๙๔ 2. วทิ ยากรมอบหมายงาน โดยใหผ้ ู้เข้าอบรมแบง่ กลมุ่ พร้อมนาเสนอในแต่ละประเดน็ เน้ือหา ฝึกปฏิบัติสร้าง หนุ่ จาลองการจัดการพนื้ ที่ตามหลักทฤษฎใี หมป่ ระยกุ ตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” 3. วิทยากรให้สมาชกิ ในกลมุ่ ใหญ่ ได้แลกเปลย่ี นให้ขอ้ คิดเห็น ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ ก่อนสรุปเติมเต็มเรื่องการจดั การแปลงแบบ โคก-หนอง-นา โมเดล คือ การจัดการพืน้ ที่ซ่งึ เหมาะกับพืน้ ท่ี การเกษตร ซงึ่ เป็นผสมผสานเกษตรทฤษฎใี หม่ เขา้ กับภมู ปิ ัญญา พน้ื บ้านท่ีอยอู่ ย่างสอดคล้องกับธรรมชาตใิ นพนื้ ท่นี น้ั ๆ โคก หนอง นา โมเดล เป็นการที่ให้ธรรมชาติจดั การตวั มันเองโดยมี มนุษย์ เป็นส่วนส่งเสรมิ ใหม้ ันสาเร็จเร็วขน้ึ อยา่ งเปน็ ระบบ โคก-หนอง-นา โมเดล มีองค์ประกอบดงั นี้ ๑. โคก: พื้นทส่ี งู - ดนิ ทีข่ ดุ ทาหนองนา้ นัน้ ใหน้ ามาทาโคก บนโคกปลูก \"ปา่ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อยา่ ง” ตามแนวทางพระราชดาริ - ปลูกพชื ผัก สวนครวั เล้ียงหมู เลย้ี งไก่ เลย้ี งปลา ทาให้พอ อยู่ พอกิน พอใช้ พอรม่ เย็น เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขน้ั พน้ื ฐาน กอ่ นเข้า สูข่ ั้นก้าวหน้า คอื ทาบญุ ทาทาน เก็บรักษา ค้าขายและเชื่อมโยงเป็น เครอื ข่าย ปลกู ท่ีอยูอ่ าศัยให้สอดคล้องกับสภาพภูมปิ ระเทศ และ ภูมอิ ากาศ 2. หนอง: หนองน้าหรือแหลง่ นา้ - ขดุ หนองเพือ่ กกั เกบ็ นา้ ไวใ้ ช้ยามหน้าแลง้ หรือจาเป็นและเป็นทีร่ บั นา้ ยามนา้ ท่วม(หลุมขนมครก)ขุด \"คลองไสไ้ ก่” หรอื คลองระบาย น้ารอบพน้ื ที่ตามภมู ปิ ัญญาชาวบ้าน โดยขุดให้คดเคีย้ วไป ตามพื้นทเ่ี พื่อใหน้ า้ กระจายเต็มพน้ื ทเี่ พิม่ ความชุ่มชืน้ ลด พลงั งานในการรดนา้ ต้นไม้ - ทาฝายทดน้า เพ่ือเก็บนา้ เข้าไวใ้ นพนื้ ทใี่ หม้ ากทสี่ ุด โดยเฉพาะ เม่ือพื้นที่โดยรอบไม่มกี ารกกั เกบ็ นา้ น้าจะหลากลงมายงั หนองน้า และคลองไส้ไก่ ให้ทาฝาย ทดน้าเก็บไว้ใช้ยามหนา้ แล้ง - พฒั นาแหลง่ น้าในพน้ื ที่ ท้งั การขุดลอก หนอง คู คลอง เพื่อ กกั เก็บนา้ ไว้ใช้ยามหนา้ แล้งและเพ่มิ การระบายนา้ ยามนา้ หลาก 3. นา - พื้นทน่ี านนั้ ใหป้ ลูกขา้ วอินทรียพ์ ้ืนบา้ น โดยเริม่ จากการฟ้ืนฟดู ิน ด้วยการทาเกษตรอินทรยี ์ ยั่งยนื คืนชวี ิตเล็ก ๆ หรือจลุ นิ ทรีย์กลบั คืนแผน่ ดินใช้การควบคุมปรมิ าณน้าในนาเพื่อคุมหญ้าทาให้ปลอดสารเคมีได้ ปลอดภัยทั้งคนปลูก คนกนิ - ยกคนั นาให้มีความสูงและกวา้ ง เพื่อใช้เปน็ ทร่ี ับน้ายามนา้ ทว่ ม ปลกู พืชอาหารตามคนั นา
๙๕ ผลประเมนิ รำยวชิ ำ 11. ฝกึ ปฏิบัตกิ ำรสรำ้ งหุน่ จำลอง (กระบะทรำย) กำรจดั กำรพน้ื ท่ี ตำมหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยกุ ต์สู่โคก หนอง นำ โมเดล วทิ ยากร 1.นายภาณุพงษ์ บัวศร วทิ ยากรจากสวนสะปันรักษ์ จังหวัดแพร่ 2.นายเกรยี งไกร สิงห์แก้ว นักทรพั ยากรบคุ คลชานาญการ ส่วนที่ ๑ ความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั เน้ือหาวิชา หัวข้อ ระดบั ความคิดเหน็ ค่าเฉลี่ย การแปล ผล ๑.การบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ของรายวชิ า มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยท่ีสุด ๒.ความชัดเจนของเนื้อหาวิชา ๓.ความรู้ ทักษะ ทไ่ี ดร้ บั เพ่มิ เติมจากวิชานี้ 243 183 14 0 1 4.51 มาก ๔.ความสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ (55.1%) (41.5%) (3.2%) (0.0%) (0.2%) ทีส่ ุด 250 174 16 0 1 4.52 มาก (56.7%) (39.5%) (3.6%) (0.0%) (๐.2%) ที่สุด 237 190 13 0 1 4.50 มาก (53.7%) (43.1%) (2.9%) (0.0%) (๐.2%) 239 187 14 0 1 4.50 มาก (54.2%) (42.4%) (3.2%) (0.0%) (๐.2%) ภำพรวม 4.51 มำกท่ีสดุ จากตารางท่ี ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จานวน 441 คน แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเน้ือหาวิชา ฝึกปฏิบัติการสร้างหุ่นจาลอง (กระบะทราย) การจัดการพ้ืนที่ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ทีส่ ดุ ค่าเฉลยี่ 4.51 โดยแยกพิจารณาตามลาดับความพึงพอใจได้ ดังน้ี 1. การบรรลุวัตถุประสงคข์ องรายวชิ า ระดับมากทส่ี ุด คา่ เฉลยี่ 4.51 2. ความชดั เจนของเน้ือหาวชิ า ระดับมากท่สี ุด ค่าเฉล่ีย 4.52 3. ความรู้ ทักษะ ทีไ่ ดร้ บั เพิ่มเตมิ จากวิชานี้ ระดับมาก ค่าเฉลย่ี 4.50 4. ความสามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ ระดบั มาก ค่าเฉลี่ย 4.50 ส่วนที่ ๒ ความพึงพอใจต่อวิทยากร หัวข้อ ระดบั ความพึงพอใจ ค่าเฉลีย่ การแปล ผล ๑.ความรู้ ความสามารถในการถา่ ยทอด/บรรยาย มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยที่สุด ๒.เทคนคิ และวิธีการที่ใชใ้ นการถ่ายทอดความรู้ 241 186 14 0 0 4.51 มาก (54.6%) (42.2%) (3.2%) (0.0%) (0.0%) ทสี่ ดุ 239 184 18 0 0 4.50 มาก (54.2%) (41.7%) (4.1%) (0.0%) (๐.0%)
๙๖ ๓.การเปิดโอกาสให้ซกั ถาม แสดงความคิดเห็น 232 191 18 0 0 4.48 มาก (52.6%) (43.3%) (4.1%) (0.0%) (๐.0%) ๔.การสรา้ งบรรยากาศในการเรยี นรู้ 235 183 23 0 0 4.48 มาก (53.3%) (41.5%) (5.2%) (0.0%) (๐.0%) ๕.บุคลกิ ภาพ (การแตง่ กาย ทา่ ทาง น้าเสยี ง ฯลฯ) 234 184 21 1 0 4.47 มาก (4.8%) (0.2%) (๐.๐%) (53.1%) (41.7%) ภำพรวม 4.49 มำก จากตารางที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จานวน 441 คน แสดงความพึงพอใจต่อวิทยากรในวิชาฝึกปฏิบัติการสร้างหุ่นจาลอง (กระบะทราย) การจัดการพื้นท่ีตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ที่สดุ คา่ เฉลีย่ 4.54 โดยแยกพิจารณาเป็นรายประเด็น ตามลาดับไดด้ ังน้ี 1. ความรู้ ความสามารถในการถ่ายทอด/บรรยาย ระดับมากทสี่ ุด ค่าเฉล่ยี 4.51 2. เทคนคิ และวิธีการทใี่ ช้ในการถา่ ยทอดความรู้ ระดับมาก คา่ เฉล่ีย 4.50 3. การเปิดโอกาสให้ซกั ถาม แสดงความคดิ เหน็ ระดับมาก ค่าเฉลีย่ 4.48 4. การสรา้ งบรรยากาศในการเรียนรู้ ระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.48 5. บคุ ลิกภาพ (การแต่งกาย ทา่ ทาง นา้ เสียง ฯลฯ) ระดับมาก คา่ เฉลี่ย 4.47 สิ่งท่ีทำ่ นประทบั ใจในวิทยำกรทำ่ นน้คี อื -เข้าใจเนอ้ื หาทีไ่ ด้เรยี นรดู้ ี -สนุกสนาน ไดอ้ อกแบบรูปแบบของตนเอง -วทิ ยากรบรรยายวชิ าการและใหท้ าแบบจาลอง ได้ดีมาก -ไดค้ วามสามัคคี สบายใจ มีความสุข -คาแนะนาชัดเจน -สอนเขา้ ใจ ให้ไดล้ งมือทาจริง -ทาใหร้ บั ร้ถู ึงการจะเรมิ่ ต้นที่ดเี ราต้องวางแผน ส่ิงที่วทิ ยำกรควรปรับปรุงคอื -ลดความเครยี ดลง -การวางแผนในการบอกกล่าว -ความชัดเจนในเน้ือหา ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม อ่ืนๆ -ขอให้อย่กู บั งานนี้ตลอดไป -ควรหาวทิ ยากรทสี อนดีกว่าน้ี -เวลานอ้ ยไปสาหรบั วชิ านี้ และอยากใหท้ ุกคนไดล้ องออกแบบของตัวเองในกระบะทราย
๙๗ 12. วชิ ำ Team Building ฝึกปฏิบัติกำรบริหำรจัดกำรในภำวะวิกฤต “หำอยู่ หำกิน” วิทยำกรหลกั นางอรณุ ศรี เดชะเทศ ตาแหนง่ นักจดั การงานท่ัวไปชานาญการ และทมี วิทยากร ศพช.ลาปาง ผ้รู ับผิดชอบวิชำ นางอรุณศรี เดชะเทศ ตาแหนง่ นักจัดการงานทวั่ ไปชานาญการ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให้ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมเข้าใจการพ่ึงตนเองและการใชท้ รพั ยากรทมี่ ีอย่อู ยา่ งจากัดให้เกิดประโยชน์ สงู สดุ 2. เพ่อื ให้ผู้เขา้ รับการฝึกอบรมรู้จักการดารงชวี ติ ในภาวะวกิ ฤต/การประสบภยั พบิ ัติ 3. เพ่อื ให้ผเู้ ขา้ รับการฝกึ อบรมรู้จักการวางแผนการทางานเป็นทีมได้ฝึกวินัยและคุณธรรม ระยะเวลำ 4 ชัว่ โมง ขอบเขตเน้ือหำ 1. การอธิบายเปา้ หมายวตั ถุประสงค์ 2. การกาหนดหลกั เกณฑ์ กติกาและเงอ่ื นไข 3. การบรหิ ารจัดการการทางานเปน็ ทมี ภายใต้ ภาวะวิกฤต 4. การปฏิบตั กิ จิ กรรมร่วมกันภายใต้ภาวะวกิ ฤต 5. สรุปและถอดบทเรียน ขัน้ ตอน/วิธีกำร 1. วิทยากรแนะนาตนเอง และสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ด้วยการทักทาย ชวนคุย เตรียมความพร้อม ด้วย การปรบมือใส่รหัสเตรียมความพร้อม 3 : 3 : 7 เกร่ินนาถึงสถานการณ์การเกิดวิกฤตและภัยพิบัติ โดยหากมี เหตุการณ์เกิดขึน้ จริง ผู้เข้ารับการอบรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งครวั เรือนตน้ แบบที่เป็นแกนนา จะตอ้ งมกี ารบริหารจัดการ พร้อมท้ังเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติได้อย่างไร ซ่ึงเป็นคาถามให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ วางแผนก่อนที่จะลงมือในการปฏิบัติจริงภาคสนาม จากน้ันวิทยากรนาเข้าสู่บทเรียนด้วยการกล่าวถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตของวชิ า ประเด็นทจ่ี ะดาเนนิ กิจกรรม ข้อตกลงและกตกิ า ในกระบวนการเรยี นรูร้ ่วมกนั 2. วิทยากรสร้างกลยุทธให้เห็นว่าวิชาน้ี จะเป็นวิชาท่ีผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องเผชิญกับความลาบากในการ ดาเนินกจิ กรรมนี้ เนื่องจากผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมจะต้องจดั หาวัสด/ุ อุปกรณ์ทจี่ าเปน็ ในการดารงชวี ิตดว้ ยตนเอง 3. วิทยากรและคณะ จัดเตรยี มวัสด,ุ อปุ กรณ์ เครอื่ งครวั และวตั ถดุ บิ ตา่ งๆเทา่ ท่ีจาเป็น 4. ช้ีแจง กฎ กติกา พร้อมกับอธิบายแผนผังในการหาวัตถุดิบ (ช้ีแจงว่าพ้ืนที่ไหนอนุญาต พ้ืนที่ไหนไม่ อนญุ าต) และให้แต่ละหมูบ่ ้านสง่ ทีมสนั ทนาการหม่บู ้านละ 2 คน มาร่วมกบั วทิ ยากรกลางในการนาสันทนาการ 5. มอบเชื้อเพลิง ในการจุดไฟให้กับทุกกลุ่ม ไม้ขีดไฟแบบตลับ (ตามแต่วิทยากรจะกาหนด) ดังนี้ แจกตลับ ไม้ขีดไฟโดยการให้จับฉลาก ข้างในบรรจุไม้ขีดไฟ 1 ก้าน, 2 ก้าน หรือบรรจุ 2 ก้านแต่ข้างในไม่มีหัวเช้ือสาหรับจุด ทาให้เกิดอุปสรรคต่อผู้เข้ารับการอบรม โดยมีกติกาว่าห้ามเปิดก่อนและให้นาตลับไม้ขีดไฟกลับมาคืนให้วิทยากรใน ตอนสรุปถอดบทเรียน หากไม่เป็นไปตามนั้นจะถูกวิทยากรทาโทษท้ังกลุ่ม เพ่ือเป็นการสร้างวินัยและการทางานเป็น ทีม 6. ถ้วย ชาม ช้อน เครื่องปรุงประกอบอาหาร น้าปลา พริก กระเทียม รสดี ฯลฯ (วิทยากรและคณะจะใช้ กุศโลบาย ยามวิกฤตแม้มีเงินก็ไม่สามารถซ้ือของท่ีต้องการได้ ดังนั้นต้องนาความสามารถมาแลกเพ่ือให้ได้มาซ่ึงสิ่ง
๙๘ ท่ีต้องการ โดยจะให้แต่ละหมู่บ้านส่งผู้แทนมาทาการแสดง เพื่อแลกกับวัตถุดิบท่ีใช้ในการประกอบอาหารเช่น ให้ทา กจิ กรรมภาพรวมของตาบล โดยใหท้ กุ หมบู่ า้ นตงั้ แถว กานัน สั่งเรียกแถว ใส่รหัส 3 : 3 : 7 พร้อมกันท้ัง 4 หมู่บ้าน จากนั้นวิทยากรและคณะให้ทุกหมู่บ้านทาการแสดงใน ภาพรวม โดยให้ร้องเพลงปลูกป่า 5 ระดับทาท่าทางและ สญั ลกั ษณ์ประกอบ เพลงปลกู ป่ำ 5 ระดบั “ปลูกปา่ มี 5 ระดบั ๆ ฟงั ให้ได้ศพั ท์กลบั ไปปลูกป่า หนึ่งสูง สองกลาง สามเตี้ย หน่ึงสูง สองกลาง สามเตี้ย สี่เร่ียดิน ห้ากินหัวจึ๊ก คล่องแคล่ว คร้ืนเครง คึกคัก คล่องแคล่ว ครืน้ เครง คึกคัก ผวั ขุด จึ๊กจึ๊ก เมียปลกู จก๊ั จั๊ก ผวั ขุด จึ๊กจึ๊ก เมียปลกู จก๊ั จัก๊ ” จากน้ันวิทยากรและคณะ ให้แต่ละหมู่บ้านได้เตรียมการ แสดงพร้อมท้ังท่าทางประกอบทุกหมู่บ้านเพ่ือแลกกับวัตถุดิบที่ใช้ เป็นเมนูหลักในการประกอบอาหาร ได้แก่ ผักไชยา หรือผักคะน้า เม็กซิโก หมู่บ้านที่เหลือช่วยปรบมือและให้กาลังใจหมู่บ้านที่กาลัง ทาการแสดง เมื่อทาการแสดงแต่ละหมู่บ้านเสร็จแล้วก็จะให้ไป ประจาที่ที่ได้จัดเตรียมให้เพื่อเตรียมความพร้อม แบ่งคน แบ่งงาน บริหารจัดการภายในทีม ระหว่างช่วงเวลาท่ีกาหนด ทีมวิทยากร จะให้แต่ละหมู่บ้านมาร่วมกันเล่นกิจกรรมต่างๆ เพ่ือแลกกับ วัตถุดิบ และเคร่ืองปรุงท่ีจาเป็น โดยให้ส่งตัวแทนตามท่ีวิทยากร ตอ้ งการมาเล่นเกมสเ์ พือ่ แข่งขันกนั โดยผชู้ นะจะได้เลือกวัตถดุ บิ ตามท่ีวทิ ยากรกาหนด เชน่ เกมส์คีบลูกปิงปอง จะให้แต่ละหมู่บ้านส่งลูกบ้านมาหมู่ละ 5 คน โดยมีวัสดุ/อุปกรณ์ให้แต่ละหมู่บ้าน ได้แก่ ตะเกียบหมู่บ้านละ 2 คู่ ลูกปิงปองหมู่บ้านละ 1 ลูก และจาน หมู่บ้านละ 1 ใบ โดยจะมี กรรมการกลางประจาแต่ละหมู่บ้าน กติกาคือ ให้ใช้ตะเกียบคีบลูก ปิงปองส่งต่อกันให้ครบทกุ คน หมบู่ ้านไหนเสรจ็ กอ่ นจะเป็นผ้ชู นะ เกมส์วงิ่ เป้ียวซปุ เปอร์แมน ใหส้ ง่ ตวั แทนหม่บู ้านละ 8 คน กติกา ให้แบ่งเป็น 2 ฝั่งๆ ละ 4 คน วัสดุ/อุปกรณ์ คือ กางเกงในหมู่บ้านละ 1 ตัว ให้ฟังเสียงสัญญาณจากกรรมการกลางจงึ เร่ิม โดยคนแรกของฝ่ังหนง่ึ เร่ิมใส่กางเกงในให้เรียบร้อย และว่ิงไปหาทีมตนเองให้เร็วที่สุดโดยให้ สมาชิกฝ่ังตรงข้ามนุ่งกางเกงในให้เรียบร้อยและกลับไปอยู่ด้านหลังทีม ตนเอง ทาเชน่ น้ีจนครบทั้ง 8 คน ทมี ไหนเสรจ็ ก่อนจะเป็นผูช้ นะ การตอบคาถามท่ีผ่านการเรียนรู้มา เพื่อแลกกับวัตถุดิบไปประกอบ อาหาร โดยให้แต่ละหมู่บ้านสลับกันส่งผู้ที่จะตอบคาถามมายังจุดอานวยการ จากน้ันทีมวิทยากรจะทาการถามคาถาม และนับ 1 2 3 เพื่อให้ผู้ที่จะตอบ คาถามวิ่งมาตอบยังจุดที่ทีมวิทยากรยืนอยู่ โดยจะต้องตอบคาถามภายใน 10 วินาที เท่าน้ัน เม่ือตอบถูกก็ได้วัตถุดิบไปประกอบอาหาร แต่หากตอบผิดก็ จะให้คนถัดไปมาตอบ สรา้ งการเรยี นรู้และความสนกุ สนาน
๙๙ เกมส์ตีกอล์ฟ ให้ส่งตัวแทนหมู่บ้านละ 2 คน กติกา ให้แบ่งเป็น 2 ฝั่งๆ ละ 1 คน วัสดุ/อุปกรณ์ คือ เชือก มะเขือยาว ลูกมะนาว วิทยากรทดสอบผู้เล่นเกมส์ โดยให้เต้นเพลงผลไม้ “แอบเปิ้ล มะละกอ กล้วย ส้ม” ซึ่งท่าเต้น จะใช้ส่วนเอว เด้งซ้าย ขวา หน้า และหลัง ตามลาดับ จากน้ันให้ผู้เล่นเกมส์ โอน้อยออกและเป่ายิงฉุบ เพื่อเลือก อปุ กรณก์ อ่ น-หลัง ซึ่งในการเลอื กอุปกรณจ์ ะให้เลือกเชือกท่ีทาการผูกกับมะเขือไว้ ขึน้ อยู่กบั ความโชคดวี า่ จะได้มะเขือ ยาวหรือสั้นหรือรูปร่างบิดเบ้ียวไป จากนั้นได้เลือกลูกมะนาวก่อนที่มีขนาดเล็ก กลาง ใหญ่แล้วแต่ผู้เข้าเล่นเกมส์ สามารถเลือกเองได้ จากน้ันให้ผู้เข้าเล่นกิจกรรมยืนประจาจุดท้ัง 2 ฝั่ง กติกาการเริ่มเล่นเกมส์ ให้ผู้เล่นมัดเชือกท่ีมี ม ะ เ ขื อ ผู ก ติ ด อ ยู่ ตามท่ีตนเองเลือกได้ไว้ที่เอวโดยคาดหวังความสงู ที่จะใช้ตีลูกมะนาว ด้วยการเหวี่ยงจากเอว เพื่อส่งลูกมะนาวจากอีก ฝ่ั ง ห นึ่ ง ไ ป ถึ ง อี ก ฝั่ ง จากนั้นให้เอาเชือกที่ผูกมะเขือสลับให้กับเพ่ือนผู้ เล่นอีกคน ตีลูกมะนาวกลับมายังจุดเร่ิมต้น ทีม ไหนตีกลับมาถึงก่อนจะได้รบั วตั ถุดิบไปในจานวน 5 4 3 2 อยา่ งตามลาดบั ซ่ึ ง แ ต่ ล ะ เ ก ม ส์ จ ะ ส ร้ า ง สี สั น แ ล ะ ค ว า ม สนุกสนาน ความสามัคคี และท่ีสาคัญแต่ละ หมู่บ้านมีการวางแผนร่วมกัน โดยจะได้รับวัตถุดิบที่ต้องการของแต่ละ หมู่บ้านเพื่อนาไปประกอบอาหาร จากนั้นเวลาที่เหลือคณะวิทยากรจาก ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง ร่วมกันสร้างความบันเทิงโดยมีสมาชิก แต่ละหมู่บ้าน/ตาบลสนุกสนานร่วมกัน จนได้เวลาท่ีกาหนดวิทยากรจะส่ง สัญญาณให้แต่ละหมู่บ้านได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับการตรวจเยี่ยมและชิม อาหารตามทแ่ี ตล่ ะหมูบ่ า้ นไดจ้ ดั เตรยี มไว้ 7. คัดเลือกตัวแทนแต่ละหมู่บ้านเป็นกรรมการกลาง ตรวจให้ คะแนนอาหาร ตามเกณฑ์การให้คะแนน โดยกรรมการจะไม่ให้คะแนน หมู่บ้านของตนเอง (รสชาด คุณภาพวัสดุ ความสวยงามการจัดวาง การนาเสนอ ผลงาน การนาทรัพยากร/วัตถุดิบมาใช้ประกอบอาหารอย่างคุ้มค่า) แต่ละหมู่บ้าน ส่งผู้แทนอธิบายสรรพคุณของวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารผลการตัดสินของ คณะกรรมการเกนิ กึง่ หนึ่งถือว่าเปน็ เอกฉนั ท์ 8. รับประทานอาหารพร้อมกัน จากสิ่งท่ีมีและช่วยกันทาในการ รับประทานอาหารทุกหมู่บ้านจะร่วมกันรับประทานอาหารที่ร่วมกันทา สลับ สบั เปลยี่ นกนั ไปทุกหมู่บ้าน สรา้ งความสัมพนั ธอ์ นั ดี ความสมานสามัคคแี กห่ มคู่ ณะ สรุปผลผลกำรเรียนรู้ วชิ า Team Building ฝกึ ปฏิบัติการบริหารจดั การในภาวะวกิ ฤติ “หาอยู่ หา กิน” เป็นการประยุกต์และจาลองสถานการณ์ การใชช้ ีวิตในยามเกดิ ภยั พิบัติและยาม วิกฤต ขณะท่ีอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน การที่สมาชิกมีความหลากหลายท้ังในเรื่อง เพศ อายุ การศึกษา ความแตกต่างด้านกายภาพ สังคม ฯลฯ ดังน้ัน ผู้นาหรือผู้ใหญ่บ้าน ต้องมกี ารวางแผนและการบริหารจดั การทดี่ ี ขณะเดียวกันแต่ละหมบู่ ้านก็จะตอ้ งดูแล สมาชิกของตนเองภายใต้ความมีวินัยและคุณธรรม แต่สถานการณ์ที่คบั ขันและชุลมุน วุ่นวาย ผู้นาจะมองแต่กลุ่มก้อนของตนเอง พยายามให้สมาชิกของตนอยู่รอด
๑๐๐ ปลอดภัยใหไ้ ด้ในสถานการณ์ท่คี ับขันอย่างดีที่สุด การแยง่ ชงิ อาหารการให้ไดม้ าซ่ึงอาหารและปจั จัยตา่ งๆ สมาชกิ ของ กลุม่ ตอ้ งการไมว่ ่าจะถูกต้องหรือผิดก็ตาม จากน้นั แตล่ ะหมูบ่ า้ นได้ออกมาสรุปถอดบทเรยี นตามประเดน็ ท่ีได้รับ จากการปฏิบัตกิ จิ กรรม Team Building ฝึกปฏิบตั ิการบรหิ ารจดั การในภาวะ วิกฤติ “หาอยู่ หากนิ ” ตามประเดน็ ดังน้ี 1) หมู่บา้ นของท่านมีการวางแผนการทางาน อยา่ งไร 2) หากเกิดปัญหาและอปุ สรรค ทา่ นแก้ไขปัญหาอยา่ งไร 3) สิ่งที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม Team Building ฝึกปฏิบัติการ บรหิ ารจดั การในภาวะวิกฤติ “หาอยู่ หากิน” ผลกำรถอดบทเรียน 1) การวางแผนการทางาน โดยใช้หลักกสิกรรมธรรมชาติ 5 ข้ันตอน ได้แก่ 1. การแบ่งคน แบ่งงาน 2. การ ลงมอื ปฏิบตั ิกิจกรรม 3. การประสานงาน 4. การตดิ ตามประเมนิ ผล 5. ฝ่ายสนบั สนุน สวสั ดิการ แตท่ กุ ฝา่ ยปรับตาม ความเหมาะสมตามสถานการณ์ เพ่อื ใหก้ ารปฏิบัติงานประสบผลสาเร็จ 2) การแก้ไขปัญหา เน่อื งจากมีความหลากหลายทั้งในเรื่อง เพศ อายุ การศกึ ษา ความแตกต่างด้านกายภาพ สังคม ผู้นาจะมีความสาคัญมากในสภาวการณ์ที่เกิดปัญหา การแก้ไขปัญหาผู้นาจะเห็นความแตกต่างของสมาชิก ภายในกลมุ่ จากประสบการณ์ของสมาชิก จึงสามารถแก้ไขปัญหาและผ่านวิกฤตไปได้ในทสี่ ุด การบรหิ ารจัดการ คน/ ทรัพยากร/การวางแผน ในยามวิกฤตผู้นามีความสาคัญมาก ผู้ใหญ่บ้านจะต้องมีการสั่งการที่ชัดเจน การบริหาร จัดการทุกอย่างในเวลาทจี่ ากดั ภายใตส้ ภาวการณ์ท่กี ดดนั 3) ส่ิงท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม Team Building ฝึก ปฏิบัติการบริหารจัดการในภาวะวิกฤติ “หาอยู่ หากิน” การนา วิธีการไปประยุกต์ใช้ในพ้ืนท่ีจริง กรณีที่เกิดภัยพิบัติ กิจกรรมดังกล่าว เป็นการให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้ประสบการณ์เพื่อนาไปปรับ ใช้ในสถานการณ์ที่อาจจะเกิดภัยพิบัติจริง มีประสบการณ์การบริหาร จดั การ การมีวนิ ัย มีคณุ ธรรม การไมเ่ อาเปรียบ การเหน็ อกเห็นใจกัน การช่วยเหลือเก้ือกูลซึ่งกันและกัน ความสามัคคีท่ีเกิดขึ้นเป็นส่ิงท่ี สาคัญท่ีสุดท่ีจะทาให้ทุกคนอยู่รอดจากภัยพิบัติ ดังคากล่าว “สำมัคคี คอื พลงั ค้ำจุนแผ่นดนิ ไทย
๑๐๑ ผลประเมินรำยวิชำ 12. Team Building ฝกึ ปฏบิ ตั ิกำรบรหิ ำรจดั กำรในภำวะวกิ ฤติ ช่อื วิทยำกร นำงอรุณศรี เดชะเทศ นักจดั กำรงำนทวั่ ไปและทีมวทิ ยำกร ศพช.ลำปำง สว่ นท่ี ๑ ความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เนื้อหาวชิ า หวั ขอ้ ระดับความคดิ เห็น คา่ เฉลย่ี การแปล ผล ๑.การบรรลุวตั ถุประสงค์ของรายวิชา มากทสี่ ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยท่สี ดุ ๒.ความชัดเจนของเนอื้ หาวชิ า ๓.ความรู้ ทักษะ ที่ไดร้ บั เพิ่มเติมจากวชิ านี้ 261 160 20 0 0 4.54 มาก ๔.ความสามารถนาไปประยุกต์ใช้ (59.2%) (36.3%) (4.5%) (0.0%) (0.0%) ทีส่ ดุ 249 170 22 0 0 4.51 มาก (56.5%) (0.0%) ที่สุด (38.5%) (5%) (0.0%) 254 0 (57.6%) 161 26 0 (๐.0%) 4.51 มาก (36.5%) (5.9%) (0.0%) ที่สดุ 264 0 (59.9%) 156 21 0 (0.0%) 4.55 มาก (35.4%) (4.8%) (0.0%) ทสี่ ดุ ภำพรวม 4.53 มาก ทส่ี ุด จากตารางที่ ๑ ผ้ตู อบแบบประเมนิ จานวน 441 คน แสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับเน้ือหาวิชา Team Building ฝึกปฏบิ ัตกิ าร บริหารจัดการในภาวะวิกฤติ โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากท่ีสุด ค่าเฉล่ีย 4.53 โดยแยกพิจารณาตามลาดับความพึง พอใจได้ ดงั นี้ 1. การบรรลวุ ัตถปุ ระสงคข์ องรายวชิ า ระดบั มากทสี่ ดุ คา่ เฉล่ยี 4.54 2. ความชัดเจนของเนอื้ หาวชิ า ระดับมากท่ีสุด คา่ เฉลยี่ 4.51 3. ความรู้ ทกั ษะ ท่ีไดร้ บั เพิ่มเติมจากวิชาน้ี ระดับมากทีส่ ดุ คา่ เฉลยี่ 4.51 4. ความสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ ระดับมากทสี่ ดุ คา่ เฉล่ยี 4.55 สว่ นท่ี ๒ ความพึงพอใจต่อวิทยากร หวั ข้อ ระดบั ความพงึ พอใจ คา่ เฉลยี่ การแปล ผล ๑.ความรู้ ความสามารถในการถา่ ยทอด/บรรยาย มากท่สี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยท่สี ุด ๒.เทคนิคและวธิ ีการทีใ่ ช้ในการถา่ ยทอดความรู้ ๓.การเปิดโอกาสใหซ้ กั ถาม แสดงความคดิ เหน็ 259 162 20 0 0 4.54 มาก (58.7%) (36.7%) (4.5%) (0.0%) (0.0%) ที่สุด 258 164 18 1 0 4.53 มาก (58.5%) (37.2%) (4.1%) (0.2%) (0.0%) ท่ีสดุ 251 168 22 0 0 4.51 มาก (56.9%) (๐.0%) ทสี่ ดุ (38.1%) (5%) (0.0%)
๑๐๒ ๔.การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ 265 158 18 0 0 4.56 มาก (60.1%) (35.8%) (4.1%) (0.0%) (๐.0%) ท่ีสุด ๕.บุคลิกภาพ (การแต่งกาย ทา่ ทาง นา้ เสยี ง ฯลฯ) 259 161 20 0 1 4.53 มาก (58.7%) (36.5%) (4.5%) (0.0%) (๐.2%) ท่ีสุด ภำพรวม 4.53 มาก ที่สุด จากตารางท่ี 2 ผตู้ อบแบบประเมนิ จานวน 441 คน แสดงความพึงพอใจต่อวทิ ยากรในวิชา Team Building ฝึกปฏิบัติการ บริหารจัดการในภาวะวิกฤติ โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉล่ีย 4.53 โดยแยกพิจารณาเป็นรายประเด็น ตามลาดับไดด้ ังนี้ 1. ความรู้ ความสามารถในการถา่ ยทอด/บรรยาย ระดบั มากทส่ี ดุ คา่ เฉลยี่ 4.54 2. เทคนคิ และวธิ ีการทใี่ ช้ในการถา่ ยทอดความรู้ ระดับมากท่สี ดุ ค่าเฉล่ีย 4.53 3. การเปิดโอกาสใหซ้ กั ถาม แสดงความคิดเหน็ ระดับมากที่สุด ค่าเฉลยี่ 4.51 4. การสรา้ งบรรยากาศในการเรยี นรู้ ระดับมากทส่ี ุด ค่าเฉลีย่ 4.56 5. บคุ ลกิ ภาพ (การแตง่ กาย ท่าทาง นา้ เสียง ฯลฯ) ระดับมากที่สดุ คา่ เฉลี่ย 4.53 สง่ิ ทท่ี ำ่ นประทับใจในวิทยำกรทำ่ นนคี้ อื -ตรงประเดน็ -สนุกสนาน สมคาท่วี ่า คลอ่ งแคล่ว ครน้ื เครง และคกึ คัก -สามคั คี แก้สถานการณเ์ ฉพาะหนา้ -ท่านวิทยากรมีความรู้ ความเขา้ ใจ และมีความสามารถในการถา่ ยทอดไดเ้ ป็นอยา่ งดี -พูดกระชบั ในเนือ้ หาทส่ี อนและสรุปประเดน็ สาคัญได้ดี กิจกรรมสนกุ สนาน -ประทบั ใจตอนได้กนิ ข้าวรว่ มกัน -การถา่ ยทอด กระบวนการทางานชดั เจน ไมน่ ่าเบ่ือ -เปน็ กันเอง สอนสนุก ชอบทุกคน -ทา่ นทาให้เข้าใจชดั เจนว่าการลงมือทาสาคญั ที่สดุ สิ่งที่วทิ ยำกรควรปรบั ปรุงคือ -ควรเพม่ิ เวลา ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม อื่นๆ -เพม่ิ เวลามากข้นึ -ตั้งแต่มาอยู่ร่วมกันต้ังแต่วันแรกจนถึงวันน้ีคณะผู้อานวยการ คณะวิทยากร และคณะทางานในศูนย์พัฒนาฯ ทุกท่านร่วมทั้งแม่ครัวพ่อครัว ทุกท่านมีน้าใจ เป็นกันเอง และคอยให้คาปรึกษาคาแนะนาทุกอย่าง ต้อง ขอขอบพระคุณทุกๆคน -ชอบมาก มว่ นคกั แตห่ ลังจากทานขา้ วเเล้ว ควรจะเปน็ กจิ กรรมรอบกองไฟมากกว่าให้มานงั่ ฟงั ทฤษฎี
๑๐๓ 13. วิชำ กำรขับเคล่ือน สืบสำนศำสตร์พระรำชำ ด้วยกลไก 3 5 7 วิทยำกร นายเกรียงไกร สิงห์แก้ว นักทรัพยากรบคุ คลชานาญการ ผ้รู บั ผิดชอบวิชำ นายเกรยี งไกร สิงห์แก้ว นักทรัพยากรบุคคลชานาญการ วตั ถุประสงค์ ๑. เพ่ือให้ผเู้ ข้ารับการประชุมไดร้ ับทราบ ตระหนกั รู้และเข้าใจความหมายที่แท้จริงของการขับเคล่ือนศาสตร์ พระราชา ดว้ ยหลักกลไก ๓๕๗ ๒. เพื่อให้ผู้เข้ารับการประชุมได้มองเห็นถึงการเชื่อมโยงการขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาด้วยหลักกลไก ๓๕๗ กับการขบั เคล่ือนงานกรมการพัฒนาชุมชน ระยะเวลำ จานวน ๑ ชั่วโมง ขอบเขตเนื้อหำ ๑. กลไกการขับเคลือ่ นศาสตรพ์ ระราชา กลไก ๓๕๗ ๒. ปรชั ญา ๓ ระบบ ๓. ทฤษฎใี หม่กว่า ๔๐ ทฤษฎีตามศาสตร์พระราชา ๔. แนวทางในการปฏิบัติในการใชช้ ีวิต ในการทางานตาม ศาสตรพ์ ระราชา ๕. นวตั กรรม เคล็ดวชิ ากวา่ ๔๘,๐๐๐ นวตั กรรม ๖. การบรหิ ารแบบคนจน การทางานแบบคนจน เทคนิค / วิธกี ำร บรรยายประกอบสือ่ ข้นั ตอน/กำรดำเนนิ กำร วิทยากรบรรยายประกอบสื่อ powerpoint อธิบาย ความเปน็ มากลไกการขับเคลอ่ื นสืบสานศาสตรพ์ ระราชากลไก 357 จากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 ในการสืบสานต่อยอดศาสตร์พระราชา เพ่ือสร้างความอยู่ดีมีสุขแก่ประชาชน พระองค์ทรง เร่ิมต้นด้วยการปลุกจิตอาสาที่มีอยู่ในใจของคนไทยทุกคน มาเป็นแรงขับเคล่ือน ซึ่งการท่ีทุกคนจะร่วมกันขับเคลื่อน สืบสานศาสตร์พระราชาเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายความย่ังยืนน้ัน จะต้องมีวิธีการคิดแบบองค์รวม ทาอย่างเป็นระบบ ขับเคลื่อนการดาเนินงานไปพร้อม ๆ กนั อยา่ งเป็นแบบแผนไมแ่ ตกแยกไปคนละทิศทาง “สบื สานศาสตร์พระราชา” พระราชประสงค์ของในหลวงรชั กาลท่ี 10 “เราจะสบื สาน รักษา และตอ่ ยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพอ่ื ประโยชน์สขุ แหง่ อาณาราษฎรตลอดไป” พระปฐมบรมราชโองการของในหลวงรชั กาลท่ี 10 วันที่ 4 พฤษภาคม 2562 โดยความหมายของคาว่า สบื สาน รกั ษา และต่อยอด ในท่นี ีค่ อื การสบื สานศาสตร์พระราชา รกั ษาภูมปิ ัญญา ของบรรพบรุ ษุ และต่อยอดนวตั กรรมและเทคโนโลยีท่เี หมาะสมกบั ภมู สิ ังคม นัน่ เอง จากทีไ่ ดก้ ล่าวมา ด้วยพระปรชี าสามารถและสายพระเนตรอันกว้างไกลของกษัตริย์นักบินพระองค์น้ี จงึ ทรง มีพระราชประสงค์ให้มีการฝึกจิตอาสา 904 หลักสูตรหลักประจา “เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์” ท่ีมีการประยุกต์แนว พระราชดาริเกษตรทฤษฎีใหม่เพ่ือพึง่ พาตนเองและรองรับภัยพิบตั ิโดยมรี ะยะเวลาการฝกึ 50 วนั มีผู้เขา้ รบั การฝึกรุ่น ละประมาณ 500 คน ซ่ึงการฝึกจติ อาสา 904 ใน 3 รุ่นแรก ไดใ้ ชพ้ ื้นทีฝ่ กึ ทศ่ี นู ย์กสิกรรมธรรมชาตมิ าบเอ้ือง อาเภอ
๑๐๔ บ้านบึง จังหวัดชลบุรี มีการจาลอง การใช้ชีวิตในโลกอนาคต ซ่ึงมนุษยชาติอาจจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ แปรปรวน เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ผู้เข้ารับการฝึกจึงต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตให้พร้อมรับมือกับความเสี่ยงในโลกอนาคต เหล่าน้ัน เช่น ได้มีการปรับพื้นที่สาหรับการดารงชีวิต มีการกักเก็บน้าฝนอย่างเป็นระบบ อาหารการกินท่ีได้มาจาก ปลาที่เล้ียงและพืชพรรณธัญญาหารท่ีปลูกเอง จึงทาให้ไม่มีต้นทุนทางอาหาร ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้เป็นสิ่งท่ีในหลวง รัชกาลท่ี 9 ทรงสอนพวกเรามาเปน็ เวลาช้านานแล้ว เปน็ ภูมิปญั ญาบรรพบรุ ุษ แต่เหตุใดเราจงึ ไม่เช่ือ เราไม่เคยสนใจ เพราะคนไทยไม่เชื่อคนไทยด้วยกนั เอง ในส่วนพ้ืนท่ีฝึกก็มีการขยายเพ่ิมข้ึน เร่อื ย ๆ เช่นกนั จาก 10 ไร่ เป็น 30 ไร่ 40 ไร่ จนปัจจุบันเป็นพื้นที่เกือบ 200 ไร่ ผู้ที่ เข้ารับการฝึกมีหลายช่วงวัยที่มาจากต่าง สาขาอาชีพ ท้ังทหาร ระดบั พล เอก นักเรียนนายร้อย พยาบาล อธิการบดี คณบดี ขา้ ราชการ นิสติ นักศกึ ษา ฯลฯ ทั้งน้ี ในหลวงรัชกาลท่ี 10 ทรงมุ่งเน้นไปท่ีกลุ่ม เยาวชนเป็นหลัก ทรงเล็งเห็นว่าการท่ีจะสืบ สานงานของพระราชบิดาให้ยั่งยืนนับร้อย นั บ พั น ปี จ า เ ป็ น อ ย่ า ง ยิ่ ง ที่ จ ะ ต้ อ ง วางรากฐานเข้าไปในระบบโครงสรา้ งของสงั คมโดยเฉพาะอยา่ งย่ิงโครงสรา้ งทางการศกึ ษา 3 ระดบั 5 กลไก 7 ภาค’ี กญุ แจสาคญั ของการขับเคลอ่ื นสบื สานศาสตร์พระราชา หลักการขับเคล่ือนสืบสานศาสตร์พระราชาใหย้ ั่งยืน ซึ่งเป็นการพัฒนาท่ีมีประชาชนเป็นแกนกลาง และภาคี อน่ื ๆ รว่ มบรู ณาการเพือ่ เสรมิ กลไกเดมิ ของภาครฐั ที่มอี ยู่ เป็นการขับเคลือ่ นในพื้นท่ี 3 ระดบั เปน็ อยา่ งนอ้ ย คอื ระดับ ชุมชนหรือลุ่มน้า ระดับจังหวัดหรือภูมิภาค และระดับชาติ ภายใต้การมีส่วนร่วมของ 5 กลไก ท่ีจะช่วยหนุนเสริม งานขับเคล่ือนสืบสานศาสตร์พระราชา ประกอบด้วยกลไกการประสานงานภาคีเครือข่าย กลไกแผนงานและ ยุทธศาสตร์เชิงบูรณาการ กลไกการติดตามและประเมินผล กลไกการจัดการความรู้ อันเป็นองค์ความรู้ที่ได้จากการ ปฏบิ ตั ทิ ตี่ อ้ งนามาจดั ทาเปน็ ตาราหรอื คู่มือเฉพาะในแตล่ ะพ้นื ท่ี และกลไกการสื่อสารสงั คมให้รับรู้ รว่ มด้วย การบรู ณา การของ 7 ภาคี คือ ภาครัฐที่ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ กฎหมาย รวมถึงเคร่ืองมือต่าง ๆ ภาควิชาการและ สถาบันการศกึ ษา ภาคศาสนา ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อมวลชน ระบบ 3-5-7 น้ี จะช่วยหนุนเสรมิ ให้การขับเคลื่อนสืบสานศาสตร์พระราชา บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนของ โลกได้ท้ัง 17 ข้อ ซ่ึงในความเป็นจริงแล้ว แม้ส่ิงท่ีในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมาตลอด ระยะเวลา 70 ปีของการครองราชย์ จะทาให้บรรลเุ ป้าหมายความยง่ั ยืนได้เกือบครบทั้ง 17 ขอ้ แลว้ แตพ่ ระองค์ทรง เน้นที่ข้อ 2 เป็นหลัก ในเร่ืองการขจัดความอดอยากและสร้างความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งคร้ังหน่ึงเคยมีส่ือต่างชาติมา ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต สัมภาษณ์พระองค์ว่าทรงกาลังสู้รบกับระบบคอมมิวนิสต์อยู่หรือ ? พระองค์ พระราชทานสมั ภาษณก์ ลับไปว่า ทรงกาลงั สูร้ บอยกู่ ับความอดอยากความหิวโหยของประชาชนภายในชาติ หากถาม ว่าทาไมจึงเลือกพื้นที่ของ กฟผ. ในการดาเนินงานขับเคล่ือนสืบสานศาสตร์พระราชาก็ตอบได้โดยเปรียบเทียบว่าถ้า ประเทศไทยเป็นร่างกายมนุษย์ กฟผ. ก็เปรียบได้ว่าเป็นระบบประสาท (Nervous System) ที่ทาหน้าท่ีส่งผ่าน พลังงานไปทั่วร่างกายหรือประเทศ หากระบบประสาทชารุดเสียหายร่างกายหรือประเทศก็เดินหน้าต่อไม่ได้ จึงเป็น เร่ืองจาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องทาให้ระบบประสาทของประเทศแข็งแกร่ง ให้มีความม่ันคงทางพลังงานนอกจากนี้ ด้วย สมรรถภาพขององค์การ ศักยภาพของบุคลากร และเครอื่ งมือต่าง ๆ หาก กฟผ. ดาเนินงานอย่างถูกต้องและจริงจงั ก็
๑๐๕ เชือ่ ม่นั ไดว้ า่ ในพ้ืนท่ีการดาเนินงานของ กฟผ.จะเป็นตน้ แบบทางดา้ นความย่ังยืนของโลกได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี และนี่เองคือเป้าหมายท่ีจะสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในโลกให้ได้ โดยเร่ิมจากประเทศไทยเป็นพื้นที่แรกด้วย ‘ศำสตร์ของพระรำชำ 2 ปรัชญำ 3 ระบบ ปรัชญำแบ่งออกเป็น 3 ระบบ คือ 1. เอกนิยม (Monism) ได้แก่พวกท่ีถือว่า ความแท้จริงของสรรพสิ่งมีเพียงส่ิงเดียว จะเป็นรูปธรรม (สสาร) หรอื นามธรรม (จิต) กไ็ ด้ 2. ทวินยิ ม (Dualism) ไดแ้ ก่พวกทถ่ี อื วา่ ความแทจ้ รงิ ของสรรพสง่ิ มี 2 อย่างเป็นของคกู่ ัน คอื เปน็ ทง้ั รูปธรรม (สสาร) และนามธรรม (จติ ) 3. พหุนิยม (Pluralism) ได้แก่พวกท่ีถือว่า ความแท้จริงของปฐมธาตุมีจานวนมากมายอาจจะเป็นรูปธรรม (สสาร) หรือนามธรรม (จติ ) ก็ได้ ทฤษฎีใหมก่ ว่ำ 40 ทฤษฎีตำมศำสตร์พระรำชำ คือ 1. แกลง้ ดนิ 2. ปลูกหญา้ แฝก 3. การห่มดนิ 4. ดนิ เสื่อมโทรม (ดินดาน) 5. บารงุ ดิน 6. ฝนหลวง 7. หนอง 8. คลองไส้ไก่ 9. ฝายชะลอน้า + คันกั้นน้า 10. เขื่อนกักเก็บ 11. โครงการแก้มลิง 12. โคก หนอง นา โมเดล 13. นา้ ดไี ลน่ า้ เสีย 14. อธรรมปราบอธรรม 15. ระบบลม แสงแดด 16. ระบบบาบดั น้าเสยี แบบส่ิงประดิษฐ์ 17. ระบบสระเตมิ 18. กังหนั ชยั พัฒนา 19. การบรหิ ารจดั การน้า จากภูผาสูม่ หานที 20.ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง 21. การปลูกปา่ ทดแทน 22. พระราชดารสั ภเู ขาปา่ 23. ปา่ เปียก 24. ปา่ ไมส้ าธติ 25. ปลูกป่าบนท่ีสูง 26. ปลกู ปา่ ในใจคน 27. ปลกู ปา่ ต้นน้าลาธาร หรอื การปลกู ปา่ ธรรมชาติ 28. ปลูกป่าโดยไม่ตอ้ งปลูก 29. การอนรุ ักษ์สัตวป์ ่า 30. การอนุรักษ์พันธุพ์ ืช 31. มลพษิ และการเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศ 32 . การจัดการ สงิ่ แวดล้อม (ขยะชมุ ชน) 33. การศกึ ษา 34. สหกรณ์ 35. รางวัลความสาเรจ็ ด้านการพัฒนามนษุ ย์ 3 6 . บ ว ร 37. ทาแบบคนจน 38. เศรษฐกิจพอเพียง 39. ข้าว 40. พลงั งานทดแทน 4. แนวทางในการปฏิบัติในการใช้ชีวิต ในการทางานตามศาสตร์พระราชาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ ทรงปรับปรุงพระราชทานเปน็ ทีม่ าของนิยาม \"3 หว่ ง 2 เง่อื นไข\" ๕. การบริหารแบบคนจน การทางานแบบคนจน แบบคนจน...ไม่ติดตารา“แบบท่ีเรียกว่าทาแบบคนจน คือ ทาวิธีการแบบคนจน ไม่ได้มีการลงทนุ มากหลายอย่างของเขา วิทยากรสรุปทบทวนเปดิ โอกาสใหแ้ ลกเปลี่ยนซักถาม
๑๐๖ ผลประเมินรำยวิชำ 13. กำรขับเคลอ่ื น สืบสำนศำสตรพ์ ระรำชำ ดว้ ยกลไก 3 5 7 วทิ ยำกร นายเกรยี งไกร สิงหแ์ ก้ว นักทรพั ยากรบคุ คลชานาญการ ส่วนท่ี ๑ ความคดิ เห็นเกยี่ วกับเนื้อหาวิชา หัวขอ้ ระดบั ความคิดเหน็ คา่ เฉล่ีย การแปล มากทสี่ ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยท่ีสุด ผล ๑.การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ของรายวิชา 308 183 17 1 0 4.56 มาก (60.5%) (36%) (3.3%) (0.2%) (0.0%) ที่สุด ๒.ความชดั เจนของเน้ือหาวิชา 315 182 11 1 0 4.59 มาก (61.9%) (35.8%) (2.2%) (0.2%) (0.0%) ที่สุด ๓.ความรู้ ทักษะ ท่ไี ด้รบั เพิ่มเตมิ จากวชิ านี้ 312 182 14 1 0 4.58 มาก (61.3%) (35.8%) (2.8%) (0.2%) (๐.0%) ทส่ี ดุ ๔.ความสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ 311 186 11 1 0 4.58 มาก (61.1%) (36.5%) (2.2%) (0.2%) (0.0%) ท่ีสดุ ภำพรวม 4.58 มาก ท่สี ุด จากตารางท่ี ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จานวน 509 คน แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเนื้อหาวิชา การขับเคล่ือน สืบสานศาสตร์ พระราชา ด้วยกลไก 3 5 7 โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากท่ีสุด ค่าเฉล่ีย 4.58 โดยแยกพิจารณาตามลาดับความพึง พอใจได้ ดงั น้ี 1. การบรรลุวตั ถุประสงคข์ องรายวชิ า ระดบั มากทีส่ ุด คา่ เฉลีย่ 4.56 2. ความชดั เจนของเนอื้ หาวชิ า ระดบั มากท่ีสุด ค่าเฉลย่ี 4.59 3. ความรู้ ทกั ษะ ทไ่ี ดร้ บั เพม่ิ เตมิ จากวิชาน้ี ระดับมากที่สุด คา่ เฉล่ีย 4.58 4. ความสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ ระดับมากทสี่ ุด ค่าเฉลย่ี 4.58 สว่ นท่ี ๒ ความพงึ พอใจต่อวทิ ยากร หัวขอ้ ระดบั ความพึงพอใจ คา่ เฉลย่ี การแปล ผล ๑.ความรู้ ความสามารถในการถ่ายทอด/บรรยาย มากท่ีสุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สดุ ๒.เทคนิคและวธิ กี ารทีใ่ ชใ้ นการถา่ ยทอดความรู้ ๓.การเปิดโอกาสใหซ้ ักถาม แสดงความคิดเหน็ 320 176 12 0 1 4.59 มาก ๔.การสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ (62.9%) (34.6%) (2.4%) (0.0%) (0.2%) ทส่ี ดุ ๕.บุคลิกภาพ (การแตง่ กาย ท่าทาง น้าเสียง ฯลฯ) 307 189 12 0 1 4.57 มาก (60.3%) (37.1%) (2.4%) (0.0%) (๐.2%) ที่สดุ 302 185 21 0 1 4.54 มาก (59.3%) (36.3%) (4.1%) (0.0%) (๐.2%) ที่สุด 302 189 16 1 1 4.55 มาก (59.3%) (37.1%) (3.1%) (0.2%) (๐.2%) ทีส่ ดุ 312 175 20 0 1 4.56 มาก (61.3%) (34.4%) (3.9%) (0.0%) (๐.2%) ท่สี ดุ ภำพรวม 4.56 มาก ท่ีสุด
๑๐๗ จากตารางที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จานวน 509 คน แสดงความพึงพอใจต่อวิทยากรในวิชา การขับเคล่ือน สืบสานศาสตร์ พระราชา ด้วยกลไก 3 5 7 โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.56 โดยแยกพิจารณาเป็นรายประเด็น ตามลาดับไดด้ งั น้ี 1. ความรู้ ความสามารถในการถ่ายทอด/บรรยาย ระดบั มากทีส่ ดุ คา่ เฉลี่ย 4.59 2. เทคนคิ และวิธีการทีใ่ ชใ้ นการถา่ ยทอดความรู้ ระดับมากทส่ี ุด คา่ เฉลี่ย 4.57 3. การเปิดโอกาสให้ซักถาม แสดงความคดิ เหน็ ระดบั มากทสี่ ุด คา่ เฉลี่ย 4.54 4. การสรา้ งบรรยากาศในการเรียนรู้ ระดับมากทสี่ ุด คา่ เฉลย่ี 4.55 5. บคุ ลกิ ภาพ (การแต่งกาย ท่าทาง นา้ เสียง ฯลฯ) ระดับมากท่ีสุด คา่ เฉล่ีย 4.56 สิ่งทท่ี ำ่ นประทบั ใจในวิทยำกรทำ่ นนคี้ ือ -มีการต่นื ตัวตลอดเวลาเข้าใจง่าย -พูดชดั เจนเห็นภาพและนาไปปฏิบัตไิ ด้ -พดู สุดยอดเข้าใจเร็ว -การดาเนนิ รายการ -ทา่ นวิทยากรมีความรู้ ความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความเขา้ ใจได้เปน็ อยา่ งดี -ทาใหเ้ ขา้ ใจในบทเรยี นไดง้ า่ ย การสอนแบบไมย่ ืดเยื้อและไม่นอกเร่ืองจากสาระที่ต้องการสอน -สรุปวัตถุประสงค์โครงการได้ครบถ้วนชัดเจน -เขา้ ถึงเข้าใจสามารถมองเหน็ ภาพ สงิ่ ที่วทิ ยำกรควรปรบั ปรุงคือ -น้าเสยี งสุภาพ เพราะเกินไป ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม อ่ืนๆ -เอาความรูใ้ ห้แน่นกว่าน้ี -ฟงั เนือ้ หานานๆแล้วงว่ งครับ ระหว่างบรรยายหากผูเ้ ข้ารว่ มอบรมงว่ ง ควรทากจิ กรรมให้ตืน่ ตัว เป็นระยะ -น่าจะย่อเวลาอบรมอีกสกั นดิ
๑๐๘ 14.วชิ ำ แผนปฏิบัติกำร “ยุทธศำสตรก์ ำรขับเคลือ่ นปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพยี งสู่กำรปฏิบัติ” วทิ ยำกรหลกั นางอภญิ ญา โกมลรตั น์ ผู้อานวยการศูนย์ศกึ ษาและพฒั นาชุมชนลาปาง ผ้รู ับผิดชอบวิชำ นางอัญชลี ปง่ แก้ว นักทรัพยากรบุคคลชานาญการ วตั ถุประสงค์ เพอื่ มีแนวทาง/เป้าหมายในการขับเคลื่อนหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงทส่ี อดคล้อง กบั บริบทพื้นที่ ระยะเวลำ จานวน 3 ช่ัวโมง ขอบเขตเนอื้ หำ 1.ความรูค้ วามเข้าใจเร่ืองยุทธศาสตร์ และความเปน็ มาของโครงการพฒั นาพนื้ ทตี่ ้นแบบการพฒั นา คณุ ภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ประยกุ ตส์ ู่โคกหนองนาโมเดล 2.บทบาทภารกิจของครัวเรอื นตน้ แบบการพัฒนาคุณภาพชวี ิต /นกั พัฒนาพืน้ ที่ต้นแบบ(นพต.) 3.ยทุ ธศาสตรห์ รือประเดน็ สาคญั ในการขับเคล่ือนการดาเนนิ งานให้บรรลุผลสาเร็จ 4.งาน/ กิจกรรม ในการดาเนินงานตามบทบาทภารกจิ ของครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพ ชีวิต และนกั พฒั นาพ้นื ที่ตน้ แบบ 5.การจดั ทาแผนปฏิบัตกิ าร ขับเคลอ่ื นงาน/กจิ กรรม ในบทบาทหนา้ ที่ครวั เรือนต้นแบบการพฒั นา คณุ ภาพชวี ติ /นกั พัฒนาพนื้ ท่ีตน้ แบบ ระยะเวลำ 3 ชว่ั โมง วิธกี ำร/เทคนิค 1. บรรยายประกอบส่ือ PowerPoint และคลิปวีดีโอ 2. แบง่ กลุ่มระดมสมอง ตามใบงาน 3. นาเสนอ แลกเปล่ยี น สรปุ ผล ข้นั ตอน/กำรดำเนินกำร
๑๐๙ วิทยากรแนะนาตวั เกรน่ิ นา เตรียมความพรอ้ มในการเรยี นรู้ ให้เห็นความสาคัญของทกั ษะการฟัง และการจับประเด็นผ่านกิจกรรมการเลา่ นิทาน สรา้ งความรู้ความเขา้ ใจเร่ืองยุทธศาสตร์ และความเปน็ มา ของโครงการพฒั นาพน้ื ที่ตน้ แบบการพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต ตามหลกั ทฤษฎีใหมป่ ระยุกตส์ โู่ คกหนองนาโมเดล จากวดี ที ศั น์สรุปตดั ต่อมาจากการอบรม ผู้อานวยการกลุ่มงานฯ นักวิชาการพัฒนาชุมชน และพัฒนาการ อาเภอทั่วประเทศ ในวันที่ 3 ธนั วาคม 2563 ที่ ศพช.นครนายก วทิ ยากรสรปุ เช่อื มโยงโครงการฯ ทบทวนภารกิจของ ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวติ (Household Lab Model for quality of life : HLM)นักพฒั นาพน้ื ท่ีต้นแบบ(นพต.) และพนื้ ทเี่ รยี นรูช้ ุมชนต้นแบบการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต(Community Lab Model for quality of life : CLM) ครวั เรอื นตน้ แบบกำรพัฒนำคุณภำพชวี ิต (Household Lab Model for quality of life : HLM) เกยี่ วข้องใน 3 กจิ กรรม ( จากทัง้ หมด 7 กจิ กรรม) กจิ กรรมที่ 1 ฝึกอบรมเพ่ิมทักษะระยะส้ันการพฒั นากสกิ รรมส่รู ะบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง รปู แบบ โคก หนอง นา โมเดล สามารถเปน็ แกนนาขบั เคล่อื นการน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎใี หม่ ประยกุ ตส์ กู่ ารปฏบิ ัตใิ นรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดลในพ้ืนท่เี ปา้ หมายได้ กจิ กรรมที่ 2 พัฒนาพน้ื ที่ครวั เรอื นตน้ แบบการพฒั นาคุณภาพชวี ิตระดบั ครัวเรือน -นาแบบแปลนสรา้ งพื้นทคี่ รัวเรือนตน้ แบบการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ทไี่ ดจ้ ากการฝกึ อบรม ฯ และมี การออกแบบร่วมกันระหว่างครัวเรือนเจ้าของพนื้ ท่ี ภาคีเครอื ขา่ ย และช่างออกแบบในพื้นท่ี มาใชว้ างแผน ออกแบบการปรบั ปรุงกายภาพพืน้ ทต่ี ามแบบมาตรฐาน โคก หนอง นา โมเดล -สร้างพื้นท่ีครัวเรือนตน้ แบบการพฒั นาคุณภาพชีวติ ดาเนนิ การปรับพ้ืนทตี่ ามแบบมาตรฐาน ฯ ขุด ปรับแตง่ ทาคลองไสไ้ ก่ โคก หนอง นา หลุมขนมครก ฯลฯ -พฒั นาพืน้ ท่ีครวั เรือนตน้ แบบการพัฒนาคุณภาพชีวติ ให้เอือ้ ตอ่ การใชง้ าน ด้วยการนาศาสตร์ พระราชา และหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและทฤษฎใี หมด่ ้านการฟื้นฟดู นิ ด้านการบรหิ ารจดั การ นา้ ด้านการใชป้ ระโยชน์ปา่ 3 อยา่ ง เพื่อประโยชน์ 4 อย่าง
๑๑๐ -ขบั เคล่อื นกจิ กรรมในพน้ื ที่ต้นแบบให้เกิดความต่อเนื่อง เกิดประโยชนต์ อ่ ชุมชน รว่ มกับภาคี เครือข่ายการพฒั นา วทิ ยากรชีใ้ ห้เห็นถงึ ผลที่คาดวา่ จะได้รบั /เกิดขนึ้ คอื พื้นที่ทากิน พืน้ ท่ีอยู่อาศยั ของประชาชน พ้นื ท่ี ของภาคเอกชน หรอื พ้นื ท่ีครอบครอง/พ้นื ทสี่ าธารณประโยชนไ์ ด้รบั การพฒั นาเป็นพน้ื ที่ครวั เรอื นตน้ แบบ การพฒั นาคุณภาพชวี ิต กิจกรรมที่ 4 กระตุ้นการบริโภคภาคครวั เรอื น และเอกชน ผา่ นกจิ กรรมการพัฒนาและสนบั สนุนพน้ื ท่ี ครวั เรือนตน้ แบบ - กรมการพฒั นาชุมชน สนบั สนุนวสั ดอุ ุปกรณ์ สาหรบั ฝกึ ปฏบิ ัติแลกเปลย่ี นเรยี นร้รู ว่ มกนั ในแปลง ของครวั เรอื น ครัวเรือน เชน่ ปยุ๋ ฟางขา้ ว แกลบ จอบ เสียม กล้าไม้ พนั ธ์ุไม้ เปน็ ตน้ - สานักงานพฒั นาชมุ ชนอาเภอ ร่วมกับครัวเรอื นตน้ แบบฯ นกั พัฒนาพน้ื ท่ีตน้ แบบ(นพต.) และ ประชาชนในพ้ืนท่ีและพื้นที่ใกล้เคียงพ้ืนที่ต้นแบบฯ จดั กจิ กรรมรวมกลมุ่ กันพัฒนาพื้นที่แลกเปล่ยี นองค์ ความรูใ้ นรปู แบบการแลกเปลี่ยนแรงงาน การเอาม้ือสามัคคี ร่วมกันในแปลงของครวั เรือนตน้ แบบฯพ้ืนท่ลี ะ 3 ครั้งๆละไม่น้อยกวา่ 20 คน โดยผลทคี่ าดวา่ จะได้รบั คือ 1. ครัวเรอื นต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ิต เกิดการถา่ ยทอดความรู้ การแลกเปล่ียนความร้คู วาม เชยี่ วชาญจากบคุ คลสบู่ คุ คล ผ่านการจดั กิจกรรมรวมกลุ่มกนั พฒั นาพื้นท่ี 2. เกดิ ความรักความสามคั คี การช่วยเหลือเกือ้ กูลกนั ในชมุ ชน ผ่านการจัดกจิ กรรมรวมกลุ่มกนั พฒั นาพนื้ ที่ ตัวชว้ี ดั : 1) กล่มุ เปา้ หมายท่เี ข้ารว่ มโครงการมรี ายได้เฉลยี่ เพ่ิมขึน้ 3 เท่า จากเดมิ ภายใน 2 ปี 2) พืน้ ที่ครัวเรือนทเ่ี ข้ารว่ มโครงการ จะลดปัญหาจากภัยแล้งได้ 50% ของพ้ืนท่ีดาเนินการ ภายใน 3 ปี นกั พฒั นำพน้ื ทตี่ ้นแบบ(นพต.) ในพื้นทีเ่ รยี นรชู้ มุ ชนต้นแบบกำรพัฒนำคณุ ภำพชวี ิต ระดับตำบล พัฒนาพ้นื ทเ่ี รียนรู้ชุมชนต้นแบบการพฒั นาคุณภาพชวี ิตระดับตาบล(Community Lab Model for quality of life : CLM) - วางแผน ปรับปรุงสภาพแวดล้อมพนื้ ที่เรียนรูช้ มุ ชนต้นแบบการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ตามแบบที่ กรมการพัฒนาชุมชนกาหนด - ทางานตามหลกั กสิกรรมธรรมชาติ เชน่ การปรับปรงุ ดิน ดูแลระบบนา้ การปลูกพชื เล้ียงสตั ว์ บารงุ รักษา ทาใหพ้ ชื สตั ว์เจริญเตบิ โต โดยการไมใ่ ช้สารเคมี
๑๑๑ - ทาการเกษตรแบบใชเ้ ทคโนโลยแี ละภูมปิ ญั ญาชาวบา้ น ในพื้นทเี่ รียนรู้ชุมชนต้นแบบฯ - พฒั นาฐานการเรยี นร้เู พ่ือการพ่ึงตนเอง และจัดทาส่ือเรียนรปู้ ระจาฐาน - เปน็ วทิ ยากรประจาฐานการเรียนรูเ้ พ่ือการพึ่งตนเอง ให้ความร้แู กผ่ สู้ นใจ - ส่งเสริมการเรยี นรู้ พาทา ปฏบิ ัตจิ ริง จดั กิจกรรมการเรียนรรู้ ่วมกนั บนสถานการณ์จริง - สารวจและจดั เก็บขอ้ มูลการเปลีย่ นแปลงทางด้านภมู สิ ังคมในพ้ืนที่เรียนรชู้ ุมชนตน้ แบบฯ ผา่ น ระบบ Digital Platform - ประสานงานการดาเนินงานโครงการร่วมกับภาคีเครอื ขา่ ยในพ้ืนทเี่ รยี นรู้ชุมชนต้นแบบ - ส่ือสารสงั คมใหท้ ราบถงึ การดาเนนิ งานโครงการในพน้ื ท่ีเรียนรู้ชมุ ชนตน้ แบบฯผา่ นสือ่ สังคม ออนไลนป์ ระเภทต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์ เป็นประจาทุกสัปดาห์ - สนบั สนนุ การดาเนินงานครัวเรอื นตน้ แบบการพฒั นาคุณภาพชวี ติ - หมุนเวยี นไปร่วมเอาม้ือกบั ครัวเรอื นตน้ แบบการพฒั นาคุณภาพชีวิต ในตาบลที่พนื้ ทเ่ี รียนรู้ชุมชน ตน้ แบบการพฒั นาคุณภาพชีวติ ระดับตาบล ต้งั อยู่ เรยี นรกู้ ารเปน็ ครูพาทา - สนับสนุนองค์ความรู้ แนะนา สง่ เสริมครวั เรือนต้นแบบ ฯ ในการพฒั นาพืน้ ท่ีแปลงตน้ แบบ และ การเป็นวทิ ยากรฐานเรียนรู้ ครูพาทา - สารวจและจดั เก็บข้อมลู การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นภมู สิ ังคมในพน้ื ทีเ่ รยี นรู้ครัวเรอื นต้นแบบฯ ผา่ น ระบบ Digital Platform - ประสานงานการดาเนินงานโครงการร่วมกบั ภาคีเครือขา่ ยในพื้นทเี่ รียนรู้ครัวเรอื นตน้ แบบ นักพัฒนำพ้ืนทตี่ ้นแบบ(นพต.) ในพื้นทีค่ รวั เรือนตน้ แบบกำรพฒั นำคุณภำพชวี ติ พัฒนำพื้นทค่ี รัวเรอื น ต้นแบบกำรพัฒนำคุณภำพชวี ติ - วางแผน ปรับปรุงสภาพแวดลอ้ มพ้ืนที่ครวั เรอื นต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ิต ตามแบบที่ กรมการพัฒนาชุมชนกาหนด - ทางานตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ (หลกั การทาเกษตรแบบพึ่งพิงธรรมชาติ) เชน่ การปรับปรงุ ดนิ ดแู ลระบบนา้ การปลูกพืช เล้ียงสตั ว์ บารงุ รักษา ทาให้พืช สัตวเ์ จริญเตบิ โต โดยการไมใ่ ชส้ ารเคมที า การเกษตรแบบใชเ้ ทคโนโลยีและภูมปิ ญั ญาชาวบ้าน ในพน้ื ทค่ี รวั เรอื นต้นแบบการพัฒนาคณุ ภาพชีวิต -สนับสนนุ องค์ความรู้แก่ครัวเรอื นต้นแบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวิต - หมุนเวียนไปร่วมเอามื้อกับครัวเรอื นตน้ แบบการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ในพนื้ ทใี่ กลเ้ คยี ง เรียนรู้การ เปน็ ครูพาทา
๑๑๒ - สนับสนนุ องค์ความรู้ แนะนา สง่ เสริมครวั เรอื นตน้ แบบการพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตในการพัฒนาพ้นื ที่ แปลงต้นแบบ - สารวจและจดั เกบ็ ข้อมูลการเปลีย่ นแปลงทางดา้ นภมู สิ งั คมในพน้ื ท่ีเรยี นร้คู รวั เรือนตน้ แบบการ พัฒนาคุณภาพชีวติ ผ่านระบบ Digital Platform - ประสานงานการดาเนนิ งานโครงการรว่ มกับภาคี เครือข่ายในพน้ื ทเ่ี รียนรคู้ รัวเรือนตน้ แบบการพฒั นาคุณภาพ ชีวิต วิทยากรชวนคุยเรือ่ งยทุ ธศาสตรห์ รอื ประเด็นสาคญั ในการขบั เคลือ่ นการดาเนนิ งานใหบ้ รรลุผลสาเรจ็ ในการเป็น ครัวเรอื นตน้ แบบ และประเด็นสาคัญในการสนบั สนุนการขับ เคลอื่ นครวั เรือนต้นแบบใหป้ ระสบผลสาเร็จ ของนกั พัฒนา พน้ื ทต่ี น้ แบบ และยกตวั อยา่ งแผนปฏิบัตกิ ารในการขับเคลื่อน กจิ กรรม/โครงการ ของครัวเรือนตน้ แบบ(HLM) และนักพัฒนา พ้ืนที่ต้นแบบ(นพต.) วิทยากรมอบหมายใบงานใหแ้ ตล่ ะกล่มุ หมูบ่ ้าน 4 กลุม่ และนักพฒั นาพน้ื ทตี่ ้นแบบ 2 กลมุ่ ระดม สมอง จดั ทาแผนปฏบิ ตั ิการ ขับเคล่ือนงาน/กจิ กรรม ในประเด็นกจิ กรรม/ระยะเวลา/ขัน้ ตอนวธิ ีการและ ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับ รายละเอียดกจิ กรรม แบ่งเปน็ ขั้นเตรียมการ/ขนั้ ดาเนินการ/ข้ันประเมนิ ผลและ ประชาสมั พนั ธ์ ตวั แทนแต่ละกลมุ่ เป้าหมายนาเสนอตวั อย่างแผนปฏบิ ตั ิการฯ วทิ ยากรสรุปเชือ่ มโยง เติมเตม็ และ เปิดโอกาสใหแ้ ลกเปลี่ยนซกั ถาม
๑๑๓ สรุปผลกำรเรยี นรู้ ผเู้ ข้าอบรมแตล่ ะกลุม่ สี(ครัวเรือนต้นแบบ) กลมุ่ นพต. ให้ความสนใจ มสี ว่ นรว่ มในการ ระดมสมอง เสนอความคดิ วางแผนปฎบิ ตั ิการร่วมกนั เพอ่ื ขับเคลอ่ื นกจิ กรรมฯตามโครงการฯ ให้สามารถ ปฎิบัตไิ ด้ตามระยะเวลา ทเ่ี หมาะสม การนาเสนอแผนปฏิบตั ิการของผู้แทนครวั เรือนต้นแบบฯ และ นกั พฒั นาพ้ืนทีต่ ้นแบบ สามารถนาไปปรบั ประยุกต์ใช้ในพ้ืนท่ีของตนเอง/พ้ืนที่รบั ผดิ ชอบได้
๑๑๔ ผลประเมนิ รำยวชิ ำ 14. กำรจัดทำแผนปฏบิ ัติกำร ยุทธศำสตร์กำรขบั เคลอื่ นปรัชญำของ เศรษฐกจิ พอเพียงสู่กำรปฏบิ ัติ ชอ่ื วทิ ยากร นางอภิญญา โกมลรตั น์ ผอู้ านวยการศนู ย์ศึกษาและพฒั นาชุมชนลาปาง ส่วนที่ ๑ ความคิดเห็นเกี่ยวกบั เนอื้ หาวชิ า หัวข้อ ระดบั ความคิดเหน็ คา่ เฉล่ยี การแปล ผล ๑.การบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ของรายวิชา มากทสี่ ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทส่ี ดุ ๒.ความชัดเจนของเน้ือหาวิชา ๓.ความรู้ ทกั ษะ ทไี่ ด้รบั เพิ่มเติมจากวชิ าน้ี 317 178 12 2 0 4.59 มาก ๔.ความสามารถนาไปประยุกต์ใช้ (62.3%) (0.0%) ทีส่ ดุ (35%) (2.4%) (0.4%) 313 0 (61.5%) 184 11 1 (0.0%) 4.58 มาก (36.1%) (2.2%) (0.2%) ทีส่ ุด 305 0 (59.9%) 191 11 2 (๐.0%) 4.56 มาก (37.5%) (2.2%) (0.4%) ทีส่ ดุ 313 0 (61.5%) 182 13 1 (0.0%) 4.58 มาก (35.8%) (2.6%) (0.2%) ทส่ี ุด ภำพรวม 4.58 มาก ท่ีสดุ จากตารางท่ี ๑ ผู้ตอบแบบประเมิน จานวน 509 คน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาวิชา การจัดทาแผนปฏิบัติ การ ยุทธศาสตร์การขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด ค่าเฉลย่ี 4.58 โดยแยกพจิ ารณาตามลาดับความพึงพอใจได้ ดงั นี้ 1. การบรรลุวตั ถุประสงคข์ องรายวชิ า ระดบั มากทีส่ ดุ คา่ เฉล่ีย 4.59 2. ความชดั เจนของเน้อื หาวชิ า ระดับมากทสี่ ดุ คา่ เฉล่ีย 4.58 3. ความรู้ ทักษะ ที่ได้รบั เพม่ิ เติมจากวชิ าน้ี ระดบั มากทีส่ ดุ ค่าเฉล่ยี 4.56 4. ความสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ ระดับมากท่สี ดุ คา่ เฉลย่ี 4.58 ส่วนท่ี ๒ ความพึงพอใจต่อวิทยากร หวั ขอ้ ระดับความพึงพอใจ คา่ เฉลี่ย การแปล ผล ๑.ความรู้ ความสามารถในการถ่ายทอด/บรรยาย มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยท่สี ดุ ๒.เทคนคิ และวธิ กี ารท่ใี ช้ในการถา่ ยทอดความรู้ 4.59 มาก ๓.การเปิดโอกาสใหซ้ ักถาม แสดงความคดิ เหน็ 318 177 12 2 0 4.57 มาก (62.5%) (34.8%) (2.4%) (0.4%) (0.0%) 4.56 มาก 310 184 12 3 0 (60.9%) (36.1%) (2.4%) (0.6%) (0.0%) 310 181 15 3 0 (60.9%) (35.6%) (2.9%) (0.6%) (๐.0%)
๑๑๕ ๔.การสร้างบรรยากาศในการเรยี นรู้ 309 184 14 2 0 4.57 มาก (60.7%) (36.1%) (2.8%) (0.4%) (๐.0%) ๕.บุคลิกภาพ (การแตง่ กาย ท่าทาง นา้ เสียง ฯลฯ) 319 175 13 2 0 4.59 มาก (2.6%) (0.4%) (๐.๐%) (62.7%) (34.4%) ภำพรวม 4.58 มาก จากตารางที่ 2 ผู้ตอบแบบประเมิน จานวน 509 คน แสดงความพึงพอใจต่อวิทยากรในวิชา การจัดทาแผนปฏิบัติ การ ยุทธศาสตร์การขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ค่าเฉล่ยี 4.58 โดยแยกพจิ ารณาเป็นรายประเด็น ตามลาดับได้ดงั น้ี 1. ความรู้ ความสามารถในการถา่ ยทอด/บรรยาย ระดบั มาก ค่าเฉลี่ย 4.59 2. เทคนิคและวธิ ีการท่ีใชใ้ นการถา่ ยทอดความรู้ ระดับมาก ค่าเฉล่ีย 4.57 3. การเปดิ โอกาสให้ซักถาม แสดงความคดิ เหน็ ระดับมาก คา่ เฉลีย่ 4.56 4. การสรา้ งบรรยากาศในการเรยี นรู้ ระดับมาก คา่ เฉลย่ี 4.57 5. บุคลกิ ภาพ (การแตง่ กาย ท่าทาง นา้ เสยี ง ฯลฯ) ระดบั มาก คา่ เฉลยี่ 4.59 สิ่งท่ีท่ำนประทบั ใจในวิทยำกรทำ่ นนค้ี อื -เนอ้ื หาท่สี อนกระฉับใจความสาคัญในเรื่องทสี่ อนไดด้ ี -ผอู้ านวยการ การพูดกระชบั ได้ใจความ สามารถเข้าใจได้ง่าย -นา่ รกั ใหค้ าแนะนาเขา้ ใจดี -สรปุ วตั ถปุ ระสงคค์ รบถว้ นชดั เจน -บรรยายชัดเจนดี -สอนดี เข้าใจ มคี วามเปน็ กนั เอง -แนะนาได้ดี ได้รับคาตอบเป็นที่พอใจและขอบคณุ ท่ีไดร้ ับความรู้ -เข้าถึงเข้าใจสามารถมองเห็นภาพ -เปดิ โอกาสให้มีการนาเสนอ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สงิ่ ที่วทิ ยำกรควรปรับปรุงคือ -เร่ืองเวลาให้กระชบั และชัดเจน -ควรให้มเี ร่อื งให้หายงว่ ง ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เติม อื่นๆ - เอาใหเ้ ข้มขน้ กวา่ นี้ - ดีในส่วนท่ี จะไดม้ ีการวางแผน แต่ควรใหแ้ ตล่ ะคนเขยี นแผนของตัวเอง จะไดล้ งมือทาแผนจรงิ เพราะงานกลมุ่ บางคนจะทาบางคนจะนง่ั ดูไม่ได้ทดลองทาจริง - การบรหิ ารเวลาพักตา่ งๆ
๑๑๖ 15.วิชำ ในหลวงในดวงใจ (เทิดทูนสถำบนั พระมหำกษัตริย์) วทิ ยำกร นางสาวณัฐกฤตา ชยั ตมู นกั ทรัพยากรบคุ คลปฏบิ ัติการ ผ้รู บั ผดิ ชอบวิชำ นางสาวณัฐกฤตา ชยั ตมู นักทรพั ยากรบุคคลปฏิบัติการ วตั ถุประสงค์ ๑. เพอื่ ให้ผู้เขา้ อบรมเกดิ ความเช่ือมนั่ ศรทั ธาในการทางานเพือ่ ประชาชนในพ้นื ท่ี ๒. เพ่ือให้ผู้เข้าอบรมตั้งปณิธานถวายความดี ถวายความ จงรักภักดี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลย เดชมหาราชบรมนาถบพิตร (รัชกาลท่ี ๙) สู่การสานต่อพระราช ปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิรา ลงกรณ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว (รัชกาลท่ี 10) ขอบเขตเนือ้ หำวชิ ำ 1. ห ลั ก ก า ร ท ร ง ง า น ข อ ง รั ช ก า ล ท่ี ๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลย เดชมหาราชบรมนาถบพิตร และพระราชกรณียกิจของ รัชกาลท่ี ๑๐ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน การสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดาริและแนวพระราชดาริของ รัชการที่ ๙ ใน การบาบัดทุกข์และบารุงสุขให้แก่ประชาชน และพัฒนา ประเทศชาติให้เจริญกาวหน้า และเพื่อให้เกิดประโยชน์ สูงสุดแก่ปวงประชาชาวไทยสืบไป ๒. การตัง้ ปณิธานความดี ระยะเวลำ 30 นาที เทคนิค/วิธีกำร/กระบวนกำร 1. การเขยี นใบปณิธานถวายความดี 2. ส่อื powerpoint /วดี ีทศั น์ เร่ิมต้นจากพิธีกรเตรียมความพร้อมของผู้เข้าอบรมสาหรับการเข้าสู่วิชาในหลวงในดวงใจ (เทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์) จากนั้นวิทยากรเปิดวีดีทัศน์ในเร่ืองของหลักการทรงงานของรัชกาลท่ี ๙ และพระ ราชกรณยี กจิ ของรชั กาลที่ ๑๐ ในการสบื สาน รักษา และตอ่ ยอดโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดารแิ ละแนว พระราชดาริของ รัชกาลที่ ๙ ในการบาบัดทุกข์และบารุงสุขให้แก่ประชาชน และพัฒนาประเทศชาติให้ เจรญิ กา้ วหนา้ และเพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสดุ แก่ปวงประชาชาวไทยสืบไป วิทยากรกล่าวเชิญชวนผู้เข้าอบรมทุกท่าน ร่วมทาความดีด้วยการเขียนคาปณิธานเพ่ือแสดงความ จงรักภักดี และตั้งปณิธานความดี ถวายแด่รัชกาลที่ ๙ และ รัชกาลท่ี ๑๐ ในประโยคท่ีว่า “ดิฉันอยากให้ทุก ท่านนาเอาเน้ือหาความรู้ ท่ีได้จากการอบรมตลอดระยะเวลา 5 วันนี้ นาไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพ่ือ ดาเนินตามรอยเบ้ืองพระยุคลบาท ด้วยสานึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาท่ีสุดมิได้ และร่วมทาความดีด้วย การเขยี นปณิธานถวายแด่ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรามาธบิ ดศี รสี นิ ทร มหาวชริ เกล้าเจ้าอยหู่ วั
๑๑๗ วิทยากรเชิญทีมงานแจกใบปณิธานความดีให้กับผู้เข้าอบรม ทุกคนเขียน พร้อมกับการเปิดเพลง “ตามรอยเท้าพ่อ” เม่ือผู้เข้า อบรมเขียนใบปณิธานความดีเสร็จส้ิน วิทยากรกล่าวนาเตรียมถวาย ความเคารพพระบรมฉายาลกั ษณ์ ดงั น้ี ท้ังหมดตรง !! “เตรยี ม ถวาย ความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วย การร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ร่วมกัน ” จากน้ันวิทยากรนาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และถวายใบปณิธานความดีต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชริ เกล้าเจา้ อยู่หัว ใบปณธิ ำนถวำยควำมดี รนุ่ 2 ปลกู จติ สานกึ ให้อยอู่ ย่างพอเพยี ง สร้างชีวิตใหม่ พัฒนาพ้ืนที่พัฒนาคุณภาพชีวิตตาม หลักเกษตรทฤษฎใี หม่ รปู แบบโคก หนอง นา โมเดล ให้สาเร็จ นาความรู้ท่ีได้รับจากการอบรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ สูงสดุ เพอ่ื สร้างความ ม่ังคง ม่ังคั่ง และนาไปสู่ความยั่งยืน ดังท่ีพ่อได้มอบ พระราชดาริให้ลกู ๆปฏบิ ตั ติ ามว่า “เข้าใจ เขา้ ถงึ พฒั นา” สง่ เสริม พฒั นา ตอ่ ยอด เพอื่ พออยู่ พอกิน พอเกบ็ นาความรู้เรื่องศาสตร์พระราชาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมาก ท่สี ดุ พร้อมเป็นตัวอย่างของชมุ ชน นาความรทู้ ี่ไดไ้ ปลงมือปฏบิ ัติจริงและทาเปน็ ศนู ยแ์ ห่งการเรยี นร้แู ละเผยแพร่ข้อมลู นาความรู้ทไี่ ดไ้ ปเผยแพร่ขอ้ มลู แก่ชุมชนพร้อมขยายเครือข่าย นาความรู้ทไี่ ดไ้ ปลงมือปฏิบัตจิ รงิ และทาเปน็ ศูนยแ์ หง่ การเรยี นร้แู ละเผยแพร่ขอ้ มลู ช่วยเหลอื และสั่งสอนลกู หลานรักหว่ งแหนแผน่ ดินไทยดว้ ยปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ดาเนินโครงการพัฒนาพ้ืนท่ีต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฏีใหม่ ประยุกต์สู่โคก หนอง นา โมเดลให้ประสบผลสาเร็จ นาความรู้ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั อยอู่ ยา่ งเศรษฐกจิ พอเพียง ตามรอยพระองค์ และเป็นตัวอยา่ ง/ตน้ แบบให้ ทกุ คน ปลูกจติ สานกึ นาพาความย่งั ยืน “ต้นไม้ที่โตไวท่ีสุด คือต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในใจของผู้คน ถูกรดด้วยความดีและผลิบานด้วยยินดีในหัวใจ” นา ความรู้ที่ได้มาพัฒนาและปรับใช้เพ่ือประโยชน์ และแบ่งปันแนวคิดหลักกสิกรรมธรรมชาติสู่ความย่ังยืนและ เป็นวทิ ยาทานใหผ้ ้อู นื่ เสมอ ศึกษาความรู้ ใช้ความรู้ ลงมอื ปฏิบัติตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง จัดทาพน้ื ทตี่ ้นแบบการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฏใี หม่ ประยกุ ต์ส่โู คก หนอง นา โมเดล ประยุกต์แนวทางหลักกสิกรรมธรรมชาติสู่ชีวิตที่มีความมั่นคงและย่ังยืน โดยการอนุรักษ์ฟ้ืนฟู ทรพั ยากรธรรมชาติตามหลกั ศาสตรพ์ ระราชาแบบครบวงจร
๑๑๘ พัฒนาคุณภาพชีวิตของครอบครัวและชุมชนให้อยู่ดีกินดี “ชีวิตงดงาม ตามอัตภาพ” “พอเพียงคือพอดี พอใจเท่าท่มี ี ยินดเี ทา่ ท่ีได”้ รุ่น 3 นาคาสอนของศาสตร์พระราชามาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวนั ให้ เกดิ ประโยชน์สงู สดุ ตอ่ ผู้อนื่ และตนเอง พัฒนาชมุ ชนของตนเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ประหยดั อดออม อยู่แบบพอเพยี ง/คนจน เผ่ือแผ่ เมตตาต่อเพอื่ นมนษุ ย์ ดารงชวี ิตบนทางสายกลาง รูร้ ักสามัคคีและแบ่งปัน สืบสานหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและแนะนาชาวบ้านสบื ต่อไป ยงั รนุ่ สรู่ นุ่ ทาเป็นพืน้ ท่ตี ้นแบบ นาเอาโอวาทของพระองค์ไปใชแ้ ละชว่ ยเหลอื เพ่อื นบา้ น น้อมนาเศรษฐกิจพอเพียงและจะเป็นคนดีของแผ่นดิน ใช้ชวี ติ พออยู่ พอกนิ และพอเพยี ง เปน็ คนดขี องสังคมจะเหน็ ประโยชน์สว่ นรว่ มมาก่อนประโยชน์ส่วนตวั นาเอาทฤษฎตี า่ งๆทีพ่ ระเจ้าอยหู่ วั ทรงพระราชทานไปพฒั นาที่ดินให้เกดิ ประโยชนส์ งู สุด นาเอาความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจาวนั ทาเกษตรอินทรีย์ เพ่ือลดค่าใช้จ่ายและถ่ายทอดให้ผู้อ่ืนในโอกาส ตอ่ ไป เป็นต้นแบบครอบครัวเศรษฐกจิ พอเพยี งให้ได้ สรา้ งพ้ืนทต่ี ามแบบโคก หนอง นา โมเดล นาหลกั ธรรมทพ่ี อ่ สอนนาไปใช้ทาแบบพอเพยี งต่อยอดโคก หนอง นา โมเดล ต้ังใจทางาน และนาเอาความร้ไู ปประยกุ ต์ใช้ในการทางาน ทาหน้าทที่ ี่ไดร้ ับมอบหมายใหด้ ีทส่ี ดุ รกั ษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ อทุ ศิ ตนเพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นนักปฏิบัตงิ านทฤษฎใี หม่ท่ดี แี ละจะพฒั นาครวั เรอื นใหย้ ง่ั ยนื ตลอดไป ทาชีวิตใหส้ มดุลทงั้ ทางโลกและทางธรรม ทาให้ผนื แผ่นดินเปน็ แผ่นดนิ ทองคา รนุ่ 4 ทางานด้วยใจ นาความรู้ท่ีได้ไปเผยแพร่ให้ชาวบ้านมีความ เข้าใจในเกษตรอินทรียม์ ากขน้ึ การนอ้ มนาศาสตร์พระราชาไปปรับใชแ้ ละเผยแพร่ต่อไป ทาศนู ย์เรียนรูเ้ กษตรธรรมชาติ เจรญิ รอยตามแนวพระราชดารขิ องพระองค์ เป็นแบบอยา่ งทีด่ ี ชวี ติ มั่นคง ครอบครวั มั่นคง่ั ชมุ ชนยง่ั ยนื สรา้ งความดใี ห้สงั คม สร้างความรูเ้ ผยแพร่ความสามัคคีในหมู่คณะ อยู่อย่างพอเพยี ง ประหยัด อดทน เป็นเกษตรกรต้นแบบโคก หนอง นา โมเดล เพื่อเกิดประโยชน์กับ ครอบครวั ของตนเองและมวลมนษุ ยชาติและประเทศ คนื ชวี ติ ใหแ้ ผ่นดนิ ด้วยการทากสิกรรมธรรมชาติตามศาสตร์พระราชา
๑๑๙ ทาความดี มคี ณุ ธรรม สานตอ่ งานพอ่ คดิ ทา นาปฏบิ ตั ิ มุ่งม่ันทาความดี จะพัฒนาใหเ้ จริญ มงุ่ ม่ันพัฒนาตนเอง เพ่ือชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ดาเนนิ ชวี ติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงใหเ้ กิดผลสาเร็จ เป็นแบบอยา่ งทีด่ ีและเผยแพร่ความรู้ให้ ชุมชน รุน่ 5 จงรักภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และจะทาความดีเพอื่ ประเทศชาติ มงุ่ มั่นทาเกษตรอนิ ทรียแ์ ละสร้างแหลง่ อาหารปลอดภัยใหช้ ุมชน การนาไปปรบั ใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนส์ งู สุดตอ่ ตนเอง และสว่ นรวม คืนชีวิตให้แผน่ ดินเพ่อื ในหลวง ทางานแทนคุณแผน่ ดิน ดาเนินตามรอยเทา้ ด่ังทพ่ี ่อตงั้ ใจ นาเอาปรชั ญาทีท่ า่ นมอบความรเู้ ร่อื งดิน นา้ ลม ไฟ นาไปปฏิบตั ิต่อไปในรูปแบบโคก หนอง นา ทาโคก หนอง นา ให้สาเร็จเพ่ือสรา้ งความพอเพยี งในชีวิต นาความรู้ท่ีได้รับมาเป็นแนวทางปฏบิ ัติ และถ่ายทอดสู่ชมุ ชนและผู้ทส่ี นใจเพอ่ื ทดแทนคุณแผ่นดิน ลงมือทา ทาทันที ทาทกุ วนั ทาจนสาเร็จ ใช้ชีวิตอยา่ งพอเพยี ง รู้ถูก รูผ้ ิด สรา้ งสังคมอุดมสขุ รนุ่ 6 ปฏิบัตติ นเปน็ คนดตี อ่ สงั คมตลอดไป นาเอาความรไู้ ปปฏบิ ตั ใิ ห้มากทส่ี ุดและนาไปปรับใช้ในพน้ื ทตี่ ่อไปพร้อมถา่ ยทอดสู่ชุมชน นาเอาหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลมากทีส่ ุด สบื สานเศรษฐกจิ พอเพียงตามทพี่ ่อให้ไว้จนถงึ ลูกหลาน ส่งเสริมสนบั สนนุ ใหผ้ ูท้ สี่ นใจเข้าร่วมโครงการและดาเนินตามแนวทางจนบรรลุผลสาเร็จ น้อมนาศาสตรไ์ ปปฏิบัติโดยทาการศกึ ษา หาความรเู้ พมิ่ เตมิ จากสื่อต่างๆเพ่อื เพมิ่ ความชานาญย่ิงๆขึน้ ไป ช่วยเหลือและให้คาแนะนาแก่เกษตรกรเพ่ือนาไปปรับประยุกต์ใช้และพัฒนาพ้ืนที่ตามหลัก “เศรษฐกิจ พอเพยี ง” ใชช้ ีวิตแบบพอเพียงและนาคาสอนของพอ่ มาใช้ดารงชีวติ จรงิ และนาไปช่วยผู้อนื่ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ พฒั นาศนู ยก์ ารเรยี นรขู้ องตาบล นาความรูไ้ ปปรับใชใ้ นชีวติ ประจาวัน ครอบครวั และเพอื่ นมนุษยด์ ้วยกันให้เจรญิ ตอ่ ไป ดาเนินโครงการให้สาเรจ็ และนาความร้ไู ปขยายใหค้ นอน่ื ได้รตู้ ่อไป เดินตามรอยเทา้ พ่อตอ่ ไปใหถ้ ึงทส่ี ุด นาเอาความรู้ท่ไี ด้รับไปพฒั นาตนเองและขยายสูช่ มุ ชนต่อไป จัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สงู สดุ เพ่อื เป็นแบบอย่างให้กับชมุ ชน ตัง้ ใจจะปฏบิ ัติตนใหไ้ ด้ดั่งคาสอนของพ่อใหเ้ ราอยอู่ ยา่ งพอเพียงและพ่งึ พาตนเองให้ได้ ทาความดชี ่วยเหลอื สงั คมและรักษาวถิ ีชีวิตพอเพียงให้สบื สานถึงลูกหลานต่อไป
๑๒๐ รุ่น 7 เดินตามรอยพระบาทของพ่อทุกชาติไป เปน็ ตน้ แบบท่ีดี ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กูล ถ่ายทอดความรตู้ ามกาลงั ปัญญา ทาผืนดนิ ให้มชี วี ิต นาเอาความรู้ไปปฏิบตั ใิ หม้ ากทสี่ ุดและสานต่ออุดมการณ์ ม่งุ มั่น ตั้งใจ ทาตามแนวคดิ ทาความดเี พอ่ื ในหลวงและนาเอาคาสอนของพ่อไปทาให้ดีท่สี ดุ ต้งั ใจมุ่งมัน่ ทาความดีต่อประเทศชาติ และเป็นแบบอย่างทดี่ ตี ลอดไป พัฒนาทอ้ งท่ีของตนเองและเปน็ ตน้ แบบใหก้ ับหมู่บา้ นและชมุ ชนดว้ ยหลกั กสิกรรมและเกษตรทฤษฏีใหม่ นาไปประยุกตใ์ ช้ในครอบครัวและจะเปน็ แกนนาในการเผยแพรต่ ่อไปให้ประเทศยงั่ ยืนต่อไป นอ้ มนาปรชั ญาของพระองค์ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั และชุมชนตลอด ดั่งคาวา่ “พอเพียง” ปฎิบตั ติ ามรอยเบื้องพระยุคลบาทดว้ ยหวั ใจสดุ ความสามารถ นาไปประยกุ ตใ์ ชก้ ับครอบครัว อยู่เย็นเป็นสขุ และขยายใหค้ รัวเรือนอน่ื ตอ่ ไป พฒั นาคน พฒั นางาน สรา้ งเครอื ข่าย และสืบสานหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงสูก่ ารพัฒนาท่ยี ่งั ยนื ใชห้ ลักทฤษฎีเศรษฐกจิ และหลักบนั ได 9 ข้ัน มาใชใ้ นการดาเนินชีวติ ประจาวัน ผลกำรเรยี นรู้ ผู้เข้ารับการอบรมมีความสนใจ ต้ังใจในการต้ังปณิธานถวายความดีต่อสถาบันของชาติ เกิดความ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราชบรมนาถ บพิตร (รัชกาลที่ ๙) และพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรามาธิบดศี รีสินทร มหาวชิรเกลา้ เจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 10) ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริและแนว พระราชดาริของรัชการท่ี ๙ และร่วมถวายความจงรักภักดีด้วยการเขียนคาปณิธานแด่รัชกาลที่ 10 อีกทั้งยัง เกดิ แรงบนั ดาลใจในการทางานเพ่ือพัฒนาพืน้ ที่ของตนเองให้ดีท่ีสุดและพฒั นาประเทศชาตติ ่อไป
๑๒๑ กิจกรรมเสริมหลักสูตร กจิ กรรมกระบวนกำรหนำ้ เสำธง ทีมวทิ ยากร/ครูพาทา จะทาการซกั ซ้อม 5 ข้ันตอน ใหก้ ับแต่ละกลมุ่ สี ได้ นากระบวนการทุกเชา้ เวลา 07.45 และทกุ เยน็ เวลา 17.45 น. ข้นั ตอนกำรเตรยี มควำมพรอ้ ม 1) เรยี กรวมพล เรียกแถว จัดแถว นับจานวนผู้เข้าร่วมกจิ กรรม 2) กล่าวเชญิ ตวั แทนชายหญิงทาหนา้ ที่เชิญธงชาติ กระบวนการหนา้ เสาธง 1) กล่าวคาปฏิญาณ 2) เชญิ ธงชาติ 3) ปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ของพน่ี อ้ งเครือช่าย 4) ยืนสงบน่ิง 5) การตอกย้าอุดมการณ์ ลำดับกระบวนกำรหนำ้ เสำธง 1. เรยี กรวมพล เรยี กแถว จัดแถว นบั จานวนผเู้ ขา้ ร่วม 2. ขอเชญิ ตวั แทนชาย/หญงิ ทาหน้าท่เี ชิญธงชาติ 3. ทัง้ หมดกล่าวคาปฏญิ าณตนพรอ้ มข้าพเจ้า 4. \"ธงชาติและเพลงชาตไิ ทย เปน็ สญั ลักษณ์ของความเปน็ ไทย เราจงรว่ มใจกนั ยืนตรง เคารพองชาติ ดว้ ยความภาคภมู ใิ จในเอกราช และความเสียสละ ของบรรพบุรุษไทย\" 5.ประเทศไทยรว่ มเลือดเนื้อเป็นชาตเิ ชื้อไทย 6.ขอเชญิ พน่ี ้องพุทธ สวดมนตบ์ ทสั้นพรอ้ มกัน/ขอเชิญพน่ี ้องคริสต์ ประกอบกิจกรรม ตามหลกั ศาสนา/ขอเชญิ พน่ี ้องมุสลมิ ประกอบกิจกรรมตามหลักศาสนา – ขอเชญิ พน่ี ้องท่านอืน่ ประกอบ กิจกรรมตามหลกั ศาสนา เชญิ ครบั /คะ่ 1. ขอใหท้ กุ ท่านพร้อมใจกันยืนสงบนง่ิ เป็นเวลาประมาณ 1 นาที เพอ่ื ราลึกถึงบรรพบุรษุ ของเรา ไดเ้ อาเลอื ด เอาเนื้อ เอาชีวติ และความลาบากยากเข็ญเข้าแลกผืนแผน่ ดินของเราไวแ้ ละน้อมสานึกในพระกรุณาธคิ ุณของ บรู พกษัตริย์ทุกพระองค์ ท่ไี ด้ปกปักษ์รักษาราชอาณาจักรไทยไว้ ใหพ้ วกเราและลูกหลานไทย นอ้ มสานกึ ใน พระมหากรณุ าธิคณุ ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว ในหลวงรัชกาลท่ี 9 ทีไ่ ดท้ รงพระราชทาน ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง เพื่อเป็นแสงสวา่ ง และทางรอดในยามวิกฤติ และพระมหากรณุ าธิคณุ ในพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยู่หัว ในหลวงรัชกาลท่ี 10 ที่ไดท้ รงโปรดเกลา้ ในพระปฐมบรมราชโองการ \"ทจี่ ะทรงสืบสาน รกั ษา ตอ่ ยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพอ่ื ประโยชนส์ ุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป\" ด้วยการนาศาสตรพ์ ระราชา เพอ่ื เป็นหลักคิด หลกั ปฏบิ ัติ ในการพัฒนาประเทศ ให้มคี วามม่นั คง มั่งค่ัง และยง่ั ยนื เชิญลงมือปฏบิ ัติครับ. เลกิ ปฏบิ ตั ิ ขอบคุณครับ/คะ่ 8. เชิญท่านผูอ้ านวยการ ศพช.ลาปาง (หรอื ครู .....) ตอกย้าอุดมการณ์ ชแี้ จง/มอบหมายงานในวนั น้ีครับ./ค่ะ 9. ศพช.ลาปาง ใสร่ หัส สวสั ด.ี ( 3/2/1 ) 10. ศพช.ลาปาง ใส่รหสั ขอบคณุ . ( 3/2/1 ) 11. เชญิ ตัวแทนกลุม่ สี สรุปบทเรียน/ผลการเรียนรู้ ของวนั ทีผ่ ่านมา 12. ท่องบทพจิ ารณาอาหารพร้อมกัน ท่องคาถาเล้ยี งดนิ พรอ้ มกนั 13. ศพช.ลาปาง แถว ตรง เลิก..แถว ( ศพช.ลาปาง..เราพ่นี ้องกัน..รักกนั ตลอดไป.. )
๑๒๒ กิจกรรมสขุ ภำพพ่ึงตน พฒั นำ 3 ขมุ พลัง “พลังกำย พลงั ใจ พลังปัญญำ” การพัฒนา 3 ขุมพลัง การพัฒนาพลังสมาธิพลังจิตใจพลังกาย โดยเร่ิมจากการปลุกสมองให้พร้อม สาหรับการรบั รเู้ รื่องราวใหม่ๆท่จี ะไดร้ ับ วทิ ยากรใหน้ ั่งสมาธิพร้อมกบั มีเสยี งดนตรีดงั เบาๆให้จิตใจสงบ ไม่คิด ฟุ้งซ่าน ต่อด้วยการออกกาลังกายเบาๆเพ่ือเป็นการกระตุ้นร่างกาย หลังจากนั้นวิทยากรนาเล่นกิจกรรมเพื่อ เตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ กจิ กรรมกตญั ญตู ่อสถำนท่ี เพอ่ื ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมรู้จกั การวางแผนการทางานเป็นทมี ไดฝ้ กึ วินัยและ คณุ ธรรม กตัญญูตอ่ สถานท่ี รู้คณุ ของท่ีอยู่อาศยั รู้คุณของการศกึ ษาวิชาความรู้ทที่ าใหเ้ ราเข้าสภู่ าวะมีวิชา ความรู้ รู้คุณท้ังทป่ี ระกอบอาชีพการงานและสบื สานมรดกวฒั นธรรม กิจกรรมพัฒนำจิตใจ ทำบุญตักบำตร การทาบุญตกั บาตร เพ่อื ชาระจิตใจให้มีความสะอาด ฝกึ การเป็นผู้ให้ ให้กบั จิตใจของตวั เอง และเป็นการทานุบารุงพระสงฆ์เพื่อให้ทา่ นเผยแผ่ศาสนาตอ่ ไป ส่วนที่ 3
๑๒๓ สว่ นที่ 3 กำรประเมินผลโครงกำร กจิ กรรมที่ 1 การฝึกอบรมเพม่ิ ทักษะระยะสัน้ การพฒั นากสิกรรมส่รู ะบบเศรษฐกิจพอเพยี งในรูปแบบ โคก หนอง โมเดล ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 ระหว่างวันที่ 6 ธนั วาคม 2563 – 11 กุมภาพันธ์ ๒๕๖4 จานวน 6 รุ่น ( รุ่นที่ 2-7 ) ณ ศูนย์ศึกษาและพฒั นาชุมชนลาปาง ผลกำรประเมินโครงกำร การประเมินผลโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ตามหลกั ทฤษฎใี หม่ ประยกุ ตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมที่ 1 ฝกึ อบรมเพ่มิ ทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบ เศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ด้วยแบบสอบถามผ่าน Google Form ผลการจัดเก็บข้อมูล พบว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรม รุ่นท่ี 2 – 7 ทั้งหมด จานวน 540 คน ตอบแบบประเมิน จานวน 457 คน คิดเป็นร้อยละ 84.63 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS for Window เพ่อื หาค่าความถี่ รอ้ ยละ และค่าเฉลย่ี โดยเกณฑก์ ารประเมินผล แบง่ ออกเป็น ๕ ระดับคือ มากทีส่ ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทีส่ ุด โดยมเี กณฑ์การแปลค่าคะแนน ดังนี้ คะแนนเฉลย่ี ๔.๕๑ – ๕.๐๐ หมายถึง ระดับความคิดเหน็ /ความพงึ พอใจมากที่สดุ คะแนนเฉลย่ี ๓.๕๑ – ๔.๕๐ หมายถึง ระดบั ความคิดเหน็ /ความพึงพอใจมาก คะแนนเฉลย่ี ๒.๕๑ – ๓.๕๐ หมายถงึ ระดบั ความคดิ เห็น/ความพงึ พอใจปานกลาง คะแนนเฉล่ยี ๑.๕๑ – ๒.๕๐ หมายถึง ระดบั ความคดิ เห็น/ความพึงพอใจนอ้ ย คะแนนเฉลีย่ ๑.๐๐ – ๑.๕๐ หมายถึง ระดับความคดิ เหน็ /ความพึงพอใจนอ้ ยทีส่ ดุ สว่ นที่ 1 ข้อมูลท่ัวไป เพศ หญงิ ชาย ๔๕.๔ ชำย หญงิ % ๕๔.๖% เพศชำย จานวน 295 คน (ร้อยละ 54.6) เพศหญิง จานวน 245 คน (รอ้ ยละ 45.4) อำยเุ ฉล่ยี 43 ปี
๑๒๔ สว่ นที่ ๒ ควำมคดิ เห็นต่อโครงกำร ๒.1 กำรบรรลุวัตถปุ ระสงค์ของโครงกำร วัตถปุ ระสงค์ ระดบั การบรรลุวตั ถุประสงค์ การแปร คา่ เฉลี่ย ผล 1. มคี วามรู้ ทัศนะคติ ทกั ษะความเขา้ ใจ มากท่สี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยท่สี ดุ ในการน้อมนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ 4.46 มาก พอเพยี งประยกุ ตส์ ู่การปฏิบตั ิ 264 143 49 1 0 (57.8%) (0.0%) 2. เพื่อส่งเสรมิ การเรยี นรู้ การน้อมนาหลกั (31.3%) (10.7%) (0.2%) ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งประยุกต์สู่ 297 การปฏิบัตใิ นรูปแบบ \"โคก หนอง นา (65%) 128 32 0 0 4.57 มากท่สี ดุ โมเดล\" 230 (28%) (7%) (0.0%) (0.0%) 3. สามารถออกแบบเชงิ ภูมิสังคมไทยตาม (50.3%) หลักการพัฒนาภมู สิ งั คมอยา่ งย่ังยืน 184 42 1 0 4.40 มาก 248 (40.3%) (9.2%) (0.2%) 4. เกิดเครอื ขา่ ยการขับเคลือ่ นโครงการ (54.3%) (0.0%) พัฒนาพืน้ ทีต่ น้ แบบการพัฒนาคุณภาพชีวติ ตามหลกั ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง 160 48 1 0 4.43 มาก นา โมเดล (35%) (10.5%) (0.2%) (0.3%) ภาพรวม 4.47 มาก จากตารางที่ 2.1 พบว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรม แสดงความคิดเห็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของหลักสูตร จากผู้ตอบ แบบสอบถามจานวน 457 คน โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมำก คำ่ เฉล่ีย 4.47 จาแนกประเดน็ ได้ ดงั นี้ 1. มีความรู้ ทัศนะคติ ทักษะความเข้าใจ ในการน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประยุกตส์ กู่ ารปฏบิ ัติอยูใ่ นระดับมากท่ีสุด ค่าเฉล่ยี 4.46 2. เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ การน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่การ ปฏิบตั ิในรูปแบบ \"โคก หนอง นา โมเดล\"อยใู่ นระดบั มากท่สี ดุ คา่ เฉลีย่ 4.57 3. สามารถออกแบบเชิงภูมิสังคมไทยตามหลักการพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืนอยู่ในระดับ มาก คา่ เฉลยี่ 4.40 4. เกิดเครือข่ายการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพ้ืนที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ิตตามหลัก ทฤษฎใี หม่ ประยกุ ตส์ ู่ โคก หนอง นา โมเดลอยูใ่ นระดับมาก คา่ เฉลยี่ 4.43
๑๒๕ ๒.๒ ควำมรคู้ วำมเข้ำใจและทักษะทำงวิชำกำร ๒.๒.๑ ควำมร้คู วำมเข้ำใจและทักษะ (ก่อนกำรทำกจิ กรรม) หัวข้อกิจกรรม ระดบั ความรคู้ วามเข้าใจ ค่าเฉลย่ี การ แปลผล 1.วิชา กจิ กรรมกล่มุ สัมพนั ธ์ มากท่สี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยท่ีสุด 3.98 มาก 3.95 มาก 2.วชิ า “เรยี นรตู้ าราบนดิน 168 138 129 21 1 3.97 มาก (36.8%) (30.2%) (28.2%) (4.6%) (0.2%) 4.01 มาก 3.วชิ า เข้าใจ เขา้ ถงึ พฒั นา ศาสตร์พระราชากับ 3.97 มาก การพัฒนาทีย่ งั่ ยืน 166 138 123 28 2 3.92 มาก 4.วชิ า “การแปลงปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งสู่ (36.3%) (30.2%) (26.9%) (6.1%) (0.4%) 3.97 มาก การปฏิบัตแิ บบเปน็ ขนั้ เปน็ ตอน” 3.93 มาก 5.วิชา “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง \"ทฤษฎี 161 151 119 25 1 4.02 มาก บันได 9 ขน้ั สู่ความพอเพยี ง\"” (35.2%) (33%) (26%) (5.5%) (0.2%) 6.วชิ า “หลกั กสิกรรมธรรมชาติ” 3.91 มาก 176 136 124 19 2 7.วชิ า “การแบง่ กลมุ่ ฝึกปฏิบตั ิฐานเรียนรู้” (38.5%) (29.8%) (27.1%) (4.2%) (0.4%) 8.วชิ า “ถอดบทเรยี นผา่ นสือ่ \"วิถีภมู ิปัญญาไทย 175 126 125 29 2 กับการพึง่ ตนเองในภาวะวกิ ฤต\"” (38.3%) (27.6%) (27.4%) (6.3%) (0.4%) 9.วชิ า ฝึกปฏิบตั จิ ิตอาสาพฒั นาชมุ ชน เอามือ สามัคคีพฒั นาพ้ืนทตี่ ามหลักทฤษฎีใหม่ 153 150 123 30 1 10.วชิ า “การออกแบบเชงิ ภมู ศิ าสตรส์ งั คมไทย (33.5%) (32.8%) (26.9%) (6.6%) (0.2%) ตามหลักการพฒั นาภมู ิสงั คมอยา่ งย่ังยนื เพื่อ พ่ึงตนเองและรองรับภัยพบิ ตั ิ” 162 142 130 22 1 11.วชิ าฝึกปฏิบัติการ สรา้ งหุน่ จาลอง (35.4%) (31.1%) (28.4%) (4.8%) (0.2%) 12.วิชา Team Building ฝกึ ปฏบิ ตั ิการบรหิ าร 154 144 133 25 1 จัดการในภาวะวิกฤติ (33.7%) (31.5%) (29.1%) (5.5%) (0.2%) 13.วิชา “การขับเคลื่อนสบื สานศาสตร์พระราชา กลไก 357” 179 138 112 27 1 14.วชิ า “จดั ทาแผนปฏิบตั กิ าร \"ยุทธศาสตรก์ าร (39.2%) (30.2%) (24.5%) (5.9%) (0.2%) ขับเคลอ่ื นปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งส่กู าร ปฏิบัต\"ิ 155 146 122 31 3 (33.9%) (31.9%) (26.7%) (6.8%) (0.7%) 38 368 43 7 1 3.95 มาก (8.3%) (80.5%) (9.4%) (1.5%) (0.2%) 177 144 110 24 1 4.03 มาก (38.7%) (31.5%) (24.1%) (5.3%) (0.2%) 171 136 119 30 1 3.97 มาก (37.4%) (29.8%) (26%) (6.6%) (0.2%) 168 138 119 31 1 (36.8%) (30.2%) (26%) (6.8%) (0.2%) 3.96 มาก ภาพรวม 3.98 มาก จำกตำรำงท่ี ๒.๒.๑ พบวำ่ ก่อนเข้าร่วมโครงการ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจด้านวิชาการในภาพรวมอยู่ในระดับ มำก คำ่ เฉล่ีย 3.98 และเม่อื พจิ ารณารายวิชาพบว่า ผเู้ ขา้ กจิ กรรมมคี วามรู้ความเข้าใจในกจิ กรรม ดงั น้ี 1.วิชา กจิ กรรมกลุ่มสมั พนั ธ์ ระดับมาก ค่าเฉล่ีย 3.98 2.วิชา “เรยี นรูต้ าราบนดนิ ระดบั มาก ค่าเฉลี่ย 3.95
๑๒๖ 3.วิชา เข้าใจ เข้าถงึ พัฒนา ศาสตรพ์ ระราชากับการพัฒนาทยี่ ่ังยืน ระดับมาก ค่าเฉล่ยี 3.97 4.วิชา “การแปลงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสกู่ ารปฏิบตั แิ บบเปน็ ข้ันเป็นตอน” ระดบั มาก คา่ เฉล่ยี 4.01 5.วชิ า “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง \"ทฤษฎีบนั ได 9 ข้ันสูค่ วามพอเพียง\"”ระดับมาก ค่าเฉลย่ี 3.97 6.วชิ า “หลกั กสกิ รรมธรรมชาติ” ระดับมาก ค่าเฉล่ีย 3.92 7.วิชา “การแบ่งกล่มุ ฝกึ ปฏบิ ัตฐิ านเรียนรู้” ระดับมาก คา่ เฉลย่ี 3.97 8.วชิ า “ถอดบทเรยี นผ่านสื่อ \"วถิ ีภมู ปิ ัญญาไทยกับการพึ่งตนเองในภาวะวิกฤต\"ระดับมาก คา่ เฉลย่ี 3.93 9.วชิ า ฝึกปฏิบัตจิ ติ อาสาพัฒนาชมุ ชน เอามือสามคั คีพัฒนาพืน้ ท่ตี ามหลักทฤษฎีใหม่ ระดับมาก ค่าเฉลยี่ 4.02 10.วิชา “การออกแบบเชงิ ภูมศิ าสตรส์ งั คมไทยตามหลกั การพัฒนาภูมสิ งั คมอย่างยั่งยืนเพ่ือพงึ่ ตนเอง และรองรบั ภัยพิบัติ” ระดบั มาก คา่ เฉลีย่ 3.91 11.วิชาฝกึ ปฏิบัติการ สรา้ งหนุ่ จาลอง ระดบั มาก ค่าเฉล่ีย 3.95 12.วชิ า Team Building ฝกึ ปฏบิ ัติการบริหารจัดการในภาวะวกิ ฤติ ระดบั มาก ค่าเฉลย่ี 4.03 13.วิชา “การขับเคลอื่ นสบื สานศาสตรพ์ ระราชากลไก 357” ระดับมาก คา่ เฉลีย่ 3.97 14.วิชา “จัดทาแผนปฏบิ ตั ิการ \"ยทุ ธศาสตรก์ ารขบั เคลื่อนปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสูก่ ารปฏิบตั ิ\" ระดับมาก ค่าเฉลยี่ 3.96 ๒.๒.2 ควำมรูค้ วำมเข้ำใจและทกั ษะ (หลังกำรทำกิจกรรม) หวั ข้อกจิ กรรม ระดับความร้คู วามเขา้ ใจ คา่ เฉล่ีย การ แปลผล 1.วิชา กจิ กรรมกลุ่มสัมพันธ์ มากท่สี ุด มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยที่สุด 4.50 4.50 มาก 2.วิชา “เรียนรตู้ าราบนดนิ 262 166 29 0 0 4.48 มาก (57.3%) (36.3%) (6.3%) (0.0%) (0.0%) 4.49 มาก 3.วิชา เข้าใจ เขา้ ถึง พฒั นา ศาสตรพ์ ระราชากบั 4.50 การพัฒนาท่ยี ง่ั ยนื 261 166 28 1 0 4.47 มาก 4.วิชา “การแปลงปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งสู่ (57.1%) (36.3%) (6.1%) (0.2%) (0%) 4.49 การปฏิบตั ิแบบเปน็ ขัน้ เป็นตอน” 4.43 มาก 5.วิชา “ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง \"ทฤษฎี 254 170 33 0 0 บนั ได 9 ขนั้ สู่ความพอเพยี ง\"” (55.6%) (37.2%) (7.2%) (0%) (0%) มาก 6.วชิ า “หลักกสกิ รรมธรรมชาติ” 261 163 33 0 0 มาก 7.วิชา “การแบง่ กลมุ่ ฝึกปฏิบตั ิฐานเรียนรู้” (57.1%) (35.7%) (7.2%) (0%) (0.0%) มาก 8.วิชา “ถอดบทเรียนผา่ นสื่อ \"วถิ ีภมู ิปญั ญาไทย 266 156 35 0 0 กบั การพ่งึ ตนเองในภาวะวิกฤต\"” (58.2%) (34.1%) (7.7%) (0.0%) (0.0%) 253 171 32 1 0 (55.4%) (0.0%) (37.4%) (7%) (0.2%) 259 0 (56.7%) 163 34 1 (0.0%) (35.7%) (7.4%) (0.2%) 241 1 (52.7%) 176 38 1 (0.2%) (38.5%) (8.3%) (0.2%)
๑๒๗ 9.วชิ า ฝึกปฏบิ ตั จิ ิตอาสาพัฒนาชมุ ชน เอามือ 272 153 32 0 0 4.52 มากทส่ี ดุ สามัคคพี ัฒนาพนื้ ทต่ี ามหลกั ทฤษฎีใหม่ (59.5%) (33.5%) (7%) (0%) (0%) 10.วิชา “การออกแบบเชิงภมู ศิ าสตรส์ ังคมไทย 237 170 50 0 0 ตามหลกั การพฒั นาภมู สิ งั คมอย่างยัง่ ยนื เพือ่ (51.9%) (37.2%) (10.9%) (0%) (0%) 4.41 มาก พึ่งตนเองและรองรับภัยพิบัติ” 11.วิชาฝกึ ปฏบิ ตั ิการ สรา้ งหุน่ จาลอง 55 379 23 0 0 4.07 มาก (12%) (82.9%) (5%) (0%) (0%) 12.วิชา Team Building ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารบรหิ าร 257 160 39 1 0 4.47 มาก (8.5%) (0.2%) (0%) จดั การในภาวะวิกฤติ (56.2%) (35%) 13.วชิ า “การขับเคล่ือนสืบสานศาสตร์พระราชา 256 156 45 0 0 4.46 มาก (9.8%) (0%) (0%) กลไก 357” (56%) (34.1%) 14.วชิ า “จดั ทาแผนปฏบิ ตั ิการ \"ยุทธศาสตรก์ าร 246 168 43 0 0 ขับเคล่อื นปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสู่การ (53.8%) (36.8%) (9.4%) (0%) (0%) 4.44 มาก ปฏบิ ตั \"ิ ภาพรวม 4.45 มาก จากตารางท่ี 2.๒.2 พบวา่ หลังเข้าร่วมโครงการ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจด้านวิชาการในภาพรวมอยู่ในระดับ มำก คำ่ เฉลี่ย 4.45 และเมอื่ พจิ ารณารายวชิ าพบวา่ ผเู้ ขา้ กจิ กรรมมคี วามรคู้ วามเข้าใจในกจิ กรรม ดงั น้ี 1.วชิ า กจิ กรรมกลุม่ สัมพนั ธ์ ระดับมาก ค่าเฉลีย่ 4.50 2.วิชา “เรียนรู้ตาราบนดนิ ระดับมาก ค่าเฉลย่ี 4.50 3.วชิ า เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ศาสตร์พระราชากับการพฒั นาทยี่ ่งั ยืน ระดบั มาก ค่าเฉลย่ี 4.48 4.วิชา “การแปลงปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งสกู่ ารปฏิบตั ิแบบเปน็ ขน้ั เป็นตอน” ระดบั มาก ค่าเฉล่ยี 4.49 5.วิชา “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง \"ทฤษฎีบนั ได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง\"”ระดับมาก คา่ เฉล่ีย 4.50 6.วชิ า “หลกั กสกิ รรมธรรมชาติ” ระดับมาก คา่ เฉล่ีย 4.47 7.วชิ า “การแบง่ กลมุ่ ฝึกปฏบิ ัตฐิ านเรียนรู้” ระดับมาก ค่าเฉล่ีย 4.49 8.วิชา “ถอดบทเรียนผ่านสอื่ \"วิถีภูมปิ ญั ญาไทยกบั การพ่ึงตนเองในภาวะวิกฤต\"” ระดับมาก คา่ เฉลีย่ 4.43 9.วชิ า ฝกึ ปฏบิ ัตจิ ิตอาสาพัฒนาชุมชน เอามือสามคั คีพฒั นาพื้นท่ตี ามหลกั ทฤษฎีใหม่ ระดับมากทส่ี ดุ ค่าเฉลีย่ 4.52 10.วิชา “การออกแบบเชิงภมู ิศาสตร์สงั คมไทยตามหลักการพฒั นาภมู ิสงั คมอย่างยั่งยืนเพ่ือพ่งึ ตนเอง และรองรบั ภยั พบิ ตั ิ” ระดับมาก คา่ เฉลี่ย 4.41 11.วชิ าฝกึ ปฏิบัติการ สรา้ งหนุ่ จาลอง ระดับมาก ค่าเฉลีย่ 4.07 12.วิชา Team Building ฝึกปฏบิ ตั ิการบริหารจัดการในภาวะวกิ ฤติ ระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.47 13.วชิ า “การขบั เคลอ่ื นสืบสานศาสตรพ์ ระราชากลไก 357” ระดบั มาก ค่าเฉลี่ย 4.46 14.วชิ า “จัดทาแผนปฏิบัติการ \"ยุทธศาสตรก์ ารขับเคลอื่ นปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสูก่ ารปฏบิ ัติ\" ระดับมาก คา่ เฉลยี่ 4.44
๑๒๘ 2.3 ประโยชน์ของหัวข้อวชิ ำตอ่ กำรนำควำมรไู้ ปปรบั ใช้ในกำรปฏิบัติงำน หัวขอ้ กจิ กรรม ประโยชนข์ องหวั ข้อวิชา คา่ เฉลีย่ การ แปลผล 1.วิชา กจิ กรรมกล่มุ สัมพันธ์ มากทีส่ ดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยท่สี ุด 4.48 4.49 มาก 2.วชิ า “เรียนรตู้ าราบนดนิ 259 162 36 0 0 4.47 มาก (56.7%) (35.4%) (7.9%) (0.0%) (0.0%) 4.50 มาก 3.วชิ า เข้าใจ เขา้ ถึง พฒั นา ศาสตร์พระราชากบั 4.50 มาก การพัฒนาท่ียง่ั ยนื 260 164 33 0 0 4.48 มาก 4.วิชา “การแปลงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งสู่ (56.9%) (35.9%) (7.2%) (0%) (0%) 4.48 มาก การปฏบิ ัติแบบเปน็ ขนั้ เปน็ ตอน” 4.46 มาก 5.วิชา “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง \"ทฤษฎี 253 167 37 0 0 4.50 มาก บันได 9 ข้ันสูค่ วามพอเพยี ง\"” (55.4%) (36.5%) (8.1%) (0.0%) (0%) มาก 6.วิชา “หลกั กสิกรรมธรรมชาติ” 4.46 269 152 36 0 0 มาก 7.วิชา “การแบ่งกล่มุ ฝกึ ปฏบิ ตั ิฐานเรียนรู้” (58.9%) (33.3%) (7.9%) (0%) (0.0%) 8.วชิ า “ถอดบทเรียนผ่านส่อื \"วถิ ีภมู ิปัญญาไทย 269 151 35 2 0 กับการพึง่ ตนเองในภาวะวกิ ฤต\"” (58.9%) (0.0%) 9.วชิ า ฝกึ ปฏบิ ตั ิจิตอาสาพฒั นาชุมชน เอามอื (33%) (7.7%) (0.4%) สามคั คีพัฒนาพ้ืนที่ตามหลักทฤษฎีใหม่ 256 0 10.วชิ า “การออกแบบเชงิ ภูมศิ าสตรส์ งั คมไทย (56%) 167 34 0 (0.0%) ตามหลกั การพฒั นาภมู ิสังคมอย่างยง่ั ยนื เพ่อื (36.5%) (7.4%) (0.0%) พง่ึ ตนเองและรองรับภัยพิบตั ิ” 262 0 11.วิชาฝกึ ปฏิบัติการ สร้างหุ่นจาลอง (57.3%) 153 42 0 (0%) (33.5%) (9.2%) (0%) 12.วิชา Team Building ฝึกปฏบิ ตั ิการบรหิ าร 252 0 จัดการในภาวะวกิ ฤติ (55.1%) 163 41 1 (0%) 13.วชิ า “การขบั เคลอื่ นสบื สานศาสตร์พระราชา กลไก 357” 268 (35.7%) (9%) (0.2%) 0 14.วชิ า “จดั ทาแผนปฏบิ ตั ิการ \"ยุทธศาสตร์การ (58.6%) (0%) ขบั เคลอื่ นปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสู่การ 153 36 0 ปฏบิ ัต\"ิ 251 (33.5%) (7.9%) (0%) 0 (54.9%) (0%) 164 42 0 (35.9%) (9.2%) (0%) 51 379 27 0 0 4.05 มาก (11.2%) (82.9%) (5.9%) (0%) (0%) 265 152 40 0 0 4.49 มาก (58%) (33.3%) (8.8%) (0%) (0%) 263 151 43 0 0 4.48 มาก (57.5%) (33%) (9.4%) (0%) (0%) 262 151 44 0 0 (57.3%) (33%) (9.6%) (0.0%) (0.0%) 4.48 มาก ภาพรวม 4.45 มาก จากตารางท่ี ๒.3 พบวา่ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมแสดงความคิดเห็นต่อประโยชน์ของหัวข้อวิชาต่อการนาความรู้ไปปรับใช้ในการ ปฏบิ ัติงานในภาพรวมอย่ใู นระดับมำก ค่ำเฉลย่ี 4.45 และเมือ่ พิจารณารายวิชาพบว่า ผู้เขา้ กจิ กรรมมีความรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรม ดังนี้
๑๒๙ 1.วิชา กจิ กรรมกลุ่มสมั พนั ธ์ ระดับมาก ค่าเฉลีย่ 4.48 2.วชิ า “เรยี นรู้ตาราบนดิน ระดับมาก คา่ เฉล่ยี 4.49 3.วชิ า เข้าใจ เขา้ ถงึ พัฒนา ศาสตรพ์ ระราชากบั การพัฒนาท่ยี ง่ั ยนื ระดบั มาก ค่าเฉลีย่ 4.47 4.วชิ า “การแปลงปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งสกู่ ารปฏิบตั ิแบบเป็นขัน้ เป็นตอน” ระดับมาก คา่ เฉลี่ย 4.50 5.วิชา “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง \"ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพยี ง\"”ระดบั มาก คา่ เฉล่ยี 4.50 6.วชิ า “หลกั กสกิ รรมธรรมชาติ” ระดับมาก คา่ เฉลย่ี 4.48 7.วิชา “การแบ่งกลมุ่ ฝึกปฏบิ ัตฐิ านเรียนรู้” ระดับมาก ค่าเฉล่ยี 4.48 8.วชิ า “ถอดบทเรยี นผ่านสื่อ \"วิถภี ูมปิ ัญญาไทยกบั การพึ่งตนเองในภาวะวกิ ฤต\"” ระดับมาก คา่ เฉลีย่ 4.46 9.วชิ า ฝึกปฏบิ ัติจิตอาสาพฒั นาชมุ ชน เอามือสามัคคีพฒั นาพื้นทตี่ ามหลักทฤษฎใี หม่ ระดบั มาก ค่าเฉลีย่ 4.50 10.วิชา “การออกแบบเชิงภูมศิ าสตรส์ งั คมไทยตามหลกั การพัฒนาภมู สิ งั คมอยา่ งย่ังยนื เพ่ือพึ่งตนเอง และรองรับภยั พบิ ัติ” ระดบั มาก ค่าเฉลย่ี 4.46 11.วชิ าฝึกปฏบิ ัติการ สรา้ งหนุ่ จาลอง ระดบั มาก ค่าเฉลยี่ 4.05 12.วิชา Team Building ฝึกปฏิบัติการบริหารจัดการในภาวะวกิ ฤติ ระดับมาก ค่าเฉลย่ี 4.49 13.วชิ า “การขับเคลอื่ นสืบสานศาสตรพ์ ระราชากลไก 357” ระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.48 14.วิชา “จัดทาแผนปฏิบัติการ \"ยทุ ธศาสตรก์ ารขับเคลือ่ นปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสกู่ ารปฏบิ ตั ิ\" ระดับมาก ค่าเฉล่ีย 4.48 ๒.5 ควำมพงึ พอใจต่อภำพรวมของโครงกำร หวั ข้อ มำกท่ีสดุ ระดับควำมพึงพอใจ คำ่ กำร มำก ปำนกลำง น้อย น้อยที่สุด เฉลยี่ แปล ผล ๑.กระบวนกำร ข้นั ตอนกำรให้บรกิ ำร มาก ๑.๑ ความเหมาะสม 305 117 34 1 0 4.58 ทสี่ ดุ (25.6%) (7.4%) (๐.2%) (๐.0%) 4.35 มาก ของสถานท่ี (66.7%) 4.32 161 53 9 0 มาก ๑.๒ ความเหมาะสม 234 (35.2%) (11.6%) (2%) (0.0%) 4.42 6 มาก ของระยะเวลา (51.2%) 156 61 (1.3%) 3 (34.1%) (13.3%) (0.7%) ๑.๓ ความเหมาะสม 231 6 157 45 (1.3%) 0 ของช่วงเวลา (50.5%) (34.4%) (9.8%) (๐.๐%) ๑.๔ การจดั ลาดบั 249 ขนั้ ตอนการจัด (54.5%) กิจกรรม
๑๓๐ ๒.วทิ ยำกร 297 124 35 0 1 4.56 มาก (65%) (27.1%) (7.7%) (0%) (๐.2%) ท่สี ดุ ๒.๑ ความรอบรู้ ใน 288 เนือ้ หาของวทิ ยากร (63%) 127 41 0 1 4.53 มาก (27.8%) (9%) (0%) (๐.2%) ทส่ี ุด ๒.๒ ความสามารถใน 305 การถ่ายทอดความรู้ (66.7%) 114 37 0 1 4.57 มาก 2.3 การเปิดโอกาส (24.9%) (8.1%) (0%) (๐.2%) ทส่ี ดุ ซกั ถามแสดงความ 304 คดิ เห็น (66.5%) 107 44 0 2 4.55 มาก 2.4 การสร้าง (23.4%) (9.6%) (0%) (๐.4%) ทส่ี ดุ บรรยากาศการเรยี นรู้ ๓. เจ้ำหน้ำท่ีผูใ้ หบ้ ริกำร/ผปู้ ระสำนงำน ๓.๑ การแตง่ กาย 310 111 34 2 0 4.59 มาก (7.4%) (๐.4%) (๐.0%) ทส่ี ดุ (67.8%) (24.3%) 34 2 ๓.๒ ความสภุ าพ 307 113 (7.4%) (๐.4%) 1 4.58 มาก (๐.2%) ทส่ี ุด (67.2%) (24.7%) 36 1 (7.9%) (๐.2%) ๓.๓ การตอบคาถาม 297 122 1 4.56 มาก 34 1 (๐.2%) ที่สุด (65%) (26.7%) (7.4%) (๐.2%) ๓.๔ การประสานงาน 303 118 1 4.58 มาก (๐.2%) ที่สุด (66.3%) (25.8%) 4. กำรอำนวยควำมสะดวก 4.๑ เอกสาร 310 108 38 0 1 4.58 มาก (23.6%) (8.3%) (0%) (๐.2%) ที่สุด (67.8%) 101 42 1 4.๒ โสตทัศนปู กรณ์ 313 (22.1%) (9.2%) (๐.2%) 0 4.58 มาก (๐%) ที่สุด (68.5%) 99 37 1 (21.7%) (8.1%) (0.2%) 4.๓ เจ้าหนา้ ท่ี 320 0 4.61 มาก 89 37 2 (๐.๐%) ทส่ี ุด สนับสนุน (70%) (19.5%) (8.1%) (0.4%) 4.๔ อาหาร เครือ่ งดม่ื 329 0 4.63 มาก (0.0%) ทส่ี ดุ และสถานที่ (72%) 5. กำรให้บริกำรด้ำนคุณภำพ 5.๑ ท่านได้รบั ความรู้ แนวคิด ทักษะและ 314 114 29 0 0 4.62 มาก ประสบการณ์ใหมๆ่ (68.7%) (24.9%) (6.3%) (0.0%) (๐.๐%) ที่สุด จากโครงการ/กิจกรรม น้ี
๑๓๑ 5.๒ ทา่ นสามารถนา 299 125 31 2 0 4.57 มาก สิ่งทไ่ี ดร้ บั จาก (65.4%) (27.4%) (6.8%) (๐.4%) (๐.0%) ทส่ี ุด โครงการ/กิจกรรมไป ใช้ในการเรยี น/การ 302 121 33 1 ๐ 4.58 มาก ปฏิบัติงาน (66.1%) (26.5%) (7.2%) (๐.2%) (๐.๐%) ทสี่ ดุ 5.๓ สงิ่ ท่ีทา่ นไดร้ ับ 288 132 34 2 1 4.54 มาก จากโครงการ/กิจกรรม (63%) (28.9%) (7.4%) (๐.4%) (๐.2%) ท่ีสุด คร้งั น้ตี รงตามความ คาดหวังของท่าน 303 115 34 2 ๐ 4.58 มาก หรือไม่ (66.3%) (25.2%) (7.4%) (๐.4%) (๐.๐%) ที่สุด 5.๔ สัดส่วนระหว่าง 303 115 34 2 ๐ 4.58 มาก การอบรมภาคทฤษฎี (66.3%) (25.2%) (7.4%) (๐.4%) (๐.๐%) ท่สี ดุ กบั ภาคปฏิบตั ิ มคี วาม เหมาะสม ภำพรวม 5.5 ประโยชน์ทท่ี ่าน ไดร้ ับจากโครงการ/ กจิ กรรม 6. ความพึงพอใจของ ท่านต่อภาพรวมของ โครงการ 4.55 มำก ที่สุด ผู้เข้ารับการฝึกอบรม แสดงความคดิ เหน็ ในประเดน็ ความพงึ พอใจต่อภาพรวมของโครงการ โดยใน ภาพรวม อยู่ในระดับมำกท่ีสุด ค่ำเฉลี่ย 4.55 จาแนกได้ดังน้ี ด้ำนกระบวนกำร ขั้นตอนกำรใหบ้ รกิ ำร ๑. ความเหมาะสมของสถานท่ี อยใู่ นระดับมากทีส่ ดุ คา่ เฉลีย่ 4.58 2. ความเหมาะสมของระยะเวลา อยใู่ นระดับมาก คา่ เฉล่ยี 4.35 3. ความเหมาะสมของชว่ งเวลา อยใู่ นระดับมาก คา่ เฉลีย่ 4.32 4. การจัดลาดับขน้ั ตอนการจัดกิจกรรม อยู่ในระดบั มาก ค่าเฉลย่ี 4.42 ด้ำนวิทยำกร ๑ ความรอบรู้ ในเนื้อหาของวิทยากรอยู่ในระดับมากทส่ี ดุ ค่าเฉลี่ย 4.56 ๒ ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้อย่ใู นระดบั มากท่ีสุด คา่ เฉลย่ี 4.53 3 การเปิดโอกาสซักถามแสดงความคิดเห็นอยู่ในระดบั มากท่สี ุด คา่ เฉล่ยี 4.57 4 การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้อยูใ่ นระดับมาก ค่าเฉล่ยี 4.55
๑๓๒ ด้ำนเจำ้ หนำ้ ที่ผู้ใหบ้ รกิ ำร/ผู้ประสำนงำน ๑ การแตง่ กายอยู่ในระดับมากทสี่ ดุ คา่ เฉลีย่ 4.59 ๒ ความสภุ าพอยู่ในระดับมากท่ีสดุ คา่ เฉล่ีย 4.58 ๓ การตอบคาถามอยใู่ นระดับมากท่ีสุด ค่าเฉลยี่ 4.56 ๔ การประสานงานอยูใ่ นระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.58 ดำ้ นกำรอำนวยควำมสะดวก ๑ เอกสารอยู่ในระดับมากท่สี ดุ คา่ เฉลี่ย 4.58 ๒ โสตทศั นูปกรณอ์ ยู่ในระดับมากทสี่ ุด ค่าเฉลี่ย 4.58 ๓ เจา้ หน้าที่สนับสนุนอยู่ในระดบั มากท่ีสดุ ค่าเฉลี่ย 4.61 ๔ อาหาร เคร่อื งดม่ื และสถานท่อี ยใู่ นระดบั มากท่ีสุด ค่าเฉลี่ย 4.63 ดำ้ นกำรให้บริกำรด้ำนคณุ ภำพ ๑ ท่านไดร้ บั ความรู้ แนวคิด ทักษะและประสบการณใ์ หมๆ่ จากโครงการ/กิจกรรมนี้ อยใู่ นระดบั มากที่สดุ ค่าเฉลี่ย 4.62 ๒ ท่านสามารถนาส่ิงทไ่ี ดร้ บั จากโครงการ/กิจกรรมไปใชใ้ นการเรียน/การปฏบิ ตั งิ าน อยูใ่ นระดบั มากที่สุด คา่ เฉลีย่ 4.57 ๓ ส่งิ ทที่ ่านไดร้ บั จากโครงการ/กิจกรรมครั้งนีต้ รงตามความคาดหวงั ของท่านหรือไม่ อยู่ในระดบั มากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.58 ๔ สัดสว่ นระหวา่ งการอบรมภาคทฤษฎกี ับภาคปฏิบตั ิ มีความเหมาะสมอยใู่ นระดบั มากที่สดุ ค่าเฉล่ยี 4.54 5 ประโยชน์ทที่ ่านไดร้ บั จากโครงการ/กจิ กรรมอยใู่ นระดับมากท่สี ดุ ค่าเฉล่ีย 4.58 ควำมพึงพอใจของทำ่ นตอ่ ภำพรวมของโครงกำร อยู่ในระดับมากทีส่ ดุ ค่าเฉลี่ย 4.58 สว่ นที่ 3 ข้อเสนอแนะ 3.1 สิ่งทีผ่ เู้ ขำ้ อบรมพอใจในกำรรว่ มโครงกำร/กจิ กรรมคร้ังน้ี -มติ รภาพ -พงึ พอใจ ได้ความรแู้ ละประสบการณ์การใหม่ๆ -การได้เจอเครือขา่ ยเกษตรกร -ได้ความรู้และเพื่อนๆ -สะดวกสบาย สถานทีด่ ี -ภมู ใจทีไ่ ด้เข้ารับการอบรม -ได้รับความรู้และประสบการณ์ทจ่ี ะนาไปเปน็ แนวทางปฏบิ ัติต่อ -เขา้ ใจถงึ หลกั ของการทางานทแี่ ทจ้ รงิ คือถ้าเรารักในงานท่ีทาผลความสาเรจ็ ก็ไม่ไกลอยา่ งทคี่ ิด -ได้เหน็ ของจริง การลงมือทาจริงๆ -เข้าใจทฤษฎีตา่ งๆของในหลวง ร.9 ละเอยี ดมากข้ึน มีกาลงั ใจกลับไปทาใหเ้ ปน็ รูปธรรมมากข้ึน -มีสงิ่ ใหม่ๆความรู้ใหม่ให้รู้อย่างตอ่ เนื่อง -ได้ความรมู้ ากมาย วิทยากรเกง่ อธบิ ายเขา้ ใจง่าย -ระยะเวลาในการอบรมเหมาะสม
๑๓๓ -ไดร้ บั ความรู้สง่ิ ใหมๆ่ เพ่ิมมากข้ึนกว่าเกา่ -การสรา้ งแรงจงู ใจในการร่วมทากิจกรรม -ความรใู้ หมท่ ่ีไดร้ ับเยอะมากๆ จะเขา้ ร่วมโครงการครง้ั ต่อไป และแนะนาเพ่ือนบ้านดว้ ยครบั -พธิ ีกรสามารถบรรยายกจิ กรรมโครงการได้สมบรู ณ์ครบถ้วนและอย่างเหมาะสม -ฝึกลงมอื ปฏบิ ัติแต่ละฐาน -ประทับใจมากไดท้ ั้งความรู้ เพอ่ื น ความอดทน สามคั คีและวนิ ยั -กจิ กรรมนอกสถานท่ี มคี วามนา่ สนใจ -พึงพอใจมากที่สุด ทาให้ได้พบความหลากหลายในมุมมอง ทัศนคติ มีการพบเจอผทู้ ่ีมาอบรมต่างวัย ต่างประสบการณ์ ได้แชร์ประสบการณค์ วามรู้ใหแ้ ก่กนั และกนั แนะนาแกก่ ัน ทาให้ไดพ้ บเครอื ข่ายท่ีกว้างขนึ้ ทพ่ี ร้อมจะชว่ ยเหลือกัน แนะนากนั ในอนาคต ได้มาเรยี นร้เู พิม่ เติมเยอะข้นึ และสดุ ทา้ ยขอบคุณเจา้ หนา้ ทท่ี ุกๆ คนทดี่ แู ลตั้งแตว่ ันแรกทเ่ี ข้ารับการอบรมจนถงึ วันปดิ การอบรม เจา้ หนา้ ท่ีน่ารักทุกคน ดูแลเอาใจใสแ่ กผ่ ู้ทีม่ า อบรม ดแู ลการเจบ็ ปว่ ยตดิ ตามผู้มาอบรม ได้ความรแู้ ละทกั ษะมากมาย ที่สามารถนาไปใช้ได้จรงิ และจะได้ กลบั ไปปฏิบัตติ ่อในพ้นื ท่ขี องเราอยา่ งมีประสิทธภิ าพและเกิดประโยชน์สูงสุด -ประสบการณ์ใหม่ๆ การไดร้ ับขอ้ มลู ทีม่ ปี ระโยชนเ์ พ่ือนาไปตอ่ ยอดของตนเองและกระจายความรู้ต่อ ชมุ ชน -ยอดเยย่ี มทุกอย่างค่ะ -ไดส้ รา้ งเครือขา่ ย ได้เพ่ือน ได้มิตรภาพ -ได้รบั ความรู้ เขา้ ใจ ศาสตรต์ ่างๆ -พอใจมากทส่ี ดุ -การน้อมนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ และการได้เปิดมมุ มองและการสรา้ งเครอื ข่ายเกษตรกรใน กลุ่มตา่ งไป ทาให้เกิดความเข้มแขง็ และยั่งยืนต่อไป -มีพืน้ ทแ่ี ละอุปกรณ์พรอ้ มในการลงมอื ปฏิบตั กิ จิ กรรม/สถานที่พักพร้อม สะอาด สวยงาม -ได้ความรู้ ไดน้ า ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั -เปน็ กิจกรรมท่ีมีประโยชน์มากๆ ต่อผู้เข้าร่วมโครงการ อยากให้มีการจดั แบบน้ีอีก -พงึ พอใจมากค่ะท่ีเราทามาไม่มใี ครแนะนาเรา เรากท็ าตามความคดิ ของเรา ทีน่ ้ีเราสามารถเอาความรู้ ท่ีทา่ นถา่ ยทอดใหไ้ ปใชป้ รับปรุงในหมบู่ ้านชุมชนของเราค่ะขอบคุณมากค่ะ -การเป็นกนั เองของวิทยากร - ได้รับความร้ใู หมๆ่ ทหี่ ลากหลาย และทกั ษะใหมๆ่ ที่สามารถนาไปใช้ไดจ้ รงิ - เจา้ หน้าที่ คุณครทู กุ ท่านเปน็ มิตร คอยช่วยเหลอื และให้ความรอู้ ย่างเต็มที่ - ได้รบั ความรแู้ ละไดล้ งมือปฏบิ ตั จิ รงิ ทาใหเ้ ขา้ ใจและจดจาไปใช้ในพ้ืนทข่ี องตวั เอง - ภาพรวมแล้วดีเยย่ี ม การตอ้ นรับและการดูแลเอาใจใส่ - องคค์ วามรูใ้ นการเกษตร - การเขา้ ใจหลกั ทฤษฎใี หม่ บนั ได 9 ขน้ั และการออกแบบเชิงภมู สิ ังคม - ภมู ิทัศน์พื้นทเี่ อ้ืออานวยต่อการฝกึ อบรม - ไดน้ าความรู้นาไปเผยแพร่ ประสานภาคตี อ่ ไป - รับรู้สงิ่ ใหม่มีความสามคั คีและไดม้ ีโอกาสรูจ้ กั เพื่อนๆ - สถานทีน่ ่าอยแู่ ละเจ้าหน้าทีด่ แู ลดี - เข้าใจเข้าถงึ ได้ดี - การให้องค์ความรู้ท่คี รบถ้วนทัง้ ทฤษฎีและปฏิบัติ
๑๓๔ - การบริหารจัดการของโครงการที่ดีเย่ียม ได้ทั้งความรู้และเพ่อื น - ความสามัคคี การเรียนรูท้ ี่ดี - ประทบั ใจกบั เจา้ หนา้ ทที่ กุ คนทใ่ี ห้ความร่วมมือเปน็ อย่างดี - พงึ พอใจกับกจิ กรรมการอบรมในคร้ังน้ี - ได้รบั ความรูแ้ ละความเข้าใจเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ได้ดขี ึน้ - ได้ความรเู้ พ่มิ และไดข้ ยายเครือข่าย - การวางแผนและความสามัคคี - ไดร้ ับความรู้เพื่อกลบั ไปพฒั นาตอ่ ยอดแก่ตนเองและชมุ ชน - ได้ความรเู้ กี่ยวการบารงุ ดินเพ่ือไปปลูกพืชแบบปลอดสารพิษ - ความสามัคคี ชว่ ยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นกันเอง สนุกสนาน คกึ คกั - ทาให้เข้าใจการทาเกษตรพอเพยี งมากขึน้ - เกิดทักษะ มีเพ่ือนร่วมอาชีพ ได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ เกิดความรักสามัคคี ช่วยเหลือเก้ือกูล และแบง่ ปนั - ไดค้ วามรู้มากมายท่สี ามารถนาไปใช้ไปปฏิบตั ไิ ดจ้ ริงในชีวติ ได้ 3.2 สงิ่ ทีค่ วรเสนอแนะนำไปพฒั นำ กำรจัดโครงกำร/กิจกรรมคร้งั ต่อไป เวลำ -เวลาพกั มนี อ้ ยไป ขาดเวลาออกกาลังกายหรือเวลาสันทนาการตอนเย็น -อยากใหจ้ ัดสรรเวลาใหม่ เนื่องจากมีกลมุ่ คนอายุมาก ทาให้ช้า ต่อกจิ กรรม โดยรวมดมี ากครับ -ระยะเวลาของการเข้าฐานแตล่ ะกจิ กรรมส้นั เกนิ ไป ทาให้ไดร้ ับความร้ไู ม่ครบถว้ นในการถา่ ยทอดตอ่ ไป เพราะการลงมือปฏบิ ตั สิ าคญั ไมแ่ พ้การอ่านจากตารา -ระยะเวลา คอ่ นขา้ งมากไปหนอ่ ย..ควรกระชับหลกั สูตรใหใ้ ชเ้ วลาน้อยวันกว่านค้ี รบั -เพิ่มเวลาการอบรมเป็น 15 วนั -เวลาการเริม่ เรียน เข้าใจวา่ ทาตามระบบมาบเอ้ือง แตม่ นั เหน่ือยเกนิ ไป เลยทาให้เรยี นรู้ได้ไม่เตม็ ท่ี -ระยะเวลาในการร่วมกจิ กรรมแตล่ ะฐานไม่พอ ควรท่จี ะขยายเวลาในกจิ กรรมต่างๆเพื่อให้เกดิ การ เรยี นรไู้ ดม้ ากย่งิ ขน้ึ ขอบคุณครับ -ควรขยายเวลาอบรมหลายๆวันแต่ไมค่ วรเอาวิชาการมาอดั ลงวันเดียวมากเกนิ ไป -เรือ่ งระยะเวลาทใ่ี ช้กบั เนื้อหา >> เนื้อหามากแต่เวลามจี ากดั เลยทาให้ผ้เู ข้ารบั อบรม/ผูส้ อนเหน่ือยล้า ควรจะเพ่ิมจานวนวันเพมิ่ -แต่ละวนั ควรจะใช้เวลาในการจัดฝึกอบรมไมค่ วรจะเกนิ 7-8 ช่ัวโมง เพราะหากเกินกวา่ นั้นจะเป็นการ อดั ข้อมูลต่อผรู้ ว่ มกิจกรรมเกินไป ทาให้การรบั ข้อมลู ของสมองเกิดการไม่ยอมของขอ้ มลู น้นั ๆ โดยรวมดีมากๆ -ระยะเวลาให้มากกวา่ น้ีอีกนดิ เพอ่ื ไม่ให้เปน็ การอัดข้อมลู มากไปในเวลาน้อย -ช่วงเวลาของการฝกึ อบรมในส่วนทฤษฎีมากเกินไป ทาให้ผู้เข้าร่วมอบรมเบ่อื ลดความกระตือรื้อลน้ ทีจ่ ะเรียนรู้ ช่วงเวลาในการเรียนรตู้ ามฐานนอ้ ยเกินไป -ระยะเวลาควรปรับปรุงใหม้ ีเพมิ่ ข้ึนอกี 1 วนั จะไดม้ เี วลาพักผอ่ นเพ่มิ ข้นึ -ระยะเวลาอบรม 9 ฐานเรียนรู้นอ้ ยเกนิ ไป ไมเ่ พียงพอกบั เนอ้ื หา
๑๓๕ -ระยะเวลาในการฝึกสัน้ ไป ถ้าแบง่ เป็นคอรส์ สน้ั ๆหลายๆคอร์ส น่าจะทาใหน้ าไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพกว่าน้ี - การจดั สรรด้านเวลาน้อยเกินไป เพราะครวั เรอื นสว่ นใหญ่ เปน็ ผู้สงู อายทุ ่มี าร่วมโครงการ การเดินใน ระยะไกลอาจใช้เวลา เพราะปวดเข่า ปวดขา ทาใหไ้ ม่สามารถเดนิ เร็ว ยนื นาน นง่ั นานๆได้ - ระยะเวลานานเกินไป ทาใหเ้ กดิ การเหน่ือยลา้ - ความสัมพันธ์ของอายปุ ระกอบกบั ความรู้ของเกษตรกร การจัดสรรช่วงเวลาตืน่ เช้าเกินไป - ควรจากดั ในเรื่องของอายผุ ้เู ขา้ รว่ มอบรมไมเ่ กินกี่ปี เพอ่ื ความปลอดภัย กจิ กรรม -ภาคปฏิบัติ มีน้อยไป -อยากให้มกี ารขยับกายบริหารหรือเปลย่ี นการนัง่ ฟงั สัก 30 นาที นนั ทนาการสัก 5 นาที เพอ่ื ให้การนั่ง ฟงั ไมเ่ ปน็ ทนี่ า่ เบื่อ และจะทาให้ร้สู ึกสนกุ กับโครงการนตี้ ้ังแต่แรกเม่ือก้าวเข้ามาร่วม -กิจกรรมหาอยูห่ ากนิ อยากให้มีอาหารเจ เผือ่ คนทานเจดว้ ยครับ เมื่อวานไม่มีเลย บางท่านตอ้ งหา อาหารเอง -กิจกรรม 9 ฐานเรียนรู้ ควรได้ลงมอื ทาและฝึกปฏิบตั มิ ากกว่านี้ -กจิ กรรม team building น่าจะจริงจังในรปู แบบที่ใกลเ้ คียงกับมาบเอื้อง -เพิ่มกิจกรรมการลงมือทาให้เพ่ิมมากข้นึ อกี หน่อย -อยากมโี อกาสให้ทกุ คนได้ลงปฏบิ ัตจิ ริง ท่วั ถงึ มีเวลาอบรมมากกว่านี้ วิชำกำร -ควรพิจารณาข้อมลู เร่ือง ทุนนิยม คอมมิวนิสต์ และ พอเพียงใหม่ เพราะชุดข้อมลู ท่นี ามาใชเ้ ปน็ ชุด ขอ้ มลู เก่าในยคุ สงครามเยน็ เมื่อ 50 ปีท่แี ล้ว ไมใ่ ชใ่ นบรบิ ทปจั จุบัน -มีส่งิ ใหม่มานาเสนอให้ผูเ้ ข้าการอบรม -ควรจะตอ้ งนาหลักการทรงงานของในหลวง ร.๙ มาบรรยายด้วยครับ -การปรบั คลองไส้หมู ควรต้ังเป้าหมายว่าตอ้ งการอะไร ไม่บอกว่าควรทาอย่างไร แต่ ให้ทกุ ทีมไปสารวจและ หาวิธกี ารออกแบบมานาเสนอก่อน เม่ือผา่ นการวพิ ากษ์แล้ว ใหไ้ ปทาจริง -คมู่ อื การดาเนินกจิ กรรม -การใชภ้ าษา ไม่ควรสลับไปมา ไทยบา้ งเมืองบ้าง วทิ ยากรหญงิ / เสยี งตอ้ งชดั เจนมากกว่านี้ เสียง กระตนุ้ มากกว่านี้ -คุณครูวิทยากรควรติดปา้ ยช่ือดว้ ย -ควรจะต้องนาหลักการทรงงานของในหลวง ร.๙ มาบรรยายด้วย - ต้องการฟงั จากผทู้ ีม่ ปี ระสบการณต์ รง จะลึกซงึ้ กว่าจากตาราและหลกั การ -ไมค์โทรโขง่ เบาไปนดิ
๑๓๖ อำหำรและของวำ่ ง -วนั แรกๆอาหารไม่ประทับใจเลย แตห่ ลังๆดีข้ึน และคิดว่าถ้ามกี ารอบรมแบบน้ีอยากมาอีกเพราะอยาก มาเก็บเกี่ยวความรใู้ หแ้ นน่ กว่าน้ี -เร่อื งอาหารจดั เลีย้ ง กบั ข้าวบางมื้อได้น้อยและอาหารบางอย่างที่คนมโี รคประจาตัวเป็นเก๊าต์ กินไม่ได้ เชน่ ตม้ เลอื ดหมู -ขนมเบรคหวานไป ที่พัก อำคำร สถำนท่ี -หอ้ งนา้ ควรอยูบ่ นอาคารชนั้ 2 สาสารบางคนเป็นโรคเจา่ ข้อ สงู อายุ เดินขึ้นลงจนเจ็บปว่ ย อืน่ ๆ -อยากให้มีการเขา้ อบรมอีก หากมคี วามรู้ใหมๆ่ มาค่ะ -อยากให้มีการอบรมรุ่นต่อๆไปอกี -อยากใหโ้ ครงการอยา่ งนมี้ ีงบประมาณจัดโครงแบบนเี้ พ่มิ ขึ้นทกุ ปี -การเพ่ิมประสทิ ธิภาพภาพเป็นระยะๆ -ขยายทาในชุมชน -ทบทวนปลี ะครั้ง 5 ปี -อยากไห้มาอบรมถึง20% ของครวั เรือนไทย -พรอ้ มเขา้ รว่ มอบรมทุกกจิ กรรม -ใหม้ กี ารตดิ ตามต่อยอดโครงการนใี้ หส้ าเรจ็ -การฝกึ อบรมปรบั ปรุงและเพิ่มศกั ยภาพโครงการโคกหนองนาโมเดล -จะนาไปปฏบิ ัตแิ ละปรบั ปรุงพน้ื ทีก่ ารผลติ -หลังเสร็จการตรวจโครงการอยากกลบั มาอีกคร้ัง - ใหม้ ีการอบรมแบบไปกลบั ประมาณ 2 อาทติ ย์จะไดซ้ มึ ซับมากกว่านี้
๑๓๗ สว่ นที่ 4 ขอ้ คดิ เห็น ขอ้ เสนอแนะ ของศนู ยศ์ กึ ษำและพฒั นำชมุ ชน ก่อนดำเนินกิจกรรม/โครงกำร ทีมวิทยากร/ครพู าทาของศูนย์ศึกษาและพฒั นาชมุ ชนลาปางจานวน 11 ราย หลงั จากได้รบั การอบรมหลักสูตรวทิ ยากรและผนู้ าการขบั เคลอ่ื นตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ท่ีศนู ย์ ฝึกอบรมภมู ริ ักษ์ จงั หวดั นครนายก ระหว่างวันท่ี 20-23 กนั ยายน 2563 ได้เตรยี มการขบั เคลือ่ นกจิ กรรม/ โครงการ เพ่ือเตรยี มความพร้อมทีมวทิ ยากร/ครูพาทา ฐานเรียนรู้ และพื้นที่ตน้ แบบฯ ของ ศพช.ลาปาง เนือ่ งจาก หลักสูตรฯ กิจกรรมที่ 1 กาหนดให้วทิ ยากรและครูพาทา ต้องผา่ นการฝึกอบรมฯ และได้รับใบรบั รองจากศูนย์ ฝึกอบรมภมู ริ ักษ์ หรอื จากเครือข่ายกสกิ รรมธรรมชาติมาบเออ้ื มเทา่ น้นั วธิ ีการคือ 1. ประชมุ ทมี ครูพาทาวางแผนขบั เคลอื่ นงานร่วมกนั 2. จดั การความรถู้ ่ายทอดให้กบั บคุ ลากรของศนู ย์ลาปางท้ังหมดใหร้ บั ทราบและมองเห็นภาพรวมรว่ มกนั 3. ครพู าทาขยายผลให้กับครูผ้ชู ่วย สรา้ งทมี ขบั เคล่ือนประจาฐานเรียนรูท้ ้ัง 9 ฐาน 4. การเตรยี มความพร้อมและฝกึ ปฏบิ ตั ิการกระบวนการ 5 ข้นั ตอนหนา้ เสาธงของครูพาทาและครูผู้ช่วย ทุกวนั ต้ังแตว่ ันท่ี 14 ตุลาคม 2563 เปน็ ต้นมา 5. ทีมครูพาทาและทีมผู้ช่วยแต่ละฐานเรยี นรู้ ออกแบบสรา้ งโปรแกรมการเรยี นรู้และจดั การความรูใ้ นฐานเรียนรู้ ทรี่ ับผิดชอบ ผ่านกระบวนการเอาม้ือสามัคคขี องศนู ยล์ าปางรว่ มกนั เช่น เอาม้ือทาปยุ๋ หมักแหง้ ไวใ้ ช้ในกิจกรรมของ ศนู ยฯ์ พัฒนาพ้ืนทีแ่ บ่งโซนการทางานเรียนรู้ในพน้ื ทีต่ ้นแบบ ฯ เอามื้อการเตรยี มฟนื ทาถ่านเพือ่ ใช้เรยี นรูก้ ิจกรรม ในฐานคนเอาถ่าน ในฐานคนรักษ์นา้ และในฐานเรียนร้อู ่นื ๆ 6. นัดหมายและทดสอบโปรแกรม ฐานเรยี นรทู้ งั้ 9 ฐานเพ่ือเตรยี มความพร้อมการอบรมกจิ กรรมที่ 1 7. สรปุ บทเรยี นรว่ มกันเพอ่ื พัฒนาโปรแกรมการเรียนรู้ในฐานเรียนรู้ เชอื่ มโยงกับพืน้ ท่ีต้นแบบรองรบั การ ฝึกอบรมกจิ กรรมท่ี 1 ปัญหำ/อุปสรรคในกำรดำเนนิ กจิ กรรม/โครงกำร แนวทำงแก้ไข และขอ้ เสนอแนะ 1.กลมุ่ เป้ำหมำย เจ้าของแปลงส่วนใหญเ่ ป็นเกษตรกรและเปน็ ผสู้ ูงอายุ มีข้อจากดั เร่ืองสุขภาพ/สภาพรา่ งกาย ไม่ เอือ้ ต่อกระบวนการในการฝกึ อบรมทตี่ ่อเนื่อง ระยะเวลา 5 วัน 4 คนื เรมิ่ ต้ังแตเ่ วลา 5.00 น. ถึง 21.00 น. ส่งผล ตอ่ การพักผ่อนที่ไมเ่ พยี งพอ เกดิ ภาวะเครยี ด และเจ็บป่วย กำรแกไ้ ขปญั หำ -พดู คยุ สร้างความเข้าใจ บอกเงื่อนไข ข้อจากดั ระยะเวลาของหลักสูตร -ให้ผู้เขา้ อบรม ระบุเร่ืองสุขภาพ โรคประจาตัว และระบุญาติหรือผใู้ กลช้ ดิ พร้อมเบอร์โทรศัพทต์ ดิ ต่อกรณีเจ็บป่วย หรอื เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน -จดั เตรยี มวัสดุ/อุปกรณ์ ชดุ ปฐมพยาบาลและรถรบั สง่ ในกรณีฉุกเฉิน -วทิ ยากร/พี่เลีย้ งกลุ่มสี จะคอยสังเกต ดแู ล เนน้ ย้า ไม่ให้ฝืนสภาพรา่ งกาย และใหพ้ ักกรณีเจ็บป่วย -สร้างบรรยากาศผอ่ นคลาย จากทมี วิทยากรและคณะเจ้าหนา้ ที่ ในหลายๆรปู แบบ เช่น ฉายภาพยนตร์สั้น เลอื กสื่อ คลปิ วิดีโอ กิจกรรมเสรมิ หลักสูตร แต่ยังคงรกั ษาไว้ซ่งึ ระเบียบวินยั และขอ้ ตกลง ขอ้ เสนอแนะการคดั เลือกกลุ่มเป้าหมาย การเตรียมความพรอ้ มใหก้ ับกลุม่ เป้าหมาย ตง้ั แต่ในระดับพ้ืนที่ใหเ้ หมาะสม กบั หลักสูตร 2.ขอ้ จำกดั เร่ืองวิทยำกรภำยนอกในวชิ าทต่ี ้องเป็นผู้เช่ียวชาญผมู้ ปี ระสบการณต์ รงในเรื่องนนั้ ๆโดยเฉพาะเช่น การ ออกแบบพนื้ ทเ่ี ชงิ ภูมิสงั คมฯซึ่งจากดั ว่าวทิ ยากรจะต้องไดร้ ับใบประกาศนียบตั รผ่านการอบรมจากเครอื ขา่ ย กสิ กรรมธรรมชาติเทา่ น้นั หรือวิทยากร/ผ้เู ช่ยี วชาญที่มคี ุณสมบัติ ไมส่ ามารถมาเปน็ วทิ ยากรให้ไดต้ ามตารางเวลาการ อบรมวิธีแกไ้ ข ประสานวิทยากร ที่มีประสบการณ์ตามข้อกาหนด มาร่วมวางแผนออกแบบกับทมี วิทยากรของศูนย์ฯ
๑๓๘ ข้อเสนอแนะ ควรใหพ้ ้ืนท่ี/ศูนย์ศกึ ษาฯ ได้พิจารณาและสามารถใช้ผู้นาชมุ ชน/ปราชญช์ าวบ้านในพืน้ ท่ี ท่ีมี ประสบการณ์และมีความรคู้ วามสามารถมาเปน็ วทิ ยากรได้ 3.กำรพฒั นำหลกั สูตรใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์จรงิ ที่เอ้ือตอ่ กระบวนการเรียนรูร้ ะยะเวลาและเนอ้ื หา กระบวนการ เชน่ การฝึกปฏิบตั ิในฐานเรียนรู้ จากดั ดว้ ยเวลาและจานวนกลุ่มเป้าหมาย แต่เนน้ เรอื่ งการลงมือปฏบิ ัติ จงึ จะเกิดทกั ษะและการเรยี นรู้ ควรพัฒนาเป็นหลักสตู รระยะสน้ั สาหรับภาคปฏิบตั ใิ นฐานเรยี นรู้ท้งั 9 ฐาน และ วชิ าการออกแบบพื้นทเ่ี ชิงภมู ิสังคมฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์ไดร้ บั ความรู้และทักษะสามารถนาไปประยุกต์ใชไ้ ด้จรงิ 4..กำรสอ่ื สำรสร้ำงควำมร้คู วำมเขำ้ ใจโครงกำรฯ ให้กับเจา้ หน้าที่พัฒนาชุมชน (พัฒนากร) ไม่เฉพาะในกจิ กรรมท่ี 1 แต่ควรสร้างความรคู้ วามเข้าใจในกิจกรรมโครงการในข้ันตอนอ่ืนๆ ด้วย เนอ่ื งจากทมี วทิ ยากร/เจา้ หนา้ ทพี่ ัฒนา ชมุ ชนสว่ นใหญ่ ไมม่ ที ักษะพ้ืนฐานดา้ นการเกษตร การออกแบบพื้นที่ งานชา่ ง การจดั ซ้อื /จัดจา้ ง ระเบยี บกฎหมาย และการเงนิ การคลงั ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบำย 1.ควรมกี ารบูรณาการการทางานในรูปแบบการประสานแผนงานโครงการระดับกระทรวงและระดับกรมฯ ทั้งกระทรวงมหาดไทยด้วยกันและตา่ งกระทรวง ท่ีมภี ารกจิ เก่ยี วขอ้ งกับการดาเนินการทุกดา้ น เพ่ือใหก้ าร ขับเคลือ่ นงานระดับพืน้ ท่ีเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 2.ควรมีมาตรการรองรับทช่ี ัดเจน ในด้านการเป็นศูนย์เรียนรโู้ คกหนองนาโมเดลของครวั เรือนเปา้ หมาย เพือ่ ประกันความคุ้มค่าของงบประมาณ 3.ควรมีแผนงานโครงการดา้ นการจัดตั้งและพฒั นาเครือขา่ ยโคกหนองนาโมเดลท่ีเป็นรปู ธรรม เพอื่ สรา้ ง ความยั่งยนื ของโครงการ 4.ควรมแี ผนงานโครงการการพัฒนาศกั ยภาพบุคลากรกรมฯ ด้านความรู้และทักษะการจัดการพนื้ ทโ่ี คก หนองนาโมเดล เพ่ือให้สามารถเป็นทีป่ รึกษาแกค่ รวั เรือนเป้าหมายและศนู ย์เรยี นรฯู้ ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพใน ระยะยาว 5.ควรมีการวางแนวทางพฒั นาการใช้ประโยชน์ของพ้ืนท่ดี าเนินการอยา่ งจรงิ จงั โดยยึดการมสี ่วนรว่ มของ เครอื ข่ายโคกหนองนา และชุมชนพ้นื ท่ดี าเนินการ 6.ควรมงี านวิจยั ประเมนิ ผลโครงการอย่างเป็นรปู ธรรมในทกุ ระดับ 7.ควรมกี ารกาหนดหลักสตู รแผนการสอนร่วมกนั ระหว่างสถาบันการพฒั นาชุมชน กบั ศูนยศ์ กึ ษาและ พฒั นาชมุ ชน ควรให้ผู้เชี่ยวชาญหรือปราชญใ์ นแต่ละเร่ือง หรอื เจ้าหนา้ ทพี่ ฒั นาชุมชนระดบั จงั หวัดและอาเภอ เปน็ ตวั แทน มสี ว่ นร่วมในการจดั ทาหลกั สตู ร/แผนการสอนดว้ ย 8.ควรมีการเตรยี มทมี วิทยากรเพ่ือขบั เคลือ่ นกิจกรรมในหลักสูตร ให้สอดคลอ้ งกนั ในทุกกจิ กรรม/ขน้ั ตอน ของกจิ กรรม/โครงการฯ 9.ควรมกี ารสรปุ บทเรยี นในการจดั ทาหลักสตู รหรือแผนการฝกึ อบรมทีผ่ า่ นมา 10.นกั วิชาการพัฒนาชุมชน (พัฒนากร ) ควรไดร้ บั การฝกึ อบรมในหลักสตู รฯ กอ่ นท่ีจะดาเนนิ การ โครงการฯในพ้นื ท่ี เพ่อื สรา้ งความรู้ความเข้าใจและทักษะปฏบิ ตั ใิ นเบ้ืองตน้ 11.ควรให้ความสาคัญในการสอื่ สารสร้างการรับรู้ และความรู้ความเขา้ ใจในรายละเอียดโครงการกับ เจา้ หน้าที่พฒั นาชมุ ชนผูป้ ฏบิ ัติงานในพื้นท่ีเป็นเบื้องต้น ก่อนดาเนนิ กิจกรรมโครงการในทกุ ขั้นตอน 12.ทกุ หลกั สูตรเน้นเร่ืองของการพฒั นาคน ท้ังในระดบั เจ้าหนา้ ท่ี ผนู้ าเครอื ขา่ ยและประชาชน กรมการ พฒั นาชุมชนมบี ทบาทสาคัญในการพฒั นาคน หลกั สตู รที่กรมฯมอบใหศ้ ูนย์ศึกษาและพัฒนาชมุ ชนดาเนนิ การ และประสบความสาเร็จในหลายๆหลักสตู รเชน่ หลกั สตู รผ้นู าตา่ งๆ หลักสตู รการฝึกอบรมเจา้ หน้าท่ีฯลฯ ควรมี การทบทวนหรือพัฒนาหลกั สูตรนากลับมาประยุกต์ใช้ เพราะเป็นจดุ เด่นงานของกรม และพิจารณาในการที่จะ เชื่อมโยงไปสู่โครงการหรอื นโยบายทส่ี าคัญในปัจจุบัน
๑๓๙ ภำคผนวก ประมวลภำพกิจกรรมที่ 1 ฝกึ อบรมเพิม่ ทักษะระยะส้ันกำรพัฒนำกสกิ รรมสรู่ ะบบเศรษฐกจิ พอเพียงรปู แบบ โคก หนอง นำ โมเดล รนุ่ ที่ 2 – ๗ โครงกำรพัฒนำพื้นที่ตน้ แบบกำรพัฒนำคณุ ภำพชีวิตตำมหลักทฤษฎีใหมป่ ระยกุ ต์สู่ “โคก หนอง นำ โมเดล” วันที่ 1 สร้างความสมั พันธ์ระหว่างผู้เข้าฝกึ อบรมและเสริมสรา้ งทักษะความรู้เบอื้ งตน้ - กจิ กรรมกลมุ่ สัมพันธ์ - เรียนรู้ตาราบนดิน กจิ กรรมเดนิ ชมพ้นื ที่ - เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ศาสตรพ์ ระราชากับการพัฒนาทยี่ ่ังยืน -การแปลงปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง สู่การปฏิบตั ิแบบเปน็ ข้นั เป็นตอน วันท่ี 2 สร้างความรู้ ความเข้าใจหลักกสิกรรมธรรมชาติ และฝึกปฏิบัติฐานเรียนรู้ ให้เข้าถึงการ น้อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรบั ใช้ในชีวิตประจาวนั -ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง“ทฤษฎีบนั ได 9 ขั้น สู่ความพอเพยี ง” - หลักกสิกรรมธรรมชาติ - ฝึกปฏบิ ัติในฐานเรียนรู้ 9 ฐานเรยี นรู้ - ถอดบทเรียนผา่ นสอ่ื “วิถภี ูมิปญั ญาไทยกับการพ่งึ ตนเองในภาวะวกิ ฤต”
๑๔๐ วันท่ี 3 สร้างทักษะการใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความเป็นไทย เรียนรู้การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ใน รูปแบบการแลกเปลย่ี นแรงงาน การเอามื้อสามัคคี ในการฝกึ ปฏบิ ัติ จติ อาสาพัฒนาเอาม้ือสามัคคีพัฒนาพ้ืนท่ี ตามหลักทฤษฎใี หม่ วัน ที่ 4 เรียนรู้การออกแบบพ้ืนที่เชิ งภูมิสังคม โ คก หนอง นา โ มเดล ให้ สามารถ นาความรู้ไปใช้ในการออกแบบพื้นที่โคก หนอง นา โมเดลของตนเองได้อย่างเหมาะสม และการดารงตนใน ภาวะวิกฤต ดว้ ยกิจกรรม Team Building ฝึกปฏบิ ตั กิ ารบริหารจดั การในภาวะวกิ ฤต หาอยู่ หากนิ วันที่ 5 สร้างความรู้ ความเข้าใจ กลไก 357 ในการขับเคล่ือนศาสตร์พระราชา และ การจดั ทาแผนปฏบิ ัติการยทุ ธศาสตร์การขับเคล่อื นปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงส่กู ารปฏิบตั ิ
๑๔๑ ภำพกิจกรรมมอบวฒุ ิบัตรแก่ผู้ผ่ำนกำรอบรม รุ่นท่ี 2 ร่นุ ที่ 3 รนุ่ ท่ี 4
๑๔๒ รนุ่ ท่ี 5 รุ่นที่ 6 ร่นุ ที่ 7
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176