คมู ือการจดั ทาํ ผลงานทางวชิ าการ คาํ นาํ การแตงต้ังขาราชการใหดํารงตําแหนงประเภทวิชาการระดับชํานาญการ และระดับ ชํานาญการพิเศษ ก.พ. ไดกําหนดหลักเกณฑและวิธีการตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 10 ลงวันที่ 15 กันยายน 2548 และประกาศสาํ นกั งานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ ลงวนั ท่ี 28 กรกฎาคม 2553 โดยใหมีการคัดเลือกบุคคลและประเมินผลงานของบุคคลผูไดรับการคัดเลือก ซึ่งผลงานท่ีสงประเมิน จะตองประกอบดวยผลการดําเนินงานที่ผานมา และขอเสนอแนวคิด/วิธีการเพื่อพัฒนางานหรือปรับปรุงงาน ใหมีประสทิ ธิภาพมากขึ้น เพื่อใหการจัดทําผลงานมีความถูกตองเปนไปตามแนวทางที่ ก.พ.กําหนด และมีรูปแบบ เปนมาตรฐานเดียวกัน ไดผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพและสามารถนําไปใชประโยชนในการพัฒนางาน ใหมีประสิทธภิ าพและกอ ใหเกิดประโยชนตอทางราชการ กองการเจาหนาที่จึงไดปรับปรุงแกไขและจัดทํา คูมือการจัดทําผลงานทางวิชาการเลมน้ีข้ึนมา เพ่ือใหเกิดความชัดเจนและสมบูรณ โดยมีเน้ือหาสําคัญ ประกอบดวย หลักเกณฑและวิธีการประเมินผลงาน คําแนะนําและรูปแบบในการจัดทําผลงาน ทางวชิ าการ รวมถงึ ข้ันตอนการคดั เลอื กและประเมินผลงาน กองการเจา หนาท่หี วังเปน อยางยิ่งวา คูมือฉบับน้ีจะเปนประโยชนแกขาราชการไดศึกษา และใชเ ปนแนวทางในการจดั ทาํ ผลงานทางวชิ าการเพอื่ เลื่อนระดบั ทสี่ ูงขน้ึ ตอ ไป กลมุ วางแผนอตั รากาํ ลังคน กองการเจา หนา ที่ กนั ยายน 2560 (ก)
คมู อื การจดั ทาํ ผลงานทางวิชาการ สารบญั คํานํา หนา สารบญั (ก) สว นท่ี 1 บทนํา (ข) 1-4 1.1 คณุ สมบตั ิของบุคคลท่จี ะเขา รับการประเมินผลงาน 1 1.2 เงอื่ นไขของผลงานที่จะนํามาประเมิน 2 1.3 ลักษณะของผลงาน 2 1.4 จํานวนผลงานทน่ี าํ เสนอ 4 สวนที่ 2 การจดั ทาํ ผลงาน 5 - 39 2.1 การจัดทําผลงานท่เี ปน ผลการดาํ เนนิ งานท่ีผา นมา 5 2.2 ขอ เสนอแนวคดิ วิธีการเพ่อื พฒั นางานหรือปรับปรุงงานใหมปี ระสิทธภิ าพมากขน้ึ 7 2.3 มาตรฐานงานพิมพ 9 2.4 การเขยี นอางอิงในเน้ือหา และบรรณานุกรม 12 2.5 สวนประกอบของการจดั ทาํ รูปเลม 14 2.6 รปู แบบการเขยี นบทคัดยอและการแจงเวียนบทคดั ยอ 38 สวนท่ี 3 การเสนอโครงรางผลงาน 40 สวนที่ 4 การตรวจคณุ สมบัติบคุ คลและข้ันตอนการพิจารณา 41 - 46 4.1 หลักเกณฑและวิธกี ารคดั เลือก 41 4.2 คณุ สมบตั ิของผูเ ขา รับการคดั เลอื ก 41 4.3 ขน้ั ตอนและวิธกี ารดาํ เนินการคดั เลือก 44 บรรณานุกรม 47 ภาคผนวก 48 (ข)
คมู อื การจดั ทาํ ผลงานทางวชิ าการ สวนท่ี 1 บทนํา ตามหนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นร 1008/ว10 ลงวันที่ 15 กันยายน 2548 ไดกําหนดหลักเกณฑ และวิธีการเกี่ยวกับการประเมินบุคคลเพื่อแตงตั้งใหดํารงตําแหนงสําหรับผูปฏิบัติท่ีมีประสบการณ (ตําแหนงประเภททั่วไป) และตําแหนงประเภทวิชาชีพเฉพาะ ตําแหนงระดับ 8 ลงมา โดยมีสาระสําคัญ สรปุ ไดด ังน้ี 1. ใหมีการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมกอนที่จะใหสงผลงานประเมินและ ใหประกาศผลการพิจารณาอยางเปดเผย โปรงใส รวมทั้งเปดโอกาสใหมีการทักทวงไดภายในเวลา 30 วัน นบั แตว ันประกาศผล โดยใหด ําเนินการตามท่ี สาํ นกั งาน ก.พ. กาํ หนด 2. การสงผลงานและการประเมินผลงาน เพื่อเลื่อนข้ึนแตงตั้งใหดํารงตําแหนงในระดับท่ีสูงข้ึน ใหด าํ เนินการตามหลักเกณฑ ที่ ก.พ. กําหนด ในตําแหนง ทไ่ี ดรับคัดเลอื ก 3. การประเมินผลงานเพ่อื ยายโอน หรือบรรจกุ ลบั ใหดาํ เนินการตามหลกั เกณฑที่ ก.พ. กาํ หนด 4. ผไู ดรบั การแตง ตง้ั ตอ งมคี ณุ สมบตั คิ รบถวนตามท่ี ก.พ. กําหนด 5. เม่ือผูขอรับการประเมินผานการประเมินแลว ใหผูมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา 52 แหง พระราชบญั ญัติระเบยี บขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 แตงต้ังใหดํารงตําแหนงไดไมกอนวันที่กองการเจาหนาที่ ไดรับเอกสารการประเมินครบถวนสมบูรณ 6. ให อ.ก.พ. กรม แตง ตั้งคณะกรรมการคัดเลือก คณะกรรมการประเมนิ ผลงาน กองการเจาหนาท่ีจึงไดจัดทําคูมือการจัดทําผลงานทางวิชาการขึ้น เพื่อใหการจัดทําผลงานของ ขา ราชการในสังกดั สํานกั งานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ และสํานักงานรัฐมนตรี ถูกตองเปนไปตาม แนวทางท่ี ก.พ.กําหนด และมีรูปแบบเปนมาตรฐานเดียวกัน ซ่ึงจะสงผลใหไดผลงานทางวิชาการที่มี คุณภาพ สามารถนําไปใชป ระโยชนต อ องคกรตอไปได 1.1 คณุ สมบตั ขิ องบคุ คลที่จะเขา รบั การประเมนิ ผลงาน 1.1.1 เปนผูที่ไดรับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลท่ี อ.ก.พ. กรมแตงตั้ง และ ผูมอี าํ นาจส่งั บรรจุแตงตงั้ ตามมาตรา 57 แหง พระราชบญั ญัติขา ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 เห็นชอบแลว หรือผูทไ่ี ดรับการคดั เลือกจากผูมอี าํ นาจส่งั บรรจแุ ตงต้ังตามมาตรา 57 แหงพระราชบัญญัติขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ใหสงผลงานเพ่ือประเมิน (เลื่อนขึ้นแตงต้ังใหดํารงตําแหนงในระดับที่สูงขึ้น) ตามหัวขอเรื่องท่ี ไดเ สนอไวในข้ันตอนการคัดเลือกบคุ คล 1.1.2 มีคุณวุฒิตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหนงตามท่ีกําหนดไวในมาตรฐานกําหนด ตาํ แหนง 1
คมู ือการจัดทําผลงานทางวิชาการ 1.1.3 ดํารงตําแหนงในสายงานที่จะแตงต้ังหรือไดปฏิบัติหนาที่ในสายงานท่ีจะแตงตั้งมาแลว ไมนอ ยกวา 1 ป 1.1.4 มรี ะยะเวลาขน้ั ต่าํ ในการดาํ รงตําแหนง หรือเคยดํารงตําแหนงในสายงานทจี่ ะแตงตง้ั ตามที่ ก.พ. กาํ หนด (หากระยะเวลาขนั้ ตา่ํ ไมครบตามทกี่ าํ หนด อาจนําระยะเวลาการดาํ รงตาํ แหนงในสายงานอ่ืน มานบั เก่ียวขอ งหรอื เกอ้ื กูลกับตําแหนง ทจี่ ะขอรบั การประเมนิ แตง ตงั้ ) 1.1.5 ไดร บั เงินเดอื นไมต่ํากวาอัตราขน้ั ต่ําของระดับตําแหนง ทีข่ อประเมินแตงตง้ั 1.2 เงอ่ื นไขของผลงานทจ่ี ะนํามาประเมนิ 1.2.1 เปนผลงานที่จัดทําขึ้นในระหวางท่ีดํารงตําแหนงในระดับท่ีต่ํากวาระดับท่ีจะประเมิน 1 ระดับ เวนแตกรรมการประเมนิ ผลงานจะกาํ หนดเปนอยา งอ่ืนแตอยา งนอยจะตอ งมผี ลงานทตี่ าํ่ กวา 1 ระดับอยูด วย 1.2.2 ไมใชผลงานท่ีเปนงานวิจัยหรือวิทยานิพนธที่เปนสวนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญา หรือประกาศนียบตั ร หรือเปน สว นหนึ่งของการฝกอบรม 1.2.3 กรณีท่ีเปนผลงานรวมกันของบุคคลหลายคน จะตองแสดงใหเห็นวาผูเสนอผลงานไดมีสวนรวม ในการจัดทําหรือผลิตผลงานในสวนใด หรือเปนสัดสวนเทาใด โดยมีคํารับรองของผูมีสวนรวม และ ผบู ังคับบญั ชาดว ย 1.2.4 ผลงานท่ีนํามาใชประเมินเพื่อเล่ือนแตงต้ังใหดํารงตําแหนงในระดับท่ีสูงข้ึนแลว จะนํามา เสนอใหประเมนิ เพอื่ เลอ่ื นขึ้นแตง ตง้ั ในระดับทสี่ งู อกี ไมไ ด 1.2.5 แนวคิดเพ่ือการพัฒนางานใหมีประสิทธิภาพมากข้ึน ตองเปนแนวคิดท่ีจะพัฒนางาน ในตําแหนง ท่จี ะไดร บั แตง ตง้ั และมกี ารกําหนดตวั ช้ีวัดความสาํ เรจ็ ของระยะเวลาของการดําเนินงานไวด วย 1.2.6 จํานวนผลงานและขอเสนอแนวคิดเพื่อพัฒนางาน ใหสงตามจํานวนท่ี อ.ก.พ. สํานักงาน ปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ กําหนด 1.2.7 อืน่ ๆ ตามท่ี อ.ก.พ. กรม หรือคณะกรรมการเห็นสมควร 1.3 ลกั ษณะของผลงาน ผูท ี่ไดรบั การคดั เลือกใหส งผลงานเพ่ือขอประเมินเล่ือนขึ้นแตงตั้งใหดํารงตําแหนงในระดับท่ีสูงขึ้น จะตองเสนอผลงานทัง้ 2 สวน คอื สวนที่ 1 ไดแก ผลงานท่ีเปนผลการดําเนินงานท่ีผานมา แสดงใหเห็นวาเปนผลงานดานวิชาการ ทม่ี แี นวคดิ ทฤษฎี ประกอบไมใชเ ปนเพยี งการรวบรวมผลงาน สวนที่ 2 ไดแ ก ขอ เสนอแนวคดิ /วธิ ีการเพื่อพัฒนางานหรือปรบั ปรุงงานใหม ีประสิทธภิ าพมากข้นึ 2
คมู อื การจดั ทําผลงานทางวิชาการ ท้ังนี้ ผูท่ีไดรับการคัดเลือกจะตองสงผลงานที่เปนผลการดําเนินงานที่ผานมาและขอเสนอแนวคิด หรือวิธีการเพื่อพัฒนางาน หรือปรับปรุงงานใหมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยลักษณะของผลงาน ก.พ. ไดก ําหนดไวด ังน้ี 1.3.1 การแตง ตง้ั ตาํ แหนง ระดับชํานาญการ คุณภาพ ขอบเขต ความยุงยากซับซอน ประโยชน ความรคู วามชํานาญ ดี และประสบการณ เปนผลการปฏบิ ตั งิ าน ใชห ลักวชิ าการเฉพาะ ตอทางราชการหรือ มีความรคู วามชํานาญ และหรือผลสาํ เร็จของ ทางหรอื หลักวชิ าชพี ประชาชนหรือ งานและประสบการณ งานที่เกดิ จากงานใน เฉพาะดานในการ ประเทศชาติหรอื ตอ สูงมาก เปนท่ียอมรับ หนาทีค่ วามรบั ผิดชอบ ปฏิบัตงิ านทมี่ ีความ ความกาวหนาทาง ในระดับกองหรือ ของตาํ แหนงและ ยงุ ยากเปน พิเศษ วิชาการหรือในงาน วงการวิชาการ หรือ แนวคิดหรือแผนงาน ที่ จาํ เปน ตองมีการ วิชาชีพในระดับสงู หรือ วิชาชพี ดา นน้นั ๆ จะดําเนนิ การใน ตัดสนิ ใจ หรือ การพัฒนาการปฏบิ ัติ อนาคต ทเี่ ปน การ แกปญ หาในงานท่ี งานในระดบั สงู พฒั นางานในตาํ แหนง ปฏิบัติมาก ทจ่ี ะไดรบั การแตง ตั้ง 1.3.2 การแตง ตงั้ ตําแหนง ระดบั ชาํ นาญการพเิ ศษ คณุ ภาพ ขอบเขต ความยงุ ยากซับซอ น ประโยชน ความรูค วามชาํ นาญ และประสบการณ ดมี าก เปน ผลการปฏบิ ตั งิ าน ใชหลักวิชาการเฉพาะ ตอ ทางราชการ หรือ มีความรูค วามชํานาญ ประชาชน หรือ งานและประสบการณ และหรอื ผลสําเร็จของ ทางหรือหลักวิชาชพี ประเทศชาติ หรือตอ สงู มาก เปนพเิ ศษ เปนท่ี ความกาวหนาทาง ยอมรับในระดบั กอง งานทเ่ี กิดจากงานใน เฉพาะดา นในการ วชิ าการ หรือในงาน หรอื ระดับกรม หรอื วิชาชีพในระดับสงู มาก วงการวชิ าการ หรือ หนา ทคี่ วามรับผดิ ชอบ ปฏบิ ัติงานทีม่ คี วาม หรือการพัฒนาการ วชิ าชีพดานนนั้ ๆ ปฏบิ ัติงานในระดบั สูง ของตาํ แหนงและ ยุงยากมากเปนพิเศษ มาก แนวคดิ หรอื แผนงาน ที่ จําเปน ตองมีการ จะดําเนินการในอนาคต ตัดสินใจ หรอื แกปญ หา ท่ีเปน การพฒั นางานใน ในงานท่ีปฏบิ ัตเิ ปน ตําแหนงทจี่ ะไดร ับการ ประจํา แตง ต้งั 3
คมู อื การจดั ทําผลงานทางวชิ าการ 1.4 จาํ นวนผลงานทนี่ าํ เสนอ 1.4.1 กรณแี ตง ตั้งเปน ระดบั ชํานาญการ o ผลงานท่ีเปนผลการดําเนินงานท่ีผา นมา จํานวน 1 เร่อื ง o ขอเสนอแนวคิด วิธีการเพื่อพัฒนางานหรือปรับปรุงงานใหมีประสิทธิภาพมากข้ึน จํานวน 1 เร่ือง 1.4.2 กรณีแตงต้งั เปนระดบั ชํานาญการพเิ ศษ o ผลงานที่เปน ผลการดาํ เนินงานท่ผี า นมา จาํ นวน 2 เร่อื ง o ขอเสนอแนวคิด วิธีการเพื่อพัฒนางานหรือปรับปรุงงานใหมีประสิทธิภาพมากขึ้น จํานวน 1 เรือ่ ง 1.4.3 กรณกี ารประเมินผลงานเพื่อขอเงินประจาํ ตาํ แหนง o ผลงานที่เปนผลการดําเนนิ งานท่ีผานมา จาํ นวน 2 เรื่อง o ขอเสนอแนวคิด วิธีการเพ่ือพัฒนางานหรือปรับปรุงงานใหมีประสิทธิภาพมากขึ้น จาํ นวน 1 เร่อื ง ท้ังน้ี สําหรับผูขอเขารับการประเมินผลงานเพ่ือแตงต้ังใหดํารงตําแหนงระดับชํานาญการพิเศษ จะตองจัดทําบทคัดยอผลงานท่ีเสนอเขารับการประเมินใหหนวยงานตนสังกัดแจงเวียนหนวยงานหรือผูท่ี เกี่ยวของเพื่อทราบและพิจารณา ไมนอยกวา 15 วัน หากไมมีผูคัดคาน จึงเสนอผลงานน้ันเขารับการ ประเมินผลงานตอ ไป และแนบหลกั ฐานการแจง เวียนดังกลาวใหก องการเจาหนา ทเ่ี พื่อพจิ ารณาตอ ไป 4
คูมือการจัดทาํ ผลงานทางวิชาการ สวนที่ 2 การจัดทาํ ผลงาน 2.1 การจัดทําผลงานทเี่ ปนผลการดาํ เนินงานทผี่ า นมา 2.1.1 ความหมาย ผลงานท่ีเปนผลการดําเนินงานท่ีผานมา ที่เปนผลสําเร็จของงานที่เกิดจากการปฏิบัติงาน ในตําแหนงหนาที่ความรับผิดชอบของผูนั้น ซ่ึงอาจไมจําเปนตองมีการจัดทําผลงานข้ึนใหมเพ่ือใชในการ ประเมินโดยเฉพาะ โดยใหนําเสนอในรูปแบบของการสรุป วิเคราะหถึงผลที่เกิดข้ึน แสดงถึงความรู ความสามารถและความชํานาญงานของบุคคล สามารถระบุผลสําเร็จของงาน หรือประโยชนที่เกิดจาก ผลงานดังกลาว หรือการนําผลงานไปใชเพื่อแกไขปญหางานหรือใชเสริมยุทธศาสตรของหนวยงาน โดยมใิ ชเ ปนเพยี งการรวบรวมผลงานยอนหลัง 2.1.2 หัวขอและขอบเขตการเขยี นผลงาน เพือ่ ใหผ ลงานทางวชิ าการเปนไปในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกนั จึงกําหนดหัวขอพรอมขอบเขต การเขยี นผลงาน ดงั นี้ 1) ช่ือเรือ่ งผลงาน ในการตั้งชื่อเรื่องตองใชภาษาท่ีอานแลวเขาใจงาย ชัดเจน ไมใชภาษาพูด และเปน ผลงานที่สําเรจ็ มาแลว แสดงใหเ หน็ วาเปน ผลงานดา นวิชาการ 2) เนอ้ื หา บทท่ี 1 บทนาํ 1.1 ความเปน มาและความสาํ คญั ของผลงาน ใหบรรยายความเปนมาของเรื่องที่นําเสนอนั้นวามีท่ีมาอยางไร มีสถานการณ หรือความสําคัญอยางไรจึงตองนําเสนอเร่ืองนั้น ผูเขียนเขาไปเกี่ยวของอยางไร ประเด็นท่ีหยิบยกมา นําเสนอน้ันมีความสําคัญอยางไร (หลักการในการเขียนเปนไปในทํานองเดียวกับการเขียนหลักการและ เหตุผลของการเขยี นโครงการ) 1.2 วัตถปุ ระสงคข องผลงาน ใหระบุวัตถุประสงคในการจัดทําผลงานท่ีเสนอขอรับการประเมิน (ไมใช วตั ถปุ ระสงคของโครงการหรือแผนงานน้นั ) วาทําไมถงึ เสนอผลงานเร่ืองนี้ 5
คมู อื การจัดทาํ ผลงานทางวิชาการ 1.3 ระยะเวลาการดาํ เนินการ ใหร ะบถุ งึ ชวงเวลาเร่มิ ตน และระยะเวลาสิ้นสดุ ของเรอ่ื ง (ผลงาน) มใิ ชระยะเวลา ของการเขยี นผลงานเพอื่ ขอรบั การประเมิน 1.4 ผูรวมดําเนนิ การ ใหระบุผูรวมดําเนินการ (ถามี) พรอมระบุสัดสวนของผลงานท่ีผูรวมดําเนินการปฏิบัติ มีใครเปนผูรวมดําเนินการกับผูเสนอผลงาน แตละคนมีสัดสวนเทาใด รวมแลวตองเทากับรอยละ 100 ถาไมม ีผรู วมดําเนนิ การ ใสร ายละเอียดผูเสนอผลงานรอยละ 100 บทที่ 2 ความรทู างวิชาการหรอื แนวคดิ ทฤษฎีทใี่ ชใ นการดาํ เนินการ ใหร ะบกุ ฎหมาย ขอ บงั คบั ระเบียบหรอื แนวคดิ ทฤษฎี ทางวชิ าการตางๆ ท่ีใชในการวิเคราะห ดําเนินการท่ีเกี่ยวของกับผลงานท่ีผูนําเสนอขอประเมิน จนเกิดผลสําเร็จของงาน เชน นําเสนอเร่ือง (ผลงาน) ท่ีเกย่ี วของกบั การติดตามประเมินผล ควรมีแนวคดิ หรือทฤษฎีการตดิ ตามประเมินผล เปน ตน บทที่ 3 ผลการดําเนนิ งาน 3.1 เนอ้ื หาสาระและขั้นตอนการดําเนนิ การ ใหสรุปเนื้อหาสาระ แนวคิด ทฤษฎีและขั้นตอนการดําเนินการของเร่ือง ที่นําเสนอในทกุ ขัน้ ตอน หรือทกุ กจิ กรรม จนเกดิ ผลสาํ เรจ็ 3.2 สว นของผลงานท่ผี ูเ สนอเปนผูป ฏิบตั ิ ใหร ะบุรายละเอียดของผลงานและสัดสวนของผลงานท่ีผูเสนอเปนผปู ฏิบตั ิ 3.3 ผลสําเร็จของงาน ใหระบุผลสําเร็จของงาน อาจระบุในเชิงปริมาณหรือคุณภาพก็ไดแลวแตเร่ืองที่ นาํ เสนอวาสามารถวดั ผลสาํ เร็จของงานไดอยา งไร o เชงิ ปรมิ าณ ใหร ะบุผลสําเรจ็ ท่เี กดิ ขน้ึ จากการดําเนินการ หรือผลสําเร็จ ของการดําเนินการเม่อื เปรียบเทยี บกบั เปาหมาย หรือขอตกลงท่ีกาํ หนด o เชิงคุณภาพ แสดงใหเห็นถึงผลสําเร็จของงานที่ตอบสนองวัตถุประสงค แนวคิด ยุทธศาสตรของรัฐบาล จังหวัด และกรมฯ ความเปนไปไดในการนําไปใชประโยชน โดยมีขอมูลที่ สามารถอางอิงได เชน ความพึงพอใจของผูรับบริการ ผลตอบแทนที่ไดจากการดําเนินงาน (การลด คาใชจายการลดตน ทนุ การลดเวลาการปฏิบัติงาน ฯลฯ) 6
คูมอื การจัดทําผลงานทางวิชาการ 3.4 การนาํ ไปใชประโยชน ใหอธิบายการนําผลงานไปใชประโยชน วาไดรับประโยชนอะไรบาง หรือ กอใหเกดิ ผลดีอยางไร โดยระบถุ ึงผรู บั ประโยชนแ ละประโยชนท ไี่ ดร ับ ผลงานกอ ใหเกิดประโยชนตอทาง ราชการอยางไร หากมกี ารนําผลงานไปใชใ นการพฒั นาตอยอด 3.5 ความยงุ ยากในการดําเนนิ การ/ปญ หา/อุปสรรค ใหสรปุ ความยงุ ยาก ซบั ซอ น ปญ หาอุปสรรคในการดําเนินการในเรื่องท่ีนําเสนอ เฉพาะที่เกย่ี วขอ งกบั สวนของงานที่ผูเสนอเปนผูปฏิบตั ิ (ในขอท่ี 3.2) บทที่ 4 ขอเสนอแนะ ขอเสนอแนะตองสอดคลองกับความยุงยากในการดําเนินการ ปญหา อุปสรรค ตามท่ีได นาํ เสนอไวใ นบทท่ี 3 ขอ 3.5 (ตองเปนการแกไขปญหา อุปสรรคท่ีเกิดข้นึ ) 2.2 ขอเสนอแนวคิด วิธีการเพอ่ื พัฒนางานหรือปรบั ปรุงงานใหม ปี ระสิทธภิ าพมากข้ึน 2.2.1 ความหมาย ขอเสนอแนวคิด วิธีการ เพ่ือพัฒนางานหรือปรับปรุงงานใหมีประสิทธิภาพมากข้ึน ควรเปนแนวคิด วิสัยทัศน หรือแผนงานท่ีจะทําในอนาคต เพื่อพัฒนางานในตําแหนงท่ีจะไดรับการแตงตั้ง (ไดรับคัดเลือก) และสอดคลองกับแผนยุทธศาสตรของหนวยงาน ควรเปนแนวคิดหรือแผนงานท่ีสามารถนําไปปฏิบัติไดจริง โดยนาํ เสนอในรูปของงาน/โครงการ หรือกิจกรรมทจี่ ะดาํ เนินการและกาํ หนดตัวชี้วัดความสําเร็จไวด ว ย 2.2.2 หัวขอและขอบเขตการเขยี นขอ เสนอแนวคิดฯ เพอื่ ใหผ ลงานทางวิชาการเปนไปในรูปแบบและมาตรฐานเดยี วกนั จึงกําหนดหัวขอพรอมขอบเขต การเขยี นผลงาน ดังนี้ 1) ช่ือเรื่อง ขอเสนอแนวคดิ ฯ ในการต้ังช่ือเร่ืองตองใชภาษาที่อานเขาใจงาย ชัดเจน ไมใชภาษาพูด แสดงใหเห็นถึง ผลงานทางวชิ าการ 2) เน้ือหา บทท่ี 1 บทนํา 1.1 หลักการและเหตุผล เปนการนาํ เสนอที่มาของปญหาของเร่ืองท่ีจะนําเสนอ แสดงใหเห็นถึงความรูพ้ืนฐาน และความเขา ใจในปญ หามาวเิ คราะหแลวนาํ ไปสูเ รื่องที่จะนาํ เสนอ ระบุถงึ ประโยชนของเรื่องทจี่ ะนําเสนอ 7
คูมือการจดั ทาํ ผลงานทางวิชาการ 1.2 วตั ถปุ ระสงคข องการนําเสนอ แสดงใหท ราบถงึ เปาหมายของผูนําเสนอวาตองการอะไร และนําเสนอเพื่ออะไร ทําไมตอ งเสนอผลงานเรอื่ งนี้ บทท่ี 2 แนวความคิด/บทวเิ คราะห/ขอเสนอ เมื่อผูนําเสนอแนวคิดฯ ไดนําเสนอหลักการและเหตุผลรวมท้ังไดกําหนดวัตถุประสงค ของเร่อื งทน่ี ําเสนอแลว จะตอ งใชแนวความคิดทางวิชาการ ขอกฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับ หรือกฎเกณฑ ท่ีนํามาปรับใชในการวิเคราะหขอเสนอแนวคิดฯ พรอมทั้งกําหนดเปนขอเสนอเพ่ือกําหนดแผนงานหรือใช เปนแนวทางในการปฏิบัติงานใหเกิดผลสําเร็จตามตัวช้ีวัดความสําเร็จ ท่ีไดกําหนดไวในบทท่ี 4 โดยแบง ออกเปน 3 หวั ขอ คือ 2.1 แนวความคิด ใหผูเสนอเร่ือง (ขอเสนอแนวคิดฯ) ไดศึกษา ทฤษฎี แนวความคิดทางวิชาการ กฎ ระเบียบตางๆ ท่ีเกี่ยวของ และนํามาสรุปใชประกอบในการนําเสนอในบทวิเคราะห (เอาเฉพาะทฤษฎี แนวความคดิ ทางวชิ าการ กฎ ระเบยี บท่ีเกยี่ วขอ งกับเรือ่ งท่ีนําเสนอเทานั้น) 2.2 บทวเิ คราะห จากหลักการและเหตุผลที่ไดนําเสนอในบทท่ี 1 และแนวความคิด ใหผูเสนอ แนวคิดทําการศึกษา วิเคราะหสภาพปญหา สาเหตุของปญหาและวิธีการแกไขปญหา และทฤษฎี แนวความคิดทางวิชาการ กฎ ระเบียบที่ยกขึ้นมากลาวอาง สามารถใชแกไขปญหาไดอยางไร หรือใชใน การพัฒนางานหรือปรับปรุงงานใหมีประสิทธิภาพมากข้ึนไดอยางไร และเกิดผลดีกับผลงานท่ีทํานั้น อยางไร ในสวนของบทวิเคราะหนี้ ผูเสนอจะตองแสดงถึงความสัมพันธของปญหากับทฤษฎี แนวความคิด ทางวิชาการ กฎ ระเบยี บ อยางชัดเจน 2.3 ขอเสนอ เปนการนําเสนอแผนงานหรือวิธีการเพ่ือการแกไขปญหา ทั้งนี้ขอเสนอควรเปน ขอเสนอท่ีชัดเจน สามารถนําไปปฏิบัติไดจริงและเห็นผลสําเร็จไดชัดเจน ไมควรเปนขอเสนอที่ผูกพันกับ ปจจัยภายนอกมาก เชน ตองใชงบประมาณในการดําเนินงานมาก หรือเกี่ยวของกับนโยบายของรัฐ ซึ่งอาจทําใหไมสามารถปฏิบัติงานใหเกิดผลสําเร็จไดในเวลาอันใกลหรือทําใหไมสามารถปฏิบัติงานให เกิดผลสําเร็จได ควรเปนขอเสนอท่ีผูเสนอผลงานสามารถนําไปปฏิบัติไดดวยตนเองหรือปฏิบัติรวมกับ หนวยงานที่สังกัดอยู โดยตองแสดงใหเห็นถึงความสัมพันธระหวางองคความรูกระบวนการจัดทําและ ผลสาํ เร็จของผลงาน 8
คูมือการจดั ทาํ ผลงานทางวชิ าการ บทท่ี 3 ผลท่ีคาดวา จะไดร ับ ใหระบุวาแนวความคิดที่เสนอน้ัน ผลหรือประโยชนที่จะไดรับจากการนําเสนอแนวคิด ดังกลาว (บทที่ 2 ขอ 2.3) คืออะไร จะเปนประโยชนตอการพัฒนางานไดอยางไร หรือหนวยงานใด หรือ บุคคลใดจะเปนผนู าํ ผลงานนี้ไปใชประโยชนไดบา ง อยางไร บทท่ี 4 ตัวชวี้ ัดความสําเร็จ ใหกําหนดตัวช้ีวัดความสําเร็จของขอเสนอแนวคิดฯ ที่นําเสนอใหชัดเจนเปนรูปธรรม สามารถวดั ได และตองสอดคลอ งกบั ปญหาและวตั ถุประสงคของผลงาน 2.3 มาตรฐานงานพมิ พ 1. กระดาษท่ใี ช ใชกระดาษ A4 2. หลักในการพิมพ 2.1 เวนระยะขอบกระดาษดานซาย 1.5 นิ้ว ดา นขวา 0.75 นิ้ว ดานบน 1.5 นวิ้ ดานลาง 1 นว้ิ (1.5 นว้ิ = 3.81 ซ.ม., 1 น้วิ = 2.54 ซ.ม., 0.75 น้วิ = 1.9 ซ.ม.) 2.2 ไมพ ิมพตัดคํา เชน พ.ศ. 2559, กลุมเกษตรกร ตองพิมพไ วบรรทดั เดยี วกัน 2.3 หมายเลขหนาใหพิมพไวตอนบนทางมุมขวามือของหนากระดาษ ยกเวนหนาที่ตรง กับบทท.ี่ .. ไมตอ งใสเลขหนา กํากับ 2.4 คํานํา สารบัญ สารบัญตาราง สารบัญภาพ ใหใสเลขลําดับหนาเปนอักษรภาษาไทย อยูภายในวงเล็บ โดยพิมพไ วด า นบนมมุ ขวา ตัวอยา ง (ก) 3. การพมิ พและเรยี งลําดับหวั ขอ 3.1 ตวั อกั ษร ใหใ ชร ูปแบบตวั อักษร TH SarabunPSK 3.2 ปกนอกและปกในใชตัวอักษร ขนาด 20 ตวั หนา 3.3 ชอื่ บทพิมพกลางหนา กระดาษใชตวั อกั ษรขนาด 18 ตวั หนา และไมข ดี เสน ใต 3.4 หัวขอเร่ือง พิมพต ดิ ขอบกระดาษซาย ใชต วั อักษรขนาด 16 ตวั หนา 3.5 เนอ้ื หาภายในเลม ใชต ัวอกั ษรขนาด 16 4. การพมิ พตาราง 4.1 เลขท่แี ละชอื่ ตาราง 4.1.1 เลขประจําตารางเปน สว นทีแ่ สดงลําดบั ของตารางใหพ ิมพ “ตารางท.ี่ ..” ตามดว ยหมายเลขประจาํ ตารางไวข อบกระดาษซา ยมือสุด ใหพ ิมพต วั หนา 9
คูมอื การจัดทาํ ผลงานทางวิชาการ 4.1.2 ชื่อตารางใหพิมพตอจากเลขประจําตารางโดยเวน 2 ตัวอักษร กรณีช่ือ ตารางยาวกวา 1 บรรทัด ใหพมิ พตวั อักษรตวั แรกของบรรทดั ท่ี 2 ตรงกบั ตวั แรกของชื่อตาราง เชน ตารางท่ี 1 แสดงจาํ นวนเปาหมายการฝก อบรมเกษตรกรทว่ั ไปตามแผนการฝก อบรมของศูนย เครอื ขายปราชญชาวบาน ปง บประมาณ พ.ศ. 2558 (รายภาค) 4.1.3 ตารางท่ีมีความยาวจนไมสามารถลงในหนากระดาษเดียวได ใหพิมพใน หนาถดั ไปโดยมเี ลขท่ีตารางและคาํ วา “ตอ” ในวงเลบ็ ไมตอ งใสช อ่ื ตาราง ตวั อยา งเชน ตารางที่ 1 (ตอ ) 4.1.4 ตารางที่มีความกวางจนไมสามารถบรรจุในหนากระดาษเดียวได ใหใชวิธี พิมพต ามดานขวางของหนา กระดาษหรือวธิ ีอ่นื ท่เี หมาะสม 4.1.5 การอางอิงท่ีมาของตาราง ใหอางอิงโดยพิมพไวใตตารางชิดซายมือของ ตาราง ในรปู แบบ ดังน้ี ทีม่ า : ผแู ตง (ปท ี่แตง) ตวั อยา ง เชน ตารางท่ี 1 แสดงจํานวนเปาหมายการฝก อบรมเกษตรกรท่ัวไปตามแผนการฝกอบรมของศนู ย เครอื ขายปราชญชาวบา น ปงบประมาณ พ.ศ. 2558 (รายภาค) ภาค ศนู ยอบรม จังหวัดที่ จํานวน ระยะเวลาหลักสูตร เกษตรกร อบรม เปาหมาย 3 วนั 4 วนั 5 วัน เกษตรกร 2 คนื 3 คนื 4 คนื (ศูนยฯ ) (จงั หวัด) (ราย) (ศูนยฯ ) (ศูนยฯ) (ศนู ยฯ ) เหนอื 33 16 4,065 32 - 1 กลาง 33 22 2,970 28 - 5 ตะวันออกเฉยี งเหนอื 55 20 6,210 47 - 8 ใต 16 11 2,070 34 - 2 รวม 137 69 15,315 121 - 16 เปา หมายทีต่ ั้งไว 120 15,200 ท่ีมา : สาํ นกั งานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ (2558) 10
คูมอื การจดั ทาํ ผลงานทางวิชาการ 5. การใสภาพประกอบ ภาพประกอบหมายถึง กราฟ แผนภูมิ และภาพประกอบอื่น ใหแสดงเลขที่และชื่อภาพไวใตภาพ โดยพมิ พ “ภาพท.ี่ ..” ตามดวยหมายเลขประจําภาพไวซายมือสุดของภาพ และใหพิมพตัวเขม ตามดวยชื่อ ภาพใหพิมพตอจากเลขประจําภาพโดยเวน 2 ตัวอักษร และอางอิงท่ีมาของภาพไวใตช่ือภาพในรูปแบบ การอา งองิ เชน เดยี วกบั ตาราง เชน ภาพที่ 1 โครงสรางอตั รากาํ ลัง สาํ นักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ ท่มี า : สาํ นกั งานปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ (2559) 11
คูมือการจัดทําผลงานทางวชิ าการ 2.4 การเขียนอางองิ ในเนอ้ื หา และบรรณานกุ รม 1. หนังสือภาษาไทย อางอิง (ชอ่ื นามสกลุ , ปที่พมิ พ) บรรณานุกรม ชือ่ นามสกลุ . (ปทพี่ มิ พ). ช่ือเร่อื ง. คร้ังที่พิมพ. สถานท่พี ิมพ: สาํ นักพิมพ. อางอิง (พชั ราภรณ เนียมมณ,ี 2552) บรรณานุกรม พัชราภรณ เนยี มมณี. 2552. ตัวแบบการจัดสรรทรัพยากร. พิมพครง้ั ท่ี 1. กรงุ เทพฯ: บริษทั ไทยพัฒนรายวนั การพิมพ จาํ กัด. 2. หนังสอื ภาษาองั กฤษ อางอิง (นามสกลุ , ปทพี่ ิมพ) บรรณานกุ รม นามสกุล, อักษรยอ ตัวแรกชอ่ื ตน. อักษรยอ ตัวแรกชือ่ กลาง(ถามี). ปที่พมิ พ. ช่ือเรอ่ื ง. คร้ังทพ่ี มิ พ. สถานทพ่ี มิ พ: สาํ นักพมิ พ. อา งอิง (Brauer, 1989) บรรณานุกรม Hartly, E.K. 1989. Childhood and Society. 2 nd ed. New York: MC Graw -Hill. 3. บทความจากหนังสอื ทีไ่ มม บี รรณาธกิ าร หรอื มผี เู ขียนคนเดยี วตลอด อางอิง (ชอื่ ผเู ขยี น, ปท ่ีพมิ พ) บรรณานกุ รม ชือ่ ผเู ขยี น. ปท ่พี มิ พ. “ชอ่ื บทความ.” ชอ่ื เอกสาร. สถานทพ่ี ิมพ: สํานักพมิ พ, เลขหนา . อา งองิ (ธวัชชยั ยงกติ ตกิ ุล, 2533) บรรณานกุ รม ธวัชชยั ยงกติ ติกุล. 2533. “การเตรียมคนสําหรับระบบเศรษฐกิจไทยในอนาคต.” รวม บทความการศกึ ษานอกโรงเรียน. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พการศาสนา, 131-137. 4. บทความจากหนงั สอื ทม่ี ีบรรณาธิการหรือผรู วบรวม อา งอิง (ชื่อบรรณาธิการหรอื ผูรวบรวมผูเขียน, ปทพ่ี ิมพ) บรรณานุกรม ชือ่ ผเู ขยี น. ปทีพ่ มิ พ. ชื่อบทความ. ใน ชื่อบรรณาธกิ ารหรอื ผรู วบรวม. (บรรณาธิการ). ชอ่ื หนังสือ. สถานทีพ่ มิ พ: สํานกั พิมพ, เลขหนา . อางองิ (มยุรา กาญจนางกรู , 2536) บรรณานกุ รม สมจิต หนเุ จริญกลุ . 2536. การประเมินผลการพยาบาล. ใน มยรุ า กาญจนางกูร. (บรรณาธิการ). เอกสารการสอนชุดวชิ ามโนมติและกระบวนการพยาบาล หนว ยท่ี 8 – 15. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พห าวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 749-781. 12
คูมอื การจัดทาํ ผลงานทางวิชาการ 5. บทความจากวารสาร อา งองิ (ชือ่ ผูเขียน, ปทีพ่ ิมพ) บรรณานกุ รม ชอ่ื ผเู ขยี น. ปทพี่ มิ พ. ชอ่ื บทความ. ชอื่ วารสาร. ปท ่ี (ฉบับท)่ี , เลขหนา. อา งองิ (ชุติมา ไวศรายทุ ธ และ ชมพนู ทุ ดว งจนั ทร, 2551) บรรณานกุ รม ชตุ มิ า ไวศรายุทธ และ ชมพูนุท ดวงจันทร. 2551. การประยุกตใชแ บบจําลองทาง คณิตศาสตรสําหรับเครือขายโซอุปทานของผลิตภณั ฑจ ากถ่วั เหลอื งและ กากถว่ั เหลอื ง. Thai VCML Journal. 1 (1), 11-34. 6. ฐานขอมลู ออนไลน อา งอิง (ช่อื ผูเ ขียน, ปท ีพ่ มิ พ) บรรณานกุ รม ชื่อผเู ขียน. ปท พี่ มิ พ. ชือ่ เรื่อง. (ออนไลน) . ระบุ website, วนั /เดือน/ ป (ทสี่ บื คน ขอ มลู ). อา งอิง (บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร, 2551) บรรณานุกรม บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร. การบริหารงานของบณั ฑิตวทิ ยาลยั . (ออนไลน). http://www.grad.ku.ac.th/, 19 ธนั วาคม 2559. 7. ประกาศ คําสงั่ อางอิง (ช่อื หนว ยงาน, ป) บรรณานกุ รม ช่อื หนวยงาน. ป. ชอ่ื เอกสาร. วนั /เดอื น/ ป ท่ปี ระกาศหรือมคี ําสัง่ . อางองิ (สํานกั งาน ก.พ., 2558) บรรณานกุ รม สาํ นักงาน ก.พ. 2558. ประกาศสาํ นักงาน ก.พ. ท่ี นร 1008/ว17 เรอ่ื งหลักเกณฑ และเง่อื นไขการกาํ หนดตาํ แหนง . 19 กุมภาพนั ธ 2558. 13
คมู ือการจัดทําผลงานทางวิชาการ 2.5 สวนประกอบของการจดั ทํารปู เลม 2.5.1 สว นประกอบการจดั ทํารูปเลม “ผลงานทเี่ ปน ผลการดําเนนิ งานที่ผา นมา” ใหจัดแบง รปู เลมผลงานทางวิชาการออกเปน 3 สวน ดงั นี้ สว นที่ 1 สวนนาํ ประกอบดว ยสว นตา งๆตามลาํ ดบั ดังน้ี ปกนอก แผน รองปก ปกใน คํานาํ สารบญั สารบญั ตาราง (ถาม)ี สารบัญภาพ (ถา มี) สว นที่ 2 สวนเนือ้ ความ ประกอบดว ยบทตางๆ ตามลาํ ดบั ดงั นี้ บทท่ี 1 บทนาํ 1.1 ความเปนมาและความสาํ คญั ของผลงาน 1.2 วตั ถปุ ระสงคข องการดําเนินการ 1.3 ระยะเวลาท่ีดําเนนิ การ 1.4 ผรู วมดําเนินการ (ถา ม)ี บทที่ 2 ความรทู างวชิ าการหรอื แนวความคดิ ทฤษฎที ี่ใชในการดําเนนิ การ บทท่ี 3 ผลการดาํ เนินงาน 3.1 เนอื้ หาสาระและขนั้ ตอนการดาํ เนนิ การ 3.2 สวนของงานท่ผี ูเ สนอเปน ผปู ฏบิ ตั ิ 3.3 ผลสาํ เร็จของงาน (เชงิ ปริมาณ/คณุ ภาพ) 3.4 การนาํ ไปใชประโยชน 3.5 ความยงุ ยากในการดาํ เนนิ การ/ปญหา/อปุ สรรค บทท่ี 4 ขอ เสนอแนะ สวนที่ 3 สว นอางอิง - บรรณานุกรม - ภาคผนวก (ถา มี) 14
คมู อื การจดั ทําผลงานทางวิชาการ 2.5.2 สว นประกอบการจดั ทํารปู เลม “ขอ เสนอแนวคดิ วธิ กี ารเพอ่ื พัฒนางานหรอื ปรับปรุง งานใหมปี ระสทิ ธิภาพมากขน้ึ ” ใหจ ัดแบงรปู เลม ขอ เสนอแนวคดิ ฯ ออกเปน 3 สว น ดงั น้ี สวนท่ี 1 สว นนํา ประกอบดว ยสว นตา งๆตามลาํ ดบั ดงั นี้ ปกนอก แผน รองปก ปกใน คํานาํ สารบญั สารบัญตาราง (ถา มี) สารบญั ภาพ (ถา ม)ี สวนท่ี 2 สวนเน้อื ความ ประกอบดว ยสวนตา ง ๆ ตามลําดับ ดงั นี้ บทท่ี 1 บทนาํ 1.1 หลกั การและเหตุผล 1.2 วัตถปุ ระสงคข องการนาํ เสนอ บทที่ 2 แนวความคดิ บทวิเคราะห ขอ เสนอ 2.1 แนวความคิด 2.2 บทวเิ คราะห 2.3 ขอเสนอ บทที่ 3 ผลท่ีคาดวา จะไดรบั บทที่ 4 ตวั ชวี้ ดั ความสาํ เรจ็ สว นท่ี 3 สว นอางอิง - บรรณานุกรม - ภาคผนวก (ถา มี) 15
คูมอื การจดั ทําผลงานทางวชิ าการ แบบฟอรมการจดั ทํารูปเลม ผลงาน ผลงานทเ่ี ปนผลการดําเนินงานท่ผี านมา เรือ่ ง.........................(ช่อื ผลงาน)......................................... โดย (ชอ่ื – นามสกุล)............................................... ตําแหนง ..(ชอ่ื ตําแหนง+ระดบั ตาํ แหนง )..ตาํ แหนง เลขที่............... กลมุ /ฝา ย.........................สาํ นัก/กอง....................... กรม.................................................. เพอ่ื ขอประเมินแตงตง้ั ใหดาํ รงตาํ แหนง.....(ชื่อตาํ แหนง+ระดบั ตาํ แหนง)....... ตําแหนงเลขท่.ี ..........กลมุ /ฝา ย................................................. สาํ นกั /กอง..................................กรม............................ ผลงานเรอ่ื งน้ีผขู อรับการประเมินไดดาํ เนนิ การเองรอ ยละ.................... ผรู วมดาํ เนินการจาํ นวน..................คน คือ 1. ชื่อ – สกลุ ........................ตาํ แหนง...............................ดาํ เนนิ การรอยละ......... 2. ชื่อ – สกุล........................ตาํ แหนง...............................ดาํ เนนิ การรอยละ......... 16
คูม ือการจัดทําผลงานทางวชิ าการ (ก) คํานํา ......กลาวถงึ ความเปนมาโดยยอ จดั ทาํ ขึน้ เพือ่ อะไร เน้ือหาภายในเลมมอี ะไร ประโยชนท่ีคาดวา จะไดร ับ......................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ชือ่ – นามสกลุ (ไมตอ งระบุคาํ นาํ หนา) เดือน / ป 17
คมู อื การจดั ทําผลงานทางวิชาการ สารบญั (ข) คาํ นาํ หนา สารบญั (ก) สารบัญตาราง (ถาม)ี (ข) สารบัญภาพ (ถาม)ี (..) บทที่ 1 บทนาํ (..) ... 1.1 ความเปน มาและความสาํ คญั ของผลงาน ... 1.2 วตั ถุประสงคของผลงาน ... 1.3 ระยะเวลาการดาํ เนนิ การ ... 1.4 ผรู วมดาํ เนินการ (ถา มี) ... บทที่ 2 ความรทู างวิชาการหรือแนวคิดทฤษฎที ใ่ี ชในการดาํ เนนิ การ ... 2.1.....(แนวคดิ /ทฤษฎี ทใ่ี ช)..... ... 2.2.....(แนวคดิ /ทฤษฎี ทใี่ ช)..... ... 2.3.....(แนวคดิ /ทฤษฎี ทใี่ ช)..... ... บทที่ 3 ผลการดาํ เนนิ งาน ... 3.1 เน้อื หาสาระและขน้ั ตอนการดําเนินการ ... 3.2 สวนของผลงานทผ่ี ูเสนอเปน ผปู ฏบิ ัติ ... 3.3 ผลสาํ เร็จของงาน ... 3.4 การนําไปใชป ระโยชน ... 3.5 ความยงุ ยากในการดาํ เนินการ/ปญหา/อปุ สรรค ... บทท่ี 4 ขอเสนอแนะ ... บรรณานกุ รม ... ภาคผนวก ... 18
คมู อื การจดั ทาํ ผลงานทางวชิ าการ สารบญั ตาราง (ค) ตารางที่ 1 (ระบชุ อ่ื ตาราง).......................................... หนา ตารางท่ี 2 (ระบชุ ื่อตาราง).......................................... ... ตารางที่ 3 (ระบุชือ่ ตาราง).......................................... ... ตารางที่ 4 (ระบุชอ่ื ตาราง).......................................... ... ตารางที่ 5 (ระบุช่ือตาราง).......................................... ... ... ช่อื ตารางตอ งตรงกบั ที่ปรากฏในเน้ือหา 19
คมู ือการจัดทาํ ผลงานทางวชิ าการ สารบญั ภาพ (ง) ภาพที่ 1 (ระบุชอ่ื ภาพ).......................................... หนา ภาพที่ 2 (ระบชุ อ่ื ภาพ).......................................... ... ภาพท่ี 3 (ระบชุ ือ่ ภาพ).......................................... ... ภาพท่ี 4 (ระบุชือ่ ภาพ).......................................... ... ภาพที่ 5 (ระบุชื่อภาพ).......................................... ... ... ช่ือภาพตองตรงกบั ทป่ี รากฏในเน้อื หา 20
คูม ือการจดั ทาํ ผลงานทางวชิ าการ บทที่ 1 บทนาํ 1.1 ความเปน มาและความสาํ คญั ของผลงาน (เรื่องที่นํามาเสนอ มที มี่ าอยางไร ใหเกร่นิ นาํ ท่มี าของเร่ือง)......................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………. (ใสเ นอ้ื หาความสําคัญของงาน)....................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................. 1.2 วตั ถปุ ระสงคของผลงาน 1) .................................................................................................................................................... 2) .................................................................................................................................................... ใหระบวุ ัตถปุ ระสงคในการจัดทําผลงานที่เสนอขอรับการประเมนิ (ไมใชว ตั ถุประสงคข องโครงการ หรอื แผนงานนัน้ ) 1.3 ระยะเวลาการดาํ เนินการ ใหระบุถึงชวงเวลาเริ่มตนและระยะเวลาส้ินสุดของเรื่อง (ผลงาน) มิใชระยะเวลาของการเขียน ผลงานเพอ่ื ขอรับการประเมนิ เชน 1 ตลุ าคม 2558 – 30 กันยายน 2559 1.4 ผูรวมดาํ เนินการ (ถา ม)ี 1) ช่อื – สกุล ......................................ตําแหนง....................... สัดสว นของผลงานรอ ยละ............. 2) ชอื่ – สกุล ......................................ตําแหนง....................... สดั สว นของผลงานรอยละ............. 21
คูมอื การจัดทาํ ผลงานทางวิชาการ บทท่ี 2 ความรูทางวชิ าการหรอื แนวคิดทฤษฎที ใี่ ชใ นการดาํ เนนิ การ ผลงานวชิ าการเร่ือง....................................................ผเู สนอผลงานไดใ ชค วามรูทางวิชาการหรอื ระเบยี บท่ีเกีย่ วของในการดาํ เนินการ ดงั น้ี 1. ..........(ใสเ ฉพาะหวั ขอวิชาการ/แนวคิด/ทฤษฎี/ระเบยี บ).......... 2. ..........(ใสเ ฉพาะหัวขอวชิ าการ/แนวคิด/ทฤษฎี/ระเบียบ).......... 3. ..........(ใสเฉพาะหวั ขอ วชิ าการ/แนวคิด/ทฤษฎ/ี ระเบยี บ).......... ฯลฯ โดยมรี ายละเอียดดังนี้ 2.1 หัวขอวิชาการ/แนวคิด/ทฤษฎ/ี ระเบยี บ ......................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2.2 หัวขอวชิ าการ/แนวคิด/ทฤษฎ/ี ระเบยี บ ......................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2.3 หวั ขอ วชิ าการ/แนวคิด/ทฤษฎ/ี ระเบยี บ ......................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 1. ใหระบุกฎหมาย ขอบังคับ ระเบียบหรือแนวคิดทางวิชาการตางๆ หรือทฤษฎี ที่ใชในการวิเคราะห ดําเนินการท่ีเก่ียวของกับผลงาน ที่นําเสนอขอประเมิน จนเกิดผลสําเร็จของงาน เชน นําเสนอเรื่องท่ี เก่ียวของกบั การตดิ ตามประเมินผล ควรมีทฤษฎกี ารติดตามประเมนิ ผล เปนตน 2. ใหอา งองิ ทมี่ าของกฎหมาย ขอบงั คับ ระเบยี บหรือแนวคิดทางวชิ าการตา งๆ ท่ใี ชดวย 22
คูมือการจดั ทาํ ผลงานทางวชิ าการ บทที่ 3 ผลการดําเนนิ งาน 3.1 เนื้อหาสาระและขัน้ ตอนการดาํ เนนิ การ ใหสรปุ เน้อื หาสาระและขน้ั ตอนการดาํ เนนิ การของเรอื่ งท่ีนําเสนอในทกุ ข้นั ตอน หรือทกุ กจิ กรรม จนเกดิ ผลสาํ เรจ็ …………………………………………………………………………………………………………………………… ข้นั ตอนการดาํ เนนิ การ 1)....................................................................................................................................... 2)....................................................................................................................................... 3.2 สว นของผลงานทผ่ี เู สนอเปน ผปู ฏิบตั ิ ใหเ ขยี นขัน้ ตอนการดาํ เนนิ การในเรื่องท่นี ําเสนอ โดยระบุรายละเอยี ดของผลงานและสดั สว นของ ผลงานเฉพาะสวนทีผ่ เู สนอเปนผปู ฏบิ ัติตามหัวขอ 3.1 เชน ในการดาํ เนนิ การเรือ่ ง (ผลงาน) ผูนําเสนอมสี ดั สวนของผลงานรอ ยละ....... โดยไดดําเนินการ เฉพาะในสวนของผูนําเสนอปฏิบัติ ดงั นี้ 1)....................................................................................................................................... 2)....................................................................................................................................... 3.3 ผลสาํ เรจ็ ของงาน ใหร ะบผุ ลสาํ เร็จของงาน อาจระบุในเชงิ ปรมิ าณหรอื คุณภาพก็ไดแลวแตเ ร่อื งท่ีนาํ เสนอวา สามารถ วดั ผลสาํ เร็จของงานไดอ ยา งไร....................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 3.4 การนาํ ไปใชป ระโยชน ใหอธิบายการนําผลงานไปใชประโยชน วาไดรับประโยชนอะไรบาง หรือกอใหเกิดผลดีอยางไร โดยระบุถึงผูรับประโยชนและประโยชนท่ีไดรับ ผลงานกอใหเกิดประโยชนตอทางราชการอยางไร หากมี การนาํ ผลงานไปใชใ นการพฒั นาตอ ยอด 3.5 ความยุงยากในการดําเนนิ การ/ปญ หา/อุปสรรค ใหสรุปความยุงยาก ซับซอน ปญหาอุปสรรคในการดําเนินการในเรื่องที่นําเสนอ เฉพาะที่ เกยี่ วขอ งกับสว นของงานท่ผี เู สนอเปน ผูปฏิบตั ิ (ในขอ ที่ 3.2) 23
คมู อื การจัดทําผลงานทางวชิ าการ บทท่ี 4 ขอเสนอแนะ ขอ เสนอแนะตอ งสอดคลองกับความยุงยากในการดําเนนิ การ ปญ หา อปุ สรรค ตามทไ่ี ดน ําเสนอ ไวในบทท่ี 3 ขอ 3.5 วา มแี นวทาง วธิ ีการ ในการแกไ ขปญหาอยา งไร.......................................................... ....................................................................................................................................................................... ขอรับรองวาผลงานดังกลาวขา งตน เปนความจริงทกุ ประการ ลงช่ือ....................................... (......................................) ผูเ สนอผลงาน ......../........../......... ขอรบั รองวาสัดสวนหรือลกั ษณะงานในการดําเนินการของผเู สนอขางตนถูกตองตรงกับความเปน จรงิ ทุกประการ ลงช่อื ........................................ ลงชือ่ ........................................ (......................................) (......................................) ผรู ว มดาํ เนนิ การ ผูรว มดําเนินการ ......../........../......... ......../........../......... ลงช่ือ........................................ ลงชื่อ........................................ (......................................) (......................................) ผูร วมดําเนนิ การ ผูรวมดําเนนิ การ ......../........../......... ......../........../......... ไดต รวจสอบแลวขอรบั รองวาผลงานดงั กลา วขางตนถกู ตองตรงกบั ความเปน จริงทกุ ประการ ลงชื่อ........................................ ลงช่อื ........................................ (......................................) (......................................) ตําแหนง .................................... ผอู ํานวยการสาํ นัก/กอง......................... ......../........../......... ......../........../......... (ผูบงั คับบัญชาทค่ี วบคมุ ดแู ลการดาํ เนินการ) 24
คูมือการจดั ทําผลงานทางวชิ าการ บรรณานุกรม เขยี นบรรณานกุ รมตามรปู แบบที่กาํ หนดและเรยี งตามลาํ ดับตวั อกั ษร 25
คมู ือการจดั ทําผลงานทางวชิ าการ ภาคผนวก (พมิ พกึ่งกลางหนากระดาษ ตวั อักษรหนา ขนาด 28) 26
คมู อื การจดั ทําผลงานทางวชิ าการ ขอเสนอแนวคดิ /วิธีการเพอ่ื พฒั นางานใหมปี ระสทิ ธภิ าพ เรื่อง.........................(ชอ่ื ผลงาน)......................................... โดย (ชือ่ – นามสกลุ )............................................... ตําแหนง..(ช่อื ตาํ แหนง+ระดับตําแหนง)..ตําแหนง เลขท่ี............... กลุม/ฝาย.........................สํานัก/กอง....................... กรม.................................................. เพือ่ ขอประเมนิ แตง ตง้ั ใหด าํ รงตาํ แหนง .....(ช่อื ตําแหนง+ระดับตําแหนง )....... ตําแหนงเลขท.ี่ ..........กลุม/ฝา ย................................................. สํานกั /กอง..................................กรม............................ 27
คูม ือการจัดทําผลงานทางวชิ าการ (ก) คํานํา ......กลาวถงึ ความเปนมาโดยยอ จดั ทาํ ขึน้ เพือ่ อะไร เน้ือหาภายในเลมมอี ะไร ประโยชนท่ีคาดวา จะไดร ับ......................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ชือ่ – นามสกลุ (ไมตอ งระบุคํานาํ หนา) เดือน / ป 28
สารบญั คมู อื การจัดทําผลงานทางวชิ าการ คํานาํ (ข) สารบญั สารบญั ตาราง (ถา ม)ี หนา สารบญั ภาพ (ถาม)ี (ก) บทท่ี 1 บทนาํ (ข) (..) 1.1 หลกั การและเหตุผล (..) 1.2 วัตถุประสงคของการนาํ เสนอ ... บทท่ี 2 แนวคดิ /บทวเิ คราะห/ ขอเสนอ ... 2.1 แนวคดิ ... 2.2 บทวิเคราะห ... 2.3 ขอเสนอ ... บทที่ 3 ผลทค่ี าดวาจะไดรบั ... บทที่ 4 ตัวช้ีวดั ความสาํ เรจ็ ... บรรณานุกรม ... ภาคผนวก ... ... ... 29
คมู อื การจดั ทาํ ผลงานทางวชิ าการ สารบญั ตาราง (ค) ตารางที่ 1 (ระบชุ อ่ื ตาราง).......................................... หนา ตารางท่ี 2 (ระบชุ ื่อตาราง).......................................... ... ตารางที่ 3 (ระบุชือ่ ตาราง).......................................... ... ตารางที่ 4 (ระบุชอ่ื ตาราง).......................................... ... ตารางที่ 5 (ระบุช่ือตาราง).......................................... ... ... ช่อื ตารางตอ งตรงกบั ที่ปรากฏในเน้ือหา 30
คมู ือการจัดทาํ ผลงานทางวชิ าการ สารบญั ภาพ (ง) ภาพที่ 1 (ระบุชอ่ื ภาพ).......................................... หนา ภาพที่ 2 (ระบชุ อ่ื ภาพ).......................................... ... ภาพท่ี 3 (ระบชุ ือ่ ภาพ).......................................... ... ภาพท่ี 4 (ระบุชือ่ ภาพ).......................................... ... ภาพที่ 5 (ระบุชื่อภาพ).......................................... ... ... ช่ือภาพตองตรงกับทีป่ รากฏในเน้อื หา 31
คูมือการจดั ทาํ ผลงานทางวิชาการ บทที่ 1 บทนํา 1.1 หลักการและเหตผุ ล เปน การนาํ เสนอที่มาของปญ หาของเร่ืองทจ่ี ะนาํ เสนอ แสดงใหเหน็ ถงึ ความรูพ ้ืนฐานและความเขาใจ ในปญหามาวเิ คราะหแ ลวนําไปสูเร่อื งท่ีจะนาํ เสนอ ระบุถงึ ประโยชนข องเรื่องท่จี ะนาํ เสนอ....................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………….......... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.2 วตั ถปุ ระสงคของการนาํ เสนอ 1) .................................................................................................................................................... 2) .................................................................................................................................................... - แสดงใหท ราบถงึ เปา หมายของผูนําเสนอวาตองการนําเสนออะไร และนําเสนอเพ่ืออะไร เพื่อให เกดิ ผลอะไรจากขอ เสนอแนวคดิ ฯ - เขียนแยกเปนขอๆ 32
คูมอื การจดั ทําผลงานทางวชิ าการ บทท่ี 2 แนวคดิ /บทวเิ คราะห/ขอ เสนอ 2.1 แนวคิด ในการเสนอแนวคิด/วิธีการพัฒนางานหรือปรับปรุงงานใหมีประสิทธิภาพมากข้ึน เรื่อง................ ผูเสนอแนวคิดไดใ ชแ นวคดิ ดงั น้ี 2.1.1 ……….(ใสเฉพาะหวั ขอวิชาการ).......... 2.1.2 ……….(ใสเฉพาะหวั ขอวิชาการ).......... โดยมรี ายละเอยี ด ดงั นี้ 2.1.1 ............(ยกหวั ขอ ตามขอ 2.1.1 ดา นบนมาอธิบายรายละเอยี ดเทา ทจ่ี ําเปน ) ......................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2.1.2 ............(ยกหัวขอ ตามขอ 2.1.2 ดานบนมาอธิบายรายละเอียดเทา ทจ่ี าํ เปน ) ......................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 2.2 บทวเิ คราะห จากหลักการและเหตุผลท่ีไดนําเสนอในบทท่ี 1 และแนวความคิด ใหผูเสนอแนวคิดทําการศึกษา วิเคราะหส ภาพปญ หา สาเหตุของปญหาและวิธีการแกไขปญหา และทฤษฎี แนวความคิดทางวิชาการ กฎ ระเบียบที่ยกขึ้นมากลาวอาง สามารถใชแกไขปญหาไดอยางไร หรือใชในการพัฒนางานหรือปรับปรุงงาน ใหมีประสิทธิภาพมากขึ้นไดอยางไร และเกิดผลดีกับผลงานที่ทําน้ันอยางไร ในสวนของบทวิเคราะหนี้ ผูเสนอจะตอ งแสดงถงึ ความสัมพนั ธของปญหากบั ทฤษฎี แนวความคิดทางวชิ าการ กฎ ระเบียบ อยา งชัดเจน 2.3 ขอเสนอ เปนการนําเสนอแผนงานหรือวิธีการเพ่ือการแกไขปญหา ท้ังน้ีขอเสนอควรเปนขอเสนอท่ีชัดเจน สามารถนําไปปฏิบัติไดจริงและเห็นผลสําเร็จไดชัดเจน พรอมทั้งกําหนดแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ประกอบดว ย 33
คมู ือการจัดทําผลงานทางวชิ าการ บทท่ี 3 ผลทคี่ าดวาจะไดร บั ใหระบุวา แนวความคดิ ท่เี สนอนั้น ผลหรอื ประโยชนท ี่จะไดรบั จากการนาํ เสนอแนวคดิ ดงั กลา วคือ อะไร จะเปนประโยชนตอ การพฒั นางานไดอยา งไร หรือหนวยงานใด หรอื บคุ คลใดจะเปนผนู ําผลงานนไี้ ป ใชป ระโยชนไ ดบาง อยา งไร 34
คูมอื การจดั ทาํ ผลงานทางวิชาการ บทท่ี 4 ตวั ชวี้ ดั ความสาํ เร็จ ใหกาํ หนดตัวช้ีวัดความสาํ เรจ็ ของขอเสนอแนวคดิ ฯ ที่นําเสนอใหชดั เจนเปนรปู ธรรม สามารถวัด ได และตองสอดคลองกบั ปญหาและวตั ถุประสงคข องผลงาน ในบทที่ 1 ขอ 1.2 วตั ถปุ ระสงคข องการ นําเสนอ ลงชื่อ....................................... (......................................) ผูเ สนอแนวคิด ......../........../......... 35
คูมือการจดั ทําผลงานทางวชิ าการ บรรณานุกรม เขยี นบรรณานกุ รมตามรปู แบบที่กาํ หนดและเรยี งตามลาํ ดับตวั อกั ษร 36
คมู ือการจดั ทําผลงานทางวชิ าการ ภาคผนวก (พมิ พกึ่งกลางหนากระดาษ ตวั อักษรหนา ขนาด 28) 37
คูม ือการจดั ทาํ ผลงานทางวิชาการ 2.6 รูปแบบการเขยี นบทคัดยอ และการแจงเวยี นบทคดั ยอ บทคดั ยอ สาํ หรบั ผลงานทางวชิ าการทีเ่ สนอเพอ่ื เลอ่ื นตาํ แหนง ช่ือเรอื่ ง (ระบุชอ่ื ผลงาน).................................................................................................................. โดย (ระบชุ ่ือ – สกลุ ตาํ แหนง ระดบั และสงั กดั ปจ จบุ นั ).......................................................... เอกสารเสนอประกอบการขอประเมนิ บคุ คลเพื่อแตง ตัง้ ใหดาํ รงตําแหนง ........................... ป (ระบุช่อื ตําแหนง ระดบั และสงั กดั ) พ.ศ. (ใหร ะบุป พ.ศ. ทีจ่ ัดทําผลงาน).................................................................................. 1. ความเปน มาและความสาํ คญั ของผลงาน (ใหก ลาวถึงทมี่ าและความสําคัญของผลงาน โดยสรปุ ) ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วัตถุประสงคข องผลงาน 1)…………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2)…………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. ขอบเขตการจดั ทาํ ผลงาน ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธีการดาํ เนินงาน ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ผลการดาํ เนินงาน ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ขอเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 38
คูมอื การจดั ทําผลงานทางวิชาการ บทคัดยอ สาํ หรบั ขอ เสนอแนวความคดิ /วิธีการเพอ่ื พฒั นางานหรอื ปรับปรงุ งานใหมีประสิทธภิ าพมากขึ้น ชอ่ื เรอ่ื ง (ระบุชือ่ ผลงาน).................................................................................................................. โดย (ระบชุ ่ือ – สกลุ ตาํ แหนง ระดบั และสังกัดปจจบุ นั ).......................................................... เอกสารเสนอประกอบการขอประเมินบคุ คลเพอื่ แตงต้ังใหดาํ รงตําแหนง ........................... ป (ระบุช่อื ตําแหนง ระดบั และสงั กัด) พ.ศ. (ใหร ะบุป พ.ศ. ทจี่ ัดทําผลงาน).................................................................................. 1. หลกั การและเหตผุ ล (ใหก ลา วถึงที่มาของเรือ่ งทเ่ี สนอ โดยสรปุ ) ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วตั ถปุ ระสงคของการนําเสนอ 1)…………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2)…………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. ขอ เสนอแนวคดิ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ผลที่คาดวา จะไดรบั ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ตวั ชวี้ ดั ความสําเรจ็ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 39
คมู ือการจัดทาํ ผลงานทางวชิ าการ สว นที่ 3 การเสนอโครงรา งผลงาน ในการเสนอโครงรา งผลงานเพอ่ื จะเขา รับการประเมินผลงานเพื่อแตง ตั้งใหด าํ รงตาํ แหนงสงู ขึ้น จะตองประกอบดว ยแบบฟอรม ทจ่ี ะตองจัดทํา 3 แบบฟอรมหลัก ดังนี้ 1. แบบพิจารณาคณุ สมบัติของบคุ คล (ภาคผนวก 1) 2. แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะของบุคคล (ภาคผนวก 2) 3. ขอ มลู ผมู ีคณุ สมบัตทิ ี่จะแตง ต้งั ใหดํารงตําแหนง สงู ข้นึ (ภาคผนวก 3) ในกรณีทผ่ี ูทีเ่ สนอผลงานเพ่ือเขารับการประเมนิ ผลงานเพื่อแตง ต้ังใหด าํ รงตาํ แหนง สงู ข้ึน มรี ะยะเวลาการ ดาํ รงตาํ แหนง ในสายงานตามคุณวฒุ ิไมครบ จะตอ งจดั ทําหนงั สือรบั รองผลการปฏิบัตงิ าน (ภาคผนวก 4) เพอ่ื ขอเก้ือกูลระยะเวลาการดํารงตําแหนง ในสายงานใหครบตามหลกั เกณฑท ี่กาํ หนด 40
คูมือการจดั ทําผลงานทางวชิ าการ สวนที่ 4 การตรวจสอบคณุ สมบตั บิ คุ คลและขน้ั ตอนการพิจารณา 4.1 หลกั เกณฑแ ละวิธีการคัดเลือก 1) ใหคัดเลือกเพื่อเล่ือนข้ึนแตงต้ังใหดํารงตําแหนงในระดับที่สูงกวาระดับตําแหนงท่ีผูน้ันดํารงอยู ไมเ กิน 1 ระดับ 2) ก.พ. มอบอํานาจให อ.ก.พ. กรมดําเนินการบริหารจัดการเร่ืองการประเมินบุคคลและผลงาน เพ่อื แตงตงั้ ใหด ํารงตาํ แหนงประเภทวชิ าการ ตาํ แหนง ระดับชํานาญการพเิ ศษลงมา อยา งเปน ระบบ 3) เนนกระบวนการคดั เลือกคนอยางโปรงใส และเปนธรรม และตรวจสอบได เพ่ือใหไดบุคคลท่ีมี ความรูความสามารถ มีเหมาะสมกอนท่ีจะใหสงผลงานเพื่อประเมิน และใหมีการประกาศรายชื่ออยาง เปดเผย รวมทั้งเปด โอกาสใหมีการทักทวงไดภ ายในระยะเวลาทีก่ าํ หนด 4) การคดั เลือกบคุ คลท่จี ะเขา รบั การประเมนิ ผลงาน แบงเปน 2 กรณี คอื - กรณีการคัดเลือกบุคคลเพ่ือแตงตั้งใหดํารงตําแหนงท่ีปรับระดับสูงข้ึนไดจากระดับเริ่มตน ของสายงาน (ตําแหนงในระดับควบหรือเลื่อนไหล) และมีผูครองตําแหนงอยูแลว เชน ตําแหนง นักทรัพยากรบุคคล ระดับปฏิบัติการหรือชํานาญการ เปนตน มอบใหผูมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา 57 หรือผูวา ราชการจงั หวดั เปนผพู จิ ารณาคัดเลอื ก - กรณีคัดเลือกบุคคลเพ่ือแตงต้ังใหดํารงตําแหนงท่ีไมใชตําแหนงในระดับควบหรือเล่ือนไหล เชน ตําแหนง นกั วเิ คราะหน โยบายและแผน ระดับชํานาญการพิเศษ เปนตน และเปนตําแหนงวางทุกกรณี มอบให อ.ก.พ. กรมหรือคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเปนผูพิจารณาคัดเลือกกอนเสนอใหผูมีอํานาจสั่ง บรรจุตามมาตรา 57 หรอื ผูวาราชการจงั หวัดพิจารณาใหค วามเห็นชอบ 5. ผลงานทีส่ งประเมินจะตอ งมปี ระโยชนตอ หนว ยงาน โดยคํานึงถึงคุณภาพมากกวาปริมาณ และ ตองประกอบดวย 2 สวน คือ ผลการปฏิบัติงานท่ีผานมา และแนวคิด วิธีการเพ่ือพัฒนางานหรือปรับปรุง งานใหมีประสิทธภิ าพมากขึน้ 4.2 คณุ สมบัตขิ องผเู ขา รับการคดั เลือก 4.2.1 ขอมูลท่ัวไป 1) ประวัตสิ วนตวั (จาก ก.พ.7) 2) ประวัตกิ ารรับราชการ 3) ประวัตกิ ารฝกอบรม ดงู าน 4) ประสบการณในการทาํ งาน 5) อัตราเงนิ เดือน 41
คมู อื การจดั ทาํ ผลงานทางวิชาการ 4.2.2 คณุ สมบตั ิเฉพาะสาํ หรับตาํ แหนง 1) มีวุฒิการศึกษาตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหนงตามที่ ก.พ. กําหนดไวใน มาตรฐานกําหนดตาํ แหนงหรอื ไดรบั การยกเวนจาก ก.พ. 2) มีระยะเวลาการดํารงตําแหนงตามท่ี ก.พ. กําหนดไวในมาตรฐานการกําหนดตําแหนง ตามคุณวุฒิ ดังนี้ - กรณีตําแหนง ระดับชํานาญการ จะตองดาํ รงตาํ แหนงในระดับปฏิบัติการ ดงั น้ี ปรญิ ญาตรี ดาํ รงตาํ แหนง ระดบั ปฏิบตั กิ าร 6 ป ปริญญาโท ดํารงตาํ แหนง ระดับปฏิบัติการ 4 ป ปรญิ ญาเอก ดํารงตาํ แหนงระดบั ปฏิบตั กิ าร 2 ป - กรณีตาํ แหนงระดับชํานาญการพิเศษ จะตองดํารงตาํ แหนง ระดับชํานาญการ ไมนอ ยกวา 4 ป 3) มีระยะเวลาข้ันต่ําในการดํารงตําแหนงหรือเคยดํารงตําแหนงในสายงานที่จะแตงตั้งไม นอยกวา 1 ป (ระยะเวลาตน ทุน) 4) มีระยะเวลาขัน้ ตํ่าในการดํารงตําแหนง หรือเคยดํารงตําแหนงในสายงานที่จะแตงตั้งตาม คุณวุฒิของบคุ คลและระดับตําแหนง ทีจ่ ะแตงต้ัง ดังนี้ คุณวุฒิ ระดับตาํ แหนง ชํานาญการ ชํานาญการพเิ ศษ ปรญิ ญาตรี หรือเทยี บเทา 6 ป 8 ป ปรญิ ญาโท หรอื เทยี บเทา 4 ป 6 ป ปริญญาเอก หรอื เทียบเทา 2 ป 4 ป 5) เปน ผูทผ่ี า นการประเมนิ บคุ คลตามที่ ก.พ. กาํ หนด 42
คมู ือการจัดทาํ ผลงานทางวิชาการ คณุ สมบตั ขิ องผูเขา รบั การคดั เลอื ก ระดบั ชาํ นาญการพเิ ศษ 1.มคี ุณสมบตั เิ ฉพาะสาํ หรับตาํ แหนงครบถวนตามท่ี ก.พ. ระดบั ชาํ นาญการ กาํ หนดในแตละสายงาน 2. เคยดํารงตําแหนง ประเภทวชิ าการ ระดบั ชํานาญการ ไม นอ ยกวา 4 ป 3. ปฏบิ ัติงานในสายงานที่เกีย่ วของมาแลว ไมน อ ยกวา 1 ป 4. ระยะเวลาขั้นตํ่าในสายงานที่จะแตง ตัง้ /สายงานอื่นท่ี เกยี่ วของเกือ้ กลู ตามคณุ วุฒิ ดังน้ี - ปริญญาตรี 8 ป - ปริญญาโท 6 ป - ปริญญาเอก 4 ป 1.มคี ุณสมบตั เิ ฉพาะสาํ หรับตาํ แหนงครบถวนตามท่ี ก.พ. กําหนดในแตล ะสายงาน 2. เคยดาํ รงตําแหนงประเภทวชิ าการ ระดับปฏบิ ัตกิ าร ดังน้ี - ปรญิ ญาตรี 6 ป - ปรญิ ญาโท 4 ป - ปรญิ ญาเอก 2 ป 3. ปฏบิ ัตงิ านในสายงานทเ่ี กย่ี วของมาแลวไมนอ ยกวา 1 ป 4. ระยะเวลาขัน้ ตา่ํ ในสายงานท่จี ะแตง ต้ัง/สายงานอืน่ ที่ เกีย่ วของเกอื้ กลู ตามคุณวฒุ ิ ดังนี้ - ปริญญาตรี 6 ป - ปรญิ ญาโท 4 ป - ปรญิ ญาเอก 2 ป ระดบั ปฏบิ ตั กิ าร มีคุณสมบตั ิเฉพาะสาํ หรับตาํ แหนงครบถวนตามที่ ก.พ. กาํ หนด ในแตล ะสายงาน (ปริญญาตรี/โท/เอก) 43
คูมอื การจดั ทาํ ผลงานทางวิชาการ 4.3 ขน้ั ตอนและวิธีการดําเนนิ การคดั เลือก 4.3.1 กรณีการคัดเลือกบุคคลเพ่ือแตงตั้งใหดํารงตําแหนงสูงข้ึนไดจากระดับเริ่มตนของสายงาน (ตําแหนง เล่ือนไหล) และมผี ูครองตาํ แหนง อยูแลว จะตอ งดาํ เนินการดงั น้ี 1) ผูมีคุณสมบัติสงเอกสารประกอบการพิจารณาตามท่ี อ.ก.พ. กรม กําหนด ใหกองการ เจาหนา ที่เพื่อดําเนินการในสวนทีเ่ ก่ียวของ 2) รวบรวมขอมูลท้ังหมดเสนอผูมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 แหงพระราชบัญญัติ ระเบียบขาราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เปนผูพิจารณาคัดเลือกบุคคลท่ีจะเขารับการประเมินผลงานตาม หลกั เกณฑท่ี อ.ก.พ. กรม กําหนด กรณี ผทู ่มี ีคณุ สมบตั กิ ารดาํ รงตําแหนงในสายงายไมครบตามหลักเกณฑ จะตองเสนอคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพ่ือพิจารณาเกื้อกูลการดํารงตําแหนงในสายงานที่จะแตงตั้งให เปนไปตามหลกั เกณฑท ่ีกําหนด กอนเสนอผมู อี ํานาจส่ังบรรจตุ ามมาตรา 57 พจิ ารณา 3) ประกาศรายช่ือผูท่ีไดรับการคัดเลือกอยางเปดเผย เพื่อเปดโอกาสใหมีการทักทวงได ภายใน 30 วัน นับต้ังแตวันประกาศและแจงใหผูไดรับการคัดเลือกทราบและใหสงผลงานตามจํานวนและ เง่อื นไขที่ อ.ก.พ. กรมหรอื คณะกรรมการประเมินผลงานที่ อ.ก.พ. กรมแตง ต้งั กําหนด 4.3.2 กรณีการคัดเลือกบุคคลเพ่ือแตงต้ังใหดํารงตําแหนงสูงขึ้นที่ไมใชตําแหนงเล่ือนไหล และ เปนตําแหนง วา งทกุ กรณี จะตอ งดําเนนิ การดังน้ี 1) กองการเจาหนาที่ ประกาศรับสมัครเพ่ือใหผูที่มีคุณสมบัติครบถวนสงเอกสารเพ่ือ ประกอบการพิจารณาคัดเลือกตามทีก่ ําหนด 2) ผูมีคุณสมบัติสงเอกสารประกอบการพิจารณาตามท่ี อ.ก.พ. กรม กําหนด ใหกองการ เจา หนาที่เพื่อดาํ เนินการในสวนทีเ่ กย่ี วขอ ง 3) รวบรวมขอมูลทั้งหมด เสนอให อ.ก.พ. กรม หรือคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลท่ี อ.ก.พ. กรมแตงต้ัง เปน ผพู จิ ารณาคดั เลือกบุคคลท่ีจะเขา รบั การประเมนิ ผลงาน 4) รายงานผลการพิจารณาคัดเลือกพรอมทั้งเหตุผลในการพิจารณาตอผูมีอํานาจส่ังบรรจุ ตามมาตรา 57 แหง พระราชบญั ญตั ิระเบยี บขา ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 เพ่อื พจิ ารณาใหความเหน็ ชอบ 5) ประกาศรายชื่อผูท่ีไดรับการคัดเลือกอยางเปดเผย เพื่อเปดโอกาสใหมีการทักทวงได ภายใน 30 วัน นับต้ังแตวันประกาศและแจงใหผูไดรับการคัดเลือกทราบและใหสงผลงานตามจํานวนและ เงอื่ นไขท่ี อ.ก.พ. กรมหรอื คณะกรรมการประเมนิ ผลงานที่ อ.ก.พ. กรมแตง ตั้งกาํ หนด 44
คูม ือการจัดทําผลงานทางวิชาการ ขัน้ ตอนการประเมนิ บคุ คลและผลงาน - กรณกี ารเลือ่ นตําแหนง จากระดับเริ่มตน ของสายงาน (ระดบั ควบ/เลอ่ื นไหล) และมคี นครองอยู ผมู ีคุณสมบตั สิ งเอกสาร ไมครบ คณะกรรมการคัดเลือกบุคคล ประกอบการพจิ ารณา กรณี พจิ ารณานบั ระยะเวลาเกื้อกลู ตามท่กี าํ หนด ให กกจ. เกอ้ื กลู คุณสมบัติ ผมู อี าํ นาจบรรจุแตงตงั้ ตาม ดําเนนิ การ ครบ มาตรา 57 พิจารณาคดั เลอื ก ผมู ีอํานาจบรรจุแตง ต้ัง ตาม เสนอผมู อี าํ นาจบรรจุแตงต้งั มาตรา 57 ตามมาตรา 57 ดาํ เนินการตาม ว5/2542 - ประกาศรายชื่อผูไดร บั การคดั เลอื กพรอม มีคน อ.ก.พ.กรม/ ช่อื ผลงาน กาํ หนดใหมีการทกั ทวงไดภ ายใน ทักทว ง คณะกรรมการคัดเลือก 30 วัน - แจง ใหผ ูบงั คับบัญชาและผูไดรับการ บคุ คลพิจารณา คัดเลอื กทราบใหจัดทําผลงานสงภายใน ระยะเวลา 6 เดอื น นบั ตั้งแตวันประกาศ ตรวจสอบ มีมูล โดยเรว็ ผูไดร บั การคัดเลอื กสง ผลงานตามที่ ไมมมี ลู ประกาศ จํานวนเรอ่ื งละ 6 เลม เสนอผูม อี ํานาจบรรจุ แจง มตใิ หผ ูเ สนอ ไมผ า น คณะกรรมการประเมนิ ผลงาน แตง ตงั้ ตามมาตรา 57 ผลงานทราบ และ (พิจารณาผลงาน) แกไขใหแลว เสร็จตาม สอบผูทกั ทวง ผาน ระยะเวลาท่ี คณะกรรมการกําหนด เสนอผมู อี ํานาจสง่ั บรรจแุ ตต้ัง ตามมาตรา 57 45
คมู อื การจดั ทาํ ผลงานทางวชิ าการ - กรณีการเลื่อนตําแหนงที่ไมใชตําแหนงในระดับควบ/เลื่อนไหล (ระดับชํานาญการพิเศษ) และเปน ตําแหนง วางทกุ กรณี ตําแหนง วา ง ประกาศรบั สมคั รคดั เลอื ก ผูขอรับการคดั เลอื กจัดสง เอกสารประเมนิ ประกอบการ คัดเลอื ก (เอกสารแนบทา ย 1-3 และหนงั สอื รบั รองการ ปฏบิ ตั ิงาน (กรณนี ําระยะเวลาการดํารงตาํ แหนง ในสาย งานอนื่ มาขอเกอื้ กลู ระยะเวลาการดาํ รงตําแหนง ในสาย งานทจ่ี ะแตงตั้ง)) คณะกรรมการคดั เลอื กบคุ คล เสนอผมู อี ํานาจบรรจแุ ตง ตง้ั พจิ ารณาคดั เลอื ก ตามมาตรา 57 ดาํ เนนิ การตาม ผมู อี ํานาจบรรจุแตงต้ัง ตาม ว5/2542 มาตรา 57 พจิ ารณาเหน็ ชอบ - ประกาศรายช่ือผูไดร บั การคัดเลอื กพรอม มคี น อ.ก.พ.กรม/ ช่ือผลงาน กําหนดใหมีการทกั ทว งไดภายใน ทักทว ง คณะกรรมการคดั เลือก 30 วนั - แจง ใหผ บู ังคบั บญั ชาและผไู ดรับการ บคุ คลพิจารณา คัดเลือกทราบใหจัดทําผลงานสง ภายใน ผูเขารับการประเมนิ จะตอง ระยะเวลา 6 เดอื น นับตง้ั แตวันประกาศ ตรวจสอบ มมี ลู แจงเวยี นบทคดั ยอ ให โดยเรว็ หนวยงานหรือผทู ่เี กีย่ วของ ผไู ดร บั การคัดเลือกสงผลงานตามท่ี เพอ่ื ทราบและพจิ ารณา ไม ประกาศ จํานวน เรือ่ งละ 6 เลม ไมม ีมูล นอ ยกวา 15 วัน หากไมมีผู คดั คา น จึงเสนอผลงาน พรอมแนบหลกั ฐานการ แจง เวยี นดังกลา ว แจง มตใิ หผ เู สนอ ไมผาน คณะกรรมการประเมนิ ผลงาน เสนอผมู อี ํานาจบรรจุ ผลงานทราบ และ (พจิ ารณาผลงาน) แตง ตง้ั ตามมาตรา 57 แกไ ขใหแ ลว เสร็จตาม สอบผทู กั ทว ง ระยะเวลาท่ี คณะกรรมการกําหนด ผา น เสนอผูมอี ํานาจส่ังบรรจแุ ตต ง้ั ตามมาตรา 57 46
คูมือการจดั ทาํ ผลงานทางวิชาการ บรรณานกุ รม สํานักงาน ก.พ. 2548. ประกาศสาํ นกั งาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว10 เรอื่ งการประเมินบคุ คลเพื่อแตง ตั้งให ดํารงตําแหนงสําหรับผูปฏิบัติงานที่มีประสบการณ (ตําแหนงประเภททั่วไป) และตําแหนง ประเภทวิชาชีพเฉพาะ ตําแหนง ระดับ 8 ลงมา. 15 กนั ยายน 2548. สาํ นักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ. 2553. ประกาศสํานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ เร่ืองการประเมินบุคคลเพ่ือแตงต้ังใหดํารงตําแหนงประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการและ ระดบั ชํานาญการพิเศษ. 28 กรกฎาคม 2553. 47
Search