คํานาํ ปูยีผู้เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของดินแดงมังกร แห่งราชวงศ์ชิง กอ่ นทจ่ี นี จะเกดิ การปฏวิ ัติ เปลย่ี นรูปแบบการปกครอง ชีวิตของจักรปูยีไม่ได้ ราบร่ืนนกั ตลอดชว่ งชวี ติ มอี ุปสรรคมากมายผา่ นเขา้ มา พวกเราเลยอยากให้ทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และรู้จักกับ จักรพรรดิปูยมี ากขนึ้ สิง่ ทเ่ี กิดขึ้นในชีวิตของจักรพรรดิองค์นี้ ต้ังแต่จุดเร่ิมต้น ไปจนถงึ ช่วงชีวิตสุดทา้ ย และหลงั จากทเ่ี ขาจากไปแล้ว ประเทศจีนได้เกิดการ เปลยี่ นแปลงอยา่ งไรบา้ ง แลว้ เกดิ อะไรขึ้นกบั เขาบ้าง หนังสือเล่มนี้ผู้จัดทําได้ทําการศึกษาค้นคว้า และรวบรวมข้อมูล ต่างๆ เรียบเรียงออกมา เกิดจากความต้ังใจของพวกเรา ขอขอบคุณ แหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆ หากมีขอ้ ผิดพลาดประการใด ผู้จัดทําน้อมรับและขออภัย ณ ท่ีนีด้ ้วย คณะผ้จู ดั ทํา
สารบัญ หนา้ 1 เรอื่ ง 2 22 บทนาํ 23 25 01 - ประวตั ิสมเดจ็ พระจักรพรรดิปูยี 30 02 - ก่อนปยู ีขนึ้ ครองราชย์ 31 03 - ราชวงศช์ ิง 36 04 - ฟน้ื ฟูราชวงศ์ชงิ 40 05 - พระราชวังต้องหา้ ม 44 06 - พํานักในนครเทยี นสิน 45 07 - แมนจู 48 08 - หวั หนา้ ฝา่ ยบริหารและจักรพรรดิแหง่ แมนจู 49 09 - สงครามนานกิง 54 10 - การสละราชบลั ลังก์ 57 11 - คา่ ยคอมมวิ นสิ ต์จนี 12 - บั้นปลายชวี ิตของปูยี 13 - จักรพรรดิปยู ี บรรณานกุ รม
1 บทนาํ หนงั สอื เลม่ นเี้ ป็นเรอื่ งราวของ อา้ ยซนิ เจว๋หลัว ผู่อ๋ี (ปูยี) ในปี 1980 ในตอน นนั้ พระองคท์ รงมีอายเุ พียง 2 ขวบกว่าๆ ซูสไี ทเฮา ทรงแต่งตั้งให้เขาเปน็ จกั รพรรดิองคท์ ี่ 10 แหง่ ราชวงศ์ชิง พระองค์ ถกู เรียกตวั เข้าพระราชวังต้องหา้ ม ที่ล้อมรอบไปดว้ ยกําแพงสงู แมจ้ ะมสี มบตั ิมากมาย แต่กต็ ้องพลดั พรากจาก พระราชบดิ าและพระราชมารดาผเู้ ป็นท่รี กั จนกระทัง่ 6 ปีตอ่ มา พระองค์ทรงได้รบั อนุญาตให้พบครอบครัวอีกครัง้ แต่ กลับเป็นการพบเจอทีม่ ีแต่ความหา่ งเหนิ เยน็ ชาเหมือนคนแปลกหนา้ ทุกๆอยา่ งไดเ้ ปลี่ยนไปจากหนา้ มือเป็นหลงั มือ จากตาํ แหน่งจกั รพรรดิแหง่ ประเทศจีน กลายเปน็ อาชญากรสงคราม จากอาชญากรสงครามกลายเปน็ สามญั ชนท่ไี ร้ อํานาจ และยงั โดนตราหน้าวา่ เปน็ คนผดิ ผู้อ่านจะไดร้ ับร้เู น้อื หาของ คนๆ หนง่ึ ทีเ่ คยมีทุกอย่างเพยี บพร้อมแต่สดุ ทา้ ย กลับไมเ่ หลืออะไร ทงั้ ตําแหน่ง อํานาจอนั ย่ิงใหญ่ สมบตั ิอนั มคี า่ หรอื แม้กระทั่งลมหายใจ เนอ้ื หาของ หนังสอื เล่มนจ้ี งึ มีความเขม้ ข้นและ มีความปวดรา้ ว ถงึ เวลาอนั สมควรแล้วท่เี ราจะรูจ้ ักเรอื่ งราวในนามของ ปยู ี จักรพรรดิแห่งราชวงศจ์ ีนที่โลกอาจไมล่ มื
2 01 ประวตั สิ มเดจ็ พระจกั รพรรดปิ ยู ี สมเดจ็ พระจักรพรรดิปูยี มีพระนามเตม็ วา่ อ้ายซินเจีย๋ หลอ ผอู่ ี๋ พระนามลําลองคือ เฮนรี มีเช้ือสายแมนจูเปน็ โอรสองค์โตขององค์ชายชนุ ท2่ี กบั พระนางหัวเออ่ เขยี นโยว่ หลัน เกดิ เม่อื วนั ท่ี 7 กมุ ภาพันธ์ 1906 เสยี ชวี ติ เมอื่ วนั ท่ี 17 ตลุ าคม 1967 อายุ 61 ปี ปูยีเปน็ จักรพรรดอิ งค์ท1่ี 0แหง่ ราชวงคช์ ิงและเปน็ จกั รพรรดิองคส์ ดุ ทา้ ยของ ประเทษจีน
3
4 บดิ า ปู่ทวดของปูยี คือ จักรพรรดิเต้ากวัง หลังจากนั้น ลูกคนที่ 4 ของ จกั รพรรดิเตา้ กวง คอื จกั รพรรดิเสียนเฟิง กข็ ้ึนสืบราชสมบัตติ ่อ ปขู่ องปยู ี ฉนุ ชนิ หวังอเี้ ซฺวียน เป็นลูกคนที่ 7 ของจักรพรรดิเต้ากวัง และเป็นน้องชายของจักรพรรดิเสียนเฟิง ภายหลังจากพระจักรพรรดิเสียน เฟิงสวรรคตแล้ว จักรพรรดิถงจ้ือ ลูกคนเดียวของพระจักรพรรดิเสียนเฟิงได้ ขึน้ สืบราชสมบตั ิ จักรพรรดิถงจื้อสวรรคตเมื่ออายุ 18 ปี โดยไม่มีลูก และคนท่ีมา สืบราชสมบัติต่อคือ จักรพรรดิกวังซว่ี ลูกของฉุนชินหวังอี้เซฺวียน และท่าน ผู้หญิงเย่เหอนาลา วานเจิน (น้องของพระนางซูสีไทเฮา) สมเด็จพระ จักรพรรดกิ วงั ซว่ีสวรรคตโดยไม่มลี กู ปูยี จึงได้รับการแต่งต้ังให้สืบราชสมบัติ ต่อจากสมเด็จพระจักรพรรดิกวังซวี โดยปูยีเป็น ลูกคนโตของฉุนชินหวังไจ้ เฟิง ซ่ึงเป็นลูกของอี้เซฺวียน และท่านผู้หญิงหลิงกิยา พระสนมของพระองค์ เดิมทา่ นผู้หญงิ หลงิ กิยาเคยเปน็ คนรับใช้ทตี่ ําหนักของเจ้าชายฉุนอ้ีเซฺวียน พ้ืน เพเปน็ ชาวฮั่นแซ่หลิว และเม่ือเป็นเมียของฉุนชินหวังจึงเปล่ียนเป็นชื่อแมนจู ว่า หลิงกิยา เพราะฉะนั้นฉุนชินหวังไจ้เฟิง จึงเป็นพี่น้องท้องเดียวกับสมเด็จ พระจักรพรรดิกวังซว่ีและเป็นทายาทสืบราชบัลลังก์ที่อยู่ในลําดับแรก
5
6 ปยู ีเป็นสมาชิกสมาชิกวงตระกูลอ้ายซินเจว๋หลวั ของพระนางซูสไี ท เฮา หลานของพระนางซูสไี ทเฮา คอื จกั รพรรดินีหลงยวฺ ี่ พระพนั ปีหลวง ก็ เป็น ภรรยาของจกั รพรรดกิ วังซว่ี น้องชายของปยู คี อื เจ้าชายผู่เจีย๋ และตอ่ มาไดแ้ ตง่ งานกบั ญาติของ จักรพรรดิโชวะแหง่ ญ่ปี ุ่น คือ ฮิโระ ซางะ ซ่งึ กฎมณเฑยี รบาลในเรื่องการ สบื ราชสมบตั ินั้นใหผ้ เู่ จ๋ยี สบื ราชบัลลงั ก์จากผอู่ ๋ซี ึ่งไม่ สามารถมบี ตุ รได้ เจ้าชายผเู่ รนิ่ นอ้ งชายของพระองค์ ต่อมาไดเ้ ปลย่ี นช่ือเป็นจีน คือ จนิ โหยว่ จือ อาศยั อย่ทู ่ปี ระเทศจนี โดยในปี 2006 จิน โหยว่จือได้ยนื ฟ้อง ดําเนนิ คดตี ่อศาลเกยี่ วกับสิทธิในรปู ของผอู่ แ๋ี ละความเปน็ ส่วนตัว โดยได้กล่าว วา่ สิทธขิ องเขาได้ถูกละเมดิ จากงานจัดแสดง \"จกั รพรรดิพระองคส์ ดุ ท้ายและ ราชวงศ์\" สว่ นญาติหา่ ง ๆ ของปูยี คอื ผู่ เซ่ียจา้ ย เปน็ นักดนตรซี ่งึ เลน่ กู่เจ้ิง และเป็นศลิ ปนิ ภาพเขยี นจีน
7 ผู่เจ๋ยี
8 มารดา แมข่ องปูยีคือ โย่วหลัน เป็นลูกสาวของ หรงลู่ รัฐบุรุษและนายพล จากเผ่ากวาเอ่อร์เจีย โดยยงลู่เป็นหน่ึงในกลุ่มผู้นําของสายอนุรักษนิยมใน ราชวงศ์ชิง และเป็นผู้สนับสนุนท่ีซ่ือสัตย์ของพระนางซูสีไทเฮา โดย พระนางไดต้ อบแทนความซอ่ื สตั ยข์ องหรงลู่ จึงไดใ้ หล้ กู สาวของเขา (แมข่ องผู่ อี)๋ แต่งงานเพอื่ เข้ามาในกลมุ่ ราชวงศ์ เผา่ กวาเอ่อรเ์ จีย เป็นหน่ึงในเผ่าทที่ รงอํานาจมากทสี่ ุดของชาวแมน จูในสมัยราชวงศช์ ิง แมท่ พั เอา๋ ไป้ ผู้บญั ชาการทางทหารผู้ทรงอิทธพิ ลและ รฐั บุรุษซ่งึ เปน็ ผู้สาํ เร็จราชการระหวา่ งต้นรัชสมัยของจกั รพรรดคิ ังซี ก็มาจาก เผ่ากวาเออ่ รเ์ จยี
9
10 ปี 1901 ไจ้เฟิงอายุ 18 ปี เดินทางไปท่ีเยอรมันในฐานะตัวแทน ราชวงศ์ไปร่วมในพิธีศพของบารอน ฟอน เคทเทเลอร์ Baron von Ketteler (ทูตท่ีถกู สังหารในเหตุการณก์ บฎนักมวย) เม่ืออยู่ท่ีน่ัน เขานําศักด์ิศรีและความ ภาคภูมใิ จกลบั มาให้ราชสํานักต้าชิง ด้วยการไมย่ อมคุกเข่าให้กบั พระเจา้ ไกเซอร์ ตามธรรมเนียม
11 พระนางซสู ไี ทเฮา
12 ข่าวนี้ทําให้พระนางซูสีไทเฮา ชอบชายผู้นี้เป็นอย่างมาก แต่ใน ขณะเดยี วกนั ก็เริ่มกงั วลวา่ การได้ออกไปเหน็ โลกกว้างของ ผู้ชายคนนี้ จะทํา ให้เขานําเอาความคิดที่ไม่ดีกลับมาด้วย และเม่ือไจ้เฟิงกลับมาถึงแผ่นดินจีน ไม่นาน พระนางซสู ีไทเฮาก็จบั ไจเ้ ฟิงแต่งงานทันที ซูสีไทเฮา เลือกเจ้าสาวให้ เขาด้วยตัวเอง หญิงสาวทีท่ รงเลอื กคือ ลกู ของหรงลู่ 荣禄 คนสนทิ ของซูสไี ท เฮา และยงั เป็นถึง ลูกบุญธรรมของพระนางซสู ไี ทเฮาอกี ดว้ ย
13
14 ไจ้เฟิง มีศักดิ์เป็นน้องชายต่างแม่ของกวงซวี่ฮ่องเต้ เมื่อกวงซว่ี ฮ่องเต้สวรรคตกระทนั หนั วันตอ่ มาพระนางซูสีไทเฮาก่อนจะตายไป ได้เลือก ให้ ปูยี หลานชายวัยเพียง 3 ขวบ ลูกชายขององค์ชายไจ้เฟิง ยกราชสมบัติ ข้ึนเป็นฮ่องเตล้ ําดับท่ี 12 ของราชวงศ์ชิง และในขณะเดียวกนั องค์ชายไจ้เฟิง ก็ไดร้ ับการแต่งตงั้ ให้เป็น ผู้สาํ เร็จราชการแทนพระองค์ หรอื เรียกวา่ เสอ้ เจ้ิงหวัง
15 จักรพรรดิปูยี เปน็ ลกู คนโตขององค์ชายชนุ ท่ี 2 และพระนางยู่หลาน มี นอ้ งชายชอ่ื วา่ ปเู จี๋ย ทพี่ ระนางซสู ไี ทเฮาแตง่ ตัง้ ใหเ้ จา้ ชายนอ้ ยเป็นจกั รพรรดิ กเ็ พราะเล็งเห็นวา่ ปูยยี งั เป็นเพยี งทารกจึงง่ายที่จะควบคุมได้ แต่ส่ิงที่พระนางลืมคิดไปก็คือคนเราไม่มีใครอยู่ค้ําฟ้า แม้แต่ตัวพระ นางเองทมี่ อี ํานาจสงู สุดในแผ่นดนิ ก็ยังต้องตายเหมือนคนท่ัวไป หลังจากองค์ ชายปูยีขึ้นครองราชย์ไม่ก่ีวัน พระนางซูสีไทเฮาก็สวรรคต ท้ิงความยุ่งเหยิง และย่อยยับไว้ในประเทศอย่างมากมาย และเพราะความมักใหญ่ใฝ่สูงของ พระนาง ชวี ิตของชว่ งเดก็ ของปยู จี งึ ต้องประสบกบั ความลําบากวุ่นวาย ต้ังแต่ ยังไม่ทันรู้เดียงสาในฐานะฮ่องเต้ พระองค์ต้องประทับอยู่แต่ในพระราชวังท่ี ล้อมรอบด้วยกําแพงสูง ถึงแม้รอบตัวจะมีวัตถุมีค่ามากมาย แต่ก็ต้องพลัด พรากจากพอ่ แม่ของตัวเอง มีเพียงพระพี่เล้ียงเก่าแก่เพียงคนเดียวที่เป็นที่พ่ึง ทางใจ จนกระทั่งอีก 6 ปีต่อมา จึงได้รับอนุญาตให้พบกับครอบครัวอีกคร้ัง แตก่ ็เป็นการพบทหี่ ่างเหินเยน็ ชาไม่ต่างจากคนแปลกหน้าเลย จักรพรรดิองค์ นอ้ ยจึงเติบโตขน้ึ มาอยา่ งว้าเหว่อา้ งวา้ ง และสน้ิ ไร้อสิ รภาพไม่ต่างจากนักโทษ ชน้ั ดีในคกุ ทเ่ี รยี กวา่ พระราชวัง ชีวิตของจักรพรรดิปูยีพบกับความเปลี่ยนแปลงอีกคร้ังหน่ึง เม่ือ ราชวงศ์ชิงภายใต้การสําเร็จราชการแทนขององค์ชายชุนท่ี 2 พ่ายแพ้อย่าง ย่อยยับให้กับกองทัพของฝ่ายปฏิวตั ิ โดยมี ดร.ซนุ ยัตเซน็ เปน็ ผู้นํา ความพ่าย แพค้ ร้ังนี้ เป็นผลจากการปกครองของสมัยพระนางซูสีไทเฮาที่อ่อนแอ และ เมื่อจักพรรดิปูยีขึ้นครองราชย์ ก็ไม่มีวิจารณญาณที่เข้มแข็งพอที่จะพาชาติ รอดพ้นจากอาํ นาจของชาตติ ะวนั ตกได้
16 กระแสความเกลียดชังทมี่ ีต่อราชวงศ์แมนจูทวีคูณข้ึนเร่ือยๆ จนจีน ระสา่ํ ระสายไปทั่วประเทศ เม่ือบวกกับถูกโจมตีจากกองกําลังของ ดร.ซุนยัต เซน็ เขา้ ไปอีก สดุ ทา้ ยปูยี จึงจาํ ต้องยอมจํานนในตอนน้นั จักรพรรดิปูยีที่มีอายุ เพยี งแค่ 6 ขวบ ยงั เด็กเกนิ กวา่ ทจี่ ะรบั รคู้ วามขัดแย้งทางการเมือง แต่ก็ถูกให้ จับมอื เซ็นให้ทรงมีพระบรมราชโองการยนิ ยอมสละราชสมบัติไปด้วย ในวันท่ี 12 กุมภาพนั ธ์ 1912 ในพระราชโองการน้นั จกั รพรรดปิ ยู ีแหง่ รชั กาลซวนถ่ง ทรงมอบหมายให้นายพลหยวนซือขา่ ย สมคั รพรรคพวกคนสาํ คัญของ ดร.ซุนยัตเซน็ มอี าํ นาจสมบูรณ์ในการจัดตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐได้ตามใจชอบ ส่วนฝ่ายรัฐบาลของ ดร.ซุนยัตเซ็นก็ให้สิ่งแลกเปลี่ยนด้วยการจัดสรรรายได้ ถวายจักรพรรดิปูยีปีละ 4 ล้านเหรียญ และอนุญาตให้ประทับอยู่ในวังส่วน เหนือและพระราชวังฤดูร้อนต่อไปได้ แต่ก็เป็นจักรพรรดิแค่ช่ือเท่าน้ัน ไม่มี อาํ นาจทางทหารและอํานาจในการปกครองประเทศอีกต่อไป ท้ังยังถูกจํากัด อิสรภาพเป็นอย่างมาก จะทําอะไรแต่ละอย่างก็ต้องให้รัฐบาลยินยอมก่อน แม้กระทั่งงานพระศพของพระมารดาก็ยังไม่สามารถออกไปเคารพศพได้ เพราะรฐั บาลไม่อนุญาต ในปี 1917 จักรพรรดิปูยที รงถูกผ้ใู หญบ่ ้าอํานาจให้กลับเขา้ สวู่ งจร ความวุน่ วายอกี คร้ัง คราวนต้ี วั การใหญม่ ชี อ่ื วา่ แมท่ ัพฉางซุน หวั หอกสาํ คัญ คนหน่งึ ในคณะปฏวิ ตั ิ แมท่ พั ฉางซุนเปน็ คนมักใหญใ่ ฝ่สูง คิดจะรวบอาํ นาจ การปกครองมาเปน็ ของตนเองบ้าง จึงผลกั ดนั ใหป้ ยู เี ปน็ หุน่ เชดิ กลบั ไปเปน็ ประมุขแผน่ ดนิ อกี ครง้ั แลว้ ตวั เองจะไดบ้ งั คบั บัญชาการอยเู่ บ้อื งหลงั เหมอื น พระนางซูสไี ทเฮาทเ่ี สยี ไปแล้ว เพราะแผนการน้ีปูยีจึงตอ้ งกลับไปครองราชย์ อย่างไม่รู้อโิ หน่อิเหน่เป็นคร้ังทีส่ อง แต่การกลบั คืนบลั ลังก์ก็ทาํ ไดเ้ พยี ง 12 วนั แม่ทัพฉางซุนก็ถกู พรรค
17 พวกแซะออกไปจากอํานาจ ปูยีจึงถูกบังคับให้สละราชบัลลังก์เป็นคร้ังท่ีสอง อีกจนได้ หลังจากน้ันชีวิตของปูยีก็พบแต่ความทุกข์ยาก พระองค์ได้รับการ สนับสนุนจากญี่ปุ่นท่ีกําลังขยายอิทธิพลเข้ามาในจีนให้ขึ้นครองราชย์อีกครั้ง แต่เน่ืองจากคนจีนเกลียดญ่ีปุ่นเข้ากระดูกดํา ปูยีจึงถูกคนจีนทั้งแผ่นดินมอง วา่ เป็นคนทรยศต่อชาติ พอญีป่ นุ่ หมดอาํ นาจไปดว้ ยระเบิดปรมาณู ปยู ีกถ็ ูกต้ัง ข้อหาว่าเป็นกบฏและถูกจับขังคุกนานถึง 9 เดือน จากท่ีเคยมีความเป็นอยู่ สุขสบายมาตลอด พระองค์ต้องไปอยู่ร่วมกับนักโทษการเมืองคนอื่นๆ ทํา หนา้ ท่ใี ช้แรงงานในเรือนจํา ทง้ั ๆ ทตี่ ัง้ แตเ่ กิดมาปยู ีไม่เคยแม้แต่จะล้างเท้าเอง สักคร้ังเดยี ว
18
19 บา้ นหลงั สดุ ท้ายของจกั พรรดปิ ยู ี
20 กวางซว่ี กวางซว่ีเป็นพระโอรสขององค์ชายอี้เซฺวียน ซึ่งเป็นพระอนุชาของ สมเด็จพระจักรพรรดิเสียนเฟิง พระราชชนนี คือพระขนิษฐาของพระนางซูสีไท เฮา การข้ึนครองราชย์ของกวางซวี่เป็นการผิดกฎมณเฑียรบาล เพราะก่อนท่ี สมเดจ็ พระจักรพรรดิถงจ้ือจะสวรรคตได้ทรงแต่งต้ังเจ้าชายไจ้ซู่ พระญาติให้เป็น รชั ทายาท แตใ่ นเมอ่ื พระนางซสู ไี ทเฮาต้องการให้องค์กวางซว่ีข้ึนครองราชย์ก็ไม่มี ใครกลา้ คัดค้าน ซูสีไทเฮาจึงได้ต้ังกวางซว่ีหลานชายของตนที่อายุเพียง 3 ขวบข้ึนมา เป็นฮ่องเต้ และขึ้นครองราชย์เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1875 จนถึงสิ้นสุดการ ครองราชยว์ ันท่ี 14 พฤศจกิ ายน ค.ศ.1908 ซูสีไทเฮาบัญชาการอยู่เบ้ืองหลัง เม่ือ กวางซวโี ตพอทจี่ ะขนึ้ ครองราชย์เองได้แล้ว กวางซวีพยายามเปลี่ยนแปลงระบอบ เก่าท่ีล้าหลังหลาย ๆ อย่าง เพื่อให้ประเทศทันสมัยมากขึ้น แต่ก็ไม่เป็นที่พอใจ ของพระนางซูสีไทเฮา พระนางจึงทําการปฏิวัติยึดพระราชอํานาจของกวางซว่ี ต่อมาในวันท่ี 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908 กวางซวี่เสด็จสวรรคตด้วยอายุ 37 พรรษา
21
22 02 ก่อนปยู ีขน้ึ ครองราชย์ ในรัชสมัยของจักรพรรดิถงจื้อ แผ่นดินจีนมีการให้โอกาสให้มี จกั รพรรดิหญิงองคแ์ รกคอื พระนางซูสไี ทเฮา พระนางทรงเชือ่ มนั่ มาตลอดว่า จีนเป็นศูนย์กลางแห่งความยิ่งใหญ่เหนือกว่าอาณาจักรอื่นใด และมองชาติ ตะวันตกเป็นชนป่าเถ่ือนหยาบช้า พระนางจึงไม่สนใจการคุกคามของชาติ ตะวันตกท่ีกําลังล่าอาณานิคม หลังจากที่จักรพรรดิถงจื้อทรงเสด็จสวรรคต โดยมีรัชทายาท แต่ซูสีไทเฮาไม่เห็นด้วย จึงเสนอหลานชายตนเองคือ กวางซวี่ ซึง่ มีอายุเพียง 3 ขวบ ขน้ึ มาเป็นฮอ่ งเต้ พระนางซูสีไทเฮาบัญชาการ อยูเ่ บอื้ งหลัง จนกวางซวโ่ี ตพอและพร้อมท่ีจะครองราชย์เองได้แล้ว ซูสีไทเฮา จึงถูกเหล่าขุนนางกดบีบให้สละอํานาจให้จักรพรรดิหนุ่ม แต่ถึงอย่างนั้น อํานาจก็อยู่ในกํามือของซูสีไทเฮาเหมือนเดิมส่วนกวางซวีก็เป็นเพียงหุ่นเชิด ของพระนางใช้บังหน้าเพ่ือไม่ให้ขัดต่อกฎมณเฑียรบาลเท่านั้น ตอนได้ ครองราชยใ์ หม่ ๆ กวางซวี่ พยายามเปลีย่ นแปลงระบอบเก่า ๆ หลายอยา่ งใน ประเทศเพ่ือให้ทันสมัยมากข้ึน แต่ก็เป็นท่ีไม่พอพระทัยพระนางซูสีไทเฮา พระนางจึงทําการปฏิวัติยึดพระราชอํานาจของกวางซวี และขึ้นเป็น จกั รพรรดอิ ีกครั้ง ความหลงระเริงในอํานาจของซูสีไทเฮาทําให้จีนล้าหลังจน ไมส่ ามารถตา้ นทานการรกุ รานของชาตติ ะวันตกได้ ปกั ก่ิงจึงถกู องั กฤษเข้ายึด ครอง และพระนางซูสีไทเฮาก็ต้องทําการปฏิรูปประเทศตามข้อตกลงท่ีชาติ ตะวันตกต้องการ ในปี พ.ศ.2451 จักรพรรดิกวางซวี่ทรงเสด็จสวรรคตอย่าง ตรอมใจในพระราชวังฤดูร้อนท่ีพระนางซูสีไทเฮาขังพระองค์ไว้ หลังจากน้ัน วันเดียวพระนางได้เลือก ปูยี พระโอรสของชายชุน ให้เป็นจักรพรรดิองค์ ตอ่ ไป
03 ราชวงศ์ชงิ 23 ราชวงศ์ชิง หรือเรียกอีกอย่างว่า ราชวงศ์แมนจู ก่อตั้งขึ้นเม่ือ ค.ศ. 1636 จนถึง ค.ศ. 1912 ชาวแมนจู ท่ีอาศัยอยู่ในแมนจูเรียทางด้าน ตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศจีนได้สถาปนาราชวงศ์ชิงข้ึนครองประเทศ ต่อจากราชวงศ์หมิง ในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงถือเป็นยุคทองท่ีประสบ ความสําเร็จท้ังด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม จนสามารถปกครอง ประเทศจีนได้นานถึง 260 ปี ในปลายสมัยของราชวงศ์ชิง ถือว่าได้เป็นยุค ตกต่ําของราชวงศ์ การปกครองของราชวงศ์เป็นไปด้วยความล้มเหลว เกิด การฉ้อโกง สังคมเสื่อมโทรม ผู้คนอดอยาก อีกทั้งต้องประสบกับการรุกราน จากบรรดาชาตินักลา่ อาณานิคม เน่ืองจากในขณะนั้นเกิดจักรวรรดินิยมและ ลัทธิล่าอาณานิคม จนสุดท้ายถงหมิงฮุ่ยได้เปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่การ ปกครองแบบประชาธปิ ไตย และมชี อื่ ประเทศว่า สาธารณรัฐจนี
24
04 ฟ้ืนฟูราชวงศ์ชงิ 25 เน่ืองจากต้นราชวงศ์มีกบฏเกิดข้ึนเป็นจํานวนมากทําให้ราชวงศ์ชิง ต้องร่วมมือกับขุนนางราชวงศ์หมิงท่ีทรยศชาติปราบกบฏหมิงใต้ หลังจาก กบฏหมิงใต้สิ้นสุดเมื่อปี 1662 ปี 1673 เกิดกบฏสามเจ้าศักดินา ราชวงศ์ชิง ใช้เวลาปราบกบฏทางใต้ 8 ปี (1673-1681) หลังจากเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ในช่วงต้นราชวงศ์ สภาพท่ัวไปในพุทธศตวรรษที่ 24 ราชวงศ์ชิงเริ่มอ่อนแอ และความเจรญิ รงุ่ เรืองลดลง เน่ืองจากประเทศจนี ประสบปัญหาความขัดแยง้ กันอย่างรุนแรงของกลุ่มคนในวงการต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการเมืองท่ีมีขุน นางฉ้อราษฎรบ์ ังหลวง เศรษฐกจิ หยุดนิ่ง เพราะจักรพรรดิเฉียนหลง กษัตริย์ เจ้าสําราญโปรดความหรูหราฟุ่มเฟือยและทําสงครามบ่อยคร้ัง เงิน ท้องพระคลังขัดสน และจํานวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทําให้เกิดปัญหา ขาดแคลนทท่ี าํ กิน จะเหน็ ไดว้ ่าราชวงศช์ ิงมีปัญหาความกดดนั ภายในประเทศ ที่สะสมมานาน ประกอบกับความกดดันภายนอกจากชาติมหาอํานาจในยุค ล่าอาณานิคม ที่ราชวงศ์ชิงไม่อาจทานได้เพราะระบบการปกครอง และ เศรษฐกจิ ทีล่ า้ สมัย การฟ้ืนฟูเร่ิมในรัชสมัยของจักรพรรดิถงจือ จนถึงจักรพรรดิกวางสู คณะผู้นําการฟื้นฟปู ระเทศคอื ราชสาํ นกั ซง่ึ นาํ โดยสมเด็จพระพันปีหลวง และ เจา้ นายองศ์สําคัญเชน่ พระองศเ์ จ้าก้งุ จุดม่งุ หมายสําคัญคอื รักษาสถานะเดิม ของราชวงศ์ และรักษาอารยธรรมอันดีงาม และพัฒนาประเทศให้ทันสมัย แบบตะวนั ตก - ฟ้นื ฟูระบบการสอบคดั เลอื กเข้ารับราชการ มกี ารลงโทษผปู้ ระพฤติมิ ชอบ เพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้เกิดการช่อราษฎร์บังหลวง
26 - เรยี นรูศ้ ลิ ปวิทยาการจากตะวนั ตก ส่งนกั ศึกษาไปศกึ ษาต่างประเทศ แตน่ ักศึกษาเหล่านน้ั ก็กลับมาเปน็ ภยั ตอ่ ราชบลั ลงั ก์ภายหลัง - เปิดการค้าเสรี ยกเลิกระบบผูกขาดสินคา้ กําหนดอัตราภาษใี หม่ - พัฒนาทางด้านการทตู สร้างเสรมิ ความสมั พนั ธก์ ับมหาอํานาจตะวนั ตก เร่มิ การยกเลกิ ระบบสนธสิ ญั ญาท่ไี ม่เปน็ ธรรม - พฒั นาอตุ สาหกรรมหนกั เน้นประโยชนด์ า้ นการทหาร เช่น อตู่ อ่ เรือ ระบบการสอื่ สารคมนาคม - เสริมสร้างกําลังทางการทหารตามแบบตะวันตก ประสบความสําเร็จกับ การปราบกบฏภายในประเทศแต่ล้มเหลวกับสงครามตา่ งชาติ ตอนทา้ ยของศตวรรษที่ 17 ในช่วงที่ราชวงศ์ชงิ ปกครองประเทศจีน นั้นเศรษฐกิจจีนได้ฟ้ืนจากความเสียหายท่ีเกิดจากสงครามที่ราชวงศ์หมิงถูก โคน่ ลม้ และการตกตํ่าทางการคา้ ขายขนสง่ สินค้าที่เกิดขึ้น ในช่วงระยะเวลาปี (1368–1911) การพฒั นาราชวงศ์ชงิ ทใ่ี หญ่ที่สุดในเศรษฐกิจจนี คอื การเปลี่ยน จากคาํ สัง่ ไปสู่เศรษฐกจิ ตลาด เศรษฐกจิ ตลาดภายหลังไดก้ ลายเปน็ แพรห่ ลาย มากขึ้นตลอดท่ัวการปกครองของราชวงศ์ชิง จากประมาณปี (1550- 1800) ประเทศจีนมีประสบการณ์การปฏิวัติเชิงพาณิชย์ ในปีค.ศ. 1917 จาง ซวิน ไดน้ าํ ผ่อู กี๋ ลับข้นึ มาเป็นจักรพรรดิทม่ี ีอาํ นาจอีกครงั้ ระหวา่ งวันที่ 1 ถึง 12 กรกฎาคม จางได้มีคําสั่งให้ทหารในกองทัพของเขาไว้หางเปีย เพื่อแสดงความจงรักภักดีแด่องค์พระจักรพรรดิ ระหว่างช่วงเวลาแห่งการ ฟื้นฟู ได้มีระเบิดขนาดเล็กหล่นลงมายังพระราชวังต้องห้ามเครื่องบินของ สาธารณรฐั กอ่ ให้เกดิ ความเสียหายเล็กน้อย อาจนับได้ว่าเป็นปฏิบัติการทาง อากาศคร้ังแรกที่เกิดข้ึนในเอเชียตะวันออก การฟื้นฟูนอกจากจะล้มเหลว แ ล้ ว ยั ง ไ ด้ ก่ อ ใ ห้ เ กิ ด ก า ร ต่ อ ต้ า น ไ ป ท่ั ว ป ร ะ เ ท ศ แ ล ะ มี
27 การแทรกแซงจากขุนศึก ต้วน ฉี่รุ่ย ผู่อ๋ีถูกขับออกจากพระราชวัง ต้องห้ามโดยขนุ ศึก เฟิง ยู่เสียง ในปคี .ศ. 1924 ช่วยปลายราชวงชิงถอื ว่าเป็นชว่ งเวลาแห่งความอดอยาก บ้านเมือง ชุกชมไปด้วยโจรผู้ร้าย ผู้คนแตกแยก ปัญหาภัยธรรมชาติรุมเล้าซ่ึงได้ทําให้ ผู้คนล้มตายราวกับใบไม้รวง อีกทั้งยังถูกขนาบหลังด้วยภัยคุกคามจาก มหาอํานาจตะวนั ตกและญ่ีปุ่นภัยจากความไม่ม่ันคงจากภายในประเทศและ ภายนอกประเทศที่เร่ิมประมาณปี ค.ศ. 1842 ประหนึ่งโรคร้ายท่ีคอยกัด กลอ่ น แม้จะใช้วิธกี ารแก้ไขปญั หาหลากหลายวิธแี ลว้ กต็ ามแตก่ ็ไมส่ ามารถหา ยามารักษาอาการไข้ได้อย่างถูกโรค ซ้ํายังทําให้ประเทศทรุดลงไปตามลําดับ จนกระท้ังปี ค.ศ. 1911 จักรวรรดิจีนอันยิ่งใหญ่ที่ปกครองภายใต้ระบอบ จักรพรรดิราชย์ราชวงศ์ชิงต้องปิดฉากลงไปพร้อม ๆ กับความอัปยศภายใน จิตใจของผู้คนทั้งชาติ ถึงจะเปล่ียนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบ สาธารณะรฐั ในปี ค.ศ. 1912 – 1949 แต่ภายในระยะ 38 ปีนั้นประเทศชาติ แทบจะหาระยะเวลาที่ม่ันคงอย่างสงบสุขและยาวนานไม่ได้เลย ดังนั้น อนาคตของประเทศภายหลังปี ค.ศ. 1949 จึงต้องฝากไว้กับระบอบ คอมมวิ นิสตช์ ่วยแก้ไขต่อไป
28
29
30 05พระราชวงั ตอ้ งหา้ ม (Gu Gong or Imperial palace or Forbidden City) ปลายปีค.ศ.1924 ในวันที่5 พฤศจิกายน ปูยีออกจากพระราชวัง ต้องห้าม ที่อยู่มาต้งั แต่เด็ก ไมเ่ คยเหน็ ภายนอกของพระราชวังเป็นอย่างไร น้ี จึงเป็นครั้งแรกท่ีได้เห็น และมีสถานะภาพเป็นสามัญชนเท่าน้ัน รวมถึงพระ ราชวงศ์คนอื่นๆท้ังหมดด้วย เนื่องจากรัฐบาลประกาศยกเลิกสิทธิพิเศษ ท้ังหมดทใ่ี หไ้ ว้ โดยก่อนหนา้ น้นั แมจ้ ะไมไ่ ด้ปกครองแผ่นดินจีน แต่ก็มีตําแหน่งใน ราชวงศ์ได้รับการสนับสนุนจากจีน เหมือนกษัตริย์ประเทศอื่น มีตราสาร รับประกัน ยังอนุญาตให้อาศัยในส่วนเหนือพระราชหว้งต้องห้าม และ พระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวนอยู่ ได้รับเงินช่วยเหลือสนับสนุนในจํานวนสูง ถงึ 4 ลา้ นเหรียญ แต่ไม่เคยไดร้ ับเงนิ ตามจาํ นวนท่ีบอก
06 31 พํานักในนครเทยี นสิน เทียนจินหรือเทียนสิน ต้ังอยู่บริเวณสองฝั่งของแม่น้ําไห่เหอ ซึ่งเป็น แม่น้ําท่ีใหญ่ท่ีสุดของประเทศจีนทางตอนเหนือ มีสาขากว่า 300 สายแต่ละ สายมคี วามยาวกวา่ 10 กโิ ลเมตร นาม “เทียนจนิ ” ปรากฎข้ึนในสมัยต้นรัชกาลหย่งเล่อแห่งราชวงศ์ห มิง ในปี พ.ศ.1947 สมัยรัชกาลหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง ปีที่ 2 ได้ต้ังเมือง เทียนจินและสร้างเทียนจินให้เป็นฐานต้ังม่ันทางทหารเรียกว่า “เทียนจิน เว่ย” ในสมัยนั้นท่ีต้ังเมืองเทียนจินได้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่ สําคัญ ปี พ.ศ.2403 หลังจากเทียนจินถูกเปิดให้เป็นเมืองท่าขนส่งสินค้า มหาอํานาจตะวันตกหลายประเทศได้ต้ังเขตเช่าข้ึนในเทียนจิน จึงกลายเป็น เมืองแรกทางตอนเหนือของจีนที่มีการเปิดเสรีและเป็นเมืองศูนย์กลาง ทางด้านการเงิน การธนาคาร และการค้าที่ใหญ่ท่ีสุดทางเหนือของประเทศ จนี ในสมยั นั้น หลังจากการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี พ.ศ.2492 เมืองเทียนจินได้เปล่ียนสภาพเป็นเมืองมหานครที่ข้ึนตรงต่อรัฐบาลกลาง ต่อมาหลังจากจีนดําเนินการปฎิรูปและเปิดเสรีประเทศ เทียนจินได้รับการ กําหนดให้เปน็ เมืองชายฝง่ั ในกลุม่ แรกทีเ่ ปดิ เสรีต่อต่างประเทศ เทียนจนิ ปกครองแบบเทศบาลนครทอ่ี ยูภ่ ายใตก้ ารบรหิ ารโดยตรงของรัฐบาล กลางสาธารณรัฐประชาชนจีน ซง่ึ เทศบาลนครเป็นเขตการปกครองที่มีระดับ เทยี บเทา่ กับมณฑล อาณาเขตของเทยี นจนิ ถูกล้อมรอบโดยมณฑลเหอเปย่ ์ทั้ง ทางทิศเหนือ ทิศตะวันตก และทิศใต้ ติดต่อกับปักก่ิงทางทิศตะวันตกเฉียง เหนือ และตดิ ตอ่ กับทะเลป๋วั ไห่ทางทศิ ตะวันออก ในแง่ของจํานวนประชากร เฉพาะในเขตเมือง เทียนจินเป็นนครที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศจีน รองจากเซ่ียงไฮ้ ปักก่งิ และ
32 กว่างโจว ส่วนในแง่จาํ นวนประชากรตามเขตเทศบาลนคร จะอยู่ใน อันดับท่ี 5 ของประเทศ เทียนจินเป็นสว่ นหนึ่งของขอบเศรษฐกิจปั๋วไห่ (Bohai Economic Rim) เมืองเทียนจินและกําแพงเมืองสร้างข้ึนในปี ค.ศ. 1404 ต่อมาหลังจาก ทเ่ี ปิดใหม้ กี ารคา้ ตา่ งประเทศในปี ค.ศ. 1860 เทยี นจินได้กลายเป็นเมืองท่าที่ สาํ คัญและเป็นประตูสู่ปกั ก่ิง ในเวลานน้ั มีการก่อสร้างอาคารและคฤหาสน์ที่ มีสถาปัตยกรรมแบบยโุ รปจาํ นวนมาก ซ่ึงหลายแห่งกไ็ ด้รับการบํารุงรักษามา จนถึงปัจจุบัน หลังจากก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เทียนจินประสบกับ ภาวะเศรษฐกิจตกตํ่าอันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลกลาง อีกท้ังมาจาก เหตุการณ์แผ่นดินไหวในถังชาน ซ่ึงเป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของ เทียนจิน แตก่ ไ็ ด้รบั การฟ้ืนฟใู นทศวรรษ 1990 ปัจจุบนั เทียนจินเป็นนครที่มี ศูนย์กลางสองแห่ง ได้แก่ ศูนย์กลางแห่งท่ีหน่ึงอยู่ในเขตเมือง (รวมถึงเมือง เก่าด้วย) ตั้งอยู่ริมแม่น้ําไห่ ซ่ึงเป็นแม่น้ําท่ีเช่ือมต่อกับแม่นํ้าหวงและแม่นํ้า แยงซีผ่านทางคลองใหญ่ และศูนย์กลางแห่งที่สองคือ เขตปินไห่ เป็นพื้นที่ เมืองใหม่ที่ตั้งอยู่ริมฝ่ังทะเลป๋ัวไห่ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมืองเก่า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 ย่านการเงินยฺหวีเจียพู่ของเทียนจินกลายเป็นที่รู้จักในนาม แมน ฮตั ตนั ของจนี (1924-1932) หลงั จากทีถ่ กู ขบั ไลอ่ อกจากพระราชวังตอ้ งห้าม ผูอ่ ๋ีใชเ้ วลาสองถึงสามวนั อยู่ทตี่ ําหนักของพระบิดา หลังจากน้ันก็ไปอาศัยอยู่ ที่สถานทูตญ่ีปุ่นเป็นการชั่วคราวประมาณ 1 ปีคร่ึง ในปี 1925 ผู่อ๋ีได้ย้ายไป ยัง Quiet Garden Villa ในเขตปกครองของญี่ปุ่นในเทียนจิน ระหว่าง ช่วงเวลาน้ัน ผู่อ๋ีและบรรดาที่ปรึกษาของเขา เฉิน เป่าเซิน, เจิง เส่ียวซู และ โ ห ล เ ซิ น ยู่ ไ ด้ ถ ก เ ถี ย ง กั น เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร ฟ้ื น ฟู เ ข า เ ป็ น
33 จักรพรรดิ โดยเจิงและโหลได้เสนอให้ขอความช่วยเหลือจากภายนอก แต่เฉิน ไมเ่ ห็นดว้ ยกับความคดิ นี้ ในเดือนสงิ หาคม 1931 ผู่อส๋ี ง่ จดหมายถึง จิโร มินา มิ รัฐมนตรีว่าการสงครามของญี่ปุ่น บ่งบอกความภายในว่าเขาต้องการที่จะ กลบั มาเปน็ จักรพรรดิ เขายังไปเย่ียม เคนจิ โดอิฮาระ หัวหน้าหน่วยจารกรรมของกองทัพคันโต ผู้ ซึ่งมีความปรารถนาจะให้ผู่อ๋ีเป็นผู้นําแห่งแมนจูกัว ในเดือนพฤศจิกายน 1931 ผอู่ ๋แี ละ เจงิ เสย่ี วซู เดนิ ทางไปยังแมนจูเรียเพื่อตกลงเก่ียวกับแผนการ ตั้งรัฐแมนจูกัวให้สําเร็จ รัฐบาลจีนออกคําส่ังจับผู่อี๋ข้อหาเป็นกบฏแต่ไม่ สามารถที่จะทาํ ไดเ้ พราะไม่สามารถฝา่ การคุ้มครองของญี่ปุ่นได้ เฉิน เป่าเซิน เดินทางกลับส่ปู กั ก่งิ ทีซ่ ึง่ เขาไดถ้ ึงแกก่ รรมเมื่อปี ค.ศ. 1933
34 เหตุการณร์ ะเบิดท่ีโกดังสินในเขตเมืองใหม่ปินไห่ของนครเทียนจิน ซ่งึ เป็นเมืองท่าทางภาคเหนอื ของประเทศจนี ในกลางดึกของวนั พุธท่ี 12 ส.ค. ที่ผ่านมา เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน! ระเบิดแผดเสียงดังกัปนาทสองคร้ัง เท่ากับ ระเบิดทีเอ็นที 3 ตัน และระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ตามลําดับ ทะเลเพลิงเผา ผลาญทุกสิ่งอย่าง แรงระเบิดพังทําลายส่ิงต่างๆในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร บ้านเรือน โรงเรียน ถนนหนทาง เป็นต้น เปลวไฟ ควันมหึมาฟุ้งกระจายไป หลายกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้ส่ังปิดบริเวณรอบๆจากจุดระเบิดในรัศมีสาม กิโลเมตร สื่อทางการจีนไชน่า เดล่ี รายงานความคืบหน้าล่าสุดในเช้าวัน อาทิตย์ที่ 16 ส.ค. ระบุตัวเลขเหย่ือระเบิด ได้แก่ ผู้เสียชีวิต 112 คน ผู้บาดเจ็บ 721 คน ในกลุ่มผู้บาดเจ็บน้ี 33 คน มีอาการสาหัส ผู้สูญหาย 95 คนโดยเปน็ พนกั งาน 85 คน - จุดทีเ่ กิดระเบิดมหาประลัยนี้ เปน็ โกดังเก็บสินคา้ และศูนยก์ ระจายสนิ คา้ วัตถอุ ันตรายของบริษัท รยุ่ ไห่ อนิ เตอร์เนช่ันนัล โลจสิ ติกส์ (Rui Hai International Logistics Co. Ltd.) เจ้าหน้าท่ีได้พบคอนเทนเนอรท์ ีบ่ รรจุสินค้าวตั ถุอนั ตราย ได้แก่ โซเดยี ม ไซยาไนด(์ sodium cyanide) ซ่ึงประมาณกนั วา่ มีหลายรอ้ ยตนั นอกจากนี้มี สารเคมอี นั ตรายชนิดอนื่ ในโกดังเดียวกันนี้ ได้แก่ โพแทสเซียมไนเตรต (potassium nitrate) หรือดินประสิว , แอมโมเนียมไนเทรต (ammonium nitrate) สาํ หรับแอมโมเนยี มไนเทรต น้จี ัดอยู่ในกลมุ่ วตั ถุระเบดิ ใช้ทําระเบดิ แรงดนั สงู กล่มุ ลัทธิก่อการรา้ ยนยิ มนํามาใชท้ าํ ระเบดิ โจมตี
35
07แมนจู 36 \"ประเทศแมนจู\" หรือเรียกอย่างทับศัพท์ว่า หมั่นโจวกั๋ว ดนิ แดนแหง่ นีน้ บั เป็นรากเหง้าทางประวตั ศิ าสตร์ของชนชาติแมนจูผู้สถาปนา ราชวงศ์ชิงปกครองประเทศจีนในอดีต \"แมนจู\" เป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าหนึ่งใน ประเทศจีนและผคู้ นจากดินแดนแมนจูเรียไดใ้ ชช้ ื่อดินแดนเป็นชอ่ื เรียกชนเผ่า ของตนเอง ทรงผมตามประเพณีของชาวแมนจู คือ โกนคร่ึงหัวด้านหน้าและ ไว้ผมแบบหางเปียข้างหลังรวบเป็นเส้นเดียวและยาว เรียกว่า \"เปี้ยนจึ\" หรือ \"ซอนโกโฮ\" ในภาษาแมนจู ต้นกําเนิดของทรงผมนี้คาดว่าน่าจะมาจากข้อ สันนิษฐานว่าชาวแมนจูนิยมใช้ม้า ทรงผมน้ีช่วยในการเคลื่อนไหวบนหลังม้า และเวลายิงธนู เส้นผมจะไม่ปกหน้า ส่วนการโกนด้านหน้ามีสองทฤษฎี คือ ไมใ่ ห้ปลวิ มาปดิ ตา หรือทําให้ใส่หมวกเหล็กสะดวก (แบบทรงผมซามูไร) ชาว แมนจูหรือช่ือเดิมว่า หนว่ีเจินนั้นมีอารยธรรมเกิดข้ึนมาควบคู่กับอารยธรรม ฮั่น โดยมีมาตุภูมิ (Homeland) อยู่แถบบริเวณลุ่มแม่นํ้าแม่นํ้าอามูร์หรือ \"แมน่ ํ้ามงั กรดาํ \" ของมณฑลเฮย์หลงเจียง ถือเป็นต้นกําเนิดชาวแมนจู แม่นํ้า มังกรดํา เปน็ แม่นํา้ ทยี่ าวเป็นอันดบั 10 ของโลก อยู่ทางตะวนั ออกเฉียงเหนือ ของทวปี เอเชีย แมน่ าํ้ มคี วามยาว 2,824 กม.เป็นเส้นเขตแดนระหว่างมณฑล เฮยห์ ลงเจียงของประเทศจนี กบั ประเทศรัสเซีย
37
38 การวิจยั ในปัจจุบนั นี้แสดงให้เห็นวา่ ชาวแมนจูใชภ้ าษาท่ีมาจากของ ตระกลู ภาษาอลั ไตอิก ในช่วงตน้ ประมาณเมื่อศตวรรษท่ี 1 ชนเผ่าท่ีพูดภาษา แมนจู ได้เดินทางออกจากถิ่นกําเนิดของตนเพ่ือข้ึนไปทางเหนือของแมนจู จนกระทั่งได้อาศัยอยู่ในไซบีเรียติดระหว่างแม่น้ําเยนีเซย์และมหาสมุ ทร แปซิฟิก แต่เดิมนั้นพวกเขาเป็นเกษตรกรและคนเล้ียงสัตว์ ลักษณะเด่นของ ชาวแมนจูน้ันคือการถักผมเปียท่ีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อตอนท่ีได้พิชิต ประเทศจีนก็ได้ออกกฎข้อบังคับให้ชาวจีนต้องไว้ผมเปียเพื่อแสดงออกถึง ความภักดตี ่อราชวงศ์ นอกเหนอื จากน้แี มนจเู รยี ไมเ่ คยมีความพยายามในการ เปลี่ยนวิถีชีวิตและขนบธรรมเนียมของชาวจีนแต่อย่างใด หลังจากน้ัน ประชาชนสว่ นใหญก่ ็เรม่ิ อพยพเข้าสู่แผ่นดินจีน ทิ้งท่ีดินของบรรพบุรุษเอาไว้ เปน็ ท่ีพกั ในการล่าสัตว์เท่านั้น ในท่ีสุดท่ีดินเหล่านี้ก็ถูกทําลายและถูกขายให้ หรือครอบครองโดยเกษตรกรชาวจีน (ฮั่น) ในปี 1900 ประชากรชาวชาวจีน ไดเ้ รม่ิ ไปตงั้ ถนิ่ ฐานกนั ใหม่ท่แี มนจูเรียจนมีจาํ นวนเยอะกว่าชาวแมนจูท้องถ่ิน เสยี อกี
39
40 08 หวั หนา้ ฝา่ ยบรหิ ารและจกั รพรรดแิ หง่ แมนจู จกั พรรดิคงั ซี หรอื พระนามเตม็ อ้ายซินเจวฺ ห๋ ลวั เสวฺ ยี นเย่ คือ จกั รพรรดอิ งคท์ ี่ 4 แหง่ ราชวงศ์ชงิ (แมนจู) แห่งกรงุ ปักก่ิง ผ้ถู อื ครองราชเปน็ เวลายาวนานกวา่ 61 ปี ซง่ึ ถือเป็นจักรพรรดผิ คู้ รองราชยย์ าวนานที่สุดใน ประวตั ิศาสตร์จนี สถาบันพระจกั รพรรดิ (The Emperor) เปน็ สถาบนั ทาง การเมืองท่มี ีความสําคญั สูงสดุ ของจีนมาตัง้ แตส่ มยั โบราณ ซง่ึ ในทางทฤษฎีถอื ว่าจักรพรรดิทรงมพี ระราชอาํ นาจอย่างไมม่ ขี อบเขตจาํ กดั แตใ่ นทางปฏิบตั ิ อาจมีข้อจํากดั อยบู่ ้าง เช่น ถา้ จกั รพรรดิไม่ทรงตั้งมั่นอยูใ่ นความยตุ ธิ รรม ประชาชนก็มีสิทธิ์ทีจ่ ะโคน่ ลม้ จักรพรรดลิ งไดต้ ามหลักคําสอนของลัทธิขงจอ้ื นอกจากน้ันพระจักรพรรดยิ ังทรงเป็นประมุขของชาตแิ ละทรงเป็นหวั หนา้ บริหารงานในสาํ นกั งานพระราชวงั แตใ่ นทางปฏิบัตพิ ระองค์ทรงมอี ัครมหา เสนาบดีปฏิบตั ริ าชการในฐานะหวั หนา้ รฐั บาลแทนพระองค์ \"ผอู่ ๋ี\" ถูกเลอื กให้เป็นจกั รพรรดโิ ดยพระนางซูสไี ทเฮาในขณะที่ ประชวรหนักอยูบ่ นพระแท่นบรรทม ไดเ้ ปน็ หัวหนา้ ฝา่ ยบริหารของประเทศ แมนจูซง่ึ จัดต้งั โดยญปี่ ุน่ เมือ่ พจิ ารณาจากนักประวัตศิ าสตรส์ ่วนใหญเ่ หน็ ว่า เป็นรัฐท่เี ปน็ หุ่นเชดิ ของจกั รวรรดญิ ป่ี ุน่
41 ภายหลังที่จีนได้ประสบกับความพ่ายแพ้ในการทําสงครามกับ มหาอาํ นาจตะวนั ตกหลายครั้ง และหลังจากการเกิดกบฏไถ้ผิงข้าราชการจีน ที่ห่วงอนาคตของประเทศ ได้เริ่มมีแนวคิดโน้มเอียงไปในทางยอมรับความ เจริญของประเทศแถบตะวันตกท่ีจะเป็นแบบอย่างในการปรับปรุงประเทศ ซึ่ ง มี ท้ั ง ผู้ เ ห็ น ด้ ว ย แ ล ะ ไ ม่ เ ห็ น ด้ ว ย ใ น เ ร่ื อ ง ท า ง ด้ า น ก า ร ท ห า ร แ ล ะ ก า ร อุตสาหกรรม โดยขุนนางชาวแมนจูและผู้ทรงคุณวุฒิของจีนท่ีนิยมนโยบาย ปฏิรูป เร่ิมก่อการปฏิรูประบบการบริหารราชการหลายอย่าง ไม่ประสบ ความสําเรจ็ เพราะได้รับการขัดขวางจากผู้ไม่เห็นด้วย ท่ีสามารถทําได้ก็เป็น เพียงขา้ ราชการในส่วนภมู ภิ าคซึ่งมุ่งเน้นเฉพาะทางดา้ นการทหารเท่าน้นั การแพ้สงครามแก่ญี่ปุ่นผสมกับการขยายอิทธิพลของมหาอํานาจ ตะวันตกในจีน ได้ผลักดันให้ปัญญาชนจีนต่ืนตัวยอมรับความล้าหลังและ ความอ่อนแอของตน และเหน็ ความจาํ เปน็ ในการเลยี นแบบชาติตะวันตกเพ่ือ ความอยรู่ อดของประเทศ ปญั ญาชนผูส้ นบั สนนุ ใหม้ กี ารเปลย่ี นแปลงนน้ั มีทง้ั ฝ่ายท่ีเห็นสมควรให้ใชว้ ธิ ีการปฏริ ูปกบั ฝา่ ยที่เห็นวา่ สมควรจะใชว้ ธิ ีการปฏวิ ตั ิ กลุม่ ทีส่ นบั สนุนการปฏิรปู นัน้ สว่ นใหญม่ ุ่งสืบทอดราชวงศแ์ มนจู ตอ่ ไป แต่ตอ้ งปรบั ปรุงเปลย่ี นแปลงประเทศใหเ้ จริญก้าวหน้าตามแบบ ตะวันตก ค.ศ.1898 คัง อว่ิ หวยุ (K’ang Yu-wei) ภายใต้ความอุปถมั ภ์ของ จักรพรรดิกวางซวี ได้พยายามชกั จูงให้จกั รพรรดกิ วางซวี ออกพระบรมราช โองการเก่ยี วกับการปฏริ ปู การบรหิ ารและการศึกษาอยา่ งมากมาย แตก่ าร ปฏริ ปู ดําเนนิ ไปไดเ้ พยี ง 2 เดือนเศษ ถกู ทําลายโดยกลมุ่ ตอ่ ต้านภายใตก้ ารนาํ ของพระราชชนนฉี ือ ซี ซึง่ ก่อการยดึ อํานาจและกวาดลา้ งขบวนการปฏิรูป ใน ทสี่ ุดจักรพรรดิกวางซวี กถ็ กู จับกมุ ส่วนคงั อิว่ หวยุ ล้ีภัยไปญ่ีปุ่น การปฏิรปู ดงั กล่าวต่อมาภายหลงั เรยี นวา่ “การปฏริ ปู ร้อยวัน เพราะมอี ายุการปฏิรปู เพียง 100 วัน เทา่ น้ัน
42 ภายหลังท่ีจีนถูกบังคับให้ทําอนุสัญญาบ๊อกเซอร์กับนานาชาติแล้ว พระนางฉือซี ได้หันกลับมาเริ่มต้นใช้นโยบายปฏิรูป เพื่อลดกระแสเรียกร้อง ให้ก่อการปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์แมนจูท่ีต่อต้านอยู่ในต่างประเทศ ซ่ึงการ ปฏิรูปได้เร่ิมต้นในปี ค.ศ.1901 โดยมีการยกเลิกการสอบแข่งขั้นข้าราชการท่ี ดาํ เนินมาเปน็ เวลานาน และเริ่มส่งนักเรียนไปเรียนต่อต่างประเทศ โดยส่วน ใหญจ่ ะไปเรยี นทญี่ ป่ี ุน่ เพราะไดม้ ีการจัดตั้งโรงเรียนสมัยใหม่ข้ึน แต่ทั้งหมดน้ี ก็ ไ ม่ มี ผ ล ต่ อ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง สั ง ค ม จี น เ ท่ า ใ ด นั ก ระหว่าง ค.ศ. 1904-1905 ได้เกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับญ่ีปุ่น ผล ปรากฏว่าญี่ปุ่นรบชนะรัสเซีย ทําให้ราชสํานักแมนจูตระหนักว่าญ่ีปุ่นซึ่งมี รฐั ธรรมนูญในการปกครองประเทศตั้งแต่ ค.ศ.1889 เปน็ ตน้ มา สามารถะอาชนะรัสเซียซึ่งเป็นประเทศมหาอํานาจตะวันตกได้ ดังน้ันถ้าจีน เริ่มต้นปรับปรุงประเทศไปสู่การมีรัฐธรรมนูญเป็นหลักในการปกครอง ประเทศแล้วจีนคงหลุดพ้นจากอิทธพิ ลของชาตติ ะวนั ตกได้ ค.ศ.1905 ราชสํานกั แมนจูจึงได้ริเร่ิมจัดต้ังสํานักงานคณะกรรมการ ร่างรัฐธรรมนูญข้ึน เพื่อเป็นองค์การสําหรับเตรียมการร่างกฎหมายและ รัฐธรรมนูญ ซ่ึงนับเป็นการเลียนแบบญี่ปุ่นท่ีร่างรัฐธรรมนูญเมอิจิ ทางราช สํานักแมนจูจึงไดจ้ ดั ใหม้ ีการปรับปรุงหน่วยราชการบริหารส่วนกลางใน ค.ศ. 1906 และ ค.ศ.1911 ตามแบบตะวันตก และประกาศใชห้ ลกั การรฐั ธรรมนญู ใน ค.ศ.1908 โดยให้สัญญาว่าจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรใน ค.ศ.1916 และตอ่ มาได้สัญญาวา่ ประกาศใชใ้ นปลายปี ค.ศ.1913
43 ค.ศ.1911 ราชสํานักแมนจูได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่งมี 12 มาตรา โดยกําหนดให้จัดตั้งรัฐบาลในระบบรัฐสภา และได้มีการ จดั ต้ังรัฐสภาขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่าง ค.ศ.1908-1911 โดยมีการประกาศใช้ กฎหมายเลอื กตัง้ และการจัดต้ังสภาจังหวัดและสภาแห่งชาติหลายฉบับ ซ่ึงผู้ ท่ีมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกต้ังสมาชิกสภาจังหวัดจะต้องเป็นผู้ท่ีได้รับการศึกษา เปน็ ผู้มีหลกั ทรัพยห์ รือเป็นข้าราชการ ฯลฯ สาํ หรบั สภาแห่งชาตินั้น คร่ึงหน่ึง ของสมาชิกจะต้องได้รับเลือกตั้งจากสมาชิกสภาจังหวัด อีกคร่ึงหน่ึงได้รับ เลอื กตั้งจากพระจกั รพรรดิ จากขุนนางข้าราชการช้ันผู้ใหญ่และผู้ทรงคุณวุฒิ ในดา้ นความรู้เปน็ พเิ ศษ หรือผทู้ ่ีเสยี ภาษมี ากเปน็ พิเศษ สภาแห่งชาตไิ ด้มกี าร ประชุมเป็นครง้ั แรกในเดอื นตุลาคม ค.ศ.1910 โดยมีสมาชกิ ทงั้ หมด 200 คน
09 สงครามนานกิง 44 จักรพรรดิปูยีถูกยึดอํานาจ และได้กลายเป็นจักรพรรดิภายใต้ รฐั ธรรมนูญ มรี ัฐบาลเปน็ ผู้บริหารแผน่ ดนิ และในชว่ งเวลาน้ันจักรพรรดญิ ีป่ นุ่ ต้องการบุกจีนแต่ยังคงหาช่องโหว่ไม่ได้ เน่ืองจากจักพรรดิปูยังทรงพระเยาว์ ญี่ปุ่นจึงส่งไส้ศึกแอบแฝงมาในรูปแบบครูสอนหนังสือแก่จักรพรรดิปูยี ครู สอนพยายามเกลี้ยกล่อมให้พระองค์ทรงยึดอํานาจจากคณะรัฐบาลจีน โดย ญ่ีปุ่นจะให้ยืมกองกําลัง พระองค์ทรงเช่ือ จึงเป็นเหตุให้เกิดสงครามกลาง เมอื ง แลว้ ญป่ี นุ่ ได้ทําการแทรงแซง จนเกดิ เหตุการณน์ านกงิ
45 10 การสละราชบัลลังก์ การนง่ั บลั ลงั กค์ รงั้ ที1่ จักรพรรดิปูยีสละราชบัติ วันท่ี12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912 ซ่ึงมีอายุเพียง 6 พรรษา เกิดขึ้นจากการที่หวยนซื่อข่ายทรยศ หยวยซ่ือข่ายส่งคนไปเจรจา ตอ่ รองกบั ฝา่ ยปฏิวัตซิ นุ ยันเซน็ และสร้างสถานการณใ์ หก้ ลวั หลงอวี้ไทเฮา เลยใหฮ้ ่องเตส้ ละราชสมบตั ิ “ถ้าจะโทษก็ตอ้ งโทษเจ้าซุนเหวนิ (ซนุ ยัตเซ็น)น่ันที่ทาํ ใหร้ าชวงศช์ ิงต้องตก อยู่ในสภาพแบบน”้ี กวาเออ่ เจีย โยว่ หลาน(พระมารดาปยู )ี
46 โยว่ หลายกับเขา้ ขา้ ง ยงั เชื่อใจหยวนซอ่ื ข่าย เพราะเคยเปน็ นายทหารหลงล่ขู องพอ่ นางใช้เงินในการขอให้หยวนซื่อยา่ งช่วยให้ปูยีขึน้ เป็น จกั รพรรดิอีกครัง้ แลว้ ก็ถกู หักหลัง เพราะหยวนซือ่ ขา่ ยอยากขึ้นเปน็ จกั รพรรดซิ ะเอง จางซวนิ 张勋 ขุนศกึ ผมเปีย การนงั่ บลั ลงั กค์ รงั้ ท2่ี วนั ท่1ี กรกฎาคม ค.ศ.1917 ขึน้ ครองราชยอ์ กี ครง้ั โดยจางซวนิ ขุน ศึกผมเปีย เป็นผู้ฟื้นฟูราชวงศ์ชิง โดยการก่อรัฐประหาร การข้ึนครองราชย์ ครั้งน้ีมีระยะเวลาแสนส้ันแค่เพียง12วัน ต่อมาก็ประกาศสละราชสมบัติอีก ครัง้ วันท1ี่ 2 กรกฎาคมปี1917 เน่อื งจากประชาชนไม่เหน็ ดว้ ยกับระบอบราชาธิปไตย
Search