แผนการจัดการเรยี นรู กลมุ สาระการเรียนรู ชางอุตสาหกรรม รายวชิ า โลหะวทิ ยาเบ้อื งตน จดั ทาํ โดย นายภวู ศิ มณี ตาํ แหนง ครผู ชู ว ย โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห 31 ตําบลชา งเค่ิง อําเภอแมแจม จงั หวดั เชียงใหม สํานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ สํานกั งานการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ก คํานํา แผนการจัดการเรียนรู รายวิชาโลหะวิทยาเบ้ืองตน สาขาวิชาชางเชื่อมโลหะ ประเภทวิชา ชางอุตสาหกรรม ภายในเอกสารประกอบการเรียน มีส่ือประกอบการเรียนการสอน เพื่อใหผูเรียนไดเขาใจ ในเน้ือหาวิชาที่เรียนไดมาก ย่ิงขึ้น เนื่องจากวิชาโลหะวิทยาเปนวิชาท่ีมีวัสดุอุปกรณ รวมทั้งขั้นตอนในการทํางานจํานวนหลายข้ันตอน จึงจําเปน อยา งยง่ิ ท่จี ะมีเอกสารเพื่อใหป ระกอบการเรียนและเพือ่ เพมิ่ ความเขาใจของผเู รยี นมากย่งิ ข้นึ เน้ือหาของแผนการจัดการเรียนรูฉบับนี้ ประกอบดวยเนื้อหาทางดานทฤษฎีเรื่องสมบัติของโลหะ แผนภูมิ สมดุลของเหล็กคารไบด โครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP อิทธิพลของความรอนที่มีผลตองานเช่ือม การ ทดสอบเหล็ก และการปรบั ปรุงคุณสมบตั ขิ องโลหะโดยใชค วามรอ น ผูจัดทําขอขอบพระคุณเจาของหนังสือ ตํารา และเอกสารตาง ๆ ท่ีไดนํามาอางอิง ตลอดจนผูอํานวยการอดิ สรนายอดิสร แดงเรือน ผูอํานวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห๓๑ และคณะครูท่ีเก่ียวของทุกทานท่ีใหการ สนบั สนุนในการจดั ทําแผนการสอนจนสาํ เร็จลลุ ว งดว ยดี ภวู ิศ มณี
สารบญั ข คาํ นาํ หนา ท่ี สารบัญ ก คาํ อธบิ ายรายวชิ า ข ผังมโนทัศน 1 โครงสรา งรายวิชา 2 แผนการจดั การเรยี นรูห นวยท่ี ๑ เรื่อง สมบัตขิ องโลหะ 3 แผนการจดั การเรยี นรูหนวยที่ ๒ เร่ือง แผนภมู สิ มดุลของเหล็กคารไบด ๖ แผนการจัดการเรียนรหู นวยท่ี ๓ เรื่องโครงสรา งของโลหะแบบ ๑๐ ๑๔ BCC FCCและHCB ๑๘ แผนการจัดการเรยี นรูหนวยท่ี ๔ เร่ือง อทิ ธิพลของความรอนทมี่ ผี ล ๒๒ ๒๖ ตอบริเวณงานเช่ือม ๓๑ แผนการจดั การเรียนรหู นว ยท่ี ๕ เรื่องการทดสอบเหลก็ ๓๔ แผนการจดั การเรียนรหู นวยที่ ๖ เร่อื งการปรับปรุงคณุ สมบตั ิของโลหะ โดยใชความรอน แบบประเมนิ ผลคะแนน หลกั เกณฑการประเมินผลการปฏบิ ตั ิงาน
๑ คาํ อธิบายรายวิชา รายวิชา โลหะวทิ ยาเบื้องตน รหัสวชิ า ..ง๓๒๒o๕.. ช้ัน ม.5 เวลา ๔0 ช่วั โมง จาํ นวน 2 หนวยกติ คาํ อธบิ ายรายวิชา ศกึ ษาและเรียนรเู กย่ี วกบั โลหะวิทยาเบอื้ งตน คณุ สมบัตขิ องวสั ดุ กรรมวิธีการผลิตเหล็กชนดิ ตา งๆ การ ปรับปรงุ คณุ สมบตั ิของเหล็กกลาดวยความรอน การศึกษาโครงสรา งจลุ ภาคเน้อื โลหะ และการทดสอบความแขง็ ซงึ่ เปนพ้ืนฐานบนความกา วหนาทางโลหะวิทยาเปน หลกั เพ่ือนําไปประยกุ ตในวงการอตุ สาหกรรมเปนทั้งศาสตรและศิลป อยใู นตัว โลหะวยิ าคือศาสตรและศิลปแ หงการจดั หาและปรับปรงุ โลหะเพ่ือใหสอดคลองกับความตองการและความ พอใจของมลมนษุ ยชาติ โดยการใชกระบวนการเขาใจเกี่ยวกบั สมบัติของโลหะ โครงสรา งโลหะ แผนภูมิสมดลุ เหล็กและเหล็กคารไบดผลของความ รอ นจากการเชอื่ มทีม่ ตี องานเชอ่ื ม มีทกั ษะในการทดสอบหาสมบตั ิของโลหะไดตามหลักการ แสดงความรูเกี่ยวกบั โลหะวิทยาเบอื้ งตน ทดสอบสมบัตขิ องโลหะอยางงา ย ตรวจสอบโครงสรางจลุ ภาคและมหัพภาคของเหลก็ กลา ปลกู ฝงใหผ ูเ รียนมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม มีวนิ ัยมคี วามรบั ผิดชอบ สามัคคีในกลมุ มุงม่ันในการทํางาน บูรณาการกับหลัก ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง พอประมาณ มีเหตุผล มหี ลักภมู คิ มุ กนั มที ักษะการปฎบิ ัติงาน ความคดิ สรา งสรรค สามารถทาํ งานอยา งเปน ระบบ ระเบียบวินัย ตระหนกั ในคุณคาและเจตคติท่ดี ตี อ วิชาโลหะวทิ ยาเบ้ืองตน พรอมท้งั มสี มรรถนะและคุณลักษณะอนั พึงประสงค ตามแตเ หมาะสม จุดประสงคร ายวชิ า 1. เพอื่ ใหมีความเขาใจหลกั การเกยี่ วกบั สมบตั ิของโลหะ โครงสรา งโลหะ แผนภูมสิ มดุลเหล็ก- เหลก็ คารไบด ผลของความรอ นจากการเชื่อมทมี่ ตี อ การเช่ือม 2. เพ่ือใหม ที กั ษะในการปฏิบัตงิ านดา นโลหะวิทยาเบือ้ งตน ตามมาตรฐาน 3. เพื่อใหมเี จตคตทิ ่ดี ตี อการปฏบิ ัตงิ านดา นโลหะวทิ ยาเบือ้ งตน รวมท้ังหมด 3 จดุ ประสงค
๒ ผงั มโนทัศน รายวชิ าโลหะวทิ ยาเบอ้ื งตน รหสั วชิ า ง๓๒๒o๕ ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 5 ภาคเรยี นท่ี ๑ ปก ารศึกษา 256๔ ช่อื หนวย 1. สมบตั ิของโลหะ ชอ่ื หนวย 2. แผนภูมิสมดลุ ของ เหล็กคารไบด จํานวน 6 ชวั่ โมง : 10 คะแนน จํานวน 8 ชวั่ โมง : 10 คะแนน ชอื่ หนว ย 3.โครงสรา งของโลหะ แบบ BCC FCC และHCP จํานวน 7 ชว่ั โมง : 10 คะแนน รายวชิ า โลหะวิทยาเบอ้ื งตน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 จํานวน 40 ช่ัวโมง ชอื่ หนวย ๖.การปรบั ปรงุ คณุ สมบัติ ชอื่ หนว ย ๔ .อิทธิพลของความรอ นท่ี ของโลหะโดยใชความรอ น มผี ลตอ บรเิ วณงานเชอ่ื ม จาํ นวน 7 ชวั่ โมง : 10 คะแนน จํานวน 5 ช่วั โมง : 10 คะแนน ชือ่ หนวย 5. การทดสอบเหลก็ จํานวน 7 ช่ัวโมง : 10 คะแนน
โครงส รายวชิ า โลหะวทิ ยาเบ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 5 ภ รหัส มฐ.ตัวชวี้ ัด/ ที่ ช่อื หนวย ผลการเรยี นรู 1 หนวยท่ี 1 สมบตั ขิ องโลหะ 1. นกั เรียนแยกประเภทของสมบัตขิ องโลหะได 2. นักเรยี นเลือกโลหะวิทยาเบอ้ื งตน ไปใชได 3. นกั เรยี นมีความใฝร ูใฝเ รียน ซ้ือสตั ยสุจริต และมีระเบยี บวินัย 2 หนวยที่ 2 1. บอกขน้ั ตอนการทําแผนภมู สิ มดุลของเหล็ก เหล็กคารไ บดไ ด แผนภมู ิสมดลุ ของเหล็ก 2. อธบิ ายข้นั ตอนการปรบั สมดลุ ของเหลก็ เหล็กคารไบดได คารไ บต 3. อธิบายการเลือกใชวัสดแุ ละอุปกรณป ระกอบได
๓ สรางรายวชิ า เวลา คะแนน A บอ้ื งตน รหสั วชิ า ..ง๓๒๒o๕.. (ชม.) รวม ภาคเรยี นท่ี 1 ปการศึกษา256% 6 ๑๐ KP ๒ สาระสาํ คญั ๔๔ 1.สมบตั ิทางเคมี 2.สมบตั ิทางฟส ิกส 3.สมบตั ทิ างกลของโลหะ 4.การปฏิบตั ิงานเก่ยี วกบั สมบตั ิของโลหะ 1 ศัพทท ีใ่ ชในแผนภูมิสมดุล - คารบอน 20 ๑๐ ๔ ๔ ๒ 2 ระบบที่อยูในสภาวะสมดลุ 3 ลักษณะของแผนภมู ิ
โครงส รายวชิ า โลหะวทิ ยาเบ ชั้น มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 ภ รหัส มฐ.ตัวช้ีวดั / ท่ี ชอ่ื หนว ย ผลการเรยี นรู 3 โครงสรา งของโลหะแบบ 1 อธิบายลกั ษณะโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP ได BCC FCC และHCP 2. อธิบายวธิ กี ารปรบั โครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 3.นักเรยี นมคี วามใฝรูใ ฝเรียน ซือ้ สตั ยส ุจรติ และมีระเบียบวินั 4 อทิ ธพิ ลความรอนทม่ี ีผล 1. บอกอทิ ธพิ ลของความรอ นทม่ี ีผลตอ บริเวณงานเชอ่ื มได ตอบริเวณงานเชอื่ ม 2. อธิบายข้นั ตอนอทิ ธิพลของความรอนที่มผี ลตอบริเวณงานเชอ่ื ได 3. นักเรยี นมีความใฝรูใฝเรียน ซื้อสัตยสจุ รติ และมรี ะเบียบวินัย
๔ สรางรายวชิ า เวลา คะแนน A บอื้ งตน รหัสวชิ า ..ง๓๒๒o๕.. (ชม.) รวม ภาคเรียนที่ 1 ปการศกึ ษา256๔ ๗ ๑๐ KP ๒ สาระสาํ คัญ ๔๔ ด 1 การศกึ ษาโครงสรางจุลภาค P ได 2 เคร่อื งมืออปุ กรณในการทดสอบ 3 ช้นิ งานทดสอบ 4 ลําดับขนั้ การเตรียมช้นิ งาน 5 ขน้ั ตอนปฏบิ ตั ิการเตรียมชน้ิ งาน 6 การใชและการบาํ รุงรักษาอปุ กรณและ เคร่อื งมอื 1 บรเิ วณงานเช่ือม ๕ ๑๐ ๔ ๔ ๒ อม 2 บริเวณกระทบรอน (HAZ) 3. การปฏิบัติงานเก่ียวกบั อิทธพิ ลของความ รอนที่มผี ลตอ บริเวณงานเช่ือม
โครงส รายวชิ า โลหะวทิ ยาเบ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 ภ รหัส มฐ.ตัวชี้วัด/ ท่ี ชื่อหนวย ผลการเรยี นรู 5 การทดสอบเหลก็ 1. บอกชนดิ ของการทดสอบเหลก็ ได 2. บอกขั้นตอนการทดสอบเหล็กได 3. บอกชนดิ ของอุปกรณในการทดสอบเหลก็ ได 6 การปรับปรงุ คณุ สมบัติของ 1. บอกชือ่ วัสดทุ ่ีใชในการปรับปรงุ คุณสมบัติของโลหะโดยใช โลหะโดยใชความรอน ความรอนได 2. บอกข้ันตอนการปรับปรงุ คุณสมบัตขิ องโลหะโดยใชค วามรอน ได 3. บอกชนดิ ของอุปกรณในการปรับปรุงคณุ สมบตั ขิ องโลหะโดย ใชค วามรอนได รวม สอบกลางภาค สอบปลายภาค รวมท้ังหมด
๕ สรางรายวิชา เวลา คะแนน A บื้องตน รหัสวชิ า ..ง๓๒๒o๕.. (ชม.) รวม ภาคเรยี นที่ 1 ปก ารศึกษา256๔ ๗ ๑๐ KP ๒ ๗ ๑๐ สาระสาํ คญั ๔๔ 1 ชนดิ ของการทดสอบความแข็ง ๔๔๒ 2 การทดสอบความแข็งแบบรอ็ กเวลล 3 การทดสอบความแข็งแบบบริเนลล 4 การวัดความแขง็ ดว ยกลอ งขยาย 5 การทดสอบความแขง็ แบบวกิ เกอร 6 การทดสอบความแข็งแบบซอร 1 เหล็กกลาคารบ อน 2 ประเภทของเหลก็ กลาคารบอน น 3 การศึกษาโครงสรางจุลภาคและความหมาย 4 การอบชุบโลหะ 5 การทาํ การอบออ น 6 การอบปกติ 7 การชุบแข็ง ๔๐ ๖๐ ๒๔ ๒๔ ๑๒ ๒๐ ๒๐ ๑๐๐
๖ แผนการจดั การเรียนรหู นวยท่ี 1 กลมุ สาระการเรียนรู ชางอตุ สาหกรรม ช่ือวชิ า โลหะวทิ ยาเบอื้ งตน รหสั วชิ า ง32205 ชื่อหนว ยสมบตั ขิ องโลหะ จํานวน 6 ชัว่ โมง ผูสอน นายภูวศิ มณี โรงเรียนราชประชานุเคราะห 31 1. สาระสําคญั ยคุ ปจจุบันอาจนบั ไดวา เปนยุคโลหะ มนุษยไดส รางสรรคอารยะธรรมทางวตั ถุ มีพืน้ ฐานอยู บนความกาวหนา ทางโลหะวิทยาเปนหลกั ใหญ ความสําคัญของวิชาน้ี นับวันจะยงิ่ ทวีคุณคา ในตัวเอง ยิ่ง ๆ ขึ้นไมวา จะเพ่ือการนาํ ไปประยุกต ในวงการอตุ สาหกรรม ของวศิ วกรรม หรือในการ วทิ ยาศาสตร บริสทุ ธิ์ วทิ ยาศาสตร เกีย่ วกับอวกาศ หรือวทิ ยาศาสตรท างทหารกต็ าม ลว นตอ งการ ผลงาน การประดิษฐค ดิ คน วิเคราะหวิจยั ของนักโลหะทงั้ ส้นิ เพือ่ เปนพน้ื ฐาน เพือ่ รองรบั งาน ประยกุ ต ในแตล ะสาขาวชิ าโลหะวทิ ยา เปน วชิ าการทเ่ี ปน ท้งั ศาสตรแ ละศิลป อยูใ นตวั เองบรรดา ชางฝมือตา งๆน้ัน ท่ีไดประดิษฐงานโลหะโดยอาศยั โลหะสาํ เรจ็ รปู เชนโลหะแผน โลหะแทง และทอ โลหะประดษิ ฐงานศลิ ปะ รวมท้ังการหลอ หลอมขนึ้ รูปโลหะเขาเหลานนั้ กําลงั ใชว ิชาการโลหะวิทยา ใน แงข องศลิ ปะ สวนทางการศกึ ษาโครงสรา งของโลหะ การตรวจสอบคุณสมบัติของโลหะการวิเคราะห วจิ ยั โลหะผสม เปน การใชกระบวนการ ทางวิทยาศาสตรเขาชว ยศกึ ษาโลหะ ในแงน ี้จึงถอื วา โลหะ วิทยาศาสตรในแงอตุ สาหกรรมโลหะทัว่ ไปมักใชความรทู าง โลหะทง้ั ศาสตร และศลิ ปะควบคูก ันเรา อาจใหคําจํากัดความวชิ าโลหะวิทยาใหกะทัดรดั ไดว า “โลหะวทิ ยาคือ ศาสตรและศลิ ปแ หงการจดั หา และปรบั ปรุงโลหะเพื่อใหสอดคลอ งกบั ความตอ งการและความพอใจของมวลมนุษยชาติ” 2. จดุ ประสงคท ่วั ไป เพ่ือใหเ ขา ใจสมบัติของโลหะ 3. จดุ ประสงคเชิงพฤติกรรม 1. แยกประเภทของสมบัติของโลหะได 2. บอกเครอ่ื งมอื งานทดสอบสมบตั ิของโลหะได 3. อธิบายการใชเ ครื่องมอื ทดสอบสมบตั ิของโลหะได 4. สาระการเรยี นรู 1.สมบัติทางเคมี 2.สมบตั ทิ างฟส ิกส 3.สมบัติทางกลของโลหะ 4. การปฏิบตั ิงานเกีย่ วกับสมบัตขิ องโลหะ 4.1 การเตรยี มวสั ด-ุ อุปกรณ 4.2 กระบวนการปฏบิ ตั งิ าน 5. การวเิ คราะห- วิจารณงานท่ไี ดร ับมอบหมาย
๗ 5. กจิ กรรมการเรยี นรู 1. ครูกลาวทักทายนักเรียนพรอมแนะนําช้ีแจงแผนการเรียนในรายวิชาโลหะวิทยาเชน ระยะเวลาในการจัดการเรียนรู หลักการแนวทางการคิดในการเรียน การประเมินผลงาน เพ่ือความ เขา ใจกอ นการเรยี นเร่ืองความรพู ืน้ ฐานเก่ยี วกับสมบัติของโลหะ 2. ครูแจกเอกสารประกอบการเรียนรูเรื่องสมบัติของโลหะซ่ึงประกอบดวย แบบฝกหัดทาย บทเรียนที่1 รายงานบทปฏิบัติการบทที่1 แบบทดสอบทายบทเรียนท่ี 1 และอธิบายหลักการและ กระบวนการสรางองคค วามรพู ้ืนฐานเกยี่ วกับสมบตั ขิ องโลหะ 3. ครนู าํ ภาพตัวอยา ง และตวั อยางโลหะชนิดตางๆ ใหน กั เรยี นดูในขณะทําการสอน 4. ครูสาธติ วธิ กี าร หลกั การและกระบวนการสมบัติของโลหะ 5. ครูมอบหมายงานใหนักเรียน รายงานบทปฏิบัติการบทที่ 1 ตามหลักการ วิธีการ และจิตพิสัยท่ีดีในการปฏิบัติงาน โดยใหนักเรียนนําตัวอยางชิ้นงานที่ครูเตรียมไวใหจํานวน 10 ตัวอยางและใหนักเรียนแบงกลุมกันปฏิบัติงาน โดยคัดเลือกชนิดของวัสดุ ที่ครูจัดเตรียมไวใหตาม หมายเลข 1 ถงึ 10 มาทาํ การวิเคราะห 6. นักเรียนปฏิบัติงานตามที่ไดรับมอบหมายโดยใชวัสดุ อุปกรณในการปฏิบัติงานอยาง คุมคา เอื้อเฟอเผ่ือแผ ชวยเหลือแบงปนซ่ึงกันและกัน และปฏิบัติงานดวยความซ่ือสัตย สุจริต มุงม่ัน ใชเวลาอยางคุมคา 7. ครู-นักเรียนรวมกันทํา การวิเคราะห-วิจารณ งานท่ีไดรับมอบหมายหนาช้ันเรียนดวย ความซอื่ ตรง มงุ มั่น ใชเ หตผุ ล และสติปญ ญา ในการวเิ คราะหว ิจารณ 6. สือ่ และแหลง การเรยี นรู 1 ) ส่ือส่ิงพมิ พ 1.1) แบบฝกหัดทา ยบทเรียน และแบบทดสอบทายบทเรียน เร่อื งสมบตั ขิ องโลหะ 1.2) เอกสารประกอบการเรยี น เร่อื งสมบตั ขิ องโลหะ 1.3) ใบเฉลยแบบฝกหัดทายบทเรียน และแบบทดสอบทายบทเรียน เร่ืองสมบัติ ของโลหะ 1.4) เกณฑประเมินผลงานตามรายงานบทปฏบิ ตั กิ ารเรือ่ งสมบัติของโลหะ 1.5) แบบสังเกตพฤติกรรม เรอ่ื งความรูพืน้ ฐานเกีย่ วกบั สมบัตขิ องโลหะ 2 ) สือ่ โสตทัศน 2.1) วดี ีทศั นเร่ืองความรพู ้นื ฐานเกีย่ วกบั สมบตั ขิ องโลหะ 3) ส่ือของจริง 3.1) ตวั อยา งโลหะชนิดตางๆ 3.2) ตัวอยางสมบตั ิของโลหะชนิดตางๆ
๘ 7. หลกั ฐานการเรยี นรูที่ตองการ 1) หลักฐานความรทู ตี่ อ งการ - การทาํ แบบทดสอบทายบทเรยี นที่ 1 2) หลักฐานการปฏบิ ตั งิ านทต่ี องการ - การปฏบิ ัติการบทท่ี 1 เร่ืองสมบัติของโลหะ 8. การวัดและประเมินผล 1) วิธกี ารประเมิน - ประเมนิ โดยการสังเกตขณะเรียน และขณะปฏิบตั งิ าน - ประเมินจากการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนท่ี 1 และการทําแบบทดสอบทาย บทเรยี นท่ี 1 - ประเมินจากการปฏิบัติการบทที่ 1 เร่อื งสมบัตขิ องโลหะ 2) เครอื่ งมือประเมนิ - แบบประเมินผลการทาํ แบบฝก หดั ทายบทเรียนท่ี 1 และการทําแบบทดสอบทาย บทเรยี นที่ 1 เรอ่ื งสมบัติของโลหะ - เกณฑประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการเร่ืองความรูพื้นฐานเกี่ยวกับ สมบตั ิของโลหะ - แบบประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการบทที่ 1 เร่ืองความรูพื้นฐาน เกีย่ วกับสมบตั ขิ องโลหะ - แบบสังเกตพฤติกรรม เรอ่ื งความรพู ้นื ฐานเกี่ยวกบั สมบัตขิ องโลหะ 3) เกณฑการประเมิน 1) เตรยี มเครอ่ื งมอื -วัสดุ อุปกรณ อยางถูกตองเหมาะสม 2) การปฏิบัติการบทท่ี 1 เรื่องสมบัติของโลหะตามหลักการ ข้ันตอน การ ปฏิบตั ิงานและเงอื่ นไขในการมอบหมายงาน 3) มีจติ พิสยั ท่ดี ใี นการปฏิบัตงิ าน
๙ 9. บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู 1) ขอ สรุปหลงั การจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 2) ปญ หาทพ่ี บ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 3) แนวทางแกป ญ หา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ (.................................................) นายภูวิศ มณี
๑๐ แผนการจดั การเรียนรหู นว ยที่ 2 กลมุ สาระการเรยี นรู ชางอตุ สาหกรรม ช่อื วชิ า โลหะวทิ ยาเบ้ืองตน รหสั วชิ า ง32205 ชอ่ื หนวยแผนภูมสิ มดลุ ของเหลก็ คารไบด จาํ นวน 8 ชั่วโมง ผสู อน นายภูวศิ มณี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห 31 1. สาระสาํ คญั การศึกษาแผนภมู ิสมดลุ ของเหลก็ กบั คารบอนมคี วามสาํ คัญมากเพราะคณุ สมบตั ิของ เหลก็ ท่ีใชอยูในงานวิศวกรรมเปลยี่ นแปลงตามปริมาณของคารบ อนที่ผสมอยูใ นเหลก็ และการทจ่ี ะ เขาใจถึงคุณสมบัติตาง ๆ ของเหล็กไดด ี ยอมตอ งเขา ใจเรื่องของแผนภูมสิ มดลุ ของเหล็กกับคารบ อน เปน หลกั ในการศึกษาแผนภมู นิ จ้ี ะตอ งทาํ ความเขาใจความหมายของศัพทท เี่ กี่ยวของเสยี กอน 2. จดุ ประสงคท ัว่ ไป เพอ่ื ใหรูถึงแผนภูมิสมดลุ ของเหล็ก เหล็กคารไบด 3. จุดประสงคเ ชิงพฤติกรรม 1. บอกข้ันตอนการทาํ แผนภูมสิ มดลุ ของเหล็ก เหลก็ คารไ บดไ ด 2. อธบิ ายขน้ั ตอนการปรับสมดลุ ของเหลก็ เหลก็ คารไ บดได 3. อธบิ ายการเลอื กใชว สั ดแุ ละอุปกรณประกอบได 4. สาระการเรียนรู 4.1 ศพั ทท ่ใี ชใ นแผนภูมสิ มดลุ - คารบ อน 4.2 ระบบที่อยใู นสภาวะสมดลุ 4.3 ลักษณะของแผนภมู ิ 5 การปฏบิ ัติงานเก่ยี วกับการแผนภูมิสมดลุ ของเหล็ก เหลก็ คารไ บด 5.1 การเตรียมวสั ดุ-อปุ กรณ 5.2 กระบวนการปฏิบัตงิ าน 6 การวเิ คราะห-วจิ ารณง านทไ่ี ดร บั มอบหมาย 5. กิจกรรมการเรียนรู 1. ครูกลาวทกั ทายนกั เรยี น เพ่อื ความตอเน่อื งในการเรยี นเรื่องแผนภมู สิ มดุลของเหล็ก เหล็ก คารไ บด 2. ครูแจกเอกสารประกอบการเรียนรูเรื่อง แผนภูมิสมดุลของเหล็ก เหล็กคารไบดซึ่ง ประกอบดวย แบบฝกหัดทายบทเรียนท่ี 2 แบบทดสอบทาย บทเรียนท่ี 2 และอธิบายหลักการ และกระบวนการสรางแผนภมู สิ มดุลของเหล็ก เหล็กคารไบด 3. ครูนําภาพตัวอยาง และตัวอยางแผนภูมิสมดุลของเหล็ก เหล็กคารไบดชนิดตางๆ ให นักเรียนดูในขณะทาํ การสอน 4. ครสู าธิตวธิ กี าร หลักการและกระบวนการวเิ คราะหแผนภมู สิ มดลุ ของเหล็ก เหลก็ คารไบด
๑๑ 5. ครูมอบหมายงานใหนักเรียน รายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 2 ตามหลักการ วิธีการ และ จิตพิสัยท่ีดีในการปฏิบัติงาน โดยใหนักเรียนนําตัวอยางช้ินงานท่ีครูเตรียมไวใหจํานวน 10 ตัวอยาง และใหนกั เรียนแบงกลุมกันปฏิบัติงาน โดยคัดเลือกชนิดของวัสดุ ที่ครูจัดเตรียมไวใหตามหมายเลข 1 ถึง 10 มาทําการวิเคราะห 6. นักเรียนปฏิบัติงานตามท่ีไดรับมอบหมายโดยใชวัสดุ อุปกรณในการปฏิบัติงานอยาง คุมคา เอ้ือเฟอเผื่อแผ ชวยเหลือแบงปนซ่ึงกันและกัน และปฏิบัติงานดวยความซื่อสัตย สุจริต มุงมั่น ใชเวลาอยางคมุ คา 7. ครู-นักเรียนรวมกันทํา การวิเคราะห-วิจารณ งานท่ีไดรับมอบหมายหนาชั้นเรียนดวย ความซื่อตรง มุงมัน่ ใชเ หตุผล และสติปญญา ในการวิเคราะหว จิ ารณ 6.สือ่ และแหลงการเรยี นรู 1 ) ส่ือสงิ่ พมิ พ 1.1) แบบฝกหัดทายบทเรียน และแบบทดสอบทายบทเรียน เรื่องแผนภูมิสมดุล ของเหล็ก เหลก็ คารไ บด 1.2) เอกสารประกอบการเรยี นเร่ืองแผนภมู สิ มดุลของเหลก็ เหล็กคารไบด 1.3) รายงานบทปฏบิ ัตกิ ารเรื่องแผนภูมสิ มดลุ ของเหล็ก เหล็กคารไ บด 1.4) ใบเฉลยแบบฝกหัดทายบทเรียน และแบบทดสอบทายบทเรียน เรื่องแผนภูมิ สมดุลของเหล็ก เหลก็ คารไ บด 1.5) เกณฑประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการเร่ืองแผนภูมิสมดุลของเหล็ก เหล็กคารไ บด 1.6) แบบประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการเร่ืองแผนภูมิสมดุลของเหล็ก เหลก็ คารไ บด 1.7) แบบสงั เกตพฤติกรรม เร่ืองแผนภมู สิ มดุลของเหลก็ เหลก็ คารไ บด 2 ) สอื่ โสตทศั น 2.1) ส่อื ประสม 2.2) วดี ที ศั นเ รื่องแผนภูมิสมดุลของเหลก็ เหล็กคารไบด 3) ส่ือของจรงิ 3.1) แผนภมู ิสมดุลของเหล็ก เหล็กคารไ บดชนดิ ตา งๆ 3.2) แผนชนิดตา งๆ 7. หลักฐานการเรียนรทู ่ตี อ งการ 1) หลักฐานความรูท ี่ตอ งการ - รอ งรอยการทาํ แบบทดสอบทา ยบทเรยี นท่ี 2 - รองรอยการศกึ ษา คนควาเพ่ิมเตมิ จากการทาํ แบบฝก หัดทายบทเรียนท่ี 2 2) หลกั ฐานการปฏบิ ัตงิ านท่ตี องการ
๑๒ - รายงานบทปฏิบัติการบทที่ 2 เรื่องแผนภูมิสมดุลของเหล็ก เหล็กคารไบดชนิด ตางๆ 8. การวดั และประเมินผล 1) วิธกี ารประเมิน - ประเมินโดยการสังเกตขณะเรยี น และขณะปฏบิ ัตงิ าน - ประเมินจากการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนที่ 2 และการทําแบบทดสอบทาย บทเรยี นที่ 4 - ประเมินจากรายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 2 เร่ืองแผนภูมิสมดุลของเหล็ก เหล็ก คารไบดช นิดตา งๆ 2) เครื่องมือประเมิน - แบบประเมินผลการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนที่ 2 และการทําแบบทดสอบทาย บทเรียนท่ี 4 เรื่องแผนภมู สิ มดุลของเหล็ก เหลก็ คารไบดชนดิ ตา งๆ - ใบเฉลยแบบประเมินผลการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนท่ี 2 และการทํา แบบทดสอบทา ยบทเรียนท่ี 4 เรอ่ื งแผนภมู ิสมดุลของเหลก็ เหล็กคารไบดชนิดตางๆ - เกณฑประเมินผลงานตามรายงานบทปฎิบัติการเรื่องแผนภูมิสมดุลของเหล็ก เหลก็ คารไ บดชนดิ ตางๆ - แบบประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 2 เรื่องแผนภูมิสมดุลของ เหลก็ เหลก็ คารไ บดช นดิ ตา งๆ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม เรอื่ งแผนภมู ิสมดลุ ของเหล็ก เหล็กคารไ บดช นิดตา งๆ 3) เกณฑการประเมนิ 1) เตรียมเคร่อื งมือ-วัสดุ อุปกรณ อยา งถูกตอ งเหมาะสม 2) รายงานบทปฏิบัติการบทที่ 2 เร่ืองแผนภูมิสมดุลของเหล็ก เหล็กคารไบดชนิด ตางๆ ตามหลกั การ ข้ันตอน การปฏบิ ัตงิ านและเง่อื นไขในการมอบหมายงาน 3) มจี ิตพิสยั ทด่ี ใี นการปฏิบัติงาน
๑๓ 9. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู 1) ขอสรปุ หลงั การจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 2) ปญหาท่ีพบ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 3) แนวทางแกป ญหา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ (.................................................) นายภวู ิศ มณี
๑๔ แผนการจดั การเรียนรูหนว ยท่ี 3 กลุม สาระการเรยี นรู ชา งอตุ สาหกรรม ชื่อวชิ า โลหะวทิ ยาเบ้อื งตน รหสั วชิ า ง32205 ช่ือหนวยโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP จาํ นวน 7 ชวั่ โมง ผสู อน นายภูวศิ มณี โรงเรียนราชประชานเุ คราะห 31 1. สาระสาํ คญั โครงสรา งผลึกของโลหะ (Crystal Structure of Metal) โดยธรรมชาติของโลหะแลว จะสามารถคงสภาพอยไู ด 3 สถานะดวยกนั คือ แกส (Gas state), ของเหลว (Liquid state) และของแขง็ (Solid state) ทัง้ น้ขี ้นึ อยูกับอุณหภูมแิ ละความดนั หรือทงั้ สองอยางรวมกันที่จะเปน ตัว เปลย่ี นแปลงสถานะของโลหะเอง 2. จดุ ประสงคท วั่ ไป เพ่ือใหรลู กั ษณะโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 3. จุดประสงคเชงิ พฤตกิ รรม 1 อธิบายลกั ษณะโครงสรา งของโลหะแบบ BCC FCC และHCP ได 2. อธบิ ายวธิ กี ารปรบั โครงสรา งของโลหะแบบ BCC FCC และHCP ได 3. อธิบายวิธเี ก็บรกั ษาโลหะได 4. สาระการเรยี นรู 1 การศึกษาโครงสรา งจลุ ภาค 2 เคร่อื งมอื อปุ กรณในการทดสอบ 3 ชน้ิ งานทดสอบ 4 ลําดับขน้ั การเตรียมชิ้นงาน 5 ขัน้ ตอนปฏิบตั ิการเตรียมชนิ้ งาน 6 การใชและการบาํ รุงรกั ษาอปุ กรณและเครอ่ื งมือ 7 การปฏิบตั งิ านเกีย่ วกับการศกึ ษาลกั ษณะโครงสรา งของโลหะ 7.1 การเตรยี มวัสด-ุ อุปกรณ 7.2 กระบวนการปฏบิ ตั ิงาน 8 การวเิ คราะห-วิจารณง านทไี่ ดร ับมอบหมาย
๑๕ 5. กิจกรรมการเรียนรู 1. ครูกลา วทกั ทายนกั เรียน พรอ มอธิบายสรปุ บทเรยี นหนวยท่ี 3 เพื่อความตอ เนื่องในการ เรียนเรอ่ื งโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 2. ครแู จกเอกสารประกอบการเรยี น เรอื่ งโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP ซง่ึ ประกอบดวย แบบฝกหัดทา ยบทเรยี นที่ 3 รายงานบทปฏบิ ตั กิ ารบทท่ี 3 แบบทดสอบทา ย บทเรยี นที่ 3 และอธิบายหลักการและกระบวนการสรา งองคความรูการโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 3. ครูนําภาพตัวอยา ง และตัวอยางโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP ชนดิ ตางๆ ใหน กั เรยี นดูในขณะทาํ การสอน 4. ครสู าธติ วิธกี ารหลักการและกระบวนการโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 5. ครูมอบหมายงานใหนักเรียน รายงานบทปฏิบัติการบทที่ 3 ตามหลักการ วิธีการ และ จิตพิสัยท่ีดีในการปฏิบัติงาน โดยใหนักเรียนนําตัวอยางช้ินงานท่ีครูเตรียมไวใหจํานวน 10 ตัวอยาง และใหนักเรียนแบงกลุมกันปฏิบัติงาน โดยคัดเลือกชนิดของวัสดุ ที่ครูจัดเตรียมไวใหตามหมายเลข 1 ถงึ 10 มาทําการวเิ คราะห 6. นักเรียนปฏิบัติงานตามที่ไดรับมอบหมายโดยใชวัสดุ อุปกรณในการปฏิบัติงานอยาง คุมคา เอื้อเฟอเผื่อแผ ชวยเหลือแบงปนซ่ึงกันและกัน และปฏิบัติงานดวยความซื่อสัตย สุจริต มุงมั่น ใชเ วลาอยางคมุ คา 7. ครู-นักเรียนรวมกันทํา การวิเคราะห-วิจารณ งานท่ีไดรับมอบหมายหนาชั้นเรียนดวย ความซ่อื ตรง มุงม่ัน ใชเหตผุ ล และสติปญญา ในการวเิ คราะหว จิ ารณ 6.สือ่ และแหลงการเรยี นรู 1 ) ส่อื สิ่งพมิ พ 1.1) แบบฝก หัดทา ยบทเรยี น และแบบทดสอบทายบทเรียน เรือ่ งโครงสรางของ โลหะแบบ BCC FCC และHCP 1.2) เอกสารประกอบการเรยี นเร่อื งโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 1.3) รายงานบทปฏบิ ตั ิการเรื่องโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 1.4) เกณฑประเมินผลงานตามรายงานบทปฎิบัติการ เร่ืองโครงสรางของโลหะ แบบ BCC FCC และHCP 1.5) แบบสังเกตพฤตกิ รรม เร่อื งโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 2 ) สือ่ โสตทัศน 2.1) สอ่ื ประสม 2.2) วีดที ัศนเรือ่ งโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 3) ส่ือของจริง 3.1) ตวั อยางโครงสรา งของโลหะแบบ BCC FCC และHCPชนดิ ตางๆ
๑๖ 7. หลักฐานการเรียนรูท่ีตองการ 1) หลักฐานความรทู ต่ี องการ - รองรอยการทาํ แบบทดสอบทายบทเรียนที่ 3 - รอ งรอยการศึกษา คนควาเพ่ิมเติมจากการทาํ แบบฝก หัดทา ยบทเรียนท่ี 3 2) หลกั ฐานการปฏิบตั ิงานทตี่ อ งการ - ปฏิบัติการบทท่ี 3 เรือ่ งโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และ HCP 8. การวดั และประเมนิ ผล 1) วธิ ีการประเมิน - ประเมนิ โดยการสังเกตขณะเรียน และขณะปฏิบัติงาน - ประเมินจากการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนที่ 3 และการทําแบบทดสอบทาย บทเรียนที่ 3 - ประเมินจากรายงานบทปฏิบัติการบทที่ 3 เร่ืองโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 2) เครือ่ งมอื ประเมิน - แบบประเมนิ ผลการทาํ แบบฝก หัดทา ยบทเรียนที่ 3 และการทําแบบทดสอบทาย บทเรียนท่ี 3 เรอ่ื งโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP - เกณฑประเมินผลงานตามรายงานบทปฎิบัติการเร่ืองโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และHCP - แบบประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 3 เรื่องโครงสรางของโลหะ แบบ BCC FCC และHCP - แบบสังเกตพฤติกรรม เรอ่ื งโครงสรา งของโลหะแบบ BCC FCC และHCP 3) เกณฑก ารประเมนิ 1) เตรียมเคร่อื งมอื -วสั ดุ อุปกรณ อยางถกู ตอ งเหมาะสม 2) รายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 3 เร่ืองโครงสรางของโลหะแบบ BCC FCC และ HCP ตามหลักการ ขั้นตอน การปฏบิ ตั งิ านและเงอ่ื นไขในการมอบหมายงาน 3) มจี ิตพิสยั ท่ดี ใี นการปฏิบตั ิงาน
๑๗ 9. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู 1) ขอ สรปุ หลงั การจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 2) ปญหาทพ่ี บ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 3) แนวทางแกปญหา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ (.................................................) นายภวู ิศ มณี
๑๘ แผนการจดั การเรยี นรูหนวยท่ี 4 กลุมสาระการเรียนรู ชางอตุ สาหกรรม ชอื่ วิชา โลหะวทิ ยาเบอ้ื งตน รหสั วิชา ง32205 ชือ่ อิทธพิ ลของความรอ นทีม่ ผี ลตอ บริเวณงานเชอื่ ม จํานวน ๕ ช่ัวโมง ผูส อน นายภวู ศิ มณี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห 31 1. สาระสําคญั ในการทาํ งานของเคร่อื งจักรและอปุ กรณทเ่ี ปน สว นประกอบของเคร่อื งจักรนน้ั ส่ิงที่เกิดมา พรอมกับการทาํ งานของเครือ่ งจกั รคอื ความรอ น ดังน้ันส่งิ ท่ตี องมีควบคูกนั กบั เครอื่ งจักรก็คอื การ ระบายความรอน เพ่ือทจ่ี ะควบคุมและรักษาระดับความรอ นไมใหมากเกนิ ไปจนเปนอันตรายตอ เครอ่ื งจกั รซึง่ นาํ มาสคู วามเสียหายตอ การผลิตอนั เนื่องมาจากตอ งหยุดเคร่ืองจักรที่เสียหายดงั กลาว เพื่อซอ มแซม 2. จดุ ประสงคท ว่ั ไป เพื่อใหร อู ทิ ธพิ ลของความรอ นที่มผี ลตอบริเวณงานเช่อื ม 3. จุดประสงคเ ชงิ พฤติกรรม 1. บอกอิทธพิ ลของความรอนท่ีมผี ลตอบริเวณงานเชือ่ มได 2. อธบิ ายขั้นตอนอทิ ธิพลของความรอนที่มผี ลตอ บรเิ วณงานเช่ือมได 4. สาระการเรยี นรู 1 บรเิ วณงานเช่ือม 2 บรเิ วณกระทบรอน (HAZ) 3. การปฏิบตั งิ านเกย่ี วกับอิทธิพลของความรอ นทมี่ ีผลตอ บริเวณงานเชอื่ ม 3.1 การเตรียมวสั ดุ-อปุ กรณ 3.2 กระบวนการปฏิบตั งิ าน 4. การวเิ คราะห- วิจารณง านทีไ่ ดร ับมอบหมาย 5. กิจกรรมการเรียนรู 1. ครกู ลาวทกั ทายนักเรยี น แจงจุดประสงคก ารเรยี น เพอื่ ใหนกั เรยี นมเี ปา หมายในการเรยี น 2.ครูแจกเอกสารประกอบการเรียนรูเร่ืองอทิ ธิพลของความรอ นทม่ี ีผลตอ บริเวณงานเชื่อม ซึง่ ประกอบ ดวย แบบฝก หดั ทา ยบทเรยี นที่ 4 รายงานบทปฏบิ ตั ิการบทท่ี 4 แบบทดสอบทา ย บทเรยี นท่ี 4 และอธบิ ายหลักการของความรอนทีม่ ผี ลตอ บรเิ วณงานเชื่อม 3. ครูนําภาพตวั อยาง และตัวอยา งความรอ นที่มผี ลตอ บริเวณงานเช่อื ม ชนดิ ตา งๆ ให นกั เรยี นดูในขณะทาํ การสอน 4. ครสู าธติ วิธกี าร หลกั การและกระบวนการอทิ ธพิ ลของความรอ นท่ีมผี ลตอ บรเิ วณงานเชอื่ ม
๑๙ 5. ครมู อบหมายงานใหนักเรียน รายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 4 ตามหลักการ วิธีการ และ จิตพิสัยท่ีดีในการปฏิบัติงาน โดยใหนักเรียนนําตัวอยางช้ินงานท่ีครูเตรียมไวใหจํานวน 10 ตัวอยาง และใหนักเรียนแบงกลุมกันปฎิบัติงาน โดยคัดเลือกชนิดของวัสดุ ท่ีครูจัดเตรียมไวใหตามหมายเลข 1 ถงึ 10 มาทําการวเิ คราะห 6. นักเรียนปฏิบัติงานตามที่ไดรับมอบหมายโดยใชวัสดุ อุปกรณในการปฏิบัติงานอยาง คุมคา เอื้อเฟอเผื่อแผ ชวยเหลือแบงปนซึ่งกันและกัน และปฏิบัติงานดวยความซ่ือสัตย สุจริต มุงมั่น ใชเ วลาอยา งคุมคา 7. ครู-นักเรียนรวมกันทํา การวิเคราะห-วิจารณ งานท่ีไดรับมอบหมายหนาช้ันเรียนดวย ความซอ่ื ตรง มุงม่นั ใชเ หตุผล และสติปญ ญา ในการวเิ คราะหว ิจารณ 6.สอื่ และแหลงการเรยี นรู 1 ) สื่อสง่ิ พมิ พ 1.1) แบบฝก หัดทายบทเรียน และแบบทดสอบทายบทเรียน เรอื่ งอิทธพิ ลของความรอ นทม่ี ี ผลตอ บริเวณงานเชอ่ื ม 1.2) เอกสารประกอบการเรียน เร่อื งอิทธิพลของความรอนท่มี ผี ลตอบริเวณงานเชอื่ ม 1.3) รายงานบทปฎิบัตกิ ารเร่ืองอิทธพิ ลของความรอ นทม่ี ผี ลตอ บรเิ วณงานเชอ่ื ม 1.4) ใบเฉลยแบบฝกหัดทา ยบทเรยี น และแบบทดสอบทายบทเรียน เร่ืองอทิ ธพิ ลของความ รอนที่มีผลตอ บริเวณงานเชื่อม 1.5) เกณฑประเมนิ ผลงานตามรายงานบทปฎบิ ัตกิ ารเรือ่ งอิทธพิ ลของความรอนท่ีมผี ลตอ บริเวณงานเชื่อม 1.6) แบบประเมินผลงานตามรายงานบทปฎบิ ัติการเร่อื งอิทธิพลของความรอนทีม่ ผี ลตอ บรเิ วณงานเชื่อม 1.7) แบบสังเกตพฤติกรรม เรอ่ื งอิทธิพลของความรอ นทมี่ ผี ลตอ บรเิ วณงานเช่อื ม 2 ) สอ่ื โสตทัศน 2.1) สือ่ ประสม 2.2) วดี ีทัศนเรื่องอทิ ธิพลของความรอ นที่มผี ลตอบรเิ วณงานเชื่อม 3) สอ่ื ของจริง 3.1) ตัวอยา งอทิ ธิพลของความรอ นทีม่ ผี ลตอบรเิ วณงานเช่อื ม ชนิดตา งๆ 3.2) เครอื่ งเชอ่ื ม 7. หลักฐานการเรียนรทู ่ีตอ งการ 1) หลกั ฐานความรูท่ตี องการ - รอ งรอยการทําแบบทดสอบทายบทเรยี นที่ 5 - รอ งรอยการศกึ ษา คน ควา เพิม่ เติมจากการทาํ แบบฝก หดั ทา ยบทเรียนท่ี 5 2) หลกั ฐานการปฏบิ ตั ิงานทตี่ องการ
๒๐ - รายงานบทปฏิบัติการบทที่ 5 เร่ืองอิทธิพลของความรอนที่มีผลตอบริเวณงาน เช่อื ม 8. การวัดและประเมินผล 1) วธิ กี ารประเมิน - ประเมนิ โดยการสงั เกตขณะเรยี น และขณะปฏบิ ตั ิงาน - ประเมินจากการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนที่ 5 และการทําแบบทดสอบทาย บทเรียนท่ี 5 - ประเมินจากรายงานบทปฏิบัติการบทที่ 5 เร่ืองอิทธิพลของความรอนที่มีผลตอ บรเิ วณงานเชือ่ ม 2) เคร่ืองมือประเมนิ - แบบประเมนิ ผลการทําแบบฝกหดั ทา ยบทเรียนที่ 5 และการทาํ แบบทดสอบทาย บทเรยี นท่ี 5 เรือ่ งอทิ ธพิ ลของความรอนทมี่ ีผลตอ บริเวณงานเชือ่ ม - ใบเฉลยแบบประเมินผลการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนท่ี 4 และการทํา แบบทดสอบทายบทเรยี นที่ 5 เรอื่ งอทิ ธพิ ลของความรอ นทีม่ ผี ลตอ บรเิ วณงานเชอ่ื ม - เกณฑป ระเมินผลงานตามรายงานบทปฎิบัติการเร่ืองอิทธิพลของความรอนท่ีมีผล ตอ บรเิ วณงานเชื่อม - แบบประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 4 เร่ืองอิทธิพลของความ รอนท่ีมีผลตอบรเิ วณงานเชือ่ ม - แบบสงั เกตพฤติกรรม เรอื่ งอทิ ธพิ ลของความรอ นทมี่ ผี ลตอบรเิ วณงานเชือ่ ม 3) เกณฑก ารประเมนิ 1) เตรียมเครื่องมือ-วัสดุ อุปกรณ อยา งถกู ตอ งเหมาะสม 2) รายงานบทปฏิบัติการบทที่ 4 เรื่องอิทธิพลของความรอนท่ีมีผลตอบริเวณงาน เชื่อม ตามหลกั การ ข้ันตอน การปฏิบัติงานและเงือ่ นไขในการมอบหมายงาน 3) มีจิตพสิ ยั ทีด่ ใี นการปฏิบตั ิงาน
๒๑ 9. บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู 1) ขอสรุปหลงั การจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 2) ปญ หาท่ีพบ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 3) แนวทางแกปญ หา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ (.................................................) นายภูวศิ มณี
๒๒ แผนการจดั การเรยี นรูหนวยท่ี 5 กลมุ สาระการเรียนรู ชา งอตุ สาหกรรม ช่ือวิชา โลหะวทิ ยาเบอ้ื งตน รหสั วิชา ง32205 ช่ือการทดสอบเหลก็ จํานวน ๗ ชั่วโมง ผูส อน นายภูวศิ มณี โรงเรียนราชประชานุเคราะห 31 1. สาระสําคญั การทดสอบเหลก็ ท่วั ไปมอี ยู 3 ประเภท 1. การทดสอบเเรงดงึ คือ หนว ยแรงมีทศิ ทางตัง้ ฉาก กับพน้ื ทีห่ นาตดั วธิ ีการทดสอบ - นํา ต.ย.เหล็ก ไปเขาเครอ่ื ง ดงึ เหลก็ จนกระทง่ั เหล็กขาด อานคาเเรง ท่ีกระทาํ P - หาขนาดหนาตัดของ ต.ย.เหลก็ A - Tensile Stress = P/A 2. การทดสอบแรงเฉอื น คอื หนว ยแรงมที ิศทางขนานกบั พื้นที่รับแรงเฉอื น วธิ กี ารทดสอบ - นํา ต.ย.เหลก็ 2 ช้นิ เชอ่ื มติดกัน ดึงเหลก็ จนกระทง่ั เหลก็ ขาด อา นคา เเรงที่กระทํา P - หาขนาดพน้ื ท่รี ับแรงเฉือน A - Shearing Stress = P/A 3. การทดสอบแรงบดิ คือ โครงสรางทรี่ บั แรงหรอื โมเมนตท พ่ี ยายามบิดสว นของ โครงสรางน้ัน วธิ กี ารทดสอบ - นาํ ต.ย.เหลก็ ไปเขา เครื่อง ออกแรงบดิ จนกระท่งั เหลก็ ขาด อา น คาเเรงบดิ ทก่ี ระทํา T - ให c เปน รศั มีของ ต.ย.เหล็ก - ให J คือคาโพลาโมเมนตอ ินเนอรเ ชียของหนา ตัด ต.ย.เหลก็ - Torsion Stress = T.c/J 2. จุดประสงคท ่วั ไป เพอื่ ใหรูจกั วิธกี ารทดสอบเหล็ก 3. จุดประสงคเชงิ พฤตกิ รรม 1. บอกชนิดของการทดสอบเหลก็ ได 2. บอกขน้ั ตอนการทดสอบเหล็กได 3. บอกชนิดของอุปกรณใ นการทดสอบเหลก็ ได 4. สาระการเรียนรู 1 ชนิดของการทดสอบความแขง็ 2 การทดสอบความแขง็ แบบร็อกเวลล 3 การทดสอบความแขง็ แบบบรเิ นลล 4 การวดั ความแขง็ ดว ยกลองขยาย 5 การทดสอบความแขง็ แบบวกิ เกอร 6 การทดสอบความแข็งแบบซอร 8 การปฏิบตั งิ านเก่ียวกับการทดสอบเหลก็ 8.1 การเตรียมวสั ด-ุ อปุ กรณ 8.1 กระบวนการปฏบิ ัตงิ าน 9 การวเิ คราะห- วจิ ารณง านที่ไดร บั มอบหมาย
๒๓ 5. กิจกรรมการเรยี นรู 1. ครูกลา วทกั ทายนกั เรยี น แจงวัตถุประสงคใ นการเรียนเพ่ือใหนักเรยี นรเู ปาหมายของการ เรยี นในเรือ่ งท่ีตองเรยี น 2. ครูแจกเอกสารประกอบการเรียนรูเรื่องการทดสอบเหล็ก ซึ่งประกอบดวย แบบฝกหัด ทายบทเรียนที่ 6 รายงานบทปฏิบัติการบทที่ 5 แบบทดสอบทายบทเรียนที่ 5 และอธิบาย หลกั การและกระบวนการสรางองคความรูการทดสอบเหล็ก 3. ครูนําภาพตัวอยาง และตัวอยางการทดสอบเหล็กชนิดตางๆ ใหนักเรียนดูในขณะทําการ สอน 4. ครูสาธติ วิธกี าร หลักการและกระบวนการทดสอบเหลก็ 5. ครูมอบหมายงานใหนักเรียน รายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 5 ตามหลักการ วิธีการ และ จิตพิสัยท่ีดีในการปฏิบัติงาน โดยใหนักเรียนนําตัวอยางช้ินงานที่ครูเตรียมไวใหจํานวน 10 ตัวอยาง และใหน กั เรียนแบงกลุมกันปฏิบัติงาน โดยคัดเลือกชนิดของวัสดุ ท่ีครูจัดเตรียมไวใหตามหมายเลข 1 ถึง 10 มาทาํ การวเิ คราะห 6. นักเรียนปฏิบัติงานตามท่ีไดรับมอบหมายโดยใชวัสดุ อุปกรณในการปฏิบัติงานอยาง คุมคา เอ้ือเฟอเผื่อแผ ชวยเหลือแบงปนซึ่งกันและกัน และปฏิบัติงานดวยความซื่อสัตย สุจริต มุงมั่น ใชเวลาอยางคุม คา 7. ครู-นักเรียนรวมกันทํา การวิเคราะห-วิจารณ งานท่ีไดรับมอบหมายหนาช้ันเรียนดวย ความซอ่ื ตรง มุงมนั่ ใชเหตผุ ล และสติปญ ญา ในการวเิ คราะหวิจารณ 6.สือ่ และแหลง การเรยี นรู 1 ) ส่อื ส่ิงพมิ พ 1.1) แบบฝกหัดทา ยบทเรียน และแบบทดสอบทายบทเรียน เรือ่ งการทดสอบเหล็ก 1.2) เอกสารประกอบการเรียน เรอ่ื งการทดสอบเหลก็ 1.3) รายงานบทปฏบิ ัติการเรื่องการทดสอบเหลก็ 1.4) ใบเฉลยแบบฝกหัดทายบทเรียน และแบบทดสอบทายบทเรียน เรื่องการ ทดสอบเหลก็ 1.5) เกณฑป ระเมนิ ผลงานตามรายงานบทปฏบิ ัติการเรือ่ งการทดสอบเหลก็ 1.6) แบบประเมนิ ผลงานตามรายงานบทปฏิบัตกิ ารเรื่องการทดสอบเหล็ก 1.7) แบบสังเกตพฤติกรรม เร่อื งการทดสอบเหล็ก 2 ) ส่อื โสตทัศน 2.1) สอ่ื ประสม 2.2) วีดที ศั นเ รือ่ งการทดสอบเหลก็ 3) สือ่ ของจรงิ 3.1) ตัวอยา งการทดสอบเหลก็ ชนดิ ตางๆ 3.2) เครอื่ งการทดสอบเหลก็
๒๔ 7. หลักฐานการเรียนรทู ี่ตอ งการ 1) หลกั ฐานความรูท ่ตี องการ - รอ งรอยการทาํ แบบทดสอบทายบทเรียนที่ 5 - รองรอยการศกึ ษา คน ควา เพม่ิ เติมจากการทําแบบฝก หดั ทายบทเรียนที่ 5 2) หลักฐานการปฏบิ ัตงิ านท่ีตอ งการ - รายงานบทปฏิบัตกิ ารบทท่ี 5 เรอ่ื งการทดสอบเหลก็ 8. การวัดและประเมินผล 1) วธิ กี ารประเมนิ - ประเมินโดยการสงั เกตขณะเรียน และขณะปฏิบตั ิงาน - ประเมินจากการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนที่ 5 และการทําแบบทดสอบทาย บทเรียนท่ี 6 - ประเมินจากรายงานบทปฏบิ ัติการบทท่ี 5เร่อื งการทดสอบเหล็ก 2) เครอ่ื งมือประเมนิ - แบบประเมินผลการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนที่5 และการทําแบบทดสอบทาย บทเรยี นที่ 56 เร่ืองการทดสอบเหล็ก - ใบเฉลยแบบประเมินผลการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนท่ี5 และการทํา แบบทดสอบทา ยบทเรียนที่ ๕ เรื่องการทดสอบเหล็ก - เกณฑประเมินผลงานตามรายงานบทปฏบิ ัติการเร่ืองการทดสอบเหลก็ - แบบประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการบทที่ 56 เรื่องการทดสอบเหล็ก - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม เรื่องการทดสอบเหล็ก 3) เกณฑก ารประเมนิ 1) เตรยี มเครือ่ งมือ-วัสดุ อปุ กรณ อยางถกู ตองเหมาะสม 2) รายงานบทปฏิบัติการบทที่ 5 เร่ืองการทดสอบเหล็ก ตามหลักการ ขั้นตอน การปฏิบตั งิ านและเงอื่ นไขในการมอบหมายงาน 3) มีจติ พิสยั ทด่ี ใี นการปฏบิ ัตงิ าน
๒๕ 9. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู 1) ขอสรุปหลงั การจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 2) ปญหาทีพ่ บ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 3) แนวทางแกป ญ หา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ (.................................................) นายภวู ศิ มณี
๒๖ แผนการจดั การเรียนรูหนวยที่ 6 กลมุ สาระการเรียนรู ชางอตุ สาหกรรม ชอ่ื วชิ า โลหะวทิ ยาเบ้ืองตน รหสั วิชา ง32205 ชื่อการปรบั ปรุงคณุ สมบตั ขิ องโลหะโดยใชค วามรอ น จาํ นวน ๑๐ ชั่วโมง ผสู อน นายภูวศิ มณี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห 31 1. สาระสาํ คญั Heat Treatment of steel การปรับปรุงคณุ สมบัตขิ องเหลก็ กลา โดยการใชกรรมวิธีทาง ความรอนไดแ ก การอบออ น (Annealing) การอบปกติ (Normalizing) การชบุ แข็ง (Hardening) การอบคืนตัว (Martempering) และการชุบผวิ แขง็ (Surface Hardening) กรรมวธิ ีท่ใี ชทาํ กบั งาน สรา งช้ินสว นเคร่อื งจกั รกลโดยท่วั ไปไมวา จะ เปนงานท่ีผา นการข้ึนรปู รอ น เชน การรดี (Hot Rolling) หรอื การตีข้นึ รูป (Hot Forging) เหล็กจะถกู เผาท่อี ณุ หภูมิคอ นขางสงู จะไดเหลก็ ท่มี เี กรนโต มี ลักษณะเปน Dendrite และ ไมสมํา่ เสมอ มขี อเสยี ทจ่ี ะตองปรบั ปรุงกอ นนาํ ไปใชง าน โดยเฉพาะอยา ง ย่ิงงานท่ผี า นการ ข้นึ รปู เยน็ เชน การรดี (Cold Rolling) หรอื การตีขน้ึ รปู ทาํ ใหโครงสรางภายในของ เหลก็ จะเกิด การบิดเบ้ยี วไปตามทิศทางของแรงกระทาํ ทําใหเกดิ ความเครยี ดภายในสูญเสียความ เหนียว และมคี วามแข็งเพม่ิ ข้นึ ในลกั ษณะทไ่ี มส มาํ่ เสมอ สงิ่ ที่เกิดขึ้นในลักษณะทไ่ี มด เี หลา นีส้ ามารถ ทาํ ใหห มดไปและปรับปรุงใหด ีข้นึ โดนเฉพาะขนาดของเกรนของเนอื้ เหลก็ ทาํ ใหมีขนาดเลก็ ละเอียด และสมาํ่ เสมอไดด วยวธิ กี ารทาํ Normalizing ซง่ึ จะเนนในเรอ่ื งของการปรบั ปรุงโครงสรางมากทสี่ ดุ (Grain refinement ) 2. จุดประสงคท ่ัวไป เพอ่ื ใหร ูวธิ กี ารการปรบั ปรุงคุณสมบตั ิของโลหะโดยใชความรอน 3. จดุ ประสงคเชงิ พฤตกิ รรม 1. บอกชื่อวัสดทุ ่ใี ชในการปรับปรงุ คุณสมบตั ิของโลหะโดยใชความรอ นได 2. บอกขั้นตอนการปรับปรงุ คุณสมบัตขิ องโลหะโดยใชค วามรอนได 3. บอกชนิดของอปุ กรณใ นการปรับปรงุ คณุ สมบตั ิของโลหะโดยใชค วามรอ นได 4. สาระการเรยี นรู 1 เหล็กกลาคารบอน 2 ประเภทของเหล็กกลา คารบอน 3 การศกึ ษาโครงสรางจลุ ภาคและความหมาย 4 การอบชุบโลหะ 5 การทําการอบออน 6 การอบปกติ 7 การชบุ แข็ง 8 การปฏิบตั ิงานเกยี่ วกับการปรับปรงุ คณุ สมบัตขิ องโลหะโดยใชค วามรอน 8.1 การเตรียมวสั ดุ-อปุ กรณ
๒๗ 8.2 กระบวนการปฏบิ ัตงิ าน 9 การวิเคราะห- วิจารณงานทไ่ี ดร บั มอบหมาย 5. กิจกรรมการเรยี นรู 1. ครูกลาวทักทายนักเรียน แจงวัตถุประสงคในการเรียนเพ่ือใหนักเรียนรูเปาหมายของการ เรียนในเร่ืองที่ตองเรยี น 2. ครูแจกเอกสารประกอบการเรียนรูเร่ือง การปรับปรุงคุณสมบัติของโลหะโดยใชความรอน ซ่ึงประกอบดวย แบบฝกหัดทายบทเรียนที่ 6 รายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 6 แบบทดสอบทาย บทเรยี นท่ี 7 และอธบิ ายหลกั การและกระบวนการปรบั ปรงุ คณุ สมบตั ขิ องโลหะโดยใชความรอน 3. ครูนําภาพตัวอยาง และตัวอยางการปรับปรุงคุณสมบัติของโลหะโดยใชความรอนชนิด ตางๆ ใหน กั เรียนดูในขณะทําการสอน 4. ครูสาธติ วิธกี าร หลกั การและกระบวนการปรบั ปรุงคณุ สมบัติของโลหะโดยใชความรอน 5. ครูมอบหมายงานใหนักเรียน รายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 6 ตามหลักการ วิธีการ และ จิตพิสัยที่ดีในการปฏิบัติงาน โดยใหนักเรียนนําตัวอยางชิ้นงานที่ครูเตรียมไวใหจํานวน 10 ตัวอยาง และใหนกั เรียนแบงกลุมกันปฎิบัติงาน โดยคัดเลือกชนิดของวัสดุ ที่ครูจัดเตรียมไวใหตามหมายเลข 1 ถงึ 10 มาทําการวิเคราะห 6. นักเรียนปฏิบัติงานตามที่ไดรับมอบหมายโดยใชวัสดุ อุปกรณในการปฏิบัติงานอยาง คุมคา เอื้อเฟอเผื่อแผ ชวยเหลือแบงปนซ่ึงกันและกัน และปฏิบัติงานดวยความซ่ือสัตย สุจริต มุงมั่น ใชเวลาอยา งคุมคา 7. ครู-นักเรียนรวมกันทํา การวิเคราะห-วิจารณ งานที่ไดรับมอบหมายหนาชั้นเรียนดวย ความซื่อตรง มุง มน่ั ใชเ หตผุ ล และสตปิ ญ ญา ในการวิเคราะหวจิ ารณ 6.สือ่ และแหลงการเรียนรู 1 ) สื่อสง่ิ พมิ พ 1.1) แบบฝกหัดทายบทเรียน และแบบทดสอบทายบทเรียน เรื่องการปรับปรุง คุณสมบัตขิ องโลหะโดยใชค วามรอ น 1.2) เอกสารประกอบการเรียน เร่ืองการปรับปรุงคุณสมบัติของโลหะโดยใชความ รอน 1.3) รายงานบทปฏบิ ตั กิ ารเรอ่ื งการปรับปรุงคุณสมบัตขิ องโลหะโดยใชความรอ น 1.4) ใบเฉลยแบบฝกหัดทายบทเรียน และแบบทดสอบทายบทเรียน เร่ืองการ ปรับปรงุ คุณสมบตั ขิ องโลหะโดยใชค วามรอ น 1.5) เกณฑประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการเร่ืองการปรับปรุงคุณสมบัติ ของโลหะโดยใชค วามรอ น 1.6) แบบประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการเรื่องการปรับปรุงคุณสมบัติของ โลหะโดยใชค วามรอ น 1.7) แบบสังเกตพฤติกรรม เรอื่ งการปรับปรงุ คณุ สมบตั ิของโลหะโดยใชค วามรอน
๒๘ 2 ) สือ่ โสตทัศน 2.1) ส่อื ประสม 2.2) วีดีทัศนเรือ่ งการปรบั ปรงุ คณุ สมบัติของโลหะโดยใชค วามรอ น 3) ส่ือของจริง 3.1) ตัวอยา งการปรับปรงุ คณุ สมบตั ิของโลหะโดยใชค วามรอ นชนดิ ตา งๆ 3.2) เครือ่ งเช่อื มแกส 7. หลักฐานการเรียนรูท่ตี อ งการ 1) หลกั ฐานความรูท ่ีตองการ - รอ งรอยการทําแบบทดสอบทา ยบทเรียนที่ 6 - รองรอยการศึกษา คนควาเพมิ่ เตมิ จากการทําแบบฝกหดั ทายบทเรยี นที่ 6 2) หลกั ฐานการปฏิบัติงานทีต่ อ งการ - รายงานบทปฏิบัติการบทที่ 6 เรื่องการปรับปรุงคุณสมบัติของโลหะโดยใชความ รอน 8. การวัดและประเมนิ ผล 1) วธิ ีการประเมนิ - ประเมินโดยการสังเกตขณะเรียน และขณะปฏิบตั งิ าน - ประเมินจากการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนท่ี 6 และการทําแบบทดสอบทาย บทเรียนท6ี่ - ประเมินจากรายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 6 เรื่องการปรับปรุงคุณสมบัติของโลหะ โดยใชความรอ น 2) เครอื่ งมือประเมนิ - แบบประเมนิ ผลการทําแบบฝกหดั ทายบทเรียนที่ 6 และการทาํ แบบทดสอบทา ย บทเรียนท่ี 7 เรอื่ งการปรับปรงุ คุณสมบตั ขิ องโลหะโดยใชความรอ น - ใบเฉลยแบบประเมินผลการทําแบบฝกหัดทายบทเรียนที่ 6 และการทํา แบบทดสอบทายบทเรยี นที่ 6 เรอ่ื งการปรบั ปรงุ คณุ สมบัตขิ องโลหะโดยใชค วามรอน - เกณฑประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการเร่ืองการปรับปรุงคุณสมบัติของ โลหะโดยใชค วามรอ น - แบบประเมินผลงานตามรายงานบทปฏิบัติการบทท่ี 6 เรื่องการปรับปรุง คุณสมบัตขิ องโลหะโดยใชค วามรอ น - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม เรอ่ื งการปรับปรุงคณุ สมบตั ขิ องโลหะโดยใชความรอ น 3) เกณฑก ารประเมิน 1) เตรยี มเครือ่ งมอื -วสั ดุ อปุ กรณ อยา งถกู ตองเหมาะสม 2) รายงานบทปฏิบตั กิ ารบทท่ี 6 เร่อื งการปรับปรุงคุณสมบัติของโลหะโดยใชความ รอ น ตามหลักการ ขน้ั ตอน การปฏิบัติงานและเงอื่ นไขในการมอบหมายงาน 3) มจี ติ พสิ ยั ท่ดี ใี นการปฏบิ ตั งิ าน
๒๙ 9. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู 1) ขอสรปุ หลงั การจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 2) ปญ หาท่ีพบ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 3) แนวทางแกป ญ หา ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ (.................................................) นายภูวศิ มณ
๓๐ รายการตรวจสอบและอนุญาตใหใช ควรอนญุ าตใหใ ชใ นการสอนได ควรปรบั ปรงุ เกย่ี วกบั ...................................................................................................... ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ............................................................. ลงช่อื ( นายภวู ศิ มณี ) ครูผชู ว ย ............./.........................../............... เหน็ ควรอนุญาตใหใ ชในการสอนได ควรปรบั ปรุงดังเสนอ อนื่ ๆ................................................................................................................................ ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ............................................................. ลงชื่อ ( นายวเิ ศษ ฟองตา ) รองผูอํานวยการฝา ยวิชาการ ............./.........................../............... อนญุ าตใหใชในการสอนได อืน่ ๆ................................................................................................................................ ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................... ลงชอ่ื ( นายอดิสร แดงเรือน ) ผอู ํานวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห 31 ............./.........................../...............
๓๑ ใบประเมนิ ผลคะแนนพฤตกิ รรม ช่ือ ……………......สกุล ………………………วันที่ปฎิบัติงาน..........เดือน..................พ.ศ............. ช่ืองาน ……………………รายงานบทปฏบิ ตั ิการที่….… หนว ยท่ี ….…กลมุ ………… เลขที่…… คําแนะนําสําหรับการประเมิน 2 หมายถึง ทุกคร้ัง 1 หมายถึง บางครั้ง 0 หมายถึง ไมเคย จดุ ประเมิน คะแนน ความ คะแนน หมายเหตุ 0 1 2 สาํ คญั ที่ได ดานความพอประมาณ 1. การใชวสั ดุ – อปุ กรณ อยางประหยดั …… …… …… 5 …….. ดา นความมเี หตุผล 2. การมสี วนรวมแสดงความคดิ เหน็ …… …… …… 5 …….. ดานความมภี ูมคิ มุ กนั ท่ีดี 3. แตง กายตามกฎระเบียบของวทิ ยาลัย …… …… …… 5 …….. 4. การตรงตอ เวลา …… …… ……. 5 …….. ดานความรอบรู …… …… …… 5 …….. 5. ซักถาม คนควา กระตือรือรนในการหาความรู …… …… …… 5 …….. ดา นความรอบคอบ/ระมัดระวงั 6.ไมเ สพสง่ิ เสพยต ดิ เชนเหลา บุหรี่ …… …… …… 5 …….. …… …… …… 5 …….. ดา นความอดทน 7. ปฎบิ ัตงิ านใหบ รรลวุ ัตถุประสงค ดา นความซ่ือสัตย สุจรติ 8. ปฎบิ ัติหนาท่ที ไ่ี ดรบั มอบหมายตามเวลาทีก่ ําหนด ดา นความขยนั …… …… …… 5 …….. 9. มคี วามตงั้ ใจปฎิบัตงิ านเตม็ ความสามารถ ดา นการแบงปน …… …… …… 5 …….. 10. ทาํ งานรว มกับคนอ่นื ได รวมคะแนนท่ไี ด คะแนนทไี่ ด = ……………………. คะแนน ผลการประเมนิ ที่ได 60 % ผาน ต่าํ กวา 60 % ไมผ า น บันทกึ ผูป ระเมนิ ……….………………………….………………………………………………… ลงชอื่ ………………………….. ผปู ระเมนิ (…………………..………..) วนั ท…่ี …..…/…………..…/……....…
๓๒ ใบประเมนิ ผลรายงานบทปฏบิ ตั กิ าร ช่ือ ……………......สกุล ………………………วันที่ปฎิบัติงาน..........เดือน..................พ.ศ............. สาขาวชิ า………….………………………ระดบั ชนั้ ………… กลมุ ………… เลขท…ี่ …………. ช่ืองาน ………….……….………รายงานบทปฏิบตั กิ ารท…่ี .…หนว ยท่ี ….…จาํ นวน …….… คาบ จุดประเมนิ คะแนน ความ คะแนน หมายเหตุ การเตรยี มงาน 0.1 0.2 0.4 1 สําคญั ที่ได 1 การเตรยี มเครอ่ื งมือ-วัสดุ อุปกรณ 0.3 0. 5 … … … … … … ….2..... …...... รายงานบทปฏิบตั กิ าร 2 ตอบถูก มากกวา50 % - 100 % ขึ้น … … … … … … ….4...... …...... ไปถอื วา ผา น ไดคะแนนเทา กับ 1 …….. 3 ตอบผิด 0 – 50 % ไดคะแนน ขอละ …….. 0.1 คะแนน …….. จติ พสิ ัย …….. 5 ความปลอดภยั ในการปฎบิ ตั งิ าน … … … … … … ….1….. 6 การใชเครอื่ งมอื และอุปกรณ … … … … … … ….1….. 7 การทาํ ความสะอาดพน้ื ที่ปฎบิ ัติงาน … … … … … … ….1….. 8 เวลาทใ่ี ชใ นการปฎิบัติงาน … … … … … … ….1….. รวม ผลการประเมนิ ที่ได คะแนนท่ีได = ……………………. คะแนน 60 % =ผา น1000 × ต่ํากวา 60 % ไมผ า น 100 บันทึกผูประเมนิ ……….………………………….………………………………………………… ลงชื่อ……………………….. ผปู ระเมนิ (…………………..………..) วันท…ี่ …..…/…………..…/……....…
๓๓ หลกั เกณฑก ารประเมนิ ผลการปฎบิ ตั ิงาน จดุ ประเมนิ เกณฑก ารใหค ะแนน 1. การเตรียมเครื่องมือ-วสั ดุ อุปกรณ 0.1เตรยี มเคร่ืองมือ-วัสดุอปุ กรณ ขาด 5 ชิ้นขน้ึ ไป 0.2 เตรยี มเครอ่ื งมอื -วัสดุอปุ กรณ ขาด 4 ช้ิน 0.3 เตรยี มเครื่องมือ-วัสดอุ ุปกรณ ขาด 3 ชนิ้ 0.4 เตรยี มเครื่องมือ-วสั ดอุ ุปกรณ ขาด 2 ชิ้น 0.5 เตรียมเคร่ืองมือ-วัสดุอุปกรณ ขาด 1 ช้นิ 1 เตรยี มเครื่องมอื -วสั ดอุ ุปกรณ ตามกาํ หนด 2. ตอบถูก มากกวา50 % - 100 % ข้ึนไปถือวา 0.1 ตอบถูก 1 ขอ ผา น 0.2 ตอบถกู 2 ขอ ไดค ะแนนเทากบั 1 0.3 ตอบถูก 3 ขอ ตอบผิด 0 – 50 % ไดคะแนน ขอละ 0.1 0.4 ตอบถกู 4 ขอ คะแนน 0.5 ตอบถูก 5 ขอ 1 ตอบถกู มากกวา 5 ขอ ขึน้ ไป 5. ความปลอดภยั ในการปฎิบตั งิ าน 0.1 ถูกตกั เตือนมากกวา 5 ครัง้ ขน้ึ ไป 0.2 ถูกตักเตือน 4 ครั้ง 0.3 ถูกตักเตอื น 3 ครั้ง 0.4 ถกู ตกั เตอื น 2 ครัง้ 0.5 ถูกตกั เตือน 1 คร้งั 1 ไมถูกตักเตือน 6. การใชเครือ่ งมือและอุปกรณ 0.1 ใชเ ครอ่ื งมอื และอุปกรณผ ิดประเภทจนชํารดุ เสียหาย ไมท าํ ความสะอาด จัดเกบ็ ไมถกู ตอ ง 0.2 ใชเคร่ืองมือและอปุ กรณผดิ ประเภท ไมทาํ ความสะอาด จดั เก็บไมถ กู ตอ ง 0.3 ใชเคร่อื งมอื และอปุ กรณถกู ตอง ไมท ําความ สะอาด และจดั เกบ็ ไมถ ูกตอง 0.4 ใชเครือ่ งมือและอุปกรณถ กู ตอ ง ทําความ สะอาดไมค รบ และจดั เกบ็ ไมถ กู ตอง 0.5 ใชเ ครือ่ งมอื และอปุ กรณถ กู ตอง ทําความ สะอาด แตจ ดั เก็บไมถ ูกตอง 1 ใชเ คร่อื งมอื และอุปกรณ ทาํ ความสะอาด จดั เกบ็ อยางถกู ตอง
๓๔ หลกั เกณฑก ารประเมินผลการปฏบิ ตั ิงาน จุดประเมนิ เกณฑก ารใหค ะแนน 7. การทาํ ความสะอาดพ้นื ทปี่ ฏิบัติงาน 0.1 ไมทาํ ความสะอาดพืน้ ท่ีกอนและหลัง ปฏิบตั ิงาน 0.2 ทาํ ความสะอาดพ้นื ทเี่ ฉพาะกอนปฏบิ ัตงิ าน 0.3 ทาํ ความสะอาดพืน้ ที่เฉพาะหลังปฏิบตั ิงาน 0.4 ทาํ ความสะอาดพนื้ ที่กอนและหลงั ปฏิบตั ิ งาน เปนบางสวน 0.5 ทําความสะอาดพืน้ ท่กี อนและหลังปฏบิ ัติ งาน ทัง้ หมด 1 ทําความสะอาดพนื้ ท่ีกอนและหลังปฏิบตั ิงาน รวมทั้งบรเิ วณรอบๆโรงงานท้งั หมด 8. เวลาทีใ่ ชในการปฏิบัติงาน 0.1 เกินมา 5 ช่วั โมง 0.2 เกนิ มา 4 ชวั่ โมง 0.3 เกนิ มา 3 ชว่ั โมง 0.4 เกนิ มา 2 ช่วั โมง 0.5 เกนิ มา 1 ชั่วโมง 1 ตามเวลาทกี่ าํ หนด
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: