เพลงิ ไหมค้ รงั้ ใหญ่ สมยั เอโดะ เหตกุ ารณ์ในครัง้ นเ้ี กดิ ข้ึนในเมอื งเอโดะ ปัจจุบนั คือเมอื งโตเกยี ว ในวันท่ี 2 มนี าคม ค.ศ. 1657 มพี ระรูปหน่ึงมอบหมายให้มกี ารทาลายโดยการเผากโิ มโนตวั นี้เพอ่ื เปน็ การทาลาย อาถรรพ์และสวดสง่ วญิ ญาณ แต่แล้วความนา่ กลวั ของกโิ มโนตอ้ งคาสาปไม่ไดห้ ยดุ เพียงแคน่ น้ั เพราะทันทีทเี่ ปลวไฟลกุ โชตชิ ่วง กเ็ กิดลมพายพุ ัดรนุ แรงจนทาให้สะเกด็ ไฟจากกิโมโนปลิวไปท่วั จนไปติดโบสถข์ องวัดฮงเมียวท่ที าจากไม้ ทาใหไ้ ฟเผาทาลายวัดจนหมดสนิ้ และลุกลามตอ่ จนไมส่ ามารถหยดุ ยัง้ ได้ บ้านเรอื นของผูค้ นส่วนใหญ่ในสมยั น้ันทาจากไมแ้ ละเศษกระดาษ ถนนระหวา่ ง บ้านเรือนคอ่ นข้างแคบและใกล้กนั มาก เม่ือสะเกด็ ไฟถกู ลมพายุพดั ปลวิ มา เปลวไฟจึงโหม กระหนา่ ไปทว่ั ทัง้ เมืองเอโดะ เหตุการณ์ไฟไหมร้ นุ แรงครัง้ น้ถี ูกเรยี กว่า “มหาอคั คภี ยั แห่งเมเรกิ” แมว้ า่ ในเมืองเอโดะเองนัน้ จะมีหนว่ ยดบั เพลงิ ที่เพิง่ ก่อตง้ั มา 21 ปีกอ่ นหนา้ นี้ แต่ก็ไม่ เพยี งพอทจี่ ะชว่ ยต้านความรนุ แรงจากเปลวไฟขนาดใหญท่ ่มี ีการลกุ ลามไปท่วั ทัง้ เมืองได้ จนกระทงั่ ถึงเยน็ วนั ท่ี 2 ลมได้เปลย่ี นทิศทางและพดั เอาไฟจากทางใตล้ ามกลบั เขา้ มายังใจกลางเมือง ซ่ึงเป็นตาแหน่งท่ีตั้งของปราสาทโชกนุ ที่ปัจจบุ นั เรยี กว่า “พระราชวงั อมิ พิ เรยี ลโตเกียว” และแน่นอนวา่ บ้านเรอื นของผ้คู นและผรู้ ับใชโ้ ชกนุ ท่อี ยูบ่ ริเวณรอบนอกเสยี หาย จนหมดสน้ิ ปราสาทบางสว่ นถกู ไฟไหม้จนพงั ทลายลงมา มหาอัคคภี ยั ได้ลกุ ลามเผาทาลายลา้ ง เมอื งเอโดะ 3 วันเตม็ บ้านเมอื งถูกไฟเผาทาลายไปมากว่า 60 เปอรเ์ ซน็ ต์ จนทาใหม้ ผี ู้คน เสยี ชวี ติ จากเหตกุ ารณค์ รงั้ น้มี ากกวา่ 100,000 คน 48
“...เร่อื งราวท้ังหมดที่เกิดขึ้นอาจเป็นอาถรรพ์ที่ เกดิ ขึน้ จากชดุ กิโมโนต้องคำสาป หรืออาจเป็นเพยี งแค่ เหตุการณบ์ งั เอิญก็เปน็ ได้ แตม่ ันได้กลายเป็น โศกนาฏกรรมไฟไหม้รา้ ยแรงท่ีสุดในประเทศญป่ี ุ่น และ ถือไดว้ ่าเป็นหนึง่ ในเหตุการณไ์ ฟไหม้ทรี่ ุนแรงท่สี ุดในโลก เลยก็ว่าได้ เมื่อเทียบกบั เหตกุ ารณไ์ ฟไหม้กรงุ ลอนดอน ในปี 1666 และไฟไหมก้ รงุ โรมในศตวรรษท่ี 1 ถือว่า ไมแ่ พเ้ หตุการณ์สำคัญสองเหตุการณ์นเี้ ลยทเี ดยี ว...” 50
CHAPTER 4
“...กโิ มโน หรอื ชดุ ญ่ีปนุ่ (WAFUKU) เป็นเสือ้ ผ้า ทต่ี ัดเปน็ เสน้ ตรงเย็บจากผา้ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าไมว่ า่ จะ เปน็ คนมีสดั ส่วน หรอื รปู รา่ งแบบใด ก็สามารถใส่ชดุ กิโมโนไดส้ บาย ซึ่งส่ิงนถี้ ือว่าเปน็ ขอ้ ดีของกิโมโน เพราะการตัดเพียงขนาดเดียวสามารถใสใ่ หเ้ ข้ากบั ทุก รูปรา่ งได้ ถึงแม้วา่ จะเป็นชุดท่มี ขี นาดเดียว แต่โอกาส ในการใสน่ นั้ ก็จะมีรูปแบบแตกต่างกนั ไป...” 56
ชดุ กโิ มโนของผหู้ ญงิ 57
ชดุ กโิ มโนของผหู้ ญงิ ท่ัวไปอาจประกอบด้วยช้ินสว่ นแยกตา่ งหากได้ ถึง 12 ชน้ิ หรือมากกวา่ นน้ั บางชดุ เชน่ ชดุ กิโมโนแตง่ งานอย่างเปน็ ทางการ อาจต้องใช้ความชว่ ยเหลอื ในการแตง่ ชดุ กิโมโนทีมไี ดร้ บั ใบอนุญาต นกั แตง่ ชดุ กโิ มโนมอื อาชีพสว่ นใหญพ่ บไดใ้ นญปี่ ุ่น ทท่ี างานนอกร้านทาผม เพราะเปน็ ธุรกจิ เฉพาะทางหรืออาชีพอิสระ แต่โดยปกติการสวมใสท่ ีไ่ มถ่ กู ต้อง เกิดจากการขาดประสบการณ์ของ ผ้สู วมใส่ชดุ กโิ มโน การเลือกชุดกโิ มโนที่เหมาะสมตอ้ งอาศัยความรู้เกยี่ วกบั อายุ ของผสู้ วมใส่ สถานภาพการสมรส (แมว้ า่ จะน้อยลงในยคุ ปจั จบุ นั ) ความเปน็ ทางการของโอกาส ทอี่ ยู่ และฤดูกาล
กโิ มโนฟรุ โิ ซเดะ Furisode (振袖) เป็นชดุ กโิ มโนที่เป็นทางการทีส่ ุดสาหรับหญิงสาวทีย่ งั ไมไ่ ดแ้ ตง่ งาน ทไ่ี ดร้ บั การตกแตง่ ด้วยลวดลายท่ีมสี สี นั ทั่วทง้ั เสอ้ื ผา้ และมกั จะสวมใส่ในงาน เซจินชิกิ (วันแห่งวยั ) หรืองานแต่งงาน ไมว่ ่าจะเปน็ ของเจ้าสาวเอง หรอื ญาติ ท่เี ปน็ ผ้หู ญิงอายนุ อ้ ยกวา่ แขนเสื้อของฟุรโิ ซเดะมีความยาวโดยเฉล่ยี ระหว่าง 100 - 110 เซนตเิ มตร (39 และ 43 นิ้ว)
กโิ มโนอโิ รมจุ ิ Iromuji (色無地) เปน็ ชุดลาลองสวมใส่สาหรับพิธบี างอย่าง เปน็ ชุดกโิ มโนสเี ดยี วและจะ ไม่มีการตกแตง่ แมจ้ ะเปน็ สีเดยี ว แตก่ โิ มโนแบบอิโรมุจิ มีการออกแบบถกั ทอ ให้เหมาะกับฤดูใบไมร้ ว่ ง มักทาจากผ้าไหมรนิ ซุ โดยทั่วไปแล้วกิโมโนอโิ รมุจิ จะสวมใส่ในพิธีชงชาเน่อื งจากรปู ลกั ษณ์ขาวดานนั้ ถือว่าไม่เปน็ อปุ สรรคตอ่ พธิ ี ใสค่ ูก่ ันกับเครอ่ื งประดับของชโิ บริ เชน่ โอบิอาเกะ และจะไมส่ วมใส่รว่ มกับ อิโรมุจิหากจุดประสงค์ในการสวมใส่คอื พธิ ีชงชา 60
กโิ มโนโฮมอนกิ Hōmongi (訪問着) มีความโดดเดน่ ในการจดั วางลวดลาย โดยลวดลายจะพาด ไหล่ผ่านไหล่ขวาดา้ นหลงั แขนเสอื้ ด้านหลงั ไหล่ขวาดา้ นหน้าซา้ ย แขนเสอ้ื ด้านหน้าซ้าย และทช่ี ายเสอื้ ดา้ นซายท่สี ูงกวา่ ดา้ นขวา ซึ่งใช้ผ้าไหมในการทาและได้รบั การพจิ ารณาอยา่ งเป็นทางการ การออกแบบทีร่ ่างลงบนผา้ ก่อนทจ่ี ะแยกออกจากกนั เพ่ือนาไป ยอ้ มสีอีกครัง้ โดยปกติวธิ ีการผลติ นี้สามารถแยกความแตกตา่ ง ของท้ังสองอย่างได้ เน่อื งจากลวดลายบนกโิ มโนโฮมอนกิ มีลวดลาย ทข่ี า้ มตะเขบ็ อย่างลน่ื ไหล อาจสวมใสไ่ ดท้ งั้ ผู้หญิงท่ีแต่งงานแล้ว และยงั ไม่ได้แตง่ งาน หรอื แมก้ ระทงั่ เพื่อนของเจา้ สาวจะสวมชุดนี้ ในงานแตง่ งาน (ยกเวน้ ญาต)ิ และงานเลยี้ งรับรอง นอกจากนี้ ยงั สามารถสวมใส่ในงานปารต์ ท้ี ี่เป็นทางการได้อกี ดว้ ย 61
กโิ มโนเอโดะ โคมอน Edo Komon (江戸小紋) เปน็ เสอ้ื ผ้าลาลองอีกประเภทท่เี ต็มไปด้วยเคร่ืองประดับ เปน็ โคมอนประเภทหน่งึ ที่มรี ูปแบบการเย็บลวดลายซา้ ๆ ขนาดเลก็ มาก โดยปกตจิ ะทาด้วยสขี าวบนพนื้ หลงั สีท่หี ลายหลาย มเี ทคนิคการ ยอ้ มสเี กดิ ขนึ้ ทาจากผา้ ไหม แตกตา่ งจากโคมอนท่ัวไป เอโดะ โคมอน สามารถสวมใสแ่ บบเปน็ ทางการได้ 62
กโิ มโนคโุ รโตเมะโซเดะ Kurometesode (黒留袖) ชุดดาที่มีราคาแพงออกแบบมาสาหรับผหู้ ญิงท่แี ต่งงานแลว้ ท่ีเข้ารว่ มกิจกรรมสาคัญ เป็นชดุ กิโมโนแบบทางการที่มีพน้ื หลงั สดี า และมีดไี ซนช์ ายเส้อื ทช่ี ายเสื้อสวมใส่ในงานท่ีเป็นทางการเช่น งาน แต่งงาน การออกแบบจะมแี ค่เฉพาะชายเสื้อเท่านน้ั ย่ิงการออกแบบ นไ้ี ปถงึ ร่างกายมากเทา่ ไหร่ผสู้ วมใสก่ ็จะยิง่ อายุนอ้ ยลงเท่านน้ั โดยจะ ออกแบบชายเสอ้ื ใหใ้ หญข่ ้นึ และวางไว้ทางด้านซ้ายมากกว่าด้านขวา กิโมโนวินเทจมกั จะมีการวางแพทเทริ น์ ในอดตี มากกว่าแบบหลัง แม้ว่าจะไม่ใชก่ ฎที่ยากกต็ าม คุโรโตเมะโซเดะ ทาจากผา้ ไหมและอาจ มี hiyoku ซ่ึงเปน็ ชนั้ ซับด้านในติดอยู่บางครัง้ 63
กโิ มโนอโิ ระ โทเมะโซเดะ Irotomesode (色留袖) เป็นชุดกิโมโนแบบทางการทีม่ ลี าดับตา่ กว่าเลก็ น้อยโดย มีการจดั วางรปู แบบโดยประมาณเช่นเดียวกบั คโุ รโทเมะโซเดะ แตช่ ายเสือ้ ดา้ นหลังอาจจะดลู อยกวา่ เล็กนอ้ ย ทาให้ผู้สวมใส่ ดเู หมอื นจะแตง่ ตวั เต็มรปู แบบเกินไปสาหรบั บางสถานการณ์ 64
กโิ มโนทสเิ กะ ซาเกะ Tsukesage (付け下げ) มชี ้นั ตอนการสวมใส่แบบเปน็ ทางการน้อยกว่าวา่ ขนั้ ตอนดา้ นลา่ งของกโิ มโนแบบ Hōmongi หลัก ๆ คือ ลวดลายโดยทั่วไปจะไมข่ ้ามตะเข็บของแผงกโิ มโนแตล่ ะผืนผา้ แต่มีตาแหน่งเชน่ เดยี วกบั Hōmongi มคี วามคลา้ ยคลงึ กนั ระหวา่ งท้ังสองมักจะนาไปสคู่ วามสบั สน สามารถสวมใส่ใน งานปาร์ต้ไี ด้ แตไ่ มใ่ ชง่ านพิธหี รอื งานท่ีเป็นทางการ
กโิ มโนอชู กิ าเกะ Uchikake (打ち掛け) เป็นชุดกิโมโนท่มี ีความเป็นทางการสูงซงึ่ สวมใสไ่ ด้เฉพาะใน ชดุ เจา้ สาวหรอื บนเวทีเทา่ น้นั มตี น้ กาเนิดในราวศตวรรษที่ 16 จากแฟชน่ั ของชนชั้นปกครองในสมยั ทส่ี วมชุดกโิ มโน (เรยี กว่า kosode ) อูชกิ าเกะกา้ วหนา้ กลายเปน็ มากกวา่ ชุดกิโมโน สวมใสโ่ ดยซามไู รผู้หญิง กอ่ นที่จะถูกนามาใช้ในศตวรรษท่ี 20 เปน็ ชุดเจ้าสาว อูชกิ าเกะจะสวมใสใ่ นลกั ษณะเดียวกนั ในยคุ ปจั จบุ นั จะไมเ่ หมือนกบั ชดุ กโิ มโนในศตวรรษท่ี 16 เนือ่ งจากมกี ารตกแต่ง อยา่ งหนกั และมคี วามเปน็ ทางการสงู อชู ิกาเกะได้รับการออกแบบ ให้เปน็ ไปตามพืน้ เหมอื นเสือ้ คลมุ สาหรบั คู่แต่งงานมกั จะมสี ีแดงหรอื สขี าวและมกั จะตกแต่งอย่างหนกั ด้วยลวดลายมงคล 66
กโิ มโนชโิ รมคุ ุ Shiromuku (白無垢 ) เป็นงานแต่งงานสีขาวบริสทุ ธิ์กิโมโนสวมใสโ่ ดยเจ้าสาวเปน็ แบบดัง้ เดมิ ของญป่ี ่นุ ชินโต พิธีแต่งงานเปรียบได้กับอุจคิ าเกะและบางคร้ังมีการสวมชโิ รมกุ ุในพธิ แี ต่งงานซ่ึงเปน็ สัญลกั ษณ์ของความบริสทุ ธข์ิ องเจ้าสาวทเี่ ขา้ มาในชวี ติ สมรส เจา้ สาวอาจเปลี่ยนเป็นอจุ ิ กาเกะสีแดงได้ในภายหลังเพ่ือเป็นสญั ลกั ษณข์ องความโชคดี shiromukuจะเปน็ สว่ นหน่ึง ของชุดเจ้าสาวที่มกี ารจับคูก่ ับอปุ กรณเ์ สริม เช่น เจ้าสาวชดุ Katsura จับคกู่ ับ kanzashi เนอ่ื งจากลกั ษณะของเสอื้ ผา้ ราคาแพงเจา้ สาวแบบด้งั เดมิ ไมใ่ ช่เรื่องแปลกท่ีจะเช่าชดุ กิโมโนแทนการซ้ือ สาหรบั ใส่โอกาสพเิ ศษ ที่ศาลเจ้าชนิ โตเปน็ ที่รจู้ กั กนั ดีในการเกบ็ รกั ษา และเช่าชโิ รมุกสุ าหรบั งานแต่งงานแบบดงั้ เดมิ ผทู้ ่ีครอบครองชิโรมุคอุ ยู่แล้วมกั จะได้รบั มรดกจากสมาชกิ ในครอบครวั ทีใ่ กล้ชิด
กโิ มโนซโู ซฮกิ -ิ ฮคิ ซิ รึ ิ Susohiki/hikizuri (すそひき/ひきずり) ชดุ น้ีเรยี กได้ 2 ชอ่ื มกั จะมคี วามยาวมากแบบด้งั เดมิ ของญปี่ ุ่น ซโู ซฮิกิสามารถยาวได้ถงึ 230 ซม. และจะไม่สน้ั กว่า 200 ซม. จากไหลถ่ งึ ชายเสอื้ นอกจากนี้ ซโู ซฮิกิยงั มกี ารตดั เย็บท่ี แตกต่างจากกิโมโนท่วั ไป เนอ่ื งจากลกั ษณะการสวมใสค่ อเสือ้ ของซโู ซฮิกิ ถกู เย็บใหล้ ึกและเยบ็ กลับเขา้ ไปในทา้ ยทอยเพอื่ ใหส้ ามารถดงึ ลงมาไดต้ า่ โดยไมท่ าให้ด้านหน้าของกโิ มโนลอยขนึ้ แขนเสอ้ื จะต้ังไม่เท่ากันกับลาตัว โดยให้ด้านหลังสนั้ กวา่ ดา้ นหน้าเพอ่ื ไมใ่ ห้เห็นใตว้ งแขน เม่อื ดงึ คอเสอ้ื ลง ในขณะทก่ี โิ มโนปกติจะผูกดว้ ยโอฮาโซริท่ีมองเห็นได้ และตะเข็บดา้ นขา้ งยังคง ตรง สว่ นซโู ซฮิกิจะดงึ ขนึ้ ในแนวทแยงเลก็ น้อยเพื่อเน้นสะโพก และเพอื่ ให้แนใ่ จว่าชุดกโิ มโนจะอยู่ บนพืน้ อย่างดี ohashori จะเชือ่ มโยงขนาดใหญ่ทดี่ ้านหลงั มากกว่าด้านหน้า
กโิ มโนจนู ฮิ โิ ตเอะ Jūnihitoe (十二単) อธบิ ายถงึ เส้ือผ้าช้นั ในทผี่ หู้ ญิงในราชสานกั สวมใสใ่ นสมยั เฮอัน จนู ฮิ ิโตเอะ ประกอบดว้ ยเสื้อผ้า 12 ช้ัน น้าหนักรวมของ จนู ิฮโิ ตเอะ อาจสูงถงึ 20 กก. (44 ปอนด)์ เส้อื ผา้ ไดร้ ับการตกแตง่ ด้วยลวดลายท่ีคอ่ นขา้ งใหญ่โดยสิ่งทส่ี าคญั กวา่ คือการผสมสที ่บี ันทกึ ไว้ มากมายทเี่ คร่ืองแต่งกายสามารถมีได้ เคร่อื งประดับทส่ี าคญั ของชุดน้ีคอื \"พัดมือ\" อันประณตี ซ่ึงสามารถผูกเข้าด้วยกนั โดยใชพ้ ทู่ ่ีผกู เข้ากบั กระดกู ทา้ ยพดั พัดมือเหล่านีท้ าจากไมไ้ ซเปรส และการออกแบบทาสลี งบนกระดูกแบนแนวกวา้ ง ปจั จุบนั จูนิฮโิ ตเอะ สามารถพบเหน็ ได้ใน พิพิธภัณฑ์ ภาพยนตร์ งานเทศกาล และการสาธติ เท่านน้ั 69
กโิ มโนโอโดริ กาตามิ กาวาริ Odori Katamigawari (おどり かたみがわり) เปน็ คาภาษาญปี่ นุ่ ท่ีหมายถงึ \"การเต้นรา\" ดงั นัน้ โอโดริ กาตามิ กาวาริ จึงเปน็ ชุด กโิ มโนทน่ี ักเต้น ชาวญป่ี นุ่ ด้ังเดมิ สวม Tsukesage, houmongi หรอื komon เป็นรูปแบบชดุ โอ โดริกิโมโนที่แตกต่างกนั โดยปกติแล้วจะทาจากผา้ ใยสงั เคราะห์ ซึ่งสามารถซกั ได้บอ่ ยกว่าผ้าไหม และมกั จะไมม่ ีซับในหรอื บเุ พยี งบางๆ เพอ่ื ให้นกั เตน้ ไมร่ สู้ กึ ร้อนเวลาสวมใส่ขณะทาการแสดง 70
ลวดลายของชดุ กโิ มโน 71
ชดุ กโิ มโนของผหู้ ญงิ ทั่วไปอาจประกอบด้วยช้นิ ส่วนแยกตา่ งหากได้ถึง 12 ชน้ิ หรือมากกว่านั้น ซ่ึงชดุ กโิ มโนแตล่ ะประเภท ก็จะมีลวดลายท่ีแตกต่างกนั ไป 72
ลายแบบซายะ (紗綾形-さやがた,さあやがた) เปน็ ลายท่เี กิดจากการเรยี งเฉียงต่อกนั ของ สัญลกั ษณ์ 卍 เนอื่ งจากเป็นลายพ้ืนของผ้าทอซา ยะในยุคหมิง ของประเทศจนี และชอ่ื ลายซายะจึงมา จากช่อื ผา้ ทอซายะ ลายกระดองเตา่ (亀甲-きっこう) เปน็ ลวดลายทางเรขาคณติ ท่ีนาหกเกลีย่ มดา้ นเทา่ มาเรียงต่อกัน มรี ูปร่างคลา้ ยกระดองเต่า จึงนามาต้งั เปน็ ชื่อ ลายเต่า เป็นสัตว์ท่แี สดงสญั ลกั ษณ์ในดา้ นอายยุ ืนยาว เช่นเดยี วกบั นกกระเรียน ดงั นน้ั ลายกระดองเตา่ นนั้ จึงถอื เป็นลายมงคลลายหนึง่ ลายนกกระเรยี น (鶴-つる) นกกระเรยี น ถอื เปน็ สตั ว์มงคลในตานานของชาวญี่ปนุ่ เปรยี บเสมือนสัญลกั ษณใ์ นดา้ นอายุทยี่ ืนยาว และชีวิตที่อดุ มสมบรู ณ์ ลายนกกระเรียนจึงมกั ถกู เลือกใชเ้ ป็นลายกโิ มโนทีส่ ่ือถึงความสขุ นอกจากน้ี นกกระเรียนยังเปน็ หนงึ่ ในสัตว์ทเ่ี ม่อื มีคู่แล้วจะอยดู่ ว้ ยกันไป ตลอดชีวติ จึงมักใชล้ ายนกกระเรยี นน้เี ป็นลายในชดุ กิโมโนแต่งงาน เพือ่ สื่อถึงความรกั ใครร่ ะหวา่ งคู่สามีภรรยาที่จะอยู่ดว้ ยกนั และชว่ ยกัน ดูแลบุตรจนเติบใหญอ่ ีกดว้ ย 73
ลายดอกโบต๋นั (牡丹-ぼたん) ดอกโบตั๋น ถอื เปน็ ราชาแหง่ ดอกไม้ทม่ี คี วามงดงาม เป็นอย่างมาก มคี วามหมายถงึ ความมั่งคั่ง เกยี รตยิ ศ และ ความสงู สง่ เนอื่ งจากดอกของ โบต๋นั น้นั ตรงกลางจะเป็นดอกตมู กลมขนาดเล็กทลี่ อ้ มรอบด้วยกลบี บานขนาดใหญ่ขน้ึ ไปเรือ่ ย ๆ ส่ือถงึ เส้นทางใหไ้ ด้มาซึ่งสิ่งต่างๆ ที่กล่าวไปข้างตน้ ลายพัด (扇-おうぎ) ลายพัดนนั้ มกั ใช้สอื่ ถงึ อนาคตทง่ี อกงาม เน่อื งจากพดั นน้ั มีลกั ษณะตรงดา้ นปลายแผข่ ยาย กว้างออกไป ลายพดั ถอื เปน็ ลายมงคลท่ีจะนามาสอ่ื ถงึ การเติบโตและความมง่ั คัง่ ลายตาราง (市松-いちまつ, 格子-こうし) ลายตารางเป็นลายทีน่ กั แสดงคาบูกิ ซาโนะ อิจมิ ัตสึ สวมใสต่ อนเลน่ คาบูกิแล้วประสบความสาเรจ็ เปน็ อย่างมาก หลังจากนน้ั กิโมโนลายนจ้ี ึงเรม่ิ เปน็ ที่นิยม จงึ มีการนาชื่อของ ซาโนะ อจิ มิ ตั สึ มาตัง้ เป็นช่ือลาย ลวดลายเป็นลายตาราง ทเี่ กดิ จากการตัดกนั ของเสน้ แนวนอนและแนวตงั้ 74
ลายคลน่ื ทะเล (青海波-せいがいは、せいかいは) ลวดลายทางเรขาคณติ ท่ีเกดิ จากการนาพัดมาเรยี งเป็น คล่นื เป็นลายทส่ี ื่อถงึ คาอธษิ ฐานให้ดาเนินชีวติ อย่างรม่ เยน็ เปน็ สุขตลอดไป ด่งั คลนื่ สงบในทะเลอันกว้างใหญ่ ลายสมบตั ทิ ง้ั เจด็ (七宝-しっぽう) เป็นลวดลายทเี่ กดิ จากการนา 1 ใน 4 ส่วนของวงกลมมา ซอ้ นกนั นอกจากจะสื่อความหมายถงึ สมบัตทิ ั้งเจด็ แลว้ วงกลมยงั แสดงถึงปรองดองอกี ดว้ ย ดงั น้นั ลายน้จี งึ มกั ถกู ใชเ้ ป็นสญั ลักษณ์ ของความร่ารวย รวมถงึ ความมง่ั คัง่ อนั อนั ไมม่ ีทส่ี ้ินสุดของลกู หลาน ลายทะเทะวาคุ (立湧-たてわく) เกดิ จากการซิกแซกของเสน้ 2 เส้น แสดงถึงไอน้าท่ีกาลงั ระเหยขนึ้ ไปด้านบน ลกู ศรขนนก (矢絣-やがすり、矢羽根絣-やばね) เกดิ จากการเรียงกนั ของลกู ศรขนนก นยิ มใช้เปน็ ลาย กโิ มโนที่ใสใ่ นพธิ เี รยี นจบการศึกษา 75
ลายเกลด็ ปลา (鱗-うろこ) เปน็ ลายทเ่ี กดิ จากการนารูปทรงสามเหลยี่ มมาเรียงตอ่ กัน เนอื่ งจากมองดูคลา้ ยเกลด็ ปลา จงึ มกั เรยี กชื่อลายน้วี ่าลายเกล็ดปลา ลายนีม้ คี วามหมายสือ่ ถงึ การปกปอ้ งคุ้มครอง จงึ นิยมใชเ้ ป็นลายของ ชดุ ทีซ่ อ่ นอยู่ดา้ นใน เชน่ บรเิ วณปกคอเส้อื ลายดอกบว๊ ย (梅-うめ) ดอกบ๊วยเปน็ ดอกไมท้ ท่ี นผา่ นความหนาวเย็นของฤดูหนาว เพือ่ มาเบง่ บานอย่างงดงามในฤดูใบไมผ้ ลิ จึงถือเปน็ ดอกไมท้ ี่เป็น ตัวแทนของความอดทนและความงาม นอกจากน้แี ลว้ คาวา่ ดอกบว๊ ย ในภาษาญป่ี ุ่นนนั้ ยังเปน็ คาพอ้ งเสยี งกับคาท่ีมคี วามหมายว่า การให้กาเนดิ ดอกบว๊ ยจงึ มีความหมายส่ือถงึ การคลอดลกู ปลอดภยั ลายโนะชิ (熨斗-のし) โนะชิ เป็นสิ่งทเี่ ตรียมไว้สาหรบั ถวายเทพเจ้าโนะชิอะวาบิ (熨斗鮑) นับเปน็ เคร่อื งรางโบราณเพ่ือใหม้ อี ายุยนื ยาว ทแี่ ถบยาวๆของโนะชนิ ั้นมักจะมลี ายงดงามประดบั อยู่ ลายนกฟนิ กิ ซ์ (鳳凰-ほうおう) นกฟินิกซเ์ ป็นนกในตานานท่ีสืบทอดมาจากประเทศจนี เชื่อว่าเป็น นกศกั ดิส๋ ิทธทิ์ ่ีจะปรากฏใหเ้ ห็นเม่อื โลกมีแตค่ วามรม่ เย็นเปน็ สขุ นอกจากนน้ี กฟนิ กิ ซ์ยังเปน็ นกทม่ี ีรปู ร่างสวยสง่างาม ทาใหล้ ายนกฟนิ กิ ซ์ เปน็ ลายทที่ ุกคนช่ืนชอบมายาวนานตั้งแตส่ มัยอะสคุ ะ (飛鳥時代) 76
ลายมารมุ น (丸文-まるもん) วงกลม เปน็ รูปทรงที่ไมม่ จี ดุ เรมิ่ ตน้ และจดุ สิ้นสุด ลายมารุ มนซง่ึ แปลวา่ ลายวงกลม นจี้ ึงถอื เป็นลายมงคลทีแ่ สดงถึงความเปน็ นิ รนั ดรม์ ีลายมากมายทสี่ ร้างจากวงกลม เชน่ ลายกระจก หรือลาย ดอกไมท้ เ่ี กิดจากการลาดเสน้ โคง้ ต่อกันวงกลมมีความหมายเก่ียวขอ้ ง ถงึ ความสมั พนั ธ์ จึงมกั นยิ มใช้เปน็ ลายในชดุ กิโมโนแต่งงาน ลายรถโกะโฉะกรุ มุ ะ (御所車-ごしょぐるま) โกะโฉะกรุ ุมะ เป็นรถของชนชั้นสงู ท่ใี ชว้ วั เป็นพาหนะใน การลากทบ่ี ริเวณบรเิ วณเกียวโตโกะโฉะ (京都御所) โดย ลายนี้จะแสดงถงึ ความสงู ส่งหากมองสารวจดู จะพบว่ารถโกะโฉะ กุรมุ ะซง่ึ เป็นรถพาหนะของชนชน้ั สงู ในสมัยเฮอนั น้ี เปน็ สง่ิ ท่ีแสดง ถึงความรา่ รวยหรูหราและความมง่ั คัง่ อยา่ งเห็นได้ชัด ลายโกะโฉะ กุรมุ ะนจ้ี งึ มกั ถกู นามาใชเ้ ป็นลายของชุดกิโมโน ลายใบฝน่ิ (麻の葉-あさのは) โกะโฉะกุรมุ ะ เปน็ รถของชนชน้ั สงู ทีใ่ ชว้ ัวเปน็ พาหนะใน การลากทีบ่ รเิ วณบรเิ วณเกียวโตโกะโฉะ (京都御所) โดยลายน้ี จะแสดงถงึ ความสงู สง่ หากมองสารวจดู จะพบว่ารถโกะโฉะกุรุมะซึง่ เป็นรถพาหนะของชนช้ันสูงในสมยั เฮอนั นี้ เปน็ สิง่ ท่ีแสดงถงึ ความ รา่ รวยหรูหราและความมัง่ ค่ังอย่างเหน็ ไดช้ ัด ลายโกะโฉะกุรุมะนจ้ี ึง มกั ถูกนามาใช้เปน็ ลายของชดุ กิโมโน 77
ลายดอกเบญจมาศ(菊-きく) ดอกเบญจมาศเปน็ ดอกไมท้ ่ีมคี วามงดงามและมีกล่ินหอม จึง เหมาะกบั การนามาทาเปน็ ลายชดุ กโิ มโนเป็นอย่างมาก ดอกเบญจมาศ เป็นสญั ลกั ษณ์สือ่ ถงึ การมีอายุยนื ยาว รวมทัง้ มีความหมายอืน่ ๆ เช่น การไม่เปน็ โรค การขบั ไล่สงิ่ อปั มงคล ความมนั่ คงท้งั ดา้ นร่างกายและ จิตใจ อีกด้วย ลายดอกเบญจมาศส่วนมากมกั เปน็ การผสมผสานกัน ระหว่างรูปร่างของเพชรและวงกลม ดอกเบญจมาศนับเป็นดอกไม้ท่ี บานในฤดใู บไมร้ ่วงแต่กส็ ามารถบานในฤดูอื่นไดเ้ ช่นกัน ลกั ษณะดอก เป็นวงกลมซ่งึ เปรยี บเสมือนพระอาทติ ย์ ลายดอกเบญจมาศจงึ ถอื เปน็ ลายช้นั สูงเมื่อเทยี บกับลายดอกไมล้ ายอ่นื ๆ ลายซากุระ(さくらもん) ดอกซากุระเป็นดอกไมท้ ี่ชาวญ่ีปนุ่ ชนื่ ชอบมาตัง้ แต่สมัยเฮ อัน โดยมคี วามเชอ่ื วา่ ทีต่ ้นซากุระน้ันมีเทพเจ้าแห่งความอุดม สมบรู ณ์ (五穀豊穣) อาศัยอยู่ ซากรุ ะจึงมีความหมายทสี่ ือ่ ถงึ ความอดุ มสมบรู ณ์ คาวา่ ซา ของซากุระนัน้ มีความหมายถงึ ตน้ ข้าว ส่วน กุระ หมายถงึ ตาแหน่งทเ่ี ทพเจา้ สถิตอยู่ ด้วยเหตนุ ้ี ลายซากุระ จึงถกู สรา้ งขนึ้ เพ่อื อธษิ ฐานขอพรให้พชื พันธมุ์ ีความอดุ มสมบรู ณจ์ นมี การจัดงานฮานาบิ(เทศกาลชมดอกไม้บาน)ถึงแม้ซากรุ ะจะเปน็ ดอกไม้ท่ีบานในช่วงฤดใู บไมผ้ ลิ แตล่ ายซากรุ ะกเ็ ป็นลายท่ีสามารถ เลือกใสไ่ ดท้ ง้ั ปี นอกจากน้ีแลว้ ชว่ งเวลาท่ีดอกซากุระซึ่งเป็นดอกไม้ สญั ลักษณข์ องประเทศญปี่ ่นุ นเ้ี บง่ บาน ก็ตรงกับช่วงเรม่ิ ตน้ ของฤดู ใบไม้ผลพิ อดี ดอกซากุระจงึ มอี กี ความหมายท่ีสอื่ ถงึ การเรม่ิ ตน้ ใหม่ 78
ลายตน้ สน+ไผ+่ บว๊ ย (松竹梅-しょうちくばい) ต้นสน เป็นต้นไมท้ ม่ี ีใบสีเขียวตลอดปีถงึ แมว้ ่าจะขน้ึ ทา่ มกลางอากาศหนาวจัด ตน้ ไผ่ เปน็ ต้นไม้ที่แตกหน่อเพมิ่ แม้ในชว่ งท่ีอากาศหนาว ต้นบ๊วย เป็นตน้ ไมท้ ่อี อกดอกงดงามท้งั ๆ ท่ีอากาศหนาว ต้นไมท้ ั้ง 3 ชนิดนเ้ี ปน็ ตน้ ไมท้ ีไ่ ดร้ ับการยกยอ่ งเป็นต้นไม้ท่ที นตอ่ อากาศหนาวมาต้งั แต่อดีต จึงถอื เปน็ ลายมงคลทสี่ ื่อความหมายถงึ ความม่ันคง มกั ใชใ้ นงานแสดงความยนิ ดตี า่ งๆ ลายผเี สอื้ (蝶-ちょう) วงจรชีวิตของผีเส้ือน้นั มกี ารเตบิ โตโดยพัฒนาจากดักแดม้ า เปน็ ผีเสื้อที่งดงาม ลายนจี้ ึงสื่อถงึ ความงดงามของสตรี นอกจากนี้ ใน ภาษาญ่ีปุน่ มีคาอ่านวา่ โจว ซึง่ เป็นคาพ้องเสียงกบั คาที่มคี วามหมาย วา่ ยาว ลายนี้จึงมีความหมายสอ่ื ถงึ อายุยืนยาวดว้ ยเชน่ กัน ลายคนั เสะมสิ ุ (観世水-かんぜすい) เป็ นลายทแี่ สดงการไหลน้าของนา้ ทวี่ นไปวนมา 79
ลายดอกวสิ ทเี รยี (藤-ふじ) ในสมัยโบราณของญ่ปี ่นุ สมี ว่ งของดอกวสิ ทีเรียนบั เป็น สที ม่ี ีความสงู ส่ง วสิ ทเี รียเป็นพืชท่ีมลี กั ษณะเด่นด้าน ความสามารถในการขยายพนั ธ์ดุ ว้ ยการเกาะพันตน้ ไมใ้ หญอ่ ื่นๆ และเติบโตแพรพ่ ันธุ์ไปเร่อื ย ๆ ลายวสิ ทีเรยี จึงเปน็ สัญลกั ษณส์ ่อื ถงึ อายยุ ืนยาวและการมลี กู เตม็ บา้ นหลานเต็มเมือง นอกจากนี้ 「ฟุจ」ิ ซึง่ เปน็ ชอื่ ดอกวสิ ทเี รยี ในภาษาญ่ปี นุ่ ยังเปน็ คาพ้อง เสียงกบั คาทีม่ ีค่ วามหมายว่า ไม่ตาย จึงมกั นาคานม้ี าตง้ั เป็นชอื่ คนหรอื ใช้ดอกวสิ ทเี รยี มาเป็นตราสญั ลักษณ์ประจาตระกูล ลายยกู วิ ะ (雪輪-ゆきわ) เปน็ ลายที่มีท่ีมาจากผลึกของหมิ ะ 80
ชดุ กโิ มโนของผชู้ าย 81
ชดุ กิโมโนของผชู้ ายทั่วไป อาจจะไม่ได้มคี วามซับซ้อนมากเท่าชุดกิโมโนชองผู้หญงิ ดังนัน้ การออกแบบชุดกิโมโนของผชู้ าย จึงมีไม่มากนกั 82
จนิ ฮาโอริ Jinbaori (ジン羽織) เป็นแจค็ เก็ตแขนกดุ สวมทับเสือ้ เกราะญป่ี ุน่ ในทางตรงกันข้ามกบั กิโมโนของ ผหู้ ญงิ ชดุ กโิ มโนของผ้ชู ายนน้ั เรยี บงา่ ยกว่า โดยท่ัวไปจะประกอบดว้ ยอปุ กรณ์การแตง่ ตัว 5 ชิ้น ไม่รวมรองเท้า แขนเส้ือกิโมโนของผู้ชายจะแนบกับลาตัวของชุดกโิ มโน โดยไม่มกี าร แนบที่ดา้ นล่างไมเ่ กินสองสามน้ิว ซ่งึ แตกตา่ งจากสไตล์ของผหู้ ญงิ ทม่ี แี ขนเสื้อทลี่ กึ มาก ซ่ึงส่วนใหญ่ไม่ได้แนบมาจากร่างกายของชดุ กโิ มโน แขนเสือ้ ของผู้ชายมีความลึกน้อยกว่า แขนเส้อื กโิ มโนของผู้หญิง เพอื่ รองรับการบบี รอบเอวด้านลา่ ง สาหรับกโิ มโนของผ้หู ญงิ นั้น แขนเส้อื ทยี่ าวและไมแ่ นบดา้ นล่างของแขนเสอื้ สามารถแขวนทบั โอบไิ ด้โดยไมเ่ กะกะ ในยคุ ปจั จุบนั ความแตกต่างท่ีสาคัญระหว่างกโิ มโนของผู้ชายอยทู่ เ่ี น้ือผ้า ชุดกิโมโนของผชู้ ายท่ัวไปเปน็ สเี ขม้ ทด่ี อู อ่ นลง สีดาสีนา้ เงนิ เขม้ สีเขยี วและสนี า้ ตาลเปน็ เรื่องปกติ ผา้ มกั จะเคลอื บด้าน บางแบบมลี วดลายทล่ี ะเอียดออ่ นและผา้ ทมี่ ีพ้นื ผิวน้นั พบได้ ทวั่ ไปในกิโมโนแบบสบาย ๆ ชุดกิโมโนแบบสบาย ๆ อาจทาในโทนสที ี่สวา่ งกว่าเลก็ นอ้ ย เชน่ สีม่วงอ่อน สีเขยี ว และสนี ้าเงนิ บางคร้ังนกั มวยปลา้ ซโู มม่ กั จะสวมเส้ือผา้ สสี ดใส เชน่ สบี านเยน็ Dzinbey เป็นอะนาลอ็ กของยกู าตะ ยกเวน้ แจ็คเก็ตผ้าฝา้ ย และกางเกงขาส้นั Tanzen แจ๊กเก็ต, เสอ้ื คลุมแบบญีป่ ุน่ มคี วามสขุ ุม ซึง่ เปน็ แจค็ เกต็ สากลทีม่ แี ขน เสอื้ แคบ ถูกเย็บจากผา้ ฝา้ ย มันเปน็ ความผดิ พลาดท่ีจะเรียกว่าชุดกิโมโนสาหรบั ฝึกฝน ศิลปะการตอ่ สแู้ บบดง้ั เดิม ในความเปน็ จรงิ เสอื้ ผา้ ดงั กลา่ วมีความหมายกว้าง ๆ ท่ีเรียกวา่ dogi และความหลากหลายของช่อื ขน้ึ อยู่กบั ศลิ ปะการต่อสู้ประเภทใดประเภทหนึง่ karategi - สาหรับคาราเต้, udogi – สาหรับยโู ด เป็นต้น 83
“...ชดุ กโิ มโน ไมว่ า่ จะของผู้หญิง หรอื ของผชู้ าย กม็ ลี กั ษณะทคี่ ลา้ ยคลึง และไปในทางเดียวกัน ชุดกโิ มโนจะทำให้ผทู้ ่ีสวมใสไ่ ม่รสู้ ึกอึดอัด ถงึ แมว้ า่ จะมี ผา้ หลายชั้น เพราะตัวชุดน้นั ไมม่ คี วามรัดรูป หรอื สัดส่วนให้แน่น ดงั นน้ั ไมว่ ่าผ้ใู ส่จะมีรูปร่าง หรือสัดส่วนแบบใด กส็ ามารถใส่ชุดกโิ มโนให้ออกมาดูดไี ด้ เชน่ กนั ทกุ คน...” 86
CHAPTER 4
“...สำหรับผู้หญิงทีต่ ้องการสวมใสช่ ุดกิโมโนให้ ออกมาดูสวยงามมากกวา่ เดมิ ควรจัดการส่วนเอวท่ีโค้ง เว้าใหเ้ ปน็ เอวตรง ๆ โดยการนำผา้ ขนหนูมาพนั รอบเอว เพือ่ ให้ส่วนเว้าของเอวหายไป...” 92
ข้นั ตอนการเตรยี มชดุ กโิ มโนก่อนสวมใส่ 93
1. แขวนไว้บนไมแ้ ขวนเส้อื เพื่อลดรอยยบั ที่เกดิ จากการพบั ใหแ้ ขวนกิโมโนไวบ้ นไมแ้ ขวน 1 วันกอ่ นสวมใส่ ตามหลกั การแล้วไมค่ วรให้ชดุ โดนแสงแดดโดยตรง หากไม่สามารถขจัดรอยยับได้ ให้วาง ผา้ สขี าวธรรมดาลงบนจุดนน้ั แลว้ รีดจากด้านหลังดว้ ยอุณหภูมทิ ตี่ ่า หากเป็นผา้ มสี อี าจทา ใหก้ ิโมโนมีรอยไดจ้ ากความรอ้ นของเตารีด 2. ติดปกคอ (半衿 Han-eri) เตรยี มไว้ ติดปกคอสาหรบั ตกแตง่ (Han-eri) ให้เขา้ กบั ปกกิโมโน นอกจากน้คี วรตรวจสอบ ให้แน่ชัดวา่ ไดเ้ ตรียมโอบิ (ผา้ คาดเอว) และอปุ กรณเ์ สริมทงั้ หมดทเ่ี ขา้ กับเสอื้ ผ้าแลว้ หรือไม่ เพราะหากสวมใสช่ ุดกโิ มโนแล้วจะทาใหเ้ คลื่อนไหวรา่ งกายลาบาก ดังน้นั ควรเตรียม อปุ กรณ์สาหรบั การแตง่ กโิ มโนให้เรยี บร้อย 3. ทาความสะอาดบริเวณที่แตง่ ชุดกิโมโนให้สะอาด สาหรบั ในประเทศญปี่ ุ่นจะทาความสะอาดเพื่อป้องกันไมใ่ ห้ชดุ กิโมโนถูกลากไป บนพนื้ หรอื เสอ่ื และมกี ารทาทามิเมือ่ เวลาสวมใส่ ที่พ้นื จะปกู ระดาษวาชขิ นาดใหญ่ท่ี เรยี กว่าอิโชชิกิ (衣裳敷) แลว้ จึงนาชดุ กิโมโนมาวางบนกระดาษนี้ และสามารถใช้ แผน่ ผ้ายางสาหรบั ไปปคิ นิคและแผน่ ไวนลิ ปูพ้ืนแทนได้ ในกรณที ยี่ งั ไม่ไดท้ าความสะอาด พ้ืนทที่ จ่ี ะใชเ้ ปน็ หอ้ งแตง่ ตวั 94
5 ข้นั ตอน กอ่ นสวมใสช่ ดุ กโิ มโน 95
อาจจะนา่ แปลกใจ ทสี่ ิ่งแรกทคี่ วรทาก่อนใสช่ ดุ กโิ มโน คือการสวมทาบิ (足袋 ถุงเท้าแบบแยกนิ้วเท้า) เพราะมนั จะก้มลาบากมากหากสวมใส่ถุงเทา้ ทหี ลงั
ขนั้ ตอนที่ 1: ใส่ทาบิ ขัน้ แรกใหถ้ อื ทาบิเหมือนว่ากาลังจะสวมถุงเท้าอยู่ จากนนั้ พับทาบจิ ากด้านใน ออกลงครึ่งหนง่ึ (เหลือแค่สน้ เทา้ และพนื้ รองเท้าให้ปลายอยใู่ นทรงเดมิ ) เพ่ือให้วางเทา้ ได้ง่ายข้นึ เม่ือใส่เท้าเข้าไปแลว้ ให้ดึงทาบิรอบ ๆ ใหพ้ อดกี บั เท้า ตดิ ตะขอทีส่ ้นเท้า และหลังข้อเทา้ ข้ันตอนที่ 2: ใส่ชดุ ชน้ั ในกโิ มโน ใสช่ ดุ ชนั้ ในท่ีเรยี กวา่ “Hadajuban” (肌襦袢) และ“ Susoyoke” (裾よけ) มีทง้ั แบบชนิ้ เดียวหรือชดุ ชนั้ ในแยกชิน้ ต่างหากสาหรับกโิ มโนของผูห้ ญงิ ดงั นน้ั ควรเลอื กแบบท่เี หมาะกบั รา่ งกายตนเองที่สดุ และควรเลอื กเสื้อชนั้ ใน และชุด ชัน้ ในแบบที่ไร้รอยต่อ หรอื สวมใส่ในชวี ิตประจาวนั อยแู่ ล้ว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116