Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

Published by Thidarat Chueakhomsao, 2020-11-02 08:01:18

Description: น.ส.ธิดารัตน์ เชื้อคำซาว เลขที่25 ชั้น ม.5/1
น.ส.พัชรินทร์ ตัวลือ เลขที่26 ชั้นม.5/1

Search

Read the Text Version

สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรยี น ประกอบวิชา ว32101 เทคโนโลย2ี ครปู ระจาวชิ า ครูรชั ชนก วงศ์เขยี ว

คำนำ หนงั สืออเิ ล็กทรอนกิ สเ์ ร่อื ง สวนพฤกษศำสตร์ในโรงเรยี นเล่มน้ีประกอบดว้ ยเนอ้ื หำ เก่ยี วกบั ตน้ ไมแ้ ละดอกไม้ในโรงเรียนวงั เหนอื วทิ ยำเปน็ สว่ นหนึ่งของวชิ ำ ว32101 เทคโนโลย2ี ผู้จัดทำหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำเนื้อหำในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์นี้จะเป็นประโยชน์ สำหรับผ้ทู ศ่ี ึกษำไดเ้ ปน็ อยำ่ งดี นำงสำว ธิดำรัตน์ เชื้อคำซำว นำงสำว พชั รินทร์ ตวั ลือ ผูจ้ ดั ทำ

ตน้ พญำสัตบรรณ ตนี เปด็ นำ้ หรือ ตนี เปด็ ทะเล ชือ่ วิทยำศำสตร์: Cerbera odollam มชี ่ือเรียกอ่ืน ๆ อีกว่ำ ตุม (กำญจนบุรี), พะเนียงน้ำ หรือ สง่ั ลำ (กระบี่), มะตะกอ (มลำยู-นรำธวิ ำส) เป็นไม้ยืนต้นขนำดเล็กชนิดหนึ่ง นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ มีลักษณะเป็นทรงพุ่มกลม ใบแน่น เป็นไม้ไม่ ผลดั ใบ มีนำ้ ยำงสขี ำว กลีบดอกมคี วำมสวยงำม มีสีขำว เป็นไม้ทปี่ ลูกได้ง่ำย ขึ้นไดด้ ี ต้องกำรแดดและ ควำมชื้นสูง สูงเต็มที่ประมำณ 12 เมตร มีกำรกระจำยพันธ์ุต้ังแต่อนุทวีปอินเดียและเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ และตอนใต้ของจีน พบจนถึงนิวแคลิโดเนีย มักขึ้นในป่ำชำยเลนหรือบริเวณท่ีเป็นพื้นท่ีชุ่มน้ำ บริเวณชำยทะเล ตนี เป็ดนำ้ มผี ลทรงกลม คล้ำยผลสม้ มีสเี ขียว แตท่ วำ่ มีพษิ รับประทำนมำกอำจทำให้เสียชวี ิตได้ อีกทั้ง ยำงกม็ พี ิษ ซงึ่ สำมำรถใชป้ ระโยชนใ์ นกำรทำเป็นสำรเคมีฆำ่ เหำได้

ตน้ ตีนเป็ด หรือพญาสัตบรรณ กับประโยชนด์ ีๆ ต่อสุขภาพ -เปลือกของลำตน้ มรี สขม สำมำรถนำมำทำเปน็ ยำทช่ี ่วยในกำรเจรญิ อำหำร -ชว่ ยลดระดับน้ำตำลในเลอื ด ช่วยบรรเทำอำกำรของโรคเบำหวำน และแก้หวัด แกไ้ อ บรรเทำอำกำรหลอดลมอกั เสบ -เปลือกของลำตน้ ชว่ ยรักษำโรคบดิ ท้องรว่ ง ทอ้ งเดินเร้อื รัง โรคลำไสแ้ ละลำไสต้ ิดเชื้อ -เปลือกของลำตน้ ต้มน้ำอำบ ลดอำกำรผดผนื่ คัน -ยำงจำกลำต้น ใชห้ ยอดหแู กอ้ ำกำรปวดหู และใชอ้ ดุ ฟันเพ่อื บรรเทำอำกำรปวดฟนั -ใบออ่ น นำมำตม้ เพ่อื ดื่มรกั ษำโรคลักปดิ ลักเปิด -ใบ และยำง ชำวอนิ เดียใช้รกั ษำแผล แผลเปอื่ ย แผลตมุ่ หนอง และอำกำรปวดข้อ

อโศกอนิ เดยี อโศกอินเดีย หรอื อโศกเซนต์คาเบรยี ล (ช่ือวิทยาศาสตร์: Polyalthia longifolia) เป็นไม้ยืนต้นสูง ในวงศ์ Annonaceae มี ลักษณะเปน็ ไม้ไม่ผลัดใบ ทรงพ่มุ เปน็ รูปปิรามดิ แคบ ๆ สูงเตม็ ที่ไดถ้ งึ 25 เมตร กิ่งโน้มลูล่ งทง้ั ต้น ทาให้ แลดูต้นสูงชลูดมาก เปลือกต้นเกล้ียงสีเทาเข้ม หรือเทาปนน้าตาล ใบเด่ียวรูปใบหอกแคบ ๆ ปลาย แหลมยาว 15 - 20 เซนตเิ มตร สีเขียวเปน็ มนั เงางาม ขอบใบเป็นคล่ืน ออกดอกในระหว่างเดือนมีนาคม - เมษายน จะออกดอกสีเขียวอ่อนเป็นกระจุกตามข้างๆ กิ่ง แต่ละ ดอกเป็นรูปดาว 6 แฉก กลีบดอกเป็นคล่ืนน้อย ๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 - 2 เซนติเมตร ดอก บานอย่นู าน 3 สัปดาห์ ผลรูปไข่ ยาว 2 เซนตเิ มตร เมอ่ื สกุ มสี ีดา เป็นไมต้ น้ ทรงสูงชะลูด สามารถสงู ไดเ้ กนิ กว่า 30 ฟุต เปน็ แท่ง กลมปลายแหลม ทรงพุ่มแผ่นทึบ ใบรูปหอก แนว ยาวสีเขียวเข้ม ขอบใบเป็นคล่ืน ดอกออกเป็นช่อสี เขียวอ่อน รูปดาว 6 แฉก ดอกมีกลิ่นอ่อน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับและเป็นร่มเงา มีถ่ินกาเนิดอยู่ท่ี ประเทศอนิ เดยี และศรลี งั กา

ต้นชำทอง เป็นไมพ้ ุ่ม สูง 1 เมตร ผวิ ลำต้นหยำบ ขรุขระ สีเทำออ่ น ใบเดย่ี วแบบตรงข้ำม ใบรูปรี กว้ำง ประมำณ 1.5-2.5 เซนตเิ มตร ยำวประมำณ 5 เซนติเมตร ใบสีเขยี วอ่อนอมเหลอื งถึงสีเหลือง ทอง ปลำยใบแหลม โคนใบสอบเรยี ว ขอบใบเรยี บ ดอกชอ่ แบบชอ่ วงแถวเดีย่ ว กล่ินหอม ออท่ี ปลำยยอด กลบี เลีย้ ง 6 กลีบ สเี ขียวกลีบดอก 5 กลีบ สีม่วงออ่ น เกสรเพศผู้ 5 เกสร เกสร เพศเมยี 1 อัน ผลเดีย่ ว ผลสด เมล็ดเดี่ยวแขง็ ผลอ่อน สเี ขยี ว ผลแก่สีส้ม เมลด็ 1 เมลด็ /ผล

ขอ้ มูลพฤกษศาสตร์ ช่ือวทิ ยำศำสตร์ : Duranta erecta L. ชอ่ื วงศ์ : VERBENACEAE ชอื่ สำมญั :Golden Dewdrop ,Japan Camillia ,Pigeon berry ,Sky flower ชอ่ื พน้ื เมอื ง :เทยี นทอง ,พวงมว่ ง ,เทยี นพญำอนิ ทร์ ถิน่ กำเนดิ : อเมรกิ ำ เขตร้อน กำรกระจำยพันธ์ุ : - ในประเทศไทย พบในท่ัวพ้นื ทเี่ ขตรอ้ น -ในประเทศอ่นื ๆ พบประเทศในเขตรอ้ น นิเวศวิทยำ : เตบิ โตไดด้ ใี นเขตรอ้ นชื้น เวลำออกดอก : ตลอดปี เวลำติดผล : ตลอดปี กำรขยำยพันธ์ุ : กำรปกั ชำก่งิ และตอนกิ่ง กำรใช้ประโยชน์ : 1. นยิ มปลกู เพื่อเป็นไมป้ ระดับต้น และเพื่อชมดอก 2. ใบสดใชห้ ้ำมเลอื ด แกฝ้ ฝี ักบวั แกอ้ กั เสบบวมเป็นหนอง 3. เมลด็ แหง้ ใช้ ชงน้ำรบั ประทำนแกไ้ ขม้ ำลำเรยี แกช้ ้ำใน

ตน้ ชบา ชบำ (ช่ือวิทยำศำสตร์: Hibiscus rosa-sinensis) เปน็ พืชมีดอกในสกุล Hibiscus วงศ์ Malvaceae เป็นพืชพน้ื เมืองในเอเชียตะวนั ออก ชำวโอรงั อซั ลใี นรฐั เปรกั มำเลเซยี ใช้เปลอื กรำกแช่ในนำ้ ขำ้ มคนื และดมื่ ขณะทอ้ งวำ่ งเพ่อื รกั ษำฝี ชบาเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ใบค่อนข้างมนรี มีปลายแหลม ขอบของใบเป็นจักเล็กน้อย และมีสีเขียวเข้ม อ่อน เม่ือขย้ีใบจะเป็นเมือกเหนียว ดอกมีท้ังกลีบช้ันเดียวและหลายช้ัน หากเป็นช้ันเดียวปกติจะมีกลีบ ดอก 5 กลีบ มกี ้านเกสรอยู่ตรงกลางดอกหนึ่งก้าน ลักษณะของกลีบดอกชบาจะมีขนาดใหญ่ มหี ลายสีไม่ ว่าจะเปน็ ขาว แดง แสด เหลือง ม่วง ชมพู และสีอื่น ๆ โดยดอกชบาแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ ดอกบาน เป็นรูปถ้วย ดอกบานเป็นรูปแผ่แบน และกลีบดอกบานแบบแผ่โค้ง และขยายพันธ์ุด้วยการปักชา การต่อ ตา การตดิ ตา และการเสียบยอด

ดอกกหุ ลำบ กุหลาบ (อังกฤษ: rose) คือดอกไม้ในสกุล Rosa ในวงศ์ Rosaceae ท่ีได้รับความนิยมปลูกมาก ที่สดุ ชนดิ หนง่ึ ของโลกที่มตี ้นกาเนิดจากทวปี เอเชีย ผู้คนนิยมปลูกเพื่อความสวยงาม ตกแตง่ สวน, ประดับ ตกแต่งบ้าน, ประดบั สถานท่ี, ปลูกเพือ่ การพาณิชย์ อาทิ เพ่อื นาไปสกัดนา้ หอม นาไปทาเป็นส่วนประกอบ ของสปา เปน็ ตน้ กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีการปลูกเป็นการค้ากันแพร่หลายท่ัวโลกมานานแล้ว กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกท่ีมี การซื้อขาย เป็นอันดับหนึ่งในตลาดประมูลอัลสเมีย ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซ่ึงเป็นตลาดประมูลไมด้ อก ที่ ใหญ่ท่ีสุดของโลก เมื่อ พ.ศ. 2542 มกี ารซอื้ ขายถงึ 1,672 ล้านดอก และมักจะมียอดขายสูงสุดในประเทศ ต่าง ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ดอกชนิดอ่ืน ๆ โดยประเทศที่ปลูกกุหลาบรายใหญ่ของโลกได้แก่ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน สหรัฐอเมริกา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ อิสราเอล เยอรมนี เคนยา ซิมบับเว เบลเยียม ฝร่งั เศส เม็กซโิ ก แทนซาเนยี และมาลาวี เปน็ ตน้

ปัจจุบันประเทศไทยมีพ้ืนที่ปลูกกุหลำบตัดดอกประมำณ 5,500 ไร่ กระจำยอยู่ท่ัวทุกภำคของประเทศ แหลง่ ปลกู ท่สี ำคญั ไดแ้ ก่ เชยี งใหม่ เชียงรำย ตำก นครปฐม สมุทรสำคร รำชบุรี และกำญจนบุรี มกี ำร ขยำยตัวของพ้ืนที่มำกท่ีสุดใน อำเภอพบพระ จังหวัดตำก ซ่ึงปัจจุบันประมำณว่ำมีพ้ืนที่กำรผลิตถึง 3,000 ไร่ เนื่องจำก อ.พบพระ มีสภำพภูมิอำกำศท่ีเหมำะสม พื้นที่ไม่สูงชัน และค่ำจ้ำงแรงงำนต่ำ (แรงงำนต่ำงชำติ) กำรผลิตกุหลำบในประเทศไทยอำจแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ กำรผลิตกุหลำบในเชิง ปริมำณ และกำรผลิตกหุ ลำบเชิงคุณภำพ กำรผลิตกุหลำบเชิงปรมิ ำณ หมำยถึงกำรปลูกกุหลำบในพ้ืนท่ี ขนำดใหญ่ หรือปลูกในพื้นท่ีรำบ ซ่ึงจะให้ผลผลิตมีปริมำณมำก แต่ผลผลิตไม่ได้คุณภำพ เช่น ดอกและ กำ้ นมขี นำดเล็ก มีตำหนิจำกโรคและแมลง หรือกำรขนสง่ อำยุกำรปักแจกันส้นั ทำให้รำคำต่ำ กำรผลิต ชนิดน้ีต้องอำศัยกำรผลิตในปริมำณมำกเพ่ือให้เกษตรกรอยู่ได้ ส่วนกำรผลิตกุหลำบในเชิงคุณภำพ นิยม ปลูกในเขตภำคเหนือ และบนท่สี ูง

ดอกกลว้ ยไม้ ชอ่ื วิทยำศำสตร์: Orchid ชื่อวงศ:์ ORCHIDACEAE ช่ือสำมัญ: Orchid ชอ่ื พนื้ เมอื ง: เอื้อง (ภำคเหนอื ) ลักษณะท่วั ไป: ตน้ ลำต้นของกล้วยไม้ไมม่ ีแก่นและเปลือก เนื้อในเสมอกนั ลำต้นมี 2 ลักษณะ คือ ลำต้นแท้ มีข้อและปล้องเหมือนพืชใบเล้ียงเดี่ยวทั่วไป มีกำรเจริญเติบโตทำงยอด ลำต้นเทียมหรือ ลำลกู กลว้ ยไวส้ ะสมอำหำร มลี ำต้นเป็นเหงำ้ มขี ้อและปล้องถี่ เจริญในแนวนอนไปตำมผิวของเครื่อง ปลูก รำกกลมอวบเป็นเส้นเล็กแข็งหรือแบนรำบ มีท้ังรำกดิน รำกก่ึงดิน รำกก่ึงอำกำศ และรำก อำกำศ ใบ เป็นใบเลี้ยงเดี่ยวมีลักษณะต่ำงกันออกไป เช่น รูปแถบ รูปกลมยำว หรือลดรูปเป็นเพียงเกล็ด แผ่นใบบำงคล้ำยใบหมำก หนำอวบน้ำ หรือเป็นแท่งกลม สว่ นมำกแล้วไม่มีส่วนที่เป็นก้ำนใบชัดเจน สขี องใบเปน็ สีเขียวสด บำงชนิดเปน็ สมี ่วงคล้ำ บำงชนดิ กม็ ีลวดลำย ดอก ออกทีป่ ลำยลำต้น ซอกใบหรอื ข้ำงลำต้น ดอกเป็นดอกเดีย่ วหรอื เป็นช่อ แต่ละดอกมีกลีบเลี้ยง 3 กลบี เรยี งสลบั กันกับกลีบดอก 3 กลีบ กลีบดอกอันล่ำงมีลักษณะต่ำงออกไปเรียกว่ำกลีบปำกหรือ กลีบกระเป๋ำไว้สำหรับ ล่อแมลง ก้ำนเกสรตัวเมียและยอดเกสรตัวเมียเชื่อมติดกันกับเกสรตัวผู้เป็น เสำ้ เกสรอย่กู ลำงดอก เกสรตวั ผอู้ ยู่รวมกันเป็นก้อนเปน็ กลุม่ เรณู

ฝัก/ผล ฝัก กล้วยไม้ ภำยในฝักมีเมล็ด กล้วยไม้มีอำยุตั้งแต่ผสมเกสรไปจนถึงฝักแก่จะแตกต่ำงกันไป ตำมชนิดของกล้วย ไม้ร่วมกับสภำพสิ่งแวดล้อมและควำมสมบูรณ์ขององค์ประกอบในกำรเจริญงอกงำม ด้วย กล้วยไม้บำงชนิดอำจจะฝักแก่ได้ในระยะเวลำเพียงเดือนกว่ำเท่ำนั้น แต่มีกล้วยไม้บำงชนิดซึ่งมีฝัก อยกู่ ับต้นถึงปีคร่งึ ถึงจะแก่ ฝักกล้วยไม้ในประเภทไม่แตกกอ มักจะติดอยู่กบั ก้ำนในลักษณะต้ังเอำปลำยช้ี ขน้ึ เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเรียวยำวหรือป่องกลำงคล้ำยลูกรักบ้ี เมล็ดมีขนำดเล็กมำก มีแต่คัพภะ แต่ไม่มี อำหำรสะสมมีเปลือกบำงๆ หมุ้ เมลด็ อยู่ ฤดกู ำลออกดอก: ขึน้ อยกู่ ับสำยพนั ธ์ุ กำรขยำยพันธ์ุ: แยกลำ, แยกหนอ่ , ชำต้นและยอด, เล้ียงเนือ้ เย่อื กำรใชป้ ระโยชน:์ ดอกข้ึนอยกู่ ับสำยพันธุ์ ส่วนทมี่ กี ลิ่นหอม: ไมป้ ระดับสถำนที่ เปน็ สินคำ้ สง่ ออกท่สี ำคญั โดยเฉพำะกลว้ ยไมต้ ระกลู หวำย ถน่ิ กำเนดิ : ลำตินอเมริกำ, เอเซยี แปซิฟิค

ลักษณะพเิ ศษของกลว้ ยไม้ กำรจำแนกพชื วงศก์ ล้วยไม้ไดจ้ ำแนกลกั ษณะพิเศษของกล้วยไม้ทต่ี ำ่ งจำกพืชอน่ื ไวด้ ังน้ี 1. เกสรตวั ผอู้ ยขู่ ้ำงเดยี วของดอก (ไมส่ มดลุ ) กล้วยไม้สว่ นใหญ่มีเกสรตัวที่ไม่เป็นหมันเพยี งอันเดยี ว แต่ มีกล้วยไม้เพียง 1 สกุลท่ีมี 3 อัน แต่ล้วนอยู่ข้ำงเดียวซึ่งอำจเป็นขั้นตอนสำคัญของวิวัฒนำกำรของ กล้วยไม้ 2. เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียบำงส่วนตะรวมกัน แต่ส่วนใหญ่จะรวมท้ังหมดเป็นโครงสร้ำงเดียวคือ “เสำ้ เกสร” 3. เมล็ดมขี นำดเลก็ จำนวนมำก เม่อื เปรยี บเทยี บกบั พชื อื่น ๆ 4. ดอกกล้วยไม้มีกลีบช้นั ในซ่ึงเรยี กว่ำ “ปำก” จะอยู่ตรงข้ำมกับเกสรตัวผู้ที่ไม่เป็นหมัน ซ่ึงต่ำงจำกกลีบ ชน้ั ในอีก 2 อนั มีกล้วยไม้เพียงสว่ นน้อยที่ “ปำก” ไม่แตกตำ่ งจำกกลีบชั้นในอกี 2 อนั 5. ดอกกล้วยไม้จะบิดในช่วงท่ีดอกกำลังพัฒนำ ตำดอกหรือดอกตูมจะบิดเพ่ือให้ปำกอยู่ส่วนล่ำงของ ดอกเมอ่ื บำน ซึ่งเรยี กวำ่ “resupination” 6. ส่วนของ stigma ทเ่ี รยี กว่ำ “rostellum” จะเกย่ี วข้องกบั กำรสง่ กลุ่มเรณูจำกดอกหน่ึงไปยังอีกดอก หน่ึง ซ่ึงเปน็ จุดสำคญั ของววิ ัฒนำกำรของกล้วยไม้

ผู้จดั ทำ นำงสำว ธดิ ำรตั น์ เช้ือคำซำว ชือ่ เล่น อ้อน ชั้นม.5/1 aaonthida Thidarat Cheuakhomsao [email protected] นำงสำว พชั รนิ ทร์ ตวั ลอื ช่ือเลน่ พตั ตี้ ช้ัน ม.5/1 pp_patcharinn Phatcharin Tualue [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook