Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 2 -แนวทางและหลักการ-final1

บทที่ 2 -แนวทางและหลักการ-final1

Published by Teerachart Noisombut, 2023-07-09 13:35:53

Description: บทที่ 2 -แนวทางและหลักการ-final1

Search

Read the Text Version

24 แนวทางและหลักการ นวัตกรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และส่ือสารการศึกษา บทท่ี 2 เทคโนโลยีและสื่อสารในการศึกษา: แนวทางและหลักการ บทนำ การสื่อสารทางเทคโนโลยแี ละการศกึ ษาเปน็ แนวคิดที่สำคัญในการพฒั นากระบวนการ การเรียนรใู้ นสถาบนั การศึกษาในปัจจุบนั การใชเ้ ทคโนโลยใี นการสอ่ื สารและการศกึ ษามีบทบาท สำคญั ในการสง่ เสริมการเรียนรู้ท่มี ปี ระสิทธภิ าพและการพัฒนาทกั ษะของนักเรยี นในสมัยที่ เปลีย่ นแปลงอย่างรวดเร็ว คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เนต็ และอุปกรณ์เครื่องมือทเี่ ชื่อมต่ออินเทอรเ์ ฟซใน การสอื่ สารมบี ทบาทสำคัญในการส่งเสริมกระบวนการเรียนร้ทู น่ี ักเรียนสามารถเข้าถึงข้อมลู และ เนอ้ื หาการเรยี นรู้อยา่ งรวดเร็วและมีประสทิ ธภิ าพมากย่ิงขึ้น (Cuban, 2001; Kozma, 2003; Prensky, 2001) ในบทเรยี นนี้ เราจะศกึ ษาหลกั การและแนวคดิ ที่เกี่ยวข้องกับการสอื่ สารทางเทคโนโลยี และการศึกษา โดยในส่วนแรก เราจะพจิ ารณาหลกั การสอื่ สารทางเทคโนโลยที ส่ี ำคัญ ซ่ึงรวมถึงการ ใชเ้ ทคโนโลยีในการสอ่ื สารและการเรียนรู้ และการนำเสนอเนอื้ หาการเรียนรู้อย่างมีประสทิ ธภิ าพใน สถานการณ์การเรียนการสอน (Bates, 2015; Liu et al., 2018) ในสว่ นถัดไป เราจะสำรวจหลกั การ ออกแบบเทคโนโลยที ่เี น้นไปท่ีนกั เรียนและการกระทำของนักเรียน ซ่งึ เปน็ การส่งเสริมการมีสว่ นรว่ ม และการเรียนรู้ทนี่ กั เรียนสามารถควบคุมได้ (Collins & Halverson, 2009; Sharples et al., 2019) ในส่วนสดุ ทา้ ย เราจะสำรวจหลกั การพฒั นาและการปรบั ใช้เทคโนโลยีในสถาบันการศกึ ษา รวมถงึ แนวคดิ และกรอบการดำเนนิ งานที่สำคัญในการนำเทคโนโลยมี าใชใ้ นการสื่อสารและการ เรียนรู้ (Ertmer & Ottenbreit-Leftwich, 2013; Spector, 2014) การทำความเข้าใจและปรบั ใช้หลกั การและแนวคิดเหลา่ นีจ้ ะชว่ ยให้นกั เรยี นสามารถ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณก์ ารเรียนการสอนและใชเ้ ทคโนโลยเี พ่ือสร้าง ประสบการณ์การเรยี นรทู้ ่เี หมาะสมและมปี ระสทิ ธิภาพ (Johnson et al., 2015; Mishra & Koehler, 2006) ความสำคญั ของหลักการและแนวคดิ ในการสือ่ สารทางเทคโนโลยีและการศึกษา การทำความเขา้ ใจและปฏิบัติตามหลกั การและแนวคิดในการส่อื สารทางเทคโนโลยีและ การศึกษาเปน็ สิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับนักศึกษาครูในช้ันเรียน การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยใี นการ สอ่ื สารและการเรยี นรูม้ ผี ลสำคัญในการสร้างประสบการณ์การเรยี นรู้ที่นา่ สนใจและมีประสทิ ธภิ าพสงู (Bates, 2015; Liu et al., 2018) ธีรชาติ นอ้ ยสมบัติ คณะศึกษาศาสตร์และนวตั กรรมการศึกษา มหาวิทยาลัยกาฬสนิ ธุ์

25 แนวทางและหลกั การ นวตั กรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และส่ือสารการศกึ ษา หลกั การและแนวคดิ เหลา่ นชี้ ่วยใหน้ กั เรยี นสามารถมีการเข้าถงึ และนำเทคโนโลยมี าใชใ้ น การเรยี นรไู้ ด้อย่างเหมาะสม รวมถงึ สง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มและการเรยี นรู้ทน่ี ักเรยี นสามารถควบคุม ไดเ้ อง (Collins & Halverson, 2009; Sharples et al., 2019) นอกจากน้ี การทำความเขา้ ใจ หลกั การและแนวคดิ เหลา่ น้ียงั ช่วยสรา้ งความพรอ้ มในการตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงของ สถานการณ์การเรยี นการสอนและการใช้เทคโนโลยีในการส่ือสารและการเรียนรู้ (Johnson et al., 2015; Mishra & Koehler, 2006) นักศึกษาครจู ะได้รับประโยชนจ์ ากการเรียนรเู้ กย่ี วกบั หลักการและแนวคิดเหล่านีใ้ นดา้ นตอ่ ไปน้ี: 1. การออกแบบเนือ้ หาการเรยี นร:ู้ การทราบถึงหลกั การและแนวคิดในการส่ือสารทาง เทคโนโลยีและการศึกษาชว่ ยใหน้ กั เรยี นสามารถออกแบบและสร้างเนือ้ หาการเรียนร้ทู ี่ น่าสนใจและมีประสทิ ธิภาพสูงขึน้ (Bates, 2015; Liu et al., 2018). การนำเทคโนโลยีมา ใช้ในการส่อื สารและการเรียนรู้สามารถชว่ ยให้นกั เรยี นมโี อกาสเข้าถึงข้อมลู และเนือ้ หาการ เรยี นรู้ในรปู แบบทห่ี ลากหลายและน่าสนใจมากยิ่งข้นึ (Bates, 2015; Liu et al., 2018) 2. การสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของนักเรียน: หลกั การและแนวคิดในการสือ่ สารทางเทคโนโลยี และการศึกษาเนน้ การให้นักเรยี นมีส่วนร่วมและควบคมุ กระบวนการการเรียนรู้ของตนเอง (Collins & Halverson, 2009; Sharples et al., 2019). การใช้เทคโนโลยใี นการส่ือสาร และการเรยี นรู้ช่วยสรา้ งโอกาสในการสนทนาและการทำงานกลุม่ และสง่ เสริมการพัฒนา ทักษะสำคญั อย่างการแกป้ ัญหา การสือ่ สาร และการคดิ วเิ คราะห์ (Collins & Halverson, 2009; Sharples et al., 2019) 3. การปรับตัวและการพฒั นาอย่างต่อเน่ือง: การทำความเข้าใจและปฏบิ ัติตามหลกั การและ แนวคดิ เหลา่ นี้ช่วยใหน้ กั เรียนพร้อมท่จี ะรบั มอื กับการเปลยี่ นแปลงของสถานการณ์การเรียน การสอนและการใช้เทคโนโลยีในการส่อื สารและการเรียนรู้ (Johnson et al., 2015; Mishra & Koehler, 2006). นกั เรยี นครูควรพฒั นาทักษะและความรทู้ เี่ กี่ยวขอ้ งกับการนำ เทคโนโลยมี าใชใ้ นการส่อื สารและการเรียนรู้ เพอ่ื ให้สามารถปรบั ตวั และปรับใช้เทคโนโลยี ใหม่ๆ ได้อย่างต่อเน่ือง (Johnson et al., 2015; Mishra & Koehler, 2006) การทำความเข้าใจและปฏิบตั ิตามหลกั การและแนวคิดในการส่ือสารทางเทคโนโลยีและ การศกึ ษาเป็นสิง่ สำคัญสำหรบั นกั ศกึ ษาครู นอกจากนย้ี ังช่วยใหน้ ักศึกษาครสู ามารถนำเทคโนโลยีมา ปรบั ใชใ้ นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงส่งเสริมการมีส่วน รว่ มและการเรยี นรู้ที่นักเรยี นสามารถควบคุมได้เอง นอกจากนีย้ งั ช่วยใหน้ กั ศึกษาครพู ร้อมท่จี ะรบั มือ กบั การเปลี่ยนแปลงของสถานการณก์ ารเรียนการสอนและการใช้เทคโนโลยใี นการสื่อสารและการ เรียนรู้ (Johnson et al., 2015; Mishra & Koehler, 2006) ภาพรวมของบทเรียน ในบทเรียนน้ี เราจะศกึ ษาหลักการและแนวคดิ ทเี่ กี่ยวข้องกับการสือ่ สารทางเทคโนโลยี และการศึกษา ซึง่ เป็นเน้ือหาสำคัญและมีความสำคัญสำหรบั นกั ศึกษาครูทีก่ ำลังศกึ ษาในระดับ ธรี ชาติ นอ้ ยสมบตั ิ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวัตกรรมการศึกษา มหาวิทยาลยั กาฬสนิ ธุ์

26 แนวทางและหลกั การ นวัตกรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และสื่อสารการศกึ ษา ปริญญาตรี ในบทเรยี นน้ี เราจะสำรวจหลักการและแนวคิดที่สำคญั ในการใชเ้ ทคโนโลยีในการสอ่ื สาร และการเรยี นรู้ในสถานการณ์การศกึ ษา โดยใชต้ ัวอยา่ งและแหลง่ ขอ้ มลู จากวงการวชิ าการทเ่ี ช่อื ถือได้ (Bates, 2015; Collins & Halverson, 2009) เราจะเริ่มต้นด้วยการสำรวจความสำคญั ของหลักการและแนวคิดในการสอ่ื สารทาง เทคโนโลยีและการศึกษา และทำความเขา้ ใจถงึ ประโยชน์ทส่ี ำคญั ทีน่ ักเรยี นครสู ามารถได้รบั จากการ นำหลกั การและแนวคดิ เหล่านมี้ าปรบั ใช้ในการสอนและการเรียนรูใ้ นสถานการณ์การศึกษา (Bates, 2015; Collins & Halverson, 2009) ในท้ายท่สี ดุ เราจะได้รับภาพรวมของบทเรยี นทีจ่ ะอธิบายเน้ือหาและวตั ถุประสงคข์ องแต่ ละส่วน รวมถึงแนะนำแหลง่ เรยี นรแู้ ละขั้นตอนการทำงานทีจ่ ะใชใ้ นการพฒั นาความรแู้ ละทักษะท่ี เกีย่ วขอ้ ง (Johnson et al., 2015; Mishra & Koehler, 2006) ทฤษฎแี ละแนวทางในเทคโนโลยีและการสอ่ื สารทางการศกึ ษา การเรยี นรแู้ ละการสื่อสารทางการศึกษาได้รบั การเปล่ยี นแปลงอย่างมากในยุคท่ีเทคโนโลยี สารสนเทศและการสอ่ื สารเจริญกา้ วหนา้ อยา่ งรวดเรว็ การนำเทคโนโลยีมาใชใ้ นการสอนและการ เรยี นรู้ไม่เพียงแต่ชว่ ยเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพและคุณภาพของกระบวนการการศึกษา แต่ยังเปลี่ยนแปลง วิธกี ารส่ือสารและการเรยี นรู้ของผูเ้ รียนและผสู้ อนใหม้ ลี กั ษณะทเี่ ปิดกว้างและแบบผสมผสานกัน (Koehler & Mishra, 2009) ในหวั ขอ้ น้ี เราจะศึกษาและทำความเข้าใจเกย่ี วกบั ทฤษฎแี ละแนวทางในเทคโนโลยีและ การสือ่ สารทางการศึกษาที่มีความสำคัญในการออกแบบและการใช้เทคโนโลยีในการสอนและการ เรยี นรู้ โดยจะม่งุ เน้นความร้เู ก่ียวกับทฤษฎแี ละแนวคิดที่สำคญั เพื่อใหน้ กั เรยี นสามารถนำไปปรบั ใช้ ในสถานการณ์จริงในอนาคต (Mishra & Koehler, 2006) พฤติกรรมนิยม แนวคดิ ทฤษฎีที่สำคัญเก่ียวกับการใช้เทคโนโลยแี ละการสือ่ สารในการศึกษาคอื พฤติกรรม นิยม (behaviorism) ซ่ึงเนน้ ทพ่ี ฤติกรรมที่สามารถมองเห็นได้และวดั ได้เปน็ หลกั ในกระบวนการ เรยี นรู้ (Ertmer & Newby, 2013) ตามทฤษฎพี ฤติกรรมนิเทศศาสตร์ ผู้เรียนถูกตัดสนิ ใจและแสดง พฤติกรรมตามผลกระทบของสงิ่ ทเ่ี กิดขึ้นรอบตวั หากพฤติกรรมน้ันไดร้ ับการส่งเสรมิ หรือลบเสริม จากสิ่งแวดลอ้ ม ผูเ้ รียนจะมแี นวโน้มที่จะทำซ้ำพฤติกรรมนั้นอีก (Ertmer & Newby, 2013) การใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารในการสนับสนนุ แนวคิดพฤติกรรมนิเทศศาสตร์สามารถ ทำได้โดยการให้ผูเ้ รยี นมีโอกาสทดลองและปฏบิ ัติตามแบบจำลองหรือรูปแบบการกระทำท่ีถกู ต้อง (Ertmer & Newby, 2013) การใชแ้ พลตฟอร์มการเรียนออนไลน์หรอื แอปพลิเคชนั การเรียนรู้ สามารถช่วยใหผ้ ู้เรยี นไดร้ บั การฝึกหัดและตรวจสอบความก้าวหน้าของพฤติกรรมได้อยา่ งสะดวกและ เป็นระบบ (Ertmer & Newby, 2013) ธีรชาติ น้อยสมบตั ิ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวตั กรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลัยกาฬสินธ์ุ

27 แนวทางและหลักการ นวตั กรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และส่ือสารการศึกษา อกี ท้ังยงั สามารถใช้ระบบการตดิ ตามและการให้คะแนนเพ่ือใหก้ ำหนดพฤตกิ รรมท่ีพงึ ประสงค์และสง่ เสริมให้ผู้เรยี นได้รับตอบรับในรปู แบบทนั ที (Ertmer & Newby, 2013) การติดตาม คะแนนและการให้คะแนนสามารถสรา้ งแรงจงู ใจและสร้างความกระตอื รือร้นในการเรียนรูข้ องผู้เรยี น ได้ (Ertmer & Newby, 2013) ความหมายและแนวคิดหลัก การแสดงพฤติกรรม (Behaviorism) เป็นทฤษฎีทีเ่ น้นการศึกษาและการเรยี นรู้ เกย่ี วกับพฤตกิ รรมทส่ี ามารถมองเห็นและวัดได้ (Ertmer & Newby, 2013) ทฤษฎีน้ีมงุ่ เนน้ การศกึ ษาสภาพแวดล้อมและปจั จัยต่างๆ ทส่ี ่งผลตอ่ การพัฒนาและเปลยี่ นแปลงพฤติกรรมของ บคุ คล (Skinner, 1953) ตัวอยา่ งสถานการณท์ ่สี ำคัญในการแสดงพฤติกรรมคือการให้รางวัลและการลบเสรมิ (reinforcement) ซึง่ มีอิทธิพลต่อการเรียนร้แู ละพฒั นาพฤตกิ รรมของบคุ คล (Skinner, 1953) เม่อื บุคคลไดร้ บั การเสรมิ ต่อพฤติกรรมที่พงึ ประสงค์ เชน่ คำชมเชยหรือรางวลั จะมีแนวโนม้ ทีจ่ ะซ้ำ พฤติกรรมดงั กล่าวอีก ในทางกลบั กัน เม่ือบคุ คลไดร้ ับการลบเสริมตอ่ พฤติกรรมที่ไม่พงึ ประสงค์ เชน่ การใหค้ วามรูส้ กึ ไม่สบายหรือการลงโทษ จะมแี นวโน้มทจ่ี ะลดพฤติกรรมดังกล่าว (Skinner, 1953) ในการใชเ้ ทคโนโลยแี ละการสื่อสารในการสนับสนุนแนวคดิ Behaviorism นักเรียน สามารถใช้แอปพลิเคชันการเรยี นรู้ทม่ี ีระบบการให้รางวลั หรอื การกดปุม่ เพื่อเสริมพฤติกรรมทพ่ี ึง ประสงค์ (Ertmer & Newby, 2013) นอกจากนี้ การให้คะแนนและการตดิ ตามความก้าวหน้าใน รูปแบบทันทีผ่านแอปพลเิ คชันการเรียนรู้ ยงั ชว่ ยในการสร้างแรงจงู ใจและสนบั สนุนกระบวนการ เรยี นรู้ของนักเรียน (Ertmer & Newby, 2013) การประยุกตใ์ ชใ้ นเทคโนโลยแี ละสือ่ สารการศึกษา การประยุกตใ์ ชท้ ฤษฎีพฤติกรรมนยิ มในเทคโนโลยแี ละการส่ือสารในการศึกษามี หลากหลายวธิ ีทส่ี ามารถนำมาใช้ได้ (Ertmer & Newby, 2013) เราสามารถใช้แพลตฟอรม์ การ เรยี นรอู้ อนไลน์หรอื แอปพลเิ คชันการเรยี นรูท้ ีม่ รี ะบบการให้รางวลั และการลบเสริมเพอ่ื สนับสนุน กระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน (Ertmer & Newby, 2013) หากเราต้องการส่งเสรมิ พฤติกรรมทีเ่ ป็นประโยชน์ เราสามารถใชเ้ ทคโนโลยเี สมอื นจริง (virtual reality) เพ่อื สร้างสถานการณท์ ี่นักเรยี นสามารถปฏิบัติตามและรับร้ผู ลกระทบจาก พฤติกรรมที่ถกู ต้อง (Ertmer & Newby, 2013) อีกท้งั เรายังสามารถใช้ระบบการติดตามและการให้ คะแนนเพ่ือให้นักเรยี นได้รบั ตอบรบั และแสดงความก้าวหน้าในการเรียนร้อู ยา่ งเป็นระบบ (Ertmer & Newby, 2013) เทคโนโลยอี ่นื ๆ เชน่ แบบจำลองสือ่ การเรียนการสอนออนไลน์ หรือระบบแบบสอบถาม แบบเกมส์ (gamified quizzes) ก็สามารถใช้ในการสนับสนุนและส่งเสรมิ การเรียนรตู้ ามทฤษฎี Behaviorism ได้ (Ertmer & Newby, 2013) ธีรชาติ นอ้ ยสมบตั ิ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวัตกรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลัยกาฬสินธุ์

28 แนวทางและหลกั การ นวัตกรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และสื่อสารการศกึ ษา สรรค์สรา้ งนิยม สรรค์สร้างนยิ ม (constructivism) เปน็ ทฤษฎีท่สี อดคล้องกับการเรยี นร้แู ละการสร้าง ความรู้ของบุคคล โดยมงุ่ เนน้ การก่อสร้างความรผู้ า่ นกระบวนการสร้างสรรค์ การสบื คน้ และการ แสวงหาความเขา้ ใจของตนเอง (Ertmer & Newby, 2013) ทฤษฎนี เี้ น้นการสรา้ งความรู้ท่ีมี ความหมายและเชื่อมโยงกบั ประสบการณ์และความรทู้ ่มี ีอยู่แลว้ ของบุคคล (Piaget, 1973) ตาม ทฤษฎสี รรคส์ รา้ งนิยมผูเ้ รียนถูกตั้งใจใหเ้ ปน็ ผสู้ รา้ งความรู้ของตนเองผ่านการปรบั ปรุงและสร้างสรรค์ แนวคดิ ใหม่ (Ertmer & Newby, 2013) ในการนำทฤษฎีสรรคส์ รา้ งนยิ มมาใชใ้ นเทคโนโลยแี ละการ สือ่ สารในการศึกษา เราสามารถใชแ้ อปพลเิ คชนั การเรยี นรู้ที่ให้โอกาสใหน้ ักเรียนได้สรา้ งสรรค์ผลงาน เชน่ การสร้างภาพวาด วดี โี อ หรือการสรา้ งแบบจำลองทเ่ี ก่ียวข้องกับเนื้อหาท่ีเรยี นรู้ (Ertmer & Newby, 2013) นอกจากน้ี เทคโนโลยีเสมอื นจริง (virtual reality) กส็ ามารถใช้ในการสร้าง สถานการณ์ทน่ี กั เรยี นสามารถสำรวจและสรา้ งความรูใ้ หม่ไดจ้ ากการปฏสิ มั พนั ธ์กบั สิง่ แวดล้อม (Ertmer & Newby, 2013) ความหมายและแนวคิดหลกั สรรคส์ ร้างนิยมเปน็ ทฤษฎที ี่เน้นการเรียนรู้และการสรา้ งความรขู้ องบุคคลผา่ น กระบวนการสรา้ งสรรค์และการปรบั ตวั โดยผเู้ รยี นมคี วามรับผิดชอบส่วนตวั ในการเรียนรู้ (per learner agency) (Ertmer & Newby, 2013) ตามทฤษฎีนี้ ความรไู้ ม่ได้ถูกส่งมอบจากครูหรือตัว สอบ แตเ่ ป็นผลลพั ธข์ องกระบวนการสรา้ งความเข้าใจและสรา้ งสรรค์ความรู้ภายในบุคคล (Piaget, 1973) เนื้อหาในทฤษฎสี รรค์สร้างนยิ มได้แกก่ ารสรา้ งความรผู้ ่านประสบการณ์และการสรา้ งความ เข้าใจของบุคคล นกั เรียนสรา้ งความเขา้ ใจใหมโ่ ดยการผสมผสานความรู้ทมี่ ีอยู่แล้วกบั ประสบการณ์ ใหม่ และสรา้ งแบบจำลองในความคิดของตนเอง (Ertmer & Newby, 2013) นักเรยี นถูกตงั้ ใจให้มี บทบาทในกระบวนการเรยี นร้เู พือ่ ใหเ้ กดิ การสร้างความเข้าใจที่แท้จริงและมีความหมายสำหรับ ตนเอง (Piaget, 1973) ในการนำทฤษฎีสรรค์สร้างนิยมมาใช้ในเทคโนโลยีและการส่อื สารใน การศกึ ษา นกั เรยี นสามารถใช้แอปพลิเคชนั การสร้างสรรค์ เชน่ การใชโ้ ปรแกรมสร้างภาพ วีดีโอ หรือการแก้ไขสอ่ื ต่าง ๆ เพ่ือนำเสนอความรทู้ ีส่ รา้ งขึ้นเอง (Ertmer & Newby, 2013) นอกจากน้ี เทคโนโลยีเสมอื นจรงิ (virtual reality) เปน็ เคร่ืองมอื ทชี่ ว่ ยให้นกั เรียนสร้างประสบการณ์การเรยี นรู้ ท่เี สมือนจรงิ และชว่ ยใหเ้ กิดการเรียนรู้แบบกระชับเขา้ ใจได้มากยง่ิ ขึน้ (Ertmer & Newby, 2013) การประยุกต์ใช้ในเทคโนโลยีและสอ่ื สารการศกึ ษา การประยุกตใ์ ชท้ ฤษฎีสรรคส์ ร้างนยิ มในเทคโนโลยีและการสือ่ สารในการศึกษาเป็น เคร่ืองมอื ท่ีสร้างสรรคแ์ ละสนับสนุนกระบวนการเรยี นรู้ท่ีมีความหมายและเขา้ ใจไดม้ ากย่งิ ขึน้ สำหรบั นักเรียน น่คี ือบางตวั อยา่ งของการประยุกตใ์ ชส้ รรคส์ รา้ งนิยมในเทคโนโลยแี ละการส่ือสารใน การศกึ ษา: 1. โปรแกรมการสร้างแบบจำลอง: นกั เรียนสามารถใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์ทช่ี ่วยในการสร้าง แบบจำลองของส่ิงต่าง ๆ ซึ่งสนบั สนนุ กระบวนการสรา้ งความเข้าใจและการแสวงหาความรู้ ธีรชาติ นอ้ ยสมบตั ิ คณะศึกษาศาสตรแ์ ละนวตั กรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลยั กาฬสินธ์ุ

29 แนวทางและหลกั การ นวัตกรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และสื่อสารการศกึ ษา ใหม่ ตวั อยา่ งเช่นการใชโ้ ปรแกรมสร้างแบบจำลองทางวิทยาศาสตรห์ รือการใชโ้ ปรแกรมการ ออกแบบท่ีชว่ ยใหน้ ักเรียนสรา้ งแบบจำลองสถาปตั ยกรรม 2. การใช้สื่อสนับสนุนการสรา้ งความร:ู้ ในสถานการณ์การเรยี นรอู้ อนไลน์หรือการใช้เทคโนโลยี ในการสอื่ สาร นกั เรียนสามารถใช้สอ่ื ต่าง ๆ เชน่ วดิ โี อการสอน เว็บไซต์เพ่ือนแชร์ความรู้ หรือแพลตฟอร์มการสนทนาออนไลน์ เพ่ือเรยี นรแู้ ละแลกเปล่ียนความคิดเหน็ กับผเู้ รยี นคน อ่ืน ๆ ซ่ึงสนับสนนุ กระบวนการสรา้ งความรูแ้ ละการเรยี นรู้ทมี่ คี วามหมายสำหรับนกั เรียน 3. เทคโนโลยีเสมอื นจรงิ (Virtual Reality): เทคโนโลยเี สมอื นจรงิ ให้นักเรยี นสร้าง ประสบการณ์การเรียนร้ทู ่ีเสมือนจริงและชว่ ยให้เกิดการเรียนรู้แบบกระชับเข้าใจไดม้ าก ยงิ่ ขึ้น นกั เรียนสามารถสรา้ งสถานการณ์และสภาพแวดลอ้ มที่สร้างความต่นื เตน้ และเกดิ ความสนใจในการเรียนรู้ เช่น การเรียนรูเ้ ก่ยี วกับประวัตศิ าสตรผ์ า่ นการสรา้ งสถานท่ี ประวตั ศิ าสตร์ในโลกเสมือนจริง การประยุกตใ์ ช้ทฤษฎสี รรค์สรา้ งนยิ มในเทคโนโลยแี ละการสือ่ สารในการศึกษาช่วยให้ นักเรียนมสี ่วนร่วมและกลบั มาเป็นผกู้ ำหนดการเรยี นรู้ของตนเอง และเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพใน กระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ (Ertmer & Newby, 2013) ทฤษฎเี ชื่อมโยงความรู้ การเชอ่ื มโยงระหว่างความรูแ้ ละเทคโนโลยี (connectivism) เป็นทฤษฎีทเี่ น้น ความสำคัญของการเชื่อมโยงและการแบง่ ปันข้อมลู ผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีในการเรียนรู้ (Siemens, 2005) โดยผ้เู รยี นไม่เพียงเปน็ ผ้รู บั ความรเู้ ท่านน้ั แตย่ งั เปน็ ผเู้ ก็บรวบรวมและสร้างความรู้จาก แหล่งข้อมูลท่ีหลากหลายในอินเทอรเ์ น็ต (Downes, 2012) ทฤษฎีเชือ่ มโยงความรู้มคี วามสำคัญใน ด้านตอ่ ไปนี้: 1. เรยี นรู้ที่ตรงไปตรงมา: ทฤษฎีเชื่อมโยงความรู้ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ในชว่ งเวลาท่ี ต้องการ นักเรียนสามารถเข้าถงึ ข้อมูลและแหลง่ เรียนร้ทู ่ีตรงไปตรงมา อาทิเช่นบทความ วชิ าการ วิดโี อการสอน หรืออ่ืนๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของนักเรยี น (Downes, 2012) 2. เครอื ข่ายแหล่งความรู้: ทฤษฎีเชอ่ื มโยงความรู้เน้นการเชอ่ื มโยงและการแบ่งปนั ข้อมูลผ่าน เครอื ข่ายอินเทอร์เน็ต นักเรยี นสามารถเรยี นรู้จากผู้เชี่ยวชาญและเพอื่ นร่วมเรยี นที่มีความรู้ และประสบการณท์ ่ีหลากหลาย ผา่ นการโต้ตอบและการแลกเปลย่ี นขอ้ มูล (Siemens, 2005) 3. การเรยี นรู้ตลอดชีวิต: ทฤษฎเี ชอ่ื มโยงความรู้เน้นความสำคัญของการพัฒนาทกั ษะในการ เรียนรู้ตลอดชวี ิต นักเรียนตอ้ งมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพ่อื ปรบั ตวั และเขา้ สูส่ ภาวะการ เรียนรูใ้ หมๆ่ ในยุคท่เี ทคโนโลยีและข้อมลู เปล่ยี นแปลงอย่างรวดเรว็ (Downes, 2012) การ เรียนรู้เชงิ การเช่ือมโยงความรู้ ให้ความสำคญั กบั การเรยี นรู้ด้วยตนเองผ่านเครือขา่ ย เทคโนโลยี นกั เรยี นเกิดมาในยุคท่ีข้อมลู มีมากมายและสามารถเข้าถึงได้งา่ ย ดงั นั้น การ ธีรชาติ น้อยสมบตั ิ คณะศึกษาศาสตร์และนวตั กรรมการศึกษา มหาวิทยาลัยกาฬสินธ์ุ

30 แนวทางและหลกั การ นวัตกรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และส่ือสารการศึกษา พฒั นาทกั ษะในการหาข้อมลู การวเิ คราะห์ และการประมวลผลขอ้ มูลเป็นสงิ่ สำคญั ในการใช้ ประโยชนจ์ ากทฤษฎีเชื่อมโยงความรู้ (Siemens, 2005) ความหมายและแนวคดิ หลัก ความสำคัญของทฤษฎเี ชอ่ื มโยงความรู้ในการเขา้ ใจการส่อื สารเทคโนโลยีและ การศกึ ษาอยทู่ ่ีแนวคิดของการเรียนรู้และสอ่ื สารท่ีเกดิ ขนึ้ ในยคุ ดิจทิ ลั และสภาวะการเปลย่ี นแปลง อยา่ งรวดเรว็ ของข้อมูลในสงั คมร่นุ ใหม่ (Siemens, 2005) ทฤษฎีเชือ่ มโยงความรู้เน้นการสร้าง ความร้แู ละการเรยี นรู้ผ่านการเชอื่ มโยงและแบ่งปันข้อมลู ผ่านทางเครือข่ายออนไลนท์ ่ีมีอยใู่ นโลก ดจิ ิทลั (Downes, 2007) คำวา่ \"connectivism\" มคี วามหมายว่าการเรียนรู้และการสรา้ งความรเู้ กดิ ข้นึ จากการ เชือ่ มโยงกับแหลง่ ข้อมูลที่มีอยูใ่ นอินเทอรเ์ น็ตและผ้คู นท่ีมีความรู้และประสบการณท์ ่หี ลากหลาย (Downes, 2007) ทฤษฎีเช่อื มโยงความรู้เนน้ ใหค้ วามสำคัญกบั การสรา้ งความรูผ้ ่านการสื่อสารและ การแลกเปลี่ยนข้อมลู กบั ผอู้ ่นื โดยผ้เู รยี นไมใ่ ชเ่ พียงผรู้ ับความรูเ้ ทา่ นัน้ แต่ยังเปน็ ผูร้ ่วมสร้างความรู้ และแบง่ ปนั ขอ้ มลู กับผู้อ่ืนในรูปแบบของเครือขา่ ยออนไลน์ (Siemens, 2005) หลักการและความสำคัญของทฤษฎีเชือ่ มโยงความรู้อยทู่ ี:่ 1. เครอื ข่ายความรู:้ ทฤษฎีเชือ่ มโยงความรู้เน้นการสร้างเครือขา่ ยความร้ทู ี่แตกต่างจาก การเรยี นร้เู ดิม ผูเ้ รียนสามารถเชือ่ มโยงกับแหลง่ ข้อมูลทหี่ ลากหลาย รวมถึงบุคคลอืน่ ทมี่ คี วามรูแ้ ละประสบการณ์ในหวั ข้อทส่ี นใจ ซึ่งชว่ ยสร้างความร้แู ละความเข้าใจ ใหม่ๆ ได้อยา่ งกวา้ งขวาง (Siemens, 2005) 2. การเรียนร้ใู นสังคมแบบผสมผสาน: ทฤษฎีเชอื่ มโยงความรู้เนน้ การเรยี นรู้ในสังคมและ เทคโนโลยี ผูเ้ รียนสามารถแลกเปลย่ี นความรู้กับผู้อนื่ และสรา้ งการเช่ือมโยงระหว่าง องค์ความรู้ทต่ี ่างกัน ผา่ นทางชอ่ งทางต่างๆ เชน่ เวบ็ ไซตส์ ื่อสารสังคม บล็อก วิกิพี เดยี และอน่ื ๆ (Downes, 2007) 3. การจัดการข้อมลู และข่าวสาร: เนอ่ื งจากมีขอ้ มูลมากมายในโลกดิจทิ ลั เรยี นรู้ใน รปู แบบการเชอ่ื มโยงความรู้ต้องมีการจัดการข้อมูลและการกรองข่าวสารเพ่ือนำเสนอ เฉพาะสาระที่เป็นประโยชนแ์ ละเป็นเชิงสรา้ งสรรค์ (Siemens, 2005) การประยุกตใ์ ช้ในเทคโนโลยแี ละสอ่ื สารการศึกษา การประยุกต์ใช้ทฤษฎเี ช่ือมโยงความรู้ในเทคโนโลยแี ละการสอื่ สารทางการศกึ ษา (connectivism) เป็นการนำแนวคดิ ของการสรา้ งความร้ผู ่านเครอื ขา่ ยออนไลน์มาใช้ในการออกแบบ และพัฒนากระบวนการเรียนรทู้ ีม่ เี ทคโนโลยีเป็นสว่ นสำคญั เพอื่ สร้างสภาวะการเรยี นร้ทู ี่เป็นไปใน ลักษณะเปิดกวา้ ง กระตือรือร้น และเน้นการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต (Siemens, 2005) การประยุกต์ใชท้ ฤษฎีเช่อื มโยงความรู้ในเทคโนโลยีและการสื่อสารทางการศึกษาสามารถมดี งั น้ี: ธรี ชาติ นอ้ ยสมบัติ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวัตกรรมการศึกษา มหาวิทยาลัยกาฬสนิ ธ์ุ

31 แนวทางและหลกั การ นวตั กรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และสื่อสารการศกึ ษา 1. เครอื ข่ายแหลง่ ข้อมูลและเช่ือมโยงความรู้: ผูเ้ รียนสามารถเชอื่ มโยงกับแหลง่ ขอ้ มูลทางการ ศึกษาท่มี ีอยู่ในโลกดิจิทลั เชน่ เวบ็ ไซตท์ างการศึกษา ฐานข้อมูลวชิ าการ หรือบริการ ออนไลน์ทเี่ กีย่ วขอ้ ง เพอ่ื เข้าถึงขอ้ มูลท่ีเป็นประโยชนแ์ ละเพ่ิมความรู้ใหม่ๆ (Siemens, 2005) 2. เรยี นร้รู ่วมกบั ชุมชนออนไลน:์ ทฤษฎเี ชื่อมโยงความรู้ส่งเสริมใหผ้ เู้ รยี นมีโอกาสเข้ารว่ มกบั ชุมชนออนไลน์ท่ีเกีย่ วข้องกับวิชาการหรือสนใจเดยี วกนั ผ้เู รยี นสามารถแลกเปลย่ี นความรู้ และแบง่ ปนั ประสบการณก์ ับผู้อ่นื ในชมุ ชน เช่น การสร้างกระทู้สนทนาในเว็บบอร์ด การใช้ สือ่ สังคมออนไลน์เพ่ือแลกเปลยี่ นความคิดเหน็ (Siemens, 2005) 3. การใช้เทคโนโลยสี ่อื สารแบบสด: ผู้เรียนสามารถใช้เทคโนโลยสี อื่ สารแบบสด เช่น การ สนทนาผ่านแชทหรอื การประชุมออนไลน์ เพื่อแลกเปล่ียนความรแู้ ละข้อมลู กับผเู้ รยี นหรือ ผู้สอนอืน่ ๆ ที่อยู่ไกลออกไป (Siemens, 2005) การประยุกตใ์ ชท้ ฤษฎเี ชื่อมโยงความรู้ในเทคโนโลยีและการสือ่ สารทางการศึกษาชว่ ย เพิ่มความเช่ือมโยงระหว่างผู้เรยี นและแหล่งข้อมลู พร้อมสรา้ งสภาวะการเรียนรู้ที่หลากหลายและ ตอบสนองตอ่ ความสนใจแต่ละบคุ คล (Siemens, 2005) คำถามชวนคิด 2.1 : ในยุคท่ีเทคโนโลยีและการส่ือสารเจริญกา้ วหนา้ อย่างรวดเร็ว ความสำคญั ของ ทฤษฎีและแนวทางในการใชเ้ ทคโนโลยแี ละการส่ือสารทางการศึกษาเพอ่ื การเรยี นรู้แบบเชือ่ มโยง ความรู้ มอี ะไรบ้างทเี่ ราสามารถนำไปปรับใชใ้ นสถานการณ์การเรยี นรู้ในปจั จบุ ันและในอนาคต? หลักการในเทคโนโลยแี ละการสอื่ สารทางการศึกษา เทคโนโลยีและการสอื่ สารทางการศกึ ษาเปน็ สว่ นสำคญั ในการพฒั นากระบวนการเรยี นรู้ ในยุคปัจจุบัน การนำเทคโนโลยแี ละการส่ือสารเข้าสกู่ ารสอนและการเรียนรูเ้ ป็นปัจจยั ท่ีสำคญั ในการ สรา้ งประสบการณก์ ารเรียนรู้ทน่ี ่าสนใจ ผเู้ รยี นจะมโี อกาสไดส้ ัมผัสกับเทคโนโลยที ี่ทันสมัยและใชส้ ่อื การสื่อสารท่หี ลากหลายในการเรียนรู้ (Puentedura, 2014) หลกั การทสี่ ำคัญในการใชเ้ ทคโนโลยแี ละการสื่อสารทางการศกึ ษา ไดแ้ ก่ (Puentedura, 2014): 1. การใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อเสรมิ สร้างประสบการณ์การเรยี นรู้: การนำเทคโนโลยีมาใชใ้ น กระบวนการสอนและการเรยี นรู้เพือ่ สรา้ งประสบการณ์การเรยี นรู้ทนี่ ่าสนใจและมี ความหมายสำหรับผู้เรยี น 2. การสร้างสภาพแวดล้อมการเรยี นรทู้ ี่มีการเช่อื มต่อ (connected learning): การใช้ เทคโนโลยแี ละการสื่อสารทางการศึกษาในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เชอ่ื มโยงกบั ความรู้และ ทรัพยากรท่มี ีอย่นู อกหอ้ งเรยี น เช่น การใช้เครอื่ งมือออนไลน์ เว็บไซตก์ ารเรียนรู้ และสื่อ สังคมออนไลน์ ธรี ชาติ นอ้ ยสมบัติ คณะศึกษาศาสตรแ์ ละนวตั กรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลัยกาฬสินธุ์

32 แนวทางและหลักการ นวัตกรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และสื่อสารการศึกษา 3. การสง่ เสริมการสร้างความคดิ สรา้ งสรรค์ (creative thinking): เทคโนโลยีและการส่ือสาร ทางการศึกษาสามารถชว่ ยสง่ เสรมิ การคิดสร้างสรรค์ของผู้เรยี น ผา่ นการใช้เครอ่ื งมอื สร้างสรรค์ เชน่ โปรแกรมการสร้างสื่อ 3D, การออกแบบกราฟกิ และการพัฒนาแอปพลิเค ชัน การใช้เทคโนโลยแี ละการสื่อสารทางการศกึ ษาในการสอนและการเรียนร้เู ปน็ วิธีที่มี ประสิทธภิ าพในการสร้างประสบการณก์ ารเรยี นรู้ที่เปน็ หนทางสูก่ ารพฒั นาความรู้และทักษะของ ผเู้ รยี นในสมัยใหม่ (Johnson, Adams Becker, Estrada, & Freeman, 2015) การออกแบบการเรยี นการสอนท่ีเป็นสากล การออกแบบการเรียนการสอนท่ีเปน็ สากล (Universal Design for Learning; UDL) เปน็ กรอบแนวคิดที่มุ่งเน้นการออกแบบกระบวนการเรยี นรู้ทส่ี อดคล้องกับความแตกต่างของผ้เู รียน โดยใช้เทคโนโลยีและการส่อื สารทางการศึกษาเปน็ เครื่องมือสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมการ เรยี นรทู้ ่อี ุดมไปด้วยความยืดหยุ่น และสามารถเขา้ ถงึ ไดส้ ำหรับผู้เรียนทกุ คน (CAST, 2018) หลักการสำคัญในการออกแบบการเรียนการสอนที่เปน็ สากล ไดแ้ ก่ (CAST, 2018): 1. ความเข้าถงึ ทงั้ ผู้เรยี น: การใช้เทคโนโลยีและการสอ่ื สารทางการศึกษาเพือ่ สรา้ ง สภาพแวดล้อมการเรียนรทู้ เี่ ข้าถึงไดส้ ำหรับผู้เรยี นทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผเู้ รียนท่ีมีความ ตอ้ งการเพิ่มเติม หรือมคี วามพิการทางรา่ งกายหรือจิตใจ 2. ความหลากหลายในรปู แบบการเรียนร:ู้ การใชเ้ ทคโนโลยีและการสอ่ื สารทางการศกึ ษาเพือ่ สร้างรปู แบบการเรยี นรทู้ ่หี ลากหลายและสอดคลอ้ งกบั ความสามารถ สนใจ และสไตล์การ เรียนรูข้ องผูเ้ รียนแตล่ ะคน 3. การสนบั สนนุ กระบวนการคดิ เชงิ สรา้ งสรรค์: การใช้เทคโนโลยแี ละการสื่อสารทางการศกึ ษา ในการสร้างสภาพแวดล้อมทีส่ นบั สนนุ การคดิ เชงิ สร้างสรรค์และการแก้ปัญหาของผู้เรยี น การใชห้ ลกั การการออกแบบการเรยี นการสอนทเ่ี ป็นสากลในเทคโนโลยีและการสื่อสาร ทางการศึกษาสามารถชว่ ยเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการเรียนรแู้ ละสนบั สนุนการพัฒนาทักษะการเรยี นรขู้ อง ผเู้ รยี นทกุ คนในสถานการณ์การเรียนรทู้ หี่ ลากหลาย (CAST, 2018) คำนิยามและหลักการสำคญั การออกแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากลเปน็ กรอบแนวคิดทมี่ ุ่งเนน้ การออกแบบ กระบวนการเรยี นรู้ท่ีสอดคลอ้ งกบั ความแตกต่างของผเู้ รยี น โดยใชเ้ ทคโนโลยีและการส่อื สารทาง การศกึ ษาเปน็ เคร่อื งมอื สำคัญในการสรา้ งสภาพแวดล้อมการเรียนรูท้ ่อี ุดมไปด้วยความยดื หย่นุ และ สามารถเข้าถึงได้สำหรบั ผเู้ รยี นทุกคน (CAST, 2018) หลกั การหลักของการออกแบบการเรียนการสอนท่เี ป็นสากลประกอบดว้ ย (CAST, 2018): ธีรชาติ นอ้ ยสมบตั ิ คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละนวัตกรรมการศึกษา มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

33 แนวทางและหลักการ นวัตกรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และส่ือสารการศกึ ษา 1. การใหค้ วามสำคัญกบั ความเข้าถึงทงั้ ผู้เรียน: การออกแบบและใชเ้ ทคโนโลยแี ละการสื่อสาร ทางการศกึ ษาเพ่ือสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ทเี่ ข้าถงึ ได้สำหรับผ้เู รียนทกุ คน ไม่วา่ จะ เปน็ ผ้เู รยี นทีม่ คี วามต้องการเพ่ิมเติม หรือมคี วามพิการทางรา่ งกายหรอื จติ ใจ 2. การสนับสนุนความหลากหลายในรูปแบบการเรยี นร้:ู การออกแบบและใช้เทคโนโลยแี ละ การสื่อสารทางการศึกษาเพ่ือสร้างรูปแบบการเรยี นรทู้ ่หี ลากหลายและสอดคล้องกบั ความสามารถ สนใจ และสไตลก์ ารเรียนร้ขู องผูเ้ รยี นแตล่ ะคน 3. การสนับสนนุ กระบวนการคดิ เชงิ สร้างสรรค์: การออกแบบและใช้เทคโนโลยแี ละการสอ่ื สาร ทางการศึกษาเพื่อสง่ เสริมกระบวนการคิดเชิงสรา้ งสรรคแ์ ละการแกป้ ญั หาของผ้เู รยี น โดย ใหผ้ เู้ รียนมโี อกาสเลือกใชเ้ ครื่องมือและแนวทางทเ่ี หมาะสมต่อความต้องการการเรียนรู้ของ ตน การประยุกต์ใชใ้ นเทคโนโลยแี ละการสือ่ สารทางการ การประยุกต์ใชก้ ารออกแบบการเรยี นการสอนท่ีเป็นสากลในเทคโนโลยีและการส่ือสาร ทางการศกึ ษาชว่ ยให้ผูเ้ รียนมีโอกาสเรียนรอู้ ยา่ งเต็มที่และสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนแต่ ละคน โดยใชเ้ ทคโนโลยีเป็นเครอื่ งมือสำคัญในกระบวนการสร้างสภาพแวดลอ้ มการเรียนรทู้ ีเ่ ปน็ มติ ร และมีความยดื หยุ่น (Burgstahler & Doe, 2004) การประยุกต์ใช้ UDL ในเทคโนโลยแี ละการสอื่ สารทางการศกึ ษาสามารถทำไดโ้ ดย: 1. การใช้แพลตฟอร์มและเครื่องมือออนไลนท์ ่ีเหมาะสม: ผู้สอนสามารถใช้แพลตฟอร์มและ เครอื่ งมือออนไลนท์ ่ีมีฟเี จอรแ์ ละส่วนปรบั แตง่ ทีช่ ่วยให้ผเู้ รียนสามารถเข้าถงึ เน้ือหาและ กจิ กรรมการเรยี นรู้ได้อยา่ งสะดวกและเหมาะสมต่อความต้องการของผเู้ รียนแต่ละคน 2. การใชส้ อ่ื และเนอื้ หาที่หลากหลาย: ผู้สอนสามารถใช้สอ่ื และเนือ้ หาท่มี ีรูปแบบและรูปแบบ การนำเสนอทห่ี ลากหลาย เชน่ วดิ ีโอ, เสียง, แผนภมู ,ิ ภาพถา่ ย เพื่อสนบั สนุนการเรยี นรู้ของ ผูเ้ รยี นท่ีมีรูปแบบการประเมินและการพจิ ารณาทแ่ี ตกต่างกันไป 3. การให้ความสนบั สนนุ และคำแนะนำแบบบุคคล: ผู้สอนสามารถใชเ้ ทคโนโลยใี นการให้ คำแนะนำและการสนบั สนุนแบบบุคคลตามความต้องการของผู้เรยี นแต่ละคน โดยใช้ระบบ สารสนเทศทส่ี ามารถติดตามและจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความกา้ วหนา้ และความสำเร็จในการ เรียนรู้ของผเู้ รียน 4. การสร้างโอกาสให้ผูเ้ รียนมสี ว่ นร่วม: ผู้สอนสามารถใชเ้ ทคโนโลยที เ่ี ปดิ กว้างและเคร่อื งมือ สอ่ื สารที่สามารถให้ผู้เรยี นมีส่วนร่วมและแสดงความคดิ เหน็ ต่อกิจกรรมการเรยี นรู้ อย่างเช่น การใช้แพลตฟอร์มการสนทนาออนไลน์หรอื ระบบฝากขอ้ ความเพ่อื สนับสนุนการสือ่ สารและ การเรยี นรูร้ ่วมกนั การประยุกต์ใช้ UDL ในเทคโนโลยีและการสอ่ื สารทางการศกึ ษาช่วยใหผ้ เู้ รียนสามารถ มโี อกาสเรยี นรูอ้ ย่างมีคุณภาพและสอดคลอ้ งกับความต้องการของแต่ละคน ผ้สู อนสามารถสร้าง ธรี ชาติ น้อยสมบตั ิ คณะศึกษาศาสตร์และนวัตกรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลัยกาฬสินธ์ุ

34 แนวทางและหลกั การ นวัตกรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และส่ือสารการศึกษา สภาพแวดล้อมการเรยี นรู้ทเ่ี ป็นกลางสำหรบั ผเู้ รียนทุกคนเพ่ือสนบั สนนุ การเติบโตและความสำเร็จ ของผเู้ รยี น (Rose et al., 2017) การเรยี นรแู้ บบร่วมมือ การเรยี นรู้แบบรว่ มมือ (collaborative learning) เปน็ หนึ่งในหลกั การสำคัญใน เทคโนโลยีและการส่ือสารทางการศกึ ษาที่ช่วยสง่ เสรมิ การพัฒนาทกั ษะทางสังคมและการทำงาน รว่ มกันของผู้เรยี น (Vygotsky, 1978) ผ่านการทำงานเป็นกลมุ่ และการแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ รว่ มกัน (Johnson & Johnson, 2009) เทคโนโลยีสอ่ื สารทางการศึกษามบี ทบาทสำคญั ในการ สนบั สนุนและปรับปรุงกระบวนการเรียนรแู้ บบร่วมมือของผู้เรียน (Harasim, 2017) การเรยี นรู้แบบร่วมมือในเทคโนโลยีและการส่ือสารทางการศกึ ษาสามารถทำได้โดย: 1. การใชแ้ พลตฟอร์มและเครอื่ งมือการส่ือสาร: ผสู้ อนสามารถใชแ้ พลตฟอร์มและเครื่องมือการ ส่อื สารทางออนไลน์ เช่น แชทหรอื การสนทนาแบบกล่มุ (group chat) และการสนทนา ผ่านวิดโี อเพือ่ สนบั สนุนการทำงานรว่ มกันและการแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ ระหว่างผเู้ รียน 2. การสร้างโครงสรา้ งการงานแบบทมี : ผูส้ อนสามารถออกแบบและสร้างโครงสรา้ งการงาน แบบทีมทีส่ ง่ เสริมการทำงานร่วมกนั ของผูเ้ รยี น โดยใหผ้ ู้เรยี นทำงานเป็นกลุ่มเพ่ือแก้ไข ปญั หาหรอื สร้างผลงานร่วมกัน 3. การสนบั สนนุ การแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ : ผสู้ อนสามารถสร้างกจิ กรรมทีส่ นบั สนุนการ แลกเปลย่ี นความคิดเห็นระหว่างผู้เรียน เช่น การสร้างกระดานสนทนาออนไลน์หรือพนื้ ที่ใน แพลตฟอร์มการเรยี นร้ทู ผ่ี เู้ รียนสามารถแสดงความคดิ เห็นและแบง่ ปนั ความรู้กับผู้อ่นื 4. การใชเ้ ครือ่ งมือแบบคอลลาโบราทฟี (collaborative tools): ผู้สอนสามารถใช้เครอ่ื งมือ แบบคอลลาโบราทีฟท่ีออนไลน์ เช่น บทวจิ ารณ์และการแก้ไขร่วมกันในเอกสารออนไลน์ หรอื การแชรไ์ ฟล์และเอกสารในรปู แบบรว่ มกนั เพ่ือสนบั สนุนการทำงานร่วมกนั ของผเู้ รียน การเรยี นรแู้ บบร่วมมือในเทคโนโลยีและการสอ่ื สารทางการศกึ ษาชว่ ยสง่ เสริมทักษะทาง สังคม การทำงานรว่ มกัน และการแก้ไขปญั หาของผู้เรียน ผสู้ อนสามารถใชเ้ ทคโนโลยีในการสร้าง สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ทก่ี ระตุน้ ความคดิ สร้างสรรคแ์ ละความรับผดิ ชอบในการทำงานเป็นกลุ่ม ของผู้เรียน (Lai & Bower, 2019) นยิ ามและหลกั การสำคัญ การเรียนรู้แบบร่วมมือเป็นหลักการสำคัญที่ใหค้ วามสำคญั กับกระบวนการที่ผ้เู รยี น ทำงานร่วมกนั ในกลุ่มหรือทีมเพือ่ แสวงหาความเขา้ ใจและสร้างความรู้รว่ มกัน (Johnson & Johnson, 2009) โดยเนน้ การแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ และการแก้ไขปญั หาเปน็ ทีม ผู้เรยี นจะไดร้ ับ ประสบการณ์ท่สี อดคล้องกับสถานการณจ์ ริงและมีโอกาสในการพฒั นาทกั ษะทางสงั คม เช่น การ ทำงานเปน็ ทีม การสือ่ สาร และการแกไ้ ขปัญหา (Johnson & Johnson, 2009) หลกั การสำคัญในการเรียนรูแ้ บบรว่ มมอื ไดแ้ ก่ (Johnson & Johnson, 2009): ธีรชาติ นอ้ ยสมบตั ิ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวัตกรรมการศึกษา มหาวิทยาลยั กาฬสินธุ์

35 แนวทางและหลักการ นวัตกรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และสื่อสารการศึกษา 1. การแบง่ หมวดหมู่งาน: ผสู้ อนสามารถกำหนดงานท่ตี ้องทำในกลมุ่ ให้แตกต่างกนั และแบ่ง หมวดหมู่งานให้เหมาะสมกบั ทักษะและความถนัดของผเู้ รียนเพื่อใหท้ กุ คนมสี ว่ นร่วมและ ช่วยกนั สร้างความสำเร็จของกลมุ่ 2. การสนับสนุนการทำงานเป็นทมี : ผสู้ อนสามารถสร้างบรรยากาศทส่ี นบั สนุนการทำงานเป็น ทมี โดยเชือ่ มโยงกจิ กรรมและการเรียนรใู้ หส้ อดคลอ้ งกบั การทำงานรว่ มกันของผเู้ รียนและ สง่ เสริมการแบง่ หนา้ ท่ี การส่ือสาร และการแก้ไขปัญหาร่วมกัน 3. การเสรมิ สรา้ งทักษะทางสงั คม: ผ้สู อนสามารถใช้กจิ กรรมทเ่ี น้นการทำงานเป็นทีมเพ่ือ ส่งเสริมทกั ษะทางสังคมของผ้เู รยี น เชน่ การเสริมสร้างการส่อื สาร การฟงั กนั เอาใจใส่ และ การแก้ไขปัญหาร่วมกัน 4. การสร้างสภาวะเรียนรูท้ ่ีสนุกสนาน: ผู้สอนสามารถใชเ้ ทคนิคและเคร่อื งมอื ท่นี ่าสนใจเพื่อ สร้างสภาวะเรียนรทู้ ่นี า่ สนใจและมีความสขุ สำหรับผู้เรยี น เช่น การใช้เทคโนโลยีทีท่ ันสมัย เกมการเรยี นรู้ หรือการใชส้ ื่อท่สี รา้ งความต่นื เต้น 5. การใหค้ ำปรึกษาและการติดตามผล: ผู้สอนควรให้คำปรกึ ษาและคำแนะนำในกระบวนการ ทำงานรว่ มกนั และติดตามผลการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นเพื่อใหส้ นับสนนุ และปรับปรุง กระบวนการเรียนรู้ในคร้ังถัดไป หลกั การเหล่าน้ีชว่ ยสร้างสภาวะการเรียนรทู้ เ่ี ต็มเปย่ี มไปด้วยความร่วมมือ ความ สนกุ สนาน และความสำเร็จที่สงู ขึ้น (Lai & Bower, 2019) การประยกุ ตใ์ ช้ในเทคโนโลยีและการสื่อสารทางการ การประยุกต์ใช้การเรียนรู้แบบร่วมมอื ในเทคโนโลยแี ละการส่ือสารทางการศกึ ษามี ความหลากหลายและสามารถใชง้ านได้ในหลากหลายรูปแบบ ดังนน้ั เราจะศึกษาวิธกี ารประยกุ ต์ใช้ เทคโนโลยีและการส่อื สารเพื่อสนบั สนนุ และสง่ เสรมิ การเรียนร้แู บบร่วมมือในสถานการณ์การศึกษา ตา่ ง ๆ ตอ่ ไปน:ี้ 1. แพลตฟอรม์ การส่อื สารและการทำงานร่วมกันออนไลน:์ เราสามารถใชเ้ ทคโนโลยแี ละ เครอื่ งมือการสื่อสารออนไลน์ เช่น เว็บไซตก์ ารแชท แพลตฟอรม์ การพูดคุยแบบกลุ่ม และ เครอ่ื งมือการแบ่งปนั เอกสาร เพอ่ื สร้างพน้ื ที่ส่ือสารและการทำงานรว่ มกันให้กบั ผูเ้ รยี น ทำ ใหพ้ วกเขาสามารถแลกเปลยี่ นความคิดเห็นและรว่ มแก้ไขปัญหาในรูปแบบทีมได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ (Hammond, Fragkouli, & Suandi, 2019) 2. โปรแกรมแบบจำลองและการแบง่ หนา้ ท่:ี เราสามารถใช้โปรแกรมแบบจำลองทสี่ รา้ งข้นึ ใน สภาพแวดลอ้ มเสมือนจริง หรือโปรแกรมทช่ี ว่ ยแบ่งหน้าที่และสร้างความร่วมมือในกลุม่ เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นเข้าใจและปฏบิ ัติตามหลกั การแบ่งหนา้ ท่ีและการทำงานรว่ มกนั ได้อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ (Rogers, 2000) ธีรชาติ น้อยสมบัติ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวตั กรรมการศึกษา มหาวิทยาลยั กาฬสินธุ์

36 แนวทางและหลกั การ นวตั กรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และส่ือสารการศึกษา 3. การใช้ส่อื การสอนแบบร่วมมือ: เราสามารถใช้สือ่ การสอนทีส่ ่งเสริมการเรียนรแู้ บบร่วมมอื เช่น วดิ โี อแบบสอนร่วมกัน การสร้างเน้อื หาทผี่ ูเ้ รยี นสามารถทำงานร่วมกนั ได้ หรือการใช้ แพลตฟอรม์ การสรา้ งเนื้อหาแบบร่วมมอื ซึ่งช่วยสรา้ งประสบการณก์ ารเรียนร้ทู ่ีเนน้ ความสัมพันธ์และการทำงานร่วมกนั (Panitz, 1996) 4. การใชเ้ ครอ่ื งมือสนับสนนุ การทำงานรว่ มกัน: เราสามารถใช้เครอ่ื งมอื ทางเทคโนโลยีท่ี ออกแบบมาเพ่ือสนับสนุนและกระตนุ้ การทำงานรว่ มกัน เช่น แอปพลิเคชนั แชท แพลตฟอรม์ การสร้างเอกสารแบบรว่ มมอื หรือโปรแกรมการทำงานรว่ มกันออนไลน์ ซึ่งช่วย สร้างพนื้ ที่ส่อื สารและการทำงานรว่ มกันท่สี ะดวกสบายและเพ่มิ ประสิทธิภาพ (Johnson & Johnson, 2009) การประยุกตใ์ ชห้ ลักการการเรียนรู้แบบรว่ มมือในเทคโนโลยีและการสื่อสารทาง การศกึ ษาชว่ ยเสรมิ สร้างทักษะทางสังคม การแกป้ ัญหา การทำงานเป็นทีม และการคดิ วเิ คราะหใ์ น ผเู้ รียน นอกจากนีย้ ังชว่ ยสรา้ งประสบการณ์การเรยี นร้ทู ่ีน่าสนใจ มีความสนุกสนาน และเตม็ เปย่ี มไป ด้วยความสำเร็จ (Bereiter, 2002) การเรียนรแู้ บบบุคคล การเรียนรูแ้ บบบุคคล (personalized learning)เปน็ หลักการท่สี ่งเสริมการเรียนร้ทู เี่ นน้ ความแตกตา่ งของบุคคลแต่ละคนและการปรับการสอนให้เหมาะสมกบั ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผูเ้ รียน หลักการนี้ม่งุ เน้นใหผ้ ูเ้ รยี นเป็นตวั กำหนดและควบคุมกระบวนการเรยี นรู้ ของตนเอง โดยใช้เทคโนโลยีและการสอื่ สารทางการศึกษาเป็นเครอื่ งมือในการสนับสนุนการเรียนรู้ ของผเู้ รียน (Johnson, Adams Becker, Estrada, & Freeman, 2014) หลกั การสำคญั ในการเรยี นรแู้ บบบุคคลรวมถงึ (Mueller, Wood, Willoughby, Ross, & Specht, 2008): 1. การปรับแต่ง: การปรับการสอนและการเรยี นรูใ้ ห้เหมาะสมกบั ความต้องการและความสนใจ ของผ้เู รยี น โดยใหค้ วามสำคัญกบั แนวทางการเรียนรทู้ ี่สอดคลอ้ งกบั ความต้องการและ ความสามารถของผู้เรียนแตล่ ะคน 2. การติดตามและการประเมิน: การติดตามและประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ องผู้เรยี นในแตล่ ะ ข้นั ตอน เพ่ือให้ผเู้ รยี นได้รับข้อมูลต่อไปเพื่อปรบั ปรุงกระบวนการเรียนรขู้ องตนเอง 3. การร่วมมอื : การสร้างโอกาสใหผ้ ูเ้ รียนเขา้ รว่ มกิจกรรมทเ่ี กีย่ วข้องกับการเรียนร้รู ว่ มกัน เพ่ือ สรา้ งสภาวะการเรียนรูท้ ี่เปน็ ศูนยก์ ลางของผูเ้ รียน 4. การเรียนรูต้ ลอดชีวิต: การสร้างและสง่ เสรมิ ทักษะการเรียนรู้ตลอดชวี ติ โดยให้ผูเ้ รียนได้ พัฒนาทักษะทส่ี อดคลอ้ งกบั ความเปลยี่ นแปลงและความกา้ วหนา้ ในสงั คมและอตุ สาหกรรม การใช้หลักการเรยี นรแู้ บบบคุ คลในเทคโนโลยีและการส่อื สารทางการศกึ ษา สามารถทำ ไดโ้ ดย (West et al., 2012): ธรี ชาติ นอ้ ยสมบัติ คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละนวัตกรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลยั กาฬสนิ ธ์ุ

37 แนวทางและหลกั การ นวัตกรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และส่ือสารการศึกษา 1. แอพพลเิ คช่นั และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ท่ีกำหนดเปา้ หมายและเน้อื หาการเรยี นรใู้ ห้ เหมาะสมกบั ผูเ้ รียนแต่ละคน 2. แพลตฟอร์มการเรียนร้อู อนไลน์ทสี่ ามารถปรับแต่งการสอนและการเรยี นรู้ไดต้ ามความ ตอ้ งการของผู้เรยี น 3. การใช้ขอ้ มูลและการวิเคราะหข์ ้อมลู เพ่ือปรับปรุงกระบวนการเรยี นรู้และการสอน การเรียนรแู้ บบบุคคลในสภาพแวดลอ้ มการใช้เทคโนโลยีและการสอ่ื สารทางการศกึ ษา สามารถสรา้ งประสบการณ์การเรียนร้ทู ่ีเหมาะสมและมีประสิทธภิ าพสูงขน้ึ สำหรับผ้เู รยี นแตล่ ะคน (Johnson et al., 2014) นยิ ามและหลกั การสำคญั การเรยี นรู้แบบบุคคลเป็นหนึ่งในหลกั การสำคญั ในเทคโนโลยีและการสอื่ สารทาง การศกึ ษา (Rose & Meyer, 2002) ซ่ึงเน้นให้การเรียนรเู้ ป็นไปตามความต้องการและความสามารถ ของแต่ละบุคคล การเรยี นรแู้ บบบคุ คลชว่ ยให้ผ้เู รียนสามารถตัง้ เป้าหมายการเรยี นรู้เฉพาะของตนเอง และปรบั การเรียนรู้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดลอ้ มและสภาวะความพร้อมของผเู้ รยี นแตล่ ะคน นิยามของการเรยี นรู้แบบบุคคลคอื กระบวนการทีผ่ ู้เรียนสามารถกำหนดและควบคมุ การเรยี นรขู้ องตนเองในมติ ิต่างๆ เช่น การตง้ั เปา้ หมายการเรียนรู้ การเลือกวิธกี ารเรยี นรู้ทีเ่ หมาะสม และการปรับปรุงและปรับใชก้ ลยทุ ธก์ ารเรยี นร้ตู ามความคดิ สร้างสรรค์ของผูเ้ รยี นเอง หลกั การสำคญั ในการเรยี นรู้แบบบคุ คลรวมถึง: 1. การบรหิ ารจดั การเรียนร:ู้ ผูเ้ รยี นมีบทบาทในการวางแผนและจดั การการเรยี นร้ขู องตนเอง โดยปรบั เปลยี่ นและปรบั ใชว้ ิธีการเรียนรเู้ พื่อให้ตรงกับความต้องการและสภาพแวดล้อมท่ี แตกตา่ งกนั 2. การต้งั เป้าหมายการเรยี นร:ู้ ผู้เรียนสามารถกำหนดเป้าหมายการเรยี นรู้เฉพาะของตนเองซง่ึ สอดคล้องกบั ความสามารถและความสนใจของตน 3. การปรับเปลีย่ น: การเรียนรูแ้ บบบคุ คลเน้นการปรบั เปลย่ี นและปรับปรุงวธิ กี ารเรยี นรตู้ าม ความต้องการของผู้เรยี น ผู้เรียนสามารถเปล่ยี นแปลงกลยทุ ธ์และวิธกี ารเรียนรูเ้ พื่อให้ เหมาะสมกบั สภาวะแวดลอ้ มและสภาวะการเรียนรขู้ องตนเอง 4. การสนบั สนุนและการพัฒนาทักษะ: การเรยี นรู้แบบบุคคลชว่ ยใหผ้ ู้เรียนได้รบั การสนบั สนนุ และพัฒนาทักษะทจ่ี ำเปน็ ในการเรยี นรู้ ซง่ึ สามารถปรบั เปลี่ยนและเพิ่มเติมทกั ษะที่ตอ้ งการ ได้ตามความคดิ สร้างสรรคข์ องผเู้ รยี น การประยกุ ต์ใช้ในเทคโนโลยีและการสอ่ื สารทางการศกึ ษา การส่ือสารทางการศึกษาและเทคโนโลยเี ปน็ สว่ นสำคญั ในการสนบั สนุนกระบวนการ เรียนร้แู บบบุคคลท่ีตง้ั เป้าหมายได้ การพฒั นาการส่ือสารทางการศึกษาและเทคโนโลยีมีความสำคัญ ธีรชาติ นอ้ ยสมบตั ิ คณะศึกษาศาสตรแ์ ละนวตั กรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลยั กาฬสินธ์ุ

38 แนวทางและหลกั การ นวัตกรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และส่ือสารการศกึ ษา สูงในการสนับสนุนกระบวนการเรยี นรู้แบบบคุ คลท่ีต้งั เป้าหมายได้ การใชเ้ ทคโนโลยีสอ่ื สารและการ ส่ือสารทางการศึกษาช่วยใหผ้ ู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมลู และแหลง่ เรยี นรตู้ ่างๆ ได้อยา่ งง่ายดายและ ไดร้ บั การสนบั สนนุ ในการสร้างประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ่ีตอบสนองต่อความต้องการและ ความสามารถของแตล่ ะบุคคล การนำเทคโนโลยีสอื่ สารและการสื่อสารทางการศึกษาเขา้ สู่ กระบวนการเรยี นรู้เพื่อสนบั สนนุ การเรยี นร้ทู ่ปี รบั แต่งส่วนบคุ คลมคี วามสำคญั อยา่ งย่งิ ในการศึกษา และการสอนในปัจจบุ ัน การใช้เทคโนโลยสี ือ่ สารและการสอื่ สารทางการศึกษาเปน็ ส่วนสำคัญในการสง่ เสริม กระบวนการเรยี นรู้แบบบุคคลที่ต้งั เป้าหมายได้ ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งเรยี นรทู้ ี่หลากหลายและ เหมาะสมต่อความตอ้ งการและความสามารถของตนเอง การใช้เทคโนโลยีสอื่ สารและการส่ือสารทาง การศึกษาสามารถชว่ ยใหผ้ เู้ รียนเรยี นรใู้ นอัตราที่ตนเองรับไดแ้ ละในรปู แบบท่ีเข้ากบั สไตลก์ ารเรยี นรู้ ของแต่ละบคุ คล ตัวอย่างเทคโนโลยีที่มักจะนำมาใชง้ านในกระบวนการเรยี นรู้แบบปรบั แตง่ สว่ น บุคคลได้แก:่ 1. เทคโนโลยพี อรต์ ัล (portals): เทคโนโลยพี อรต์ ัลเป็นพนื้ ทีท่ ่ีผู้เรียนสามารถเขา้ ถงึ และ นำเสนอข้อมลู เรียนรตู้ า่ งๆ โดยสามารถปรบั แต่งได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการของ ผูเ้ รียนแต่ละคน นอกจากน้ี เทคโนโลยพี อร์ตลั ยงั ช่วยสร้างพื้นทท่ี ผ่ี ู้เรยี นและครสู ามารถ แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ และขอ้ มูลเพื่อสนบั สนุนกระบวนการเรยี นรู้แบบกลมุ่ ได้ 2. เทคโนโลยรี ะบบจดั การเรียนรู้ (Learning Management Systems; LMS): เทคโนโลยี ระบบจดั การเรียนรเู้ ปน็ เครอื่ งมอื ทีช่ ่วยให้ผูเ้ รยี นสามารถเข้าถงึ เนื้อหาการเรียนรู้ ทำ แบบทดสอบออนไลน์ และแบ่งปนั ข้อมลู กบั ครูและเพื่อนร่วมเรยี นได้อย่างง่ายดาย ระบบ จดั การเรยี นร้ยู งั ชว่ ยในการตดิ ตามความคบื หนา้ ของผู้เรยี นและการให้คำแนะนำที่เหมาะสม ตอ่ ความกา้ วหนา้ ของแต่ละบุคคล 3. เทคโนโลยีการแจง้ เตือนและการตดิ ตาม (Alerts and Notifications): การใชเ้ ทคโนโลยกี าร แจ้งเตือนและการติดตามชว่ ยใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับข้อมลู สำคัญและการแจ้งเตือนทีเ่ กยี่ วข้องกบั การเรียนรใู้ นเวลาท่ีเหมาะสม ตวั อย่างเช่น การสง่ การแจ้งเตอื นผา่ นทางอเี มลหรือแอปพลเิ ค ชันบนโทรศพั ท์มือถือเพ่ือแจ้งเตอื นเกี่ยวกับงานทต่ี ้องส่งหรือการทบทวนข้อมูลสำคัญ การใช้เทคโนโลยสี ่อื สารและการส่อื สารทางการศึกษาในการสนับสนนุ กระบวนการ เรียนรทู้ ี่ปรบั แต่งส่วนบุคคลมีประโยชนม์ ากทงั้ ในการสรา้ งประสบการณ์การเรียนรทู้ น่ี ่าสนใจและ ตอบสนองต่อความต้องการของแต่ละบุคคล นอกจากนยี้ ังช่วยเพม่ิ ความสนุกสนานในกระบวนการ เรยี นรู้และสร้างความกระตือรือรน้ ในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน (Soh, 2020) คำถามชวนคิด 2.2 : เทคโนโลยแี ละการส่ือสารทางการศึกษาสามารถช่วยให้เราเปดิ กวา้ งความคดิ และความคิดสรา้ งสรรคไ์ ด้อย่างไรในกระบวนการเรยี นรู้ของเรา? ธรี ชาติ นอ้ ยสมบตั ิ คณะศึกษาศาสตร์และนวตั กรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลัยกาฬสนิ ธุ์

39 แนวทางและหลักการ นวัตกรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และสื่อสารการศึกษา การบูรณาการเทคโนโลยีและสือ่ สารการศกึ ษาในหอ้ งเรยี น การบูรณาการเทคโนโลยแี ละการส่ือสารทางการศึกษาในห้องเรียนเปน็ แนวทางทส่ี ำคัญใน การสนบั สนนุ กระบวนการเรยี นรูแ้ ละการสอนในปัจจุบนั (Smith, 2019) การนำเทคโนโลยีเข้าสู่ ห้องเรยี นช่วยใหผ้ เู้ รยี นมโี อกาสในการเรียนรทู้ ่นี ่าสนใจและมปี ระสทิ ธิภาพมากยิง่ ขึ้น การใช้ เทคโนโลยใี นการสอื่ สารทางการศกึ ษาชว่ ยให้ส่อื สารระหวา่ งครูและผ้เู รียนมีความราบร่นื และร่วมมือ กนั ในกระบวนการเรยี นรู้ นอกจากน้ี เทคโนโลยียังชว่ ยใหค้ รสู ามารถใช้เครื่องมือและแอปพลเิ คชันที่ มอี ยใู่ นปัจจุบนั เพื่อสรา้ งประสบการณ์การเรียนรทู้ ีน่ า่ สนใจและมปี ระสิทธิผลได้ (Smith, 2019) การบรู ณาการเทคโนโลยแี ละการสอ่ื สารทางการศึกษาในห้องเรียนสามารถทำไดโ้ ดยใช้ เครือ่ งมอื และแอปพลเิ คชนั ทเ่ี หมาะสมสำหรบั การสอนและการเรียนรู้ (Smith, 2019) ในปจั จบุ ันมี เครื่องมอื ทางเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ไดไ้ ด้แก่คอมพวิ เตอร์และอินเทอร์เนต็ แทบ็ เลต็ และสมารท์ โฟน และซอฟต์แวร์การสรา้ งสื่อการเรียนรู้ (Smith, 2019) การใช้คอมพวิ เตอร์และอินเทอร์เน็ตในห้องเรยี นช่วยให้ผู้เรยี นสามารถเขา้ ถงึ ข้อมูลและ แหล่งเรยี นรู้ทห่ี ลากหลายได้อย่างงา่ ยดาย นอกจากน้ี ครยู ังสามารถใชอ้ นิ เทอร์เน็ตในการค้นคว้าและ แบง่ ปนั ข้อมลู เพิ่มเติมเพ่ือเสริมสรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ (Smith, 2019) แท็บเลต็ และสมารท์ โฟนเปน็ เครือ่ งมือท่ีสะดวกและพกพาได้งา่ ยที่ผู้เรยี นสามารถใชเ้ ขา้ ถึง แหลง่ เรยี นรแู้ ละแอปพลิเคชันการเรียนรทู้ ่ีเหมาะสมตามความต้องการของตนเอง ผเู้ รยี นสามารถใช้ แทบ็ เลต็ หรือสมาร์ทโฟนในการศกึ ษาแบบอินเทอร์แอ็กทีฟ การแชทกับครูและเพ่ือนร่วมเรียน และ การแบง่ ปันงานท่สี ร้างสรรค์กับผ้อู ื่น (Smith, 2019) ซอฟตแ์ วรก์ ารสรา้ งสือ่ การเรยี นรูเ้ ป็นเครอ่ื งมือทีช่ ว่ ยในการสร้างสอ่ื การเรียนรู้ทนี่ ่าสนใจ เชน่ การสรา้ งวดิ โี อการอธิบายเนอื้ หา การสร้างแผนผังความคดิ และการออกแบบการเรียนร้ใู น รูปแบบตา่ งๆ ผู้เรียนสามารถใช้ซอฟตแ์ วร์เหล่านีใ้ นการสรา้ งส่ือการเรียนรู้เพ่อื เสริมสรา้ งความเข้าใจ และความรู้ของตนเอง (Smith, 2019) การบรู ณาการเทคโนโลยแี ละการสือ่ สารทางการศึกษาในห้องเรยี นชว่ ยใหก้ ารสอนและ การเรยี นร้มู ปี ระสิทธภิ าพและน่าสนใจมากยิง่ ข้นึ ครคู วรมีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยแี ละ การสื่อสารทางการศึกษาในการสอนอยา่ งเหมาะสม เพ่ือให้ผู้เรยี นได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่เตม็ ประสิทธิภาพและมคี ุณภาพสูง (Smith, 2019) ข้อกำหนดการสอน ในการบูรณาการเทคโนโลยแี ละการสื่อสารทางการศกึ ษาในหอ้ งเรียน จำเป็นต้องมี ข้อกำหนดการสอน (pedagogical considerations) ท่ีถกู ตอ้ งเพื่อให้กระบวนการเรยี นร้เู ปน็ ไป อย่างมีประสิทธภิ าพและสอดคล้องกับวตั ถุประสงค์การเรียนรขู้ องผู้เรยี น นี่คือบางประเด็นทคี่ วร พจิ ารณา: ธรี ชาติ น้อยสมบัติ คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละนวตั กรรมการศึกษา มหาวิทยาลัยกาฬสนิ ธุ์

40 แนวทางและหลกั การ นวตั กรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และส่ือสารการศกึ ษา 1. วัตถุประสงค์การเรียนร้:ู การใชเ้ ทคโนโลยีและการสื่อสารทางการศึกษาควรเน้นการสอนที่ มงุ่ เนน้ ผลการเรียนรูข้ องผู้เรยี น ครูควรระบุวตั ถปุ ระสงค์เพื่อใหช้ ดั เจนวา่ เทคโนโลยีจะชว่ ย ในการบูรณาการและเสริมสร้างการเรยี นรู้ทเี่ ต็มประสิทธิภาพ ตวั อย่างเช่น การสรา้ งและ พฒั นาทกั ษะการแกป้ ญั หาหรือการสื่อสาร 2. การออกแบบและการใช้เทคโนโลย:ี ครูควรพิจารณาการออกแบบการใชเ้ ทคโนโลยใี ห้ เหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์การเรียนร้แู ละกิจกรรมการสอน การเลอื กใช้แอปพลเิ คชนั โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือเครือ่ งมืออน่ื ๆ ควรจะเน้นความง่ายต่อการใช้งาน การเขา้ ถึง ข้อมลู และการสรา้ งส่ือการเรียนรทู้ ี่น่าสนใจและมีประสิทธิผล 3. การสรา้ งองคค์ วามรู้: เทคโนโลยแี ละการสอ่ื สารทางการศึกษาสามารถช่วยสรา้ งองคค์ วามรู้ ได้ในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ วดิ โี อการอธบิ ายเน้อื หา แผนผงั ความคดิ และซอฟตแ์ วร์การสร้าง สอื่ การเรยี นรู้ ครูควรสรา้ งสถานการณท์ ่ชี ่วยใหผ้ เู้ รยี นมีการตอบสนองและปฏิสมั พนั ธก์ ับ เทคโนโลยเี พ่อื สร้างการเรยี นรทู้ ีเ่ ข้าใจได้งา่ ยและต่อเนอ่ื ง 4. การประเมินผลการเรียนรู:้ การผสมผสานเทคโนโลยีและการส่ือสารทางการศกึ ษาควรมีการ ประเมนิ ผลเพื่อวดั ความสำเร็จของการเรียนร้ขู องผเู้ รียน ครคู วรใช้เคร่อื งมือหรือแอปพลิเค ชนั ที่ชว่ ยในการประเมนิ ผลอย่างมีประสิทธภิ าพ เช่น แบบทดสอบออนไลน์ การประเมนิ ผล ผ่านแอปพลเิ คชัน หรอื การติดตามความก้าวหน้าผ่านระบบออนไลน์ การคำนึงถึงข้อกำหนดการสอนเหลา่ น้ีจะช่วยใหผ้ ู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ท่ี เต็มประสิทธภิ าพและมีคุณภาพสูง และสอดคล้องกบั การใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารทางการศึกษา (Smith, 2019) การจับคู่เทคโนโลยกี บั วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ เมอ่ื ครนู ำเทคโนโลยเี ขา้ มาใช้ในการสอนและการสื่อสารทางการศึกษาในห้องเรียน ส่งิ สำคญั ทส่ี ดุ คือการจับคู่เทคโนโลยีกับวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรขู้ องผเู้ รยี น เน่อื งจากจะช่วยให้การใช้ เทคโนโลยเี ป็นประโยชน์และสอดคล้องกบั การพฒั นาทกั ษะและความรู้ของผู้เรยี นได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ (Martin & Stager, 2017) เพอื่ จบั คู่เทคโนโลยีกับวตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ ครูควรทำตามขน้ั ตอนเหลา่ น:ี้ 1. วางแผนการเรียนรู้: ครคู วรเริม่ ต้นด้วยการวางแผนวัตถปุ ระสงค์การเรยี นรู้ที่ชดั เจนและบอก เกยี่ วกบั ความร้แู ละทักษะที่ผู้เรียนควรได้รบั อยา่ งเชน่ การพัฒนาทกั ษะการแก้ปญั หาหรอื การส่ือสาร การทำเช่นนช้ี ว่ ยให้ครูสามารถระบุวา่ เทคโนโลยีใดท่เี หมาะสมและสามารถช่วย ในกระบวนการเรียนรไู้ ด้มากทีส่ ุด (Puentedura, 2014) 2. เลอื กเทคโนโลยีทเ่ี หมาะสม: ครคู วรพจิ ารณาและเลือกใชเ้ ทคโนโลยที ่ีสอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงค์การเรยี นรู้ ควรพิจารณาถงึ ความเหมาะสมของแอปพลิเคชนั โปรแกรม ธรี ชาติ น้อยสมบัติ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวตั กรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลยั กาฬสินธ์ุ

41 แนวทางและหลักการ นวตั กรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และสื่อสารการศึกษา คอมพวิ เตอร์ หรืออปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการสื่อสาร เพื่อให้สอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ และสามารถสนับสนนุ กระบวนการเรียนร้ไู ด้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ (Lai & Bower, 2019) 3. สรา้ งประสบการณก์ ารเรียนรู้ที่มีความหลากหลาย: การใช้เทคโนโลยีสามารถสรา้ ง ประสบการณ์การเรียนรทู้ ่ีหลากหลายได้ เชน่ การใชว้ ิดโี อ เกมการเรียนรู้ หรือการสร้างสอื่ การเรียนรู้ที่ประกอบไปด้วยเสียง ภาพ และการปฏิสมั พนั ธ์ เพือ่ สร้างสภาพแวดล้อมการ เรยี นรู้ที่น่าสนใจและสนกุ สนาน (Johnson, Adams Becker, Estrada, & Freeman, 2015) 4. ประเมินผลการเรยี นร้:ู การประเมินผลเปน็ ขนั้ ตอนสำคัญในการจบั ค่เู ทคโนโลยีกับ วตั ถุประสงค์การเรียนรู้ ครคู วรใชเ้ ครอื่ งมือหรือแอปพลิเคชันท่ีช่วยในการประเมินผลอย่างมี ประสทิ ธิภาพ เช่น แบบทดสอบออนไลน์ การประเมนิ ผลผา่ นแอปพลิเคชัน หรอื การตดิ ตาม ความกา้ วหนา้ ผา่ นระบบออนไลน์ (Wiggins, 2012) การจับคูเ่ ทคโนโลยีกบั วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรจู้ ะช่วยให้ผเู้ รยี นได้รบั ประสบการณ์การ เรียนรูท้ ี่มีคณุ ภาพและตอบสนองต่อความต้องการของผเู้ รียนอย่างเหมาะสม (Rosenberg, 2013) การเลอื กใช้เคร่ืองมอื เทคโนโลยที ี่เหมาะสม การบรู ณาการเทคโนโลยแี ละการสื่อสารทางการศึกษาในห้องเรียนเปน็ ส่งิ สำคัญ ครู ควรพิจารณาเลือกใชเ้ ครือ่ งมือทเี่ หมาะสมกบั วัตถปุ ระสงค์การเรยี นรแู้ ละสนบั สนุนกระบวนการ เรียนรู้ให้มปี ระสิทธิภาพ (Bauer & Kenton, 2020) 1. พจิ ารณาความเหมาะสมกับเนือ้ หาการเรียนรู้: ครูควรพิจารณาเลอื กใชเ้ ครอ่ื งมือเทคโนโลยที ่ี สอดคลอ้ งกับเน้ือหาการเรยี นรูท้ ่ีกำลังสอน เช่น การใชโ้ ปรแกรมสรา้ งสอ่ื อุปกรณ์สือ่ สาร ออนไลน์ อุปกรณ์สำหรับการสรา้ งและแก้ไขภาพ หรอื อปุ กรณ์สำหรบั การสร้างวดิ โี อ (Martin & Stager, 2017) 2. พจิ ารณาความเหมาะสมกบั รูปแบบการเรยี นร:ู้ ครูควรพิจารณาเลอื กใช้เครอ่ื งมือเทคโนโลยี ที่เหมาะสมกับรปู แบบการเรยี นร้ทู ตี่ ้องการ เช่น การใช้แอปพลิเคชันสำหรับฝึกทักษะทาง ภาษา การใชโ้ ปรแกรมสำหรับการจัดการเวลา หรอื การใช้เครอ่ื งมือสรา้ งสรรคเ์ น้ือหา (Puentedura, 2014) 3. พิจารณาความพร้อมทางเทคนิคและการบำรุงรกั ษา: ครูควรพจิ ารณาความพร้อมทาง เทคนิคของเครื่องมือเทคโนโลยแี ละการบำรุงรกั ษาเคร่ืองมือใหใ้ ช้งานไดอ้ ยา่ งเต็ม ประสทิ ธิภาพ รวมถงึ ความพร้อมทางเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต (Rosenberg, 2013) 4. พิจารณาประสทิ ธภิ าพและความจำเป็น: ครูควรพิจารณาเลือกใชเ้ ครื่องมอื ท่ีมปี ระสิทธภิ าพ และจำเปน็ ต่อกระบวนการเรียนรู้และมผี ลต่อความสำเรจ็ ของวตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ (Johnson, Becker, Estrada, & Freeman, 2015) ธรี ชาติ นอ้ ยสมบัติ คณะศึกษาศาสตรแ์ ละนวตั กรรมการศึกษา มหาวิทยาลยั กาฬสนิ ธุ์

42 แนวทางและหลกั การ นวตั กรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และสื่อสารการศกึ ษา การเลือกใชเ้ คร่อื งมือเทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมจะชว่ ยใหก้ ารใช้เทคโนโลยีและการสอื่ สารทางการศึกษา เปน็ ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ที่มีประสทิ ธภิ าพและสนกุ สนานยงิ่ ข้นึ สำหรบั นกั เรยี น (Wiggins, 2012) การสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจ การสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจเปน็ สง่ิ สำคัญในการผสมผสานเทคโนโลยแี ละ การสอ่ื สารทางการศึกษาในห้องเรยี น การสรา้ งประสบการณ์ท่ีเชงิ สรา้ งสรรค์และน่าสนใจจะช่วย สรา้ งสภาพแวดล้อมท่สี ง่ เสริมการเรียนรู้ทมี่ ีความทา้ ทายและมีความสนุกสนาน (Bower, 2016) เพื่อสรา้ งประสบการณก์ ารเรียนรู้ที่นา่ สนใจ ครูสามารถใช้เครือ่ งมือเทคโนโลยที ี่ หลากหลายในการสรา้ งสื่อและกิจกรรมท่เี ป็นมิตรตอ่ การเรียนรู้ ตวั อยา่ งเช่น การใช้แอปพลเิ คชนั สรา้ งภาพและวิดีโอ เคร่ืองมอื สรา้ งและแก้ไขภาพ การใชแ้ พลตฟอร์มการสร้างส่ือแบบออนไลน์ หรือ การใชโ้ ปรแกรมสรา้ งสรรค์เน้ือหา (Martin & Stager, 2017) นอกจากนี้ เครือ่ งมือเทคโนโลยีอ่ืน ๆ เช่น การสนทนาออนไลน์ ภาพยนตร์การ์ตูนการ สอน หรือโปรแกรมการจำลองสภาพการเรยี นรู้ ยงั สามารถใชเ้ พ่อื สรา้ งประสบการณก์ ารเรียนรู้ที่ นา่ สนใจและสร้างความสมานฉนั ท์ในการเรยี นรู้ (Puentedura, 2014) การสร้างประสบการณ์การเรียนรทู้ ่ีน่าสนใจและมีความมุ่งม่นั สามารถชว่ ยใหน้ ักเรียนมี ความกระตอื รือร้นในการเรยี นรู้ และสง่ ผลใหเ้ กดิ การนำความรมู้ าใช้ในสถานการณจ์ รงิ ได้ (Bauer & Kenton, 2020) สือ่ มลั ตมิ เี ดียแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ การใช้สือ่ มลั ติมีเดยี แบบอินเตอรแ์ อ็กทีฟเป็นวธิ ีหนงึ่ ในการสรา้ งประสบการณก์ าร เรยี นร้ทู ่ีนา่ สนใจและมีประสิทธิภาพในการผสมผสานเทคโนโลยแี ละการสื่อสารทางการศึกษาใน ห้องเรียน การใชส้ อ่ื มัลติมเี ดียท่ีสามารถประกอบดว้ ยภาพเคลื่อนไหว วดิ โี อ แอนิเมชัน กราฟกิ และ เสยี ง ชว่ ยเพมิ่ ประสบการณท์ ี่สมจรงิ และสร้างความสนใจในการเรียนรู้ (Mayer, 2017) การใช้สื่อมัลติมีเดยี แบบอินเตอรแ์ อ็กทีฟสามารถช่วยสรา้ งประสบการณ์การเรียนรทู้ ี่ สมจรงิ และมีความสมานฉันท์ นักเรียนสามารถเข้าถึงขอ้ มูลและแหลง่ เรยี นรู้ทีห่ ลากหลายผ่าน ภาพเคล่ือนไหว วิดีโอคลปิ และแอนเิ มชนั ทีเ่ ตม็ ไปดว้ ยส่ือสารทางดา้ นเสยี ง ทำให้นักเรียนสามารถ รับรแู้ ละเข้าใจได้งา่ ยขึน้ (Mayer, 2017) นอกจากน้ี สื่อมลั ตมิ ีเดยี แบบอนิ เตอร์แอ็กทีฟยงั ช่วยส่งเสรมิ การเรียนรแู้ บบมสี ว่ นรว่ ม นักเรียนสามารถมกี ารตอบสนองและแสดงความคดิ เห็นของตนเองต่อสอื่ นน้ั ได้ ทำให้เกดิ การ แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ และการสรา้ งความร่วมมือในการเรียนรู้ (Sung et al., 2018) การใชส้ ือ่ มลั ติมีเดยี แบบอินเตอรแ์ อ็กทีฟในการเรียนรูย้ ังชว่ ยสร้างสถานการณ์ท่ีมีความ สนุกสนานและนา่ สนใจ การผสมผสานรูปแบบการเรยี นรู้ท่ีน่าสนใจเช่นการแข่งขัน ซมิ โฟนี หรอื เกม ทางการศกึ ษา สามารถเป็นกลไกที่สร้างความสนใจและกระต้นุ ความกระตือรือรน้ ในการเรียนรู้ (Hwang & Wu, 2019) ธรี ชาติ น้อยสมบตั ิ คณะศึกษาศาสตร์และนวตั กรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลัยกาฬสินธุ์

43 แนวทางและหลกั การ นวัตกรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และสื่อสารการศึกษา การเลน่ เกม การนำเอาแนวคดิ ของเกมมาใช้ในกระบวนการเรยี นรูเ้ รียกวา่ \"การเล่นเกม\" (Gamification) เปน็ วธิ หี นง่ึ ที่สามารถสรา้ งประสบการณ์การเรียนรู้ทนี่ า่ สนใจและมีความมุ่งหมาย ใหก้ ับนักเรยี น (Plass et al., 2014) การเล่นเกมในการเรียนรู้สามารถใช้ในหลายรปู แบบ เช่น การ ใช้ระบบและกตกิ าทเี่ กีย่ วข้องกับเกม การตงั้ เป้าหมายและการสะสมคะแนน การใหร้ างวัลและระบบ ระดบั เพื่อให้นักเรียนมีสว่ นร่วมและความกระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ (Hamari et al., 2014) การนำเอาการเลน่ เกมในการเรียนรูช้ ว่ ยสร้างความสนุกสนานและสร้างความตั้งใจใน การเรยี นรู้ นกั เรียนมีความกระตือรือรน้ ในการได้รบั คะแนน รางวลั หรอื ระดบั ใหม่ในเกมทไี่ ด้รบั การ ออกแบบอย่างเหมาะสม (Nicholson, 2015) เกมยงั ช่วยสรา้ งความร่วมมือและการแลกเปลย่ี น ความคิดเหน็ ระหวา่ งนกั เรียน เพิม่ ประสทิ ธิภาพในการทำงานเป็นทีม และสร้างการแขง่ ขันทีส่ ร้าง สมดุลในการเรียนรู้ (Peters et al., 2013) การนำเอาการเล่นเกมในการเรียนรยู้ งั สามารถสรา้ งประสบการณ์การเรยี นรู้ที่ ตอบสนองต่อนักเรยี นแตล่ ะคน โดยการปรับแต่งระดับความยากง่าย และเนื้อหาทเ่ี หมาะสมสำหรบั ความสามารถและความสนใจของนักเรียน (Bellotti et al., 2013) การใช้เกมในการเรียนร้สู ามารถ สร้างองค์ความรใู้ หม่ สอนทักษะทางวิชาชีพ และส่งเสรมิ การเรยี นรู้ท่เี ชือ่ มโยงกับชีวิตประจำวัน (Kapp, 2012) คำถามชวนคดิ 2.3 : การบูรณาการเทคโนโลยีและการส่ือสารทางการศึกษาในหอ้ งเรียนมี ผลกระทบอยา่ งไรตอ่ กระบวนการเรียนรูแ้ ละการสอนในอนาคต? คุณวางแผนท่จี ะใช้เทคโนโลยแี ละ การสอ่ื สารเหลา่ นีใ้ นบทเรียนอย่างไรเพ่ือเพ่ิมประสทิ ธภิ าพและคุณภาพของการเรยี นรู้ในสถานการณ์ หอ้ งเรยี นของคุณเอง? การประเมนิ ผลและการให้ขอ้ เสนอแนะ การประเมินผลและการใหข้ ้อเสนอแนะเปน็ ส่วนสำคัญในการสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ ของนักเรียนในสถานการณ์การใชเ้ ทคโนโลยีและการส่อื สารทางการศึกษาในหอ้ งเรยี น (Junco et al., 2015) การใชเ้ ทคโนโลยีในการประเมนิ ผลและการใหข้ ้อเสนอแนะชว่ ยให้สามารถจดั การข้อมูล ของนักเรยี นได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและมีประสทิ ธิผล (Wang, 2017) เทคโนโลยีสามารถใชใ้ นการ รวบรวมข้อมลู การเรียนรู้ทหี่ ลากหลายรปู แบบ เชน่ การสร้างแบบทดสอบออนไลน์ การใชซ้ อฟตแ์ วร์ การประเมนิ ผล หรอื แบก็ แชนการเรียนรู้ (Reeves et al., 2017) การใช้เทคโนโลยีในการประเมนิ ผลและการให้ข้อเสนอแนะชว่ ยให้สามารถระบุ ความก้าวหนา้ และความเขา้ ใจของนักเรยี นในเร่ืองท่เี รยี นรู้ได้อย่างรวดเร็ว (Baek et al., 2018) การ ให้คำแนะนำและตชิ มผ่านแพลตฟอร์มออนไลนห์ รอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ือ่ สารเชิงสร้างสรรค์ เชน่ วิดโี อ ธีรชาติ นอ้ ยสมบัติ คณะศึกษาศาสตร์และนวัตกรรมการศึกษา มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

44 แนวทางและหลกั การ นวตั กรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และส่ือสารการศกึ ษา คำอธบิ าย หรือการแชทออนไลน์ เปน็ ตวั ชว่ ยทมี่ ปี ระสิทธภิ าพในการสรา้ งการเรียนรู้ท่ีมคี ุณภาพสูง (Davies et al., 2013) การประเมนิ ผลและการให้ข้อเสนอแนะท่ีใช้เทคโนโลยีในการสอื่ สารการศึกษาในห้องเรยี น ยงั ช่วยให้นกั เรยี นมีการตอบรับและการเข้าร่วมที่เพ่มิ ขึ้น (Junco et al., 2015) การให้ผลตอบรับ และข้อเสนอแนะผา่ นแพลตฟอร์มออนไลน์ทำใหน้ ักเรยี นร้สู ึกมีสว่ นร่วมในกระบวนการเรียนร้แู ละมี การพัฒนาเองอยา่ งต่อเนอื่ ง (Gikandi et al., 2011) การประเมินผลฟอร์เมทฟี และซมั เมทฟี การประเมนิ ผลฟอรเ์ มทีฟและซัมเมทีฟเป็นกระบวนการทสี่ ำคญั ในการวดั ความกา้ วหน้าและประสิทธผิ ลของการเรยี นรู้ของนักเรียน (Black et al., 2003) การใช้เทคโนโลยี เป็นเครอ่ื งมอื ในการประเมินฟอรเ์ มทีฟและซัมเมทีฟชว่ ยใหส้ ามารถทำไดไ้ ร้ขอ้ จำกัดในเวลาและที่ สะดวกสบาย (Lai & Bower, 2019). เทคโนโลยีสามารถช่วยให้ผู้สอนสร้างแบบทดสอบฟอร์เมทฟี ออนไลนท์ ส่ี ามารถให้ข้อมลู และขอ้ เสนอแนะในเวลาเดียวกัน (Herbert & Stowell, 2013) นอกจากนี้เทคโนโลยยี งั ช่วยให้นกั เรียนสามารถทำซัมเมทีฟแบบออนไลน์ได้ เช่น การส่งงานผ่าน ระบบออนไลน์ การใชเ้ คร่ืองมือออนไลนใ์ นการประเมินผล หรือการสรา้ งพอร์ตการเรยี นร้อู อนไลน์ (Chao et al., 2020) การประเมนิ ฟอรเ์ มทีฟเปน็ กระบวนการที่ทำขึ้นในระหว่างกระบวนการเรียนรเู้ พ่ือให้ ผู้สอนและนักเรียนได้รับข้อมูลเพือ่ ปรบั ปรงุ กระบวนการเรียนรตู้ ่อไป (Black et al., 2003) การ ประเมนิ ฟอร์เมทีฟใช้เครื่องมือและเทคนิคที่หลากหลาย เช่น แบบสอบถามออนไลน์ กจิ กรรมเชิง สร้างสรรค์ หรือการให้คำถามผา่ นแพลตฟอร์มออนไลน์ (Nicol & Macfarlane-Dick, 2006) การประเมินซมั เมทฟี เปน็ กระบวนการทท่ี ำหลังจากการเรียนรเู้ พ่ือวัดระดบั ความรู้และ ความเข้าใจของนักเรยี นท่ีไดร้ ับ (Black et al., 2003) เทคโนโลยีมบี ทบาทสำคัญในการประเมนิ ซมั เมทฟี เชน่ การใชร้ ะบบการประเมนิ ออนไลน์ การให้คำปรึกษาผ่านเวบ็ ไซต์ หรือการใชแ้ อปพลิเคชัน ท่ีสามารถวัดความรู้และทักษะของนกั เรยี นได้ (Hattie & Timperley, 2007) การใหค้ ำแนะนำและขอ้ เสนอแนะท่ีทันเวลาและสรา้ งสรรค์ การให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะที่ทันเวลาและสร้างสรรค์เปน็ สงิ่ สำคญั ใน กระบวนการประเมินผลการเรียนรู้ (Nicol & Macfarlane-Dick, 2006) การใชเ้ ทคโนโลยีเป็น เคร่ืองมือในการให้คำติชมและแสดงความคิดเห็นสามารถช่วยให้ผ้สู อนสง่ ผลตอบรับให้นักเรียนได้ ทันทแี ละมีคุณภาพ (Morrison et al., 2017) เครอื่ งมอื เหลา่ นี้รวมถงึ ระบบการแสดงความคดิ เหน็ ออนไลน์ แพลตฟอร์มการประเมนิ ผลออนไลน์ หรือแอปพลิเคชนั ท่ชี ่วยในการให้คำติชมและแสดง ความคิดเห็น (Hattie & Timperley, 2007) การใช้เทคโนโลยใี นการให้คำตชิ มและแสดงความคิดเหน็ สามารถเพ่มิ ประสิทธิภาพของ กระบวนการเรียนรู้ได้ (Hattie & Timperley, 2007). นกั เรยี นสามารถรบั ข้อเสนอแนะจากผ้สู อน ผ่านแพลตฟอรม์ ออนไลนท์ ีส่ ะดวกและเข้าถึงได้งา่ ย และสามารถติดตามความกา้ วหนา้ ของการ ธีรชาติ น้อยสมบัติ คณะศึกษาศาสตรแ์ ละนวัตกรรมการศึกษา มหาวิทยาลัยกาฬสนิ ธ์ุ

45 แนวทางและหลักการ นวัตกรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และส่ือสารการศกึ ษา เรียนรู้ของตนเองได้ (Morrison et al., 2017). เทคโนโลยียงั ช่วยให้ผู้สอนสามารถใช้ระบบการแสดง ความคดิ เหน็ อตั โนมัติเพ่อื ประเมินความเข้าใจของนักเรียน และใหค้ ำแนะนำในการปรับปรงุ การ เรยี นรู้ (van der Kleij et al., 2015) คำถามชวนคดิ 2.4 : การใชเ้ ทคโนโลยใี นการประเมนิ ผลและการให้ขอ้ เสนอแนะในการส่อื สาร การศึกษาในห้องเรยี นมีผลกระทบอยา่ งไรตอ่ กระบวนการเรยี นร้ขู องนักเรยี นและการพัฒนาทกั ษะ ของพวกเขา? คุณวางแผนทจี่ ะใชเ้ ทคโนโลยีและการส่ือสารเหลา่ นใี้ นการประเมินผลและการให้ ขอ้ เสนอแนะในสถานการณ์การเรียนรู้ของนักเรยี นอยา่ งไรเพือ่ สร้างประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ ม่ี ี คณุ ภาพและส่งเสริมพัฒนาทักษะของนกั เรียนอย่างเต็มท?ี่ สรุป เราไดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกับแนวทางและหลกั การในการผสมผสานเทคโนโลยแี ละการสือ่ สารทาง การศึกษาในห้องเรียน ทำใหเ้ ราเข้าใจถึงประโยชน์ท่ีเกดิ ขนึ้ เม่อื นำเทคโนโลยีเขา้ มาใชใ้ นกระบวนการ สอนและการเรยี นรู้ (Bower, 2019; Prensky, 2001) เราไดเ้ ห็นว่าการใชเ้ ทคโนโลยแี ละการสื่อสารทางการศึกษาสามารถช่วยเพมิ่ ประสิทธภิ าพ ในการสอนและการเรียนรู้ ด้วยความสามารถในการสรา้ งประสบการณ์การเรียนร้ทู น่ี ่าสนใจและ นำเสนอข้อมลู ในรูปแบบทีห่ ลากหลาย (Dewiyanti et al., 2020; Roschelle & Teasley, 1995) นอกจากน้ียงั ชว่ ยให้การส่อื สารระหวา่ งผูส้ อนและผเู้ รยี นมีประสิทธภิ าพและอัพเดตข้อมลู อย่าง รวดเรว็ (Dörnyei & Ushioda, 2019) การสอนด้วยเทคโนโลยีและการส่อื สารทางการศึกษายงั เกี่ยวขอ้ งกับการพิจารณาด้านการ จดั การและการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการสอน โดยคำนึงถึงวตั ถุประสงคใ์ นการเรียนรู้และความ ตอ้ งการของผเู้ รยี น เพ่ือใหก้ ารเรยี นรเู้ ปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธิภาพและสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของ นักเรยี น (Vygotsky, 1978) นอกจากน้ี การใชเ้ ทคโนโลยีและการส่ือสารทางการศกึ ษายังเป็นเครอื่ งมอื ทสี่ ามารถให้ การประเมินผลและการติชมอยา่ งทนั ท่วงทีและสมำ่ เสมอ การให้ข้อมลู คำติชมและการแก้ไขอยา่ ง ทนั ทว่ งทีชว่ ยให้ผูเ้ รียนได้รับความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ประสทิ ธภิ าพของการเรยี นรู้ของตนเองและมีโอกาส ปรบั ปรงุ ในขณะเดยี วกัน (Dewiyanti et al., 2020) เมอ่ื เรานำเทคโนโลยีและการสือ่ สารทางการศึกษามาผสมผสานในการสอนและการเรยี นรู้ นักเรยี นจะมีโอกาสท่ีจะพฒั นาทักษะทจ่ี ำเปน็ สำหรบั การใช้เทคโนโลยีในการทำงานและ ชีวติ ประจำวนั ในอนาคต (Bower, 2019) ในทส่ี ดุ เทคโนโลยีและการส่ือสารทางการศึกษาเปน็ เครื่องมือที่มีศักยภาพในการ เปล่ยี นแปลงกระบวนการสอนและการเรยี นรูใ้ ห้มคี วามนา่ สนใจและมปี ระสทิ ธภิ าพมากย่งิ ขึ้น ธรี ชาติ นอ้ ยสมบตั ิ คณะศึกษาศาสตร์และนวัตกรรมการศึกษา มหาวิทยาลยั กาฬสินธ์ุ

46 แนวทางและหลักการ นวตั กรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และส่ือสารการศึกษา (Prensky, 2001) นกั เรียนควรจะเตรยี มพรอ้ มให้ตนเองเป็นผู้ท่ีสามารถนำเทคโนโลยีและการส่ือสาร ทางการศกึ ษามาใช้ในการสอนและการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ (Bower, 2019) ขอ้ สรุปของหัวขอ้ สำคัญ หลังจากทเ่ี ราไดศ้ ึกษาแนวทางและหลักการในการผสมผสานเทคโนโลยีและการสอ่ื สาร ทางการศกึ ษาในห้องเรยี นในรายวชิ านี้ มขี ้อสรปุ เนอื้ หาทีส่ ำคญั ทคี่ วรจำไว้ดงั นี้: 1. เทคโนโลยีและการส่อื สารทางการศกึ ษามปี ระโยชนม์ ากในการเพมิ่ ประสทิ ธิภาพในการสอน และการเรียนรู้ (Bower, 2019) การใชเ้ ทคโนโลยแี ละการส่ือสารทางการศึกษาชว่ ยสร้าง ประสบการณ์การเรียนรู้ทนี่ า่ สนใจและมีความหลากหลาย (Bower, 2019) 2. การสอื่ สารระหวา่ งผสู้ อนและผเู้ รยี นมปี ระสิทธภิ าพและอัพเดตข้อมูลอย่างรวดเร็ว (Bower, 2019) 3. การใชเ้ ทคโนโลยีและการสอื่ สารทางการศกึ ษาเกีย่ วข้องกับการเลอื กใช้เคร่ืองมือที่เหมาะสม ในการสอน (Dörnyei & Ushioda, 2019) 4. การใช้เทคโนโลยีและการส่ือสารทางการศึกษาสามารถให้การประเมนิ ผลและการตชิ มอย่าง ทันทว่ งทีและสมำ่ เสมอ (Dewiyanti et al., 2020) เมื่อนำเทคโนโลยแี ละการส่ือสารทางการศึกษามาผสมผสานในการสอนและการเรยี นรู้ นกั เรียนจะมโี อกาสทีจ่ ะพฒั นาทกั ษะทจ่ี ำเป็นสำหรับการใช้เทคโนโลยีในการทำงานและ ชวี ติ ประจำวันในอนาคต (Prensky, 2001) เราควรจะเตรียมพร้อมใหต้ นเองเปน็ ผทู้ ส่ี ามารถนำเทคโนโลยีและการสือ่ สารทาง การศกึ ษามาใชใ้ นการสอนและการเรยี นรู้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ (Vygotsky, 1978) ความสำคัญของการประยุกตใ์ ช้ การประยุกต์ใช้แนวทางและหลักการในเทคโนโลยีและการส่ือสารทางการศึกษามี ความสำคัญสงู มากในการสอนและการเรยี นร้ใู นสถานการณป์ ัจจบุ ัน นักเรยี นจำเป็นต้องเข้าใจถึง ความสำคัญของการประยุกตใ์ ช้และการนำเสนอแนวทางและหลักการเหล่าน้ีในการสอนและการ เรยี นรู้ ดงั นี้คอื สรุปเน้ือหาท่สี ำคัญเก่ียวกับการประยุกต์ใชแ้ นวทางและหลกั การในเทคโนโลยีและการ ส่ือสารทางการศกึ ษา: 1. สร้างประสบการณก์ ารเรยี นรู้ท่ีน่าสนใจ: การใช้เทคโนโลยีและการส่อื สารทางการศกึ ษาช่วย สรา้ งประสบการณ์การเรียนรู้ทีน่ ่าสนใจและนำเสนอข้อมลู ในรปู แบบที่หลากหลาย นกั เรียน จะมีโอกาสท่ีจะมสี ่วนรว่ มในกระบวนการเรยี นรู้อย่างเต็มที่ (Bower, 2019) 2. สื่อสารและอพั เดตข้อมลู อยา่ งรวดเร็ว: เทคโนโลยีและการส่ือสารทางการศึกษาช่วยใหก้ าร สื่อสารระหวา่ งผู้สอนและผูเ้ รียนมปี ระสิทธภิ าพและอัพเดตขอ้ มลู อยา่ งรวดเร็ว นกั เรียน ธีรชาติ นอ้ ยสมบตั ิ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวตั กรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลัยกาฬสนิ ธ์ุ

47 แนวทางและหลกั การ นวตั กรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และสื่อสารการศึกษา สามารถรับข้อมูลใหม่ๆและติดตามความกา้ วหนา้ ได้อยา่ งรวดเรว็ (Roschelle & Teasley, 1995) 3. การเรียนรทู้ ี่สอดคล้องกับความตอ้ งการของนักเรยี น: การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีและการ ส่อื สารทางการศึกษาเกย่ี วขอ้ งกบั การพิจารณาด้านการจดั การและการใช้เครื่องมือท่ี เหมาะสมในการสอน โดยคำนงึ ถึงวัตถปุ ระสงค์ในการเรยี นรแู้ ละความต้องการของผู้เรียน เพือ่ ใหก้ ารเรยี นรูเ้ ปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพและสอดคลอ้ งกับความต้องการของนักเรียน (Dewiyanti, Zubaidah & Mahanal, 2020) 4. การประเมินผลและการติชมทันทว่ งที: เทคโนโลยีและการสื่อสารทางการศึกษาเป็น เครอ่ื งมอื ท่ีสามารถใหก้ ารประเมินผลและการติชมอยา่ งทันทว่ งทแี ละสมำ่ เสมอ การให้ ข้อมูลคำตชิ มและการแก้ไขอย่างทันท่วงทชี ว่ ยใหผ้ ูเ้ รยี นได้รับความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ประสทิ ธภิ าพของการเรยี นรขู้ องตนเองและมโี อกาสปรับปรุงในขณะเดยี วกัน (Dörnyei & Ushioda, 2019) การประยุกต์ใช้แนวทางและหลกั การในเทคโนโลยีและการสื่อสารทางการศึกษาเป็นปัจจยั สำคญั ทมี่ ผี ลต่อกระบวนการสอนและการเรียนรใู้ ห้มีความน่าสนใจและมีประสทิ ธิภาพมากยง่ิ ขน้ึ นักเรยี นควรเตรียมพรอ้ มใหต้ นเองใชเ้ ทคโนโลยแี ละการสือ่ สารทางการศึกษาในการสอนอยา่ งถูกต้อง และมีประสิทธภิ าพ เพื่อเตรยี มความพร้อมในการเปน็ ผสู้ อนทเ่ี ปน็ กำลงั ใจและเต็มใจที่สุดสำหรับ นกั เรียน (Mouza, 2018) แนวโน้มและปจั จยั สำหรบั อนาคต เราได้รบั ความรเู้ กยี่ วกับแนวโนม้ และหลกั การในการผสมผสานเทคโนโลยีและการส่ือสาร ทางการศกึ ษาในหอ้ งเรียนและความสำคัญของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและการส่ือสารทาง การศกึ ษาในกระบวนการสอนและการเรยี นรู้ ซง่ึ เป็นปจั จัยสำคัญที่มผี ลต่อการพัฒนาทักษะและ ความสามารถของนกั เรยี นในอนาคต ในอนาคตของการศึกษา มแี นวโนม้ และปัจจยั ท่คี วรพจิ ารณาเพอื่ ใหก้ ารใช้เทคโนโลยแี ละ การสือ่ สารทางการศึกษาเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพและสอดคล้องกับความต้องการของนักเรยี น ตอ่ ไปน้ีคอื ปัจจัยเหล่านัน้ : 1. การพฒั นาและการเปลยี่ นแปลงเทคโนโลย:ี เทคโนโลยีเปน็ ส่ิงท่เี ปลี่ยนแปลงอย่ตู ลอดเวลา ดังนัน้ นักเรียนควรทราบและเขา้ ใจเก่ียวกบั แนวโนม้ และพัฒนาการของเทคโนโลยี เพือ่ ใชใ้ น กระบวนการสอนและการเรยี นรอู้ ยา่ งเหมาะสม 2. การสร้างสรรคแ์ ละการแกไ้ ขปญั หา: ในสภาวะท่เี ทคโนโลยีเปน็ สว่ นสำคัญของการเรยี นรู้ นกั เรยี นควรได้รับการสอนในการพฒั นาทกั ษะการสรา้ งสรรคแ์ ละการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ สามารถตอบสนองต่อแนวโนม้ และอุปสรรคท่เี กดิ ขึ้นในการใช้เทคโนโลยี ธีรชาติ น้อยสมบตั ิ คณะศึกษาศาสตรแ์ ละนวัตกรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลยั กาฬสินธ์ุ

48 แนวทางและหลกั การ นวัตกรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และส่ือสารการศกึ ษา 3. ความรบั ผดิ ชอบและจริยธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยี: นักเรยี นควรมกี ารใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ ง รบั ผิดชอบและสรา้ งความสำเร็จในการเรียนรู้ และมีการใชเ้ ทคโนโลยใี นทางที่เป็นธรรมและ ไมเ่ ปน็ อนั ตรายต่อผูอ้ ื่น 4. การพัฒนาทกั ษะทีจ่ ำเป็นสำหรบั การใช้เทคโนโลยีในอนาคต: นกั เรยี นควรได้รับการสอนใน การพฒั นาทกั ษะทีจ่ ำเปน็ สำหรับการใชเ้ ทคโนโลยีในการทำงานและชวี ติ ประจำวันใน อนาคต เพอ่ื เตรียมความพร้อมในการเป็นผูส้ อนทเ่ี ต็มใจและเต็มใจทสี่ ุดสำหรบั นักเรยี น สรุป การสำรวจและปฏิสัมพันธก์ บั แนวโนม้ และปัจจัยท่ีได้กลา่ วถงึ จะช่วยใหน้ ักเรียนเป็น ผู้สอนท่มี คี วามเขา้ ใจและเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยแี ละการส่ือสารทางการศกึ ษาในกระบวนการ สอนและการเรยี นรู้ และจะเตรยี มพรอ้ มให้ตนเองเปน็ ผทู้ ส่ี ามารถนำเทคโนโลยีและการส่ือสารทาง การศึกษามาใชใ้ นการสอนและการเรียนรู้อย่างมปี ระสิทธภิ าพในอนาคต **************** ธีรชาติ น้อยสมบัติ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวตั กรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลยั กาฬสินธ์ุ

49 แนวทางและหลักการ นวัตกรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และสื่อสารการศึกษา คำถามทา้ ยบท 1. ในกระบวนการการเรยี นรู้ในสถาบนั การศกึ ษาในปจั จบุ นั , การสอื่ สารทางเทคโนโลยแี ละ การศึกษามีบทบาทสำคัญอย่างไรในการส่งเสริมการเรียนรู้ทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพและพัฒนา ทักษะของนักเรียน? 2. นกั ศึกษาจะไดร้ ับประโยชน์อย่างไรจากการทำความเข้าใจและปฏบิ ัติตามหลักการและ แนวคดิ ในการสื่อสารทางเทคโนโลยแี ละการศกึ ษาที่ได้ถูกนำเสนอในบทเรยี นนี้? 3. ในทฤษฎีพฤติกรรมนิยมในการศึกษาและการสื่อสารทางการศึกษา พฤติกรรมที่สามารถ มองเหน็ ไดแ้ ละวัดไดเ้ ปน็ หลักในกระบวนการเรียนรู้ คุณคิดว่าการใช้แอปพลิเคชนั การเรียนรู้ ที่มีระบบการให้รางวัลหรือการกดปุ่มเพื่อเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์สามารถสนับสนุน แนวคดิ นไี้ ดอ้ ย่างไร? 4. การใช้แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์หรือแอปพลิเคชันการเรียนรู้ที่มีระบบการให้คะแนน และการติดตามความก้าวหน้า สามารถสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนกระบวนการเรียนรูข้ อง นักเรยี นได้อย่างไร? 5. ทฤษฎีสรรคส์ รา้ งนิยม (constructivism) มงุ่ เน้นอะไรในกระบวนการเรยี นร้แู ละการสร้าง ความรูข้ องบุคคล? และผู้เรยี นมบี ทบาทอยา่ งไรในกระบวนการเรยี นรตู้ ามทฤษฎนี ้ี? 6. ทฤษฎีเช่อื มโยงความรเู้ น้นการสร้างเครือข่ายความร้ทู ี่มีคนทมี่ คี วามรแู้ ละประสบการณ์ที่ หลากหลาย เพือ่ เพ่มิ ความเข้าใจและความรู้ของผ้เู รียน ในทางปฏิบตั ิผู้เรียนสามารถ เชอื่ มโยงและแบง่ ปนั ความรู้กับผ้เู ชยี่ วชาญและเพอื่ นรว่ มเรียนผา่ นช่องทางใดบา้ ง? 7. เทคโนโลยแี ละการสือ่ สารทางการศึกษามบี ทบาทสำคัญในการสรา้ งประสบการณก์ ารเรียนรู้ ทน่ี ่าสนใจสำหรบั ผู้เรียน โปรดอธบิ ายหลกั การใดท่สี ำคัญในการใช้เทคโนโลยีเพื่อเสรมิ สรา้ ง ประสบการณ์การเรยี นรูท้ ่ีน่าสนใจและมีความหมายสำหรับผู้เรียน? 8. หลกั การสำคัญในการออกแบบการเรียนการสอนทีเ่ ป็นสากล (UDL) รวมถงึ ความเข้าถึงท้ัง ผู้เรียนและความหลากหลายในรูปแบบการเรียนรู้ โปรดอธิบายวา่ เทคโนโลยแี ละการสือ่ สาร ทางการศกึ ษาเปน็ เคร่ืองมืออยา่ งไรที่ส่งเสรมิ และสนบั สนุนหลักการเหลา่ น้ี? 9. การเรยี นรแู้ บบรว่ มมือหมายถึงอะไรและทำไมการใชเ้ ทคโนโลยแี ละการสือ่ สารทาง การศึกษาเปน็ สิง่ สำคัญในการสนบั สนุนและปรับปรงุ กระบวนการเรียนรูแ้ บบร่วมมือของ ผูเ้ รียน? 10. หลักการสำคัญในการเรียนรู้แบบร่วมมือรวมถึงการแบ่งหมวดหมู่งานและการสนับสนนุ การ ทำงานเปน็ ทีม โปรดอธิบายว่าเทคโนโลยแี ละการสื่อสารทางการศึกษามีบทบาทอยา่ งไรใน การสง่ เสรมิ และสนับสนุนหลักการเหลา่ นี้? 11. เทคโนโลยีและการสอ่ื สารทางการศกึ ษามบี ทบาทในการสนับสนุนการเรียนร้แู บบบุคคลได้ อยา่ งไร? โปรดอธบิ ายแอพพลิเคช่ันหรอื โปรแกรมคอมพวิ เตอรท์ ีส่ ามารถเป็นเครื่องมือใน การปรับแต่งเนื้อหาการเรยี นรู้ใหเ้ หมาะสมกับผู้เรยี นแตล่ ะคน 12. การบูรณาการเทคโนโลยแี ละการสื่อสารทางการศึกษาในห้องเรียนมผี ลเชงิ บวกต่อ กระบวนการเรยี นรู้และการสอนอยา่ งไร? โปรดอธิบายตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีในการ ธรี ชาติ น้อยสมบัติ คณะศึกษาศาสตรแ์ ละนวัตกรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลัยกาฬสนิ ธุ์

50 แนวทางและหลักการ นวตั กรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และสื่อสารการศึกษา สอ่ื สารระหว่างครูและผู้เรียนท่ีมผี ลในการเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพของการเรยี นรู้และการสอนใน หอ้ งเรียน 13. ขอ้ กำหนดการสอนเกย่ี วกบั เทคโนโลยแี ละการส่อื สารทางการศึกษามีบทบาทอย่างไรใน กระบวนการเรียนรู้และการสอนทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพในห้องเรียน? โปรดอธิบายตัวอย่างของ วัตถปุ ระสงค์การเรียนร้ทู ่ีเทคโนโลยแี ละการส่อื สารทางการศกึ ษาชว่ ยใหเ้ ติมเตม็ และ สนับสนุนกระบวนการเรียนรูไ้ ดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธผิ ล 14. การจบั คูเ่ ทคโนโลยีกบั วตั ถุประสงค์การเรียนรู้มคี วามสำคญั อย่างไรในกระบวนการสอนและ การเรยี นรใู้ นหอ้ งเรยี น? โปรดอธิบายขน้ั ตอนหรือแนวทางในการเลอื กใชเ้ ครอื่ งมือ เทคโนโลยที เี่ หมาะสมกับวตั ถุประสงค์การเรยี นรแู้ ละสนับสนุนกระบวนการเรยี นรู้ใหเ้ ปน็ ไป อย่างมีประสิทธภิ าพในการสอนและการเรยี นร้ใู นห้องเรยี น 15. การใช้สื่อมัลติมีเดียแบบอินเตอร์แอ็กทีฟสามารถสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจ และมปี ระสทิ ธภิ าพในการผสมผสานเทคโนโลยแี ละการส่อื สารทางการศึกษาไดอ้ ย่างไร? 16. การเล่นเกมในการเรียนรู้สามารถช่วยสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนุกสนานและมี ความมุ่งหมายให้กับนักเรยี นไดอ้ ยา่ งไร? 17. เทคโนโลยีในการประเมินผลและการให้ข้อเสนอแนะช่วยให้ผู้สอนและนักเรียนสามารถ จดั การข้อมูลของนกั เรยี นไดอ้ ยา่ งไร? 18. เทคโนโลยีในการประเมินฟอร์เมทีฟและซัมเมทีฟช่วยให้สามารถระบุความก้าวหน้าและ ความเข้าใจของนกั เรยี นได้อย่างไร? *********************** ธีรชาติ น้อยสมบตั ิ คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละนวตั กรรมการศึกษา มหาวิทยาลยั กาฬสินธ์ุ

51 บทนำ นวัตกรรม, เทคโนโลยีสารสนเทศ, และสือ่ สารการศึกษา แหลง่ ข้อมลู เพิ่มเติม Bates, A. W. (2015). Teaching in a digital age: Guidelines for designing teaching and learning. Tony Bates Associates Ltd. Bereiter, C. (2002). Education and Mind in the Knowledge Age. Hillsdale, NJ: Erlbaum. Black, P., Harrison, C., Lee, C., Marshall, B., & Wiliam, D. (2003). Assessment for learning: Putting it into practice. McGraw-Hill Education. Bower, M. (2019). Affordance. In The SAGE Encyclopedia of Educational Technology Chao, C. S., Chen, C. M., Chen, C. H., & Chan, T. W. (2020). Exploring the effects of gamification types and learning styles on mobile learning effectiveness. Computers & Education, 146, 103773. Cuban, L. (2001). Oversold and underused: Computers in the classroom. Harvard University Press. Dewiyanti, H., Zubaidah, S., & Mahanal, S. (2020). The use of technology in the teaching and learning process: A literature review. Journal of Physics: Conference Series, 1567(4), 042042. Dewiyanti, S., Zubaidah, S., & Mahanal, S. (2020). The effects of blended learning on students' critical thinking skills in the 21st century. Journal of Educational Sciences, 4(2), 248-262. Dörnyei, Z., & Ushioda, E. (2019). Motivation, language identity and the L2 self. In The Routledge Handbook of Instructed Second Language Acquisition (pp. 282-297). Routledge. Downes, S. (2012). Connectivism and connective knowledge: Essays on meaning and learning networks. National Research Council Canada. Ertmer, P. A., & Ottenbreit-Leftwich, A. T. (2013). Removing obstacles to the pedagogical changes required by Jonassen's vision of authentic technology-enabled learning. Computers & Education, 64, 175-182. Harasim, L. (2017). Learning Theory and Online Technologies. In S. D. Brown, & K. E. Green (Eds.), The Essentials of Instructional Design: Connecting Fundamental Principles with Process and Practice (pp. 139-154). Routledge. Johnson, D. W., & Johnson, R. T. (2009). An Educational Psychology Success Story: Social Interdependence Theory and Cooperative Learning. Educational Researcher, 38(5), 365-379. ธีรชาติ นอ้ ยสมบัติ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวัตกรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลยั กาฬสนิ ธ์ุ

52 บทนำ นวัตกรรม, เทคโนโลยสี ารสนเทศ, และส่อื สารการศึกษา Johnson, L., Adams Becker, S., Estrada, V., & Freeman, A. (2014). NMC Horizon Report: 2014 Higher Education Edition. The New Media Consortium. Koehler, M. J., & Mishra, P. (2009). What is technological pedagogical content knowledge (TPACK)? Contemporary Issues in Technology and Teacher Education, 9(1), 60-70. Kozma, R. (2003). Technology, innovation, and educational change: A global perspective. A report of the Second Information Technology in Education Study, Module 2. International Association for the Evaluation of Educational Achievement (IEA). Lai, K. W., & Bower, M. (2019). How scaffolding and the integration of technology influence teachers' perceptions of their technological pedagogical content knowledge (TPACK). Computers & Education, 133, 43-58. Mayer, R. E. (2017). Using multimedia for e-learning. Journal of Computer Assisted Learning, 33(5), 403-423. Piaget, J. (1973). To understand is to invent: The future of education. Grossman Publishers. Piaget, J. (1973). To understand is to invent: The future of education. Grossman Publishers. Prensky, M. (2001). Digital natives, digital immigrants, part 1. On the Horizon, 9(5), 1-6. Roschelle, J., & Teasley, S. D. (1995). The construction of shared knowledge in collaborative problem solving. In C. O'Malley (Ed.), Computer-supported collaborative learning (pp. 69-97). Springer. Soh, B. Y. (2020). Personalized Learning in Educational Communication and Technology. In S. H. Abigail & S. Bev (Eds.), Innovation, Information Technology, and Educational Communication (pp. 123-145). Publisher. Vygotsky, L. S. (1978). Mind in Society: The Development of Higher Psychological Processes. Harvard University Press. ******************* ธรี ชาติ นอ้ ยสมบัติ คณะศกึ ษาศาสตร์และนวัตกรรมการศึกษา มหาวทิ ยาลยั กาฬสินธ์ุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook