Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเลี้ยงสุกร ปวช

การเลี้ยงสุกร ปวช

Published by narch52, 2018-05-10 01:49:50

Description: การเลี้ยงสุกร ปวช

Search

Read the Text Version

วิชาการเล้ยี งสุกร (2501-2304) หลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) พทุ ธศกั ราช 2556 ประเภทวิชาเกษตรกรรม จดั ทาโดย นายณรงค์ ชมภนู ชุ แผนกวิชาสัตวศาสตร์ วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่นสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร

ข คานา เอกสารประกอบการสอนวิชาการเล้ียงสุกร เล่มน้ี ผู้เขียนได้เรียบเรียงเนื้อหาที่เป็นรายละเอียดเก่ียวกับการผลิตสุกร เพื่อใช้ในการเรียนการสอน วิชาการเลี้ยงสุกร (2501-2304) ตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2556 เพ่ือให้นักเรียนนาความรู้ท่ีได้รับ ไปประยุกต์ใช้ในการเล้ียงสุกรได้อย่างถูกต้อง โดยเนื้อหาประกอบไปด้วย สภาพการเลี้ยงสุกรของประเทศไทย ประเภทและพันธสุ์ ุกร โรงเรอื นและอปุ กรณ์ อาหารและการให้อาหารการจัดการสุกรระยะต่าง ๆ ต้ังแต่การจัดการคัดเลือก การผสมพันธ์ุ การจัดการพ่อ แม่พันธ์ุ การจัดการลูกสุกรการจัดการสกุ รขนุ การสขุ าภิบาล การวางแผนการผลิตและการจาหน่ายผลผลิต การจดบันทึกงานฟารม์ และการจัดทาบัญชี และการกาจดั ของเสยี จากฟารม์ สุกร โดยผู้เขียนได้รวบรวมเน้ือหาต่าง ๆเหลา่ นี้ จากประสบการณ์ตรง ตารา เอกสาร วารสารต่าง ๆ เพื่อใหไ้ ด้เน้อื หาที่มีความสมบูรณ์ และเหมาะสมกับผู้เรียนมากท่ีสุด ผู้เขียนหวังเป็นอย่างย่ิง เอกสารประกอบการสอนฉบับนี้จะเป็นประโยชน์แก่ นักเรียน นักศึกษา เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ตลอดจนผู้สนใจท่ัวไป หากมีความบกพร่องบางประการในเอกสารเล่มน้ี ผู้เขียนขอน้อมรับและยินดีรับฟังความคิดเห็น คาชี้แนะเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงใหด้ ียงิ่ ข้ึนต่อไป ขอขอบคุณ ผู้บริหาร ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ คณะครู และนักเรียน นักศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น ทกุ ท่าน ที่ได้ใหก้ ารสนบั สนุน และเปน็ แรงใจผลักดันให้การจัดทาเอกสารประกอบการสอนเล่มนสี้ าเรจ็ ลลุ ่วงเป็นอย่างดี ณรงค์ ชมภูนุช

ค คำอธิบำยรำยวชิ ำ วชิ า การผลติ สุกร (2501-2304) ตามหลกั สตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ ( ปวช.) พทุ ธศกั ราช 2556 ประเภทวชิ าเกษตรกรรมจุดประสงค์รายวชิ า เพอ่ื ให้ 1. เขา้ ใจหลกั การเบื้องต้นเก่ียวกบั สุกรและกระบวนการเลี้ยงสกุ ร 2. สามารถวางแผน เตรียมการดาเนินการเลีย้ งสกุ รอยา่ งมรี ะบบตามหลกั การและกระบวนการโดยคานงึ ถงึ การใช้ทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างคุ้มค่าและผลกระทบตอ่ ระบบนิเวศ 3. มเี จตคตทิ ี่ดีต่ออาชพี เกษตร และมีกิจนสิ ัยในการทางานด้วยความรับผิดชอบ รอบคอบขยัน และอดทน และสามรถทางานร่วมกบั ผู้อ่ืนสมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรู้เบือ้ งตน้ เกีย่ วกบั สุกร หลกั หารและกระบวนการเล้ียงสกุ ร 2. วางแผนการเลย้ี งสุกรตามความตอ้ งการของตลาดและสภาพพ้นื ท่ี 3. เตรยี มพันธุ์ โรงเรือนอปุ กรณ์ และอาหารสาหรบั การเลยี้ งสกุ รตามหลกั การและกระบวนการ 4. จดั การเลย้ี งดแู ละให้อาหารสุกรแต่ละระยะตามหลกั การและกระบวนการ 5. จัดการสขุ าภบิ าลสกุ รตามหลกั การและกระบวนการ 6. จดั การผลผลติ สุกรตามหลักการและกระบวนการ 7. บันทึกข้อมูลและวิเคราะห์ผลการดาเนินงานฟารม์ ตามหลักการ 8. จดั ทาบญั ชีรายรบั – รายจา่ ยการเลย้ี งและจาหน่ายสุกรคาอธิบายรายวชิ า ศึกษาและปฏบิ ตั ิเก่ยี วกับ ความสาคญั การตลาดและสภาวการณข์ องการเล้ยี งสุกรมาตรฐานฟาร์มสกุ ร ประเภทและพนั ธ์ุสุกร ปจั จัยทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การเลี้ยงสุกร โรงเรือนและอุปกรณ์อาหารและการให้อาหาร การวางแผนการเลย้ี งสุกร การจัดการเลีย้ งดสู กุ รระยะตา่ งๆ การจดั การสุขาภิบาลและของเสยี ในฟาร์ม โรคและการป้องกัน การจดบันทกึ งานฟาร์ม การจัดการผลผลิตการจาหน่ายและทาบญั ชี

ง หนา้ ข สารบญั คคานา 1คาอธิบายรายวชิ า 2บทที่ 1 สภาพการเลย้ี งสกุ รของประเทศไทย 2 1. รปู แบบของฟารม์ สกุ รในประเทศไทย 4 2. ความสาคัญของการเล้ยี งสุกร 4 3. ปจั จัยท่มี ีผลต่อการผลิตสุกรบทท่ี 2 ประเภทและพันธ์ุสุกร 7 1. ลักษณะทั่วไปของสกุ ร 8 2. ประเภทของสกุ ร และพนั ธสุ์ กุ ร 9บทท่ี 3 โรงเรอื น และอุปกรณ์ 11 1. หลักในการเลอื กสถานทีส่ ร้างฟารม์ สุกร 13 2. การวางแผนผังฟาร์ม 3. โรงเรือนสกุ ร 14 4. คอกสุกรชนดิ ต่าง ๆ 17 5. อุปกรณ์ในการเลย้ี งสกุ ร 19บทท่ี 4 อาหารและการใหอ้ าหารสกุ ร 20 1. โภชนะในอาหารสัตว์ 22 2. ชนิดของวตั ถุดิบอาหารสัตว์ 3. การเลือกซ้อื วัตถุดบิ อาหารสัตว์ 24 4. วิธีการผสมอาหาร 26 5. ชนดิ ของอาหารและการใหอ้ าหารสกุ รระยะตา่ ง ๆ 27บทท่ี 5 การคดั เลอื กและผสมพนั ธ์ุสุกร 29 1. หลกั ในการคัดเลอื กสกุ รพ่อ แม่พนั ธุ์ 2. ลกั ษณะมาตรฐานในการคดั เลอื กสุกรพอ่ แมพ่ นั ธุ์ 31 3. การจัดการผสมพนั ธ์สุ กุ ร 4. วิธกี ารผสมพันธุ์บทที่ 6 การจัดการสุกรพ่อ แม่พนั ธ์ุ 1. การเตรียมสุกรพอ่ แมพ่ ันธุ์

จ หนา้ 32 สารบญั (ตอ่ ) 34 34 2. การจัดการพอ่ สกุ ร 35 3. การจดั การสุกรสาว 37 4. การจดั การแมส่ กุ รหลังผสมพนั ธ์ุ 37 5. การจดั การแม่สุกรคลอดลูก 38 6. การจดั การแมส่ ุกรหลงั คลอด 7. การจัดการแม่สกุ รหลังหย่านม 39 8. ข้อพจิ ารณาในการคัดทิ้งแมส่ ุกร 40บทท่ี 7 การจดั การลกู สุกร 42 1. การจัดการเลยี้ งดูลกู สุกรแรกคลอด 2. การจัดการลูกสกุ รหลังคลอดถงึ หยา่ นม 44 3. การจดั การลูกสกุ รอนุบาล 44บทที่ 8 การจัดการสุกรขุน 45 1. พันธุส์ กุ รที่ใช้ในการผลิตสกุ รขุน 46 2. โรงเรอื นสกุ รขุน 47 3. การจดั การเมือ่ ลูกสกุ รเข้าสู่คอกสกุ รขนุ 49 4. การจัดการสกุ รขนุ 50 5. การใหอ้ าหารสุกรขุน 6. การควบคุมสขุ ภาพสุกรขุน 51 7. การจับส่งตลาด 51บทท่ี 9 การสุขาภบิ าล 53 1. ความหมายของการสขุ าภิบาล 54 2. ความหมายและประเภทของโรค 57 3. การสขุ าภบิ าลในฟาร์มสุกร 59 4. การทาวัคซนี 5. โรคพยาธทิ ี่สาคญั ในสกุ ร 6. โรคสุกรท่ีสาคัญและการปอ้ งกันรกั ษา

บทท่ี 1 สภาพการเลยี้ งสุกรของประเทศไทย1. รูปแบบของฟาร์มสุกรในประเทศไทย รูปแบบของฟาร์มสุกรที่เล้ียงในปัจจุบันนี้ ถ้าแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการเล้ียงแล้วสามารถแบ่งฟารม์ สุกรออกได้เป็น 3 ชนิด คอื 1.1 ฟาร์มเลยี้ งสุกรขุน สามารถปฏิบัติได้ 2 วธิ ีดว้ ยกัน คือ 1.1.1 การเลี้ยงตัง้ แตร่ ะยะสุกรเล็ก เป็นฟารม์ ท่มี กี ารเลย้ี งเฉพาะสุกรขุนเท่าน้ัน โดย จะซื้อลูกสุกรซ่ึงมีน้าหนักเฉล่ีย 15 – 18 กิโลกรัม เข้ามาเลี้ยงจนสุกรมีน้าหนัก 100 กิโลกรัมก็จะจ้าหน่าย การเลี้ยงนิยมใช้ระบบเข้าหมด ออกหมด (all in all out) ปัจจุบันระยะเวลาท่ีใช้เลี้ยงประมาณ 4 – 5 เดือนตอ่ รุน่ ฟารม์ สกุ รขนุ นีจ้ ะมกี ารลงทนุ ไมส่ งู มากและคนื ทุนเร็ว 1.1.2 การเล้ียงในระยะรุ่น การเล้ียงวิธีนี้เป็นวิธีท่ีพ่อค้าสุกรนิยมใช้กันมากโดยจะซ้ือสกุ รรนุ่ ท่มี ีน้าหนักประมาณ 50 – 60 กิโลกรัม จากเกษตรกรในราคาท่ีค่อนข้างถูก จากนั้นก็น้าสุกรรุ่นท่ีได้มาถ่ายพยาธิ และให้อาหารเล้ียงขุนเต็มที่ ซ่ึงก็จะท้าให้สุกรมีการเจริญเติบโตดีขึ้นมากกว่าเดมิ จนสามารถจบั สง่ ตลาดได้ 1.2 ฟาร์มเลยี้ งสุกรพนั ธ์ุ เปน็ การเลย้ี งเฉพาะสุกรพอ่ แมพ่ นั ธ์ุ เปน็ ฟาร์มที่มีการลงทุนสูง และใช้ระยะเวลาเล้ียงนาน ถา้ เริม่ ตน้ จากการเล้ียงสกุ รสาว กว่าจะมีผลผลติ ถึงจา้ หนา่ ยได้ก็จะใช้ระยะเวลาประมาณ 7 – 8เดอื นทีเดียว ฟารม์ เล้ยี งสกุ รพนั ธ์นุ ้ีจะมจี ุดประสงค์อยู่ 2 อยา่ ง คอื 1.2.1 ฟาร์มสุกรพันธ์ุเพื่อขยายพันธ์ุ เป็นฟาร์มท่ีเล้ียงสุกรพันธ์ุแท้เพ่ือผลิตสุกรพันธุ์แท้ หรอื สุกรสองสายเลอื ดท่ีจะนา้ ไปใช้เป็นแมพ่ นั ธุ์ เพ่ือผลติ ลูกสุกรสามสายเลือดตอ่ ไป 1.2.2 ฟาร์มสุกรพันธุ์เพื่อผลิตลูกสุกรสามสายเลือด เป็นฟาร์มท่ีมีการน้าแม่สุกรสองสายเลือด จากฟาร์มสุกรพันธุ์เพื่อขยายพันธุ์มาเล้ียง และผลิตลูกสุกรสามสายเลือด เพื่อส่งให้กับฟาร์มสุกรขุน ลูกสุกรสามสายเลือดท่ีขายจะมีน้าหนักประมาณ 15 – 18 กิโลกรัม โดยทั่วไปจะจ้าหนา่ ยเมือ่ อายุ 8 สัปดาห์ 1.3 ฟาร์มเลยี้ งสุกรครบวงจร เป็นฟาร์มเลี้ยงสุกรที่มีการเลี้ยงสุกรพ่อ แม่พันธ์ุเอง เม่ือผลิตลูกสุกรแล้วน้าไปขุนเองฟาร์มประเภทนีจ้ ะมีต้นทนุ ในการผลิตสุกรขุนต่อตัวต้่ากว่าฟาร์มเลี้ยงสุกรขุนอย่างเดียว และฟาร์มครบวงจรบางฟาร์มจะมีการเล้ยี งสกุ รพนั ธแ์ุ ท้ เพื่อผลิตแมส่ กุ รสองสายเลือดข้ึนทดแทนในฟาร์มเองพร้อมๆ กับมีการปรับปรุงพันธ์ุสุกรในฟาร์มให้ดีข้ึนด้วย ผลผลิตของฟาร์มนี้จะมีท้ังสุกรขุน ลูก การเลยี้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช

2สุกรสามสายเลือด ตลอดจนแม่สุกรสองสายเลือด และสุกรพันธุ์แท้ด้วย ซ่ึงฟาร์มขนาดใหญ่ในปัจจบุ นั สว่ นใหญ่จะมกี ารผลิตในลกั ษณะครบวงจรเช่นน้ี2. ความสาคญั ของการเลยี้ งสุกร ความสา้ คญั ของการเล้ยี งสุกร สามารถจา้ แนกได้ดังน้ี 2.1 ความสาคัญต่อเศรษฐกจิ 2.1.1 การผลติ สุกรจะก่อให้เกดิ การลงทนุ ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมากขึ้น เช่นโรงงานอาหารสัตว์ โรงงานปลาปน่ โรงฆ่าสตั ว์ และโรงงานทา้ ผลติ ภัณฑเ์ น้อื สัตว์ เปน็ ต้น 2.1.2 จากอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกร และอุตสาหกรรมท่ีต่อเน่ืองจะช่วยให้มีการจ้างงานเพ่มิ ขน้ึ ทา้ ให้ประชาชนมงี านท้ามากขึ้น และช่วยลดปญั หาการว่างงานได้ 2.1.3 สุกรเป็นสัตว์เศรษฐกิจ และมีวงจรชีวิตสั้นจึงเหมาะท่ีจะน้ามาใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมการเลยี้ งสัตว์ของประเทศไดด้ ี 2.1.4 เมื่อมีการส่งสุกร หรือผลิตภัณฑ์จากเน้ือสุกรไปจ้าหน่ายยังต่างประเทศจะช่วยเพิม่ รายไดใ้ หก้ ับประเทศ ลดการเสียดลุ การค้ากับตา่ งประเทศ 2.2 ความสาคัญต่อประชาชนและเกษตรกร 2.2.1 เน้ือสกุ รเป็นแหล่งอาหารใหโ้ ปรตีนท่ีสา้ คัญแกผ่ ู้บริโภค ท้ังนี้เพราะเนอ้ื สกุ รมีราคาถกู เมื่อเทียบกบั เนอื้ โค และมรี สชาติดีเป็นที่นิยมบริโภคมากกว่าเนื้อสตั ว์ประเภทอ่ืน 2.2.2 ช่วยให้เกษตรกรสามารถใช้พ้ืนท่ีท่ีไม่สามารถใช้เพาะปลูกได้ให้เกิดประโยชน์โดยน้ามาเล้ียงสกุ ร 2.2.3 การเล้ียงสุกรเป็นอาชีพเสริม ช่วยให้เกษตรกรมีงานท้าตลอดปี และยังช่วยเพิ่มรายได้ใหก้ บั เกษตรกร 2.2.4 การเล้ียงสุกรจะช่วยเพ่ิมราคาผลผลิตเกษตรโดยทางอ้อม สุกรจะช่วยเปล่ียนผลผลิตราคาถูก หรือผลพลอยได้ที่เกษตรกรไม่ได้ใช้ เช่น ร้าละเอียด เศษพืชผักจากไร่นา ให้เป็นเน้ือสกุ รท่ีมรี าคาแพงกว่าในปริมาณที่เทา่ กนั 3.2.5 มูลสุกรสามารถน้าไปใช้เป็นปุ๋ยปรับปรุงดิน หรือน้าไปหมักผลิตแก๊สชีวภาพเพ่ือนา้ ไปใช้ในการหุงต้มหรือใหแ้ สงสวา่ งในฟาร์ม และยงั ใชเ้ ป็นอาหารเลี้ยงปลาได้3. ปัจจัยทมี่ ผี ลต่อการผลติ สุกร 3.1 พนั ธ์ุสุกร พนั ธส์ กุ รจะมคี วามส้าคัญในการช่วยลดต้นทุนในการผลิต หรือเพิ่มต้นทุนการผลิตได้เช่นกนั กลา่ วคอื ถา้ สกุ รพันธ์ุดี มอี ัตราการเจรญิ เติบโตสูง มีประสิทธิภาพการเปล่ียนอาหารเป็นเน้ือดี ก็จะท้าให้ต้นทุนในการผลิตต่อเนื้อ 1 กิโลกรัมนั้นต่้ากว่าสุกรที่มีสายพันธ์ุไม่ดี พันธ์ุสุกรที่มีคณุ ภาพซากดจี ะช่วยใหเ้ กษตรกรสามารถจ้าหน่ายสุกรได้ง่ายขึน้ การเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

3 3.2 อาหารและการให้อาหาร ต้นทุนการผลิตของสุกรสว่ นใหญ่ 70 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดน้ันคือค่าอาหารและการที่สุกรจะเจริญเติบโตได้ดี และมีคุณภาพซากตรงตามพันธ์ุนั้นๆได้ จะต้องได้รับอาหารท่ีมีคุณภาพดีมีโภชนะครบถ้วนตามความต้องการของสกุ รและควรใหอ้ าหารในปรมิ าณทเ่ี หมาะสมด้วย 3.3 การจัดการฟาร์ม การจัดการฟาร์มที่ดีควรมีการวางแผนการด้าเนินงานไว้ล่วงหน้า มีการศึกษาภาวะตลาดของสุกร และราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์อยู่เสมอเพ่ือน้าข้อมูลมาใช้ในการวางแผนในการผลิตสุกรให้ดีขึ้น มีการคาดคะเนตลาดท่ีถูกต้อง มีการเร่ิมต้นเลี้ยงท่ีตรงจังหวะจะท้าให้การเล้ียงสุกรมีประสทิ ธภิ าพ และประสบผลส้าเร็จในการเลี้ยงได้ 3.4 โรคและการสุขาภิบาล ควรมีการวางแผนการจัดการสุขาภิบาลท่ีดีท้ังในด้านการป้องกัน และการรักษาเพ่ือท้าให้สกุ รมีสุขภาพแข็งแรง ซง่ึ จะท้าใหส้ กุ รให้ผลผลิตได้อยา่ งเตม็ ท่ี ########################################################### การเลีย้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

4 บทที่ 2 ประเภทและพนั ธ์ุสุกร1. ลกั ษณะทว่ั ไปของสุกร สุกรเปน็ สัตว์เลอื ดอุ่นไม่มีต่อมเหงื่อ มีชั้นไขมันใต้ผิวหนังหนา เป็นสัตว์เล้ียงที่มีความจ้าดีมีพฤติกรรมอยู่เป็นฝูง และสนใจต่อสิ่งแวดล้อม นิสัยชอบน้า ต้องการคอกที่มีอากาศถ่ายเทดี และอบอุน่ อุณหภูมปิ ระมาณ 25 – 29 องศาเซลเซยี ส มีอุณหภูมิคงท่ีไม่เปล่ียนแปลง เพราะสุกรเป็นสัตว์ท่ีไม่ทนต่อสภาพอากาศร้อน เน่ืองจากอากาศร้อนจะมีผลต่อปริมาณการกินอาหาร ประสิทธิภาพการเปล่ียนอาหาร องค์ประกอบของคุณภาพซาก การสืบพันธ์ุ และการให้ผลผลิตอ่ืนๆ อุณหภูมิของร่างกายเฉล่ียประมาณ 39 องศาเซลเซียส อัตราการเต้นของหัวใจปกติ 60 – 80 คร้ังต่อนาทีอตั ราการหายใจปกติ 20 – 30 ครง้ั ต่อนาที และมจี ้านวนโครโมโซม 38 คู่2. ประเภทของสุกร และพนั ธ์ุสุกร 2.1 ประเภทของสุกร สกุ รสามารถจดั แบง่ เป็น 3 ประเภท คือ 2.1.1 ประเภทมัน (Lard type) เป็นสกุ รพนั ธุด์ ั้งเดิมมกี ารเจรญิ เตบิ โตช้า มรี ูปร่างกลมส้ัน ประสิทธิภาพการผลิตต่้า โตช้า หัวใหญ่ คางย้อย เนื้อสันเล็ก สะโพกเล็ก ซึ่งเป็นลักษณะท่ีไม่ต้องการของตลาด ส้าหรับประเทศไทยยังพบอยู่บ้างตามชนบท หรือชาวเขา สุกรประเภทน้ี เช่นพันธุร์ าด พนั ธ์ุไหหลา้ พันธุค์ วาย และพันธ์ุพวง เป็นต้น 2.1.2 ประเภทเบคอน (Bacon type) เป็นสุกรพันธ์ุด้ังเดิมของทวีปยุโรป รูปร่างลักษณะของสุกรประเภทน้ี คือ ล้าตัวยาวแต่ค่อนข้างบางกว่าประเภทเน้ือ ความโค้งของล้าตัวและหลังน้อยกว่าประเภทเน้ือ มีมันน้อยและมีเนื้อมาก จุดประสงค์ท่ีผลิตสุกรประเภทนี้คือชาวยุโรปน้ามาท้าผลิตภัณฑ์ชนิดหน่ึงชื่อ เบคอน ซ่ึงเป็นส่วนที่อยู่บริเวณสีข้างหรือท่ีเรียกว่า เน้ือสามช้ันดังนน้ั จึงพยายามปรบั ปรุงใหช้ น้ั เนื้อของบริเวณสีข้างนั้นหนาหรือมีหลายช้ัน และมีปริมาณของมันลดนอ้ ยลง สุกรประเภทนเี้ ช่น พันธุ์ลารจ์ ไวท์ และพันธแุ์ ลนด์เรซ เปน็ ต้น 2.1.3 ประเภทเนื้อ (Meat type) ส่วนใหญ่เป็นสุกรประเภทพันธ์ุด้ังเดิม ที่ได้รับการปรับปรุงคัดเลือกโดยเน้นการผลิตเนื้อมากกว่าผลิตมัน เป็นสุกรที่เล้ียงกันมากในสหรัฐอเมริกาเหมาะส้าหรับบรโิ ภคเนือ้ นอกจากน้ีกม็ สี กุ รพนั ธใุ์ หม่ที่เกิดจากสุกรลูกผสมระหว่างประเภทมันกับประเภทเบคอน รูปร่างโดยท่ัวไปมีรูปร่างสันทัด ค่อนข้างหนา ความยาวของล้าตัวส้ันและหนากว่าประเภทเบคอน ความโค้งของสันหลังคล้ายคันธนู และโค้งกว่าสุกรประเภทเบคอน สะโพกผายใหญ่ดูชัดเจน ไหล่โตกว้าง ความลึกของล้าตัวพอประมาณ สุกรประเภทน้ีต่างก็มีลักษณะและ การเลีย้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น

5คณุ สมบัติดีเด่นแตกต่างกันข้ึนกับลักษณะ และคุณสมบัติของแต่ละพันธุ์ สุกรประเภทน้ี เช่น พันธุ์ดูรอค พนั ธแุ์ ฮมเชยี ร์ และพนั ธ์ุเบอร์กเชียร์ เปน็ ต้น 2.2 พนั ธ์ุสุกร และลกั ษณะประจาพนั ธ์ุสุกร 2.2.1 พนั ธ์ุลาร์จไวท์ (Large white) มีถิ่นก้าเนดิ ในประเทศอังกฤษ เกิดจากการคัดเลือกและผสมพันธ์ุระหว่างสุกรพันธ์ุยอร์คเชียร์ (Yorkshire) กับสุกรพันธุ์ไลเคสเตอร์ (Lechester)ลักษณะประจา้ พนั ธโ์ุ ดยทัว่ ไป มีลกั ษณะขนและหนังสีขาวตลอดลา้ ตัว บางครัง้ อาจมจี ุดด้าท่ีผิวหนังบ้าง หูต้ัง หัวโต ล้าตัวยาวแคบลึก ไหล่โต แต่สะโพกไม่โตเห็นเด่นชัดนัก อุปนิสัยปราดเปรียวแขง็ แรง เป็นสกุ รขนาดใหญ่ ใหล้ กู ดก เลี้ยงลูกเก่ง มีน้านมมาก มีอัตราการเจริญเติบโต ประสิทธิภาพเ ป ล่ี ย น อ า ห า ร เ ป็ น เ น้ื อ แ ล ะ คุ ณ ภ า พ ซ า ก ดี ม า กสามารถปรับตวั เขา้ กับสภาพการเลีย้ งดไู ดด้ ี 2.2.2 พันธ์ุแลนด์เรซ (Land race) มีถ่ินก้าเนิดในประเทศเดนมาร์ก เป็นสุกรลูกผสมของพันธ์ุลาร์จไวท์กับพันธุ์พ้ืนเมืองของเดนมาร์ก เป็นพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย รูปร่างลักษณะมีจมูกยาวหัวเล็ก หูปรก ขนาดของหูไม่แน่นอน สีของขนและหนังขาว อาจมีจุดด้าปรากฏบ้าง ลา้ ตัวหนาลึก ไหล่กว้างมาก สะโพกโตเห็นชดั หลงั ไมโ่ ค้งมากนัก ให้ลูกดกเลี้ยงลูกเก่ง มีอัตรา การเจริญเติบโต ประสิทธิภาพเปลี่ยนอาหารเป็น เนื้อและคุณภาพซากดีมาก ล้าตัวยาวกว่าสุกรพันธ์ุ อ่ืนๆ เพราะมีซี่โครงมากกว่า 1 – 2 คู่ แต่มีจุดอ่อน ประจ้าพันธุ์อยู่มาก เช่น ไม่ทนร้อน กระดูกขาเล็ก เรียวทา้ ใหข้ าและขอ้ ขาไม่แขง็ แรง 2.2.3 พันธุ์ดูรอค (Duroc) มีถ่ินก้าเนิดในภาคตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงเช่นกัน รูปร่างลักษณะ มีหน้ายาวปานกลาง ตัวโตพอควร หูมีขนาดปานกลาง ปลายหูปรก สีของขน มีสีอ่อนแก่แตกต่างกันไปจากสีเหลืองทองจนเป็นสีแดงออกด้าหรือสีน้าตาลแก่มีล้าตัวสั้นและหนากว่าสุกรประเภทเบคอน มีความโค้งของสันหลังคล้ายคันธนู สะโพกและไหล่หนากว้างเห็นเด่นชัด ให้ลูกดก เล้ียงลูกดีพอควร ข้อเด่นของสุกรพันธ์ุน้ีคือ มีอัตราการเจริญเติบโตรวดเรว็ มปี ระสทิ ธิภาพเปลย่ี นอาหารเป็นเนอ้ื ดมี าก คณุ ภาพซากดี ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ นยิ มใชเ้ ปน็ พอ่ พันธใุ์ นการผลิตลูกสุกรเพ่อื น้าไปขุนตอ่ ไป การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น

6 2.2.4 พันธุ์แฮมเชียร์ (Hampshire) ท่ีมีถิ่นก้าเนิดในประเทศอังกฤษ รูปร่างลักษณะ มี จมูกยาว หัวค่อนข้างเล็ก หูตั้ง ล้าตัวค่อนข้างบาง มีสีด้าและมีสีขาวคาดบริเวณหัวไหล่จรดขา หน้าท้ังสองจัดเป็นสุกรขนาดกลาง ล้าตัวส้ัน หลังโค้ง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมของไทยได้ดี มีอัตราการเจริญเติบโต และมีประสิทธิภาพ เปลี่ยนอาหารเป็นเน้ือดี มีลักษณะความเป็น แมไ่ ม่ดนี ัก ให้ลูกไม่ดกเลย้ี งลกู ไม่เก่ง จึงนิยม มาใชท้ า้ เปน็ สายพอ่ พนั ธแุ์ ต่ไม่คอ่ ยเปน็ ที่นิยม เลีย้ ง ทัง้ นีเ้ พราะลา้ ตวั สดี ้า 2.2.5 พันธ์ุเพียเทรียน (Pietrain) มีถนิ่ ก้าเนิดทปี่ ระเทศเบลเยี่ยม รปู รา่ งลกั ษณะ มีหตู ง้ั ล้าตวั มสี ีขาว มจี ุดดา้ ใหญ่กระจายท่ัวตัวตรงกลางจุดเปน็ สีด้าเข้ม มขี นและผิวหนังสดี า้ แตต่ รงขอบรอบจุดด้าสีขนเป็นสีขาวท้าให้ดูเหมือนมีวงแหวนสีเทาล้อมรอบ สะโพกใหญ่ ไหล่หนา หลังกว้างเป็นร่อง และมีกล้ามเนื้อเป็นมัดชัดเจน มีอัตราการเจริญเติบโต ประสิทธิภาพเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อและคุณภาพซากดีมาก ให้ลูกดก และเลี้ยงลูกเก่งขอ้ เสยี ของสุกรพนั ธ์นุ ้ี คือเมื่อเกดิ ความเครียด สุกรจะช็อกตายได้ง่ายท้าให้เนื้อมีสีซีด น่ิมเหลว และแฉะน้า (Pale Soft Exudative) หรือเน้ือ PSEจดั เป็นเน้อื คณุ ภาพต่า้ มาก ####################################################### การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่

7 บทท่ี 3 โรงเรือนและอุปกรณ์ ในการเลี้ยงสุกรเป็นอาชีพ หรือระบบฟาร์ม โรงเรือน คอกสุกร และอุปกรณ์ต่างๆ นับว่าเป็นสิง่ จา้ เป็นอย่างยิ่งเพ่ือชว่ ยในการจัดการผลติ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ มีข้อท่ีควรจะพิจารณาโดยเริ่มจากสิ่งใหญก่ อ่ นได้แก่ โรงเรอื น และค่อยลงไปถึงรายละเอียดปลีกย่อย เนื่องจากว่าสามารถเปลี่ยนแปลงแกไ้ ขได้งา่ ยกว่าถา้ เกิดความไมส่ ะดวกหรือไมเ่ หมาะสม ดังนั้นส่ิงท่ีควรพิจารณาในการสร้างฟาร์มสกุ ร ประกอบด้วย1. หลกั ในการเลอื กสถานทส่ี ร้างฟาร์มสุกร 1.1 น้า การเล้ียงสุกรน้ันจ้าเป็นต้องอาศัยน้าจืดท่ีสะอาด และต้องมีปริมาณมากพอ ซ่ึงปรมิ าณน้าท่ีสุกรตอ้ งการบรโิ ภคนั้น จะแตกต่างกันออกไปตามฤดูกาล และวิธีการใหอ้ าหาร 1.2 ภูมิอากาศและภูมิประเทศ ควรหลีกเล่ียงพ้ืนท่ีที่มีการเปล่ียนแปลงของอุณหภูมิเป็นไปอยา่ งรุนแรงโดยท่วั ไปแล้วเราจะจดั การใหโ้ รงเรือนสกุ รมีอุณหภูมิ 16 – 23 องศาเซลเซียส ดังน้ันถ้าท้าเลที่ต้งั ฟาร์มมีอุณหภูมิเหมาะสม ก็จะช่วยลดค่าใช้จา่ ยในการก่อสรา้ งโรงเรือนเลีย้ งสกุ รลงได้ 1.3 ไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้ามีความจ้าเป็นต่อฟาร์มเลี้ยงสุกรเหมือนกัน เพราะอุปกรณ์หรือเครื่องอ้านวยความสะดวกบางชนิดที่ใช้ในโรงเรือนจ้าเป็นต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้า เช่น ไฟกกลูกสุกร เครอื่ งผสมอาหาร ปั๊มน้า และหลอดไฟฟา้ ให้แสงสวา่ ง เปน็ ตน้ 1.4 แหล่งอาหารสัตว์ ท่ีต้ังฟาร์มหากอยู่ใกล้กับแหล่งอาหารสัตว์จะท้าให้สามารถซื้อวัตถุดบิ อาหารในราคาทถี่ กู กวา่ และยังเป็นการลดต้นทนุ ค่าขนสง่ อาหารได้ดว้ ย 1.5 ตลาดรับซ้ือสุกร การขนส่งสุกรท่ีผลิตได้ออกไปจ้าหน่ายยังแหล่งรับซ้ือจะท้าให้สุกรเกิดความเครียดมากขึ้น เกิดการสูญเสียน้าหนักและท้าให้คุณภาพของซากสุกรเหล่าน้ีเลวลง ดังนั้นถา้ ฟาร์มเล้ียงสุกรตั้งอยใู่ กล้แหลง่ รับซื้อแล้วจะช่วยใหล้ ดสภาวะการเกิดความเครียดในสุกรลงได้ 1.6 การคมนาคม เพ่ือเป็นการสะดวกในการน้าอาหารสัตว์มาเลี้ยง หรือการขนส่งสุกรที่ผลติ ได้ออกไปจา้ หนา่ ยยังตลาดรบั ซือ้ ฟารม์ ควรตั้งอยู่ในท้าเลท่มี เี ส้นทางคมนาคมสะดวก 1.7 แรงงานและการบริการช่วยเหลือ ถ้าฟาร์มตั้งอยู่ในท้าเลท่ีสามารถจ้างแรงงานได้ง่ายก็จะเป็นการสะดวกต่อการด้าเนินงาน และบางคร้ังการท้าฟาร์มเล้ียงสุกรอาจประสบปัญหาต้องขอความช่วยเหลือจากสตั วแพทย์ ช่างไฟฟ้า หรอื ช่างก่อสร้าง ซง่ึ การขอบริการก็ควรจะสะดวกเชน่ กนั 1.8 พื้นทท่ี กี่ ฎหมายหวงห้าม ฟาร์มเลยี้ งสุกรจะต้องไม่อยู่ในเขตเทศบาลหรือเขตสุขาภิบาลทมี่ ีกฎหมายห้ามมใิ หเ้ ลยี้ งสกุ รเพราะจะผิดกฎเทศบญั ญัติ 1.9 โรคระบาดของสุกร พ้ืนที่ท่ีจะใช้ตั้งฟาร์มเลี้ยงสุกรนั้นต้องไม่เคยมีการระบาดของโรคสกุ รมากอ่ น โดยเฉพาะโรคอหวิ าตส์ ุกร การเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น

82. การวางแผนผงั ฟาร์ม การวางแผนผังฟาร์มหมายถึง การก้าหนดต้าแหน่งของโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆและระบบสาธารณูปโภคท่ีจ้าเป็นลงในพ้ืนท่ีสร้างฟาร์มให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลสะดวกต่อการปฏบิ ัติงาน และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสดุ โดยท่วั ไปจะแบง่ พนื้ ทฟี่ ารม์ ออกเปน็ 3 ส่วน คอื 2.1 บริเวณสานักงานและบ้านพกั จะเป็นบริเวณท่ีให้บุคคลภายนอกเข้ามาติดต่อได้ บริเวณนี้จะประกอบไปด้วย ส้านัก-งาน บ้านพักเจ้าหน้าที่หรือคนงาน โรงอาหารสัตว์โรงพักสุกรก่อนจ้าหน่าย โรงเรือนกักสุกรก่อนเข้าฟาร์ม และโรงพน่ น้ายาฆ่าเชอ้ื โรค 2.2 บริเวณโรงเรือนเลยี้ งสุกร ทิศทางของโรงเรือนวางตามแนวทิศตะวันออก – ตะวันตก เพื่อไม่ให้แสงแดดส่องเข้าไปในโรงเรือนได้ทั้งเวลาเช้า และเวลาบ่าย เพ่ือสะดวกต่อการปฏิบัติงาน ควรให้โรงเรือนแต่ละหลังต่อเช่ือมกับถนนหลัก การวางผังฟาร์มต้องค้านึงถึงระยะห่างระหว่างโรงเรือนเพ่ือประโยชน์ในดา้ นการป้องกันโรค การเคลอื่ นย้ายสัตว์ และการจดั การท่สี ะดวก โดยยดึ หลักดงั นี้ 2.2.1 โรงเรือนสกุ รควรอยหู่ ่างจากร้วั ฟารม์ อยา่ งน้อย 50 เมตร 2.2.2 โรงเรือนสุกรควรอยหู่ า่ งจากรั้วก้นั กับทอ่ี ยู่อาศัยประมาณ 100 เมตร 2.2.3 โรงเรือนผลติ ลกู สุกรควรอยู่หา่ งจากโรงเรอื นสกุ รรุ่นอยา่ งน้อย 100 เมตร 2.2.4 โรงเรือนผสม อมุ้ ท้อง คลอดและอนุบาลควรหา่ งกนั อยา่ งน้อย 15 เมตร 2.2.5 ควรมีร้ัวรอบบรเิ วณฟารม์ทงั้ หมดเพ่ือป้องกันบุคคล สัตวอ์ ่ืนเข้ามาในฟาร์ม 2.3 บริเวณกาจัดของเสีย ในการเลี้ยงสุกรจะมีมูลสุกร และน้าล้างคอกปริมาณมาก ดังน้ันจึงจ้าเป็นต้องมีระบบก้าจัดของเสียโดยต้องแยกออกจากบริเวณเล้ียงสุกรประมาณ 30 เมตร และต้องมีบ่อทิ้งซากสุกรและรกสุกรโดยขุดเป็นบ่อมีฝาปิดมิดชิด และท่ีส้าคัญบริเวณท่ีสร้างระบบก้าจัดของเสียควรเป็นบริเวณที่อยู่ระดับต้่าสุดเพอื่ ใหก้ ารระบายของเสียลงมาทา้ ได้ง่ายและประหยดั แรงงาน การเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่

93. โรงเรือนสุกร3.1 ลกั ษณะของโรงเรือนทดี่ ี 3.1.1 ภายในโรงเรือนควรมีการระบายอากาศได้ดี ไม่มีกล่ินเหม็นอับ ไม่เป็นแหล่งหมกั หมมของมลู สกุ ร พืน้ คอกไมล่ ่ืน หรือไม่หยาบจนเกนิ ไป 3.1.2 เป็นโรงเรอื นทส่ี ามารถติดต้ังอุปกรณ์การเล้ียงและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้สะดวกและเหมาะสม เช่น ไฟฟา้ ระบบนา้ รางอาหาร และระบบนา้ หยดเพื่อปรับอุณหภมู ิ เป็นต้น 3.1.3 เป็นโรงเรือนที่มีอายุการใช้งานนาน มีความมั่นคง สร้างได้ในราคาท่ีประหยัดและเหมาะสมกับการลงทุน 3.1.4 เป็นโรงเรือนที่มีการจัดแบ่งคอกภายในให้สะดวกต่อการปฏิบัติงานของผู้เล้ียงและสอดคลอ้ งกบั ระบบการผลิต เปน็ การช่วยประหยัดแรงงาน 3.1.5 โรงเรอื นควรเป็นแบบเรียบง่าย ทส่ี ามารถเปลยี่ นแปลงคอกภายในไดง้ า่ ย 3.1.6 อุณหภูมิภายในโรงเรือนต้องไม่ร้อนจัด หรือหนาวจัดเกินไปเพื่อให้สุกรอยู่ได้อย่างสบาย สุกรในแตล่ ะระยะจะตอ้ งการระดบั อณุ หภมู ทิ ่ีแตกต่างกัน ดังแสดงในตารางท่ี 3.1ตารางที่ 3.1 ความตอ้ งการอุณหภูมขิ องสกุ รระยะต่างๆ สุกรระยะต่างๆ อุณหภูมิที่เหมาะสม (องศาเซลเซียส)พ่อพนั ธุ์ 15 – 20แม่พนั ธ์ุ 15 – 20ลกู สกุ รเล็ก (คอกคลอด) 24 – 30ลูกสุกรหย่านม 20 – 24สุกรเล็ก (15 – 30 กก.) 20 – 24สกุ รขนุ 16 – 20 ความชื้นสัมพทั ธ์ ต่า้ กว่า 80 % อากาศเคลือ่ นไหวไม่เกนิ 0.35 เมตร/วินาที 3.1.7 คอกสุกรมีขนาดเหมาะสมกับความต้องการพ้ืนท่ีของสุกร สามารถใช้พ้ืนท่ีภายในโรงเรือนให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุดโดยค้านึงถึงจุดประสงค์ในการใช้งานของโรงเรือนเปน็ หลกั ดังแสดงในตารางท่ี 3.2ตารางที่ 3.2 ความต้องการพื้นท่ีของสุกรในระยะตา่ งๆ ขนาดสุกร พนื้ คอนกรีต พนื้ แสลท (ตารางเมตร/ตวั ) (ตารางเมตร/ตัว)ลูกสุกรหย่านม ถึง 10 สปั ดาห์ 0.6 – 0.75 0.58 – 0.66สุกรรนุ่ (35 – 60 กก.) 1.5 1.1 – 1.2สุกรขนุ (60 – 100 กก.) 1.5 1.1 – 1.2 การเลยี้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น

10ตารางท่ี 3.2 ความต้องการพื้นท่ีของสกุ รในระยะตา่ งๆ (ต่อ) ขนาดสุกร พนื้ คอนกรีต พนื้ แสลท (ตารางเมตร/ตวั ) (ตารางเมตร/ตวั )คอกขังเด่ียวแมส่ กุ รอมุ้ ท้อง 1.35 – 1.80 1.0 1.5 – 2.0คอกขังรวมแม่สุกรสาวหรือท้องว่าง – 3.8 – 4.60คอกคลอดและเลย้ี งลูกถงึ หยา่ นม 4.32 – 5.76 6.25คอกพอ่ สกุ ร 7.5 3.2 ชนิดของโรงเรือนเลยี้ งสุกร 3.2.1 โรงเรือนสุกรแบง่ ออกตามจดุ ประสงค์การใชง้ านได้ 2 ชนดิ คือ 1) โรงเรือนสุกรพันธุ์ หมายถึง โรงเรือนที่ใช้เล้ียงสุกรพ่อ แม่พันธุ์ ซึ่งอาจสร้างเปน็ โรงเรอื นสมบรู ณ์แบบ กลา่ วคือเปน็ โรงเรอื นที่มีคอกผสม คอกพอ่ แมพ่ นั ธุ์ คอกคลอด และคอกอนุบาล อยู่ภายในโรงเรือนเดียวกัน ซ่ึงจะเหมาะสมกับฟาร์มที่เล้ียงพ่อ แม่พันธุ์จ้านวนไม่มาก แต่ถ้ามีการเล้ยี งจ้านวนมากๆ ควรแยกโรงเรอื นต่างๆ ออกมาตามวงจรการเลี้ยงสุกรได้ดังนี้ คือ 1.1) โรงเรือนพ่อ แมพ่ ันธ์ุ ใช้เล้ียงพ่อพันธุ์ แม่พันธ์ุท้องว่าง และแม่พันธ์ุอุ้มท้อง ในโรงเรือนน้จี ะประกอบด้วยคอกพอ่ พนั ธุ์ ซองแมพ่ นั ธ์อุ ุม้ ท้อง ซองแม่พันธุ์ท้องว่าง และซองแมส่ ุกรสาวทดแทน คอกผสมพนั ธุ์ และอาจมคี อกขังรวมด้วย 1.2) โรงเรือนคลอด เป็นโรงเรือนส้าหรับใช้เล้ียงแม่สุกรคลอดและเล้ียงลูกจนถงึ หยา่ นม ภายในโรงเรือนจะประกอบด้วยคอกคลอด 1.3) โรงเรือนอนบุ าล เป็นโรงเรือนที่ใช้เล้ียงลูกสุกรต้ังแต่หย่านมจนถึงอายุ8 สัปดาห์ 2) โรงเรือนสุกรขุน หมายถึงโรงเรือนที่ใช้เล้ียงสุกรตั้งแต่อายุ 8 สัปดาห์ (ออกจากคอกอนุบาล) จนถึงน้าหนักส่งตลาด (ประมาณ 100 กิโลกรัม) ภายในโรงเรือนจะประกอบด้วยคอกประเภทเดียวกันทัง้ หลัง 3.2.2 โรงเรือนสุกรแบ่งออกตามรูปแบบของหลังคาโรงเรือน สามารถแบ่งโรงเรือนออกได้ 6 แบบ ดงั น้ี 1) แบบเพงิ หมาแหงน โรงเรอื นแบบนีส้ รา้ งง่าย ราคากอ่ สร้างถูก แต่มีข้อเสีย คือแสงแดดจะสอ่ งท้าใหอ้ ุณหภูมิภายในโรงเรอื นสงู น้าฝนจะสาดเขา้ ไปในโรงเรอื นไดง้ า่ ย 2) แบบเพงิ หมาแหงนกลาย จะเสยี ค่าใช้จ่ายเพ่ิมข้ึนกว่าแบบเพิงหมาแหงน แต่มีข้อดีสามารถใชบ้ งั แสงแดด ปอ้ งกันฝนสาดได้ดีขึ้น 3) แบบหน้าจั่ว ราคาก่อสร้างจะสูงกว่าสองแบบแรก แต่ดีกว่ามากในแง่การป้องกันแสงแดดและฝนสาด โรงเรือนแบบน้ีถา้ สร้างสูงจะทา้ ใหอ้ ากาศภายในโรงเรือนเย็นสบาย การเลยี้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

11 4) แบบหน้าจ่ัวกลาย เป็นการดัดแปลงมาจากหลังคาแบบหน้าจ่ัวเพื่อให้สะดวกในการใชง้ าน และใหม้ กี ารระบายอากาศดีขึน้ 5) แบบจั่วสองชั้น เป็นแบบที่นิยมสร้างกันท่ัวไปมีความปลอดภัยจากแสงแดดและฝนมาก อากาศภายในโรงเรือนมีการระบายถ่ายเทได้ดี แต่ราคาค่าก่อสร้างจะสูงกว่าส่ีแบบแรกในการสร้างจั่วชน้ั ทสี่ องควรใหป้ กี หลงั คาบนย่ืนยาวลงมาพอสมควร ทัง้ น้ีเพื่อป้องกันฝนสาด 6) แบบจวั่ สองชนั้ กลาย มีคณุ สมบัติคล้ายๆ กับแบบจ่ัวสองช้ัน การสร้างหลังคาโรงเรือนแบบนี้ เพ่ือต้องการขยายเน้ือที่ในโรงเรือนให้กว้างใหญ่ข้ึน และมีข้อดีในแง่ป้องกันฝนสาดเข้าในชอ่ งจั่วของโรงเรือนแบบเพงิ หมาแหงน แบบเพิงหมาแหงนกลายแบบหนา้ จว่ั ชั้นเดยี ว แบบหน้าจั่วช้ันเดยี วกลายแบบหน้าจัว่ สองช้นั แบบหนา้ จ่ัวสองช้นั กลาย4. คอกสุกรชนิดต่างๆ ในโรงเรอื นสกุ รจะแบง่ คอกสกุ รออกตามจุดประสงคก์ ารเลย้ี ง ซ่งึ คอกสุกรทีส่ ้าคญั ไดแ้ ก่ การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น

12 4.1 คอกคลอด หมายถึงคอกส้าหรับให้แม่สุกรคลอดลูกและสามารถเลี้ยงลูกในคอกนี้ได้จนลูกสุกรอายุ 4สัปดาห์จึงหย่านม ขนาดคอกมีขนาดกว้าง 1.8 – 2.0เมตร ยาว 2.0 – 2.20 เมตร สูง 0.50 – 0.55 เมตร ซองส้าหรับแม่สุกรมีขนาดกว้าง 0.6 – 0.7 เมตร ยาวเท่าขนาดความยาวของคอก และสงู 1 – 1.2 เมตร 4.2 คอกพ่อสุกร หมายถึง คอกที่ใช้ส้าหรับเลี้ยงสุกรพ่อ พันธ์ุมีขนาดคอกกว้าง 2 – 2.5 เมตร ยาว 3 เมตร สูง 1.5 เมตร เพื่อให้พ่อสุกรได้เดินออกก้าลังกายได้ และ อาจใช้เปน็ คอกผสมพันธุ์ไดด้ ว้ ย 4.3 คอกแม่สุกร หมายถึง คอกส้าหรับเล้ียงแม่สุกรอุ้มท้อง แม่สุกรท้องว่าง และสุกรสาวทดแทน โดยท่วั ไปนิยมเลี้ยงแบบซองขังเดี่ยวซึ่งจะใช้พื้นที่ในการเล้ียงน้อย ซองแม่พันธ์ุมีขนาดกว้าง 0.6 – 0.7 เมตรยาว 2.0 – 2.2 เมตร สงู 1.0 – 1.2 เมตร 4.4 คอกอนุบาล หมายถึงคอกที่ใช้เลี้ยงสุกรหลังหย่านม จนถึงอายุ 8 สัปดาห์ ขนาดของคอกจะไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการวางแผนการใช้พื้นท่ีในโรงเรือนและ จ้านวนลูกสุกรที่จะเลี้ยงในแต่ละคอก คอกอนุบาล โดยทวั่ ไปนิยมใชพ้ ้นื คอกแบบโปร่ง หรอื พนื้ แสลท 4.5 คอกสุกรขุน หมายถึง คอกที่ใช้ส้าหรับเลี้ยงสุกรตั้งแต่น้าหนัก 15 – 18 กิโลกรัมจนถึงน้าหนัก 100กโิ ลกรัม หรือจ้าหนา่ ย ขนาดของคอกจะกว้างเท่าใดจะข้นึ อยู่กับจ้านวนสกุ รท่จี ะเล้ียงในแตล่ ะคอก การเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

135. อปุ กรณ์ในการเลยี้ งสุกร อปุ กรณ์ และเครื่องมืออืน่ ๆ ทค่ี วรมีในฟาร์มสกุ ร แบ่งเป็นหมวดหมตู่ ามการใช้งานได้ดังนี้ 5.1 อุปกรณ์ในการท้าคลอด เช่น กรรไกรตัดสายสะดือ แท่งสอดยาเข้าช่องคลอด และคีมตดั เขี้ยว เป็นตน้ 5.2 อุปกรณ์ในการผ่าตดั เช่น คีมหนีบเส้นเลือด คีมหนีบเน้ือเยื่อ มีดผ่าตัด (ใช้ตอนลูกสุกรได)้ ไหมเยบ็ แผล เข็มเยบ็ แผล คมี จับเข็มเยบ็ แผล และปากคบี เป็นต้น 5.3 อปุ กรณใ์ นการฉดี ยา เช่น เขม็ ฉีดยาขนาดตา่ งๆ และกระบอกฉีดยาขนาดต่างๆ เป็นตน้ 5.4 อุปกรณ์ในการผสมเทียม เช่น อวัยวะเพศผู้เทียม ขวดบรรจุน้าเช้ือ กล้องจุลทรรศน์ส้าหรับตรวจดคู ณุ ภาพนา้ เชื้อ และดมั ม่ี (Dummy)สา้ หรับรดี น้าเชอื้ พอ่ สุกร เป็นต้น 5.5 อุปกรณ์ในการท้าความสะอาด เช่น แปรงขัดพ้ืน พล่ัว สายยาง ไม้กวาด และเครื่องพ่นนา้ ยาฆ่าเชอื้ โรค เป็นตน้ 5.6 อุปกรณ์ในการจัดการฟาร์มสุกร เช่น เครื่องมือตรวจการอุ้มท้อง ถังอาหารกล ที่ให้น้าและเคร่ืองช่งั สุกร เป็นตน้คมี ตดั เบอร์หู (รปู ตวั ยู) คมี ตัดเข้ียวกระบอกฉีดยาแบบต่าง ๆ ดา้ มมดี ผ่าตัด และใบมดี ผ่าตัดหลอดใสน่ า้ เช้ือ อวัยวะเพศผเู้ ทยี ม การเลีย้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น

14 บทที่ 4 อาหารและการให้อาหารสุกร อาหารสัตว์นับเป็นปัจจัยท่ีส้าคัญประการหนึ่งในการเล้ียงสัตว์ โดยเฉพาะสุกรเน่ืองจากต้นทุนส่วนใหญ่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นค่าอาหารสัตว์ ฉะน้ันวัตถุดิบอาหารสัตว์แต่ละชนิดท่ีน้ามาประกอบสูตรอาหารต้องมีคุณภาพที่ดี มีความน่ากิน มีระดับโภชนะครบถ้วนตามที่สัตว์ตอ้ งการ อาหารสัตว์ (Feed) เป็นสารหรือส่ิงภายหลังสัตว์กินเข้าไปแล้วสามารถถูกย่อย ดูดซึมและนา้ ไปใช้ประโยชน์ต่อร่างกายสตั วไ์ ด้1. โภชนะในอาหารสัตว์ โภชนะ (Nutrient) หมายถึง สารที่เป็นส่วนประกอบของอาหารที่มีองค์ประกอบทางเคมีเหมือนกัน มีหน้าท่ีเฉพาะอย่างในการท้าให้สัตว์มีชีวิตอยู่ได้ และยังรวมถึงส่ิงที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นมาดว้ ย เช่น กรดอมโิ นสงั เคราะห์ เป็นตน้ โภชนะทีจ่ า้ เป็นต่อรา่ งกายสตั วไ์ ดแ้ ก่ 1.1 นา้ (Water) น้านับเป็นโภชนะท่ีส้าคัญและจ้าเป็นที่สุดท่ีต้องจัดหาไว้ให้สุกรได้ด่ืมกินตลอดเวลาเพราะถ้าสูญเสียน้าในร่างกายมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ก็ท้าให้สุกรตายได้เช่นกัน น้ามีหน้าท่ีส้าคัญหลายประการ คือ 1.1.1 เป็นองค์ประกอบท่ีส้าคัญของร่างกาย เช่น กล้ามเน้ือมีน้า 75 เปอร์เซ็นต์ เลือดมีนา้ 90 เปอร์เซ็นต์ และในนา้ นมมีนา้ มากกว่า 80 เปอร์เซน็ ต์ เปน็ ต้น 1.1.2 เป็นตัวละลายสารต่างๆ นับต้ังแต่สารอาหาร สารเคมีหรือสารแปลกปลอมท่ีติดไปกบั อาหาร และช่วยนา้ สารอาหารไปหล่อเล้ยี งส่วนตา่ งๆ ของร่างกาย 1.1.3 น้าเป็นตัวช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกายให้คงท่ี หรือช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย เพือ่ รักษาอณุ หภมู ขิ องรา่ งกายไม่ให้สูงขน้ึ 1.1.4 เปน็ ตวั กนั กระเทอื นให้กบั อวัยวะ ต่างๆ 1.1.5 เป็นตวั หลอ่ ลน่ื ให้กับข้อต่อตา่ งๆ ของร่างกาย ความต้องการน้าของสุกรจะมากหรือน้อยข้ึนกับปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณอาหารที่กินอุณหภูมิของอากาศ และระยะต่างๆ ของสุกร เป็นต้น โดยปกติแล้วสุกรต้องการน้าโดยเฉล่ียวันละ2 – 2.5 ลิตร หรือประมาณ 2 เท่าของจ้านวนน้าหนักของอาหารที่สุกรกินเข้าไป แต่ถ้าสภาพอากาศคอ่ นขา้ งร้อนอบอ้าวสุกรก็อาจกินน้าได้มากถึง 4 – 5 ลิตรต่ออาหารท่ีกิน 1 กิโลกรัม ความต้องการน้าของสุกรแตล่ ะระยะดงั แสดงในตารางที่ 4.1 การเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

15ตารางที่ 4.1 ความตอ้ งการน้าด่ืมของสกุ รในระยะตา่ งๆ ระยะสุกร ปริมาณนา้ ทตี่ ้องการ (ลติ ร/วนั )สุกรน้าหนัก 15 กก. 1–2นา้ หนัก 25 – 50 กก. 3–4น้าหนัก 50 – 100 กก. 5–6แมส่ กุ รท้องวา่ ง 5–6แม่สุกรอุม้ ท้อง 5–8แมส่ ุกรเล้ยี งลูก 15 – 20 1.2 คาร์โบไฮเดรท (Carbohydrate) คาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบหลักของอาหารสุกร คือ ประมาณ ร้อยละ 70 – 75ของอาหารทัง้ หมด ซ่ึงส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของของแข็ง วัตถุ ดิบที่เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตท่ีนิยมใช้เล้ียงสุกร เช่น ปลายข้าว ข้าวโพด มันส้าปะหลัง และร้าข้าว เป็นต้น ส้าหรับหน้าที่ของคาร์โบไฮเดรต คือ 1.2.1 ให้พลงั งานและความร้อน 1.2.2 เป็นโครงสา้ หรบั สร้างโภชนะชนิดอ่ืน 1.2.3 เป็นพลังงานสา้ รองเก็บสะสมในรูปของกลัยโคเจน (Glycogen) 1.3 โปรตีน (Protein) โปรตีนจะประกอบด้วยกรดอมโิ น (Amino acid) หลายชนิดแบง่ เปน็ 2 ประเภท คือ 1.3.1 กรดอมิโนท่ีไม่จ้าเป็น (Non–essential amino acid) เป็นชนิดท่ีสุกรสามารถสร้างขึ้นเองจากกรดอมิโนทีร่ ่างกายมเี กนิ ความตอ้ งการท้าให้รา่ งกายไมข่ าดกรดอมิโนชนดิ น้ี 1.3.2 กรดอมิโนท่ีจ้าเป็น (Essential amino acid) เป็นชนิดท่ีสุกรไม่สามารถสร้างข้ึนเองภายในร่างกายได้ จึงมักไม่เพียงพอแก่ความต้องการของร่างกาย ซึ่งมี 10 ชนิด ได้แก่ อาร์จินีน,ฮีสติดีน, ไอโซลิวซีน, ลิวซีน, ไลซีน, เมทไธโอนีน, ฟีนิลอะลานีน, ทรีโอนีน, ทริปโตเฟน และวาลนี โปรตีนจ้าเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของร่างกายโดยเฉพาะในวัยท่ีก้าลังเจริญเตบิ โต และวัยผสมพันธุ์ วัตถดุ ิบทนี่ ิยมนา้ มาใชเ้ ปน็ แหล่งของโภชนะพวกโปรตีน คอื กากถั่วเหลืองและปลาปน่ ส้าหรบั หน้าท่ีของโปรตนี ที่มีตอ่ สตั ว์ คือ 1) ซอ่ มแซมเน้ือเยือ่ ส่วนที่สึกหรอของรา่ งกาย 2) สร้างเนื้อเยื่อใหมเ่ พ่ือการเจริญเติบโตและการสบื พนั ธ์ุ 3) สรา้ งฮอร์โมน และเอน็ ไซม์บางชนดิ ทีจ่ ้าเป็นต่อร่างกาย 4) สรา้ งภมู ิคุม้ กนั ในรา่ งกาย การเลีย้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น

16 1.4 ไขมัน (Lipid) ไขมันเป็นโภชนะทใี่ ห้พลงั งานแกร่ า่ งกาย โดยให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต 2.25เท่า วัตถุดิบที่น้ามาใช้เป็นแหล่งของโภชนะพวกไขมัน คือ ไขสัตว์ และน้ามันพืช ส้าหรับหน้าท่ีของไขมนั ทีม่ ีตอ่ สัตว์ คือ 1.4.1 ใหพ้ ลงั งานและความรอ้ นแกร่ า่ งกายสัตว์ 1.4.2 เป็นส่วนประกอบของฮอรโ์ มน สมอง และแทรกตามกล้ามเน้ือ 1.4.3 ไขมันจะถูกเก็บสะสมไว้ใช้ในกรณีที่ร่างกายขาดอาหาร เช่น กรณีอดอาหารการออกก้าลังกายมาก สตั วท์ ่ีถูกใชง้ านมาก และการสืบพันธุ์ 1.4.4 เป็นฉนวนป้องกนั ความหนาว โดยแผ่คลมุ ทว่ั รา่ งกายอยภู่ ายใต้ผิวหนงั สตั ว์ 1.4.5 มีหนา้ ทีน่ า้ พาพวกวติ ามนิ ท่ลี ะลายในไขมัน เขา้ ส่รู า่ งกาย 1.4.6 เปน็ แหลง่ ใหก้ รดไขมนั ทจ่ี ้าเปน็ (Essential fatty acids) แกส่ ตั ว์ 1.4.7 ช่วยลดฝุ่นของอาหาร ทา้ ให้อาหารมคี วามน่ากนิ ยง่ิ ขึน้ 1.5 แร่ธาตุ (Minerals) แร่ธาตุเปน็ สารอนนิ ทรีย์ มีประกอบอยู่ในอาหารสตั ว์ ร่างกายใช้เป็นองค์ประกอบของโครงสร้างต่างๆ เช่นกระดูก กล้ามเน้ือ และเลือด เป็นต้น มีความส้าคัญต่อการเจริญเติบโต ความสมบูรณ์พันธ์ุ แร่ธาตุท่ีสุกรต้องการเสริมมีอยู่ประมาณ 16 ชนิด และต้องการในปริมาณไม่มากแต่ขาดไม่ได้ถา้ ใหม้ ากเกนิ ไปก็เป็นอันตรายถึงเป็นพิษได้ สา้ หรับหน้าที่ของแร่ธาตใุ นร่างกายสัตว์ คือ 1.5.1 ท้าให้โครงสร้างของกระดูกแข็งแรง ไม่ยืดหยุ่น 1.5.2 เป็นส่วนประกอบของสารอินทรีย์ เช่น โปรตีน และไขมัน ซ่ึงถูกน้ามาสร้างเป็นกล้ามเน้ือ อวัยวะต่างๆ เมด็ เลือด และเน้อื เยือ่ ออ่ นของรา่ งกาย 1.5.3 เป็นส่วนประกอบและเปน็ ตัวกระต้นุ การท้างานของเอนไซม์ 1.5.4 ช่วยรักษาสภาพของของเหลวในร่างกายให้อยู่ในสภาพแขวนลอยอยู่เสมอควบคุมแรงดนั ของของเหลว และการขบั ถา่ ยของร่างกาย 1.5.5 รกั ษาสมดุลกรด – ดา่ งของร่างกาย 1.5.6 เกีย่ วขอ้ งกับการหดตัวของกลา้ มเนื้อและระบบประสาท 1.6 วติ ามิน (Vitamins) เป็นสารประกอบอินทรีย์ท่ีสัตว์ต้องการเพียงเล็กน้อยเพ่ือท้าให้ขบวนการต่างๆ ของสัตว์ด้าเนินเป็นปกติ เช่นการเจริญเติบโต การสร้างผลผลิต การสืบพันธุ์ และสุขภาพ เป็นต้นสารอาหารพวกวิตามินจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายท้ังในรูปที่ละลายได้ในไขมัน เช่น วิตามิน A, D, Eและ K และวติ ามินที่ละลายไดใ้ นน้า ไดแ้ ก่ วติ ามนิ B และC การเล้ยี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

172. ชนิดของวตั ถุดิบอาหารสัตว์ 2.1 วตั ถุดิบอาหารประเภทพลงั งาน วตั ถุดบิ อาหารประเภทพลงั งานเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ท่ใี หพ้ ลังงานในระดับสูง มีแป้งอยูป่ ระมาณ 70 – 80 เปอรเ์ ซ็นต์ แตม่ โี ปรตนี ประมาณ 7 – 12 เปอร์เซ็นต์ คุณภาพของโปรตีนต่้าไม่แนน่ อน วตั ถดุ ิบประเภทนี้ ได้แก่ 2.1.1 ปลายข้าว มีโปรตีน 8 เปอร์เซ็นต์เป็นวัตถุดิบอาหารที่เหมาะในการเล้ียงสัตว์ท้ังนป้ี ลายขา้ วประกอบไปด้วยแป้งท่ีย่อยง่ายเป็นส่วนใหญ่ มีไขมันและเยื่อใยระดับต่้า เก็บไว้ได้นานตรวจสอบการปลอมปนได้ง่าย ปลายข้าวที่ใช้เล้ียงสุกรควรเป็นปลายข้าวเม็ดเล็ก ปลายข้าวที่มีขนาดใหญ่ควรจะต้องบดให้มีขนาดเล็กลงก่อนแล้วจึงค่อยผสมอาหาร 2.1.2 ร้าละเอียด มีโปรตีนประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ มีไขมันเป็นส่วนประกอบอยู่ในระดับ ค่อนข้างสูง และเป็นไขมันท่ีหืนได้ง่ายในสภาวะท่ี อากาศร้อน หากเก็บไว้เกิน 30 วันจะไม่เหมาะที่จะ น้ามาใช้เลีย้ งสัตว์ ร้าละเอียดมักจะมีการปลอมปนด้วย แกลบป่น ละอองข้าว ทา้ ใหค้ ุณคา่ ทางอาหารต้า่ ลง 2.1.3 ข้าวโพด มีโปรตีนประ มาณ 8เปอร์เซ็นต์ และมีเยื่อใยอยู่ในระดับต่้าเป็นวัตถุดิบอาหารท่ีเหมาะในการผสมเป็นอาหารสุกร สามารถใช้ทดแทนปลายข้าวได้ดี ข้าวโพดท่ีดีควรเป็นข้าวโพดท่ีบดอย่างละเอียด ไม่มีมอดกิน ไม่มีสิ่งปลอมปน และท่ีส้าคัญที่สุดจะตอ้ งไม่ข้นึ รา และไม่มียาฆา่ แมลงปนเปื้อนมาดว้ ย 2.1.4 มันส้าปะหลัง มีโปรตีนประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ใช้เล้ียงสัตว์ในรูปมันส้าปะหลัง ตากแห้งที่เรียกว่า มันเส้น มีเย่ือใยประมาณ 4 เปอรเ์ ซ็นต์ ข้อเสียของการใช้มันเส้น คือจะมีล้าต้น เหง้า และดินทรายปนมาด้วย ดังน้ันจึงควรเลือกใช้มันเส้นที่มี คณุ ภาพดี การใช้เล้ียงสุกรต้องบดให้ละเอียดท้าให้มีฝุ่น มากต้องเตมิ ไขมนั หรอื กากนา้ ตาล หรืออดั เม็ด การเลีย้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

18 2.2 วตั ถุดบิ อาหารประเภทโปรตีน วัตถุดิบอาหารประเภทโปรตีนหรืออาหารเสริมโปรตีนแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แหล่งโปรตนี จากสตั ว์ และแหลง่ โปรตีนจากพืช 2.2.1 แหลง่ โปรตีนจากสัตว์ 1) ปลาป่น เป็นอาหารโปรตีนท่ีได้จากสัตว์ที่มีคุณภาพสูง มีกรดอมิโนไลซีนสูงแรธ่ าตุสูงมาก แต่ราคาแพง จึงมีการปลอมปนมาก ปลาป่นมีโปรตีนอยู่ระหว่าง 50 – 60 เปอร์เซ็นต์ ปลาป่นมีคุณค่าทางอาหารสูงและใชเ้ ลยี้ งสุกรตลอดระยะจนถึงส่งตลาด ซ่ึงจะท้าให้เนื้อมีกลิ่นคาวจัด ดังน้ันจึงควรใช้แต่น้อย ลูกสุกรหย่านมใช้ 6 – 7 เปอร์เซ็นต์ สุกรรุ่นใช้ 4เปอรเ์ ซน็ ต์ สุกรขุนและสุกรพนั ธ์ุ ใช้ 2 – 3 เปอร์เซ็นต์ 2) เลือดป่นได้จากโรงฆ่าสัตว์ มีโปรตีนสูงประมาณ 85 – 90 เปอร์เซ็นต์ แต่เกือบทั้งหมดเป็นโปรตีนคุณภาพต่้า ย่อยยาก ท้าให้การเจริญเติบโตของสุกรต่้าลง ควรใช้ร่วมกับอาหารโปรตีนชนิดอ่ืนๆ ไมค่ วรใช้เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ หากใช้เกนิ ระดบั นีจ้ ะทา้ ใหส้ กุ รท้องเสียได้ 3) หางนมผง มีโปรตีนปริมาณ 30 – 40 เปอร์เซ็นต์ มีการย่อยได้ 100 เปอร์เซ็นต์เปน็ โปรตนี คุณภาพสงู มาก และมีราคาแพง จงึ นยิ มใช้กับอาหารลูกสกุ รเทา่ นน้ั 2.2.2 แหล่งโปรตนี จากพชื 1) กากถ่ัวเหลือง เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ดีที่สุด มีโปรตีนสูงถึง 44 – 50เปอร์เซ็นต์ มีกรดอมิโนที่จ้าเป็นสูงและสมดุลดีมากท้าให้สัตว์สามารถใช้ประโยชน์จากโปรตีนได้สูง กากถ่ัวเหลืองที่ได้จากการสกัดน้ามันจากเมล็ดถั่วเหลืองด้วยสารเคมีมีสารยบั ยง้ั การท้างานของน้าย่อยโปรตีนต่้า และไขมนั คอ่ นข้างต้่ากวา่ ท้าให้มีคณุ ภาพสูงและเก็บได้นาน 2) กากถั่วลิสง มีโปรตีน 36 – 47เปอร์เซ็นต์ มีกรดอมิโนไม่สมดุลคือขาดไลซีน และเมทไธโอนีน นอกจากนี้ขบวนการผลิตยังไม่คอ่ ยดีนกั ทา้ ใหม้ ีไขมนั สูงมสี ารยบั ย้ังการท้างานของน้าย่อยโปรตนี และมักปนเปื้อนสารพิษจากเช้ือรา ดังนั้นจึงไม่นิยมใช้ หากต้องการใช้ทดแทนกากถั่วเหลืองควรเพ่ิมปลาป่นในสูตรอาหารอีก 3เปอร์เซน็ ต์ 3) ใบกระถินป่น มีโปรตีน 14 – 30 เปอร์เซ็นต์ ข้ึนอยู่กับปริมาณก้านและล้าต้นท่ีปนอยู่ มีวิตามิน A และB สูง แต่มีสารพิษชื่อไมโมซิน (Mimosin) ท้าให้การเจริญเติบโตลดลงขนร่วง การสืบพนั ธตุ์ ้า่ ลงเปน็ หมัน จงึ ควรใชใ้ นระดับไม่เกนิ 4 เปอรเ์ ซน็ ตใ์ นสตู รอาหาร การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

19 2.2.3 กรดอมิโนสังเคราะห์ เป็นกรดอมิโนบริสุทธ์ิท่ีอยู่ในรูป L– isomers สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าอยู่ในรูป D– isomers กรดอมิโนสังเคระห์ท่ีนิยมใช้ได้แก่ L–Lysine, DL–Lysine, DL–Methionine, DL–Tryptophan และ L–Threonine ปริมาณท่ีเติมข้ึนอยู่กับคุณภาพของโปรตีนในวัตถุดิบท่ีใช้ในสูตรอาหาร หากย่ิงลดปลาป่นและกากถั่วเหลืองในสูตรอาหารลงย่ิงต้องเติมกรดอมิโนสงั เคราะหม์ ากขน้ึ แตท่ ว่ั ไปจะเพิ่มในสตู รอาหารไมเ่ กนิ 1 เปอร์เซน็ ต์ 2.3 วตั ถุดิบอาหารประเภทไขมนั 2.3.1 ไขมันจากสัตว์ ได้แก่ ไขมันวัว น้ามันไก่ และน้ามันสุกรซ่ึงมีพลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้ ถึง 8,300 – 8,800 Kcal/กก. มีราคาถูกแต่มีไขมันชนิดอิ่มตัวสูงซึ่งอาจท้าให้ไขมันของสกุ รแขง็ ไมค่ วรใชเ้ กนิ 5 – 7 เปอร์เซน็ ต์ 2.3.2 ไขมันจากพืช มีพลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้ถึง 8,300 – 8,800 Kcal/กก. เช่นเดียวกบั ไขมันสัตว์ น้ามันถั่วเหลือง ถั่งลิสง น้ามันข้าวโพด น้ามันร้าละเอียด จะมีไขมันชนิดอ่ิมตัวต่้าจึงมักมีราคาแพงไม่นิยมใช้ในอาหารสุกร ส้าหรับไขมันมะพร้าว และไขมันปาล์ม มีราคาถูกแต่มีไขมนั ชนิดอ่มิ ตวั สงู จงึ ไมค่ วรใช้เกนิ 5 – 7 เปอรเ์ ซน็ ต์ 2.4 วตั ถุดบิ อาหารประเภทแร่ธาตุ 2.4.1 กระดูกป่น เป็นแหล่งของธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ดีมาก แต่มีคุณภาพไม่แน่นอน 2.4.2 ไดแคลเซียมฟอสเฟต ให้ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส ท้ามาจากหินโดยน้าเอาหินฟอสเฟตมาเผา ปกตจิ ะใช้ไดแคลเซียมฟอสเฟตทีม่ ฟี อสฟอรสั 18 เปอรเ์ ซ็นต์ หรือสูงกว่า 2.4.3 เปลือกหอยบด ให้ธาตแุ คลเซยี มอยา่ งเดยี ว 2.4.4 เกลอื แกงหรอื โซเดยี มคลอไรด์ เป็นวัตถุดิบอาหารที่ให้ธาตุโซเดียมและคลอไรด์ซ่ึงจ้าเป็นตอ่ การดา้ รงชวี ติ การเจรญิ เตบิ โต รวมทั้งการใหผ้ ลผลิตของสุกรเป็นอย่างมาก อาหารสุกรทุกระยะต้องการเกลือในสูตรอาหารประมาณ 0.25 – 0.5 เปอร์เซ็นต์ ในวัตถุดิบอาหารบางชนิดที่เป็นผลิตภัณฑ์จากทะเล เช่น ปลาป่น แกลบกุ้ง มักจะมีเกลืออยู่แล้วในระดับสูง ฉะนั้นจึงสามารถลดปริมาณเกลอื ทตี่ อ้ งเสรมิ ลงไปในอาหารให้น้อยลงได้ 2.5 วตั ถุดิบอาหารประเภทวติ ามิน วิตามินสังเคราะหท์ ใ่ี ช้ ได้แก่ วิตามนิ เอ500, วติ ามนิ ดี100, วิตามินอ2ี 5, วิตามินเค3,วิตามินบี1, วติ ามินบี2, วติ ามินบี6, วิตามนิ บี12, แคลเซียมแพนโตทเี นต และโคลนี คลอไรด์3. การเลอื กซื้อวตั ถุดบิ อาหารสัตว์ 3.1 ซือ้ วัตถุดิบปริมาณมากจะไดร้ าคาถูกกว่าและมีโอกาสเลือกวัตถดุ บิ ทมี่ ีคณุ ภาพดี 3.2 พยายามเลือกใช้วัตถุดิบหลัก เช่น พวกธัญพืชในบริเวณใกล้ฟาร์มเพื่อประหยัดคา่ ใชจ้ ่ายในการขนส่ง และควรใชว้ ัตถดุ บิ ตามฤดกู าลผลิต การเล้ยี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่

20 3.3 การซ้ือวัตถุดิบนอกจากเทียบราคาตามคุณภาพของวัตถุดิบเช่น เปอร์เซ็นต์โปรตีนแล้วยังควรพิจารณาในรายละเอียดความสมดุลของกรดอมิโน ข้อจ้ากัดในเรื่องสารพิษ หรือปริมาณเย่ือใย เป็นตน้ 3.4 ปริมาณการซื้อแต่ละคร้ัง ให้ค้านึงถึงปริมาณการใช้ และอายุการเก็บรักษาของวัตถุดิบแต่ละชนดิ 3.5 ควรซ้ือวัตถุดิบในลักษณะท่ียังไม่บด ได้แก่ ข้าวโพด และข้าวฟ่าง ควรซ้ือชนิดเมล็ดสว่ นกากถวั่ เหลืองควรซือ้ ชนดิ เปน็ แผน่ หรอื เกล็ดเพราะสามารถสังเกตคุณภาพเบื้องต้นจากลักษณะภายนอกทเี่ ห็นไดง้ ่ายกว่าวัตถทุ ่บี ดส้าเรจ็ แลว้ 3.6 ซ้ือวัตถดุ บิ ท่แี หง้ สนิท มคี วามชืน้ ไมค่ วรเกิน 13 – 14 เปอรเ์ ซน็ ต์ 3.7 ซือ้ วตั ถุดบิ ท่ีไม่มีการปลอมปนหรือมีการปะปนมาของวตั ถุดิบอ่ืนน้อยทสี่ ุด4. วธิ ีการผสมอาหาร การผสมอาหารสุกรสามารถปฏบิ ตั ิได้ 2 วธิ ี คือ 4.1 การผสมอาหารด้วยมือ ขน้ั ตอนการผสมมีดงั นี้ 4.1.1 ชั่งอาหารกลุ่มที่เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรต เทกองกับพื้นเป็นรูปกรวยคว่้า โดยให้วตั ถดุ บิ ท่ีใช้ปริมาณมากสุดอยชู่ ้ันลา่ งสุด วัตถุดิบชนิดที่ 2 เมอ่ื ชั่งเสรจ็ แล้วให้เทลงบนยอดกรวยควา้่เพ่ือใหอ้ าหารไหลลงสู่เบื้องล่างรอบทศิ ทาง 4.1.2 ชั่งอาหารกลุ่มที่เป็นโปรตนี ที่ตอ้ งการเทลงบนยอดกรวย 4.1.3 แบง่ อาหารจากกองใหญ่ ออกมากองขา้ งๆ ประมาณ 2 – 3 กิโลกรมั เทในรูปกรวยคว้่า อาหารสว่ นนจี้ ะถกู ใช้เปน็ สอ่ื เพ่ือเพม่ิ ปรมิ าณวิตามิน ช่ังวติ ามินพรีมกิ ซ์ เทลงบนยอดใช้มอื ผสมคลกุ เคล้าให้เข้ากันโดยใชฝ้ ่ามือทงั้ 2 โกยอาหารไวใ้ นมือ ถมู อื ท้ัง 2 เขา้ ด้วยกนั โดยปล่อยให้อาหารตกลงสบู่ นยอด ดูจนวิตามนิ ผสมเขา้ กับสื่อเป็นอยา่ งดแี ล้วจึงใช้พลั่วตักวิตามินผสมสอ่ื เทลงบนยอด 4.1.4 แบ่งอาหารจากกองใหญ่อกี ด้านหน่ึงออกมา เพ่ือใชเ้ ปน็ ส่ือผสมกับแร่ธาตุ 4.1.5 แบ่งอาหารจากกองใหญ่อกี ด้านหน่ึงออกมา เพ่ือใช้เปน็ สอ่ื ผสมกบั Feedadditives ตา่ งๆ หากเปน็ ของเหลวกท็ ้าเช่นเดยี วกันแต่ควรเพม่ิ ปรมิ าณสื่อให้มากขึ้นจนสามารถดดูซบั ของเหลวได้หมด โดยสอ่ื ทใ่ี ช้ผสมกับของเหลวควรเป็นเม็ด เช่น ปลายขา้ ว จะท้าให้ผสมงา่ ยและเรว็ ขึน้ เปน็ ต้น 4.1.6 เทวตั ถุดิบ ท่ีช่ังกองไว้ ถงึ ขนั้ สดุ ทา้ ยจะเรยี งตวั กนั เป็นช้นั ๆ แบบกรวยควา้่ 4.1.7 ใช้พลัว่ ตกั อาหารไปกองที่ใหม่ โดยยดึ หลักให้กองแบบกรวยคว้่า ทุกคร้งั ที่ตกัอาหารเทควรเทลงบนยอดกรวย ปลอ่ ยให้อาหารไหลลงรอบทิศ ซ่ึงเป็นวิธีการท่ที ้าให้อาหารกระจายตวั ไดด้ ี เมอ่ื ตักอาหารจนหมดกองแล้วควรใชไ้ มก้ วาด กวาดอาหารท้งั หมดไปรวมกับกอง การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่

21ใหญจ่ ากนน้ั ตกั อาหารไปกองในที่ใหม่ ท้าซ้าอยา่ งน้อย 3 รอบ หรือจนเห็นว่าอาหารรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว โดยดไู ด้จากสีของอาหารทกี่ ระจายตัวสมา้่ เสมอ หลงั จากน้ันบรรจใุ สถ่ งุ มดั ปากถุงให้แนน่ อาหารท่ผี สมใช้ในฟาร์มการเก็บมกั ไม่ได้อยู่ในสภาพไร้อากาศจงึ ควรใชใ้ หห้ มดภายใน 3 – 4วนั นานท่สี ดุ ไมค่ วรเกิน 7 วันชั่งน้าหนักวตั ถุดิบ เทวตั ถดุ บิ ปรมิ าณมากลงกอ่ นเทวตั ถุดิบปรมิ าณน้อยไวด้ า้ นบน ผสมแบบย้ายกอง 3 – 4 ครง้ัอาหารท่ีผสมเสรจ็ แลว้ บรรจลุ งถงุ ปิดปากถุงให้มิดชิด4.2 การผสมอาหารด้วยเครื่องผสมข้ันตอนการผสมมดี ังน้ี4.2.1 ก่อนใส่อาหารควรเปดิ ให้เครื่องเดินกอ่ น แลว้ จึงค่อยใสว่ ตั ถุดบิ ลงไป4.2.2 การใส่วัตถุดิบควรใส่ตามล้าดับที่ใช้จ า ก ม า ก ไ ป ห า น้ อ ย ซึ่ ง ป ก ติ วั ต ถุ ดิ บ แ ห ล่ ง การเลยี้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

22คาร์โบไฮเดรตจะถูกใส่ก่อน และในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตน้ีควรเลือกใส่ตัวท่ีมีความหนาแน่นมากก่อน ส่วนวัตถุดิบที่เบาหรือละเอียดมาก เช่น ร้าละเอียด ให้ใส่ภายหลังทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ฟุ้งกระจายอยดู่ า้ นบนโดยไมย่ อมลงมาผสมกบั อาหารอน่ื ๆ 4.2.3 การใส่อาหารที่มีปริมาณน้อย เช่น วิตามิน และแร่ธาตุ เป็นต้น ควรผสมกับส่ือก่อนเขา้ เคร่อื งเพ่อื ขยายปรมิ าณให้มากพอท่จี ะกระจายตวั ไดท้ ่วั ถงึ 4.2.4 การสังเกตวา่ อาหารผสมเขา้ กันได้ดหี รือไม่ ให้ดูจากกระจกข้างถังเครื่องผสมถ้าอาหารผสมกันได้ดีอาหารจะไหลผ่านสม้่าเสมอและเนอื้ เป็นสีเดียวกันไม่แยกสเี ป็นชัน้ 4.2.5 การปล่อยอาหารท่ียังผสมไม่เข้ากันไหลกลับลงช่องทางเข้าของอาหารท่ีบริเวณฐานในขณะท่ียังเดินเครื่องอยู่จะท้าให้อาหารผสมเข้ากันได้เร็วขนึ้ กว่าเดมิ 4.2.6 ไม่ควรเดินเคร่ืองผสมนานกว่ากา้ หนด เพราะจะทา้ ให้อาหารทีผ่ สมเข้ากันไดด้ แี ลว้ กลบั แยกตัวเปน็ ชน้ั ๆ ใหม่ เวลาท่ีใช้ในการผสมข้ึนอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่องผสมอาหาร และปริมาณอาหารที่ผสมเม่ือเทียบกับขนาดของเคร่อื งผสม โดยท่ัวไปอยู่ระหวา่ ง 15-30 นาที5. ชนิดของอาหารและการให้อาหารสุกรระยะต่าง ๆ สกุ รในระยะต่าง ๆ จะต้องการอาหารท่ีมีคุณค่าทางอาหารไม่เท่ากัน ดังนั้นอาหารสุกรไม่ว่าจะเป็นอาหารส้าเร็จรูป หัวอาหารเข้มข้น และอาหารผสมเอง สามารถแบ่งตามระยะต่าง ๆของสกุ รไดด้ ังนี้ คือ 5.1 อาหารลูกสุกรระยะดูดนม หมายถึง อาหารที่ใช้เล้ียงลูกสุกรเมื่ออายุได้ 7 วันขึ้นไปควรเริม่ ให้อาหารสูตรอาหารนม (Creep feed) ทมี่ โี ปรตนี สูง 22 – 24 เปอร์เซน็ ต์ และมีส่วนผสมของหางนมผง เพื่อกระตุ้นการกินอาหารให้กินได้เร็วที่สุด โดยให้ทีละน้อยๆ แต่บ่อยครั้งประมาณวันละ3 – 4 คร้ัง การฝกึ กนิ อาหารขน้ และกระตุน้ ใหก้ นิ อาหารไดเ้ ต็มท่แี ทนน้านมจะทา้ ให้สามารถหย่านมไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ภายใน 2 – 3 สัปดาห์ 5.2 อาหารลูกสุกรระยะหย่านม หมายถึง อาหารท่ีใช้เล้ียงสุกรในระยะหย่านมจนถึงน้าหนัก 15 กิโลกรัม ลูกสุกรระยะหย่านมควรได้รับอาหารที่มีโปรตีน 20 – 22 เปอร์เซ็นต์ ให้ลูกสกุ รกินอาหารเต็มท่ีโดยให้วนั ละ 5 – 6 ครั้ง ลูกสกุ รจะกินอาหารเฉล่ียวนั ละ 460 กรมั 5.3 อาหารสุกรเล็ก หมายถึง อาหารที่ใช้เลี้ยงสุกรระยะน้าหนัก 15 – 30 กิโลกรัม ให้อาหารโปรตีน 18 เปอร์เซ็นต์ โดยให้สกุ รกินอาหารเต็มท่ี สกุ รจะกินอาหารวันละ 1 – 2 กโิ ลกรมั การเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

23 5.4 อาหารสุกรรุ่น หมายถึง อาหารท่ีใช้เลี้ยงสุกรระยะน้าหนัก 30 – 60 กิโลกรัม ให้อาหารมีโปรตีน 15 – 16 เปอร์เซ็นต์ เป็นอาหารอัดเม็ด หรืออาหารผสมเองในฟาร์มมีลักษณะเป็นผง สุกรจะกนิ อาหารวนั ละ 2 – 2.5 กโิ ลกรมั โดยให้กนิ เตม็ ท่ี 5.5 อาหารสุกรขุน หมายถึง อาหารที่ใช้เลี้ยงสุกรระยะน้าหนักเกิน 60 กิโลกรัมถึงส่งตลาด ควรให้อาหารท่ีมีโปรตีน 13 – 14 เปอร์เซ็นต์ เป็นอาหารอัดเม็ด หรืออาหารผสมเองในฟาร์มมลี ักษณะเป็นผงประมาณวนั ละ 2.0 – 3.5 กิโลกรัม โดยให้กินแบบเต็มที่เพื่อให้เติบโตเร็วท่ีสุด หากตอ้ งการใหส้ กุ รมีคุณภาพซากดคี วรจ้ากัดอาหารตัง้ แต่น้าหนกั 80 กโิ ลกรมั เป็นต้นไป 5.6 อาหารสุกรพันธุ์ทดแทน หมายถึง อาหารท่ีใช้เล้ียงพ่อสุกรหนุ่ม และแม่สุกรสาวทดแทน ควรจ้ากัดอาหารเพ่ือไม่ให้อ้วนเกินไป เม่ือสุกรน้าหนักประมาณ 60 กิโลกรัม ให้อาหารโปรตีน 14 – 16 เปอร์เซน็ ต์ ใหอ้ าหารวนั ละ 2 – 2.5 กโิ ลกรัม 5.7 อาหารสุกรพ่อพันธ์ุ ให้อาหารโปรตีนประมาณ 13 – 14 เปอร์เซ็นต์ การให้อาหารพ่อสุกร ต้องให้พ่อสุกรอ่ิมพอสมควรโดยที่น้าหนักเพ่ิมช้าท่ีสุดเท่าท่ีจะท้าได้ ไม่ควรให้พ่อสุกรอว้ นเกินไป ให้อาหารตามขนาดน้าหนักตัวและสภาพร่างกายคือ 1 – 1.2 เปอร์เซ็นต์ของน้าหนักตัวหรือวนั ละ 1.8 – 2.5 กิโลกรัม 5.8 อาหารแมส่ กุ รอุ้มท้อง ใหอ้ าหารโปรตีนประมาณ 14 – 15 เปอร์เซ็นต์ แม่สุกรจะตั้งท้องประมาณ 114 วัน ควรให้อาหารดังน้ี แม่สุกรหลังจากผสมพันธุ์ให้อาหารวันละ 1.5 – 2กิโลกรัม แม่สุกรตั้งท้อง 0 – 84 วัน ให้อาหารวันละ 2 กิโลกรัม แม่สุกรตั้งท้อง 84 – 114 วัน ให้อาหารวันละ 2 – 2.5 กโิ ลกรมั (ขึน้ อยกู่ บั สภาพแมส่ ุกรอ้วน หรือผอมด้วย) 5.9 อาหารแม่สุกรเลี้ยงลูก ให้อาหารโปรตีนประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์ ควรให้อาหารดังนี้ คลอดลกู แลว้ 1 – 3 วันใหอ้ าหารวันละ 1 – 2 กโิ ลกรัม คลอดลกู 3 – 14 วนั ให้อาหารวนั ละ2 – 3.5 กิโลกรัม คลอดลูก 14 วันข้ึนไปให้อาหารเต็มที่เท่าที่แม่สุกรจะกินอาหารได้หรือประมาณวันละ 4 – 6 กิโลกรัม (ควรให้อาหารแม่สุกรโดยดูตามสภาพของแม่สุกรระวังอย่าให้แม่สุกรผอม) 5.10 อาหารแมส่ ุกรหลงั หย่านม ให้อาหารโปรตีนประมาณ 14 – 15 เปอร์เซ็นต์ ควรให้อาหารดังน้ี แม่สุกรหย่านมในวันแรกให้อาหารวันละ 1 – 1.5 กิโลกรัม แม่สุกรหย่านมจาก 2 วันข้ึนไปจนถึงแม่สุกรเป็นสัดควรให้อาหารวันละ 3 – 4 กิโลกรัม เพ่ือให้แม่สุกรสมบูรณ์พันธ์ุเร็วขึ้นและเพมิ่ การตกไข่ ################################################## การเล้ยี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

24 บทท่ี 5 การคดั เลอื กและผสมพนั ธ์ุสุกร ในการจัดการสุกรพ่อ แม่พันธ์ุ ให้มีประสิทธิภาพ จะเริ่มต้นด้วยการคัดเลือกลักษณะของสกุ รพนั ธ์ุดีไว้เลี้ยงเป็นพ่อ แม่พนั ธุ์ ดงั นั้นในการคัดเลือกพันธุ์จึงหมายถึงการท่ีเราคัดเลือกสุกรเพศผู้และเพศเมีย ท่ีมีคุณสมบัติในด้านการผลิตที่ดีไว้เป็นพ่อ แม่พันธุ์ ถ้าคัดเลือกจากฝูงสุกรท่ีเลี้ยงไว้คณุ สมบัติในการผลติ ของสกุ รทจ่ี ะคัดเลอื กไว้ต้องดีกว่าค่าเฉล่ียของฝูง จึงจะท้าให้ประสิทธิภาพในการผลิตของฟารม์ ดีขน้ึ ในการคดั เลือกจา้ เปน็ ตอ้ งมีหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีในการคัดเลอื กกลา่ วคือ1. หลกั ในการคัดเลอื กสุกรพ่อ แม่พนั ธ์ุ การพจิ ารณาคัดเลือกสกุ รไวเ้ ป็นพ่อ แม่พนั ธุ์ จะมหี ลักเกณฑใ์ นการพจิ ารณาคือ 1.1 การพจิ ารณาคดั เลอื กจากพนั ธ์ุประวตั ิ พันธุ์ประวัติ (Pedigree) หมายถึง บัตรประจ้าตัวสุกรที่มีการจดบันทึกประวัติของสุกรตัวนั้นๆ ว่ามีพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นพันธุ์อะไร และมีความสามารถในการผลิตเป็นอย่างไร การพจิ ารณาคัดเลือกจากพนั ธุ์ประวตั เิ ป็นการพิจารณาคดั เลอื กโดยดจู ากความสามารถในการให้ผลผลิตของบรรพบรุ ษุ และลักษณะท่ีสามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม เช่นลกั ษณะเปอร์เซ็นต์เนื้อแดงสูงและมอี ตั ราการเจรญิ เติบโตดี เป็นต้น แตล่ กั ษณะที่เป็นลักษณะเลว และควรคัดทิ้งไดแ้ ก่ 1.1.1 ลักษณะไส้เลื่อน ( Hernia) หมายถึงลักษณะทีล่ ้าไส้ตกออกมาอยู่นอกช่องท้องมี 2 ลกั ษณะ คือ 1) ลกั ษณะไส้เล่อื นที่หน้าท้อง (Umbilicalhernia) คือ ลักษณะท่ีล้าไส้ตกออก มาจากช่องท้องที่บริเวณหนา้ ทอ้ ง (สะดือ) 2) ลักษณะไส้เล่ือนที่ถุงหุ้มลูกอัณฑะ(Scrotal hernia) คือลักษณะทีล่ า้ ไสต้ กจากชอ่ งทอ้ งมาอยบู่ ริเวณถุงหมุ้ ลูกอัณฑะ 1.1.2 ลักษณะอัณฑะทองแดง (Cryptorchidism) หมายถึง ลักษณะที่ลูกอัณฑะตกอยู่ในชอ่ งทอ้ งไมไ่ หลลงไปอยูใ่ นถุงหุ้มลูกอัณฑะ ซึ่งอาจอยู่ในช่องทอ้ ง 1 หรอื 2 ลูกก็ได้ 1.1.3 ลักษณะไม่มีรูทวาร (Atresia ani) หมายถึงลักษณะที่ลูกสุกรเกิดมาแล้วไม่มี รูทวารส้าหรับถ่ายมูล ถ้าเป็นในลูกสุกรเพศผู้จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหลังคลอดก็จะตายเน่ืองจากขับถ่ายไม่ได้ แต่ถ้าเป็นลูกสุกรเพศเมียช่องทวารจะทะลผุ ่านทางชอ่ งคลอดท้าใหถ้ ่ายมูลออกทางอวยั วะเพศ สกุ รจะไม่ตาย แตแ่ คระแกรน การเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่

25 1.1.4 ลักษณะเพดานโหว่ (Cleft palate) หมายถึง ลักษณะที่เพดานปากไม่เชื่อมติดกันเกดิ เปน็ ช่องโหวท่ ้าให้ลกู สกุ รหายใจลา้ บาก และดูดนมไม่ได้ลกู สกุ รมักตายหลงั คลอด 1.1.5 ลักษณะหัวนมกลับ (Inverted nipples) หมายถึง ลักษณะท่ีหัวนมไม่ยื่นออกมาจากเต้านมท้าใหล้ ูกสกุ รดดู นมไม่ได้ 1.1.6 ลักษณะกระเทย (Hermaphrodite) หมายถึง ลกั ษณะท่สี กุ รมีอวัยวะเพศท้ังเพศผู้และเพศเมีย อย่ใู นตวั เดยี วกัน 1.1.7 ลักษณะสมองโผล่ (Brain hernia) หมายถึง ลักษณะที่กะโหลกศีรษะปิดไม่สนิท ท้าให้เน้ือ สมองไหลออกมาเจรญิ อย่ภู ายนอกกะโหลกศีรษะ ลูกสุกรส่วนใหญ่จะตายหลงั คลอด 1.2 การพจิ ารณาคัดเลอื กจากลกั ษณะเฉพาะตวั เปน็ การพจิ ารณาคัดเลอื กโดยดจู ากรูปร่างลกั ษณะภายนอกทส่ี ามารถมองเห็นได้ดังนี้ 1.2.1 มีรูปร่างลักษณะตรงตามพันธุ์ 1.2.2 มีสุขภาพแขง็ แรง ร่าเริง แจ่มใส 1.2.3 ขา และข้อขาแขง็ แรง 1.2.4 มีอวัยวะเพศเหมาะสมกับล้าตัว ไม่ใหญ่ หรือเล็กจนเกินไป 1.2.5 ผวิ หนงั เรียบตึง มีสชี มพูเรอื่ ๆ 1.2.6 ขนเป็นมันสวยงาม ไม่หยาบกร้าน หรือแตกปลาย 1.2.7 เตา้ นมวางอย่างเปน็ ระเบยี บ ไม่มีหวั นมบอด หรือหัวนมกลบัลกั ษณะกบี เท้าขนาดไม่เท่ากนั ลักษณะเต้านมวางเป็นระเบียบ 1.3 การพจิ ารณาคดั เลอื กจากความสามารถเฉพาะตัว เปน็ การพิจารณาคัดเลอื กจากความสามารถในการให้ผลผลิตของตัวสุกรเองโดยบางลักษณะจะสามารถพิจารณาได้จากตัวสตั ว์โดยตรง แต่บางลักษณะจะพจิ ารณาไดจ้ ากญาตพิ ่นี ้องหรอื ลูก ซง่ึ ลกั ษณะท่ใี ชพ้ ิจารณา ไดแ้ ก่การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

26 1.3.1 อตั ราการเจริญเติบโต (Average Daily Growth หรือ ADG) ได้จากการจดบันทึกข้อมลู การเจริญเตบิ โตของสุกรในช่วงระยะเวลาหนึง่ แล้วนา้ มาค้านวณหาอัตราการเจริญเตบิ โตได้จากสูตรอัตราการเจริญเติบโต = น้ำหนกั สดุ ท้ำย – นำ้ หนักเรม่ิ ต้น จ้ำนวนวันท่ใี ชเ้ ลยี ง1.3.2 ประสทิ ธิภาพการเปล่ียนอาหาร (Feed Conversion Rate หรือ FCR ) ได้จากการจดบันทึกข้อมูลการเจริญเติบโต และปริมาณอาหารท่ีกิน แล้วน้ามาค้านวณหาประสิทธิภาพการเปลีย่ นอาหาร จากสูตร นำ้ หนักอำหำรที่กิน ประสทิ ธภิ าพการเปลย่ี นอาหาร = น้ำหนักสดุ ท้ำย – นำ้ หนกั เรมิ่ ต้น1.3.3 คุณภาพซาก (Carcass quality) เป็นการตรวจวัดความยาวซาก ความกว้างของพืน้ ท่ีหน้าตัดเนื้อสัน (Loin eye area) เปอรเ์ ซ็นตเ์ น้ือแดงและความหนาไขมันสันหลงั (Back fat)1.3.4 มีลักษณะความเป็นแม่พันธุ์ที่ดี คือ เป็นสัดง่ายและชัดเจน ยอมรับการผสมพันธุ์ดี มีปริมาณน้านมมาก ให้ลูกดกเลี้ยงลูกได้ดี มีเปอร์เซ็นต์การเล้ียงลูกรอดสูง และมีช่วงล้าตัวยาวเหมาะสมทีจ่ ะเป็นแมพ่ นั ธุ์1.3.5 มีลักษณะความเป็นพ่อพันธุ์ท่ีดี คือมีนิสัยชอบในการผสมพันธ์ุ กระตือรือร้นในการผสมพันธ์ุ มีความสามารถในการท่ีจะท้าให้แม่พันธ์ุยอมรับการผสมโดยไม่บอบช้า ไม่กัดหรือท้าร้ายแม่พันธุ์ ผสมพนั ธ์ุได้รวดเรว็ และมีอตั ราการผสมตดิ สงู2. ลกั ษณะมาตรฐานในการคัดเลอื กสุกรพ่อ แม่พนั ธ์ุ 2.1 เป็นสุกรที่มาจากครอกท่ีมีลูกสุกรแรกเกิดไม่ต้่ากว่า 10 ตัวต่อครอก และหย่านมไม่ต้่ากว่า 8 ตัวต่อครอก 2.2 มีอัตราการเจรญิ เตบิ โตดี มีนา้ หนักประมาณ 80 – 90 กโิ ลกรัม เมอื่ อายุ 5 เดอื น 2.3 มเี ต้านมท่ีสมบูรณไ์ มน่ อ้ ยกวา่ 12 เตา้ ในประเภทเนือ้ และ 14 เต้าในประเภทเบคอน ไม่มหี วั นมบอดหรือหัวนมกลับ เต้านมวางอยา่ งมรี ะเบียบ มีระยะห่างระหวา่ งเต้าสม้่าเสมอ 2.4 มีประสทิ ธิภาพการเปล่ยี นอาหารไมเ่ กนิ 3 2.5 มสี ุขภาพแขง็ แรง ขาและข้อขาแขง็ แรง ร่าเรงิ แจม่ ใส 2.6 มีอวัยวะเพศเหมาะสมกับล้าตัว โดยในสุกรเพศเมียขนาดอวัยวะเพศไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ในเพศผลู้ กู อณั ฑะทั้ง 2 ข้างวางอย่างสมา้่ เสมอไมเ่ หลอ่ื มกนั 2.7 มีรปู รา่ งลกั ษณะตรงตามพันธ์ุ 2.8 มคี ุณภาพซากดี ความหนาไขมนั สันหลงั ไม่เกนิ 1 นว้ิ การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่

273. การจัดการผสมพนั ธ์ุสุกร 3.1 การเป็ นสัด (Heat หรือ estrus) การเป็นสัด หมายถึง ลักษณะที่แม่สุกรหรือสุกรสาวแสดงอาการต้องการผสมพันธุ์และยอมรับการผสมพันธ์ุจากพ่อสุกร ปกติสุกรจะมีวงรอบการเป็นสัดนาน 21 วัน โดยเฉลี่ยแต่ละคร้ังที่แสดงการเป็นสัดจะแสดงอาการนาน 2 – 3 วัน ส่วนแม่สุกรหย่านมจะเป็นสัดหลังหย่านมประมาณ 3 – 10 วนั (เฉลี่ย 5 วนั ) ลกั ษณะอาการเปน็ สดั ของแม่สุกรพอสรุปได้ ดงั น้ี 3.1.1 อวัยวะบวมแดง ในสุกรสาวจะสังเกตได้ชัดเจนกว่าสุกรหย่านมโดยจะบวมแดงขนึ้ เรอื่ ยๆ หลังจากน้ันจะซดี ลง เหี่ยว ซง่ึ เปน็ ช่วงทแ่ี ม่สุกรจะยอมรับการผสมพันธจุ์ ากพ่อสุกร 3.1.2 ชอบขึ้นตัวอ่ืน หรือดุนด้วยปลายจมูกท่ีด้านข้างล้าตัว ใต้ท้อง และยอมให้ตัวอ่ืนขน้ึ ขี่ อาการขึ้นข่ตี ัวอื่นจะเป็นอาการเรมิ่ ต้นเมื่อเปน็ สดั เตม็ ท่ีจะยอมใหส้ กุ รตัวอื่นขึ้นข่ี 3.1.3 มีน้าเมอื กใสๆ ไหลจากอวยั วะเพศเมื่อใช้มือจบั จะรสู้ ึกเหนยี ว 3.1.4 เมอ่ื เปดิ อวยั วะเพศออกภายในจะมสี ีชมพูแดง 3.1.5 มีอาการกระวนกระวายเดนิ ไปมา บางตัวเมื่อเห็นคนเข้ามาใกล้จะส่งเสียงร้อง 3.1.6 ชอบนอนหรือยืนใกล้ตัวผู้ ขณะไล่ต้อนผ่านพ่อสุกรจะยืนหูตั้งชัน 3.1.7 เอามอื กดหลังหรือนงั่ บนหลังจะยืนน่งิ 3.1.8 บางตัวขณะเป็นสัดจะไม่กินอาหาร 3.1.9 เม่ือใช้มอื จับอวยั วะเพศ จะมีอาการยนื นง่ิ หตู ้ังชัน มนี า้ เมือกไหลออกมาใช้ปลายจมูกดุนท่ดี ้านขา้ งลา้ ตวั แม่สุกรตัวอ่ืน อวยั วะเพศบวมแดงอวัยวะเพศเหย่ี ว ซดี ลงเม่ือเป็นสดั เตม็ ท่ี น่งั บนหลงั จะยืนนิง่ หูต้ังชันการเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น

28 3.2 การตรวจการเป็ นสัด เป็นการตรวจสอบดูว่าแม่สุกรตัวใด แสดงอาการเป็นสัด และอยู่ในสภาวะการยอมรับการผสมพันธ์ุหรือไม่ การตรวจการเป็นสัดน้ันควรท้าวันละ 2 เวลา คือเวลาเช้า และเวลาเย็น วิธีการตรวจการเป็นสดั จะท้าได้ 2 วิธี คือ 3.2.1 ใช้คนสังเกตอาการต่างๆ ดังท่ีกล่าวมาแล้วข้างต้น หรือใช้เครื่องมือตรวจ การตรวจโดยใช้คนน้ันจะไม่สามารถตรวจพบในกรณีท่ีแม่สุกรเป็นสัดเงยี บ (Silent heat) 3.2.2 ใช้พ่อสุกรตรวจ วิธีนี้จะได้ประโยชน์หลายทาง กลา่ วคือการใช้พ่อสุกรเดินตรวจการเป็นสัดไป ตามคอกแม่สุกรจะท้าให้พ่อสุกรได้เดินออกก้าลังกาย ส่วนแม่สุกรท่ีไม่เป็นสัดเม่ือได้กล่ินพ่อสุกรก็จะถูก กระตุ้นท้าให้แม่สุกรเป็นสัดเร็วข้ึน และนอกจากน้ียัง สามารถตรวจพบในกรณีทีแ่ มส่ กุ รเป็นสัดเงียบไดด้ ว้ ย 3.3 การกระตุ้นแม่สุกรให้เป็ นสัด ในกรณีที่แม่สุกรสาว หรือแม่สุกรหลังหย่านม ไม่แสดงการเป็นสัดในช่วงที่ควรเป็นผู้เลี้ยงควรกระตนุ้ ใหแ้ มส่ ุกรดังกลา่ วเป็นสดั ซงึ่ สามารถทา้ ไดด้ งั นี้ 3.3.1 เลย้ี งแม่สกุ รใกล้คอกพอ่ สุกร หรือคอกผสมพนั ธุ์ 3.3.2 เปล่ยี นที่อยขู่ องแมส่ ุกรบอ่ ยๆ อาจท้าทุก 3 – 5 วนั เพ่อื ใหแ้ ม่สุกรเกดิ ความเครียด 3.3.3 การเพ่มิ หรอื ลดอาหารแมส่ ุกรเพอื่ ใหแ้ ม่สุกรเกิดความเครยี ด 3.3.4 การปล่อยใหแ้ ม่สุกรออกกา้ ลังด้วยการเดิน ว่งิ รอบๆ ภายในโรงเรอื น 3.3.5 การใช้พ่อสุกรเข้าไปกระต้นุ ในคอกแม่พันธุ์ 3.3.6 การขงั แม่สกุ รรวมกันหลายๆ ตวั แต่ไมค่ วรเกนิ 8 ตวั 3.3.7 หลงั จากใชว้ ธิ ีต่างๆ ท่กี ล่าวมาแล้วไม่ได้ผล ให้ใชว้ ธิ กี ารบังคับสรีรวิทยาของการสืบพันธุ์โดยใช้ฮอร์โมนพวกกระตุ้นการเป็นสัด เช่น P.G.600 ถ้ากระตุ้นทุกวิธีแล้วมาสุกรยังไม่แสดงการเป็นสดั อีกก็ควรคดั ท้ิง 3.4 ช่วงระยะเวลาทเ่ี หมาะสมในการผสมพนั ธ์ุ ตามปกติแล้วการตกไข่จะเกิดข้ึนในช่วงท้ายของการเป็นสัด หรือเมื่อการเป็นสัดส้ินสุดลงแล้ว โดยท่ัวไปจะเกิดในช่วง 24 – 42 ช่ัวโมงหรือโดยเฉลี่ย 36 ชั่วโมงหลังแสดงอาการเป็น การเลีย้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่

29สัด อัตราการตกของไข่ในสุกรสาวประมาณ 10 – 15 ฟอง และในแม่สุกรประมาณ 12 – 20 ฟองเวลาที่เหมาะสมส้าหรับการผสมพันธ์ุนั้น ควรผสมครั้งแรกเม่ือ 12 ช่ัวโมงหลังจากยืนนิ่ง และผสมคร้งั ที่ 2 ห่างจากคร้ังแรก 12 ชัว่ โมง 3.5 ช่วงเวลาในการผสมพนั ธ์ุ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการผสมพันธ์ุคือช่วงเวลาท่ีอากาศเย็น ได้แก่ เวลาเช้า และเย็นถ้าอากาศรอ้ นมากในขณะผสมพันธค์ุ วรใช้นา้ รด หรือใชพ้ ดั ลมระบายอากาศช่วย 3.6 การผสมซ้า ควรท้าการผสมซ้าครง้ั ที่ 2 ห่างจากครัง้ แรก 12 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มอัตราการผสมติด อัตราการเข้าคลอด และขนาดของครอกให้ใหญ่ข้ึน และถ้าหากแม่สุกรยังยอมรับการผสมพันธุ์อยู่อาจจะผสมครงั้ ที่ 3 อกี ก็ได้โดยให้หา่ งจากครั้งทีส่ อง 12 ชว่ั โมงเพื่อให้ครอบคลุมชว่ งการตกไขม่ ากทีส่ ุด4. วธิ กี ารผสมพนั ธ์ุ วธิ กี ารผสมพนั ธ์ุมี 2 วิธี ใหญ่ๆ คือ 4.1 การผสมโดยวธิ ีธรรมชาติ เปน็ การผสมโดยใชพ้ อ่ สกุ รขนึ้ ทบั แม่สุกรโดยตรง และมีคนช่วยผสมพนั ธุ์อย่างใกล้ชิดมีขน้ั ตอนการปฏิบัตดิ งั นี้ 4.1.1 ตรวจเชค็ การเป็นสดั ของแม่สกุ ร 4.1.2 เลอื กขนาดพ่อสุกรใหเ้ หมาะสมกบั แมส่ ุกรทจ่ี ะใช้ผสมพนั ธุ์ 4.1.3 การใช้งานของพ่อสุกรในบางครั้งควรเว้นระยะเวลาท่ีเหมาะสม อย่างน้อยการผสมแตล่ ะครงั้ ควรหา่ งกัน 2 วนั 4.1.4 ท้าความสะอาดแม่สุกรโดยล้างอวัยวะเพศและบริเวณบั้นท้ายแม่สุกรด้วยน้าให้สะอาด แลว้ ปลอ่ ยไวใ้ หแ้ ห้ง 4.1.5 ท้าความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ พื้นท้อง และบริเวณส่วนบ้ันท้ายของพ่อสุกรหากพ่อสกุ รตัวใดมีปสั สาวะขงั อยใู่ นกระเปาะใหบ้ บี ทง้ิ ก่อน 4.1.6 น้าแม่สุกรเข้าในคอกผสมพันธ์ุท่ีเตรียมไว้ และจัดแม่สุกรให้ยืนในต้าแหน่งท่ีเหมาะสมเพื่อรอรับ พ่อสุกรที่จะขึ้นทับ เมื่อพ่อสุกรข้ึนทับควรประคองพ่อ สุกรให้ขึ้นจากด้านท้าย พ่อสุกรจะย่ืนอวัยวะเพศออกมา ใชม้ อื ท่สี ะอาดประคองอวยั วะเพศผูใ้ หเ้ ขา้ ในช่องคลอด 4.1.7 เมื่อผสมพันธุ์เสร็จแล้ว น้าแม่สุกรออกจากคอกผสม แลว้ จดั ชดุ การผสมโดยเรยี งล้าดบั กอ่ นหลงั การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

30 4.2 การผสมเทยี ม การผสมเทยี มมขี ั้นตอนการปฏบิ ัติ ดังนี้ 4.2.1 ตรวจเชค็ การเปน็ สดั ของแมส่ กุ ร 4.2.2 เตรยี มอุปกรณ์ผสมเทยี มให้พร้อมตามจา้ นวนแม่สกุ รท่ีต้องการผสม 4.2.3 ทา้ ความสะอาดแมส่ กุ รเหมือนกบั การผสมโดยวิธธี รรมชาติ 4.2.4 เตรียมนา้ เช้อื พอ่ สกุ รท่ีรีดไว้แลว้ 4.2.5 ขณะสอดใส่อวัยวะเพศผู้เทียมให้ปลายอวัยวะเพศผู้เทียมช้ีข้ึนด้านบนเล็กน้อย พร้อมกับหมุนทวนเข็มนาฬิกาจนกระทั่งเกลียวของอวัยวะเพศผู้เทียมล็อคกับคอมดลูก การจับอวัยวะเพศผู้เทียมควรจับบริเวณด้ามจับเทา่ น้ัน 4.2.6 ใชม้ ือซา้ ยจับด้ามอวัยวะเพศผู้เทียมรวบกับหางของแม่สุกร ส่วนมือขวาจับขวดน้าเช้ือบีบน้าเชื้อเข้าท่ีรูของอวัยวะเพศผู้เทียมอย่างช้าๆในขณะที่บีบควรมีคนคอยกระตุ้นโดยการข้ึนขี่หลังเพื่อกระตุ้นให้แม่สุกรยอมรับน้าเชื้อได้ง่ายข้ึนหรอื อาจจะใช้พอ่ สกุ รยืนอยทู่ างดา้ นหนา้ แมส่ กุ รเพื่อคอยกระตุ้น 4.2.7 ในขณะผสมอาจจะมีน้าเช้ือไหลย้อนกลับออกมา ควรมีการจัดอวัยวะเพศผู้เทียมใหอ้ ยู่ในตา้ แหน่งทเี่ หมาะสม 4.2.8 เม่ือผสมเสรจ็ นา้ อวัยวะเพศผูเ้ ทียมออก โดยการหมนุ ตามเขม็ นาฬกิ าอย่างชา้ ๆ ในการผสมพันธุ์ทุกคร้ัง ควรมีการบันทึกรายละเอียดการผสมพันธุ์ลงในแบบฟอร์มให้เรียบรอ้ ยเพื่อป้องกันการผิดพลาด เช่น วันท่ีผสม เบอร์พ่อสุกร เบอร์แม่สุกร ก้าหนดวันคลอด และปัญหาทีเ่ กิดข้ึนระหว่างผสมพนั ธ์ุ เป็นต้น ########################################################### การเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น

31 บทที่ 6 การจดั การสุกรพ่อ แม่พนั ธ์ุ1. การเตรียมสุกรพ่อ แม่พนั ธ์ุ ในการเลย้ี งสุกรพันธ์ุจา้ เป็นต้องมกี ารจัดเตรยี มสกุ รพ่อ แม่พนั ธุ์ ใหม้ จี ้านวนเพยี งพอในการผลิต โดยท่ัวไปแล้วฟาร์มสุกรส่วนใหญ่จะมีการคัดเลือกสุกรหนุ่มสาว เพ่ือน้าเข้ามาทดแทนในฝูงเดิมที่มีการคัดทิ้ง ซ่ึงโดยปกติน้ันฟาร์มสุกรจะต้องมีอัตราการทดแทนปีละประมาณ 30 – 40เปอร์เซ็นต์ (เฉลย่ี 35 เปอรเ์ ซ็นต)์ ในการเตรยี มสุกรพ่อ แม่พนั ธ์นุ ั้นจะตอ้ งมีการจัดการดูแลเอาใจใส่ต้ังแต่สุกรเข้าสูร่ ะยะเป็นหนุ่ม เป็นสาว มขี ้อควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1.1 การเตรียมพ่อสุกร มีขอ้ ควรปฏบิ ัติดังน้ี 1.1.1 ก้าจัดพยาธิทั้งภายในและภายนอกก่อนการผสมพันธ์ุ เช่น ควรถ่ายพยาธิทุก 6เดอื น เป็นต้น 1.1.2 ฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่ส้าคัญ ได้แก่ โรคอหิวาต์สุกร โรคปากและเท้าเป่ือย โรคพาร์โวไวรัส และโรคอื่นๆ ท่ีเกิดข้ึนในแต่ละท้องท่ีหรือบริเวณใกล้เคียง เช่น โรคพิษสุนัขบ้าเทียมและโรคโพรงจมกู อักเสบ เปน็ ต้น 1.1.3 ตรวจเลือดส้าหรับสุกรที่ซ้ือมาจากฟาร์มท่ีไม่แน่ใจว่าปลอดโรค โดยเฉพาะโรคแทง้ ตดิ ตอ่ เพราะโรคดงั กลา่ วจะท้าให้แมส่ กุ รแทง้ ลกู คลอดลูกตาย หรอื อ่อนแอ เลยี้ งไม่รอด 1.1.4 ตรวจความสมบูรณ์ของพ่อพันธ์ุ โดยตรวจคุณภาพของน้าเชื้อก่อนการผสมพันธุ์เชน่ ความแขง็ แรงของการเคลือ่ นไหว และปริมาณน้าอสุจิท่หี ลั่งออก มาแต่ละคร้งั 1.1.5 น้าพ่อสุกรหนุ่มไปขังใกล้ๆ คอกผสมพันธุ์ เพ่ือให้เรียนรู้ประสบการณ์และพฤติกรรมในการผสมพันธ์ุ 1.2 การเตรียมแม่สุกร มีขอ้ ควรปฏบิ ัติดงั นี้ 1.2.1 สุกรสาวควรไดร้ ับการเลี้ยงดอู ย่างดีไม่ให้อว้ น หรอื ผอมจนเกินไป 1.2.2 ยา้ ยสกุ รสาวเข้าสู่ฝูงแมพ่ นั ธ์ุ 1.2.3 กา้ จดั พยาธภิ ายในและภายนอก ก่อนขึน้ ผสม 1.2.4 ฉีดวัคซีนป้องกันโรคท่ีส้าคัญได้แก่ โรคอหิวาต์สุกร โรคปากและเท้าเปื่อย โรคพารโ์ วไวรัส และโรคอน่ื ๆ ท่ีเกดิ ขึ้นในแตล่ ะทอ้ งทีห่ รอื บริเวณใกลเ้ คยี ง 1.2.5 ตรวจเลือดเพื่อตรวจสอบโรคทางระบบสบื พนั ธกุ์ ่อนโดยเฉพาะโรคแท้งติดต่อ 1.2.6 การจัดการท่ัวไปของสุกรสาว ควรเล้ียงในคอกรวมกนั เพื่อกระตุ้นให้แม่สุกรเป็นสัดไดเ้ ร็วข้ึน การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

32 1.2.7 สงั เกตการเป็นสัดของสุกรสาว ซง่ึ สุกรสาวควรเปน็ สดั ภายใน 24 วันหลังจากย้ายเขา้ สฝู่ ูงแมพ่ นั ธ์ุ ถา้ ไมเ่ ปน็ สัดภายใน 6 สปั ดาห์ควรคดั ท้ิง2. การจัดการพ่อสุกร พอ่ สกุ รทจ่ี ะใช้ผสมพนั ธคุ์ วรมอี ายมุ ากกวา่ 7 เดือน หรอื ถ้าจะให้ดคี วรมีอายุ 8 เดือนจงึเหมาะสมทสี่ ดุ พอ่ สุกรทกุ ตวั กอ่ นใช้ผสมพนั ธุค์ วรได้รับการปฏิบตั ดิ ังต่อไปนี้มาก่อน คือ 2.1 การเร่ิมฝึ กพ่อสุกรผสม การฝึกพ่อสุกรหนุ่มควรฝึกหัดอย่างน้อย 2 – 4 สัปดาห์ ก่อนการใช้งานจริงดังนั้นจึงควรอยูใ่ นช่วงอายุ 7 – 7.5 เดือน การฝกึ หดั ควรปฏบิ ัตดิ งั ต่อไปน้ี 2.1.1 ควรนา้ แม่สุกรเข้าไปผสมในคอกพ่อสุกร เพราะพ่อสุกรจะคุ้นเคยกับคอกที่อยู่ท้าใหไ้ มต่ นื่ กลัว 2.1.2 พื้นคอกท่จี ะใชฝ้ ึกผสมนัน้ ต้องไม่ลนื่ และควรแห้งสะอาด 2.1.3 แม่สุกรทจ่ี ะน้ามาฝึกควรเป็นแม่สุกรที่เป็นสัดยืนน่ิงดีจริง และขนาดตัวใกล้เคียงกับพ่อสกุ รหนุ่ม ไมค่ วรนา้ สกุ รท่ตี ัวใหญ่กว่า หรอื เลก็ กวา่ มาช่วยฝึกพอ่ สุกร 2.1.4 ในช่วงแรกน้ันผู้เล้ียงควรยืนอยู่ข้างพ่อสุกรหนุ่มเพ่ือช่วยเหลือพยายามฝึกให้พ่อสุกรขึ้นทับด้านท้ายของแม่สุกร อย่าปล่อยให้พ่อสุกรขึ้นทับทางด้านหน้าแม่สุกรซ่ึงอาจท้าให้ติดเป็นนสิ ยั ได้ การเข้าไปชว่ ยเหลอื ควรทา้ อยา่ งนิม่ นวล และรวดเร็ว 2.1.5 ระมัดระวังอย่าให้พ่อสุกรตะกุย หรือกดหลังแม่สุกรจนแม่สุกรเจ็บและไม่ยอมให้ผสม และถ้าแม่สุกรเร่ิมไม่ยอมให้ผสมควรรีบน้าออกจากคอก อย่าให้มีการต่อสู้กันกับพ่อสุกรเป็นอนั ขาดเพราะจะท้าใหพ้ ่อสุกรเขด็ กลวั 2.1.6 อย่าทา้ ให้พ่อสกุ รตกใจหรือกลวั เชน่ การตพี อ่ สุกรหรอื เอาไปรวมในคอกแม่สุกรซ่ึงจะท้าให้พ่อสุกรกลัว และอาจจะติดเป็นนิสัยไม่กล้าผสมพันธ์ุในคร้ังต่อๆ ไป ควรปฏิบัติกับพ่อสกุ รดว้ ยความอ่อนโยน นมุ่ นวล 2.1.7 หากพ่อสุกรหนุ่มเร่ิมไม่สนใจแม่สุกรให้น้าแม่สุกรออกไปทันทีไม่ควรฝึกพ่อสกุ รหนุม่ ต่อไป การฝกึ ควรใช้เวลาคร้ังละ 15 – 20 นาที 2.1.8 ควรเล้ียงพ่อสุกรหนุ่มไว้ใกล้กับพ่อสุกรที่ใช้งานแล้ว เพ่ือจะได้เรียนรู้จากการเห็นพ่อสกุ รตวั อื่นผสมพันธุ์ 2.1.9 การใช้งานพ่อสุกรหนุ่มไม่ควรเกิน 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และให้มีการออกก้าลังกายอยา่ งสม้า่ เสมอ 2.2 การบารุงรักษาพ่อสุกร การใช้พ่อสุกรหักโหมเกินไปมักพบปัญหาอัตราการเข้าคลอด และขนาดของครอกต่้าลง ดงั นนั้ ผ้เู ลี้ยงควรมกี ารจัดท้าตารางการใช้งานพ่อพันธ์ุให้ละเอียด เพื่อให้พ่อพันธ์ุมีอายุการใช้งานไดน้ าน และมปี ระสิทธิภาพ ในการบา้ รงุ รักษาพอ่ พนั ธุ์สกุ รอาจจา้ แนกได้ดงั นี้ การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

332.2.1 อัตราการใช้ผสมพันธุ์ ควรใช้พ่อสุกรผสมกับแม่สุกรในจ้านวนเหมาะสมซ่ึงจะเปน็ การใช้พอ่ สุกรอย่างมีประสิทธิภาพ เต็มความสามารถของพ่อสุกร โดยการพิจารณาจากอายุพ่อสกุ รเป็นหลัก ดงั แสดงในตารางท่ี 6.1ตารางที่ 6.1 อตั ราการใช้พ่อสกุ รตามอายุอายพุ ่อสุกร (เดือน) จานวนคร้ังผสม (คร้ัง/สัปดาห์) จานวนแม่ทผ่ี สมได้ (ตัว/สัปดาห์)น้อยกวา่ 8 เดือน 0 08–9 2 19 – 12 5 – 7 2–312 – 18 7–8 3–4มากกว่า 18 เดอื น 8 – 10 4–52.2.2 เวลาในการผสม ควรอยู่ในช่วงอากาศเย็นสบายคือ 5.00 – 7.00 นาฬิกาและ17.00 – 19.00 นาฬกิ า2.2.3 การให้อาหารพอ่ สุกร ควรเพยี งพอทง้ั ปริมาณและคุณภาพคือ ประมาณ1 – 1.2 เปอรเ์ ซน็ ตข์ องน้าหนักตัว หรอื วันละ 1.8 – 2.5 กโิ ลกรัม2.2.4 ควรมกี ารตรวจเช็คน้าเช้ือพ่อสุกรเป็นประจ้าอย่างน้อยเดือนละคร้ัง โดยตรวจท้ังปริมาณน้าเชื้อ และคณุ ภาพของตวั อสจุ ิ น้าเชื้อทีด่ คี วรมีลกั ษณะสีขาวขุ่นคล้ายน้านม มีความเข้มข้นของตัวอสุจิไม่นอ้ ยกว่า 200 ล้านตัวต่อซซี ี อตั ราการเคล่อื นไหวของตวั อสุจมิ ากกว่า 75 เปอรเ์ ซน็ ต์2.2.5 ควรเล้ียงพ่อสุกรในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม คืออุณหภูมิอยู่ในช่วงระหว่าง15 – 20 องศาเซลเซยี ส ถ้าคอกพอ่ สกุ รมีอากาศรอ้ นควรมรี ะบบการลดอณุ หภูมขิ องคอก เช่น การใช้ระบบน้าหยด ระบบพ่นฝอย หรือพัดลมระบายความร้อน เป็นต้น แต่หากเลี้ยงพ่อสุกรในโรงเรือนอีแวป ปญั หานกี้ ็จะหมดไป2.3 ข้อพจิ ารณาในการคดั ทงิ้ พ่อสุกรการคัดทิ้งพ่อสุกรน้ันอาจจะมีสาเหตุหลายประการด้วยกัน โดยปกติแล้วพ่อสุกรจะมีอายุการใช้งานเฉล่ีย 2.5 ปี นอกจากสาเหตุหมดสภาพการใช้งาน (อายุมาก) แล้วยังมีสาเหตุในการคดั ทง้ิ พอ่ พันธ์อุ น่ื ๆ อกี ไดแ้ ก่2.3.1 พอ่ สุกรทมี่ ีคุณภาพน้าเชอื้ ไมด่ ี เชน่ นา้ เชอื้ ไม่มตี วั อสุจิ หรือมีความเขม้ ข้นของตัวอสจุ นิ ้อย มีตวั อสจุ ทิ ตี่ ายหรือผิดปกตมิ าก เปน็ ต้น2.3.2 พ่อสุกรทีเ่ ฉอ่ื ยชา ไม่สนใจการผสมพนั ธุ์ หรือไมย่ อมข้ึนผสมแมส่ กุ ร2.3.3 พอ่ สุกรขาเจบ็ หรือขาเสยี จนไม่สามารถขึน้ ผสมได้2.3.4 พ่อสกุ รทมี่ ีความผิดปกติทางอวัยวะเพศ เชน่ อวัยวะเพศสัน้ เกนิ ไป หรอื ไมแ่ ขง็ ตวั2.3.5 พ่อสุกรมีอารมณร์ นุ แรง ฉนุ เฉยี ว ดุร้าย อาจเป็นอนั ตรายต่อคนเลย้ี งได้ การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่

34 2.3.6 พอ่ สกุ รมีน้าหนกั ตวั มากเกินไปเพราะอาจท้าให้แม่สกุ รสาวรบั น้าหนักไม่ได้ขณะผสมพนั ธุ์ แตล่ ักษณะนอี้ นโุ ลมได้ในกรณีรดี น้าเช้ือผสมเทยี ม 2.3.7 พ่อสุกรเป็นโรคหรือพาหะของการเกิดโรค โดยเฉพาะโรคที่เก่ียวกับระบบการสืบพันธุ์ เช่น โรคแทง้ ติดตอ่ เป็นตน้ 2.3.8 พ่อสุกรที่พบว่าให้ลูกท่ีมีลักษณะพิการทางกรรมพันธุ์บ่อยๆ เช่น ไม่มีรูทวารเพดานโหว่ ไส้เลื่อน หรืออณั ฑะทองแดง เป็นตน้3. การจัดการสุกรสาว สกุ รสาวจะเริม่ เปน็ สัดครัง้ แรกเมอื่ อายุ 5 – 6 เดือน ในบางตัวอาจเป็นสัดได้เม่ืออายุ 4 เดือนท้ังน้ีข้ึนอยู่กับพันธ์ุ การให้อาหารและการจัดการ เม่ือสุกรสาวเริ่มเป็นสัดครั้งแรกแสดงว่าพร้อมที่จะผสมพันธ์ุแล้ว แต่ในแง่ของการอุ้มท้อง และการเจริญพัฒนาของระบบสืบพันธุ์ยังไม่สมบูรณ์และไม่เหมาะสมในการอุ้มท้อง ถ้าน้าแม่สุกรสาวไปผสมเม่ืออายุน้อยจะท้าให้จ้านวนลูกต่อครอกนอ้ ย ลูกสุกรตัวเล็กไมแ่ ขง็ แรง นอกจากนอี้ าจท้าให้ความสมบรู ณพ์ ันธข์ุ องแม่สุกรต่้าลงด้วย ดังน้ันเมื่อสุกรสาวเปน็ สัดครง้ั แรกเรายังไม่ท้าการผสมพันธ์ุ โดยจะเริ่มผสมเมอ่ื เปน็ สดั ครง้ั ที่ 2 หรือ 3 อายุเรม่ิ ต้นผสมครง้ั แรกประมาณ 7 – 8 เดือน หรือน้าหนกั 110 – 120 กิโลกรัม ในสุกรสาวควรได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีไม่ให้อ้วนหรือผอมเกินไป โดยปกติแล้วสุกรที่จะเล้ียงเป็นพ่อ แม่พันธ์ุ น้ันในระยะลูกสุกรจนถึงน้าหนัก 60 กิโลกรัมจะเลี้ยงโดยวิธีการให้อาหารแบบเต็มท่ีเพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตได้อย่างเต็มท่ี หลังจากน้าหนัก 60 กิโลกรัมแล้วจึงควรให้อาหารแบบจ้ากัดโดยให้กินวันละ 1.8 – 2.0 กิโลกรัม อาหารที่ให้ควรมีโปรตีน 14 – 16 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 10 – 14 วันก่อนการเป็นสัด สุกรสาวที่ผอมเกินไปควรมีการเพ่ิมอาหารให้สูงกว่าปกติเรียกว่าการปรน เพ่ือเพ่ิมปริมาณไข่ตกซึ่งจะท้าให้ได้ลูกที่มีขนาดครอกใหญ่ขึ้น ปกติการปรนอาหารจะนิยมท้ากันในแม่สุกรนางท่ีผอมเกินไปหลังหย่านม แต่ในแม่สุกรสาวท่ีมีการจัดการดีอาหารมีคณุ ภาพดี และผสมเมือ่ น้าหนักไมต่ ่า้ กวา่ 110 กิโลกรมั แล้วไม่จ้าเปน็ ต้องปรนอาหารกไ็ ด้4. การจัดการแม่สุกรหลงั ผสมพนั ธ์ุ แม่สุกรหลงั ผสมพันธแ์ุ ล้วควรได้รับการเอาใจใสด่ แู ล ดงั น้ี 4.1 การจัดการทว่ั ไป 4.1.1 ควรแยกแมส่ ุกรไปเลย้ี งในคอกขงั เด่ียว หรือซองตบั 4.1.2 พยายามหลกี เลีย่ งการย้ายแมส่ ุกรทอ่ี ยใู่ นระยะอ้มุ ทอ้ ง 4.1.3 ไมค่ วรท้าวัคซนี ใหก้ ับแม่สุกระยะอุ้มทอ้ งยกเวน้ วคั ซนี บางชนิดที่จา้ เปน็ ตอ้ งทา้ในระยะอุ้มทอ้ งเพอ่ื ใหแ้ ม่สุกรสร้างภูมิต้านทานส่งไปให้ลูกในท้องด้วย เช่น วัคซีนป้องกันโรคพิษสนุ ัขบา้ เทียม จะฉีดใหก้ บั แมส่ ุกรอ้มุ ทอ้ งก่อนครบก้าหนดคลอด 4 สปั ดาห์ 4.1.4 จัดสภาพแวดล้อมในโรงเรือนให้แม่สุกรอุ้มท้องอยู่ได้อย่างสบาย เช่น การใช้น้าชว่ ยปรบั อุณหภูมิในโรงเรือนไมใ่ ห้ร้อนจดั เกินไป เป็นต้น การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

35 4.1.5 ตรวจดสู ุขภาพแมส่ กุ รอุ้มท้องทกุ วัน ถา้ พบสุกรปว่ ยใหร้ ีบทา้ การรกั ษา 4.2 การให้อาหารแม่สุกรอุ้มท้อง การให้อาหารสุกรอุ้มท้องจะค้านึงถึงสภาพร่างกายของแม่สุกรเป็นหลัก โดยจะต้องดูแลให้แม่สุกรมีสภาพร่างกายท่ีพอดี ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป การให้อาหารเล้ียงแม่สุกรระยะอ้มุ ท้องจะแบง่ ออกเป็น 2 ระยะ คอื 4.2.1 ช่วงอุ้มท้องระยะแรก (ตั้งแต่เร่มิ ผสมจนถึงอุ้มท้อง 84 วัน) ควรให้อาหารสูตรอุ้มท้องซึ่งมีโปรตีน 14 – 15 เปอร์เซ็นต์ และให้แบบจ้ากัดปริมาณโดยให้ประมาณวันละ 1.5 – 2.0กิโลกรัม 4.2.2 ช่วงอุ้มท้องระยะหลัง (ต้ังแต่อุ้มท้อง 84 วันจนถึงคลอด) ในระยะนี้ลูกสุกรในท้องจะเจริญเติบโตเร็วข้ึน สังเกตเห็นได้จากท้องของแม่สุกรจะขยายใหญ่ขึ้นมองเห็นได้ชัดเจนดังน้ันในระยะน้ีต้องเพ่ิมอาหารให้แม่สุกรโดยให้ประมาณวันละ 2.0 – 2.5 กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับสภาพแม่สุกรอ้วนหรือผอมด้วย) และควรมีการให้อาหารหยาบแก่แม่สุกรบ้างเพ่ือป้องกันแม่สุกรทอ้ งผูก5. การจัดการแม่สุกรคลอดลกู 5.1 การเตรียมแม่สุกรเข้าคอกคลอด เมื่อแม่สุกรอมุ้ ทอ้ งได้ 15 สัปดาห์ (1 สัปดาห์ก่อนคลอด) ต้องเตรียมน้าแม่สุกรเข้าคอกคลอดก่อน โดยจัดการดงั นี้ 5.1.1 ก่อนคลอด 7 วัน ให้อาบน้าด้วยสบู่ท้าความสะอาดแม่สุกรโดยเฉพาะราวนม บั้นท้ายอวัยวะเพศ แล้วพ่นด้วยน้ายาฆ่าเชื้อโรค และก้าจัดพยาธภิ ายนอกแล้วจึงนา้ เข้าคอกคลอด 5.1.2 ก่อนคลอด 4 วันให้อาหารลดลงเหลือวันละ 1.0 – 1.5 กิโลกรัมควรผสมร้าละเอียดเพ่ิมอีก 20 เปอร์เซ็นต์ในอาหารเพื่อป้องกันแม่สุกรท้องผูก ช่วยลดปัญหาแมส่ ุกรคลอดยาก 5.1.3 ดูแลแม่สุกรอย่างใกล้ชิดอย่าให้แม่สุกรป่วย เช่น สังเกตรางอาหารว่าแม่สุกรกินอาหารหมดหรือไม่ และอจุ จาระท่ีถา่ ยออกมา เป็นตน้ ถา้ แมส่ ุกรปว่ ยก็ควรรักษาตามอาการ 5.1.4 คอกคลอด ก่อนน้าแม่สุกรเข้าคอกคลอดต้องล้างคอกให้สะอาดพ่นด้วยน้ายาฆ่าเชอ้ื โรค และโรยปนู ขาว ตอ้ งพกั คอกไวอ้ ย่างนอ้ ย 7 วนั เพื่อเปน็ การตดั วงจรของเช้ือโรค 5.2 กระบวนการคลอดในสุกร 5.2.1 ข้นั ตอนของการคลอด ขบวนการคลอดของแมส่ กุ รจะแบ่งเปน็ 3 ระยะคอื การเลี้ยงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

36 1) ระยะเตรียมการคลอด เป็นระยะท่ีกล้ามเน้ือของปากมดลูก จะเร่ิมมีการขยายตัว เพ่ือเตรียมการให้ลูกสุกรสามารถผ่านออกมาได้ และเริ่มจะมีการบีบตัว โดยการบีบตัวจะเกิดการเคลื่อนของตวั ลูกสุกรเขา้ มาอย่ใู นช่องเชงิ กราน 2) ระยะคลอดลูก ซึ่งเป็นระยะที่ลูกสุกรเข้ามาถึงปากมดลูกแม่สุกรจะเริ่มมีอาการเบ่ง โดยจะเหน็ ได้จากบริเวณท้องจะมกี ารบบี ตัว ระยะการคลอดลูกจะใช้เวลา 1 – 4 ชวั่ โมง 3) ระยะขับรก ตามปกติระยะน้ีจะเกิดขึ้นหลังจากแม่คลอดลูกตัวสุดท้ายออกหมดแล้วจึงจะขับรกออกมา แต่จะมีแม่สุกรบางตัวท่ีขับรกออกมาทั้งที่ยังขับลูกออกไม่หมด ดังน้ันผู้เล้ียงจึงควรให้ความสนใจแมส่ ุกรในระหว่างขับรกด้วย 5.2 อาการแสดงการคลอด การสังเกตอาการแม่สุกรใกล้คลอดและขณะคลอด เป็นสิ่งส้าคัญในการพยากรณ์เวลาคลอดและชว่ งเวลาในการคลอด ซงึ่ จะสงั เกตจากอาการตอ่ ไปน้ี 5.2.1 การเบ่ง จะเร่ิมมีอาการปวดเบ่ง 1 – 3 ช่ัวโมงก่อนการคลอดตัวแรกแต่อาจจะมีชว่ งแตกตา่ งกนั มากต้งั แต่ 5 นาที – 10 ช่ัวโมง 5.2.2 การสร้างรัง เป็นธรรมชาติของแม่สุกรท่ีจะพยายามสร้างรังไว้ให้ลูก เช่น คุ้ยฟางหรือหญา้ แห้ง ถา้ ไม่มฟี างหรอื หญา้ แหง้ สกุ รมกั จะพยายามตะกุยและคยุ้ เขีย่ พน้ื คอก เปน็ ตน้ 5.2.3 อาการกระวนกระวาย แม่สุกรใกล้คลอดจะมีอาการกระวนกระวายมากข้ึน โดยจะผุดลุกผุดน่ัง กัดคอก ปสั สาวะหรือถา่ ยบ่อยขนึ้ และรอ้ งบ่อยคร้ัง 5.2.4 การขับน้าปนเลือด การขับน้าปนเลือดออกมาหรือท่ีผู้เล้ียงบอกว่า “น้าเดิน” เป็นอาการท่ีบ่งชี้ถึงใกล้คลอดแล้ว มักจะพบในสุกรประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ท่ีมีน้าเดินจะคลอดภายใน2 ชั่วโมง 5.2.5 การขับข้ีเทา ในสุกรใกล้คลอดจะขับขี้เทาออกมามีลักษณะเป็นเม็ดเล็กสีน้าตาลเขียวซึ่งเปน็ อุจจาระของลูกอ่อนในท้องมักจะพบก่อนการคลอดประมาณ 40 นาที 5.2.6 การม้วนหาง การม้วนงอหางก็เป็นอาการอย่างหนึ่งท่ีแสดงว่าจะมีการคลอด โดยที่หางจะมว้ นช้ีเป็นแนว 180 องศากับอวัยวะเพศ มกั จะมอี าการเชน่ น้กี อ่ นการคลอดประมาณ 2 ชว่ั โมง 5.2.7 อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น เมื่อใกล้คลอดแม่สุกรจะมีอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น 0.5องศาเซลเซยี ส โดยแมส่ ุกรจะมีอณุ หภูมิสูงขึน้ ประมาณ 10 ชัว่ โมงกอ่ นการคลอดลกู ตวั แรก การเลย้ี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแกน่

37 5.2.8 เต้านมขยายและมีน้านมหลั่ง เต้านมจะเปล่ียนแปลงจากไม่เต็ม อ่อนนุ่มมาเป็นแข็งและตอบสนองเมื่อเข้าไปกระตุ้น และถ้าบีบดูจะมีน้านมหล่ังออกมาแม่สุกรมักจะคลอดภายใน 8 ชั่วโมงต่อมา แต่อาจจะมีบางตัวนานกวา่ น้นั ซง่ึ ก็ไม่เกนิ 24 ชัว่ โมง6. การจัดการแม่สุกรหลงั คลอด เม่อื แมส่ ุกรคลอดลูกออกหมดแล้ว โดยท่วั ไปแมส่ ุกรมคี วามออ่ นเพลยี กระหายน้า ระบบอวยั วะสบื พนั ธุ์มีความบอบช้ามาก เป็นชว่ งท่ีมคี วามเครียดค่อนข้างสูง ภูมิต้านทานต้่า โอกาสจะติดเช้ือโรคหรือเป็นไข้ได้ง่าย ดังน้ันสุขภาพของแม่สุกรหลังคลอดควรได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษเพราะถ้าแม่สุกรสุขภาพไม่ดี ความสามารถในการเล้ียงดูลูกสุกรจะต่้า เป็นผลให้ผลผลิตของฟาร์มลดลงดว้ ย โดยปฏบิ ตั ดิ งั นี้ 6.1 การฉีดยาปฏิชีวนะให้แม่สุกรหลังคลอดทันทีติดต่อกันเป็นเวลา 1 – 2 วัน เพื่อป้องกันมดลูกอกั เสบ เชน่ ยาเพนสเตรป็ และแอมพิซิลนิ เปน็ ต้น 6.2 การให้อาหาร ให้อาหารคุณภาพดีมีโปรตีน16 เปอร์เซ็นต์ ระดับของแคลเซียมและฟอสฟอรัสเพียงพอกับความต้องการทจ่ี ะนา้ ไปกลั่นสรา้ งน้านม และเพียงพอกับการคงสภาพของแม่สุกร ความตอ้ งการอาหารของแมส่ ุกรจะมากหรอื น้อยเพียงใดขนึ้ อยกู่ ับ 6.2.1 อายุและสขุ ภาพของแม่สกุ ร 6.2.2 จา้ นวนลกู สกุ ร 6.2.3 ความสามารถเฉพาะตวั ในการกนิ อาหารของแม่สกุ ร หลังคลอด 1 – 3 วัน ควรให้อาหารแม่สุกรน้อยลง (วันละ 1.0 – 2.0 กิโลกรัม) และเพิ่มข้ึนเร่ือยๆ จนให้อาหารเต็มท่ีเม่ือหลังคลอด 14 วัน (ให้อาหารวันละ 4.0 – 6.0 กิโลกรัม)จนกระท่ังหย่านม ระวังอยา่ ใหแ้ มส่ ุกรผอมเกนิ ไปซ่งึ จะมีผลทา้ ให้แม่สุกรไม่สมบรู ณ์พนั ธ์ุ7. การจัดการแม่สุกรหลงั หย่านม การหย่านมเป็นการเริ่มต้นการผลิตวงจรใหม่ ซ่ึงตามปกติแม่สุกรท่ีหย่านมแล้วจะกลับมาเป็นสัดและพร้อมท่ีจะผสมได้ภายใน 5 – 10 วัน ดังน้ันการเริ่มต้นวงจรการผลิตใหม่จะประสบผลส้าเร็จมากน้อยเพียงใดส่วนหน่ึงข้ึนอยู่กับการจัดการแม่สุกรหลังหย่านมด้วย ซ่ึงมีข้ันตอนการปฏิบตั ดิ ังน้ี 7.1 การรวมฝูงแม่สุกร การรวมฝูงแม่สุกรหลังหย่านมมีผลท้าให้แม่สุกรเป็นสัดเร็วกว่าแม่สุกรท่ีแยกขงั เดย่ี ว แตท่ ั้งนีต้ ้องข้ึนอยู่กบั การจัดการอื่นๆ รว่ มดว้ ย เชน่ การใหอ้ าหาร เปน็ ต้น การเล้ียงสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

38 7.2 การให้อาหารหลังหย่านม แม่สุกรหลังหย่านมจะต้องได้รับอาหารมากข้ึนเนื่องจากร่างกายทรุดโทรมจากการผลิตน้านมเลี้ยงลูก ถ้าระยะที่เลี้ยงลูกสุกรได้รับอาหารไม่เพียงพอตามความต้องการจะท้าให้สภาพร่างกายของแม่ทรุดโทรมมากย่ิงขึ้น การเป็นสัดหลังหย่านมจะต้องใช้เวลานานกว่าปกติ อาหารที่ใหค้ วรมีโปรตีน 14 – 15 เปอรเ์ ซน็ ต์ และควรเพิ่มปริมาณการให้มากข้ึนอาจให้วนั ละ 3.0 – 4.0 กโิ ลกรมั เพ่ือเร่งความสมบูรณ์ของแมส่ ุกรหลังหย่านม และเพ่ิมการตกไข่ให้มากข้นึ โดยปกตแิ มส่ ุกรจะกลับมาเปน็ สัดหลังจากหยา่ นมได้ประมาณ 3 – 10 วันโดยเฉลย่ี 5วนั8. ข้อพจิ ารณาในการคัดทงิ้ แม่สุกร โดยเฉล่ียอายุการใช้งานแม่สุกรประมาณ 3 – 3.5 ปี หรือให้ลูกเฉลี่ย 7 ครอก ควรมีการวางแผนคัดทิ้งแม่สุกรว่าจะคัดท้ิงตัวใดบ้างตั้งแต่ช่วงแม่สุกรยังอุ้มท้องเพ่ือท้าการเตรียมสุกรสาวทดแทนเข้าฝูง สาเหตุของการคดั ท้งิ แมส่ ุกรได้แก่ 8.1 แมส่ กุ รขาอ่อน ขาเสยี ไม่สามารถยนื รบั การผสมหรืออุม้ ท้องได้ 8.2 แม่สุกรหรือสุกรสาวท่ีผสมไม่ติด ติดต่อกัน 3 คร้ังขึ้นไปโดยสามารถตรวจสอบได้ว่าการผสมไม่ตดิ เป็นผลมาจากแม่สุกร 8.3 สกุ รสาวทม่ี ีอายุมากกวา่ 8 เดือนข้ึนไปแลว้ ยังไมเ่ ป็นสัดถงึ แม้วา่ จะใช้วธิ ีแกไ้ ขตา่ งๆแล้วก็ยังไมเ่ ปน็ สดั 8.4 แมส่ ุกรท่ีเปน็ โรค เอ็ม เอ็ม เอ อย่างรุนแรง 8.5 แมส่ กุ รสาวท่มี ีหนองไหลออกทางช่องคลอดมากผิดปกติ ทง้ั ๆ ทยี่ งั ไมเ่ คยได้รับการผสมพนั ธุ์ และรกั ษาไม่หาย 8.6 แม่สกุ รมีอายมุ าก 8.7 แม่สกุ รทกี่ ัดลูก ไมใ่ หล้ กู กินนม 8.8 แมส่ กุ รท่ีมชี ่องเชิงกรานแคบ คลอดลกู ไมอ่ อก 8.9 แม่สกุ รไม่มนี ้านม ################################### การเล้ยี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

39 บทที่ 7 การจดั การลูกสุกร กำรจัดกำรเลยี งดลู กู สกุ รแบ่งออกได้เปน็ 3 ระยะ ได้แก่1. การจัดการเลยี้ งดูลูกสุกรแรกคลอด เมอ่ื ลกู สกุ รถกู ขบั ออกมาพน้ ชอ่ งคลอดแลว้ ควรจัดการกบั ลูกสกุ รดงั ต่อไปน้ี 1.1 การเช็ดตวั และให้ความอบอุ่นลูกสุกร เม่ือลูกสุกรคลอดออกมาควรจะเช็ดบริเวณจมูกและปากลูกสุกรด้วยผ้าสะอาด หรือด้วยฟางแห้งเพ่ือให้ลูกสุกรอบอุ่นไม่ให้มีน้าคร้่าในหลอดลมควรจะห้อยหัวลง และผายปอดจนลูกสุกรร้องออกมาเต็มเสียงหลงั จากนนั้ จึงด้าเนนิ การข้นั ตอ่ ไป 1.2 การตัดสายสะดือ โดยผูกสายสะ ดือให้ห่างจากหน้าท้อง ประมาณ 1 นิ้ว ด้วยด้ายสะอาด ตัดสายสะดือห่างจากปมท่ี ผูกประมาณ 1 เซนติเมตร หลังจากตัดทาแผลด้วยทิงเจอร์ ไอโอดนี 1.3 การตัดหาง ในปัจจุบันการตัดหางลูกสุกรกลายเป็นความจ้าเป็นเน่ืองจากอาจจะท้าให้เกิดปัญหาการกัดหางกัน และติดเช้ือซึ่งท้าให้สุกรโตช้า ต้องรักษาเป็นเวลานาน การตัดหางลูกสุกรจึงมักจะตัดอย่างน้อย 1/3 ของหางทางตอนปลายหรือบางฟาร์มนิยมตัด 1/2 ของหาง ควรตัดวันแรกคลอดเพราะจะท้าใหเ้ ลอื ดออกนอ้ ยและแผลหายเร็ว 1.4 การตัดเขยี้ ว ก่อนปล่อยสุกรลงไปดูดนมแม่สุกรมักจะต้อง ทา้ การตัดเข้ยี วของลกู สกุ รก่อน โดยการตัดทั้งหมด 8 ซี่ ใน วันแรกคลอด และใช้คีมตัดเขี้ยวโดยตัดตามด้านบางของ ฟันเพ่ือป้องกันไม่ให้ฟันแตกซึ่งจะท้าให้เหงือกอักเสบได้ คีมตัดเขี้ยวควรแช่ในน้ายาฆ่าเช้ือระหว่างการตัดเข้ียว ในฟารม์ บางแหง่ อาจใชว้ ิธีการกรอฟันแทนการตัดกไ็ ด้ การเล้ยี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

40 1.5 การกนิ นมนา้ เหลอื ง หลังตัดเขี้ยวลูกสุกรแล้วควรปล่อยให้ลูกสุกรกินน้านมจากแม่สุกรโดยเร็ว น้านมของแม่สุกรในระยะคลอดน้ีจะมีลักษณะข้นและสีเหลือง เรียกว่านมน้าเหลือง (Colostrum) ซึ่งมีคุณค่า ทางอาหารสูง และมีภูมิคุ้มกันโรค (Antibodies)อยู่ ดงั น้ันเพื่อให้ลูกสุกรได้รับประโยชน์จากนมน้าเหลืองน้ี จึงควรให้ลูกสุกรแรกเกิดได้รับนมน้าเหลืองทันทีท่ี คลอดออกมา โดยปล่อยให้ลูกสุกรเข้าหาเต้านมอย่าง อิสระ ซึ่งลูกสุกรท่ีคลอดก่อนและได้รับนมน้าเหลือง กอ่ นจะมคี วามแขง็ แรงกว่าลูกสกุ รที่คลอดตัวท้ายๆ 1.6 การจดบนั ทึกข้อมูล หลังจากแม่คลอดลูกหมดแล้วให้บันทึกข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องกับการคลอด เช่น น้าหนักแรกคลอดจ้านวนเต้านมของลูกสุกรแต่ละตัว และลงบันทึกในบัตรแมพ่ ันธุ์ตามแบบฟอร์มของบัตร2. การจัดการลูกสุกรหลงั คลอดถึงหย่านม 2.1 การกกลกู สุกร หลงั คลอดใหมๆ่ ลูกสุกรตอ้ งการอุณหภูมิสูงถึง 35 องศาเซลเซียส และในสัปดาห์แรก ลูกสุกรต้องการอุณหภูมิ 27 – 30 องศาเซลเซียส ฉะนั้นการติดตั้งหลอดไฟ หรืออุปกรณ์กกต้องมีความ เหมาะสมและต้องเปิดไฟกกตลอด 24 ชั่วโมงใน สัปดาห์แรกหลังคลอด หลังจากนั้นให้เปิดเฉพาะเวลา กลางคืน และช่วงที่ฝนตก 2.2 การย้ายฝากลูกสุกร บางคร้ังจ้าเป็นต้องท้า เช่น แม่สุกรให้ลูกจ้านวนมากเกินกว่าจ้านวนของเต้านมที่มีอยู่แม่ป่วยหรือตายหลังคลอด ในการฝากเลี้ยงต้องฝากให้เร็วที่สุดไม่ควรเกิน 48 ชั่วโมงหลังคลอดและแม่สกุ รที่นา้ มาฝากเลีย้ งควรเปน็ แมส่ ุกรทีค่ ลอดลูกในวันเดยี วกันห่างกนั ไมเ่ กนิ 24 ชั่วโมง ประโยชน์การยา้ ยฝาก การใช้เทคนคิ การยา้ ยฝากทีถ่ ูกวธิ จี ะกอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ดังน้ี 2.2.1 เพิ่มอัตราการอยู่รอดของลูกสุกรจากแรกคลอดถงึ หย่านม 2.2.2 เพมิ่ ประสิทธภิ าพการผลิตลกู สุกรให้สงู ข้นึ 2.2.3 การยา้ ยฝากสามารถชว่ ยลดหรือแกไ้ ขปญั หาท่ีเกิดขึ้นในฟารม์ อันเนอ่ื งมาจาก การเลยี้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

41 1) แมส่ ุกรท่ีคลอดลูกมากกวา่ จ้านวนเตา้ นมทส่ี มบรู ณ์ และใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 2) แมส่ ุกรตายหลงั คลอด แมไ่ ม่มนี มใหล้ กู กนิ หรือมีปัญหาเต้านมอักเสบ 3) ขนาดของลกู สุกรทแ่ี ตกตา่ งกนั ในแต่ละครอก 2.2.4 เพิ่มสมรรถภาพการผลิตของฝูง แม่สุกรที่ให้ลูกจ้านวนน้อยตัว เช่น ต่้ากว่า 6 ตัวควรน้าลูกสุกรไปฝากเลี้ยงกบั แม่อนื่ จะช่วยท้าให้แม่สุกรนั้นกลับไปท้าการผสมใหม่ได้เร็วข้ึน หรือไม่เชน่ นั้นกส็ ามารถคดั ท้ิงไดเ้ รว็ ขนึ้ เปน็ การประหยดั การใช้อาหารดว้ ย 2.3 การฉีดธาตุเหลก็ ตามปกติแล้วลูกสุกรแรกคลอดจะมีอัตราการสะสมของธาตุเหล็กในร่างกายต่้า แต่ลูก สุกรมีความต้องการใช้ธาตุเหล็กเพ่ือผลิตเม็ดเลือดแดง หากไม่ใหธ้ าตเุ หลก็ เสรมิ อาจจะท้าให้เกิดโรคโลหิตจาง ได้ การให้โดยฉีดธาตุเหล็กในรูปไอรอนเด็กซ์แตรน (Iron dextran) ปริมาณ 1–2 ซีซี ข้ึนอยู่กับความเข้มข้น ของธาตุเหล็กในสารละลายนั้น โดยค้านวณให้ลูกสุกร ได้รับธาตุเหล็ก 200 มิลลิกรัม และฉีดเข้ากล้ามเน้ือบริเวณคอหรือกล้ามเนื้อขาหลังเม่อื ลูกสกุ รอายุ 2 วัน 2.4 การให้อาหารเสริม จะเริ่มให้เมื่อลูกสุกรมีอายุ 1 สัปดาห์ข้ึนไป อาหารเสริมเป็นอาหารที่มีหางนมเป็นองค์ประกอบ มีโปรตีนสูง 22 – 24 เปอร์เซ็นต์ การให้อาหารเสรมิ จะช่วยให้ลกู สุกรโตเร็วขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้แม่สุกรมีร่างกายทรุดโทรมเนื่องจากการเล้ียงลูกมากเกินไป การให้อาหารเสริมโดยเร่ิมให้ กินทีละน้อยๆ แล้วเพิ่มขึ้นเร่ือยเพ่ือให้กระเพาะปรับตัวกับวัตถดุ ิบที่อยใู่ นอาหาร 2.5 การตอนลูกสุกร ลูกสุกรเพศผู้ที่จะเล้ียงเป็นสุกรขุนต้องท้าการตอนเสียก่อน เพราะสุกรเพศผู้ท่ีไม่ตอน จะท้าใหเ้ น้อื ทีไ่ ด้จากการชา้ แหละมกี ล่ินเหมน็ เขยี วไม่เป็น ที่ต้องการของตลาด การตอนจะทา้ เมือ่ สกุ รมีอายุประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ การตอนสุกรขนาดเล็กจะมีผลดีกว่าการ ตอนสุกรขนาดใหญ่ เพราะสุกรขนาดเล็กจับบังคับง่าย และแผลหายเรว็ กวา่ สุกรทม่ี ีขนาดใหญ่ การเล้ยี งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ชุ |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแก่น

42 2.6 การหย่านมลูกสุกร การหยา่ นมนนั้ นยิ มปฏิบตั เิ ม่ือลูกสุกรมีอายุได้ 3 – 4 สัปดาห์ การหย่านมเร็วจะช่วยให้แม่สุกรฟ้ืนตัวและสามารถอุ้มท้องใหม่ได้เร็วขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีการน้าระบบการหย่านมเร็ว (Segregated EarlyWeaning, SEW) ซ่ึงเป็นระบบการจัดการฟาร์มสุกรโดยการแยกเล้ียงลูกสุกรที่หย่านมเร็วตามอายุ (ไม่เกิน 14 วัน)มาอนุบาล อย่างไรก็ตามการหย่านมลูกสุกรจะท้าเมื่อใดน้ันอาจจะมีข้อพิจารณา ดังน้ี 2.6.1 แนวโน้มของการให้น้านมของแมส่ ุกร แมส่ ุกรบางตัวอาจจะมแี นวโนม้ การให้น้านมน้อยกว่าปกติ ซึ่งอาจจะตอ้ งน้ามาเป็นขอ้ พิจารณาในการหยา่ นมลกู 2.6.2 สขุ ภาพของแม่สุกร แม่สุกรท่ีไมแ่ ข็งแรงหรือปว่ ยอาจจะเปน็ ข้อจา้ กดั ที่จะต้องทา้ใหห้ ย่านมเร็วขึ้น 2.6.3 ขนาดของครอก แมส่ กุ รที่เลีย้ งลกู ครอกใหญ่ อาจจะตอ้ งเลย้ี งลกู นานกวา่ แมส่ กุ รทเ่ี ล้ยี งลูกน้อยตัว 2.6.4 ความจ้ากัดของคอกคลอด ในกรณที ่ีคอกคลอดไมเ่ พียงพอในบางชว่ งอาจจะทา้ใหต้ ้องพจิ ารณาหย่านมลกู เร็วกวา่ กา้ หนด วธิ กี ารปฏบิ ัติการหย่านมควรท้าการช่ังน้าหนักลูกสุกรหย่านมและหาค่าเฉล่ียเพ่ือประเมินความสามารถการเลีย้ งลกู ของแม่สกุ ร และประสิทธภิ าพในการจัดการเล้ียงดูควรท้าการหย่านมใน ช่วงอากาศเยน็ สบาย3. การจัดการลกู สุกรอนุบาล ลูกสุกรหย่านมเป็นช่วงท่ียังมีความไวต่อความเครียดต่างๆ สูง ระบบทางเดินอาหารยังไม่แข็งแรง ระบบภูมิต้านทานโรคก็ยังพัฒนาไม่เต็มที่ แต่ลูกสุกรมีความจ้าเป็นต้องเปล่ียนจากนมมาเปน็ อาหารผสมซึง่ ย่อยได้ยากกว่า ดงั น้ันลูกสุกรระยะน้จี ึงมีความจ้าเป็นต้องดูแลเปน็ พิเศษ ดังน้ี 3.1 การจัดสภาพแวดล้อม ในคอกอนุบาลตอ้ งลา้ งใหส้ ะอาด พ่นน้ายาฆ่าเชอื้ โรค ปล่อยให้แห้งก่อนน้าลูกสุกรเข้าเลี้ยง พน้ื คอกควรเป็นพื้นแสลทท้าด้วยพลาสติก ลวดหรือเหล็กถัก ทั้งนี้เพ่ือความสะดวกในการท้าความสะอาด หรอื ฆา่ เชอื้ โรค ไม่ควรใช้พ้ืนคอกทเ่ี ป็นพ้ืนคอนกรตี ทึบ หรือพนื้ แสลทคอนกรีต ห้ามมลี มโกรกโดยตรงต่อตวั สุกร และในชว่ งอากาศหนาวควรใช้ไฟกกให้หลังจากหย่านมใหม่ๆ และมีกระสอบท่ีแห้งปูรองพ้ืน เปิดไฟตอนกลางคืนเพ่ือกระตุ้นการกินอาหาร หรืออาจต้ังเวลาเปิด ปิด 2ชวั่ โมงสลบั กัน การเลยี้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น

43 3.2 การจัดคอก ควรมีการจัดแบ่งสุกรลงแต่ละคอกโดยแบ่งแยกตามพันธุ์ เพศ และขนาด โดยลูกสุกรในคอกเดยี วกันควรมีน้าหนักแตกต่างกันไม่เกิน 1 กิโลกรัม แต่ละคอกเลี้ยงไม่เกิน 40 ตัว ควรแยกลกู สกุ รที่แคระแกรนและสุกรป่วยออกต่างหาก และใช้อาหารสูตรสุกรดูดนมเลี้ยงจนกว่าสภาพลูกสกุ รจะดขี ้นึ 3.3 การให้อาหาร ในสัปดาห์แรกควรระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยให้อาหารโปรตีน 20 – 22 เปอร์เซ็นต์ประมาณวันละ100 – 150 กรัมต่อตัว การให้อาหารมากเกินไปในสัปดาห์แรกอาจท้าให้เกิดปัญหาอาหารไม่ย่อยเป็นอันตรายได้หากมีการติดเช้ือร่วมด้วย แล้วจึงค่อยเพ่ิมอาหารให้มากขึ้น 50 กรัมต่อวนั จนสามารถกนิ ได้และย่อยไดเ้ ตม็ ท่ี กรณที ่ใี ห้กนิ มากเกินไปแลว้ ลกู สุกรมีปัญหาอาหารไม่ย่อยทอ้ งเสีย อาจลดอาหารลง 20 – 25 เปอร์เซน็ ต์ จนกว่าลูกสุกรจะปรบั สู่ภาวะปกติ หลกั ส้าคัญของการใหอ้ าหารลกู สุกรอนบุ าลคอื ใหอ้ าหารครัง้ ละนอ้ ยๆ แตบ่ ่อยคร้งั โดยอาจให้อาหารรวม 6 คร้ังต่อวันในตอนเช้า 3 ครั้ง และบ่าย 3 คร้ัง หรือโรยอาหารให้ทุกคร้ังเม่ืออาหารในรางใกล้หมด อาจมีการผสมหางนมในอาหารด้วย นอกจากนค้ี วรจดั ใหม้ นี ้าสะอาดอยา่ งเพียงพอ 3.4 การป้ องกนั โรค ต้องมีระบบป้องกันโรคที่ดีและใช้ระบบการเลี้ยงแบบเข้าหมด ออกหมด ควรเตรียมอเิ ลคโตรไลท์ และยาปฏชิ ีวนะชนดิ ละลายนา้ ให้กิน 3 – 5 วนั แรก หรือหากมีปัญหาด้านโรคในคอกคลอดหรอื คอกอนุบาลอาจพจิ ารณาฉีดยาปฏิชีวนะให้ในวันหย่านม จัดโปรแกรมผสมยาในอาหารเพื่อป้องกันโรคท่ีเหมาะสม เม่ือพบว่าลูกสุกรมีอาการป่วยให้ฉีดยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพสูงอยา่ งทันที ควบคุมความถูกตอ้ งในการทา้ วคั ซนี ทุกคร้ัง โดยมโี ปรแกรมการท้าวัคซีนดงั น้ี โปรแกรมการทา้ วัคซีนลูกสุกรอนุบาล อายุ 4 สัปดาห์ ถ่ายพยาธิ อายุ 5 สัปดาห์ ทา้ วคั ซนี ปอ้ งกนั โรคอหิวาต์สกุ ร อายุ 6 สปั ดาห์ ท้าวัคซีนป้องกันโรคพิษสนุ ัขบา้ เทยี ม (ชนิดเช้ือเป็น) อายุ 7 สปั ดาห์ ทา้ วคั ซนี ป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อย อายุ 8 สัปดาห์ ทา้ วคั ซีนป้องกันโรคพษิ สุนขั บ้าเทียม (ชนิดเช้ือตาย) ############################################## การเลีย้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่

44 บทท่ี 8การจดั การสุกรขุน1. พนั ธ์ุสุกรทใ่ี ช้ในการผลติ สุกรขนุ พันธุส์ กุ รหลกั ทใ่ี ช้ในการผลิตสุกรขุนโดยทั่วไปนิยมใช้สุกร 3 พันธ์ุ ได้แก่ พันธ์ุลาร์จไวท์แลนด์เรซ และดูรอค ผลิตลูกผสมสามสายเลือด มากกว่าลูกผสมพันธ์ุอื่นๆ โดยใช้พันธุ์ลาร์จไวท์และพันธ์ุแลนด์เรซ เป็นสายแม่พันธ์ุ และใช้พันธ์ุดูรอคเป็นสายพ่อพันธุ์ ส่วนสุกรพันธุ์เพียเทรียนในปัจจุบันเริ่มนิยมน้ามาเป็นสายพ่อพันธ์ุมากขึ้นโดยผสมกับพันธุ์ดูรอค ใช้เป็นพ่อพันธุ์สองสายเลือด ผลิตลกู ผสมส่ีสายเลอื ด ส่วนสกุ รพันธุ์แฮมเชียร์ไม่นิยมใช้เนื่องจากปัญหาลูกผสมที่ได้มักจะมขี นสีดา้ เมือ่ นา้ ไปช้าแหละจะขดู ขนยากไม่เปน็ ทต่ี ้องการของตลาด แผนผงั การผสมพนั ธุ์เพ่ือผลิตสุกรขุนสามสายเลือด พันธุล์ ารจ์ ไวท์ X พันธ์ุแลนด์เรช(เพศผู้ หรือเพศเมีย) (เพศเมยี หรือเพศผ)ู้ลกู ผสมสองสาย (เพศเมยี ) X พันธุ์ดรู อค (เพศผ้)ู ลกู ผสมสามสายเลือด (ดรู อค 50 % + ลารจ์ ไวท์ 25 % + แลนดเ์ รซ 25 %) แหลง่ ของพนั ธ์สุ กุ รมี 2 แหลง่ คอื 1.1 ผลติ ลูกสุกรเล้ยี งเอง 1.2 ซื้อลูกสกุ รนา้ หนกั ประมาณ 15 – 18 กิโลกรมั อายุประมาณ 8 สปั ดาหม์ าเลย้ี งซง่ึการซอ้ื ลกู สกุ รมาเล้ยี งควรพิจารณาดังนี้ 1.2.1 เลือกซ้ือจากแหล่งทปี่ ลอดโรค เชน่ จากฟาร์มทนี่ า่ เชื่อถือ เปน็ ตน้ 1.2.2 เลือกจากสุกรพนั ธ์ุดี แข็งแรง สมบูรณ์ 1.2.3 ควรมาจากแหล่งเดียวกันมีน้าหนกั และอายุใกล้เคียงกัน2. โรงเรือนสุกรขนุ ลักษณะของโรงเรือนเลยี้ งสกุ รมหี ลายแบบดว้ ยกัน แต่ละรปู แบบจะมลี ักษณะท่ีแตกต่างกันต้นทุนในการก่อสร้างต่างกัน การพิจารณาว่าจะสร้างโรงเรือนรูปแบบใดน้ันข้ึนอยู่กับปริมาณการเล้ียง งบประมาณ และเป้าหมายในการเล้ียง เช่น ถ้าเล้ียงเป็นอาชีพหลัก เล้ียงเป็นเวลานาน ควรใช้โรงเรือนแบบหน้าจ่ัว 2 ชั้นและใช้วัสดุที่คงทน แต่ถ้าเลี้ยงจ้านวนน้อย เลี้ยงเป็นอาชีพเสริมก็ควรสรา้ งแบบเพิงหมาแหงน และใชว้ ัสดทุ ่ีหาไดใ้ นท้องถ่ิน การเลีย้ งสกุ ร : นายณรงค์ ชมภนู ุช |วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยขี อนแกน่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook