บทนํา หนงั สอื เรอื ง “The history of liquor” เลม่ นี เปนเรอื งราวทางประวัติศาสตร์ ของสรุ าที ทกุ คนมอิ าจปฏิเสธได้ว่าเปนเครอื งดืมทีพบเจอได้ทัวไป เรมิ ตังแต่ยุค กอ่ นประวัติศาสตรจ์ นถึงปจจุบนั อิทธพิ ลของสรุ านนั แพรก่ ระจายไปทัวโลก ตังแต่ ตะวันออกไปสตู่ ะวันตกไมว่ ่าจะชนชาติใดกต็ ้องเคยพบเจอสรุ ามากอ่ น แต่เราคง ต้องตังคําถามว่า “แลว้ มนั มคี วามเปนมาอยา่ งไรละ?” บา้ งกลา่ วว่าสรุ าเปรยี บเสมอื นภัยอันตรายทีคอยกดั กนิ ความเปนมนษุ ย์ สรา้ ง ความแตกแยกในสงั คมปจจุบนั จนกระทังว่าเปนสารเสพติดทีตวรกาํ จัดทิงไป แต่ในทางกลบั กนั พวกเรามองว่าในประวัติศาสตรน์ นั สรุ าเปนเครอื งดืมทีเชอื ม โยงทกุ คนรว่ มกนั ไมว่ ่าจะเพศหรอื ชาติใดเปนสว่ นหนงึ ในชวี ิตประจําวันของชนชาติ ในสมยั กอ่ น เปนแรงจูงใจในการสรา้ งและประดิษฐ์ และสรา้ งสงิ ทีทกุ คนเรยี กว่า… “อารยธรรม” เราขอเชญิ ทกุ ท่านมารว่ มเดินทางยอ้ นรอยเรอื งราวในอดีต ความเปนมาของสรุ า สงิ ทีสรุ าได้มสี ว่ นรว่ มสรา้ งเรอื งราวต่างๆในประวัติศาสตร์ ทังทีมคี วามสาํ คัญและ เรอื งราวทีนา่ พศิ วงยงิ เหตกุ ารทีมคี วามเกยี วขอ้ งกบั สรุ านนั มลี น้ หลายและพวกเรา ต้องการนาํ เรอื งราวเหลา่ นนั มาแบง่ ปนใหท้ กุ ท่าน เพราะพวกเรา เชอื ว่า การที มนษุ ยจ์ ะกา้ วไปสอู่ นาคตนนั เราต้องทําความรูจ้ ักกบั อดีตเสยี กอ่ น -KGKJ 22 สงิ หาคม 2564
สารบัญ บทที 1 ต้นกําเนดิ ของสรุ า 1-18 บทที 2 3 เหล้าคืออะไร 6 ต้นกําเนดิ สรุ าของ\"ประเทศจีน\" 11 ต้นกําเนดิ สรุ าของ\"เมโสโปเตเมยี \" ประวตั ิของสรุ า 19-58 ประวัติของ วิสกี 21 ประวัติของ วอดก้า 27 ประวัติของ จิน 42 ประวัติของ บรนั ดี 48 ประวัติของ เหล้ารมั 52
บทที 3 เทศกาลสาํ คัญของสรุ า 59-66 เทศกาลอ็อกโทเบอรเ์ ฟสต์ 61 เทศกาลนอรธ์ เวสต์อากาเว่ 63 เทศกาลรมั และเบยี รแ์ ครบิ เบยี น 65 สรุปเรอื งของสรุ า 67 บรรณนานกุ รม 69
บทที 1 ต้นกํา THE HIS OF LIQ 1 บทที 1 ต้นกําเนดิ ของสรุ า
เนิดของสุรา STORY QUOR 2 บทที 1 ต้นกําเนดิ ของสรุ า
เหล้าคืออะไร..... \"เหลา้ \" คือ เครอื งดืมชนดิ หนงึ ทีมสี ว่ นผสมของแอลกอฮอล์ หรอื เครอื งดืมใดๆทีมี สว่ นผสมของเอนทิลแอลกอฮอลท์ ีมสี ว่ นประกอบไมเ่ กนิ 0.5% เมอื ดืมแลว้ สารนนั จะออก ฤทธิ กดระบบประสาท สว่ นกลาง หากดืมไมม่ ากอาจรูส้ กึ ผอ่ นคลายแต่เมอื ดืมมากขนึ กจ็ ะ กดสมองบรเิ วณอืน ๆ ทําใหข้ าดสติได้ 3 บทที 1 ตน้ กําเนดิ ของสุรา
4 บทที 1 ตน้ กําเนดิ ของสุรา
ต้นกําเนิด สรุ า สตั ว์เลก็ นอ้ ยใหญจ่ นไปถึงสายพนั ธท์ ีใกลเ้ คียงมนษุ ยอ์ ยา่ งลงิ ลงิ ตัวนนั ถกู ยวั ยวน โดยกลนิ ผลไมท้ ีหอมหวลผลไมท้ ีว่านนั ตกอยูบ่ นพนื และแบะออก เมอื ลงิ กนิ ผลไมเ้ ขา้ ไปก็ รูส้ กึ มนึ งงและเดินซดั เซในขณะนนั มนั ไมร่ ูห้ รอกว่ามนั กนิ อะไรเขา้ ไป แต่มนั คือจุดเรมิ ต้น ของ\"เครอื งดืมแอลกอฮอล\"์ การหมกั ของอาหารหรอื ผลไมเ้ ปนสงิ ทีเกดิ ขนึ ตามธรรมชาติิ ทันทีทีผลไมน้ นั สกุ งอมและ ปลอ่ ยนาตาลออกมา นาตาลนนั จะเปนตัวลอ่ แบคทีเรยี ชนดิ หนงึ ทีเรยี กว่า ยสี (Yeast) หลงั จากทียสี ได้กนิ ตาตาลนนั เขา้ ไปมนั กจ็ ะปลอ่ ยสารเคมที ีทําใหเ้ กดิ ความมนึ เมาออกมา นนั คือ เอทานอล (Ethanol) ถึงแมว้ ่าการหมกั ขอผลไมจ้ ะเกดิ ขนึ เองตามธรรมชาติ เรากไ็ มส่ ามารถรูไ้ ด้อยา่ งแนช่ ดั ว่าการ ทําเครอื งดืมสรุ าครงั แรกเรมิ ต้นทีใดหรอื ใครเรมิ กอ่ น เนอื งจากว่าสรุ านนั มแี พรห่ ลายอยูท่ ัว โลก แต่มหี ลกั ฐานในประวัติศาสตรน์ นัั สอื ว่าการบนั ทึกการหมกั สรุ าครงั แรกเกดิ ขนึ ที ประเทศจีน 5 บทที 1 ต้นกําเนดิ ของสรุ า
ต้นกําเนดิ สรุ าของ\"ประเทศจนี \" ประเทศจีนเปนต้นกาํ เนดิ ของสรุ า และเปนแหลง่ ทีมาทาง วัฒนธรรมของสรุ า 杜康ด้วย เปนหนงึ ในประเทศแรกๆ ทีเรมิ มกี ารหมกั สรุ า จากตํานานกลา่ วกนั ว่า “ต้คู ัง ( )” แหง่ ราชวงศเ์ ซยี เปนผคู้ ิดค้นสรุ าขนึ ครงั หนงึ โจโฉได้แต่งบทกวีไว้ว่า “จะคลายเศรา้ โศกา อยา่ งไร หากชวี ิตไรซ้ งึ ต้คู ัง” 6 บทที 1 ตน้ กําเนดิ ของสุรา
ต้นกําเนดิ สรุ าของ\"ประเทศจนี \" 酒ตัวอักษรเจียกเู่ หวิน คําว่า “สรุ า” หรอื “เหลา้ ” ( jiŭ จิว) ในสมยั ราชวงศซ์ างกม็ ี อักษรคํานแี ลว้ จะเหน็ ได้ว่าเหลา้ มปี ระวัติอันยาวนานสมยั กอ่ นมเี พยี งแต่พระราชาและ ชนชนั สงู เท่านนั ทีมสี ทิ ธดิ ืมสรุ า สรุ าถือเปนเครอื งดืมบาํ รุงสขุ ภาพชนดิ หนงึ (ในกรณดี ืมใน ปรมิ าณนอ้ ยเท่านนั )ชว่ ยใหร้ ะบบการไหลเวียนของโลหติ สบู ฉดี ได้ดีเสยี งกบั โรคหลอดเลอื ด หวั ใจนอ้ ยลงแต่ถ้าดืมมากไปกม็ อันตรายสงู อาจสง่ ผลรา้ ยต่อตับ มา้ ม และสมองได้ 7 บทที 1 ต้นกาํ เนิดของสุรา
\"มเี รอื งเลา่ กลา่ วถึงในสมยั ราชวงศซ์ าง ผคู้ นนยิ มดืมเหลา้ มาก โดยเฉพาะชนชนั ปกครองใน ยุคหลงั ๆ พวกเขาดืมเหลา้ กนั ตลอด ไมส่ นใจบา้ นเมอื ง แมแ้ ต่ซางโจ้วอ๋อง กษตั รยิ อ์ งค์ สดุ ท้ายของราชวงศซ์ าง ทีทรงสรา้ งลาํ ธารเหลา้ ลาํ เนาเนอื (เอาเหลา้ มาใสใ่ นสระนา แลว้ เอา เนอื สตั ว์มาหอ้ ยไว้ตามต้นไม)้ กต็ ิดเหลา้ เมามายจนเสยี เมอื ง จึงมคี ําพดู ว่า “ราชวงศซ์ างสนิ เพราะฤทธสิ รุ า” ดังนนั ในสมยั ราชวงศโ์ จว จึงได้มบี ญั ญตั ิหา้ มปรามการดืมสรุ าโดยเด็ดขาด ในประเทศจีนนนั ประวัติศาสตรข์ องสรุ ามมี ายาวนานกว่าชาเสยี อีก ไหเหลา้ ทีถกู ขุดพบในป ครสิ ต์ศกั ราช 1986 ทีมณฑลเหอหนานนนั เปนเหลา้ โบราณทีมอี ายุมากกว่าสามพนั ปเลยที เดียว\" 8 บทที 1 ต้นกาํ เนดิ ของสุรา
เอกลักษณข์ องสรุ าในประเทศจนี มีเอกลักษณ์เฉพาะถินในจีน คือเหล้าเหลืองและเหล้า ขาว เปนเหล้าทีหมักจากธัญพืช อย่างสาโทนีก็เปนเหล้า ทีหมักมาจากข้าว รสชาติทังเปรียวทังหวาน 9 บทที 1 ต้นกาํ เนดิ ของสุรา
ไมม่ ใี ครสามารถชแี นช่ ดั ได้ว่าการเรมิ หมกั สรุ าแพรก่ ระจายมาจากจีนหรอื ว่าในแต่ละ ประเทศหรอื ภมู ภิ าคนนั มวี ิธขี องตนเองอยูแ่ ลว้ แต่สงิ ทีเรารูไ้ ด้แนช่ ดั คือ 1,000 ปใหห้ ลงั การ ปลกู สวนองนุ่ เพอื การหมกั ไวนใ์ นแถบคอเคซสั (Caucasus) ในป 4,000 กอ่ นครสิ ต์ศกั ราช เปนครงั แรกของการบนั ทึกหนา้ ประวัติศาสตร์ เมโสโป เตเมยี ได้ทําการหมกั ไวนแ์ ละสง่ ออกนออกประเทศเปนจํานวนมาก เทียบเหมอื นอตสุ าหกร รมเลยกว็ ่าได้ 10 บทที 1 ตน้ กําเนดิ ของสุรา
ต้นกําเนิดสรุ าของ\"เมโสโปเตเมยี \" ในเรืองประวัติความเปนมาของเบียร์นัน พบว่า มีการผลิตเบียร์เปน เครืองดืมมาเปนเวลานานเกือบ 5,000 ปแล้ว โดยมีการค้นพบบันทึกเรืองราว เกียวกับแคว้นเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ราว 2,800 ปก่อนคริสต์ศักราช ที พูดถึงการแบ่งปนเบียร์และขนมปงให้กับผู้ใช้แรงงานในสมัยนัน การทําเบียร์และ บริโภคในสมัยนันพบว่า ใกล้เคียงกับข้อบัญญัติทีบังคับใช้ในสมัยของกษัตริย์ฮัมมู ราบี (Hammurabi, 1728 ถึง 1686 ก่อนคริสต์ศักราช) แห่งแคว้นบาบิโลเนีย (Babylonia) 11 บทที 1 ต้นกาํ เนดิ ของสุรา
12 บทที 1 ตน้ กําเนดิ ของสุรา
\"จากสวัสดิการของแรงงานทาส เมือเบียร์เดินทางมาถึงยุโรปยุคกลาง (ราว ค.ศ.600-1,300) เบียร์ก็ได้กลายมาเปนเครืองดืมเพือสุขภาพโดย พาราเซลซุส (Paracelsus) นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชาวสวิส เคยกล่าวว่า “เบียร์เปนโอสถ ขนานวิเศษชนิดหนึง” สถานะความเปนยาของเบียร์ เปนผลพวงจาก สุข อนามัยทีแย่มากในยุโรปยุคกลาง นาดืมประปาไม่สะอาด ก่อให้เกิดโรคได้ง่าย\" 13 บทที 1 ต้นกาํ เนิดของสุรา
(พาราเซลซุส Paracelsus : นกั วิทยาศาสตรก์ ารแพทยช์ าวสวิส) 14 บทที 1 ต้นกําเนดิ ของสรุ า
\"สมัยอียิปต์โบราณก็พบว่า มีการผลิตเบียร์ และนิยมดืมเบียร์กันอย่างกว้างขวาง โดยการพบหลักฐานทีเปนภาพเขียน และภาพสลักเกียวกับเรืองราวของการผลิต เบียร์บนแผ่นหิน เบียร์ของอียิปต์ผลิตขึน โดยเอาขนมปงทีทําจากแปงข้าว บาร์เลย์ ทีเอาเมล็ดข้าวบาร์เลย์มาเพาะให้รากงอก แล้วเอามาปนหยาบๆ ผสม กับนาปนเปนก้อน ต่อจากนันจึงเอาไปปงไม่ต้องให้สุกดีแล้วเอาไปแช่นาหมักทิง ค้างคืนไว้ ขนมปงจะเริมบูดโดยเชือยีสต์ในอากาศและเกิดแอลกอฮอล์ขึน เมือ เอาไปกรองจะได้นาเบียร์สีขาวมีฟองรสเปรียว ใช้เปนเครืองดืม บางครังอาจมี ก า ร เ ติ ม ส มุ น ไ พ ร ล ง ไ ป เ พื อ ทํา ใ ห้ มี ก ลิ น ห อ ม \" (ภาพเขยี นวิธกี ารผลติ เบยี รใ์ นสมยั อียปิ ต์โบราณ) 15 บทที 1 ต้นกาํ เนิดของสุรา
ในสมยั อียปิ ต์นนั หลกั ฐานเกยี วกบั การดืมและหมกั เบยี รม์ ใี หเ้ หน็ อยูเ่ ยอะมาก เชน่ ภาพแกะ สลกั บนผนงั หลมุ ศพอียปิ ต์โบราณ แสดงกรรมวิธผี ลติ เบยี รท์ ีมกี ารทบุ จมกู ขา้ วหรอื บารเ์ ลย์ บางสว่ นจะถกู ทบุ หรอื ตําจนละเอียดแลว้ ผสมนาและปนเปนกอ้ นตากแหง้ ทิงไว้ นาํ มาต้ม กบั นาเปลา่ และเติมเชอื จุลนิ ทรยี เ์ พอื ใหเ้ กดิ การหมกั ตัว ทําใหเ้ บยี รส์ ตู รอียปิ ต์โบราณมคี วาม เขม้ ขน้ นอ้ ยกว่าเบยี รส์ ไตลส์ เุ มเรยี น สามารถเทใสถ่ ้วยและยกดืมได้โดยไมต่ ้องใชห้ ลอดดดู อีกต่อไป 16 บทที 1 ตน้ กําเนิดของสุรา
เอกลักษณข์ องสรุ าใน\"เมโสโปเตเมยี \" \"เบยี ร์ ไมไ่ ด้เปนเพยี งเครอื งดืมดับกระหาย แต่อียปิ ต์โบราณยงั สรา้ งวัฒนธรรมการดืมเบยี ร์ ขนึ มา เชน่ การดืมเบยี รว์ ันละ 2 เหยอื กเพอื เพมิ พลงั งานใหเ้ หลา่ แรงงานทาส โดยยุค ประชาชนควรดืมเบยี รว์ ันละ 2 เหยอื ก เกดิ ขนึ ในสมยั อาณาจักรกลางของอียปิ ต์โบราณทีมี ฟาโรหเ์ ปนประมขุ โดยฟาโรหม์ เี บยี รเ์ ปนเหมอื นสวัสดิการรฐั แจกจ่ายแกแ่ รงงานทาส เปน เบยี รห์ มกั จากบารเ์ ลยค์ นละ 2 เหยอื กต่อวัน เพอื ใหแ้ รงงานเหลา่ นนั มแี รงในการสรา้ ง พรี ะมดิ \" 17 บทที 1 ต้นกาํ เนดิ ของสุรา
18 บทที 1 ตน้ กําเนดิ ของสุรา
19 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
บทที 2 ประวัติของสุรา 20 บทที 2 ประวัตขิ องสุรา
ประวตั ิของ วสิ กี วิ ส กี ( W h i s k y ) ไ ม่ มี ใ ค ร รู้ แ น่ ชั ด ว่ า ก า ร ก ลั น สุ ร า นั น มี ม า ตั ง แ ต่ ส มั ย ใ ด แ ต่ เ ป น ไ ป ไ ด้ ว่ า ข น บ ก า ร ก ลั น สุ ร า เ กิ ด ขึ น ไ ม่ ตา ก ว่ า สี พั น ป แ ล้ ว ใ น ศ ต ว ร ร ษ ที 1 2 ก า ร ก ลั น เ ห ล้ า เ ริ ม เ ป น ที รู้ จั ก ใ น ท วี ป ยุ โ ร ป ห ลั ก ฐ า น เ ก่ า แ ก่ ที สุ ด ที อ้ า ง อิ ง ก า ร ก ลั น สุ ร า ใ น ส ก อ ต แ ล น ด์ นั น ม า จ า ก เ อ ก ส า ร ใ น ช่ ว ง ศ ต ว ร ร ษ ที 1 5 เ ป น คํา สั ง จ า ก ก ษั ต ริ ย์ ใ น ป 1 4 9 4 ใ ห้ เ ก็ บ เ กี ย ว ข้ า ว ม อ ล ต์ ใ ห้ เ พี ย ง พ อ ต่ อ ก า ร ผ ลิ ต \" a q u a v i t a e \" จํา น ว น 5 0 0 ข ว ด ภ า ษ า ล ะ ติ น ห ม า ย ถึ ง \" นา แ ห่ ง ชี วิ ต \" ชื อ เ ดี ย ว กั น ใ น ภ า ษ า เ ก ลิ ค ส ก อ ต แ ล น ด์ คื อ u i s g e b e a t h a ซึ ง เ ป น ที ม า ข อ ง คํา ว่ า วิ ส กี (ภาพวิสกขี อง Carolus) 21 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
เ ริ ม แ ร ก นั น วิ ส กี เ ป น เ ค รื อ ง ดื ม ชู กาํ ลั ง ที ก ลั น โ ด ย บ า ท ห ล ว ง เ ท่ า นั น ไ ม่ มี ก า ร บ่ ม วิ ส กี จ น สุ ก แ ต่ จ ะ นาํ ไ ป ใ ช้ ทั น ที ใ น ข ณ ะ ที ยั ง ดิ บ ๆ เ นื อ ง จ า ก เ ชื อ ว่ า เ ป น ย า ที นาํ ไ ป รั ก ษ า ตั ง แ ต่ โ ร ค อิ สุ ก อิ ใ ส จ น ถึ ง อั ม พ า ต ห ลั ง จ า ก นั น \" พ ร ะ เ จ้ า เ ฮ น รี ที แ ป ด \" ก็ ไ ด้ มี พ ร ะ ร า ช ดํา ริ ยุ บ อ า ร า ม แ ล ะ ขั บ ไ ล่ บ า ท ห ล ว ง อ อ ก ไ ป ส่ ง ผ ล ใ ห้ วิ ธี ก า ร ผ ลิ ต วิ ส กี ไ ด้ รั บ ถ่ า ย ท อ ด ไ ป ยั ง ค รั ว เ รื อ น แ ล ะ บ้ า น ส ว น ไ ร่ น า ข อ ง ช า ว ส ก๊ อ ต ช์ ทั ว ไ ป เ มื อ เ ว ล า ผ่ า น ไ ป ก ร ร ม วิ ธี ก า ร ก ลั น วิ ส กี ใ น ค รั ว เ รื อ น ไ ด้ รั บ ก า ร ป รั บ ป รุ ง แ ล ะ ค้ น พ บ ว่ า วิ ส กี ส า ม า ร ถ ส ร้ า ง ค ว า ม เ พ ลิ ด เ พ ลิ น ใ จ แ ก่ ผู้ ดื ม ไ ด้ (พระเจ้าเฮนรที ี 8) 22 บทที 2 ประวัตขิ องสุรา
ข้ า ม ไ ป ที ต้ น ศ ต ร ว ร ร ษ ที 1 9 วิ ส กี ก ล า ย เ ป น เ ค รื อ ง ดื ม ห ลั ก ใ น ส ก อ ต แ ล น ด์ บ า ง แ บ ร น ด์ มี จํา ห น่ า ย อ ย่ า ง แ พ ร่ ห ล า ย ต า ม ร้ า น ข า ย ข อ ง ชาํ พื น เ มื อ ง ป ญ ห า เ ดี ย ว ที พ บ คื อ วิ ส กี เ ห ล่ า นี มั ก มี ร ส ช า ติ ที ไ ม่ แ น่ น อ น วิ ส กี ที ดื ม อ ย่ า ง เ อ ร็ ด อ ร่ อ ย เ มื อ ว า น อ า จ มี ร ส ช า ติ ที เ ป ลี ย น ไ ป โ ด ย สิ น เ ชิ ง ใ น วั น ถั ด ไ ป ก็ ไ ด้ แ ต่ สาํ ห รั บ ช า ย ที ชื อ \" จ อ ห์ น นี ว อ ล์ ก เ ก อ ร์ \" เ จ้ า ข อ ง ร้ า น ข า ย ข อ ง ชาํ ใ น เ มื อ ง คิ ล ม า ร์ น็ อ ค วิ ส กี ที ผ ลิ ต ใ น ค รั ว เ รื อ น ยั ง ไ ม่ ดี พ อ เ ข า ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ ลู ก ค้ า เ พ ลิ ด เ พ ลิ น กั บ คุ ณ ภ า พ แ ล ะ ร ส ช า ติ ที ค ง เ ดิ ม ทุ ก ค รั ง ที ดื ม เ ข า จึ ง เ ริ ม ผ ส ม วิ ส กี เ ห ล่ า นั น ไ ว้ ด้ ว ย กั น จ น ก ร ะ ทั ง ส า ม า ร ถ ผ ลิ ต วิ ส กี ที เ ข า พ อ ใ จ แ ล ะ ใ ช้ ชื อ ต น เ อ ง เ ป น ชื อ แ บ ร น ด์ (ภาพวิสกขี อง Johnie Walker) 23 บทที 2 ประวตั ิของสุรา
24 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
25 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
26 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
ประวตั ิของ วอดก้า ว อ ด ก้ า ( V o d k a ) ม า จ า ก คํา ว่ า ว า ด า ( V o d a / В о д а ) ใ น ภ า ษ า รั ส เ ซี ย ที แ ป ล ว่ า นา ซึ ง ช า ว รั ส เ ซี ย ไ ด้ เ ริ ม รู้ จั ก ว อ ด ก้ า เ ป น ค รั ง แ ร ก ใ น ช่ ว ง ค ริ ส ต์ ศ ต ว ร ร ษ ที 1 2 แ ต่ ต้ น กาํ เ นิ ด ข อ ง ว อ ด ก้ า ยั ง ไ ม่ ส า ม า ร ถ ร ะ บุ ไ ด้ ชั ด เ จ น ว่ า ม า จ า ก ป ร ะ เ ท ศ ใ ด ร ะ ห ว่ า ง รั ส เ ซี ย แ ล ะ โ ป แ ล น ด์ จึ ง อ า จ ก ล่ า ว ไ ด้ ว่ า ว อ ด ก้ า มี ต้ น กาํ เ นิ ด ใ น แ ถ บ ยุ โ ร ป ต ะ วั น อ อ ก โ ด ย ใ น ช่ ว ง ค ริ ส ต์ ศ ต ว ร ร ษ ที 1 2 ว อ ด ก้ า ไ ด้ ถู ก นาํ เ ข้ า ม า ใ น รั ส เ ซี ย ค รั ง แ ร ก ผ่ า น พ่ อ ค้ า ที ชื อ จี โ น อิ ส ( G e n o e s e ) ที กาํ ลั ง เ ดิ น ท า ง ไ ป ลิ ธั ว เ นี ย โ ด ย ข ณ ะ ที เ ดิ น ท า ง ผ่ า น ม อ ส โ ก ไ ด้ มี โ อ ก า ส เ ข้ า เ ฝ า เ จ้ า ช า ย ด มิ ท รี อี ว า โ น วิ ช ( D m i t r y I v a n o v i c h ) จึ ง ไ ด้ ถ ว า ย ว อ ด ก้ า ที บ ร ร จุ อ ยู่ ใ น ภ า ช น ะ อ ย่ า ง ดี แ ก่ พ ร ะ อ ง ค์ แ ต่ อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม ค น ใ น ส มั ย นั น ยั ง ไ ม่ ค่ อ ย ใ ห้ ค ว า ม นิ ย ม กั บ ว อ ด ก้ า เ ห มื อ น เ ห ล้ า นา ผึ ง ( K v a s / Квас) (Dmitry Ivanovich) 27 บทที 2 ประวัตขิ องสุรา
28 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
ใ น ช่ ว ง ป ค . ศ . 1 4 2 9 ว อ ด ก้ า ไ ด้ ถู ก นาํ ม า (พระเจา้ อีวานที 3) ใ ช้ เ ป น ย า รั ก ษ า โ ร ค แ ล ะ นาํ ม า ว า ง บ น โ ต๊ ะ อ า ห า ร ใ น ส มั ย ข อ ง เ จ้ า ช า ย ว า สิ ลี ที 2 ( V a s i l y I I ) ซึ ง ว อ ด ก้ า ไ ด้ เ ป น ที รู้ จั ก ภ า ย ใ น พ ร ะ ร า ช ฐ า น ข อ ง พ ร ะ อ ง ค์ ว่ า เ ป น เ ค รื อ ง ดื ม ที แ ร ง ม า ก แ ต่ ส า ม า ร ถ เ จื อ จ า ง ไ ด้ ด้ ว ย นา อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม ด้ ว ย ลั ก ษ ณ ะ ภู มิ ป ร ะ เ ท ศ แ ล ะ ภู มิ อ า ก า ศ ข อ ง รั ส เ ซี ย ที ส า ม า ร ถ ป ลู ก ข้ า ว ไ ร ย์ แ ล ะ ข้ า ว ส า ลี ไ ด้ จํา น ว น ม า ก นั น จึ ง ทํา ใ ห้ เ กิ ด ก า ร ผ ลิ ต ว อ ด ก้ า จ า ก ธั ญ พื ช ขึ น โ ด ย ใ น ช่ ว ง ค ริ ส ต์ ศ ต ว ร ร ษ ที 1 5 ต า ม โ บ ส ถ์ แ ล ะ บ้ า น ข อ ง ช า ว บ้ า น เ ริ ม เ รี ย น รู้ วิ ธี ก า ร ผ ลิ ต ว อ ด ก้ า ที ทํา ม า จ า ก ข้ า ว ไ ร ย์ ข้ า ว ส า ลี ต่ อ ม า ใ น ส มั ย ข อ ง พ ร ะ เ จ้ า อี ว า น ที 3 ( I v a n I I I , I v a n t h e G r e a t ) ไ ด้ ท ร ง ค ว บ คุ ม ก า ร ผ ลิ ต ว อ ด ก้ า ทั ง ห ม ด แ ล ะ ไ ด้ เ กิ ด ก า ร ผู ก ข า ด ว อ ด ก้ า จ า ก รั ฐ ขึ น เ ป น ค รั ง แ ร ก ใ น ป ค . ศ . 1 4 7 4 29 บทที 2 ประวัติของสุรา
30 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
ต่อมาพระเจ้าอีวานที 4 ได้สร้างคาบัคให้เปนสถานบันเทิงเพือจําหน่ายเครือง ดืมแอลกอฮอล์สาํ หรับ Oprichnik โดยทีคาบัคนีจะรวบรวมเครืองดืมแอลกอฮอล์ไว้ มากมายซึงครอบคลุมไปถึงการผลิต และการได้รับการบริการทีสะดวกสบาย โดยส่วน ใหญ่ผู้คนจะมาเพือดืม ต่อสู้และเล่นการพนันจึงสามารถสร้างกาํ ไรจํานวนมหาศาลให้ แก่รัฐพระเจ้าอีวานที 4 จึงได้ออกกฎหมายให้วอดก้าเปนสินค้าผูกขาดกับรัฐเพียงผู้ เดียวทังในการผลิตและการจําหน่ายเหมือนในสมัยพระเจ้าอีวานที 3 จึงทําให้วอดก้า กลายเปนเครืองดืมประจําชาติของรัสเซียอย่างเปนทางการ (สถานบนั เทิงทีจําหนา่ ยเครอื งดืมแอลกอฮอล์ “Каbак”) 31 บทที 2 ประวตั ิของสุรา
ในป ค.ศ. 1700 พระเจ้าปเตอร์มหาราช (Peter I, Peter the Great) และ พระนางแคทเธอรีนที 2 (Catherine II) ทรงควบคุมการผลิตวอดก้าเองทังหมด และเปลียนแปลงรูปแบบในการผลิตรวมถึงกาํ หนดการขายวอดก้าให้มีระบบ แบบแผน เพือเปนการสร้างรายได้ให้กับรัฐมากยิงขึน ในป ค.ศ. 1751 สมเด็จพระจักรพรรดินีเอลิซาเบธ (Empress Elizabeth) แห่ง รัสเซียหรือทีรู้จักกันในนาม เยลิซาเวต้า เปโตรฟน่า ได้ตังโรงกลันเปนของตนเอง จึงทําให้วอดก้าเปนทีรู้จักและเปนทีคุ้นหูมากขึน ซึงในช่วงคริสต์ศตวรรษที 17 ป วอดก้ากลายเปนเครืองดืมในเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ ทังในสภาและโบสถ์ ในช่วงตอนกลางของคริสต์ศตวรรษที 18 พระนางแคทเธอรีนที 2 ได้ทรงล้มเลิก ระบบผูกขาดวอดก้าทีให้รัฐเปนเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว และทรงให้รัฐบาลจัดตัง ก า ร ป ร ะ มู ล เ พื อ จํา กั ด จํา น ว น ผู้ ที ไ ด้ รั บ อ นุ ญ า ติ ใ น ก า ร ผ ลิ ต แ ล ะ ก า ร ค้ า ข า ย ว อ ด ก้ า 32 บทที 2 ประวัตขิ องสุรา
จ น ก ร ะ ทั ง ใ น ช่ ว ง ค ริ ส ต์ ศ ต ว ร ร ษ ที 1 9 รั ส เ ซี ย ไ ด้ ถู ก รุ ก ร า น จ า ก ฝ รั ง เ ศ ส จ น ก่ อ ใ ห้ เ กิ ด ส ง ค ร า ม น โ ป เ ลี ย น 9 ขึ น ใ น ป ค . ศ . 1 8 1 2 จึ ง ทํา ใ ห้ รั ส เ ซี ย ต้ อ ง ป ร ะ ส บ กั บ ป ญ ห า เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ยา แ ย่ ค่ า เ งิ น ต ก ตา รั ฐ บ า ล จึ ง จํา เ ป น ต้ อ ง ยึ ด ก ร ร ม สิ ท ธิ ก า ร ค ร อ บ ค ร อ ง โ ร ง ง า น ว อ ด ก้ า เ มื อ ส ง ค ร า ม กั บ น โ ป เ ลี ย น สิ น สุ ด ล ง ว อ ด ก้ า รั ส เ ซี ย จึ ง ไ ด้ ก ล า ย เ ป น ที นิ ย ม เ ป น อ ย่ า ง ม า ก ใ น ฝ รั ง เ ศ ส ร ะ บ บ ก า ร ผ ลิ ต แ ล ะ ก า ร จั ด จํา ห น่ า ย ว อ ด ก้ า ใ น รั ส เ ซี ย เ ริ ม มี ก า ร เ ป ลี ย น แ ป ล ง โ ด ย มี ก า ร นาํ ร ะ บ บ ภ า ษี อ า ก ร สุ ร า เ ข้ า ม า ใ ช้ ใ น ป ค . ศ . 1 8 9 3 โ ด ย ซ า ร์ อ เ ล็ ก ซ า น เ ด อ ร์ ที 3 ( A l e x a n d e r I I I ) ท ร ง เ ป น ผู้ ผู ก ข า ด ก า ร ผ ลิ ต แ ล ะ ก า ร จั ด จํา ห น่ า ย ว อ ด ก้ า ม า จ น ถึ ง ใ น ป ค . ศ . 1 8 9 4 จึ ง ไ ด้ ท ร ง กาํ ห น ด ม า ต ร ฐ า น ว อ ด ก้ า ใ ห้ แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ อ ยู่ ใ น ป ริ ม า ณ 35-50% 33 บทที 2 ประวัตขิ องสุรา
34 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
(อเล็กซานเดอรท์ ี 3) 35 บทที 2 ประวัตขิ องสุรา
ต่ อมาใน ค.ศ. 1904-1905 ซึงอยู่ระหว่ างช่วงที ทําสงครามกับญีปุ น ได้ มีข้อกาํ หนดห้ามดื มวอดก้าขึนเปนครังแรกและครังที สองใน ค.ศ. 1914- 1918 ซึงเปนช่วงสงครามโลกครังที 1 เพือให้เหล่าพลทหารในกองทั พมีสติ และตั งใจในการต่ อสู้กับเหล่าข้าศึก และได้ สินสุดลงเมือสงครามจบ ในเดื อนพฤศจิ กายน ป ค.ศ. 1917 อํานาจของโซเวี ยตใหม่ก็ได้ เข้ามาทําลาย เครืองดื มแอลกอฮอล์ที มีอยู่ทั งหมดโดยพยายามจะทําให้เครืองดื ม แอลกอฮอล์นันหายไป จนใน ป ค.ศ. 1921-1922 ไวน์และเบียร์ได้ ถูกนาํ กลับ มาขายอย่างอิ สระอี กครัง โดยในช่วงนันวอดก้ามียอดขายที ลดลง เมือถึ งยุ คของโจเซฟ สตาลิน มีการยกเลิกกฎหมายการห้ามดื มวอดก้าจาก รัฐบาลโซเวี ยตในป ค.ศ. 1925 และได้ มีการขยายการผลิตวอดก้ารวมถึ งการ เพิมระดั บปริมาณแอลกอฮอล์ในวอดก้าให้มีดี กรีที สูงมากขึน นอกจากนีใน สงครามโลกครังที 2 วอดก้ายังถูกนาํ มาใช้เปนเครืองมือให้แก่พลทหารใน กองทั พ โดยทุกมือของอาหารสามารถดื มวอดก้าได้ 36 บทที 2 ประวตั ิของสุรา
ใ น ป ค . ศ . 1 9 8 5 น า ย มิ ค า อิ ล ก อ ร์ บ า ช อ ฟ ไ ด้ ขึ น ม า ดํา ร ง ตํา แ ห น่ ง เ ล ข า ธิ ก า ร พ ร ร ค ค อ ม มิ ว นิ ส ต์ โ ด ย ก อ ร์ บ า ช อ ฟ เ อ ง ไ ม่ ชื น ช อ บ ใ น ก า ร ดื ม เ ค รื อ ง ดื ม แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ เ ข า ไ ด้ เ ห็ น ถึ ง อั ต ร า ก า ร ก า ร เ ติ บ โ ต ข อ ง ผู้ ดื ม เ ค รื อ ง ดื ม แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ ที สู ง ขึ น ม า ก ใ น ป ค . ศ . 1 9 8 0 โ ด ย มี ก า ร จั ด ตั ง โ ค ร ง ก า ร ร ณ ร ง ค์ ต่ อ ต้ า น ก า ร ดื ม เ ค รื อ ง ดื ม แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ ใ น ป ค . ศ . 1 9 8 5 แ ล ะ อ อ ก น โ ย บ า ย เ พื อ ส นั บ ส นุ น ต่ อ โ ค ร ง ก า ร ด้ ว ย แ ต่ ก า ร ร ณ ร ง ค์ ดั ง ก ล่ า ว นั น ยั ง ไ ม่ ค่ อ ย ป ร ะ ส บ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ เ ท่ า ที ค ว ร เ นื อ ง จ า ก ไ ม่ ไ ด้ รั บ ค ว า ม นิ ย ม จ า ก ส า ธ า ร ณ ช น (มคิ าอิล กอรบ์ าชอฟ) 37 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
ใ น ช่ ว ง ป ค . ศ . 1 9 9 1 บ อ ริ ส เ ย ล ต์ ซิ น ขึ น ดํา ร ง ตํา แ ห น่ ง ป ร ะ ธ า น า ธิ บ ดี ค น แ ร ก ข อ ง ส ห พั น ธ รั ฐ รั ส เ ซี ย ห ลั ง ก า ร ล่ ม ส ล า ย ข อ ง ส ห ภ า พ โ ซ เ วี ย ต ใ น ป ค . ศ . 1 9 9 2 แ ล ะ ไ ด้ ป ร ะ ก า ศ ย ก เ ลิ ก ก า ร ผ ลิ ต แ ล ะ ก า ร จํา ห น่ า ย ว อ ด ก้ า ที รั ฐ เ ป น ผู้ ผู ก ข า ด แ ต่ เ พี ย ง ผู้ เ ดี ย ว ทํา ใ ห้ ช่ ว ง นั น รั ส เ ซี ย เ ต็ ม ไ ป ด้ ว ย ว อ ด ก้ า ร า ค า ถู ก ที มี คุ ณ ภ า พ ตา ทํา ใ ห้ ภ า ย ใ น 1 ป ร า ย ไ ด้ ห ลั ก ข อ ง รั ส เ ซี ย ที ม า จ า ก ว อ ด ก้ า ต ก ล ง อ ย่ า ง ร ว ด เ ร็ ว จ น ก ร ะ ทั ง เ ย ล ต์ ซิ น ไ ด้ ตั ด สิ น ใ จ ย ก เ ลิ ก ร ะ บ บ ดั ง ก ล่ า ว แ ล ะ ใ ห้ รั ฐ ก ลั บ ม า เ ป น ผู้ ผู ก ข า ด อี ก ค รั ง ทั ง ก า ร เ ก็ บ ภ า ษี ก า ร ข า ย ส่ ง แ ล ะ ก า ร ข า ย ป ลี ก ข อ ง ผ ลิ ต ผ ล แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ ทั ง ห ม ด ใ น ป ค . ศ . 1 9 9 3 แ ต่ ไ ม่ ค่ อ ย ป ร ะ ส บ ค ว า ม สาํ เ ร็ จ เ ท่ า ที ควร (บอรสิ เยลต์ซนิ ) 38 บทที 2 ประวัตขิ องสุรา
ใ น ช่ ว ง ป ค . ศ . 2 0 0 0 ว ล า ดิ มี ร์ ปู ติ น ไ ด้ ช น ะ ก า ร เ ลื อ ก ตั ง แ ล ะ เ ข้ า ดํา ร ง ตํา แ ห น่ ง ป ร ะ ธ า น า ธิบ ดี ต่ อ จ า ก เ ย ล ต์ ซิ น โ ด ย ปู ติ น ไ ด้ พ ย า ย า ม เ ร่ ง แ ก้ ไ ข ป ญ ห า แ ล ะ ค ว บ คุ ม ก า ร ผ ลิ ต ก า ร บ ริ โ ภ ค เ ค รื อ ง ดื ม แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ เ ถื อ น แ ล ะ ก า ร ก ลั น ว อ ด ก้ า ผิ ด ก ฎ ห ม า ย เ พื อ ล ด จํา น ว น ก า ร เ สี ย ชี วิ ต ข อ ง ช า ว รั ส เ ซี ย แ ล ะ อ อ ก ก ฎ ห ม า ย เ พื อ ค ว บ คุ ม แ ล ะ ป ร า บ ป ร า ม ก า ร ผ ลิ ต ว อ ด ก้ า ที ผิ ด ก ฎ ห ม า ย ซึ ง ปู ติ น ก็ ส า ม า ร ถ จั ด ก า ร กั บ ป ญ ห า ที เ กิ ด ขึ น ไ ด้ ดี (วลาดิมรี ์ ปูติน) 39 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
ต่ อมาในป ค.ศ. 2008 ดมิทรี เมดเวเดฟ ได้ ดํารงตําแหน่งประธานาธิบดี ซึง มาตรการและความคิ ดเห็นของเมดเวเดฟนันก็เหมือนกับปู ติ น จึ งได้ ออก มาตรการจํากัดเวลาในการจําหน่ายแอลกอฮอล์ขึนโดยสามารถจําหน่ายได้ ใน ช่วงเวลา 23.00 น. ถึ ง 8.00 น. รวมทั งยังมีการเพิมภาษีเครืองดื ม แอลกอฮอล์ทุกชนิดและการห้ามดื มแอลกอฮอล์ในที สาธารณะ เพือลดการก่อ อาชญากรรมและสร้างสุขภาพที ดี ของคนรัสเซียเนืองจากสาเหตุหลักที ทําให้ อั ตราการตายคนรัสเซียเพิมขึนเกิดจากการดื มแอลกอฮอล์ รัฐบาลจึ งมีการ เพิมภาษีวอดก้า เพือเปนแนวทางในการแก้ไขการดื มวอดก้าให้น้อยลง (ดมิทรี-เมดเวเดฟ) 40 บทที 2 ประวตั ิของสุรา
41 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
ประวตั ิของ จนิ จิ น ห รื อ ยิ น เ ป น เ ห ล้ า สี ข า ว ที มี ก ลิ น ห อ ม ข อ ง ผ ล จู นิ เ ป อ ร์ ทํา ม า จ า ก ก า ร ก ลั น ข้ า ว ห รื อ G r a i n แ ล ะ ผ ส ม ก ลิ น ร ส ช า ติ ข อ ง ส มุ น ไ พ ร แ ล ะ ผ ล จู นิ เ ป อ ร์ เ ป น ที นิ ย ม กั น ม า ก ใ น ฮ อ ลั น ด า ส มั ย ก่ อ น จึ ง เ รี ย ก จิ น ว่ า “ D u t c h C o u r a g e ” แ ล ะ ไ ด้ รั บ ก า ร เ ป ลี ย น ชื อ ใ ห้ เ รี ย ก สั น ๆ ว่ า G i n 42 บทที 2 ประวัตขิ องสุรา
จิน มีต้นกาํ เนิดมาจากประทศอังกฤษ เดิมนัน Gin (จิน) ถือเปน ยาสมุนไพร โดยมีชือว่า Genever ถูกคิดค้นขึนในประเทศ Holland ใน ป 1650 โดย Dr.Franciscus de La Boe ทีพยายามคิดค้นยารักษาความบกพร่อง ของระบบไต ด้วยการผสมแอลกอฮอล์ เข้ากับธัญพืชพืนเมืองต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทัง ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด และทีขาดไม่ได้คือ Juniper Berries (จูนิเปอร์ เบอร์ รี ) 43 บทที 2 ประวตั ิของสุรา
Juniper berries 44 บทที 2 ประวตั ขิ องสุรา
(Dr.Franciscus de La Boe) 45 บทที 2 ประวัตขิ องสุรา
Search