‘If we study Japanese art, then we see a man, undoubtedly wise and a philosopher and intelligent, who spends his time - on what? - study- ing the distance from the earth to the moon?.... No, he studies a single blade of grass. But this blade of grass leads him to draw all the plants – then the seasons, the broad features of the landscape, finally ani- mals, and then the human figure. He spends his life like that, and life is too short to do everything. Just think of that; isn’t it almost a new reli- gion that these Japanese teach us, who are so simple and live in nature as if they themselves were flowers?’ — Vincent van Gogh writing to Theo, September 1888.
James Tissot,Young Women Looking at Japanese Objects (1869), Private Collection
คำ�นำ� ญป่ี ุน่ ประเทศแหง่ อารยธรรมและศิลปะทีม่ กี ล่นิ อายแหง่ วัฒนธรรมอันน่าหลงใหล ซึง่ ดำ�เนนิ มาอยา่ งยาวนาน ความเป็นญีป่ ่นุ ในปจั จบุ นั ถกู นิยมโดยคนหมมู่ าก ซึง่ สิง่ ท่ผี ู้คนหลงใหลน้ัน สว่ น ใหญ่คอื วัฒนธรรม ซึง่ หมายถึงวิถกี ารใชช้ ีวติ เชน่ การกนิ อาหาร การชงชา ภาษา ความเปน็ ระเบยี บ และสิง่ หน่งึ ท่ีผูค้ นนิยมกันมากกค็ ือ ศิลปะแบบญี่ปนุ่ เช่น การแต่งกาย การจดั ดอกไม้ การจัดสวน งานเซรามิค สถาปตั ยกรรม และงานจติ รกรรม ความนิยมในญปี่ ุน่ นั้นไมไ่ ดเ้ พงิ่ เกิดขึน้ มา แต่ด�ำ เนนิ มาใกล้จะ 200 ปแี ลว้ ซึ่งเป็น ทน่ี ิยมมากในช่วงปลายครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19 โดยชาวตะวันตก ความแปลกใหมท่ ี่ปรากฏแตก ตา่ งจากศิลปะท่มี อี ยูโ่ ดยสน้ิ เชิงไม่วา่ จะเป็นลายเส้นหรอื การลงสี ท�ำ ให้เกดิ Japonisme หรอื คตินิยมศิลปะญ่ีป่นุ ขึ้น ประวัติศาสตร์ความนิยมศิลปะญ่ีปุ่นนี้ก็ได้ส่งผลกับศิลปินชาวตะวันตกลัทธิประทับ ใจ (Impressionism) และลัทธิอื่นๆ ใกล้เคียง ซ่งึ หนังสอื เล่มน้ีจะรวบรวมความเป็นมาของ Japonisme ความงดงามของศิลปะญีป่ ุ่น ศิลปนิ ญ่ปี นุ่ ผู้ซึ่งสร้างภาพทม่ี ีผลต่อการวาดรูปของ ศลิ ปนิ ชาวตะวันตก และความนิยมอนื่ ๆ ท่ีนกั สะสมศิลปะชน่ื ชอบ หวงั วา่ หนังสือเล่มน้ีจะให้ความรู้แกผ่ ูอ้ า่ น นางสาว ชนิกานต์ วงค์พทุ ธคำ� -3-
สารบัญ คำ�น�ำ ..................................................... 3 สารบัญ.................................................. 5 ความหมายและทมี่ า............................... 7 ประวตั .ิ ................................................. 10 ลักษณะวจิ ติ รศลิ ป์................................ 12 ภาพพมิ พ์แกะไมใ้ นประเทศญีป่ ุ่น.......... 14 ภาพอกุ ิโยะ........................................... 20 เครื่องกระเบ้อื ง..................................... 24 แฟชน่ั ................................................... 26 สถาปตั ยกรรม...................................... 28 ศลิ ปินญป่ี นุ่ .......................................... 31 คัตสชึ ิกะ โฮกุไซ อตุ างาวะ ฮิโรชเิ งะ อุตางาวะ คนุ ิโยชิ โทชไู ซ ชารากุ ศลิ ปนิ ชาวตะวันตก............................... 45 วินเซนต์ แวน โกะ๊ โกลด มอแน ออ็ งรี เดอ ตูลซู -โลแทร็ก กุสตาฟ คลิมต์ จาโกโม ปชุ ชนี ี บรรณาณกุ รม........................................ 64 -5-
Guy Rose, The Green Parasol c.1911. Oil on canvas. 31 x 19 in Private collection
ความหมายของคำ�ว่า JAPONISME “ Japonisme (อ่านวา่ เจ-ปอน-นิ-สึ-เมะ) หรือ Japonism (อา่ นวา่ เจ-ปอน-น-ิ ซึม) แปลวา่ คตนิ ยิ มศิลปะญป่ี ุ่น หรอื ลทั ธินิยมความเป็นญีป่ นุ่ ซึ่งหมายถงึ ศิลปะตะวันตกทีไ่ ดร้ ับอิทธิพลจากศิลปะของญ่ปี ุ่น ทงั้ การวาดภาพ ดนตรี การแตง่ กาย และอืน่ ๆ ” -7-
Taiso Yoshitoshi, Commodore matthew perry arrives in Japan c.1854. Woodblock Print. 21.9 x 14.5 in
ที่มาของคำ�ว่า JAPONISME “ คำ�วา่ Japonisme เปน็ คำ�ภาษาฝรง่ั เศส ถกู ใช้ครั้งแรกโดย นักเขียน นกั สะสมและนักวิจารณศ์ ลิ ปะ ชอ่ื ว่า ฟิลิปป์ เบอรต์ ้ี (Philippe Burty) ในหนังสอื L’Art Français en 1872 (ศิลปะฝร่ังเศสของปี ค.ศ. 1872) เพือ่ ประกาศเกียรติคณุ และเรียกชานสาขาศลิ ปะใหมข่ องชาวตะวนั ตก ท่รี ูปแบบความงามนน้ั ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะศลิ ปะของญ่ปี นุ่ ” โดยผลงานเหล่านีจ้ ะถูกเรียกว่า “Japonesque” แปลวา่ แบบญป่ี นุ่ -9-
ประวัติ Utagawa Hiroshige, Nakanocho in the Yoshiwara, c.1862. Colour woodblock. 21.6 × 34.2 cm. National Gallery of Victoria, Melbourne Japonisme หรือ คตินิยมศลิ ปะญี่ปนุ่ คอื ความนิยมของชาวยโุ รปที่เกดิ ข้นึ อยา่ งแพรห่ ลายในชว่ งปลายครสิ ต์ศตวรรษท่ี 19 โดยเร่ิมต้นข้ึนอย่างเป็นทางการในปี 1854 ตรงกบั สมยั เอโดะของญ่ีปนุ่ (สมัยฟ้ืนฟรู าชวงศ์เมจ)ิ เม่ือโชกนุ โทกงุ าวะ อิเอซาดะ (โชกุนคนที่ 13) ตัดสินใจเปดิ ทา่ เรอื การคา้ ระหวา่ งญีป่ ุ่นกบั นานาประเทศโดยเฉพาะชาติ ตะวนั ตก การที่ญ่ีป่นุ เปดิ ประเทศท�ำ ใหไ้ ด้รบั เทคโนโลยีใหม่ๆ จากตะวนั ตก รวมทงั้ การ ถ่ายภาพและเทคนคิ การพิมพ์ ในขณะเดยี วกนั วัฒนธรรมญ่ีปนุ่ ก็ได้แพรก่ ระจายไปสูช่ าติ ตะวันตก สิง่ ทน่ี ักสะสมผลงานศิลปะนยิ มก็คือภาพพมิ พแ์ กะไม้ งานเซรามิค ผ้าทอ และ งานสัมรดิ กลายเปน็ ที่นิยมมากในประเทศฝร่ังเศสและสหรัฐอเมรกิ า ซ่งึ การหลัง่ ไหลของวัฒนธรรมญปี่ นุ่ กไ็ ดท้ ำ�ใหเ้ หลา่ ศลิ ปนิ ได้เกิดความหลงใหล ในช่วงนัน้ เป็นยุคของศลิ ปะลัทธิ Impressionism เราจะได้เหน็ ไดจ้ ากอทิ ธิพลของศิลปะ ญปี่ ุน่ ทอ่ี ยู่ในผลงาน อย่างเชน่ งานของ Van Gogh, Claude Monet, Édouard Manet - 10 -
“ It is general the unexplored that attracts us...” - มนั เปน็ เรือ่ งสามัญทส่ี ิง่ ไมเ่ คยค้นพบมากอ่ นดึงดูดเรา - Lady Murasaki, The tale of Genji, turn of the elevent century ที่ศลิ ปะญ่ีปุ่นนั้นเปน็ ท่ีนยิ มเน่อื งจากการเปดิ ประเทศของญ่ีป่นุ ทำ�ใหญ้ ปี่ ุ่นรถู้ งึ วทิ ยาการตา่ งๆ ซ่ึงแน่นอนวา่ ญป่ี ุน่ เป็นประเทศทพ่ี ยายามพัฒนาประเทศอยตู่ ลอด และ ในชว่ งนน้ั ญป่ี ุน่ ไดพ้ ยายามปรบั ประเทศให้ทนั สมยั มากขึน้ โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรม ทวา่ ส่ิงทผี่ ้คู นชาวตะวนั ตกชน่ื ชอบคอื ความดง้ั เดมิ ของญปี่ นุ่ ก่อนทจี่ ะพัฒนาไปไกลกวา่ น้ี ในปลายปี 1860 ประเทศญ่ปี ุ่นจงึ มีชาวต่าง ประเทศจำ�นวนมากเข้ามาทอ่ งเท่ียวและทำ�งาน ในบรรดาผู้ทีเ่ ดนิ ทางไปญ่ีปุ่นก็ได้แก่ นัก วพิ ากษ์ศลิ ปะ นักเศรษฐศาสตร์ นกั สะสม และมผี ทู้ เี่ ข้าไปเพ่อื ทำ�งานดา้ นอตุ สาหกรรม และไดม้ จี ดั นทิ รรศการการคา้ ที่ปารสี เกิดขน้ึ ในนทิ รรศการการค้า ชาวยโุ รปไดเ้ ปน็ เจ้าของกจิ การงานปร้นิ ท์ญ่ปี ุ่นรายเเรก ซ่งึ เป็นทน่ี า่ ต่ืนตาตนื่ ใจ โดยเฉพาะงานปร้ินทภ์ าพอกุ โิ ยะและงานภาพพมิ พแ์ กะไม้ ท�ำ ให้ นกั สะสมสนใจเปน็ อยา่ งมาก ราวกับญ่ปี นุ่ คือโลกลึกลับที่พวกเขาไม่เคยร้จู กั มากอ่ น นอกจากน้กี ย็ งั มผี ลงานศิลปะญป่ี ุน่ อน่ื ๆ ดว้ ย เชน่ ผา้ ทอญี่ปุ่น เคร่อื งชามญปี่ ่นุ หรือ สนิ คา้ เคร่ืองใช้ของญ่ีปนุ่ ทำ�ให้งานศิลปะญี่ปนุ่ มคี ณุ ค่าและมีมูลค่า The international Exhibition : The Japanese Court Engraving from the Illustrated London News, 1862 - 11 -
ลักษณะวิจิตรศิลป์ โดยชาวญปี่ ุ่น เดิมทผี ลงานศลิ ปะของชาวญี่ปุ่นนัน้ ไดร้ บั อิทธิพลมาจากประเทศจนี ซึ่งเรยี กว่าเปน็ วัฒนธรรมแสงจันทร์ (Moonshine Culture) เพราะดวงจนั ทร์ ไม่มีแสงเปน็ ของตัวเอง แต่ตอ่ มาพัฒนาเอกลักษณ์ซ่งึ ไดร้ ับอทิ ธพิ ลมาจากพทุ ธ ศาสนานิกายเซนที่ศรัทธาในความเรียบง่ายและกลมกลนื กบั ธรรมชาติ ศิลปะญ่ีปุ่นในวิจิตรศิลป์ จะดูคล้ายกับเป็นภาพแบน ละการใช้ ทัศนมิติและเงา การใช้สีจัดในบริเวณ ภาพท่ีราบ เสรีภาพในการจัดองค์ ประกอบในการวางหัวเร่ืองของภาพ จากศูนย์กลางของภาพ ท่ีส่วนใหญ่ อยู่ในมุมทแยงด้านตํ่าจากฉากหลัง มีการใช้เส้นโค้ง เส้นคล่ืน มีการใช้ Perspective เพอ่ื สรา้ งภาพลวงตาของ อวกาศสามมิติ โดยผลงานเชิงจติ รกรรมที่ เดน่ จะมีอยู่ 2 อยา่ งคอื ภาพอุกิโยะ และ ภาพพมิ พ์แกะไม้ Utagawa Hiroshige, Wusteria Blooms Over water at Kameido form One Hundred Views of Edo, c.1857. Colour woodblock. 35.3x24cm. - 12 -
ลกั ษณะวิจติ รศลิ ปญ์ ี่ปุ่นทม่ี อี ิทธิพลต่อศลิ ปนิ ตะวันตก Marianne North, Distant View of Mount Fujiya- ma, Japan, and Wistaria, c.1876. Oil on board. 29.4 x 63.1 cm Marianne North Gallery แม้ว่าจะนิยมศิลปะแบบญ่ีปุ่นแต่ส่วนใหญ่แล้วตัวศิลปินตะวันตกก็ไม่เคยไปเหยียบ ประเทศญป่ี นุ่ แตค่ วามหลง่ั ไหลของศลิ ปะญป่ี นุ่ ทเ่ี ขา้ มาผา่ นการคา้ กท็ �ำใหศ้ ลิ ปนิ หยบิ เอาความ สวยงามนั้นเข้ามาประยุกต์เข้ากับงานของตัวเอง โดยลัทธิศิลปินท่ีรับอิทธิพลไปน้ันได้แก่ Impressionism, Art Noveau และ Cubicsm ลักษณะของศลิ ปะญปี่ ุ่นทม่ี อี ิทธิพลตอ่ ศิลปินตะวันตก ก็ได้แกค่ วามไมส่ มมาตร การ จดั วางองคป์ ระกอบของหวั ใจของภาพจะไมอ่ ยทู่ ศ่ี นู ยก์ ลาง (off center) และการไมใ่ ชท้ ศั นมติ ิ การใช้แสงที่ไม่มีเงา และการใช้สีท่ีสดใส ลักษณะที่ว่านี้ตรงกันข้ามกับศิลปะโรมัน-กรีกท่ีนิยม กนั ในบรรดาศลิ ปนิ ในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19 ผเู้ ชอื่ วา่ ตนเองสามารถปลดปลอ่ ยศลิ ปะใหเ้ ปน็ อสิ ระ จากศิลปะสถาบัน นิยมวาดวิวทิวทัศน์ มีการใช้เส้นโค้ง พื้นผิวท่ีเป็นลาย และความตัดกันของช่องว่าง และความราบของภาพกม็ อี ทิ ธพิ ลตอ่ Art Novea เสน้ และลายเหลา่ นก้ี ลายมาเปน็ เสน้ และลาย ของงานกราฟกิ ทพ่ี บในงานของศลิ ปินทว่ั โลก ลกั ษณะรปู ทรง ราบ และสีกลายมาเป็นส่งิ ทต่ี อ่ มาเป็นศิลปะนามธรรมของศิลปะสมัยใหม่ ลกั ษณะของศลิ ปะญปี่ นุ่ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ ศลิ ปะประยกุ ตท์ รี่ วมทงั้ เครอื่ งเรอื น ผา้ ทอ เครอ่ื ง ประดบั และการออกแบบกราฟกิ -13-
ภาพพิมพ์แกะไม้ในประเทศญี่ปุ่น Woodblock printing in Japan 木版画 ( Moku hanga )
เทคนิคภาพพิมพแ์ กะไม้ในประเทศญ่ีปุ่นเป็น วธิ ีการสร้างงานศิลปะ ท่ีเรียกว่า “ภาพอุกโิ ยะ“ การพมิ พแ์ กะไมเ้ ปน็ สงิ่ ทปี่ ระเทศจนี ท�ำ มากอ่ น หลายร้อยปสี �ำ หรับใชพ้ มิ พห์ นังสอืิ แต่ญีป่ ุ่นประสบความ สำ�เร็จในการนำ�เอามาสร้างในเชิงพาณิชย์ ซ่ึงงานพิมพ์ แกะไม้ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นถูกพบว่าอยู่ในช่วงปีคริสต์ ศตวรรษท่ี 8 ในปี ค.ศ. 764 จักรพรรดนิ ีโชโตกุ (Sho- toku) จา้ งใหท้ �ำ เจดยี เ์ ลก็ ๆ หนงึ่ ลา้ นองค์ (Hyakumanto Darani) แตล่ ะองค์ก็จะบรรจมุ ว้ นกระดาษเล็กท่ีมีค�ำ สวด มนต์ (กว้างยาวประมาณ 6 x 45 ซม.) และทรงแจกจา่ ย ไปยงั วดั วาอารามทว่ั ประเทศเพอื่ เปน็ การฉลองการปราบ A Hyakumanto pagoda with associated printed dharani กบฏเอมิ (Fujiwara no Nakamaro) เมือ่ มาถึงในปคี รสิ ตศตวรรษ 11 ญปี่ ่นุ ก็ไดม้ ีการพมิ พห์ นังสอื พุทธศาสนาและภาพของ ตนเอง แตใ่ นช่วงนน้ั การพิมพย์ ังไม่มตี ลาด ทั้งการพมิ พ์ยังมรี าคาสงู และผูค้ นไม่รหู้ นงั สือ ตอ่ มา ในปีค.ศ. 1590 ญปี่ ุ่นกไ็ ด้สรา้ งหนังสือพิมพ์แกะไม้ทไ่ี มเ่ กยี่ วกับศาสนาขึน้ คร้งั แรกคอื Setsuyou Shuu ซึง่ เป็นพจนานุกรมจนี ญ่ีปนุ่ 2 เลม่ 4 ปีต่อมาในสมยั โชกนุ โทกุงาวะ อิเอยาซุ (ยุคเอโดะ) กไ็ ดส้ ร้างแท่นพมิ พญ์ ป่ี ุ่นข้ึนเปน็ ครัง้ แรก ประกอบด้วยแมแ่ บบตวั อักษร 100,000 ชิน้ ใช้ส�ำ หรับพิมพ์หนังสอื ทางการเมืองและ ประวัตศิ าสตร์ และไดส้ นบั สนนุ ให้ป่ ระชาชนในเมอื งโตเกยี วมีการศกึ ษา แต่การพมิ พโ์ ดยใช้แท่น พิมพถ์ ูกน�ำ โดยเอกชนมิใช่รฐั บาล นอกจากน้ี โทโยโตมิ ฮิเดโยริ ผู้เป็นปรปกั ษ์ต่อโชกุนโทกงุ าวะ อิ เอยาซกุ เ็ ป็นอกี ผู้หน่งึ ทมี่ บี ทบาทในการพัฒนาและเผยแพร่การพิมพ์ในญ่ีปุ่นด้วย ตอ่ มาในปี ค.ศ. 1598 หนังสอื ขงจือ๊ Analects ก็ถกู พมิ พ์ข้นึ โดยใชแ้ ท่นพมิ พเ์ กาหลี ตามพระบรมราชโองการของจกั รพรรดิโกะ-โยเซย์ (Emperor Go-Youzei) ซ่งึ เป็นหนงั สอื ฉบบั ท่ี เกา่ ที่สดุ ในญป่ี นุ่ ที่พิมพด์ ว้ ยแทน่ พมิ พ์ แม้วา่ การใช้แท่นพิมพจ์ ะดวู ่ามคี วามสะดวก แตพ่ มิ พ์อกั ษร ญ่ปี ่นุ ทล่ี ักษณะเป็นแบบ “Semi-cursive script” พมิ พ์ได้ดกี ว่าเมอ่ื ใช้การพิมพโ์ ดยวธิ ีแกะไม้ ฉะน้ันการพิมพ์จึงหันกลับไปเปน็ การใชก้ ารพิมพด์ ้วยพมิ พ์แกะไม้ และเมอ่ื มาถงึ ค.ศ. 1640 การ พิมพ์ด้วยวิธีนี้กใ็ ช้สำ�หรับการพิมพ์แทบจะทุกสงิ่ ทกุ อยา่ ง - 15 -
หลงั จากนั้นการพมิ พแ์ กะไมก้ น็ ยิ มกนั อยา่ งแพรห่ ลายในบรรดาศิลปนิ ถกู น�ำ ไปใชใ้ นการ พมิ พ์หนังสอื และการพมิ พง์ านศิลปะทีม่ ีขนาดเลก็ และราคาถูก ผู้ริเร่ิมและผู้นำ�ในการสร้างหนังสือศิลปะด้วยวิธีนี้ที่นำ� THE ISE STORIES: ISE MONOGATARI ไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตสำ�หรับสาธารณชนและมีสำ�นักพิมพ์ ท่ซี ากะคอื โฮนามิ โคเอ็ตสึ (Honami Kouetsu) และ ซมุ โิ นกุระ โซอัง (Suminokura Soan) ทงั้ สองคนสรา้ งพมิ พไ์ ม้สำ�หรบั งาน คลาสสิกของญปี่ นุ่ ทรี่ วมทง้ั เนอื้ หาและภาพประกอบ ซ่งึ เป็นการ เปล่ียนจาก “ม้วนหนงั สอื ” (Emakimono) มาเปน็ หนงั สือ ใน ปจั จบุ ันหนังสือเหลา่ นเ้ี รยี กวา่ หนังสอื โคเอ็ตสึ หนงั สือซุมิโนกรุ ะ หรอื หนังสอื ซากะ ซง่ึ ถอื กันว่าเปน็ สงิ่ พมิ พจ์ ากงานคลาสสกิ แรก ท่ีมฝี ีมอื และคณุ ภาพดีท่สี ดุ โดยเฉพาะท่มี ชี อ่ื เสยี งท่สี ดุ คอื หนังสือ ทีม่ ชี ือ่ ว่า “ตำ�นานอเิ ซะ” (Ise monogatari) ซ่งึ พิมพ์ในปคี .ศ. 1608 วธิ กี ารพมิ พแ์ กะไมแ้ มจ้ ะยงุ่ ยากและมรี าคาสงู แตก่ ม็ ปี ระสทิ ธภิ าพมากกวา่ วธิ กี อ่ นหนา้ นท้ี ี่ แตล่ ะเลม่ คดั ลอกดว้ ยมอื ขณะทห่ี นงั สอื ซากะเปน็ หนงั สอื ทพี่ มิ พบ์ นกระดาษเฉพาะมคี วามประณตี ดงึ จดุ เดน่ ขององคป์ ระกอบออกมาได้ แตส่ �ำ นกั พมิ พอ์ น่ื ในเกยี วโตหนั ไปหาวธิ ที จ่ี ะพมิ พใ์ หม้ รี าคาถกู และขายได้ในวงกว้างขน้ึ เนอื้ หาของหนงั สือก็แตกตา่ งกันออกไปมาก มีท้ังหนังสือทอ่ งเท่ยี ว ตำ�รา แนะนำ� นวนิยายเชงิ ล้อเลยี น (kibyoushi) วฒั นธรรมคนเมอื ง (sharebon) หนังสอื ศลิ ปะ และบท ละครสำ�หรบั การเลน่ หุน่ โจรรู ิ (joururi) ต่อมาสำ�นักพิมพ์ต่าง ๆ ได้รับการก่อตั้งขึ้นมาและขยายตัวกันอย่างรวดเร็วท่ีพิมพ์ท้ัง หนังสือและใบปลิว สำ�นักพิมพ์ที่มีชื่อเสียงท่ีสุดสำ�นักพิมพ์หนึ่งคือ สำ�นักพิมพ์สึตายะ จูซาบูโร (Tsutaya Juuzaburou) ส�ำ นกั พมิ พจ์ ะเปน็ เจา้ ของแมพ่ มิ พท์ แ่ี กะขน้ึ ซง่ึ คลา้ ยกบั การมลี ขิ สทิ ธใิ์ นสมยั ปจั จบุ นั ส�ำ นกั พมิ พ์หรอื เอกชนสามารถซ้ือแมพ่ มิ พจ์ ากกนั และกันได้ เมื่อซื้อแล้วก็จะเป็นผมู้ สี ิทธิในการพมิ พ์ด้วย แม่พิมพท์ ีซ่ อ้ื มา เมอื่ เวลาเปลย่ี นการพมิ พแ์ กะและภาพอกุ โิ ยะไมเ้ รมิ่ ลดความนยิ มลงเนอื่ งจากมวี ธิ กี ารพมิ พ์ แบบอื่นที่ทันสมยั กว่ากว่าเข้ามา - 16 -
วิธีการพมิ พ์ วธิ กี ารพมิ พเ์ นอื้ ความ และ ภาพจะคลา้ ยคลงึ กนั คอื มกี ารท�ำ บลอ็ กพมิ พซ์ ง่ึ ตอ้ งสรา้ งแบบ สลบั ดา้ นซา้ ยขวาเพอ่ื ใหง้ านพมิ พอ์ อกมาไมก่ ลบั ดา้ น แตล่ ะชนิ้ งานมจี �ำ นวนครง้ั ในการกดพมิ พแ์ ตก ตา่ งกันตามจำ�นวนสที ่ีใช้ หากเป็นตัวอกั ษรหรือภาพประกอบเล็กนอ้ ยส่วนใหญ่จะใช้สดี �ำ สีเอกรงค์ หรือเพียงสองสามสี แตถ่ ้าหากเป็นภาพงานศิลปะจะสรา้ งบลอ็ กพมิ พ์ฃหลายชนิ้ 1 ชน้ิ ส�ำ หรับ 1 สี แมพ่ มิ พ์ 1 บลอ็ กพมิ พใ์ ชไ้ ดห้ ลายครง้ั แตเ่ พอ่ื สรา้ งงานคณุ ภาพศลิ ปนิ จะสรา้ งงานจ�ำ นวนจ�ำ กดั เทา่ นนั้ การพิมพจ์ ะเริม่ ด้วยการวาดตวั หนังสอื หรอื ภาพบน “กระดาษวาช”ิ (washi) และปดิ บน แผน่ ไม้ที่โดยสว่ นมากคอื ไมเ้ ชอร์ร่ี จากน้ันก็จะท�ำ การแกะไม้ตามรอยที่วาดไว้ในรูป หลงั จากน้ันใช้ “บาเร็ง” (Baren) กดกระดาษให้ติดกับพิมพ์ท่ีทาหมึกเพ่ือให้ลวดลายหรือตัวหนังสือปรากฏบน กระดาษ ในช่วงแรกการกดพิมพ์ทำ�ด้วยมือแต่ต่อมาได้มีการประดิษฐ์เครื่องมือท่ีใช้ในตรึงแม่แบบ ไว้ใหแ้ นน่ ก่อนทจี่ ะกดพมิ พ์ลงไป ซึง่ ทำ�ให้การพมิ พห์ ลายสที ำ�ได้ง่ายขน้ึ และตรงจุดมากทีส่ ุด วิธีการทำ�แม่พมิ พ์แกะไม้ - 17 -
วิวัฒนาการของการพมิ พแ์ กะไม้ญปี่ ุ่น เนอื้ หาสว่ นใหญข่ องหนงั สอื มกั จะเปน็ สเี ดยี วหรอื ใชส้ นี อ้ ย แตค่ วามนยิ มภาพอกุ โิ ยะทเ่ี พมิ่ มากขน้ึ ท�ำ ใหค้ วามตอ้ งการของจ�ำ นวนสที ใี่ ชใ้ นการพมิ พก์ ม็ ากและซบั ซอ้ นตามขนึ้ ไปดว้ ย ววิ ฒั นาการ ของการพิมพแ์ บง่ ได้เปน็ ช่วง ๆ ดงั น้ี • ภาพพิมพ์หมึก (墨摺り絵 Sumizuri-e) - ภาพพิมพ์ท่ีใชแ้ ตห่ มึกด�ำ • ภาพพมิ พส์ แี ดง (紅摺り絵 Benizuri-e) - ภาพพมิ พท์ ม่ี รี ายละเอยี ดเปน็ หมกึ สแี ดง หรอื เนน้ ดว้ ยหมกึ สแี ดงหลงั จากท่พี ิมพ์เสร็จแลว้ หรือบางครัง้ ก็จะใชส้ เี ขียวด้วย • ภาพพิมพเ์ น้นสีสม้ (丹絵 Tan-e) - ภาพพมิ พท์ ี่เนน้ ด้วยส่สี ้มโดยใชร้ งควัตถทุ ีเ่ รียกวา่ tan • ภาพพมิ พส์ คี ราม (藍摺り絵 Aizuri-e) หรอื ภาพพมิ พส์ มี ว่ ง (紫絵 Murasaki-e) - ภาพ พิมพ์ลกั ษณะอื่นทีเ่ พม่ิ สีข้ึนอีกหน่ึงสเี พอ่ื แทนท่ีสีด�ำ • ภาพอูรชู ิ (漆絵 Urushi-e) - ภาพพิมพท์ ่ีใชก้ าวผสมสเี พื่อใหส้ มี คี วามหนาข้นึ ท�ำ ใหภ้ าพดูเขม้ ขน้ ขน้ึ นอกจากนัน้ ก็ยังมกี ารประดับด้วยทองค�ำ ไมกาและวตั ถุอื่นๆ เพ่อื เพิม่ คุณค่าทางศิลปะของ ภาพให้มากยิ่งข้ึน นอกจากนั้นภาพอูรูชิยังหมายถึงการวาดภาพบนเคร่ืองแล็กเกอร์แทนที่จะเพียง แตท่ าสดี ้วย • ภาพนชิ กิ ิ (錦絵 Nishiki-e) - เปน็ วธิ กี ารพมิ พท์ ใ่ี ชแ้ มแ่ บบหลายแมแ่ บบทแี่ ตล่ ะแมแ่ บบกส็ รา้ ง ขนึ้ เฉพาะสว่ นใดสว่ นหนง่ึ ของภาพ ทที่ �ำ ใหส้ ามารถใชใ้ นการพมิ พภ์ าพทมี่ หี ลายสที ส่ี รา้ งความซบั ซอ้ น และรายละเอียดให้แก่ภาพได้ แม่พิมพ์แต่ละส่วนก็จะแกะขึ้นต่างหากจากกัน และจะใช้แต่เฉพาะ ส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพเฉพาะสีเดียวเท่านั้น แม่พิมพ์แต่ละส่วนก็จะได้รับเครื่องหมายท่ีเรียกว่า “เคน็ โต” (見当) เพ่ือทจ่ี ะได้ประสานแม่พิมพ์ส่วนต่างของภาพได้อยา่ งสะดวก - 18 -
ววิ ฒั นาการของการพมิ พแ์ กะไมญ้ ่ปี ุ่น ภาพพมิ พห์ มกึ ภาพพิมพ์สแี ดง ภาพพมิ พ์สสี ม้ The Night Visit, from the series “The Kabuki actors Nakamura Shichis- Ichiro Danjuro Kiyoshibaiga by Tale of the Auklet (Uto Hanga-kan)”, aburu II and Sanogawa Ichimatsu, Goro Takeuchi, Tokyo National signed ‘Meijoudou Ishikawa Shuuha 1938 by Munakata Shikou, Toyonobu zu’ by Ishikawa Toyonobu, Museum Art institute of chicago 1740, Museum of Fine Art, Boston ภาพพมิ พส์ ีคราม ภาพอรู ชู ิ ภาพนชิ ิกิ White Falcon in a Pine Tree, 1800, Nishimura Shigenobu, Shouki and Suzuki Harunobu (about 1724–70), woodblock print by Sawa Sekkyou, Girl, c. 1720s. Woodblock print with “Parading Courtesan with Attendants”, 13.5 x 7.75 inches hand-coloring and lacquer 1760, Nishiki-e V&A Museum Private collection Private collection - 19 -
ภาพอุกิโยะ Ukiyo-e 浮世絵
浮世絵 (Ukiyo-e) ความหมายคอื ภาพของโลกแหง่ ความล่องลอย ภาพอกุ โิ ยะเปน็ ภาพทแ่ี สดงชวี ติ ความเปน็ อยทู่ ด่ี ี Fifty-three Stations of the Tokaidou 1850 by Utagawa ขนึ้ ของชนชน้ั กลางของญป่ี นุ่ ในสมยั นน้ั และมกั จะมหี วั ขอ้ Hiroshige เกี่ยวกับส่ิงบันเทิงเริงรมย์ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงการขับ ร้อง สตรีในแหล่งเริงรมย์ ภูมิทัศน์ แต่มีบางส่วนที่อยู่ใน หวั ขอ้ ของประวตั ิศาสตร์ ราชสำ�นกั และศาสนาด้วย โดย ภาพอกุ โิ ยะจะมที ง้ั แบบวาดดว้ ยมอื ซง่ึ มรี าคาแพงเนอื่ งจาก แต่ละรูปมีชิ้นเดียว และภาพท่ีพิมพ์จากแม่พิมพ์แกะไม้ที่ สามารถตีพมิ พ์ได้จำ�นวนมากและมีราคาถกู กวา่ คนทั่วไป จะนิยมแบบภาพพมิ พ์แกะไมเ้ พราะหาซ้ือได้ง่าย ภาพอุกิโยะคือกลุ่มของภาพศิลปะประเภทหนึ่งในยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603 - ค.ศ. 1868) ผู้คนในยุคก่อนเคร่งครัดกับศาสนาแต่ในยุคนี้ไม่ใช่ ศิลปะภาพอุกิโยะได้รับอิทธิพลมาจากศาสนา พทุ ธ ค�ำ ว่า 憂世 หมายถงึ โลกนี้มแี ตค่ วามทกุ ข์ และได้รบั ความหมายจากค�ำ ภาษาจีนวา่ 浮生 หมายถงึ ชวี ติ นไี้ มเ่ ทยี่ ง รวมกนั กลายเปน็ ตวั เขยี นวา่ 浮世 ซง่ึ มคี วามหมายวา่ โลกนไี้ มเ่ ทย่ี ง ซง่ึ เมอ่ื มารวมกับหมายของจุดประสงค์ภาพคือโลกน้ีไม่แน่นอน ควรปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความบันเทิง จึงท�ำ ใหล้ กั ษณะภาพอุกิโยะตา่ งไปจากภาพอื่นเพราะเปน็ “ภาพของโลกทนี่ า่ บันเทิงใจ” ลักษณะศิลปะวิวัฒนการขึ้นมาจากปรัชญาเป็นที่นิยมในยุคเอโดะ โดยเร่ิมจากงานที่มีสี เดยี วของฮชิ กิ าวะ โมโรโนบใุ นปี ค.ศ. 1670 ในระยะแรกภาพพมิ พก์ ใ็ ชเ้ พยี งหมกึ อนิ เดยี (India ink) ตอ่ มากม็ กี ารเพ่ิมสีด้วยแปรง แตเ่ มื่อมาถึงครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 18 ซูซูกิ ฮารโู นบุ ก็คดิ คน้ วิธีพิมพ์หลาย สขี นึ้ ทเี่ รียกว่า “นชิ กิ ิ-เอะ” (nishiki-e) ขึ้น ในชว่ งปลายศตวรรษท่ี 19 เหลา่ ศลิ ปนิ จากยโุ รปสนใจสะดดุ ตาภาพอกุ โิ ยะซงึ่ ถกู น�ำมาใช้ เปน็ ผา้ หอ่ ของในสมยั นนั้ และพวกเขารบั อทิ ธพิ ลทางศลิ ปะภาพอกุ โิ ยะไปอยา่ งมากไมว่ า่ จะเปน็ เสน้ ที่มีความหลากหลายทางอารมณ์ การใช้สีสันท่ีสดใส และวิธีการน�ำเสนอลวดลายที่มีอิสระทาง จินตนาการตา่ งๆ โดยทนี่ ยิ มคอื ผลงานของโฮกุไซ -21-
“ใช้ชีวิตอย่างไม่คดิ หน้าคิดหลงั ดมื่ ด�ำ่ กับความงามของดวงจนั ทร์ หมิ ะ ดอกซากรุ ะ ใบเมเปลิ รอ้ งเพลง ดื่มเหล้าสาเก ไมว่ ติ กกับความขดั สนทจ่ี ะตามมา ปลอ่ ยตวั ปล่อยใจ ไม่มี ความกงั วล .. เฉกเชน่ น้ำ� เต้าทลี่ อ่ งลอยไปกบั สายน�้ำ... นค่ี อื ส่ิงท่เี รยี กวา่ อกุ ิโยะ” จากตอนหน่งึ ของ Ukiyo monogatari (浮世物語 ต�ำนานของอกู ิโยะ) เขียนโดย อาซาอิ เรียวอิ ในปคี .ศ. 1661 - 22 -
ลกั ษณะเด่นของภาพอกุ โิ ยะ Toshusai ศลิ ปนิ อกุ โิ ยะจะนิยมวาดภาพสาวงามท่เี ปน็ นัก Sharaku, The แสดงละครคาบกู โิ จ หรือสาวโอยรัน ลักษณะ Actor, Sanoga- การวาดรปู บคุ คลจะมีการดึงเอาจดุ เด่นอารมณ์ wa Ichimatsu, ออกมาวาด และแกะพมิ พ์ไม้ได้ละเอยี ดขนาด เหน็ เส้นผม ในช่วงปลายของสมยั เอโดะภาพ 1794-5 แบบนีเ้ ปน็ ทีน่ ยิ มจนสาวๆ ทกุ คนอยากมรี ปู Colour Wood- พอร์ตเทรตของตัวเองกนั block สง่ิ ที่สะดดุ ตาชาวตะวนั ตกคือผา้ หอ่ ที่มี Mt.Fuji is seen around Miya (1949) by Kusaka Kenji ลวดลายทวิ ทัศนแ์ บบอกุ ิโยะ ศิลปนิ ภาพอุกิโยะผู้มีอิทธพิ ลหลายคนมกั วาดภาพที่ท�ำใหเ้ หน็ ทวิ ทัศน์ไกลๆ ท่ีสวยงามหรือสิง่ ปลูกสรา้ งเชน่ บ้านเมอื ง ของเอโกะ ทเ่ี ห็นได้ชดั คือภาพภเู ขาไฟฟูจิ เปน็ หัวข้อภาพที่ได้รับความนยิ มอยา่ งมาก Mitsuke - Tokaido กล่าวกันวา่ ภาพอกุ ิโยะเป็นตน้ ก�ำเนดิ ของ Meisho Hizakurige การจัดวางองคป์ ระกอบภาพที่เดน่ ชัด การลงลายเส้นหนักและการใช้สีสนั ท่สี ดใสด้วย (1890) by Fujika- เนื่องจากภาพอกุ ิโยะเป็นภาพพิมพแ์ กะไม้ที่ wa Tamenobu สามารถผลิตได้เปน็ จ�ำนวนมาก จึงท�ำให้ สามารถถา่ ยทอดลกั ษณะขององค์ประกอบ ออกมาไดอ้ ย่างดีเย่ียม ต่อมาภาพอุกโิ ยะกไ็ ด้พัฒนาไปเป็นรปู แบบมงั งะของญ่ปี ุ่นนน่ั เอง - 23 -
Decoration Japonisme Ceramics and Porcelain เครอ่ื งกระเบ้ืองท่ีได้รบั อิทธพิ ลมาจากญ่ีป่ ุน Vase, 1886 by Rookwood Shoki-Imari dish 1640 Pottery The Museum of Oriental Ceramics, Osaka. Cooper Hewitt, Smithsonian Design Museum Félix Vase with Bracquemond, Aesthetic Japonisme Soup plate, birds (1879) 1866-1875, by Minton(s), Metropolitan Museum of Art. Charles Haviland เจ้าของบรษิ ัท Haviland Limoges porcelain company ผลติ เคร่ืองเซรามิคตกแต่งบ้านแบบอิมเพรสช่ันนิสม์ เปน็ ผู้บุกเบิกการทำ�เซรามคิ โดย Félix Bracquemond เป็นผูเ้ สนอให้ท�ำ ลวดลายและรปู แบบแบบญ่ปี ุน่ ซง่ึ ได้รับความ นยิ มมากทส่ี ดุ แหง่ หนึ่งในฝรงั่ เศส
แมโ้ ดยส่วนมากแล้วผลงานที่ถกู ช่ืนชมจะ เป็นภาพวาดของ Claude Monet หรอื Vincent van Gogh และศลิ ปนิ Impressionist ทา่ นอ่ืนๆ แต่ผลงานของศลิ ปะญีป่ นุ่ ไม่ได้มีแค่แบบ วจิ ติ รศลิ ปเ์ ท่าน้ัน Nabeshima ware dish with hydrangeas, c. 1680-1720, Arita, Okawachi kilns รูปแบบของศิลปะญี่ปุ่นยังมีแบบเคร่ืองถ้วยเซรามิคและเคร่ืองถ้วยลายครามด้วย ซ่งึ เป็นท่ีนยิ มสะสมในสมัยครสิ ตศตวรรษที่ 19 ที่ศลิ ปะญ่ปี นุ่ ได้เข้าไปนนั้ ผูค้ นชนชนั้ กลาง และชนช้ันสูงโดยเฉพาะราชงศ์ประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษจะนิยมชมชอบสะสมเคร่ืองถ้วย เซรามคิ หรอื เคร่อื งลายครามแบบญีป่ นุ่ ท�ำ ให้การส่งออกสินค้าชนดิ เดยี วกนั ของจีนหยุดชะงัก โดยญป่ี นุ่ ทำ�การสง่ ออกภายใตช้ ื่อ Nabeshima, Imari และ Kakiemon ท�ำ การส่งออกเครอ่ื ง กระเบื้องกวา่ 1.9 ลา้ นช้นิ ในระยะเวลา 32 ปจี ากปีค.ศ. 1652 ถึง 1683 การออกแบบงานเครื่องถ้วยญป่ี นุ่ กย็ งั สง่ อิทธิพลตอ่ ชา่ งทำ�เซรามคิ ซึง่ น�ำ ไปเปน็ แบบ และสรา้ งผลงานออกมา ซงึ่ เป็นส่ิงทีส่ ามารถ ใชเ้ ป็นเครื่องตกแตง่ ประดับเช่นแจกัน และ เครื่องถว้ ยชามกน็ ำ�มาใชเ้ ปน็ เคร่อื งถ้วยใส่ อาหารหรอื นํา้ ชาได้ ทำ�ให้เป็นท่ีนิยมมากใน ประเทศตะวันตก Royal Worcester teapot Worcester Royal Porcelain Co Ltd in Worcester, England, 1880. The Great Wave off Kanagawa by ส�ำ หรับภาพอุกโิ ยะกไ็ ด้มีการน�ำ มาใช้ในการ Hokusai c. 1829-32 ออกแบบลวดลายเครือ่ งเซรามิคเช่นกัน ตัวอยา่ งเชน่ ในรูปภาพท่ีไดร้ บั แรงบนั ดาลใจ มาจากคล่ืนของโฮกไุ ซ ผลติ ภณั ฑน์ ี้สรา้ ง ขึ้นโดยนักออกแบบชาวอังกฤษและถกู น�ำ ไป Glazed earthenware Wave Bowl by ใชเ้ ปน็ เครอ่ื งประดับภายในบา้ น Christopher Dresser, c. 1880, echoes the curve of Hokusai’s wave. - 25 -
Fashion Japonisme แฟช่ันท่ีได้รบั อิทธพิ ลมาจากญ่ีป่ ุน portrait of a woman by afred-stevens (1880)
ตามประวตั ิศาสตรแ์ ลว้ ประเทศทซี่ อื้ ผา้ Japonse rok at the exhibition Japonism in Fashion กิโมโนของญป่ี ุน่ มาขายประเทศแรกคอื อนิ เดยี ในยคุ in 1996. Photo by Hatakeyama Naoya. (© Kyoto คริสต์ศตววรษที่ 17 และนำ�ไปขายให้กบั ชาวดตั ชท์ ี่ Costume Institute) ฮอลแลนด์ ซ่ึง ณ เวลานัน้ ดว้ ยความแปลกใหม่น้ำ�ํ หนกั เบาและสรา้ งความอบอุ่นดีเยย่ี มทำ�ใหเ้ ปน็ ทีน่ ิยม โดยเฉพาะในหมู่ของสาวๆ ความสวยงามของกโิ มโน นั้นท�ำ ใหเ้ พ่อื นบ้านบริเวณรอบๆ ฮอลแลนด์ก็ลอก เลยี นไปทำ�ตาม 1870s Gown made from Kimono Fabric ต่อมาการเปิดการค้ากับโลกตะวันตกของประเทศ ญ่ีปุ่นทำ�ให้มีการซ้ือขายแลกเปล่ียนหลายส่ิงหลายอย่าง สิ่ง หนึ่งที่ชาวตะวันตกนำ�กลับไปคือผ้าไหมญี่ปุ่นและผ้ากิโมโน ซึ่ง เป็นที่สนใจแก่ผู้คนมากในประเทศอเมริกา อังกฤษ โดย เฉพาะในฝร่งั เศสเมอื งปารีส ในชว่ งปคี รสิ ศตวรรษที่ 19 นน้ั กระแสชดุ แบบญป่ี นุ่ จึงมาแรงมาก ใส่ท้ังหญิงและชาย แและแล้ว ผ้ากิโมโนซ่ึงมี ลวดลาย ยกตวั อย่างเช่น นก ดอกไม้ ใบไม้ สายลม และปลา กถ็ ูกใชใ้ นชุดกาวน์ (Gown) และชุดสไตลว์ ิคตอเรียน อีกด้วย ส�ำ หรบั จติ รกรนนั้ กช็ น่ื ชอบในรปู แบบของชดุ กโิ มโน จนถงึ ขัน้ มกี ารหาตัวแบบใส่กโิ มโนและวาดชุดข้นึ มา ในปัจจุบันลวดลายและรูปแบบของกิโมโนก็ยังคงถูกสวมใส่และถูกนักออกแบบ แฟช่ันนำ�มาเปน็ แรงบันดาลใจ ด้วยความสวยแต่ดเู รียบง่ายจึงทำ�ใหย้ ังเป็นทนี่ ิยมเสมอๆ เรียก ได้ว่าไม่วา่ เวลาจะผ่านไปกีป่ ี วัฒนธรรมกิโมโนกจ็ ะไม่สญู สลายไป - 27 -
Architecture Japonisme สถาปั ตยกรรมท่ีได้รบั อิทธพิ ลมาจากญ่ีป่ ุน Shigeru Ban, Centre Pompidou-Metz, France
นอกจากเคร่ืองกระเบื้อง และแฟช่ันแลว้ ศลิ ปะความเป็น ญปี่ ุน่ ในยุคเอโดะก็ไดใ้ หอ้ ทิ ธิพลกับ ชาวตะวันตกในดา้ นการออกแบบ สถาปัตยกรรมบ้านเรือนอีกด้วย Japanese Satsuma Pavilion at the 1867 International Exposition in Paris. Japanesque Lincrusta frieze in the Smoking Room at ด้วยความรักแห่งศิลปะที่มีความคิด the Driehaus Museum เหน็ ตรงกนั ท�ำ ใหม้ สี ถาปนกิ มากมายของญปี่ นุ่ หลัง่ ไหลเขา้ ไปท�ำ งานในฝร่งั เศส ในขณะเดยี ว the Japanesque fireplace surround tiles in Roland กบั สถาปนกิ ฝรง่ั เศสกไ็ ดเ้ รยี นรใู้ นการออกแบบ Nickerson’s bedroom in the Driehaus Museum. ท้ังภายนอกและภายในตัวอาคารแบบญป่ี นุ่ โดยในสมัยครสิ ตศตวรรษท่ี 19 นั้น ก็จะเน้นข้างใน ส่วนใหญ่เป็นวอลเปเปอร์ที่มี ลวดลายดอกไม้ เช่นลายดอกเบญจมาศ หรือ ลายแบบภาพอุกิโยะ และมีการสร้างห้องสูบ บหุ รีข่ ึ้น ต่อมาในปจั จุบนั กม็ กี ารกอ่ สร้างตัวอาคารท้งั นอกและในแบบสมยั ใหม่ (Modern) และ การจดั สวนญป่ี นุ่ เช่นแบบเซน ซงึ่ ญป่ี ุ่นเองกย็ งั คงเน้นความเรยี บงา่ ยสบายตาและมีรปู แบบจาก ธรรมชาติ มปี ระโยชนใ์ ช้สอยเยอะ เกบ็ รายละเอยี ดดี ซง่ึ มีหลายประเทศท่ไี ม่ใช่แคฝ่ ั่งยุโรปน�ำ ไป ทำ�ตาม - 29 -
Yasugi Kiyomizu Temple, Izumo Province, from the series Selected Views of Japan (Nihon fuukei senshuu) 1926 by Kawase Hasui, Museum of Fine Arts
ศลิ ปินญปี่ นุ่ Japanese Artists ศลิ ปินคนส�ำคัญ : คตั สึชกิ ะ โฮกุไซ อตุ างาวะ ฮโิ รชิเงะ อตุ างาวะ คุนิโยชิ โทชไู ซ ชารากุ - 31 -
คัตสชึ ิกะ โฮกุไซ (葛飾北斎Katsushika Hokusai ) ตุลาคม หรือ พฤศจกิ ายน ค.ศ. 1760 - 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1849 จิตรกรภาพอกุ โิ ยะและภาพพมิ พ์แกะไม้ “ผ้มู ีอิทธพิ ลต่อ ภาพอุกิโยะและ Japonisme” ประวัติ โฮกุไซ เกดิ ท่กี รุงโตเกียว ประเทศญีป่ ุน่ ใน สมัยเอโดะ ในครอบครัวช่างฝีมือในตำ�บลคัตสึชิกะใน เอโดะ ในตอนเดก็ โฮกไุ ซมชี อื่ วา่ โทกทิ าโร (時太郎) มี นามที่รูจ้ ักอยา่ งนอ้ ย 30 ชอื่ เช่นช่อื ชนุ โร กใ็ ชใ้ นขณะ สรา้ งชุดงานภาพพมิ พ์นักแสดงคาบูกิ ค.ศ. 1779 ในตอนปลายโฮกุไซเปลี่ยนหัวข้องานเขียน จากการวาดภาพของสตรีภายในราชสำ�นักและนัก แสดงท่ีมักจะเป็นหัวเร่ืองของการวาดภาพอุกิโยะ ไป วาดภาพภูมิทัศน์และภาพชีวิตประจำ�วันของชาว ญ่ีปุ่นจากชนระดับต่าง ๆ การเปล่ียนแปลงหัวข้อ เปน็ การสรา้ งแนวเขยี นภาพอกุ โิ ยะแบบใหมแ่ ละแนว การเขยี นใหมข่ องโฮกไู ซเองซง่ึ กลายเปน็ ภาพทไดร้ บั ความนยิ มจนถงึ ทกุ วนั น ้ี ผลงานทม่ี ชี ่ือเสียงคือ - ทศั นยี ภาพ 36 มมุ ของภูเขาฟจู ิ (Thirty-six Views of Mount Fuji) เปน็ ภาพพมิ พแ์ กะไมร้ ปู ภเู ขาฟจู ิในฤดตู ่าง ๆ และในสภาวะอากาศต่าง ๆ ทั้งใกล้และ ไกล โดง่ ดงั ทส่ี ดุ ในบรรดาภาพอกุ โิ ยะ ซงึ่ การทศี่ ลิ ปนิ ชอบวาดภาพภเู ขาไฟฟจู นิ นั้ มาจากต�ำ นาน คนตดั ไผ่ ทบ่ี รรยายถงึ เทพเจา้ ทท่ี ง้ิ “ธาตชุ วี ติ ” ไวบ้ นยอดเขา ภเู ขาฟจู เิ ชอ่ื กนั วา่ เปน็ แหลง่ ความ ลบั ของความเป็นเป็นอมตะ - ทศั นียภาพ 100 มุมของภเู ขาฟจู ิ (One-handred Views of Mount Fuji) - 32 -
ผลงานทโ่ี ด่งดัง Hokusai’s Artworks The Great Wave off Kanagawa by Hokusai c. 1829-32, Ukiyo-e First in Thirty-six Views of Mount Fuji ภาพ คลน่ื ยกั ษน์ อกฝ่ังคานางาวะ เป็นภาพแรกของในชุด ทศั นียภาพ 36 มมุ ของ ภเู ขาฟูจิ (เป็นชดุ ภาพซ่งึ ถกู ตีพมิ พ์ท่ีมี 36 ภาพ และมีการวาดเพม่ิ อกี 10 ภาพ สรา้ งระหว่างปี ค.ศ. 1826 ถงึ ค.ศ. 1833) ซึ่งเปน็ ภาพพมิ พ์แกะไม้ และโดง่ ดงั ทสี่ ดุ ในบรรดาภาพอุกโิ ยะทั้งหมด จุดเด่นคือคลน่ื ยกั ษท์ ก่ี ำ�ลัง ม้วนตัว มีเรอื พยายามผ่านคล่ืนไป 3 ลำ� และมีภูเขาไฟฟูจิอยู่ไกลออกไป คนยุโรปมองว่าภาพนี้ สะท้อนความเป็นญป่ี ุ่นในตอนนัน้ ได้ดี เพราะประเทศญ่ปี ุน่ กเ็ ปรียบเรอื ที่ตอ้ งฝ่าฟันคลื่นท่ผี นั ผวน อยตู่ ลอดใหไ้ ด้ - 33 -
ผลงานอื่นๆ Hokusai’s Artworks ภาพบนซา้ ย South Wind, Clear Sky หรือ Red Fuji (ลำ�ดบั ที่ 33 ในชดุ ทัศนยี ภาพ 36 มุมของภูเขาไฟฟูจ)ิ ภาพบนขวา Rainstorm Beneath the Summit (ลำ�ดับที่ 32 ในชดุ ทศั นียภาพ 36 มมุ ของภเู ขาไฟฟจู ) ภาพล่างซ้าย Under Mannen Bridge at Fukagawa (ลำ�ดบั ที่ 6 ในชดุ ทศั นียภาพ 36 มุมของภเู ขาไฟฟจู )ิ ภาพล่างขวา Egrets from Quick Lessons in Simplified Drawing (1823) ภาพบนซา้ ย Hokusai, Manga Bathing People, Drawing ภาพบนขวา Hodogaya on the Tokaido (1829) , Colour Woodblock printing ภาพล่างซา้ ย portrait of a woman holding a fan by Hokusai ภาพล่างขวา Shichiri beach in Sagami Province (ลำ�ดบั ท่ี 42 ในชุดทศั นยี ภาพ 36 มมุ ของภูเขาไฟฟูจิ) - 34 -
Ejiri-juku in the Suruga Province (1830–32) by Hokusai, from the series Thirty-six Views of Mount Fuji, ‘A Sudden Gust of Wind 1993 (after Hokusai)’, Jeff Wall, Photograph - 35 -
อุตางาวะ ฮิโรชิเงะ ( 歌川広重 Utagawa Hiroshige ) ค.ศ. 1797 - 12 ตุลาคม ค.ศ. 1858 จติ รกรภาพอกุ โิ ยะและภาพพิมพแ์ กะไม้ จิตรกรภาพอุกิโยะ ชาวญปี่ ่ ุนคนสำ�คัญและมีชอื่ เสียง ของครสิ ต์ศตวรรษที่ 19 ประวัติ อุตางาวะ ฮโิ รชเิ งะ หรือ หรอื ชอื่ เดมิ อังโด ฮิ โรชเิ งะ (安藤広重) เกิดทก่ี รุงโตเกียว ประเทศญ่ปี ุ่น ในคา่ ยทหารทางตะวันออกของปราสาทในบรเิ วณแยซู ของเอโดะ พอ่ ของเขาเป็นซามไู รท�ำ หน้าท่ีปอ้ งกันอคั คี ภยั และเสียชีวิตลงเมื่อเขาอายุ 12 ปี ท�ำ ให้เขามารบั หน้าทตี่ ่อจากพ่อ และได้รบั การฝึกใหเ้ ขียนภาพแบบ จีนตระกลู คาโนจากนกั ดบั เพลงิ คนหน่ึง ฮิโรชเิ งะมคี วามมุ่งมั่นทจี่ ะเปน็ ศิลปนิ ภาพอกุ โิ ยะเม่ือได้เหน็ ภาพพิมพ์ของคตั สึชิกะ โฮกไุ ซ หลังจากนนั้ กไ็ ด้ทำ�ผลงานแขง่ ขันกนั มาโดยตลอด ผลงานท่ีมชี อื่ เสยี ง - ทศั นียภาพเด่น 100 แหง่ ของเอโดะ (T he series One Hundred Famous Views of Edo) - สถานี 53 สถานีบนเส้นทางโทไกโด (The Fifty-Three Stations of the Tokaido) - ทศั นียภาพ 36 มมุ ของภเู ขาฟูจิ (ฮิโรชิเงะ) - 36 -
ผลงานทโ่ี ด่งดัง Hirishige’s Artworks Great Bridge, Sudden Shower at Atake (wood- block print in the ukiyo-e) by Hiroshige, (From the series One Hun- dred Famous Views of Edo), Shizuoka city Tokaido Hiroshige Museum of Art ผลงานนีช้ ือ่ วา่ สะพานใหญ่, ฝนตกกระทนั หนั ที่อาตาเกะ เป็นผลงานล�ำ ดับที่ 52 ในชดุ ผลงาน ทัศนียภาพเด่น 100 แห่งของเอโดะ ท่ีเปน็ ทีโ่ ด่งดงั เน่ืองจากประเทศญปี่ ุ่นมีแผน่ ดินไหว หลายครงั้ ภาพทฮี่ ิโรชิเงะสร้างข้นึ มาชว่ ยท�ำ ให้เหน็ ถงึ ความงามของอาคารในสมัยเอโดะ ซึ่งกค็ ือ โตเกยี วในปัจจบุ นั ซง่ึ ภาพนี้เปน็ ภาพพมิ พแ์ กะไมท้ ่ีโดง่ ดังเนื่องจากลายเสน้ น้นั ดมู คี วามเคลือ่ นไหว การใชส้ กี ค็ ่อนข้างสดและดสู วยงาม และกลายเป็นตน้ แบบภาพ The Bridge in the Rain ของ Vincent Van Gogh - 37 -
ผลงานอื่นๆ Hiroshige’s Artworks ภาพบนซา้ ย Evening Snow at Kanbara (1833–1834), Los Angeles County Museum of Art ภาพบนขวา suruga street (1826–1846), The Metropolitan Museum of Art ภาพล่างซ้าย Yellow bird and cotton rose (1852) ภาพล่างขวา Crane and Wave (1830) ภาพบนซ้าย Haneda Ferry and Benten Shrine (1858), Los Angeles County Museum of Art ภาพบนขวา Maple Trees at Mama, Tekona Shrine and Linked Bridge (1857) , Los Angeles County Museum of Art ภาพล่างซ้าย Suidobashi Bridge and Surugadai (1857), Shizuoka city Tokaido Hiroshige Museum of Art ภาพล่างขวา Plum Park in Kameido (1857), Shimane Art Museum - 38 -
Eight Views of Omi (1820) by Hiroshige Returning sails at Yabase Evening glow at Seta Autumn moon at Ishiyama Clear breeze at Awazu Evening bell at Miidera Evening rain at Karasaki Wild geese returning home at Katata Evening snow at Hira ไดร้ บั แรงบนั ดาลใจจากผลงานชดุ Eight Views of Xiaoxiang ของจนี และฮิโร ชิเงะได้วิวของจงั หวัด Omi ซ่งึ เคยถกู วาดโดย Harunobu ในปี 1760 มาวาดใหม่ ถูกเรียกอกี ชื่อวา่ ทัศนียภาพ 8 มมุ ของทะเลสาบบวิ ะ - 39 -
อุตางาวะ คนุ ิโยชิ ( 歌川国芳 Utagawa Kuniyoshi ) ค.ศ. 1797 - 14 เมษายน ค.ศ. 1861 จติ รกรภาพอุกโิ ยะและภาพพมิ พแ์ กะไม้ จิตรกรส�ำ นักศิลปิ นอุตางาวะ ชาวญปี่ ่ ุนคนส�ำ คัญและมชี อื่ เสยี ง ของครสิ ต์ศตวรรษที่ 19 ประวัติ คุนิโยชิเป็นลูกของช่างย้อมไหมเดิมช่ือโยชิ ซาบูโร ซ่ึงการใช้สีหลายสี (Rich use of color) ของ ผา้ ท�ำ ใหเ้ ขาไดร้ ับอทิ ธิพลในการวาดภาพอุกิโยะ เมอ่ื อายุ 12 ปเี ขาแสดงความสามารถในการ วาดรูป และได้รับตัวเข้าฝึกงานเขียนในห้องเขียนภาพ ของโทโยกนู อิ ยา่ งเปน็ ทางการ จนกลายเปน็ ลกู ศษิ ยเ์ อก คนหนงึ่ ของโทโยกนู ิ เขาด�ำ เนนิ การฝกึ งานมาจนกระทงั่ ปี ค.ศ. 1814 จนไดร้ บั ชอ่ื วา่ “คนุ โิ ยช”ิ และออกมาเปน็ ศิลปินอสิ ระ A seated woman sewing a kimono เขามผี ลงานมากมายโดยมที ง้ั แบบทเ่ี ปน็ ทวิ ทศั นห์ รอื รปู ผคู้ น แตจ่ ะนยิ มวาด ภาพทเี่ ปน็ รปู สตั วป์ ระหลาดหรอื เหตกุ ารณป์ ระหลาด แตม่ ลี กั ษณะเดน่ คอื การใชส้ สี นั หลายสมี าก และใชส้ สี ด ในปี ค.ศ. 1856 คนุ โิ ยชปิ ว่ ยดว้ ยโรคทม่ี ผี ลกระทบกระเทอื นตอ่ ระบบประสาท (palsy) ทท่ี �ำ ใหก้ ารใชม้ อื ไมเ้ ปน็ ไปอยา่ งล�ำ บากสง่ ใหผ้ ลงานทส่ี รา้ งมคี ณุ ภาพตา่ํ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั คโุ ยชเิ สยี ชวี ติ ในปี ค.ศ. 1861 เมอื่ อายไุ ด้ 65 ปที ีบ่ ้านท่ีเก็งยาดานะ - 40 -
ผลงาน Kuniyoshi’s Artworks Takiyasha the Witch and the Skeleton Spectre (1844), V&A Museum The arhat Handakaม, male-portraits by Kuniyoshi Hatsuhana (1840-1) ภาพบนซ้าย seaweed gatherers at omari (1833) Los Angeles County ภาพบนขวา Oniwakamaru and the Giant Carp Fighting Underwater (1835) Museum of Art ภาพล่างซา้ ย In the Waves at Kakuda enroute to Sado Island (1835) ภาพล่างขวา Sosan returning to his mother (1840) - 41 -
โทชูไซ ชารากุ ( 東洲斎 写楽 Toshuusai Sharaku ) Unknown Date of birth and Death จิตรกรภาพอุกิโยะและภาพพิมพ์แกะไม้ Toshusai Sharaku, Otani Oniji, 1794, ผลงานถูกวิจารณ์จากชาวตะวันตก Metropolitan Museum of Art ว่ายอดเยยี่ มในหมภู่ าพอุกิโยะ ประวตั ิ ชารากุเป็นที่โด่งดังในปีค.ศ 1794–1795 แต่ข้อมูลของตัวเขาไม่มีแน่ชัดทั้งสถานที่เกิดหรือปีท่ี เกิด แต่เขาได้ใช้ชีวิตเป็นศิลปินท่ีเอโดะ เขาทำ�ผลงาน ไวห้ ลายชิน้ แต่ละช้นิ โดง่ ดงั และหายไปอย่างรวดเร็ว งานของชารากนุ น้ั มกั จะเปน็ ภาพอกุ โิ ยะแนว พอร์ตเทรตซงึ่ เป็นภาพนกั แสดงคาบูกโิ จ (yakusha-e) ขณะกำ�ลังแสดงซ่ึงภาพพิมพ์ของเขาสามารถส่ือและ แสดงถึงสีหน้าของตัวละครเหล่านั้นออกมาได้ดีมาก ส่วนลายละเอียดอื่นๆ เช่นเส้ือผ้าและเส้นผมก็งดงาม ผลงานของเขาเรียกได้ว่าเป็น Masterpiece อย่างไร ก็ตามในช่วงแรกๆ ผลงานของเขาไม่เป็นท่ียอมรับใน หมู่ศิลปะประเภทเดียวกัน แต่ภายหลังก็ได้รับความ นยิ มจากชาวตะวนั ตกเป็นจ�ำ นวนมาก - 42 -
ผลงาน Sharaku’s Artworks Kabuki - Ichikawa Omezo (1794), Woodblock Printing Umegawa and Chu- bei (1794), Wood- block Printing Segawa Tomisaburō Kurashito Ogishi of Nakamura Konozo II as the Courtesan Sojuro Sazawa, the and Nakajima Wa- Tōyama, and third generation dayemon - kabuki Ichikawa Kurizo (1794), Woodblock (1794), Woodblock as Higashiyama Printing Printing Yoshiwakamaru (1794–95), Wood- - 43 - block Printing
Japanese parisian by alfred stevens 1872
ศิลปนิ ตะวันตก The West Artists ศลิ ปินคนส�ำคญั : วินเซนต์ แวน โกะ๊ โกลด มอแน อ็องรี เดอ ตูลซู -โลแทร็ก กุสตาฟ คลิมต์ จาโกโม ปชุ ชนี ี - 45 -
Vincent, Van Gogh-Portrait of Père Tanguy (Father Tanguy) 1887-8, oil on canvas - 46 -
วนิ เซนต์ แวน โก๊ะ Vincent Willem van Gogh 30 มนี าคม ค.ศ. 1853 — 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1890 จติ รกร แวน โก๊ะมชี ื่อเตม็ ว่า วนิ เซนต์ วิลเล่ียม แวนโกะ๊ เป็นจติ รกรชาวดตั ช์ (เนเธอ เเลนด์) ในลทั ธิ Post-Impressionism ซ่งึ เป็นหนึ่งในผมู้ ีชือ่ เสยี งและอิทธิพลมากทีส่ ุด ในประวัติศาสตร์ศลิ ปะตะวนั ตก เขาสร้างสรรคง์ านศิลปก์ วา่ 2,100 ช้ินในเวลาเพยี งสบิ ปกี วา่ ในจ�ำ นวนน้เี ปน็ ภาพสีนำ้�มัน 860 ชิน้ เขาประสบปัญหาทางจิตใจหลายอยา่ ง มี ชวี ิตรักท่ีไม่รุ่งโรจน์ Almond Blossom. Vincent van Gogh (1853 - 1890), Oil on canvas, 73.3 cm x 92.4 cm. ชว่ งหนึ่งแวน โกะ๊ ชืน่ ชอบในผลงานศลิ ปะญป่ี ่นุ ภาพอกุ โิ ยะ ท�ำ ให้เขาผลติ ผลงานสไตล์ Japonisme ออกมา มากกว่า100 ชิ้น สว่ นใหญ่เปน็ ภาพดอกไม้และทวิ ทศั น์ธรรมชาติ และหลายชิ้นได้รับความนิยม - 47 -
ผลงานสไตล์ Japonisme ของ Vincent Van Gogh ภาพแรกทีแ่ วนโกะ๊ ลอกเลยี นแบบจาก ศิลปะญี่ปนุ่ โดยตรง Original : Hiroshige The Bridge in the Rain (after Hiroshige), (1887), Oil on canvas, Van Gogh Museum แวนโกะ๊ พยายาม เขียนคันจิลงไปแม้ เขาจะไม่เข้าใจภาษา ญี่ป่นุ ก็ตาม Original : Hiroshige Flowering Plum Or- chard (after Hiroshige), (1887), Oil on canvas, Van Gogh Museum - 48 -
Search