------. อธิบายความวา่ ---------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ สรปุ ความว่า ------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------ สมด้วยธรรมภาษติ ที่ได้ลิขิตไว้ ณ เบ้อื งตน้ วา่ (กระทตู้ ้ัง)------------------. (คาแปลกระท้ตู ัง้ )----------------. มีนยั ดงั ไดพ้ รรณนามาดว้ ยประการฉะน้ี ฯ
๑๒ ๒. โครงสรา้ งการเขยี นกระทธู้ รรมชั้นโท เลขท.ี่ .(เลขท่นี งั่ สอบ เปน็ เลขไทย) ประโยคธรรมศกึ ษาช้นั โท วิชากระทูธ้ รรม สอบในสนามหลวง วันท่ี เดือน พ.ศ. ************** (กระทตู้ ั้ง)------------------. (คาแปลกระทตู้ ้ัง)----------------. บดั นจี้ ักไดบ้ รรยายความตามธรรมภาษติ ท่ไี ดล้ ขิ ิตไว้ ณ เบ้ืองตน้ เพื่อเปน็ แนวทางแห่ง การประพฤติปฏบิ ัติของสาธุชนผู้ใครใ่ นธรรมสืบไป อธิบายความวา่ ---------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ---------------------- น้ีสมด้วยธรรมภาษติ ทม่ี าใน ------------------------------------วา่ (กระทรู้ บั ที่ ๑)------------------. (คาแปลกระทรู้ ับที่ ๑)----------------. อธบิ ายความวา่ ---------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ----------------------นี้สมดว้ ยธรรมภาษิต ที่มาใน ------------------------------------วา่ (กระทู้รบั ที่ ๒)------------------. (คาแปลกระทู้รบั ท่ี ๒)----------------. อธิบายความว่า ---------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ สรปุ ความว่า ------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------ สมด้วยธรรมภาษิตท่ไี ด้ลขิ ติ ไว้ ณ เบ้ืองตน้ ว่า (กระทู้ตั้ง)------------------. (คาแปลกระทูต้ งั้ )----------------. มีนัยดังไดพ้ รรณนามาด้วยประการฉะน้ี ฯ
๑๓ ๓. โครงสร้างการเขยี นกระทูธ้ รรมชน้ั เอก เลขท่ี..(เลขที่นั่งสอบ เป็นเลขไทย) ประโยคธรรมศกึ ษาช้นั เอก วิชากระท้ธู รรม สอบในสนามหลวง วันที่ เดอื น พ.ศ. ************** (กระท้ตู ้ัง)------------------. (คาแปลกระทู้ตงั้ )----------------. บดั น้ีจักไดบ้ รรยายความตามธรรมภาษติ ท่ีได้ลขิ ติ ไว้ ณ เบอื้ งต้น เพ่ือเป็นแนวทางแห่ง การประพฤติปฏิบตั ขิ องสาธุชนผ้ใู ครใ่ นธรรมสบื ไป อธบิ ายความวา่ ---------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ---------------------- นส้ี มด้วยธรรมภาษิต ท่ีมาใน ------------------------------------ว่า (กระทูร้ ับที่ ๑)------------------. (คาแปลกระทู้รบั ท่ี ๑)----------------. อธิบายความว่า ---------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ----------------------น้ีสมด้วยธรรมภาษิต ทีม่ าใน ------------------------------------วา่ (กระทรู้ ับท่ี ๒)------------------. (คาแปลกระทู้รบั ท่ี ๒)----------------. อธิบายความว่า ---------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ----------------------น้สี มด้วยธรรมภาษติ ทีม่ าใน ------------------------------------ว่า (กระทู้รบั ท่ี ๓)------------------. (คาแปลกระทูร้ บั ที่ ๓)----------------. อธบิ ายความวา่ ---------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ---------------------- สรุปความว่า ------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------ สมดว้ ยธรรมภาษติ ที่ได้ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้น วา่ (กระทู้ต้ัง)------------------. (คาแปลกระทตู้ ้งั )----------------. มนี ยั ดงั ไดพ้ รรณนามาด้วยประการฉะน้ี ฯ
๑๔ แนวข้อสอบธรรมศกึ ษาช้ันตรี วชิ าธรรมวภิ าค ๑๒. คนมีหริ ิมลี กั ษณะเชน่ ใด ? เลือกคำตอบท่ีถูกตอ้ งเพยี งข้อเดยี ว ก. รงั เกยี จคนชั่ว ข. ละอายบาป ๑. ข้อใดเปน็ ความหมายของสติ ? ค. เกรงกลวั บาป ง. เกรงกลวั คนชัว่ ก. ความระลกึ ได้ ข. ความร้ตู ัว ๑๓. ธรรมขอ้ ใด ทาให้งดงามทง้ั ภายในภายนอก ? ค. ความรอบรู้ ง. ความจาได้ ก. หริ ิ โอตตปั ปะ ข. สติ สมั ปชญั ญะ ๒. คนขาดสติสมั ปชัญญะมลี กั ษณะเช่นไร ? ค. ขนั ติ โสรจั จะ ง. กตญั ญู กตเวที ก. โง่เขลา ข. ประมาท ๑๔. ผู้ถกู ดหู มนิ่ ให้เจ็บใจแต่ย้ิมแยม้ ได้ เพราะมีธรรมข้อใด ? ค. ขาดความละอาย ง. ไร้ความรับผดิ ชอบ ก. หิริ ข. สติ ๓. สตสิ มั ปชญั ญะชือ่ ว่ามอี ปุ การะมาก เพราะเหตใุ ด ? ค. โสรจั จะ ง. ขันติ ก. ให้มคี วามสุข ข. ใหร้ ่ารวย ๑๕. ข้อใด เปน็ ความหมายของกตเวที ? ค. ใหท้ างานไมผ่ ิดพลาด ง. ให้เจริญ ก. ทดแทนบุญคณุ ข. เก้ือกูลผู้อื่น ๔. หิรโิ อตตปั ปะ จดั เป็นธรรมอะไร ? ค. รจู้ กั บญุ คณุ ง. ทาคุณไว้ก่อน ก. มอี ุปการะมาก ข. คุ้มครองโลก ๑๖. ไมเ้ ทา้ ผเู้ ฒา่ ดกี วา่ ลูกเต้าอกตญั ญแู สดงลูกประเภทใด ? ค. ธรรมอนั ทาให้งาม ง. ธรรมของโลก ก. เนรคุณ ข. ตอบแทนคุณ ๕. คนมโี อตตปั ปะ มีลักษณะเช่นใด ? ค. รบู้ ญุ คณุ ง. ทาบญุ คณุ ก. รงั เกียจคนชั่ว ข. ละอายบาป ๑๗. ธรรมข้อใด จัดเปน็ เครอ่ื งหมายของคนดี ? ค. เกรงกลัวบาป ง. เกรงกลัวคนช่ัว ก. กตัญญูกตเวที ข. เมตตากรุณา ๖. หิรโิ อตตัปปะชว่ ยปอ้ งกนั สังคมด้านใด ? ค. ประหยดั อดออม ง. ขยนั อดทน ก. การทจุ ริต ข. ความเกยี จครา้ น ๑๘. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะของผมู้ ีธรรมเปน็ โลกบาล ? ค. ภยั พิบตั ิ ง. ความยากจน ก. กล้าหาญอดทน ข. ซือ่ สตั ยส์ จุ ริต ๗. ธรรมอันทาใหง้ าม ตรงกับข้อใด ? ค. ไมป่ ระมาท ง. ละอายช่วั กลัวบาป ก. สติ สมั ปชญั ญะ ข. หิริ โอตตัปปะ ๑๙. ธรรมใด เปน็ พ้นื ฐานใหค้ นมศี ลี ธรรม ? ค. ขันติ โสรัจจะ ง. กตัญญกู ตเวที ก. สติ สัมปชัญญะ ข. ขันติ โสรจั จะ ๘. ขอ้ ใดเปน็ ธรรมมีอปุ การะมาก ? ค. หริ ิ โอตตัปปะ ง. กตญั ญกู ตเวที ก. สติ สัมปชญั ญะ ข. หิริ โอตตัปปะ ๒๐. สตสิ ัมปชัญญะ จัดเปน็ ธรรมอะไร ? ค. ขนั ติ โสรัจจะ ง. กตญั ญู กตเวที ก. ธรรมเปน็ โลกบาล ข. ธรรมมอี ุปการะมาก ๙. เราควรใชส้ ัมปชญั ญะเมอ่ื ใด ? ค. ธรรมอันทาให้งาม ง. ธรรมหาไดย้ าก ก. ขณะทา พดู คิด ข. ก่อนทา พูด คิด ๒๑. ความงามข้อใดสาคัญทสี่ ดุ ? ค. หลังทา พดู คดิ ง. กอ่ นทา ขณะพดู คิด ก. งามจติ ใจ ข. งามกิริยามารยาท ๑๐. ข้อใดเป็นลักษณะของคนมีสติสัมปชญั ญะ ? ค. งามร่างกาย ง. งามเคร่อื งประดับ ก. กล้าหาญอดทน ข. ซือ่ สัตยส์ จุ ริต ๒๒. ขอ้ ใด เป็นลักษณะของผู้มคี วามงามตามหลักธรรม ? ค. ไมป่ ระมาท ง. อายช่วั กลัวบาป ก. ไม่ยินดยี ินร้าย ข. อดกลัน้ ไมห่ ว่นั ไหว ๑๑. ธรรมขอ้ ใดค้มุ ครองโลกให้สงบสุข ? ค. ไม่กระวนกระวาย ง. ไม่ตน่ื ตระหนก ก. สติ สมั ปชัญญะ ข. ขันติ โสรัจจะ ๒๓. ขอ้ ใด เป็นลักษณะของคนมโี สรจั จะ ? ค. หริ ิ โอตตัปปะ ง. กตญั ญู กตเวที ก. อ่อนน้อมถ่อมตน ข. เกบ็ อารมณ์ได้ดี ค. ทนลาบาก ง. ทนคาดา่
๑๕ ๒๔. ข้อใดเป็นความหมายของบุพพการี ? ๓๖. การประพฤติดีทางกาย วาจา ใจ เรียกว่าอะไร ? ก. ผ้ทู าอุปการะก่อน ข. ผตู้ อบแทนคุณ ก. บุญ ข. ทาน ค. ผู้รบู้ ุญคุณ ง. ผูเ้ กดิ กอ่ น ค. กศุ ล ง. สุจริต ๒๕. กตัญญูกตเวที หมายถึงใคร ? ๓๗. คนจะดีหรอื ช่ัว เพราะเหตุใด ? ก. มีอปุ การคุณ ข. ผูร้ ู้คุณ ก. มีตระกลู สงู ข. มที รัพย์ ค. ตอบแทนคณุ ง. รูค้ ณุ และตอบแทน ค. ประพฤตสิ จุ ริต ง. บรวิ ารมาก ๒๖. ผูร้ ้ดู ีรูช้ อบเองแล้วสอนผอู้ ่นื ใหร้ ู้ตาม ตรงกับข้อใด ? ๓๘. ความดใี นสุจริต ๓ ตรงกบั ขอ้ ใด ? ก. พระพุทธ ข. พระธรรม ก. ดีทางกาย ข. ดีทางวาจา ค. พระสงฆ์ ง. พระรตั นตรัย ค. ดีทางใจ ง. ดีทางกาย วาจา ใจ ๒๗. ชนฟงั คาสอนแลว้ ปฏิบตั ติ ามธรรมวินยั ตรงกับข้อใด ? ๓๙. ชาวพุทธมีอะไรเปน็ ท่ีพ่ึง ? ก. พระพทุ ธ ข. พระธรรม ก. พระรัตนตรยั ข. ไตรสกิ ขา ค. พระสงฆ์ ง. พระปจั เจกพทุ ธเจ้า ค. บญุ กิรยิ าวตั ถุ ง. บุญกุศล ๒๘. พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ เรียกว่าอะไร ? ๔๐. องคป์ ระกอบสาคัญของพระพทุ ธศาสนาคอื อะไร ? ก. ไตรสกิ ขา ข. ไตรรัตน์ ก. พระรตั นตรยั ข. พุทธบรษิ ทั ค. ไตรลกั ษณ์ ง. ทาน ศลี ภาวนา ค. ไตรสกิ ขา ง. ไตรปิฎก ๒๙. โอวาทปาติโมกข์ ตรงกบั ข้อใด ? ๔๑. ข้อใดเป็นคุณของพระธรรม ? ก. สจุ รติ ข. ผลกรรม ก. ทาใหเ้ ป็นคนเจรญิ ข. ทาให้เปน็ คนมั่งมี ค. ละชั่วทาดที าใจให้ผอ่ งใส ง. ใหท้ าน ค. ทาใหเ้ ปน็ คนรา่ รวย ง. ทาให้ไม่เปน็ คนช่วั ๓๐. การประพฤติชั่วทางกาย วาจา ใจ เรยี กว่าอะไร ? ๔๒. ขอ้ ใดเปน็ คุณของพระสงฆ์ ? ก. ทจุ รติ ข. บาป ก. สอนให้รู้ตาม ข. รกั ษาผ้ปู ฏบิ ัติ ค. กรรม ง. มลทิน ค. สอนใหท้ าตาม ง. รแู้ จง้ เอง ๓๑. ขอ้ ใดจดั เป็นกายทจุ ริต ? ๔๓. หลักคาสอนท่ีเปน็ หัวใจของพระพุทธศาสนาคือข้อใด ? ก. พยาบาทปองรา้ ย ข. ลกั ทรัพย์ ก. ละชั่ว ทาดี ทาใจใหผ้ อ่ งใส ข. ใหท้ าน ศลี ภาวนา ค. ยยุ งใหแ้ ตกกัน ง. ใหร้ า้ ยผอู้ ื่น ค. เชื่อกรรม ผลของกรรม ง. ประพฤตสิ จุ ริต ๓ ๓๒. ขอ้ ใดจัดเปน็ วจที ุจรติ ? ๔๔. ทจุ รติ หมายถงึ อะไร ? ก. ยยุ งให้แตกกัน ข. วิง่ ราว ก. ทาดี ข. ทาชว่ั ค. โลภอยากไดข้ องเขา ง. ปองร้ายผู้อื่น ค. ทาทาน ง. ทาสมาธิ ๓๓. ขอ้ ใดเปน็ โทษของการพูดส่อเสียด ? ๔๕. ขอ้ ใดจัดเปน็ กายทุจรติ ? ก. ให้เจบ็ ใจ ข. ใหแ้ ตกสามัคคี ก. ประพฤตินอกใจ ข. พยาบาทปองรา้ ย ค. ขาดคนเช่ือถือ ง. ขาดคนรกั ใคร่ ค. ใส่รา้ ยปา้ ยสี ง. ยุยงใหแ้ ตกแยก ๓๔. ขอ้ ใดเป็นโทษของการพูดคาหยาบ ? ๔๖. ข้อใดจัดเปน็ วจที จุ ริต ? ก. ใหเ้ จบ็ ใจ ข. ใหแ้ ตกสามัคคี ก. เห็นบอกวา่ ไม่เห็น ข. รู้บอกวา่ ไมร่ ู้ ค. ขาดคนเชือ่ ถือ ง. ขาดคนรกั ใคร่ ค. ทาบอกว่าไมท่ า ง. ถกู ทกุ ข้อ ๓๕. ขอ้ ใดไม่จดั เปน็ มโนทุจริต ? ๔๗. ยยุ งใหแ้ ตกแยกกนั จัดเป็นวจีทจุ ริตขอ้ ใด ? ก. คดิ ช่วยผู้อื่น ข. คิดอยากได้ของเขา ก. พูดเท็จ ข. พูดสอ่ เสียด ค. เหน็ ผิด ง. พยาบาทปองรา้ ย ค. พดู คาหยาบ ง. พดู เพ้อเจ้อ
๑๖ ๔๘. เหน็ คลาดเคล่ือนจากความเป็นจรงิ ตรงกับข้อใด ? ๖๐. อยากสวยงามต้องบาเพ็ญบุญกริ ิยาวัตถุข้อใด ? ก. กายทจุ ริต ข. วจีทุจรติ ก. ใหท้ าน ข. รกั ษาศลี ค. มโนทุจรติ ง. ถูกทกุ ข้อ ค. เจรญิ ภาวนา ง. ฟังธรรม ๔๙. เหน็ ไมผ่ ดิ จากคลองธรรม คอื เห็นเชน่ ไร ? ๖๑. อโทสะเป็นเหตใุ ห้เกิดกุศลธรรมขอ้ ใด ? ก. ทาดไี ด้ดี ข. ทาดีได้ชัว่ ก. ไมเ่ หน็ แก่ตัว ข. ไมห่ ลงงมงาย ค. ดีชวั่ อยูท่ ีผ่ อู้ นื่ ง. ทาช่วั ได้ดี ค. ไมข่ ้ีบน่ ง. ไมโ่ มโหร้าย ๕๐. วจสี จุ รติ ข้อใด ส่งเสริมความปรองดอง ? ๖๒. ธรรมใดเปน็ รากเหง้าแห่งคณุ ธรรม ? ก. ไม่พูดส่อเสยี ด ข. ไมพ่ ูดเท็จ ก. กศุ ลมลู ข. กศุ ลกรรมบถ ค. ไม่พูดคาหยาบ ง. ไม่พดู เพอ้ เจอ้ ค. สุจรติ ง. บุญกิริยาวัตถุ ๕๑. ขอ้ ใดจัดเปน็ ผลของวจสี ุจรติ ? ๖๓. สังคมแตกร้าวเพราะวจที ุจรติ ข้อใด ? ก. มีคนเชอ่ื ถือ ข. มคี นเหน็ ใจ ก. พดู เทจ็ ข. พดู คาหยาบ ค. มีทรพั ยม์ าก ง. มีบริวารมาก ค. พูดสอ่ เสียด ง. พูดเพ้อเจ้อ ๕๒. ข้อใดจัดเปน็ โลภะ ? ๖๔. ขอ้ ใดไมจ่ ดั เปน็ มโนทจุ ริต ? ก. อยากไปสวรรค์ ข. อยากเป็นหมอ ก. โลภอยากไดข้ องเขา ข. พยาบาทปองรา้ ยเขา ค. อยากรา่ รวย ง. อยากได้โดยทจุ ริต ค. เห็นผดิ จากคลองธรรม ง. กอ่ การทะเลาะววิ าท ๕๓. ขอ้ ใดจดั เปน็ โทสะ ? ๖๕. ข้อใดจัดเป็นบญุ ตามความหมายของบญุ กิรยิ าวตั ถุ ? ก. คดิ ประทุษรา้ ย ข. คิดรษิ ยา ก. ความสขุ ข. ความยินดี ค. คิดจองเวร ง. คิดอาฆาต ค. ความสงบ ง. ความปีติ ๕๔. การลบหล่บู ุญคุณทา่ น เกดิ จากอกุศลมูลข้อใด ? ๖๖. ผถู้ กู ความตระหนคี่ รอบงาควรประพฤตธิ รรมใด ? ก. โลภะ ข. โทสะ ก. บรจิ าคทาน ข. รักษาศีล ค. โมหะ ง. ถูกทุกขอ้ ค. เจริญภาวนา ง. สารวมอนิ ทรยี ์ ๕๕. อโลภะเปน็ มลู เหตแุ กป้ ญั หาเร่อื งใด ? ๖๗. ขอ้ ใดตรงกบั ความหมายของคาว่า พุทธะ ? ก. ใส่ร้ายปา้ ยสี ข. ทจุ ริตคอรัปช่ัน ก. ผรู้ ู้ ผตู้ น่ื ผเู้ บกิ บาน ข. ผู้สว่าง สะอาด สงบ ค. หลงงมงาย ง. ทะเลาะวิวาท ค. ผปู้ ระพฤตดิ ีปฏบิ ัติชอบ ง. ผ้คู วรทาอัญชลี ๕๖. ขอ้ ใดเปน็ มูลเหตุใหเ้ กิดเมตตากรุณา ? ๖๘. ขอ้ ใดเป็นคุณของพระธรรม ? ก. อโลภะ ข. อโทสะ ก. ทาใหเ้ ปน็ เทวดา ข. ทาให้มีความสุข ค. อโมหะ ง. อวชิ ชา ค. ไม่ทาให้เดือดร้อน ง. ไมใ่ ห้ตกไปในทชี่ ัว่ ๕๗. การให้ทานในสปั ปุรสิ บัญญตั ติ รงกับข้อใด ? ๖๙. หนา้ ท่ีหลักของพระสงฆ์คือข้อใด ? ก. ให้วตั ถสุ ง่ิ ของ ข. ใหค้ วามรู้ ก. บณิ ฑบาต ทาพธิ ี ข. เรียน ปฏิบตั ิ สอน ค. ใหธ้ รรมะ ง. ให้อภัย ค. อบรมกัมมัฏฐาน ง. ช่วยเหลอื สงั คม ๕๘. บุคคลเชน่ ไรจดั เป็นสตั บุรุษ ? ๗๐. หลักธรรมใดทีส่ ตั บุรุษบัญญัตไิ ว้ ? ก. คนมคี วามรู้ ข. คนขยัน ก. ทาน ศลี ภาวนา ข. ศีล สมาธิ ปญั ญา ค. คนมีคุณธรรม ง. คนฉลาด ค. ทาน บวช เล้ียงดพู ่อแม่ ง. ละชัว่ ทาดี ทาใจใหใ้ ส ๕๙. ผลบุญยอ่ มตดิ ตามผู้กระทา เปรยี บเหมือนอะไร ? ๗๑. ขอ้ ใดจดั เปน็ มโนสุจริต ? ก. มติ รสหาย ข. เจา้ หน้ี ก. ไมน่ ินทาว่ารา้ ยคนอื่น ข. ไม่ประทษุ รา้ ยคนอ่นื ค. เงา ง. ลกู หนี้ ค. ไมเ่ ห็นแก่พวกพอ้ ง ง. ไมโ่ ลภของเขา
๑๗ ๗๒. เหน็ อย่างไรชอ่ื วา่ เหน็ ผิดจากคลองธรรม ? ๘๔. ข้อใดตรงกับสังวรปธาน ? ก. ทาดไี ด้ดี ข. ทาช่ัวไดช้ ่ัว ก. เพยี รระวัง ข. เพยี รละ ค. ดเี องชั่วเอง ง. บาปบญุ มีจริง ค. เพยี รเจริญ ง. เพียรรกั ษา ๗๓. คนจะดีหรอื ชั่วเพราะอะไร ? ๘๕. หมนั่ สร้างความดใี ห้มีในตน ตรงกับข้อใด ? ก. การศึกษา ข. การกระทา ก. สังวรปธาน ข. ปหานปธาน ค. เชอ้ื ชาติ ง. วงศต์ ระกูล ค. ภาวนาปธาน ง. อนรุ ักขนาปธาน ๗๔. คนถูกโลภะครอบงามีลักษณะเชน่ ใด ? ๘๖. ธรรมทีค่ วรตงั้ ไว้ในใจตรงกบั ข้อใด ? ก. โมโหรา้ ย ข. เห็นแกต่ ัว ก. อธษิ ฐาน ข. วุฑฒิ ค. ชอบโออ้ วด ง. เกียจครา้ น ค. อทิ ธบิ าท ง. พรหมวหิ าร ๗๕. คนถกู โมหะครอบงามีลกั ษณะเช่นใด ? ๘๗. ซอ่ื สตั ย์ ตรงไปตรงมา ตรงกบั หลกั ธรรมใด ? ก. โมโหร้าย ข. หงดุ หงิด ก. ปญั ญา ข. สัจจะ ค. เช่ืองา่ ย ง. ปากจัด ค. จาคะ ง. อุปสมะ ๗๖. ปฏิบตั ิอย่างไร ชื่อว่าทาตามโอวาทของพระพทุ ธเจา้ ? ๘๘. อิทธบิ าทข้อใด เปน็ พนื้ ฐานนาไปสคู่ วามสาเร็จ ? ก. ให้ทาน รกั ษาศีล ทาสมาธิ ข. สารวมกาย วาจา ใจ ก. ฉนั ทะ ข. วริ ยิ ะ ค. ละชั่ว ทาดี ทาใจให้ผอ่ งใส ง. เจริญสมถะ วิปัสสนา ค. จติ ตะ ง. วมิ งั สา ๗๗. คนมีโทสะ ควรแก้ด้วยอะไร ? ๘๙. คนทีท่ อดธุระในการทางานเพราะขาดอทิ ธิบาทข้อใด ? ก. เมตตา ข. ซื่อสตั ย์ ก. ฉนั ทะ ข. วริ ยิ ะ ค. ออ่ นน้อม ง. เสียสละ ค. จติ ตะ ง. วิมังสา ๗๘. ข้อใดเป็นมูลเหตุไม่ใหเ้ ห็นผิดเป็นถกู ? ๙๐. การชว่ ยเหลือคนประสบภยั ชื่อว่ามพี รหมวหิ ารข้อใด ? ก. อโลภะ ข. อวิหงิ สา ก. เมตตา ข. กรุณา ค. อโมหะ ง. อโทสะ ค. มทุ ิตา ง. อุเบกขา ๗๙. มาตาปิตอุ ุปฏั ฐานตรงกับข้อใด ? ๙๑. การแสดงความยนิ ดเี ม่ือผ้อู น่ื ได้ดี มีพรหมวิหารข้อใด ? ก. เลี้ยงดูพอ่ แม่ ข. เอาใจพ่อแม่ ก. เมตตา ข. กรณุ า ค. รักพ่อแม่ ง. สงสารพ่อแม่ ค. มุทติ า ง. อุเบกขา ๘๐. ประเทศอันสมควร มลี กั ษณะเช่นใด ? ๙๒. ความทะยานอยากจัดเข้าในข้อใด ? ก. มีพนื้ ทมี่ าก ข. มีประชากรมาก ก. ทุกข์ ข. สมุทัย ค. มีคนดีมาก ง. มีความสวยงาม ค. นิโรธ ง. มรรค ๘๑. จะรกั ษาความยตุ ิธรรม ต้องเวน้ จากอะไร ? ๙๓. วฒุ ธิ รรมข้อใด ทาให้เป็นคนมีความคดิ รอบครอบ ? ก. อบายมุข ข. อกุศล ก. สัปปุรสิ สังเสวะ ข. สัทธมั มัสสวนะ ค. อคติ ง. ทจุ รติ ค. โยนิโสมนสกิ าร ง. ธัมมานุธัมมปฏปิ ัตติ ๘๒. ลาเอียงเพราะไม่ชอบกนั ชอ่ื วา่ มอี คติใด ? ๙๔. การอยู่ในถ่ินอนั สมควรเป็นเหตใุ ห้เจริญตรงกบั ข้อใด ? ก. ฉันทาคติ ข. โทสาคติ ก. ปฏิรปู เทสวาสะ ข. สัปปุริสปู ัสสยะ ค. โมหาคติ ง. ภยาคติ ค. อตั ตสัมมาปณธิ ิ ง. ปุพเพกตปญุ ญตา ๘๓. ลาเอียงเพราะกลวั หรือเกรงใจ ตรงกบั ขอ้ ใด ? ๙๕. ปพุ เพกตปุญญตา มคี วามหมายตรงกับข้อใด ? ก. ฉนั ทาคติ ข. โทสาคติ ก. ต้งั ใจจะทาบุญ ข. ทาบุญไวป้ างก่อน ค. โมหาคติ ง. ภยาคติ ค. ทาบุญในปัจจุบนั ง. เหน็ ผลบุญทันตา
๑๘ ๙๖. ความลาเอียงเปน็ สงิ่ ไมค่ วรประพฤติ ตรงกับข้อใด ? ๑๐๘. ประพฤตเิ ชน่ ไร จงึ ช่ือว่าตงั้ ตนไว้ชอบ ? ก. อคติ ข. สุคติ ก. ละชวั่ ประพฤติดี ข. อยู่ในถิ่นทเ่ี หมาะสม ค. ทุคติ ง. คตภิ มู ิ ค. มกี ลั ยาณมติ ร ง. ช่วยเหลือผอู้ ื่น ๙๗. คนประพฤติเช่นไร ชือ่ วา่ ตกอย่ใู นอานาจโมหาคติ ? ๑๐๙. เมอ่ื บาปธรรมเกิดข้ึนควรทาอยา่ งไร ? ก. เชอื่ ง่าย ข. โกรธง่าย ก. ควรระวัง ข. ควรละ ค. กลัวง่าย ง. รักง่าย ค. ควรพจิ ารณา ง. ควรรักษา ๙๘. ความขยันในเร่อื งใด จดั เปน็ ภาวนาปธาน ? ๑๑๐. สังวรปธานมีประโยชน์อย่างไร ? ก. ขยนั เลน่ กีฬา ข. ขยันทางาน ก. ป้องกนั มิใหอ้ กุศลเกิด ข. ปอ้ งกันความเสอ่ื ม ค. ขยันทาบญุ ง. ขยนั ทากจิ กรรม ค. ละอกุศลธรรม ง. รักษากศุ ลธรรม ๙๙. เพียรระวังบาปไม่ใหเ้ กดิ ขน้ึ เรียกว่าอะไร ? ๑๑๑. คนท่รี ษิ ยาผอู้ ื่นเพราะขาดธรรมอะไร ? ก. สังวรปธาน ข. ปหานปธาน ก. เมตตา ข. กรณุ า ค. ภาวนาปธาน ง. อนรุ กั ขนาปธาน ค. มุทติ า ง. อเุ บกขา ๑๐๐. อธิษฐานธรรม แปลว่าอะไร ? ๑๑๒. โยนโิ สมนสกิ ารมีความหมายตรงกับข้อใด ? ก. ธรรมควรตง้ั ไวใ้ นใจ ข. ธรรมควรประพฤติ ก. คดิ ไตร่ตรอง ข. คดิ วางแผน ค. ธรรมท่ีสาเรจ็ ผล ง. คาอธษิ ฐานขอพร ค. คิดเผอื่ แผ่ ง. คิดจดจา ๑๐๑. อิทธิบาทข้อใด พยงุ ใจมใิ หท้ อ้ ถอยในการทางาน ? ๑๑๓. คาว่าค่าของคนอย่ทู ี่คนของใครจดั เขา้ ในอคติข้อใด ? ก. ฉนั ทะ ข. วริ ยิ ะ ก. ฉนั ทาคติ ข. โทสาคติ ค. จิตตะ ง. วิมังสา ค. โมหาคติ ง. ภยาคติ ๑๐๒. เมตตาพรหมวหิ าร ควรเจรญิ เม่อื ใด ? ๑๑๔. จะรักษาความเท่ียงธรรมไว้ได้ต้องเวน้ จากอะไร ? ก. ในยามปกติ ข. เห็นเขาประสบทุกข์ ก. อกุศล ข. อคติ ค. เห็นเขาได้ดีมีสขุ ง. เห็นเขารบั ผลกรรม ค. ทจุ รติ ง. อบายมุข ๑๐๓. ทกุ ขใ์ นอรยิ สจั เกิดจากอะไร ? ๑๑๕. สจั จาธษิ ฐาน ตรงกบั ข้อใด ? ก. กเิ ลส ข. กรรม ก. อ้อนวอน ข. ต้ังใจจรงิ ค. วบิ าก ง. ตณั หา ค. พูดจริงทาจริง ง. รจู้ รงิ เหน็ จริง ๑๐๔. สังคหวัตถุ ทาใหเ้ กดิ ประโยชน์อะไร ? ๑๑๖. ข้าศกึ แก่ความสงบใจในอธษิ ฐานธรรม คอื ข้อใด ? ก. ความสาเร็จ ข. ความเจริญ ก. รปู เสยี ง กลิ่น รส ข. ตาหู จมกู ลน้ิ กายใจ ค. ความสามัคคี ง. ความงาม ค. ราคะ โทสะ โมหะ ง. กายเวทนา จติ ธรรม ๑๐๕. หลกั ธรรมสาหรับผูค้ รองเรือน ตรงกับข้อใด ? ๑๑๗. ทกุ ข์ในอรยิ สัจ ๔ เกดิ จากอะไร ? ก. ฆราวาสธรรม ข. สงั คหวตั ถุธรรม ก. ความอยาก ข. ความโกรธ ค. วุฑฒิธรรม ง. อธษิ ฐานธรรม ค. ความรกั ง. ความมวั เมา ๑๐๖. เพราะเหตุใด จึงควรคบสตั บุรษุ ? ๑๑๘. คนทางานไม่ประสบความสาเร็จเพราะขาดธรรมใด ? ก. เพราะทาให้รวย ข. เพราะทาใหส้ วย ก. วุฑฒิ ๔ ข. ปธาน ๔ ค. เพราะทาใหเ้ ก่ง ง. เพราะทาให้ได้ดี ค. อิทธบิ าท ๔ ง. พรหมวหิ าร ๔ ๑๐๗. ปฏริ ปู เทสมีลักษณะเช่นไร ? ๑๑๙. วิรยิ ะควรใช้เม่อื ใด ? ก. มพี ืน้ ท่ีกวา้ งขวาง ข. มปี ระชากรมาก ก. ท้อถอย ข. สมหวงั ค. มคี นดีในสังคมมาก ง. มีความสวยงาม ค. ผิดหวงั ง. คาดหวงั
๑๙ ๑๒๐. คนเช่นไร ชอื่ ว่าเป็นผไู้ ม่ประมาท ? ๑๓๒. ข้อใด จดั เปน็ อนนั ตรยิ กรรม ? ก. มสี ติ ข. มีศีล ก. เผาโรงเรยี น ข. ตดั เศยี รพระ ค. มีสมาธิ ง. มีปัญญา ค. ทาร้ายพระสงฆ์ ง. ทาสงฆ์ให้แตกกัน ๑๒๑. ขอ้ ใดทาให้เกยี รติยศดับสูญดุจจันทรแ์ รม ? ๑๓๓. พจิ ารณาวา่ เรามีกรรมเปน็ ของตวั บรรเทาอะไร ? ก. อคติ ๔ ข. จกั ร ๔ ก. ความเหน็ ผดิ ข. ความเมาในวัย ค. ปธาน ๔ ง. อิทธบิ าท ๔ ค. ความยดึ มน่ั ง. ความเมาในชีวิต ๑๒๒. ผ้ใู หญว่ างตนอย่างไร ผู้น้อยจึงจะเคารพยกย่อง ? ๑๓๔. เม่ือจิตฟงุ้ ซา่ น ควรเจริญพลธรรมขอ้ ใด ? ก. เว้นอคติ ข. เว้นพรหมวหิ าร ก. วิรยิ ะ ข. สติ ค. เว้นอทิ ธิบาท ง. เวน้ สังคหวตั ถุ ค. สมาธิ ง. ปญั ญา ๑๒๓. คนทรี่ กั ทาผดิ ไมล่ งโทษ จัดเข้าในข้อใด ? ๑๓๕. ข้อใดไม่ใช่อานสิ งสก์ ารฟังธรรม ? ก. ภยาคติ ข. ฉันทาคติ ก. เกดิ ความสงสัย ข. บรรเทาความสงสัย ค. โทสาคติ ง. โมหาคติ ค. เขา้ ใจเน้ือหาชดั เจน ง. จติ ใจผ่องใส ๑๒๔. ความอยุติธรรมจากไม่รู้ข้อมูลที่แทจ้ ริงตรงกับข้อใด ? ๑๓๖. ข้อใด จัดเปน็ สัทธาในพละ ๕ ? ก. ฉันทาคติ ข. โทสาคติ ก. เช่ือว่าโลกกลม ข. เช่ือว่าบาปไม่มจี ริง ค. โมหาคติ ง. ภยาคติ ค. เชอื่ ว่าโลกหนา้ ไมม่ ี ง. เช่อื การตรสั รู้ ๑๒๕. ข้อใดตรงกับภาวนาปธาน ? ๑๓๗. วิญญาณในขนั ธ์ ๕ มีความหมายตรงกบั ข้อใด ? ก. เพยี รระวังมใิ ห้บาปเกิด ข. เพยี รละบาปท่ีเกิด ก. ความรสู้ ึกวา่ สุข ข. ความจาได้หมายรู้ ค. เพยี รรักษากศุ ลมิใหเ้ ส่อื ม ง. เพียรใหก้ ุศลเกดิ ค. อารมณ์ที่เกดิ กับใจ ง. ความรอู้ ารมณ์ ๑๒๖. สงบจติ พิชิตกเิ ลส หมายถงึ อธิษฐานธรรมขอ้ ใด ? ๑๓๘. การพจิ ารณาความเจบ็ ป่วยเนอื งๆ บรรเทาอะไร ? ก. สจั จะ ข. จาคะ ก. ความเมาในวยั ข. ความเมาในชวี ติ ค. ปัญญา ง. อปุ สมะ ค. ความเมาในความไมม่ โี รค ง. ความเหน็ ผดิ ๑๒๗. นักกีฬาฝกึ ฝนประสบความสาเรจ็ เพราะธรรมขอ้ ใด ? ๑๓๙. อนนั ตรยิ กรรม ๕ ให้ผลอยา่ งไร ? ก. จักร ๔ ข. อิทธบิ าท ๔ ก. เกดิ เป็นเปรต ข. ตกนรกอเวจี ค. วุฑฒิ ๔ ง. ปธาน ๔ ค. เกดิ เปน็ อสุรกาย ง. เกดิ เปน็ สตั ว์เดรจั ฉาน ๑๒๘. เมตตามีความหมายตรงกับข้อใด ? ๑๔๐. การพจิ ารณาความแกเ่ นอื งๆ มีประโยชนอ์ ย่างไร ? ก. ปรารถนาใหเ้ ป็นสขุ ข. คดิ ช่วยใหพ้ น้ ทุกข์ ก. บรรเทาความเมาในวยั ข. บรรเทาเมาในชวี ิต ค. พลอยยินดี ง. ไม่ยนิ ดียินรา้ ย ค. บรรเทาความยดึ มัน่ ง. บรรเทาเห็นแกต่ วั ๑๒๙. เหน็ เพือ่ นไดเ้ หรียญทองควรเจริญพรหมวหิ ารข้อใด ? ๑๔๑. ธรรมข้อใด เปน็ คปู่ รับกับความเกยี จคร้าน ? ก. เมตตา ข. กรณุ า ก. สทั ธา ข. วริ ิยะ ค. มทุ ติ า ง. อเุ บกขา ค. ขนั ติ ง. สมาธิ ๑๓๐. ไม่เสียใจเมือ่ ผอู้ ่นื ถงึ ความวิบตั ิ มพี รหมวิหารข้อใด ? ๑๔๒. ขนั ธ์ ๕ ยอ่ ลงเป็น ๒ อย่าง ตรงกับข้อใด ? ก. เมตตา ข. กรณุ า ก. รูปกบั นาม ข. สัญญากบั สงั ขาร ค. มทุ ติ า ง. อุเบกขา ค. นามกับสญั ญา ง. สังขารกบั วญิ ญาณ ๑๓๑. ไมส่ บายกายไม่สบายใจชอื่ ว่าทกุ ข์ เพราะเหตใุ ด ? ๑๔๓. กรรมข้อใด ห้ามสวรรค์ หา้ มนพิ พาน ? ก. ทนไดย้ าก ข. เหน็ ได้ยาก ก. อกุศลธรรม ข. อนนั ตริยกรรม ค. รักษาไดย้ าก ง. ติดตามไดย้ าก ค. อาสันนกรรม ง. อโหสกิ รรม
๒๐ ๑๔๔. ข้อใดไม่จดั เปน็ อนันตริยกรรม ๕ อย่าง ? ๑๕๕. อยใู่ ห้เขาสบายใจไปให้เขาคิดถึงเพราะมีธรรมขอ้ ใด ? ก. ฆา่ มารดา ข. ฆา่ ลูก ก. พรหมวหิ าร ข. สาราณยี ธรรม ค. ฆา่ พระอรหันต์ ง. ฆา่ บิดา ค. คารวธรรม ง. สัปปรุ ิสธรรม ๑๔๕. การพจิ ารณากรรมเนือง ๆ มปี ระโยชน์อย่างไร ? ๑๕๖. ผวู้ างตนสมตามฐานะ จัดเข้าในสปั ปุริสธรรมข้อใด ? ก. บรรเทาความเห็นผดิ ข. บรรเทาเมาในวยั ก. ธัมมญั ญุตา ข. อตั ถัญญุตา ค. บรรเทาความถือมัน่ ง. บรรเทาเมาในชีวติ ค. อตั ตญั ญุตา ง. มัตตัญญุตา ๑๔๖. รเู้ ร่อื งใหม่เขา้ ใจเรื่องเก่าบรรเทาสงสยั เปน็ ผลของ ? ๑๕๗. คบคนพาลพาลพาไปหาผดิ ขาดสัปปรุ สิ ธรรมข้อใด ? ก. ฟงั ธรรม ข. คบสัตบุรษุ ก. มัตตัญญตุ า ข. กาลญั ญุตา ค. ทาบุญ ง. บาเพญ็ ภาวนา ค. ปรสิ ญั ญุตา ง. ปุคคลปโรปรัญญตุ า ๑๔๗. ปฏบิ ตั อิ ย่างไร ชอ่ื วา่ เคารพในการศึกษา ? ๑๕๘. นกนอ้ ยทารังแต่พอตวั ตรงกบั สปั ปุริสธรรมขอ้ ใด ? ก. เล่นกฬี า ข. สมั มนาวิชาการ ก. อตั ตัญญุตา ข. มัตตญั ญุตา ค. ใส่ใจศึกษา ง. ทศั นศึกษา ค. กาลัญญุตา ง. ปรสิ ัญญุตา ๑๔๘. สาราณียธรรม มีความหมายตรงกับขอ้ ใด ? ๑๕๙. เขา้ เมอื งตาหล่ิว ต้องหล่วิ ตาตาม ตรงกับข้อใด ? ก. ธรรมเปน็ เครอื่ งระลกึ ถึง ข. ธรรมให้เกดิ ความสุข ก. อัตตัญญตุ า ข. กาลัญญตุ า ค. ธรรมใหเ้ กดิ สามัคคี ง. ธรรมให้มคี วามเจรญิ ค. ปรสิ ัญญตุ า ง. มตั ตัญญตุ า ๑๔๙. คนทีอ่ ยรู่ ว่ มกนั เปน็ หมู่คณะควรประพฤตธิ รรมใด ? ๑๖๐. คนทใ่ี ชช้ วี ติ แบบพอเพียง ตรงกับหลักธรรมข้อใด ? ก. โพธิปักขิยธรรม ข. คารวธรรม ก. ธัมมญั ญุตา ข. อตั ถญั ญุตา ค. สาราณยี ธรรม ง. สปั ปุริสธรรม ค. มตั ตัญญุตา ง. อตั ตัญญตุ า ๑๕๐. ระวังตัวไม่ทาความช่วั จดั เข้าในคารวธรรมข้อใด ? ๑๖๑. อรยิ ทรัพย์ หมายถงึ ทรัพย์เชน่ ไร ? ก. พระพุทธ ข. พระธรรม ก. ทรัพยภ์ ายใน ข. ทรพั ยภ์ ายนอก ค. พระสงฆ์ ง. ความไม่ประมาท ค. ทรพั ย์มรดก ง. อสังหารมิ ทรพั ย์ ๑๕๑. ต้งั ใจศึกษาปฏิบตั ิศีลสมาธิ ปญั ญาตรงกบั คารวะใด ? ๑๖๒. ทรพั ยภ์ ายในดกี ว่าทรัพยภ์ ายนอกอยา่ งไร ? ก. พระพุทธ ข. พระธรรม ก. ยง่ิ ใช้ยิ่งหมด ข. ซื้อขายได้ ค. พระสงฆ์ ง. การศึกษา ค. แลกเปล่ียนได้ ง. โจรขโมยไมไ่ ด้ ๑๕๒. ขอ้ ใดมคี วามหมายตรงกบั คาว่า สาราณียธรรม ? ๑๖๓. โลกธรรมอย่างใดอยา่ งหน่ึงเกดิ ขึ้น ควรทาอยา่ งไร ? ก. อยบู่ ้านทา่ น อย่านิง่ ดูดาย ก. ไม่ยินดยี นิ รา้ ย ข. ไม่หลงระเรงิ ข. อยูใ่ ห้เขารัก จากใหเ้ ขาคิดถงึ ค. ไม่มัวเมา ง. ไม่เพลดิ เพลนิ ค. คนเดียวหวั หาย สองคนเพื่อนตาย ๑๖๔. โลกธรรม หมายถึงธรรมข้อใด ? ง. น้าข้นึ ใหร้ ีบตัก ก. ธรรมรักษาโลก ข. ธรรมเหนอื โลก ๑๕๓. สาราณยี ธรรม สอนให้คนเปน็ เชน่ ไร ? ค. ธรรมท่อี ยู่คโู่ ลก ง. ธรรมทีส่ ร้างโลก ก. มคี วามพอเพยี ง ข. เล้ยี งตนโดยชอบ ๑๖๕. โลกธรรม จะเกดิ ขน้ึ แก่ใคร ? ค. ไมป่ ระกอบอกุศล ง. รู้รักสามคั คี ก. ข้าราชการ ข. คนใชแ้ รงงาน ๑๕๔. ขอ้ ใด ชอ่ื ว่ารกั ษาศลี บริสุทธเ์ิ สมอกนั ? ค. คนค้าขาย ง. คนทกุ คน ก. มอี ะไรก็แบง่ ปัน ข. มอี ะไรกช็ ว่ ยกัน ๑๖๖. โลกธรรมขอ้ ใด จดั เป็นอนฏิ ฐารมณ์ ? ค.ว่าอะไรก็วา่ ตามกนั ง. รกั ษาระเบยี บรว่ มกัน ก. มลี าภ ข. มียศ ค. มสี ุข ง. มีทุกข์
๒๑ ๑๖๗. ตามหลกั โลกธรรม เมือ่ ถูกนินทาใหท้ าอยา่ งไร ? ๑๗๙. ข้อใด จดั เขา้ ในสมชวี ิตา ? ก. หาทางนินทาตอบ ข. ถือเป็นเร่ืองธรรมดา ก. รจู้ กั ออมทรัพย์ ข. รจู้ ักใช้จ่ายทรัพย์ ค. ทาเป็นไมส่ นใจ ง. พยายามปรับปรงุ ตน ค. ร้จู กั รกั ษาทรัพย์ ง. รจู้ ักประกอบอาชีพ ๑๖๘. เม่อื ประสบโลกธรรม ๘ ควรทาอยา่ งไร ? ๑๘๐. ขอ้ ใด จดั เป็นอุฏฐานสัมปทา ? ก. ยินดใี นส่ิงท่ีดี ข. ไมย่ อมรบั สิ่งร้าย ก. ขยนั ตนื่ แต่เชา้ ข. ขยันออกกาลงั กาย ค. รู้เท่าทนั ตามจริง ง. ยอมรับท้งั ดีท้ังรา้ ย ค. ขยันทางาน ง. ขยันออกงานสงั คม ๑๖๙. ความเชอ่ื ใด สงเคราะห์เข้าในทิฏฐุชกุ ัมม์ ? ๑๘๑. มีสลึงพงึ บรรจบใหค้ รบบาท ตรงกบั ธรรมข้อใด ? ก. เช่อื ตามตารา ข. เชือ่ ในสิง่ ท่ถี ูกต้อง ก. อุฏฐานสัมปทา ข. อารกั ขสัมปทา ค. เชื่อในสิ่งทพี่ บเหน็ ง. เชอื่ มั่นในตนเอง ค. กัลยาณมติ ตตา ง. สมชวี ิตา ๑๗๐. ขอ้ ใดจัดเป็นการทาบญุ ทางวาจา ? ๑๘๒. เพ่ือนดมี หี น่งึ ถึงจะน้อยดกี ว่าร้อยเพอ่ื นคดิ ริษยาคือ ? ก. ดรู ายการธรรมทางทวี ี ข. พดู เพื่อเอาตวั รอด ก. อฏุ ฐานสมั ปทา ข. อารกั ขสมั ปทา ค. ร้องเพลงธรรมชิงรางวัล ง. บอกทางคนหลงทาง ค. กัลยาณมิตตตา ง. สมชวี ติ า ๑๗๑. การไหว้พระสงฆ์ จดั เปน็ บญุ กริ ิยาวัตถุ ๑๐ ขอ้ ใด ? ๑๘๓. เชือ่ ว่าทาดีไดด้ ี ทาช่วั ไดช้ วั่ ตรงกับสมั ปทาข้อใด ? ก. ภาวนามยั ข. อปจายนมัย ก. สัทธาสัมปทา ข. สีลสัมปทา ค. เวยยาวจั จมยั ง. ปตั ติทานมัย ค. จาคสัมปทา ง. ปัญญาสัมปทา ๑๗๒. บญุ สาเร็จดว้ ยขวยขวายในกิจทชี่ อบตรงกบั ข้อใด ? ๑๘๔. มีเงนิ เปน็ นอ้ ง มที องเป็นพี่ คอื คนเทยี มมติ รข้อใด ? ก. อปจายนมยั ข. เวยยาวัจจมัย ก. คนปอกลอก ข. คนดีแต่พดู ค. ธมั มเทสนามยั ง. ธัมมสั สวนมัย ค. คนชักชวนทางฉบิ หาย ง. คนหวั ประจบ ๑๗๓. คบเพอ่ื นเพราะหวงั ประโยชน์ เป็นมติ รประเภทใด ? ๑๘๕. ตอ่ หนา้ สรรเสริญลบั หลงั นนิ ทา คอื มติ รเทียมขอ้ ใด ? ก. ปอกลอก ข. ดแี ตพ่ ูด ก. คนดแี ต่พูด ข. คนหวั ประจบ ค. หวั ประจบ ง. ชักชวนในทางฉิบหาย ค. คนชักชวนทางฉบิ หาย ง. คนปอกลอก ๑๗๔. ทกุ ข์ ๆ ดว้ ย สขุ ๆ ดว้ ย ตรงกบั มติ รประเภทใด ? ๑๘๖. ลกู ผ้ชู ายไม่ทง้ิ กนั ยามมีภยั เปน็ มิตรแทป้ ระเภทใด ? ก. มีอปุ การะ ข. รว่ มสุขร่วมทุกข์ ก. มิตรมีอปุ การะ ข. มติ รร่วมสขุ ร่วมทุกข์ ค. แนะประโยชน์ ง. มคี วามรกั ใคร่ ค. มติ รแนะประโยชน์ ง. มิตรมคี วามรกั ใคร่ ๑๗๕. คนปอกลอกมลี ักษณะเช่นไร ? ๑๘๗. เขาเป็นคนดีคงเสน้ คงวา แสดงถงึ คุณธรรมข้อใด ? ก. ออกปากพ่งึ ไม่ได้ ข.ลบั หลังต้งั นินทา ก. ทาน ข. ปิยวาจา ค. จะทาดกี ็คลอ้ ยตาม ง. คดิ เอาแต่ได้ ค. อตั ถจริยา ง. สมานัตตตา ๑๗๖. มติ รแท้มีลกั ษณะเชน่ ไร ? ๑๘๘. พูดแล้วต้องทาให้ไดอ้ ย่างที่พดู ตรงกับธรรมข้อใด ? ก. คล้อยตามเพื่อน ข.เกรงใจเพือ่ น ก. สัจจะ ข. ทมะ ค. เอาใจเพ่ือน ง. ตายแทนเพื่อน ค. ขันติ ง. จาคะ ๑๗๗. ข้อใด จัดเป็นสีลสัมปทา ? ๑๘๙. งานหนกั ไมเ่ อางานเบาไมส่ ู้ เพราะขาดธรรมขอ้ ใด ? ก. รกั ษากาย วาจา ข. รกั ษาจิตใจ ก. สัจจะ ข. ทมะ ค. รกั ษาสติ ง. รักษากุศล ค. ขันติ ง. จาคะ ๑๗๘. ใชพ้ อเพียง ไมฟ่ ุ้งเฟ้อ ไมใ่ ห้ฝดื เคือง ตรงกับขอ้ ใด ? ๑๙๐. มีสุขรว่ มเสพ มีทุกข์รว่ มต้าน เปน็ มติ รประเภทใด ? ก. อุฏฐานสัมปทา ข. อารกั ขสัมปทา ก. มติ รมีอปุ การะ ข. มติ รแนะประโยชน์ ค. กัลยาณมติ ตตา ง. สมชีวิตา ค. มิตรปฏริ ปู ง. มิตรมคี วามรักใคร่
๒๒ ๑๙๑. เพือ่ นทด่ี ี ไม่ควรปฏบิ ัติตอ่ เพื่อนอย่างไร ? ก. ตายแทนได้ ข. ตามใจทกุ อยา่ ง ค. คอยเตือนสติ ง. ไม่มคี วามลบั ต่อกัน ๑๙๒. ผูถ้ อื มงคลตื่นข่าว จะมีลกั ษณะตามขอ้ ใด ? ก. ชวนกันปฏิบัตธิ รรม ข. ไหวพ้ ระศักด์ิสทิ ธิ์ ค. ไหว้เสาไมต้ ะเคยี น ง. ไหวพ้ ระธาตุ ๑๙๓. ขอ้ ใด จดั เป็นมจิ ฉาวณิชชา ? ก. ขายวตั ถโุ บราณ ข. ขายสังฆภณั ฑ์ ค. ขายพระพทุ ธรูป ง. ขายอาวุธ ๑๙๔. ทิศเบือ้ งหนา้ ได้แก่ข้อใด ? ก. ครูอาจารย์ ข. มารดาบิดา ค. บตุ รภรรยา ง. มติ รสหาย ๑๙๕. ไม่รู้จักอาย เปน็ โทษจากอบายมุขข้อใด ? ก. ดืม่ น้าเมา ข. เทยี่ วกลางคืน ค. เล่นการพนัน ง. คบคนชวั่ ๑๙๖. เลน่ การพนนั มโี ทษอย่างไร ? ก. ถกู ใส่ความ ข. ถกู ติเตยี น ค. ถกู ระแวง ง. ถกู หมนิ่ ประมาท ๑๙๗. ในทิศ ๖ ศษิ ย์พงึ ปฏบิ ัติต่ออาจารยอ์ ยา่ งไร ? ก. ดารงวงศส์ กลุ ข. เล้ยี งท่านตอบ ค. เช่ือฟงั คาสอน ง. ไมด่ ูหมนิ่ ๑๙๘. เลน่ การพนันมโี ทษอยา่ งไร ? ก. คนไม่เช่ือถือ ข. ทะเลาะวิวาท ค. มักถกู ใส่ความ ง. ถกู นนิ ทา ๑๙๙. ตืน่ ก่อน นอนทหี ลัง เป็นหนา้ ท่ใี ครปฏบิ ัตติ ่อใคร ? ก. ลูก-พ่อแม่ ข. ภรรยา-สามี ค. ศิษย์-ครู ง. บา่ ว-นาย ๒๐๐. หา้ มทาความชว่ั ทาความดีเป็นความอนุเคราะห์ของ? ก. มารดา-บิดา ข. ครู-อาจารย์ ค. ภรรยา-สามี ง. บุตร-ธิดา ๒๐๑. ยกย่องเชดิ ชูครู ไม่เจ้าช้นู อกใจ เป็นหน้าท่ีของใคร ? ก. สามี ข. ภรรยา ค. นาย ง. ครอู าจารย์ ๒๐๒. เกดิ โรคไม่รู้จกั อายทอนสติปญั ญาตรงกบั ขอ้ ใด ? ก. ดืม่ นา้ เมา ข. เท่ียวกลางคนื ค. เท่ียวดูการละเลน่ ง. เล่นพนัน
๒๓ แนวขอ้ สอบธรรมศกึ ษาชั้นตรี วชิ าพทุ ธประวัติ ๑๒. สถานทเ่ี จ้าชายสิทธัตถะประสูติปัจจบุ ันคือประเทศใด? เลือกคำตอบที่ถกู ต้องเพียงข้อเดียว ก. เนปาล ข. ปากสี ถาน ๑. พุทธประวตั ิทาใหท้ ราบความเปน็ ไปของใคร ? ค. ศรีลังกา ง. อนิ เดยี ก. พระพุทธเจ้า ข. พุทธสาวก ๑๓. เจา้ ชายสิทธตั ถะประสตู ิได้ ๕ วนั มเี หตกุ ารณ์ใดเกดิ ขึ้น? ค. พทุ ธสาวิกา ง. พุทธบรษิ ทั ก. ดาบสเขา้ เฝ้า ข. ขุดสระบวั ๒. ขอ้ ใดแสดงความมที ิฏฐมิ านะของชาวชมพทู วปี ? ค. ขนานพระนาม ง. ไดฌ้ าน ก. ถอื ฤกษย์ าม ข. ถือภูตผี ๑๔. พระนามวา่ สิทธตั ถะ มีความหมายวา่ อย่างไร ? ค. ถอื วรรณะ ง. ถือเทพเจ้า ก. มวี าสนา ข. มรี ูปงาม ๓. นครกบิลพสั ดุ์ เคยเปน็ ท่ีอยู่ของใคร ? ค. มีความตอ้ งการสาเรจ็ ง. มยี ศศกั ดิ์ ก. ปัญจวคั คีย์ ข. อุทกดาบส ๑๕. พระนางสริ มิ หามายาทรงพระครรภ์ สบุ ินนิมิตอยา่ งไร ? ค. กาฬเทวิลดาบส ง. กบิลดาบส ก. พญาชา้ งเผอื กชสู งั ข์ ๔. ชมพทู วปี ปัจจุบันไดแ้ ก่ประเทศใด ? ข.พญาชา้ งเผือกชดู อกบวั ก. อินเดยี ข. จีน ค. พราหมณ์มอบสังขท์ อง ค. ศรลี งั กา ง. ธิเบต ง. พราหมณม์ อบดอกบวั ๕. ชนชาติในชมพูทวีปแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม ตามขอ้ ใด ? ๑๖. พระพทุ ธเจ้า ประสตู ิกอ่ นพทุ ธศกั ราชก่ีปี ? ก. มชั ฌมิ ะ ปจั จันตะ ข. มิลักขะ อรยิ กะ ก. ๒๙ ปี ข. ๓๕ ปี ค. อารยะ อนารยะ ง. อารยะ ปุถุชน ค. ๔๕ ปี ง. ๘๐ ปี ๖. พ่อเปน็ กษัตริย์ แม่เป็นศทู ร ลกู เกิดมาจะเปน็ อะไร ? ๑๗. อาสภิวาจา พระพุทธเจา้ ตรสั ในวันใด ? ก. กษัตรยิ ์ ข. จันฑาล ก. ประสตู ิ ข. ตรัสรู้ ค. แพศย์ ง. ศูทร ค. ปฐมเทศนา ง. ปรนิ ิพพาน ๗. ชมพูทวปี แบง่ อาณาเขตออกเปน็ กีแ่ ควน้ ใหญ่ ? ๑๘. ใครทานายพระลกั ษณะเจ้าชายสทิ ธตั ถะเปน็ คนแรก ? ก. ๑๐ แควน้ ข. ๑๕ แคว้น ก. อสิตดาบส ข. อาฬารดาบส ค. ๑๖ แคว้น ง. ๒๖ แควน้ ค. อุทกดาบส ง. โกณฑัญญะ ๘. พระเจ้าชยั เสนะ เปน็ พระบิดาของใคร ? ๑๙. ใครเปน็ ครคู นแรกของเจ้าชายสทิ ธตั ถะ ? ก. พระเจา้ สหี หนุ ข. พระเจา้ อัญชนะ ก. วศิ วามิตร ข. อทุ กดาบส ค. พระเจ้าสุทโธทนะ ง. พระเจ้าโธโตทนะ ค. อสติ ดาบส ง. อาฬารดาบส ๙. พระเจ้าสุทโธทนะกับเจ้าชายสิทธัตถะเก่ียวขอ้ งกนั คือ ? ๒๐. ใครเลี้ยงเจา้ ชายสิทธัตถะหลงั จากพระมารดาทิวงคต ? ก. พระเจา้ ปู่ ข. พระเจ้าตา ก. พระนางมหาปชาบดี ข. พระนางปมติ า ค. พระบดิ า ง. พระเจ้าอา ค. นางสุชาดา ง. นางวิสาขา ๑๐. เจา้ ชายสิทธัตถะ ประสูตใิ นวรรณะใด ? ๒๑. เจา้ ชายสิทธัตถะได้ปฐมฌานใตต้ น้ หว้าในพธิ มี งคลใด ? ก. กษตั ริย์ ข. พราหมณ์ ก. ขนานพระนาม ข. แรกนาขวัญ ค. แพศย์ ง. ศทู ร ค. อภเิ ษกสมรส ง. ราชาภิเษก ๑๑. วันที่เจ้าชายสทิ ธตั ถะประสูติ ตรงกับข้อใด ? ๒๒. ขอ้ ใดไมจ่ ัดอยู่ในเทวทูต ๔ ? ก. วันมาฆบชู า ข. วันวสิ าขบูชา ก. คนเกดิ ข. คนแก่ ค. วนั อาสาฬหบชู า ง. วันอฏั ฐมีบูชา ค. คนเจ็บ ง. คนตาย
๒๔ ๒๓. พระมหาบุรุษเสดจ็ ออกผนวช พระชนมายกุ ี่พรรษา ? ๓๕. ต้นพระศรมี หาโพธ์ิ มีชอื่ เรียกอีกอย่างหน่ึงวา่ อะไร ? ก. ๑๖ ข. ๒๐ ก. อัสสัตถพฤกษ์ ข. ชัยพฤกษ์ ค. ๒๙ ง. ๓๕ ค. ราชพฤกษ์ ง. กัลปพฤกษ์ ๒๔. เจา้ ชายสิทธัตถะทรงอธิษฐานเพศบรรพชาทรี่ ิมแมน่ า้ ? ๓๖. กษตั รยิ ท์ ่ีอญั เชิญใหส้ ึกไปครองราชย์ดว้ ยคือใคร ? ก. อโนมา ข. เนรญั ชรา ก. พระเจ้าปเสนทิโกศล ข. พระเจา้ พมิ พิสาร ค. คงคา ง. สินธุ ค. พระเจ้าอชาตศตั รู ง. มัลลกษัตริย์ ๒๕. ใครถวายบรขิ ารพระมหาบุรษุ คราวเสด็จออกผนวช ? ๓๗. พระมหาบรุ ุษทรงเลิกบาเพ็ญทุกรกิรยิ า เพราะเหตุใด ? ก. ท้าวสกั กะ ข. สหัมบดพี รหม ก. ทรงทอ้ พระทยั ข. ทรงเบ่อื หน่าย ค. ฆฏกิ ารพรหม ง. พระอนิ ทร์ ค. ทรงเห็นว่าไม่ใชท่ างตรสั รู้ ง. ทรงคลายความเพียร ๒๖. บรรพชาแลว้ พระมหาบุรษุ ทรงเริ่มศกึ ษาในสานักใด ? ๓๘. พระพุทธเจา้ ตรสั รใู้ นวนั ใด ? ก. กาฬเทวิลดาบส ข. กบิลดาบส ก. วันเพ็ญเดอื น ๓ ข. วนั เพ็ญเดือน ๖ ค. อาฬารดาบส ง. อุทกดาบส ค. วนั เพญ็ เดือน ๘ ง. วันเพ็ญเดือน ๑๒ ๒๗. ข้อใดไม่ใชก่ ารบาเพ็ญทุกรกิริยาของพระมหาบุรุษ ? ๓๙. พระพทุ ธเจ้าตรสั รอู้ ะไร ? ก. อดขา้ ว อดนา้ ข. กลั้นลมหายใจ ก. สมมติสัจจะ ข. ธรรมสัจจะ ค. ขบฟัน ง. ยกแขนช้ฟี า้ ค. อรยิ สัจจะ ง. ปรมตั ถสจั จะ ๒๘. พระมหาบรุ ษุ เสดจ็ ออกผนวชจนไดต้ รัสร้รู วมเวลากป่ี ี ? ๔๐. สัปดาห์แรกหลงั ตรสั รู้ พระศาสดาทรงพจิ ารณาธรรม ? ก. ๖ ข. ๗ ก. อรยิ สัจ ข. อริยมรรค ค. ๘ ง. ๙ ค. บารมี ง. ปฏจิ จสมปุ บาท ๒๙. ใครถวายขา้ วมธปุ ายาสแก่พระมหาบุรุษในวนั ตรสั รู้ ? ๔๑. คาวา่ นโิ ครธ เป็นช่อื ของตน้ ไม้ใด ? ก. พระนางพิมพา ข. พระนางอมติ า ก. ต้นจกิ ข. ต้นไทร ค. นางสชุ าดา ง. นางวสิ าขา ค. ต้นโพธ์ิ ง. ตน้ รงั ๓๐. พราหมณ์ถวายหญา้ คาแกพ่ ระมหาบุรุษ นามวา่ อะไร ? ๔๒. เทววาจกิ อบุ าสก หมายถึงใคร ? ก. โสตถยิ ะ ข. ปกุ กุสะ ก. ตปสุ สะ ภัลลิกะ ข. บดิ ายสะ ค. ฉนั นะ ง. ตปสุ สะ ค. มารดายสะ ง. นางสชุ าดา ๓๑. พระมหาบุรษุ ทรงบาเพ็ญทุกรกริ ิยา ณ ทใี่ ด ? ๔๓. ผู้ถึงรตั นะ ๓ เป็นสรณะ เรียกวา่ อะไร ? ก. คยาสีสะ ข. อรุ ุเวลาเสนานิคม ก. เทววาจิกอุบาสก ข. เตวาจิกอุบาสก ค. อนุปิยอมั พวนั ง. ลัฎฐวิ ัน ค. จตวุ าจกิ อบุ าสก ง. ปัญจวาจกิ อบุ าสก ๓๒. ใครเป็นพยานการบาเพ็ญทุกรกริ ิยาของพระมหาบรุ ุษ? ๔๔. พระพุทธเจ้าทรงตง้ั พระทยั แสดงธรรมใครเปน็ คนแรก? ก. อาฬารดาบส ข. อทุ กดาบส ก. พระราชบิดา ข. ปัญจวคั คีย์ ค. ฉันนอามาตย์ ง. ปญั จวัคคยี ์ ค. อสิตดาบส ง. อาฬารดาบส ๓๓. พระมหาบรุ ุษผนวชได้ก่ีปี จงึ ตรสั รู้ ? ๔๕. พระพุทธเจ้าทรงเทศนาโปรดใคร เปน็ อนั ดบั แรก ? ก. ๕ ปี ข. ๖ ปี ก. อาฬารดาบส ข. ปัญจวคั คีย์ ค. ๗ ปี ง. ๘ ปี ค. อทุ กดาบส ง. ตปุสสะ-ภัลลิกะ ๓๔. ข้อใดไม่ใชธ่ ดิ ามารทปี่ ระเลา้ ประโลมพระมหาบุรุษ ? ๔๖. พระอริยสาวกองคแ์ รก คอื ใคร ? ก. อรดี ข. ราคา ก. พระวัปปะ ข. พระภทั ทยิ ะ ค. ตณั หา ง. อสิ สา ค. พระอญั ญาโกณฑัญญะ ง. พระอัสสชิ
๒๕ ๔๗. เวไนยสัตว์เปรียบไดก้ ับดอกบัวก่ีเหลา่ ? ๕๙. อุบาสกคนแรกผู้ถงึ รัตนะ ๓ คอื ใคร? ก. ๒ เหล่า ข. ๓ เหล่า ก. อนาถปณิ ฑิกะ ข. ตปสุ สะและภัลลกิ ะ ค. ๔ เหลา่ ง. ๕ เหล่า ค. พระเจา้ สทุ โธทนะ ง. บิดาของพระยสะ ๔๘. ทางสดุ โต่ง ๒อย่างและทางสายกลางอยู่ในพระสูตรใด ? ๖๐. พระสาวกทีไ่ ปประกาศพระศาสนาครั้งแรกกี่องค์ ? ก. ธัมมจกั กัปปวตั ตนสตู ร ข. อนตั ตลกั ขณสูตร ก. ๕ องค์ ข. ๗ องค์ ค. อาทติ ตปริยายสูตร ง. เวทนาปรคิ คหสตู ร ค. ๔๕ องค์ ง. ๖๐ องค์ ๔๙. ธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงแกใ่ คร ? ๖๑. พระพุทธเจ้าประดิษฐานพระพุทธศาสนาคร้ังแรกทใี่ ด ? ก. ปญั จวัคคยี ์ ข. ยสกลุ บุตร ก. มคธ ข. วัชชี ค. ภทั ทวัคคีย์ ง. ชฎิล ๓ พ่นี ้อง ค. มัลละ ง. กาสี ๕๐. ธัมมจักกปั ปวตั ตนสตู ร เรียกอีกอย่างหน่ึงว่าอะไร ? ๖๒. พระอรุ เุ วลกัสสปะ เดมิ นบั ถอื ลทั ธิอะไร ? ก. อริยสจั ข. อริยมรรค ก. บูชาไฟ ข. บชู ายัญ ค. ปฐมเทศนา ง. อนปุ ุพพิกถา ค. บูชาเทวดา ง. บชู าพรหม ๕๑. มชั ฌิมาปฏปิ ทา คือ ทางสายกลาง ไดแ้ กอ่ ะไร ? ๖๓. พระพทุ ธองคท์ รงแสดงอาทติ ตปรยิ ายสูตรโปรดใคร ? ก. สมาบตั ิ ๘ ข. วิชชา ๘ ก. ปญั จวคั คยี ์ ข. ภัททวคั คีย์ ค. อริยบคุ คล ๘ ง. มรรค ๘ ค. ชฎลิ ๓ พีน่ ้อง ง. ปรพิ าชก ๕๒. พระอรหนั ตเ์ กิดขึ้นในโลกคร้งั แรกเพราะฟงั พระสตู รใด? ๖๔. พระพทุ ธองคท์ รงแสดงธรรมอะไรโปรดชฎิล ๓ พน่ี อ้ ง ? ก. ธัมมจักกปั ปวตั ตนสูตร ข. อนตั ตลกั ขณสูตร ก. ธัมมจกั กัปปวตั ตนสตู ร ข. อนตั ตลกั ขณสตู ร ค. อาทิตตปรยิ ายสูตร ง. อนปุ พุ พิกถา ค. อาทิตตปริยายสูตร ง.อนปุ พุ พิกถา ๕๓. พระสาวกรปู ใด ไดร้ บั การอุปสมบทเปน็ ปฐมเอหิภิกขุ ? ๖๕. เวทนาปรคิ คหสตู ร พระพุทธเจา้ แสดงแกใ่ คร ? ก. พระสารีบตุ ร ข. พระอานนท์ ก. ทีฆนขปริพาชก ข. พระสารีบุตร ค. พระมหากัสสปะ ง. พระโกณฑญั ญะ ค. พระมหาโมคคลั ลานะ ง. พระอบุ าลี ๕๔. ผู้ไดด้ วงตาเหน็ ธรรม หมายถึงพระอรยิ บุคคลชน้ั ไหน ? ๖๖. บริวารพระเจา้ พิมพสิ ารเคารพพระพทุ ธเจา้ เพราะใคร ? ก. พระโสดาบนั ข. พระสกทาคามี ก. พระอัสสชิ ข. พระอรุ ุเวลกัสสปะ ค. พระอนาคามี ง. พระอรหันต์ ค. พระยสะ ง. พระวปั ปะ ๕๕. แสดงอนัตตลักขณสูตรจบพระอรหันตเ์ กิดข้นึ ก่ีองค์ ? ๖๗. ใครสร้างวดั ถวายพระพุทธเจา้ เปน็ คนแรก ? ก. ๕ องค์ ข. ๑๑ องค์ ก. พระเจ้าพมิ พสิ าร ข. นางมลั ลิกา ค. ๖๑ องค์ ง. ๘๐ องค์ ค. อนาถปิณฑกิ ะ ง. นางวสิ าขา ๕๖. ทน่ี วี่ ุ่นวายหนอ ทน่ี ่ขี ดั ข้องหนอ เปน็ คาพูดของใคร ? ๖๘. ใครทาปพุ พเปตพลีเป็นคนแรก ในพระพุทธศาสนา ? ก. โกณฑัญญะ ข. ยสกลุ บตุ ร ก. พระเจา้ พิมพิสาร ข. พระเจ้าปเสนทิโกศล ค. อปุ ตสิ สะ ง. โกลติ ะ ค. อนาถบณิ ฑิกเศรษฐี ง. ธนัญชยั เศรษฐี ๕๗. พระพทุ ธองคท์ รงแสดงอนุปพุ พีกถาครั้งแรกแก่ใคร ? ๖๙. พระโมคคลั ลานะ ขณะบาเพญ็ เพียรมีอปุ สรรคเรอื่ งใด ? ก. พระยสะ ข. พ่อพระยสะ ก. ความหวิ ข. ความรอ้ น ค. แมพ่ ระยสะ ง. เพอื่ นพระยสะ ค. ความเหนอื่ ย ง. ความงว่ ง ๕๘. ทา่ นจะแสวงหาหญงิ หรือแสวงหาตนดกี ว่า ใครกล่าว ? ๗๐. พระสารีบุตรเปน็ พระอรหันต์ หลงั อุปสมบทแล้วกี่วัน ? ก. พระพุทธเจา้ ข. ภัททวคั คยี ์ ก. ๗ วนั ข. ๑๒ วัน ค. ปัญจวัคคยี ์ ง. พระยสะ ค. ๑๕ วัน ง. ๓๐ วนั
๒๖ ๗๑. เธอไม่พึงชงู วงถือตัวเขา้ ไปสูต่ ระกลู พระองค์สอนใคร ? ๘๓. อนาถบณิ ฑิกะ มีความหมายตรงกบั ข้อใด ? ก. พระสารีบตุ ร ข. พระมหาโมคคลั ลานะ ก. ผูใ้ หก้ อ้ นข้าวคนจน ข. ผู้ขอข้าวจากคนรวย ค. พระมหากัสสปะ ง. พระอุรเุ วลกสั สปะ ค. ผู้มีกอ้ นข้าวเยอะ ง. ผยู้ ดึ ข้าวจากคนจน ๗๒. พระอคั รสาวกเบื้องขวา เดมิ ชอ่ื ว่าอะไร ? ๘๔. เมื่อปรนิ ิพพานแล้วทรงใหป้ ฏิบัติพระพทุ ธสรีระเหมือน ก. สทุ ตั ตะ ข. โกลิตะ ปฏบิ ตั แิ ก่ใคร ? ค. อุปติสสะ ง. ราธะ ก. พระเจา้ จักรพรรดิ ข. พระราชา ๗๓. พระพทุ ธเจ้าทรงแสดงการไหว้ทศิ ๖ แกใ่ คร ? ค. พราหมณ์ ง. สามัญชน ก. นนั ทมาณพ ข. โกลติ มาณพ ๘๕. ปัจฉมิ โอวาทมีใจความสาคญั วา่ ดว้ ยเร่ืองอะไร ? ค. สงิ คาลมาณพ ง. อปุ ติสสมาณพ ก. ความไม่ประมาท ข. ความตาย ๗๔. พระสาวกรปู ใด ได้รับการอุปสมบทด้วยโอวาท ๓ ข้อ ? ค. ความเพยี ร ง. ความสามัคคี ก. พระอัญญาโกณฑญั ญะ ข. พระมหากสั สปะ ๘๖. พระพทุ ธเจ้าเสดจ็ ดับขนั ธปรินิพพานที่เมอื งใด ? ค. พระยสะ ง. พระสารบี ตุ ร ก. ราชคฤห์ ข. พาราณสี ๗๕. ปิปผลมิ าณพ เปน็ คนเดียวกนั กับข้อใด ? ค. สาวัตถี ง. กุสินารา ก. อุปตสิ สะ ข. โกลิตะ ๘๗. พระพทุ ธเจ้าทรงปลงอายุสงั ขารก่อนปรนิ ิพพานก่ี ค. อุรเุ วลกัสสปะ ง. มหากัสสปะ เดอื น? ๗๖. วันจาตุรงคสนั นิบาตพระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงธรรมอะไร ? ก. ๓ เดือน ข. ๔ เดือน ก. ธัมมจกั กัปปวัตตนสูตร ข. โอวาทปาฏโิ มกข์ ค. ๕ เดอื น ง. ๖ เดือน ค. อรยิ ธรรม ง. วมิ ุตติธรรม ๘๘. พระพุทธเจ้าทรงจาพรรษาสดุ ทา้ ย ณ สถานทใ่ี ด ? ๗๗. โอวาทปฏิคคหณูปสมั ปทา ทรงอุปสมบทแก่ใคร ? ก. ภณั ฑคุ าม ข. เวฬวุ คาม ก. พระอญั ญาโกณฑัญญะ ข. พระสารบี ุตร ค. กลั ลวาลมตุ ตคาม ง. หตั ถคี าม ค. พระโมคคัลลานะ ง. พระมหากสั สปะ ๘๙. กอ่ นปรนิ ิพพาน ทรงตัง้ ใครเป็นศาสดาแทน ? ๗๘. พระพุทธองค์ตรสั สั่งให้ลงโทษพระฉันนะดว้ ยวธิ ีใด ? ก. พระมหากสั สปะ ข. พระอานนท์ ก. พรหมทัณฑ์ ข. อุกเขปนยี กรรม ค. พระอุบาลี ง. ธรรมวนิ ยั ค. นคิ คหกรรม ง. ตชั ชนยี กรรม ๙๐. ขอ้ ใดมคี วามหมายตรงกับคาวา่ ปลงอายสุ งั ขาร ? ๗๙. ใครเป็นปจั ฉมิ สาวกผู้ทันเหน็ พระพทุ ธเจา้ ? ก. กาหนดที่ตาย ข. กาหนดวนั ตาย ก. พระฉันนะ ข. พระกาฬุทายี ค. กาหนดวิธตี าย ง. กาหนดท่ีจะอยู่ต่อ ค. พระภัททิยะ ง. พระสุภทั ทะ ๙๑. นาคาวโลก หมายถงึ ขอ้ ใด ? ๘๐. มหาเวสสนั ดรชาดกทรงแสดงแกผ่ ูใ้ ด ? ก. การมองดูอย่างนาค ข. การมองดูอย่างชา้ ง ก. พระเจา้ สุทโธทนะ ข. พระนางพมิ พา ค. การมองดอู ย่างเหยี่ยว ง. การมองดูอยา่ งกา ค. เจ้าชายนันทะ ง. ประยูรญาติ ๙๒. สุกรมทั วะ เก่ียวขอ้ งกับพระพุทธเจ้าอย่างไร ? ๘๑. วดั ที่พระประยูรญาตสิ รา้ งถวายคือวดั ใด ? ก. อาหารมื้อแรก ข. อาหารมื้อสุดทา้ ย ก. วัดบุปผาราม ข. วดั นโิ ครธาราม ค. อาหารที่ทาจากหมู ง. ยาทาให้หายประชวร ค. วดั เชตวัน ง. วัดเวฬวุ ัน ๙๓. ผ้าสิงควิ รรณมสี ตี รงกบั ข้อใด ? ๘๒. พระพุทธเจ้าเสดจ็ กรุงกบิลพสั ดทุ์ ัง้ หมดกีว่ นั ? ก. เหลอื งดงั ทองคา ข. แดงเหมอื นถา่ นเพลิง ก. ๗ วนั ข. ๑๐ วัน ค. เขยี วดงั ปกี แมงทับ ง. เขยี วเหมอื นใบไม้ออ่ น ค. ๑๕ วัน ง. ๑ เดอื น
๒๗ ๙๔. อนฏุ ฐานไสยา มคี วามหมายตรงกบั ข้อใด ? ๑๐๕. การรอ้ ยกรองพระธรรมวินยั เป็นหมวดหมู่ เรียกวา่ ? ก. นอนแล้วลกุ อีก ข. นอนคร้ังแรก ก. สัมมนา ข. สงั คายนา ค. นอนไมล่ ุกขึน้ อีก ง. นอนหลบั ๆ ตื่น ๆ ค. สาธยาย ง. สนั นบิ าต ๙๕. กายของพระตถาคตจะผ่องใสทส่ี ดุ เวลาใด ? ๑๐๖. เดียรถยี ์ปลอมบวชมากเป็นเหตทุ าสังคายนาครั้งใด ? ก. ตรัสรู้ ข. ปลงอายุสงั ขาร ก. คร้ังที่ ๑ ข. ครั้งท่ี ๒ ค. ใกล้ปรนิ พิ พาน ง. ข้อ ก และ ค ถูก ค. ครงั้ ที่ ๓ ง. ครัง้ ท่ี ๔ ๙๖. พระอานนท์ถามใคร จึงรู้วา่ พระพทุ ธเจา้ ปรนิ ิพพาน ? ๑๐๗. การรวมพระธรรมวินยั เป็นหมวดหมู่เรยี กว่าอะไร? ก. พระอุปวาณะ ข. พระอนรุ ุทธะ ก. การสาธยาย ข. การสังคายนา ค. พระนนั ทะ ง. พระอุบาลี ค. การเสวนา ง. การสัมมนา ๙๗. ใครทาหนา้ ทแ่ี บ่งพระบรมสารรี ิกธาตุ ? ๑๐๘. สถานทีถ่ วายพระเพลิงพระพุทธสรรี ะคือข้อใด ? ก. วัสสการพราหมณ์ ข. ราธพราหมณ์ ก. ปาวาลเจดยี ์ ข. มกุฏพันธนเจดยี ์ ค. โฑณพราหมณ์ ง. หหุ ุกพราหมณ์ ค. ป่ามหาวัน ง. อทุ เทสิกเจดยี ์ ๙๘. ใครขอทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตไุ ปบูชา ? ๑๐๙. ผู้ที่ดใี จต่อการปรนิ ิพพานของพระพทุ ธเจา้ คือใคร ? ก. พระอินทร์ ข. ฆฏิการพรหม ก. พระสุภัททะ ข. พระเทวทัต ค. โฑณพราหมณ์ ง. พระเจ้าโมริยะ ค. พญามาร ง. เดียรถีย์ ๙๙. สัมมาสมั พทุ ธเจดยี แ์ บ่งออกเป็นก่ปี ระเภท ? ๑๑๐. เมอื งท่ไี ด้รับแจกพระบรมสารีรกิ ธาตุมีกเี่ มอื ง ? ก. ๔ ประเภท ข. ๕ ประเภท ก. ๘ เมือง ข. ๙ เมือง ค. ๖ ประเภท ง. ๗ ประเภท ค. ๑๐ เมอื ง ง. ๑๑ เมอื ง ๑๐๐. พระบรมสารีริกธาตุ จัดเข้าในเจดยี ์ประเภทใด ? ๑๑๑. สงครามแยง่ พระบรมสารีรกิ ธาตไุ ม่เกิดข้ึนเพราะใคร? ก. ธาตุเจดยี ์ ข. บรโิ ภคเจดีย์ ก. พระอานนท์ ข. เทวดา ค. ธรรมเจดยี ์ ง. อุทเทสกิ เจดยี ์ ค. โทณพราหมณ์ ง. มลั ลกษตั ริย์ ๑๐๑. พระเพลงิ ท่ีถวายพระพุทธสรีระจดุ ไม่ตดิ เพราะรอ ใคร ? ก. พระฉนั นะ ข. พระอุบาลี ค. พระอานนท์ ง. พระมหากสั สปะ ๑๐๒. วนั ถวายพระเพลิงพระพุทธสรรี ะ เรยี กวา่ วันอะไร ? ก. มาฆบชู า ข. วสิ าขบูชา ค. อัฏฐมีบูชา ง. อาสาฬหบูชา ๑๐๐. ใครเปน็ ผูท้ าหน้าที่แบ่งพระบรมสารรี ิกธาตุ ? ก. มัลลกษตั รยิ ์ ข. มหาพราหมณ์ ค. วสั สการพราหมณ์ ง. โทณพราหมณ์ ๑๐๓. สถานที่ใด ไมใ่ ช่สังเวชนยี สถาน ? ก. ทีป่ ระสูติ ข. ท่ตี รัสรู้ ค. ทป่ี รนิ ิพพาน ง. ท่ีถวายพระเพลงิ ๑๐๔. ใครเปน็ ประธานสงฆ์ในการทาสังคายนาครง้ั แรก ? ก. พระอานนท์ ข. พระอนรุ ทุ ธะ ค. พระมหากสั สปะ ง. พระอุบาลี
๒๘ แนวขอ้ สอบธรรมศกึ ษาชั้นตรี วิชาศาสนพธิ ี ๑๒. พิธีประชมุ สัมมนานิยมต้ังธงชาติตามข้อใด ? เลือกคำตอบที่ถูกต้องเพยี งข้อเดยี ว ก. ดา้ นขวาพระพุทธรูป ข. ด้านซ้ายพระพุทธรูป ๑. ศาสนพธิ ี มีความหมายตรงกบั ข้อใด ? ค. ดา้ นหนา้ พระพุทธรูป ง. ดา้ นหลงั พระพทุ ธรูป ก. พธิ กี รรมทางศาสนา ข. ความเชือ่ ทางศาสนา ๑๓. เครอื่ งบชู ากระบะมุกนิยมใช้งานใด ? ค. ธรรมเนยี มทางศาสนา ง. ขอ้ บงั คบั ทางศาสนา ก. งานทาบญุ บ้าน ข. งานสวดพระอภิธรรม ๒. แบบอย่างท่ีพงึ ปฏิบัตใิ นทางศาสนา เรยี กวา่ อะไร ? ค. งานแตง่ งาน ง. งานทอดกฐิน ก. ศาสนปฏบิ ัติ ข. ศาสนธรรม ๑๔. เครื่องสักการะใดใช้สาหรบั บชู าผูท้ ีล่ ว่ งลับไปแล้ว ? ค. ศาสนศกึ ษา ง. ศาสนพธิ ี ก. เคร่อื งทองน้อย ข. เคร่ือง ๕ ๓. กระพ้ีของตน้ ไม้เปรียบเหมือนสิง่ ใดของศาสนา ? ข. เครอื่ งกระบะมกุ ง. ธูปเทยี นแพ ก. หลกั คาสอน ข. ศาสนพธิ ี ๑๕. เบญจางคประดษิ ฐ์ ตรงตามข้อใด ? ค. วัดวาอาราม ง. วัตถมุ งคล ก. เข่า ๒ ศอก ๒ หวั ๑ ข. มอื ๒ ศอก ๒ หวั ๑ ๔. ข้อใดไมจ่ ัดเข้าในองคป์ ระกอบของศาสนา ? ค. เขา่ ๒ มอื ๒ หน้าผาก ๑ ง. มือ ๒ เทา้ ๒ หน้า ๑ ก. ศาสดา ข. ศาสนธรรม ๑๖. อาสน์สงฆ์ ควรจดั ไวท้ างใดของโต๊ะหม่บู ชู า ? ค. ศาสนพิธี ง. วัตถมุ งคล ก. ซ้ายมอื ข. ขวามือ ๕. พระพุทธรูป จดั เข้าในองค์ประกอบใดของศาสนา ? ค. ด้านหน้า ง. ดา้ นหลัง ก. ศาสดา ข. ศาสนวตั ถุ ๑๗. การนิมนตพ์ ระสงฆม์ าประกอบพธิ ี ใชค้ าว่าอะไร ? ค. ศาสนพิธี ง. ศาสนิก ก. อาราธนา ข. นมัสการ ๖. ศาสนกิ มคี วามหมายตรงกับขอ้ ใด ? ค. กราบเรียน ง. เรยี นเชิญ ก. เดก็ วัด ข. พระสงฆ์ ๑๘. อาราธนาธรรม คือขอให้พระทาอะไร ? ค. อุบาสก อุบาสิกา ง. ถกู ทุกข้อ ก. ให้ศลี ข. สวดพระปริตร ๗. โต๊ะหมบู่ ชู า หมายถงึ ข้อใด ? ค. แสดงธรรมเทศนา ง. สวดพระอภธิ รรม ก. โต๊ะตงั้ ไวใ้ นโบสถ์ ข. โตะ๊ ท่ีควรบชู า ๑๙. เมอื่ พระสวดวา่ ยะถา วาริวะหา ควรทาเชน่ ใด ? ค. โตะ๊ ทต่ี ง้ั พระพุทธรปู ง. โต๊ะทต่ี ้งั สิง่ ท่คี วรบชู า ก. กรวดนา้ ข. ประนมมือรับพร ๘. โตะ๊ หม่บู ชู า ทีน่ ยิ มใช้คือ ? ค. นั่งฟงั ง. ลุกหนี ก. หมู่ ๒,๓,๔,๕ ข. หมู่ ๔,๕,๗,๙ ๒๐. ผรู้ ับการถวายไทยธรรม คอื ใคร ? ค. หมู่ ๗,๙,๑๐,๑๑ ง. หมู่ ๑๐,๑๑,๑๒ ก. อบุ าสก ข. ทายก ๙. โต๊ะหมบู่ ูชาหมู่ ๔ แบบกวา้ งใชพ้ านพุม่ ตามข้อใด ? ค. ปฏิคาหก ง. มคั คทายก ก. ๒ พานพุม่ ข. ๓ พานพุ่ม ๒๑. ขอ้ ใดไมจ่ ัดเข้าในวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา ? ค. ๔ พานพุม่ ง. ๕ พานพมุ่ ก. วันมาฆบชู า ข. วันวิสาขบชู า ๑๐. ข้อใดไม่ใชเ่ ครอ่ื งสักการะของโตะ๊ หมูบ่ ูชาหมู่ ๗ ? ค. วันอฏั ฐมบี ชู า ง. วันวาเลนไทน์ ก. เชิงเทยี น ๔ คู่ ข. พานพุ่ม ๕ พาน ๒๒. พิธเี วยี นเทยี นวันสาคัญของชาวพุทธเพอ่ื ระลกึ ถึงใคร ? ค. แจกันดอกไม้ ๑ คู่ ง. กระถางธปู ๑ คู่ ก. พระพทุ ธเจ้า ข. พระธรรม ๑๑. การจัดโตะ๊ แบบสมยั นยิ มใชอ้ ะไรวางแทนพานพมุ่ ? ค. พระสงฆ์ ง. ถกู ทุกข้อ ก. พมุ่ ดอกไมส้ ด ข. พุ่มดอกไม้เทยี ม ๒๓. วนั สาคญั ใดทไ่ี ม่ต้องเวียนเทียน ? ค. ธูปเทยี นแพ ง. ดอกไม้กระดาษ ก. วนั มาฆบูชา ข. วันวิสาขบชู า ค. วนั อาสาฬหบชู า ง. วนั ออกพรรษา
๒๙ ๒๔. วนั ท่ไี ดช้ ่อื ว่าเป็นวนั พระพทุ ธเจา้ คือวันใด ? ๓๕. ส่ิงใดไม่ต้องจัดเตรียมไวใ้ นงานทาบุญวันเกดิ ? ก. วนั มาฆบชู า ข. วนั วสิ าขบชู า ก. พระพทุ ธรปู ข. ขนั น้ามนต์ ค. วันอัฏฐมบี ูชา ง. วันอาสาฬหบชู า ค. ผ้าภษู าโยง ง. ทกี่ รวดนา้ ๒๕. สหประชาชาติประกาศใหว้ ันใด เป็นวันสาคัญสากล ? ๓๖. ข้อใด เปน็ พธิ ที าบุญงานอวมงคล ? ก. วันวสิ าขบชู า ข. วันมาฆบชู า ก. ทาบญุ ขนึ้ บ้านใหม่ ข. ทาบุญบวชพระ ค. วันอฏั ฐมีบูชา ง. วนั อาสาฬหบชู า ค. ทาบญุ ๑๐๐ วนั ง. ทาบญุ มงคลสมรส ๒๖. ข้อใดไม่ใชว่ ันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ? ๓๗. เมื่อพระสงฆส์ วดบทวา่ อะเสวะนา ควรทาอย่างไร ? ก. วันมาฆบูชา ข. วนั วสิ าขบูชา ก. ประนมมือ ข. กรวดนา้ ค. วนั อฏั ฐมีบชู า ง. วนั สงกรานต์ ค. ใสบ่ าตร ง. จดุ เทยี นนา้ มนต์ ๒๗. งานใดไมน่ ิยมทาบญุ เลยี้ งพระ ? ๓๘. อทิ งั เม ญาตีนัง โหตุ สขุ ติ า โหนตุ ญาตโย คืออะไร ? ก. งานสวดพระอภิธรรม ข. งานแตง่ งาน ก. กรวดน้า ข. บูชาพระ ค. งานทาบุญร้อยวัน ง. งานครบรอบอายุ ค. อาราธนาศีล ง. อาราธนาธรรม ๒๘. ขอ้ ใดจัดเปน็ งานมงคล ? ๓๙. การกรวดนา้ หลังจากบาเพญ็ กุศล มุ่งประโยชนอ์ ะไร ? ก. ทาบญุ อฐั ิ ข. ทาบุญ ๑๐ วนั ก. อทุ ิศสว่ นบุญ ข. แสดงความเคารพ ค. ทาบุญ ๕๐ วัน ง. ทาบญุ ข้ึนบ้านใหม่ ค. ตงั้ จิตอธษิ ฐาน ง. เพอื่ ให้เทวดารับรู้ ๒๙. ขอ้ ใดจดั เป็นงานอวมงคล ? ๔๐. งานขึน้ บา้ นใหม่ การเจมิ ควรทาในขนั้ ตอนใด ? ก. งานทาบุญวันเกดิ ข. งานมงคลสมรส ก. ก่อนสวดมนต์ ข. ก่อนรับพร ค. งานทาบญุ ต่ออายุ ง. งานทาบญุ เกบ็ อัฐิ ค. ก่อนประพรมน้ามนต์ ง. หลงั ประพรมน้ามนต์ ๓๐. การทาบญุ ในพิธหี ลวงนยิ มพระกีร่ ปู ? ๔๑. อามิสทาน มีความหมายตรงกับข้อใด ? ก. ๔ รูป ข. ๗ รปู ก. ให้ส่งิ ของเปน็ ทาน ข. ให้ธรรมะเป็นทาน ค. ๙ รปู ง. ๑๐ รูป ค. ให้อภยั เปน็ ทาน ง. ให้ความรเู้ ปน็ ทาน ๓๑. สวดมนตเ์ ยน็ -ฉนั เชา้ มีความหมายตรงกับขอ้ ใด ? ๔๒. สง่ิ ใดเมื่อให้แลว้ ไม่จดั ว่าเปน็ การใหท้ าน ? ก. สวดมนตต์ อนเย็น เล้ียงพระตอนเช้า ก. ภตั ตาหาร ข. น้าปานะ ข สวดมนตต์ อนเยน็ เลย้ี งพระตอนเพล ค. เครอ่ื งนุ่งห่ม ง. บุหรี่ ค. สวดมนตต์ อนเย็น เล้ยี งพระตอนเท่ยี ง ๔๓. ขอ้ ใดไม่จดั เข้าในปัจจัย ๔ ? ง. สวดมนต์ตอนเยน็ เลยี้ งพระตอนเยน็ ก. อาหาร ข. น้าปานะ ๓๒. มงคลแฝด จะใชเ้ ฉพาะในงานทาบุญใด ? ค. เครื่องนงุ่ ห่ม ง. ยารกั ษาโรค ก. ข้ึนบ้านใหม่ ข. ทาบญุ ต่ออายุ ๔๔. การถวายสังฆทาน หมายถงึ ข้อใด ? ค. แตง่ งาน ง. ทาบญุ ๑๐๐ วนั ก. ถวายเจาะจงเจา้ อาวาส ๓๓. เสน้ ดา้ ยมงคลท่ใี ชใ้ นการทาบญุ เรียกว่าอะไร ? ข. ถวายพระท่ีเคารพนบั ถือ ก. สายสิญจน์ ข. ภูษาโยง ค. ถวายแก่สงฆท์ ว่ั ไป ค. สายประคต ง. สายประคา ง. ถวายพระท่ีมชี ่ือเสยี ง ๓๔. ภูษาโยง ควรใชใ้ นงานทาบญุ ใด ? ๔๕. ถวายปัจจยั เปน็ ค่ารถแก่พระสงฆ์ ตรงกับข้อใด ? ก. แตง่ งาน ข. ขึ้นบา้ นใหม่ ก. สังฆทาน ข. ปาฏิบุคลิกทาน ค. ทาบุญอวมงคล ง. ทาบญุ ตอ่ อายุ ค. อภัยทาน ง. วิทยาทาน
๓๐ ๔๖. มตกภัตตานิ ใชถ้ วายสงั ฆทานแบบใด ? ก. อทุ ิศให้คนเป็น ข. อทุ ิศให้คนตาย ค. อุทิศใหส้ รรพสตั ว์ ง. อทุ ศิ ให้ค่กู รรมคเู่ วร ๔๗. ขอ้ ใด เปน็ กาลทานที่จากดั เวลาถวาย ? ก. สงั ฆทาน ข. ธรรมทาน ค. วตั ถุทาน ง. กฐนิ ทาน ๔๘. พุทธมามกะ มีความหมายตรงกบั ข้อใด ? ก. ผู้เห็นพระพุทธเจ้า ข. ผู้นับถอื พระพุทธเจา้ ค. ผูน้ ับถือผรู้ ู้ ง. ผ้นู ับถือศาสนาตน ๔๙. ผู้ใดท่ปี ระกาศตนว่าพระพุทธเจา้ เปน็ ของเรา ? ก. อบุ าสก ข. อุบาสิกา ค. พุทธมามกะ ง. ศาสนิกชน ๕๐. พธิ แี สดงตนเป็นพทุ ธมามกะเกดิ ขน้ึ ในรชั กาลใด ? ก. รชั กาลที่ ๑ ข. รัชกาลท่ี ๓ ค. รัชกาลท่ี ๔ ง. รัชกาลท่ี ๕ ๕๑. ผู้รบั นับถือพระพทุ ธศาสนา มีคาเรียกว่าอะไร ? ก. พุทธชยนั ตี ข. พุทธสาวก ค. พุทธมามกะ ง. พุทธบุตร ๕๒. ขอ้ ใดไม่จดั ว่าเป็นพทุ ธมามกะ ? ก. บวชเปน็ พระ ข. บวชเปน็ สามเณร ค. ถือศลี อุโบสถ ง. ถา่ ยรูปคูก่ ับพระ ๕๓. เอเต มะยัง เป็นคาแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะข้อใด ? ก. ชายคนเดยี ว ข. ชายหลายคน ค. หญงิ คนเดยี ว ง. หญงิ หลายคน ๕๔. ทฬั หีกรรม มีความหมายตรงกับข้อใด ? ก. ทาซา้ ๆ ข. นาน ๆ ทาที ค. ทาบ้างไม่ทาบา้ ง ง. ทาครั้งเดียวจบ
๓๑ แนวข้อสอบธรรมศึกษาช้ันตรี ๑๒. วตั ถุประสงค์ของการบญั ญัติศลี คอื อะไร ? วิชาเบญจศีลเบญจธรรม ก. ทาใจให้สงบ ข. ละกเิ ลส เลือกคำตอบท่ีถูกต้องเพียงข้อเดยี ว ค. ฝกึ กายวาจา ง. ดบั ทกุ ข์ ๑. ศีลข้อที่ ๑ บญั ญัตไิ วเ้ พ่อื ไมใ่ ห้เบยี ดเบียนกนั ในเรื่องใด ? ๑๓. บุคคลควรมสี ิ่งใด เป็นพื้นฐานในการดาเนินชวี ติ ? ก. ชีวติ ข. ทรัพย์ ก. ทาน ข. ศีล ค. คู่ครอง ง. คาพูด ค. สมาธิ ง. ภาวนา ๒. การทาร้ายกันเปน็ เหตใุ ห้น้ิวขาด จดั เข้าในข้อใด ? ๑๔. หลกั ปฏิบัตเิ บื้องต้นแห่งการทาความดี ไดแ้ ก่ข้อใด ? ก. บาดเจบ็ ข. เสยี โฉม ก. รกั ษาศลี ข. เจริญสมาธิ ค. พกิ าร ง. ทรมาน ค. อบรมปญั ญา ง. เจรญิ ภาวนา ๓. การกระทาใด ผดิ ศีลข้อที่ ๑ ? ๑๕. การงดเว้นสิง่ ใด จัดเป็นการรกั ษาศีล ? ก. เกบ็ สว่ ย ข. ฆ่าปดิ ปาก ก. ข้อหา้ ม ข. กฎเกณฑ์ ค. เล่นหวย ง. เลีย่ งภาษี ค. ระเบยี บ ง. ขอ้ บงั คบั ๔. คนท่มี อี ายสุ นั้ เพราะผิดศีลขอ้ ใด ? ๑๖. ศลี ข้อ๑บญั ญัติขนึ้ เพ่ือส่งเสรมิ บุคคลใหม้ ีคณุ ธรรมใด ? ก. ปาณาติบาต ข. อทนิ นาทาน ก. เมตตา-กรณุ า ข. สมั มาอาชวี ะ ค. กาเมสุมจิ ฉาจาร ง. มุสาวาท ค. สจั จะ ง. สติ ๕. ขอ้ ใด เปน็ วตั ถุแห่งปาณาติบาต ? ๑๗. ขอ้ ใด เป็นการประพฤตผิ ิดศีลขอ้ ท่ี ๑ ? ก. ทรพั ย์สนิ ข. สตั วป์ ่า ก. ทาแท้ง ข. ลักทรพั ย์ ค. เมรยั ง. ตน้ ไม้ ค. เสพยาบ้า ง. พูดโกหก ๖. คนมจี ติ ใจโหดร้าย ควรรักษาศีลข้อใด ? ๑๘. คาว่า ทาชวี ติ สตั วใ์ ห้ตกลว่ งไป หมายถึงอยา่ งไร ? ก. ศีลขอ้ ท่ี ๑ ข. ศลี ข้อที่ ๒ ก. บาดเจ็บ ข. พกิ าร ค. ศีลขอ้ ท่ี ๓ ง. ศลี ข้อที่ ๔ ค. ลาบาก ง. ตาย ๗. ศลี ขอ้ ท่ี ๑ ขาดเพราะการกระทาในข้อใด ? ๑๙. เครอื่ งป้องกันความชัว่ ทางกายวาจา คือข้อใด ? ก. ทาให้ตาย ข. ทาใหล้ าบาก ก. ศลี ข. สมาธิ ค. ทาใหเ้ จบ็ ง. ทาใหพ้ กิ าร ค. ปัญญา ง. ภาวนา ๘. ใชง้ านสตั ว์เกนิ กาลัง จดั เปน็ ทรกรรมใด ? ๒๐. ผู้ปรารถนาจะอบรมจิตให้ต้ังม่ัน ควรทาสง่ิ ใดกอ่ น ? ก. ใช้การ ข. กกั ขัง ก. ฝกึ สมาธิ ข. รักษาศีล ค. เลน่ สนุก ง. นาไป ค. สวดมนต์ ง. ฟงั เทศน์ ๙. ข้อใด ไม่จัดเป็นการผจญสัตว์ ? ๒๑. ศลี ๕ เปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ ห้มนษุ ยม์ คี วามสะอาดในดา้ นใด ? ก. ชนโค ข. กดั ปลา ก. กายกบั ใจ ข. วาจากับใจ ค. ตไี ก่ ง. ขวา้ งนก ค. กายวาจาใจ ง. กายกบั วาจา ๑๐. พืน้ ฐานของศลี คืออะไร ? ๒๒. การรกั ษาศลี ข้อที่ ๑ มีประโยชน์ตอ่ สงั คมอยา่ งไร ? ก. สติ-สัมปชัญญะ ข. หิริ-โอตตปั ปะ ก. ไม่ทารา้ ยกนั ข. ไม่เล่นการพนนั ค. ขนั ต-ิ โสรัจจะ ง. เจตนา ค. ไมค่ บชู้ ง. ไมเ่ สพสงิ่ เสพติด ๑๑. เครื่องปอ้ งกนั ไม่ใหท้ าช่วั ทางกาย วาจา เรียกวา่ อะไร ? ๒๓. การรกั ษาศลี ข้อที่ ๑ ป้องกันเร่อื งใด ? ก. ทาน ข. ศีล ก. ความโหดร้าย ข. ความมักมาก ค. สมาธิ ง. ปัญญา ค. ความใจง่าย ง. ความงมงาย
๓๒ ๒๔. สตั ว์ท่ีหา้ มฆ่าในศีลข้อท่ี ๑ ตรงกบั ข้อใด ? ๓๖. ข้อใด จดั เปน็ โจรกรรม ? ก. มนษุ ย์ ข. สัตว์เดรจั ฉาน ก. ปล้น ข. ผลาญ ค. สตั วใ์ นครรภ์ ง. ถกู ทุกข้อ ค. รบั สนิ บน ง. หยบิ ฉวย ๒๕. ข้อใด จดั เปน็ ปาณาติบาต ? ๓๗. การถอื เอาทรพั ย์คนอน่ื ไม่บอกเจา้ ของ ตรงกบั ขอ้ ใด ? ก. ฆา่ สัตว์นรก ข. ฆ่าเปรต ก. หลอก ข. ลวง ค. ฆ่าอสรู กาย ง.ฆ่าสตั ว์ ค. ลกั ลอบ ง. หยิบฉวย ๒๖. อะไร เป็นวัตถแุ หง่ ปาณาติบาต ? ๓๘. การละเมดิ ศีลข้ออทนิ นาทาน ส่งผลอยา่ งไร ? ก. ปลา ข. ต้นไม้ ก. อายุส้นั ข. ยากจน ค. ทรัพยส์ ิน ง. สุรา ค. พกิ าร ง. บ้า ๒๗. เจตนาที่ให้สาเรจ็ ปาณาติบาต ตรงกับข้อใด ? ๓๙. ใชเ้ อกสารเทจ็ จัดเป็นโจรกรรมใด ? ก. จงใจฆ่า ข. จงใจขโมย ก. ตระบัด ข. ปลอม ค. จงใจพูดเทจ็ ง. จงใจด่ืมสรุ า ค. ลวง ง. หลอก ๒๘. ขอ้ ใดเกี่ยวข้องกับศีลข้อที่ ๑ ? ๔๐. รับฝากสิง่ ของแลว้ ไม่คนื เปน็ โจรกรรมประเภทใด ? ก. กกั ขัง ข. สมโจร ก. ลกั ลอบ ข. เบยี ดบัง ค. ผลาญ ง. สอ่ เสยี ด ค. ยกั ยอก ง. ฉ้อโกง ๒๙. จงใจขับรถชนผ้อู ื่นขาขาด เปน็ อนโุ ลมปาณาติบาตใด ? ๔๑. การสลบั ของดีไว้กับตน ใหข้ องไมด่ ีแก่คนอ่ืน เรยี กวา่ ก. ทาให้พิการ ข. ทาใหเ้ สียโฉม อะไร ? ค. เลน่ สนุก ง. ทาใหบ้ าดเจบ็ ก. กรรโชก ข. สับเปลี่ยน ๓๐. ใช้การ ได้แก่การกระทาในข้อใด ? ค. เบียดบงั ง. ตระบัด ก. ไมใ่ หห้ ยดุ พกั ผ่อน ข. เลี้ยงไวใ้ นกรง ๔๒. การขายส่ิงของไม่แท้วา่ เปน็ ของแท้ เป็นโจรกรรม ค. ล่ามโซ่ไมใ่ ห้หนี ง. เลี้ยงไว้กดั กัน ประเภทใด ? ๓๑. ยมื ของไปแล้วต้งั ใจไม่ส่งคืน จัดเป็นโจรกรรมใด ? ก. ปลอม ข. ลวง ก. กรรโชก ข. ฉก ค. หลอก ง. ตู่ ค. ปล้น ง. ตระบัด ๔๓. คดในข้อ งอในกระดกู มีความหมายตรงกับศลี ข้อใด ? ๓๒. ซ่อนของหนีภาษีเข้าประเทศ เป็นโจรกรรมใด ? ก. ขอ้ ๑ ข. ข้อ ๒ ก. ลกั ลอบ ข. เบยี ดบงั ค. ข้อ ๓ ง. ข้อ ๔ ค. ยักยอก ง. ฉอ้ โกง ๔๔. ข้อใด ไมน่ ับเข้าในวตั ถุแหง่ อทินนาทาน ? ๓๓. การกระทาใด เรียกว่า ลกั ? ก. ของมีกรรมสิทธิ์ ข. ของมลี ิขสทิ ธิ์ ก. ย่องเบา ข. กรรโชก ค. ของมีเจ้าของ ง. ของที่สละทิ้ง ค. ยกั ยอก ง. วิง่ ราว ๔๕. อสังหารมิ ทรัพย์ ได้แก่ทรัพยเ์ ช่นใด ? ๓๔. ขอ้ ใด จดั เป็นฉายาโจรกรรม ? ก. รถยนต์ ข. โฉนดที่ดิน ก. หยบิ ฉวย ข. ปอกลอก ค. เงินทอง ง. ท่ีดิน ค. ยักยอก ง. เบยี ดบงั ๔๖. การกระทาใด จัดเปน็ อทินนาทานเพราะทรัพย์สินของ ๓๕. คนขาดศีลขอ้ ที่ ๒ จะมีลักษณะอย่างไร ? ตนเอง ? ก. โหดร้าย ข. มือไว ก. บุกรุกปา่ ชายเลน ข. บกุ รุกปา่ สงวน ค. ไม่ซือ่ สตั ย์ ง. ขาดสติ ค. ลกั ขดุ ทรายในแม่น้า ง. หลบเล่ียงภาษี
๓๓ ๔๗. ยมื เงินคนอื่นแล้วไม่ใชค้ ืน จัดเข้าในโจรกรรมข้อใด ? ๕๙. สทารสันโดษ เปน็ คุณธรรมประดบั ใคร ? ก. สับเปลย่ี น ข. ยกั ยอก ก. สามี ข. ภรรยา ค. ตระบัด ง. กรรโชก ค. ยา่ ง. ยาย ๔๘. ขอ้ ใด เปน็ โจรกรรมข้อวา่ ฉก ? ๖๐. ภรรยาท่ซี อื่ สัตย์ตอ่ สามี เรียกวา่ มีคุณธรรมใด ? ก. ว่งิ ราว ข. กรรโชก ก. สทารสันโดษ ข. ปตวิ ัตร ค. ยักยอก ง. สับเปลีย่ น ค. คหิ ปิ ฏบิ ตั ิ ง. วัตรปฏิบตั ิ ๔๙. พดู โกหกเพ่ือเอาของของเขา ตรงกบั ขอ้ ใด ? ๖๑. พระพทุ ธเจา้ ทรงบัญญัติศีลข้อ ๓ เพื่อประโยขนใ์ ด ? ก. ลกั ข. ลวง ก. ใหม้ ีเมตตาต่อผ้อู ่ืน ข. ใหย้ ินดีในค่คู รองตน ค. พราง ง. หลอก ค. ใหช้ ว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ง. ใหย้ นิ ดใี นสมบตั ิตน ๕๐. ลกั ของที่เคลื่อนท่ีได้ ศีลขาดตอนไหน ? ๖๒. สามภี รรยาทมี่ คี วามรักความซื่อตรงต่อกนั เพราะมศี ีล ก. เจ้าของปลงใจ ข. เจา้ ของทอดธุระ ขอ้ ใด ? ค. ของเคลื่อนจากที่ตัง้ ง. ของชารดุ เสยี หาย ก. ปาณาตปิ าตา เวรมณี ข. อทินนาทานาเวรมณี ๕๑. การรับซื้อของโจร มผี ลกระทบต่อสังคมอย่างไร ? ค. กาเมสมุ จิ ฉาจารา เวรมณี ง. มสุ าวาทา เวรมณี ก. หย่ารา้ ง ข. แตกแยก ๖๓. ลว่ งประเวณี ในศลี ขอ้ ท่ี ๓ ตรงกบั ข้อใด ? ค. โจรชกุ ชุม ง. ทะเลาะววิ าท ก. ทาช่ือเสียงให้เสียหาย ๕๒. การทาลายทรพั ย์สนิ คนอ่นื ใหเ้ สียหาย ตรงกับขอ้ ใด ? ข. ทาทรัพยส์ นิ ให้เสยี หาย ก. หยิบฉวย ข. ผลาญ ค. ทาเชอ้ื สายให้เสยี หาย ค. กรรโชก ง. ตระบดั ง. ทาการงานใหเ้ สียหาย ๕๓. ข้อใด เกย่ี วข้องกับศลี ข้อ ๓ ? ๖๔. หญงิ ชายทีห่ ้ามไว้ในศลี ข้อท่ี ๓ มีกจี่ าพวก ? ก. คู่หู ข. คู่คดิ ก. ๑๐ จาพวก ข. ๒๐ จาพวก ค. คเู่ ท่ยี ว ง. คู่ครอง ค. ๓๐ จาพวก ง. ๔๐ จาพวก ๕๔. การประพฤตผิ ดิ ในกาม จัดเปน็ ทจุ ริตใด ? ๖๕. หญงิ ท่ีอยู่ในความพิทักษ์รักษาของบิดามารดา ตรงกับ ก. กายทุจรติ ข. วจที ุจริต ขอ้ ใด ? ค. มโนทจุ ริต ง. ถกู ทุกข้อ ก. ลกู สาว ข. ลูกสะใภ้ ๕๕. อยา่ ชิงสุกก่อนหา่ ม สอนใหร้ ักษาศีลขอ้ ใด ? ค. หลานสาว ง. หลานสะใภ้ ก. ขอ้ ท่ี ๑ ข. ข้อที่ ๒ ๖๖. ปัญหาสงั คมขอ้ ใด เกิดเพราะละเมิดศีลข้อท่ี ๓ ? ค. ขอ้ ท่ี ๓ ง. ข้อท่ี ๔ ก. หยา่ ร้าง ข. อาชญากรรม ๕๖. ศลี ข้อที่ ๓ เป็นประโยชนโ์ ดยตรงแก่สถาบันใด ? ค. ลักขโมย ง. ทาร้ายร่างกาย ก. ครอบครัว ข. การศกึ ษา ๖๗. สามภี รรยาที่ซ่อื สตั ยต์ อ่ กันเพราะปฏิบัตติ ามศลี ขอ้ ใด ? ค. การเงิน ง. การเมือง ก. ข้อท่ี ๑ ข. ข้อท่ี ๒ ๕๗. การรักษาศีลข้อที่ ๓ ช่วยลดปญั หาสงั คมดา้ นใด ? ค. ข้อที่ ๓ ง. ข้อที่ ๔ ก. อาชญากรรม ข. คนว่างงาน ๖๘. ศีลขอ้ ที่ ๔ มุง่ สอนให้งดเว้นเร่อื งใด ? ค. ละเมดิ ทางเพศ ง. ยาเสพตดิ ก. ฆ่าสัตว์ ข. ลกั ทรัพย์ ๕๘. การประพฤติผิดประเวณี ถือว่าล่วงละเมดิ ศีลข้อใด ? ค. พดู เทจ็ ง. ดม่ื สุรา ก. ข้อ ๑ ข. ข้อ ๒ ๖๙. การพดู ให้คนแตกแยกกัน เรียกว่าอะไร ? ค. ขอ้ ๓ ง. ข้อ ๔ ก. สอ่ เสียด ข. หลอก ค. กลับคา ง. ยอ
๓๔ ๗๐. พูดเพอ่ื ทาลายประโยชน์คนอนื่ ผดิ ศลี ข้อใด ? ๘๒. การแสดงความเทจ็ เกดิ ขึ้น ได้ทางใด ? ก. ขอ้ ท่ี ๒ ข. ขอ้ ท่ี ๓ ก. วาจาและใจ ข. กายและวาจา ค. ขอ้ ที่ ๔ ง. ข้อที่ ๕ ค. กายและใจ ง. กายวาจาและใจ ๗๑. มสุ าวาท แสดงออกไดท้ างใด ? ๘๓. นาเอกสารทเ่ี ปน็ เทจ็ มาแสดงในทป่ี ระชุม เป็นมุสาเกิด ก. กาย ข. วาจา ทางใด ? ค. ใจ ง. กาย วาจา ก. กาย ข. วาจา ๗๒. รบั คาทา่ นแลว้ ภายหลงั ไมป่ ฏิบัติตาม เรียกว่าอะไร ? ค. ใจ ง. วาจา ใจ ก. ผิดสัญญา ข. คืนคา ๘๔. โทษของมุสา ตรงกบั ข้อใด ? ค. เสยี สัตย์ ง. โวหาร ก. ขาดคนเชอื่ ถือ ข. ขาดคนเมตตา ๗๓. ข้อใด จดั เป็นอนุโลมมุสา ? ค. ขาดคนสงสาร ง. ขาดคนเหน็ ใจ ก. สบั ปลบั ข. ทาเลศ ๘๕. การอวดอา้ งความศกั ดิส์ ิทธ์ทิ ่ไี ม่เปน็ จรงิ ตรงกับข้อใด ? ค. เพ้อเจ้อ ง. พล้งั ก. ทนสาบาน ข. ทาเล่ห์กระเท่ห์ ๗๔. ถอ้ ยคาท่ใี ชก้ ันเป็นธรรมเนียม เรียกว่าอะไร ? ค. ทาเลศ ง. เสริมความ ก. โวหาร ข. นยิ าย ๘๖. ไมเ่ จบ็ ป่วย ทาให้เขาเหน็ วา่ เจบ็ ป่วย ตรงกับข้อใด ? ค. สาคัญผดิ ง. ทาเลศ ก. ทนสาบาน ข. ทาเลห่ ์กระเท่ห์ ๗๕. มุสาวาททางกาย มลี ักษณะตรงกับข้อใด ? ค. มารยา ง. อาความ ก. เลา่ ความเทจ็ ข. ทาเอกสารเท็จ ๘๗. โครงการเมาไม่ขบั สนบั สนุนใหง้ ดเว้นเรอ่ื งใด ? ค. แจ้งความเท็จ ง. ใหก้ ารเท็จ ก. ฆา่ สัตว์ ข. ลักทรพั ย์ ๗๖. มุสาวาท เกดิ ข้นึ ได้ทางใดบ้าง ? ค. พูดเท็จ ง. ด่มื สุรา ก. กายกบั วาจา ข. กายกับใจ ๘๘. การด่ืมสุรา เปน็ ปฏปิ ักษ์โดยตรงตอ่ คุณธรรมใด ? ค. วาจากับใจ ง. กายวาจาใจ ก. เมตตา ข. สัมมาชีพ ๗๗. รแู้ ตส่ ั่นศรี ษะวา่ ไมร่ ู้ เปน็ ความเทจ็ เกิดข้ึนทางใด ? ค. มสี ตั ย์ ง. สติรอบคอบ ก. กาย ข. วาจา ๘๙. ขอ้ ใด เป็นโทษของการดื่มสุรา ? ค. ใจ ง. ถกู ทุกขอ้ ก. โหดรา้ ย ข. มือไว ๗๘. คาพูดเช่นใด ทาใหแ้ ตกความสามคั คี ? ค. ใจเร็ว ง. เกดิ โรค ก. ส่อเสียด ข. หลอก ๙๐. การด่ืมสรุ า เป็นเหตุบ่ันทอนปัญญา ตรงกับขอ้ ใด ? ค. สบั ปลับ ง. กลบั คา ก. คดิ ดี ข. คิดเรว็ ๗๙. มสุ าวาทประเภทเสริมความ ตรงกับข้อใด ? ค. คิดช้า ง. คดิ ถกู ก. พดู ให้แตกกัน ข. พูดกลบั คา ๙๑. ศลี ข้อ ๕ สอนให้งดเว้นเร่อื งใด ? ค. พดู เกนิ จรงิ ง. พดู เลน่ สานวน ก. ฆา่ สตั ว์ ข. ลักทรัพย์ ๘๐. ผมู้ ปี กติไมพ่ ูดมสุ า ยอ่ มได้รับผลเชน่ ใด ? ค. พดู เทจ็ ง. ยาเสพติด ก. น่าเชื่อถือ ข. อายยุ นื ๙๒. ขอ้ ใด เปน็ โทษเกิดจากการดื่มสรุ าเมรัย ? ค. สขุ ภาพดี ง. ไมห่ ลงลมื ก. อายุส้ัน ข. ยากจน ๘๑. พดู อย่างไร เรยี กว่า มุสา ? ค. เสยี สัตย์ ง. เสยี สติ ก. พูดใหเ้ ข้าใจผดิ ข. พูดให้ทะเลาะกัน ๙๓. กริ ิยางดเว้นจากข้อหา้ ม เรยี กว่าอะไร ? ค. พดู ให้แตกแยก ง. พูดให้เจ็บใจ ก. วิรตั ิ ข. สมั ปตั ตวิรตั ิ ค. สมาทานวิรตั ิ ง. สมจุ เฉทวิรตั ิ
๓๕ ๙๔. สมุจเฉทวริ ตั ิ เกิดขน้ึ แกบ่ ุคคลใด ? ๑๐๕. การรกั ษาศีลของพระภิกษแุ ละสามเณร เปน็ วริ ตั ิใด ? ก. สามัญชน ข. ปถุ ชุ น ก. สมาทานวริ ัติ ข. สมั ปตั ตวริ ตั ิ ค. อริยบคุ คล ง. กลั ยาณชน ค. สมจุ เฉทวริ ตั ิ ง. ถกู ทุกขอ้ ๙๕. การดม่ื สรุ าเปน็ เหตุใหเ้ กิดโทษแก่ตนและคนอื่น ตรง ๑๐๖. การงดเว้นท่ีเรยี กว่า สมจุ เฉทวิรตั ิ มีลกั ษณะเชน่ ไร ? กบั ข้อใด ? ก. งดเว้นเฉพาะหนา้ ข. งดเวน้ ชวั่ คราว ก. ประพฤตนิ า่ อดสู ข. ทอนกาลังปัญญา ค. งดเว้นเฉพาะข้อ ง. งดเวน้ เด็ดขาด ค. กอ่ การววิ าท ง. เสยี สุขภาพ ๑๐๗. การบริจาคโลหิตชว่ ยผอู้ ื่น ชื่อวา่ มกี ัลยาณธรรมใด ? ๙๖. นโยบายปราบปรามยาเสพติด สนับสนุนศลี ข้อใด ? ก. เมตตา ข. กรุณา ก. ศีลข้อที่ ๑ ข. ศีลขอ้ ท่ี ๓ ค. มุทิตา ง. อุเบกขา ค. ศลี ขอ้ ที่ ๔ ง. ศลี ขอ้ ที่ ๕ ๑๐๘. กัลยาณธรรมใด สนบั สนุนใหศ้ ีลข้อที่ ๑ มน่ั คง ? ๙๗. ขอ้ ใด เป็นกฎหมายเกี่ยวขอ้ งกับศลี ข้อท่ี ๕ ? ก. เมตตา กรณุ า ข. สัมมาอาชวี ะ ก. หา้ มฆา่ สตั ว์ในวัด ข. ห้ามด่ืมสรุ าในวดั ค. กามสงั วร ง. ความมสี ัตย์ ค. หา้ มขายอาวธุ ในวดั ง. ห้ามเลน่ พนนั ในวัด ๑๐๙. ไมฆ่ ่าสัตว์ แต่ปราศจากกรณุ า ตรงกบั ข้อใด ? ๙๘. วริ ตั ิของพระอรยิ เจ้า ตรงกบั ข้อใด ? ก. มีศีลธรรม ข. มศี ีลขาดธรรม ก. สมั ปัตตวิรัติ ข. สมาทานวริ ตั ิ ค. ขาดศลี มีธรรม ง. ไม่มีศลี ธรรม ค. สมุจเฉทวริ ตั ิ ง. ถกู ทุกข้อ ๑๑๐. กลั ยาณธรรมข้อ ๑ สนบั สนุนการแก้ปญั หาด้านใด ? ๙๙. สมั ปัตตวิรตั ิ เป็นการงดเว้นในขณะใด ? ก. อาชญากรรม ข. โจรกรรม ก. ก่อนหนา้ ข. ตอ่ หนา้ ค. ทุจริตคอรปั ชนั่ ง. ยาเสพติด ค. ลับหน้า ง. ลับหลงั ๑๑๑. คนขาดกลั ยาณธรรมใด ไม่สามารถรักษาศีลข้อที่ ๑ ๑๐๐. การรับศีลจากพระสงฆ์ จดั เปน็ วิรัตใิ ด ? ใหบ้ ริบูรณ์ได้ ? ก. สมาทานวริ ัติ ข. สัมปัตตวริ ัติ ก. เมตตา ข. ความมีสจั จะ ค. สมจุ เฉทวริ ตั ิ ง. ถกู ทุกขอ้ ค. กามสังวร ง. ความมีสติ ๑๐๑. ศลี ข้อไม่ลกั ทรพั ย์ คู่กับกัลยาณธรรมใด ? ๑๑๒. คณุ ธรรมเช่นไร เรยี กวา่ กรณุ า ? ก. ความสัตย์ ข. เมตตา ก. ปรารถนาใหเ้ ขาเปน็ สุข ค. อาชพี สจุ รติ ง. สตริ อบคอบ ข. ปรารถนาใหเ้ ขาพน้ ทุกข์ ๑๐๒. ขอ้ ใด ไดช้ ่ือว่าประพฤตติ นอยู่ในศีลขอ้ ที่ ๕ ? ค. ปรารถนาให้เขาไดด้ ี ก. ไมฆ่ ่าสัตว์ ข. ไมล่ ักทรัพย์ ง. ปรารถนาให้เขารุ่งเรือง ค. ไม่เจา้ ชู้ ง. ไมด่ ื่มสรุ า ๑๑๓. พ่อแม่ปรารถนาให้ลูกไดด้ ี เพราะมีกลั ยาณธรรมใด ? ๑๐๓. กิริยาที่งดเว้นจากการล่วงละเมดิ ข้อหา้ มในศลี ๕ ก. เมตตา ข. กรุณา เรยี กวา่ อะไร ? ค. มทุ ิตา ง. อเุ บกขา ก. สมบัติ ข. วริ ัติ ๑๑๔. ผู้รบั จ้างอมุ้ บุญเชงิ พาณชิ ย์ ขาดกัลยาณธรรมใด ? ค. เจตนา ง. กลั ยาณธรรม ก. เมตตา กรุณา ข. สมั มาอาชีวะ ๑๐๔. การจะรักษาศลี ๕ ให้ม่ันคงตอ้ งมีอะไรสนับสนนุ ? ค. กามสงั วร ง. มีสติ ก. วิรัติ ข. เจตนา ๑๑๕. ขายสนิ คา้ ปลอมชอ่ื วา่ ประพฤติไมเ่ ป็นธรรมในอะไร ? ค. กัลยาณธรรม ง. กัลยาณศีล ก. กจิ การ ข. บุคคล ค. วัตถุ ง. ถูกทกุ ขอ้
๓๖ ๑๑๖. ขอ้ ใด ชือ่ วา่ ประพฤตเิ ปน็ ธรรมในกิจการ ? ๑๒๘. คุณธรรมขอ้ ใดท่สี ่งเสริมศีลข้อ ๓ ให้มนั่ คงย่ิงขึน้ ? ก. ไม่โกงของ ข. ไมโ่ กงคน ก. สติ ข. ซ่ือตรง ค. ไม่โกงงาน ง. ไม่โกงกิน ค. ภกั ดี ง. สารวมในกาม ๑๑๗. การชว่ ยเหลอื คนบาดเจบ็ จัดเป็นกัลยาณธรรมใด ? ๑๒๙. สามีภรรยาจะซ่ือสตั ยต์ ่อกนั ต้องปฏิบตั ติ ามกลั ยาณ ก. เมตตา ข. กรุณา ธรรมข้อใด ? ค. สมั มาชีพ ง. สติรอบคอบ ก. เมตตากรุณา ข. อาชพี สจุ รติ ๑๑๘. โครงการพระราชดารเิ ร่ืองใด สนบั สนุนศลี ข้อ ๒ ? ค. สารวมในกาม ง. กตญั ญู ก. ฝายแมว้ ข. แก้มลิง ๑๓๐. ผปู้ ระพฤติตามกัลยาณธรรมขอ้ ๓ ย่อมไดร้ บั ผล ค. แกล้งดิน ง. เศรษฐกิจพอเพยี ง เชน่ ใด ? ๑๑๙. การหาทรพั ย์โดยสจุ ริต จัดเป็นกัลยาณธรรมใด ? ก. มเี มตตา ข. ไว้วางใจกัน ก. สมั มาอาชวี ะ ข. ความมสี ตั ย์ ค. มคี วามกตัญญู ง. มีความภกั ดี ค. ความมีสติ ง. ความมเี มตตา ๑๓๑. กลั ยาณธรรมข้อ ๓ เป็นหลกั ปฏิบัติระหว่างใคร ? ๑๒๐. ลูกจา้ งตรงตอ่ เวลาช่ือว่าประพฤตเิ ป็นธรรมในขอ้ ใด ? ก. ลกู -พอ่ แม่ ข. ศิษย์-อาจารย์ ก .กิจการ ข. บุคคล ค. สามี-ภรรยา ง. พ-่ี นอ้ ง ค. วัตถุ ง. ถูกทกุ ขอ้ ๑๓๒. กลั ยาณธรรมข้อ ๓ ทาให้คนประพฤตเิ ช่นไร ? ๑๒๑. ผู้ลกั ลอบปลอมแปลงสินค้า ชอื่ ว่าประพฤติไมเ่ ป็น ก. สารวมในกาม ข. มอี าชีพสุจรติ ธรรมในข้อใด ? ค. ใหม้ สี ติ ง. มีความซอื่ สัตย์ ก. กิจการ ข. บคุ คล ๑๓๓. ความประพฤตติ รงต่อมติ ร จัดเข้าในขอ้ ใด ? ค. วัตถุ ง. อาชีพ ก. เท่ียงธรรม ข. สวามภิ ักด์ิ ๑๒๒. การประพฤติเป็นธรรมในกิจการ หมายถงึ ข้อใด ? ค. ซ่อื ตรง ง. กตัญญู ก. ทางานเต็มเวลา ข. บรกิ ารลกู ค้า ๑๓๔. การเคารพเช่ือฟงั พ่อแม่ จัดเขา้ ในความมสี ัตยข์ ้อใด ? ค. ขายตามราคา ง. ขายถูก ก. สวามิภักด์ิ ข. ซื่อตรง ๑๒๓. กัลยาณธรรมใด สนบั สนนุ ให้คนมีอาชีพสจุ รติ ? ค. เที่ยงธรรม ง. กตญั ญู ก. เมตตา ข. กรุณา ๑๓๕. ความเทีย่ งธรรมในกลั ยาณธรรมขอ้ ๔ ตรงกบั ข้อใด ? ค. สมั มาอาชวี ะ ง. กามสังวร ก. ตรงตอ่ หนา้ ท่ี ข. ตรงต่อมิตร ๑๒๔. การกระทาใดเรียกว่า ประพฤติเปน็ ธรรมในกจิ การ ? ค. ภกั ดตี อ่ นาย ง. รู้คณุ ทา่ น ก. ซอื่ ตรงต่อลกู ค้า ข. ซ่อื ตรงต่อสนิ คา้ ๑๓๖. ความสวามิภกั ดิ์ในกัลยาณธรรมข้อ ๔ ตรงกับข้อใด ? ค. ซื่อตรงต่อเวลา ง. ซ่ือตรงตอ่ เจ้านาย ก. ไม่ฆา่ น้อง ข. ไมฟ่ ้องนาย ๑๒๕. สานวนวา่ รกั นวลสงวนตัวสอนใหม้ กี ัลยาณธรรมใด ? ค. ไมข่ ายเพือ่ น ง. ไม่ทรยศนาย ก. สมั มาอาชวี ะ ข. กามสงั วร ๑๓๗. การประพฤติซื่อตรงต่อมติ ร ตรงกบั ข้อใด ? ค. ความมีสัตย์ ง. สตริ อบคอบ ก. แนะนาใหท้ าดี ข. ใหค้ วามยุติธรรม ๑๒๖. สทารสนั โดษ เป็นคณุ ธรรมที่สามีพึงปฏิบตั ติ ่อใคร ? ค. ไมล่ บหลู่ ง. ไมใ่ หท้ าชว่ั ก. คูน่ อน ข. คูค่ ดิ ๑๓๘. คนพูดมุสาทาให้ขาดกัลยาณธรรมใด ? ค. คูช่ วี ติ ง. คู่ใจ ก. เมตตา ข. กรุณา ๑๒๗. การทาหน้าทเี่ ป็นภรรยาทีด่ ี เรียกว่าอะไร ? ค. ความมสี จั จะ ง. ความมีสติ ก. ปติวตั ร ข. วธิ วี ตั ร ค. จรยิ าวตั ร ง. กจิ วตั ร
๓๗ ๑๓๙. บคุ คลประพฤติเชน่ ไร เรียกว่า มสี ัจจะ ? ก. ทาดี ข. พดู ดี ค. คดิ ดี ง. ปรารถนาดี ๑๔๐. ความมีสตริ อบคอบ เป็นอปุ การะแก่การรักษาศีลขอ้ ใด ? ก. ขอ้ ท่ี ๒ ข. ขอ้ ที่ ๓ ค. ขอ้ ที่ ๔ ง. ขอ้ ท่ี ๕ ๑๔๑. การใช้จา่ ยแตพ่ อเพยี งชือ่ ว่ามสี ตริ อบคอบในเรื่องใด? ก. การงาน ข. การวางตวั ค. การบริโภค ง. ธรรม ๑๔๒. ข้อใดชื่อวา่ ไม่เลนิ เล่อในการงาน ? ก. ไม่ขวนขวาย ข. ไมท่ อดธุระ ค. ไมร่ ับผดิ ชอบ ง. ไมต่ รงเวลา ๑๔๓. ความมสี ติในการใช้จา่ ย จัดเข้าในข้อใด ? ก. การบริโภค ข. การวางตวั ค. การทางาน ง. ไม่ประมาทในธรรม ๑๔๔. ความมสี ติรอบคอบ สนบั สนนุ ศีลขอ้ ใด ? ก. ขอ้ ๑ ข. ขอ้ ๒ ค. ข้อ ๔ ง. ข้อ ๕ ๑๔๕. ผ้ปู ระมาทเลินเล่อในการทางาน มลี กั ษณะเชน่ ใด ? ก. ขวนขวาย ข. ทอดธรุ ะ ค. รับผิดชอบ ง. ตรงเวลา
๓๘ แนวข้อสอบธรรมศึกษาชั้นโท วิชาธรรมวภิ าค ๑๒. ขอ้ ใด เปน็ โทษของกเิ ลสกาม ? เลือกคำตอบท่ีถกู ตอ้ งเพียงข้อเดียว ก. ไม่รูจ้ กั พอ ข. ก่อการทะเลาะวิวาท ๑. บริกรรมวา่ พทุ โธ จดั เปน็ การเจริญกมั มฏั ฐานอะไร ? ค. ไมม่ เี หตุผล ง. ไมม่ คี นเชื่อใจ ก. สมถะ ข. วปิ ัสสนา ๑๓. ข้อใด จดั เป็นวตั ถุกาม ? ค. อสภุ ะ ง. เมตตา ก. รูป เสียง กล่ิน รส ข. ตา หู จมูก ลิ้น ๒. ขอ้ ใด จดั เปน็ วิปัสสนากัมมัฏฐาน ? ค. ผม ขน เลบ็ ฟัน ง. ดิน น้า ลม ไฟ ก. เพ่งอสภุ ะ ข. พจิ ารณาไตรลกั ษณ์ ๑๔. ข้อใด จัดเปน็ อามิสบูชา ? ค. บริกรรมกสณิ ง. บริกรรมอนสุ สติ ก. ชว่ ยเหลอื คนเจ็บป่วย ข. ให้เงนิ พ่อแม่ ๓. ขอ้ ใด ไม่ใช่กเิ ลสกาม ? ค. เคารพเชอื่ ฟังพ่อแม่ ง. รักษาศลี ก. ราคะ ข. โลภะ ๑๕. ปฏบิ ัติบชู า มปี ระโยชน์สงู สดุ อย่างไร ? ค. อจิ ฉา ง. รูป ก. ทาให้พน้ ทุกข์ ข. ทาให้มีบริวาร ๔. เสียงประเภทใด จดั เปน็ วัตถุกาม ? ค. ทาให้จิตสงบ ง. ทาให้คนนบั ถือ ก. เสียงสวดมนต์ ข. เสียงเพลง ๑๖. ขอ้ ใด จัดเป็นธมั มปฏิสนั ถาร ? ค. เสยี งผรุสวาท ง. เสียงนินทา ก. ให้หนงั สือธรรมมะ ข. ชวนปฏบิ ตั ิธรรม ๕. ปฏบิ ตั ิบชู ามีประโยชนส์ ูงสดุ อย่างไร ? ค. ต้อนรบั ด้วยสง่ิ ของ ง. แนะนาอาชีพ ก. ทาใหพ้ น้ ทุกข์ ข. ทาใหม้ บี รวิ าร ๑๗. ผู้ถกู วหิ งิ สาวิตกครอบงา มีพฤติกรรมเชน่ ไร ? ค. ทาให้จิตสงบ ง. ทาให้คนนับถือ ก. ปองร้ายผอู้ นื่ ข. เบยี ดเบียนผ้อู ่นื ๖. การจดั เลยี้ งต้อนรบั ผ้มู าเยือน จัดเข้าในข้อใด ? ค. อยากได้ของผู้อน่ื ง. อาฆาตผู้อ่นื ก. อามิสบูชา ข. ปฏิบตั บิ ชู า ๑๘. วหิ งิ สาวิตกมีอะไรเป็นมูล ? ค. อามสิ ปฏิสันถาร ง. ธมั มปฏสิ นั ถาร ก. ราคะ ข. โทสะ ๗. อะไรเป็นเหตใุ หเ้ กิดสขุ ทางกาย ? ค. โมหะ ง. โลภะ ก. ไมม่ โี รค ข. ไมม่ หี นี้ ๑๙. วิตกเรอื่ งใด เปน็ ผลรา้ ยต่อสุขภาพจติ ? ค. ไม่มศี ัตรู ง. ไมม่ กี ิเลส ก. เนกขัมมวิตก ข. อพยาบาทวิตก ๘. ขอ้ ใด จดั เปน็ กเิ ลสกาม ? ค. อวหิ งิ สาวิตก ง. พยาบาทวิตก ก. รูป ข. เสยี ง ๒๐. ผมู้ ีเนกขัมมวติ ก มักมีความคดิ เร่ืองใด ? ค. กล่ิน ง. อิจฉา ก. บริจาคทาน ข. ฟงั ธรรม ๙. การบชู าเปน็ การแสดงออกถงึ เรือ่ งใด ? ค. ออกบวช ง. รักษาศลี ก. ยกยอ่ ง ข. ออ้ นวอน ๒๑. ผไู้ ม่รจู้ กั บาปบญุ คุณโทษ เพราะถูกไฟอะไรแผดเผา ? ค. ขอพร ง. เสรมิ มงคล ก. ราคะ ข. โทสะ ๑๐. ปฏสิ นั ถารมีความหมายวา่ อยา่ งไร ? ค. โมหะ ง. ตัณหา ก. การต้อนรบั ข. การยอมรับ ๒๒. เมือ่ ไฟคอื โทสะเกดิ ขึ้น จะระงบั ดว้ ยวิธใี ด ? ค. การนบั ถือ ง. การสรรเสรญิ ก. เจรญิ เมตตา ข. เจริญอสภุ ะ ๑๑. อะไรเปน็ เหตใุ หเ้ กดิ สุขทางใจ ? ค. เจรญิ ปญั ญา ง. เจรญิ อนสุ สติ ก. อานาจ ข. ทรพั ย์ ๒๓. ผูม้ ีอตั ตาธปิ เตยยะ มีลกั ษณะเชน่ ไร ? ค. บริวาร ง. คณุ ธรรม ก. ถอื ความเหน็ ของตน ข. ถือความเหน็ พวกพอ้ ง ค. ถือความเห็นหมูญ่ าติ ง. ถือความเห็นสว่ นรวม
๓๙ ๒๔. การทางานมงุ่ ความถูกต้อง จดั ว่ามอี ธปิ ไตยใด? ๓๖. กศุ ลวติ ก จัดเขา้ ในมรรค ๘ ข้อใด ? ก. อตั ตาธปิ ไตย ข. โลกาธิปไตย ก. สมั มาทฏิ ฐิ ข. สมั มาสงั กัปปะ ค. ธรรมาธิปไตย ง. ประชาธปิ ไตย ค. สัมมาวายามะ ง. สมั มาสมาธิ ๒๕. ผอู้ ยากได้ไม่มที สี่ ิน้ สดุ เพราะถูกอะไรครอบงา ? ๓๗. ผถู้ ูกไฟคือโมหะเผาลนจติ ใจ มลี ักษณะเช่นไร ? ก. ราคะ ข. โทสะ ก. เจา้ ชู้ ข. โลภมาก ค. โมหะ ง. ตณั หา ค. โกรธงา่ ย ง. ไรเ้ หตุผล ๒๖. ข้อใด จดั เป็นภวตัณหา ? ๓๘. คนมธี รรมเปน็ ใหญ่ เพราะยึดถืออะไร ? ก. อยากรา่ รวย ข. อยากมรี ถ ก. ความถกู ต้อง ข. เสยี งข้างมาก ค. อยากมีโทรศัพท์ ง. อยากเป็นใหญ่ ค. กฎกตกิ า ง. คาส่ัง ๒๗. อิทธปิ าฏหิ ารยิ ะ เปน็ ผลมาจากอะไร ? ๓๙. ผมู้ อี ตั ตาธปิ เตยยะ คือถืออะไรเปน็ ใหญ่ ? ก. ฝึกจติ ข. รกั ษาศลี ก. ตนเอง ข. พวกพ้อง ค. ปฏิบตั ธิ รรม ง. ฝกึ มายากล ค. หม่ญู าติ ง. บรวิ าร ๒๘. ข้อใด เปน็ อานสิ งส์ของพระวนิ ัย ? ๔๐. ทาดตี ามกระแสนิยมเพ่ือใหผ้ อู้ น่ื ยกย่องตรงกับข้อใด ? ก. ทาใหม้ ีอานาจ ข. ทาให้สงบสุข ก. อัตตาธปิ เตยยะ ข. โลกาธิปเตยยะ ค. ทาให้มที รัพย์ ง. รศู้ าสนพิธี ค. ธัมมาธปิ เตยยะ ง. ถกู ทกุ ข้อ ๒๙. พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงธรรมแกใ่ ครเป็นญาตตั ถจรยิ า ? ๔๑. คาวา่ สัจจญาณ หมายถงึ หยั่งรอู้ ะไร ? ก. พทุ ธบดิ า ข. สัตวโ์ ลก ก. ทกุ ข์ ข. สมุทยั ค. เทวดา ง. ประชาชน ค. นิโรธ ง. อรยิ สัจ ๓๐. การเวียนวา่ ยตายเกดิ มอี ะไรเป็นสาเหตุ ? ๔๒. ขอ้ ใด เปน็ กจิ จญาณในอรยิ สจั ๔ ? ก. กิเลส กรรม วบิ าก ข. ราคะ โทสะ โมหะ ก. รู้ความจริง ข. รู้สง่ิ ที่ควรทา ค. กศุ ล อกุศล ง. ทาน ศีล ภาวนา ค. รู้ส่งิ ทที่ าแลว้ ง. ร้อู นาคต ๓๑. ในเรอ่ื งวัฏฏะ ขอ้ ใดจดั เปน็ วบิ าก ? ๔๓. ขอ้ ใด ไมจ่ ดั เป็นกามตณั หา ? ก. กรรม ข. ขอขมากรรม ก. อยากมบี ้าน ข. อยากมีรถ ค. ทากรรม ง. รบั กรรม ค. อยากรวย ง. อยากเป็นเทพ ๓๒. ขอ้ ใดเป็นความหมายของสกิ ขาในพระพทุ ธศาสนา ? ๔๔. ขอ้ ใด จัดเป็นวภิ วตัณหา ? ก. ฝกึ หดั กายวาจาใจ ข. เรียนหนังสอื ก. อยากเปน็ เศรษฐี ข. อยากไปสวรรค์ ค. สาธยายมนต์ ง. เจรญิ สมาธิ ค. อยากเปน็ พระอรหนั ต์ ง. อยากเปน็ นักกีฬา ๓๓. ผถู้ กู กามวติ กครอบงา มีพฤติกรรมเชน่ ไร ? ๔๕. คนท่ถี ูกหว้ งนา้ คือทิฏฐิท่วมทบั มลี กั ษณะเช่นใด ? ก. คดิ ปองร้าย ข. คิดเบยี ดเบียน ก. ยนิ ดใี นกาม ข. ติดในยศ ค. คิดหาลาภในทางผิด ง. คดิ ใสร่ า้ ย ค. เห็นผิดเปน็ ถกู ง. หลงงมงาย ๓๔. ขอ้ ใด ไมจ่ ดั เปน็ พยาบาทวติ ก ? ๔๖. ขอ้ ใด เป็นผลของการปฏิบัติตามอนุสาสนปี าฏหิ ารยิ ์ ? ก. คดิ แกแ้ ค้น ข. คดิ อาฆาต ก. ให้พน้ ทกุ ข์ ข. ให้พ้นภยั ค. คดิ เบยี ดเบยี น ง. คดิ ปองร้าย ค. แสดงฤทธไิ์ ด้ ง. ทายใจคนได้ ๓๕. ความคิดเช่นไร จัดเป็นกุศลวิตก ? ๔๗. พระสุตตนั ตปฎิ กว่าด้วยเร่ืองอะไร ? ก. คิดทาความดี ข. คดิ ทาลาย ก. ระเบียบแบบแผน ข. คาสั่งและคาสอน ค. คดิ ตดั รอน ง. คิดใสร่ า้ ย ค. ธรรมและบุคคล ง. ธรรมอยา่ งเดยี ว
๔๐ ๔๘. พุทธจริยาคืออะไร ? ๖๐. คนยึดธรรมเป็นใหญ่ มีลักษณะเชน่ ไร ? ก. บารมพี ระพุทธเจา้ ข. คาสอนพระพุทธเจา้ ก. เห็นแกพ่ วกพ้อง ข. เหน็ แก่ความถูกต้อง ค. ประวตั ิพระพทุ ธเจา้ ง. จรยิ าวัตรพระพุทธเจ้า ค. เห็นแก่ประโยชนต์ น ง. เหน็ แกค่ วามถูกใจ ๔๙. พระพุทธองค์เสดจ็ โปรดพทุ ธบดิ า จัดเปน็ จรยิ าใด ? ๖๑. ข้อใด จัดเปน็ ภวตณั หา ? ก. โลกัตถจรยิ า ข. ญาตัตถจริยา ก. อยากเปน็ ใหญ่ ข. อยากได้รับคาชม ค. พุทธัตถจรยิ า ง. อัตถจรยิ า ค. อยากได้ของฝาก ง. อยากได้รับยกย่อง ๕๐. วฏั ฏะ มคี วามหมายตรงกบั ข้อใด ? ๖๒. ความอยากใด จดั เป็นวิภวตณั หา ? ก. ความแกเ่ จบ็ ตาย ข. การหมนุ ของกรรม ก. อยากออกจากตาแหนง่ ข. อยากมียศถาบรรดาศักดิ์ ค. ความไมเ่ ทยี่ งเปน็ ทุกข์ ง. การเวยี นวา่ ยตายเกิด ค. อยากเป็นมหาเศรษฐี ง. อยากเกิดบนสวรรค์ ๕๑. เพราะเหตใุ ดมนุษย์จึงเวียนว่ายตายเกิด ? ๖๓. ขอ้ ใด จดั เปน็ อนุสาสนปี าฏหิ ารยิ ะ ? ก. ทากรรมช่วั ข. รบั ผลกรรม ก. จงู ใจคนได้ ข. ลอ่ งหนได้ ค. มกี เิ ลสกรรมวบิ าก ง. มโี ลกนีโ้ ลกหนา้ ค. ดาดินได้ ง. ทายใจคนได้ ๕๒. ข้อใด จดั เปน็ อธจิ ติ ตสกิ ขา ? ๖๔. ขอ้ ใด จดั เปน็ พระวนิ ัยปฎิ ก ? ก. สมั มาทฏิ ฐิ ข. สมั มากมั มนั ตะ ก. คาอธบิ าย ข. คาส่งั ค. สัมมาอาชวี ะ ง. สมั มาสมาธิ ค. คาสอน ง. คาแนะนา ๕๓. ถกู ทารา้ ย ไม่คดิ จองเวร ปฏบิ ัติอปัสเสนธรรมข้อใด ? ๖๕. ข้อใด จัดเปน็ โลกตั ถจรยิ า ? ก. พจิ ารณาแล้วเสพ ข. พิจารณาแลว้ อดกลน้ั ก. โปรดสัตวโ์ ลก ข. สงเคราะหพ์ ระญาติ ค. พิจารณาแลว้ เว้น ง. พจิ ารณาแล้วบรรเทา ค. ประกาศพระศาสนา ง. บัญญตั ิสกิ ขาบท ๕๔. จะบรรเทาพยาบาทวิตกด้วยวธิ ีใด ? ๖๖. ขอ้ ใด จัดเป็นพุทธัตถจริยา ? ก. แผเ่ มตตา ข. รักษาศลี ก. บญั ญตั ิสกิ ขาบท ข. สงเคราะห์ชาวโลก ค. สวดมนต์ ง. ฟงั ธรรม ค. โปรดพุทธบิดา ง. โปรดเวไนยสตั ว์ ๕๕. วิหิงสาวติ กมอี ะไรเปน็ มูลเหตุ ? ๖๗. ข้อใด จัดเปน็ กรรมในวฏั ฏะ ? ก. ราคะ ข. โลภะ ก. เกิดกิเลส ข. ทากรรม ค. โทสะ ง. โมหะ ค. รบั ผลกรรม ง. เวยี นวา่ ยตายเกดิ ๕๖. อะไรเปน็ เหตุใหเ้ กิดความสขุ ทางใจ ? ๖๘. อธสิ ีลสกิ ขา คอื อะไร ? ก. ใช้จา่ ยทรัพย์ ข. ใชช้ ีวติ พอเพยี ง ก. การฝกึ กาย วาจา ข. การรักษาจิต ค. มีสุภาพแข็งแรง ง. มีทรัพยส์ มบัติ ค. การรสู้ ภาวธรรม ง. การอบรมจติ ๕๗. ราคะ โทสะ โมหะ จดั เป็นไฟเพราะเหตใุ ด ? ๖๙. อปสั เสนธรรมข้อพิจารณาแล้วอดกลั้น ควรใช้เม่ือใด ก. เผาโลกใหเ้ ร่ารอ้ น ข. เผากเิ ลสใหเ้ รา่ รอ้ น ก. ถกู ทุกขเวทนาครอบงา ข. ถูกกเิ ลสครอบงา ค. เผาจิตใจใหเ้ รา่ รอ้ น ง. เผากายใหเ้ รา่ รอ้ น ค. ถูกความเสื่อมครอบงา ง. ถกู พยาบาทครอบงา ๕๘. กเิ ลสใด ทาใจคนให้มดื บอด ? ๗๐. อปสั เสนธรรมข้อว่า พิจารณาแลว้ เวน้ ตรงกบั ข้อใด ? ก. ราคะ ข. รษิ ยา ก. ทุกขเวทนา ข. บัณฑิต ค. โทสะ ง. โมหะ ค. ยารกั ษาโรค ง. คนพาล ๕๙. อัตตาธปิ เตยยะ มีความหมายตรงกับข้อใด ? ๗๑. ถูกเพ่อื นด่า ควรใช้อปสั เสนธรรมข้อใด ? ก. ถือตนเปน็ ใหญ่ ข. ถือสังคมเป็นใหญ่ ก. รับรู้ ข. อดกล้ัน ค. ถอื พวกพ้องเปน็ ใหญ่ ง. ถอื ความถูกต้องเปน็ ใหญ่ ค. เวน้ ง. บรรเทา
๔๑ ๗๒. ยนิ ดเี มอ่ื เพ่ือนสอบได้ จดั วา่ มอี ปั ปมัญญาข้อใด ? ๘๔. อริยบุคคลชนั้ ไหน ละสงั โยชนท์ ้ัง ๑๐ ได้ ? ก. เมตตา ข. กรณุ า ก. โสดาบัน ข. สกทาคามี ค. มุทติ า ง. อุเบกขา ค. อนาคามี ง. อรหันต์ ๗๓. ข้อใด จัดเป็นขา้ ศกึ ของเมตตา ? ๘๕. เม่อื ความทุกขเ์ กิดข้นึ ควรปฏิบัติอยา่ งไร ? ก. ความรัก ข. ความโลภ ก. ควรทาใหเ้ จรญิ ข. ควรทาใหแ้ จง้ ค. ความหลง ง. ความพยาบาท ค. ควรละ ง. ควรกาหนดรู้ ๗๔. พระอรหนั ต์ ตรงกับข้อใด ? ๘๖. สมทุ ยั คือเหตแุ ห่งทุกขเ์ กิดขนึ้ ควรปฏิบตั อิ ยา่ งไร ? ก. ถงึ กระแสนพิ พาน ข. ไกลจากกเิ ลส ก. ควรทาให้เจริญ ข. ควรทาให้แจง้ ค. เกิดครง้ั เดยี ว ง. ไมเ่ กดิ อกี ค. ควรละ ง. ควรกาหนดรู้ ๗๕. คนถูกหว้ งนา้ คอื อวิชชาท่วมทบั มลี ักษณะเช่นไร ? ๘๗. ผู้ใดต้องได้รบั การอุปสมบทจากสงฆ์ ๒ ฝา่ ย ? ก. หลงงมงาย ข. ยดึ ติดตาแหน่ง ก. ภิกษุ ข. ภกิ ษณุ ี ค. เหน็ ผิด ง. ยนิ ดใี นกาม ค. อบุ าสก ง. อุบาสิกา ๗๖. ปหานกจิ ในอรยิ สจั ๔ หมายถงึ ละอะไร ? ๘๘. ผู้ใดสกั แตว่ ่าฟงั แต่ไม่สามารถรบั คาแนะนาได้ ? ก. โลภะ ข. โทสะ ก. อคุ ฆติตัญญู ข. วปิ จติ ญั ญู ค. โมหะ ง. ตณั หา ค. เนยยะ ง. ปทปรมะ ๗๗. เมอื่ นโิ รธเกิดข้ึน ควรปฏิบตั อิ ยา่ งไร ? ๘๙. ผรู้ ูธ้ รรมเพยี งแค่ฟังหัวข้อ ได้แก่บคุ คลประเภทใด ? ก. ควรทาใหเ้ จริญ ข. ควรทาใหแ้ จ้ง ก. อคุ ฆติตญั ญู ข. วปิ จติ ญั ญู ค. ควรละ ง. ควรกาหนดรู้ ค. เนยยะ ง. ปทปรมะ ๗๘. เนยยะบคุ คล ตรงกบั ข้อใด ? ๙๐. ขอ้ ใด เปน็ อารมณข์ องอัปปมัญญา ? ก. ผ้รู ู้ธรรมทันที ข. ผู้รธู้ รรมเม่ืออธบิ าย ก. ตน้ ไม้ ข. ภเู ขา ค. ผู้พอฝกึ ได้ ง. ผสู้ ักแตว่ า่ ฟงั ค. แมน่ ้า ง. สรรพสตั ว์ ๗๙. มรรคระดับใด เป็นเหตุละโอรมั ภาคยิ สงั โยชนท์ งั้ ๕ ? ๙๑. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่อานสิ งสข์ องการเจริญเมตตา ? ก. โสดาปัตติมรรค ข. สกทาคามิมรรค ก. หลบั เปน็ สขุ ข. ตื่นเปน็ สขุ ค. อนาคามิมรรค ง. อรหัตตมรรค ค. ไม่ฝันรา้ ย ง. ไมม่ ีโรคภัย ๘๐. การภาวนาข้อใด จัดเปน็ อปั ปมัญญา ? ๙๒. สังโยชนข์ อ้ ใดที่พระโสดาบันละไม่ได้ ? ก. ไมเ่ จาะจง ข. เจาะจงบุคคล ก. สกั กายทฏิ ฐิ ข. วจิ ิกจิ ฉา ค. เจาะจงสตั ว์ ง. เจาะจงตนเอง ค. สีลัพพตปรามาส ง. กามราคะ ๘๑. ข้อใด มคี วามหมายตรงกับพระโสดาบัน ? ๙๓. โอฆะ เปน็ ชอ่ื ของอะไร ? ก. ผูถ้ ึงกระแสนพิ พาน ข. ผจู้ ะเกิดอีกครงั้ เดียว ก. กเิ ลส ข. หว้ งน้า ค. ผไู้ มม่ าสู่โลกนอ้ี ีก ง. ผไู้ กลจากกิเลส ค. อาสวะ ง. สงั โยขน์ ๘๒. อรยิ บคุ คลระดบั ใด ไม่สามารถครองเพศคฤหสั ถ์ได้ ? ๙๔. โอฆะข้อใด ทาใหเ้ กิดความเหน็ ผิด ? ก. โสดาบนั ข. สกทาคามี ก. กาโมฆะ ข. ภโวฆะ ค. อนาคามี ง. อรหันต์ ค. ทฏิ โฐฆะ ง. อวิชโชฆะ ๘๓. อริยบุคคลชั้นไหน ละกามราคะได้ ? ๙๕. ข้อใด ไมใ่ ช่คณุ สมบตั ิของอุบาสกอุอาสิกา ? ก. โสดาบัน ข. สกทาคามี ก. เช่ือกรรม ข. เช่อื มงคลตืน่ ข่าว ค. อนาคามี ง. ถกู ทกุ ขอ้ ค. มีศรัทธา ง. มีศีลบรสิ ุทธ์ิ
๔๒ ๙๖. เนยยะ ไดแ้ กบ่ ุคคลประเภทใด ? ๑๐๘. ขอ้ ใด ไม่ใช่อานิสงส์ของการบริจาคทาน ? ก. ผู้รธู้ รรมไดท้ ันที ข. ผู้ร้ธู รรมเมื่ออธบิ ายความ ก. มีฐานะรา่ รวย ข. เปน็ ที่รกั ของมหาชน ค. ผ้พู อแนะนาได้ ง. ผูส้ ักแตว่ ่าฟงั ค. มชี ่อื เสียง ง. มคี นอยากคบหา ๙๗. บคุ คลใด เปรยี บเหมอื นบัวเสมอนา้ ? ๑๐๙. ขอ้ ใด จัดเป็นความหมายของอาวาสมจั ฉริยะ ? ก. อคุ ฆติตัญญู ข. วิปจิตญั ญู ก. หวงท่อี ยูอ่ าศยั ข. หวงเงนิ ทอง ค. เนยยะ ง. ปทปรมะ ค. หวงวิชาความรู้ ง. หวงวงศ์สกลุ ๙๘. ผู้บรรลมุ รรคใด ทา ราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลง ? ๑๑๐. เวทนาเกิดข้ึนได้เพราะอาศัยอะไร ? ก. โสดาปัตตมิ รรค ข. สกทาคามิมรรค ก. สัมผัส ข. กเิ ลส ค. อนาคามิมรรค ง. อรหัตตมรรค ค. กรรม ง. ตณั หา ๙๙. กามาทีนวกถา กลา่ วถงึ เรื่องใด ? ๑๑๑. คนโทสจรติ มีลกั ษณะเชน่ ใด ? ก. ทาน ข. สวรรค์ ก. รักสวยรกั งาม ข. โกรธงา่ ย ค. การออกบวช ง. โทษของกาม ค. หลงงมงาย ง. เชื่องา่ ย ๑๐๐. ความตระหนี่อะไร จดั เปน็ ธมั มมัจฉริยะ ? ๑๑๒. คนโทสจริต ควรแกด้ ว้ ยกมั มฏั ฐานใด ? ก. ความดี ข. ความรู้ ก. เมตตา ข. อสภุ ะ ค. ทอ่ี ยู่ ง. ตระกลู ค. อนสุ สติ ง. อานาปานสติ ๑๐๑. บญุ บาป จดั เปน็ มารประเภทใด ? ๑๑๓. ธรรมคุณวา่ สนฺทฏิ ฺฐโิ ก ตรงกบั ข้อใด ? ก. ขนั ธมาร ข. กิเลสมาร ก. ไม่จากดั กาล ข. เหน็ ไดด้ ้วยตนเอง ค. อภิสังขารมาร ง. มัจจุมาร ค. เรยี กใหม้ าดู ง. นอ้ มมาใสต่ น ๑๐๒. สัคคกถากลา่ วถึงเรื่องใด ? ๑๑๔. ทา้ ให้มาพิสจู นไ์ ด้ ตรงกบั ธรรมคุณบทใด ? ก. ทาน ข. ศลี ก. สนทฺ ฏิ ฐฺ ิโก ข. อกาลิโก ค. สวรรค์ ง. ออกบวช ค. เอหปิ สฺสิโก ง. โอปนยโิ ก ๑๐๓. ความตระหนอ่ี ะไร จัดเปน็ วณั ณมัจฉรยิ ะ ? ๑๑๕. คนมปี กติรกั สวยรักงาม ควรแกด้ ว้ ยกัมมัฏฐานใด ? ก. ความดี ข. ความรู้ ก. อสุภะ ข. เมตตา ค. ท่อี ยู่ ง. ตระกูล ค. อานาปานสติ ง. อนสุ สติ ๑๐๔. คาว่า มาร เปน็ โทษทล่ี ้างผลาญอะไร ? ๑๑๖. คนสทั ธาจริต มีลกั ษณะเชน่ ใด ? ก. ความดี ข. ความชัว่ ก. เชอื่ งา่ ย ข. โกรธงา่ ย ค. ความเศรา้ หมอง ง. ความทุกข์ ค. เขลางมงาย ง. รักสวยรกั งาม ๑๐๕. ความป่วยไข้ จัดเป็นมารประเภทใด ? ๑๑๗. ธรรมคณุ วา่ ปจฺจตตฺ เวทติ พโฺ พ วญิ ฺญหู ิ ตรงกบั ข้อใด ? ก. ขันธมาร ข. กเิ ลสมาร ก. ไม่จากดั กาล ข. เรียกใหม้ าดู ค. อภสิ งั ขารมาร ง. มัจจุมาร ค. รไู้ ด้เฉพาะตน ง. น้อมมาใส่ตน ๑๐๖. อุเบกขาในเวทนา ๕ หมายถึง วางเฉยในสิง่ ใด ? ๑๑๘. คนราคจริต มีลักษณะอย่างไร ? ก. หมสู่ ัตว์ ข. ความดี ก. อวดดี ข. ชอบโออ้ วด ค. การงาน ง. สขุ ทุกข์ ค. ข่มคนอนื่ ง. โมโหร้าย ๑๐๗. พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงอนุปุพพกิ ถาเพอื่ ประโยชน์ ? ๑๑๙. คนราคจริต ควรเจริญกมั มัฏฐานอะไร ? ก. ฟอกอธั ยาศัยใหห้ มดจด ข. กาจดั กิเลส ก. อสภุ ะ ข. พรหมวหิ าร ค. ขจัดความตระหน่ี ง. ละความเห็นแก่ตัว ค. อานาปานสติ ง. อนุสสติ
๔๓ ๑๒๐. เอหิปสสฺ ิโก มคี วามหมายอย่างไร ? ๑๓๒. สงั ฆคณุ วา่ ญายปฏปิ นฺโน ตรงกับขอ้ ใด ? ก. เห็นไดด้ ว้ ยตนเอง ข. ไมจ่ ากดั กาล ก. ปฏิบัตดิ ี ข. ปฏิบตั ิตรง ค. ควรเรียกใหม้ าดู ง. ควรน้อมเข้ามา ค. ปฏิบัติเพ่อื รแู้ จง้ ง. ปฏบิ ัตสิ มควร ๑๒๑. เหน็ นามรูปโดยสามญั ญลกั ษณะ จดั เป็นวสิ ุทธใิ ด ? ๑๓๓. ทรงรคู้ วามเป็นไปของสรรพสิ่ง เป็นพทุ ธคุณข้อใด ? ก. สีลวิสุทธิ ข. จิตตวิสุทธิ ก. สุคโต ข. โลกวิทู ค. ทฏิ ฐิวสิ ทุ ธิ ง. ญาณทสั สนวสิ ุทธิ ค. พทุ ฺโธ ง. ภควา ๑๒๒. ธรรมขอ้ ใด เปรียบเหมือนรถ ๗ ผลัด ? ๑๓๔. พทุ ธคณุ ขอ้ ใด เปน็ เหตุให้พระพทุ ธศาสนาเจริญ ? ก. อริยทรพั ย์ ๗ ข. โพชฌงค์ ๗ ก. สมฺมาสมฺพุทโฺ ธ ข. วิชชฺ าจรณสมปฺ นโฺ น ค. อปริหานยิ ธรรม ๗ ง. วสิ ทุ ธิ ๗ ค. อนตุ ฺตโร ปรุ สิ ทมมฺ สารถิ ง. สตฺถา เทวมนสุ ฺสาน ๑๒๓. ญาณเปน็ เครื่องข้ามพ้นความสงสยั เป็นวิสทุ ธอิ ะไร ? ๑๓๕. พระสงฆช์ ือ่ วา่ สามจี ิปฏปิ นฺโน เพราะปฏบิ ัตเิ ชน่ ไร ? ก. จติ ตวสิ ทุ ธิ ข. ญาณทสั สนวสิ ุทธิ ก. ปฏิบตั ดิ ี ข. ปฏบิ ตั ิตรง ค. ทิฏฐวิ สิ ุทธิ ง. กงั ขาวิตรณวิสทุ ธิ ค. ปฏบิ ตั ิเป็นธรรม ง. ปฏิบัตสิ มควร ๑๒๔. ขอ้ ใด ไมจ่ ัดเข้าในอวชิ ชา ๘ ? ๑๓๖. เปน็ ผูค้ วรของทาบญุ ตรงกับสงั ฆคุณข้อใด ? ก. ไม่รเู้ หตแุ หง่ ทุกข์ ข. ไมร่ ู้ปฏิจจสมุปบาท ก. อาหเุ นยโฺ ย ข. ปาหเุ นยโฺ ย ค. ไม่รู้อดีตอนาคต ง. ไมร่ ู้หลกั วชิ า ค. ทกขฺ ิเณยฺโย ง. อญชฺ ลิกรณีโย ๑๒๕. เหตุเกิดแห่งทกุ ข์ ได้แก่อะไร ? ๑๓๗. บารมีในทางพระพุทธศาสนา ตรงกบั ข้อใด ? ก. ตัณหา ข.อวิชชา ก. อานาจวาสนา ข.โชคลาภ ค. อาสวะ ง. อุปาทาน ค. บุญญาธิการ ง. คุณธรรมอนั ยวดย่ิง ๑๒๖. ทางถึงความดบั ทุกข์ ไดแ้ ก่อะไร ? ๑๓๘. ต้ังใจงดเหล้าเขา้ พรรษา ช่ือว่าบาเพญ็ บารมใี ด ? ก. ไตรสิกขา ข. มรรค ก. ขันติบารมี ข. ศีลบารมี ค. นโิ รธ ง. ปฏจิ จสมุปบาท ค. วริ ิยบารมี ง. อธษิ ฐานบารมี ๑๒๗. คาว่า ผรู้ ู้ ผู้ตืน่ ผเู้ บิกบาน ตรงกับข้อใด ? ๑๓๙. พระเวสสันดร บาเพ็ญบารมีใดเป็นพิเศษ ? ก. อรห ข. พทุ โฺ ธ ก. ทานบารมี ข. ศีลบารมี ค. ภควา ง. โลกวทิ ู ค. เนกขัมมบารมี ง. เมตตาบารมี ๑๒๘. พทุ ธคณุ ว่า โลกวิทู ตรงกบั ข้อใด ? ๑๔๐. พระมหาชนกโพธสิ ตั ว์ ทรงยง่ิ ดว้ ยบารมีใด ? ก. ตรัสรู้ชอบเอง ข. ผูเ้ สด็จไปดแี ลว้ ก. วริ ิยบารมี ข. ขันตบิ ารมี ค. ผู้รแู้ จง้ โลก ง .ผจู้ าแนกธรรม ค. ทานบารมี ง. ศีลบารมี ๑๒๙. สังฆคณุ ว่า สามจี ิปฏปิ นฺโน ตรงกบั ข้อใด ? ๑๔๑.บรจิ าคไตใหโ้ รงพยาบาล จัดเป็นบารมอี ะไร ? ก. ปฏิบัตดิ ี ข. ปฏิบัตถิ กู ทาง ก. ทานบารมี ข. ทานอุปบารมี ค. ปฏิบตั ิตรง ง. ปฏิบตั ิสมควร ค. ทานปรมัตถบารมี ง. มหาบารมี ๑๓๐. ผคู้ วรรับของทาบญุ ตรงกับสังฆคณุ ข้อใด ? ๑๔๒. การศกึ ษาธรรมให้เกิดความรู้ จัดวา่ บาเพญ็ บารมีใด ? ก. อาหเุ นยฺโย ข. ปาหุเนยโฺ ย ก. ปญั ญาบารมี ข. วิริยบารมี ค. ทกขฺ เิ ณยฺโย ง. อญฺชลิกรณโี ย ค. ขันตบิ ารมี ง. สัจจบารมี ๑๓๑. พุทธคณุ วา่ ภควา ตรงกับข้อใด ? ๑๔๓. กรรมใด ใหผ้ ลตามคราว ? ก. ผู้ไกลจากกิเลส ข. ผเู้ สด็จไปดี ก. อปราปรเวทนียกรรม ข. ชนกกรรม ค. ผ้รู ูแ้ จง้ โลก ง. ผู้มีโชค ค. ครุกรรม ง. พหุลกรรม
๔๔ ๑๔๔. กรรมใด ใหผ้ ลก่อนกรรมอืน่ ทัง้ หมด ? ก. ครุกรรม ข. พหลุ กรรม ค. อาสันนกรรม ง. กตตั ตากรรม ๑๔๕. อาสันนกรรมมแี ก่ใคร ? ก. คนป่วยไข้ ข. คนใกล้ตาย ค. คนถูกจองจา ง. คนตายแลว้
๔๕ แนวข้อสอบธรรมศึกษาชั้นโท วชิ าอนุพุทธประวตั ิ ๑๒. ปัญจวคั คียท์ อดทิง้ พระมหาบรุ ษุ ไป เพราะสาเหตุใด ? เลือกคำตอบที่ถูกต้องเพยี งข้อเดยี ว ก. ส้ินความรกั ข. สิ้นความหวัง ๑. ผตู้ รสั รตู้ ามพระพุทธเจา้ ตรงกับข้อใด ? ค. สน้ิ ความอดทน ง. สน้ิ ความเพียร ก. พระปจั เจกพุทธเจา้ ข. พระโสดาบนั ๑๓. วาจาเช่นน้เี ราไดเ้ คยพดู แล้วในปางกอ่ นหรือใครกล่าว ? ค. พระอนพุ ุทธะ ง. พระอนาคามี ก. พระพุทธเจา้ ข. พระโกณฑัญญะ ๒. ผ้แู รกเขา้ ถึงกระแสพระนิพพาน เป็นความหมายขอ้ ใด ? ค. พระอสั สชิ ง. พระสารีบตุ ร ก. พระโสดาบนั ข. พระสกทาคามี ๑๔. พระอญั ญาโกณฑัญญะเผยแผ่พระศาสนาครั้งแรกท่ใี ด? ค. พระอนาคามี ง. พระอรหนั ต์ ก. พาราณสี ข. กบลิ พสั ด์ุ ๓. ผไู้ ด้รับยกย่องวา่ เลิศในทางนั้น ๆ เรยี กว่าอะไร ? ค. โทณวัตถคุ าม ง. อรุ ุเวลาเสนานิคม ก. อรยิ บคุ คล ข. สาวก ๑๕. พระอัญญาโกณฑัญญะ กอ่ นบวชเชย่ี วชาญศาสตรใ์ ด ? ค. เอตทคั คะ ง. พหสู ูต ก. ศาสนศาสตร์ ข. ดาราศาสตร์ ๔. ขอ้ ใด มใิ ช่หวั ขอ้ ธรรมในอนุปุพพีกถา ? ค. โหราศาสตร์ ง. ไสยศาสตร์ ก. ทาน ข. ศลี ๑๖. พระสาวกท่ไี ด้รบั ยกย่องวา่ มบี ริวารมาก ชือ่ ว่าอะไร ? ค. ภาวนา ง. เนกขมั มะ ก. อุรเุ วลกัสสปะ ข. นทกี สั สปะ ๕. ข้อใด เป็นความหมายของคาวา่ อนุพุทธะ ? ค. คยากสั สปะ ง. มหากัสสปะ ก. พระสาวกผตู้ ดิ ตามพระพทุ ธเจา้ ๑๗. พระพทุ ธเจ้าทรงแสดงอาทิตตปรยิ ายสตู ร ณ ท่ใี ด ? ข. พระสาวกผูป้ ระพฤตติ ามพระพุทธเจา้ ก. อุรเุ วลาเสนานิคม ข. คยาสีสะ ค. พระสาวกผ้บู วชตามพระพุทธเจา้ ค. เชตวนั ง. เวฬวุ ัน ง. พระสาวกผูต้ รสั ร้ตู ามพระพทุ ธเจา้ ๑๘. ใครเป็นกาลังสาคญั ประกาศพระศาสนาทแี่ ควน้ มคธ ? ๖. นับตงั้ แต่พระพุทธเจ้าตรสั รถู้ ึง พ.ศ.๒๕๕๙ เปน็ เวลากปี่ ี ? ก. พระอสั สชิ ข. พระมหากัสสปะ ก. ๒๖๐๔ ปี ข. ๒๖๐๐ ปี ค. พระสารีบุตร ง. พระอรุ เุ วลกัสสปะ ค. ๒๖๓๕ ปี ง. ๒๖๔๐ ปี ๑๙. พระอุรเุ วลกัสสปะออกบวช เพราะสาเหตใุ ด ? ๗. การไดร้ ับยกย่องว่าเป็นผเู้ ลศิ ในทางนนั้ ๆ ตรงกบั ข้อใด ? ก. พระพทุ ธเจา้ ทรมานด้วยฤทธ์ิ ก. อริยบุคคล ข. อริยสาวก ข. กลัวอภินหิ ารของพระพทุ ธเจ้า ค. เอตทัคคะ ง. พหูสูต ค. พระพุทธเจ้าทรงขอร้องให้บวช ๘. บคุ คลผูบ้ รรลุธรรมตามพระพุทธเจา้ ตรงกับขอ้ ใด ? ง. เหน็ ว่าลทั ธิของตนไม่มแี กน่ สาร ก. พุทธะ ข. อนุพทุ ธะ ๒๐. ขอ้ ใด ไม่เกีย่ วข้องกับชฎิล ๓ พ่ีน้อง ? ค. ปัจเจกพุทธะ ง. พทุ ธานพุ ทุ ธะ ก. มีชีวิตคู่ ข. เป็นนกั บวช ๙. พระเถระรูปใดบวชด้วยเอหภิ กิ ขุอุปสมั ปทาเป็นรูปแรก ? ค. จบไตรเพท ง. มีบรวิ ารมาก ก. พระโกณฑญั ญะ ข. พระวัปปะ ๒๑. พระอุรเุ วลกัสสปะบรรลุธรรม ณ สถานท่ีใด ? ค. พระอสั สชิ ง. พระยสะ ก. ราชคฤห์ ข. อุรเุ วลาเสนานคิ ม ๑๐. อญญฺ าสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ แปลวา่ อย่างไร ? ค. นาลนั ทา ง. คยาสีสะ ก. โกณฑญั ญะบรรลุแล้ว ข. โกณฑญั ญะไดร้ ู้แล้ว ๒๒. สหายของอุปตสิ สมาณพ คอื ใคร ? ค. โกณฑัญญะเห็นแล้ว ง. โกณฑัญญะปลงแล้ว ก. ตปสุ สะ ข. ภลั ลกิ ะ ๑๑. พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นรัตตัญญู เพราะเหตุใด ? ค. โกลิตะ ง. อชิตะ ก. รธู้ รรมก่อนใคร ข. บวชก่อนใคร ค. มปี ระสบการณ์มาก ง. มคี วามรมู้ าก
๔๖ ๒๓. อปุ ติสสมาณพเลื่อมใสในพระอสั สชิ เพราะเหตุใด ? ๓๕. โกลติ ปรพิ าชกและพระโมคคลั ลานะ เก่ยี วข้องกนั ? ก. รูปรา่ งดี ข. วจีไพเราะ ก. เป็นพีน่ ้องกนั ข. เปน็ สหายกนั ค. สารวมดี ง. เทศนไ์ พเราะ ค. เปน็ ศิษยก์ บั อาจารย์ ง. เป็นบุคคลเดยี วกัน ๒๔. พระสาวกเป็นพระอปุ ัชฌายบ์ รรพชาสามเณรคร้งั แรก ? ๓๖. พระสาวกรปู ใดบรรลพุ ระอรหตั ผลขณะปลงผมเสร็จ ? ก. พระโมคคัลลานะ ข. พระสารีบตุ ร ก. พระสีวลี ข. พระเรวตะ ค. พระอบุ าลี ง. พระมหากัสสปะ ค. พระสุภตู ิ ง. พระวังคีสะ ๒๕. พระสาวกผ้ไู ดร้ บั การยกย่องว่าเปน็ พระธรรมเสนาบดี ? ๓๗. พระมหากจั จายนะ ก่อนอุปสมบท มตี าแหนง่ อะไร ? ก. พระสวี ลี ข. พระอานนท์ ก. ปโุ รหิต ข. ทหารเอก ค. พระสารบี ุตร ง. พระมหากัสสปะ ค. เจา้ ลทั ธิ ง. เศรษฐี ๒๖. พระโมคคลั ลานะ บรรลุธรรมหลงั อุปสมบทแลว้ ก่วี ัน ? ๓๘. พระอบุ าลเี ถระ เกดิ ในตระกลู ใด ? ก. ๕ วนั ข. ๗ วัน ก. ช่างจัดสวน ข. ช่างกอ่ สร้าง ค. ๑๐ วนั ง. ๑๕ วัน ค. ช่างตัดผม ง. ช่างจัดดอกไม้ ๒๗. นวกัมมาธิฏฐายเี ป็นคุณสมบัติของพระเถระรูปใด ? ๓๙. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ธุดงควตั รของพระมหากัสสปะ ? ก. พระอานนท์ ข. พระราธะ ก. ถือผ้าบังสกุ ลุ ข. เทยี่ วบิณฑบาต ค. พระโมคคลั ลานะ ง. พระสารีบุตร ค. อยู่ปา่ ง. อยปู่ า่ ช้า ๒๘. พระสาวกรูปใดถือธุดงค์ ๓ ขอ้ เปน็ วัตร ? ๔๐. วรรณะทงั้ ๔ ยอ่ มเสมอกันด้วยกรรม ใครกลา่ ว ? ก. พระอานนท์ ข. พระราธะ ก. พระมหากสั สปะ ข. พระมหากัจจายนะ ค. พระมหากสั สปะ ง. พระสารบี ตุ ร ค. พระอานนท์ ง. พระอนรุ ุทธะ ๒๙. พระสาวกผถู้ วายผา้ สงั ฆาฏขิ องตนให้พระพทุ ธเจา้ ใช้ ? ๔๑. พระสาวกรปู ใด บรรลพุ ระอรหัตกอ่ นบวช ? ก. พระมหากัสสปะ ข. พระสารีบุตร ก. พระอนุรทุ ธะ ข. พระมหากสั สปะ ค. พระอานนท์ ง. พระเรวตะ ค. พระมหากจั จายนะ ง. พระอานนท์ ๓๐. ผู้มีอายุ ท่านมีอินทรียผ์ ่องใส บวชจาเพาะใคร ใครพดู ? ๔๒. กจั จายนพราหมณ์ เคยดารงตาแหน่งปุโรหิตของใคร ? ก. อชติ มาณพ ข. ปุณณกมาณพ ก. พระเจ้าปเสนทโิ กศล ข. พระเจ้าจณั ฑปชั โชติ ค. อุปตสิ สมาณพ ง. โกลติ มาณพ ค. พระเจ้าพิมพสิ าร ง. พระเจา้ โกรัพยะ ๓๑. อุปตสิ สมาณพได้ดวงตาเห็นธรรม ฟงั ธรรมจากใคร ? ๔๓. พระพทุ ธเจ้าแสดงโทษการพดู มุสาแกใ่ คร ? ก. พระพุทธเจ้า ข. พระมหานามะ ก. พระนันทะ ข. พระราหลุ ค. พระอัสสชิ ง. พระยสะ ค. พระอานนท์ ง. พระอุบาลี ๓๒. อปุ ติสสะและโกลติ ะบวชเปน็ ปรพิ าชกในสานักของใคร? ๔๔. ราหุล เปน็ พระนามทต่ี งั้ ตามหลักใด ? ก. อชิตเกสกมั พล ข. สัญชยั เวลัฏฐบุตร ก. มงคลนาม ข. พิธีขนานนาม ค. ปรู ณกัสสปะ ง. มกั ขลิโคศาล ค. ฤษีตั้งให้ ง. คาอทุ านของบิดา ๓๓. บา้ นกลั ลวาลมตุ ตคามเป็นที่สาเร็จพระอรหนั ต์ของใคร? ๔๕. พระศาสดาทรงยกย่องพระราหุลวา่ เปน็ เลิศดา้ นใด ? ก. พระสารีบตุ ร ข. พระโมคคัลลานะ ก. พหูสตู ข. มตี ระกูลสูง ค. พระมหากัสสปะ ง. พระยสะ ค. ใฝก่ ารศกึ ษา ง. ทรงพระวนิ ยั ๓๔. พระสาวกรูปใด เปรียบเหมือนแมน่ มเลีย้ งดบู ตุ ร ? ๔๖. ข้อใด มใิ ช่เอตทัคคะของพระอานนท์ ? ก. พระโมคคลั ลานะ ข. พระสารบี ตุ ร ก. แสดงธรรมไพเราะ ข. มีสติ ค. พระมหากัสสปะ ง. พระอุรุเวลกัสสปะ ค. พหสู ูต ง. มีความเพียร
๔๗ ๔๗. พระสาวกรปู ใด บรรลุพระอรหัตชา้ เพราะมีกจิ มาก ? ๕๘. พระเถรีรปู ใดได้รบั แต่งตั้งเปน็ อัครสาวิกาเบือ้ งขวา ? ก. พระสารีบตุ ร ข. พระอานนท์ ก. พระปชาบดีโคตมีเถรี ข. พระเขมาเถรี ค. พระโมคคัลลานะ ง. พระอนรุ ุทธะ ค. พระอุบลวรรณาเถรี ง. พระปฏาจาราเถรี ๔๘. พรข้อสดุ ทา้ ยพระอานนท์ทลู ขอพระพุทธเจา้ คอื ขอ้ ใด ? ๕๙. พระเถรีท่ีไดร้ ับแต่งตั้งเป็นอัครสาวิกาเบื้องซา้ ยคอื ใคร ? ก. อย่าประทานจีวรอนั ประณีต ก. พระปฏาจาราเถรี ข. พระอุบลวรรณาเถรี ข. อยา่ พาไปในที่นิมนต์ ค. พระกีสาโคตมีเถรี ง. พระเขมาเถรี ค. ถามข้อสงสัยได้ทกุ เวลา ๖๐. ผู้ใดเปน็ ต้นบัญญตั ิ หา้ มภกิ ษณุ ีอย่ใู นเสนาสนะปา่ ? ง. เม่อื ไม่อยู่ในที่นน้ั ขอใหแ้ สดงธรรมซา้ อีกครั้ง ก. พระปฏาจาราเถรี ข. พระอบุ ลวรรณาเถรี ๔๙. พระสาวกผู้อย่ใู นครรภม์ ารดาถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ? ค. พระกีสาโคตมีเถรี ง. พระเขมาเถรี ก. พระราหลุ ข. พระสวี ลี ๖๑. ผู้เคยเกิดเปน็ กณั หาธดิ าของพระเวสสนั ดรคือใคร ? ค. พระพากุละ ง. พระกงั ขาเรวตะ ก. พระปฏาจาราเถรี ข. พระอบุ ลวรรณาเถรี ๕๐. พระสวี ลี เปน็ เลศิ กว่าภิกษทุ ัง้ หลายในด้านใด ? ค. พระกสี าโคตมีเถรี ง. พระเขมาเถรี ก. มลี าภมาก ข. มีบรวิ ารมาก ๖๒.“นา้ ในสมุทรทั้ง ๔ ยังนอ้ ยกว่านา้ ตาของคนท่ถี ูกความ ค. มีบญุ มาก ง. มปี ัญญามาก ทกุ ข์ครอบงา” พระพุทธเจ้าตรัสแกใ่ คร ? ๕๑. ใครไดช้ ่อื ว่าเปน็ ภกิ ษุณรี ูปแรกในพระพทุ ธศาสนา ? ก. พระปฏาจาราเถรี ข. พระอบุ ลวรรณาเถรี ก. พระปชาบดฝี ดคตมเี ถรี ข. พระนางพิมพา ค. พระกีสาโคตมีเถรี ง. พระเขมาเถรี ค. พระกีสาโคตมีเถรี ง. พระปฏาจาราเถรี ๖๓. นางปฏาจาราเสียสติเพราะเรื่องใด ? ๕๒. พระนางปชาบดี ยอมรับสิง่ ใดจงึ ได้บวชเปน็ ภิกษุณี ? ก. ลกู ตาย ข. สามตี าย ก. ศลี ๘ ข. ครธุ รรม ๘ ค. พ่อแม่ตาย ง. ถกู ทุกขอ้ ค. ศลี ๒๒๗ ง. ศลี ๓๑๑ ๖๔. พระปฏาจาราเถรเี ห็นอะไรจึงไดบ้ รรลธุ รรม ? ๕๓. ผูท้ ที่ ูลขอใหส้ ตรบี วชในพระพุทธศาสนาไดค้ ือใคร ? ก. เปลวไฟ ข. ซากศพ ก. พระเจา้ พิมพสิ าร ข. พระอานนท์ ค. น้าลา้ งเทา้ ง. เปลวแดด ค. พระนางปชาบดี ง. พระเจา้ สุทโธทนะ ๖๕. พระปฏาจาราเถรไี ดร้ บั ยกยอ่ งทางด้านใด ๕๔. พระปชาบดีโคตมเี ถรีไดร้ ับยกย่องทางด้านใด ? ก. ทรงวินยั ข. ทรงจีวรเศรา้ หมอง ก. ทรงพระวินัย ข. มปี ัญญามาก ค. มีปญั ญามาก ง. มฤี ทธิม์ าก ค. รตั ตญั ญู รูร้ าตรนี าน ง. มบี รวิ ารมาก ๖๖. มชี ือ่ ว่า “กีสาโคตมี” เพราะมรี ูปรา่ งตรงกบั ข้อใด ? ๕๕. พระเถรีรูปใดบวชเพราะเห็นความไม่เทย่ี งของร่างกาย? ก. อ้วน ข. ผอม ก. พระปชาบดโี คตมีเถรี ข. พระอุบลวรรณาเถรี ค. หนา้ ตาดี ง. สูงใหญ่ ข. พระกีสาโคตมเี ถรี ง. พระเขมาเถรี ๖๗. กสี าโคตมีตามหาหมอเพ่ือใหร้ ักษาสิง่ ใด ? ๕๖. พระเขมาเถรกี ่อนอุปสมบทเคยเปน็ พระมเหสีของใคร ? ก. โรคประจาตวั ข. ลูกทปี่ ่วย ก. พระเจ้าพมิ พิสาร ข. พระเจา้ ปเสนทิโกศล ค. ลูกท่ีตายแลว้ ง. สามีทีถ่ กู งูกัด ค. พระเจ้าอชาตศัตรู ง. พระเจา้ สุทโธทนะ ๖๘. “สัตวท์ ั้งหลาย ยอ่ มเกิดดับเหมือนแสงประทปี ” ๕๗. พระเขมาเถรี ไดร้ บั ยกย่องทางดา้ นใด ? เกีย่ วขอ้ งกบั บคุ คลในข้อใด ? ก. มีปญั ญามาก ข. มีฤทธม์ิ าก ก. พระปฏาจาราเถรี ข. พระอุบลวรรณาเถรี ค. ทรงจาวนิ ยั ง. รูร้ าตรนี าน ค. พระกสี าโคตมีเถรี ง. พระเขมาเถรี
๔๘ ๖๙. มีบุญทาให้คนหายโงค่ ือสามเณรรปู ใด ? ๘๑. น้าตาของสตั วท์ ี่มีทุกข์มากกวา่ นา้ ในมหาสมทุ รใครพดู ? ก. บณั ฑติ สามเณร ข. สุขสามเณร ก. บณั ฑิตสามเณร ข. สังกิจจสามเณร ค. สมุ นสามเณร ง. วนวาสีติสสสามเณร ค. วนวาสีติสสสามเณร ง. สขุ สามเณร ๗๐. ผู้ทเ่ี คยทาบุญดว้ ยปลาตะเพียนแดงในชาติกอ่ นคือใคร? ๘๒. ช่อื ใดมีความหมายว่า “มีปกตอิ ยู่ในปา่ ” ? ก. บณั ฑติ สามเณร ข. สุขสามเณร ก. วนวาสตี ิสสะ ข. ปณิ ฑปาตทายกตสิ สะ ค. สุมนสามเณร ง. สงั กิจจสามเณร ค. กัมพลทายกตสิ สะ ง. อรญั ญวาสตี สิ สะ ๗๑. สามเณรบัณฑิต ท่ีไดช้ อ่ื อยา่ งน้ีเพราะเหตุใด ? ๘๓. สามเณรรูปใดไมใ่ ชศ่ ิษยข์ องพระสารบี ตุ ร ? ก. รทู้ นั คน ข. เจ้าเล่ห์ ก. สงั กิจจสามเณร ข. สุขสามเณร ค. ฉลาด ง. ปญั ญาทบึ ค. สมุ นสามเณร ง. บัณฑิตสามเณร ๗๒. ขอ้ ใดไม่ใช่เหตทุ าให้บัณฑิตสามเณรอยากปฏิบตั ธิ รรม ? ๘๔. พระอนรุ ทุ ธะเป็นเลิศทางด้านใด ? ก. คนถากไม้ ข. คนไขนา้ ก. ตาทพิ ย์ ข. หทู พิ ย์ ค. คนดดั ลกู ศร ง. คนตาย ค. ระลึกชาติ ง. รอู้ นาคต ๗๓. สามเณรรปู ใดถกู เผาตัง้ แต่อยู่ในท้องแต่ไม่ตาย ? ๘๕. ในอดตี พระอนุรุทธะเคยทาบุญรว่ มกับใคร ? ก. บณั ฑติ สามเณร ข. สังกิจจสามเณร ก. สงั กจิ จสามเณร ข. สขุ สามเณร ค. วนวาสีตสิ สสามเณร ง. สุขสามเณร ค. สุมนสามเณร ง. บณั ฑติ สามเณร ๗๔. สามเณรท่มี ีรอยแผลเปน็ ทห่ี างตาคือใคร ? ๘๖. สุมนสามเณรบรรลธุ รรมขณะทาสงิ่ ใด ? ก. สังกิจจสามเณร ข. สขุ สามเณร ก. กาลังปลงผม ข. ปลงผมเสร็จ ค. สุมนสามเณร ง. วนวาสีตสิ สสามเณร ค. ขณะห่มผา้ ง. ขณะบณิ ฑบาต ๗๕. สามเณรรูปใดยอมสละชีวิตเพื่อช่วยหม่ภู กิ ษจุ ากโจร ? ๘๗. สมุ นสามเณรนาสิ่งใดมาล้างพระบาทพระพทุ ธเจ้า ? ก. สงั กิจจสามเณร ข. สขุ สามเณร ก. น้าจากแมน่ ้าคงคา ข. น้าจากสระอโนดาต ค. สุมนสามเณร ง. วนวาสีตสิ สสามเณร ค. น้าจากสระฉทั ทนั ต์ ง. น้าจากเขาหิมาลยั ๗๖. สามเณรท่มี โี จร ๕๐๐ เปน็ บรวิ ารคอื ใคร ? ๘๘. พระพทุ ธเจ้าอุปสมบทใหส้ มุ นสามเณรดว้ ยวิธีใด ? ก. สงั กจิ จสามเณร ข. สุขสามเณร ก. เอหภิ ิกขุอุปสมั ปทา ข. ไตรสรณคมน์ ค. สมุ นสามเณร ง. วนวาสตี สิ สสามเณร ค. ญตั ตจิ ตุตถกัมมวาจา ง. ทายชั ชอปุ สมั ปทา ๗๗. อดตี ชาตยิ อมทางาน๓ปี แลกอาหารม้ือเดียวคือใคร ? ๘๙. อนาถบณิ ฑิกเศรษฐี ทา่ นมีชื่อเดิมว่าอย่างไร ? ก. สังกิจจสามเณร ข. สขุ สามเณร ก. สุทินนะ ข. สุทัตตะ ค. สมุ นสามเณร ง. วนวาสตี สิ สสามเณร ค. อนาถภตั ติกะ ง. สทุ านบดี ๗๘. นับแต่วนั ทีส่ ุขสามเณรจตุ เิ กดิ สงิ่ ใดแกญ่ าติ ? ๙๐. อนาถบณิ ฑิกเศรษฐสี รา้ งวัดใดถวายพระพุทธเจา้ ? ก. สติปญั ญาดี ข. ร่ารวย ก. วดั บุพพาราม ข. วัดเชตวัน ค. มีแตค่ วามสุข ง. ลาภสักการะ ค. วัดเวฬุวัน ง. วดั นิโครธาราม ๗๙. อดีตชาตเิ คยเปน็ สหายกับบดิ าของพระสารีบตุ รคือใคร? ๙๑. วัดทีอ่ นาถบิณฑิกเศรษฐสี ร้างต้ังชื่อตามส่งิ ใด ? ก. สังกิจจสามเณร ข. สุขสามเณร ก. ชอ่ื ผสู้ ร้าง ข. ชอื่ เจา้ ของทดี่ ิน ค. สมุ นสามเณร ง. วนวาสีตสิ สสามเณร ค. ชอ่ื หมูบ่ ้าน ง. ชอ่ื ต้นไม้ ๘๐. ช่อื ในขอ้ ใดไม่ใชบ่ ุคคลเดียวกนั ? ๙๒. อนาถบิณฑิกเศรษฐใี ชส้ งิ่ ใดซ้ือทส่ี ร้างวัด ? ก. ปณิ ฑปาตทายกตสิ สะ ข. กัมพลทายกติสสะ ก. เงนิ ข. ทองคา ค. วนวาสีตสิ สะ ง. อุปตสิ สะ ค. เพชร ง. เครื่องประดับ
๔๙ ๙๓. อนาถบณิ ฑิกเศรษฐีได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะฟังธรรม ๑๐๕. ข้อใดไม่เกย่ี วข้องกับนางวสิ าขา ? ใด? ก. วดั บุพพาราม ข. ยอดมหาอุบาสกิ า ก. อนุปพุ พกิ ถา ข. อรยิ สัจ ๔ ค. มหาลดาปสาธน์ ง.อสทสิ ทาน ค. มรรคมอี งค์ ๘ ง. ข้อ ก และ ข ถูก ๑๐๖. ขอ้ ใดคือความหมายของอสทสิ ทาน ? ๙๔. อนาถบิณฑิกเศรษฐไี ดร้ ับยกย่องทางดา้ นใด ? ก. ทานท่ไี มม่ ีใครให้ ข. ทานทีไ่ ม่มีใครรับ ก. ทานบดี ข. สลี บดี ค. ทานท่ีไม่มีใครเหมือน ง. ทานท่ใี ห้ไม่มีหมด ค. มีศรทั ธาแรงกลา้ ง. ยอดมหาอุบาสก ๑๐๗. ผ้ทู ถี่ วายอสทิสทานแก่พระพทุ ธเจ้าคือใคร ? ๙๕. ข้อใดไม่มีความเก่ยี วข้องกับจิตตคฤหบดี ? ก. พระนางมลั ลกิ าเทวี ข. นางวสิ าขา ก. ขนมแดกงา ข. ฝนดอกไมท้ ิพย์ ค. อนาถบณิ ฑิกเศรษฐี ง. จิตตคฤหบดี ค. พระสุธรรม ง. อสทิสทาน ๑๐๘.“ทุ สะ นะ โส” เปน็ คาพดู ของใคร ? ๙๖. จติ ตคฤหบดบี รรลุโสดาบนั เพราะฟังธรรมจากใคร ? ก. พระพุทธเจ้า ข. สัตวน์ รก ก. พระพุทธเจ้า ข. พระสารีบุตร ค. พระนางมลั ลกิ า ง. พระเจ้าปเสนทิโกศล ค. พระมหาโมคคลั ลานะ ง. พระมหานามะ ๙๗. อุบาสกผเู้ ป็นเลศิ ทางธรรมกถึกคือข้อใด ? ก. อนาถบิณฑกิ เศรษฐี ข. จติ ตคฤหบดี ค. มคิ ารเศรษฐี ง. ธัมมิกอบุ าสก ๙๘. ผ้ทู ีเ่ ปน็ เหตุใหพ้ ระพุทธเจ้าอนญุ าตกปั ปิยภมู ิคือใคร ? ก. อนาถบิณฑกิ เศรษฐี ข. จิตตคฤหบดี ค. นางวิสาขา ง. ธมั มิกอุบาสก ๙๙.“พวกทา่ นจงรอก่อน” ธมั มกิ อบุ าสกกล่าวกับใคร ? ก. บุตรธิดาทขี่ อสมบตั ิ ข. ภิกษุทส่ี าธยายธรรม ค. เทวดาทมี่ ารอรับ ง. หมอท่ีมารักษา ๑๐๐. ยังไมต่ าย แต่มีเทวดามารบั คือบุคคลใด ? ก. อนาถบณิ ฑิกเศรษฐี ข. จิตตคฤหบดี ค. นางวสิ าขา ง. ธมั มิกอุบาสก ๑๐๑. ธมั มิกอุบาสก ตายแลว้ ไปเกดิ ณ สวรรคช์ ้นั ใด ? ก. ดาวดึงส์ ข. ดสุ ิต ค. จาตุมหาราชกิ า ง. ยามา ๑๐๒. ใครได้ชอ่ื ว่าเป็นยอดมหาอุบาสกิ า ? ก. วสิ าขา ข. มลั ลกิ าเทวี ค. สามาวดี ง. ปัญจปาปา ๑๐๓. วัดที่นางวสิ าขาสร้างถวายคอื วดั ใด ? ก. วดั บุพพาราม ข. วัดเชตวัน ค. วดั เวฬุวัน ง. วดั นโิ ครธาราม ๑๐๔. ขอ้ ใดไมจ่ ดั เขา้ ใน เบญจกลั ยาณี ? ก. ผมงาม ข. เนื้องาม ค. กระดกู งาม ง. วาจางาม
Search