Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore JOHANES VERMEER

JOHANES VERMEER

Published by Kachornpon, 2016-09-20 14:22:46

Description: JOHANES VERMEER
13580532_ทนากร-คำลิตร_นิเทศศาสตร์(TV)

Search

Read the Text Version

JOHANES VERMEER■ Detail of the painting The Geographer (c. 1668-1669), a hand sign of Vermeer.



INTRO- DUCTION ศลิ ปะบาโรกเกิดข้ึนเม่ือประมาณครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 16 สบื ต่อจากศิลปะสมยั ฟืน้ ฟศู ิลปวิทยาการ และเสือ่ มความนิยมเม่อื ประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 ลักษณะของศลิ ปะบารอกเปล่ียนแปลงจากศลิ ปะสมัยฟน้ื ฟูศิลปวทิ ยา ซ่ึงแสดงอารมณ์สงบนงิ่ แฝงปรัชญามาเป็นอารมณ์พลุ่งพลา่ น แสดงความดนิ้ รนเคลอ่ื นไหว หรือสรา้ งให้มีรปู ทรงบิดผนั จนเกินงาม หรอื ประณีตบรรจงเกินไปและเนน้ บรรยากาศโอ่อ่าหรหู ราเปน็ พเิ ศษ ศิลปะแนวนรี้ ุ่งเรอื งมากในประเทศอิตาลี และกล่มุ ประเทศคาทอลิก โยฮัน เฟอร์เมร์ เปน็ จติ รกรชาวดัตช์ มีผลงานในดา้ นศิลปะบาโรก มกัวาดภาพทแ่ี สดงถึงชวี ติ ประจำ�วนั ธรรมดาของคน เขาใช้ชวี ิตอยูใ่ นเมอื งเดลฟท์และเป็นจติ รกรที่ประสบความสำ�เรจ็ พอสมควรในเมืองของเขา เฟอร์เมร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นจิตรกรท่ีย่ิงใหญ่ท่ีสุดคนหนึ่งในสมัยยุคทองของเนเธอรแ์ ลนด์ และเปน็ ท่ยี อมรบั ในเรื่องเทคนคิ การใชแ้ สงในผลงานของเขา หากมขี อ้ ผิดพลาดประการใด ขออภยั ไว้ ณ ท่นี ีด้ ว้ ย ทนากร คำ�ลติ ร



CCONTENTJOHANES VERMEER 2BIOGRAPHY 3STYLE & TECHNIQUE 8CAMERA OBSCURA 10PANITINGS BY JOHANES VERMEER 11BIBLIOGRAPHY 63

1 Detail of the painting The Procuress (c. 1656), considered to be a self portrait by Vermeer.

2 JOHANES VERMEER โยฮันเนิส ไรเนียส์โซน เฟอรเ์ มร์ (JohannesReynierszoon Vermeer) หรอื โยฮนั เฟอร์เมร์ (JohanVermeer) เปน็ จิตรกรชาวดตั ช์ มผี ลงานในดา้ นศลิ ปะบาโรก มักวาดภาพท่ีแสดงถงึ ชีวติ ประจ�ำวันธรรมดาของคนเขาใช้ชีวติ อยใู่ นเมืองเดลฟท์ และเป็นจิตรกรที่ประสบความส�ำเรจ็ พอสมควรในเมอื งของเขา แต่ว่าไม่ได้รำ่� รวยเปน็ พิเศษเพราะสรา้ งผลงานค่อนข้างน้อย เฟอรเ์ มรถ์ กู ลมื ไปกวา่ สองรอ้ ยปี และกลบั มามีชอ่ื เสียงอกี ครัง้ เม่ือนักวิจารณ์ศลิ ปะชอ่ื ตอเร-เบอื รเ์ กอร์(Thoré-Bürger) เขยี นบทความระบุภาพ 66 ภาพว่าเป็นของเขา (แตม่ ีเพยี ง 35 ภาพทเ่ี ปน็ ท่ยี อมรบั อย่างแนน่ อนวา่ เป็นของเขาในปจั จุบนั )

3 BIO- GRAPHY■ Johanes Vermeer ประวัติของเฟอร์เมร์น้ันค่อนข้างจะ โยฮันเนสิ เฟอรเ์ มร์ คลุมเครอื เขาเป็นผทู้ ี่ทมุ่ เทใหก้ ับศิลปะ เท่าน้นั ขอ้ มลู เกย่ี วกับชีวติ ของเขานั้น มาจากการลงทะเบยี น เอกสารทางการ และคำ�วิจารณจ์ ากศลิ ปนิ คนอื่น ๆ จึง ทำ�ให้ตอเร-เบือรเ์ กอร์ (Thoré-Bürger) เรยี กเขาวา่ “สฟิงซ์แหง่ เมืองเดลฟท์” เฟอร์เมร์ เกดิ มาในครอบครวั ชนชน้ั กลาง ในเมืองเดลฟท์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ หลังจากน้ันไม่ก่ีวันเขารับศีลบัพติศมาเมื่อ วันท่ี 31 ตลุ าคม ค.ศ. 1632 พ่อของเขา คือ Reijnier Janszoon มาจากครอบครัว ของชา่ งฝมี อื ในเมืองเดลฟ์ และในปี 1625 พ่อของเขาได้เร่ิมเป็นตัวแทนการขายงาน ศิลปะ ส่วนแมข่ องเขาคอื Digna Baltens ท่ีมภี ูมหิ ลังจากเฟลมชิ การท่ีพอ่ ของเขา เปน็ ตัวแทนการขายงานศลิ ปะ ท�ำ ให้เฟอร์- เมร์ได้ซึมซับคุณค่างานศิลปะชั้นยอดของ ศิลปนิ ทมี่ ีช่ือเสียง

4■ ภาพถา่ ยมมุ สงู ของเมอื งเดลฟ์ ประเทศเนเธอร์เเลนด์เมอื่ พ่อของเขาจากไปในปี ค.ศ. 1652 เขาท้ังสองย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของและไดท้ ิ้งหนส้ี ินไว้จ�ำ นวนหน่งึ ท�ำ ให้ แม่ยายซึง่ มฐี านะรำ�่ รวยกว่า เฟอร์เมร์เฟอร์-เมร์หาทางสร้างงานศิลปะเพ่ือราย อาศยั อยูท่ ่ีนัน่ ตลอดชวี ิต โดยวาดภาพในไดท้ เ่ี พ่มิ ขน้ึ ด้วยการเรยี นรู้ด้วยตัวเอง ห้องดา้ นหนา้ บนชั้นสอง ภรรยาของเขาจากงานศิลปะช้ินเอกในยุคนัน้ ให้ก�ำเนดิ บุตรถึง 15 คน แต่มี 4 คนที่การเเต่งงานเเละครอบครัวของเฟอร์- เสียชวี ิตตอนเกิดเมร์แม้ว่าเฟอร์เมร์จะมาจากครอบครัวโ ป ร เ ต ส แ ต น ต์ แ ต่ เข า ก ลั บ แ ต่ ง ง า น กั บ กาตารีนา โบลเนิส (Catharina Bo-lenes) ซง่ึ นับถอื นิกายโรมันคาทอลิก

5 ■ Guild of Saint Luke

“ในวนั ท่ี 29 ธนั วาคม 1653 เฟอร์- 6เมรไ์ ดเ้ ขา้ เปน็ สมาชิกของ สมาคมชา่ งนกั การศึกษาและการฝึกหรือขายภาพเขียนบญุ ลูกา (Guild of Saint Luke) เปน็ ใหแ้ ก่สาธารณชน กฎทค่ี ลา้ ยคลงึ กนัสมาคมการคา้ สำ�หรับจติ รกร เช่นเดียว ปฏิบัติท่ีเดลฟท์ที่ผู้ท่ีเป็นสมาชิกของกับพอ่ ของเขาในปี 1625 ท่พี ่อของเขา สมาคมเท่านั้นที่จะมีสิทธิขายภาพเขียนเป็นตัวแทนการขายงานศิลปะ” หรอื ตัง้ หอ้ งเขียนภาพได้ สมาคมแรก ๆ ในอันทเวิร์พและบรูจส์สร้างหลักเกณฑ์ Guild of Saint Luke ที่ใช้เป็นตัวอย่างในการก่อตั้งสมาคมใน เมืองอืน่ ๆ แม้แตก่ ฎการตัง้ ห้องเขียนสมาคมชา่ งนกั บญุ ลูกา (Guild of Saint ภาพหรือการต้ังแผงขายภาพโดยตรงต่อ สาธารณชนLuke) เป็นชอ่ื ท่ใี ช้กนั โดยทวั่ ไปส�ำหรบั สมาคมช่างนักบุญลูกาไม่แต่เพียงเป็นผู้สมาคมชา่ งจติ รกรและศิลปินอน่ื ๆ ทาง แทนจิตรกร ประติมากร และทศั นศิลปนิตอนเหนือของยุโรปโดยเฉพาะในบริเวณ แตย่ ังรวมถงึ ผคู้ ้าขายศิลปะ ศลิ ปนิ สมัครกล่มุ ประเทศแผน่ ดนิ ต�่ำ เป็นชอื่ ทต่ี ้งั เปน็ เลน่ และแมแ้ ตผ่ ู้รกั ศิลปะ (liefheb-เกียรติแก่นักบุญลูกาผู้นิพนธ์พระวรสาร bers) แต่เมือ่ ศิลปนิ กอ่ ต้งั เป็นสมาคมที่ต�ำนานกล่าวกันว่าเป็นผู้วาดภาพ เซนต์ลูคขึ้นมาต่างหากโดยเฉพาะในเหมอื นของพระแมม่ ารยี ์ ฉะนนั้ นักบญุ เนเธอรแ์ ลนด์ ความแตกต่างของผู้เปน็ลูกาจึงกลายมาเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ สมาชกิ กเ็ ปล่ยี นไป นอกจากจากกฎจิตรกรและศลิ ปินโดยทัว่ ไป ทั่วไปเกี่ยวกับการอาชีพแล้วโดยทั่วไปส ม า ค ม ช่ า ง นั ก บุ ญ ลู ก า ที่ มี ชื่ อ เ สี ย ง สมาคมก็ยังมีอำ�นาจในการตัดสินข้อขัดท่สี ุดก่อต้งั ข้ึนท่ีอนั ทเวิร์พ จนปี ค.ศ. แย้งระหวา่ งศลิ ปนิ กับศิลปิน หรอื ศลิ ปิน1795 ก็ได้หมดอำ�นาจลง ในเมอื งต่างๆ กบั ลกู คา้ ด้วย สรุปแล้วสมาคมก็มีอำ�นาจรัฐบาลท้องถิ่นมอบอำ�นาจให้สมาคม ควบคุมอาชีพส่วนบุคคลของจิตรกรที่อยู่ออกกำ�หนดเก่ียวกับอาชีพภายในแต่ละ ในเมอื ง เเละศลิ ปินทีไ่ มม่ สี มาคมจะไดไ้ ม่เมอื งทีส่ มาคมตงั้ อยู่ ฉะนน้ั สมาชกิ ของ ต้องแก่งแย่งกันเองสมาคมจึงต้องเป็นมาสเตอร์ที่ต้องได้รับ

7 เฟอรเ์ มร์เสยี ชีวติ ในปี ค.ศ. 1675 ดว้ ยโรคเลอื ดใน สมองหรอื หวั ใจวาย เมือ่ อายุเพยี ง 43 ปี เกิดจากความเครยี ด ในหลายๆด้านรมุ่ เรา้ อย่างปัญหาทางด้านการเงนิ ของ ครอบครัวที่เรม่ิ ยำ�่ แยล่ ง เพราะมหี น้สี ิน เเละผลพวงมาจาก เศรษฐกิจไม่ดีเนื่องจากสงครามระหว่างฝรั่งเศสและ เนเธอร์แลนด์ ในปี 1672 อีกทั้งตลาดการค้างานศลิ ปะลม่ สลาย ท�ำใหร้ ายได้จากภาพเขยี นของเขาทมี่ ีราคาสูงก็ได้ สญู หายไปด้วย

STYLE 8& TECHNIQUEภาพวาดของเฟอร์เมร์มุ่งเน้นไปท่ีชีวิตประจ�ำวันจากละแวกใกล้เคียงในเมอื งเดลฟ์ เร่ืองของเขาแสดงให้เห็นถงึ คนธรรมดาทว่ั ไป ในศตวรรษท่ี 17 เฟอรเ์ มรเ์ ปน็ ทีน่ ยิ มในดา้ นงานท่เี นน้ ความเป็นจรงิ และด้วยเหตนุ ีท้ �ำใหเ้ ขาสามารถอธบิ ายไดถ้ งึ “การเปน็ จติ รกรของประชาชนเพ่ือประชาชน” ■ The art of chiaroscuro คา่ ตา่ งแสง กิอารอสกโู ร■ เพื่อสร้างส่ิงท่ีอัศจรรย์ในเร่ืองของแสงและCamera obscura in Encyclopédie, ou dictionnaire เงา ซ่ึงเช่ือกันวา่ เฟอร์เมร์ใชก้ ลอ้ งทาบเงาraisonné des sciences, des arts et des métiers. (camera obscura) มีลกั ษณะเป็นกลอ่ ง18th century ท่ีมีหลุมและมเี ลนสอ์ ยู่ในน้นั ภายในกล่อง จะทาสีขาวและใช้ชุดของเลนส์และกระจก มนั โดยสะท้อนภาพจากภายนอกเขา้ สู่ ภายในกล้อง มันจะทำ�ใหแ้ สงมีความหนา แนม่ ากขึ้น และเกดิ เงาทีช่ ดั เจนจะช่วยให้ ศิลปินดูรายละเอียดของแสงและเงาบน พ้ืนผิวของวัตถุ เฟอร์เมร์ได้ใช้หลักการนี้ กับภาพวาด เช่น The Lady with the Red Hat และ The Lacemaker

9 ■ camera obscura

10 CAMERA OBSCURA กล้องทาบเงา (camera obscura) คือเครอ่ื งมอื ท่ใี ช้สำ�หรับเป็นเคร่ืองช่วยในการวาดภาพของจิตรกรและศิลปินในศตวรรษที่ 17-18 รปู แบบของกล้องมอี ย่หู ลายลักษณะ ก่อนท่ีจะพฒั นามาเปน็ กล้องถ่ายภาพในปัจจบุ ันมีลกั ษณะเป็นกลอ่ ง 2 ใบซอ้ นกนั เล่อื นเข้าออกได้ กลอ่ งด้านหน้าติดเลนสส์ �ำ หรับรบั ภาพภายในกลอ่ งใบหลังมกี ระจกเงาวางท�ำ มมุ 45 องศาเพ่อื สะทอ้ นภาพขน้ึ มาท่กี ระจกฝ้า จติ รกรและศลิ ปนิ จะวางกระดาษและวาดภาพตามภาพทป่ี รากฏขนึ้ กลอ้ งทาบเงาเป็นต้นแบบท่พี ัฒนามาเปน็ กลอ้ งถ่ายภาพในยคุ แรก ๆ ของการถ่ายภาพ ก่อนทจ่ี ะพัฒนาตอ่ มาเร่ือย ๆ เป็นกล้องถ่ายภาพในปจั จุบนั

11 PAINTINGS BY JOHANES VERMEER ในส่วนงานศิลปะของเฟอร์เมร์ไม่มีบันทึก เก่ียวกับการเรียนด้านศิลปะเลยนักประวัติศาสตร์บาง คนก็อา้ งวา่ Leonaert Bramer นน้ั เปน็ คนฝกึ สอน เขา แต่กไ็ ม่มีหลกั ฐานท่ีแนช่ ัดและเมอ่ื เทยี บงานกนั ก็ ค่อนขา้ งมคี วามแตกต่าง และผู้เชี่ยวชาญบางท่านยังเช่ือว่าเฟอร์เมร์ อาจจะได้รับอิทธิพลมาจากงานของเรมบัรนต์ผ่าน งานของลูกศษิ ยข์ องเขากค็ ือ Carel Fabritius เป็นท่ีประจักษ์ว่าผลงานในช่วงต้นของเฟอร์ เมรน์ น้ั ไดร้ บั อิทธพิ ลมาจาก “คาราวัจโจ” ไม่ว่าจะ เป็น “The Procuress” (1656) “Diana and Her Companions” (1655-56) และ “Christ in the House of Mary and Martha” (c. 1655) ในตอน ท้ายของทศวรรษสไตล์ท่ีเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์เมร์ ก็เริม่ แสดงออกมาใหเ้ ห็น

12■Leonaert Bramer■Carel Fabritius■Michelangelo Merisi da Caravaggio

13 1650s ค.ศ. 1650 - 1659 “เฟอรเ์ มร์ไดว้ าดภาพนี้ขึ้น เเต่มีความแปลกตรงที่ ไดอาน่าน้ันจริงๆเเล้วเป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์แต่เขา สามารถวาดออกมาให้เหมือนกับเป็นคนๆหน่ึงที่จับ ต้องได”้ ■ Diana and her Companions c. 1653 - 1656 Oil on canvas 98.5 x 105 cm. (38 3/4 x 41 3/8 in.) Koninklijk Kabinet van Schilderijen Mauritshuis, The Hague

14



16 งานในช่วงน้ีของเฟอร์เมร์หลงรักในสไตล์ อิตาเลยี นบาโรก สามารถสังเกตไดจ้ ากงานของเขาในช่วง แรกๆจนถงึ ปจั จุบัน เทคนคิ และสไตลก์ ารวาดภาพของ เขายังเน้นทเี่ วลาต่างๆของเขาในสมาคมเซนตล์ ุค ซง่ึ ได รบั อทิ ธพิ ลมาจากโรงเรียนศลิ ปะอันทเวิรพ์ (Antwerp) โรงเรียนศิลปะแห่งนี้ชื่นชมผลงานของคาราวัจโจและ ศลิ ปินทด่ี ีอืน่ ๆอีกมากมาย■Christ in the House of Martha and Maryc. 1654 - 1655Oil on canvas160 x 142 cm. (63 x 55 7/8 in.)National Gallery of Scotland, Edinburgh



18 “ ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงชีวิตในสมัยนั้นเกี่ยวกับ โสเภณี ซง่ึ แตกตา่ งจากงานของเขาในชว่ งแรกทเี่ น้นใน เร่อื งของต�ำ นานและศาสนา อีทั้งภาพนเ้ี ฟอรเ์ มร์ยงั ได้ วาดตวั เองลงไปในภาพอีกดว้ ย”■The Procuressc.1656Oil on canvas143 x 130 cm. (56 1/8 x 51 1/8 in.)Gemäldegalerie Alte Meister (Old Masters Picture Gallery), Dresden

19

20■ A Maid Asleep c. 1657 Oil on canvas 87.6 x 76.5 cm. (34 1/2 x 30 1/8 in.) Metropolitan Museum of Art, New York“ภาพ “สตรหี ลบั ” ท่ีเขยี นในปี ค.ศ. 1657 เป็นภาพแรกๆ ทีเ่ ฟอรเ์ มรเ์ ขยี น อทิ ธิพลการเขยี นของแรมบรังด์ของตน้ ครสิ ต์ทศวรรษ 1640 ในงานเขียนในช่วงนีจ้ ะเห็นได้อย่างง่ายดายจากการใช้สีอันเรืองรองและการใช้ฝแี ปรงสีหนา (impasto) บนภาพ”

21 ภาพนี้แสดงถึงคุณสมบัติด้านหน่ึงของงานเขียน ของเฟอร์เมร์ในการแสดงความรู้สึกอันละเอียดอ่อนและ ความเป็นเอกลกั ษณ์ ความเดน่ ของภาพอยทู่ ่คี วามน่งิ และความเดน่ ของเนื้อหาของภาพ, ความหมกม่นุ และ ความหา่ งไกลจากโลกภายนอกของตวั แบบ สตรสี าวใน ภาพสนใจเพียงสิ่งเดียวคือจดหมายท่ีจับไว้ในมือและตั้ง อกตัง้ ใจอ่านเน้อื หาในจดหมายอยา่ งแนว่ แน่ วิธีการเขียนมาจากส่วนหน่ึงของแรมบรังด์ เฟอร์เมร์ใช้ปลายแปรงที่หนาเล็กๆแต้มเพื่อสร้างโครง ร่างของภาพ และเน้นด้วยการใช้ฝแี ปรงสหี นาแทนโทน สที ี่หนักกว่าเช่นเดียวกับช่างเขยี นจากเลย์เด็น ภาพเขยี น นเ้ี ป็นภาพเขยี นขนาดใหญ่ท่ที �ำ ให้เน้นความบอบบางของ แบบในภาพจากส่งิ แวดลอ้ มต่างๆ รอบตวั ■ A Girl Reading a Letter by an Open Window c. 1657 - 1659 Oil on canvas 83 x 64.5 cm. (32 3/4 x 25 3/8 in.) Gemäldegalerie Alte Meister (Old Masters Picture Gallery), Dresden



■ The Little Street c. 1657 - 1661 Oil on canvas 54.3 x 44 cm. (21 3/8 x 17 3/8 in.) Rijksmuseum, Amsterdam

24“ภาพวาดแสดงให้เหน็ ถนนทีเ่ งยี บสงบ และลักษณะชวี ิตท่วั ๆไปในยคุ ทองของดชั ต์” เเละน่คี ือสถานทใ่ี นปจั จุบนั ที่เป็นต้นเเบบของงานของเฟอรเ์ มรช์ ้นิ น้ี

25 1660s ค.ศ. 1660 - 1669 ่ สวนใหญ่ของผลงานชิ้นเอกของเฟอร์เมร์จะถูก สร้างขน้ึ ในชว่ งระยะเวลาน้ี ภาพวาดของเขาจะมีความ รุนแรงมากขนึ้ เน่อื งจากความยากล�ำ บากทางการเงนิ ท่ี เขาก�ำ ลังเผชญิ เฟอร์เมร์ได้สร้างรูปแบบใหม่ในการวาดภาพ ด้วยเทคนิคการจัดองค์ประกอบอย่างลึกซึ้งและซับซ้อน และเขายังวาดภาพให้คล้ายกับภาพลวงตาด้วยการวาด วัตถุและพน้ื ท่ีวา่ งแบบ 3 มิติ ในชว่ งน้ีศิลปนิ ยังใชก้ ล้องทาบเงา มาช่วยในการ สรา้ งงานอีกด้วย โดยใชเ้ ลนส์ และกระจกของกล้องใน การจดั แสง ■ Officer and Laughing Girl c. 1655-1660 Oil on canvas 50.5 x 46 cm. (19 7/8 x 18 1/8 in.) Frick Collection, New York

26

27■ The Milkmaid c. 1658-1661 Oil on canvas 45.5 x 41 cm. (17 7/8 x 16 1/8 in.) Rijksmuseum, Amsterdam

28“ ภาพ “สาวใช้ก�ำลังเทนม” ภาพๆนถี้ ือวา่ เปน็งานช้ินส�ำคญั ของเฟอรเ์ มร์ เขาได้น�ำเอากจิ กรรมในชวี ิตประจ�ำวนั ทวั่ ๆไปมาวาดภาพ ซึ่งจากภาพผหู้ ญงิ คนนี้คือสาวรบั ใช้ เธอสวมใส่เสอื้ ผ้าทีม่ ีความเรียบงา่ ยประกอบกับมีผ้ากันเปื้อนที่เอวของเธอเพื่อป้องกันส่ิงสกปรกี่ก�ำลังเทนมอยู่ในห้องท่ีมีแสงสว่างท่ีมาจากทางด้านซ้ายตรงหน้าต่าง ซงึ่ สาวรับใชน้ ั้นจะยืนอยตู่ รงเเสงสวา่ งเต็มๆและได้จุดจุดเล็กๆเป็นการเเสดงให้เห็นการสะท้อนของเเสง ถ้าหากสังเกตดีๆเเล้วจะเห็นวา่ เฟอรเ์ มร์ได้ใช้เเสงสว่างเป็นจุดน�ำสายตาได้ดีทีเดยี ว”

29■The Glass of Winec. 1658-1660Oil on canvas65 x 77 cm. (25 5/8 x 30 1/4 in.)Staatliche Museen Preußischer Kulturbesitz, Gemäldegalerie, Berlin

30 ■ The Girl with a Glass of Wine c. 1659-1660 Oil on canvas 78 x 67 cm. (30 3/4 x 26 3/8 in.)Herzog Anton Ulrich-Museum, Braunschweig (Brunswick)

31■Girl Interrupted in her Musicc. 1658-1661Oil on canvas39.3 x 44.4 cm. (15 1/2 x 17 1/2 in.)Frick Collection, New York

32 ■ View of Delft c. 1660-1661 Oil on canvas 98.5 x 117.5 cm. (38 3/4 x 46 1/4 in.)Koninklijk Kabinet van Schilderijen Mauritshuis, The Hague

33 ■ The Music Lesson c. 1662-1664 Oil on canvas 73.3 x 64.5 cm. (28 7/8 x 25 3/8 in.) The Royal Collection, The Windsor Castle

34 ■ Woman Holding a Balance c. 1662-1665 Oil on canvas 42.5 x 38 cm. (16 3/4 x 15 in.)National Gallery of Art, Washington D.C.

35

36 “ เป็นภาพสตรีท่ียืนหมกมุ่นกับการอ่าน จดหมายอยู่ริมหน้าต่างการจัดวางองค์ประกอบของภาพ นม้ี ีลกั ษณะท่ีง่าย โดยไม่มีหน้าต่างให้เห็นทางซ้ายของ ภาพเหมือนภาพอื่น แมแ้ ต่โต๊ะและเกา้ อท้ี ี่ตงั้ อยรู่ อบตวั ก็ หมดความส�ำคัญลงไป สิง่ ท่ขี วางความกลมกลืนของภาพ เพยี งอยา่ งเดยี วคอื แผนที่ขนาดใหญบ่ นผนัง การเขยี น ของเฟอร์เมร์เพ่ิมความละเอียดและฝีมือมากขึ้นในภาพ นี้ โดยใชส้ ีน�้ำเงนิ ของเสอื้ ของสตรเี ปน็ สีหลกั ภาพท่ีจัดอย่างง่ายโดยมีแสงอาบจากด้านซ้าย ของภาพโดยมผี นังเรยี บเปน็ ฉากหลงั กับแผนทส่ี อี อก น้�ำตาลเท่านั้นที่สร้างดุลยภาพกับแสงท่ีสาดมาจาก หนา้ ต่าง ความง่ายของภาพทสี่ ร้างความดงึ ดดู จากผู้ชม เป็นความสามารถในการสรา้ งงานชั้นเอกของเฟอรเ์ มร”์■Woman in Blue Reading a Letterc. 1662 - 1665Oil on canvas46.5 x 39 cm. (18 1/4 x 15 3/8 in.)Rijksmuseum, Amsterdam

37 ■ Young Woman with a Water Pitcher c. 1662 - 1665 Oil on canvas 45.7 x 40.6 cm. (18 x 16 in.) Metropolitan Museum of Art, New York

38 ■ Woman with a Lute c. 1662-1664 Oil on canvas 51.4 x 45.7 cm. (20 1/4 x 18 in.)Metropolitan Museum of Art, New York

39 ■ Woman with a Pearl Necklace c. 1662 - 1665 Oil on canvas 55 x 45 cm. (21 5/8 x 17 3/4 in.) Staatliche Museen Preußischer Kulturbesitz, Gemäldegalerie, Berlin

40■A Lady Writingc. 1665-1666Oil on canvas45 x 39.9 cm. (17 3/4 x 15 3/4 in.)National Gallery of Art, Washington D.C.

■ Girl with a Red Hat c. 1665-1667 Oil on panel 23.2 x 18.1 cm. (9 1/8 x 7 1/8 in.)National Gallery of Art, Washington, D.C.

42■Girl with a Flutec. 1665-1670Oil on panel20 x 17.8 cm. (7 7/8 x 7 in.)National Gallery of Art, Washington D.C.

43 โมนาลิซาแหง่ ทางเหนือ หรอื โมนาลิซาของชาวดตั ช์ “ เป็นภาพเขยี นสนี ้ำ� ทเ่ี ขียนเสรจ็ ในปี ค.ศ. 1665 ภาพๆนด้ี ูเเลว้ ท�ำให้ชวนคดิ ชวนสงสยั กับใบหนา้ ของเธอว่า เธอนน้ั เปน็ ใคร ท�ำไมต้องวาดเธอ เธอมคี วามส�ำคัญอะไร ใบหนา้ ของเธอน้นั ดูเหมือนมีความลบั ซ่อนอยู่ เเสงที่อย่ใู น ภาพวาดนั้นเหมือนเเสงท่สี ่องผ่านมาทางหนา้ ต่าง ท�ำให้ภาพ นนั้ ดสู วยงามเปน็ ธรรมชาติ” เทรซี เชวาเลียร์ (Tracy Chevalier) เขยี นนวนยิ าย ประวัติศาสตร์ชือ่ เดยี วกนั ในปี ค.ศ. 1999 โดยสรา้ งตวั ละคร สงิ่ แวดล้อม และเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ทน่ี �ำมาสภู่ าพวาดของ เฟอรเ์ มร์ นวนยิ ายได้รบั การสร้างเป็นภาพยนตรใ์ นชอื่ เดยี วกันในปี ค.ศ. 2003 และตอ่ มาเปน็ ละครในปี ค.ศ. 2008 ■ Girl with a Pearl Earring c. 1665-1667 Oil on canvas 46.5 x 40 cm. (18 1/4 x 15 1/4 in.) Koninklijk Kabinet van Schilderijen Mauritshuis, The Hague


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook