พระอจั ฉริยภาพด้านศลิ ปวรรณกรรมThe Art and Literacy Genius of His Majesty the King สมาชกิ1. น.ส. สกาวรัตน์ สรุ ยิ า คณะแพทยศาสตร์ รหัสนสิ ติ 604610162. น.ส. สมติ า เหล่าจินดาพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ รหสั นสิ ติ 604610233. นาย สิรภพ เอบิ บุญญา คณะแพทยศาสตร์ รหสั นิสติ 604610304. นาย สริ วชิ ญ์ เอบิ บญุ ญา คณะแพทยศาสตร์ รหัสนสิ ติ 604610475. น.ส. สจุ ริ า อดุ มพรวัฒนะ คณะแพทยศาสตร์ รหสั นิสิต 604610546. น.ส. สชุ านนั ท์ ชาญวิกยก์ าร คณะแพทยศาสตร์ รหสั นิสิต 604610617. นาย สทุ ธภิ ัสส์ นพโชติภัทร์ คณะแพทยศาสตร์ รหสั นิสิต 604610788. น.ส. สธุ ารัตน์ อยูร่ อด คณะแพทยศาสตร์ รหสั นสิ ติ 604610859. นาย สปุ รีชา แดงจ๋วิ คณะแพทยศาสตร์ รหสั นิสิต 6046109210. นาย สภุ พงศ์ ประไพเพชร คณะแพทยศาสตร์ รหสั นสิ ิต 60461108 เสนอ รศ.ดร.สชุ าติ แย้มเม่นรายงานนเี้ ปน็ ส่วนหนงึ่ ของวชิ า สารสนเทศศาสตรเ์ พ่ือการศกึ ษาค้นควา้ รหสั วชิ า 001221 ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2560 มหาวิทยาลัยนเรศวร
กช่อื เร่ือง พระอัจฉรยิ ภาพด้านศลิ ปวรรณกรรมผูว้ ิจัย นางสาวสกาวรตั น์ สุรยิ า นางสาวสมิตา เหลา่ จินดาพันธ์ท่ีปรกึ ษา นายสริ ภพ เอิบบุญญาสาขาวิชา นายสิรวชิ ญ์ เอิบบญุ ญาภาควิชา นางสาวสุจิรา อดุ มพรวัฒนะปีการศึกษา นางสาวสชุ านนั ท์ ชาญวกิ ยก์ าร นายสุทธิภสั ส์ นพโชตภิ ัทร์ นางสาวสธุ ารตั น์ อยรู่ อด นายสุปรชี า แดงจิว๋ นายสภุ พงศ์ ประไพเพชร นายสมัทรชา เนียมเรือง แพทยศาสตร์ แพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร 2560 บทคดั ย่อ วิทยานิพนธ์นี้ ไดท้ าการศึกษา และนาเสนอเน้ือหาเกย่ี วกับพระอัจฉริยภาพทางดา้ นศลิ ปะวรรณกรรมของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษตั รยิ ์ไทยรชั กาลที่ 9 ไม่วา่ จะเปน็ เรอื่ งของ จิตรกรรม ประตมิ ากรรม ภาษา วรรณกรรม ดรุ ยิ างคศิลป์ ดนตรี หัตถศลิ ป์ และการถ่ายภาพ เนื่องจากทางผจู้ ัดทาเล็งเห็นว่าพระอัจฉรยิ ภาพด้านศิลปะวรรณกรรมของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นทป่ี ระจักษ์แก่ประชาชนในทุกด้าน แสดงใหเ้ หน็ถึงการศึกษา และการเรียนรู้ เป็นแบบอยา่ งท่ีดีให้แก่เยาวชน และประชาชน และนอกจากน้ีพระอจั ฉริยภาพของพระองคเ์ ปน็ เรอ่ื งทีม่ ีความนา่ สนใจและบุคคลทกุ เพศ ทุกวยั สามารถเข้าถึงได้ จึงเป็นการดอี ย่างย่ิงทจี่ ะจดั ทาวิทยานิพนธ์น้ีข้ึนมาเพอ่ื ใหค้ วามรเู้ กี่ยวกับ พระอจั ฉริยภาพด้านศิลปะวรรณกรรม เช่น จติ รกรรม ประติมากรรม ภาษา วรรณกรรม ดุรยิ างคศิลป์ ดนตรี หตั ถศลิ ป์ และการถา่ ยภาพ แก่บุคคล ประชานเท่าไป เพ่อื ใช้สาหรับการศึกษาค้นคว้า ใช้เปน็ ความรู้ เป็นแบบอย่างในการดาเนินชีวิตตอ่ ไป Abstract This thesis studies and presents the content about the genius of Arts andLiterature of King Bhumibol Adulyadej, King Rama IX. It is the matter of spirituality,sculpture, language, literature, music, craftsmanship and photography. Moreover, it
ขshows that King Rama IX is a prototype and shows his genius about education andlearning to the people. His genius is interesting and accessible to all people of allages. So, it is the best way to prepare this thesis to use for studying and be the rolemodel in the way of life. กิตติกรรมประกาศ รายงานเล่มนีไ้ ม่สามารถสาเร็จลุลว่ งไปได้ด้วยดีได้ หากปราศจากความช่วยเหลือจากอาจารย์ประจาวชิ า รศ.ดร.สชุ าติ แยม้ เม่นและอาจารยส์ มัทรชา เนียมเรอื ง ท่ีได้ให้ความรูท้ ง้ั ในดา้ นการเรยี นการสอน และการแนะแนวทางในการปฏิบัติตา่ ง ๆ นอกจากน้ี ยงั ขอขอบคุณแหล่งการเรียนรูต้ า่ ง ๆ ท่ไี ด้นามาประกอบเนื้อหาในรายงานฉบับน้ี เช่น สอ่ื อนิ เตอร์เนต็ หนงั สือและวารสารตา่ ง ๆ เป็นตน้
ค คณะผ้จู ดั ทา สารบัญ หนา้บทคดั ย่อภาษาไทย...............................................................................................................................กบทคดั ย่อภาษาอังกฤษ..........................................................................................................................ขกติ ตกิ รรมประกาศ................................................................................................................................คสารบญั ..................................................................................................................................................งสารบญั ตาราง.......................................................................................................................................จสารบญั รปู .............................................................................................................................................ชบทที่ 1 บทนา 1.1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของโครงงาน.......................................................................1 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของโครงงาน................................................................................................1 1.3 ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รบั ...............................................................................................1 1.4 ขอบเขตการทาโครงงาน..................................................................................................1
ง 1.5 ข้นั ตอนการดาเนนิ งาน.....................................................................................................2 1.6 แผนการดาเนนิ งาน..........................................................................................................2บทท่ี 2 หลักการและทฤษฎเี บ้ืองตน้ 2.1 การสืบคน้ สารสนเทศ.......................................................................................................3 2.2 วธิ กี ารสืบค้นขอ้ มลู ทางอินเทอรเ์ นต็ .................................................................................3บทท่ี 3 วิธีการดาเนินงาน 3.1 วิธีทใ่ี ชใ้ นการสบื ค้นข้อมูล................................................................................................5 3.2 ลักษณะของข้อมลู การเลือกข้อมูลและเหตุผลในการเลือก.............................................5 3.3 ขนั้ ตอนในการรวบรวมข้อมลู ...........................................................................................5 3.4 วิธกี ารวิเคราะหข์ ้อมูล......................................................................................................5บทที่ 4 วเิ คราะห์ข้อมลูพระอจั ฉริยภาพด้านศลิ ปะวรรณกรรม……………………………………………………………………………………..6 4.1 ด้านจติ รกรรม..................................................................................................................7 4.2 ดา้ นประติมากรรม.........................................................................................................10 4.3 ดา้ นภาษาและวรรณกรรม.............................................................................................12 4.4 ด้านดุรยิ างคศลิ ป์และดนตร.ี ..........................................................................................19 สารบญั หนา้ 4.5 ดา้ นหตั ถศลิ ป.์ ...............................................................................................................35 4.6 ดา้ นการถา่ ยภาพ...........................................................................................................37บทท่ี 5 อภปิ รายผล……………………………………………………………………………………………………………..42สรุปผลการศกึ ษา…………………………………………………………………………………………………………………42เอกสารอา้ งองิ ……………………………………………………………………………………………………………………..43ประวตั ิผู้ดาเนนิ งาน………………………………………………………………………………………………………………45
จ สารบญั ตารางตารางท่ี หน้า1 แสดงตวั อยา่ งบทเพลงพระราชนพิ นธ์…………………………………………………………………………………34 สารบัญรปูรปู ที่ หนา้1 ภาพพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั และภาพเขยี นฝพี ระหัตถ์………………………………………………..82 ภาพสมเด็จพระบรมราชชนก…………………………………………………………………………………………..93 ภาพพระสาทิสลักษณ์ของสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ……………………………………..104 ภาพนายไพฑรู ย์ เมอื งสมบูรณ์………………………………………………………………………………………..105 พระพุทธรปู ปางประทานพร ภ.ป.ร.…………………………………………………………………………………116 พระสมเด็จจติ รลดา……………………………………………………………………………………………………….117 ส.ค.ส. พระราชทาน………………………………………………………………………………………………………148 ภาพพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวกับพระราชนพิ นธ์…………………………………………………………179 พระราชนพิ นธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว………………………………………………………………1710 ภาพพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทรงดนตรรี ่วมกับนักดนตรี…………………………………………....2011 ภาพสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวทรงตอ่ เรือใบ…………………………………………………………………………...3612 ภาพสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวทรงเรอื ใบ…………………………………………………………………………........3613 ภาพพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทรงฉายพระรูปสมเดจ็ พระบรมราชินีนาถสมเดจ็ พระเจ้าลูกยาเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ………………………………………………………………………...4114 ภาพเพือ่ นาไปแก้ปัญหาใหก้ ับประชาชน…………………………………..............................................41
1บทท่ี 1บทนา1.1 ความเปน็ มาและความสาคัญของโครงงาน ทางคณะผ้จู ัดทาได้เลือกหัวข้อการทาวิทยานิพนธเ์ ร่ือง พระอัจฉริยภาพดา้ นศิลปะวรรณกรรม เช่น จติ กรรม ประตมิ ากรรม ภาษา วรรณกรรม ดรุ ยิ างคศิลป์ ดนตรี หัตถศิลป์ และการถ่ายภาพ เนื่องจากทางผูจ้ ัดทาเล็งเห็นว่าเปน็ เร่ืองท่ีมคี วามน่าสนใจและบคุ คลทกุ เพศ ทุกวัย สามารถเข้าถงึ ได้ นอกจากน้ันแล้ว ยังเปน็ การเทดิ พระเกียรตแิ ด่พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชอีกดว้ ย1.2 วัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน เพื่อใหค้ วามรเู้ ก่ียวกับ พระอัจฉรยิ ภาพด้านศิลปะวรรณกรรม เชน่ จติ กรรม ประติมากรรมภาษา วรรณกรรม ดรุ ยิ างคศิลป์ ดนตรี หตั ถศิลป์ และการถ่ายภาพ1.3 ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ ับ1. เพ่ือให้นิสติ ไดฝ้ ึกการทางานร่วมอย่างเปน็ ระบบและมแี บบแผน2. ได้ทราบถึงพระอัจฉรยิ ภาพทางด้านศลิ ปะ ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดชรชั กาลท9่ี3. ได้เผยแพร่ประวตั แิ ละพระอจั ฉริยภาพทางด้านศลิ ปะ ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่9ให้แก่นิสิต บุคลากร หรือประชาชน ออกไปในวงกว้าง4. ได้นาความรู้ท่ีไดจ้ ากการศึกษา ไปปรับใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม1.4 ขอบเขตการศึกษา1. การศึกษาครง้ั น้ี ศึกษาเฉพาะเร่ืองด้านศลิ ปะวรรณกรรมของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช เช่น พระราชนิพนธ์ พระปรชี าด้านดนตรี2. การศึกษาครง้ั นี้ ไดศ้ ึกษาหัวข้อ จติ รกรรม, ประติมากรรม, ภาษาและวรรณกรรม, ดรุ ิยางคศิลป์และดนตรี หัตศิลป์ และการถ่ายภาพ1.5 ข้นั ตอนการดาเนินงาน 1. ไดร้ บั หัวข้อท่ีจะต้องศึกษา 2. ศึกษาและคน้ ควา้ ข้อมลู เก่ียวกับหวั ข้อท่ีไดร้ บั จากแหลง่ ข้อมูลทางอนิ เทอรเ์ น็ต ว่ามีเน้อื หา มากน้อยเพียงใดและตอ้ งศึกษาคน้ คว้าเพ่ิมเติมเพียงใดจากการยืมหนังสอื ทีห่ ้องสมุด
23. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทัง้ หมดและนามาวเิ คราะห์ สังเคราะห์ จนไดเ้ นอื้ หาของรายงานที่สมบูรณ์4. นาเสนอความกา้ วหน้าของรายงานและโครงเร่ืองต่ออาจารยป์ ระจาวิชา ซง่ึ อาจารย์ไดใ้ ห้ ข้อเสนอแนะต่าง ๆ เกยี่ วกับการจัดทาเนอ้ื หาและการนาเสนอท่นี ่าสนใจ เหมาะสมกับหวั ข้อ ท่ไี ดร้ บั มา5. จัดทาส่อื การนาเสนอในรูปแบบ Power Point โดยมีการใช้ Infographic เพอ่ื ให้มีเนอ้ื ความ กระชบั เข้าใจง่ายและนา่ สนใจ6. จดั ทารปู เล่มรายงาน7. จัดทาสอื่ วดิ ีโอทีจ่ ะใช้ในการนาเสนอ8. นาเสนอโครงงานต่ออาจารย์1.6 แผนการดาเนนิ งาน ระยะเวลาในการดาเนนิ งาน/สัปดาหท์ ่ี ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน กนั ยายน ตุลาคม พฤศจิกายนไดร้ ับหวั ขอ้ ท่จี ะศกึ ษา 3412341234ศกึ ษาและคน้ คว้าข้อมลูเก็บรวบรวมขอ้ มูลนาเสนอความกา้ วหนา้ ของรายงานและโครงเร่ืองจัดทาส่อื การนาเสนอในรปู แบบPower Pointจดั ทารูปเลม่ รายงานจัดทาสือ่ วดิ โี อทจ่ี ะใช้ในการนาเสนอนาเสนอโครงงาน บทที่ 2 หลกั การและทฤษฎี2.1 การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศความหมายการสบื ค้นข้อมูลสารสนเทศ การสบื คน้ สารสนเทศ (Information retrieval) คอื กระบวนการค้นหาสารสนเทศทีต่ อ้ งการ โดยใช้เครือ่ งมือสืบค้นสารสนเทศทสี่ ถาบนั บริการสารสนเทศจัดเตรยี มไว้ให้ การสบื คน้ สารสนเทศ แบง่ ออกเป็น 2 วธิ ี คือ
3 1. การสบื คน้ สารสนเทศดว้ ยระบบมือ (Manual system) 2. การสบื ค้นสารสนเทศดว้ ยระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer system) การสืบคน้ สารสนเทศด้วยระบบมือ สามารถกระทาได้โดยผ่านเครือ่ งมือหลายประเภท เช่นบัตรรายการ บตั รดรรชนี วารสาร บรรณานกุ รม เปน็ ต้น ในที่นจี้ ะกล่าวถึงเฉพาะบตั รรายการและบตั รดรรชนวี ารสารเทา่ นน้ั การสบื คน้ สารสนเทศด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถกระทาไดโ้ ดยผา่ นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในการค้นหาขอ้ มลู จากฐานข้อมลู ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ 1.ฐานข้อมูลโอแพก็ 2.ฐานขอ้ มลู ซดี ีรอม 3.ฐานข้อมลู ออนไลน์ 4.ฐานขอ้ มลู บนอินเทอรเ์ น็ต2.2 วิธกี ารสืบค้นข้อมูลทางอนิ เทอรเ์ น็ตการสืบค้นข้อมลู ทางอนิ เทอรเ์ นต็ ดว้ ยการใช้ Search EngineSearch Engine จะมหี น้าท่รี วบรวมรายช่ือเว็บไซตต์ ่าง ๆ เอาไว้ โดยจดั แยกเป็นหมวดหมู่ ผใู้ ชง้ านเพยี งแต่ทราบหัวข้อท่ตี ้องการค้นหาแล้วป้อน คาหรือข้อความของหัวขอ้ น้นั ๆ ลงไปในช่องที่กาหนดคลกิ ปมุ่ ค้นหา เท่าน้นั ข้อมูลอย่างย่อ ๆ และรายช่อื เว็บไซตท์ เ่ี ก่ียวข้องจะปรากฏใหเ้ ราเข้าไปศึกษาเพม่ิ เติมได้ทันทีSearch Engine แต่ละแห่งมีวิธกี ารและการจดั เก็บฐานข้อมูลท่ีแตกต่างกันไปตามประเภทของSearch Engine ทแี่ ต่ละเวบ็ ไซตน์ ามาใชเ้ ก็บรวบรวมข้อมลู ดังนัน้ การท่ีจะเขา้ ไปหาข้อโดยวธิ ีการSearch นน้ั อยา่ งนอ้ ยเราจะตอ้ งทราบวา่ เวบ็ ไซตท์ ีจ่ ะเขา้ ไปใช้บริการ ใช้วิธีการหรอื ประเภทของSearch Engine อะไร เนื่องจากแต่ละประเภทมีความละเอียดในการจัดเกบ็ ข้อมลู ตา่ งกนั ไปตัวอยา่ งเว็บไซต์ที่ใหบ้ รกิ าร Search Engine - http://www.google.co.th - http://www.yahoo.com - http://www.geocities.com ซ่งึ มจี านวนเว็บมากมาย ใหค้ ้นหาข้อมูลเอง - http://www.siamguru.com เปน็ เวบ็ ของคนไทย - http://www.sanook.com เปน็ เว็บของคนไทย
4 บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนินโครงงาน3.1 วิธที ใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาค้นควา้ วิธที ี่ใชใ้ นการศึกษาค้นควา้ เพื่อดาเนนิ โครงการ ใช้วธิ ีการวิจัยแบบเอกสาร3.2 ลกั ษณะของขอ้ มลู การเลอื กข้อมลู และเหตุผลในการเลอื ก ลักษณะของข้อมลู เปน็ ขอ้ มแบบทุตยิ ภูมิ เลอื กข้อมลู จากความรู้เรอื่ งของการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของสาระสนเทศ โดยพิจารณาในประเด็นของความสอดคล้องกบั เนือ้ หาที่ตอ้ งการ ความสะดวกตอ่ การใช้งาน ความน่าเชอ่ื ถือ และความทนั สมัยของเนอื้ หา กล่มุ ของเรามวี ิธีการดาเนนิ งานเปน็ ไปตามข้นั ตอนอยา่ งมรี ะบบ เร่ิมจากการประชุมวางแผนงานถึงขอบเขตของเน้ือหา การแบ่งหน้าท่ีของสมาชิกตามความเหมาะสม การรวบรวมข้อมลู และคดั กรองข้อมลู ทีจ่ ะนามาใช้ เรยี บเรยี งเนื้อหาของรปู เลม่ รายงาน และการซ้อมนาเสนอก่อนวันจริง3.3 ขั้นตอนในการรวบรวมข้อมลู1. จัดบตั รบันทกึ ใหเ้ ป็นหมวดหมูเ่ รียงลาดับหวั ขอ้ ตามที่กาหนดโครงเรือ่ ง2. วิเคราะห์ขอ้ มูลท้งั ในดา้ นแนวคิดและขอบเขต3. ผทู ารายงานตองศกึ ษาคนควาจนมคี วามเขาใจ แลวเรยี บเรียตามความเขาใจของตนเอง4. การเรียบเรียงตองเปนไปตามรูปแบบของงานเขียนวชิ าการ
55. เน้อื หาของรายงาน ถูกตองสมบรู ณ เนื้อความเปนอนั หน่ึงอนั เดยี วกนั ไดสัดสวน ตามความสาคญัการใชภาษามีความชดั เจน และราบร่นื สละสลวย3.4 วธิ ีการวเิ คราะหข์ อ้ มูล วเิ คราะห์ข้อมลู จากความร้เู รื่องของการวเิ คราะหค์ วามนา่ เช่ือถือของสารสนเทศโดยพิจารณาในประเด็นของ ผแู้ ต่ง ความถูกต้อง วัตถุประสงค์ ความทันสมยั และขอบเขตเนอ้ื หา มาใชใ้ นการเลอื กข้อมูลมานาเสนอ บทท่ี 4 วเิ คราะห์ขอ้ มลูพระอจั ฉริยภาพด้านศิลปะวรรณกรรมของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงไดร้ บั การทลู เกลา้ ทูลกระหม่อมถวายพระราชสมญั ญาวา่ “อัครศิลปนิ ” เนอ่ื งจากทรงพระปรีชาสามารถในงานศิลปะหลายแขนง และทรงนาพระอัจฉริยภาพเหล่านี้มาใชใ้ ห้เป็นประโยชนแ์ กป่ ระชาชนและประเทศตลอดมา ด้วยความสนพระราชหฤทยั ในการถา่ ยภาพ การทรงดนตรี และการวาดภาพ มาตงั้ แต่คร้ังยังทรงพระเยาว์ รวมท้งั พระปรีชาสามารถทางภาษาศาสตรท์ ที่ รงศึกษามาอยา่ งตอ่ เน่ือง พระบาทสมเด็จพระเจ้าหวั ทรงสรา้ งสรรค์ผลงานถ่ายภาพฝพี ระหัตถ์ ผลงานจิตรกรรมและประติมากรรมฝพี ระหัตถ์ ผลงานจติ รกรรมและประตมิ ากรรมฝีพระหตั ถ์ ผลงานเพลงพระราชนิพนธ์ที่ทรงคณุ ค่าเปน็ ที่ยอมรับในนานาประเทศ ด้วยทรงสรา้ งศิลปกรรมทุกแขนงเพอ่ื พระราชทานเป็นของขวัญ ใหเ้ ปน็ ขวญั และกาลังใจแก่ประชาชน ในฐานะ “อัครศลิ ปนิ ” พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ทรงงานศิลปะอย่างมแี บบแผนและทรงพัฒนาขนึ้ตามลาดับทรงศกึ ษาคน้ ควา้ การฝกึ ฝนทักษะ การทดลองและแสวงหาแนวทางเฉพาะพระองคเ์ ปน็ผลงานฝีพระหตั ถ์และงานพระราชนิพนธม์ คี วามโดดเด่นเป็นพิเศษ ทรงพระราชนิพนธบ์ ทเพลงไว้ถึง73 เพลง ทรงพระราชนพิ นธ์แปลหนงั สือทมี่ ีสารประโยชนท์ ค่ี นไทยร้จู ักกันทว่ั ไป 2 เรื่องคือ “ตโิ ต”และ “นายอนิ ทรผ์ ูป้ ิดทองหลังพระ” และทรงพระราชนิพนธข์ ้ึนจากนิทานชาดกอีก 1 เรอื่ งคือ “พระมหาชนก” ดา้ นผลงานฝพี ระหัตถ์ทางทัศนศลิ ป์น้นั ประกอบด้วยภาพจติ รกรรมฝพี ระหัตถ์ 107 ภาพประตมิ ากรรมฝีพระหัตถ์ 2 ช้นิ และภาพถ่ายฝีพระหัตถ์อกี จานวนมากโดยเฉพาะภาพถ่ายฝีพระหตั ถ์ทรงใชเ้ ป็นข้อมูลและทรงใชป้ ระกอบพระราชอธิบายแนวพระราชดารทิ เ่ี ก่ียวกบั โครงการพัฒนาและ
6การแก้ปัญหาตลอดมา นอกจากงานจติ รกรรมประติมากรรมและถ่ายภาพ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวทรงพระปรชี าสามารถในงานทเี่ กีย่ วข้องกับศิลปะคอื คือ การออกแบบ ทรงใช้เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ออกแบบตวั อักษรภาษาไทยหลายแบบรวมท้งั อกั ษรเทวนาครี ออกแบบภาพประกอบในหนงั สือพระราชนิพนธเ์ ร่อื ง “พระมหาชนก”ในงานพระราชนิพนธ์บทเพลง ทรงพระราชนิพนธ์ตามความเหมาะสมของการนาไปบรรเลง(เพลงประจามหาวิทยาลยั และเพลงมารช์ ของหนว่ ยทหารต่างๆ)หรือตามพระราชอัธยาศยั (เพลงทวั่ ไป)ในงานพระราชนิพนธ์แปลและพระราชนิพนธห์ นังสือนั้นทรงคานึงถึงสาระประโยชนท์ ีผ่ ูอ้ ่านจะได้รบั ทรงเลือกสรรถ้อยคาและการสื่อความหมายท่ีเรยี บง่ายรว่ มสมยั เพ่ือให้สาระประโยชน์ทที่ รงมพี ระราชประสงค์ใหผ้ ู้อา่ นได้รับน้นั มีความหมายไม่ผดิ เพีย้ นไปในงานภาพถ่ายพระองคท์ รงคานึงถึงความงามของภาพโดยมีความหมายและความแปลกใหม่ยังทรงใช้ประโยชนจ์ ากภาพถ่ายเปน็ อย่างมากในการทรงงานวางแผนโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ งานจติ รกรรมและประติมากรรมเป็นงานท่ที รงเริ่มตน้ จากภาพเหมือนและพฒั นาปเปน็ งานในแนวนามธรรมทแ่ี สดงดดกอย่างอิสระและมีลักษณะโดดเดน่ เฉพาะพระองค์ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวทรงมพี ระมหากรุณาธิคุณยิ่งต่อผู้ทางานศิลปะทุกแขนงท้ังงานแบบแผนประเพณี และงานศิลปะแบบสากล ได้แก่ งานสถาปตั ยกรรม งานทศั นศลิ ป์ งานวรรณกรรมและดนตรี ทรงพระราชทานความเข้าใจและค่านยิ มท่ีถูกต้องเก่ียวกบั ความเปน็ วชิ าชพี ท่ีมีเกยี รติในสังคม เช่นเดยี วกับศลิ ปนิ ในประเทศตะวนั ตก ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ รับสมาคมและองค์กรท่ีเกี่ยวขอ้ งกับศิลปะและวัฒนธรรมไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ 4.1 จิตรกรรม คาประกาศราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลย เดชฯ ศลิ ปะศาสตรด์ ุษฎีบัณฑติ กติ ตมิ ศักด์สิ าขาวชิ าศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิ โรฒพุทธศักราช 2537 พระราชกรณียกิจทางด้านทัศนศิลป์ ดุริยางคศิลป์ และศิปะการถ่ายภาพ พระวิริยะอุตสาหะ และแบบแผนการสร้างสรรค์งานด้านศิลปะที่ได้ทรงสร้างขึ้น เป็นแบบแผนอันงดงามสาหรับ ศลิ ปินและประชาชนท้ังปวง สมดังพระราชสมัญญา “อัครศิลปิน”พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระปรีชาญาณและผลงานด้านจิตรกรรมอันทรงคุณค่า ทรงมุ่งม่ันสร้างสรรค์ผลงานด้าน จิตรกรรม ปรากฏผลงานด้านจิตกรรมท่ีทรงคุณค่าจานวนถึง 107ภาพ ทั้งภาพเหมือนภาพ นามธรรม ภาพธรรมชาติ ภาพชีวิตและจินตนาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเช่ียวชาญ ด้านจิตรกรรม ทรงเร่ิมวาดภาพเม่ือพุทธศักราช 2502 ภาพวาดฝีพระหัตถ์เป็นแบบภาพเหมือน โดยทรงศึกษาและเขียนจากต้นแบบจริงต่อมาระหว่าง พุทธศักราช 2505-2507 ผลงาน จิตรกรรมฝีพระหัตถ์ท่ีมีลักษณะการตัดทอนรูปทรงจากแนวเหมือนจริง(Realistic)เป็นการเขียน แบบไมย่ ึดติดรูปแบบทเี่ หมอื นจรงิ พทุ ธศักราช 2508 - 2510 ลกั ษณะงานเปน็ แบบแสดงออกถึง รูปทรง (Figurative) และไร้รูปทรงหรือนามธรรม (Abstraction) ตลอดจนก่ึงนามธรรม (Semi – Abstraction) และในระยะต่อมาทรงเร่ิมเขียนแบบฉับพลัน ที่เรียกว่า แบบเอ็กเพรสชันนิสซ่ึม (Expressionism) เมื่อพุทธศักราช 2506 ได้พระราชทานภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ร่วมแสดงใน งานศิลปกรรมแห่งชาติคร้ังท่ี 14 เป็นการแสดงนิทรรศการภาพฝีพระหัตถ์ครั้งแรกของพระองค์
7ต่อมาเม่ือพุทธศักราช2525 ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์จานวน 47 องค์ ไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และเมื่อพุทธศักราช 2549 ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รัฐบาลเชิญผลงานจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ไปจัดแสดง ณ ห้องพระอัจฉริยภาพในการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเน่อื งในโอกาสฉลองสริ ริ าชสมบตั ิ ครบ 60 ปี ที่ อมิ แพคเมอื งทองธานี เทคนคิ ที่พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวทรงใช้ในการเขียนภาพคือ เทคนิคสีนา้ มนั บนผ้าใบ ภาพเขียนเหมือนจริงที่ทรงเขียนส่วนใหญ่จะเป็นและทูลกระหม่อมทุกพระองค์ นอกจากภาพดังกล่าวแล้ว พระองค์ท่านยังทรงเขียนภาพอ่ืน ๆ อีก อาทิเช่น ภาพสมเด็จพระบรมราชชนก ภาพครอบครวั ภาพพระสาทสิ ลกั ษณข์ องสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินนี าถเปน็ ตน้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัยทางด้านทัศนศิลป์อย่างกว้างขวางและลุ่มลึก ท้ังด้านจิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปะถ่ายภาพ รวมท้ังศิลปะงานช่างโดยเฉพาะอย่างย่ิง งานทางด้านจิตรกรรม ทรงสร้างสรรค์จิตรกรรมไว้ถึง 107 ภาพท้ังภาพเหมอื น ภาพนามธรรม ภาพธรรมชาติ ภาพชีวิต และภาพจินตนาการ ผลงานจิตรกรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแสดงความเป็นศิลปะร่วมสมัย (Modernism)ช่วงต้นครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 10 อยา่ งแทจ้ รงิ รปู ท่ี 1 ภาพพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวและภาพเขยี นฝีพระหตั ถ์ ทีม่ า : http://www.wtfintheworld.com/2016/10/24/ภาพเหมือน( Portrait )ภาพเหมอื นฝีพระหัตถท์ เ่ี ป็นสีน้ามันมไี ม่นอ้ ยกว่า 30 ภาพ ภาพเหมอื นแนวเรียลสิ ม์ (Realism) เปน็ ภาพฝพี ระหัตถ์ที่มุ่งเน้นแสดงความเหมือนอย่าง
8ศลิ ปะสจั นยิ มเปน็ ด้านหลัก เชน่ ภาพสมเดจ็ พระราชบดิ า(2540) ภาพสมเด็จพระนางเจา้ ฯพระบรมราชนิ นี าถ (2540)เปน็ ต้น รปู ท่ี 2 ภาพสมเดจ็ พระบรมราชชนก ท่ีมา : https://www.dek-d.com/board/view/3695434/ ภาพสมเด็จพระราชบิดา ขนาด 38.5x28.5 ซม.เปน็ ภาพที่ใชส้ ีตามธรรมชาติ (Local colors)สอี อกน้าตาลหรอื เอิรธ์ โทนให้ความรูส้ ึกเปน็ ธรรมชาติ คล้ายแนวทางทางธรรมชาตินิยม(Naturalism)ทรงระบายสบี างเรยี บจนสามารถมองเหน็ พื้นผา้ ใบ ในบางพื้นทส่ี หี นา บรเิ วณแสงเดน่แสดงแสงเงา กายวิภาค และมวลสารของรปู ทรงได้อย่างสวยงาม
9 รูปท่ี 3 ภาพพระสาทสิ ลกั ษณ์ของสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ ท่มี า : https://www.dek-d.com/board/view/3695434/ 4.2 ประตมิ ากรรม ศลิ ปกรรมสาขาประติมากรรมเป็นศิลปะสาขาหนึ่งซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัว ทรงมคี วามสนพระราชหฤทยั ยิ่ง พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้าเทคนิควิธกี ารตา่ งๆ ด้วยพระองค์เอง ทง้ั การป้ัน การหล่อ และการทาแม่พมิ พ์ โดยมนี ายไพฑรู ย์ เมอื งสมบรู ณ์ ข้าราชการบานาญกอง หัตถศิลป์ กรมศิลปากร เปน็ ผู้ใกล้ชดิ เบ้อื งพระยุคลบาทในงานด้านประตมิ ากรรม รูปท่ี 4 ภาพนายไพฑูรย์ เมืองสมบรู ณ์ทีม่ า:http://www.rama9art.org/artisan/artdb/artists/home.php?p=profiles&name=Paitun%20Mungsomboon งานประติมากรรมฝีพระหตั ถ์ท่เี ป็นประติมากรรมลอยตัว (Round Relief) ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว ไดแ้ ก่ - รปู ปนั้ ผูห้ ญิงเปลอื ยคกุ เขา่ ความสงู 9 นิ้ว ทรงป้ันด้วยดนิ นา้ มัน - พระรูปป้ันสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ นี าถ ครึง่ พระองค์ ความสงู 12 นว้ิ ทรงปั้น ด้วยดนิ นา้ มัน - นอกจากงานประติมากรรมดังทก่ี ลา่ วมาแล้วนี้พระองค์ท่านยงั ทรงสนพระราชหฤทยั ในการ สรา้ งพระพทุ ธรปู ซงึ่ พระพทุ ธรูปองคแ์ รกท่ีทรงใหส้ ร้างคือ พระพุทธรปู ปางประทานพร ภ.ป.ร. ซึ่งสรา้ งขึ้นเปน็ ครั้งท่ี 2 โดยมพี ระราชประสงคใ์ หแ้ ก้ไขพุทธลกั ษณะจากการสรา้ งครง้ั ท่ี 1 ของวดั เทวสงั ฆาราม จงั หวัดกาญจนบรุ ี เน่ืองจากพระองคไ์ ม่ทรงพอพระราชหฤทัยในพระพทุ ธลกั ษณะ ท่เี ปน็ แบบเดิม โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้ เปน็ ผู้ป้ัน และมอบหมายให้นายไพฑูรย์ เมือง สมบรู ณ์ เป็นผู้รับผิดชอบ
10 รปู ที่ 5 พระพทุ ธรปู ปางประทานพร ภ.ป.ร. ที่มา : http://amuletacademy.com/web/relic_detail.php?id=533 รปู ท่ี 6 พระสมเด็จจิตรลดา ที่มา : http://amuletacademy.com/web/relic_detail.php?id=533พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั ทรงมแี นวพระราชดาริวา่ พระพุทธรูปปางประทานพร ภ.ป.ร. ควรมลี กั ษณะสง่างาม เข้มแขง็ แตไ่ มแ่ ข็งกระดา้ ง และให้มีความรูส้ ึกทีว่ ่าเป็นท่ีพึง่ เหลา่ พสกนิกรเพ่ือใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชประสงค์ จงึ ไดม้ ีการแก้ไขเปล่ยี นแปลงแบบพระพุทธรูป โดยส่วนฐานของพระพุทธรปู จะเปน็ กลบี บัว ใต้กลีบบวั เปน็ ขาสิงห์ ท่ผี า้ ทิพยป์ ระดษิ ฐานอกั ษรพระปรมาภไิ ธยย่อว่า ภ.ป.ร. และที่ฐานรองพทุ ธบลั ลงั กม์ ีอักษรบาลีจารึกว่า “ ทยยชาตยิ า สามคคยิ ์สตสิ ญชนเนนโภชสิ ยิ รกขนตุ ิ ” และบรรทัดถัดมาเป็นอกั ษรไทยจารึกวา่ “ คนไทยจะรกั ษาความเป็นไทย อยู่ได้ด้วยมีสติสานึกในความสามัคคี ” ฐานด้านหลังจารกึ ว่า “ เสด็จพระราชดาเนนิ ในพิธีหล่อ ณ วัดบวรนิเวศวหิ าร เม่ือวนั ท่ี 29 สิงหาคม พ.ศ. 2508 ” พระพุทธรปู อีกองค์หน่ึงทีพ่ ระองค์ท่พี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ทรงมพี ระราชดารใิ ห้สรา้ งคอื “ พระพทุ ธนวราชบพติ ร ” เปน็ พระพุทธรูปปฎิมาแบบพเิ ศษ ปางมารวชิ ัยโดยให้แกะแบบแมพ่ ิมพ์ด้วยหนิ ลับมีดแลว้ หล่อเปน็ ปนู ปลาสเตอร์ ต่อมาภายหลังได้ทาแม่พิมพ์ด้วยขีผ้ ึ้งและทรงบรรจผุ งศกั ด์ิสทิ ธ์ิจากปชู นียสถานตา่ งๆ ท่ัวประเทศภายในพระพิมพ์ พระองคท์ รงมพี ระราชดาริให้บรรจุพระพมิ พข์ นาด 2x3 เซนตเิ มตร ไว้ที่ฐานบัวหงายด้านหน้าขององคพ์ ระพุทธนวราชบพติ ร พร้อมทั้งทรงพระราชทานแก่ขา้ ราชการ ข้าราชบริพารและบุคคลตา่ งๆ เพื่อไว้สักกะบชู าโดยให้ผ้รู ับพระราชทานนาไปปิดทองทีด่ า้ นหลงั องค์พระพมิ พ์ และให้พระบรมราโชวาทโดยสรปุ วา่ “ ให้ทาดีเหมอื นกับการปดิ ทองหลังองคพ์ ระพิมพ์ ” โดยเรียกวา่ “ พระสมเดจ็ จิตรลดา” หรอื “ พระกาลังแผน่ ดิน ”4.3 ภาษา และวรรณกรรม
11ภาษาพระราชกรณยี กิจดา้ นการอนรุ กั ษภ์ าษาไทยพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว มีพระราชดาริในเรือ่ งภาษาไทยและการใชภ้ าษาไทยที่ก่อใหเ้ กดิความตืน่ ตัวในการอนุรักษ์ภาษาไทยให้มีแบบแผนไมผ่ ิดเพี้ยนไปตามความสะดวกหรือตามความพอใจของผู้ใชภ้ าษา ทรงมีพระราชดารสั ถงึ ภาษาไทยซ่ึงเป็นเอกลกั ษณ์ของชาติท่ีเร่ิมมีการปรับตวั เข้ากบั ภาษาและวฒั นธรรมต่างชาติ ภาษาเปน็ ส่งิ สาคญั สาหรบั บา้ นเมอื ง ขอใหร้ ่วมมือช่วยกนั รักษามาตรฐานของภาษาไว้ อย่าให้ทรดุ โทรมในด้านการใชถ้ ้อยคาหรอื คาท่ีคิดข้นึ ใหม่ ขอใหพ้ ยายามนึกถึงคาเกา่ ๆในภาษาไทยของเราไวบ้ า้ ง คาเกา่ ๆน้มี ีอยู่แลว้ ขอให้พยายามรักษาไวแ้ ละใชใ้ หถ้ ูก คาที่สรา้ งข้นึ มาใหม่ขอให้กันคิดใหด้ ี ขออย่าใหค้ ิดใหม่ให้ฟมุ่ เฟือยนักจะคดิ ก็ขอใหค้ ิดเท่าที่จาเป็นจรงิ ๆ ความเจรญิ และความงอกงามของภาษานนั้ ย่อมมีเป็นของธรรมดา ขอให้ชว่ ยกนั ระวงั รกั ษา อยา่ ให้ภาษางอกเป็นมะเร็ง จะทาใหเ้ กิดความเสียหายข้ึนได้ ในดา้ นการตัดทอนภาษากเ็ ช่นเดียวกนั ขอให้ชว่ ยกนั ทาดว้ ยความระมดั ระวัง เพราะการตัดทอนภาษาก็เปน็ เชน่ เดยี วกับการผา่ ตัด จะต้องเป็นผู้มีความรู้ดเี หมอื นหมอรักษาโรคทรงมีแนวพระราชดาริท่เี กีย่ วกับการอนุรกั ษ์และใชภ้ าษาไทยว่าเป็นเครอื่ งมือในการสื่อสารของคนในชาติ เป็นรากฐานของวัฒนธรรม ทรงหว่ งใยการใชภ้ าษาไทยทใี่ ช้ตามความสะดวกของผใู้ ช้จนอาจผดิ เพ้ยี นไปและทรงบาเพ็ญพระราชกรณยี กิจตามแนวพระราชดาริน้นั ดว้ ยการท่ีทรงตักเตอื นและทรงชีแ้ นะให้ตระหนกั ในความสาคญั ของการอนุรกั ษ์ภาษาไวด้ ้วยการเป็นแบบอยา่ งทดี่ ี พระราชดารัสและพระบรมราโชวาทในวโรกาสต่างๆ เป็นท่ีประจักษช์ ดั ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอจั ฉริยภาพในการใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังเช่นพระราชดารัสทพ่ี ระราชทานแก่นักธรุ กจิ และนกั หนังสือพิมพใ์ นนวิ ยอรก์ เม่ือเสด็จพระราชดาเนินไปประเทศสหรฐั อเมรกิ า เม่ือ พ.ศ.2510 ดังนี้ “… การแพร่ขา่ วโดยขาดความระมัดระวงั หรือแม้แต่คาพูดตา่ ง ๆ เพยี งนิดเดียวก็สามารถจะทาลายงานทผี่ ู้มีความปรารถนาดที ัง้ หลายพยายามสร้างไว้ด้วยความยากลาบากเป็นเวลาแรมป.ี ..เหมือนฟองอากาศนดิ เดียว ถ้าเข้าไปอยูใ่ นเส้นเลือดก็จะสามารถปลดิ ชีวติ คนได้ท้งั คน และนา้ ตาลหวาน ๆ ก้อนเล็กนิดเดียว ถ้าใสล่ งในถงั น้ามันรถ ก็จะทาให้เครื่องจักรดี ๆ ของรถเสียได้โดยสิน้ เชิง... ” จากพระราชดารสั น้ีพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั ทรงอุปมา คาพดู เล็กๆ “น้อย ๆ”เปรียบเทยี บกบั “ฟองน้า” และ “นา้ ตาล ” ว่าสามารถทาลายสิง่ ท่สี ร้างมาด้วยความยากลาบากได้ เช่นเดียวกันกบั ฟองอากาศและนา้ ตาลแม้จะเป็นสิ่งเลก็ ๆ น้อย ๆ แต่ถา้ ฟองอากาศเข้าไปอยู่ในเสน้ เลือด และน้าตาลเขา้ ไปอยใู่ นเคร่ืองยนต์แลว้ ท้ังเครื่องยนต์และเส้นเลือดกจ็ ะถกู ทาลายลงได้ นอกจากนัน้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั ทรงศกึ ษาภาษาละตนิ ทรงสนพระทัยเกย่ี วกับเรอ่ื งศัพท์ ท่ีมาของศพั ท์ และรากศัพท์ อีกทงั้ ยังสนพระทยั และค้นควา้ เกี่ยวกับศพั ทภ์ าษาบาลแี ละ
12สันสกฤต เพราะทรงเข้าพระทยั วา่ หากเข้าใจศัพทแ์ ละท่ีมาของศัพทแ์ ลว้ จะช่วยให้เขา้ ใจความหมายของธรรมะได้อย่างลึกซึ้งย่งิ ขน้ึ อกี ท้ังพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวภมู ิพลอดลุ ยเดช ทรงใช้ภาษาในดา้ นการพระราชนพิ นธ์รอ้ ยกรองคาอวยพรปีใหม่ มอบแด่พสกนิกรชาวไทยท้ังประเทศซ่ึง ส.ค.ส. ฉบับแรกปี พ.ศ. 2529เพื่อเปน็ ส.ค.ส. พระราชทานปี พ.ศ. 2530 โดยพระราชทานให้แกห่ น่วยงานและเจ้าหนา้ ท่ีผเู้ ก่ยี วขอ้ งท่ีทางานรบั ใชใ้ ตเ้ บื้องพระยคุ ลบาท โดยทรงพิมพจ์ ากคอมพวิ เตอร์และส่งแฟกซ์พระราชทานไปยงั หนว่ ยงานโดยท่ัวถงึ กนั ส.ค.ส. พระราชทานแตล่ ะปี จะประมวลจากเหตุการณ์บา้ นเมืองในรอบ 1 ปที ่ีผ่านมา ด้วยถอ้ ยคาที่สนั้ ๆ แต่มากดว้ ยคณุ คา่ ทรงเนน้ ในการเตือนและให้กาลังใจในการตอ่ สู้กับอปุ สรรคตา่ ง ๆ ซึ่ง ส.ค.ส. สว่ นใหญล่ ว้ นเป็นสขี าว – ดา ท้ังสิ้น รปู ท่ี 7 ส.ค.ส. พระราชทาน ท่มี า : https://www.posttoday.com/social/royal/460571วรรณกรรม ตลอด 70 ปที ่ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครองสิรริ าชสมบตั มิ าน้ันนอกจากจะทรงอุทิศพระวรกายทรงงานอย่างไมร่ ้จู กั เหนด็ เหนอ่ื ยเพื่อบาบัดทุกข์บารุงสุขปวงชนชาวไทยแลว้ พระองค์ยงั ทรงมีพระปรชี าสามารถดา้ นภาษาและวรรณกรรม โดยมีงานพระราชนพิ นธ์ออกมาอย่างมากมายซ่ึงแสดงใหเ้ หน็ ถึงพระอจั ฉริยภาพดา้ นนข้ี องพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชมพี ระบรมราโชวาทพระราชทานแก่คณะกรรมการสมาคมนกั เขียนแหง่ ประเทศไทย ณ พระตาหนกั จติ รลดารโหฐาน วันศุกรท์ ่ี 3 พฤศจิกายน 2515 ความว่า “นกั เขียน นักประพนั ธ์ งานสาคัญก็คือ แสดงความคิดของตนออกมาเปน็ เร่ืองชีวติ หรอื เรอ่ื งแต่งขน้ึ มา เพ่ือใหผ้ ู้อนื่ ไดป้ ระโยชน์ คอื ความร้บู ้าง บันเทิงบ้าง นกั แสดงความคดิ สาคัญมากเพราะว่ามีอิทธิพลตอ่ ชีวิตของมวลมนษุ ย์ อาจทาให้เกิดความคลอ้ ยตามไป และตัวท่านเขียนดกี ็ย่งิ คลอ้ ยตามกันมาก ฉะนัน้ นักประพันธ์ตอ้ งมคี วามรับผดิ ชอบสูง เพราะท่านเปน็ ผปู้ ัน้ ความคดิ
13และความบรสิ ุทธิใ์ นความคดิ จึงเปน็ เร่ืองท่สี าคญั ดงั บทความกล่ันกรองไวใ้ นสมองวา่ ส่ิงทจี่ ะเขยี นออกมาจะไมแ่ สลง ไมท่ าลายความคดิ ของประชากร ไมท่ าลายผู้อืน่ และตนเอง คอื มีเสรภี าพในการเขียนอยา่ งเตม็ ทใี่ นขอบเขตของศีลธรรม” พระองค์ทรงมีพระราชนิพนธท์ ั้งงานแปลและทที่ รงพระอักษรเองรวมท้ังสิ้น 7 เรอ่ื ง ซ่ึงลว้ นแตเ่ ปน็ หนังสือท่ีประทบั อยู่ในใจของปวงชนชาวไทยตลอดมาดว้ ยเน้ือหาสาระทแี่ ฝงข้อคิดไวผ้ า่ นภาษาแห่งเร่ืองเล่าทีง่ ดงามสละสลวย พระราชนิพนธเ์ ร่ืองแรกคือ “พระราชานกุ จิ รชั กาลท่ี 8” ซ่ึงพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช พระราชนิพนธเ์ ร่อื งนต้ี ามคากราบบงั คมทูลขอพระราชทานของ หม่อมเจ้าหญิงพูนพศิ มัย ดิศกุล เพื่อให้พระราชานุกิจกรุงรตั นโกสินทรค์ รบแปดรชั กาล โดยพระราชนิพนธ์เร่ืองนี้อยู่ในเรื่อง “พระราชานกุ จิ ” ซ่ึงทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ิมพ์พระราชทานในการพระราชกุศล 100 วนั พระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระราชานุกจิ นัน้ หมายถึงกาหนดเวลาท่ีพระเจ้าแผ่นดินจะทรงประพฤติพระราชกิจต่างๆ เป็นประจาทกุ วนัเป็นการสว่ นพระองค์ โดยปรากฏอยใู่ นกฎมนเทยี รบาลตงั้ แตค่ รัง้ รัชกาลสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ซึ่งแสดงถึงพระปรีชาญาณดา้ นภาษาไทยของพระองคต์ ้ังแต่ยังทรงพระเยาว์ เรอ่ื งต่อมาคือ “เมือ่ ขา้ พเจา้ จากสยามมาส่สู วิตเซอร์แลนด์” พระราชนิพนธเ์ ร่ืองนต้ี ีพมิ พ์ครง้ัแรกในหนังสอื รายเดอื น วงวรรณคดี ฉบบั ประจาเดือนสิงหาคม พ.ศ.2490 โดยเปน็ บันทกึ ทีพ่ ระราชนิพนธข์ นึ้ ในชว่ งเวลาเสดจ็ พระราชดาเนินเพ่อื กลบั ไปศึกษาต่อที่ประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์อีกครงั้ เมือ่ วนั ที่ 19 สงิ หาคม พ.ศ.2489 หลงั จากทพี่ ระองคเ์ สดจ็ ข้นึ ครองราชย์เม่ือวันที่ 9มิถุนายน พ.ศ.2489 โดยทรงบันทึกเปน็ เรื่องราวการเดนิ ทาง แสดงถงึ ความรู้สกึ ของพระองค์ที่หว่ งใยพสกนิกรอย่างยิ่ง รวมถึงเหตุการณ์ท่ที รงพบเจอ เร่อื งที่ 3 คือ “นายอินทร์ผ้ปู ิดทองหลงั พระ” ซึ่งเป็นพระราชนพิ นธแ์ ปลเม่ือ พ.ศ.2537 โดยทรงแปลจากตน้ ฉบบั ภาษาองั กฤษเร่ือง “A MAN CALLED INTREPID” บทประพนั ธ์ของ เซอรว์ ิลเลยี ม สตเี ฟนสัน ซึ่งทรงใช้ระยะเวลาในการแปลถึง 3 ปี เป็นเรื่องราวเกย่ี วกับ “นายอนิ ทร์”หรอื “INTREPID” เปน็ ช่ือรหัสของ เซอรว์ ิลเลยี ม สตเี ฟนสัน ซ่งึ เป็นหัวหน้าหนว่ ยราชการลบัอาสาสมคั รของอังกฤษ ในระหวา่ งสงครามโลกครั้งที่ 2 ซ่ึงมหี น้าท่ลี ว้ งความลับทางทหารของเยอรมนั เพอื่ รายงานต่ออังกฤษและสหรัฐอเมริกา เพอื่ ร่วมกันต่อต้านการขยายอานาจของนาซีโดยนายอนิ ทรแ์ ละผรู้ ่วมงานถือเป็นตัวอย่างของผูก้ ลา้ ทยี่ อมอุทิศชีวิตเพ่ือความถูกต้อง ยุติธรรมเสรภี าพ และสนั ติภาพ โดยไม่หวังลาภยศสรรเสริญใดๆ เรื่องที่ 4 เป็นพระราชนิพนธแ์ ปลเชน่ กันและตีพิมพ์เมือ่ พ.ศ.2537คือ “ตโิ ต” ซงึ่ ทรงจากต้นฉบบั เร่อื ง TITO ของ ฟิลลิส ออตี้ เพ่ือใชศ้ ึกษาและเรียนรู้บุคคลทน่ี ่าสนใจของโลกคนหนงึ่ คอืตโิ ต หรอื ร้จู กั กนั ในนามของ จอมพลติโต เดมิ ชื่อ โจซบิ โบรซ และเป็นนายกรัฐมนตรีคอมมิวนิสต์คนแรกและประธานาธบิ ดขี องประเทศยูโกสลาเวีย ตโิ ตฟันฝา่ อปุ สรรคทุกวถิ ีทางเพ่ือสร้างความเป็นปกึ แผน่ ใหก้ ับประเทศซึง่ ประกอบดว้ ยหลายชนชาติ มคี วามแตกต่างทางดา้ นเชอ้ืชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และประวตั ศิ าสตร์ และสามารถสร้างความเจรญิ ใหย้ ูโกสลาเวียได้ตลอดชีวิตของเขา
14 เร่ืองที่ 5 คือ พระราชนิพนธ์เรื่อง “พระมหาชนก” ซง่ึ ตีพิมพเ์ มื่อ พ.ศ.2539 โดยมที ั้งภาคภาษาไทยและภาษาองั กฤษอยู่ในเลม่ เดยี วกัน โดยเปน็ เรือ่ งหน่ึงในทศชาตชิ าดก อนั เป็นชาดก10 ชาตสิ ดุ ท้ายก่อนท่ีพระโพธิสัตว์จะมาประสูตเิ ป็นเจ้าชายสทิ ธัตถะและตรัสรู้เป็นพระสมั มาสมัพทุ ธเจ้า ชาดกเร่ืองนเี้ ปน็ การบาเพญ็ ความเพยี รเปน็ บารมี พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดชทรงแปลเปน็ ภาษาองั กฤษตรงจากมหาชนกชาดกและยังทรงแปลเปน็ ภาษาสนั สกฤตประกอบอกี ภาษา รวมท้งั แผนท่ีฝพี ระหัตถ์แสดงสถานที่ตงั้ ทางภูมศิ าสตร์ของเมืองโบราณบางแหง่ และข้อมูลอุตุนยิ มวทิ ยาเกีย่ วกบั ทศิ ทางลม ซง่ึ แสดงถงึ พระปรชี าในด้านอักษรศาสตร์ ภมู ิศาสตร์ และโหราศาสตร์ เร่ืองท่ี 6 คอื “ทองแดง” ซึ่งพระราชนพิ นธเ์ ลม่ นเ้ี ป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษในเล่มเดยี วกัน และเป็นหนงั สือพระราชนพิ นธท์ ่ตี ิดอนั ดับขายดีที่สดุ ของประเทศในปี พ.ศ.2545เนอื้ หาหลักเปน็ เรื่องความกตัญญรู ูค้ ุณของคุณทองแดง สุนัขทรงเลย้ี ง รวมทง้ั ความจงรกั ภักดีความมมี ารยาท และการสง่ั สอนลูกของคุณทองแดง และในพระราชนิพนธ์ได้ทรงยกยอ่ งคุณทองแดงในเร่ืองความกตญั ญรู ู้คุณของคุณทองแดงที่มีต่อแม่มะลิ “ผดิ กบั คนอื่นท่ีเมื่อกลายมาเปน็ คนสาคญั แล้วมักจะลมื ตวั และดหู ม่ินผู้มีพระคณุ ซง่ึ เปน็ คนต่าตอ้ ย” อนั เปน็ ประโยชน์ต่อการดารงชวี ติ และเร่อื งสดุ ท้ายคือ “พระราชดารัส” ซ่งึ เปน็ พระราชนพิ นธ์ทพ่ี ระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช ทรงแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาองั กฤษ โดยรวบรวมพระราชดารัสที่พระราชทานแก่คณะบุคคลทีเ่ ข้าเฝา้ ถวายชยั มงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของทกุ ปี พระองค์ทรงเริ่มแปลพระราชดารสั เรือ่ งนา้ และส่งิ แวดลอ้ มซึ่งมีพระราชดารัสเมอื่ วันที่ 4ธนั วาคม พ.ศ.2532 พระราชดารัสในครงั้ น้ี ไดร้ ับความสนใจจากสหประชาชาติ และมีความประสงค์จะไดร้ ับฉบบั ท่แี ปลเป็นภาษาองั กฤษ ซ่งึ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวได้มีพระมหากรุณาธคิ ุณแปลพระราชดารัสเอง และจากพระราชดารัสก็กลายเป็นพระราชนิพนธเ์ ล่มน้ี พระราชนพิ นธ์ทกุ เรื่องนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงพระปรชี าสามารถด้านวรรณกรรมในพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชแล้วนนั้ ยังแฝงแง่คดิ ทท่ี รงคุณคา่ และมีประโยชนส์ ูงสุดแก่พสกนิกรชาวไทยตลอดมา รูปท่ี 8 ภาพพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวกับพระราชนิพนธ์ ทมี่ า : http://oknation.nationtv.tv/blog/kakalot/2007/12/06/entry-1
15 รปู ที่ 9 พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วัท่ีมา : http://bangkok-today.com/web/%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%92%E0%B9%91-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A/งานแปล ติโต ผลงานแปลช้ินแรกของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั โดยทรงแปลจากหนงั สือ Titoของ Phyllis Auty ในปี พ.ศ. 2519 เพ่อื ให้ขา้ ราชบรพิ ารไดท้ ราบถงึ บุคคลท่นี า่ สนใจคนหน่ึงของโลก ตโิ ต เป็นผ้ทู ี่ทาให้ประเทศยูโกสลาเวยี ทีป่ ระกอบดว้ ยประชาชนจากหลากหลายชนเผา่ มีความแตกตา่ งกนั ทัง้ ในเร่ืองของเชือ้ ชาติ ศาสนา วัฒนธรรมและประวตั ิศาสตร์ สามารถรวมตวักันเปน็ ปกึ แผน่ ยามท่ีประเทศชาติตอ้ งพบกบั ภาวะวกิ ฤติ เพื่อรว่ มกนั รกั ษาความอดุ มสมบูรณ์และความเจริญของประเทศไว้ หนงั สือติโตน้ี ได้จัดพิมพเ์ ป็นเลม่ และวางจาหนา่ ยในปี พ.ศ.2537 เศรษฐศาสตรต์ ามนยั ของพระพทุ ธศาสนา บทที่ 4 เล็กดรี สโต แปลจาก Small is Beautifulโดย E.F.Schumacher หน้า 53-63 นายอนิ ทร์ผูป้ ดิ ทองหลังพระ เปน็ งานแปลช้นิ ท่ีสองของพระองค์ทา่ น โดยทรงแปลจากหนงั สือ A Man Called Intrepid ของ William Stevensonทรงเริม่ แปลหน้าแรกเม่ือ 20 มถิ ุนายน พ.ศ. 2520 และแปลหน้าสดุ ท้ายเมือ่ 23 มีนาคม พ.ศ.2523 โดยใช้เวลาในการแปลรวมทง้ั สิ้น 2 ปี 9 เดือน 3 วัน แต่ไดน้ ามาจัดพิมพ์เพ่ือวางจาหนา่ ยกอ่ นหนังสือตโิ ต ซึง่ ทรงแปลเปน็ เลม่ แรก คือจัดพิมพ์ในปีพ.ศ.2536 บทความที่ทรงพระราชนิพนธ์แปลและเรียบเรียง “ข่าวจากวทิ ยุเพือ่ สันตภิ าพและความก้าวหนา้ ” จาก “Radio Peace and Progress” ในนิตยสาร Intelligence Digest 1 เมษายน พ.ศ. 2518 \"การคืบหน้าของมาร์กซสิ ต\"์ จาก \"The Marxist Advance\" Special Brief
16 \"รายงานตามนโยบายของคอมมนู สิ ต์\" จาก \"Following the Communist Line\" \"ฝันรา้ ยไมจ่ าเปน็ จะต้องเปน็ จริง\" จาก \"No Need for Apocalypse\" ในนิตยสาร The Economist ฉบับลงวันที่ 17 พฤษภาคม พุทธศักราช 2518 \"รายงานจากลอนดอน\" จาก \" London Report\" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบบั ลงวันท่ี 18 มถิ นุ ายน พุทธศักราช 2518 \"ประเทศจนี อย่ยู ง\" จาก \"Eternal China\" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบบั ลงวนั ท่ี 13 สิงหาคม พุทธศักราช 2518 \"ทัศนะนา่ อศั จรรยจ์ ากชลิ หี ลังสมัยอาลเ์ ลนเด\" จาก \"Surprising Views from a Post Allende Chile\" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบับลงวันที่ 20 สงิ หาคม พุทธศกั ราช 2518 \"เขาวา่ อยา่ งน้นั เราก็ว่าอย่างนน้ั \" จาก \" Sauce for the Gander...\" ในนติ ยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบบั ลงวันที่ 20 สงิ หาคม พุทธศกั ราช 2518 \"จีนแดง ตวั้ เฮียค้ายาเสพตดิ แหง่ โลก\" จาก \"Red China Drug Pushers to the World \" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบบั ลงวนั ท่ี 20 สงิ หาคม พทุ ธศกั ราช 2518 \"วรี บุรุษตามสมัยนยิ ม\" จาก \"Fashion in Heroes\" โดย George F. Will ในนติ ยสาร Newsweek ฉบับลงวนั ที่ 6 สงิ หาคม พุทธศักราช 2522 จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว ทรงพระปรชี าสามารถในหลายภาษา ทาใหพ้ ระองค์ ทรงเขา้ พระทยั ในการทจี่ ะพระราชนิพนธ์หรือแปลได้อยา่ งผทู้ เี่ ข้าถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้เขยี น ตน้ ฉบับ สาหรบั พระราชนิพนธแ์ ปล จะทรงแปลตามความมากกวา่ แปลตามคา ดว้ ยเหตุท่ีทรง เลือกสรรถ้อยคาใหส้ อดคล้องกบั วัฒนธรรมทผี่ ูอ้ ่านจะส่ือเรื่องราวได้ ทาใหพ้ ระราชนพิ นธแ์ ปล ของพระองค์ มอี รรถรสแบบไทยแทรกพระอารมณข์ นั ไว้ได้อยา่ งเหมาะสม สิ่งท่ีแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉรยิ ะด้านวรรณศลิ ป์ของพระองค์อย่างสมบูรณ์ คือพระราชนิพนธ์ เรื่องพระมหาชนก ซึง่ พระองคท์ รงพระราชนพิ นธ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในเล่มเดียวกนั และจะทรงเลือกใชภ้ าษาโบราณ ทง้ั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ เพอ่ื คงความขลังของเน้ือหาใน บางตอน ซ่ึงในเรื่องพระมหาชนกน้ี พระองค์ได้ทรงแสดงพระอจั ฉรยิ ภาพดา้ นทัศนศิลป์ไว้ด้วย นนั่ คือภาพประกอบฝีพระหัตถ์ของพระองค์ โดยทรงใช้คอมพิวเตอร์วาดภาพแสดงเสน้ ทาง เดินเรอื ของพระมหาชนก รวม 4 ภาพ คือภาพวันท่ีควรออกเดินทาง ภาพวนั เดนิ ทาง ภาพวนั ที่ เรอื ลม่ และภาพพระมหาชนกทรงวา่ ยน้า และนอกจากนี้ พระราชนิพนธแ์ ปลของพระองค์ จะ ทรงเลอื กสรรคา โดยเฉพาะพระองค์ทรงโปรดท่จี ะใช้คาแปลก ๆ เพือ่ ใหพ้ ระราชนิพนธ์ของ พระองค์มสี ีสัน 4.4 ดรุ ยิ างคศิลป์ และ ดนตรี พระราชดารัสเก่ยี วกับการดนตรแี ลการเปน็ ศลิ ปินทางดนตรี ในโอกาสท่คี ณะกรรมการสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยฯ เขา้ เฝ้า ณ ศาลาดุสดิ าลยั เมอ่ื วนั ที่ 16 ธันวาคม 2524
17 การดนตรจี งึ มีความสาคัญสาหรับประเทศชาติสาหรับสังคมถา้ ทาดีๆ ก็ทาให้คนเขามกี าลงั ใจที่จะปฏิบัติงาน ก็เป็นหน้าทีส่ ่วนหนึง่ ทใ่ี ห้ความบนั เทิงทาให้คนที่กาลังทอ้ ใจมีกาลังใจขนึ้ มาได้ คือเรา้ใจ คนกาลงั ไปทางหนึ่งทางที่ไม่ถกู ต้องก็อาจจะดึงกลับมาในทางทีถ่ ูกต้องได้ ฉะนั้นดนตรีก็มีความสาคัญอยา่ งยิ่งจงึ พดู ไดก้ ับทา่ นทั้งหลายท่เี ก่ียวข้องกับดนตรีในรูปการณ์ตา่ งๆ ว่ามคี วามสาคญัและต้องทาให้ถูกต้อง ต้องทาให้ดี ท้ังถูกต้องในหลกั วชิ าของการดนตรีอยา่ งหน่งึ และก็ถูกต้องตามหลกั วชิ าของผู้ทมี่ ีศลี ธรรม มคี วามซื่อสัตยส์ ุจรติ กจ็ ะทาใหเ้ ป็นประโยชน์อย่างท่ีกล่าววา่ เพลงนี้มนัเกดิ ความปตี ิภายในตัวเองได้ ความปีตใิ นผ้อู ืน่ ได้ ก็เกดิ ความดีได้ เกิดความเสียได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว ทรงสนพระราชหฤทัยวทิ ยาการด้านการดนตรแี ละทรงฝึกฝนพระองค์ในดา้ นดุรยิ างคศิลป์ ต้งั แต่ครัง้ ยงั ทรงดารงพระฐานนั ดรศกั ดเ์ิ ป็นสมเดจ็ พระอนุชาธิราช การฝึกฝนนน้ั ทรงฝึกตามแบบฉบับการศกึ ษาดนตรีอย่างแทจ้ ริง คือฝึกตามโนต้ เพลงคลาสสกิ เครื่องดนตรีทท่ี รงฝึกเป็นเครือ่ งดนตรีประเภทเปา่ เชน่ ครารเิ น็ต แซกโซโพน ทรัมเปต็ ภายหลังเม่ือเสด็จขน้ึครองราชแลว้ ได้ทรงเปยี โน พระองค์ทรงพระราชนพิ นธบ์ ทเพลง 34 บทเพลง และได้กรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผอู้ นื่ นาไปใสค่ าร้องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษรวมแล้วเป็นเพลงจานวนถึง73 เพลง เพลงพระราชนิพนธ์เหลา่ นีม้ ที ้ังเพลงมาร์ช เพลงประจามหาวทิ ยาลัย เพลงทแี่ สดงถงึ คุณคา่ปรชั ญาการดารงชีวิต และเพลงที่แสดงทว่ งทานองอันไพเราะ เช่น เพลงมารช์ ราชวลั ลภ เพลงมาร์ชธงชยั เฉลิมพล เพลงพรปีใหม่ เพลงแสงเทยี น เพลงสายฝน เพลงแลงเทียนเป็นต้น พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ยงั แสดงให้เห็นพระปรชี าสามารถในการทรงดนตรกี บั นักดนตรีที่มีชอ่ื เสียงไดท้ รงดนตรีร่วมกับวงดนตรีกติ ติมศักดิ์ลายคราม วงดนตรี อ.ส.วันศุกร์ แลทรงดนตรีในสถาบันอดุ มศึกษาตา่ งๆ
18 รูปที่ 10 ภาพพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทรงดนตรรี ่วมกับนกั ดนตรีที่มา :http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9590000107301 เพลงพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช มพี ระราช ปรีชาญาณในเร่ืองของดนตรี ทรงพระราชนิพนธท์ านองเพลงต้งั แตย่ งั ทรงเปน็ สมเด็จพระอนชุ าธิ ราช รวมบทเพลงพระราชนพิ นธท์ ัง้ สิ้น 48 เพลง เพลงท่ที รงพระราชนิพนธท์ านอง และคาร้อง ภาษาองั กฤษด้วยพระองค์เอง มี 5 เพลง คือ \"Echo\", \"Still on My Mind\", \"Old-Fashioned Melody\", \"No Moon\" และ \"Dream Island\" นอกจากน้ี มเี พลงท่ีทรงพระราชนิพนธ์ทานอง ขนึ้ ภายหลงั ใส่ในคาร้องทม่ี ผี ู้ประพันธไ์ วแ้ ลว้ คือ ความฝนั อันสงู สุด เราสู้ และรกั ผทู้ ่ีโปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ ตง่ คาร้องประกอบเพลงพระราชนพิ นธ์มหี ลายท่าน ได้แก่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจา้ จกั รพนั ธ์เพญ็ ศริ ิ จักรพนั ธ์ุ, ศาสตราจารย์ ทา่ นผหู้ ญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา, ศาสตราจารย์ ดร.ประเสรฐิ ณ นคร, ทา่ นผู้หญิงสมโรจน์ สวสั ดกิ ุล ณ อยธุ ยา, นายจานงราชกิจ (จรัล บณุ ยรัตพันธ์)ุ , ม.ร.ว.เสนยี ์ ปราโมช ม.ล.ประพนั ธส์ นิทวงศ์ และทา่ นผหู้ ญิงมณีรตั น์ บนุ นาค เป็นต้น ในยคุ แรก หลงั จากที่เพลงพระราชนพิ นธม์ ที านองและคาร้องสมบรู ณ์แล้ว จะทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯใหค้ รูเออ้ื สุนทรสนาน นาไปบรรเลงในวงดนตรกี รมโฆษณาการหรอื วง กรมประชาสัมพนั ธ์ เพ่ือให้แพร่หลายท่วั ไป และโดยพระองค์ทา่ นเองทรงดนตรรี ว่ มกบั วงดนตรี วง อ.ส. วนั ศกุ ร์ ออกอากาศ ปรากฏวา่ หลายเพลงกลายเป็นเพลงยอดนยิ มท้งั ในหมู่ชาวไทยและ ชาวต่างประเทศ ในระยะหลังพระองคม์ ีพระราชกรณียกจิ มากมาย ทาให้พระองคท์ รงไม่มีเวลาทีจ่ ะ ทรงพระราชนิพนธ์เพลงใหม่ๆออกมา เพลงสดุ ท้ายท่ีพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ออกมาคือเพลง \"เมนไู ข่\" เป็นเพลงแนวสนุกสนาน เนอื้ ร้องโดยสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเป็นของขวญั วันพระราชสมภพครบ 72 พรรษาแด่ สมเด็จพระเจา้ พ่นี างเธอ เจ้าฟ้า กลั ยาณวิ ัฒนา กรม-หลวงนราธวิ าส ราชนครินทร์ เมอื่ พ.ศ. 2538พระปรชี าดา้ นดนตรี เพลงพระราชนพิ นธเ์ พลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมเี อกลกั ษณ์เฉพาะตวั ทีไ่ ม่เหมือนผู้ใดกบั ทั้งเพลงพระราชนพิ นธย์ ังมีเสนห่ อ์ ยู่ในตวั อยา่ งยากท่ใี ครจะเสมอเหมือนได้ ยามเม่ือไดร้ ับฟังครงั้ ใดกจ็ ะสรา้ งข้ึนมาทนั ทีว่าเน้ือหาและทานองอย่างนแี้ หละคอื เพลงพระราชนพิ นธ์ แสงเทยี น ชะตาชีวิต พรปีใหม่ ยามเย็น ใกล้รุ่ง ที่กลา่ วมาข้างตน้ เป็นเพยี งสว่ นหนึ่งของบทเพลงพระราชนิพนธ์จานวน 48 เพลงโดยบรรเลงในรูปแบบต่างๆมากมายทั้งในลลี าของเพลงแจ๊สคลาสสิคเพลงสมยั นิยมบทเพลงขับร้องซ่ึงลว้ นไพเราะและมีความหมายลึกซึ้งอย่างมากพระองค์ได้ทรง
19ใชเ้ วลาว่างจากพระราชกรณยี กิจอนั มากมายมาสรา้ งประโยชนท์ รงสรา้ งผลงานออกมาได้อยา่ งทรงคณุ คา่ ยงิ่ นกั พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถทางในการพระราชนิพนธ์ทานองก่อน บางบทเพลงก็ทรงพระราชนิพนธ์คาร้องกอ่ น เพลงที่มีคาร้องก่อนแลว้ ทรงพระราชนิพนธใ์ สท่ านองภายหลังคอื เพลงความฝนัอันสูงสุด The Impossible Dream และเราสู้ สว่ นเพลงที่ทรงพระราชนพิ นธท์ านองก่อนแล้วมาใส่คาร้องภายหลังม๕ี เพลงคือเพลงในดวงใจนิรนั ดร์ (Still On My Mind), เตอื นใจ (Old fashionedmelody), ไร้เดือน (No moon), แวว่ (Echo) และเกาะในฝนั (Dream Island) เพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์เฉพาะทานองเพลงและโปรดฯ ให้ผู้อน่ื ประพนั ธ์เนอื้ เพลงมที ั้งสนิ้ 41 เพลง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวพระองค์ทรงเป็นคีตกวแี ละนักดนตรที ช่ี าวโลกต่างยกย่อง ทรงพระปรีชาสามารถในการทรงดนตรี ทรงพระราชนพิ นธเ์ พลงและเรียบเรยี งเสยี งประสาน ทรงเปน็ ครูสอนดนตรีแก่ขา้ ราชบรพิ ารท่ีใกล้ชดิ และส่งซ่อมเคร่ืองดนตรีไดด้ ้วยพระองค์เองแรกเรมิ่ แหง่ พระอจั ฉริยภาพ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวทรงแสดงใหเ้ ห็นถึงพระอัจฉริยภาพทางดนตรีมาตัง้ แตท่ รงพระเยาว์ทรงฝึกหัดดนตรตี ้ังแต่พระชนมายุ 10 พรรษาโดยเคร่ืองดนตรชี น้ิ แรกทท่ี รงเลน่ คอื หีบเพลงแอคคอรเ์ ดียน หลังจากนนั้ พระองค์ทรงนาพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองค์ท่ีทรงเก็บสะสมไวไ้ ปซ้อื คลาริเน็ต มาทรงฝึกหดั เป่าดว้ ยพระองคเ์ อง พระองค์ทรงอ่านหนงั สือเก่ยี วกับดนตรตี ้งั แต่ยังทรงศกึ ษาอย่ทู ี่ประเทศสวิตเซอรแ์ ลนด์ ทรงฝกึ ฝนตามแบบฉบับการศึกษาวชิ าดนตรีอยา่ งแท้จริง พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยวชิ าดนตรอี ยา่ งจริงจังและทรงศึกษาอยา่ งลึกซ้ึงพระองค์ทรงเร่ิมเรียนดนตรเี มอื่ พระชนมายุ 13 พรรษาขณะประทบั อยูท่ ่ปี ระเทศสวติ เซอร์แลนดท์ รงมีพระอาจารยถ์ วายคาแนะนาทา่ นเปน็ ชาวอลั ซาส ซ่งึ เป็นแคว้นหนงึ่ ของประเทศฝร่ังเศส ชือ่ นายเวยเ์ บรช์ (Weybrecht) โดยพระองค์ทรงเรยี นเปา่ แซกโซโฟน ทรัมเป็ต ทรมั เป็ตเคร่ืองแรกที่ทรงซื้อเป็นยหี่ ้อเวลเมอร์ ทรงศึกษาวชิ าการดนตรกี ารเขยี นโน้ตสากลตา่ งๆ สาหรับเครื่องดนตรีอื่นๆท่ีทรงเล่นมีเปียโน ทรงเล่นกีต้ารเ์ ม่ือพระชนมายุ 16 พรรษา โดยเพ่ือนรุน่ พใี่ ห้ยืมเล่น ภายหลงั เขาเหน็ วา่ พระองค์ทรงสนใจจึงให้เลย เมอ่ื พระชนมายุราว 16-17พรรษา ทรงเล่นขลยุ่ ทรงเหน็ วา่ เลน่ ไมย่ ากน้วิ คล้ายๆ แซกโซโฟน สิง่ ท่พี ระองคท์ รงผกู พนั ทรงทั้งเลน่ ทั้งเรียนกับสมเด็จพระบรมเชษฐาธริ าชหรือรัชกาลที่ 8 มาด้วยกนั เป็นเวลานานน่นั คอื ดนตรที รงเลน่ ดนตรีด้วยกันพระองค์ทรงเลน่ เครือ่ งดนตรหี ลายชนดิ ท้งั หบีเพลง เปยี โน หรือแซกโซโฟน นอกจากพระองคจ์ ะทรงศึกษาวิชาดนตรีจากครูชาวต่างชาตใิ นต่างประเทศแลว้ พระองค์ยงัได้รบั คาแนะนาวชิ าดนตรจี ากพระเจนดุรยิ างค์ชาวต่างชาติที่เขา้ มารบั ราชการในประเทศไทยทรงโปรดพระเจนดุริยางค์มากพระองคท์ รงพมิ พ์ตาราท่ีพระเจนดรุ ยิ างคป์ ระพนั ธ์ขึ้นทุกเล่ม
20 ในแนวดนตรีคลาสสิค หลังจากที่ทรงฝึกหดั ขน้ั พืน้ ฐานอยู่นานพอสมควรแลว้ ต่อมาพระองค์จงึ ทรงเรม่ิ สนพระราชหฤทัย ดนตรที างแนวแจส๊ ทรงฝกึ ดนตรีแจ๊สและทรงดนตรีสากล ทรงศึกษาประวัตนิ ักดนตรที ี่มชี ่อื เสยี งและทรงศึกษาฝมี ือการเลน่ ดนตรีจากแผ่นเสยี งทีบ่ รรเลงโดยนักดนตรีเหลา่ น้ัน โดยทรงหดั เป่าแซกโซโฟนกบั เพลงจากเสยี งของวงดนตรีท่ีมีฝมี ือระดบั โลก เช่น สไตล์การเป่าโซปราโนแซกโซโฟนของ Sidney Bechet ออโต แซกโซโฟนของ John Hodges หรอื เปียโนและวงดนตรีของ Duke Ellington เป็นต้น จนทรงมคี วามเช่ียวชาญชานาญจึงทรงบรรเลงเป่าสอดแทรกพร้อมไปกับแผ่นเสียงของนักดนตรีทีม่ ชี ือ่ เสียงไดเ้ ปน็ อยา่ งดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดดนตรปี ระเภท Dixieland Jazz เป็นอย่างมาก เปน็ สไตลข์ องชาวอเมริกนั แห่งเมืองนวิ ออลนี ส์ ชว่ งหลงั ปี พ. ศ. 2459 ขณะท่พี ระองคย์ ังทรงศึกษาอยยู่ ามที่ทรงว่างจากการศกึ ษาก็ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้บรรดานักเรียนไทยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไปรว่ มสโมสรสังสรรค์ ณ พระตาหนักวลิ ลา่ วฒั นา และโล่งทรงดนตรีด้วย เม่ือเสด็จฯ ประทบั ทสี่ ถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงปารสี เปน็ การส่วนพระองค์ ก็ไดพ้ ระราชทานพระมหากรุณาธิคณุ รว่ มทรงดนตรีกับนักเรียนไทยท่ีกาลงั ศึกษาอยใู่ นประเทศฝร่ังเศสด้วยพระอจั ฉริยภาพเป็นท่ีประจักษแ์ กช่ าวโลก พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงเคร่ืองดนตรีได้ดหี ลายชนดิ ทท่ี รงโปรดคือ เคร่ืองเป่าแทบทกุ ชนิด ประเภทเครือ่ งทองเหลือง เช่น ทรมั เปต็ ประเภทเคร่ืองลม เช่นแซกโซโฟน คลารเิ นต็ รวมทั้งเปยี โน และกตี ้ารท์ ่ีทรงฝกึ เพ่ิมเติมในภายหลัง ลงเลน่ ได้เป็นอย่างดี ทรงนาไปประกอบการพระราชนพิ นธเ์ พลงแหล่เพ่อื ทรงดนตรีร่วมกบั วงดนตรี เหตกุ ารณท์ ีส่ าคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ในการแสดงถึงพระอัจฉริยภาพทางดา้ นดนตรีทีแ่ สดงต่อนานาประเทศดังนี้ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ทรงใชด้ นตรีเปน็ ตู้เชอ่ื มสายสัมพนั ธ์สร้างมติ รภาพระหว่างประเทศ พระองคท์ รงประสบความสาเรจ็ ในการใช้ดนตรีเป็นภาษาสากลได้อย่างงดงาม ดังเห็นได้จากการทพ่ี ระองคเ์ สด็จพระราชดาเนินไปเยอื นต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ในปีพ. ศ. 2503พระองค์ได้เสดจ็ พระราชดาเนินไปเสวยพระกายาหารค่า ณ Washington Place ซึง่ รฐั บาลฮาวายได้จดั ถวาย ทางฝ่ายเจ้าภาพเมื่อไดท้ ราบวา่ พระบาทสมเด็จพระอยหู่ ัวทรงมีพระปรีชาสามารถพเิ ศษด้านดนตรีจึงไดก้ ราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ให้ทรงร่วมบรรเลงดนตรีกบั วงดนตรีท่จี ัดมาแสดงถวายหน้าพระทน่ี งั่ โดยเตรียมเคร่ืองดนตรีคลาริเนต็ ไวถ้ วายใหท้ รงเล่นด้วย หลังจากที่ทรงไดร้ บั การคะยั้นคะยอหนกั ขึน้ จากทั้งเจ้าภาพ นักดนตรี และผ้รู ว่ มงาน พร้อมกับเสียงปรบมือดงั ไม่หยุด จึงทรงรับเชิญข้ึนไปทรงเลน่ ดนตรพี ระราชทาน 2 เพลง แม้วา่ จะมิได้เตรยี มพระองคม์ าก่อน เหตุการณ์นป้ี ระทบั ใจแก่ผู้รว่ มงานในวนั นัน้ เปน็ อย่างยิ่ง เพราะชาวอเมริกนั ชอบความเปน็ กนั เองเชน่ นี้มาก พระองค์ทรงเลน่ ดนตรรี ว่ มกับวงดนตรีได้ทุกวง ทรงเขา้ รว่ มบรรเลงกับวงดนตรีนัน้ น้นั ได้โดยไมว่ า่ วงดนตรีน้นั จะเล่นแนวแบบใด สาหรบั วงดนตรแี จส๊ นน้ั ยังทรงดนตรไี ด้ทัง้ ชนดิ มโี น๊ตและไม่ตอ้ งมี
21โน้ต เมอื่ ถึงตอนเดยี่ ว (solo) พระองคท์ รงสามารถใช้ปฏภิ าณไหวพรบิ เล่นเดี่ยวได้อย่างยอดเยี่ยมศพั ท์ทางดนตรีเรียกวา่ การเดี่ยวแบบ Solo adlib ซงึ่ ถอื ว่ายากมาก เพราะนักดนตรีจะต้องแต่งเน้ือขึ้นมาใหม่ในเวลานนั้ โดยฉบั พลัน แตต่ อ้ งให้อยใู่ นกรอบของจังหวะและแนวเพลงนัน้ ๆ พระอจั ฉริยภาพทางดนตรีของพระองค์นนั้ ถงึ ขนั้ ท่ีทรงสามารถบรรเลงตอบโตไ้ ด้อยา่ งสนกุ สนานคร้นื เครงกับนกั ดนตรีตา่ งๆท่ีมชี ่ือเสยี งระดบั โลกมากมายได้ อย่างเม่ือครัง้ เสดจ็ ฯ ไปเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาทรงได้เสด็จฯไปทรงดนตรีร่วมกับนักดนตรอี ยา่ ง Benny Goodman (ยอดนกั ดนตรีคลาริเน็ตฝีมือชน้ัยอดของโลก) Louis Armstrong (นักเป่าทรมั เปต็ ช่ือก้องโลก) Jack Teagarden (ยอดนกั ตีระนาดเหลก็ สากลอนั โด่งดงั ) Stan Getz (นกั เป่าเทนเนอร์แซกโซโฟนที่เปน็ ทรี่ ู้จักกนั ดี) เมื่อคร้งั เสดจ็ พระราชดาเนนิ เยือนนครนวิ ยอร์ก เมอ่ื ปีพ.ศ 2503 นักดนตรีฝมี ือระดับโลกเหลา่ นนั้ ต่างลว้ นถวายการยกย่องพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวในฐานะทีท่ รงเป็นยอดนักดนตรีผูม้ อี จั ฉรยิ ภาพสงู สง่พระราชดารสั ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงตอบคาถามนักขา่ วต่างชาติได้อยา่ งน่าประทับใจยิง่มนี กั ขา่ วชาวอเมริกนั คนหนึง่ ไดก้ ราบบงั คมทูลถามพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั วา่ ทรงเป็นนักดนตรีแจส๊ จรงิ หรือไม่และโปรดดนตรปี ระเภทใดมากทีส่ ดุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงมีพระราชดารสั ตอบวา่ “ดนตรีแจส๊ เปน็ ส่วนหน่ึงของข้าพเจา้ จะเปน็ แจส๊ หรอื ไมใ่ ช่แจส๊ ก็ตาม ดนตรีล้วนอยู่ในตวั คนทุกคน เป็นสว่ นทีย่ ง่ิ ใหญใ่ นชีวติ คนเราสาหรบั ขา้ พเจา้ ดนตรีคอื สง่ิ ประณตี งดงาม และทกุ คนควรนิยมในคณุ คา่ ของดนตรีทกุ ประเภทเพราะว่าดนตรีแต่ละประเภทต่างก็มีความเหมาะสมตามแต่โอกาสและอารมณ์ทแี่ ตกต่างกนั ไป เมื่อพดู ถึงการเลน่ ดนตรีก็ตา่ งกันอีก ถ้าขา้ พเจา้ เลน่ เพลงคลาสสิกและมีใครทาเสยี งดงั อย่างน้ีก็เป็นการรบกวน เพราะวา่ ดนตรีคลาสสกิ ตอ้ งเล่นอยา่ งตัง้ ใจจรงิ ขา้ พเจา้ ไม่ไดพ้ ักผอ่ นเทา่ ไหรน่ ัก ต้องคอยระวังไม่ใหผ้ ดิ โนต๊ และไมใ่ ห้ใครมารบกวนขา้ พเจา้ ถ้าหากว่าขา้ พเจา้ ต้องเล่นเพลงแจ๊สกด็ ีกว่า เพราะว่าขา้ พเจ้าเลน่ ทานองไดต้ ามใจชอบตามท่รี ู้สกึ ได้ในขณะนน้ั ตามแต่ละอารมณ์และความนึกคดิ ของข้าพเจ้าจะพาไป ถ้าใครมาทาเสียงดงั เวลานั้นข้าพเจ้ากถ็ ือว่าเป็นเสียงประกอบ และถา้ ขา้ พเจา้ เล่นผิดโนต้ กเ็ ท่ากับว่าข้าพเจา้ แตง่ ทานองน้นั ขึ้นเองในปจั จบุ ัน ” เหตุการณท์ ่ีพระองคท์ รงใชด้ นตรีในการเชื่อมสัมพนั ธไมตรีกบั ตา่ งประเทศ ในคราวเสด็จฯ เยอื นประเทศฟิลิปปนิ ส์ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวในปพี .ศ๒๕๐๖พระองค์ได้ทรงรว่ มดนตรกี บั สมาชกิ วุฒิสภาของฟลิ ิปปนิ ส์ ณ สถานเอกอัครราชทตู ไทยในกรงุ มะนิลาพระปรีชาสามารถของพระองค์ในครงั้ นน้ั ไดส้ รา้ งความประทบั ใจใหก้ บั ชาวฟิลปิ ปินสเ์ ปน็ อยา่ งมากนบั ว่าเปน็ การช่วยกระชบั สัมพันธไมตรีกับประเทศเพ่อื นบ้านใหแ้ น่นแฟ้นย่งิ ข้ึน เหตกุ ารณ์ทีส่ าคัญอย่างยง่ิ ท่ีแสดงถึงพระอจั ฉริยภาพทางด้านดนตรี และพระองคท์ รงสร้างช่ือเสียงใหก้ บั ประเทศชาติกบั ทางทรงสร้างสมั พันธไมตรีกับตา่ งชาติมาเลา่ สผู่ ู้อา่ นไดร้ บั ทราบ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวทรงใชด้ นตรเี ป็นส่ือกระชับสมั พนั ธไมตรรี ะหวา่ งประเทศกับนานาประเทศได้อยา่ งแน่นแฟ้น นัน่ คอื เม่ือครงั้ ทพ่ี ระองคเ์ สด็จฯ เยือนประเทศสาธารณรัฐออสเตรีย
22ในคร้งั น้ันอย่างเปน็ ทางการในเดือนตลุ าคมพ.ศ 2507 วงดุริยางค์ เอน็ คิว โทนคนุ สเลอร์ออรเ์ คสตราแหง่ กรุงเวียนนา ได้คดั เลือกอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ชดุ มโนราห์ สายฝน ยามเย็น มาร์ชราชนาวกิ โยธนิ และมารช์ ราชวลั ลภ ไปบรรเลง ณ คอนเสริ ์ตฮอลล์ กรุงเวยี นนา เม่ือวนั ท่ี 3 ตลุ าคม พ.ศ. 2507 เพราะ พร้อมกนั นี้ พร้อมกันนี่สถานวี ิทยุกระจายเสยี งของรัฐบาลออสเตรยี ได้ออกอากาศส่งกระจายเสยี งเพลงและเสนอข่าวน้ไี ปท่ัวประเทศออสเตรียและเสนอขา่ วนไ้ี ปท่ัวประเทศ ปรากฏวา่ได้รับความนยิ มเปน็ อย่างสูง หลังจากนนั้ อีก 2 วันตอ่ มา คือวันท่ี 5 ตุลาคม พ.ศ 2507 สถาบันการดนตรแี ละศิลปะแหง่ กรงุ เวียนนา ( institute of Music and arts of city of Vienna) โดยรัฐบาลออสเตรยี ได้ทลู เกล้าฯถวายพระเกยี รติให้ทรงดารงตาแหนง่ สมาชกิ กติ ตมิ ศักดิ์ สถาบันดนตรีและศิลปะแห่งกรุงเวียนนา (ปัจจุบันเปลยี่ นฐานะเป็นมหาวทิ ยาลยั การดนตรีและศิลปะการแสดง) ได้ถวายพระเกียรตใิ ห้ทรงดารงตาแหนง่ สมาชกิ กติ ติมศักด์หิ มายเลขที่ 23 ดังปรากฏพระปรมาภิไธย ภูมพิ ลอดุลยเดช จารึกบนแผ่นหินออ่ นของสถาบนั อนั เกา่ แกข่ องยโุ รปน้ี โดยประธานสถาบันได้กล่าวสดดุ ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวในฐานะท่ที รงเปน็ ผ้สู รา้ งสัมพันธ์อนั ดีระหวา่ งดนตรตี ะวนั ออกกบั ดนตรีตะวนั ตก และทรงพระราชนิพนธ์เพลงด้วยพระปรีชาสามารถนับเป็นครง้ั แรกที่พระมหากษัตรยิ แ์ ห่งทวีปเอเชยี ทรงมบี ทบาทสาคญั ยิง่ ณ ศนู ย์กลางแหง่ การดนตรีในทวปี ยโุ รป นับเป็นชาวเอเชียพระองค์แรกที่ทรงได้รบั การถวายพระเกียรติใหด้ ารงตาแหนง่ สมาชกิกติ ติมศักด์ิ ขณะที่ทรงมีพระชนม์พรรษาเพยี ง 37 พรรษา พสกนิกรชาวไทยทุกคนตา่ งชื่นชมและภาคภมู ใิ จในพระเกยี รตยิ ศทางดนตรขี องพระองคใ์ นคร้งั น้ยี ิ่งนักพระอจั ฉรยิ ภาพทย่ี ากนกั ทจี่ ะมีผใู้ ดจะกระทาได้ เครื่องดนตรสี ากลประเภทเครื่องเป่าแบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 ชนิดคอื 1.เคร่ืองเปา่ ชนดิ มีล้ิน 2.เครอื่ งเป่าชนิดไม่มลี น้ิ เครื่องเป่าชนิดมลี ิน้ เปน็ เคร่ืองดนตรที ีเ่ ปา่ ลมผา่ นล้ินมรี แู ละกระเดื่องสาหรับเปลย่ี นเสียงมีหลายชนดิ ไดแ้ ก่ แซกโซโฟน คลาริเน็ต โอโบ บาสซูน เป็นตน้ สวนผึง้ ป่าชนดิ ไมม่ ีลิ้นเปน็ เครื่องดนตรีท่ีเปา่ ลมผา่ นช่องลม มรี ูและกระเดื่องสาหรับเปลย่ี นเสียง มีหลายชนิด ได้แก่ ฟลตุ รคี อร์เดอร์ ปคิโคโล การทน่ี กั ดนตรคี นใดจะเป่าเคร่ืองดนตรีชิ้นใดชนิ้ หนึง่ ให้ได้ดีนนั้ ก็ยากแลว้ แล้วผู้ใดจะเรง่เคร่ืองเป่าชนิดเดียวกันสลับไปมา 2 ช้ินในเพลงเดยี วกนั น้ันนบั วา่ อยากเปน็ อย่างมาก และแทบจะไม่มีผู้ใดจะสามารถเรง่ เคร่ืองเป่าต่างชนิดกัน สลับไปมา 2 ชน้ิ ในเพลงเดียวกันได้ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวทรงพระปรชี าสามารถทาได้และทรงทาไดด้ ี สง่ิ ท่ีสามารถบ่งบอกได้ชัดแจง้ ว่า พระองค์ทรงพระอัจฉรยิ ภาพอย่างจะหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ยากนิง่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั ทรงมพี ระราชปรารภวา่ “ดนตรเี ปน็ ภาษาสากลท่ีสามารถขจดัอุปสรรคทางภาษา วัย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวฒั นธรรมที่ต่างกนั เพราะภาษาดนตรสี ามารถส่ือความหมายใหท้ ุกคนเข้าใจเปน็ อยา่ งเดยี วกันได้ ดนตรจี ึงเปน็ สอ่ื ทท่ี าให้เกดิ ความเขา้ ใจที่ดตี อ่ กนัแมว้ ่าเปน็ คนละชาติ คนละภาษา หรอื ตา่ งศาสนา
23มหศั จรรยแ์ ห่งบทเพลง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั พระองคท์ รงเรม่ิ พระราชนิพนธ์เพลงเมื่อมพี ระชนมพรรษาได้ราว 18 พรรษา ในปีพ.ศ 2489 ทรงพระราชนพิ นธเ์ พลงแสงเทยี น เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกและทรงพระราชนิพนธ์เรื่อยมา ทกุ เรอ่ื งลว้ นมที านองไพเราะเป็นเอกลักษณ์ ประทบั ใจผู้ที่ได้ฟงัสอดคลอ้ งกับเน้ือรอ้ งซ่ึงมีคติเตอื นใจนานบั ประการ บทเพลงของพระองค์มคี ่าต่อคนไทย เปน็ ส่วนหนึง่ ของชีวิตคนไทยโดยแท้ มีความสาคัญเป็นที่ผกู พันทีก่ ลมกลนื กนั อย่างแยกกนั ไม่ได้ เพลงพระราชนพิ นธ์แต่ละเพลงน้นั ล้วนแสดงออกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อประชาชน ในยามใดท่ีบ้านเมืองไมส่ งบสขุ พระองค์กท็ รงพระราชทานเพลงความฝันอันสูงสุด เพลงเกดิเป็นไทยตายเพ่ือไทย และเพลงเราสู้ เพอื่ เปน็ การปลุกใจและใหก้ าลังใจแกป่ ระชาชน ข้าราชการทหาร พลเรือน ผ้ปู ฏบิ ตั ิหนา้ ทเี่ พ่ือประเทศชาติ เพื่อไม่ใหเ้ กดิ ความย่อท้อหวั่นไหวในการทาความดีพระองค์ยังทรงพระราชทานเพลงประจามหาวิทยาลัย คือเพลงมหาจฬุ าลงกรณ์ เพลงธรรมศาสตร์เพลงเกษตรศาสตร์ ทรงพระราชทานเพลงมารช์ ราชวลั ลภ เพลงมารช์ ราชนาวกิ โยธิน เพลงธงชยั เฉลมิพล ใหแ้ กห่ น่วยทหารตา่ งๆ เพลงยามเย็น ทรงพระราชทานแกส่ มาคมปราบวัณโรค เพื่อนาออกแสดงเก็บเงนิ มาบารุงการกศุ ล เพลงใกลร้ งุ่ ได้บรรเลงเปน็ ปฐมฤกษ์ในงานของสมาคมเลีย้ งไก่แห่งประเทศไทย เพลงลมหนาวทรงพระราชทานในงานประจาปขี องสมาคมนักเรยี นเกา่ องั กฤษในพระราชูปถมั ภ์เพลงพรปีใหมท่ รงพระราชทานแก่พสกนิกรเน่ืองในวนั ปใี หม่ ทรงโปรดเกลา้ ฯ ให้นาเพลงชุด Kinarisuite ไปบรรเลงเพ่ือหารายไดส้ มทบทนุ สภากาชาดไทย และทรงพระราชนพิ นธเ์ พลงยิม้ สู้ ทรงพระราชทานเพลงนี้เพือ่ เปน็ การปลอบขวญั และกาลงั ใจแก่คนตาบอด เพลงพระราชนิพนธ์มีคทู่ ่ไี ด้รับการโปรดเกล้าฯ ให้แต่งคาร้องประกอบเพลงพระราชนิพนธ์มีหลายทา่ นอาทิ หม่อมเจ้าจักรพันธเ์ พญ็ ศริ ิ จักรพนั ุธ์, ศาสตราจารยท์ ่านผ้หู ญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา,ศาสตราจารย์ ดร.ประเสรฐิ ณ นคร, หม่อมราชวงศ์เสนยี ์ ปราโมช, ท่านผหู้ ญงิ สมโรจน์ สวสั ดกิ ลุ ณอยธุ ยา, นายจานง ราชกจิ (จรลั บณุ ยะรตั พันธุ)์ , และทา่ นผหู้ ญงิ มณีรัตน์ บนุ นาค เป็นต้น ในชว่ งเวลาแรกหลงั จากทเ่ี พลงพระราชนิพนธ์มีคาร้องและทานองสมบูรณเ์ รียบร้อยแลว้พระองคจ์ ะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหค้ รเู ออ้ื สุนทรสนาน นาไปบรรเลงในวงดนตรีกรมโฆษณาการ หรือวงสนุ ทราภรณ์ อาจเปน็ วงดนตรที ี่ทนั สมัยที่สุดในชว่ งเวลาน้ันตามกาลเทศะอันควรเพ่อื นาไปเผยแพร่ ปรากฏว่าหลายเพลงทไ่ี ดอ้ อกส่ผู ู้ฟังกลายเปน็ เพลงยอดนิยมท้ังในหมู่ชาวไทยและชาวต่างประเทศรายละเอยี ดบางส่วนของบทเพลงพระราชนิพนธ์ แสงเทยี น ( Candlelight Blues) เปน็ เพลงพระราชนพิ นธเ์ พลงแรก ทรงพระราชนิพนธ์เมอ่ื เดือนเมษายนพ. ศ. 2489 คร้ังดารงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนชุ าธริ าช เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในแนวบลสู ์ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระเจา้ วรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจกั รพันธ์เพ็ญศิริ
24(ขณะดารงพระยศเป็นหม่อมเจา้ จกั รพนั ธเ์ พ็ญศริ ิ จกั รพนั ุธ)์ นพิ นธ์คาร้องภาษาไทย แตเ่ น่ืองจากทรงมพี ระราชประสงค์ท่จี ะทรงแกไ้ ขทานองและคอร์ดบางตอนให้ดีกว่าเดมิ จงึ ยังไม่ทรงโปรดเกลา้ ฯพระราชทานใหน้ าออกมาบรรเลงในเวลานัน้ ต่อมาไดท้ รงพระราชทานใหน้ าออกบรรเลงคร้ังแรกเมอ่ืปพี . ศ. 2490 ยามเยน็ (Love At sundown) เพลงพระราชนพิ นธล์ าดับท่ี 2 ทรงพระราชนพิ นธ์ในปีพ. ศ. 2489 ขณะยงั ทรงเป็นสมเดจ็ พระอนชุ าธริ าช เพลงนเี้ ปน็ เพลงจังหวะฟอกซ์ทรอท ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯใหพ้ ระเจ้าวรวงศเ์ ธอพระองค์เจ้าจกั รพันธ์เพญ็ ศริ ิ นิพนธ์คารอ้ งภาษาไทยและทา่ นผ้หู ญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยธุ ยา แตง่ คาร้องภาษาอังกฤษแลว้ พระราชทานเพลงพระราชนิพนธ์ที่สมบูรณ์ใหน้ ายเอือ้ สนุ ทรสนาน นาออกบรรเลงในงานของสมาคมปราบวัณโรค ณ เวทลี ีลาศสวนอัมพร เมอื่ วนั เสาร์ท่ี 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 นบั เปน็ เพลงพระราชนพิ นธ์เพลงแรกท่ีนาออกมาบรรเลงสปู่ ระชาชน จึงทาใหป้ ระชาชนส่วนใหญ่เขา้ ใจว่า เพลงยามเยน็ เปน็ เพลงพระราชนพิ นธ์เพลงแรก สายฝน (Falling Rain) เปน็ เพลงพระราชนิพนธ์ลาดบั ท่ี 3 ทรงพระราชนิพนธใ์ นปี พ. ศ.2489 ขณะทรงเปน็ สมเด็จพระอนชุ าธิราช เพลงน้แี สดงได้ประจักษ์ชดั ถึงพระปรชี าสามารถทท่ี รงมีจินตนาการสรา้ งทว่ งทานองใหแ้ ตกตา่ งกันหลายประเภทได้ไพเราะ ทรงเลือกแปรลีลาสาเนยี งที่ออ่ นโยนของจังหวะวอลซ์ ทรงเปลยี่ นไปใชค้ อรด์ ที่รเิ รม่ิ แปลกๆใหมๆ่ เพลงน้ีเปน็ เพลงพระราชนพิ นธ์เพลงแรกท่ใี ชล้ ลี าวอลซ์ เพลงฮิตติดอันดบั เพลงลีลาศยอดนิยมในยุคน้นั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯใหพ้ ระเจา้ วรวงศเ์ ธอพระองค์เจา้ จกั รพนั ธเ์ พ็ญศริ ิ นิพนธค์ ารอ้ งภาษาไทย ส่วนภาษาอังกฤษ พระองค์เจา้ จกั รพนั ธ์เพ็ญศิริ ทรงแตง่ ร่วมกับทา่ นผูห้ ญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา บรรเลงครั้งแรก ณ เวทีลลี าศสวนอัมพร วนั อาทิตย์ที่ 2 มิถนุ ายน พ.ศ. 2489 นบั เปน็ เพลงที่ 2 ที่ทรงโปรดเกลา้ ฯ ให้นาออกมาบรรเลง ใกล้รุง่ (Near Dawn) เพลงพระราชนพิ นธล์ าดับที่ 4 ทรงพระราชนิพนธ์ในปพี . ศ. 2489ขณะทรงเปน็ สมเดจ็ พระอนุชาธิราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหศ้ าสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นครประพันธค์ าร้องภาษาไทย โดยมีพระเจา้ วรวงศ์เธอพระองค์เจา้ จักรพันธ์เพ็ญศริ ิ ทรงชว่ ย สว่ นคาร้องภาษาองั กฤษทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทา่ นผหู้ ญิงนพคณุ ทองใหญ่ ณ อยธุ ยา ประพนั ธ์ขึ้น และพระเจ้าวรวงศเ์ ธอพระองค์เจ้าจกั รพันธ์เพ็ญศริ ทิ รงช่วยแก้ไข แลว้ ทรงโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานใหว้ งดนตรีสนุ ทราภรณน์ าออกบรรเลงครั้งแรกในงานของสมาคมส่งเสริมการเลยี้ งไกแ่ หง่ ประเทศไทย ในวนั ที่ 4 มถิ นุ ายนพ. ศ. 2489 โดยวงสนุ ทราภรณ์ ชะตาชีวิต (H.M. Blues) เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลาดับท่ี 5 ทรงพระราชนพิ นธห์ ลงั จากเสดจ็ ข้นึ ครองราชย์แล้ว แล้วทรงเสดจ็ แปรพระราชฐานกลับไปทรงศกึ ษาตอ่ ทีป่ ระเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์อกี วาระหน่ึง เป็นเพลงพระราชนิพนธใ์ นแนวบลสู ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ศาสตราจารย์ ดร.ประเสรฐิ ณ นคร เป็นผู้ประพันธ์ แตเ่ น่ืองจากในเวลาน้นั คาร้องภาษาองั กฤษไม่ไดพ้ ระราชทานลงมาเพราะต้นฉบบั อยู่ท่สี วิตเซอร์แลนด์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร จงึ ใสค่ าร้องภาษาไทยทม่ี ีความหมายออกมา
25คนละอย่าง เพลงนเ้ี ป็นเพลงทม่ี ีทานองอันเรยี บง่าย ท่ีอาศัยการดาเนินเสยี งประสานของคอร์ดบลูส์จานวน 12 หอ้ ง ซึ่งเรียกวา่ Blues Progression เป็นหลกั สาคญั เพลงพระราชนิพนธ์ H.M. Blues คนส่วนใหญเ่ ข้าใจวา่ หมายถงึ His majesty แตแ่ ท้ทีจ่ รงิแลว้ แปลวา่ Hungry men’s เพลงนถี้ ือว่ายอดเย่ยี มมากทั้งเน้อื รอ้ งและทานอง แมก้ ระทั่ง Howard Roberts นักกีตาร์แจ๊สระดบั โลกได้กลา่ ววา่ “คร้ังแรกที่ได้ยนิ เพลงน้ี เขาไมเ่ ช่ือว่านค่ี อื ผลงานการประพันธ์ของพระมหากษัตรยิ ไ์ ทยหรือชาวเอเชียเพราะเพลงนี้คือเพลงบลูของคนผวิ ดาอยา่ งแทจ้ ริง คนทท่ี าได้ถึงขนาดนีน้ ่าจะเป็นคนผวิ ดา เจ้าตารบั บลูสเ์ ทา่ นนั้ ” ดวงใจกับความรกั (Never Mind the H.M. Blues) เป็นเพลงพระราชนิพนธล์ าดับท่ี 6ทรงพระ ทรงพระราชนพิ นธใ์ นปีพ.ศ ทรงพระราชนิพนธใ์ นปพี ศ 2490 พระองค์ทรงศึกษาและประทบั ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอรแ์ ลนด์ เพลงน้ีมีลักษณะทว่ งทานองที่แตกตา่ งไปจากบลูสร์ นุ่แรก คือทรงเปล่ียนทานอง ให้ระดบั เสียงมีช่วงกว้างขึ้น ทานองเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหพ้ ระเจา้ วรวงศ์เธอพระองคเ์ จา้ จักรพนั ธเ์ พ็ญศริ ินิพนธค์ าร้องภาษาไทยในงานเฉลิมพระชนมพรรษาวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคมพ. ศ. 2490 หลงั จากได้เสวยพระกระยาหารและนักดนตรีได้รบั ประทานอาหารแลว้ ทรงโปรดเกลา้ ฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าจักรพนั ธ์เพ็ญศิรินพิ นธ์คาร้องภาษาองั กฤษ มาร์ชราชวลั ลภ (Royal Guards March) เต้นเพลงพระราชนพิ นธล์ าดบั ที่ 7 ทรงพระราชนิพนธ์ขน้ึ ในปีพ. ศ. 2491 ทรงพระราชทานให้เป็นเพลงประจากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรกั ษาพระองคเ์ พื่อไวใ้ ชใ้ นพิธีสวนสนาม มหาดเลก็ รกั ษาพระองคเ์ พื่อไวใ้ ช้ในพธิ สี วนสนาม หลงั จากนนั้ ผู้บงั คับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรกั ษาพระองค์ ไดม้ อบหมายให้พันตรศี รโี พธิ์ ทศนตุ แต่งคารอ้ งภาษาไทยถวาย มีห้องเป็นยาวกวา่ เดิม จึงขอพระราชทานทานองเพิ่มเตมิ เพื่อให้เข้ากบั คาร้อง ในการแก้ไขคานองใหเ้ ข้ากับคาร้องน้ี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหพ้ ระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยกร) ชว่ ยตรวจทาน และได้พระราชทานนามเพลงพระราชนิพนธน์ เ้ี ม่ือปี พ.ศ.2495 อาทิตย์อับแสง (Blue Day) เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลาดับที่ 8 ทรงพระราชนิพนธเ์ มื่อเดอื นกุมภาพันธ์ พ.ศ.2492 ขณะทรงประทบั แรมอยบู่ นภเู ขาในเมอื งดาโวส์ ประสวติ เซอร์แลนด์ เพลงน้ีมีทว่ งทานองเช่นเดียวกบั เพลงดวงใจกบั ความรัก เป็นเพลงที่มชี ีวติ ชวี า ซ่งึ แตกตา่ งจากเพลงไทยสากลในชว่ งเวลานัน้ ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจา้ จักรพันธ์เพญ็ ศริ ิ นิพธค์ าร้องทงั้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ เทวาพาคูฝ่ นั (Dream of Love Dream of You) เปน็ เพลงพระราชนิพนธ์ลาดับท่ี 9 ทรงพระราชนพิ นธเ์ มอื่ เดือนกุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2492 ขณะทรงประทับ ณ เมืองดาโวส์ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระเจ้าวรวงศ์เธอพระองคเ์ จา้ จักรพันธ์เพญ็ ศิริ นิพนธค์ าร้องท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
26 มหาจฬุ าลงกรณ์ เปน็ เพลงพระราชนิพนธอ์ ันดบั ท่ี 11 ทรงพระราชนิพนธ์เมอื่ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2492 เปน็ เพลงพระราชนพิ นธ์เพลงแรกทใ่ี ช้ Pentatonic Scale เปน็ เพลงท่ที รงจนิ ตนาการแปลกใหมไ่ มซ่ ้าแบบใคร เปน็ เพลงทม่ี ีท่วงทานองอนั สง่างาม มจี ังหวะหนักแนน่ศาสตราจารย์หมอ่ มราชวงศ์สุมนชาติสวัสดิกลุ ไดข้ อพระราชทานเพลงประจาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานทานองเพลงพระราชนิพนธน์ ้ีใหไ้ ปใส่คาร้องเอง ท่านผหู้ ญิงสมโรจน์ สวสั ดิกุล ณ อยุธยา และนายสพุ รผลชวี นิ จงึ ได้ประพนั ธค์ าร้องถวาย ต่อมาในปี พ.ศ.2492 ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหน้ ายเทวาประสิทธ์ิ พาทยโกศล นาทานองเพลงพระราชนิพนธม์ หาจุฬาลงกรณ์มาแต่งเป็นแนวไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้พระเจา้ วรวงศ์เธอ พระเจ้าจักรพันธเ์ พ็ญศริ ิ นิพนธ์คาร้องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เปน็ เพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่ทรงพระราชทานเป็นเพลงประจามหาวิทยาลัยหลงั จากทีท่ รงพระราชทานเพลงให้แก่จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัยแล้ว พระองค์ไดท้ รงพระราชนิพนธ์เพลงเพ่ือพระราชทานให้แก่มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ ต่อมาตามลาดับ แกว้ ตาขวัญใจ (Lovelight in my heart) เป็นเพลงพระราชนิพนธล์ าดับที่ 12 ทรงพระราชนพิ นธ์ในปี พ.ศ.2492 ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหพ้ ระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระเจ้าจักรพันธ์เพญ็ ศริ ินพิ นธ์คารอ้ งท้ังภาษาไทนและภาษาองั กฤษ พรปีใหม่ เปน็ เพลงพระราชนิพนธ์ลาดับท่ี 13 ทรงพระราชนิพนธ์ข้นึ ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2494 เม่ือคราวเสดจ็ นวิ ตั พิ ระนคร และประทับ ณ ตาหนักจติ รลดารโหฐาน พระราชวังดุสติ ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะประทานพรปใี หม่แกพ่ สกนิกรชาวไทยด้วยบทเพลง จึงทรงพระราชนิพนธเ์ พลงพรปีใหม่ และทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหหพ้ ระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าจักรพนั ธเ์ พ็ญศิริ นพิ นธ์คาร้องเป็นคาอวยพรปใี หม่และทรงพระราชทานแก่วงดนตรี 2 วง คอื วงดนตรนี ิสติ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั และวงดนตรีสนุ ทราภรณ์ นาออกบรรเลง ณ ศาลาเฉลิมไทย ในวันปใี หมเ่ ม่ือวนั อังคารที่1 มกราคม พ.ศ.2495 รักคนื เรอื น (Love over again) เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลาดับที่ 14 ทรงพระราชนิพนธใ์ นปี พ.ศ.2495 และทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหห้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าจักรพันธืเพ็ญศิรินิพนธค์ ารอ้ งทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แลว้ พระราชทานให้นาออกบรรเลงในงานของสมาคมนักเรยี นเก่าองั กฤษในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ณ เวทีลีลาศสวนอมั พร เม่ือวันท่ี 2 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2495 ยามค่า (Twilight) เปน็ เพลงพระราชนพิ นธ์ลาดับท่ี 15 ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.2495ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าให้พระเจา้ วรวงศ์เธอ พระองคเ์ จา้ จักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คาร้องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แลว้ ทรงพระราชทานให้นาออกบรรเลงในงานของสมาคมนักเรียนเก่าสหรฐั อเมริกาในพระราชปู ถัมภ์ ณ สโมสรสราญรมย์ เมื่อวนั ท่ี 23 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2495 ยิ้มสู้ (Smiles) เป็นเพลงพระราชนิพนธล์ าดับท่ี 16 ทรงพระราชนพิ นธใ์ นปี พ.ศ.2495 ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหพ้ ระเจา้ วรวงศ์เธอ พระองคเ์ จา้ จักรพันธเ์ พ็ญศริ ิ นิพนธ์คาร้องภาษาไทยและ
27ภาษาอังกฤษ เพือ่ เป็นการปลอบขวัญและให้กาลงั ใจแก่คนตาบอด แลว้ พระราชทานให้นาไปบรรเลงในงานสมาคมชว่ ยคนตาบอดในพระราชปู ถัมภ์ ณ เวทีลลี าศสวนอัมพร เมื่อวันเสารท์ ่ี 1 มีนาคม พ.ศ.2495 ความฝันอนั สูงสดุ (The impossible dream) เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลาดับท่ี 43 เปน็เพลงท่ีอาจจะกลา่ วไดว้ ่าไพเราะทส่ี ุดบทเพลงหน่ึง มีความหมายลึกซ้งึ กนิ ใจ โดยเนือ้ เพลงมาจากการใส่ทานองเพลงในกลอน 5 บท เพ่ือเตือนสตปิ ระชาชนให้ไมท่ ้อถอยในการทาความดี โดยท่านผหู้ ญงิมณีรตั น์ บนุ นาค เพลงน้ีมีลกั ษณะพเิ ศษ คือ เป็นเพลงพระราชนพิ นธบ์ ทแรกที่ทรงแต่งทานองภายหลัง ใช้ลีลาจังกวะวอลซ์ มเี นอ้ื หาปลกุ ใจรักชาติ ท่วงทานองในแตล่ ะวรรไม่ซา้ กัน ค่าแลว้ (Lullaby) เป็นเพลงพระราชนพิ นธ์ลาดบั ที่ 24 ทรงพระราชนิพนธเ์ ม่ือเดอื นกรกฎาคมพ.ศ.2498 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจา้ วรวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าจักรพนั ธเ์ พ็ญศิริ นพิ นธ์คาร้องภาษาองั กฤษ รว่ มกบั ทา่ นผหู้ ญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา และท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวสั ดิกลุ ณอยุธยา ประพนั ธ์คาร้องภาษาไทย เพลงทท่ี รงพระราชนิพนธส์ ว่ นใหญ่น้นั เป็นช่วงท่ีพระองค์ทรงประทบั อยู่ ณ ประเทศสวติ เซอร์แลนด์ และเมื่อเสดจ็ ฯ นิวัตพิ ระนครใหมๆ่ นัน้ เพลงในแนวบลสู ์ (ซึง่ เปน็ สไตล์หนึ่งของดนตรีแจ๊ส) ที่เรมิ่ เป็นท่ีนยิ มในสหัรัฐต้ังแตร่ าวปี พ.ศ.2443 เสยี งโนต้ ทแี่ ปรง่ หขู องเพลงแนวบลูส์ และช่วงจังหวะท่ีขดั ธรรมชาตขิ องเพลงได้สรา้ งความแปลกใหมใ่ หแ้ กว่ งการเพลงในยุคนน้ั ความรู้สกึ ของการขดั แย้งของเสียงและจังหวะนเี่ องที่ทาให้ดนตรีแจส๊ ให้มติ ขิ องความร้สู ึกตน่ื เต้นแตกต่างไปจากแนวทางดนตรดี ัง้ เดมิ ของโลกตะวันตก คุณค่าของดนตรีไม่ได้อยทู่ คี่ วามไพเราะร่นื หู หรือความอ่อนหวานของบทเพลงและท่วงทานอง แทท้ ี่จริงแลว้ คือความร้สู ึกท่ีเกิดจากเสยี งบลสู ท์ ีแ่ ปลกใหม่ และจังหวะแจส๊ ท่ีขดั แยง้ ตน่ื เตน้ เร้าใจ ความขัดแย้งตนื่ เตน้ ในบางครัง้ ก็อาจเตือนมนุษย์ใหเ้ ขา้ ใจถงึ ความเปน็ จรงิ ของชวี ติ ตนเองได้ เปรียบเสมือนความทุกข์ของมนษุ ย์ทบี่ างคร้ังทาใหช้ วี ิตมคี วามหมายและมีคณุ คา่ เพราะความทุกข์ของชวี ติ ทาให้จิตใจเข้มแข็ง มากกว่าความสุขที่ไม่จีรงั ก่อนท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั จะเสด็จฯ นิวัตพิ ระนครพระองค์ทรงใช้ระบบการประพันธ์แบบสบิ สองเสียง (Chromatic Scale) ซึง่ เปน็ ทน่ี ิยมกนั ทางตะวันตก เพราะถือว่าสามารถสร้างสีสันของเสียงดนตรีได้มากมาย โดยการใส่คอรด์ อยา่ งสลับซบั ซ้อน ทาใหเ้ กิดเสียงประสานได้อย่างไพเราะ เมื่อมผี ู้กราบบังคมทูลฯ ทรงพระกรณุ าฯ ว่าบทพระราชนพิ นธ์ในแนวสิบสองเสยี งซบั ซ้อนและสามารถจาไดย้ าก จงึ ทรงเลอื กประพันธ์ทานองเพลงใหม่ โดยใช้ระบบห้าเสยี ง(Pentatonic Scale) ซึ่งเป็นระดบั เสยี งทเ่ี รียบง่ายและมักจะพบในทานองเพลงพื้นบ้าน เป็นการพสิ จู น์ว่า แมร้ ะบบบนั ไดเสียงทเ่ี รยี บง่ายก็อาจประพนั ธท์ านองให้ไพเราะได้ ทรงเรียบเรียงดว้ ยระบบบนั ไดเสียงทเี่ รยี บง่ายด้วยจังหวะมารช์ ท่ีหนกั แน่น ทานองเพลงที่จาง่าย แตม่ ีระเบยี บและมีความสมดลุ กันเปน็ อย่างดี ดงั เช่น เพลงมหาจุฬาลงกรณ์ ทีส่ ง่ พระราชนพิ นธ์ดว้ ยระบบหา้ มเสียงเป็นเพลงแรก พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ทรงมีความรอู้ ย่างแตกฉานในทฤษฎกี ารประพันธ์ ทรงเป็นผนู้ าในดา้ นการประพันธ์ทานองเพลงสากลของเมืองไทย โดยทรงใส่คอรด์ ดนตรีที่แปลกใหม่และซับซ้อน ทา
28ให้เกิดเสยี งประสานท่เี ข้มขน้ ในเสียงดนตรีเม่อื ประกอบกบั ลีลาจังหวะขึน้ ทางขึน้ หลากหลายทาให้บทเพลงพระราชนิพนธ์บรรเลงได้อยา่ งไพเราะ หลายบทประพนั ธเ์ พลงอมตะของไทยในปัจจบุ นันอกจากน้ยี ังคงจินตนาการสรา้ งสรรค์ที่ไมซ่ า้ แบบผใู้ ดและแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา พระราชนพิ นธม์ ารช์ ราชนาวิกโยธนิ (Royal Marines March) เปน็ เพลงพระราชนพิ นธ์ลาดบั ท่ี 29 พระราช พระราชทานให้เมื่อวันที่ 28 มถิ ุนายน 2502 หนว่ ยบัญชาการนาวิกโยธินจึงได้ถอื เอาวนั ดังกลา่ วนเี้ ปน็ วนั ทหารนาวกิ โยธนิ จนตราบถึงปจั จุบนั ผู้ใกล้ชดิ เบ้อื งพระยุคลบาทและผทู้ เี่ คยได้ร่วมเลน่ ดนตรกี บั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว ได้เลา่ ถงึ พระอัจฉรยิ ภาพในการพระราชนิพนธ์ทรงแต่งเพลงได้ทกุ หนทุกแหง่ บางครง้ั ไมจ่ าเป็นตอ้ งใช้เครอ่ื งดนตรีช่วย ครั้งหนง่ึ ทรงเกิดแรงบนั ดาลพระราชหฤทัย ทรงหยบิ ฉวยซองจดหมายได้ก็ทรงตเี สน้5 เสน้ แลว้ ทรงเขยี นโน้ตทานองเพลงขน้ึ โดยฉบั พลัน เช่น เพลงพระราชนิพนธ์เราสู้ เป็นต้น พระองค์ทรงมีความรอู้ ยา่ งแตกฉานในทางทฤษฎแี ละทางปฏบิ ตั ิทรงเป็นผ้นู าในดา้ นการประพันธ์ทานองเพลง สากลของเมืองใครดงั ทปี่ ระจกั ษช์ ดั ทรงมกี ารประพันธเ์ พลงรูปแบบตา่ งๆดงั เชน่ ทรงใสค่ อร์ดดนตรที ่ีแปลกใหม่และซบั ซ้อน ทาใหเ้ กิดเสยี งประสานท่ีเข้มข้นไพเราะ ประกอบกับลลี าจังหวะท่หี ลากหลาย ทาใหบ้ ทพระราชนิพนธบ์ รรเลงได้อย่างไพเราะ กับทั้งอย่างทรงจนิ ตนาการสร้างสรรค์ที่ไมซ่ ้ารปู แบบใคร และแปลกใหม่แหวกแนวอยู่ตลอดเวลา จนทาใหเ้ พลงพระราชนิพนธเ์ ปน็ เพลงอมตะของไทยตลอดมาทรงเป็นองค์อปุ ถัมภว์ งการดนตรไี ทย ในทางดนตรีไทย พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทรงเหน็ วา่ วิชาดนตรีไทยเปน็ ศิลปะสาคญั ของชาติ สมควรท่จี ะได้รวบรวมเพลงไทยเดิมตา่ งๆไว้ไม่ให้ผนั แปรไปจากเดิม โดยทรงโปรดเกล้าฯ ใหม้ ีการพัฒนาโปรแกรมท่ีถูกต้องและจัดพิมพ์ขนึ้ เก็บไว้เปน็ หลักฐาน เพราะว่าในการบนั ทึกแนวเพลงเป็นโนต้ สากลแตเ่ ดมิ น้ัน ยงั ไม่ได้มกี ารบันทึกไว้อยา่ งครบถว้ นและจัดพิมพ์ใหเ้ ป็นการสมบูรณ์ จึงทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้กรมศลิ ปากรรบั เร่อื งน้ีไปดาเนินการ ทรงสละพระราชทรัพยส์ ่วนพระองค์ในการจัดพิมพ์โน้ตเพลงไทยชดุ น้ี นับวา่ เป็นการรกั ษาศิลปะดนตรีอนั สาคญั ของไทยไวไ้ ม่ให้เสอื่ มสญู และยังเปน็ การเผยแพรว่ ชิ าดนตรีของไทยออกไปในหม่ปู ระชาชนท่ีสนใจ ใหเ้ ป็นท่ีรู้จกั แพรห่ ลายยิ่งขน้ึ ในภายภาคหน้าอีกด้วยนบั ว่าเปน็ พระมหากรุณาธคิ ุณอยา่ งหาที่สดุ มิไดท้ ่ีพระองคท์ รงมแี ก่วงการดนตรไี ทย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวทรงเป็นองค์พระราชูปถัมภกด้านดนตรี ทรงสง่ เสริมดนตรีไทยทรงมพี ระมหากรณุ าธิคุณแก่ศิลปนิ ดนตรอี ยา่ งถว้ นหนา้ ในทางดนตรีไทย พระองคท์ รงเห็นว่าวชิ าดนตรีไทยเป็นศิลปะทส่ี าคญั ของชาติ พระองคท์ รงริเริ่มใหม้ ีการวจิ ัยเกย่ี วกบั ดนตรีไทยในดา้ นบันไดเสยี งของเครอ่ื งดนตรีไทยประเภทต่างๆ เช่น ความแตกตา่ งระหว่างบนั ไดเสียงของเคร่ืองสายและบนั ไดเสยี งของระนาด เป็นต้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวยังทรงรเิ ริม่ ใหม้ ีการบรรเลงเพลงไทยที่เรยี บเรยี งขน้ึ จากเพลงไทยสากล โดยพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้นายเทวาประสทิ ธิ์ พาทยโกศล นาทานองเพลงมหา
29จฬุ าลงกรณ์มาแต่งให้เป็นแนวไทย นายเทวาประสทิ ธ์ิได้อัญเชญิ บทเพลงพระราชนิพนธ์มาดัดแปลงเพื่อใช้ในการบรรเลงดว้ ยวงป่ีพาทย์ ภายหลงั จงึ ได้ปรบั ปรุงเป็นหนงึ่ ในการบรรเลงดนตรีไทยของชมรมดนตรไี ทย สโมสรนสิ ิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั นักเตน้ เพลงไทยเพลงแรกที่ประดิษฐข์ ้ึนมาจากเพลงไทยสากล พระราชดาริในการสร้างสรรคแ์ ละส่งเสรมิ ดนตรีไทย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวทรงได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการสานักงานวฒั นธรรมแห่งชาติ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ประจาปพี . ศ. 2529 ได้ ไดน้ อ้ มเกล้านอ้ มถวาย ใหท้ รงเป็นองค์อคั รศลิ ปินแห่งชาติแตล่ ะองค์ ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสติพระองค์ทรงแสดงใหเ้ ห็นถงึ พระอจั ฉรยิ ภาพทางด้านดนตรีมาตง้ั แต่ทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงมีพระปรชี าสามารถอยา่ งแท้จริง พระองคท์ รงดนตรีตา่ งๆไดอ้ ย่างเช่ยี วชาญชานาญยง่ิ พระอัจฉรยิ ภาพด้านดนตรีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หาใช่ปรากฏเฉพาะในสายตาพวงชนชาวไทยเทา่ นั้น หากแต่นานาประเทศตา่ งกย็ อมรบั ว่าพระองค์ทรงมีความสามารถทางด้านดนตรไี มเ่ ป็นทส่ี องรองใคร พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัวรัชกาลที่ 9 ของไทยมพี ระอจั ฉรยิ ภาพทางด้านดนตรี ผลงานของพระองค์นัน้ ถือว่าจัดอยู่ในระดบั ยอดเย่ียมของโลก จนไดร้ บั การน้อมเกล้าฯ ถวายพระราชสมญั ญานามวา่ อัครศิลปิน ท่ีแปลว่าผมู้ ีศิลปะอนั เลอเลิศหรือผู้เป็นใหญ่ในศิลปิน พระองคท์ รงเป็นเลศิในศิลปะทั้งหลายท้งั มวล ทรงไดร้ บั การยกย่องสรรเสรญิ สดุดีพระเกียรติคุณทางจากพสกนิกรชาวไทยและศลิ ปินทว่ั โลกในพระอัจฉรยิ ภาพและพระปรชี าสามารถอย่างหาท่เี ปรยี บมิได้ ทรงเป็นศิลปินเหนือศิลปิน ทยี่ งั ความปลาบปล้ืมปิตมิ าส่พู สกนิกรชาวไทยตลอดมาตารางที่ 1 แสดงตวั อยา่ งบทเพลงพระราชนพิ นธ์ ตวั อยา่ งบทเพลงพระราชนพิ นธ์1. แสงเทยี น (Candlelight Blues) 27. แสงเดอื น (Magic Beams)2. ยามเยน็ (Love at Sundown) 28. ฝนั (Somewhere Somehow), เพลนิ ภู3. สายฝน (Falling Rain) พงิ ค์4. ใกล้รุง่ (Near Dawn) 29. มาร์ชราชนาวกิ โยธิน (Royal Marines5. ชะตาชวี ิต (H.M. Blues) March)6. ดวงใจกบั ความรัก (Never Mind the 30. ภริ มย์รกั (A Love Story)Hungry Men's Blues) 31. Nature Waltz7. มารช์ ราชวลั ลภ (Royal Guards March) 32. The Hunter8. อาทติ ยอ์ ับแสง (Blue Day) 33. Kinari Waltz9. เทวาพาคฝู่ ัน (Dream of Love Dream of 34. แผน่ ดนิ ของเรา (Alexandra)You) 35. พระมหามงคล10. คาหวาน (Sweet Words) 36. ยงู ทอง (ธรรมศาสตร)์11. มหาจฬุ าลงกรณ์ (Maha 37. ในดวงใจนิรนั ดร์ (Still on My Mind)Chulalongkorn) 38. เตอื นใจ (Old-Fashioned Melody)12. แกว้ ตาขวญั ใจ (Lovelight in My Heart) 39. ไรเ้ ดอื น (No Moon), ไร้จันทร์
3013. พรปีใหม่ 40.เกาะในฝนั (Dream Island)14. รักคืนเรอื น (Love Over Again) 41. แว่ว (Echo)15. ยามค่า (Twilight) 42. เกษตรศาสตร์16. ยมิ้ สู้ (Smiles) 43. ความฝนั อันสูงสุด (The Impossible17. มาร์ชธงไชยเฉลิมพล (The Colours Dream)March) 44. เราสู้18. เมือ่ โสมสอ่ ง (I Never Dream) 45. เรา-เหล่าราบ ๒๑ (We-Infantry19. ลมหนาว (Love in Spring Regiment 21)20. ศุกรส์ ญั ลักษณ์ (Friday Night Rag) 46. Blues for Uthit21. Oh I say 47. รัก22. Can't You Ever See 48. เมนไู ข่23. Lay Kram Goes Dixie24. คา่ แล้ว (Lullaby)25. สายลม (I Think of You)26. ไกลกงั วล (When), เกดิ เป็นไทยตายเพอื่ไทย 4.5 หตั ถศิลป์ ทางด้านงานออกแบบและศลิ ปะงานช่าง พระองค์ทรงประดษิ ฐ์ของเล่น เครือ่ งเล่น เรือรบจาลองดว้ ยพระองคเ์ องต่อมาพระองค์จงึ ต่อเรือใบดว้ ยพระองค์เองถึงสามประเภทในพุทธศักราช 2507 ทรงตอ่ เรอื ใบลาแรกเป็นเรือใบประเภทเอน็ เตอร์ไพรส์ และในปีตอ่ มาก็ทรงต่อเรือใบประเภทโอเค และประเภทม็อธ พระองคย์ ังพชิ ติ เหรียญทองการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ในพทุ ธศักราช 2510พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวมฝี ีพระหัตถ์เป็นเยี่ยมในด้านการชา่ ง ท้งั ช่างไม้ชา่ งโลหะ และชา่ งกล ซ่ึงเปน็ งานพ้นื ฐานด้านวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อยังทรงพระเยาว์ ทรงสร้างมอเตอร์ไฟฟ้าใชเ้ อง ทรงสรา้ งเคร่ืองรับวิทยรุ ว่ มกับพระเชษฐาธริ าช โดยซือ้ อุปกรณ์ราคาถกู มาประกอบเองทรงจาลองสิง่ ของต่างๆ ได้หลายอยา่ ง ทรงประดิษฐ์เครอ่ื งร่อนที่บนิ ร่อนได้จริง ทรงจาลองเรือรบหลวงของไทยชือ่ “ศรอี ยุธยา”ซ่ึงยาวเพยี งสองฟุต มที ั้งสายเคเบิ้ล และปืนเรือครบครัน พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงสนพระราชหฤทัยในงานช่างมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์พระองค์ท่านทรงประดษิ ฐ์ของเล่นด้วยพระองค์เองเช่น เคร่ืองร่อนและเรือรบจาลอง เป็นตน้ พระองค์ท่านทรงโปรดกีฬาเรือใบเปน็ อยา่ งย่ิงและประกอบกับพระองค์ทา่ นทรงสนพระราชหฤทัยในงานชา่ งจงึ โปรดทจี่ ะตอ่ เรอื ใบดว้ ยพระองค์เอง
31 รูปที่ 11 ภาพสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวทรงต่อเรือใบ ที่มา : http://www.tsood.com/contents/152844 รูปที่ 12 ภาพสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทรงเรือใบ ทม่ี า : http://www.jobthai.com/reach/inspiration.html?lang=th เรือใบฝีพระหตั ถ์ท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวทรงต่อมดี ้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่- เรือใบประเภทเอน็ เตอรไ์ พรส์ (International Enterprise Class) ซ่งึ เปน็ เรือใบลาแรกที่ทรงตอ่ เอง เม่อื วนั ที่ 7 ธันวาคม 2507 และพระราชทานชอื่ เรือว่า “ เรือปะแตน ” และลาต่อๆ มามีช่ือว่า “ เรือเอจี ”- เรือใบประเภทโอ.เค (International O.K. Class) เปน็ เรือใบที่พระบาทสมเด็จพระ-เจา้ อยหู่ วัทรงต่อเมอ่ื พ.ศ. 2508 และพระราชทานชือ่ เรือวา่ “ เรือนวฤกษ์ ” ลาดบั ต่อๆ มามชี อ่ื ว่าเรอืเวคา 1 , เรอื เวคา 2 และเรือเวคา 3 เป็นต้น- เรือใบประเภทม็อธ (International Moth Class) เรือประเภทนีเ้ ป็นเรือทก่ี าหนดความยาวตัวเรือไม่เกนิ 11 ฟตุ เน้อื ทีใ่ บไม่เกิน 35 ตารางฟุต เรือม็อธที่ทรงออกแบบและทรงต่อด้วยพระองค์เองในระหว่าง พ.ศ. 2509-2510 มีดว้ ยกัน 3 แบบ คอื - เรอื ใบมด ขนาดเรือยาว 11 ฟตุ กว้าง 4 ฟตุ 7 น้ิว เสาเดีย่ ว เนื้อทใี่ บ 72 ตารางฟตุคณุ สมบัติคือ มีราคาถูก เบา แล่นไดเ้ รว็ เกบ็ รักษาได้ง่าย - เรือใบซุปเปอรม์ ด เปน็ เรือท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวทรงสร้างให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกวา่ เรอื มด คือมีขนาดยาว 11 ฟตุ เทา่ เรือมด แต่กวา้ ง 4 ฟตุ 11นิว้ ซึ่งมคี วามเร็วมากขึน้ สู้
32 คลนื่ ลมไดด้ แี ละมีความปลอดภยั สูง เปน็ เรอื ทพ่ี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงใช้แขง่ ขันกฬี า เรอื ใบทุกคร้งั ทีม่ กี ารแข่งขันในประเทศไทย - เรอื ใบไมโครมด เปน็ เรอื ใบทีท่ รงออกแบบให้มีขนาดเลก็ กว่าเรือใบมด คือมคี วาม ยาว 7 ฟุต 9 นิว้ กวา้ ง 3 ฟุต 4 น้ิว เป็นเรือทเ่ี หมาะสาหรบั คนรา่ งเลก็ หรอื เด็ก มีวิธีการสร้างท่ี งา่ ย สะดวก และประหยดั เรือใบลาสุดทา้ ยทีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ทรงออกแบบและต่อดว้ ยพระองค์เองคือ “ เรือโมก ” (Moke) ซง่ึ เปน็ เรือทีท่ รงทดลองสร้างโดยทรงออกแบบผสมผสานระหว่างเรือ โอ.เค. และเรือซุปเปอร์มด คือ ออกแบบให้มีขนาดใหญ่กวา่ เรือซุปเปอร์มด และให้มีขนาดใกลเ้ คียงกบั เรือโอ.เค. แตใ่ ช้อปุ กรณเ์ สาและใบเรอื ของเรอื โอ.เค. 4.6 การถ่ายภาพ ดา้ นศิลปะการถา่ ยภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงเปน็ ศลิ ปนิ นกั ถ่ายภาพทัง้ ถา่ ยภาพนงิ่และภาพยนตร์ ภาพถ่ายฝพี ระหตั ถ์ของพระองคไ์ ดร้ บั การอัญเชญิ ไปแสดงนิทัศการและตีพิมพ์ในนติ ยสารต่างๆทรงเช่ียวชาญการถ่ายภาพทั้งกล้องธรรมดาและกลอ้ งถ่ายภาพยนตร์ ในระยะแรก ทรงถา่ ยภาพดว้ ยกล้องท่ีไมม่ ีเครือ่ งวัดแสงในตัวจึงตอ้ งทรงคานวณความเรว็ ของแสงด้วยพระองค์เองจนสามารถวดั แสงไดอ้ ย่างแม่นยา ทรงประดิษฐแ์ ผ่นกรองแสงขนึ้ เองทเ่ี รียกว่า Bicolocer Filter ได้ต้ังแต่ยงั ไม่มจี าหนา่ ยในประเทศไทย ท้งั ยงั ทรงเชีย่ วชาญในการล้างฟลิ ์มอดั ขยายภาพขาวดาและภาพสี เมอื่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวเสดจ็ พระราชดาเนินไปทรงเย่ยี มราษฎรในท้องถ่ินต่างๆ จะทรงถา่ ยภาพด้วยพระองค์เองตามพระราชประสงคท์ ี่จะทรงใชโ้ ดยเฉพาะในการพฒั นาประเทศภาพถ่ายฝพี ระหตั ถ์มไิ ด้แสดงคุณลกั ษณะแหง่ ศิลปะเพยี งอยา่ งเดยี ว หากยังอานวยประโยชนอ์ เนกอนนั ต์ต่อการพฒั นาคุณภาพชีวติ ของประชาชนพระปรีชาด้านการถา่ ยภาพ การถ่ายภาพเหมอื นใครๆก็ถา่ ยได้ จะถ่ายภาพให้ออกมาดูดีมศี ลิ ปะใหส้ วยงามสมบรู ณน์ ้ันยากไม่ใชน่ อ้ ย ดา้ นการถา่ ยภาพของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั น้นั ทรงถา่ ยภาพออกมาได้อย่างยอดเยย่ี มคณุ ไปดว้ ยศลิ ปะ และประโยชน์ใช้สอยกล้องของพระเจา้ อยหู่ ัว พระบาทสมเดจ็ ทรงถ่ายภาพทัง้ ในยามเสดจ็ พระราชดาเนินไปในทต่ี ่างๆ ในการปฏิบัตพิ ระราชกรณียกจิ เพ่ือนามาศึกษาในการชว่ ยเหลอื ราษฎร เมื่อยามว่างพระองคก์ ็ทรงถา่ ยภาพเพื่อบนั ทกึเหตุการณใ์ นช่วงนัน้ ๆ ได้อย่างดเี ย่ยี ม ดว้ ยทรงใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ทรงศึกษาจนชานาญ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวทรงมพี ระปรีชาสามารถในศิลปะต่างๆ ท้ังศลิ ปะด้านมณั ฑนศิลป์ จติ รกรรม ประติมากรรม สถาปตั ยกรรม วรรณศลิ ป์ การดนตรี ฯลฯ แต่งานทีท่ รงเช่ียวชาญและพอพระราชหฤทยั เป็นพิเศษคือ ศิลปะการถ่ายภาพ
33 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทรงสนพระราชหฤทัยในการถ่ายภาพมาตัง้ แต่ทรงพระเยาว์ดังที่ประชาชนได้เหน็ ภาพพระองคท์ รงคลอ้ งกลอ้ งที่พระศออยูเ่ สมอ พระองค์ทรงมกี ล้องถ่ายภาพตวัเล็กไดร้ ะบุรหสั ต้ังแต่พระชนมายเุ พยี ง 8 พระชันษา นับต้ังแต่ครงั้ ยังทรงพระเยาว์พระชนั ษาจนกระท่งั ตราบเทา่ ทกุ วันน้ี ทรงใช้งานอดิเรกดา้ นแต่งพระราชกรณียกจิ ต่างๆเอ้ือประโยชนต์ ่อประเทศชาตินานาประการ กลอ้ งตวั แรกนั้นสมเด็จพระราชชนนีพระราชทานใหแ้ กพ่ ระองค์ กล้องตัวนน้ั เปน็ กลอ้ งโคโรเนต็ มดิ เจ็ต สีเขียวปะดา ด้วยกล้องน้ีใช้ฟลิ ์มซงึ่ มรี าคาถกู เปน็ ตน้ ท่ผี ลิตขนึ้ ทเ่ี มืองเบอร์มงิ แฮมประเทศอังกฤษ กล้องตัวน้ีมขี นาดเลก็ มาก โดยยงั มีคาโฆษณาวา่ เล็กที่สุดในโลก ใช้ฟลิ ์มขนาด 16mm ถ่ายได้ 6 ภาพต่อ 1 ม้วน กล้องตวั น้เี ป็นกล้องทว่ี ัดแสงและจดั องค์ประกอบต่างๆด้วยพระองค์เองทรงสะพายกล้องทกุ หนแห่งทเ่ี สดจ็ เม่ือพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั เสด็จ ขน้ึ ครองราชยแ์ ล้ว ก็ทรงโปรดถ่ายภาพสถานท่ีสิง่ ของ และบุคคลตา่ งๆ อยู่เสมอ ภาพถ่ายฝพี ระหตั ถ์ของพระองคไ์ ด้ปรากฏบนปกนติ ยสารต่างๆเป็นประจา เช่น นิตยสาร Standard ของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจา้ เปรมบุรฉัตร ในราวปีพ.ศ 2483 พระองค์ทรงมีพระราชดารสั เรอ่ื งพระอารมขันแก่ผใู้ กล้ชิดทา่ นหน่ึงว่า “ฉนั เป็นกษัตรยิ ์กจ็ รงิ แต่ฉันก็ยงั มีอาชีพเป็นช่างภาพของหนังสอื สแตนดาร์ด ไดเ้ งนิ เดือนเดือนละ 100 บาท ตงั้ หลายปีมาแล้ว จนบัดนกี้ ถ็ งึ เขายงั ไม่ขนึ้ เงนิ เดือนใหส้ ักที เขาก็คงถวายไว้เดอื นละ 100 บาทอย่เู ร่ือยมา” ความรกั ในการถ่ายภาพของพระองคพ์ ระองค์ทรงสรา้ งห้องมืด (Dark Room) ไวส้ าหรับลา้ งอดั ขยายภาพเป็นการส่วนพระองค์ ขึ้นในบรเิ วณชนั้ ล่างของตึกท่ที าการสถานวี ิทยุอ.ส ดว้ ยพระราชประสงคท์ ่จี ะทรงสร้างภาพให้เป็นศิลปะถูกต้องและรวดเรว็ ด้วยพระองคเ์ อง ทรงใชส้ าหรบั ลา้ งฟิลม์และขยายภาพ โดยทรงใชเ้ ครื่องมือแบบที่ใช้ในห้องปฏิบตั กิ ารตามมาตรฐานทว่ั ไป ทรงศึกษาการลา้ งและขยายภาพจนสามารถอัดขยายภาพออกมาด้วยพระองคเ์ อง ทรงทราบเร่ืองทฤษฎีสเี ป็นอย่างดีทรงคิดคน้ คน้ หาเทคนคิ ใหมๆ่ อยู่เสมอ จนทาใหภ้ าพถ่ายฝพี ระหตั ถ์เปน็ ผลงานที่สวยงามในศลิ ปะลา้ค่า พระองคท์ รงพระกรณุ าโปรดเกล้าจัดตั้งสว่ นช่างภาพสว่ นพระองค์ขึ้นในสานักพระราชวงั เพอื่ ทาหนา้ ทใ่ี นการล้างอัดขยายภาพ เก็บรักษาอนรุ ักษ์ภาพ และบรกิ ารถ่ายภาพให้แกผ่ ู้มาติดต่อเพื่อนาไปใชป้ ระโยชน์ พระองค์ทรงชานาญไม่วา่ จะเปน็ กล้องถ่ายภาพธรรมดาหรือกลอ้ งถ่ายภาพยนตร์ ทรงโปรดการถา่ ยภาพสไลด์ พระองค์สนพระราชหฤทัยศิลปะแขนงน้ีมาตง้ั แต่ทรงพระเยาว์ เมื่อครั้งท่พี ระองค์ดารงพระฐานนั ดรศักดิเ์ ปน็ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภูมพิ ลอดุลยเดช เม่ือใดที่พระองค์ทรงตามเสด็จพระราชดาเนนิ สมเด็จพระบรมเชษฐาธริ าช ชาวไทยก็จะเหน็ พระองค์ทรงสะพายกล้องถ่ายรปูบนั ทึกภาพเหตุการณ์ตา่ งๆ ทุกแหง่ ที่ไดเ้ สด็จฯไป เมื่อพระองคเ์ สด็จข้ึนครองราชย์ ท่อทรงฉายพระรูป
34สมเดจ็ พระบรมราชนิ ีนาถ สมเดจ็ พระเจ้าลูกยาเธอ และบนั ทกึ ภาพประชาชนทว่ั ประเทศ ทรงบนั ทกึ ภาพววิ ทวิ ทศั น์ ทรงบนั ทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆมากมายซึง่ เปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งย่ิง พระองค์ทรงโปรดการถา่ ยภาพยนตร์ ทรงเคยนาภาพยนตร์สว่ นพระองคอ์ อกฉายแลว้ นาเงนิรายไดน้ ้ันมาสรา้ งอาคารสภากาชาดไทยท่ีโรงพยาบาลจุฬาฯ และอื่นๆ นอกจากพระองค์จะเชยี่ วชาญการถา่ ยภาพแล้วพระองค์ยังทรงเชยี่ วชาญในการลา้ งฟลิ ์ม อัดขยายภาพ ไม่ว่าจะเปน็ ภาพถ่ายขาวดาหรือภาพสี นอกจากนัน้ พระองคย์ ังทรงสรา้ ง filter พเิ ศษด้วยพระองค์เอง นบั เป็นพระปรีชาสามารถที่ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ทั้งนี้หรือเมื่อพระองค์ทรงครองราชยแ์ ลว้ ไม่วา่ จะเสด็จฯ ไปเย่ียมราษฎร ณ ท่ีแหง่ ใด จะสังเกตเหน็ วา่ จะสง่ มีกล้องถ่ายรูปผิวขา้ งพระวรกายเสมอ โปรดการถ่ายภาพสถานทีท่ กุ แหง่ เพ่ือเกบ็ ไวเ้ ป็นหลกั ฐานประกอบงานท่ีได้ทรงปฏบิ ัติมา ภาพถา่ ยฝีพระหัตถ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวมีจานวนมากมายสามารถจาแนกไดเ้ ปน็2 ประเภทคือ ภาพถ่ายแนวจติ รศิลป์ และภาพถ่ายแสดงพระปณธิ านในการพฒั นาประเทศ 1. ภาพถ่ายแนวจิตรศลิ ป์ คือภาพถา่ ยที่เนน้ หลกั การถ่ายภาพเปน็ สาคัญ เปน็ ภาพถ่ายทส่ี ะท้อน ถึงความประทบั ใจของผ้ถู ่ายภาพตอนสงิ่ ที่ปรากฏต่อหนา้ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวทรง ถ่ายภาพแนวจติ รศลิ ป์ไว้เป็นอนั มาก ภาพถา่ ยฝพี ระหตั ถ์แนวจติ รศิลปน์ ้มี ีทง้ั ภาพถ่ายบุคคล ภาพถา่ ยเทียบนามธรรม และภาพถ่ายความคดิ สรา้ งสรรค์ ภาพถา่ ยบุคคล ได้แก่ ภาพสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ สมเด็จพระเจ้าลกู เธอ สมเดจ็ พระเจา้ หลานเธอ ในพระอริ ิยาบถต่างๆ และเมอ่ื เสดจ็ ฯ ไปเยีย่ มราษฎรในทอ้ งถน่ิ จังหวดั ตา่ งๆ พระองคท์ รงถา่ ยภาพบุคคลที่พบระหวา่ งทาง เชน่ ภาพเดก็ ภาพหน่มุ สาว ภาพคนชรา เปน็ ต้น ดงั ผลงาน ดัง่ โคง้ สาคัญ ที่กลางทงุ่ ดอกไม้ ค่ดู าว แสงนวลนุ่ม เปน็ ต้น ภาพถ่ายแนวเทียบนามธรรม คือภาพถ่ายที่แสดงแนวความคดิ เชิงปรัชญาหลกั ธรรม ซ่ึงผูพ้ ิจารณาผา้ ป่าตคี วามไปได้ตา่ งๆนานา เช่น ผลงาน 4 หวั ใจ และผลงานสามัคคี 4 พระ หัตถ์ เป็นตน้ ภาพถ่ายแนวความคิดสร้างสรรค์ คือภาพถ่ายท่ีแสดงความคดิ ในการจัด องคป์ ระกอบหรอื เลือกมุมมองที่แปลกใหม่แปลกตา เช่น ภาพท่ีพระบาทสมเด็จพระ เจา้ อยูห่ ัวทรงถ่ายระหว่างพระราชพธิ ที อดกฐนิ หลวง ณ วัดอรุณราชวรารามฯ ขณะประทับ ในเรอื พระที่น่ังสุพรรณหงส์ 2. ภาพถ่ายแสดงพระราชปณิธานในการพฒั นาประเทศ คือ ภาพทพ่ี ระองค์ทรงบนั ทึกเรอ่ื งราว ตา่ งๆ สภาพบุคคล สง่ิ ของเครื่องใช้ สภาพภูมปิ ระเทศ สงิ่ ก่อสรา้ งสถาปัตยกรรม และ
35 เหตกุ ารณ์ต่างๆ เพ่ือทรงใช้เป็นข้อมลู ในการประกอบโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดารใิ น การพฒั นาด้านการเกษตร การชลประทาน การคมนาคม ฯลฯ ภาพถา่ ยเหลา่ นี้พระองค์ทรง ถ่ายในระหวา่ งเสด็จพระราชดาเนินประกอบพระราชกรณยี กิจตา่ งๆ และทรงเสด็จฯ เยี่ยม เยยี นราษฎรในทุกทอ้ งถน่ิ ทว่ั ราชอาณาจักร สว่ นมากเปน็ ภาพถ่ายแบบฉับพลัน ถา่ ยได้เพียง ครง้ั เดียว แตด่ ้วยพระปรชี าสามารถในดา้ นการถ่ายภาพของพระองค์ ทาให้ภาพถา่ ยเหล่านั้น มคี วามคมชดั และงดงาม แมจ้ ะเปน็ ภาพถา่ ยที่ทรงถา่ ยเพือ่ ทรงนามาใช้ในงานพัฒนากต็ าม ภาพถา่ ยฝพี ระหัตถ์ประเภทนี้ทรงมกี ารจัดองคป์ ระกอบทางศิลปะไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ ทรงจัด แสง สี ลวดลาย พนื้ ผิว และรปู ทรง ทาใหภ้ าพดูเดน่ มีระยะ มมี ติ ิ มีมุมมองท่แี ปลกตา ทรง ใชเ้ ทคนิคถ่ายภาพหลายแบบตามความเหมาะสม เช่น การถ่ายภาพแบบนาสายตา การ ถ่ายภาพแบบเงาสะทอ้ น การถา่ ยภาพย้อนแสง เพื่อให้ได้ภาพเงาทึบ การ ถ่ายภาพแบบมีกรอบภาพ เป็นต้น ภาพถา่ ยฝพี ระหัตถป์ ระเภทน้ีพระองค์ทรงถา่ ยไวม้ ีเปน็ จานวนมากแสดงให้เหน็ ว่าพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ มไิ ด้ทรงถ่ายภาพเพื่อศลิ ปะแตเ่ พยี งอย่างเดยี ว แตภ่ าพถา่ ยของพระองค์สามารถนามาใช้ประโยชนใ์ นการวางแผนพฒั นาบ้านเมือง กบั ทางแก้ไขปัญหาของประเทศและวางแผนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตใหก้ บั ประชาชนได้ร่มเย็นเป็นสุข สมดงั พระราชปณิธานของพระองค์รูปที่ 13 ภาพพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทรงฉายพระรูปสมเดจ็ พระบรมราชินนี าถ สมเด็จพระเจา้ ลกู ยาเธอ สมเดจ็ พระเจา้ ลูกเธอ ทม่ี า : http://oknation.nationtv.tv/blog/charlee/2012/11/30/entry-2 รูปที่ 14 ภาพเพ่อื นาไปแก้ปัญหาใหก้ ับประชาชน
36ทม่ี า : http://oknation.nationtv.tv/blog/charlee/2012/11/30/entry-2 บทที่ 5 อภิปรายผล จากการรว่ มกันศึกษาคน้ คว้าขอ้ มูลเกีย่ วกับพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะวรรณกรรมของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ทาใหไ้ ด้พบข้อมูลต่าง ๆ ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวทรงไดร้ ับการทลู เกล้าทลู กระหม่อมถวายพระราชสมัญญาวา่ “อคั รศลิ ปนิ ” โดยไดท้ รงสรา้ งศิลปกรรมทกุ แขนงเพ่ือพระราชทานเป็นของขวัญ ให้เปน็ ขวัญและกาลงั ใจแก่ประชาชน ทรงพระราชนพิ นธ์บทเพลงไว้ถึง 73 เพลง ทรงพระราชนิพนธแ์ ปลหนงั สอื ทีม่ ีสารประโยชนท์ ค่ี นไทยร้จู ักกันทั่วไป 2 เรอ่ื งคอื “ติโต” และ “นายอินทร์ผู้ปดิ ทองหลังพระ” และทรงพระราชนพิ นธ์ขึ้นจากนิทานชาดกอีก 1 เรื่องคอื “พระมหาชนก” ดา้ นผลงานฝีพระหัตถ์ทางทศั นศลิ ปน์ ัน้ ประกอบดว้ ยภาพจติ รกรรมฝีพระหัตถ์ 107 ภาพ ประติมากรรมฝีพระหตั ถ์ 2 ชิ้นและภาพถา่ ยฝพี ระหัตถ์อกี จานวนมาก ทาให้ไดท้ ราบวา่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงมีพระมหากรณุ าธิคณุ ย่ิงต่อผู้ทางานศลิ ปะทุกแขนง ไมว่ า่ จะเป็นด้านจิตกรรม ประติมากรรม ภาษา และวรรณกรรม ดุรยิ างคศลิ ป์ และดนตรี หัตถศลิ ป์ และการถา่ ยภาพ ผลงานของทา่ นในดา้ นตา่ ง ๆ น้ีประชาชนสามารถนามาเปน็ แบบอยา่ ง และนามาประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจาวันไดน้ นั่ เอง สรปุ ผลการศกึ ษา จากการศึกษาค้นคว้าขอ้ มลู ร่วมกนั ทาให้สมาชกิ ไดฝ้ กึ ฝนการทางานร่วมกัน และร่วมกนัทางานได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพ่ิมความสามัคคีในหมู่คณะ ทางานกนั อย่างมรี ะบบแบบแผนมากข้นึ ทาให้สมาชิกมโี อกาสได้ทราบ และเผยแพร่ความสามารถ หรือพระอัจฉริยภาพทางดา้ นศลิ ปะวรรณกรรมในดา้ นจิตกรรม ประตมิ ากรรม ภาษา และวรรณกรรม ดรุ ยิ างคศิลป์ และดนตรี หัตถศลิ ป์และการถา่ ยภาพ ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท9ี่ ให้แก่นสิ ิตบคุ ลากร หรือประชาชน ออกไปในวงกวา้ ง ทาใหน้ สิ ิต บคุ ลากร หรอื ประชาชนทุกท่านได้นาเอา
37ความรูต้ า่ ง ๆ เหล่านไี้ ปประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ กอ่ ใหเ้ กิดประโยชนอ์ นัสงู สดุ ตอ่ ทั้งตนเอง และผอู้ ื่น เอกสารอา้ งอิงกติ ติ โลห่ เ์ พชรรตั น์. (2554). ราชนั ย์ผู้สร้างสรรค์ ดนตรี กฬี า ศิลปะ ของพระเจ้าแผน่ ดิน. กรงุ เทพฯ :ก้าวแรก พับลชิ ชงิ่ .พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ. (2549). ใตร้ ่มพระบารมปี กเกลา้ ฯ : พระราชอจั ฉรยิ ภาพในหลวง. กรุงเทพฯ :ไทย วัฒนาพาณชิ .วรนชุ อษุ ณกร. (2544). ในหลวงผู้ทรงพระอัจฉริยภาพ. กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร.์วริ ณุ ตัง้ เจรญิ . (2551). พระราชอจั ฉรยิ ภาพ อัครศิลปิน. กรุงเทพฯ : ศนู ย์การพมิ พ์มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทร์ วโิ รฒ.( 16 ตลุ าคม 2558). ประโยชน์และวิธีการสืบคน้ ข้อมลู ทางอนิ เทอรเ์ น็ต. สบื ค้นเมอ่ื 19 พฤศจิกายน2560, จาก https://jounjoue.wordpress.com/2013/10/16/ดอกฝน. (24 ตุลาคม 2559). 'พระราชนิพนธแ์ ห่งอัครศิลปิน' พระอัจฉริยภาพดา้ นวรรณกรรมของในหลวง รชั กาลที่ 9. มติชนออนไลน.์ สืบค้นเมอื่ 9 ตลุ าคม 2560, จากhttps://www.matichon.co.th/news/332700.ธชั กร เหมะจันทร. (3 มนี าคม 2554). ด้านศลิ ปกรรมและการกีฬา. สบื คน้ เมื่อ 9 ตลุ าคม 2560, จาก http://www.moe.go.th/5DEC/index.php?option=com_content&view=article&id =19:2011-03-03-03-44- 55&catid=3:2011-03-02-04-30-09&Itemid=27.บริษทั เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จากัด. (27 ตลุ าคม 2559). พระอัจฉริยภาพ : ดา้ นศิลปะ. พ่อหลวงของเรา. สืบคน้ เม่อื วันท่ี 9 ตลุ าคม 2560, จาก http://news.sanook.com/2091090/.ภราดร เดชสาร. (1 ธันวาคม 2552). พระอจั ฉริยภาพดา้ นศลิ ปกรรม. สบื ค้นเมื่อ 9 ตลุ าคม 2560,จาก http://www.thaihealth.or.th/Content/21651.html.
38ภูวดี. (24 ตุลาคม 2551). หนังสอื พระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว. สืบคน้ เมื่อ 9ตุลาคม 2560, จาก http://www.vcharkarn.com/varticle/38236.วณัฐย์ พฒุ นาค.(20 ตุลาคม 2559). 6 พระราชนพิ นธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ภมู ิพลฯ. สืบค้นเมอื่ 9 ตุลาคม 2560, จาก https://thematter.co/pulse/kings-works/11013. ประวตั ิผู้ดาเนนิ โครงงาน ชอื่ นางสาวสกาวรตั น์ สรุ ยิ า ภมู ิลาเนา 99/10 ม.9 ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณโุ ลก 65000 ประวัติการศึกษา - จบระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอุตรดิตถ์
39 - ปัจจุบันกาลังศึกษาในระดบั ปริญญาตรชี ้ันปที ี่1 คณะ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรE-mail: [email protected]ช่ือ นางสาวสมติ า เหล่าจินดาพนั ธ์ภมู ิลาเนา 99/10 ม.9 ต.ทา่ โพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณโุ ลก 65000ประวัติการศึกษา - จบระดับมธั ยมศึกษาจากโรงเรยี นบดินทรเดชา (สิงห์ สิง หเสน)ี - ปจั จุบันกาลังศกึ ษาในระดับปริญญาตรชี น้ั ปีที่1 คณะ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรE-mail: [email protected]ชื่อ นายสิรภพ เอิบบญุ ญา ภมู ลิ าเนา 209/22 ถ.บรมไตรโลกนารถ ต.ในเมอื ง อ.เมืองจ.พิษณุโลก 65000ประวัตกิ ารศึกษา - จบระดบั มัธยมศึกษาจากโรงเรยี นมธั ยมสาธติ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร - ปัจจบุ นั กาลงั ศึกษาในระดับปรญิ ญาตรชี ั้นปีท่ี1 คณะ แพทยศาสตร์
40 มหาวทิ ยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected] ชอ่ื นายสิรวชิ ญ์ เอบิ บญุ ญา ภูมลิ าเนา 209/22 ถ.บรมไตรโลกนารถ ต.ในเมอื ง อ.เมืองจ.พิษณุโลก 65000 ประวัตกิ ารศึกษา - จบระดับมธั ยมศึกษาจากโรงเรยี นมธั ยมสาธิตมหาวทิ ยาลยั นเรศวร - ปจั จุบันกาลงั ศกึ ษาในระดับปรญิ ญาตรชี ้นั ปีที่1 คณะ แพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร E-mail: [email protected]ช่อื นางสาวสจุ ิรา อุดมพรวัฒนะภมู ลิ าเนา 99/10 ม.9 ต.ท่าโพธ์ิ อ.เมือง จ.พษิ ณุโลก 65000ประวตั กิ ารศึกษา - จบระดบั มัธยมศกึ ษาจากโรงเรียนนครสวรรค์ - ปจั จบุ นั กาลังศกึ ษาในระดบั ปรญิ ญาตรีชัน้ ปที ี่1 คณะ แพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]ชอ่ื นางสาวสชุ านันท์ ชาญวิกยก์ าร
41 ภมู ลิ าเนา 351/90 ถ.ไชยานุภาพ ต.ในเมอื ง อ.เมือง จ.พิษณุโลก65000ประวตั กิ ารศึกษา - จบระดับมธั ยมศึกษาจากโรงเรียนเฉลมิ ขวญั สตรี - ปจั จบุ นั กาลังศึกษาในระดบั ปรญิ ญาตรชี ั้นปที ่ี1 คณะ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]ชื่อ นายสทุ ธิภสั ส์ นพโชตภิ ทั ร์ภูมลิ าเนา 99/10 ม.9 ต.ทา่ โพธ์ิ อ.เมือง จ.พิษณโุ ลก 65000ประวตั ิการศึกษา - จบระดับมธั ยมศึกษาจากโรงเรยี นกาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั สพุ รรณบุรี - ปจั จุบันกาลงั ศึกษาในระดบั ปรญิ ญาตรีช้นั ปที ี่1 คณะ แพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวรE-mail: [email protected]ช่ือ นางสาวสุธารตั น์ อย่รู อดภูมิลาเนา 99/10 ม.9 ต.ทา่ โพธ์ิ อ.เมือง จ.พษิ ณโุ ลก 65000ประวัตกิ ารศึกษา
42 - จบระดบั มัธยมศึกษาจากโรงเรียนอุตรดิตถ์ - ปัจจุบันกาลงั ศึกษาในระดับปรญิ ญาตรชี ้นั ปที ี่1 คณะ แพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]ช่ือ นายสปุ รชี า แดงจิ๋วภมู ิลาเนา 90 ม.9 ต.วดั พริก อ.เมือง จ.พษิ ณุโลก 65000ประวัติการศึกษา - จบระดับมัธยมศกึ ษาจากโรงเรียนจ่านกร้อง - ปจั จุบนั กาลังศกึ ษาในระดบั ปริญญาตรชี ้ันปที ี่1 คณะ แพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรE-mail: supreechad60 @email.nu.ac.thชอื่ นายสภุ พงศ์ ประไพเพชรภมู ลิ าเนา 99/10 ม.9 ต.ทา่ โพธ์ิ อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65000ประวตั ิการศึกษา - จบระดับมธั ยมศกึ ษาจากโรงเรยี นเพชรพทิ ยาคม - ปจั จุบนั กาลังศกึ ษาในระดับปรญิ ญาตรีชน้ั ปที ี่1 คณะ แพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร
43E-mail: [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 49
Pages: