1
2 วิจัยชั้นเรยี น เร่อื งการพฒั นาทักษะการการเล่นคอร์ดเพ่ือปฏิบตั ิ การเล่นกีตาร์เบื้องต้นระดับช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห3์ 1 อำเภอแม่แจม่ จงั หวัดเชยี งใหม่ โดย นายเดชนรนิ ทร์ เทดิ ทนู เมธา ตำแหนง่ พนกั งานราชการ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชยี งใหม่ สงั กัดสำนักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ
3 บทท่ี 1 บทนำ การวิจยั ในช้ันเรียน 1. เร่ือง การพัฒนาทักษะการการเล่นคอร์ด เพื่อปฏิบัติการเล่นกีตาร์เบื้องต้น ระดับช้ัน มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31อำเภอแม่แจม่ จังหวดั เชียงใหม่ 2. ความสำคญั และที่มา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานของ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะเป็นกลุ่ม สาระท่ีเน้นชว่ ยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ มีจินตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ความมีคุณค่า ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์กิจกรรมทางศิลปะช่วยพัฒนาผู้เรียนท้ัง ด้านร่างกายจิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการนำไปสู่การพัฒนาส่ิงแวดล้อม ส่งเสริมให้ ผูเ้ รยี นมีความเชอื่ มั่นในตนเอง อนั เป็นพ้ืนฐาน ในการศกึ ษาตอ่ หรือประกอบอาชพี ได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะวิธีการทาง ศลิ ปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงออกอย่างอิสระในศลิ ปะแขนง ต่าง ๆ และดนตรีสากลเป็นหนึง่ ในสาขาของกลุ่มสาระศิลปะ โดยการเรียนดนตรสี ากลจะต้องมีความรู้ ทักษะ คือมีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบดนตรีแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ทางดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชมและประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าดนตรีที่ เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทย และสากล ร้องเพลง และเล่นดนตรีใน รูปแบบต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเสียงดนตรี แสดงความรู้สึกท่ีมีต่อดนตรีในเชิงสุนทรียะ เข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างดนตรีกบั ประเพณีวฒั นธรรม และเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ โดยจากการสังเกตการณ์เรียนการสอนท่ีผ่านมาพบปัญหาคือนักเรียนยังขาดทักษะการ เล่นเบ้ืองต้น และความรู้พ้ืนฐานทั้งหมดของการเล่นกีตาร์ โดยนักเรียนบางคนมีพ้ืนฐานอยู่บ้างและ บางคนท่ียังไม่สามารถเล่นได้ได้เลยโดยสาเหตุของปัญหามาจากหลากหลายปัจจัย เช่น ครูไม่มีสื่อ นวัตกรรมที่น่าสนใจ นักเรียนไม่มีพ้ืนฐาน ไม่มีความเข้าใจ ขาดการฝึกตามทักษะเป็นขั้นตอน นักเรียนขาดแรงจูงใจในการเล่นเน่ืองจากการฝึกทย่ี ากและไม่เห็นผลทช่ี ัดเจน เปน็ ต้น โดยจากการศึกษาพบว่าการใช้แบบฝึกหดั เพ่ือเสรมิ ทักษะ มีความสำคัญต่อการเล่น โดย เป็นการเน้นปัญหาเฉพาะจุดของนักเรียนแต่ละคนให้เห็นถึงข้อผิดพลาดอย่างชัดเจน ทำให้สามารถ แก้ไขจุดระหว่างการฝึกซ้อมได้จึงสนใจจะศึกษาเก่ียวกับ “การพัฒนาทักษะการการเล่นคอร์ด เพื่อ ปฏิบัติการเล่นกีตาร์เบื้องต้น” เพื่อหาวิธีการที่จะดำเนินการเพ่ือท่ีจะไขแก้ปัญหา และพัฒนาให้
4 นกั เรียนได้เกิดทักษะในด้านการเล่น การบรรเลงให้เขา้ ใจและปฏิบตั ไิ ด้มากยิง่ ขึน้ ดังน้ันในการพฒั นา ในคร้ังนี้ จะใชว้ ิธีการประเมินนักเรียนควบคู่ไปกับกิจกรรมการเรียนการสอน ในการพัฒนาทางด้าน วิชาดนตรีพ้ืนฐานท่ีสำคัญท่ีส่งผลในด้านการปฏิบัติเครื่องดนตรีคือการพัฒนาในด้านทักษะการเล่น พื้นฐานซึง่ จะสามารถตอ่ ยอดให้ปฏิบัตเิ ครื่องดนตรไี ดอ้ ย่างดยี ่งิ ขึ้น ในการสอนทผี่ ่านมาพบว่า นกั เรยี น ในบางส่วนยงั ขาดทกั ษะในดา้ นการจัดคอรด์ กตี ารเ์ บอื้ งต้น จึงส่งผลมาให้ตอ้ งมีการปรับปรุง และต้อง มีการพัฒนาในทักษะนี้อย่างต่อเน่ือง เพ่ือเป็นผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรี และจากการเรียนการ สอนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 จากจำนวน 15 คน มีนักเรียนท่ีมีปัญหาในด้านทักษะ การอ่านโน้ตสากลอยู่มาก 3. จดุ มงุ่ หมาย 1.สร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกหัดการพัฒนาทักษะการการเล่นคอร์ด เพื่อปฏิบตั ิการเล่นกีตาร์ เบอ้ื งต้น 2.เปรียบเทียบทกั ษะการปฏบิ ตั ิการเลน่ คอรด์ ดนตรกี อ่ นฝกึ หัดและหลังการฝึกโดยใชแ้ บบฝึกหัดต่างๆ 3.การเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกหัดทักษะ “การพัฒนาทักษะการการเล่นคอร์ด เพ่ือปฏิบัติการเล่นกีตาร์ เบ้ืองตน้ ” 4. ตวั แปรทศ่ี ึกษา ตัวแปรตน้ 1. วิธีสอนตามปกติ 2. วิธกี ารประเมินท่ีเนน้ นกั เรียนเป็นสำคญั 2.1 การทดสอบทักษะในด้านการวางตำแหน่งแขน การจับคอร์ด ที่ถกู วธิ ี การปฏบิ ตั ิเครือ่ งดนตรีกีตาร์ และข้อเสนอแนะ ตัวแปรตาม 1. พฤตกิ รรมการเรยี นรขู้ องนกั เรยี น 2. ทกั ษะในด้านการจบั คอรด์ และการปฏิบตั ิเครื่องดนตรี 5.กรอบแนวคิดในการวิจัย วธิ ีการสอนตามปกติ และวิธี พฤตกิ รรมการเรียนรูข้ อง ประเมินท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นหลกั นกั เรยี น
5 6. ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะไดร้ บั ผลการวิจัยน้ี จะเป็นข้อมูลอย่างหน่ึงท่ีจะช่วยให้การพัฒนาทักษะในด้านการบรรเลงกีตาร์ ด้วยวิธีการประเมินท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการฝึกทักษะการจำและการกดคอร์ดท่ีมีระดับเสียงที่ แตกต่างกันและให้นักเรียนได้ฝึกกดคอร์ดต่างๆทุกๆ15นาทีก่อนเรียนเพื่อที่จะให้การเรียนการสอน วชิ าดนตรีสมั ฤทธิ์ผลยิ่งข้นึ 7. ขอบเขตของการวิจัย 7.1. กลุ่มที่ศึกษานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาศึกษาปีท่ี 1 จำนวนนักเรียนท่ีศึกษา 15 คน ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์31 ในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ในการทำวิจยั คร้ังนี้ เลือก นักเรียนที่ศึกษาในชั้นเรียน 5 คน เหตุท่ีเลือกนักเรียนกลุ่มนี้เนื่องจาก ยังมีพื้นฐานการเล่นที่ยังไม่ สมบูรณ์คลอ่ งแคล่ว จงึ ต้องมีการพัฒนา 7.2. การสอนดนตรี หมายถึง วิธีสอนท่ีผู้วิจัยได้สอนตามปกติ โดยมีเทคนิคการสอนแบบ ใหม่ๆ โดยการเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ 7.3. วิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียน เป็นสำคัญท่ีผู้วิจยั ได้ใช้ควบคู่กับการเรียนการสอน เพื่อ จะได้ข้อมูลจากตัวนักเรียนและนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงการสอนเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ อยา่ งสงู สุด โดยมีวธิ ีการที่ใช้ดังตอ่ ไปนี้ คือ โดยการสังเกตการสอนของครู สนทนา ซักถามนักเรียน การสงั เกตการการเรยี น การฝกึ อา่ นโนต้ การฝกึ การเขยี น และฝกึ ปฏิบตั ิอยา่ งสมำ่ เสมอ 7.4. พฤติกรรมการเรียนรขู้ องนักเรียน หมายถึง พฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออก ในการ เรยี นดนตรีอยา่ งมีความสุข 7.5. ทักษะการเรียนในวิชาดนตรี หมายถึง ความสามารถของนักเรียนในการเรียนวิชา ดนตรี เก่ยี วกบั การเขยี น การอ่านโนต้ สากลและการปฏิบตั ิเครอื่ ง โดยมีเกณฑผ์ ่านร้อยละ 80 ขึ้น ไป โดยการทดสอบเกบ็ คะแนนจากการเขียน และการจำคอรด์ โนต้ สากล การปฏบิ ตั เิ ครอ่ื งดนตรี
6 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ท่เี กยี่ วข้อง การศึกษาวิจัยเร่ือง การพัฒนาทักษะการเล่นคอร์ดเพื่อปฏิบัติการเล่นกีตาร์เบื้องต้น ระดับช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ผวู้ ิจัยไดศ้ ึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ตลอดจนทฤษฎที ี่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ 1.การจดั การเรยี นรู้กลุ่มสาระศลิ ปะ(ดนตรี) 2. ทักษะการปฏบิ ัติเครื่องดนตรี 3.รปู แบบการเรยี นการสอนทกั ษะปฏบิ ัติตามแนวคิดของเดวสี ์ 4. กตี าร์ (Guitar) 5. แผนการจัดการเรยี นรู้ 6. การจัดการเรยี นรแู้ บบปกติ 7. ส่อื การเรยี นร้ปู ระเภทวีดที ศั น์ 8. ความพึงพอใจ 9.การสอนดนตรใี นเด็กระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษา 10. บริบทของโรงเรยี น 11. งานวิจัยทเี่ กยี่ วขอ้ ง การจัดการเรียนรกู้ ล่มุ สาระศิลปะ (ดนตร)ี หลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน มงุ่ พัฒนาผู้เรยี นทกุ คน ซง่ึ เปน็ กำลังของชาติให้เป็นมนษุ ย์ที่มีความสมดลุ ทั้งดา้ น ร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลกยึดมันในการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพ้ืนฐาน รวมท้ัง เจตคติ ที่จำเป็นตอ่ การศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศกึ ษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรยี นเป็น สำคัญบนพื้นฐานความเชื่อวา ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2551 : 3)กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะเป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมี ความคิดริเริม่ สร้างสรรค์ มีจนิ ตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสนุ ทรียภาพ ความมีคุณค่า ซ่ึงมี ผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์ กิจกรรมทางศิลปะช่วยพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกายจิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการน าไปสกู่ ารพัฒนาส่ิงแวดล้อม ส่งเสริมให้ผู้เรียนมคี วามเชื่อมันในตนเอง อนั เปน็ พน้ื ฐานในการศกึ ษาต่อหรอื ประกอบอาชพี ได้
7 (กระทรวงศกึ ษาธิการ. 2551 : 164) กลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะมุ่งพฒั นาให้ผู้เรยี นเกิดความรคู้ วามเข้าใจ มที ักษะวิธกี ารทางศิลปะ เกิดความซาบซ้ึงในคุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสให้ผู้เรยี นแสดงออกอยา่ งอิสระใน ศิลปะแขนงต่าง ๆ ประกอบด้วยสาระสำคัญ คือ 1.ทัศนศิลป์ มคี วามร้คู วามเข้าใจองค์ประกอบศลิ ป์ ทัศน์ธาตุ สร้างและนำเสนอผลงาน ทาง ทัศนศิลป์ จากจินตนาการ โดยสามารถใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมรวมท้ังสามารถใช้เทคนิค วิธีการ ของ ศลิ ปินในการสร้างงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ คุณค่างานทัศนศิลป์ เข้าใจ ความสัมพันธร์ ะหว่างทัศนศิลป์ ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคา่ งานศิลปะที่เป็นมรดกทาง วัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ภมู ปิ ญั ญาไทยและสากล ชนื่ ชมประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวัน 2. ดนตรี มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบดนตรีแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ทางดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชมและ ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็น คุณค่าดนตรี ที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทย และสากล รอ้ งเพลง และ เลน่ ดนตรี ในรูปแบบต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบเสยี งดนตรี แสดงความรสู้ กึ ทม่ี ีตอ่ ดนตรใี นเชิง สุนทรยี ะ เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งดนตรีกับประเพณวี ฒั นธรรม และ เหตกุ ารณ์ในประวตั ิศาสตร์ 3. นาฏศิลป์ มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ แสดงออกทางนาฏศิลป์ อย่าง สร้างสรรค์ใช้ศัพท์เบ้ืองตน้ ทางนาฏศลิ ป์ วิเคราะห์วิพากษ์ วจิ ารณค์ ุณค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรสู้ ึก ความคิดอย่างอิสระ สร้างสรรค์การเคล่ือนไหวในรูปแบบต่าง ๆ ประยุกต์ใช้นาฏศิลป์ ใน ชีวิตประจำวัน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ กับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เห็นคุณค่า ของ นาฏศิลป์ ท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ ภูมปิ ัญญาไทย และสากล สาระท่ี 2 ดนตรี มาตรฐาน ศ 2.1 เขา้ ใจและแสดงออกทางดนตรอี ย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า ดนตรี ถา่ ยทอดความรู้สกึ ความคดิ ตอ่ ดนตรอี ย่างอิสระ ช่นื ชม และ ประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจำวนั มาตรฐาน ศ 2.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม เห็นคุณค่า ของดนตรที ี่ เปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ภมู ิปญั ญาไทยและสากลคณุ ภาพผ้เู รียน 1. รู้และเข้าใจเกี่ยวกบรูปร่าง รูปทรง และจำแนกทัศน์ธาตุของสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและงานทัศนศิลป์ มีทักษะพื้นฐานการใช้วัสดุอุปกรณ์ในการสร้างงานวาดภาพระบายสี โดยใช้เสน้ รูปรา่ งรูปทรง สี และพื้นผิว ภาพปะตดิ และงานป้ัน งานโครงสร้างเคลื่อนไหวอยา่ งง่าย ๆ ถ่ายทอดความคิดความรู้สึกจากเร่ืองราว เหตุการณ์ ชีวิตจริงสร้างงานทัศนศิลป์ ตามที่ตนชื่นชอบ สามารถแสดงเหตุผลและวธิ กี ารในการปรบั ปรงุ งานของตนเอง
8 2. รู้และเข้าใจความสำคัญของงานทัศนศิลป์ ในชีวิตประจำวัน ท่ีมาของงานทัศนศิลป์ ใน ท้องถ่นิ ตลอดจนการใช้วสั ดุ อปุ กรณ์ และวิธกี ารสร้างงานทศั นศิลป์ ในทอ้ งถิน่ 3. รู้และเข้าใจแหล่งกำเนิดเสียง คุณสมบัติของเสียง บทบาทหน้าท่ี ความหมายความสำคัญ ของบทเพลงใกล้ตัวที่ได้ยิน สามารถท่องบทกลอน ร้องเพลง เคาะจังหวะเคล่ือนไหวร่างกายให้ สอดคล้องกบบทเพลง อ่าน เขียน และใช้สัญลักษณ์แทนเสียงและเคาะจังหวะ แสดงความคิดเห็น เก่ยี วกบดนตรี เสยี งขบั ร้องของตนเอง มสี ว่ นรว่ มกับกิจกรรมดนตรีในชีวิตประจำวนั 4.รู้และเข้าใจเอกลักษณ์ของดนตรีในท้องถ่ิน มีความช่ืนชอบ เห็นความสำคัญและประโยชน์ ของดนตรีต่อการดำเนินชีวิตของคนในท้องถิ่นสร้างสรรค์การเคล่ือนไหวในรูปแบบต่าง ๆ สามารถ แสดงท่าทางประกอบจังหวะเพลงตามรปู แบบนาฏศิลป์ มีมารยาทในการชมการแสดง รหู้ น้าท่ีของผู้ แสดงและผู้ชม รู้ประโยชน์ของการแสดงนาฏศิลป์ ในชีวิตประจำวัน เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงท่ี เหมาะสมกบวยั 5. รู้และเข้าใจการละเล่นของเด็กไทยและนาฏศิลป์ ท้องถิ่น ชื่นชอบและภาคภูมิใจใน การละเล่นพ้ืนบ้าน สามารถเชื่อมโยงส่ิงที่พบเห็นในการละเล่นพ้ืนบ้านกบการ ดำรงชีวิตของคนไทย บอกลักษณะเด่นและเอกลักษณ์ของนาฏศิลป์ ไทยตลอดจนความสำคัญของการแสดงนาฏศิลป์ ไทย ได้ จบชั้นประถมศกึ ษาปี ท่ี 6 1.รู้และเข้าใจการใช้ทัศน์ธาตุ รูปร่าง รูปทรง พ้ืนผิว สี แสงเงา มีทักษะพื้นฐานในการใช้วัสดุ อุปกรณ์ ถ่ายทอดความคิด อารมณ์ ความรู้สึก สามารถใช้หลักการจัดขนาด สัดส่วนความสมดุล น้ำหนัก แสงเงา ตลอดจนการใช้สีคู่ตรงข้ามท่ีเหมาะสมในการสร้างงานทัศนศิลป์ 2 มิติ 3 มิติ เช่น งานสอื่ ผสม งานวาดภาพระบายสี งานปั้น งานพิมพ์ภาพ รวมทง้ั สามารถสร้างแผนภาพ แผนผงั และ ภาพประกอบเพื่อถ่ายทอดความคิดจินตนาการเป็นเรื่องราวเก่ียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ และสามารถ เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างงานทัศนศิลป์ ที่สร้างสรรค์ด้วย วสั ดอุ ุปกรณ์และวธิ ีการที่แตกตา่ ง กน เข้าใจปัญหาในการจัดองค์ประกอบศิลป์ หลักการลดและ เพิ่มในงานป้ัน การสื่อความหมายใน งานทัศนศิลป์ ของตน รู้วิธกี ารปรับปรุงงานให้ดีขึ้นตลอดจน รู้และเข้าใจคุณค่าของงานทัศนศิลป์ ท่ีมี ผลตอ่ ชวี ติ ของคนในสงั คม 2.รู้และเข้าใจบทบาทของงานทัศนศิลป์ ท่ีสะท้อนชีวิตและสังคม อิทธิพลของความเชื่อ ความ ศรทั ธา ในศาสนา และวัฒนธรรมที่มีผลต่อการสร้างงานทัศนศลิ ป์ ในท้องถนิ่
9 3. รู้และเข้าใจเกี่ยวกบเสียงดนตรี เสียงร้อง เครื่องดนตรี และบทบาทหน้าท่ี รู้ถึงการเคลื่อนที่ ขน้ึ ลง ของทำนองเพลง องค์ประกอบของดนตรี ศัพทส์ ังคตี ในบทเพลง ประโยคและอารมณ์ของบท เพลงท่ีฟัง ร้องและบรรเลงเครื่องดนตรี ด้นสดอยา่ งง่าย ใช้และเก็บรักษาเครื่องดนตรอี ย่างถูกวิธี อ่าน เขียนโน้ตไทยและสากลในรูปแบบตา่ ง ๆ ร้ลู ักษณะของผู้ท่ีจะเล่นดนตรีได้ดี แสดงความคิดเหน็ เก่ียว กบองค์ประกอบดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึกของบทเพลงที่ฟังสามารถใช้ดนตรีประกอบกิจกรรมทาง นาฏศลิ ป์ และ การเลา่ เร่อื ง 4. ร้แู ละเข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างดนตรกี ับวถิ ีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรม ต่าง ๆ เรื่องราวดนตรีในประวัติศาสตร์ อิทธิพลของวัฒนธรรมต่อดนตรี รู้คุณค่าดนตรีที่มาจาก วัฒนธรรมต่างกน เหน็ ความสำคญั ในการอนุรกั ษ์ 5. ร้แู ละเขา้ ใจองคป์ ระกอบนาฏศิลป์ สามารถแสดงภาษาทา่ นาฏยศัพท์พื้นฐานสรา้ งสรรค์การ เคล่ือนไหวและการแสดงนาฏศิลป์ และการละครง่าย ๆ ถ่ายทอดลีลาหรืออารมณ์ และสามารถ ออกแบบเครื่องแตง่ กายหรอื อุปกรณ์ประกอบการแสดงง่าย ๆ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ และการละครกับส่ิงที่ประสบในชีวิตประจําวัน แสดงความคิดเห็นในการชมการแสดง และบรรยาย ความรู้สึกของตนเองท่มี ีตอ่ งานนาฏศิลป์ 6. รู้และเข้าใจความสมั พันธ์และประโยชน์ของนาฏศิลป์ และการละคร สามารถเปรียบเทียบ การแสดงประเภทตา่ ง ๆ ของไทยในแตล่ ะทอ้ งถิ่น และส่ิงที่การแสดงสะทอ้ นวัฒนธรรมประเพณี เห็น คุณคา่ การรักษาและสบื ทอดการแสดงนาฏศิลป์ ไทย ทฤษฎดี นตรสี ากลเบอื้ งต้น นกั วิชาการไดก้ ล่าวเกีย่ วกบทฤษฎดี นตรีสากลเบ้อื งตน้ ไว้ ดังน้ี ชูวิทย์ ยุระยง (2535 : 159) กล่าวถึงวิชาทางทฤษฎีดนตรีตะวันตกเป็นอีกวิชาหนึ่งซ่ึงถือได้วาเป็น พ้นื ฐานท่สี ำคัญในการศึกษาดนตรีเพราะเปน็ การท่ีเราจะทำความเข้าใจกบบทเพลงต่าง ๆ ท่ีได้รับการ บันทกึ และถา่ ยทอดออกมาเปน็ ภาษาหรือสญั ลกั ษณ์ท่ีเราเรียกวาตวั โนต้ ตรอง ทิพยวัฒน์(ม.ป.ป. : 1 -23) ไดก้ ล่าวถงึ เน้ือหาความรู้ขั้นพ้ืนฐานทางด้านดนตรีสากลเฉพาะใน ส่วนทีใ่ ช้ในการวจิ ัยครั้งนป้ี ระกอบด้วยเรอ่ื งตัวโน้ตตัวหยดุ บรรทดั 5 เสน้ เส้นน้อยเครื่องหมายเพมิ่ อัตรา ตวั โนต้ กญุ แจประจำหลกั และเครอื่ งหมายกำหนดจงั หวะ 1. ตัวโนต้ เป็นเคร่ืองหมายชนิดหนงึ่ ที่ใชบ้ ันทึกแทนเสยี งดนตรแี ละเสียงขบั ร้อง 2. ตัวหยุดเป็นเคร่ืองหมายบันทึกให้เสียงดนตรีหรือเสียงขับร้องเงียบเสียงลงชั่วขณะหนึ่ง ตามอตั ราของตัวหยุดทม่ี คี า่ เทียบเท่าตวั โนต้ 3. บรรทัด5 เสน้ มไี ว้สำหรับบันทึกตัวโนต้ และตวั หยุดเพ่ือบอกระดบั เสยี งสงู -ตำ่ ของตัวโนต้ 4. เสน้ น้อยมไี ว้สำหรบั บันทกึ โนต้ ทอี่ ยใู่ ต้และเหนอื บรรทดั 5 เส้น
10 5. เคร่ืองหมายเพิ่มอัตราตัวโน้ตเป็นเคร่ืองหมายท่ีใช้เมื่อต้องการจะเพ่ิมอัตราตัวโน้ตให้มี เสียงยาวมากกวาปกติ 6. กญุ แจประจำหลักหรือกญุ แจประจำเสียงมีความสำคญั ในการกำหนดชอื่ ตวั โน้ต 7. เคร่ืองหมายกำหนดจังหวะคือเลข 2 ตัวท่ีบันทึกซ้อนกันอยู่ ในตอนต้นของบทเพลงถัด จากกุญแจประจำหลักเลข2 ตัวที่เขียนซ้อนกนมีความหมายแตกต่างกนเลขตัวล่างหมายถึงลักษณะ โนต้ ทีย่ ึดเป็นเกณฑ์ตัวละ 1 จงั หวะเลขตัวบนหมายถึงจงั หวะภายในห้องจะตอ้ งมีจำนวนจงั หวะเทา่ กบ เลขตวั บนและบอกใหร้ โู้ นต้ ตัวละ 1 จังหวะภายในหอ้ งตอ้ งมจี ำนวนเท่ากับเลขตวั บน สรปุ ไดว้ าก่อนที่ ผู้เรียนสามารถอ่านและเขียนโนต้ ท่เี ป็นสัญลักษณ์สากลผู้เรยี นควรมีโอกาสได้รบั ร้มู ีประสบการณ์ดา้ น ดนตรีในลักษณะแง่มุมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดแนวคิดด้านองค์ประกอบดนตรีรวมทั้งความสัมพันธ์ของ องค์ประกอบต่าง ๆ ซ่ึงส่ิงเหล่าน้ีช่วยให้ผู้เรียนอ่านและเขียนโน้ตดนตรีได้อย่างมีความหมาย ประสบการณ์ดา้ นการอ่านและเขียนโน้ต ซ่ึงมีความเข้าใจเปน็ พืน้ ฐานน้ีเป็นผลเนือ่ งมาจากการพัฒนา ประสบการณเ์ ก่ยี วกบการรบั รเู้ รือ่ งเสยี ง จากการฟงั การร้องการเล่นการเคล่อื นไหวและการสรา้ งสรรค์ ด้านดนตรีดังน้ันการอ่านและเขียนจึงเป็นทักษะท่ีทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้มิใช่เป็น เร่ือง เฉพาะสำหรบั นักดนตรหี รอื นกั ประพนั ธเ์ พลงเท่าน้ัน ทฤษฎีการเรียนรกู้ ับการสอนดนตรี ในทางจติ วิทยาทฤษฎกี ารเรยี นรู้สามารถแบ่งออกได้เปน็ 2 กลมุ่ ใหญ่คือ 3.1 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนยิ ม ทฤษฎกี ารเรียนรขู้ องกลุ่มพฤติกรรมนยิ มได้อธบิ ายการเรียนรู้ โดยใช้ความสัมพันธร์ ะหว่างส่ิงเร้า และการตอบสนองเป็นหลัก ซ่ึงเปน็ ไปในหลายลักษณะโดยอธบิ ายการเรียนรู้เกิดข้ึนเมื่อใช้สิง่ เร้าเป็น ตัวชี้นำหรือจูงใจให้ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมท่ีต้องการออกมาการเรียนรู้เกิดข้ึนในสภาวะของการวาง เง่ือนไข โดยมีการเสริมแรงหรือการให้รางวัลและการลงโทษโดยเป็นตัวกำหนดให้ผู้เรียนแสดง พฤติกรรม ซงึ่ เป็นสง่ิ ท่เี หน็ ได้ชัดท้ังพฤตกิ รรมทเ่ี ปลีย่ นไปและตัวเสรมิ แรงทน่ี ำมาช่วยใหเ้ กดิ การเรียนรู้ 3.2 ทฤษฎีการเรยี นรูก้ ลุ่มแนวคิดนิยม ทฤษฎีการเรียนรู้ของกลุ่มแนวคิดนิยมได้อธิบายการเรียนรู้ว่าเป็นกระบวนการที่ เกี่ยวข้องกบ เรื่องของการสร้างแนวคดิ หรอื ความเข้าใจเพือ่ ทจ่ี ะใช้ประสบการณ์หรอื สภาวะแวดลอ้ มท่ีตนได้ประสบ มาซึ่งเป็นเรื่องท่เี ก่ยี วขอ้ งกบความคิดกระบวนการคิดหาเหตุผลรวมไป ถงึ ตวั แปรอื่น ๆ เช่นการจูงใจ พันธุกรรมและประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีมาก่อน ดังน้ันการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนเป็นผลเน่ืองมาจาก ประสบการณ์เดิมและความสามารถในการคิดหาเหตุผลของบุคคลนั้นสาระสำคัญของทฤษฎีการ เรียนรู้ในกล่มุ แนวคิดนิยม คอื
11 1. การเรียนรจู้ ะเกิดขึ้นเม่ือผ้เู รยี นมีโอกาสรบั รู้สิ่งนั้นอย่างชัดเจน เน่ืองจาก ผเู้ รียนแต่ละคน มปี ระสบการณ์เดิมที่แตกต่างกันการรับรู้ส่งิ ใหม่อาจไม่เป็นไปในลักษณะท่ีผู้สอนต้องการดังน้ันผูเ้ รียน และผู้สอนควรมีความเข้าใจตรงกนในสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ รวมไปถงึ การจัดสภาพการเรียนการสอนท่ี เออื้ อำนวยตอ่ การเรยี นรูใ้ นสง่ิ ท่ีม่งุ หวงั ไว้ 2. การเรียนรู้ใหม่ท่ีเกิดข้ึนเป็นผลรวมของประสบการณ์เดิม และประสบการณ์ใหม่ของ ผู้เรียน ดังนั้นการจัดสภาพการเรียนรู้ผู้สอนต้องคำนึงถึงประสบการณ์เดิมของผู้เรียนและใช้ ประสบการณ์เดิมของผเู้ รียนเป็นจดุ เริ่มต้นชีใ้ ห้เห็นความคลา้ ยคลงึ หรือความเหมือนของประสบการณ์ เดมิ กบประสบการณใ์ หม่ 3. การเรยี นรู้เป็นกระบวนการต่อเน่ืองสัมพันธ์ผูเ้ รียนจะเรยี นรู้สิ่งใหมๆ่ ได้โดยการเช่ือมโยง กบส่ิงท่ีตนมีประสบการณ์มาแล้วดังนั้นผู้สอนควรทราบประสบการณ์เดิมของผู้เรียนและใช้ ประสบการณเ์ ดมิ น้ันเช่อื มโยงกบประสบการณ์ใหม่ที่จะเรยี นรู้ทำให้ผเู้ รียนเกดิ การเรียนรู้สงิ่ ใหม่ๆ 4. เนอื่ งจากการเรียนรเู้ ป็นกระบวนการต่อเน่ืองในบางคร้งั ประสบการณ์ใหม่อาจไม่สมบูรณ์ แบบแต่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์นั้นได้เม่ือนำประสบการณ์เดิมที่มีอยู่มาช่วยทำให้ ประสบการณ์ใหม่สมบูรณ์แบบและเกดิ การเรียนรูข้ ้นึ ได้นอกจากนี้ (ณรุทธ์สุทธจิตต์. 2532 : 57 -60, อ้างถึงในBruner. 1966 : 10 – 11) ได้เสนอหลักการ เกี่ยวกับลำดับข้ันของการรับรู้ทางจิตวิทยาด้านดนตรีไว้ดังนี้ การรับรู้เป็นกระบวนการที่แบ่งได้3 ระดบั คือ 1. ขัน้ การเรียนรกู้ ารกระทำ(Enactive representation) ไดแ้ ก่กระบวนการรบั รู้ทผี่ ่านทางการ กระทำซ่ึงในทางดนตรีการรับรู้ในขั้นนี้เช่นการเรียนท่ีผ้เู รียนได้ฟงั เสียงหรือปรบมือตามจงั หวะของตัว โน้ตตา่ ง ๆ เปน็ ต้น 2. ขั้นการเรียนรู้จากความคิด(Iconic representation) ได้แก่กระบวนการรับรู้ท่ีเกี่ยวข้องกบ การใช้สัญลักษณ์แทนส่ิงท่ีต้องการเรียนรู้ในลักษณะของภาพในทางดนตรีเช่นการใช้ภาพที่สื่อ ความหมายแทนตัวโน้ตหรอื ใชค้ วามส้นั ยาวของเสน้ ส่ือความหมายแทนจังหวะสน้ั ยาวของอตั ราตวั โนต้ 3. ขั้นการเรียนรู้สัญลักษณ์และนามธรรม (Symbolic representation) ได้แก่กระบวนการ รับรทู้ ี่เกี่ยวข้องกบการใชส้ ัญลักษณ์ทางด้านภาษาท่ีทุกคนยอมรับ เช่น ภาษาเขียนหรือตวั โน้ตสากล ในข้ันน้ีคือการเรียนสัญลักษณ์จากขั้นท่ีสองมาเป็นสัญลักษณ์ท่ีเป็นลักษณะสากลในทางดนตรีได้แก่ การรบั ร้เู กีย่ วกบเร่อื งตวั โน้ตหรือเครอ่ื งหมายต่าง ๆ ทางทฤษฎีดนตรี 4. ประสบการณด์ นตรี ป ร ะ ส บ ก าร ณ์ ด น ต รี เป็ น ส าร ะ ที่ เกี่ ย ว ข้ อ ง ก บ ผู้ เรี ยน ด น ต รีก าร เรีย น ด น ต รีส าร ะ ด น ต รีแ ล ะ สุนทรียศาสตร์สาระดนตรี(Music subject-matter) เน่ืองจากสาระดนตรีเป็นแก่นสารเนื้อหาสาระ ของวิชาการโดยเฉพาะดังน้ันการจัดกิจกรรมโดยใช้หลักของสาร ะดนตรีจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถ
12 เรียนรู้ดนตรีได้ตรงตามสาระเน้ือหาของดนตรีสาระดนตรีสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือเนื้อหา ดนตรีและทกั ษะดนตรี 1. เนื้อหาดนตรี(Music content) ประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 2 ส่วนคือองค์ประกอบดนตรีและ วรรณคดดี นตรี 1.1 องค์ประกอบดนตรี(Music elements) ประกอบด้วยจังหวะ(Rhythm) ทำนอง (Melody) เสยี งประสาน (Harmony) ฉันทลกั ษณ(์ Form) สสี นั (Tone color หรือTimbre)และอารมณ์เพลง (Expressions) 1.2 วรรณคดีดนตรี(Music literature) ประกอบด้วยบทเพลง (Repertoire)หรือ เพลงประเภทตา่ ง ๆ และประวัตศิ าสตร์ดนตร(ี Music history) 2. ทักษะดนตรี(Music skills) เป็นส่วนช่วยให้เกิดความเขา้ ใจสาระดนตรไี ดแ้ ละจัดเป็นหัวใจ ของการศึกษาดนตรดี ังนั้นในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนดนตรคี วรเสนอทักษะดนตรีตา่ งๆอยาง ครบถ้วนสมบูรณ์ทักษะดนตรีประกอบด้วยการฟัง (Listening)การร้อง(Singing) การเล่น (Playing)การเคล่ือนไหว(Moving) การสรา้ งสรรค(์ Creating) และการอา่ น (Reading) สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) สาระเก่ียวข้องสุนทรียศาสตร์เป็นเนื้อหาส่วนหน่ึงท่ีเก่ียวข้องกับการจัดกิจกรรมหรือ การศึกษาดนตรีเนื่องจากดนตรีเป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวข้องกับความงาม โดยตรงสุนทรียศาสตร์จึงเป็น รากฐานสำคัญด้านหน่ึง ท้ังนี้เป็นเพราะการที่ผู้เรียนดนตรีจะเกิดความซาบซ้ึงในดนตรีได้นน้ั ดนตรีที่ ผู้เรียนมีประสบการณ์หรอื ได้สัมผัสต้องเป็นดนตรีที่เป็นสุนทรียวัตถุคือเป็นดนตรที ่ีมีสุนทรียรส การ จัดกจิ กรรมดนตรใี นการจัดกิจกรรมดนตรเี ก่ียวขอ้ งกบประสบการณ์ดนตรี แบง่ เป็น 2 สว่ นใหญ่ๆ คือ 1. การเรยี นร้ดู นตรเี ก่ียวข้องกับกระบวนการเรยี นการสอนดนตรีและผู้เรียนด้วยตนเอง การ สอนดนตรีการประเมินผลดนตรีและสภาพแวดล้อมในห้องเรียนกระบวนการเรียนการสอนดนตรี ได้แก่เนื้อหาเกี่ยวกบหลักสูตรดนตรีวิธีสอนดนตรีส่วนการเรียนรู้ด้วยตนเอง ได้แก่การเรียนรู้นอก หอ้ งเรยี นหรือการเรียนรทู้ ี่ระบบการศึกษามิได้จัดให้แต่ผู้เรียนหาโอกาสศึกษาด้วยตนเอง ซ่ึงเป็นการ เรียนรจู้ ากสภาพแวดล้อมในสงั คมเช่นสภาพทางบา้ นสอื่ มวลชนการไปชมการแสดงตา่ ง ๆ 2. ผู้เรยี นดนตรีเป็นส่วนสำคญั ในประสบการณ์ดนตรแี ละเป็นหัวใจของการจัดกจิ กรรมดนตรี ทีค่ วรคำนึงถึงในส่วนที่เกย่ี วขอ้ งกบผู้เรียนดนตรีมี 2 สว่ น คอื 2.1 ความสามารถในการเรียนรู้ที่เก่ียวข้องกบสติปัญญา ได้แก่ความคิดท่ีเกี่ยวข้องกบ ความถนดั ดนตรี ได้แกพ่ รสวรรค์หรอื ความสามารถเฉพาะตัวที่ติดตวั มาแตก่ ำเนดิ 2.2 ทัศนคติดนตรีได้แก่ความรู้สึกและอารมณ์ซ่ึงเป็นส่วนท่ีนำไปสู่ความซาบซึ้งในสุนทรี ยรสของดนตรีแต่เป็นส่ิงท่ีไม่สามารถสอนกันได้โดยตรงผู้เรียนจะเกิดได้ในความรู้สึกของตนเองจาก การเรยี นรู้
13 ณรทุ ธ์ สทุ ธจิตต(์ 2536 : 100 -122) ไดส้ รุปหลกั การสอนดนตรีประเภทตา่ ง ๆ ไว้ดังน้ี 1. หลักการสอนดนตรีของหมอ่ มดุษฎบี ริพัตร หลกั การที่สำคญั ในการสอนดนตรคี อื มุ่งพฒั นาความรู้ ความสามารถทางด้านดนตรีของผู้เรียนตามความถนัดของแต่ละบุคคลโดยเน้นให้ผู้เรียนใช้ความคิด ของตนเองเป็นหลักเน้นให้สร้างสรรคม์ ิใช่เปน็ การเลียนแบบเพียงอยา่ งเดียว โดยการบูรณาการทักษะ ดนตรีและการเคล่ือนไหวผู้เรียนเรียนรู้เก่ียวกบแนวคิดทางดนตรี โดยใช้พื้นฐานทางการเคล่ือนไหว และทักษะเป็นสื่อให้มีส่วนร่วมปฏิบัติกิจกรรมการเรียนเป็นหลักสำคัญผู้เรียนจะคิดวิเคราะห์วิจารณ์ สนทนาแลกเปล่ียนความคิดซึ่งกันและกัน และแสดงในระหว่าง กิจกรรมการเรยี นการสอนเพื่อรับรู้ และเกิดประสบการณ์ทางดนตรีโดยใช้การเคล่ือนไหวเป็นสื่อประกอบด้วยทักษะการเคล่ือนไหว พ้ืนฐานไปสู่การเคลื่อนไหวท่ีมีแบบแผน 3 ระดับ คือ ทักษะพ้ืนฐานเบื้องต้นทักษะพ้ืนฐานขั้นกลาง และทักษะในระดับสูงผูเ้ รียนจะพฒั นาทักษะข้ันพนื้ ฐานจากระดบั หนึง่ ไปสู่อีกระดับหนึ่งพร้อมๆไปกบ ทักษะตา่ งๆและความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกบแนวคดิ ทางดนตรี 2. หลกั การสอนดนตรีของ อรวรรณ บรรจงศลิ ป์ หลักการสอนดนตรีคือการมุ่งพัฒนาการรับรู้ด้านดนตรีและความเข้าใจในเรื่องโครงสร้างหรือ องค์ประกอบดนตรี เพ่ือนำไปสู่ความซาบซ้ึงในดนตรแี ละความสามารถในการประยกุ ต์ใช้ความรูแ้ ละ ทักษะดนตรีในชีวิตประจำวันทักษะดนตรีที่กล่าวถึง ได้แก่การฟังการร้อง การเล่น การเคล่ือนไหว การสร้างสรรค์ และการอ่าน ส่วนโครงสรา้ งหรือองคป์ ระกอบดนตรี ได้แกจ่ ังหวะทำนองรปู แบบเสยี ง ประสานอารมณ์เพลงและลีลา โดยใช้กิจกรรมดนตรเี ป็นสื่อ 3. หลกั การสอนดนตรีของดาลโครซ (Emile Jaques-Dalcroze) สาระสำคัญในการสอนดนตรีของดาลโครซ คือ การพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบดนตรีซึ่ง เน้นเร่ืองเสียงเป็นสำคัญ โดยใช้หลักการเคลื่อนไหวเป็นสื่อนำไปสู่ ความเข้าใจเร่ืองดนตรีหลักการ พน้ื ฐานของวิธนี ้ี เป็นการเคล่ือนไหวเกี่ยวข้องกับจังหวะท่ีเรยี กว่า ยูริธึมมิก (Eurhythmic) จดุ เริ่มต้น ของยูริธึมมิก คือการสอนให้เด็กรู้จักเคล่ือนไหวให้เข้ากบจังหวะดนตรีหรือใช้ความเคล่ือนไหว สนองตอบตอ่ ดนตรีซง่ึ เกี่ยวขอ้ งกบั การบังคับกลา้ มเน้ือในสามลกั ษณะคอื 3.1 การเคลอื่ นไหวให้เข้ากบเวลา (เกย่ี วข้องกับความเรว็ ของจงั หวะหรือ Tempo) 3.2 การเคลื่อนไหวใหเ้ ขา้ กับทวี่ ่าง(เกย่ี วขอ้ งกบั ระยะหรืออตั ราตวั โนต้ หรอื Duration) 3.3 การเคลอ่ื นไหวทีใ่ ห้แรงท่เี หมาะสม (เกยี่ วข้องกบความดงั ค่อยของเสยี งหรอื Dynamics) 4. หลักการสอนดนตรีแบบคอมพรีเฮนซีฟมิวซิเช่ินชิฟ (Comprehensive musicianship) หลักการสอนดนตรีแบบคอมพรีเฮนซีฟมิวซิเช่ินชิฟ เร่ิมต้นจากการได้เห็นข้อบกพร่องของการเรียน การสอนดนตรีในลักษณะของการแบ่งแยกดนตรีเป็นวิชาต่าง ๆ ทำให้ผู้เรียน ไม่สามารถเกิดแนวคิด เกย่ี วกบดนตรเี ป็นภาพรวมท่ีไมค่ รบถ้วน ได้ส่งผลทำใหก้ ารพัฒนาด้านดนตรไี มค่ รบถ้วนสมบูรณจ์ ึงได้ ปรับปรุงการเรียนการสอน โดยมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนมีความเป็นนักดนตรอี ย่างครบถว้ นสมบูรณ์วิธกี าร
14 สอนดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงการเรียนการสอนดนตรีในทุกลักษณะตั้งแต่ดนตรีศึกษาในระดับ ประถมศึกษาและมธั ยม ซ่ึงมุ่งเน้นให้ความรู้ทางดนตรีอย่างครบถ้วนดังนั้นหลักการที่สำคัญของวิธีน้ี คอื ผู้เรยี นสามารถรู้และเข้าใจดนตรีในลักษณะของศิลปะทั้งสามารถซาบซึ้งในดนตรี ให้ความสำคัญ กบดนตรีไม่วาจะอยู่ ในฐานะใดของสังคมหลักการสำคัญของกระบวนการน้ี คือ การจดั ประสบการณ์ ให้ผู้เรียนมีบทบาทเป็นทั้งผู้ฟังผู้แสดงและผู้สร้างสรรค์กล่าวคือ ในฐานะผู้ฟังผู้เรียนได้รู้คิดวิเคราะห์ โดยอาศัยส่ือทั้งทางเสียงและภาพเข้ามาช่วย เพื่อให้ผู้เรียนมีประสบการณ์เกี่ยวกบสาระดนตรีอย่าง ถ่องแท้ลึกซ้ึง ในฐานะผู้แสดงผู้เรียนได้รับประสบการณ์และฝึกทักษะดนตรีต่าง ๆ ทำให้ผู้เรียนเกิด ความเข้าใจในดนตรีอีกมิติท่ีนอกเหนือจากฐานะผู้ฟังในฐานะผู้สร้างสรรค์ผู้เรียนมีโอกาสสร้างสรรค์ ดนตรีตั้งแต่ระดับงา่ ย ๆ จนถึงระดับการประพันธ์เพลงซึ่งการเรียนรู้ดนตรี โดยการสรา้ งสรรค์เป็นส่ือ ส่งิ น้ีเป็นประสบการณ์สรา้ งเสรมิ ให้ผเู้ รียนเข้าใจและเห็นคุณค่าของดนตรีไดเ้ ปน็ อย่างดี การเรียนการสอนแบบดงั กล่าวมวี ิธกี ารที่ใชป้ ระกอบดงั นี้ 1.การมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมดนตรขี องผเู้ รียน 2.การมีประสบการณด์ นตรีทั้ง 3 ด้านไปพรอ้ มๆกัน 3.การค้นพบดว้ ยตนเอง 4.การใช้วรรณคดดี นตรีทั่วโลกในการสอน 5. แนวการจดั กิจกรรมดนตรี ในกระบวนการเรียนการสอนท่ีเก่ียวข้องกับผู้เรียน (ณรุทธ์สุทธจิตต์. 2537 :151 -160) ได้ กล่าวถึงสาระดนตรีและการเรียนรู้เป็นกระบวนการสร้างประสบการณ์ดนตรีซึ่งมีความลึกซ้ึงดังนั้น ครูผู้สอนควรทำความเข้าใจกับประสบการณ์ดนตรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมดนตรีหรือ ควรคำนงึ ในการเรยี นการสอนดนตรเี พ่อื ให้ผเู้ รียนสามารถเรียนร้ดู นตรีไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพสูงสดุ แนวการจัดกิจกรรมตามประสบการณ์ดนตรที ่ีมา : ณรุทธ์สุทธจติ ต์(2536 :153)การวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ดนตรี นักวิชาการหลายท่านได้กล่าวถึงการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ ดนตรีไว้ ดังน้ีการวัดผลและการประเมินผลดนตรีแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือการประเมินผลเก่ียวกบ เน้ือหาดนตรีซ่ึงเน้นไปทางเร่ืองการสร้างแบบทดสอบลักษณะต่าง ๆ และการประเมินผลเกี่ยวกบ ทกั ษะดนตรีได้แก่เรอ่ื งของการปฏิบัติซ่งึ เป็นเรื่องเก่ียวกบการประเมินค่าอิงข้อมูลท้ังเชิงปริมาณและ คุณภาพการประเมินผลการเรยี นรู้ดนตรีแบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 สว่ น คอื 1. การประเมินเน้ือหาดนตรีเน้ือหาดนตรีได้แก่องค์ประกอบดนตรี(จังหวะทำนองเสียง ประสานรูปแบบสีสันและลักษณะของเสียง) และวรรณคดีดนตรี(บทเพลงและประวัติดนตร)ี ซ่ึงเป็น เร่ืองเกี่ยวกบทฤษฎีดนตรีสามารถประเมินผล โดยใช้การทดสอบในการเรียนรู้ แนวการจัดกิจกรรม ดนตรี ผู้เรียนดนตรี สาระดนตรี สุนทรียศาสตร์ รูปแบบของข้อสอบลักษณะต่าง ๆ ได้เนื่องจากเป็น การประเมนิ ผลทางดา้ นเนือ้ หาแนวคิดมไิ ดเ้ ก่ยี วข้องกบทกั ษะปฏิบัติ
15 2. การประเมินผลทักษะดนตรีการประเมินผลทักษะดนตรีเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปฏิบัติ สามารถกระทำไดใ้ นสองลักษณะตามประเภทของการปฏิบตั ิดนตรคี ือการปฏบิ ัติเด่ียวและการปฏิบัติ กลุม่ โดยการวดั ทัง้ สองลักษณะคือความสามารถในการปฏบิ ัตทิ กั ษะและคุณภาพของการปฏบิ ัติ สุเทพ เมยไธสง (2534 : 21) ได้กล่าวถึงการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ดนตรีไว้ดังน้ี การวัดและการประเมินผลเป็นกระบวนการท่ีมุ่งกำหนดปริมาณคุณภาพของพฤติกรรมและ ความสามารถของบคุ คลโดยใช้เครอื่ งมือวัดเป็นตวั เร้าให้บุคคลแสดงพฤติกรรมความสามารถเหล่าน้ัน ออกมา เพ่อื กำหนดจำนวนหรือระดบั ผลการวัดท่ีไดแ้ ตล่ ะคร้ังยอมขน้ึ อย่กู ับเครื่องมือวัดเป็นสำคัญครู จึงเป็นผู้ท่ีจะต้องรู้ลักษณะของเคร่ืองมือวัดเพื่อที่จะนำผลของการวัดไปพัฒนาความสามารถของ ผเู้ รียนต่อไป สายนั ต์ บุญใบ (2543 : 49) ไดก้ ล่าวถึงความหมายของการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ ดนตรีไวด้ ังน้ี ในการวดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดนตรีนนั้ ควรจะมกี ารประเมินทัง้ ด้านความรู้และ ความสามารถทางทกั ษะปฏิบัตใิ นการวดั ความรู้ควรใช้คำถามหรือแบบสอบถามเพือ่ ประเมนิ ถงึ ความรู้ ความเข้าใจท่ีผู้เรียนได้รับส่วนในด้านของการวัดความสามารถทางทักษะปฏิบัตินิยมใช้แบบสังเกต ทักษะปฏิบัติสำหรับการวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยได้ทำการวัดผลและประเมินผลท้ังด้านความรู้และด้าน ความสามารถทางทักษะปฏิบัติโดยในการวัดด้านความรู้ผู้วิจัยได้ใช้แบบทดสอบเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก ส่วนด้านความสามารถด้านทักษะปฏิบัติผู้วิจัยจะใช้แบบสังเกตทักษะปฏิบัติเพื่อประเมิน คะแนนตามเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนตามทีไ่ ดก้ ำหนดไว้ ทกั ษะปฏบิ ตั เิ คร่ืองดนตรี 1. ความสำคัญของทกั ษะปฏิบัติเครือ่ งดนตรี ความสำคัญของทกั ษะการปฏิบัตเิ ครือ่ งดนตรีมีนกั วชิ าการหลายท่านได้กล่าวไว้ดังน้ี ไพฑูรย์ สินลารัตน์(2554 : 95) กล่าวว่า ความสำคัญของทักษะการปฏิบัติเคร่ืองดนตรีมี ความสำคัญ 2 ลักษณะคือความสำคัญในแง่ของการศึกษาเพราะทักษะการปฏิบัติเคร่ืองดนตรีทำให้ การศกึ ษาวิชาดนตรเี ปน็ การศกึ ษาท่ีสมบูรณ์และความสำคัญในแง่ของผู้เรียนผู้สอนทักษะการปฏิบัติ เครื่องดนตรีช่วยให้ผู้เรียนเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุ จุดประสงค์ในลักษณะของการ นำไปใช้ สว่ นทางด้านผูส้ อนได้มโี อกาสเห็นผลของการสอนของตนในทันทที นั ใด ณรุทธ์ สุทธจิตต(์ 2537 : 8 – 9) กล่าวว่า ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของสาระดนตรีคอื ทักษะดนตรี ซึง่ เป็นส่วนท่ีชว่ ยให้เกิดความเข้าใจสาระดนตรีได้และจัดเป็นหัวใจของการศึกษาดนตรีสำหรับผู้ที่จะ เป็นนักดนตรี(Musician และPerformer) ต่อไปทักษะดนตรีแต่ละประเภทยอมมีความสำคัญเท่า เทยี มกนั ดังน้ันในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนดนตรคี วรมีทักษะดนตรีต่างๆอยางครบถ้วน
16 ศกั ด์ิชัย หิรญั รักษ์ (2539 : 12 – 17) กลา่ วว่า ทักษะปฏิบัตเิ ปน็ ธรรมชาติของการเรียนการสอน ในวิชาดนตรีการปฏิบัติในวิชาจะถูกเรียกวาการฝึกทักษะดนตรีปฏิบัติ (Musical skill) เน้ือหาสาระ ทางดนตรีจะถูกสอนผ่านทักษะเสมอจากที่นักวิชาการทางด้านดนตรีหลาย ท่าน ได้กล่าวถึง ความสำคัญของทักษะการปฏิบัติเคร่ืองดนตรไี ว้ข้างต้นสามารถสรุปใจความสำคัญได้วาทักษะดนตรี แตล่ ะทกั ษะมีความสำคญั เทา่ เทียมกัน ดังน้นั เพื่อใหก้ ารจัดกิจกรรมเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพควรมี การให้ความสำคญั เก่ียวกับการฝกึ ทักษะปฏบิ ตั ิเพราะเมื่อผู้เรียนมีทักษะในด้านปฏบิ ัติอย่างดีแลว้ ก็จะ นำไปสู่การเรยี นรู้ในเร่อื งอื่น ๆ ได้เปน็ อย่างดีเช่นกันเพราะจะทำให้การเรยี นการสอนสามารถดำเนิน ไปอยา่ งลลุ ่วงและเกิดประโยชน์ตอ่ ท้ังตัวของผ้เู รยี นและผสู้ อนดว้ ยเชน่ กนั 2. องค์ประกอบของการเรียนการสอนทักษะการปฏิบัติเคร่ืองดนตรี ในการเรียนการสอนทกั ษะการปฏิบตั ิเคร่อื งดนตรใี นรายวชิ าดนตรศี กึ ษานั้นมอี งคป์ ระกอบ หลายประการ ซึง่ ผสู้ อนควรพจิ ารณาใครค่ รวญและวางแผนการสอนใหร้ อบคอบไม่วาจะเป็นดา้ น เนอ้ื หาวชิ าหรือในดา้ นเกี่ยวกบเรื่องสว่ นตวั ของผเู้ รียนองคป์ ระกอบสำคัญทค่ี วรคำนงึ ถงึ มีนกั วชิ าการ กลา่ วไว้ ดังน้ี กมลรัตน์ หล้าสุวงษ์(2523 : 271) กล่าวว่าองค์ประกอบท่ีจำเป็นในการเรียนการ สอนทักษะการ ปฏบิ ตั ิควรคำนึงถึงองคป์ ระกอบต่างๆดงั ต่อไปน้ี 1. ผเู้ รียนได้แก่วุฒิภาวะประสบการณ์เดมิ ความพรอ้ มแรงจงู ใจเปน็ ตน้ 2. อาจารยผ์ ู้สอน ได้แก่วิเคราะห์ทักษะที่จะสอนการศกึ ษาภูมิหลังของผู้เรียนฝึกฝนทักษะท่ี ยงั ขาดอยู่ให้สมบูรณ์และส่งเสริมทักษะที่มีอย่แู ล้วให้มคี วามชำนาญมากข้ึนอธิบายและสาธิตทกั ษะที่ จะฝึกอย่างช้า ๆ ให้เข้าใจและชัดเจนตามลำดับทุกขั้นตอนพยายามแจ้งผลการฝึกกลับไปยังผู้เรียน บอ่ ย ๆ หรอื ทันทที ่ีฝึกสำเร็จในแตล่ ะขน้ั ชม ภมู ิภาค(2524 : 296) กล่าวว่า การเรยี นทกั ษะการปฏิบัตมิ อี งค์ประกอบทีส่ ำคัญ 3 ส่วนคอื 1. ความรู้ 2. การกระทำเพ่ือใหถ้ กู ต้อง 3. การปฏิบตั ิจนเป็นอตั โนมัตถิ งึ ข้ันเชยี่ วชาญ การสอนทกั ษะประกอบดว้ ยขัน้ ต่าง ๆ ดงั น้ี ข้นั ท1่ี วเิ คราะห์ทกั ษะต้องพิจารณาแยกแยะรายละเอยี ดของทกั ษะนนั้ ออกมา ข้ันท2่ี ตรวจสอบความสามารถเบ้อื งต้นท่ีเกี่ยวกบทกั ษะของนักเรียน ขัน้ ที่3 จัดการฝกึ หนว่ ยต่าง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในหนว่ ยทขี่ าดหายไป ขัน้ ท่ี4 ขั้นอธิบายและสาธติ ทักษะใหน้ กั เรยี นดู ข้ันที่5 จดั ภาวะสง่ิ เรา้ กำหนดเวลาการปฏิบัตแิ ละการใหร้ ้ผู ลปฏิบตั ิ
17 ไพฑูรย์ สินลารัตน์(2551 : 97) กล่าวว่า องค์ประกอบท่ีสำคัญในการเรียนการสอนทักษะการ ปฏบิ ตั ิเครื่องดนตรีมี ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. สถานทฝี่ กึ ปฏบิ ตั ิต้องมคี วามเหมาะสมสอดคลอ้ งกบจดุ มุง่ หมายและเนือ้ หาวิชา 2. การฝึกปฏิบัติเป็นการลงมือทำงานจริงปฏิบัติงานจริงในสภาพท่ีใกล้เคียงหรือเป็นสภาพ จริงใหม้ ากท่ีสุด 3. เอกสารการฝกึ ปฏิบัติเช่นคมู่ ือการฝึกปฏิบตั ิแบบฝึกปฏิบตั ิ 4. การเตรียมตัวของผู้เรียนและผู้สอน เช่น ต้องกำหนดจุดมุ่งหมายของการฝึกกำหนด เนือ้ หาเตรยี มเอกสารอุปกรณส์ ถานทีแ่ ละกำหนดเวลาผู้เรียนจำเป็นต้องมคี วามรมู้ ีทกั ษะข้ันพ้ืนฐานมี ความเขา้ ใจข้นั ตอน และสงิ่ ท่ีจะเกิดขึน้ ในการปฏิบตั ิ ณรุทธ์ สุทธจิตต์(2534 : 62) ได้กล่าวว่า องค์ประกอบของการเรียนการสอนทักษะการปฏิบัติ เครอ่ื งดนตรีท่ีควรคำนึงถงึ มี ดังตอ่ ไปน้ี 1. ผเู้ รียนทุกคนควรไดป้ ฏิบัติเครื่องดนตรใี นการประกอบกจิ กรรม 2. เคร่อื งดนตรคี วรอยใู นสภาพดี 3. การเก็บรกั ษาเคร่ืองดนตรี 4. วธิ ีปฏบิ ัติเคร่อื งดนตรี 5. การปฏิบัติดนตรที งั้ แบบกลุม่ และแบบเปน็ วง 6. การปฏิบัตดิ นตรีโดยการอา่ นและการสร้างสรรค์ 7. การฟังการปฏิบัตขิ องตนเอง 8. ราคาเครอื่ งดนตรี จากองค์ประกอบของการเรียนการสอนทักษะการปฏิบัติเครื่องดนตรีที่นักวิชาการกล่าวไว้ ข้างต้นสรปุ ได้วา ทักษะการปฏิบัตเิ ครื่องดนตรีเป็นทักษะดนตรีทส่ี ำคัญอกี ทักษะหนึ่ง ทผี่ ู้เรียนดนตรี ทุกระดับช้ันควรมีประสบการณ์ประโยชน์ท่ีได้จากการปฏิบัติเคร่ืองดนตรีทำให้ผู้เรียนพัฒ นาเน้ือหา ดนตรไี ด้อย่างดีเนื่องจากผู้เรยี นตอ้ งเข้าใจจดจำจังหวะทำนองและต้องอ่านโน้ตนอกจากนี้การปฏิบัติ เคร่ืองดนตรีทำให้ผู้เรียนเกิดความสนุกสนานโดยเฉพาะการปฏิบัติในลักษณะประสมวงและทำให้ ผู้เรียนเกิดความซาบซง้ึ ในสุนทรยี ศาสตรข์ องดนตรี
18 3.การเตรยี มตัวสภู่ าคปฏิบตั ิ ได้มนี กั วิชาการกลา่ วถงึ การเตรียมตวั สู่ภาคปฏิบัติไวด้ งั นี้ พนมยงค์ บุญทัศนกุล(2539 : 56 – 57) กล่าวว่า การฝึกทักษะอย่างได้ผลควรมีความพร้อม ดงั ต่อไปนี้ 1. มีความตั้งใจอย่างจริงจังท่ีจะฝึกฝนโดยจัดเวลาให้ตนเองอย่างน้อยวันละ 20 –30นาที สปั ดาห์ละ5-6 วนั 2. มีสถานที่ท่ีผู้ฝึกสามารถจะปฏิบัติการฝึกซ้อมได้เช่นเป็นห้องฝึกซ้อมเฉพาะไม่มีผู้มา รบกวนมีอากาศถ่ายเทได้สะดวกและขอให้คำนึงด้วยวาไม่ควรให้เสียงจากการฝึกซ้อมไปรบกวน ชาวบ้าน 3. มเี ครื่องเทียบเสียง (Pitch pipe) หรือมเี ครอ่ื งดนตรอี ื่น 4. รบั ประทานอาหารพอสมควรไม่ควรทอ้ งวางหรือทอ้ งอ่มิ จนเกนิ ไป 5. สวมเสื้อผา้ ทไ่ี ม่คบั จนเกนิ ไปขณะฝึกควรงดใชเ้ ขม็ ขัดรัดเอว 6. ไม่มโี รคภัยไขเ้ จบ็ สุขภาพสมบรู ณ์ 7. ทำจิตใจใหแ้ จ่มใสและสงบ 8. เดินสายกลางในการฝึกไม่ตึงจนเกินไป และไม่หยอนจนเกินไป การกำหนดเวลาฝึก แบบฝึกหัดในแต่ละบทน้ันสามารถปรับปรุงให้เหมาะสมกบสภาพของแต่ละบุคคลโดยมุ่งไปท่ีผลของ การฝกึ เป็นหลัก 4.การฝึกซ้อมทกั ษะประจำวนั ได้มีนกั วิชาการกล่าวถึงการฝึกซอ้ มทกั ษะประจำวนั ไว้ดังนี้ ชูชาติ พิทกั ษาการ(2535 : 141 – 143) กล่าวว่า การฝกึ ซ้อมประจำวนั เปน็ สิ่งท่จี ำเป็นทสี่ ุดในการ ฝึกทักษะการปฏิบัตเิ ครือ่ งดนตรผี ้ฝู ึกตอ้ งวางแผนใหร้ อบคอบและเหมาะสมกบเวลาทตี่ นเองมอี ยู่ การ ฝกึ ซ้อมควรแบง่ ออกเป็น 3 ช่วง ดงั น้ี 1. การฝกึ ซ้อมเทคนคิ แบ่งเป็น 2 ตอน คอื 1.1 การแกไขข้อบกพร่องทางเทคนิคของแต่ละบุคคลผู้ฝึกจะต้องสำรวจตัวอย่างละเอียดวา่ มี จุดที่จะต้องแก้ไข้ทีไ่ หนบ้างจะต้องแก้ไขอย่างไร จะต้องใช้แบบฝึกหดั บทไหน การแกไขข้อบกพร่อง ควรเปน็ ส่ิงแรกท่ีพึงกระทำในการฝึกซอ้ มประจำวนั หากไม่รบี แกไ้ ขจะเปน็ อุปสรรคที่สำคัญอย่างยง่ิ ใน การพัฒนาก้าวหนา้
19 1.2 การพัฒนาเทคนิคพิจารณาหาความเร่งด่วนของเทคนิคท่ีจะพัฒนาดำเนินฝึกให้ถูกวิธีวิเคราะห์ อวัยวะ ที่ต้องใช้สำหรับเทคนิคแต่ละอย่างแล้วฝึกช้า ๆ มีสติทุกคร้ังที่ฝึกและควรฝึกให้ถูกต้องเสมอ การพฒั นาเทคนคิ แบ่งออกเป็น 3 อย่างคือ 1.2.1 Scales and arpeggios 1.2.2 Pure exercises 1.2.3 Applied exercises 2. การฝึกซ้อมบทเพลงควรวิเคราะห์เพลงในแง่ของดนตรีและในแง่ของเทคนิค พยายามตีความหมายของบทเพลงให้เข้าใจก่อน ที่จะลงมือฝึกซ้อมจะเป็นการดีเย่ียมถ้าผู้ฝึกจะ พยายามได้ยินเพลงนั้นในใจกอ่ นที่จะเริ่มทำการฝึกซ้อมพยายามหาวิธีการท่ีจะทำให้เพลงน้ันถูกต้อง ตามความประสงค์ของผู้ประพนั ธใ์ หม้ ากทส่ี ดุ และฝึกซอ้ มจนมนั ใจวา่ สามารถจะเล่นได้อย่างถกู ต้องทุก คร้งั 3. ฝึกการแสดงจริงการฝึกแสดงจริงควรเล่นไปตามโปรแกรมที่ได้จัดไว้หากมีการ ผิดพลาดเกิดขึน้ อยา่ หยุดเล่นเพราะในการแสดงจริง ๆ จะหยดุ เลน่ ไมไ่ ดค้ วรบนั ทึกเสยี งไวเ้ พอ่ื นำมาแก ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ หลังจากที่เล่นเพลงตามโปรแกรมนั้นจบลงการฝึกซ้อมขั้นสุดท้ายคือการฝึก แสดงจริง เช่น การเลน่ คู่กับเปียโนหรือแผ่นเสียงประเภท Music minus one การฝกึ แสดงจรงิ ควร จะเล่นไปตามโปรแกรมที่ไดจ้ ัดไว้หากมีการผิดพลาดเกดิ ขึ้นอย่าหยุดเล่นเพราะในการแสดงจริง ๆ จะ หยดุ เล่นไม่ได้ควรใชเ้ ครอ่ื งบนั ทึกเสยี งอดั ไวเ้ พ่ือนำมาแกไข้ขอ้ บกพรอ่ งตา่ ง ๆ หลงั จากที่เลน่ เพลงตาม โปรแกรมน้นั จบลงโปรดจำไวว้ าเพยี งแตฝ่ ึกซ้อมเพอื่ ให้เลน่ ได้ถูกต้องเท่านน้ั ยังไมพ่ อแตจ่ ะตอ้ งซ้อมจน เลน่ ไม่ผิดจงึ จะใช้ได้(เรยี กได้วา่ “ผิดไม่เป็น”) วิธีการฝึกทักษะปฏิบัติเคร่ืองดนตรี มีนักวิชาการหลายท่านได้กล่าวถึงวิธีการฝึกทักษะปฏิบัติ เคร่อื งดนตรไี วด้ ังนี้ กมลรัตน์ หล้าสุวงษ์(2547 – 74) กล่าวว่า การฝึกทักษะการปฏิบัติเคร่ืองดนตรีจะได้ผลดีมี ประสิทธิภาพเพียงใดยอมขึน้ อยู่กับวธิ ีการต่าง ๆ ดงั นี้ 1. การจดั เวลาฝึกควรฝกึ โดยใช้ระยะเวลาส้ัน ๆ ดกี วาฝกึ โดยใชร้ ะยะเวลานานๆ 2. เนน้ การฝกึ ส่วนย่อยแลว้ จงึ ฝึกส่วนรวม 3. เน้นการฝกึ ความแมน่ ยำกอ่ นความรวดเร็ว 4. การวัดความกาวหน้าของทักษะเปน็ ระยะ ๆ แลว้ สะทอ้ นกลบั ให้ผ้เู รียนรบั รู้ 5. ควรฝกึ ในสภาพท่เี ปน็ จรงิ ใหม้ ากท่ีสุด 6. การเชอื่ มโยงทกั ษะเดิมให้สอดคลอ้ งกบทกั ษะใหม่โดยการถา่ ยโยงการเรียนรู้ 7. การใชค้ วามคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรค์มาปรับปรุงวิธีการเรียนทักษะให้ทนั สมยั
20 จากท่ีนักวิชาการได้กลา่ วถึงทักษะการปฏบิ ัติเครื่องดนตรีมาแล้วข้างต้นสรุปไดว้ ่าทักษะเปน็ เร่ือง การเกิดความชำนาญที่อยู่ในรูปการกระทำเป็นลักษณะของพฤติกรรมที่แสดงถึง ความสามารถของ การประกอบกิจกรรมเพื่อตอบสนองต่อสงิ่ เรา้ ทักษะการปฏิบัตเิ คร่ืองดนตรีเปน็ ทักษะที่มีความสำคัญ มากของผ้ศู กึ ษาดนตรเี ป็นวิชาเอกทักษะการปฏิบัติเครอื่ งดนตรีมิไดม้ จี ุดมุ่งหมายเพยี ง เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นมี ความชำนาญในการปฏิบัติเครื่องดนตรีแตใ่ ห้ผู้เรียนมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการปฏิบัติเคร่ืองดนตรีบาง ประเภทเพื่อใหม้ ีประสบการณ์ทางดนตรีครบถว้ นและเป็นการสร้างความเขา้ ใจในดนตรีใหม้ ากข้ึนการ ปฏิบัติเคร่ืองดนตรีต้องใช้เวลาในการฝึกซ้อมมากเพ่ือให้มีความชำนาญเฉพาะทักษะปฏิบัติเครื่อง ดนตรีเป็นทักษะที่มีความสำคัญอย่างย่ิงทักษะหนึ่งเพ่ือให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ดนตรีอย่าง ครบถ้วนในการฝึกทักษะปฏิบัติเคร่ืองดนตรีผู้เรียนต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกบ องค์ประกอบของดนตรีฉะนั้นอาจกล่าวได้วาทักษะการปฏิบัตเิ คร่ือง ดนตรเี ป็นทกั ษะท่ีเช่ือมโยงทกั ษะ ด้านต่าง ๆ ใหม้ ีความสมั พันธก์ นั การฝึกทกั ษะการปฏบิ ตั ิเครือ่ งดนตรที ม่ี ีคุณภาพนั้นต้องมกี ระบวนการในการฝึกดงั ต่อไปนี้ 1. การเตรยี มตัว 1.1 ทำจิตใจใหแ้ จม่ ใสสดชื่นเบกิ บาน 1.2 มีความต้งั ใจในการฝกึ ฝน 1.3 รบั ประทานอาหารพอสมควรไม่ควรทอ้ งว่างหรอื ท้องอิ่มจนเกินไป 1.4 มสี ถานทท่ี ่เี หมาะสมในการฝกึ ซ้อม 1.5 มีเครื่องดนตรีท่ีดีมีคุณภาพในการใช้ฝึกทักษะปฏิบัตินอกจากนี้แล้วควรมีเครื่องเคาะ จังหวะและเครื่องเทียบเสยี ง 1.6 มสี ขุ ภาพท่สี มบูรณแ์ ขง็ แรง 1.7 มที ัศนคตทิ ่ดี ีตอ่ การฝกึ ทักษะการปฏิบัติเครอื่ งดนตรี 2. วธิ กี ารฝกึ ปฏิบตั ิ 2.1 ฝึกด้วยอตั ราจงั หวะชา้ เพราะสามารถแกไขขอ้ บกพร่องได้ 2.2 ฝึกสว่ นยอ่ ยไปหาสว่ นรวม 2.3 ฝึกวลีที่ยากฝึกกระสวนจังหวะที่ปฏิบัติยังไม่ถูกให้มีความถูกต้องอย่าฝึกอย่าง ผิดๆจน เคยชินตอ่ ความผดิ น้ัน 2.4 บันทึกเทปทกุ ครั้งเพอ่ื แกไขข้อบกพร่องในการฝกึ 2.5 ใชเ้ ครอ่ื งเคาะจงั หวะตลอดเวลาท่ีมกี ารฝกึ 2.6 เนน้ การฝึกความแมน่ ยำกอ่ นความรวดเร็ว 2.7 ควรฝกึ ในสภาพทีเ่ ป็นจริงใหม้ ากทสี่ ุด
21 2.8 ควรฝึกให้เป็นกิจวตั รประจำวัน 2.9 การฝึกทด่ี ีต้องคำนึงถงึ คุณภาพของการฝกึ เปน็ สำคัญ 2.10 ประเมนิ ความกาวหน้าของการฝึกเปน็ ระยะ ๆ เพ่อื ให้เกิดแรงจงู ใจในการฝึกครั้งตอ่ ไป สรุปได้วาเทคนิคการฝึกซ้อมการฝึกดนตรีแต่ละกลุ่มแต่ละคณะยอมแตกต่างกัน ตัวโน้ตดนตรีเป็น ทฤษฎีผู้เรียนยอมเรียนรู้จากทฤษฎีเดียวกัน ทุกคนแต่เทคนิคการนำไปใช้ไม่เหมือนกน เช่นเดียวกับ การเรียนวิชาที่ผู้สอนเรียนมาจากตำราและครูผสู้ อนคนเดยี วกัน แตเ่ ม่อื ลงมือสอนนักเรียนยอมพบกับ ปญั หาและส่ิงแวดล้อมต่าง ๆ ท่ีไม่เหมือนกนจึงต้องใช้เทคนคิ ในการสอนใหเ้ หมาะสมและปรบั สภาพ ให้เข้ากบสิ่งแวดล้อมการฝึกซ้อมดนตรี ก็เช่นเดียวกันครูผู้สอนจำเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษในการ ฝึกซ้อมท่ีแตกต่างกนออกไปตามความเหมาะสม เพ่ือให้การฝึกซ้อมได้เกิดประโยชน์และเกิด ประสทิ ธิภาพสงู สดุ
22 บทที่ 3 วธิ ีการดำเนินการวิจยั 1. วธิ ีดำเนนิ การวิจัย 1.การกำหนดระยะเวลาทำการวิจัย ทั้งหมด 20 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง รวมทั้งหมด 20 คร้ัง โดยผู้วิจัยกำหนดให้นักเรียนฝึกกดโน้ต และคอรด์ เพลงตามแบบฝึกหัดทีก่ ำหนดให้ ในแต่ละครั้ง และจะมีบทเพลงในการทดสอบการบรรเลง ครูก็จะบันทึกหลังการปฏิบัติของนักเรียน ลงในตาราง บันทกึ เพอื่ ความกา้ วหนา้ ของตวั นักเรียน กำหนดตารางทำการวจิ ัย ในการวิจัยครั้งน้ี ผู้วจิ ัยได้ดำเนินการวิจัยตามแผนการสอนตามปกติ โดยครอบคลุมเนื้อหา ในการเขียนโน้ตสากล และอ่านโน้ตสากล รวมถึงการปฏิบัติเครื่องดนตรี ทุกชั่วโมงก่อนเรียนปฏิบัติ เครอื่ งดนตรใี นภาคเรียนที่ 2 โดยดำเนินการสอนในตาราง ดังนี้ สัปดาห์ที่ เนอ้ื หา กจิ กรรม เครื่องมือ สปั ดาห์ที่ 1 คร้ังที่ 1 -แบบฝกึ หดั โนต้ สากล -แ บ บ ฝึ ก หั ด ก า ร อ่ า น สัปดาหท์ ี่ 2 ฝึกกดโน้ตตัวกลม โน้ต - สอนตามปกติ โน้ ต ส าก ล แ ล ะ ก า ร ตัวขาว และโน้ตตัวดำ บน -อา่ นโนต้ สากล ปฏิบตั ิเคร่ืองดนตรี สัปดาห์ที่ 3 บรรทัด 5 เส้นบนตำแหน่ง -ปฏบิ ตั เิ ครอื่ งดนตรี -เครอ่ื งดนตรีกตี าร์ ของเสียงโด แบบฝกึ หัดโน้ตสากล ครั้งที่ 2 -แ บ บ ฝึ ก หั ด ก า ร อ่ า น โน้ ต ส าก ล แ ล ะ ก า ร ฝึกกดโน้ตตัวกลม โน้ต - สอนตามปกติ ปฏบิ ตั ิเคร่อื งดนตรี ตัวขาว และโน้ตตัวดำบน -อ่านโน้ตสากล -เคร่ืองดนตรีกีตาร์ บรรทัด5 เส้นบนตำแหน่ง -ปฏบิ ัติเครอ่ื งดนตรี แบบฝกึ หดั โน้ตสากล ของเสยี ง เร -แ บ บ ฝึ ก หั ด ก า ร อ่ า น ครั้งที่ 3 โน้ ต ส าก ล แ ล ะ ก า ร ปฏิบัตเิ คร่ืองดนตรี ฝึกกดโน้ตตัวกลม โน้ต - สอนตามปกติ -เครือ่ งดนตรกี ตี าร์ ตัวขาว และโน้ตตัวดำ บน -อ่านโน้ตสากล บรรทัด 5 เส้นบนตำแหน่ง -ปฏิบัตเิ ครอื่ งดนตรี ของเสยี ง มี
23 สปั ดาหท์ ี่ 4 ครัง้ ท่ี 4 แบบฝกึ หดั โนต้ สากล ฝึกกดโน้ตตัวกลม โน้ต - สอนตามปกติ -แ บ บ ฝึ ก หั ด ก า ร อ่ า น โน้ ต ส าก ล แ ล ะ ก า ร ตัวขาว และโน้ตตัวดำ บน -อา่ นโนต้ สากล ปฏบิ ตั ิเครื่องดนตรี บรรทัด 5 เส้นบนตำแหน่ง -ปฏิบัติเครอื่ งดนตรี -เคร่ืองดนตรีกีตาร์ ของเสยี ง ฟา -แบบฝกึ หัดโนต้ สากล สปั ดาห์ท่ี 5 ครง้ั ท่ี 5 -แ บ บ ฝึ ก หั ด ก า ร อ่ า น สปั ดาห์ที่ 6 ฝึกกดโน้ตตัวกลม โน้ต - สอนตามปกติ โน้ ต ส าก ล แ ล ะ ก า ร สัปดาห์ท่ี 7 ปฏิบัติเครอ่ื งดนตรี สปั ดาหท์ ี่ 8 ตัวขาว และโน้ตตัวดำ บน -อ่านโนต้ สากล -เคร่อื งดนตรีกีตาร์ บรรทัด 5 เส้นบนตำแหน่ง -ปฏบิ ัติเครือ่ งดนตรี แบบฝึกหดั โนต้ สากล ของเสยี ง ซอล -แ บ บ ฝึ ก หั ด ก า ร อ่ า น ครงั้ ท่ี 6 โน้ ต ส าก ล แ ล ะ ก า ร ปฏบิ ัติเครือ่ งดนตรี ฝึกกดโน้ตตัวกลม โน้ต - สอนตามปกติ -เครื่องดนตรกี ีตาร์ ตัวขาว และโน้ตตัวดำ บน -อา่ นโนต้ สากล แบบฝกึ หดั โนต้ สากล บรรทัด 5 เส้นบนตำแหน่ง -ปฏิบัตเิ ครอ่ื งดนตรี -แ บ บ ฝึ ก หั ด ก า ร อ่ า น ของเสยี ง ลา โน้ ต ส าก ล แ ล ะ ก า ร ครั้งที่ 7 ปฏบิ ตั เิ ครื่องดนตรี -เครื่องดนตรกี ตี าร์ ฝึกกดโน้ตตัวกลม โน้ต - สอนตามปกติ แบบฝึกหดั โนต้ สากล ตัวขาว และโน้ตตัวดำ บน -อา่ นโนต้ สากล -แ บ บ ฝึ ก หั ด ก า ร อ่ า น บรรทัด 5 เส้นบนตำแหน่ง -ปฏบิ ัตเิ คร่ืองดนตรี โน้ ต ส าก ล แ ล ะ ก า ร ของเสยี ง ที ปฏิบัติเครอ่ื งดนตรี คร้งั ที่ 8 -เครื่องดนตรีกีตาร์ แบบฝึกหัดโน้ตสากล ฝกึ ตวั หยุด4จังหวะ - สอนตามปกติ -แ บ บ ฝึ ก หั ด ก า ร อ่ า น -อ่านโนต้ สากล โน้ ต ส าก ล แ ล ะ ก า ร -ปฏบิ ตั ิเคร่อื งดนตรี ปฏิบัติเครื่องดนตรี -เครื่องดนตรกี ตี าร์ สัปดาหท์ ี่ 9 ครั้งที่ 9 ฝกึ ตวั หยดุ 2 จังหวะ - สอนตามปกติ -อ่านโนต้ สากล -ปฏบิ ตั ิเครอ่ื งดนตรี
24 สัปดาหท์ ี่ 10 คร้งั ท่ี 10 แบบฝึกหดั โน้ตสากล ฝกึ ตัวหยดุ 1 จังหวะ -แ บ บ ฝึ ก หั ด ก า ร อ่ า น - สอนตามปกติ โน้ ต ส าก ล แ ล ะ ก า ร -อา่ นโนต้ สากล ปฏิบตั ิเครอ่ื งดนตรี -ปฏบิ ตั ิเครอื่ งดนตรี -เครื่องดนตรีกีตาร์ สปั ดาหท์ ี่ 11 ครงั้ ที่ 11 - แ บ บ ฝึ ก หั ด เพ ล ง ประกอบคอร์ด ฝึกการกดคอร์ด โดยเร่ิม - สอนตามปกติ - แบ บ ฝึก หั ดคอ ร์ด เบื้องตน้ จาก คอร์ด -ปฏบิ ตั เิ ครื่องดนตรี - แ บ บ ฝึ ก หั ด ส อ บ ปฏบิ ัติเคร่อื งดนตรี C Major - แ บ บ ฝึ ก หั ด เพ ล ง A minor ประกอบคอร์ด - แบ บ ฝึก หั ดคอ ร์ด สัปดาห์ท่ี 12 ครง้ั ท่ี 12 เบื้องต้น สปั ดาหท์ ี่ 13 - แ บ บ ฝึ ก หั ด ส อ บ ฝึกการกดคอร์ด โดยเริ่ม - สอนตามปกติ ปฏบิ ัตเิ ครอ่ื งดนตรี จาก คอรด์ -ปฏบิ ตั เิ คร่ืองดนตรี - แ บ บ ฝึ ก หั ด เพ ล ง ประกอบคอรด์ C Major - แบ บ ฝึก หั ดคอ ร์ด เบ้อื งต้น A minor - แ บ บ ฝึ ก หั ด ส อ บ ปฏบิ ตั เิ ครอื่ งดนตรี D minor G Major E minor ครง้ั ท่ี 13 ฝึกการกดคอร์ด โดยเร่ิม - สอนตามปกติ ขนึ้ เพลง ไมผ่ ิดหรอกเธอ -ปฏบิ ัตเิ คร่อื งดนตรี
25 สปั ดาหท์ ี่ 14 ครง้ั ท่ี 14 - แ บ บ ฝึ ก หั ด เพ ล ง - สอนตามปกติ ประกอบคอร์ด - แบ บ ฝึก หั ดคอ ร์ด ฝึกการกดคอร์ด โดยเริ่ม -ปฏิบัติเคร่อื งดนตรี เบ้อื งตน้ ขนึ้ ไม่ผดิ หรอกเธอ - แ บ บ ฝึ ก หั ด ส อ บ ปฏบิ ตั เิ คร่อื งดนตรี สปั ดาห์ที่ 15 ครงั้ ท่ี 15 - แ บ บ ฝึ ก หั ด เพ ล ง ฝึกการกดคอร์ด โดยเริ่ม - สอนตามปกติ ประกอบคอรด์ - แบ บ ฝึก หั ดคอ ร์ด จาก คอรด์ -ปฏิบตั ิเคร่อื งดนตรี เบอื้ งต้น - แ บ บ ฝึ ก หั ด ส อ บ A Major ปฏบิ ตั เิ ครอื่ งดนตรี B minor - แ บ บ ฝึ ก หั ด เพ ล ง ประกอบคอร์ด G#Major - แบ บ ฝึก หั ดคอ ร์ด เบื้องตน้ C#minor - แ บ บ ฝึ ก หั ด ส อ บ ปฏิบัติเครอ่ื งดนตรี สปั ดาห์ท่ี 16 ครั้งท่ี 16 - สอนตามปกติ - แ บ บ ฝึ ก หั ด เพ ล ง ประกอบคอร์ด ฝึกการกดคอร์ด โดยเร่ิม -ปฏบิ ัติเครอื่ งดนตรี - แบ บ ฝึก หั ดคอ ร์ด จาก คอรด์ เบือ้ งตน้ B Major - แ บ บ ฝึ ก หั ด ส อ บ E Major ปฏบิ ตั ิเครอ่ื งดนตรี F#minor สัปดาหท์ ่ี 17 คร้ังที่ 17 ฝึก การก ดคอร์ด โดย - สอนตามปกติ เร่ิม-ขึ้นเพลง ใจกลางเมอื ง -ปฏิบัตเิ ครอ่ื งดนตรี
26 สัปดาห์ท่ี 18 ครั้งท่ี 18 - แ บ บ ฝึ ก หั ด เพ ล ง - สอนตามปกติ ประกอบคอรด์ - แบ บ ฝึก หั ดคอ ร์ด ฝึกการกดคอร์ด โดยเร่ิม -ปฏบิ ตั ิเครอ่ื งดนตรี เบอ้ื งตน้ ขึน้ เพลงใจกลางเมอื ง - แ บ บ ฝึ ก หั ด ส อ บ ปฏิบัติเคร่ืองดนตรี สปั ดาหท์ ี่ 19 ครัง้ ท่ี 19 ทวนคอร์ดพร้อมให้นักเรียน - สอนตามปกติ - แ บ บ ฝึ ก หั ด เพ ล ง บรรเลงบทเพลงที่สอนและ -ปฏิบัติเครอื่ งดนตรี ประกอบคอร์ด ทต่ี ัวเองสนใจ - แบ บ ฝึก หั ดคอ ร์ด เบื้องตน้ สปั ดาหท์ ี่ 20 คร้งั ท่ี 20 - แ บ บ ฝึ ก หั ด ส อ บ - สอนตามปกติ ปฏบิ ัติเครื่องดนตรี ทวนคอร์ดพร้อมให้นักเรียน -ปฏิบตั ิเคร่อื งดนตรี - แ บ บ ฝึ ก หั ด เพ ล ง บรรเลงเพลงที่สอนและท่ี ประกอบคอรด์ ตัวเองสนใจ - แบ บ ฝึก หั ดคอ ร์ด เบือ้ งตน้ - แ บ บ ฝึ ก หั ด ส อ บ ปฏบิ ัติเคร่อื งดนตรี 2. ในการสอนทุกสัปดาห์ ผู้วิจัยได้ดำเนินการใช้วิธีการประเมินท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ดงั น้ี การสงั เกตการสอนของครู การสนทนาพดู คุยกบั นักเรียน การเลน่ คอรด์ ของนักเรยี นใน แตล่ ะแบบฝึกหดั ที่เตรยี มให้ และใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เห็น และข้อเสนอแนะ
27 3. วิธกี ารสอนท้ังใน 20 สัปดาห์ ผ้วู จิ ัยได้ดำเนินการสอนดงั ตอ่ ไปน้ี ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียน ครูทบทวนทฤษฎีสัญลักษณ์ต่างๆ ครูให้นักเรียนเขียนสัญลักษณ์ต่างๆ และให้นักเรียนอ่าน แบบฝกึ หดั ทค่ี รูเตรยี มใหโ้ ดยเลียงลำดบั ความยากง่าย ขน้ั สอน 1. ครูอภิปรายเกี่ยวกับสัญลักษณ์พ้ืนฐานทางดนตรี เช่นบรรทัด 5 เส้นโน้ตตัวกลม โน้ตตัว ขาว และโน้ตตัวดำ สญั ลักษณต์ วั หยดุ ต่างๆ 2. ครูยกตัวอยา่ งคอรด์ เพลงพื้นฐานตา่ งใหน้ กั เรยี นดู 3. ครูอภิปรายเกย่ี วกบั คอร์ดเพลงตา่ งๆ ตามตารางการสอนท่ีไดก้ ำหนดไว้ทง้ั 20 สัปดาห์ 4. ใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดฝกึ เขียน ฝึกอา่ นโน้ตสากล และการปฏิบตั ิเคร่ืองดนตรี กตี าร์ ข้ันสรุป 1. ครูและนกั เรียนชว่ ยกันอภปิ รายสรุปเกีย่ วกบั คอรด์ พืน้ ฐานตา่ งๆ 2. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั โดยการเขียน การอา่ นโน้ตสากล และการปฏบิ ตั ิ เคร่ืองดนตรีกีตาร์ 3. ตรวจแบบทดสอบโดยการเขยี น การอา่ นโน้ตสากล และการปฏิบตั เิ ครอ่ื งดนตรตี าม แบบฝึกหดั ตา่ งๆ ท่ีกำหนดให้ 2.เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั 1. เครื่องมอื ที่ใช้ในการสอนหมายถึง ส่ือ วัสดุ อุปกรณ์ 2. เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ประกอบด้วย 2.1 แบบบันทึกประจำสัปดาห์ของครู หมาย ถึง การที่ครูสังเกตพฤติกรรมการ สอนของครูและพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน จากนั้นมาทำการจดบันทึกสรุปประจำสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 คร้ัง โดยครอบคลุม 4 ประเด็น ดังนี้ การสังเกตการสอนของครู การสนทนา พดู คุยกับนักเรียน การตรวจเช็คการเขียน อา่ นโน้ตสากล และการปฏิบตั ิเครื่องดนตรกี ีตารใ์ นแต่ละ ครงั้ ของนักเรียนในตาราง โดยมีการควบคุมการเรยี นการสอนทัง้ หมด 20 ครั้ง 2.2 แบบตารางดำเนินการสอนของครู 20 สปั ดาห์ = 1ครั้ง / สปั ดาห์ 2.3 แบบทดสอบแบบฝึกเลน่ อา่ นโนต้ สากล 2.4 แบบตารางคะแนนในการเล่นคอร์ดอา่ นโนต้ สากลของนกั เรยี นแตล่ ะคน 2.5 ไดน้ ำแบบฝกึ การอา่ นโน้ตสากล และการปฏบิ ัตเิ ครื่องดนตรมี าวิเคราะหผ์ ลการเรียนรู้
28 3. ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู 3.1 พฤติกรรมการเรียน จากแบบสังเกตซ่ึงผู้วจิ ัยบันทึกในเครอ่ื งมือ การวิเคราะห์ตอนน้ี ผู้วิจัยไดน้ ำแบบตารางการ บันทึกพฤติกรรมของครูที่จดบันทึกไว้มาสังเคราะห์สรุปเป็นจำนวน 20 คร้ัง โดยได้ทำเป็นตาราง การบนั ทกึ ดังน้ี บนั ทึกสัปดาหท์ ่ี บันทึกพฤติกรรมการสอนของครแู ละการเรียนของนกั เรียน 1 ก่อนเรยี น หลงั เรยี น 2 ครูใหน้ ักเรียนฝึกเล่นและอ่านโน้ตตัว ครูให้นักเรียนฝึกเล่นและอ่านซ้ำพร้อมท้ัง 3 ดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบน ปฏิบัติเคร่ืองดนตรีตามแบบฝึกหัดเดิม 4 บรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง หลังจากท่ีได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียน C โด นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ สามารถอ่านและปฏิบัติเคร่ืองดนตรีได้อย่าง ไมค่ ล่องแคลว่ คลอ่ งแคลว่ ครูใหน้ ักเรียนฝกึ เล่นและอา่ นโน้ตตัว ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้ง ดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบน ปฏิบัติเครื่องดนตรีตามแบบฝึกหัดเดิม บรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง หลังจากท่ีได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียน D เร นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่ สามารถอ่านและปฏิบัติเคร่ืองดนตรีได้อย่าง คล่องแคล่ว คลอ่ งแคลว่ ครูใหน้ ักเรยี นฝึกเล่นและอ่านโนต้ ตัว ครูให้นักเรียนฝึกเล่นและอ่านซ้ำพร้อมท้ัง ดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบน ปฏิบัติเครื่องดนตรีตามแบบฝึกหัดเดิม บรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียน E มี นักเรียนเขยี นและอ่านได้แต่ไม่ สามารถอ่านและปฏิบัตเิ ครื่องดนตรีได้อย่าง คลอ่ งแคลว่ คลอ่ งแคล่ว ครูใหน้ ักเรียนฝึกเล่นและอา่ นโนต้ ตัว ครูให้นักเรียนฝึกเล่นและอ่านซ้ำพร้อมท้ัง ดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบน ปฏิบัติเคร่ืองดนตรีตามแบบฝึกหัดเดิม บรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียน F ฟา นกั เรยี นเขียนและอ่านได้แต่ไม่ สามารถอ่านและปฏิบัติเครอ่ื งดนตรีไดอ้ ย่าง คลอ่ งแคลว่ คลอ่ งแคล่ว
29 บนั ทกึ สปั ดาห์ที่ บนั ทึกพฤตกิ รรมการสอนของครูและการเรยี นของนกั เรียน 5 ก่อนเรยี น หลงั เรียน ครูใหน้ ักเรียนฝึกเล่นและอ่านโนต้ ตัว ครูให้นักเรียนฝึกเล่นและอ่านซ้ำพร้อมทั้ง ดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบน ปฏิบัติเครื่องดนตรีตามแบบฝึกหัดเดิม บรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง หลังจากท่ีได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียน G ซอล นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ สามารถอ่านและปฏิบัตเิ ครื่องดนตรีได้อย่าง ไม่คล่องแคล่ว คลอ่ งแคล่ว 6 ครูใหน้ ักเรยี นฝึกเล่นและอ่านโนต้ ตัว ครูให้นักเรียนฝึกเล่นและอ่านซ้ำพร้อมทั้ง ดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบน ปฏิบัติเคร่ืองดนตรีตามแบบฝึกหัดเดิม บรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียน A ลา นักเรียนเขียนและอา่ นได้แต่ไม่ สามารถอ่านและปฏิบัตเิ ครื่องดนตรีได้อย่าง คล่องแคลว่ คลอ่ งแคลว่ 7 ครูใหน้ ักเรียนฝกึ เล่นและอ่านโน้ตตัว ครูให้นักเรียนฝึกเล่นและอ่านซ้ำพร้อมทั้ง ดำ โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบน ปฏิบัติเคร่ืองดนตรีตามแบบฝึกหัดเดิม บรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง หลังจากท่ีได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียน B ที นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่ สามารถอ่านและปฏิบัติเคร่ืองดนตรีได้อย่าง คลอ่ งแคลว่ คล่องแคล่ว 8 ครูให้นักเรียนฝึกเล่นสัญลักษณ์ตัว ครูให้นักเรียนฝึกเล่นและอ่านซ้ำพร้อมท้ัง หยดุ 4 จงั หวะพรอ้ มท้งั ฝึกอ่านโนต้ ท่ี ปฏิบัติเครื่องดนตรีตามแบบฝึกหัดเดิม มีตัวหยุด4 จังหวะนักเรียนทั้งหมด หลังจากท่ีได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียน อ่ า น ได้ แ ต่ ยั ง อ่ าน ยั ง ไม่ ค ล่ อ ง สามารถอ่านและปฏิบัตเิ คร่ืองดนตรีได้อย่าง เท่าทค่ี วร คลอ่ งแคล่ว 9 ครูให้นักเรียนฝึกเล่นสัญลักษณ์ตัว ครูให้นักเรียนฝึกเล่นและอ่านซ้ำพร้อมท้ัง หยดุ 2 จังหวะพรอ้ มทั้งฝึกอา่ นโน้ตที่ ปฏิบัติเคร่ืองดนตรีตามแบบฝึกหัดเดิม มีตัวหยุด2 จังหวะนักเรียนท้ังหมด หลังจากท่ีได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียน อ่ า น ได้ แ ต่ ยั ง อ่ าน ยั ง ไม่ ค ล่ อ ง สามารถอ่านและปฏิบัตเิ คร่ืองดนตรีได้อย่าง เท่าทีค่ วร คลอ่ งแคล่ว
30 10 ครูให้นักเรียนฝึกเล่นสัญลักษณ์ตัว ครูให้นักเรียนฝึกเล่นและอ่านซ้ำพร้อมทั้ง หยุด 1 จังหวะพร้อมทัง้ ฝึกอา่ นโน้ตที่ ปฏิบัติเครื่องดนตรีตามแบบฝึกหัดเดิม มีตัวหยุด1 จังหวะนักเรียนท้ังหมด หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียน อ่ า น ได้ แ ต่ ยั ง อ่ าน ยั ง ไม่ ค ล่ อ ง สามารถอ่านและปฏิบัตเิ คร่ืองดนตรีได้อย่าง เท่าท่คี วร คลอ่ งแคล่ว บันทึกสปั ดาห์ท่ี บนั ทกึ พฤติกรรมการสอนของครแู ละการเรยี นของนกั เรยี น 11 กอ่ นเรียน หลงั เรยี น 12 ครูให้นักเรียนฝึกอ่านโน้ตสากล และ ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่อง 13 14 ฝึกปฏบิ ตั เิ คร่ืองตาม ดนตรีตามบทเพลงเดิม หลงั จากที่ได้ฝึกอ่าน ในแบบฝกึ หัดคอรด์ และปฏบิ ัตเิ ครื่องดนตรแี ลว้ นกั เรยี นสามารถ C Major ปฏิบตั เิ ครอ่ื งดนตรีได้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ A minor ครูให้นักเรียนฝึกอ่านโน้ตสากล และ ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมท้ังปฏิบัติเคร่ือง ฝึกปฏิบัติเครอ่ื งตาม ดนตรตี ามบทเพลงเดิม หลงั จากท่ีได้ฝกึ อ่าน ในแบบฝกึ หัดคอรด์ และปฏิบัตเิ ครอ่ื งดนตรแี ล้วนกั เรียนสามารถ C Major ปฏิบัตเิ ครื่องดนตรีไดอ้ ยา่ งคล่องแคล่ว A minor ครูให้นักเรียนฝกึ อ่านโน้ตสากล และ ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมท้ังปฏิบัติเคร่ือง ฝึกปฏบิ ตั เิ ครื่องตาม ดนตรีตามบทเพลงเดิม หลงั จากที่ได้ฝึกอ่าน บทเพลง ไมผ่ ดิ หรอกเอ และปฏบิ ัตเิ คร่ืองดนตรแี ลว้ นักเรยี นสามารถ ปฏิบัตเิ คร่อื งดนตรีได้อยา่ งคล่องแคล่ว ครูให้นักเรียนฝกึ อ่านโน้ตสากล และ ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่อง ฝกึ ปฏบิ ัติเครอื่ งตาม ดนตรีตามบทเพลงเดิม หลงั จากที่ได้ฝึกอ่าน บทเพลง ไม่ผดิ หรอกเธอ 2 และปฏบิ ัติเครื่องดนตรแี ล้วนกั เรยี นสามารถ ปฏิบตั ิเคร่อื งดนตรไี ดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่ว
31 15 ครูให้นักเรียนฝกึ อ่านโน้ตสากล และ ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมท้ังปฏิบัติเครื่อง ฝกึ ปฏบิ ัตเิ ครื่องตาม ดนตรีตามบทเพลงเดิม หลังจากท่ีได้ฝกึ อ่าน ในแบบฝึกหดั คอรด์ และปฏบิ ัตเิ ครอ่ื งดนตรีแล้วนักเรยี นสามารถ A Major ปฏิบัติเคร่ืองดนตรีไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ B minor 16 ครูให้นักเรียนฝึกอ่านโน้ตสากล และ ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่อง ฝกึ ปฏิบัติเคร่ืองตาม ดนตรีตามบทเพลงเดิม หลงั จากที่ได้ฝกึ อ่าน ในแบบฝึกหัดคอรด์ และปฏบิ ัตเิ ครอ่ื งดนตรีแลว้ นักเรยี นสามารถ A Major ปฏิบตั เิ ครื่องดนตรีไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ B minor E minor F#minor 17 ครูให้นักเรียนฝึกอ่านโน้ตสากล และ ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมท้ังปฏิบัติเคร่ือง ฝึกปฏิบัติเคร่ืองตาม บทเพลง ใจ ดนตรตี ามบทเพลงเดิม หลังจากที่ได้ฝึกอ่าน กลางเมือง และปฏิบัตเิ ครื่องดนตรีแลว้ นักเรยี นสามารถ ปฏิบตั เิ ครื่องดนตรีได้อยา่ งคล่องแคลว่ 18 ครูให้นักเรียนฝกึ อ่านโน้ตสากล และ ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่อง ฝึกปฏิบัติเครื่องตาม บทเพลงใจ ดนตรตี ามบทเพลงเดิม หลงั จากท่ีได้ฝกึ อ่าน กลางเมือง และปฏิบัตเิ ครอ่ื งดนตรแี ลว้ นกั เรยี นสามารถ ปฏิบัตเิ ครอื่ งดนตรีได้อย่างคลอ่ งแคล่ว 19 ทวนคอร์ดพร้อมให้นักเรียนบรรเลง ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเคร่ือง บทเพลงทสี่ อนและท่ีตวั เองสนใจ ดนตรีตามบทเพลงเดิม หลงั จากที่ได้ฝึกอ่าน และปฏบิ ัติเครื่องดนตรีแลว้ นกั เรยี นสามารถ ปฏบิ ตั เิ คร่อื งดนตรไี ดอ้ ย่างคล่องแคล่ว 20 ทวนคอร์ดพร้อมให้นักเรียนบรรเลง ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมท้ังปฏิบัติเคร่ือง บทเพลงทสี่ อนและที่ตวั เองสนใจ ดนตรีตามบทเพลงเดิม หลงั จากท่ีได้ฝึกอ่าน และปฏิบัตเิ ครอ่ื งดนตรีแลว้ นักเรียนสามารถ ปฏิบตั ิเครื่องดนตรีได้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว
32 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล 1. ผลการวเิ คราะห์ การวิเคราะห์ตอนนี้ ผู้วิจัยได้นำคะแนนในการเขียน อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเคร่ือง ดนตรีตามแบบฝึกหัดตา่ งๆ คะแนนจากแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น มดี งั น้ี แบบตารางบนั ทกึ การใหค้ ะแนนในการเขียน อา่ นและการปฏิบตั ิเครื่องดนตรีกีตาร์ แบบบันทกึ การเขียน อ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติ คะแนนเต็ม (10) เครอ่ื งดนตรีกตี าร์ กอ่ นเรยี น หลงั เรียน 1. โน้ตตวั กลม ตำแหน่งเสียง C โด 6 10 2. โน้ตตัวกลม ตำแหนง่ เสยี ง D เร 6 10 3. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสยี ง E มี 6 10 4. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง F ฟา 6 10 5. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสยี ง G ซอล 5 10 6. โน้ตตวั กลม ตำแหนง่ เสยี ง A ลา 5 10 7. โนต้ ตวั กลม ตำแหนง่ เสียง B ที 6 10 8. สญั ลกั ษณต์ วั หยดุ 4 จังหวะ 6 10 9. สัญลกั ษณต์ วั หยดุ 2 จังหวะ 5 10 10. สญั ลกั ษณต์ วั หยดุ 1 จงั หวะ 4 10 11. แบบฝึกหัดคอร์ด 5 10 12. แบบฝึกหดั คอรด์ 4 10 13. แบบฝกึ หดั เพลง ไม่ผิดหรอกเธอ 6 10 14. แบบฝกึ หดั เพลง ไมผ่ ิดหรอกเธอ 7 10 15. แบบฝกึ หัดคอรด์ 5 10 16. แบบฝกึ หัดคอร์ด 6 10 17. แบบฝึกหดั เพลง ใจกลางเมือง 5 10 18. แบบฝึกหดั เพลง ใจกลางเมอื ง 7 10 19. แบบฝึกหดั เพลง ตามความสนใจ 5 10 20. แบบฝกึ หัดเพลง ตามความสนใจ 5 10 คะแนนเฉลย่ี 53.33 , 55.00 97.350 , 100.00
33 สรปุ ผลคะแนนเฉล่ีย จากเกณฑก์ ารประเมนิ คะแนน เกณฑ์ 80 - 100 ดมี าก * เกณฑ์คะแนนหลงั เรยี น * เกณฑค์ ะแนนก่อนเรียน 70 - 79 ดี 60 - 69 พอใช้ 50 - 59 แกไ้ ข 40 - 49 ปรบั ปรุง ผลการวิเคราะห์คะแนนจากตารางปรากฏว่าก่อนเรียน นักเรียนสามารถเขียน อ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเคร่ืองดนตรีกีตารอ์ ยู่ในเกณฑ์ 53.33 , 55.00 คือต้องมีการแก้ไขและคะแนนหลัง เรียน นักเรียนสามารถเขยี น อ่านโนต้ สากลและการปฏิบตั เิ ครอ่ื งดนตรีกีตาร์อยูใ่ นเกณฑ์ 97.350 , 100.00 คอื ดีมาก
34 บทที่ 5 สรปุ ขอ้ คดิ ทไี่ ด้จากการวจิ ัย จากผลในการวิจัยในเร่ืองการพัฒนาทักษะการการเล่นคอร์ด เพ่ือปฏิบัติการเล่นกีตาร์ เบ้ืองต้น ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซ่ึงมีจำนวนนักเรียน 15 คน คือกลุ่มนักเรียนชั้น ม 2 วิชาเพ่ิมเติม พบว่ามีปัญหาในด้านทักษะการเล่นกีตาร์เบื้องต้น ผู้วิจัยจึงได้ทดสอบโดยใช้แบบทดสอบการเล่น อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่องดนตรีกีตาร์ ให้นักเรียนได้ฝึกเล่น อ่านโน้ตสากลก่อนเรียน นักเรียนสามารถเล่น บรรเลง อ่านโนต้ สากลที่กำหนดให้ไดอ้ ยูใ่ นเกณฑ์ 53.33 , 55.00 จากเกณฑ์ ร้อยละ 80 ผลคือยังต้องมีการแก้ไข ดังน้ันครูจึงใช้แนวการสอนและเทคนิคต่างๆ ในการท่ีจะให้ นกั เรียนมีความเขา้ ใจในทักษะในด้านการเขียน อ่านโน้ตสากลและการปฏิบตั ิเคร่ืองดนตรีกีตาร์ และ ไดใ้ หเ้ พ่ือนๆ ในห้องได้มีสว่ นร่วมในการแนะนำหลกั และวิธีการจำตำแหนง่ ของเสียงต่างๆ บนบรรทัด 5 เสน้ หลงั จากนั้นครูได้ใชช้ ดุ แบบทดสอบชุดเดิม ใหน้ ักเรียนได้ฝกึ ทดลองเลน่ คอร์ดอกี ครง้ั หนึ่ง ผล ปรากฏว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ในด้านการปฏิบัติเครื่องดนตรีกีตาร์โดยคิดเป็นร้อยละ 100.00 , 97.50 แสดงว่านักเรียนมีการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านท่ีดีข้ึนจึงส่งผลต่อการปฏิบัติเคร่ืองดนตรี อยใู่ นเกณฑ์ทีด่ ี ขอ้ คิดทไี่ ด้จากการวิจยั 1. จะช่วยให้ผู้วิจัยทราบว่าในการทำวิจัยเร่ืองการพัฒนาทักษะการการเล่นคอร์ด เพื่อ ปฏิบัติการเล่นกีตาร์เบื้องต้น ด้วยวิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมีปัญหาในการวิจัยว่าเป็น อยา่ งไรบ้าง 2. เพ่ือสรปุ ผลการประเมินแลว้ จะได้มีการพัฒนาให้ตรงกับการเล่นคอร์ด เพ่ือส่งผลต่อการ ปฏบิ ัตเิ ครื่องดนตรกี ีตาร์ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็
35 บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ :โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จํากดั . โกวิท ประวาลพฤกษ์และสมศักดิ์ สินธรุ ะเวชญ์. (2523). การประเมินในช้นั เรียน. กรงุ เทพฯ : โรง พมิ พว์ ฒั นาพานชิ จาํ กดั . ชม ภูมิภาค. (2524). เทคโนโลยที างการสอนและการสอน.กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิ โรฒ ประสานมติ ร. ไชยยศ เรืองสุวรรณ. (2522). หลกั การและทฤษฎีเทคโนโลยที างการศึกษา (พิมพค์ ร้งั ท่ี 2). กรงุ เทพฯ : เรอื นแกว้ การพมิ พ์. ณรุทธ์ สุทธจิตต์. (2532). จติ วิทยาการสอนดนตร.ี กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ทวีวฒั น์ บุญชติ . (2530). ผลของการชกั จูงโดยใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม ในการเปลี่ยนเจตคติ ปริญญานพิ นธ์ วท.ม. (พฤตกิ รรมศาสตร)์ . สถาบันวิจัยพฤตกิ รรมศาสตร.์ ทติ ยา สุวรรณชฏ. (2520). ความสมั พันธร์ ะหวา่ งทศั นคตกิ ับพฤติกรรม. พัฒนบรหิ ารศาสตร์ นพมาศ ธรี เวคนิ . (2534). จิตวทิ ยาสังคม.กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. นิโรธ งะสมัน. (2527). การศกึ ษาพฤตกิ รรมผู้นําของผูบ้ ริหารตามความตอ้ งการของครูในโรงเรยี น มัธยมศึกษาสังกัดกรมสามัญศึกษา เขตการศึกษา 2. ปริญญานิพนธ์ การศึกษา มหาบณั ฑิต (บรหิ ารการศึกษา). สงขลา : มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒสงขลา.
36 ภาคผนวก ก เคร่ืองมือวิจยั
37 กญุ แจประจำหลกั Clef กญุ แจซอล G Clef กุญแจฟา กุญแจโดอลั โด้ Alto Clef F Clef เครอ่ื งหมายแปลงเสียง Accidentals แฟลท Flat ชาร์ป Sharp ดบั เบิล้ แฟลท Double Flat เนเจอรลั Natural ดับเบิ้ลชาร์ป Double Sharp
38 ชอ่ื ....................................................... แบบฝึกหดั เร่ืองระยะห่างของเสยี งดนตรี จงทำใหร้ ะยะหา่ งของโนต้ แตล่ ะคู่ตอ่ ไปน้ี ห่างกนั คร่งึ เสียง หา่ งกนั ...... เสยี ง ....... เสยี ง ....... เสยี ง ......... เสียง ....... เสยี ง ...... เสียง ...... เสยี ง ...... เสียง ..... เสยี ง ....... เสยี ง จงทำให้ระยะหา่ งของโน้ตแต่ละคตู่ อ่ ไปน้ี หา่ งกนั คร่ึงเสียง ห่างกัน ...... เสยี ง ....... เสียง ....... เสยี ง ......... เสยี ง ....... เสยี ง ...... เสียง ...... เสยี ง ...... เสียง ..... เสยี ง ....... เสียง
39 บนั ไดเสียง (Scale) ดว้ ยเหตทุ ธ่ี รรมชาติของเสยี งมนษุ ย์มรี ะดับเสียงท่ไี มเ่ ทา่ กนั ทฤษฎีดนตรีจึงตอ้ งสร้างบนั ไดเสียงให้ สามารถปรบั ระดบั เสียงใหเ้ ทา่ เสยี งของมนุษยไ์ ด้ บันไดเสียง คอื การไล่เสยี งขึ้นและลงอยา่ งเป็นระเบียบ บนั ไดเสยี งแบง่ ออกเป็น 2 ชนิด คอื 1. บนั ไดเสยี งโครเมตคิ (Chromatic Scale) 2. บันไดเสียงเดียโทนคิ (Diatonic Scale) บันไดเสียงโครเมติค คือ บันไดเสยี งท่ีมแี ต่ละข้นั ห่างกันครึง่ เสียงตลอด มีวธิ เี ขยี น 2 แบบ คอื แบบ ฮารโ์ มนิคโครเมติค (Harmonic Chromatic) แบบ เมโลดิคโครเมติค (Melodic Chromatic) บนั ไดเสียงเดยี โทนคิ (Diatonic Scale) คอื บันไดเสยี งทีม่ แี ต่ละขน้ั หา่ งไม่เท่ากัน บางข้ันก็ ห่างกัน ครึง่ เสียง 1 เสียง หรอื 1 เสยี งครึ่ง บันไดเสยี งเดียโทนิค 1 ชุด มี 8 ข้ันเสียง และมีช่อื เรยี กเฉพาะแต่ ละขั้นดังต่อไน้ี ขั้นท่ี 1 เรยี กว่า Tonic ข้ันท่ี 2 เรยี กว่า Supertonic ขัน้ ที่ 3 เรียกว่า Mediant ขั้นท่ี 4 เรยี กว่า Subdominant ขั้นที่ 5 เรียกว่า Dominant ข้ันท่ี 6 เรียกวา่ Submediant ข้นั ที่ 7 เรียกว่า Leading Note ขัน้ ที่ 8 เรียกวา่ Tonic บนั ไดเสยี งเดียโทนคิ แบ่งออกเปน็ 2 ชนดิ คือ 1. บนั ไดเสียงเมเจอร์ (Major Scale) 2. บันไดเสียงไมเนอร์ (Minor Scale) บันไดเสยี งเมเจอร์ มโี ครงสรา้ งระยะห่างของแตล่ ะข้ัน ดงั น้ี ขน้ั ท่ี 1 2 3 4 5 6 78 คือ 1 เสียง (Whole Tone) คอื ครึง่ เสยี ง (Semitone)
40 ขัน้ ท่หี า่ งกัน 1 เสยี ง คอื ขน้ั ท่ี 1 – 2 ,2 – 3 ,4 – 5 ,5 – 6 ,6 – 7 ข้ันท่หี ่างกันครึ่งเสียง คือ ข้ันท่ี 3 – 4 ,7 – 8 บันไดเสียงเมเจอร์ ที่เป็นบันไดเสียงหลักคือ C Major ทุกข้ันของเสียงเปน็ เสียงปกติธรรมดา (Natural) จงึ มชี ื่อเรียกเฉพาะอกี ช่ือหน่ึงว่า Natural Scale C Major
41
42
43
44
45
46
47
48
49 การจบั คอร์ดต่างๆ การจบั คอรด์ A วธิ จี ับคอร์ด A เรม่ิ ต้นด้วยการใชน้ ิ้วนางกดลงบนสาย 2 เฟร็ตที่ 2 ตอ่ ด้วยน้วิ กลาง กดลงบนสาย 3 เฟร็ตท่ี 2 และนิ้วชกี้ ดลงบนสาย 4 เฟร็ตท่ี 2 การจับคอร์ด A7 วธิ ีจับคอร์ด A7 เริ่มตน้ ด้วยการใชน้ ว้ิ กลางกดลงบนสาย 2 เฟรต็ ท่ี 2 ต่อดว้ ยนว้ิ ชี้กดลงบนสาย 3 เฟรต็ ท่ี 2
50 การจับคอร์ด Am วธิ ีจับคอรด์ Am เรม่ิ ต้นดว้ ยการใชน้ ้ิวชีก้ ดลงบนสาย 2 เฟรต็ ท่ี 1 ตอ่ ด้วยนิว้ นางกดลงบน สาย 3 เฟร็ตท่ี 2 และนิ้วกลางกดลงบนสาย 4 เฟรต็ ท่ี 2 การจบั คอร์ด Am7 วธิ ีจบั คอรด์ Am7 เร่มิ ต้นด้วยการใชน้ ิ้วชี้กดลงบนสาย 2 เฟรต็ ท่ี 1 ตอ่ ด้วยนว้ิ กลางกดลงบน สาย 4เฟรต็ ที่ 2
Search