Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Vikings Civilization

Vikings Civilization

Published by Kachornpon, 2019-11-20 00:21:36

Description: Vikings Civilization

Search

Read the Text Version

“สแกนดิเนเวีย ดนิ แดนที่เคย ถูกครอบครองโดยเหล่าคนเถอื่ น ศตวรรษท่ี 9 ในดินแดนหน่ึงของทวปี ยุโรป ทีค่ าบสมทุ ร แสกนดิเนเวีย ดินแดนของประเทศเดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน และไอซ์แลนด์ ไดม้ ีชนเผา่ เขา้ ไปลงหลักปักฐานอยู่ พวกเขาเชยี่ ว ชาญการเดนิ เรอื ตอ่ เรอื พวกเขากระหายในการตอ่ สแู้ ละสงคราม พวกเขามคี วามสามารถในการแกะสลักเปน็ อักษรรนู พวกเขาถูก อารยธรรมอนื่ เรยี กพวกเขาวา่ คนเถ่ือน คนเถ่อื นทีม่ ีวฒั นธรรมที่ มรี ปู แบบเฉพาะของตวั เอง และมนั จะบอกเลา่ ใหค้ ณุ ไดเ้ ขา้ ใจและ รไู้ ดม้ ากข้ึนจากหนังสอื เล่มนี้ สง่ิ แรกทค่ี วรจะรู้ คณุ ตอ้ งเรยี กพวกเขาวา่ ไวกงิ้ ”



สารบัญ หนา้ เรือ่ ง 1 6 เร่ิมตงั้ ถ่นิ ฐาน... 13 ไวกง้ิ ปกครองกนั ยังไง? 24 สงั คมของไวกิ้งไมซ่ ับซอ้ นนะ!! 49 ไวกิง้ นบั ถอื ศาสนาอะไร..? 57 จริงๆแล้วไวกง้ิ ก็เป็นพ่อค้า 78 ศลิ ปะก็แปลก ไม่เชื่อลองอา่ นดู.. 83 คิดถงึ ไวก้งิ คดิ ถึงเรือ บรรณานกุ รม



“ เร่มิ ตั้งถ่นิ ฐาน ”

รปู ที่ 1.1. อาณาเขตของชาวไวกิง้ ณ เวลาศตวรรษท่ี 8 (https://brilliantmaps.com/viking-world/ : 2558) “ประวตั ิศาสตร์ของไวกง้ิ มนั เริม่ เกดิ ข้นึ ราวๆ ศตวรรษที่ 8 ไม่มหี ลกั ฐานที่สามารถ ชชี้ ดั ไดว้ า่ พวกเขาเปน็ ใคร ยา้ ยถน่ิ ฐานหรอื อพยพมาจากทไี่ หน แตส่ งิ่ เรารคู้ อื พวกเขาอาศยั อยู่ ดนิ แดนรอบๆคาบสมทุ รสแกนดเิ นเวยี ทางตอนเหนอื ของยโุ รปอนั ไดแ้ ก่ นอรเ์ วย์ สวเี ดน และก็ เดนมารก์ เมอื่ จดั ตงั้ กลายเปน็ ชมุ ชน เปน็ เมอื งแลว้ พวกเขากเ็ รม่ิ ออกลา่ เพอื่ ขยายอาณานคิ ม ไปรอบดินแดน อาจจะเพราะชอบที่จะท�ำ สงครามหรือไม่ก็ชอบขยายอำ�นาจ ยังไงก็แล้วแต่ ดว้ ยความโจษจนั เรอ่ื งความโหดเหย้ี มและความรนุ แรง นน่ั ท�ำ ใหค้ นอนื่ ขนานนามวา่ คนเถอ่ื น” ถึงพวกเขาจะมีการสร้างเมืองหรือชุมชนมากมายแค่ไหน แต่ส่ิงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย คอื พวกเขาเหมาะสมกบั ค�ำ วา่ เถอ่ื น เพราะ หากจะนบั เรอื่ งความเป็น อารยะ นั้นถอื ว่า คำ�ว่า “ไวกิ้ง” มาจากภาษาไอซ์แลนด์ ยงั ดอ้ ยกวา่ ดนิ แดนอนื่ อยแู่ ตช่ าวไวกง้ิ กม็ สี ง่ิ โบราณว่า Viking-r แปลว่า คนท่ีอาศัยอยู่ หน่งึ ท่ลี �้ำ หน้ามากกวา่ ที่อื่นน่ันก็คอื เรือ แถบช่องแคบ ต่อมาคำ�ว่า Viking ก็กลาย เปน็ ความหมายของคำ�ว่า “โจรสลดั ” หนา้ 2

รปู ที่ 1.2. อาณาเขตของชาวไวก้งิ ณ เวลาศตวรรษที่ 9 (https://brilliantmaps.com/viking-world/ : 2558) รปู ท่ี 1.2. อาณาเขตของชาวไวกงิ้ ณ เวลาศตวรรษท่ี 10 (https://brilliantmaps.com/viking-world/ : 2558) หนา้ 3

รปู ที่ 1.2. อาณาเขตของชาวไวกิ้ง ณ เวลาศตวรรษท่ี 10 (https://brilliantmaps.com/viking-world/ : 2558) รูปท่ี 1.2. อาณาเขตของชาวไวกิ้ง ณ เวลาศตวรรษท่ี 11 (https://brilliantmaps.com/viking-world/ : 2558) หนา้ 4

“เรมิ่ ตง้ั ถิ่นฐาน” ในตอนแรกพวกไวกิ้งใช้เรือยาวของพวกเขาในการบุกโจมตีชายฝ่ังยุโรป ท้ังท่าเรือ และพวกทต่ี ง้ั ถนิ่ ฐานตามแมน่ �ำ้ แตต่ อ่ มาในภายหลงั ชาวไวกง้ิ กม็ มี ากขน้ึ ไดม้ เี ดนิ ทางไปคา้ ขาย ทางทศิ ตะวันออกทศิ ตะวนั ตกและทศิ ใต้ในบ้านเกิดท่สี แกนดเิ นเวยี และได้เดนิ ทางออกตาม แม่นำ้�ทางตะวันออก จนออกไปสู่รัสเซียและภูมิภาคทะเลดำ�และทะเลสาบแคสเปียน ไอซ์ แลนด์และกรนี แลนด์ มหี ลักฐานจากการทช่ี าวไวก้ิงไปถึงนิวฟนั ดแ์ ลนด์ก่อนการเดนิ ทางครัง้ ตอ่ มาของคริสโตเฟอร์โคลมั บัสมาถึงโลกใหม่(new world) ไวก้ิงได้มีการขยายดินแดนจากการบุกยึดได้เยอะมากก่อนที่ยุคสมัยจะจบลงเมื่อ ศตวรรษท่ี 11 “ถ้าจะมาไล่เรียงว่าชาวไวก้ิงเข้าโจมตีท่ีไหนบ้างคงต้องใช้หน้ากระดาษท่ีเยอะกว่า แต่มนั ไมพ่ อเพราะฉะนัน้ เรามาอา่ นแบบย่อๆกนั 1. ในชว่ งปี 786 - 802 องั กฤษถกู โจมตเี ปน็ ทีแ่ รก ชาวไวกงิ้ น�ำ เรือสามรำ�ไปเกาะ พอรต์ แลนด์เพอื่ ค้าขายแต่ถกู ฆา่ ท้งั หมดนนั่ อาจจะเปน็ การจดุ ฉนวนการแก้นแคน้ ต่อมาชาว ไวกง้ิ บกุ ท�ำ ลายโบสถท์ เ่ี กาะศกั ดส์ิ ทิ ธแิ์ หง่ ลนิ ดสิ ฟารน์ กวาดเอาสมบตั แิ ละคนกลบั ไปเปน็ ทาส และฆา่ ทงิ้ บางสว่ น ประมาณศตวรรษที่ 871 ราชาแหง่ ชาวไวกง้ิ กทู รมั ไดบ้ กุ มาทอ่ี งั กฤษ กอ่ ความวนุ่ วายมาก ส่งผลให้กษัตริย์อัลเฟรดแหง่ เวสเซ็กซ์ ตอ้ งทำ�สนธสิ ญั ญาสงบศกึ 2. เวลส์อีกหน่ึงประเทศที่ไวก้ิงบุกยึดแต่ไม่สำ�เร็จ เน่ืองจากกองกำ�ลังและรัฐบาล มีความแข็งแกร่งมากสามารถกองทัพไวกิ้งได้ ทำ�ได้เพียงแค่ตั้งถ่ินฐานเล็กๆไว้บริเวณตอนใต้ ของเวลส์ และสดุ ท้ายกพ็ า่ ยแพท้ ส่ี มรภูมิรบบัตทิงตัน 3. ยงั มอี กี มากมายทไี่ วกง้ิ ไปเยอื น อยา่ งเชน่ ไอรแ์ ลนด์ ฝรงั่ เศษ อติ าลี ซซิ ลิ ี จอรเ์ จยี หนา้ 5



“ ไวกิ้งปกครองกนั ยังไง ”

“ไวกงิ้ ปกครองกนั ยงั ไง” “ไวก้ิงอาศัยอยู่กันเป็นชุมชนมากกว่าจะเป็นเมืองใหญ่ๆ แต่ละชุมชนก็มีหัวหน้า หมบู่ า้ นเปน็ ผปู้ กครอง แตด่ จู ากรปู การแลว้ สว่ นมากไวกง้ิ จะปกครองดว้ ยความรนุ แรงมากกวา่ เหตผุ ล และกร็ ูจ้ กั การปกครองนะ” หน้า 7

“ไวกงิ้ ปกครองกนั ยงั ไง” จริงๆแล้วชาวไวก้ิงมีทั้งกฎหมาย ในชุมชนทุกแห่งผู้ชายชาวไวกิ้ง และมีการจัดตั้งรัฐบาล แต่กฎหมายของ ทุกคนจะต้องมารวมตัวกันในท่ีประชุมหรือ ช า ว ไ ว ก้ิ ง มั น เ ป็ น ก ฏ ห ม า ย ไ ม่ เ ป็ น ล า ย ลานกวา้ งภายในชมุ ชนเพอ่ื สรา้ งขอ้ กฎหมาย ลักษณ์อักษร ชาวไวกิ้งจะมีการท่องจำ�ข้อ ต่างๆข้ึนมาและช่วยกันปรึกษาพิจารณา กฎหมายและใช้กฎหมายจากความทรงจำ� ตดั สนิ คดใี นการประชมุ ครงั้ ละตา่ งๆ ในเหตุการณ์พิพากษาคดีในอดีต ในแต่ละชุมชนๆของชาวไวกิ้งนั้น จะมีธรรมเนียมและการปกครองที่แตกต่าง กันออกไปในแต่ละชุมชนของตนเอง ด้วย เหตุนี้จึงทำ�ให้กฎหมายของไวกิ้งจะมีเนื้อหา บทลงโทษและข้อกำ�หนดท่ีแตกต่างกันออก ไปในแต่ละชุมชนและเนื่องจากที่ข้อกฎ หมายของไวกิ้งนั้นคือกฎหมายไม่เป็น ลายลักษณ์อักษร ดังนั้นกฎหมาย ของชาวไวก้ิงจึงมีการปรับเปล่ียน และพัฒนาอยูต่ ลอด หน้า 8

“ไวก้งิ ปกครองกนั ยงั ไง” ข้อพิพาททั้งหมดของชาวไวก้งิ ไมว่ ่าจะเป็นการหยามเกยี รติกัน การท�ำ รา้ ย การทะเลาะเบาะแว้งและเหตุการณ์ท่ีสร้างความบาดหมางอีกมากมายของบุคคล หรือในครอบครัวต่างๆจะต้องถูกตัดสินโดยกฎหมาย การพิพากษาในทุกๆครั้งจะทำ� โดยชาวไวกิ้งเพศชายที่เป็นนักกฎหมายของไวก้ิงกับหัวหน้าเผ่า แต่ชาวบ้านธรรมดา ก็มีสิทธ์พูดและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการประชุมแต่ละคร้ัง แต่ส่วนใหญ่ความ คิดเหน็ ของพวกเขาอาจโดนเพกิ เฉยโดยผู้ทม่ี ศี กั ด์ใิ หญก่ วา่ ในชนเผา่ เชน่ หัวหนา้ เผ่า นักกฎหมาย นักพยากรณใ์ นเผ่า ที่ส�ำ คัญทุกข้อปญั หาหรอื ขอ้ พิพาทตา่ งๆของชาวไว กิง้ จะตอ้ งจบลงทันทีเมือ่ มกี ารตัดสนิ ของชาวไวก้ิง รูปที่ 2.2. การประชุม (https://youriceland.wordpress.com/giro-doro/ : 2561) หนา้ 9

“ไวกงิ้ ปกครองกันยงั ไง” “ข้อพิพาทในบางครั้งอาจถูกตัดสินด้วยวิธีการท่ีเรียกว่า โฮลมาง (การดวลซึ่ง เป็นการต่อสู้) ผู้ที่แพ้จากการตัดสินด้วย โฮลมาง จะถูกตัดสินว่าเป็นฝ่ายผิดและจะถูกปรับ ให้มอบทรัพย์สินของตัวเอง หรือกระทำ�การตามข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำ�ไว้ให้กับผู้ชนะ ไม่วา่ จะเปน็ อะไรก็ตามเพือ่ เป็นการชดเชยให้กบั ผู้ชนะเป็นเวลา 3 ปี บุคคลท่ถี ูกพพิ ากษาว่ามีความผดิ ข้ันรนุ แรงทีส่ ุดของชนเผา่ เชน่ การทรยศต่อเผ่า การหนีการต่อสู้โฮลมาง จะต้องถูกตราหน้าประกาศต่อสาธารณะว่าเป็นอาชญากร เป็น คนนอกกฎหมาย การเป็นถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรถือว่าเป็นการลงโทษที่รุนแรงและ น่ากลัวที่สุดสำ�หรับชาวไวกิ้ง เพราะอาชญากรจะถูกขับไล่ออกจากสังคมในเผ่าและถูกยึด ทรัพย์สินท้ังหมดที่สะสมมาตลอดชีวิต อาชญากรจะไม่ได้รับอาหารและความช่วยเหลือใดๆ จากคนในเผา่ แมก้ ระทงั่ คนในครอบครวั นอกจากความโดดเดยี วและความล�ำ บากทไ่ี มม่ บี า้ น และไม่มอี าหาร บางคร้ังพวกเขาอาจถูกทำ�รา้ ยจากคนในชนเผา่ จนถงึ ขนั้ เสียชวี ติ อาชญากร จึงมกั หาทางหนีออกนอกประเทศและไปพยายามตง้ั ถ่นิ ฐานอยู่ท่อี ื่น ชาวไวกิ้งไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการต่อต้านการทำ�สงครามกับเผ่าอื่นเมืองอ่ืนหรือ ประเทศอื่นๆ การทำ�สงครามหรือยึดดินแดนอ่ืนไม่ถือว่าเป็นเร่ืองผิด เพราะการบุกยึดทำ� สงครามต่อพื้นทอ่ี ืน่ ถือวา่ เผ่าอืน่ นั้นเป็นศัตร”ู หน้า 10

รูปท่ี 2.3. โฮลมาง (http://www.ancientpages.com/2018/03/10/holmgang-dangerous-viking-duel-set- tled-disputes/ : 2561) Holmgang โฮลมาง “เปน็ การตอ่ สเู้ พอื่ ตดั สนิ ขอ้ พพิ าทตา่ งๆของชาวไวกงิ้ นบั วา่ เปน็ วธิ กี ารตดั สนิ ทไี่ ดร้ บั การยอมรบั มากและเปน็ ทน่ี ยิ มในหมชู่ าวไวกงิ้ ทกุ คน ถา้ ชาวไวกงิ้ คนใดในชนเผา่ ไมถ่ กู กนั หรอื เกลยี ดกนั สามารถท�ำ ใหอ้ กี ฝา่ ยขอโทษหรอื มากม้ กราบแทบเทา้ ไดโ้ ดยการ ใชโ้ ฮลมางและการโฮลมางจะไมค่ �ำ นงึ ถงึ สถานภาพหรอื ยศถาบรรดาศกั ดขิ์ องคนในเผา่ ไมว่ า่ อกี ฝา่ ยจะมยี ศถาบรรดาศกั ดย์ิ งิ่ ใหญม่ ากแคไ่ หนกไ็ มห่ ลกี เลยี่ งหรอื หลบหนจี ากโฮ ลมางได้ ในการล้างแคน้ ยงั สามารถใช้วธิ ีการโฮลมางได้ด้วย” หน้า 11

“ไวกงิ้ ปกครองกันยังไง” “โฮลมางมักเกิดขึ้นบ่อยในชนเผ่าไวก้ิงจากการพูดจาสบประมาทกันหรือ ดา่ กัน โฮลมางจะเร่ิมมีการต่อสกู้ ันหลังการมกี ารท้าทายหรอื ท�ำ ขอ้ ตกลงกนั ประมาณ 3-7วันให้หลัง หากผู้ท้าทายหรือผู้ท่ีถูกท้าทายไม่ยอมเข้าร่วมโฮลมางหรือหลบหนี จากโฮลมางหลังทำ�ข้อตกลงในการต่อสู้ด้วยโฮลมางแล้ว ผู้ที่หลบหนีจากการต่อสู้จะ ถูกตัดสินจากชุมชนชาวไวก้ิงว่าเป็นคนช่ัวและถูกลดบทบาททางสังคมจนกลายเป็น คนนอกกฎหมายหรืออาชญากร เพราะการหลบหนีจากการต่อสู้ถือว่าเป็นการลด ศักด์ิศรีของตนเอง กฎการตอ่ สขู้ องโฮลมางไมไ่ ดถ้ กู ก�ำ หนดแนน่ อน มกั แตกตา่ งกนั ไปตามสถาน ที่ ขอ้ ตกลง หรอื ความพอใจของแตล่ ะฝา่ ย ดงั นน้ั กฎการประลองจะมกี ารเปลย่ี นแปลง อยู่ตลอดทุกคร้ัง กฎของโฮลมางมีทั้งเร่ืองของอาวุธท่ีใช้ สถานที่ส�ำ หรับการประลอง ขอบเขตการประลอง ของตกลงหรอื การใชค้ า่ เสยี หายของผแู้ พ้ และอกี มากมายตามใจ ของแต่ละฝ่าย เช่น ขอบเขตของการประลองจะเป็นวงกลม พ้ืนที่สำ�หรับการต่อสู้ เงอ่ื นไขของการแพก้ ารประลอง ยกตวั อยา่ งเชน่ ตอ่ สกู้ นั จนกวา่ อกี ฝา่ ยจะเสยี ชวี ติ หรอื อกี ฝา่ ยประกาศยอมแพจ้ ากการตอ่ สู้ แตก่ อ่ นจะถงึ ก�ำ หนดวนั ตอ่ สกู้ นั นกั สทู้ งั้ สองฝา่ ย จะต้องเห็นด้วยกับกฎการประลองและข้อตกลงที่ได้ตั้งไว้ก่อนถึงจะอนุญาตให้มีการ ต่อสู้ได้ ผทู้ ช่ี นะสามารถเรียกร้องตามข้อตกลงท่ไี ด้ท�ำ กันไว้ แตถ่ า้ ไม่ได้ท�ำ ขอ้ ตกลงไว้ ผู้แพ้ตอ้ งเสียทรัพยส์ นิ ให้กบั ผูช้ นะเปน็ เวลา 3 ปี ในบางคร้ังโฮลมางอาจจะจบลงด้วยความตายของอีกฝ่าย และการสังหาร อีกฝ่ายในโฮลมางถือว่าไม่ผิดและไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรถ้าได้มีการทำ�ข้อตกลง ไว้ก่อนแล้ว เพราะฉะน้ันจึงไม่มีความผิดฐานฆาตรกรรมและไม่ถือว่าทำ�ผิดกฎหมาย ไม่ตอ้ งชดเชยคา่ เสียหายให้กับครอบครัวของฝ่ายทีต่ ายจากการประลอง ชาวไวกิ้งที่เป็นพวกนักต่อสู้ด้วยวิธีโฮลมางเก่งๆจนกลายเป็นนักต่อสู้มือ อาชพี พวกนจ้ี ะใชโ้ ฮลมางในการปลน้ ฝา่ ยทแี่ พอ้ ยา่ งถกู กฎหมาย เพอ่ื ไดส้ ทิ ธเิ รยี กรอ้ ง อะไรกไ็ ด้ เชน่ ทด่ี นิ ผหู้ ญงิ บา้ น อาหาร จนถกู ชาวไวกงิ้ ดว้ ยกนั ดถู กู วา่ บา้ และปา่ เถอ่ื น จากความรนุ แรงของพวกเขา” หนา้ 12



“ สงั คมของไวก้งิ ไมซ่ บั ซ้อนนะ!! ”

รูปท่ี 3.1. ล�ำ ดบั ชนชั้น (http://personal.psu.edu/rbn5037/Assignment7.html : 2561)

หนา้ 15

“สังคมของไวกง้ิ ไม่ซับซอ้ นนะ” “โครงสร้างทางสังคมของไว้ก้ิงน้ันมีความสอดคล้องกับรูปแบบของพวกอินโด ยูโรเปีย้ น โดยการแบ่งผคู้ นออกเป็นชนชนั้ อยู่ 3 ชนช้ัน ซึ่งในแต่ละชนช้ันจะได้รับสทิ ธิท่ี ไมเ่ ทา่ เทยี มกนั โดยฉพาะในชว่ งยคุ กลางความเลอื่ มล�ำ้ ทางสงั คมมอี ยเู่ ปน็ อยา่ งมากยงิ่ ขนึ้ ชนชัน้ ทีต่ ำ�่ กวา่ จะถกู กดขข่ี ่มเหงจนกระท่ังระบบศักดนิ า หรอื ฟิวดัล ในแทบยโุ รปได้เขา้ มามีบทบาทในดินแดนของชาวไวก้ิงทำ�ให้โครงสร้างทางสังคมมีความยืดหยุ่นท่ีมากข้ึน โครงสร้างของไวก้ิงมีอยู่ 3 ชนชนั้ หลกั ท่ีสำ�คญั ๆไดแ้ ก่ Jarls หรือ ชนชัน้ ขนุ นาง , Karls หรอื ชาวบ้าน , Thralls หรอื ทาส ทัง้ สามชนช้ันกลา่ ววา่ ถกู สรา้ งโดยพระเจา้ Rigr หรอื Heimdall เพอ่ื สร้างล�ำ ดับชนั้ ของชาวนอรส์ ” กษัตริย์ ในดินแดนบางแห่งยังมีฐานะ ชนชน้ั ทเี่ รยี กวา่ กษตั รยิ ์ แตเ่ พราะคนทถี่ กู ยกย่องให้เป็นกษัตริย์นั้นน้อยมากและไม่ ไดม้ คี วามวเิ ศษอะไรเลย ฐานะกษตั รยิ เ์ กดิ ขนึ้ ในชว่ งสมยั ยคุ กลาง ในสมยั นน้ั บคุ คลที่ มอี �ำ นาจมอี ยนู่ อ้ ยมาก โดยเฉพาะในชนชน้ั ลา่ ง เมอื่ กาลเวลาผา่ นไปเรม่ิ ขน้ึ ในศตวรรษ ที่ 9 อ�ำ นาจตา่ งๆกเ็ รม่ิ ถกู รวบรวมอยใู่ นมอื ของผู้นำ�ท่ีแข็งแกร่งพอท่ีจะแต่งตั้งตนให้ เป็นกษัตริย์แห่งสวีเดนนอร์เวย์และเดน มาร์ แตก่ อ่ มพี ยี งบคุ คลไมม่ ากทม่ี คี วามสา รถพอทจ่ี ะตั้งตนเปน็ กษัตริย์ หน้า 16

“สังคมของไวกิ้งไมซ่ ับซอ้ นนะ” แต่อำ�นาจของกษัตริย์ไม่อาจยั่งยืนได้นาน เพราะอำ�นาจของกษัตริย์น้ันไม่ได้เป็น ศูนย์รวมอำ�นาจของชาวไวกิ้ง ในเวลาต่อมาอำ�นาจของแต่ละชนช้ันทางสังคมได้มีการเร่ิม เปลย่ี นแปลงอ�ำ นาจไปสถานภาพทางโครงสรา้ งทางสงั คมนน้ั ๆ ไป ดนิ แดนไวกง้ิ แตล่ ะแหง่ จะ มีความแตกตา่ งกันไปในแตล่ ะดินแดน ยกตัวอย่างให้เห็นเช่น ไอซแ์ ลนด์พวกเขาถูกปกครอง โดยไร้ซ่ึงกษัตริย์หรือพวกชนชั้นขุนนาง แต่ชาวไอซ์แลนด์บางกลุ่มได้มีการออกเดินทางเพื่อ รบั ใช้กษตั รยิ ข์ องไวกิง้ คนใดคนหนงึ่ ในฐานะขา้ ผู้รับใช้หรือทหาร ผู้เป็นกษัตริย์ในสายตาและความคิดของชาวไวก้ิงส่วนใหญ่จะไม่ได้ถูกมองว่ามี อำ�นาจเหนือกว่าพวกเขา ไม่ได้เป็นคนพิเศษหรือสมมติเทพของนอร์สเหมือนกับกษัตริย์ใน อารยธรรมอน่ื แตพ่ วกเขามีทัศนคติต่อกษัตรยิ ข์ องพวกเขาว่าเปน็ คนทแี่ ขง็ แกรง่ และมีความ กล้าหาญ เจา้ เลห่ ใ์ จกวา้ งและเปน็ ผู้น�ำ ทพั ทีด่ มี ีความสามรถในการรบสงู คนหนงึ่ ขุนนาง Jarls หรือพวกขุนนาง ซึ่งเป็นชนชั้นที่มีอำ�นาจสูงที่สุดของชาวไว้ก้ิงและนับเป็น ชนชัน้ ทีอ่ ยบู่ นโครงสร้างสงู สุดทางสงั คมของชาวไวกง้ิ บุคคลท่ีอยู่ในชนชน้ั น้ีส่วนใหญจ่ ะเปน็ พวกทอี่ �ำ นาจเปน็ อยา่ งมากหรอื ไมก่ เ็ ปน็ พวกผนู้ �ำ ทพั ทเ่ี คยออกไปเพอื่ ลา่ อาณานคิ มหรอื ปลน้ สะดมท่ีอ่ืน หรืออาจเป็นพวกทหารที่ออกติดตามเหล่ากษัตริย์ ได้รับความเคารพจากเหล่า นกั รบและมนี กั รบบางสว่ นเลอื กทจ่ี ะตดิ ตามพวกเขาและจงรกั ภกั ดตี อ่ พวกเขาในดา้ นการรบ หรอื การลา่ อาณานคิ ม หน้า 17

“สังคมของไวกงิ้ ไมซ่ บั ซอ้ นนะ” ต่อมาในยุคไวก้ิงที่มีกษัตริย์องค์ แรกถือกำ�เนิด การขึ้นเป็นกษัตริย์ของชาว ไวกงิ้ นน้ั สว่ นใหญจ่ ะมาจากชนชน้ั ขนุ นางทมี่ ี อ�ำ นาจและเงนิ ทองมากพอทจี่ ะสามารถแตง่ ตง้ั ตนเองขน้ึ มาเปน็ กษตั รยิ ไ์ ด้ เมอื่ กษตั รยิ ไ์ ด้ ถูกสถาปนาขึ้นชนชั้นขุนนางที่ปกครองอยู่ที่ นน่ั จะถูกทำ�งานภายใตก้ ารบงั คับบัญชาของ กษตั รยิ แ์ ละพวกเขาจะไดร้ บั ทด่ี นิ จากกษตั รยิ ์ ของพวกเขา รูปท่ี 3.3. ขนุ นาง (https://www.pngfind.com/mpng/ : 2561) พวกขุนนางน้ันส่วนใหญ่จะมี บริวารคอยติดตามพวกเขาและมีสมบัติ มากมาย เรือหรือท่ีดินเก็บไว้ใน ถ้าขุนนาง เกิดสูญเสียอำ�นาจเงินทองหรือบริวารก็อาจ ทำ�ให้เขาตกไปเป็นพวกสามัญชนแทน ในชนช้ันสูงของสังคมไวก้ิงนั้นยัง มีท่ีมีตำ�แหน่งรองลงมาอย่าง Landsmen ที่มีสิทธิเทียบเท่ากับบารอนในยุคหลังหรือ รู้จักการในนาม Styraesmen มีสิทธิในการ บัญชาการเรือซึ่งตำ�แหน่งนี้ยังสามารถ ส่ง มอบให้แก่ทายาทแต่ต้องได้ให้คำ�สาบาน และความจงรักภักดีแก่กษัตริย์ของพวกเขา ในช่วงแรกนั้นอำ�นาจของช้ันสูงและกลางมี รูปท่ี 3.4. ขุนนาง อภสิ ิทธิใกล้เคยี งกัน (https://www.pinterest.com/ pin/514958538624645528/ : 2561) หน้า 18

“สงั คมของไวก้ิงไมซ่ บั ซ้อนนะ” ชาวบา้ น ชนชั้นกลาง หรือ ชาวบ้าน เป็นชนชั้นระดับสองที่อยุ่ภายใต้ระบบโครงสร้างทาง สังคมของไวก้ิงโดยสัดส่วนของประชาชนจะมีอยู่ในชั้นนี้มากว่าชนช้ันอื่นๆ ส่วนใหญ่ผู้ชาย จะประกอบอาชีพเกษตรกรในบริเวณท่ีดินของตน หรือถ้าพวกเข้าไม่ที่ดินเป็นของตัวเอง พวกเขาจะเชา่ ทด่ี นิ จากพวกขนุ นางหรอื บคุ คนใดกต็ ามทมี่ ที ดี่ นิ ทสี่ ามารถใหพ้ วกเขาสามารถ ประกอบอาชีพได้ แต่ถ้าพวกเข้า ไม่เลือกที่จะทำ�การเกษตรพวกเขา จะมีงานอย่างอ่ืนทำ� เช่น พ่อค้า ชา่ งฝีมอื หรือ ทหาร แต่ถึงกระนนั้ พวกเขาก็ยังได้รับการคุ้มครองจาก กฎหมายซงึ่ แตกตา่ งจากพวกทาสที่ ไมก่ ฎหมายและอสิ ระตา่ งๆทจ่ี ะท�ำ อะไรกต็ ามทพ่ี วกเขาอยากจะท�ำ ให้ เหมอื นชนช้นั อนื่ เหล่านักรบไวกิ้งส่วน ใหญ่จะมาจากชนชั้นกลาง นักรบ จะออกเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ เพ่ือเพ่ิมช่ือเสียงและความั่งค่ังให้ หนา้ 19

“สงั คมของไวกง้ิ ไมซ่ ับซอ้ นนะ” แก่ตัวเองเพราะนักรบท่ีออกไปสู้หรือมีส่วนรวมในการบุกยึดดินแดนพวกเขาอาจได้ รบั สว่ นแบ่งเป็นทรัพยส์ ินหรือที่ดนิ ส�ำ หรบั ทำ�การเพราะปลกู อีกดว้ ย ตามธรรมเนียมของพวกเขาท่ีมีต่อการสืบทอดต่อกันมา ลูกชายคนโตของ พวกเขานนั้ จะไดร้ บั เลอื กใหเ้ ปน็ ผสู้ บื ทอดทางสายเลอื ดเปน็ อนั ดบั หนงึ่ เสมอเพราะพวก เขาใหค้ วามคาดหวงั ลกู คนทหี่ นงึ่ ไวเ้ ปน็ อยา่ งมาก แตก่ บั ลกู ชายคนทส่ี องหรอื สามพวก เขามักจะไมถ่ ูกคาดหวังและอาจไม่ไดร้ ับอะไรเลยจากพอ่ แม่ของพวกเขา พวกท�ำ เกษตรกรรมสว่ นมากจะไดร้ บั สทิ ธใิ หเ้ ปน็ พยานหรอื ผตู้ ดั สนิ คดคี วาม หรือตดั สนิ เร่อื งความส�ำ คัญอยา่ งการเลอื กตงั้ กษัตรยิ ์หรือการเปลยี่ นแปลงศาสนา ทาส Thrall ชนชนั้ ทส่ี ามของระบบสังคมไวกงิ้ เป็นชนช้ันทอ่ี ย่ตุ ่�ำ สดุ ของ ระบบสงั คมที่เกดิ ขน้ึ ในยุคอยา่ งไวกิ้ง เหล่าผทู้ ตี่ กเปน็ ทาสนั้นไมม่ สี ิทธิพเิ ศษ ไมไ่ ด้ รบั ความคุม้ ครองนอกจากชาวไวกิง้ ทเ่ี ป็นเจา้ นายของพวกเขา ทาสสว่ นใหญ่นน้ั เชลยท่ชี าวไวก้งิ ได้เข้าไปบุกยึดจากดนิ แดนอ่นื แตพ่ วกเขากย็ งั ไดร้ ับโอกาสให้ไถต่ วั เองให้มชี ีวิตอิสระได้จากการท�ำ งานหรือเงนิ ท่ีพวกเขาสามารถหาได้ ทาสสว่ นใหญเ่ ปน็ แรงงานในการทำ�งานดา้ นการเพาะปลกู มากกว่างาน ในสว่ นอน่ื ยกเว้นทาสบางคนท่ีไดร้ บั การดแู ลจากพวกขนุ นางซึง่ ถา้ พวกขนุ นาง ตายทาสของขนุ นางน้ันอาจตอ้ งตายตามเจ้านายของพวกเขา้ ไปดว้ ยเพราะชาวไว ก้งิ เชอื่ วา่ ทาสเหล่าน้ันจะไปช่วยเขาในโลกหลงั ความตายและคอยรบั ใชพ้ วกเขา หน้า 20

“สงั คมของไวก้ิงไมซ่ บั ซอ้ นนะ” การทจ่ี ะตกเปน็ ทาสไดน้ ้นั มดี ว้ ยกนั อยสู่ ามแบบ ไดแ้ ก่ การเปน็ ทาสจากการ ถูกล่าอาณานิคมและถูกจบั ตัวมาเป็นเชลย สองเดก็ ทุกคนที่เกิดมาหลงั จากพอ่ และแม่ ถกู จบั เปน็ มาเป็นทาส ในสภาวะน้ีทกุ คนจะถอื ว่าเป็นทาส ไม่มขี ้อยกเวน้ แบบทส่ี าม การน�ำ ตวั เองไปถา่ ยแลกเปล่ยี นอสิ ระกบั คนอืน่ หรือยอมขายเสรภี าพของตนเพอ่ื จ่าย หนี้ของตนที่มอี ยู่ทัง้ หมด แต่วา่ ลกู ของพวกทาสในประเทศไอซแ์ ลน์สว่ นมากจะถกู ปล่อยให้เปน็ อสิ ระไมไ่ ดร้ ับสถานะทาสตามพนื้ ทแ่ี ถบอนื่ ของชาวไวกงิ้ นอกจากน้ที าส อาจไม่ต้องเปน็ คนท่ีถกู ลา่ มาแต่อาจเปน็ คนท่ีไม่บ้านหรือพวกเรร่ อ่ นกไ็ ด้ นักบวชชาวครสิ เตยี นคนหน่ึงไดจ้ ดบนั ทึกเรื่องราวของทาส พวกเขาจะ ถกู บงั คบั ท�ำ งานประมาณ 2 – 3 ปี โดยพวกเขาจะใหเ้ วลาแก่พวกทาสหลงั จากการ ท�ำ งานหลักหรือสง่ิ ทเ่ี จา้ นายของพวกเขาสง่ั ใหท้ ำ� พวกเขาจะใช้เวลาน้ันหาท่ีดนิ หรือ รายได้ท่จี ะไถช่ ีวติ ของพวกเขาให้เป็นอิสระจากการเปน็ ทาสของพวกเขา และเมื่อพวก เขาสามารถไถถ่ อนความเปน็ ทาสไดแ้ ล้ว นักบวชไดส้ อนวิธีที่ต่างๆ ท้ังเรอ่ื งดา้ นงาน ฝมี ือประเภทต่างๆ ร่วมถงึ การสอนเทคนคิ ดา้ นการประมง การตกปลาท่สี ามารถชว่ ย ให้พวกเขาตงั้ ตวั ไดแ้ ละมฐี านะในเวลาต่อมา ทาสท่ีมคี วามพิการหรือไมส่ ามารถทจ่ี ะ ท�ำ งานได้พวกเขาจะฆ่าทิ้ง นอกจากน้ีเหลา่ ทาสยังถกู จับไปเป็นสนิ ค้าขายภายในดินแดนตนเองหรือ ต่างดนิ แดนโดยเฉพาะในแถบยุโรป การค้าทาสในสมัยน้ันมีความเจรญิ รุง่ เรอื งเป็น อย่างมากโดยเฉพาะกับพวกชาวยุโรปและเอเชียนในตอนนั้น ทาสสว่ นมากทถี่ ูกจับมา จะในแถบประเทศแถบบอลติก ดว้ ยกฎหมายบางประเภททำ�ให้ทาสน้ันแตกตา่ งกับพวกชนชัน้ กลาง คือ ถา้ เหลา่ ทาสถูกเจ้านายของพวกเขาฆ่า เจา้ นายของพวกเขาจะไม่ไดร้ บั โทษตามกฎหมาย ทาสทมี่ คี วามพกิ ารหรอื ไม่สามารถที่จะท�ำ งานไดพ้ วกเขาจะฆ่าท้ิง เวน้ แต่วา่ พวกเขา จะท�ำ การฆา่ ในวันท่มี ีพิธีกรรมท่ีสำ�คัญ ทาสจะไมไ่ ด้รบั อนุญาตใหพ้ กพาอาวุธยกเวน้ ในกรณพี วกเขาตอ้ งออกไปส้รู บ กบั พวกทีม่ ารกุ รานดนิ แดน และทาสคนใดที่สามารถฆ่าศตั รไู ด้จะได้รบั รางวลั เปน็ การ ปลดปลอ่ ยใหเ้ ป็นอิสระ หนา้ 21

“สงั คมของไวกงิ้ ไมซ่ บั ซอ้ นนะ” ตอ่ มาเมอื่ อิทธิพลของศาสนาคริสเรมิ่ เขา้ มามบี ทบาท ทาสเร่มิ มีความสำ�คญั นอ้ ยลงยกเว้นแตบ่ างกลุ่มคนยงั ไม่ไดเ้ ปลยี่ นมานบั ถือศาสนาครสิ ต์ ยงั คงนบั ถือศาสนา เดิมพวกเขาก็จะยงั คงใชท้ าสอย่เู หมอื นเดิม ผหู้ ญงิ “บทบาทของผหู้ ญงิ ทม่ี ตี อ่ สงั คม ไวก้ิงน้ันจะถูกบดบังโดยเพศชายเป็นส่วน ใหญ่ แต่พวกผู้หญิงก็ได้รับสิทธิมากมาย ไมต่ า่ งจากพวกผู้ชาย ในสงั คมไว้กิง้ ถา้ พ่อ ของผหู้ ญงิ เปน็ พวกทมี่ าจากชนชน้ั สงู เดก็ ผู้หญิงคนน้ันจะถือว่าเป็นคนช้ันสูงเช่น เดยี วกนั แตถ่ า้ พอ่ ของพวกเขาอยใู่ นฐานะ ของชาวบา้ นหรอื ชนชนั้ กลาง ทง้ั ฝา่ ยผชู้ าย และผู้หญิงต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวเช่น เดยี วกนั ถา้ ผชู้ ายหรอื สามขี องพวกเขาเสยี ชวี ติ หรอื หยา่ กบั สามี พวกเธอจะไดร้ บั สทิ ธิ ในทดี่ นิ และทรพั ยส์ นิ ถงึ อยา่ งนนั้ สทิ ธขิ อง พวกผู้หญิงก็ยังไม่เทียบเท่าพวกผู้ชาย ใน ดา้ นการลงคะแนนเสยี งหรอื แมแ้ ตก่ ารพดู คุยในท่ีสาธารณะ แต่โดยรวมพวกผู้หญิง ชาวไวก้ิงยังคงถือว่ามีสิทธิทางสังคมท่ีมา กวา่ ผู้หญงิ ของชนชาตอิ น่ื ๆ” รปู ที่ 3.5. ขนุ นาง (http://lib.oup.com.au/secondary/geogra- phy_history : 2561) หนา้ 22

“สงั คมของไวกง้ิ ไมซ่ ับซอ้ นนะ” เหลา่ บตุ ร - หลาน สำ�หรับเด็กในสังคมไวกิ้งนั้นส่วนมากจะมีหน้าท่ีและบทบาททางสังคมใกล้ เคียงกับพ่อและแม่ของพวกเขา ไวก้ิงไม่มีโรงเรียนสำ�หรับเด็กเป็นครอบครัวชนชั้นสูง บางครอบครวั จะจา้ งใหค้ นมาสอนทบี่ า้ นของพวกเขาเอง แตพ่ วกชนชน้ั กลางเหลา่ เดก็ ๆ จะถกู สง่ั สอนโดยพอ่ แมข่ องพวกเขาเอง เดก็ ผชู้ ายจะถกู สอนโดยบคุ คลทม่ี อี ายเุ ยอะสดุ ภายในบ้านของพวกเขาด้วยเร่ืองอย่างเช่น การทำ�ฟาร์มหรือการเล้ียงสัตว์ ส่วนทาง ด้านเด็กผู้หญิงจะได้รับการส่ังสอนโดยสมาชิกที่เป็นผู้หญิงท่ีอายุเยอะสุดของพวกเขา โดยจะสอนเกี่ยวกับการทำ�อาหารท�ำ สวนและการถักเยบ็ เสอื ผ้า เหลา่ เด็กๆเม่อื อายุถงึ 12 – 15 ปี จะเรม่ิ ถกู มองวา่ เริม่ เข้าสชู่ ว่ งความเปน็ ผใู้ หญแ่ ลว้ และอายใุ นวยั นนี้ นั้ ยงั สามารถแตง่ งงานและเรม่ิ มคี รอบครวั เปน็ ของตวั เอง ได้แล้ว สรุปแล้วโครงสร้างทางสังคงของไวกิ้งน้ันมีลักษณะคล้ายคลึงกับสังคมอื่นๆ ท่ีพวกเราเห็นมาตลอดของประวัติศาสตร์ในแต่ละประเทศ แต่ก็มีความแตกต่างกัน มากมายในหลายๆดา้ นตงั้ แตส่ ทิ ธขิ องผหู้ ญงิ มมี ากกวา่ วฒั นธรรมอน่ื ตลอดจนถงึ ฐานะ กษัตรยิ ท์ ีไ่ มไ่ ดถ้ ูกยกย่องมากเทา่ ทอี่ นื่ ในสังคมไวกงิ้ นนั้ ส่วนใหญม่ ลี �ำ ดับช้ันและสงั คม ไมแ่ ตกตา่ งกบั ทอ่ี นื่ กลา่ วคอื ตง้ั แตร่ ะดบั ราชาไปจนถงึ ระดบั ทาส ทมี่ รี ะดบั ต�่ำ สดุ แตใ่ น ชว่ งชนชน้ั เหลา่ นข้ี องพวกเขาสามารถเปลยี่ นแปลงไดต้ ลอดเวลาจากอ�ำ นาจทพ่ี วกเขา ถอื ครอง หนา้ 23



“ ไวกิ้งนบั ถอื ศาสนาอะไร..? ”

“ไวกง้ิ นบั ถอื ศาสนาอะไร” “ส่วนใหญ่ชาวไวกิ้งจะมีความเชื่อเกี่ยวกับเร่ือง ทวยเทพแห่งสรรพส่ิง เทพเจ้าของชาวไวก้ิงจะถูกเรียกว่า เทพเจ้าแห่งนอร์ส พวกท่านเปรียบเป็นคนให้ลมหายใจแห่ง ชีวิตแก่มนุษย์ โดนทวยเทพน้ันมีตัวตนกำ�เนิดขึ้นมาต้ังแต่ สมัยยุคสำ�ริด (ประมาณ 2300 - 1200 BCE) แต่แหล่งท่ีมาหลักและชัดเจนท่ีสุดสำ�หรับความ เชื่อทางศาสนาของชาวนอร์ส คือ กวีของ Edda ประมาณ ศตวรรษที่ 9 - 10 และร้อยแก้วของ Edda(1220 BCE) เรอื่ ง ปรัมปรานอร์สหรือปรัมปราสแกนดิเนเวียหรือเรื่องปรัมปรา ของชนเจอรแ์ มนกิ เหนอื และยงั เปน็ สว่ นหนงึ่ ของศาสนาเกา่ แกข่ องนอรส์ ซง่ึ ถอื เปน็ ความเชอ่ื แบบพหเุ ทวนยิ ม ถงึ แมภ้ าย หลังชาวสแกนดิเนเวียจะเปล่ียนไปนับถือศาสนาคริสต์แล้ว แต่ก็ยงั คงนบั ถอื ศาสนาเทพนอรส์ สืบเนอื่ งตอ่ มาจนกลายมา เปน็ คติชาวบ้านสแกนดิเนเวยี สมยั ใหม่ ปรมั ปรานอร์สถือวา่ เป็นจุดเร่ิมต้นการเผยแพร่ข้ึนไปเหนือสุดโดยประกอบด้วย นิทานเทวดาและวีรบุรุษต่างๆซึ่งรวมถึงวรรณกรรมของชาว ไอซ์แลนด์ท่ีเขียนข้ึนในสมัยกลาง หลักฐานทางโบราณคดี และประเพณีพ้นื บา้ น” รปู ที่ 4.1. สงคราม rangnarok (“Battle of the Doomed Gods” by Friedrich Wilhelm Heine : 1882) หน้า 25

“ไวกิง้ นบั ถอื ศาสนาอะไร” หน้า 28

“ไวก้ิงนับถือศาสนาอะไร” เทพเจ้าองค์ส�ำ คัญในปรัมปรานอร์ส ต้นก�ำ เนิดจกั รวาลของนอรส์ เมอื่ แรกเรม่ิ จกั รวาล คอื สภาวะหมนุ ควา้ ง มดื และสบั สน เมอื่ กาลเวลาผา่ น เลยไปความสบั สนกค็ ่อยๆแตกแยกออกเป็นสองสว่ น สว่ นหนง่ึ อยู่ทางใต้เรียกวา่ มสั เปลเฮม (Muspelheim) เป็นดินแดนแห่งไฟ แสงสว่างและความร้อน อีกส่วนหน่ึง อย่ทู างเหนือเรยี กวา่ นิฟล์เฮม (Niflheim) เป็นโลกแห่งความมดื หมอกและน้�ำ แขง็ ระหว่างดินแดนทั้งสอง ร้อนและเย็น ก็เกิดห้วงว่างเปล่าข้ึนตรงกลาง เป็นห้วงลึกที่ ไม่สามารถคาดคะเนได้ อุณหภูมิที่ตำ่�มากพอที่จะแช่คนให้กลายเป็นนำ้�แข็งได้ในฉับ พลัน หว้ งลกึ นีถ้ กู ชาวนอรส์ เรียกวา่ กินนนุ กาแก็บ (Ginnungagap “หุบเหวยกั ษ”์ ) ทิศเหนือของกินนันกาแก็บ นิฟล์เฮม (Niflheim) โลกแห่งความมืดมิดนิ รันดร์ ณ ใจกลางท่ีสถิตย์ของนำ้�พุเวอร์เกลเมอร์ (Hvergelmir) เป็นต้นกำ�เนิดของ แม่นำ้�12 สาย แต่เป็นแม่นำ้�พิษ 11 สาย ไหลลงใต้ไปสู่ห้วงกินนุนกาแก็บ และเม่ือ เจอเข้ากับความเย็นที่นั่นน้ำ�ในแม่น้ำ�ก็ค่อยๆแข็งตัวแผ่ขยายกว้างขึ้นเร่ือยๆแทรกตัว เขา้ ไปในห้วงวา่ งจนกลายเปน็ ดนิ แดน ทางใตข้ องกนิ นนั กาแกบ็ คอื มสั เปลเฮม (Muspelheim) ดนิ แดนแหง่ เปลว เพลงิ ซง่ึ มเี ปลวเพลงิ แผดเผาอยตู่ ลอดเวลา และเปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ของเซริ ท์ (Surtr) ยกั ษ์ แหง่ ไฟ ผซู้ ง่ึ เชอื่ กนั วา่ เปน็ สงิ่ มชี วี ติ แรกทถ่ี อื ก�ำ เนดิ ขนึ้ มา มบี ทบาทตงั้ แตก่ ารสรา้ งโลก จนถงึ การท�ำ ลายลา้ งโลกในวาระสดุ ทา้ ย (สงครามแรค็ นารอ็ ก) กลา่ วกนั วา่ หนา้ ทข่ี อง ยักษ์ตนนี้คือเฝ้าดินแดนมัสเปลเฮมเอาไว้ไม่ยอมให้ใครเข้ามาในดินแดน แต่เพราะ ความโดดเดย่ี วไรส้ ง่ิ มชี วี ติ ใด ยกั ษเ์ ซริ ท์ จงึ เกดิ อาการเบอ่ื ไมร่ จู้ ะท�ำ อะไรนอกจากตดี าบ ท�ำ ของประดิษฐ์ และสง่ ประกายไฟลอยเขา้ ไปในกนิ นันกาแก็บตลอดเวลา ความร้อน หนา้ 27

“ไวกิง้ นบั ถอื ศาสนาอะไร” ท่ีมาจากประกายไฟเวลาที่เซิร์ทตี ดาบ นานเข้าก็ทำ�ใหนำ้�แข็งในห้วง กนิ นนั กาแกบ็ เกดิ ละลายกลายเปน็ ไอลอยข้นึ มากระทบกบั อากาศเยน็ จากน้ำ�แข็งกลายเป็นน้ำ�ค้างร่วง ลงมากองอยู่กับพื้นนานนับเดือน นับปี รวมตัวกันจนกลายเป็นสิ่งมี ชีวิตขึ้นมา คือ ยักษ์โยมุนตนแรก อีเมอร์ (Ymir) กับ วัวออดฮัมลา (Audhumla) รปู ที่ 4.1. ยกั ษ์เซริ ท์ (The_giant_with_the_flaming_sword_ by_Dollman : 2019) ก�ำ เนดิ บรรพบรุ ษเทพ-ต้นตระกลู ยกั ษ์ เมือ่ อีเมอร์ ยักโยมนุ หรือยกั ษน์ ้�ำ แขง็ ตัวแรกถือก�ำ เนิด ความหิวกระหายเปน็ ความ รสู้ กึ แรกทเ่ี กดิ ขนึ้ และอาหารเพยี งอยา่ งเดยี วคอื นมของววั ออดฮมั ลา แตก่ บั ววั ออดฮมั ลาทไ่ี มม่ ี อะไรกนิ นอกจากน�้ำ แขง็ ปรากฏวา่ น�้ำ แขง็ ละลายท�ำ ใหเ้ กดิ สงิ่ มชี วี ติ อกี หนง่ึ จากกอ้ นน�ำ้ แขง็ ท่ี มันเลียนนั่ คือ เทพบรู (ี Buri) เม่ือหลดุ พน้ จากพันธนาการนำ้�แข็งแล้วพระเกษาของพระองค์ ทรงงอกขนึ้ มากอ่ นเปน็ อนั ดบั แรก จากนนั้ กเ็ ปน็ เศยี รและวรกายตามล�ำ ดบั เปน็ เพศชายและ เป็นเทพองคน์ ้จี ะนบั เป็นบรรพบุรุษของเทพทั้งหมด หน้า 28

“ไวกง้ิ นบั ถอื ศาสนาอะไร” รูปที่ 4.1. อีเมอรด์ ูดนมววั ออดฮมั ลา (H.A. Guerber’s Myths of the Norsemen: 1909) แน่นนอนว่าการเกิดของเทพบูรี อีเมอร์ก็รับรู้ได้แต่ไม่ได้ให้ความสนใจ สิ่งเดียวท่ีอีเมอร์ให้ความสนใจคือกินนมเพ่ือให้ตนอิ่ม จนตีความกลายมาเป็นความ ตอ้ งการแรกของมนุษยต์ งั้ แต่เกดิ คือความหวิ อเี มอรใ์ ชเ้ วลาไมน่ านนกั กก็ ินนมววั จน อม่ิ แตเ่ พราะอมิ่ มากไป เขาจึงงว่ งแลว้ ลงนอนบนพนื้ น�้ำ แขง็ แล้วหลบั สนิทไป จนเมอ่ื ประกายไฟจากการตีดาบของยักษ์เซิร์ทลอยละล่องมาตกข้างตัวอีเมอร์เร่ือยๆสร้าง ความอบอุ่นทำ�ให้เขาหลับนานขึ้นและเหง่ือออก และเหงื่อน่ันแหละท่ีทำ�ให้เกิดส่ิง มชี วี ิตขน้ึ หน้า 29

“ไวก้ิงนบั ถือศาสนาอะไร” เหง่ือของอีเมอร์ได้ให้กำ�เนิดกลายเป็นยักษ์หกหัวท่ีแสนจะน่าเกลียด ชื่อว่า ธรุดเกลเมอร์ (Thrudgelmir) เป็นบรรบุรุษของยักษ์นำ้�ค้างแข็งตัวอื่นๆต่อไป และก็ นับว่าเป็นศัตรูตลอดกาลของเหล่าทวยเทพ และเหง่ือจากใต้รักแร้ข้างซ้ายกลายเป็น ยกั ษ์ชายและหญงิ คหู่ นึง่ มตี นละหวั แต่กม็ ีความน่าเกลียดพอๆกบั ธรุดเกลเมอร์ขนาด ที่ไมม่ ใี ครอยากจ�ำ ชอื่ ดว้ ย เทพบูรี ต้นกำ�เนิดเผ่าพันธ์เทพ และ ธรดุ เกลเมอร์ บรรพบรุ ษุ ของเหลา่ ยกั ษ์ ทง้ั คไู่ ดใ้ หก้ �ำ เนดิ ทายาทออกมา เบอรเ์ กลเม อร์ (Bergelmir) เกดิ จากยกั ษ์ ธรดุ เกลเมอร์ ดว้ ยการกระโดดออกมาจากร่างของพอ่ ขณะเดียวกันโอรสของบูรีก็ กระโดดออกจากกายของพระองค์มีนาม ว่าบอร์ (Bore) และก็ได้สมรสกับเบสล่า (Bestla) ยักษีลูกสาวตนหน่ึงของอีเมอร์ พวกเขาไดใ้ หก้ �ำ เนดิ เปน็ เทพส�ำ คญั สามองค์ ได้แก่ โอดนิ (Odin) วิล ี(Vili) และ วี (Ve) เทพท้ังสามพระองค์จะทรงเป็นต้นตระกูล วงศข์ องเทพ อเี ซอร์(Aesir) ผูค้ รองสวรรค์ รปู ท่ี 4.2. โอดนิ (Odin) วิล ี(Vili) และ วี (Ve) (https://cdn.shopify.com/s/files/1/1879/3511/files/ odin-ve-vili-fighting-ymir_large.jpg?v=1542079745: 2017) หนา้ 30

“ไวกิ้งนบั ถือศาสนาอะไร” ก�ำ เนดิ แผน่ ดินและโลกตา่ งๆ เบอรเ์ กลเมอร์ ทายาทของธรดุ เกลเมอร์ ไดก้ อ่ ตงั้ อาณาจกั รของเหลา่ ยกั ษ์ ข้ึนมา เรียกว่า โจตันเฮล์ม (Jotunheim) ลูกหลานของพวกเขาได้รับการสั่งสอน ฝังหัวให้เกลยี ดแคน้ เหล่าเทพ แตเ่ หล่าเทพท่ไี ด้กอ่ ต้ังอาณาจกั รของตนข้ึนมา เรยี ก วา่ แอสการด์ (Asgard) น้นั ทรงคิดจะหาทางสรา้ งจกั รวาลให้มกี ารจัดระเบียบใหม่ ดว้ ยการใชป้ ระโยชนจ์ ากรา่ งของอเี มอร์ พวกเทพทรงใชศ้ พอนั มหมึ าของอเี มอรข์ า้ ม เขา้ สหู่ ว้ งวา่ งเปลา่ กนิ นนั กาแกบ็ และสว่ นตา่ งๆจากศพของอเี มอรไ์ ดใ้ หก้ �ำ เนดิ สรรพ สงิ่ ตา่ งๆตามทางไปด้วย เลอื ดของอเี มอรก์ ลายเปน็ มหาสมทุ ร กระดกู เปน็ ภเู ขา ฟนั ทแี่ ตกหกั กลาย เป็นหนา้ ผาต่างๆ ผมกลายเป็นตน้ ไมใ้ บหญา้ หวั กะโหลกโคง้ มโหฬารเหล่าเทพก็น�ำ มาทำ�เป็นโครงสวรรค์ สมองของอีเมอร์กลายเป็นเมฆลอยท่ัวท้องฟ้าและที่สำ�คัญ ที่สุดเนื้อของอีเมอร์กลายเป็นแผ่นดินอันมั่นคงอยู่ตรงกลางมหาสมุทรเรียกกันว่า มดิ การ์ด (Midgard) แผ่นดินทีอ่ ยู่ตรงกลางเป็นผืนแผ่นดินของโลกมนษุ ย์ ดนิ แดน ท่อี ยตู่ รงกลางระหวา่ ง นฟิ ลเ์ ฮม ดนิ แดนแห่งนำ�้ แขง็ ความเย็นและความเงียบนิรัน ดร์ และ มสั เปลสเ์ ฮม อาณาจกั รแหง่ ไฟ แผน่ ดนิ ทถ่ี กู แผดเผาดว้ ยดวงอาทติ ยใ์ นเวลา กลางวนั และถูกมหาสมุทรลอ้ มรอบดว้ ย ชาวนอรส์ นน้ั กม็ นี รกเฉกเชน่ เดยี กนั เรยี กวา่ นฟิ ลเ์ ฮม เปน็ แผน่ ดนิ ของคน ตาย อากาศหนาวเยน็ มาก และมเี พยี งแตแ่ ค่ ยกั ษ์ กบั คนแคระ เทา่ น้ันที่อยูร่ ่วม กบั วญิ ญาณคนตายได้ นรกของชาวนอรส์ เปน็ อาณาจกั รของเทพเี ฮล(Hel) เทพอี งค์ นเ้ี ป็นเทพท่ีส�ำ คัญต่อไปในภายหนา้ หน้า 31

“ไวกิ้งนบั ถอื ศาสนาอะไร” ดนิ แดนท้ัง 9 ดนิ แดนของชาวนอรส์ ถกู จ�ำ แนกออกเปน็ 9 แหง่ หรอื 9 อาณาจกั ร ไดแ้ ก่ ดนิ แดนอยู่ด้านบน ประกอบดว้ ย 3 อาณาจักร 1. ดินแดนเทพแอสการด์ (Asgard) เปน็ ดินแดนของเทพเจา้ ตระกลู เอซรี ์ มีเทพเจ้าสูงสุดคือโอดิน เทพแห่งสงครามต้ังอยู่บนตำ�แหน่งสูงสุดของจักรวาลตาม ความเช่ือของชาวนอร์ส เป็นดินแดนที่ห้อมล้อมไปด้วยก�ำ แพงหินสูงชัน เชื่อมกับ โลกมนษุ ย์ ดว้ ยสะพานรุ้งนำ้�แขง็ เรยี ก ไบฟรอส(Bifrost) สะพานนกี้ อ่ รา่ งข้ึนมาจาก สายรุ้งท่กี ลายเปน็ นำ้�แขง็ รูปที่ 4.3. ดนิ แดนแอสการด์ (https://norse-mythology.org/wp-content/uploads/2012/11/Bifrost1.jpg: 2019) หน้า 32

“ไวกง้ิ นับถอื ศาสนาอะไร” 2. ดนิ แดนเทพวานาไฮลม์ (Vanaheim) Vanaheim = “home of Vanir” เปน็ ดนิ แดนของเทพวานรี ์ (เทพทไี่ มม่ เี ชอื้ สายของโอดนิ อย)ู่ ตงั้ อยใู่ นล�ำ ดบั ชนั้ สงู สดุ ผนื เดยี วกบั ดินแดนเทพแอสการด์ 3. อัลฟ์ไฮล์ม(Alfheim) Alfheim =“elf home”ดนิ แดนของเหลา่ เอลฟ์ แหง่ แสงสวา่ งซงึ่ ถกู สรา้ งขนึ้ มาจากเวทมนตรข์ องเหลา่ เทพ ดนิ แดนนตี้ ง้ั อยบู่ นระดบั สงู สุดระดบั เดยี วกบั ดนิ แดนเทพทง้ั สองดนิ แดน ดินแดนน้ียงั เป็นท่ีประทับของเทพ เฟรย์ ผทู้ มี่ หี นา้ ทปี่ กครองและดแู ลดนิ แดนแหง่ น้ี นอกจากนยี้ งั มดี นิ แดนเอลฟด์ �ำ อกี ดินแดนซง่ึ อยู่คนละระดับขนั้ กนั เรยี กว่า สวาตลั ฟ์ไฮลม์ ดินแดนอยู่ตรงกลาง ประกอบดว้ ย 4 อาณาจกั ร 1. ดนิ แดนมดิ การด์ (Midgard = Middle garden) เปน็ ดนิ แดนทอ่ี ยอู่ าศยั ของเหลา่ มนษุ ย์ เปน็ สถานทที่ เ่ี ทพเจา้ สรา้ งขนึ้ จากเนอ้ื ของอเี มอร์ โดยฝมี อื ของโอดนิ และพี่น้องอีกสองคน เปน็ ดนิ แดนทีอ่ ยใู่ นช่วงกลางของดนิ แดนท้งั 9 ดินแดน 2. โจตนั ไฮลม์ (Jotanheim) ดนิ แดนแหง่ ยกั ษน์ �้ำ แขง็ และยกั ษห์ นิ ถกู แบง่ แยกออกจากแอสการ์ดด้วยน�ำ้ ตกไอวงิ (Iving) ซึ่งเป็นทีท่ ่นี ้ำ�แขง็ ไมม่ ีวันละลาย ดิน แดนนต้ี ง้ั อยูใ่ นแดนหนิ มะ ด้านนอกสดุ ของฝง่ั มหาสมุทรนำ�้ พแุ หง่ ปัญญาของมิมีรก์ ็ อย่ทู ี่โจตันไฮล์ม โจตนั ไฮลม์ ปกครองโดยธรมิ (Thrym) ราชาแหง่ ความหวาดกลวั มี เมืองหลวงซึง่ ปกครองโดยอุตการ์ดโลกิ (Utgard-Loki) สว่ นสถานทอี่ ืน่ ก็มแี กสโทร ปนีร์ (Gastropnir) บ้านของเหล่ายักษี นอกจากนี้ก็ยังมี ธรมไฮล์ม (Trymheim) ภเู ขาทีอ่ าศัยของยกั ษ์ธอี าซี 3. สวาตัลฟ์ไฮล์ม (Svartalfheim) สวาตัลฟ์ไฮล์มจะอยู่ใต้ดิน ดินแดน ของคนแคระและพวกเอลฟด์ ำ� ผทู้ ่เี ติบโตมาจากเนื้อของอีมรี ์ ทั้งหมดน้ีจะอาศยั อยู่ ใตพ้ น้ื โลกและหนิ ผา แมว้ า่ จะมรี ปู รา่ งคลา้ ยกบั มนษุ ย์ แตก่ ม็ หี ลายอยา่ งทแ่ี ปลกออก หนา้ 33

“ไวกงิ้ นบั ถือศาสนาอะไร” ไป แตก่ ็ไม่ได้ต่ำ�จนถึงแดนนรก และหากเอล์ฟและคนแคระเหล่านี้โดนแสงสวา่ งเม่ือไร พวกเขาก็จะกลายรา่ งเป็นหินเม่ือนัน้ 4. นดิ าเวลลีร์ (Nidavellir) - ดินแดนของคนแคระ ดินแดนอยู่ด้านล่าง ประกอบด้วย 2 อาณาจกั ร 1. เฮลไฮม (Helheim) ดินแดนใต้พิภพ อาณาจักรแห่งความตาย (นรก) ปกครองโดยเทวีแห่งความตายนามว่า เฮล เทพธิดาแห่งความตาย เป็นบุตรสาวรูป รา่ งประหลาดของโลกิ อยภู่ ายในของดนิ แดนนฟิ ลไ์ ฮลม์ อยชู่ น้ั ลา่ งสดุ ของจกั รวาลตาม ความเช่ือของชาวนอร์ส “ใครท่ีเข้ามาและไม่สามารถออกจากดินแดนน้ีได้” นี่คือกฎ เหลก็ แหง่ ดนิ แดนนี้ ทนี่ จ่ี ะมแี มน่ �ำ้ ทไ่ี หลไมก่ ลบั เรยี กวา่ จอล (Gjoll) ซงึ่ ไหลมาจากน์ �้ำ พุ เฮอรเ์ กลมีร์ (Hvergellmir) ล้อมรอบดินแดนเฮลไฮลม์ ไม่วา่ จะเทพหรือผู้วเิ ศษเหนอื ใครอย่างไรกไ็ ม่มวี นั ท่ีจะไดก้ ลบั ไปหากผา่ นเขา้ มาดินแดนนี้แลว้ หมาปีศาจคอยเฝ้าอยู่ ทป่ี ากทางเขา้ แดนนรก เหนอื ขน้ึ ไปนนั้ จะมยี กั ษ์ Hraevelg ผกู้ นิ ศพนง่ั มองดอู ยู่ และจะ แปลงตนเป็นอินทรีคอยสรา้ งพายุเหนือดนิ แดนแหง่ นี้ ผูท้ ต่ี ายตามอายขุ ยั หรอื โรคภยั และไมไ่ ดส้ นิ้ ชพี เยยี่ งนกั รบในสนามรบจะตอ้ งมาทเี่ ฮลไฮลม์ ขณะทนี่ กั รบทง้ั หลายยาม สน้ิ ชีวิตจะได้รับการคดั เลือกให้ไปอยู่ที่ วลั ฮัลลา โถงแห่งนักรบสวรรค์ มกี าร์ม (Gram) และมอร์กุด 2. นฟิ เฟลไฮลม์ (Niflheim) – โลกแหง่ ความตาย นฟิ ลไ์ ฮลม์ หมายถงึ ดนิ แดน แห่งหมอกและอาถรรพ์ร้าย ณ ระดับล่างสุดของจักรวาลตามความเช่ือของชาวนอร์ส เปน็ อาณาจกั รแหง่ ความตาย เฮลไฮลม์ กถ็ อื วา่ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของดนิ แดนนี้ นฟิ ลเ์ ฮลเปน็ ดนิ แดนท่ีอยู่ลกึ ลงมาใตบ้ าดาล อยู่ระดบั ช้ันทีส่ ามภายใต้รากของตน้ อิกดราซลิ ม์นี ้ำ�พุ แหง่ เฮอรเ์ กลมรี ท์ ตี่ ง้ั อยใู่ นนสั โทรนด์ (Nastrond) มมี งั กรรา้ ย นดิ ฮอก (Nidhogg) คอย กดั กนิ รากของตน้ อกิ ดราซิลอยู่ ***Muspelheim, โลกแห่งไฟแหง่ ดึกดำ�บรรพเ์ ป็นท่อี ยอู่ าศัยของพวกยกั ษไ์ ฟ*** หนา้ 34

“ไวกิ้งนบั ถอื ศาสนาอะไร” หน้า 33

“ไวกิ้งนบั ถอื ศาสนาอะไร” หน้า 34

“ไวกงิ้ นับถือศาสนาอะไร” ต้นอกิ กราซลิ ใจกลางแดนสวรรค์มีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่งเรียกกันว่า ต้นอิกกราซิล (Igrasil หรือ Yggrasil) แบกรับดนิ แดนทั้งเกา้ เอาไว้ ไมว่ ่าจะเป็นสวรรค์ โลกมนษุ ย์ โลกยักษ์ โลกคนแคระ โลกเอลฟ์ ไวก้ ับกิ่งก้านสาขา และรากของมัน โลกมนุษย์อยภู่ ายใตร้ ม่ เงากงิ่ กา้ นสาขา ยอดไมร้ ะเมฆบนทอ้ งฟา้ ความแขง็ แกรง่ ของไมท้ �ำ ใหโ้ ลกทงั้ หมดตงั้ อยู่อยา่ งมนั่ คง อิกกราซิล มีรากใหญ่ 3 รากหย่ังลึกลงไป รากหน่ึงไปถึงโจตันเฮล์มแผ่น ดนิ ของยกั ษ์ รากหนง่ึ ไปถึงนิลฟ์ เฮมแผน่ ดินน้ำ�แข็ง และรากอันหน่ึงไปถึงแอสการด์ แผ่นดินของชาวสวรรค์ รากท้ังสามทำ�ให้อิกกราซิลสัมพันธ์กับโลกทั้งสาม คือยักษ์ เทพ และมนษุ ย์ และได้ดูดเอานำ้�จากบอ่ น้�ำ ศักดส์ิ ทิ ธ์ิแตล่ ะแหง่ ไว้หล่อเลีย้ งต้น รากท่ีอยู่กับ แอสการ์ด ไปโผล่ข้ึนบริเวณนำ้�พุเอิด นำ้�พุแห่งเยาวภาพ (Fountain of Youth) เปน็ น�ำ้ พทุ ชี่ าวสวรรคใ์ ชด้ มื่ กนิ เพอื่ ใหม้ คี วามเยาวว์ ยั อยเู่ สมอ เทพที คี่ อยรกั ษาแหลง่ น�ำ้ และทรงมหี นา้ ทต่ี กั น�ำ้ ใหช้ าวสวรรคว์ นั ละครง้ั คอื พวกนอรน์ (the Norns) สามพนี่ อ้ งนามวา่ เอดิ (Urd อดตี ) เวอรด์ านด(ิ Verdandi ปจั จบุ นั ) และ สกลั ด(์ Skuld อนาคต) จะเรยี กรวมกนั วา่ เปน็ เทพแี หง่ ชะตามนษุ ยก์ ไ็ มผ่ ดิ ดว้ ยเหตนุ ี้ อิกดราซิลจงึ มชี ือ่ อกี ชอื่ หนึง่ ว่า ตน้ ไมแ้ หง่ ชะตาลิขติ (tree of destiny) ด้วย รากต่อมาหย่ังรากลงไปถึงนิฟล์เฮมแผ่นดินแห่งนำ้�แข็งได้นำ้�จากน้ำ�พุ ฮเวอร์เกลเมอร(์ Hvergelmir) ซึ่งมีน้�ำ ตกหล่ันเปน็ ชั้น แผ่สาขาออกไปเปน็ แม่นำ�้ สาย ใหญๆ่ ของโลก สว่ นรากทสี่ าม แผไ่ ปถงึ แผน่ ดนิ ของพวกยกั ษ์ ไดน้ �ำ้ จากน�ำ้ พไุ มเมอร(์ Mimir) เป็นน้�ำ วิเศษแหง่ ความรอบรู้ พวกยกั ษจ์ งึ ต้องจัดเปลี่ยนเวรยามเฝ้าไม่ยอมใหใ้ ครตกั ดมื่ ได้โดยงา่ ย อิกกราซลิ มีความชมุ่ ชนื้ ตลอดทงั้ ปแี ละตลอดไป แม้ว่าใบของมันจะกลาย เปน็ อาหารของสตั วต์ า่ งๆ บนตน้ ยงั มสี ตั วอ์ กี หลายชนดิ อาศยั อยู่ เชน่ บนยอดไมส้ งู สดุ หนา้ 37

“ไวกง้ิ นับถือศาสนาอะไร” มีไก่ตัวผู้สีทองตัวหน่ึงคอยตรวจตราขอบฟ้า มีหน้าท่ีขันเตือนเทพหากศัตรูตลอดกาล พวกยกั ษเ์ ตรยี มยาตราทพั มา นกอนิ ทรอี กี ตวั หนง่ึ จะคอยเกาะกง่ิ ไมม้ องส�ำ รวจเชน่ เดยี ว กับไก่ นกตวั น้มี ผี ู้ช่วยกค็ อื นกเหยย่ี วซง่ึ เกาะอย่รู ะหว่างตาของมนั ตรงรากไม้มี พญางู นิดฮอก(Nidhoggr) ขดล้อมอยู่ มีกระรอกชือ่ ราตาโทสค(์ Ratatosk) คอยตรวจตราไม่ ให้พญางูกดั กินรากต้นไม้มากเกนิ ไปยามทีเ่ บื่อจะแทะศพมนษุ ย์แล้ว สรปุ แลว้ ตน้ อกิ ดราซลิ เปน็ ตน้ ไมส้ ารพดั ประโยชน์ เคยมคี รง้ั หนง่ึ ทเ่ี ทพโอดนิ ทรงแขวนคออยู่บนต้นไมน้ านถงึ 9 คืน เพอื่ ล่วงรคู้ วามลับแห่งความตายและน�ำ มาซึง่ การสร้างอักษรรูน เล่ากันว่าเทพโอดินก็ได้ทรงตายไปแต่เนื่องด้วยได้ดื่มนำ้�พุไมเมอร์ แล้ว ทำ�ให้ฟืน้ คืนชพี ได้ รปู ท่ี 4.5. Ratatosk (https://en.wikipedia.org/wiki/Ratatoskr : 2019) หน้า 38

“ไวกง้ิ นบั ถือศาสนาอะไร” รปู ที่ 4.6. Níðhöggr (https://mythology.wikia.org/ wiki/N%C3%AD%C3%B0h%C3%B6ggr : 2019) รปู ท่ี 4.7. Odin sacrificing himself upon Yggdrasil ( by Lorenz Frølich: 1895) หน้า 39


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook