Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ฝึกอบรม กิจก(เล่ม)

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ฝึกอบรม กิจก(เล่ม)

Published by dy na, 2020-07-01 05:07:52

Description: โครงการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ฝึกอบรม กิจก(เล่ม)

Search

Read the Text Version

คำนำ กรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมของ ประชาชน ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มคี วามม่ันคงและมีเสถียรภาพ โดยสนับสนุนให้มีการ จัดทาและใช้ประโยชน์จากข้อมูลสารสนเทศ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย จัดทายุทธศาสตร์ชุมชน ตลอดจนการ ฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องในการพัฒนาชุมชน เพ่ือให้เป็นชุมชนเข้มแข็งอย่างย่ังยืน สถาบันการ พัฒนาชุมชนเป็นส่วนราชการภายในกรมการพัฒนาชุมชน มีอานาจหน้าที่เก่ียวกับการฝึกอบรมและพัฒนา ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีที่เก่ียวข้องของกรมฯ รวมทั้งการให้บริการทางวิชาการด้านการพัฒนาชุมชนแก่ หน่วยงานท้ังในประเทศและต่างประทศ โดยมีวิทยาลัยการพัฒนาชุมชน และ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน จานวน 11 ศูนย์ ท่ีกระจายทุกภาคท่ัวประเทศ มีหนา้ ที่ ให้บริการความร้ดู ้านการพัฒนาชมุ ชนท่ีเหมาะสมและ สอดคล้องกับสภาพพ้ืนที่แก่ข้าราชการในส่วนภูมิภาค ผู้นาชุมชน ผู้บริหารและข้าราชการท้องถ่ิน รวมท้ัง หนว่ ยงานภาครฐั และเอกชน ปัจจุบันระบบการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างสูง ทุกองค์กร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ต่างให้ความสาคัญเป็นอย่างมาก สื่อออนไลน์ถูกนามาใช้เป็น เคร่ืองมือสาคัญในการวางรากฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และด้วยสานึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ เพ่ือสืบสานพระราชปณิธานขับเคล่ือนโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ การขยายผลองค์ความรู้ตามแนว พระราชดาริ และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจน เพ่ือให้บรรลุภารกิจกรมการพัฒนาชุมชน อานาจ หนา้ ทข่ี องสถาบนั การพัฒนาชุมชน จาเป็นต้องพัฒนาศนู ย์ศกึ ษาและพฒั นาชุมชน วิทยาลยั การพัฒนาชุมชนให้ เป็ น ศู น ย์ เรี ย น รู้ ต า ม ห ลั ก ป รั ช ญ า ข อ ง เศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เพี ย ง เพ่ื อ เป็ น แ ห ล่ ง เผ ย แ พ ร่ อ ง ค์ ค ว า ม รู้ ต า ม แ น ว พระราชดารนิ าไปสู่การลงมือปฏิบัติ ศูนย์ศกึ ษาและพัฒนาชุมชนลาปางจึงได้จัดทาโครงการเพ่ิมประสิทธิภาพ ศนู ยฝ์ ึกอบรมประชาชน กจิ กรรมการพฒั นาฐานการเรยี นรู้ ขนึ้ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง ได้รับมอบหมายจากสถาบันการพัฒนาชุมชน ดาเนินโครงการเพ่ิม ประสิทธิภาพศูนย์ฝึกอบรมประชาชน กิจกรรมย่อยที่ 1.2 การพัฒนาฐานการเรียนรู้ กลุ่มเป้าหมายเป็น บุคคลากรภายในศูนย์ศึกษาและพฒั นาชมุ ชนลาปาง จานวน 23 คน (กลุ่มเป้าหมาย 12 คน สมทบ 11 คน) ดาเนนิ การระหวา่ งวนั ท่ี 23-24 เมษายน 2563 ณ ศูนยศ์ ึกษาและพฒั นาชมุ ชนลาปาง ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง จึงได้จัดทาเอกสารรายงานผลการดาเนินงานโครงการเพิ่ม ประสิทธภิ าพศูนย์ฝึกอบรมประชาชน กิจกรรมย่อยท่ี 1.2 การพัฒนาฐานการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เกีย่ วขอ้ งได้ทราบ ผลการดาเนินงาน คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสารรายงานผลการดาเนินงานฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ ต่อการปฏบิ ตั งิ านของหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง และผู้ท่สี นใจได้เป็นอย่างดี ศูนย์ศึกษำและพฒั นำชุมชนลำปำง มิถุนำยน ๒๕63

สารบัญ คานา หน้า สารบญั บทสรปุ สาหรบั ผูบ้ ริหาร ๑ ส่วนที่ ๑ บทนา ๑ 2 ความเปน็ มา 3 วตั ถุประสงค์ 3 กลุม่ เป้าหมาย 3 ขนั้ ตอนและวิธกี ารดาเนนิ งาน 3 งบประมาณดาเนนิ การ 3 ระยะเวลาดาเนินการ 3 ขอบเขตเนือ้ หาหลักสตู ร 4 สถานที่ดาเนินการ ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ 5 ตัวช้วี ัดความสาเร็จ 8 สว่ นที่ ๒ สรุปเนอื้ หาวชิ าการ กจิ กรรมและผลการดาเนนิ กจิ กรรม วชิ า การจัดทาฐานเรยี นรู้ 12 วชิ า ฝกึ ปฏิบตั ิ “การจดั ทาฐานเรยี นรทู้ ี่ 1” ฐานคนเอาถา่ น : 16 การทาเตาเผาถ่าน 200 ลิตรแบบไร้ควนั 18 วชิ า ฝกึ ปฏบิ ตั ิ \"การจดั ทาฐานเรียนรู้ที่ 2\" ฐานคนรกั ษ์แม่โพสพ ๒๐ วชิ า ฝกึ ปฏิบัติ \"การจดั ทาฐานเรยี นรู้ที่ 3\" ฐานคนรกั ษ์นา้ 22 วชิ า : ฝกึ ปฏบิ ัติ \"การจดั ทาฐานเรียนรู้ท่ี 4\" ฐานคนรกั ษ์แม่ธรณี 25 วิชา : ฝกึ ปฏิบตั ิ \"การจดั ทาฐานเรยี นรทู้ ่ี 5\" ฐานคนมีนา้ ยา (การทาน้ายาอเนกประสงค์) 31 วิชา : ฝึกปฏิบัติ \"การจดั ทาฐานเรยี นร้ทู ี่ 6\" ฐานคนรักสขุ ภาพ (การทาน้าคลอโรฟลิ ด์) 43 วชิ า : ฝกึ ปฏบิ ตั ิ “การจดั ทาฐานเรียนรู้ท่ี ๖” ฐานคนรักษส์ ุขภาพ 44 (การพอกหนา้ – แช่เทา้ ) 48 วิชา สรุปผลการดาเนินกจิ กรรม แลกเปล่ยี นเรียนรู้และออกแบบโปรแกรมการเรียนรู้ ส่วนท่ี ๓ การประเมินผลโครงการ 43 ส่วนท่ี 1 ขอ้ มลู ท่วั ไป 51 ส่วนที่ 2 ความรูแ้ ละความเข้าใจด้านวชิ าการ 52 ส่วนท่ี 3 ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะอน่ื ๆ 53 ภาคผนวก ประมวลภาพการฝึกอบรม ทะเบยี นรายชือ่ ผู้เขา้ รับการฝึกอบรม ตารางการฝกึ อบรม คาส่งั แตง่ ตัง้ คณะทางาน

บทสรปุ สำหรับผ้บู รหิ ำร กรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมของ ประชาชน ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากใหม้ ีความม่ันคงและมีเสถียรภาพ โดยสนับสนุนให้มีการ จัดทาและใช้ประโยชน์จากข้อมูลสารสนเทศ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย จัดทายุทธศาสตร์ชุมชน ตลอดจนการ ฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องในการพัฒนาชุมชน เพ่ือให้เป็นชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สถาบันการ พัฒนาชุมชนเป็นส่วนราชการภายในกรมการพัฒนาชุมชน มีอานาจหน้าที่เกี่ยวกับการฝึกอบรมและพัฒนา ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีที่เก่ียวข้องของกรมฯ รวมทั้งการให้บริการทางวิชาการด้านการพัฒนาชุมชนแก่ หน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประทศ โดยมีวิทยาลัยการพัฒนาชุมชน และ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน จานวน 11 ศูนย์ ท่กี ระจายทกุ ภาคทั่วประเทศ มีหน้าที่ ให้บรกิ ารความรดู้ า้ นการพัฒนาชุมชนที่เหมาะสมและ สอดคล้องกับสภาพพื้นที่แก่ข้าราชการในส่วนภูมิภาค ผู้นาชุมชน ผู้บริหารและข้าราชการท้องถ่ิน รวมท้ัง หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ปัจจุบันระบบการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างสูง ทุกองค์กร ท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ต่างให้ความสาคัญเป็นอย่างมาก สื่อออนไลน์ถูกนามาใช้เป็น เครื่องมือสาคัญในการวางรากฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และด้วยสานึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ การขยายผลองค์ความรู้ตามแนว พระราชดาริ และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจน เพ่ือให้บรรลุภารกิจกรมการพัฒนาชุมชน อานาจ หนา้ ทขี่ องสถาบันการพฒั นาชมุ ชน จาเปน็ ตอ้ งพัฒนาศนู ยศ์ ึกษาและพฒั นาชุมชน วิทยาลยั การพัฒนาชมุ ชนให้ เ ป็ น ศู น ย์ เ รี ย น รู้ ต า ม ห ลั กป รั ช ญ า ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิจ พ อเ พี ย ง เ พ่ื อเ ป็ น แ ห ล่ ง เ ผ ย แ พร่ อ ง ค์ ค ว า ม รู้ ต า ม แ น ว พระราชดารนิ าไปสู่การลงมือปฏิบัติ ศูนย์ศกึ ษาและพัฒนาชุมชนลาปางจึงไดจ้ ัดทาโครงการเพ่ิมประสิทธิภาพ ศูนย์ฝกึ อบรมประชาชน กิจกรรมการพฒั นาฐานการเรยี นรู้ ขึน้ ขอบเขตเนือ้ หำวิชำ 1. วชิ า บรรยาย การจดั ทาฐานเรยี นรู้ วิทยากรบรรยาย นายสายณั ฑ์ ฉตั รแก้ว ตาแหนง่ หัวหนา้ สานักปลัด องค์การบริหารสว่ นตาบลวอแก้ว 2. วชิ า ฝึกปฏิบตั กิ ารจัดทาฐานเรยี นรู้ ฐานฅนเอาถา่ น กิจกรรมทาเตาเผาถ่าน 200 ลิตรแบบไร้ควัน วทิ ยากรบรรยาย นายธนชัย จาระณะ ตาแหน่ง ประธานอาสาสมคั รพลงั งานจังหวดั ลาปาง 3. วิชา ฝึกปฏิบัติการจัดทาฐานเรียนรู้ ฐานฅนรักษ์แม่โพสพ กิจกรรมการทานาอินทรีย์ การเพาะ กลา้ นาโยน กิจกรรมการทาขา้ วกล้องงอกไร้มอด วิทยากรบรรยาย นายเมธี มณีวงค์ ตาแหน่ง ประธานกลุ่มวสิ าหกิจชมุ ชนเกษตรอินทรีย์ ตาบลวอแก้ว และ นางอังศมุ ารินทร์ สุทธิวฒั น์ ตาแหน่ง คณะกรรมการกลุ่มวสิ าหกจิ ชมุ ชนเกษตรอนิ ทรีย์ ตาบลวอแกว้ 4. วิชา ฝึกปฏบิ ตั ิการจัดทาฐานเรียนรู้ ฐานคนรักษ์นา้ กิจกรรมการบาบัดนา้ เสียดว้ ยจุลลนิ ทรยี บ์ อล วิทยากรบรรยาย นายสายณั ฑ์ ฉตั รแก้ว ตาแหนง่ หวั หน้าสานักปลัด องค์การบริหารส่วนตาบลวอแกว้ 5. วิชา ฝึกปฏิบัติการจัดทาฐานเรียนรู้ ฐานคนรักษ์แม่ธรณี กิจกรรมการทาปุ๋ยหมักแห้งแบบด่วน และการทาน้ามะพร้าวเทียมกระตุ้นจลุ นิ ทรีย์ วิทยากรบรรยาย นายสายณั ฑ์ ฉัตรแกว้ ตาแหนง่ หวั หนา้ สานักปลดั องค์การบรหิ ารส่วนตาบลวอแกว้

6. วชิ า ฝึกปฏบิ ัตกิ ารจัดทาฐานเรยี นรู้ ฐานคนมีน้ายา กจิ กรรมการทาน้ายาอเนกประสงค์ วทิ ยากรบรรยาย นางกอบสุข สปุ ินะ ปราชญ์ชาวบา้ น ดา้ นการทาน้าหมกั จลุ นิ ทรีย์ชวี ภาพ 7. วิชา ฝึกปฏิบัติการจัดทาฐานเรียนรู้ ฐานคนรักษ์สุขภาพ กิจกรรมการทาน้าคลอโรฟิลล์ กิจกรรม การทาสมุนไพรพอกหน้า – สมนุ ไพรแช่เทา้ วทิ ยากรบรรยาย นางกอบสขุ สุปินะ ตาแหนง่ ปราชญช์ าวบ้าน ด้านการทานา้ หมกั จุลนิ ทรยี ์ชวี ภาพ 8. วชิ า สรปุ ผลการดาเนินกจิ กรรม แลกเปล่ยี น เรยี นรู้ วิทยากรบรรยาย นางกรรณิการ์ ก๋าวิตา ตาแหนง่ นกั ทรัพยากรบคุ คลชานาญการ การประเมินผลโครงการฯ ใช้แบบสอบถาม โดยวิธีการประเมินออนไลน์ในรูปแบบ Google Form ผลการประเมนิ พบวา่ ผู้เข้าอบรมเปน็ เพศหญงิ มากกว่าเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 55.6 และ 47.4 ผเู้ ขา้ อบรม มีอายุต่ากว่า ๓๐ ปี ,อายุระหว่าง ๓๐-39 ปี,อายุระหว่าง 4๐ – 4๙ ปีและอายุระหว่าง 50 – 59 ปี คิดเป็น ร้อยละ 5.26, 47.37, 21.05 และ 26.32 ตามลาดับ ข้อมูลการศึกษาสูงสุดพบว่า ร้อยละ 36.84 จบ การศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 26.32 จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ร้อยละ 21.05 จบการศึกษา ระดับสูงกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 10.53 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา และร้อยละ 5.26 จบการศึกษา ระดับอนปุ รญิ ญา ตามลาดับ การบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรม แสดงความคิดเห็นต่อการบรรลุ วัตถปุ ระสงค์ของหลักสูตร จากผู้ตอบแบบสอบถามจานวน 19 คน โดยภาพรวมอย่ใู นระดบั มากทสี่ ุด ค่าเฉล่ีย ๔.53 ในประเด็นหัวข้อเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจ ในกิจกรรมการพัฒนาฐานการเรยี นรู้ สกู่ ารประยุกตใ์ ชใ้ นการดาเนนิ งานฐานเรียนรตู้ ามหลกั กสกิ รรมธรรมชาติ ผเู้ ข้ารับการฝกึ อบรมแสดงความคดิ เห็นต่อประโยชน์ของหวั ขอ้ วิชาต่อการนาความรู้ไปปรับใชใ้ นการ ปฏบิ ัตงิ านในภาพรวมอยู่ในระดับมาก คา่ เฉลย่ี 4.31 โดยพบวา่ สามารถนาความรทู้ ี่ได้รับไปใชใ้ นการ ปฏบิ ตั งิ านได้ ระดับมาก คา่ เฉลย่ี 4.36 , สามารถให้คาปรึกษาแนะนาแกผ่ ู้เกยี่ วข้องได้ ระดับมาก ค่าเฉลี่ย 4.21 , ม่นั ใจว่าจะสามารถนาความรู้ทไ่ี ด้ไปประยกุ ต์ใชเ้ พ่ือปรับปรุงและพัฒนางาน ระดับมาก ค่าเฉลยี่ 4.26 และเห็นด้วยทีจ่ ะจัดกจิ กรรมนใี้ นครัง้ ต่อไปเป็นระยะ ๆ อย่างตอ่ เน่ือง ระดบั มาก ค่าเฉลี่ย 4.42 สาหรบั การประเมินรายวชิ า สรปุ ไดด้ ังนี้ วิชาการจัดทาฐานเรียนรู้ ระดับมาก คา่ เฉลยี่ 4.26 วชิ า ฝกึ ปฏิบตั ิการจัดทาฐานเรียนรทู้ ่ี 1 ฐานคนเอาถ่าน ระดบั มาก ค่าเฉลย่ี 4.31 วิชาฝกึ ปฏิบัติการจัดทาฐาน เรียนร้ทู ี่ 2 ฐานคนรกั ษ์แมโ่ พสพ ระดับมาก คา่ เฉลีย่ 4.36 วชิ าฝึกปฏบิ ัตกิ ารจัดทาฐานเรียนรู้ท่ี 3 ฐานคน รกั ษ์นา้ ระดบั มาก คา่ เฉล่ยี 4.36 วชิ าฝกึ ปฏิบัติการจดั ทาฐานเรยี นร้ทู ่ี 4 ฐานคนรักษ์แม่ธรณี ระดบั ปาน กลาง คา่ เฉล่ยี 4.36 วชิ าฝึกปฏิบตั กิ ารจดั ทาฐานเรยี นรู้ท่ี 5 ฐานคนมีน้ายา ระดับมาก ค่าเฉล่ีย 4.47 วชิ า ฝึกปฏิบตั ิ การจัดทาฐานเรียนรทู้ ่ี 6 ฐานคนรกั สุขภาพ ระดับมาก ค่าเฉล่ีย 4.47 และวชิ าสรปุ ผลการดาเนนิ กิจกรรม แลกเปลย่ี นเรียนรฯู้ ระดบั มาก คา่ เฉลยี่ 4.36 ความพึงพอใจท่ีดา้ นวิชาการในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก ค่าเฉลย่ี 4.38 ข้อเสนอแนะ 1. อยากใหม้ กี ารจดั อบรมอย่างต่อเนื่อง และเนน้ ทีก่ ารลงมือทา 2. ควรจัดกิจกรรมเสริมให้กับฐานเรียนรขู้ องศูนย์อยา่ งต่อเน่ือง 3. ระยะเวลาการอบรมส้นั เกินไป 4. ควรให้วิทยากรบรรยาย หรือสาธติ ใหแ้ ลว้ เสร็จก่อนจะจาหนา่ ยหรือขายสนิ ค้า/ผลิตภณั ฑ์

สว่ นท่ี 1 บทนำ 1. ควำมเป็นมำ กรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วม ของประชาชน ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยสนับสนุนให้มี การจัดทาและใช้ประโยชน์จากข้อมูลสารสนเทศ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย จัดทายุทธศาสตร์ชุมชน ตลอดจนการ ฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาชุมชน เพื่อให้เป็นชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สถาบันการ พัฒนาชุมชนเป็นส่วนราชการภายในกรมการพัฒนาชุมชน มีอานาจหน้าที่เกี่ยวกับการฝึกอบรมและพัฒนา ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้องของกรมฯ รวมท้ังการให้บริการทางวิชาการด้านการพัฒนาชุมชนแก่ หน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประทศ โดยมีวิทยาลัยการพัฒนาชุมชน และ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชน จานวน 11 ศนู ย์ ทก่ี ระจายทุกภาคทั่วประเทศ มีหนา้ ท่ี ให้บรกิ ารความร้ดู ้านการพฒั นาชุมชนทีเ่ หมาะสมและ สอดคล้องกับสภาพพ้ืนที่แก่ข้าราชการในส่วนภูมิภาค ผู้นาชุมชน ผู้บริหารและข้าราชการท้องถิ่น รวมทั้ง หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ปัจจุบันระบบการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างสูง ทุกองค์กร ท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ต่างให้ความสาคัญเป็นอย่างมาก ส่ือออนไลน์ถูกนามาใช้เป็น เคร่ืองมือสาคัญในการวางรากฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และด้วยสานึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลท่ี ๙ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ การขยายผลองค์ความรู้ตามแนว พระราชดาริ และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจน เพื่อให้บรรลุภารกิจกรมการพัฒนาชุมชน อานาจ หนา้ ทีข่ องสถาบนั การพัฒนาชุมชน จาเปน็ ตอ้ งพัฒนาศูนย์ศกึ ษาและพฒั นาชมุ ชน วิทยาลัยการพัฒนาชุมชนให้ เป็ น ศู น ย์ เรี ย น รู้ ต า ม ห ลั ก ป รั ช ญ า ข อ ง เศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง เพ่ื อ เ ป็ น แ ห ล่ ง เผ ย แ พ ร่ อ ง ค์ ค ว า ม รู้ ต า ม แ น ว พระราชดารินาไปสู่การลงมือปฏิบัติ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปางจึงไดจ้ ัดทาโครงการเพ่ิมประสิทธิภาพ ศูนย์ฝกึ อบรมประชาชน กิจกรรมยอ่ ยท่ี 1.2 การพัฒนาฐานการเรียนรู้ ขึน้ 2. วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อพัฒนาศูนย์ศกึ ษาและพัฒนาชุมชนลาปาง เปน็ ศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง มีฐานเรียนรู้สาหรับให้บริการข้าราชการ ผู้นาชุมชน ผู้บริหารและข้าราชการท้องถ่ิน รวมทั้ง หนว่ ยงานภาครฐั และเอกชน

๒ 3. กลุ่มเปำ้ หมำย บุคลากรศนู ย์ศกึ ษาและพัฒนาชมุ ชนลาปาง จานวน 23 คน (กลุ่มเป้าหมาย 12 คน สมทบ 11 คน) ที่ ช่ือ-สกุล ตำแหนง่ 1 นางอัญชลี ปง่ แกว้ นกั ทรพั ยากรบคุ คลชานาญการ 2 นางสาวณัฐกฤตา ชัยตูม นักทรัพยากรบคุ คลปฎิบัตกิ าร 3 นางกรรณิการ์ ก๋าวติ า นกั ทรพั ยากรบุคคลชานาญการ 4 นายณฐั นิช รกั ขติวงศ์ นักทรพั ยากรบคุ คลชานาญการ 5 นางสาวเมทินี น้อยเรือน นักทรัพยากรบุคคลปฎบิ ตั ิการ 6 นายเกรียงไกร สงิ ห์แกว้ นกั ทรัพยากรบคุ คลชานาญการ 7 วา่ ท่ี ร.ต.ชัยณรงค์ บวั คา นักทรพั ยากรบุคคล 8 นางสาววชิรญาณ์ แยม้ เยอ้ื น นกั ทรพั ยากรบุคคล 9 นางอรณุ ศรี เดชะเทศ นกั จดั การงานท่วั ไปชานาญการ 10 นายศรี อินทะรส พนักงานทาความสะอาด 11 นายประยรู ปาละจันทร์ พนักงานทว่ั ไป 12 นางสาวสวุ ลี ฟูทอง พนักงานทาความสะอาด 13 นายวิทูล นามบุดดี พนักงานทั่วไป 14 นายเหลี่ยม เถาเปีย้ ปลูก พนักงานทว่ั ไป 15 นายชวน พุทธะวงคว์ นั พนกั งานทั่วไป 16 นายถาวร ธนาจริ ัฏฐกติ ต์ พนกั งานรักษาความปลอดภัย 17 นายธนวัฒน์ ตาเมอื งมลู พนกั งานทาความสะอาด 18 นายเจริญ ทิเลางาม พนกั งานทัว่ ไป 19 นางณิชชยา ตนั ตา พนกั งานทาความสะอาด 20 นางนอม เถาเป้ยี ปลกู พนักงานทาความสะอาด 21 นางปราณี เปย้ี ปลูก พนกั งานทว่ั ไป 22 นางคาสุข หนนุ หลี พนกั งานทาความสะอาด 23 นายศานติ ธรรมไชย พนกั งานขบั รถยนต์

๓ 4. ข้ันตอนและวิธีดำเนินกำร 4.1 ประชมุ วางแผนเตรียมความพร้อมการฝึกอบรมบุคลากรศูนย์ศกึ ษาและพฒั นาชุมชนลาปาง 4.2 ประสานงานทมี วทิ ยากรในพนื้ ทต่ี าบลวอแก้ว 4.3 ดาเนินการจดั ฝึกอบรมตามหลักสตู รตามแผนการฝึกอบรม 4.4 สรปุ และประเมินผลโครงการ 4.5 จัดทาเอกสารรปู เลม่ การดาเนนิ งานและเผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ 5. งบประมำณดำเนนิ กำร 57,000 บาท (หา้ หม่นื เจด็ พนั บาทถว้ น) 6. ระยะเวลำดำเนินกำร ระหว่างวันที่ 23-24 เมษายน จานวน 2 วัน 7. ขอบเขตเน้ือหำของหลักสตู ร หลกั สูตรการฝึกอบรม แบ่งออกเป็น 2 กิจกรรมหลัก ดงั นี้ ๑. บรรยายการจดั ทาฐานเรียนรู้ ๒. ฝกึ ปฏิบตั กิ ารจัดทาฐานเรียนรู้ จานวน 6 ฐาน - ฝกึ ปฏบิ ตั ิ \"การจัดทาฐานเรยี นรทู้ ี่ 1\" ฐานคนเอาถ่าน การทาเตาเผาถา่ น - ฝึกปฏิบัติ \"การจดั ทาฐานเรยี นรทู้ ี่ 2 \" ฐานคนรักษ์แมโ่ พสพ การทานาอินทรยี ์ การเพาะกล้านาโยน การทาขา้ วกล้องงอกไรม้ อด - ฝึกปฏบิ ตั ิ \"การจัดทาฐานเรียนรู้ที่ 3\" ฐานคนรักษ์น้า การบาบดั นา้ เสยี ด้วยจุลนิ ทรยี ์บอล - ฝึกปฏิบัติ \"การจดั ทาฐานเรยี นรทู้ ี่ 4\" ฐานคนรกั ษ์แมธ่ รณี การทาปยุ๋ หมักแห้งแบบด่วน , การทานา้ มะพร้าวเทยี มกระตุ้นจุลนิ ทรใ์ นนา้ หมกั - ฝกึ ปฏบิ ัติ \"การจัดทาฐานเรยี นรูท้ ่ี 5\"ฐานคนมีน้ายา”การทาน้ายาอเนกประสงค์ - ฝึกปฏบิ ตั ิ \"การจดั ทาฐานเรียนรทู้ ี่ 6\" ฐานคนรักสุขภาพ การทาน้าคลอโรฟลิ ล์ การทาสมุนไพรพอกหน้า , การทาสมุนไพรแชเ่ ทา้ - สรปุ ผลการดาเนินกจิ กรรม นาเสนอผลการเรียนรู้ ออกแบบโปรแกรมการเรยี นรู้ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ 8. สถำนทด่ี ำเนินกำร ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนลาปาง 9. ผลทคี่ ำดว่ำจะได้รับ มีฐานเรียนรู้ในศูนย์เรียนรู้ตามหลักปรัชญของเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับให้บริการความรู้แก่ ขา้ ราชการในส่วนภูมิภาค ผ้นู าชุมชน ผ้บู ริหารและข้าราชการทอ้ งถน่ิ รวมทั้งหนว่ ยงานภาครัฐและเอกขน

๔ 10. ตัวชวี้ ัดควำมสำเร็จ 10.1 ตวั ชว้ี ัดผลผลิต ศนู ยศ์ ึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง มฐี านการเรยี นรู้ อย่างนอ้ ย 6 ฐาน 10.2 ตวั ช้ีวดั ผลลพั ธ์ 10.2.1 บุคลากรของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง มีความรู้ ทักษะ เป็นวิทยากรศูนย์เรียนรู้ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งอยา่ งมืออาชพี 10.2.2 ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปางพัฒนาสู่การเป็นศูนย์เรียนรู้ ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง

สว่ นท่ี 2 สรุปเนอ้ื หาวิชาการ กจิ กรรมและผลการดาเนนิ การกจิ กรรม ผลการฝกึ อบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพศูนยฝ์ ึกอบรมประชาชน กิจกรรมย่อยท่ี 1.2 การพัฒนา ฐานการเรียนรู้ ดาเนนิ การระหวา่ งวันท่ี 23-24 เมษายน 2563 กลมุ่ เปา้ หมาย คือบคุ ลากรภายในศูนย์ ศึกษาและพฒั นาชมุ ชนลาปาง จานวน 23 ตน (เปา้ หมาย 12 คน สมทบ 11 คน) ณ ศนู ย์ศกึ ษาและพฒั นา ชุมชนลาปาง มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศูนยศ์ ึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง เป็นศนู ย์เรยี นร้ตู ามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง มีฐานเรียนรสู้ าหรบั ใหบ้ รกิ ารขา้ ราชการ ผู้นาชุมชน ผบู้ รหิ ารและข้าราชการท้องถ่นิ รวมทัง้ หนว่ ยงานภาครฐั และเอกชน การดาเนินงานตามโครงการดงั กลา่ วไดก้ าหนดหัวข้อวิชาจานวน 8 หวั ข้อ วชิ า ดังน้ี 1. วิชา บรรยาย การจดั ทาฐานเรียนรู้ 2. วิชา ฝึกปฏิบัติการจัดทาฐานเรียนรู้ ฐานฅนเอาถ่าน กิจกรรมการทาเตาเผาถา่ น 200 ลติ รแบบ ไร้ควนั 3. วิชา ฝึกปฏิบัติการจัดทาฐานเรียนรู้ ฐานฅนรักษ์แม่โพสพ กิจกรรมการทานาอินทรีย์ การเพาะ กลา้ นาโยน กิจกรรมการทาขา้ วกล้องงอกไร้มอด 4. วิชา ฝกึ ปฏบิ ตั ิการจดั ทาฐานเรียนรู้ ฐานคนรักษ์น้า กิจกรรมการบาบดั น้าเสียด้วยจลุ ลนิ ทรยี ์บอล 5. วิชา ฝึกปฏิบัติการจัดทาฐานเรียนรู้ ฐานคนรักษ์แม่ธรณี กิจกรรมการทาปุ๋ยหมักแห้งแบบด่วน และการทานา้ มะพร้าวเทียมกระตนุ้ จุลินทรีย์ 6. วชิ า ฝกึ ปฏิบตั ิการจดั ทาฐานเรยี นรู้ ฐานคนมีน้ายา กจิ กรรมการทาน้ายาอเนกประสงค์ 7. วิชา ฝึกปฏิบัติการจัดทาฐานเรียนรู้ ฐานคนรักษ์สุขภาพ กิจกรรมการทานา้ คลอโรฟิลล์ กิจกรรม การทาสมุนไพรพอกหนา้ – สมุนไพรแชเ่ ท้า 8. วิชา สรปุ ผลการดาเนนิ กิจกรรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้ สรุปสาระสาคญั ของเน้อื หาวชิ า ได้ดังนี้ วิชา การจัดทาฐานเรยี นรู้ วทิ ยากรหลกั / ผรู้ บั ผิดชอบวิชา 1. นายสายัณฑ์ ฉัตรแกว้ หวั หน้าสานกั ปลัด องค์การบริหารส่วนตาบลวอแกว้ 2. นางกรรณกิ าร์ กา๋ วติ า นักทรพั ยากรบคุ คลชานาญการ (ผ้รู ับผิดชอบวิชา) วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ใหผ้ ้เู ข้ารับการฝึกอบรมได้มคี วามรู้ ความเข้าใจ แนวทางการพฒั นาฐานเรยี นรแู้ ละ วทิ ยากรประจาฐานเรียนรู้ ระยะเวลา 1 ชว่ั โมง (60 นาที) ประเดน็ /ขอบเขตเน้อื หา - บริบทพื้นท่ใี นการสร้างฐานเรียนรู้ (ค้นหาทุนตนเอง) - วธิ ีการและขน้ั ตอนการจัดทาฐานเรียนรู้ - กิจกรรมของฐานเรยี นรู้ - เทคนิค/วธิ กี าร วิทยากรประจาฐาน

๖ ขั้นตอน/วิธีการ 1.วทิ ยากรชีแ้ จงประเดน็ ทจี่ ะดาเนินกจิ กรรม และข้อตกลงในกระบวนการเรียนร้รู ่วมกนั 2. วิทยากรบรรยายดว้ ยการเลา่ ประสบการณ์และยกตัวอย่างประกอบ การขบั เคลื่อน กจิ กรรม / ฐานเรยี นรู้ /ศนู ยเ์ รียนรู้ การสร้างและพฒั นาวทิ ยากรจากปราชญช์ าวบ้าน ของเครอื ข่ายวิสาหกจิ ชุมชนเกษตรอนิ ทรยี ต์ าบลวอแกว้ ผ่านประเด็นเนื้อหา - บรบิ ทพืน้ ท่ีในการสร้างฐานเรยี นรู้ (ค้นหาทุนตนเอง) - วิธกี ารและข้นั ตอนการจัดทาฐานเรยี นรู้ - กิจกรรมของฐานเรียนรู้ - เทคนคิ /วิธกี าร วทิ ยากรประจาฐาน 3. แลกเปล่ียนเรยี นรู้ สรปุ เนอ้ื หาวชิ า/ผลการเรียนรู้ วทิ ยากรบรรยายกรเลา่ ประสบการณ์และยกตวั อย่างประกอบ การขบั เคลื่อนกิจกรรม / ฐาน เรียนรู้ / ศนู ยเ์ รยี นรู้ การสร้างและพัฒนาวทิ ยากรจากปราชญ์ชาวบ้าน ของเครือขา่ ยวิสาหกจิ ชมุ ชนเกษตร อินทรยี ์ตาบลวอแก้ว โดยผู้เข้าอบรมได้รบั ความรู้ ความเขา้ ใจ เกิดแรงจูงใจ และความมน่ั ใจในการพัฒนาฐาน เรียนรู้ และการเปน็ วทิ ยากรประจาฐานเรียนรู้ของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง ประเดน็ เนอื้ หา ในการ บรรยายและเล่าประสบการณ์ มดี ังน้ี - บรบิ ทพนื้ ทใี่ นการสรา้ งฐานเรยี นรู้ (คน้ หาทุนตนเอง) บริบทของพื้นทต่ี าบลวอแกว้ เปน็ พน้ื ท่ีเกษตรกรรม มกี ารทาการเกษตรเต็มพนื้ ที่ 100% และยังเปน็ พื้นที่แหล่งตน้ น้าลาธาร อย่ตู ิดพ้ืนท่ปี า่ อุทยานดอยขุนตาล คนวยั แรงงานส่วนใหญท่ เ่ี คยออกไป ทางานนอกพ้ืนท่สี ุดท้ายจะกลับบ้านเพ่ือมาทาการเกษตร ปญั หาท่เี กิดขึ้นในพ้นื ที่ เดิมเปน็ การทาการเกษตรในเชิงเด่ียว มีตน้ ทุนในการผลิตสงู ปจั จัย การผลิตทัง้ หมด เช่น เมล็ดพันธ์ุ ปุย๋ ยาฆ่าแมลง ต้องซื้อจากร้านคา้ ทุกอย่าง ผลผลติ ทไี่ ด้ต้องนาไปจาหน่าย ใหก้ บั พ่อคา้ คนกลาง เกษตรกรไมส่ ามารถกาหนดราคาเองได้ เกดิ ปญั หาคือเกษตรกรไมเ่ คยคดิ ถึงตน้ ทนุ ในการ ทาการเกษตรเชิงเดี่ยวท้งั หมด องค์การบริหารส่วนตาบลวอแกว้ จึงใช้วธิ ีการเก็บข้อมูล คิดต้นทนุ ในการทาการเกษตร เชิงเดี่ยว และคนื ข้อมูลให้กบั เกษตรกรไดท้ ราบ ทาให้เกษตรกรเหน็ วงจรหน้ีสินท่ีเกดิ ข้นึ สง่ ผลให้เขา้ สู่ กระบวนการเรยี นรู้แบบใหม่ ปรับการทาการเกษตรแบบใช้เคมมี าเป็นเกษตรอินทรยี ์ ซ่ึงเปน็ เรอ่ื งที่ยากมาก ในพ้ืนท่ี - วธิ กี ารและข้ันตอนการจัดทาฐานเรียนรู้ 1. เรม่ิ จาการใชว้ ธิ กี ารคน้ หาต้นทุนมนุษย์ ปราชญช์ าวบ้าน กลุ่มคนทห่ี วั ไว ใจสู้ และทา เกษตรแบบอนิ ทรีย์อยูแ่ ล้ว ท่ีพร้อมปรบั ตวั ทดลองทาแบบ “ทานอ้ ย ได้มาก” เอ้ือกันหมดในพ้ืนท่ี ไม่ใช้ ปัจจัยการผลิตจากภายนอกพ้ืนท่ีเลย 2. การพาปราชญ์ชาวบ้านไปศกึ ษาดูงาน เน้นการพาไปดูงานในพนื้ ท่ีง่ายๆ ธรรมดาๆ เหน็ เป็นรูปธรรม ชัดเจน ทาบญั ชคี รวั เรือนใหเ้ หน็ ชัดเจน ถึงตน้ ทนุ การผลติ ซึง่ สร้างความเชอ่ื มน่ั และกาลงั ใจ ให้กบั เกษตรกรในพน้ื ท่วี ่าสามารถทาไดจ้ ริง ทาง่าย ไดป้ ระโยชน์ ไมซ่ บั ซ้อน

๗ 3. จดั ทาเปน็ หลักสตู รการเรียนรู้ในพน้ื ท่ี โดยเปล่ียนวธิ กี ารถา่ ยทอดองค์ความรู้แบบใหม่ จาก เดิมเปน็ การบรรยายธรรมดา เปล่ยี นเป็นการเปดิ พ้ืนที่บ้านของปราชญ์ชาวบา้ น ใหเ้ ปน็ หอ้ งเรียนแบบมี ชวี ติ ให้ผทู้ ส่ี นใจไดเ้ หน็ ของจรงิ ไดล้ งมอื ทา เน้นการลงมือปฏบิ ัตจิ ริง 4. สร้างแรงจงู ใจให้คนในพืน้ ทใี่ กลบ้ ้านปราชญ์ชมุ ชน เชน่ เหน็ เพ่อื นบา้ นทาเกษตรอินทรีย์ มีการเลยี้ งสตั ว์ ปลกู พืช เกื้อกลู กัน มกี ารจดบัญชีครวั เรอื น มีรายได้ รายจา่ ยทเ่ี ป็นตน้ ทุนการผลิตมนี ้อย เกิด แรงจงู ใจใหม้ ีคนท่ีสนใจและทาตามเพ่ิมมากขน้ึ ขยายจากปราชญ์ชุมชน 5. พฒั นาพืน้ ที่บา้ นของปราชญ์ชาวบ้านให้เป็นฐานเรียนรู้ เช่ือมโยงเครอื ข่ายฐานเรียนร้ใู น พน้ื ที่ตาบลวอแก้ว จานวน 7 หมบู่ ้าน เป็นศูนย์เรยี นรู้เครือขา่ ยวิสาหกจิ ชุมชนเกษตรอินทรยี ต์ าบลวอแก้ว 6. พัฒนาสอ่ื การเรียนรู้เพอ่ื ช่วยปราชญช์ าวบ้านในการเรม่ิ ต้นการเป็นวิทยากร จากเดมิ ปราชญช์ าวบา้ นทพ่ี ดู ถา่ ยทอดองค์ความรู้ไม่เปน็ กลัวการพูดตอ่ หน้าเวที จงึ ใชเ้ ทคนิควธิ กี ารโดยพัฒนาส่ือการ เรยี นรใู้ ห้เปน็ ตวั ช่วยให้ปราชญ์ เช่นส่ือpower point และใชว้ ิธีการให้ผู้ที่สนใจถามคาถาม ให้ปราชยช์ าวบ้าน เล่าตอบ จะเปน็ ธรรมชาติมากกวา่ เนน้ การทาแบบงา่ ยๆ ไม่เปะ๊ ตรงตามตารา ปรับใช้ของท้องถนิ่ ท่มี ีอยู่แลว้ ใน พ้นื ที่ สร้างความมั่นใจให้กบั ปราชญช์ ุมชนในการเป็นวทิ ยากร และเทคนิคอีกอยา่ งหน่ึงกค็ อื การใชม้ ีวิทยากร ชว่ ยกนั บรรยาย 2 คน วิทยากรหลัก 1 คนและวิทยากรผชู้ ่วย 1 คน เป็นสรา้ งความม่ันใจในการเปน็ วิทยากร และในบางครั้งทวี่ ทิ ยากรหลักไม่อยู่ วิทยากรผ้ชู ่วยกส็ ามารถบรรยายแทนกนั ได้ เปน็ การสร้างวทิ ยากรในฐาน เรยี นรเู้ พม่ิ ข้ึนด้วย - กิจกรรมของฐานเรียนรู้ เนน้ การพฒั นาพื้นทีบ่ า้ นของปราชญช์ าวบ้านให้เป็นฐานเรียนรู้ โดยเปลย่ี นวธิ ีการถ่ายทอด องค์ความรูแ้ บบใหม่ จากเดิมเป็นการบรรยายธรรมดา เปลยี่ นเป็นการเปดิ พื้นท่ีบ้านของปราชญ์ชาวบ้าน ให้ เป็นหอ้ งเรียนแบบมีชีวิต ให้ผ้ทู ส่ี นใจไดเ้ หน็ ของจรงิ ได้ลงมือทา เน้นการลงมือปฏบิ ตั ิจรงิ มกี ารเชือ่ มโยง เครอื ข่ายฐานเรียนร้ใู นพ้ืนท่ตี าบลวอแกว้ จานวน 7 หมบู่ ้าน เปน็ ศนู ยเ์ รยี นรู้เครือขา่ ยวิสาหกิจชมุ ชนเกษตร อนิ ทรยี ต์ าบลวอแกว้ - เทคนคิ /วิธีการ วทิ ยากรประจาฐาน 1. พฒั นาสอื่ การเรยี นรูเ้ พอ่ื ช่วยปราชญ์ชาวบ้านในการเร่ิมต้นการเป็นวิทยากร จากเดิม ปราชญ์ชาวบ้านที่พูดถา่ ยทอดองค์ความรูไ้ ม่เป็น กลวั การพดู ต่อหน้าเวที จึงใชเ้ ทคนิควธิ ีการโดยพัฒนาสอ่ื การ เรยี นรูใ้ หเ้ ปน็ ตัวช่วยให้ปราชญ์ เชน่ สอ่ื power point 2. ใช้วิธีการใหผ้ ู้ที่สนใจถามคาถาม ให้ปราชยช์ าวบ้านเลา่ ตอบ จะเปน็ ธรรมชาติมากกว่า เนน้ การทาแบบง่ายๆ ไม่เป๊ะตรงตามตารา ปรบั ใชข้ องท้องถ่ินท่มี ีอยู่แลว้ ในพน้ื ท่ี สรา้ งความม่ันใจให้กบั ปราชญ์ชุมชนในการเปน็ วิทยากร 3. เทคนคิ อีกอยา่ งหนึง่ ก็คอื การใช้มวี ิทยากรชว่ ยกนั บรรยาย 2 คน วิทยากรหลกั 1 คนและ วทิ ยากรผชู้ ่วย 1 คน เปน็ สรา้ งความมั่นใจในการเปน็ วทิ ยากรและในบางครั้งที่วทิ ยากรหลักไม่อยู่ วทิ ยากร ผูช้ ว่ ยก็สามารถบรรยายแทนกันได้ เป็นการสรา้ งวทิ ยากรในฐานเรียนรเู้ พิม่ ขึน้ ดว้ ย

๘ วิชา ฝึกปฏิบตั ิ “การจดั ทาฐานเรียนรทู้ ่ี 1” ฐานคนเอาถา่ น : การทาเตาเผาถ่าน 200 ลิตรแบบไรค้ วนั วิทยากรหลกั / ผรู้ บั ผิดชอบ จาระณะ ประธานอาสาสมัครพลงั งานจงั หวดั ลาปาง ชัยตูม นกั ทรพั ยากรบคุ คลปฏบิ ัตกิ าร 1. นายธนชยั นามบุดดี พนกั งานท่ัวไป 2. นางสาวณัฐกฤตา เถาเป้ยี ปลูก พนกั งานทั่วไป 3. นายวทิ ูล 4. นายเหลยี่ ม วตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ ให้ผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมมคี วามรู้ ความเข้าใจในเร่ืองการทาเตาเผาถ่าน 200 ลติ รแบบไรค้ วนั ระยะเวลา 3 ช่วั โมง (180 นาที) ขอบเขตเนอ้ื หาวิชา 1. ความเป็นมาของเตาเผาถ่าน 200 ลติ รแบบไรค้ วัน 2. เทคนิควธิ กี ารทาเตาเผาถ่าน 200 ลติ รแบบไร้ควัน : การเจาะรูถัง การทาปล่องควัน การทาฝาถัง สาหรบั เผา การคัดเลือกไมฟ้ ืน ฯลฯ 3. กระบวนการข้ันตอน/เทคนิควิธีการเผาถา่ น/การทางานของเตาเผาถา่ น 200 ลิตรแบบไรค้ วัน 4. การดแู ลรักษาเตาเผาถ่าน 200 ลิตรแบบไรค้ วนั 5.การฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารทาเตาเผาถ่าน 200 ลิตรแบบไร้ควนั และการเผาถา่ น เทคนิค/วธิ ีการ/กระบวนการ 1. วิทยากรแนะนาตัวกับผู้เข้าอบรม สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ด้วยการทักทาย ชวนคุย เล่าถึง ประวตั ิตวั เอง 2. วิทยากรเกริน่ นาถึงเตาเผาถ่าน200 ลิตรแบบไรค้ วนั เปน็ เตาท่ีออกมาใหม่ล่าสุด มีประสิทธิภาพสูง ไรค้ วนั เหมาะกบั การลดหมอกควนั ท่สี าคัญยงั เปน็ มติ รต่อสงิ่ แวดลอ้ ม 3. วิทยากรเข้าสู่บทเรียนโดยการแนะนาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตเตาเผาถ่าน 200 ลิตรแบบไร้ ควัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. ชุดเตา : ถังน้ามัน 200 ลิตร, ฝาถัง,คลิปล็อค และชุดเผา : ฝาเจาะรู ปลอ่ งควนั

๙ 4. วิทยากรอธิบายถึงการคัดเลือกไม้ฟืน จะต้องมีการพ่ึงแดด ประมาณ 1-2 สัปดาห์เพ่ือลดความช้ืน ของไม้ ขนาดทีใ่ ชจ้ ะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-4 น้ิว ยาว 4-5 น้ิว ระยะเวลาของการเผาของไม้แต่ละชนดิ คือ ซงั ข้าวโพดใช้ระยะเวลาประมาณ 50 นาที ไมไ้ ผ่ 1.20 ช่ัวโมง ไมเ้ น้ืออ่อน 2.30 ชัว่ โมง ไมเ้ น้ือแข็ง 3 ชั่วโมง จากน้ันวิทยากรอธิบายถึงขั้นตอนการเผาโดยเริ่มจาก 1. ทาให้พ้ืนที่เรียบ 2. ใส่ไม้ลงในถัง 3.นาอิฐมารองก้น ถงั 4.ปิดฝา 5. จุดไฟโดยใชซ้ ังข้าวโพดเป็นตัวลอ่ 6. นาเอาปล่องควันมาเสียบลงไปที่ฝาถัง 7. สังเกตดูว่าไม่มี ควัน มีแต่เปลวไฟพร้อมสังเกตไฟลงก้นถังเม่ือใดนั่นคือส้ินสุดการเผา ๘. เม่ือเผาเสร็จจะนาเอาปล่องควันออก ต่อดว้ ยฝาและอฐิ ออกตามลาดบั จากน้นั นาฝาถงั ปดิ พรอ้ มกลบดินกน้ ถงั ให้รอบทงิ้ ไว้ 2 ชม. ๙. ทงิ้ เตาไว้ 1 คืน และนาถ่านออกโดยการนาทอ่ นไม้มาวางสาหรับตะแคงถังและเทลงสังกะสพี ร้อมบรรจใุ ส่กระสอบตอ่ ไป 1. ทาใหพ้ น้ื ท่เี รียบ 2. ใสไ่ ม้ลงในถงั 3.นาอิฐมารองกน้ ถงั 4.ปดิ ฝา 5. จุดไฟโดยใช้ซังข้าวโพดเป็นตัวลอ่ 6. นาเอาปล่องควนั มาเสยี บลงไปทฝี่ าถงั

๑๐ ๗. สังเกตไฟและรอระยะเวลาในการเผาจนเสร็จสน้ิ 8. เม่ือเผาเสร็จจะนาเอาปล่องควันออกต่อด้วยฝาและอิฐออกตามลาดับ จากน้ันนาฝาถังปิดพร้อม กลบดนิ ก้นถังใหร้ อบท้งิ ไว้ 2 ชม. ๙. ท้ิงเตาไว้ 1 คืนและนาถ่านออกโดยการนาท่อนไม้มาวางสาหรับตะแคงถังและเทลงสังกะสีพร้อม บรรจุใสก่ ระสอบตอ่ ไป

๑๑ 5. วิทยากรสาธิตและร่วมลงมือฝึกปฏิบัติ : การเจาะก้นถังโดยการหาจุดศูนย์กลาง การทาฝาถัง สาหรับเผาเส้นผ่าศูนย์กลาง 24 เซนติเมตร ปล่องควันจากถังน้ามัน 200 ลิตรทามาจากการผ่าถังน้ามันและ เช่ือมม้วนให้ได้เส้นผ่าศูนย์กลาง 24 เซนติเมตร กว้าง 24 เซนติเมตร สูง 85 เซนติเมตร พร้อมข้อพึงระวัง ของการใชเ้ ครอ่ื งมอื ความรอ้ น/เชอื้ เพลงิ ทเี่ กิดขน้ึ 6. วิทยากรสรุปเตมิ เต็มและใหค้ าแนะนากับผู้เข้าอบรมพร้อมตอบข้อซกั ถาม ผลการเรียนรู้ ผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่มีความสนใจ มีความต้ังใจในการเรียนรู้ในเรอื่ งการทาเตาเผาถ่าน 200 ลิตรแบบ ไร้ควัน เพราะเป็นอีกทางเลอื กหนึ่งที่สามารถนาไปปรบั ใช้ได้จริงและสามารถพัฒนาต่อยอดในพน้ื ท/ี่ ชมุ ชนของ ตนเองได้ ทีส่ าคัญยังเปน็ มติ รต่อสงิ่ แวดลอ้ ม

๑๒ วชิ า ฝกึ ปฏบิ ัติ \"การจดั ทาฐานเรียนรู้ท่ี 2\" ฐานคนรกั ษ์แมโ่ พสพ วทิ ยากรหลกั / ผรู้ บั ผิดชอบ 1. นายเมธี มณีวงค์ ประธานวสิ าหกจิ ชมุ ชนเกษตรอินทรีย์ ตาบลวอแกว้ (กิจกรรมการทานาอินทรยี ์ การเพาะกลา้ นาโยน) 2. นางองั ศมุ ารินทร์ สุทธวิ ฒั น์ กรรมการวสิ าหกจิ ชุมชนเกษตรอินทรีย์ ตาบลวอแกว้ (กจิ กรรมการทาขา้ วกล้องงอกไรม้ อด) 3. นางกรรณิการ์ กา๋ วิตา นกั ทรพั ยากรบุคคลชานาญการ 4. นายชวน พุทธวงค์วัน พนกั งานท่วั ไป วตั ถุประสงค์ 1. เพอื่ ให้ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ ฐานเรียนรู้คนรกั ษ์แมโ่ พสพ ได้แก่ กจิ กรรม การทานาอินทรีย์ การเพาะกล้านาโยน , กจิ กรรมการทาข้าวกล้องงอกไรม้ อด 2. เพือ่ ให้ผู้เข้ารับการฝกึ อบรมมีทกั ษะ และได้ฝกึ ปฏิบัติ ฐานเรยี นรู้คนรักษ์แมโ่ พสพ และสามารถ เปน็ วทิ ยากรถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ ฐานคนรกั ษแ์ มโ่ พสพได้ ระยะเวลา 2 ชัว่ โมง (120 นาที) ประเดน็ /ขอบเขตเนอ้ื หา -ความเปน็ มา/ความสาคญั การเตรียมวสั ดุอุปกรณ์ วธิ กี าร/ขั้นตอนการ ทา และการนาไปใช้ -ฝกึ ปฏบิ ตั ิการการเพาะกล้านาโยน และ การทาข้าวกลอ้ งงอกไร้มอด -แลกเปล่ยี นซักถาม สรุปผลการเรียนรู้ ข้ันตอน/วธิ กี าร วทิ ยากรแนะนาตวั สรา้ งบรรยากาศการเรียนร้ดู ว้ ยการทักทาย ชวนคุย เตรียมความพร้อม กอ่ นนาเขา้ สบู่ ทเรียนดว้ ยการเกริน่ นาถึงวตั ถปุ ระสงค์ของวชิ า ประเดน็ ท่ีจะดาเนินกิจกรรม กจิ กรรมการทานาอนิ ทรีย์ การเพาะกลา้ นาโยน ขนั้ ตอนและวิธีทา - วธิ ดี ินแห้งผสมพนั ธุ์ข้าว 1. เตรียมบม่ เมลด็ พันธุ์ขา้ ว โดยนามาแช่นา้ 1 คนื บม่ ไว้ 1 คนื (นา้ 1 บก 1) 1. นาดินจอมปลวกบดละเอยี ดมาผสมกับเมล็ดพนั ธ์ขุ า้ วที่บ่มเตรียมไวแ้ ล้ว ในอัตราส่วน ข้าว 1 : ดิน 6 (ขา้ ว เหนยี วพนั ธส์ุ ันปา่ ตอง) , ขา้ ว 1 : ดิน 8 (ขา้ วไรซเ์ บอร)ี่ คลุกผสมกันจนทว่ั 2. นาดินผสมขา้ วโรยลงในถาดเพาะกล้านาโยนใหท้ วั่ 3. กวาดถาดใหเ้ รยี บ ให้เห็นขอบหลมุ ถาดเพาะ 4. รดน้าทกุ วัน วางไวใ้ นที่ร่ม เพาะกลา้ 12-14 วัน 5. ย้ายถาดเพาะไปไว้ในนาท่ีทาเทือกเตรยี มไว้ 6. เตรยี มแปลงนา ใหน้ ้าสูงประมาณ 2 ข้อน้ิวมือ เพื่อพยงุ ใบขา้ วไม่ให้จมน้า 7. นากลา้ มาโยน แบบคร่งึ วงกลม 8. หลงั จากโยนกล้า 1-2 วันค่อยๆปล่อยน้าเขา้ แปลงนา เพือ่ ไล่ข้าวให้ตงั้ ตัวข้นึ

๑๓ - วธิ โี รยเมล็ดพันธุล์ งถาดเพาะ แลว้ โรยดินแห้งทับ 1. เตรยี มบม่ เมล็ดพันธุ์ขา้ ว โดยนามาแช่นา้ 1 คนื บม่ ไว้ 1 คืน(น้า 1 บก 1) 2. นาเมล็ดขา้ วทีบ่ ่มไว้แล้ว โรยลงในถาดเพาะ หลุมละประมาณ 2-4 เมลด็ 3. นาดินจอมปลวกบดละเอียดโรยทับลงในถาดเพาะกล้านาโยนให้เต็ม 4. กวาดถาดใหเ้ รยี บ ใหเ้ หน็ ขอบหลุมถาดเพาะ 5. รดนา้ ทุกวนั วางไวใ้ นทีร่ ม่ เพาะกลา้ 12-14 วัน 6. ย้ายถาดเพาะไปไวใ้ นนาที่ทาเทือกเตรียมไว้ 7. เตรียมแปลงนา ให้น้าสูงประมาณ 2 ข้อนว้ิ มือ เพื่อพยงุ ใบข้าวไม่ใหจ้ มนา้ 8. นากลา้ มาโยน แบบคร่ึงวงกลม 9. หลงั จากโยนกลา้ 1-2 วันค่อยๆปล่อยนา้ เขา้ แปลงนา เพือ่ ไล่ขา้ วให้ตั้งตัวข้นึ - วธิ ีใส่ดนิ โคลนในถาดเพาะแล้วโรยเมล็ดพันธ์ุ 1. เตรียมบ่มเมลด็ พนั ธ์ุข้าว โดยนามาแช่น้า 1 คืน บม่ ไว้ 1 คนื (นา้ 1 บก 1) 2. นาดนิ จอมปลวกบดละเอียดมาผสมน้า ในบอ่ ซเี มนต์ให้เป็นดนิ โคลน 3. นาดนิ โคลนมาใส่ถาดเพาะกลา้ นาโยน 4. นาเมลด็ ข้าวท่บี ่มไว้แลว้ โรยลงในถาดเพาะ หลุมละประมาณ 2-4 เมลด็ 5. ตบๆถาด กวาดถาดให้เรียบ ให้เห็นขอบหลุมถาดเพาะ 6. รดนา้ ทกุ วนั วางไว้ในท่ีรม่ เพาะกลา้ 12-14 วัน 7. ย้ายถาดเพาะไปไว้ในนาท่ีทาเทือกเตรียมไว้ 8. เตรยี มแปลงนา ให้น้าสูงประมาณ 2 ข้อนวิ้ มือ เพื่อพยงุ ใบขา้ วไม่ให้จมน้า 9. นากล้ามาโยน แบบครงึ่ วงกลม 10. หลังจากโยนกลา้ 1-2 วนั คอ่ ยๆปล่อยน้าเขา้ แปลงนา เพอื่ ไลข่ า้ วให้ต้งั ตวั ขน้ึ

๑๔ เทคนคิ วิธกี าร 1. ใช้ดนิ จอมปวกบดละเอียด ไม่ต้องผสมป๋ยุ เพราะดินจอมปวกมีความแน่น ทาให้กลา้ ข้าวมนี า้ หนกั ต้นข้าว ต้ังตรงเร็ว 2. การกวาดถาดเพาะกล้า ให้กวาดเบามือ ไมต่ ้องออกแรงกด จะทาให้รากจมเกินไป 3. กวาดถาดใหเ้ รยี บ ใหเ้ หน็ ขอบหลมุ ถาดเพาะ ถา้ ดนิ พนู เกินไปรากจะสานและพนั กัน 4. การโยนกล้า ให้กาตน้ กลา้ สะบัดมือให้กลา้ แยกหลดุ จากกัน หงายมอื ขึ้น แลว้ โยนเป็นรศั มคี รึ่งวงกลม กิจกรรมการทาขา้ วกลอ้ งงอกไรม้ อด ข้นั ตอนและวธิ ีทา 1. ล้างทาความสะอาดขา้ วกล้อง 2. แชข่ ้าวกล้อง 4- 8 ชั่วโมง 3. ลา้ งทาความสะอาด พักหวดข้าวใด้สะเด็ดน้า 4. นาข้าวกล้องมาบ่มในผา้ ขาวบางเพือ่ เพาะงอก โดยใชเ้ วลาบม่ ประมาณ 18 ช่ัวโมง 5. พบต่มุ งอก 1-2 มม. นาขา้ วกล้องท่บี ่มจนเรมิ่ มีตุ่มงอก มาล้างทาความสะอาด พักหวดข้าวใด้สะเดด็ น้า 6. ต้ังน้าในลังถงึ ใหเ้ ดือดจัด นาขา้ วทีเ่ พาะงอกแลว้ มานึ่ง ใช้เวลาน่งึ ประมาณ 10-20 นาที ใหข้ า้ วร้อน อยา่ งทว่ั ถงึ 7. นาขา้ วท่นี ึ่งแล้วไปตากแดดให้แห้ง ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน 8. เกบ็ ข้าวบรรจใุ นถงุ ปิดผนึกใหส้ นทิ เทคนคิ วิธีการ/ข้อพึงระวัง 1. การน่ึงข้าว ตอ้ งต้มให้เดือดจัดกอ่ น แลว้ เอาขา้ วขน้ึ นึ่ง เพอ่ื 1)ยบั ยง้ั การงอก 2)ทาลายไขม่ อด 3) ทาใหข้ า้ ว สุกบางส่วน 4) ยับยัง้ เอนไซม์ไลเปส ปอ้ งกันกลิ่นหนื 5) ทาลายจุลลินทรยี ์กอ่ โรค 2. ตากข้าวให้แห้งสนทิ เชคความแหง้ โดยการลองเคี้ยวเมล็ดขา้ ว ถา้ เค้ียวแล้วดังกรุบๆ แสดงว่าข้าวแห้งดี ถ้า เค้ียวแล้วหนบึ ๆ แสดงว่ายังไม่แห้ง ต้องตากแดดเพ่ิม ถ้าข้าวไม่แห้งสนิทจะทาให้เกิดเช้ือรา 3. ควรเก็บข้าวในถงุ พลาสตกิ ธรรมดาปดิ ให้สนิท ไม่ตอ้ งใช้ถุงสญุ ญากาศ สามารถเกบ็ ได้นาน ไร้มอด ไม่มีกล่นิ เหมน็ หนื

๑๕ สรปุ เน้อื หาวิชา/ผลการเรียนรู้ ผูเ้ ข้าอบรมส่วนใหญ่มีความสนใจ มคี วามตง้ั ใจในการเรียนรู้ในเรอ่ื งกจิ กรรมการทานาอินทรีย์ การเพาะกล้านาโยน และกจิ กรรมการทาขา้ วกล้องงอกไร้มอด เพราะเปน็ อีกทางเลอื กหน่งึ ทีส่ ามารถนาไป ปรบั ใชไ้ ด้จรงิ และสามารถพฒั นาต่อยอดได้ ทสี่ าคัญยงั สามารถตอ่ ยอดเป็นรายได้เสริมได้

๑๖ วิชา ฝึกปฏิบตั ิ \"การจดั ทาฐานเรยี นรู้ท่ี 3\" ฐานคนรักษน์ า้ กิจกรรม “การทาจุลินทรียบ์ อล บาบดั นา้ เสยี และเปน็ อาหารปลา” วทิ ยากรหลกั นายสายัณฑ์ ฉตั รแกว้ หัวหนา้ สานักปลดั อบต.วอแกว้ อ.หา้ งฉัตร จ.ลาปาง ผู้รบั ผดิ ชอบวิชา นางอญั ชลี ป่งแก้ว นกั ทรัพยากรบุคคลชานาญการ วัตถุประสงค์ 1. เพือ่ ให้ผ้เู ข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจการทา จลุ ินทรียบ์ อลบาบัดนา้ เสีย/เป็นอาหารปลา 2. เพ่ือให้ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมได้ฝกึ ปฏบิ ตั ิการทาจลุ ินทรียบ์ อล และเกดิ ทักษะในการฝกึ ปฏบิ ัติ ระยะเวลา 2 ช่วั โมง ประเด็น/ขอบเขตเน้ือหา -ความเปน็ มา/ความสาคญั การเตรยี มวัสดอุ ปุ กรณ์ วธิ ีการ/ขัน้ ตอนการ ทา และการนาไปใช้ -ฝึกปฏบิ ตั ิการทาจุลนิ ทรียบ์ อล บาบดั นา้ เสยี และเป็นอาหารปลา -แลกเปลย่ี นซกั ถาม สรปุ ผลการเรยี นรู้ กระบวนการ/ขั้นตอน วิทยากรแนะนาตัว เกร่ินถึงความสาคัญของจุลินทรีย์บอลที่สามารถทาไดจ้ ากวัสดทุ ี่มีใน ท้องถน่ิ นาไปบาบัดนา้ เสีย ลดกลน่ิ เน่าเหม็น และเปน็ อาหารปลาไดด้ ว้ ย วทิ ยากรแนะนาอุปกรณ์ท่ีใช้ ไดแ้ ก่ 1. แกลบหยาบ(เปลอื กข้าว) 2.แกลบอ่อน(รา) 3.จาว ปลวก หรือ ดนิ ขยุ ไผ่ หรอื ดนิ ใตต้ น้ ไม้ใหญ่ 4.จลุ นิ ทรยี ส์ ังเคราะหแ์ สง หรือ น้าหมักสูตรต่างๆ 5.นา้ ตาลทราย แดง และจดั เตรียมอุปกรณใ์ นการทา คือ 1.กาละมัง 1 ใบ 2.ถังตวง 1 ถัง 3.ถงั ใสน่ า้ 1 ถัง 4.ผ้าคลมุ หรอื กระสอบ แลว้ อธบิ ายถงึ วธิ กี าร/ขน้ั ตอนในการทาจลุ นิ ทรยี ์บอล โดยแยกการเตรยี มสว่ นผสมเป็น 2 ส่วน สว่ นท่ี เป็นนา้ กบั สว่ นที่แหง้ วิทยากรสาธิตการทาไปทีละข้ันตอน โดยอธิบายรายละเอียด คณุ สมบัตขิ องวัสดแุ ตล่ ะอย่างท่ี ใช้ พร้อมตอบข้อซักถาม ข้อสงสัยของผู้เข้าอบรม และใหล้ งมือปฏิบัตไิ ปดว้ ยในแต่ละขั้นตอน โดยสว่ นที่ 1 ให้ ผสมน้าเปล่า 1 ถัง(3 ลิตร) กับหวั เชื้อจุลนิ ทรียส์ งั เคราะหแ์ สง และน้าตาลทรายแดง ใช้มือคนและขยาให้ น้าตาลทรายแดงที่ยังเป็นก้อนแข็งละลายเป็นเนื้อเดียวกนั เนือ่ งจากนา้ อ้อย/น้าตาลทรายแดงจะเปน็ อาหาร ของจลุ นิ ทรยี ์ได้ดี พอผสมนา้ ตาลทรายแดงลงไป จะทาให้กลิ่นเหม็นของนา้ หมักลดลงไปในทันที ส่วนที่ 2 ผสม แกลบหยาบ แกลบออ่ น และจาวปลวกทที่ บุ ละเอียดแลว้ ในอตั ราสว่ น 1 : 1 : 1 แกลบอ่อนจะเป็นอาหาร ของจลุ ินทรีย์ แกลบหยาบจะเป็นตวั ประสาน/เป็นตวั ยดึ ใหเ้ ขา้ เป็นเนอื้ เดยี วกนั มากข้นึ ส่วนจาวปลวกหรือรงั ของปลวกน้นั จะมสี ารบางอย่างจากนา้ ลายปลวกทช่ี ่วยยอ่ ยสลายได้เปน็ อย่างดี วทิ ยากรใหช้ ่วยกันผสมส่วนที่ 1 (นา้ ) กบั สว่ นที่ 2 (แหง้ ) โดยแนะนาว่าต้องค่อยๆเทส่วนที่ เป็นน้าทีละน้อย จนเปียกหมาดๆ แลว้ ปนั้ เป็นก้อนกลมขนาดกามือ เมือ่ ทดสอบปัน้ แล้วปลอ่ ยมอื ลูกจุลนิ ทรีย์

๑๗ บอลตอ้ งไม่แตก เมื่อทุกคนได้ชว่ ยกันปัน้ /ทาจุลนิ ทรยี บ์ อลจนวัสดหุ มดแลว้ วทิ ยากรให้นาก้อนจุลินทรีย์บอลที่ ปั้นเสร็จ จดั เรียงใส่กาละมัง เอาผา้ หรอื ถงุ กระสอบคลมุ ให้มดิ ชดิ แล้วนาไปเก็บไวใ้ นท่ีร่มเพื่อให้เชือ้ จลุ ินทรยี ์ เจริญเติบโตได้ดี -วิทยากรแนะนาการนาไปใช้ว่า เม่อื ครบ 7 วัน จะมเี ชอ้ื ราขาวข้นึ นาไปใชบ้ าบัดน้าเสยี ในสระน้า 1 ลูก : ตอ่ พน้ื ที่ 2 ตารางเมตร เมือ่ อยูใ่ นสระนา้ จลุ ินทรยี บ์ อลจะเปน็ อาหารปลาได้ดว้ ย หรือ สามารถโยนลงไป ในแปลงนาในจุดท่ีต้นขา้ วไม่ค่อยสมบรู ณ์ จุลินทรยี บ์ อลจะค่อยๆปลดปลอ่ ยธาตุอาหาร เป็นการปรบั โครงสรา้ ง ของดิน เทคนคิ วธิ ีการ/ข้อพึงระวงั - ควรหมกั น้าหมักจลุ ินทรยี ส์ งั เคราะหแ์ สงไว้ลว่ งหนา้ 1-2 อาทิตย์ เพื่อให้จลุ นิ ทรยี ์มปี ระสิทธภิ าพ - หัวเชือ้ จุลินทรยี ์หรอื นา้ หมักที่จะนามาใชท้ าจลุ ินทรีย์บอล หากหมกั ไวน้ านเกินไป ควรเติมนา้ ตาล ทรายแดงเข้าไปกระตนุ้ การทางานของจุลนิ ทรยี ์ก่อน - อายกุ ารใช้งานของจุลนิ ทรียบ์ อลประมาณ 1 เดอื น เม่ือทาไว้ครบ 7 วนั เชอื้ ราจะเร่มิ ข้ึน สามารถ นาไปใชง้ านได้ แต่ถา้ ทง้ิ ไว้นาน 15 วันขนึ้ ไป ประสิทธภิ าพของจลุ ินทรยี ์ก็จะคอ่ ยๆลดลงไป สรุปผลการเรยี นรู้ -ผู้เขา้ อบรมมีความสนใจ ตัง้ ใจในการเรียนรู้และมีสว่ นร่วมในการทาจลุ ลนิ ทรยี บ์ อล เนอ่ื งจากเป็น กจิ กรรมท่ีทาได้ง่าย ใช้ประโยชนไ์ ด้ท้งั บาบัดนา้ เสีย เปน็ อาหารปลา ปรบั โครงสร้างดิน ใชว้ ัสดุทห่ี าได้งา่ ยใน พ้นื ท่ี ถงึ แม้จาวปลวกอาจจะหายากแต่ก็สามารถใชว้ ัสดุอ่นื ทดแทนได้ เปน็ ดนิ ขุยไผห่ รอื ดินจลุ ินทรีย์ใตต้ ้นไม้ ใหญ่ วทิ ยากรสามารถตอบข้อซักถามทผ่ี ้เู ข้าอบรมสอบถามไดเ้ ปน็ อย่างดี การสาธิตและฝึกปฏบิ ัติไปพร้อมๆกัน ช่วยสรา้ งบรรยากาศการเรียนรรู้ ่วมกัน และผเู้ ข้าอบรมฯ โดยเฉพาะทีมงานผูร้ บั ผิดชอบฐานเรยี นรู้ฅนรักษ์นา้ สามารถผลิตจุลินทรียบ์ อลสาหรบั ใช้บาบัดนา้ เสยี หรือเปน็ อาหารของปลาได้

๑๘ วิชา : ฝึกปฏบิ ตั ิ \"การจัดทาฐานเรียนรู้ที่ 4\" ฐานคนรักษแ์ ม่ธรณี การทาปยุ๋ หมกั แห้งแบบเร่งด่วน วทิ ยากรหลัก/ผ้รู บั ผดิ ชอบวิชา 1.นายสายณั ฑ์ ฉตั รแก้ว หวั หนา้ สานกั ปลดั องค์การบริหารสว่ นตาบลวอแก้ว 2. นางอรณุ ศรี เดชะเทศ นกั จดั การงานท่วั ไปชานาญการ 3. นายศรี อนิ ทะรส พนักงานทาความสะอาด 4. นายศานติ ธรรมไชย พนักงานขบั รถยนต์ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื ใหผ้ ้เู ขา้ รบั การฝึกอบรมมีความรคู้ วามเข้าใจการทาปุย๋ หมักแห้งแบบดว่ น 2. เพ่อื ให้ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมได้ฝกึ ปฏบิ ตั ิการทาปุ๋ยหมักแห้งแบบดว่ น และเกิดทกั ษะใน การฝึกปฏบิ ตั ิ อย่างสูงสดุ ระยะเวลา 1 ชั่วโมง (60 นาท)ี ประเดน็ เนื้อหา - ความเปน็ มา/ความสาคัญ การเตรียมวสั ดอุ ุปกรณ์ วิธีการ/ขนั้ ตอนการทา และการนาไปใช้ - ฝกึ ปฏิบัติการทาปุย๋ หมักแห้งแบบดว่ น - แลกเปลย่ี นซกั ถาม สรปุ ผลการเรยี นรู้ ขัน้ ตอน/วธิ ีการ 1 วิทยากรแนะนาตัว สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ด้วยการทักทายชวนคุย ทาให้บรรยากาศเป็นกันเอง และนาเข้าสู่บทเรียนด้วยการเกริ่นนาถึงประโยชน์ของปุ๋ยแห้งแบบด่วน ประโยชน์ของวัสดุที่เป็นส่วนผสมแต่ ละชนิด เช่น มูลสัตว์ต่างๆ จะมีธาตุไนโตรเจน ซ่ึงมีประโยชน์สูงตอ่ พืช แกลบดิบ, แกลบกลางแกลบดา, แกลบ เผา กเ็ ชน่ เดยี วกนั อาจจะหายากและมรี าคาแพง แตจ่ ะเปน็ อาหารช้นั เลิศของจุลนิ ทรีย์ 2 วิธกี ารทาปุย๋ หมกั แห้งแบบเร่งดว่ น มีวธิ กี ารและขนั้ ตอนดงั นี้ 1) เทมูลสัตว์แห้ง (มูลวัว) ,แกลบดิบ, แกลบกลาง, แกลบดา(แกลบเผา) หากมีใบมะขามหรือใบ จามจุรี ซ่ึงเป็นพืชท่ีเป็นประโยชน์และมีขนาดเล็กสามารถย่อยสลายได้ง่ายก็สามารถนามาใช้ได้ วิธกี ารกองจะ กองคล้ายรปู ภูเขาและรปู ปริ ามดิ ปรมิ าตร 1 : 1 หรือ 2 : 2 2) ผสมคลุกเคลา้ ให้เขา้ กัน ทาสลับกันทลี ะดา้ นโดยใช้จอบ 3) เมอื่ ผสมคลุกเคล้าเขา้ กันดีแล้ว เกลีย่ กองป๋ยุ ทผ่ี สมกนั ใหเ้ ปน็ แนวราบ 4) จากนนั้ ใหเ้ ทน้าหมกั (หวั เช้ือน้าหมกั ทผี่ สมนา้ 1 : 3 ) ลงไปใหท้ ่ัว 5) ใช้คราดสบั ลงไปเพ่ือให้น้าหมกั และส่วนผสมต่างๆ ให้เป็นเน้ือเดียวกัน และซึมเขา้ ไปด้านล่างให้ได้ ความช้ืน 60% ขนึ้ ไป จนกองปยุ๋ มีความชุ่มชื้น วิธกี ารสารวจความช้ืน จะทาได้โดยใช้มือบีบให้เป็นกอ้ นหากกา แล้วเป็นก้อนโดยที่ไม่มนี ้าไหลออกมาตามฝ่ามือถือว่าใช้ได้ หากกาดูแลว้ มีน้าไหลตามซอกและฝา่ มือแสดงวา่ มี ความแฉะและชื้นเกินไป ควรเตมิ ขวี้ ัวหรือแกลบดบิ เพอื่ ทจ่ี ะดดู ซมึ และให้ได้ความชนื้ 60% 6) เม่ือความช้นื มีความพอดี ให้เกลี่ยดินทาให้เป็นกองสูงพอดี เป็นรปู ส่ีเหล่ียมผีนผ้าหรือส่ีเหล่ยี มคาง หมู และให้มีร่องต้ืนๆตรงกลางกองปุ๋ย และให้ใช้น้าหมักรสจืดรดกองปุ๋ยอีกรอบให้ทั่ว วิธีการรดให้ใช้บัวรดน้า

๑๙ เอาฝาฝักบัวออกเพื่อไม่ให้เศษของน้าหมกั อุดตัน และก็ใชม้ ืออีกข้างกระดกข้ึนลง ซ่งึ เป็นเทคนิคอีกอยา่ งในการ ทาใหน้ ้าหมักกระจายไปทวั่ กองปุ๋ย ทาเชน่ นต้ี ลอดท้ังกองและตรงกลางท่เี ป็นรอ่ งของกองปยุ๋ (แบบไม่พลกิ กอง) 7) ใชไ้ วนิลหรอื พลาสติกหนา คลมุ กองปุ๋ยไว้ 7 วัน เมือ่ นาไวนลิ หรือพลาสติกหนาออกจะเห็นมีเส้นใย สีขาวทั่วกองปุ๋ย แสดงว่าจุลินทรีย์ได้ปลดปล่อยพลังงานอย่างเต็มที่ ซ่ึงจะมีความร้อนสูงถึง 70 องศา หาก นามาสอดเข้าไปหรือนาไข่ไปวางไว้อาจจะทาให้ไข่สุกได้ หลังจากน้ันอีก 7 วัน กองปุ๋ยจะเย็นลง ก็สามารถ นามาใชไ้ ด้ 8) หากใช้ไม่หมดสามารถนาไปใสก่ ระสอบเกบ็ ไวใ้ นท่ีร่ม และนากลบั มาใชใ้ หม่ได้ ผลสรุป ผลจากการทาปุ๋ยหมักแห้งแบบเร่งด่วน นอกจากจะได้องค์ความรู้ท่ีเป็นประโยชน์ต่อฐานคนรักษ์แม่ ธรณีแล้ว ยังสามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการพลิกพื้นแม่พระธรณี ดว้ ยปยุ๋ อนิ ทรีย์หมักแบบเรง่ ด่วนในฐานการ เรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีมีภายในศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง และฐานคนรักษ์แม่ธรณียังมีกิจกรรมการเรียนรู้ และมีวิทยากรซึ่งเป็นเจ้าหน้าท่ีของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง สามารถเป็นวิทยากรหลักในฐานการ เรียนรู้สาหรบั ผเู้ ขา้ รับการอบรมต่อไป การทาน้ามะพร้าวเทียม กระตุ้นจุลินทรยี ใ์ นน้าหมกั วทิ ยากรหลกั /ผรู้ ับผิดชอบวิชา 1.นายสายัณฑ์ ฉตั รแกว้ หวั หน้าสานกั ปลดั องค์การบรหิ ารส่วนตาบลวอแก้ว 2. นางอรณุ ศรี เดชะเทศ นกั จดั การงานท่วั ไปชานาญการ 3. นายศรี อินทะรส พนักงานทาความสะอาด 4. นายศานติ ธรรมไชย พนักงานขับรถยนต์ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจ การทาน้ามะพร้าวเทียม กระตุ้นจุลินทรีย์ ในนา้ หมัก 2. เพ่ือให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้ฝึกปฏิบัติการทาน้ามะพร้าวเทียม กระตุ้นจุลินทรีย์ในน้าหมัก และ เกิดทักษะในการฝึกปฏบิ ัติ อยา่ งสงู สุด ประเด็นเน้ือหา -ความเป็นมา/ความสาคญั การเตรยี มวสั ดุอปุ กรณ์ วิธกี าร/ข้ันตอนการทา และการนาไปใช้ -ฝึกปฏิบัติการทาน้ามะพรา้ วเทียม กระต้นุ จุลนิ ทรยี ์ในนา้ หมัก -แลกเปลีย่ นซกั ถาม สรุปผลการเรยี นรู้ ระยะเวลา 1 ชว่ั โมง (60 นาที)

๒๐ ขนั้ ตอน/วิธีการ 1. วิทยากรแนะนาตัว สร้างบรรยากาศการเรยี นร้ดู ้วยการทักทายชวนคุย ทาใหบ้ รรยากาศเปน็ กนั เอง และนาเขา้ สู่บทเรยี นด้วยการเกริ่นนาถึงประโยชนข์ องนา้ มะพรา้ วเทียมว่าจะไปกระตุ้นจลุ ินทรียใ์ นน้าหมักได้ อย่างไร สามารถทาให้จลุ นิ ทรยี ์กลับมามีชีวิตชีวา ประโยชนข์ องวัสดทุ ีเ่ ปน็ สว่ นผสมแต่ละชนดิ เชน่ น้าตาล ทรายแดงหรือน้าตาลอ้อย นั้นเป็นนา้ ตาลทที่ ามาจากออ้ ยสด มีประโยชน์สงู แมร้ าคาหรอื ตน้ ทุนจะสูงแต่ก็มี ความคมุ้ ค่าแกลบอ่อนก็เช่นเดียวกนั อาจจะหายากและมีราคาแพง แตจ่ ะเปน็ อาหารช้ันเลศิ ของจลุ ินทรยี ์ ประเด็นที่จะพูดคยุ 2. วธิ ีการทาน้ามะพรา้ วเทียมเพื่อจะไปกระตุ้นจุลินทรยี ์ในน้าหมัก โดยนาน้าตาลทรายแดง ผสมกับ น้าในการผสมควรใชม้ ือคนให้ทั่วเพอื่ นา้ ตาลทรายแดงจะไม่จับตัวกันเป็นก้อนเพื่อใหเ้ กดิ ประสทิ ธิภาพสงู สุด จากนน้ั ก็นาแกลบอ่อนลงไปผสมกบั ยา้ ทาเชน่ เดยี วกันคือใชม้ ือคนให้เข้ากัน ในอตั ราสว่ น ดังน้ี -น้าตาลทรายแดง 2 กโิ ลกรัม -แกลบอ่อน 4 กิโลกรมั -นา้ 30 ลติ ร ผสมวสั ดุทง้ั 3 อยา่ ง ใหเ้ ขา้ เป็นเนอื้ เดียวกนั บรรจุลงในถังบรรจุขนาด 40 ลิตร ให้มีช่องวา่ งประมาณ 1 ใน 3 ส่วน หลงั จากนน้ั ปดิ ฝาไว้ 7 วนั จะมฝี ้าสีขาวเกดิ ขนึ้ นั่นก็คือจุลนิ ทรยี ไ์ ด้ปลดปล่อยธาตอุ าหารออกมา ส่ิงท่ีได้ เรยี กวา่ นา้ มะพรา้ วเทยี ม จะเป็นส่ิงที่จะไปกระตุ้นจุลินทรยี ์ใหก้ ลับมามีชวี ติ ชีวา และเป็นประโยชนต์ อ่ พชื ต่อไป หากใช้ไมห่ มดกส็ ามารถเกบ็ ไวใ้ ชไ้ ด้ภายในเวลา 3 เดอื น หากเกนิ กาหนด 3 เดือนควรเตมิ อาหารกค็ ือนา้ ตาล ทรายแดงกับแกลบออ่ นลงไปใหม่ กส็ ามารถนากลบั มาใชไ้ ด้อกี ผลสรุป จากผลการทานา้ มะพรา้ วเทยี มเพื่อกระตนุ้ จลุ นิ ทรีย์ในนา้ หมัก นอกจากจะได้องค์ความรูท้ ่ี เป็นประโยชน์ตอ่ ฐานคนรกั ษ์แม่ธรณีแลว้ ในฐานมกี ิจกรรมการเรียนรแู้ ละมวี ทิ ยากรซึ่งเปน็ เจา้ หน้าท่ขี องศูนย์ ศกึ ษาและพัฒนาชุมชนลาปาง สามารถเป็นวิทยากรหลกั ในฐานการเรียนรตู้ อ่ ไป วชิ า : ฝกึ ปฏบิ ตั ิ \"การจดั ทาฐานเรียนรทู้ ี่ 5\" ฐานคนมีนา้ ยา (การทาน้ายาอเนกประสงค์) กิจกรรม “การทานา้ ยาอเนกประสงค์” วทิ ยากรหลกั นางกอบสขุ สุปนิ ะ ผู้รบั ผิดชอบวิชา ว่าทรี่ ้อยตรี ชยั ณรงค์ บัวคา นกั ทรพั ยากรบุคคล วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ให้ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมมคี วามรู้ความเขา้ ใจการทา นา้ ยาอเนกประสงค์ 2. เพ่ือให้ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมไดฝ้ กึ ปฏบิ ตั ิการทาน้ายาอเนกประสงค์ และเกิดทักษะในการฝกึ ปฏบิ ัติ ระยะเวลา 2 ชัว่ โมง

๒๑ ประเด็น/ขอบเขตเน้ือหา -ความเป็นมา/ความสาคญั การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ วธิ ีการ/ขนั้ ตอนการ ทา และการนาไปใช้ -ฝกึ ปฏิบตั ิการทานา้ ยาอเนกประสงค์ -แลกเปลยี่ นซักถาม สรปุ ผลการเรียนรู้ กระบวนการ/ขั้นตอน วิทยากรแนะนาตวั เกรนิ่ ถึงความสาคญั ของนา้ ยาอเนกประสงค์ท่ีสามารถนามาใช้ใน ครวั เรือนได้ทงั้ ล้างจาน ซักผา้ ทาความสะอาดพืน้ ซึง่ สามารถลดรายจ่ายในครัวเรือนได้ วทิ ยากรแนะนาอุปกรณ์ท่ีใช้ ได้แก่ 1.N70 2.น้าหมกั รสเปรี้ยว (มะกรูด , สัปปะรด , มงั คดุ ) 3.เกลือไม่ใส่ไอโอดีน(ผงข้น) 4.น้าเปล่า และจัดเตรียมอปุ กรณใ์ นการทา คือ 1.ถังสีก้นเรียบ 1 ใบ 2. ไมพ้ าย 1 อนั แล้วอธบิ ายถงึ วิธีการ/ข้ันตอนในการทานา้ ยาอเนกประสงค์ วทิ ยากรสาธิตการทาไปทลี ะข้ันตอน โดยอธิบายรายละเอยี ด คุณสมบัตขิ องวัสดุแต่ละอย่างที่ ใช้ พร้อมตอบขอ้ ซักถาม ขอ้ สงสยั ของผเู้ ขา้ อบรม และใหล้ งมือปฏิบัติไปด้วยในแตล่ ะขั้นตอน โดย 1. ใส่ N70 จานวน 1 กโิ ลกรมั ลงในถงั ก้นเรยี บ แลว้ กวนจนออกเปน็ สขี าวนวล 2. เตมิ เกลอื ไมม่ ไี อโอดีนหรือผงข้นลงไปครง่ึ กโิ ลกรัม 3. กวนจนเกลือละลาย ไม่ใหจ้ ับตัวเป็นก้อน 4. เติมน้าหมักลงไปทีละนอ้ ยจนครบ 1.5 ลิตร 5. เติมนา้ สะอาดลงไปจนครบ 15 ลิตร 6. กวนต่อไปจนครบ 1 นาที (นบั 1-60) 7. เตมิ เกลอื ทเ่ี หลือลงไป 8. กวนต่อไปอกี 5-10 นาที สังเกตความหนืดของตวั นา้ ยา 9. นานา้ ยาไปพกั 4-6 ชัว่ โมงใหฟ้ องยุบตวั จงึ นาไปใชไ้ ด้

๒๒ เทคนิควิธกี าร/ขอ้ พึงระวงั - การกวนนา้ ยา N70 ให้กวนตรงกลางถงั ใหต้ ัว N70 ตีออกด้านข้าง - ใช้ขอ้ มือให้แข็งแรง ออกแรงกวนใหส้ ม่าเสมอ - เมื่อเตมิ เกลอื ลงไปตอ้ งกวนใหล้ ะลายจดุ สงั เกตถ้าเกลือยงั ไม่ละลายจะมีเสียงเมด็ เกลอื กระทบกับถัง - การเตมิ น้าหมักหรือนา้ สะอาดใหค้ อ่ ยๆ เทลงไป ถ้าเทไว จะทาใหเ้ กดิ ฟอง และตวั N70 จะ กระเดน็ ออกจากถงั - ต้องใจเยน็ - อุปกรณ์เครือ่ งมือทใ่ี ชต้ ้องมีความสะอาด สรปุ ผลการเรยี นรู้ -ผเู้ ขา้ อบรมมีความสนใจ ต้งั ใจในการเรียนรแู้ ละมสี ว่ นร่วมในการทาน้ายาอเนกประสงค์ เนอ่ื งจากเป็น กจิ กรรมท่ีทาไดง้ า่ ย ใชป้ ระโยชนไ์ ดท้ ้ังล้างจาน ซักผา้ ทาความสะอาดพน้ื สามรถลดรายจา่ ยในครอบครวั ได้ วทิ ยากรสามารถตอบขอ้ ซักถามท่ผี ู้เขา้ อบรมสอบถามได้เป็นอย่างดี การสาธติ และฝึกปฏิบตั ิไปพร้อมๆกนั ชว่ ย สรา้ งบรรยากาศการเรียนรรู้ ว่ มกนั และผ้เู ข้าอบรมฯ โดยเฉพาะทีมงานผู้รับผิดชอบฐานเรียนรฅู้ นมนี ้ายา สามารถ ผลติ น้ายาอเนกประสงคใ์ ช้ได้ วิชา : ฝกึ ปฏิบัติ \"การจดั ทาฐานเรยี นรูท้ ่ี 6\" ฐานคนรักสขุ ภาพ (การทานา้ คลอโรฟลิ ด์) วทิ ยากรหลกั 1. นางกอบสขุ สุปนิ ะ นักวิชาการพฒั นาชมุ ชนชานาญการ วตั ถุประสงค์ 2. นายณฐั นิช รักขตั ิวงค์ พนักงานทาความสะอาด 3. นางคาสชุ หนนุ หลี ๑. ใหผ้ ู้อบรมได้รับความรู้ในด้านพืชและสมุนไพรที่มีสรรพคณุ ทางยา ซ่ึงสามารถรบั ประทาน ได้ และนามาใชเ้ ปน็ นา้ คลอโรฟลิ ด์ได้ 2. ผูเ้ ขา้ รบั การฝกึ อบรมได้ฝกึ ปฏบิ ตั ิการ ทานา้ คลอโรฟลิ ด์ สกู่ ารต่อยอดทาใช้เองในครวั เรอื น และสามารถขยายผลแก่ผสู้ นใจเรียนร้ไู ดต้ อ่ ไป ประเด็นเนอื้ หา 1. สรรพคุณของพืชและสมุนไพรทใี่ ช้ทาน้าคลอโรฟิลด์ 2. ข้ันตอนและวธิ ีการทานา้ คลอโรฟลิ ด์สด 3. ฝึกปฏิบตั ิการทาน้าคลอโรฟิลดส์ ด 4. เตมิ เต็มความรกู้ ารฝกึ ปฏิบตั กิ าร ระยะเวลา 2 ช่วั โมง วธิ ีการ/เทคนคิ 4.1 การให้ความรู้ในสรรพคุณของพืชและสมุนไพรฤทธิเ์ ยน็ 4.2 การสาธิต/ ฝึกปฏิบัตกิ ารทาน้าคลอโรฟิลด์โดยผเู้ ข้ารบั การฝกึ อบรม 4.3 แลกเปล่ยี นเรียนร้/ู วิทยากรเติมเต็ม สรุปประเด็นการเรียนร้ใู นฐานฯ

๒๓ วสั ดุ / อุปกรณ์ 5.1 อุปกรณท์ ใ่ี ชป้ ระกอบการทากจิ กรรม ไดแ้ ก่ 1. มดี หั่นผัก 2. เขียง 3. เหยอื กน้า 4. กะละมงั 5. เคร่ืองปนั่ ผกั ผลไม้ 6. ผ้าขาวบาง 7. นา้ เยน็ 8. ถังกดน้าเยน็ 9. ถงุ มอื 10. กระชอน 5.2 ผักสดและสมุนไพรทใ่ี ช้ ได้แก่ 1. ผกั วอเตอร์เครส 1/2 - 1 กามือ 2. ใบยา่ นาง 5 – 20 ใบ 3. นา้ นมราชสหี ์ 3 ยอด 4. ใบเตย 1 – 3 ใบ 5. หญ้าเนเปีย 3 – 5 ตน้ 6. ผักบุ้ง 1/2 - 1 กามือ 7. ใบออ่ มแซบ 1/2 - 1 กามือ 8. หยวกกล้วย 1/2 - 1 คบื 9. วา่ นกาบหอย 3 – 5 ใบ 10. ผกั ปราบ 3 – 4 ตน้ สรุปผลการดาเนินงาน 1. ทีมวิทยากรกล่าวทักทายผูเ้ ข้าอบรม กลา่ วถึง วตั ถุประสงคข์ องการรักษาสุขภาพว่าเป็นส่ิง ท่ีสาคัญเป็นลาดับแรกๆเนื่องจากเม่ือมีสุขภาพร่างกายที่ดีแล้ว ก็จะมีความพร้อมที่จะปฏิบัติงานที่ได้รับ มอบหมาย งานทที่ ากจ็ ะออกมาดีขน้ึ ตามไปดว้ ย เมือ่ กายพร้อมใจก็พรอ้ ม 2. จากนั้นวิทยากรได้อธิบายถึงสรรพคุณของพืชผักแต่ ละชนิดดงั นี้ 2.1 ผักวอเตอร์เครส หรือ สลัดน้า อุดมไปด้วย แคลเซียม และธาตเุ หลก็ 2.2 ใบย่านาง มีสรรพคุณช่วยในการฟ้ืนฟูเซลล์ บารุง อวยั วะภายใน 2.3 น้านมราชสหี ์ เป็นยาสมุนไพรช่วยดับร้อน แก้พิษ ผดผื่นคนั ลาไสอ้ ักเสบ

๒๔ 2.4 ใบเตย ช่วยบารงุ หวั ใจ ระบบประสาท และลดความดัน 2.5 หญ้าปักกงิ่ สามารถช่วยตา้ นทานการเกดิ มะเรง็ ได้ 2.6 หญา้ เนเปีย ซึ่งใช้แทนหญา้ ปักกิ่ง และมปี ลูกทั่วไปใน ศูนย์ฯลาปาง 2.7 ผกั บ้งุ ช่วยบารงุ สายตา บารงุ สมอง และบารุงโลหิต 2.8 ใบอ่อมแซบ มีสรรพคุณ ลดน้าตาลในเลอื ด และระดับไขมันในเลอื ดได้ 2.9 หยวกกล้วย สามารถขับพษิ ชว่ ยลา้ งพษิ ในลาไส้ และละลายนวิ่ ได้ 2.10 ใบว่านกาบหอย เป็นยาฤทธ์ิเย็น แก้ร้อนใน มีสรรพคุณในการห้ามเลือด รักษา อาการขบั ถ่ายเป็นเลือดได้ 2.11 ผักปราบ ช่วยในการย่อยอาหาร เปน็ ยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้เจริญอาหาร สามารถ ใช้บรรเทาอาการปวดได้ 3. จากน้ันวิทยากรได้อธิบายถึงข้ันตอนและวิธใี นการทานา้ คลอโรฟลิ ด์สด โดยให้ผู้เข้ารับการ ฝกึ อบรมได้ปฏบิ ตั ิเองไปพรอ้ มๆกนั ทุกข้นั ตอน ดังนี้ 3.1 นาผักทกุ ชนิดมาลา้ งให้สะอาด 10 นาทีข้นึ ไป 3.2 นาผกั มารวมกนั ตามสดั สว่ น และห่นั ใหล้ ะเอียด 3.3 นาผักใส่เครื่องป่ัน โดยใส่น้าพอท่วม และปั่น 2-3 วินาที 2 รอบ พอละเอยี ด 3.4 เสร็จแล้วนาน้าท่ีได้มาคั้นด้วยมอื เปล่า โดยกรองด้วยกระชอน ผา้ ขาวบาง 1 รอบ 3.5 นาน้าทีไ่ ด้ไปกรองดว้ ยผา้ ขาวบางซา้ อกี 1 รอบ โดยไม่ตอ้ งค้ัน 3.6 นา้ คลอโรฟิลดท์ ี่ได้ สามารถนาไปผสมน้าเย็น พร้อมด่มื ได้ทันท่ี โดยตอ้ งเจือจางให้ได้ ในระดับที่สายตาสามารถมองทะลุผ่านได้ โดยความรู้สึกจะกลืนง่าย ไม่ฝืดคอ โดยดื่มหลังรับประทานอาหาร 30 นาที เพ่ือชว่ ยย่อยอาหาร และไมท่ าให้ท้องอืด ข้อพึงระวงั 1. ในขน้ั ตอนการปนั่ ใสน่ ้าให้พอดี 2. ในการปฏิบัติงานใหส้ วมถงุ มอื ทุกคร้ัง รักษาความสะอาดทกุ ขน้ั ตอน 3. ไมบ่ ริโภคมากเกนิ พอดี ซึง่ อาจทาใหเ้ กดิ โทษได้ 4. วิทยากรได้ให้ผู้อบรมได้แบ่งน้าคลอโรฟิลด์ท่ีทาข้ึนไว้ทดลองรับประทาน โดยชี้แจงถึงประโยชน์ใน การรับประทานในปริมาณทเ่ี หมาะสม ดงั นี้ 4.1 ดมื่ ปรบั สมดลุ รา่ งกาย เนื่องจากเป็นสมุนไพรฤทธิ์เยน็ 4.2 ชวยระบบการเผาผลาญพลงั งาน 4.3 ชว่ ยในการตอ่ ต้าน อนมุ ูลอสิ ระ โดยเมื่อทาเสรจ็ แล้ว สามารถเกบ็ ไว้รับประทานได้ไม่ควรเกิน 2 วนั (เกบ็ ในตู้เย็น) 5. วิทยากรแลกเปล่ียนเรียนรู้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรม และตอบข้อซักถามต่างๆ โดยให้คาแนะนาใน การใช้พืชและสมุนไพร ซึ่งศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง ในหน้าแล้งอาจจะไม่มีพืชบางชนิด ต้องใช้ผัก ชนิดอื่นแทน ตามสถานการณ์และความเหมาะสม รวมทง้ั คานงึ ถงึ สรรพคุณและโทษของพชื ทน่ี ามาใชด้ ้วย 6. วทิ ยากรกล่าวสรุปประเด็น และผลการฝึกปฏิบัติการทาน้าคลอโรฟิลด์ และแนะนาเก่ยี วกับการทา ฐานเรยี นรู้ ในการฝกึ อบรมบุคคลภายนอก ในโอกาสตอ่ ไป

๒๕ วชิ า : ฝึกปฏบิ ัติ “การจัดทาฐานเรียนรู้ที่ ๖” ฐานคนรักษส์ ุขภาพ(กจิ กรรมพอกหนา้ – แชเ่ ทา้ ) วทิ ยากรหลกั นางกอบสุข สปุ ินะ ผูร้ ับผิดชอบ นางสาวเมทินี น้อยเรอื น นกั ทรพั ยากรบคุ คลปฏบิ ัตกิ าร วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกจิ กรรมในฐานคนรักษ์สขุ ภาพ ๒. เพอ่ื สาธติ และฝึกปฏิบัติกจิ กรรมต่าง ๆ ในฐานเรียนรู้คนรักษส์ ุขภาพ ประเด็นเนอื้ หา ๑. การเตรยี มวสั ด/ุ อุปกรณ์ก่อนจะลงมือทา ๒. การสาธิตและลงมือปฏบิ ตั ิการพอกหน้า และการแช่เท้าดว้ ยสมนุ ไพร ระยะเวลา 2 ชว่ั โมง วิธกี าร/เทคนคิ ๑. การบรรยาย ๒. การสาธติ 3. การลงมอื ปฏบิ ัติ 4. การสรุปผลการเรียนรู้ สรปุ ผลการดาเนินงาน การพอกหน้า กิจกรรมการพอกหนา้ วิทยากรให้ความรูแ้ ละสาธติ การพอกหนา้ จานวน 2 สตู ร ได้แก่ 1. สตู รผงถา่ นและดนิ สอพอง วสั ดุอปุ กรณ์ 1) ดินสอพอง 2 ส่วน 2) ผงถ่าน 1 ส่วน 3) น้าสะอาด 4) ภาชนะสาหรับผสมดินสอพอง และผงถ่าน ๕) ผา้ ขนหนูสาหรบั เชด็ หนา้ ขน้ั ตอน 1) นาดนิ สอพอง และผงถ่านมาละลายน้า 2) ล้างหนา้ ให้สะอาดและเชด็ หน้าใหแ้ ห้ง จากนน้ั จึงนาดนิ สอพองและผงถ่านท่ีละลายนา้ เตรียมไวม้ าพอกหน้าโดยเว้นบรเิ วณรอบดวงตาและรมิ ฝปี าก พอกหนา้ ท้ิงไวน้ าน 10 - 15 นาที

๒๖ 3) ปะพรมน้าให้ท่วั ใบหน้าเพ่ือเพ่ิมความชมุ่ ช้ืน จากนน้ั จงึ ล้างหน้าให้สะอาด หรอื จะใช้ โฟมหรือสบูล่ า้ งหนา้ อกี ครั้งหนึ่ง และเช็ดหนา้ ให้แห้ง ๒. สตู รมะเขือเทศ, แตงกวา และไข่แดง วสั ดุอุปกรณ์ ๑) ไขไ่ ก่ ๒) มะเขือเทศ ๓) แตงกวา ๔) มีด ๕) เขยี ง ๖) เคร่อื งปั่น ๗) ภาชนะสาหรบั ใสส่ ่วนผสมกอ่ นพอกหนา้ ๘) ช้อนกาแฟ ๙) สาลแี ผ่น ๑๐) ผา้ ขนหนูสาหรบั เช็ดหนา้ ขัน้ ตอนการท้านา้ สา้ หรบั พอกหน้า ๑) หั่นแตงกวา และมะเขือเทศให้เปน็ ช้ินเล็ก ๆ ๒) ตอกไข่ไก่ และเอาเฉพาะไขแ่ ดงมาเปน็ ส่วนผสมในการพอกหนา้ ๓) นาเอาแตงกวา มะเขือเทศ และไข่แดงทีเ่ ตรียมไว้แล้วลงไปในโถปั่น จากน้นั ป่นั ให้ละเอยี ด ๔) หลังจากปั่นส่วนผสมดังกล่าวเสร็จแล้วให้เทใส่ถ้วยเพอ่ื เตรยี มนาไปพอกหนา้

๒๗ ขน้ั ตอนการพอกหนา้ ขั้นตอนการพอกหนา้ 1) ลา้ งหน้าใหส้ ะอาด และเช็ดหน้าใหแ้ ห้ง 2) นวดหน้าด้วยนา้ มันมะพร้าวกอ่ น จากนั้นจึงนาสาลีแผ่นชุบน้าและบิดให้หมาด แล้วนามา วางไว้ที่ดวงตา 3) นาเอาส่วนผสมท่ีได้จากการปั่นลงพอกกับผิวหน้า โดยเริ่มท่ีหน้าผากก่อน จากนั้นจึงค่อย พอกบรเิ วณจมูก แก้ม และคาง ตามลาดับ

๒๘ ๔) นาสาลีแผ่นมาวางทับบริเวณที่พอกอีกคร้ังหนึ่ง และพอกหน้าทิ้งไว้นาน 10 - 15 นาที จากน้นั จงึ คอ่ ย ๆ ลอกเอาสาลแี ผ่นออก ๕) ล้างหนา้ ให้สะอาด หรอื จะใช้โฟมหรอื สบู่ลา้ งหนา้ อกี คร้งั หน่ึง สมนุ ไพรแช่เทา้ วสั ดุอุปกรณ์ 1) ไพล 2) ข่า 3) ผิวมะกรดู 4) ใบพลับพลึง 5) ใบมะขาม 6) สม้ ป่อย 7) ขม้นิ 8) ใบหนาด 9) หมอ้ สาหรับต้มสมนุ ไพร 10) เตาแกส๊ 11) ขนั ตักน้า 12) กะละมังแช่เท้า ๑3) ผ้าขนหนสู าหรบั เช็ดเท้า

๒๙ ขั้นตอน 2.1 ข้ันตอนการเตรยี มน้าสมนุ ไพรแช่เท้า 1) ตง้ั หมอ้ ต้มนา้ สะอาด จากนนั้ นาสมนุ ไพรอย่างน้อย ๕ ชนดิ ใสล่ งในหม้อสาหรับต้ม 2) ต้มนา้ ให้เดือด 10 - 15 นาที จากน้นั หร่ีไฟลงให้พอเดือดบา้ งเลก็ น้อย 3) ตักนา้ สมนุ ไพรลงในกะละมงั สาหรับแช่เท้า 4) เตมิ น้าสะอาดลงไปผสมในกะละมังจนน้าอ่นุ ใช้วิธีทดสอบโดยใช้มือจ่มุ ลงไปเพื่อทดสอบ ความรอ้ น และให้ได้ปริมาณน้าในกะละมังแชเ่ ท้าท่วมตาตุ่ม

๓๐ 2.2 การแชเ่ ทา้ ๑) ทาความสะอาดเทา้ โดยใชส้ บฟู่ อกที่เทา้ และล้างออกด้วยนา้ สะอาด 2) แชเ่ ท้าดว้ ยสมนุ ไพรนาน 20 นาที และพัก ๕ นาที (ทาซา้ กัน ๓ ครงั้ ) ๓) ลา้ งเท้าให้สะอาด จากน้นั เช็ดเท้าให้แหง้ ด้วยผ้าท่ีสะอาดและนุ่ม

๓๑ วชิ า สรปุ ผลการดาเนินกิจกรรม แลกเปลยี่ นเรยี นรู้และออกแบบโปรแกรมการเรยี นรู้ วิทยากรหลกั / ผู้รับผิดชอบ นางกรรณิการ์ กา๋ วติ า นกั ทรพั ยากรบุคคลชานาญการ วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อใหผ้ เู้ ข้ารบั การฝึกอบรมไดส้ รุปผลการดาเนนิ กิจกรรมในแตล่ ะฐานเรยี นรู้ ไดแ้ ลกเปล่ียน เรยี นรูก้ ิจกรรมในแต่ละฐานเรียนรู้ และได้ออกแบบโปรแกรมการเรียนรู้ ระยะเวลา 2 ชว่ั โมง (120 นาที) ประเดน็ /ขอบเขตเนอ้ื หา - กจิ กรรมการสรุปผลการดาเนินกจิ กรรมในแต่ละฐานเรยี นรู้ - กจิ กรรมนาเสนอสรุปผลการดาเนนิ กิจกรรมในแตล่ ะฐานเรยี นรู้ - กิจกรรมการออกแบบโปรแกรมการเรียนรู้ - กจิ กรรมนาเสนอผลการออกแบบโปรแกรมการเรยี นรู้ ขั้นตอน/วิธีการ 1.วทิ ยากรชี้แจงประเด็นท่ีจะดาเนนิ กจิ กรรม และข้อตกลงในกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน 2. วิทยากรให้ผเู้ ขา้ อบรมสรุปผลการดาเนินกจิ กรรมในแต่ละฐานเรยี นรู้ และออกแบบ โปรแกรมการเรียนรู้ ในแตล่ ะฐานเรียนรู้ โดยให้เวลา 20 นาที

๓๒ 3. ผู้เข้ารบั การอบรม นาเสนอสรุปผลการดาเนนิ กจิ กรรมในแต่ละฐานเรียนรู้ และโปรแกรม การเรียนรู้ ในแตล่ ะฐานเรยี นรู้ โดยให้เวลานาเสนอฐานละ 10 นาที เทคนิควิธีการ/ข้อพึงระวัง เรียนรู้จากการ ฝึกปฏิบตั ิในแตล่ ะฐานการเรยี นรู้ สรุปผลการเรียนรู้ ออกแบบโปรแกรมการ เรยี นรู้ และนาเสนอสรปุ ผลการเรยี นรู้ โปรแกรมการเรียนรู้ และแลกเปลย่ี นเรยี นรูร้ ่วมกนั

๓๓ สรุปเนื้อหาวชิ า/ผลการเรียนรู้ วิทยากรแบง่ กลุ่มตามฐานเรียนรู้ ใหผ้ เู้ ขา้ อบรม สรปุ ผลการเรียนรูใ้ นแต่ละกจิ กรรมและออกแบบโปรแกรมการ เรยี นรใู้ นแต่ละฐาน นาเสนอผลการเรยี นรู้ โปรแกรมการเรียนรู้ สรุปผลการเรียนรู้ จานวน 9 กิจกรรม/6 ฐานเรียนรู้ ดังนี้ 1. ฐานฅนเอาถ่าน กจิ กรรมการทาเตาเผาถ่าน 200 ลิตรแบบไร้ควัน 2. ฐานฅนรักษ์แม่โพสพ กจิ กรรมการทานาอินทรีย์ การเพาะกล้านาโยน กิจกรรมการทาข้าวกล้องงอกไรม้ อด

๓๔ 3. ฐานฅนรักษน์ ้า กจิ กรรมการทาจลุ ลนิ ทรยี ์บอล 4. ฐานฅนรักษ์แม่ธรณี กจิ กรรมการทาปุ๋ยหมักแหง้ แบบดว่ น กจิ กรรมการทาน้ามะพร้าวเทียมกระตุ้นจุลลนิ ทร์ในน้าหมัก 5. ฐานฅนมนี า้ ยา กิจกรรมการทาน้ายาอเนกประสงค์

๓๕ 6. ฐานฅนรักสขุ ภาพ กจิ กรรมการทาน้าคลอโรฟลิ ล์ กิจกรรมการทาสมนุ ไพรพอกหน้า-แช่เท้า .

๓๖ โปรแกรมการเรียนรู้ จานวน 8 โปรแกรม 1. ฐานฅนเอาถ่าน กิจกรรมการทาเตาเผาถา่ น 200 ลิตรแบบไร้ควนั

๓๗ 2. ฐานฅนรักษ์แมโ่ พสพ กิจกรรมการทาข้าวกล้องงอกไร้มอด

๓๘ 3. ฐานฅนรักษน์ ้า กิจกรรมการทาจลุ ลินทรยี บ์ อล

๓๙ 4. ฐานฅนรักษ์แมธ่ รณี กจิ กรรมการทาปุ๋ยหมักแห้งแบบด่วน กจิ กรรมการทาน้ามะพร้าวเทียมกระตนุ้ จลุ นิ ทร์ในนา้ หมัก

๔๐ 5. ฐานฅนมนี า้ ยา กจิ กรรมการทาน้ายาอเนกประสงค์

๔๑ 6. ฐานฅนรักษ์สุขภาพ กจิ กรรมการทาน้าคลอโรฟิลล์

๔๒

สว่ นที่ 3 การประเมินผลโครงการ การประเมินผลโครงการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ฝึกอบรมประชาชน กิจกรรมย่อยท่ี 1.2 การ พัฒนาฐานการเรียนรู้ ดาเนินการระหว่างวันท่ี 23-24 เมษายน 2563 กลุ่มเป้าหมาย คือบุคลากร ภายในศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง จานวน 23 ตน (เป้าหมาย 12 คน สมทบ 11 คน) ใช้ แบบสอบถามออนไลน์ ผ่าน Google Form ผลการจัดเก็บข้อมูล พบว่า ผู้เข้าอบรมท้ังหมด จานวน 23 คน ตอบแบบประเมิน จานวน 19 คน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS for Window เพื่อหา ค่าความถ่ี ร้อยละ และค่าเฉล่ีย โดยเกณฑ์การประเมินผลแบ่งออกเป็น ๕ ระดับคือ มากท่ีสุด มาก ปาน กลาง นอ้ ย น้อยทส่ี ดุ โดยมีเกณฑ์การแปลคา่ คะแนน ดงั นี้ คะแนนเฉล่ยี ๔.๕๑ – ๕.๐๐ หมายถงึ ระดับความคดิ เห็น/ความพงึ พอใจมากที่สดุ คะแนนเฉล่ีย ๓.๕๑ – ๔.๕๐ หมายถึง ระดบั ความคดิ เหน็ /ความพงึ พอใจมาก คะแนนเฉลีย่ ๒.๕๑ – ๓.๕๐ หมายถึง ระดับความคิดเห็น/ความพงึ พอใจปานกลาง คะแนนเฉลี่ย ๑.๕๑ – ๒.๕๐ หมายถงึ ระดบั ความคิดเหน็ /ความพึงพอใจนอ้ ย คะแนนเฉลี่ย ๑.๐๐ – ๑.๕๐ หมายถึง ระดับความคิดเห็น/ความพึงพอใจนอ้ ยที่สุด ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง ดาเนินการฝึกอบรมโครงการเพ่ิมประสิทธิภาพศูนย์ฝึกอบรม ประชาชน กิจกรรมย่อยท่ี 1.2 การพัฒนาฐานการเรียนรู้ ดาเนินการระหว่างวันท่ี 23-24 เมษายน 2563 กลุ่มเป้าหมาย คือบุคลากรภายในศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนลาปาง จานวน 23 ตน (เป้าหมาย 12 คน สมทบ 11 คน) ณ ศูนย์ศึกษาและพฒั นาชุมชนลาปาง โดยมจี านวนผู้ตอบแบบประเมิน 19 คน แสดงตาราง ดงั นี้ 1. ข้อมูลทวั่ ไป ประเด็น จานวน รอ้ ยละ 1) เพศ 47.4 52.6 - ชาย 9 5.26 - หญงิ 10 47.37 21.05 2) อายุ 26.32 0 - ตา่ กว่า 30 ปี 1 26.32 - 30-39 ปี 9 10.53 5.26 - 40-49 ปี 4 36.84 21.05 - 50-59 ปี 5 - 60 ปีขึ้นไป 0 3) การศกึ ษา - ระดับประถมศึกษา 5 - ระดับมัธยมศึกษา 2 - ระดบั อนุปรญิ ญา หรือเทยี บเทา่ 1 - ระดับปริญญาตรี 7 - สูงกว่าระดับปรญิ ญาตรี 4

๔๔ 2. ความรู้และความเข้าใจดา้ นวชิ าการ (กรุณาใหข้ ้อมลู ท้ัง กอ่ นและหลัง เข้าร่วมกิจกรรม) ผู้ตอบแบบประเมินแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับความรู้ความเข้าใจด้านวิชาการ การนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ความพงึ พอใจต่อการบรหิ ารโครงการ และให้ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติมท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อการปรับปรงุ หลักสตู รดงั น้ี ๒.1 การบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ ระดับการบรรลวุ ัตถุประสงค์ แปร การผล วัตถุประสงค์ มากท่สี ุด มาก ปาน น้อย น้อยท่สี ดุ ค่าเฉล่ยี กลาง 1. ใหผ้ ู้เข้ารับการฝึกอบรมมคี วามรู้ ความเข้าใจ ในกจิ กรรมการพัฒนา 10 9 0 0 0 ๔.53 มาก ฐานการเรียนรู้ สู่การประยุกต์ใช้ใน (0.0%) (๐.0%) (๐.๐%) ท่สี ดุ การดาเนินงานฐานเรยี นรู้ตามหลัก (52.6%) (๔7.4%) กสกิ รรมธรรมชาติ ภาพรวม 4.53 มากทส่ี ุด จากตารางที่ 2.1 พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรม แสดงความคิดเห็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของหลักสูตร จากผู้ตอบ แบบสอบถามจานวน ๑๙ คน โดยในประเด็นให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจ ในกิจกรรมการ พัฒนาฐานการเรียนรู้ สู่การประยกุ ต์ใช้ในการดาเนินงานฐานเรียนรู้ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ มีระดับการ บรรลวุ ตั ถุประสงค์ ในระดบั มากทสี่ ุด คา่ เฉล่ยี 4.53 ๒.๒ ความรูค้ วามเข้าใจและทกั ษะทางวิชาการ ๒.๒.๑ ความรคู้ วามเขา้ ใจและทกั ษะ (กอ่ นการฝึกอบรม) หวั ข้อวิชา ระดับความรู้ความเขา้ ใจ ค่า การแปล เฉล่ยี ผล มากทสี่ ุด มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยทส่ี ุด 1. การจดั ทาฐานเรยี นรู้ 64 4 41 3.53 มาก (31.6%) (21.1%) (21.1%) (21.1%) (5.3%) 2. ฝกึ ปฏบิ ตั ิการจดั ทาฐานเรยี นรทู้ ี่ 7 2 5 50 3.58 มาก (26.3%) (26.3%) (๐.0%) 1 ฐานคนเอาถ่าน (36.8%) (10.5%) 3. ฝกึ ปฏบิ ตั ิการจดั ทาฐานเรยี นรทู้ ี่ 6 2 7 40 3.53 มาก (36.8%) (21.1%) (๐.0%) 2 ฐานคนรกั ษ์แมโ่ พสพ (31.6%) (10.5%) 4. ฝึกปฏบิ ัตกิ ารจัดทาฐานเรียนรทู้ ี่ 6 3 5 50 3.53 มาก (26.3%) (26.3%) (๐.0%) 3 ฐานคนรักษน์ า้ (31.6%) (15.8%) 5. ฝึกปฏบิ ตั กิ ารจัดทาฐานเรยี นรทู้ ี่ 6 3 4 60 3.47 ปาน (31.6%) (0.0%) กลาง 4 ฐานคนรกั ษแ์ มธ่ รณี (๓1.6%) (15.8%) (21.1%) 6. ฝึกปฏบิ ตั ิการจดั ทาฐานเรยี นรทู้ ่ี 6 3 6 40 3.58 มาก 5 ฐานคนมีนา้ ยา (31.6%) (15.8%) (31.6%) (21.1%) (0.0%) 7. ฝึกปฏบิ ตั ิ การจดั ทาฐานเรียนรทู้ ่ี 6 3 6 40 3.58 มาก 6 ฐานคนรักสขุ ภาพ (31.6%) (15.8%) (31.6%) (21.1%) (0.0%) 8. สรปุ ผลการดาเนนิ กิจกรรม 53 9 20 3.58 มาก แลกเปลย่ี นเรยี นรฯู้ (26.3%) (15.8%) (47.4%) (10.5%) (๐.0%) ภาพรวม 3.55 มาก

๔๕ จากตารางท่ี ๒.๒.๑ พบว่า ก่อนเข้าร่วมโครงการ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจด้านวิชาการในภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ค่าเฉลี่ย ๓.55 และเม่ือพิจารณารายวิชาพบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจในหัวข้อวิชา ตามลาดับดังน้ี 1. การจดั ทาฐานเรียนรู้ ระดับมาก คา่ เฉลี่ย 3.53 2. ฝึกปฏบิ ัตกิ ารจัดทาฐานเรียนรู้ท่ี 1 ฐานคนเอาถ่าน ระดับมาก คา่ เฉลยี่ 3.58 3. ฝกึ ปฏบิ ัติการจัดทาฐานเรยี นรทู้ ี่ 2 ฐานคนรักษ์แม่โพสพ ระดบั มาก คา่ เฉล่ีย 3.53 4. ฝกึ ปฏบิ ัติการจดั ทาฐานเรียนรู้ท่ี 3 ฐานคนรกั ษน์ า้ ระดบั มาก คา่ เฉล่ยี 3.53 5. ฝกึ ปฏิบัตกิ ารจัดทาฐานเรียนรทู้ ่ี 4 ฐานคนรกั ษแ์ ม่ธรณี ระดับปานกลาง ค่าเฉล่ีย 3.47 6. ฝึกปฏบิ ตั ิการจัดทาฐานเรียนรู้ท่ี 5 ฐานคนมนี า้ ยา ระดบั มาก ค่าเฉลย่ี 3.58 7. ฝกึ ปฏบิ ัติ การจัดทาฐานเรียนร้ทู ี่ 6 ฐานคนรกั สุขภาพ ระดับมาก คา่ เฉลี่ย 3.58 8. สรปุ ผลการดาเนินกจิ กรรม แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ฯ ระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.58 ๒.๒.๒ ความรู้ความเข้าใจและทกั ษะ (หลังการฝึกอบรม) หัวข้อวิชา ระดบั ความร้คู วามเขา้ ใจ คา่ การแปล มากทส่ี ุด มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยทสี่ ุด เฉล่ีย ผล 1. การจดั ทาฐานเรยี นรู้ 7 10 2 0 0 4.26 มาก (36.8%) (52.6%) (10.5%) (0.0%) (0.0%) 2. ฝกึ ปฏบิ ัติการจัดทา 9 7 3 0 0 4.31 มาก ฐานเรียนรู้ที่ 1 ฐานคน (๐.0%) เอาถา่ น (47.4%) (36.8%) (15.8%) (0.0%) 3. ฝกึ ปฏบิ ัติการจดั ทา 9 8 2 0 0 4.36 มาก ฐานเรยี นรู้ท่ี 2 ฐานคน (๐.0%) รักษ์แมโ่ พสพ (47.4%) (42.1%) (10.5%) (0.0%) 4. ฝึกปฏบิ ัตกิ ารจัดทา 9 8 2 0 0 4.36 มาก ฐานเรยี นร้ทู ี่ 3 ฐานคน (๐.0%) รกั ษ์น้า (47.4%) (42.1%) (10.5%) (0.0%) 5. ฝกึ ปฏบิ ัติการจดั ทา 9 8 2 0 0 4.36 มาก ฐานเรียนรู้ท่ี 4 ฐานคน (๐.0%) รกั ษ์แมธ่ รณี (47.4%) (42.1%) (10.5%) (0.0%) 6. ฝกึ ปฏบิ ัติการจดั ทา 10 8 1 0 0 4.47 มาก ฐานเรยี นรู้ท่ี 5 ฐานคนมี (52.6%) (42.1%) (5.3%) (0.0%) น้ายา (0.0%) 7. ฝึกปฏบิ ตั ิ การจดั ทา 11 8 0 0 0 4.57 มากที่สดุ ฐานเรยี นรู้ที่ 6 ฐานคนรกั สุขภาพ (57.9%) (42.1%) (0.0%) (0.0%) (0.0%) 8. สรปุ ผลการดาเนิน 8 10 1 0 0 4.36 มาก กจิ กรรม แลกเปลี่ยน (๐.0%) เรยี นรฯู้ (42.1%) (52.6%) (5.3%) (0.0%) ภาพรวม 4.38 มาก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook