ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ ครูทิตยาภรณ์ ชาวนา
คำนำ การจดั ทาเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอา่ นในชีวิตประจาวนั เล่ม ๑ วชิ าภาษาไทยพ้นื ฐาน ท๒๑๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ เร่ืองการอ่านจบั ใจความสาคญั พ้นื ฐาน เลม่ น้ี ไดจ้ ดั ทาข้ึนเพอ่ื เป็นการเสริมทกั ษะการเรียนรู้ เร่ืองการอ่านจบั ใจความ สาคญั ซ่ึงผา่ นการบูรณาการความรู้นาไปสู่การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง กระตุน้ ให้เกิดความ สนใจ ความสามารถ ใหพ้ ฒั นาทกั ษะทางภาษาในส่วนของการอ่านจบั ใจความสาคญั เหมาะสมกบั วยั และไดศ้ กั ยภาพสูงสุด โดยในเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่าน ในชีวิตประจาวนั เลม่ ๑ เลม่ น้ี ไดผ้ า่ นการวิเคราะห์เน้ือหา เพื่อเสริมทกั ษะดา้ นการอ่าน เพื่อจบั ใจความสาคญั ในเร่ืองท่ีอ่าน แลว้ สามารถจบั ประเด็นเรื่องท่ีอ่านไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ในเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอา่ นในชีวิตประจาวนั เลม่ ๑ จะทาการเสริม ทกั ษะถึงเทคนิคการอา่ นจบั ใจความสาคญั เรื่องตา่ ง ๆ เพื่อใหน้ กั เรียนสามารถรู้ถึงเทคนิค ในการอ่านแบบตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ขอขอบคุณผมู้ ีส่วนสนบั สนุนใหค้ าแนะนา คาปรึกษาในการจดั ทา อาทิ ผอู้ านวยการโรงเรียนเบิดพิทยาสรรค์ และคณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพอ่ื นครูในโรงเรียนอ่ืนท่ีสนบั สนุนใหก้ าลงั ใจ จนทาใหเ้ อกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวติ ประจาวนั เล่ม ๑ เล่มน้ีเสร็จเรียบร้อยสมบรู ณ์ นาไปใชใ้ หเ้ กิด ประโยชนส์ ูงสุดต่อการเรียนการสอน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย และพฒั นาการ อา่ นจบั ใจความสาคญั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพตอ่ ไป ทิตยาภรณ์ ชาวนา ครูชานาญการ โรงเรียนเบิดพิทยาสรรค์
สำรบญั เรื่อง หน้ำ คานา...................................................................................................... ก สารบญั .................................................................................................. ข คาแนะนาเอกสาร................................................................................... ง ส่วนประกอบของเอกสาร...................................................................... จ คาช้ีแจงสาหรับครู.................................................................................. ฉ คาช้ีแจงสาหรับนกั เรียน......................................................................... ช วิธีการฝึกการจดั กระบวนการเรียนรู้....................................................... ซ แบบทดสอบก่อนเรียน........................................................................... ๑ แบบฝึกเสริมทกั ษะที่ ๑ ฝึกสมองประลองปัญญา................................. ๖ ๖ แบบฝึกท่ี ๑.๑............................................................................ ๗ แบบฝึกที่ ๑.๒........................................................................... ๘ กรอบสาระ............................................................................................. ใบความรู้ท่ี ๑ เร่ือง ความหมายของการอา่ น ๘ ๑๔ จบั ใจความสาคญั ............................................... ๑๔ ๑๕ แบบฝึกเสริมทกั ษะที่ ๒ ฝึกการคน้ หาใจความสาคญั ......................... ๑๗ แบบฝึกท่ี ๒.๑ ........................................................................ แบบฝึกที่ ๒.๒ ....................................................................... ๒๐ ใบความรู้ท่ี ๒ เร่ือง ข้อควรปฏิบัตใิ นกำรอ่ำน ๒๐ จบั ใจความสาคญั .............................................. แบบฝึกเสริมทกั ษะท่ี ๓ ฝึกแยกประโยค และส่วนขยาย ใจความสาคญั ................................................. แบบฝึกที่ ๓.๑ ..........................................................................
สำรบัญ (ต่อ) เร่ือง หน้ำ แบบฝึกที่ ๓.๒ ......................................................................... ๒๒ ใบความรู้ท่ี ๓ เรื่อง หลกั และกลวธิ ีการอ่าน จบั ใจความสาคญั .............................................. ๒๔ แบบฝึกเสริมทกั ษะที่ ๔ ฝึกอา่ นจบั ใจความสาคญั .............................. ๒๘ แบบฝึกที่ ๔.๑........................................................................... ๒๘ แบบฝึกที่ ๔.๒........................................................................... ๒๙ แบบทดสอบหลงั เรียน............................................................................ ๓๐ ภาคผนวก............................................................................................... ๓๕ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน และหลงั เรียน............................................ ๓๖ เฉลย และแนวการตอบคาถาม เร่ืองการอา่ นจบั ใจความสาคญั พ้ืนฐาน ๓๗ บรรณานุกรม.......................................................................................... ๔๗
คำแนะนำ เอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวติ ประจาวนั วชิ าภาษาไทย พ้นื ฐาน ท๒๑๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ มีท้งั หมดจานวน ๘ เลม่ ดงั น้ี เลม่ ๑ เร่ืองการอา่ นจบั ใจความสาคญั พ้นื ฐาน เล่ม ๒ เร่ืองการอา่ นจบั ใจความสาคญั เพือ่ หาคาสาคญั เลม่ ๓ เรื่องการอา่ นจบั ใจความสาคญั จากประโยค เล่ม ๔ เรื่องการอ่านจบั ใจความสาคญั จากบทโฆษณา เล่ม ๕ เร่ืองการอา่ นจบั ใจความสาคญั จากขา่ ว เลม่ ๖ เรื่องการอา่ นจบั ใจความสาคญั จากบทความ เลม่ ๗ เร่ืองการอ่านจบั ใจความสาคญั จากสารคดี เล่ม ๘ เร่ืองการอา่ นจบั ใจความสาคญั จากนิทานชาดก เอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวติ ประจาวนั เล่ม ๑ วชิ าภาษาไทย พ้ืนฐาน ท๒๑๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ ประกอบดว้ ยใบความรู้ และแบบฝึก เสริมทกั ษะ จานวน ๔ แบบฝึก
ส่วนประกอบของเอกสำรประกอบกำรเรียน หน่วยกำรอ่ำนในชีวติ ประจำวนั เล่ม ๑ วชิ ำภำษำไทยพืน้ ฐำน ท๒๑๑๐๑ ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี ๑ ส่วนท่ี ๑ ประกอบดว้ ย ๑. แบบทดสอบก่อนเรียน และหลงั เรียน จานวน ๑๐ ขอ้ ๒. กรอบสาระ ๓. แบบฝึกเสริมทกั ษะ จานวน ๔ แบบฝึก ๓.๑ แบบฝึกเสริมทกั ษะ มี ๒ ลกั ษณะ คือ ๓.๑.๑ ฝึกสมองประลองปัญญา (กระตุน้ ใหค้ ิด) ๓.๑.๒ แบบฝึกเสริมทกั ษะ ๓.๒ แบบฝึกเสริมทกั ษะ มี ๖ ข้นั ตอน ข้นั ตอนที่ ๑ การอา่ นอยา่ งคร่าว ๆ เพอื่ หาจุดสาคญั ของเร่ือง ข้นั ตอนที่ ๒ การต้งั คาถาม ข้นั ตอนที่ ๓ การอา่ นอยา่ งละเอียดเพือ่ หาคาตอบของคาถามที่ต้งั ไว้ ข้นั ตอนที่ ๔ การจดบนั ทึกขอ้ มูลตา่ ง ๆ ตามความเขา้ ใจของตนเอง ข้นั ตอนท่ี ๕ การเขียนสรุปใจความสาคญั โดยใชส้ านวนของตนเอง ข้นั ตอนท่ี ๖ การวเิ คราะห์ วิจารณ์เรื่องท่ีอ่านแลว้ แสดงความคิดเห็น ส่วนท่ี ๒ ประกอบดว้ ย ๒.๑ ภาคผนวก ๒.๑.๑ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน และหลงั เรียน ๒.๑.๒ เฉลย และแนวการตอบแบบฝึกเสริมทกั ษะ ๒.๒ บรรณานุกรม ทาความเขา้ ใจ ก่อนนะคะ
คำชี้แจงสำหรับครู เอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอา่ นในชีวิตประจาวนั เลม่ ๑ วชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน ท๒๑๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ เร่ืองการอ่านจบั ใจความสาคญั พ้ืนฐาน ใชป้ ระกอบการจดั การเรียนรู้โดยครูแนะนาใหน้ กั เรียนอ่านเอกสารประกอบ การเรียนที่บา้ นทกุ วนั เพื่อใหม้ ีนิสัยรักการอา่ น และควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี ๑. ครูตอ้ งศึกษาเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอา่ นในชีวติ ประจาวนั เลม่ ๑ ควบคกู่ บั แผนการจดั การเรียนรู้ก่อนสอนอยา่ งละเอียด ๒. ครูตอ้ งเตรียมเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวติ ประจาวนั เลม่ ๑ เรื่องการอา่ นจบั ใจความสาคญั พ้นื ฐาน ใหค้ รบตามจานวนนกั เรียน ๓. ดาเนินการสอนโดยใชเ้ วลาหน่วยการเรียนรู้ละ ๒ ชวั่ โมง ไม่รวม เวลาทดสอบ และทบทวน ๔. ครูช้ีแจงการศึกษาเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวิต ประจาวนั เล่ม ๑ เรื่องการอา่ นจบั ใจความสาคญั พ้นื ฐาน เลม่ น้ีใหน้ กั เรียนเขา้ ใจก่อน จึงใหท้ าแบบทดสอบก่อนเรียน ๕. ครูแนะนานกั เรียนวา่ ในขณะเรียนควรมีความซื่อสตั ยต์ อ่ ตนเอง และผอู้ ่ืน ทางานใหเ้ สร็จตามเวลา ส่งงานตามกาหนด มีความรับผดิ ชอบในการทางาน และความเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย ๖. ครูศึกษาเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวิต ประจาวนั เล่ม ๑ เรื่องการอา่ นจบั ใจความสาคญั พ้นื ฐาน เลม่ น้ีวา่ ข้นั ตอนใดท่ีครูตอ้ งใหค้ าแนะนา ช่วยเหลือใหค้ าปรึกษา และอธิบายเพม่ิ เติม ๗. เมื่อนกั เรียนศึกษาเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอา่ นในชีวติ ประจาวนั เล่ม ๑ เรื่องการอา่ นจบั ใจความสาคญั พ้ืนฐาน ครบทกุ แบบฝึกแลว้ ทาการทดสอบหลงั เรียน
. คำชี้แจงสำหรับนักเรียน ครูตอ้ งช้ีแจงใหน้ กั เรียนทราบถึงบทบาทของนกั เรียนที่ตอ้ งปฏิบตั ิ ในการใช้ เอกสารประกอบการเรียน ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. เอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวติ ประจาวนั ท้งั หมด มี ๘ เลม่ ตอ้ งเรียนตามลาดบั ๒. เลม่ น้ีเป็นเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวติ ประจาวนั เลม่ ๑ วชิ าภาษาไทยพ้นื ฐาน ท๒๑๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ เร่ืองการอ่าน จบั ใจความสาคญั พ้ืนฐาน ๓. ข้นั ตอนการใชเ้ อกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวิต ประจาวนั เลม่ ๑ วชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน ท๒๑๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ เรื่อง การอ่านจบั ใจความสาคญั พ้ืนฐาน ๓.๑ นกั เรียนศึกษาทาความเขา้ ใจจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๒ นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน ๓.๓ นกั เรียนทาความเขา้ ใจกบั เน้ือเร่ือง ทีละ ๑ หนา้ ๓.๔ นกั เรียนทาแบบฝึก ๓.๕ นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน ๓.๖ นกั เรียนร่วมกนั ตรวจคาตอบของแบบทดสอบก่อนเรียน และหลงั เรียนพร้อมกนั ๔. นกั เรียนคนใดยงั ทาแบบฝึกไม่ผา่ นร้อยละ ๘๐ ใหศ้ ึกษาใหม่ อ่านคาช้ีแจงใหเ้ ขา้ ใจ ก่อนเรียนนะคะ
เอกสำรประกอบกำรเรียนหน่วยกำรอ่ำนในชีวิตประจำวนั เล่ม ๑ วชิ ำภำษำไทยพืน้ ฐำน ท๒๑๑๐๑ นกั เรียนช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี ๑ เร่ืองกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั พืน้ ฐำน จุดประสงค์กำรเรียนรู้ ๑. นกั เรียนบอกความหมายของการอ่านจบั ใจความสาคญั ได้ ๒. นกั เรียนสามารถปฏิบตั ิตามหลกั การอ่านจบั ใจความสาคญั ไดถ้ ูกตอ้ ง ๓. นกั เรียนจบั ใจความสาคญั จากขอ้ ความท่ีกาหนดใหอ้ า่ นไดถ้ ูกตอ้ ง และสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ สำระกำรเรียนรู้ ๑. ความหมาย และแนวทางการอ่านจบั ใจความสาคญั ๒. หลกั การอ่านจบั ใจความสาคญั กระบวนกำรเรียนรู้ ๑. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน ๒. นกั เรียนทาเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวติ ประจาวนั เล่ม ๑ วชิ าภาษาไทยพ้นื ฐาน ท๒๑๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ เรื่องการอ่านจบั ใจความ สาคญั พ้นื ฐาน แลว้ ตรวจคาตอบ พร้อมเฉลยทีละแบบฝึกจนครบท้งั ๔ แบบฝึก ๓. ครูสงั เกตพฤติกรรมการทาแบบฝึกของนกั เรียน ขณะทาเอกสาร ประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวิตประจาวนั เลม่ ๑ พร้อมบนั ทึกผลการสังเกต ๔ นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน ๕. ครูและนกั เรียนร่วมประเมินผลการปฏิบตั ิงานของนกั เรียนจากการทา แบบฝึกเสริมทกั ษะ และแบบทดสอบ ๖. นกั เรียนนาผลงานเก็บไวใ้ นแฟ้มสะสมผลงาน
ส่ือกำรเรียนรู้ ๑. เอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวิตประจาวนั เลม่ ๑ ๒. ใบความรู้ท่ี ๑ เรื่องความหมายของอ่านจบั ใจความสาคญั ๓. ใบความรู้ท่ี ๒ เรื่องข้อควรปฏิบัติในกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั ๔. ใบความรู้ท่ี ๓ เร่ืองหลกั และกลวิธีกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั กำรวดั ผล กำรวดั ผล และประเมินผล ส่ิงที่ต้องกำรวัด วธิ ี เคร่ืองมือวัด ๑. การอ่านในใจเพ่อื ๑. ตรวจผลงานจาก ๑. เอกสารประกอบการเรียน จบั ใจความสาคญั แบบฝึกเสริมทกั ษะ หน่วยการอา่ นในชีวิตประจาวนั ของสาระในเร่ือง แบบทดสอบก่อน เล่ม ๑ วิชาภาษาไทยพ้ืนฐาน ที่อา่ น เรียน และหลงั เรียน ท๒๑๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๒. เจตคติท่ีดีต่อ ๒. สังเกตพฤติกรรม เร่ืองการอา่ นจบั ใจความสาคญั การเรียนวิชาภาษาไทย การเรียนรู้ พ้ืนฐาน ๒. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ เกณฑ์กำรประเมินผล ดีมาก หมายถึง ไดค้ ะแนนร้อยละ ๘๐ - ๑๐๐ ดี หมายถึง ไดค้ ะแนนร้อยละ ๗๐ - ๗๙ พอใช้ หมายถึง ไดค้ ะแนนร้อยละ ๖๐ - ๖๙ ปรับปรุงแกไ้ ข หมายถึง ไดค้ ะแนนร้อยละ ๕๙ - ๐ กำรประเมินผล จากการวดั และประเมินผล นกั เรียนท่ีถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ ตอ้ งไดค้ ะแนน รวมทุกรายการร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป
แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ืองกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั พืน้ ฐำน คำชี้แจง ๑. แบบทดสอบก่อนเรียนฉบบั น้ี ใชท้ ดสอบความสามารถในการอา่ นจบั ใจความ สาคญั ก่อนการฝึกเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอา่ นในชีวติ ประจาวนั เล่ม ๑ วชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน ท๒๑๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ เร่ืองการอา่ นจบั ใจความสาคญั พ้นื ฐาน เป็นแบบทดสอบ ปรนยั แบบเลือกตอบ ๔ ตวั เลือกจานวน๑๐ ขอ้ ขอ้ ละ ๑ คะแนน ใชเ้ วลาในการทดสอบ ๑๕ นาที ๒. ใหน้ กั เรียนอา่ นขอ้ คาถามและคาตอบใหล้ ะเอียด แลว้ เลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ ง ที่สุดเพยี งขอ้ เดียว แลว้ นาไปตอบลงในกระดาษคาตอบ โดยกาเครื่องหมาย × ลงใน กระดาษคาตอบช่องตวั เลือกท่ีตอ้ งการ ๓. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบใหค้ รบทกุ ขอ้ ๑. ข้อใดคือหลกั กำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั ก. คน้ หาสาระ ข. คน้ หาขอ้ คิดเห็น ค. คน้ หาขอ้ เทจ็ จรงิ ง. คน้ หาความสาคญั
๒. บุคคลในข้อใดไม่มีพื้นฐำนในกำรจบั ใจควำมสำคัญ ก. ก่อนอ่านหนงั สือทกุ คร้ังกอ้ ยจะตอ้ งศึกษาส่วนประกอบตา่ ง ๆ ภายในหนงั สือ ข. โอ๋ไมช่ อบวรรณคดีไทยเมื่ออ่านเรื่องพระอภยั มณีจึงไมค่ อ่ ยเขา้ ใจ ค. โป้งอา่ นเรื่องลูกชาวนาไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและเขา้ ใจเพราะเคยช่วยป่ ูทานา ง. ป๋ องไดฉ้ ายาวา่ หนอนหนงั สือเพราะชอบอา่ นหนงั สือเกือบทุกประเภท ๓. ใจควำมสำคญั มีควำมหมำยตรงกบั ข้อใด ก. การอ่านเพื่อคน้ หาความสาคญั ข. ขอ้ ความท่ีมีสาระคลุมขอ้ ความอื่น ค. ส่วนขยายขอ้ ความอ่ืนใหช้ ดั เจน ง. ประโยค หรือขอ้ ความ ๔. ข้อใดคือจุดม่งุ หมำยของกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ ก. เมื่ออา่ นแลว้ สามารถสรุปหรือยอ่ เร่ืองได้ ข. เมื่ออ่านแลว้ สามารถปฏิบตั ิตามคาสงั่ และคาแนะนาได้ ค. เมื่ออ่านแลว้ สามารถคาดการณ์ และหาความจริงแสดงขอ้ คิดเห็น ง. เมื่ออา่ นแลว้ สามารถจาคาประพนั ธช์ นิดตา่ ง ๆ ได้ อ่ำนข้อควำมต่อไปนีแ้ ล้วตอบคำถำมข้อ ๕-๖ นกพริ าบสีชมพูมีถิ่นฐานอยบู่ นเกาะมอริตสั ในทวีปแอฟริกา อาศยั อยใู่ นป่ า ละเมาะ อาหารของพวกมนั คือดอกไม้ ผลไม้ และเมลด็ พืชเลก็ ๆ นกพิราบสี ชมพูมีจานวนลดลงเป็นอยา่ งมาก เนื่องมาจากการล่าของมนุษย์ ปัจจุบนั นกพริ าบสีชมพูมีอยใู่ นป่ าประมาณ ๒๕ ตวั และในสวนสัตวป์ ระมาณ ๒ ตวั
๕. ขอ้ ความน้ีกล่าวถึงสัตวช์ นิดใด ก. นกพริ าบสีเทา ข. นกพริ าบสีชมพู ค. นกพิราบสีขาว ง. นกพิราบพนั ธุใ์ หม่ ๖. ข้อควำมนกี้ ล่ำวถงึ ส่ิงใดเป็ นสำคญั ก. อาหารของนกพริ าบสีชมพู ข. ท่ีอยอู่ าศยั ของนกพิราบสีชมพู ค. ประวตั ิของนกพริ าบสีชมพู ง. ปริมาณจานวนนกพิราบ ๗. “...ป้ำสมศรีเป็ นแม่ค้ำขำยถ่ำน ร้ำนของแกเป็ นห้องแถวสองห้องตดิ กนั อย่ตู ลำด ริมคลองห่ำงจำกห้องแถวของฉันไปเพยี งร้อยกว่ำเมตรเท่ำน้ันเอง...” ข้อควำมใดเป็ นใจควำมสำคัญ ก. อยตู่ ลาดริมคลอง ข. ป้าสมศรีเป็นแม่คา้ ขายถา่ น ค. ร้านของแกเป็นหอ้ งแถวสองหอ้ งติดกนั ง. ห่างจากหอ้ งแถวของฉันไปเพียงร้อยกวา่ เมตร
อ่ำนข้อควำมต่อไปนีแ้ ล้วตอบคำถำมข้อ ๘-๑๐ “.....ตน้ อากาเวมีข้ึนอยทู่ วั่ ไปในบริเวณท่ีมีภูมิอากาศแหง้ แลง้ ทางซีกโลก ดา้ นตะวนั ตก แตม่ ีมากเป็นอนั ดบั หน่ึงในประเทศเมก็ ซิโก ไปที่ไหนก็ไดพ้ บ และมีอยถู่ ึง ๒๐๐ กวา่ พนั ธุ์ เป็นพืชที่ทนแดดทนลมไดด้ ี แลว้ ยงั มีหนา้ ตาน่า กลวั ไมน่ อ้ ย ส่วนใหญ่แลว้ ตรงปลายใบจะมีหนามยาวแหลมเปี๊ ยบ ไม่เท่าน้นั ตามขอบใบซ่ึงมีลกั ษณะเหมือนกาบยงั มีหนามแข็งเป็นรูปจะงอยแหลมเรียงราย อยโู่ ดยรอบ ใบของอากาเวจะเป็นกอติดพ้นื ดิน (ลกั ษณะโดยทว่ั ไปของตน้ คลา้ ยกบั ตน้ หางจระเขแ้ ละตน้ ศรนารายณ์มาก) เวลามีดอก ช่อดอกก็จะแทง ข้ึนมาตรงกลางกอเลยทีเดียว แทงข้ึนไปสูงราว ๓-๖ เมตร มีดอกเป็นกระจุก เร่ิมบานจากขา้ งลา่ งข้ึนไปหาขา้ งบนในดอกมีน้าหวานอร่อยเป็นที่ช่ืนชอบของ แมลงทะเลทราย…” ๘. ควรต้ังชื่อข้อควำมข้ำงบนนวี้ ่ำอย่ำงไร ก. อากาเว ข. พชื เมก็ ซิโก ค. ประโยชน์ของพืช ง. คุณคา่ พฤกษาชาติ ๙.พืชชนดิ ใดในประเทศไทยทค่ี ล้ำยกบั ต้นอำกำเว ก. ตน้ หางจระเข้ ข. ตน้ ศรนารายณ์ ค. ตน้ หนามรอบขอ้ ง. ถกู ท้งั ขอ้ ก และ ข
๑๐. ชำวเมก็ ซิกนั น่ำจะสกัดนำ้ หวำนจำกส่วนไหนของต้นอำกำเว ก. ทกุ ส่วน ข. โคนตน้ ค. ช่อดอก ง. หนามแขง็ ๆ ท่ีขอบใบ พจิ ำรณำให้รอบคอบ ชอบแล้วกำนะครับ ขอให้โชคดี
กระดำษคำตอบก่อนเรียน เร่ืองกำรอ่ำนจบั ใจควำมสำคญั พืน้ ฐำน คำชีแ้ จง นกั เรียนเลือกคาตอบท่ถี กู ตอ้ งท่สี ดุ เพียงขอ้ เดยี ว โดยกาเครอ่ื งหมาย (×) ลงในกระดาษคาตอบ ชื่อ...........................................................................เลขท.ี่ ......................................... ข้อ ก ข ค ง ทดสอบก่อนเรียน ๑ กนั ก่อนนะครับ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ รวม =
แบบฝึ กเสริมทักษะที่ ๑ ฝึ กสมองประลองปัญญำ แบบฝึ กท่ี ๑.๑ นกั เรียนเคล่ือนสายตาไปตามเสน้ ที่แสดง ๕ เที่ยว โดยเริ่มจาก ก ของบรรทดั แรก ทกุ คร้ัง กขฃคฅฑ ง จฉขซง ญฉฎ จ ฑก ณง ต ค ทธ นจ ปผขพ ฉภมกร ง ว ขษจ หข
เท่ยี วท่ี ๑ นบั ดวู า่ มี ก ก่ีตวั ตอบ................................ตวั เท่ยี วท่ี ๒ นบั ดวู ่ามี ข ก่ีตวั ตอบ................................ตวั เท่ยี วท่ี ๓ นบั ดวู า่ มี ค ก่ีตวั ตอบ................................ตวั เท่ยี วท่ี ๔ นบั ดวู า่ มี ง ก่ีตวั ตอบ................................ตวั เท่ยี วท่ี ๕ นบั ดวู ่ามี จ ก่ีตวั ตอบ................................ตวั
แบบฝึ กที่ ๑.๒ นกั เรียนทาเคร่ืองหมายหนา้ ขอ้ ความท่ีคิดวา่ ถกู ตอ้ ง และทาเคร่ืองหมาย×หนา้ ขอ้ ความท่ีคิดวา่ ผิด .................๑. การอา่ นจบั ใจความสาคญั คือการอา่ นท่ีมุ่งคน้ หาสาระของเรื่องท่ีเป็นส่วน ใจความสาคญั และส่วนขยายใจความสาคญั ของเรื่อง .................๒. ใจความสาคญั ของเรื่องคือขอ้ ความท่ีมสี าระคลมุ ขอ้ ความอ่ืน ๆ ในย่อ หนา้ น้นั หรือเรื่องน้นั ท้งั หมด .................๓. จุดท่ีพบใจความสาคญั ของเร่ืองในแต่ละยอ่ หนา้ มากที่สุดคือประโยค ท่ีอยตู่ อนทา้ ยยอ่ หนา้ .................๔. จุดที่พบใจความสาคญั ยากท่ีสุดคือยอ่ หนา้ ท่ีไม่มีประโยคใจความสาคญั ปรากฏชดั เจน ซ่ึงผอู้ ่านจะตอ้ งสรุปออกมาเอง .................๕. การอ่านจบั ใจความตอ้ งอ่านใหล้ ะเอียดเพอ่ื ทาความเขา้ ใจอยา่ งชดั เจน ไมค่ วรหยดุ อ่านระหวา่ งเรื่องเพราะจะทาใหค้ วามเขา้ ใจไม่ต่อเนื่อง ..................๖. ส่วนประกอบของหนงั สือไมม่ ีส่วนช่วยใหเ้ กิดความเขา้ ใจเก่ียวกบั เรื่อง หรือหนงั สือที่อา่ น .................๗. การใชป้ ระสบการณ์หรือภมู ิหลงั เก่ียวกบั เร่ืองที่อา่ นมาประกอบ จะทา ความเขา้ ใจและจบั ใจความท่ีอ่านไดง้ ่ายและรวดเร็วข้ึน .................๘. ควรต้งั จุดมงุ่ หมายในการอา่ นอยา่ งชดั เจนเพราะจะเป็นแนวทางกาหนด การอ่านไดอ้ ยา่ งเหมาะสมและจบั ใจความหรือคาตอบไดอ้ ยา่ งรวดเร็วยงิ่ ข้ึน .................๙. ใจความสาคญั ส่วนมากจะปรากฏอยทู่ ุกส่วนของยอ่ หนา้ ทุกยอ่ หนา้ ...............๑๐. ไมจ่ าเป็นตอ้ งสรุปใจความสาคญั ของเร่ืองก็ไดเ้ พราะไม่มีผลตอ่ เรื่องท่ีอา่ น
กรอบสำระ ใบควำมรู้ที่ ๑ ควำมหมำยของกำรอ่ำนจบั ใจควำมสำคญั กำรอ่ำน การอา่ น คือ การรับรู้ขอ้ ความในการเขียนของตนเองหรือของผอู้ ่ืน รวมถึงการรับรู้ความหมายจากเครื่องหมายและสญั ลกั ษณ์ตา่ ง ๆ เช่น สญั ลกั ษณ์จราจร เคร่ืองหมายท่ีแสดงบนแผนท่ีเป็นตน้ การรับรู้ขอ้ ความ เขา้ ใจเรื่องราว หรือไดร้ ับรส ความบนั เทิงใจตรงตามจุดประสงคข์ องผเู้ ขียนเป็นการอา่ นที่ดี และไดป้ ระโยชน์อยา่ ง แทจ้ ริง แนวปฏบิ ัติในกำรวเิ ครำะห์เร่ืองทีอ่ ่ำน ๑. อา่ นพจิ ารณาเร่ืองวา่ ผเู้ ขียนมีจุดมุ่งหมายในการเขียนเรื่องอยา่ งไร มี ใจความสาคญั อยา่ งไร ๒. อ่านพจิ ารณาวา่ เร่ืองที่อา่ น มีใจความสาคญั อะไร และมีอะไรเป็นส่วน ขยายของขอ้ ความอะไรคือขอ้ มูล ขอ้ เทจ็ จริง อะไรคือขอ้ คิดเห็น ซ่ึงส่วนท่ีเป็ นขอ้ มูล ขอ้ เทจ็ จริง ตอ้ งตรวจสอบที่มาของขอ้ มูล และความน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกนั สิ่งที่เป็น ขอ้ คิดเห็น ตอ้ งพิจารณาขอ้ คิดเห็นน้นั ดว้ ยวา่ มีเหตผุ ลท่ีน่าเช่ือถือไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด และผเู้ ขียนมีความคิดเห็นในการเขียนอยา่ งไร ๓. พิจารณาวา่ เรื่องท่ีอ่าน มีความรู้ ขอ้ คิดท่ีดี อะไรท่ีสามารถนาไปปฏิบตั ิ เพื่อพฒั นาคุณภาพชีวิตของเรา ๔. ตอ้ งฝึกอ่าน และวิเคราะห์เรื่องท่ีอ่าน อยา่ งสม่าเสมอ จึงจะเกิด ความสามารถและเกิดทกั ษะในการอา่ น การวิจารณ์จากเรื่องท่ีอา่ น
มำรยำทในกำรอ่ำนหนังสือ ๑. ไมอ่ ่านเสียงดงั จนรบกวนผอู้ ื่น ๒. ออกเสียงถูกตอ้ งชดั เจน ตามอกั ขรวธิ ี ๓. กรณีอา่ นหนงั สือในหอ้ งสมุด ตอ้ งไมส่ ่งเสียงหรือทาเสียงดงั รบกวนผอู้ ื่น ๔. เลือกอ่านหนงั สือที่มีประโยชนต์ ่อตนเองและสงั คม ๕. อา่ นอยา่ งมีวิจารญาณ มีเหตผุ ล ไม่หลงเช่ือในสิ่งงมงายไร้เหตผุ ล ๖. ระมดั ระวงั ในการเลือกหนงั สือมิใหเ้ กิดความเสียหาย ๗. ถา้ ตอ้ งการเรื่องหน่ึงเร่ืองใดจากหนงั สือ อาจเพ่ือนาไปเป็นหลกั ฐาน อา้ งอิงควรถา่ ยสานวนไว้ ไม่ควรฉีกออกไปจากเล่ม ๘. การแสดงความคิดเห็นในการอ่านตอ้ งมีเหตุผล ไม่มีอคติในการอา่ น ๙. เม่ือนาเน้ือหาส่วนหน่ึงส่วนใดจากเร่ืองท่ีอา่ นไปใชอ้ า้ งอิงในงานเขียน เช่น รายงานควรใส่อา้ งอิงถูกตอ้ งตามหลกั การ เพื่อเป็นการใหเ้ กียรติผเู้ ขียน ๑๐. ถา้ บงั เอิญทาหนงั สือเสียหาย ควรซ่อมหนงั สือใหถ้ ูกตอ้ งเพอื่ มิให้ หนงั สือชารุดยง่ิ ข้ึน ประเภทของกำรอ่ำน ประเภทของการอ่านมี ๒ ประเภท คือ ๑. การอ่านออกเสียง คือการอา่ นท่ีผอู้ า่ นตอ้ งออกเสียงตามเน้ือเร่ือง ท่ีอา่ นใหผ้ อู้ ่ืนฟังจึงควรอ่านออกเสียงใหถ้ ูกตอ้ ง ๒. การอา่ นในใจ คือการอา่ นโดยไมอ่ อกเสียง ท่ีมา: มารยาทการอ่าน การสร้างเสริมนิสัยรักการอ่าน.(ออนไลน)์ .
ควำมหมำยของอ่ำนจบั ใจควำมสำคญั กำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั หมายถึง การอา่ นที่มุ่งคน้ หาสาระ ของเร่ืองหรือของหนงั สือแตล่ ะเล่มที่เป็นส่วนใจความสาคญั และส่วนขยายใจความ สาคญั ของเรื่อง ซ่ึงการอา่ นจบั ใจความสาคญั สามารถอ่านไดท้ ้งั อา่ นออกเสียง และอา่ น ในใจเพราะเป็นการอา่ นเพอ่ื หาส่วนสาคญั ของเรื่องท่ีเรียกวา่ ใจความหรือใจความสาคญั ใจควำมสำคัญของเรื่องหมายถึง ขอ้ ความที่มีสาระคลมุ ขอ้ ความอ่ืน ๆ ในยอ่ หนา้ น้นั หรือเร่ืองน้นั ท้งั หมด (ทาใหผ้ อู้ า่ นสามารถเขา้ ใจเรื่องไดง้ า่ ย) โดยมี ขอ้ ความอื่น ๆเป็นเพยี งส่วนขยายใจความสาคญั เท่าน้นั ขอ้ ความหน่ึงหรือตอนหน่ึงจะมี ใจความสาคญั ที่สุดเพียงหน่ึงเดียวนอกน้นั เป็นใจความรอง คาวา่ ใจความสาคญั น้ี ผรู้ ู้ได้ เรียกไวเ้ ป็นหลายอยา่ ง เช่นขอ้ คิดสาคญั ของเรื่อง แก่นของเรื่อง หรือความคิดหลกั ของ เร่ือง แต่จะเรียกอยา่ งไรก็ตาม ใจความสาคญั กค็ ือส่ิงท่ีเป็นสาระ ท่ี สาคญั ท่ีสุดของเรื่องนน่ั เอง ใจความสาคญั ส่วนมากจะมีลกั ษณะเป็ นประโยค ซ่ึงอาจปรากฏอยใู่ นส่วนใดส่วนหน่ึงของยอ่ หนา้ ก็ได้ พลควำม(พน - ละ - ควำม) หรือส่วนขยำยใจควำมหมายถึง ประโยคท่ีช่วยขยายอยหู่ ลาย ๆ ประโยคไดเ้ น้ือความของใจความสาคญั เด่นชดั ข้ึน เพ่ือ สนบั สนุน อธิบาย หรือแสดงตวั อยา่ งการเปรียบเทียบการให้เหตุผล เพื่อใหผ้ อู้ า่ นเกิด ความเขา้ ใจมากข้ึน ซ่ึงในแตล่ ะยอ่ หนา้ อาจมีพลความ จุดที่พบใจความสาคญั ของเรื่องในแต่ละยอ่ หนา้ มากที่สุดคือประโยค ที่อยตู่ อนตน้ ยอ่ หนา้ เพราะผเู้ ขียนมกั บอกประเดน็ สาคญั ไวก้ ่อนแลว้ จึงขยายรายละเอียด ใหช้ ดั เจน รองลงมาคือประโยคตอนทา้ ยยอ่ หนา้ โดยผเู้ ขียนจะบอกรายละเอียดหรือ ประเด็นยอ่ ยก่อนแลว้ จึงสรุปดว้ ยประโยคที่เป็นประเดน็ ไวภ้ ายหลงั สาหรับจุดที่พบ ใจความสาคญั ยากข้ึนกค็ ือประโยคตอนกลางยอ่ หนา้ ซ่ึงผอู้ ่านจะตอ้ งใชค้ วามสงั เกตและ พจิ ารณาใหด้ ีส่วนจุดที่หาใจความสาคญั ยากท่ีสุดคือยอ่ หนา้ ที่ไมม่ ีประโยคใจความ สาคญั ปรากฏชดั เจนอาจมีประโยค หรืออาจอยรู่ วมๆกนั ในยอ่ หนา้ กไ็ ด้ ซ่ึงผอู้ า่ นจะตอ้ ง สรุปออกมาเอง
ตวั อย่ำงกำรหำใจควำมสำคญั ๑. ผมู้ ีสัญชาติไทยทกุ คนที่มีอายคุ รบ ๑๕ ปี บริบูรณ์ ตอ้ งแจง้ ต่อนาย ทะเบียนทอ้ งถิ่นเพอ่ื ขอมีบตั รประชาชน จนกระทง่ั อายุ ๗๐ ปี ๒. ผทู้ ่ีมีอายคุ รบทาบตั รตอ้ งไปยน่ื ขอทาบตั รภายใน ๖๐ วนั นบั ต้งั แต่ อายคุ รบ ๑๕ ปี บริบูรณ์ ๓. ผใู้ ดฝ่าฝืนไม่ขอทาบตั รประชาชนมีโทษปรับไม่เกิน ๕๐๐ บาท ๔. บตั รประชาชนใชไ้ ด้ ๖ ปี และถา้ บตั รหมดอายจุ ะตอ้ งขอทาบตั รใหม่ ภายใน ๖๐ วนั ๕. กรณีเปลี่ยนช่ือตวั ชื่อสกลุ บตั รหาย ถกู ทาลาย หรือชารุด ตอ้ งเปล่ียน บตั รใหม่ ภายใน ๓๐ วนั ขอ้ ความน้ีไดแ้ บง่ เน้ือหาออกเป็น ๕ ประเดน็ จะมีประเด็นท่ีเป็นใจความ สาคญั เพยี งประเดน็ เดียวเท่าน้นั นกั เรียนจะสามารถสังเกตประเดน็ ท่ีมีใจความสาคญั ได้ โดยประเด็นดงั กล่าวจะตอ้ งมีสาระครอบคลุมประเด็นอ่ืน ๆ ในขอ้ ความหรือยอ่ หนา้ น้นั ไวท้ ้งั หมดเพียงประเดน็ เดียว ประเด็นอื่น ๆ เป็นเพยี งส่วนขยายใจความสาคญั หรือส่วนประกอบเท่าน้นั สรุปได้ว่ำใจควำมสำคัญคอื ผมู้ ีสญั ชาติไทยทกุ คนที่มีอายคุ รบ ๑๕ ปี บริบูรณ์ ตอ้ งแจง้ ตอ่ นายทะเบียนทอ้ งถิ่นเพ่ือขอมีบตั รประชาชน จนกระทงั่ อายุ ๗๐ ปี องคป์ ระกอบยอ่ ยๆ อะไรบา้ ง มีกี่หมวดหมู่ จดั ลาดบั ความสาคญั อยา่ งไรและรู้วา่ อะไรเป็นสาเหตุก่อใหเ้ กิด อะไร พลควำมหรือส่วนขยำยใจควำมคือขอ้ ความในประเด็นท่ี ๒–๕ ซ่ึงมีส่วนช่วย ใหใ้ จความสาคญั ของขอ้ ความท้งั หมดชดั เจนยงิ่ ข้ึน หากในบางเร่ืองท่ีมีหลายยอ่ หนา้ ในแต่ละยอ่ หนา้ จะมีใจความสาคญั อยา่ งหน่ึง แตเ่ ม่ือนาใจความสาคญั ของแตล่ ะยอ่ หนา้ มาพิจารณาโดยรวมท้งั หมดแลว้ ในแต่ละเร่ือง จะมีแก่นเร่ืองซ่ึงเป็นสาระสาคญั ท่ีสุดเพียงอยา่ งเดียว
ลกั ษณะของใจควำมสำคญั ๑. ใจความสาคญั เป็นขอ้ ความที่ทาหนา้ ท่ีคลมุ ใจความของ ขอ้ ความอ่ืน ๆในตอนน้นั ๆไดห้ มดขอ้ ความนอกน้นั เป็นเพยี งรายละเอียดหรือส่วนขยาย ใจความสาคญั เทา่ น้นั ๒. ใจความสาคญั ของขอ้ ความหน่ึง ๆ หรือยอ่ หนา้ หน่ึง ๆ ส่วนมากจะมีเพียงประการเดียว ๓.ใจความสาคญั ส่วนมากมีลกั ษณะเป็นประโยค อาจจะเป็น ประโยคเดียว หรือประโยคซอ้ นกไ็ ด้ แตใ่ นบางกรณีใจความสาคญั ไม่ปรากฏเป็น ประโยค เป็นเพียงใจความท่ีแฝงอยใู่ นขอ้ ความตอนน้นั ๆ ๔. ใจความสาคญั ที่มีลกั ษณะเป็นประโยคส่วนมากจะปรากฏ อยตู่ น้ ขอ้ ความ ในการอา่ นใด ๆกต็ ามจุดมุ่งหมายก็เพือ่ จบั ใจความสาคญั ของขอ้ ความท่ีอ่าน ดงั น้นั ถา้ รู้จกั สงั เกตประโยคท่ีเป็นใจความสาคญั ของขอ้ ความแต่ละ ขอ้ ความและรู้จกั แยกใจความหลกั ออกจากใจความรองได้ กจ็ ะทาใหเ้ ราเขา้ ใจในส่ิงที่ อา่ นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและรวดเร็ว ตวั อย่ำงกำรอ่ำนเพ่ือจบั ใจควำมสำคญั เชา้ วนั รุง่ ขนึ้ เสียงไกข่ นั เอก้ อี เอก้ เอก้ ฉนั และนอ้ งต่ืนขนึ้ แลว้ ชวน กนั ไปอาบนา้ พอแต่งตวั เสรจ็ ก็ออกไปวิ่งเลน่ ท่สี นามหญา้ หนา้ บา้ น ฉนั พบเห็ดดอกหนึ่งกาลงั บานมขี นาดใหญ่มาก ฉนั กบั นอ้ งยืนดดู ว้ ย ความสนใจ คณุ นา้ ซ่งึ ต่นื เชา้ เช่นกนั รีบเดินเขา้ มาหา้ ม ใจควำมสำคญั ของข้อควำมนี้ คือเห็ดที่พบอาจเป็นเห็ดมีพิษ
การอา่ นจบั ใจความสาคญั ใหเ้ ขา้ ใจง่ายและรวดเร็วผอู้ า่ นควรมีแนวทางและพ้ืนฐาน ดงั น้ี ๑. การมีพ้นื ฐานความเขา้ ใจเก่ียวกบั ส่วนประกอบต่าง ๆ ของหนงั สือ เช่นชื่อ เรื่อง คานา สารบญั ฯลฯ กส็ ามารถทาใหจ้ บั ใจความสาคญั ของเรื่องได้ ๒. ต้งั จุดมุง่ หมายในการอ่านเพ่อื เป็นแนวทางใชก้ าหนดวิธีอ่านใหเ้ หมาะสม และจบั ใจความหรือหาคาตอบไดร้ วดเร็วข้ึน ๓. มีทกั ษะในการใชภ้ าษาสามารถเขา้ ใจความหมายของคาศพั ทต์ ่าง ๆ ๔. มีประสบการณ์หรือภูมิหลงั เก่ียวกบั เรื่องที่อา่ นมีความเขา้ ใจลกั ษณะของ หนงั สือ เพราะหนงั สือแตล่ ะประเภทมีรูปแบบการแต่งและเป้าหมายของเรื่องท่ีแตกตา่ ง กนั แนวกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ การอา่ นจบั ใจความใหบ้ รรลจุ ุดประสงคม์ ีแนวทางดงั น้ี ๑.ต้งั จุดมงุ่ หมายในการอา่ นไดช้ ดั เจนเช่นอา่ นเพ่อื หาความรู้ เพอื่ ความ เพลิดเพลิน หรือเพื่อบอกเจตนาของผเู้ ขียนเพราะจะเป็นแนวทางกาหนดการอ่านไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม และจบั ใจความหรือคาตอบไดร้ วดเร็วยง่ิ ข้ึน ๒.สารวจส่วนประกอบของหนงั สืออยา่ งคร่าวๆเช่นช่ือเร่ือง คานา สารบญั คา ช้ีแจงการใชห้ นงั สือภาคผนวกฯลฯ เพราะส่วนประกอบของหนงั สือจะทา ใหเ้ กิดความเขา้ ใจเกี่ยวกบั เรื่องหรือหนงั สือท่ีอา่ นไดก้ วา้ งขวางและรวดเร็ว ๓.ทาความเขา้ ใจลกั ษณะของหนงั สือวา่ ประเภทใดเช่นสารคดี ตารา บทความ ฯลฯซ่ึงจะช่วยใหม้ ีแนวทางอ่านจบั ใจความสาคญั ไดง้ า่ ย ๔.ใชค้ วามสามารถทางภาษาในดา้ นการแปลความหมายของคาประโยค และ ขอ้ ความตา่ งๆอยา่ งถกู ตอ้ งรวดเร็ว ๕.ใชป้ ระสบการณ์หรือภมู ิหลงั เกี่ยวกบั เร่ืองท่ีอ่านมาประกอบจะทาความเขา้ ใจ และจบั ใจความท่ีอ่านไดง้ า่ ยและรวดเร็วข้ึน
จดุ ม่งุ หมำยของกำรจับใจควำมสำคญั ๑. สามารถบอกรายละเอียดของเร่ืองราวท่ีอ่านไดอ้ ยา่ งชดั เจน ๒. สามารถปฏิบตั ิตามคาสัง่ และคาแนะนาได้ ๓. เพอ่ื ฝึกการอา่ นเร็วและสามารถตอบคาถามไดถ้ กู ตอ้ ง ๔. สามารถสรุปหรือยอ่ เรื่องท่ีอ่านได้ ๕. อ่านแลว้ สามารถคาดการณ์ และหาความจริง แสดงขอ้ คิดเห็นได้ ที่มา : http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3624 .........ทาความเขา้ ใจ เร่อื งการอา่ นจบั ใจความสาคญั กนั กอ่ นนะคะ......
แบบฝึ กเสริมทักษะที่ ๒ ฝึ กกำรค้นหำใจควำมสำคญั แบบฝึ กท่ี ๒.๑ นกั เรียนขีดเสน้ ใตป้ ระโยคที่เป็นใจความสาคญั ของขอ้ ความ ที่กาหนด ตวั อย่ำงการปลูกผกั เป็นการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ทาใหไ้ ดก้ ินผกั ปลอดสารพษิ ดว้ ย ๑. มดแดงเป็นเดก็ กตญั ญู เพราะช่วยพ่อแม่ทางานบา้ นโดยไมเ่ กี่ยงงาน ๒. ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เพราะคนไทยส่วนมากทาสวน ทานา ทาไร่ ๓. โลมา เป็นสตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมจาพวกหน่ึง อาศยั อยทู่ ้งั ในทะเล น้าจืด และน้ากร่อย มีรูปร่างคลา้ ยปลา คือมีครีบ มีหาง ๔. บหุ ร่ีเป็นสารเสพติดชนิดหน่ึงท่ีทาใหเ้ กิดโรคมะเร็งตามอวยั วะต่าง ๆ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งตบั ๕. หนูน้าชอบไปเท่ียวหาดเจา้ ไหม เพราะเป็นชายหาดท่ีสวยงาม และมีทราย สีขาวสะอาด
แบบฝึ กที่ ๒.๒ นกั เรียนอา่ นขอ้ ความที่กาหนดแลว้ ตอบคาถาม ตัวอย่ำง ระนองเป็นจงั หวดั ทางภาคใตท้ ่ีอยทู่ างชายฝั่งทะเลอนั ดามนั ซ่ึงมีฝนตกชุกท่ีสุดในประเทศไทย เร่ืองอะไร ตอบ จงั หวดั ระนอง เป็นอยา่ งไร ตอบ มีฝนตกชุกทสี่ ุดในประเทศไทย ใจความสาคญั ตอบ จงั หวัดระนองเป็ นจังหวัดทม่ี ีฝนตกชุก ท่ีสุดในประเทศไทย ๑. การรับประทานผกั และผลไม้ เช่นฟักทอง มะละกอ สม้ นอกจากจะทาให้ ร่างกายแขง็ แรงแลว้ ยงั ทาใหม้ ีผวิ พรรณไมแ่ หง้ เห่ียวอีกดว้ ย เร่ืองอะไร ตอบ................................................................................. เป็นอยา่ งไร ตอบ................................................................................ ใจความสาคญั ตอบ................................................................................ ๒. กบเป็นสตั วส์ ี่ขาที่อาศยั อยไู่ ดท้ ้งั บนบกและในน้า เคลื่อนไหวดว้ ยการ กระโดด เร่ืองอะไร ตอบ................................................................................ เป็นอยา่ งไร ตอบ............................................................................... ใจความสาคญั ตอบ...............................................................................
๓. ไก่ชอบกินท้งั หนอนและขา้ วเปลือกเป็นอาหาร มนั จึงเป็นสัตวท์ ี่กินท้งั พชื และสตั ว์ เรื่องอะไร ตอบ............................................................................... เป็นอยา่ งไร ตอบ.............................................................................. ใจความสาคญั ตอบ ............................................................................. ๔. เด็กชายเขียวเป็นเด็กที่ตรงตอ่ เวลามาก เพราะไม่เคยไปโรงเรียนสาย และทา การบา้ นส่งครูเสร็จทนั ตามเวลาท่ีกาหนดทุกคร้ัง เรื่องอะไร ตอบ................................................................................. เป็นอยา่ งไร ตอบ................................................................................ ใจความสาคญั ตอบ ............................................................................... ๕. พระพุทธศาสนามีจุดกาเนิดท่ีประเทศอินเดีย แลว้ จึงเผยแพร่มายงั ประเทศ ไทย เร่ืองอะไร ตอบ.............................................................................. เป็นอยา่ งไร ตอบ............................................................................. ใจความสาคญั ตอบ .............................................................................
อา่ นใหเ้ ขา้ ใจแลว้ หาคาตอบ ใหเ้ จอนะคะ ใบควำมรู้ที่ ๒ ข้อควรปฏบิ ตั ิในกำรอ่ำนจบั ใจควำมสำคญั แนวทำง และพื้นฐำนกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั ๑. การมีพ้ืนฐานความเขา้ ใจเก่ียวกบั ส่วนประกอบต่าง ๆ ของหนงั สือ เช่นชื่อเร่ือง คานา สารบญั ฯลฯ กส็ ามารถทาใหจ้ บั ใจความสาคญั ของเร่ืองได้ ๒. ต้งั จุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อเป็นแนวทางใชก้ าหนดวธิ ีอา่ นใหเ้ หมาะสม และจบั ใจความหรือหาคาตอบไดร้ วดเร็วข้ึน ๓. มีทกั ษะในการใชภ้ าษาสามารถเขา้ ใจความหมายของคาศพั ทต์ ่าง ๆ ๔. มีประสบการณ์หรือภูมิหลงั เกี่ยวกบั เรื่องท่ีอ่าน มีความเขา้ ใจลกั ษณะของหนงั สือ เพราะหนงั สือแตล่ ะประเภทมีรูปแบบการแตง่ และเป้าหมายของเร่ืองท่ีแตกต่างกนั หลกั ในกำรอ่ำนจบั ใจควำมสำคัญ ควรปฏิบตั ิดงั น้ี ๑. ต้งั จุดมุ่งหมายในการอ่านใหช้ ดั เจน ๒. อา่ นเร่ืองราวอยา่ งคร่าวๆ พอเขา้ ใจ และเก็บใจความสาคญั ของแตล่ ะยอ่ หนา้ ๓. เมื่ออ่านจบใหต้ ้งั คาถามตนเองวา่ เร่ืองที่อ่านมีใคร ทาอะไร ที่ไหน เม่ือไร อยา่ งไร ๔. นาส่ิงที่สรุปไดม้ าเรียบเรียงใจความสาคญั ใหมด่ ว้ ยสานวนของคนเอง เพ่อื ใหเ้ กิดความสละสลวย ข้อควรปฏิบัติในกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั ๑. อา่ นผา่ นๆ โดยตลอด เพ่อื ใหร้ ู้วา่ เรื่องท่ีอ่านเป็นเร่ืองเก่ียวกบั อะไร มีใครทา อะไร ที่ไหน อยา่ งไร เมื่อไร ๒.อา่ นใหร้ ายละเอียดอีกคร้ังหน่ึง เพอ่ื ทาความเขา้ ใจเร่ืองที่อ่าน ๓. เขียนเรียบเรียงใจความสาคญั ของเร่ืองที่อา่ นดว้ ยสานวนภาษาของตนเอง ๔. อ่านทบทวนเพอ่ื ตรวจสอบความถกู ตอ้ งอีกคร้ังหน่ึง
วิธีกำรจับใจควำมสำคัญ วธิ ีเก็บใจความสาคญั มีหลายอยา่ งข้ึนอยกู่ บั ความชอบวา่ อยา่ งไร เช่น การขีดเสน้ ใตก้ ารใชส้ ีตา่ งๆ กนั แสดงความสาคญั มากนอ้ ยของขอ้ ความ การบนั ทึกยอ่ เป็ นส่วนหน่ึง ของการอา่ นจบั ใจความสาคญั ที่ดี แต่ผทู้ ่ียอ่ ควรยอ่ ดว้ ยสานวนภาษาและสานวนของ ตนเอง ไม่ควรยอ่ ดว้ ยการตดั เอาขอ้ ความ สาคญั มาเรียงต่อกนั เพราะอาจทาใหผ้ อู้ า่ นพลาด สาระสาคญั บางตอนไปอนั เป็นเหตุใหก้ ารตีความผดิ พลาดคลาดเคลื่อนได้ วธิ ีจบั ใจความ สาคญั มีหลกั ดงั น้ี ๑. พิจารณาทีละยอ่ หนา้ หาประโยคใจความสาคญั ของแต่ละหนา้ ๒. ตดั ส่วนท่ีเป็นรายละเอียดออกได้ เช่นตวั อยา่ ง สานวนโวหาร อปุ มาอุปไมย ตวั เลขสถิติ ตลอดจนคาถามหรือคาพูดของผเู้ ขียนซ่ึงเป็นส่วนขยาย ใจความสาคญั ๓. สรุปใจความสาคญั ดว้ ยสานวนภาษาของตนเอง ตวั อย่ำงกำรจบั ใจควำมสำคัญ ตวั อย่ำงท่ี ๑ ความสมบรู ณกข์ .องชีวติ มาจากความเขา้ ใจชวี ติ พืน้ ฐาน คอื เขา้ ใจธรรมชาติ เขา้ ใจความเป็นมคขน..ษุ ย์ และความสมั พนั ธท์ ่เี กือ้ กลู กนั ระหว่างมนษุ ยก์ บั มนษุ ย์ และมนษุ ยก์ บั งธ. รรมชาติ มคี วามรกั ความเมตตาตอ่ เพ่อื นมนษุ ยแ์ ละธรรมชาติ อย่าง จรงิ ใจ ใจควำมสำคญั ความสมบรู ณข์ องชีวิตมาจากความเขา้ ใจชีวิตเป็นพนื้ ฐาน
ตัวอยำ่ งที่ ๒ ความเครียดทาใหเ้ พิ่มฮอรโ์ มนอะดรนี าลนี ในเลอื ด ทาใหห้ วั ใจเตน้ เรว็ เสน้ เลอื ดบบี ตจวั.กลา้ มเนอื้ เขมง็ ตงึ ระบบยอ่ ยอาหารผิดปกติเกิดอาการปวดหวั ปวดทอ้ ง ใจสฉ่นั . แขง้ ขาออ่ นแรง ความเครยี ดจึงเป็นตวั การใหแ้ กเ่ รว็ ใจควำมสำคญั ความเครียดทาใหแ้ ก่เร็ว ตวั อยำ่ งท่ี ๓ โดยท่วัชไ.ปผกั ท่ขี ายตามทอ้ งตลาดสว่ นใหญ่เกษตรกรมกั ใชส้ ารกาจดั ซ. ศตั รูพืช หากไฌม่ม. คี วามรอบคอบในการใชจ้ ะทาใหเ้ กิดสารตกคา้ ง ทาใหม้ ี ปัญหาตอ่ สขุ ภญา.พฉะนนั้ เม่ือซอื้ ผกั ไปรบั ประทานจึงควรลา้ งผกั ดว้ ยนา้ หลายๆ ครงั้ เพราะจะฎช.ว่ ยกาจดั สารตกคา้ งไปไดบ้ า้ ง บางคนอาจแชผ่ กั โดยใชน้ า้ ผสม ฏ. ใจคโวซำเมดสียมำคไบญั คารบ์ เอมเ่อืนซตอื้กผ็ไดกั ไ้ แปตรอ่บั าปจรทะาทใาหนว้ จติ ึงาคมวินรลลาด้ งลผงกั ดว้ ยนา้ หลายๆ ครงั้ ตวั อย่ำงท่ี ๔ ฐ. การรกั ฑษ.าศลี เพ่อื บงั คบั ตนเองใหม้ รี ะเบยี บวนิ ยั ในการกระทาทกุ สิ่งทกุ อย่าง เชน่ เราฒม.าอย่วู ดั มาน่งุ ขาวห่มขาว ไม่ใช่ถือแตศ่ ีลแปดขอ้ เท่านนั้ แตเ่ รา ตอ้ งนึกวา่ ศีลนณนั้ .คอื ความมรี ะเบียบวนิ ยั เราเดินอยา่ งมรี ะเบียบวนิ ยั น่งั อยา่ งมี ระเบียบ กินอดย.่างมรี ะเบียบ ทาอะไรกท็ าอยา่ งมรี ะเบียบน่นั เป็นคนท่มี ศี ีล ถา้ ใจควเำรมาไสมำม่ ครี ญัะเบยี บกกาไ็ รมร่มกั ษศี ีลาศลี เพ่อื บงั คบั ตนเองใหม้ ีระเบยี บวินยั ในการกระทาทกุ ส่งิ ทกุ อย่าง ท่มี า: จไุ รรตั น์ ลกั ษณะศิริ และบาหยนั อ่ิมสาราญ. การใชภ้ าษาไทย. ๒๕๕๗. ๔๕-๔๖.
อา่ นทาความเขา้ ใจแลว้ ทาแบบฝึกนะคะ แบบฝึ กเสริมทักษะท่ี ๓ ฝึ กแยกประโยคและส่วนขยำยใจควำมสำคญั แบบฝึ กท่ี ๓.๑ นกั เรียนแยกประโยคที่เป็นใจความสาคญั และส่วนขยายใจความ สาคญั จากขอ้ ความตอ่ ไปน้ี ๑. อุรังอุตงั เป็นลิงขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคลา้ ยคน ขนตามลาตวั ยาวสีน้าตาลแดงแขนยาว ขาส้นั และค่อนขา้ งเลก็ ใจควำมสำคัญ..................................................................................... ส่วนขยายใจความสาคญั ..................................................................... ๒.การแห่นางแมวเป็นประเพณีการละเลน่ พ้ืนบา้ นของไทย ใชเ้ ลน่ ในเวลา ที่ฝนไม่ตกตามฤดูกาลอากาศร้อนแหง้ แลง้ ใจควำมสำคัญ.................................................................................. ส่วนขยายใจความสาคญั ...................................................................
๓. คนนิยมใชผ้ า้ ไหมทาเครื่องแต่งกาย เพราะมีเน้ือเป็นมนั สีสวยสะดุดตา ใจควำมสำคัญ................................................................................. ส่วนขยายใจความสาคญั .................................................................. ๔. พธิ ีไหวค้ รูเป็นพธิ ีที่ดีงาม ทุกตน้ ปี การศึกษา แต่ละโรงเรียนจะจดั ใหม้ ีพธิ ีไหว้ ครูข้ึน เพื่อใหศ้ ิษยไ์ ดก้ ราบไหว้ ระลึกถึงพระคุณของครูและเพ่อื ปลกู จิตสานึกใหร้ ู้วา่ การที่เราจะเป็นคนดี มีวชิ าเล้ียงตวั ไดน้ ้นั ก็ดว้ ยพระคุณของครูท้งั สิ้น ใจควำมสำคัญ................................................................................. ส่วนขยายใจความสาคญั ................................................................. ๕. การคบมิตรถือวา่ เป็นสิ่งจาเป็นสาหรับเรา เพราะมิตรสามารถช่วย คลายทกุ ขโ์ ศกได้ แต่มิตรท่ีดีน้นั หายากนกั เราตอ้ งขวนขวายหา ถึงแมม้ ีเพยี งหน่ึงดีกวา่ มีเพอื่ นที่ริษยาเป็นร้อย ใจควำมสำคัญ............................................................................... ส่วนขยายใจความสาคญั ...............................................................
แบบฝึ กที่ ๓.๒ นกั เรียนอ่านขอ้ ความแลว้ พิจารณาวา่ ขอ้ ความยอ่ ยท่ีกาหนดให้ ควรจดั อยใู่ นหวั ขอ้ ใด ตัวอย่ำง หนา้ ท่ีของนกั เรียนคือ การไปโรงเรียนทุกวนั ต้งั แตว่ นั จนั ทร์ถึงวนั ศุกร์ นกั เรียนควรจดั ตารางเรียน และเตรียม อุปกรณ์การเรียนใหพ้ ร้อมก่อนไปโรงเรียน เช่นดินสอ ปากกา ยางลบไมบ้ รรทดั สมุด หนงั สือ เป็นตน้ อุปกรณ์การ เรียน ดินสอ ปากกา ยางลบ ไมบ้ รรทดั สมดุ หนงั สือ ดินสอ ดินสอ ดินสอ ตอบ อุปกรณ์กำรเรียน ดินสอ ดินสอ ดินสอ
นกั เรียนอ่ำนข้อควำมท่ีกำหนดแล้วตอบคำถำมข้อ ๑ - ๓ เด็กอว้ นทาใหเ้ กิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาคือทากิจกรรมร่วมกบั เพือ่ นไมไ่ ดข้ อ้ เขา่ เส่ือมก่อนวยั และโรคเบาหวานการกินขนมขบเค้ียว เลน่ เกมคอมพิวเตอร์เป็ น สาเหตสุ าคญั ทาใหเ้ ด็กอว้ น วิธีลดความอว้ น โดยการควบคุมการกินและการ ออกกาลงั กาย ๑.ตอบ ทากิจกรรมร่วม โรคเบาหวาน ขอ้ เขา่ เสื่อม ........................... กบั เพ่ือนไม่ได้ ก่อนวยั .................... ๒.ตอบ กินขนมขบเค้ียว เล่นเกมคอมพิวเตอร์ ........................... .................... ๓.ตอบ กินขนมขบเค้ียว ออกกาลงั กาย ........................... ....................
นกั เรียนอ่ำนข้อควำมท่กี ำหนดแล้วตอบคำถำมข้อ ๔ - ๕ การมีสุขภาพดี จะตอ้ งมีองคป์ ระกอบสองอยา่ งคือร่างกายแขง็ แรง และจิตใจร่า เริงแจ่มใส การทาใหส้ ุขภาพดีมีหลายอยา่ ง เช่นรับประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ ออกกาลงั กายสม่าเสมอ นอนหลบั พกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอ และทากิจกรรม นนั ทนาการ ๔.ตอบ ร่างกายแขง็ แรง จิตใจร่าเริงแจ่มใส ........................... .................... รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกาลงั กายสม่าเสมอ ๕.ตอบ นอนหลบั พกั ผ่อนใหเ้ พียงพอ ทากิจกรรมนนั ทนาการ ........................... ....................
ใบควำมรู้ท่ี ๓หลกั และกลวธิ ีกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั กำรพจิ ำรณำตำแหน่งใจควำมสำคัญ ใจความสาคญั ของขอ้ ความสาคญั ในแต่ละยอ่ หนา้ จะปรากฏดงั น้ี ๑. ประโยคใจความสาคญั อยตู่ อนตน้ ของยอ่ หนา้ ๒. ประโยคใจความสาคญั อยตู่ อนกลางของยอ่ หนา้ ๓. ประโยคใจความสาคญั อยตู่ อนทา้ ยของยอ่ หนา้ ๔. ประโยคใจความสาคญั อยตู่ อนตน้ และตอนทา้ ยของยอ่ หนา้ ๕. ผอู้ า่ นสรุปข้ึนเอง จากการอ่านท้งั ยอ่ หนา้ (ในกรณีใจความ สาคญั หรือความคิดสาคญั อาจอยรู่ วมในความคิดยอ่ ย ๆ โดยไมม่ ีความคิดที่เป็น ประโยคหลกั ) หลกั การอ่านจบั ใจความสาคญั ใหเ้ ขา้ ใจง่าย และรวดเร็ว กลวธิ ีกำรอ่ำนจบั ใจควำมสำคัญ ๑. การอา่ นจบั ใจความสาคญั ของเรื่องใดเรื่องหน่ึงควรเร่ิมจาก การอา่ นจบั ใจความสาคญั ในแต่ละยอ่ หนา้ ใหถ้ กู ตอ้ งแม่นยาเสียก่อน ถา้ เคร่ืองไหนมี หลายยอ่ หนา้ แสดงวา่ มีหลายใจความสาคญั เม่ือนาประเดน็ สาคญั ในแต่ละยอ่ หนา้ มา พิจารณารวมกนั แลว้ จะทาใหจ้ บั แก่นเร่ืองไดง้ า่ ยข้ึน ๒. ใจความสาคญั แต่ละยอ่ หนา้ หมายถึงขอ้ ความท่ีมีสาระคลุม ขอ้ ความอ่ืนๆในยอ่ หนา้ น้นั ไวท้ ้งั หมดเป็นส่ิงสาคญั ที่ผเู้ ขียนตอ้ งการส่ือใหผ้ อู้ า่ นรู้ในยอ่ หนา้ น้นั ๆ ๓. ใจความสาคญั ในแต่ละยอ่ หนา้ ส่วนมากมกั อยใู่ นประโยคใด ประโยคหน่ึง โดยมีขอ้ สงั เกตดงั น้ี ๓.๑ ประโยคตน้ ยอ่ หนา้ เป็นจุดที่พบใจความสาคญั ของเรื่องมากท่ีสุด เพราะ ส่วนมากผเู้ ขียนจะบอกประเดน็ สาคญั แลว้ คอ่ ยขยายความ ๓.๒ ประโยคตอนทา้ ยยอ่ หนา้ เป็นจุดท่ีพบใจความสาคญั รองลงมาจากประโยค ตน้ ยอ่ หนา้ โดยผเู้ ขียนจะบอกรายละเอียดยอ่ ๆ มาก่อนแลว้ สรุปใหใ้ นตอนทา้ ย ๓.๓ ประโยคกลางยอ่ หนา้ เป็นจุดที่คน้ หาใจความสาคญั ไดย้ ากท่ีสุด เพราะ จะตอ้ งเปรียบเทียบสาระที่สาคญั ท่ีสุดวา่ อยทู่ ่ีประโยคไหน
๓.๔ ไม่ปรากฏชดั เจนที่ใดที่หน่ึง ในขอ้ น้ีเราตอ้ งอ่านโดยรวมแลว้ สรุปเน้ือหา ท้งั หมดเพ่อื ใหไ้ ดใ้ จความสาคญั ทกั ษะกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั แบบวิธีกำรอ่ำน SQ๔R ทกั ษะการอา่ นจบั ใจความสาคญั แบบวิธีการอ่าน SQ๔R มี ๖ ข้นั ตอนดงั น้ี ๑. Survey (S) อา่ นอยา่ งคร่าว ๆ เพื่อหาจุดสาคญั ของเร่ืองการอา่ น ในข้นั น้ีไมค่ วรใชเ้ วลานานเกินไป การอา่ นคร่าว ๆ จะช่วยใหผ้ อู้ ่านเรียบเรียงแนวคิดต่าง ได้ ๒. Question (Q) การต้งั คาถามจะทาใหผ้ อู้ า่ นมีความอยากรู้อยากเห็น ดงั น้ีจึงเพมิ่ ความเขา้ ใจในการอ่านมากยงิ่ ข้ึน คาถามจะช่วยใหผ้ อู้ ่านระลึกถึงความรู้เดิมท่ี มีอยเู่ ก่ียวกบั เรื่องที่อา่ นคาถามจะช่วยใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจเร่ืองไดเ้ ร็วและที่สาคญั ก็คือคาถาม จะตอ้ งสัมพนั ธก์ บั เร่ืองราวที่กาลงั อ่านในเวลาเดียวกนั กค็ วรจะตอ้ งถามตวั เองดูวา่ ใจความสาคญั ที่ผเู้ ขียนกาลงั พูดถึงอยนู่ ้นั คืออะไรทาไมจึงสาคญั สาคญั อยา่ งไรและ เกี่ยวขอ้ งกบั อะไรหรือใครบา้ งตอนไหนและเม่ือไรอยา่ งไรก็ตามควรพยายามต้งั คาถาม ใหไ้ ดเ้ พราะจะช่วยใหก้ ารอ่านในข้นั ตอ่ ไปเป็นไปอยา่ งมีจุดม่งุ หมายและสามารถจบั ประเด็นสาคญั ไดถ้ ูกตอ้ งไม่ผดิ พลาด ๓. Read(R)การอ่านขอ้ ความในบทหรือตอนน้นั ๆซ้าอยา่ งละเอียด และในขณะเดียวกนั ก็คน้ หาคาตอบสาหรับคาถามท่ีไดต้ ้งั ไว้ ในข้นั น้ีจะเป็นการอา่ นเพอ่ื จบั ใจความและจบั ประเด็นสาคญั ๆ โดยแทจ้ ริง ขณะที่กาลงั อา่ นอยถู่ า้ นึกคาถามไดอ้ ีกก็ อาจใชว้ ธิ ีจดบนั ทึกไวใ้ นท่ีวา่ งริมหนา้ หนงั สือก่อนแลว้ ต้งั ใจอ่านต่อไปจนกว่าจะไดร้ ับ คาตอบที่ตอ้ งการ ๔. Record (R) ใหผ้ เู้ รียนจดบนั ทึกขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ท่ีไดอ้ ่านจากข้นั ตอนท่ี ๓โดยม่งุ จดบนั ทึกในส่วนท่ีสาคญั และสิ่งท่ีจาเป็น โดยใชข้ อ้ ความอยา่ งรัดกุมหรือยอ่ ๆ ตามความเขา้ ใจของผเู้ รียน ๕. Recite (R) ใหผ้ เู้ รียนเขียนสรุปใจความสาคญั โดยพยายามใช้ ภาษาของตนเองถา้ ยงั ไมแ่ น่ใจในบทใดหรือตอนใดใหก้ ลบั ไปอา่ นซ้าใหม่
๖.Reflect (R) ใหผ้ เู้ รียนวิเคราะหว์ ิจารณ์บทอ่านที่ผเู้ รียนไดอ้ า่ น แลว้ แสดงความคิดเห็นในประเด็นท่ีผเู้ รียนมีความคิดเห็นสอดคลอ้ งหรือความคิดเห็นไม่ สอดคลอ้ ง บางคร้ังอาจขยายความสิ่งท่ีไดอ้ ่านโดยการเช่ือมโยงความคิดจากบทอ่านกบั ความรู้เดิมโดยใชภ้ าษาอยา่ งถกู ตอ้ ง ที่มา : http://gotoknow.org/blog/sairung/244531 วิธีฝึ กฝนกำรเป็ นนักอ่ำนจับใจควำมสำคญั ๑. สร้างนิสยั รักการอ่าน โดยพยายามฝึกอ่านขอ้ ความทุกประเภท แมแ้ ต่ป้ายประกาศต่าง ๆ ก็ควรอา่ น การฝึกอ่านบอ่ ย ๆ จะทาใหเ้ กิดนิสยั รักกานอา่ น อา่ นหนงั สือไดเ้ ร็ว ช่างสงั เกต และจดจาขอ้ ความตา่ ง ๆไดด้ ีข้ึน ๒. หดั ใชพ้ จนานุกรม เมือ่ อ่านพบคาศพั ทท์ ่ีไมเ่ ขา้ ใจอยา่ ทอ้ ถอย หรือปลอ่ ยผา่ น การใชพ้ จนานุกรมจะทาใหน้ กั เรียนรู้คาศพั ทม์ ากข้ึน ๓. จดบนั ทึกการอ่าน ขณะที่อ่านควรมีสมุดจดบนั ทึก เพือ่ บนั ทึก ถอ้ ยคาท่ีน่าสนใจ แปลกใหม่ ไพเราะ มีคติ ความรู้ใหม่ ๆ หรือขอ้ ความท่ีนกั เรียน ประทบั ใจ โดยบนั ทึกชื่อหนงั สือ และผเู้ ขียนไวด้ ว้ ย และหากเป็นหนงั สือที่นกั เรียน ตอ้ งอา่ นบ่อย ๆ อาจใชป้ ากกาขีดเนน้ ขอ้ ความ หรือแปะกระดาษสีคนั่ หนา้ ท่ีมีขอ้ ความ ดงั กลา่ ว ๔. ฝึกจบั ใจความสาคญั ทีละยอ่ หนา้ การอ่านจบั ใจความสาคญั น้นั ควรเร่ิมตน้ จากการจบั ใจความสาคญั ในแตล่ ะยอ่ หนา้ ใหไ้ ดถ้ ูกตอ้ งแมน่ ยา เสียก่อน เพราะงานเขียนท่ีดีน้นั แมม้ ีใจความหลายอยา่ งแต่ใน ๑ ยอ่ หนา้ มีใจความสาคญั เพียง ๑ ใจความเท่าน้นั หากเรื่องมีหลายยอ่ หนา้ แสดงวา่ มีใจความสาคญั หลายใจความ เม่ือนา ใจความสาคญั ของแตล่ ะยอ่ หนา้ มาพิจารณาร่วมกนั กจ็ ะทาใหส้ ามารถจบั ใจความสาคญั ของเรื่องไดใ้ นท่ีสุด
ตวั อย่ำงกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญเร่ือง ค้ำงคำว คา้ งคาวเป็นสตั วท์ ี่ออกหากินในเวลากลางคืนมนั สามารถบินผาดโผน ฉวดั เฉวียนไปมาโดยไมต่ อ้ งพ่งึ สายตามนั อาศยั เสียงสะทอ้ นกลบั ของตวั มนั เองโดยคา้ งคาวจะส่งคลื่นสัญญาณพิเศษซ่ึงส้นั และรวดเร็วเมื่อสัญญาณไป กระทบสิ่งกีดขวางดา้ นหนา้ กจ็ ะสะทอ้ นกลบั เขา้ มาทาใหร้ ู้วา่ มีอะไรอยู่ ดา้ นหนา้ มนั จะบินหลบเล่ียงได้ แมแ้ ตส่ ายโทรศพั ทท์ ่ีระโยงเป็นเส้นเล็ก ๆ คล่ืนเสียงก็จะไปกระทบแลว้ สะทอ้ นกลบั เขา้ หูของมนั ไดไ้ มม่ ีสัตวช์ นิดไหนท่ี จะสามารถรับคล่ืนสะทอ้ นกลบั ไปไดใ้ นระยะใกลแ้ ตค่ า้ งคาวทาไดแ้ ละบินวน กลบั ไดท้ นั ท่วงที วธิ ีกำรสรุปใจควำม ใคร = คา้ งคาว ทาอะไร = ออกหากิน เม่ือไร = ตอนกลางคืน อยา่ งไร = โดยไมใ่ ชส้ ายตา แต่อาศยั เสียงสะทอ้ นกลบั ของตวั มนั เอง ผลเป็นอยา่ งไร = สามารถหลบส่ิงกีดขวาง ใจควำมสำคัญของเร่ือง ค้ำงคำว มีดังนี้ คา้ งคาวจะออกหากินในตอนกลางคืน โดยไม่ตอ้ งอาศยั สายตา แต่จะอาศยั เสียง สะทอ้ นกลบั ของตวั มนั เอง ท่ีมา:เอกรินทร์ ส่ีมหาศาล และคณะ. ภาษาไทย ป.๕. พมิ พค์ ร้ังท่ี ๓. กรุงเทพฯ: อกั ษรเจริญทศั น์.
แบบฝึ กเสริมทักษะท่ี ๔ ฝึ กอ่ำนจับใจควำมสำคัญ แบบฝึ กที่ ๔.๑ นกั เรียนอา่ นขอ้ ความที่กาหนดให้ แลว้ จบั ใจความสาคญั โดยเขียนลงในช่องวา่ ง ๑. ในป่ าแถบเอเซียใต้ มีดอกไมช้ นิดหน่ึง กลีบดอกเตม็ ไปดว้ ยน้ามนั หอมระเหย ที่ติดไฟงา่ ยเม่ืออากาศร้อนจดั ดอกไมช้ นิดน้ีจะลกุ เป็นไฟ ทาใหเ้ กิดไฟไหมป้ ่ าได้ (จากหนงั สือมหศั จรรยธ์ รรมชาติ ของสุภาณี ปิ ยพสุนทรา) ใคร / อะไร : .......................................................................... ท่ีไหน : .......................................................................... อยา่ งไร : .......................................................................... เพราะอะไร : ......................................................................... ใจความใสจาคควญั ามสาคญั : .........................................................................
๒. การอบรมส่งั สอนลกู ท่เี ครง่ ครดั มากมายเกินไป กอ็ าจเป็น ผลรา้ ยไดเ้ หมอื นกนั เพราะฉะนนั้ วิธีเลยี้ งลกู ท่ดี ีกค็ อื เดนิ ตาม สายกลาง อย่าใหต้ งึ หรือหยอ่ นเกินไป ควรเปิดโอกาสใหล้ กู ไดใ้ ช้ ความคิด ไดท้ ดลอง ไดม้ ีประสบการณต์ า่ ง ๆ ไดร้ ูว้ ิธีชว่ ยตนเอง (ท่มี า : เหมือน ๆจะแพแ้ ตไ่ มแ่ พข้ องธรรมจกั ร สรอ้ ยพิกลุ ) ใคร / อะไร : .......................................................................... ท่ีไหน : .......................................................................... อยา่ งไร : .......................................................................... เพราะอะไร : ......................................................................... ใจความใจสคาวคาญั มสาคญั : .........................................................................
แบบฝึกที่ ๔.๒ ๑. กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยแี ละส่ิงแวดลอ้ ม ไดจ้ ดั สรรงบประมาณ ๑๐ ลา้ นบาท จดั ทาส่ือทางโทรทศั นแ์ ละวทิ ยใุ น “โครงการเพือ่ ลมหายใจของเรา”เป็นสื่อรณรงคแ์ กป้ ัญหามลพษิ ทาง อากาศและเสียง เช่นเรื่องควนั พษิ จากมอเตอร์ไซด์ ควนั ดาจาก ยานพาหนะ ฝ่นุ จากรถบรรทกุ เสียงดงั จากเรือหางยาว (จากหนงั สือไดโนสาร เดือนกนั ยายน ๒๕๕๗) ใคร / อะไร : ........................................................................ ทาอะไร : ........................................................................ เพือ่ อะไร : ........................................................................ ใจความสาคญั : ........................................................................ ๒. หนูกบั แมวเป็นศตั รูกนั หวงั จะครอบครองความเป็นใหญเ่ หนือทงุ่ นา จนกระทง่ั วนั หน่ึงท้งั สองตา่ งตกลงใจท่ีจะใชด้ าบเชา้ ประหตั ประหารกนั ขณะท่ีเพราะความเขลาโดยแทม้ นั ท้งั สองกาลงั ทาการตอ่ สู้กนั อยอู่ ยา่ งดุเดือด น้นั เอง นกเหย่ียวที่บินผา่ นทางมาพบเขา้ ก็บินโฉบเอาร่างของสตั วท์ ้งั สองไป กิน ในท่ีสุดสัตวท์ ้งั สองก็จบชีวติ ลง เพราะความเขลาโดยแท้ ( เหยย่ี วกบั หนูนาของสุคนธ์ แคแสด หรือ ๑๐๐ นิทานอีสป)
ใคร / อะไร : ........................................................................ ทาอะไร : ......................................................................... ที่ไหน : ......................................................................... ผลเป็นอยา่ งไร : ......................................................................... เพราะอะไร : ......................................................................... เพือ่ อะไร : ......................................................................... ใจความสาคญั : .........................................................................
แบบทดสอบหลงั เรียน เร่ืองกำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญพืน้ ฐำน คำชี้แจง ๑. แบบทดสอบหลงั เรียนฉบบั น้ี ใชท้ ดสอบความสามารถในการอ่านจบั ใจความ สาคญั หลงั การฝึกเอกสารประกอบการเรียน หน่วยการอ่านในชีวติ ประจาวนั เลม่ ๑ วิชาภาษาไทยพ้ืนฐาน ท๒๑๑๐๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑เร่ืองการอา่ นจบั ใจความสาคญั พ้นื ฐานเป็นแบบทดสอบ ปรนยั แบบเลือกตอบ ๔ ตวั เลือกจานวน ๑๐ ขอ้ ขอ้ ละ ๑ คะแนน ใชเ้ วลาในการทดสอบ ๑๕ นาที ๒. ใหน้ กั เรียนอา่ นขอ้ คาถาม และคาตอบใหล้ ะเอียด แลว้ เลือกคาตอบ ที่ถูกตอ้ งที่สุดเพียงขอ้ เดียว แลว้ นาไปตอบลงในกระดาษคาตอบ โดยกาเครื่องหมาย × ลงในกระดาษคาตอบช่องตวั เลือกท่ีตอ้ งการ ๓. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบใหค้ รบทุกขอ้ อ่ำนข้อควำมต่อไปนีแ้ ล้วตอบคำถำมข้อ ๑ - ๒ นกพริ าบสีชมพูมีถ่ินฐานอยบู่ นเกาะมอริตสั ในทวีปแอฟริกา อาศยั อยใู่ นป่ า ละเมาะ อาหารของพวกมนั คือดอกไม้ ผลไม้ และเมลด็ พชื เลก็ ๆ นกพริ าบสี ชมพมู ีจานวนลดลงเป็นอยา่ งมาก เน่ืองมาจากการลา่ ของมนุษย์ ปัจจุบนั นกพริ าบสีชมพมู ีอยใู่ นป่ าประมาณ ๒๕ ตวั และในสวนสตั วป์ ระมาณ ๒ ตวั ๑. ขอ้ ความน้ีกล่าวถึงสตั วช์ นิดใด ก. นกพิราบสีเทา ข. นกพริ าบพนั ธุใ์ หม่ ค. นกพิราบสีขาว ง. นกพิราบสีชมพู
๒.ข้อควำมนกี้ ล่ำวถงึ ส่ิงใดเป็ นสำคญั ก. ประวตั ิของนกพริ าบสีชมพู ข. ท่ีอยอู่ าศยั ของนกพริ าบสีชมพู ค. อาหารของนกพิราบสีชมพู ง. ปริมาณจานวนนกพิราบ ๓.“...ป้ำสมศรีเป็ นแม่ค้ำขำยถ่ำน ร้ำนของแกเป็ นห้องแถวสองห้องตดิ กนั อย่ตู ลำด ริมคลองห่ำงจำกห้องแถวของฉันไปเพยี งร้อยกว่ำเมตรเท่ำน้ันเอง...” ข้อควำมใดเป็ นใจควำมสำคญั ก. อยตู่ ลาดริมคลอง ข. ร้านของแกเป็นหอ้ งแถวสองหอ้ งติดกนั ค. ป้าสมศรีเป็นแมค่ า้ ขายถา่ น ง. ห่างจากหอ้ งแถวของฉันไปเพยี งร้อยกวา่ เมตร อ่ำนข้อควำมต่อไปนีแ้ ล้วตอบคำถำมข้อ ๔-๖ “.....ตน้ อากาเวมีข้ึนอยทู่ ว่ั ไปในบริเวณท่ีมีภมู ิอากาศแหง้ แลง้ ทางซีกโลก ดา้ นตะวนั ตก แต่มีมากเป็นอนั ดบั หน่ึงในประเทศเมก็ ซิโก ไปที่ไหนก็ไดพ้ บ และมีอยถู่ ึง ๒๐๐ กวา่ พนั ธุ์ เป็นพชื ที่ทนแดดทนลมไดด้ ี แลว้ ยงั มีหนา้ ตาน่า กลวั ไม่นอ้ ย ส่วนใหญ่แลว้ ตรงปลายใบจะมีหนามยาวแหลมเปี๊ ยบ ไม่เท่าน้นั ตามขอบใบซ่ึงมีลกั ษณะเหมือนกาบยงั มีหนามแข็งเป็นรูปจะงอยแหลมเรียงราย อยโู่ ดยรอบ ใบของอากาเวจะเป็นกอติดพ้นื ดิน (ลกั ษณะโดยทว่ั ไปของตน้ คลา้ ยกบั ตน้ หางจระเขแ้ ละตน้ ศรนารายณ์มาก) เวลามีดอก ช่อดอกก็จะแทง ข้ึนมาตรงกลางกอเลยทีเดียว แทงข้ึนไปสูงราว ๓-๖ เมตร มีดอกเป็นกระจุก เร่ิมบานจากขา้ งล่างข้ึนไปหาขา้ งบนในดอกมีน้าหวานอร่อยเป็นท่ีชื่นชอบของ แมลงทะเลทราย…”
๔. ควรต้ังช่ือข้อควำมข้ำงบนนวี้ ่ำอย่ำงไร ก. พืชเมก็ ซิโก ข. อากาเว ค. ประโยชน์ของพชื ง. คุณค่าพฤกษาชาติ ๕. พืชชนิดใดในประเทศไทยที่คล้ำยกบั ต้นอำกำเว ก. ตน้ หางจระเข้ ข. ถกู ท้งั ขอ้ ก และ ง ค. ตน้ หนามรอบขอ้ ง. ตน้ ศรนารายณ์ ๖. ชำวเม็กซิกนั น่ำจะสกดั น้ำหวำนจำกส่วนไหนของต้นอำกำเว ก. ทกุ ส่วน ข. โคนตน้ ค. หนามแขง็ ๆ ท่ีขอบใบ ง. ช่อดอก ๗. ข้อใดคือหลกั กำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั ก. คน้ หาขอ้ คิดเห็น ข. คน้ หาสาระ ค. คน้ หาขอ้ เทจ็ จริง ง. คน้ หาความสาคญั ๘. บุคคลในข้อใดไม่มีพืน้ ฐำนในกำรจบั ใจควำมสำคัญ ก. โอ๋ไม่ชอบวรรณคดีไทยเมื่ออา่ นเรื่องพระอภยั มณีจึงไมค่ อ่ ยเขา้ ใจ ข. ก่อนอ่านหนงั สือทกุ คร้ังกอ้ ยจะตอ้ งศึกษาส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในหนงั สือ ค. โป้งอ่านเร่ืองลูกชาวนาไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและเขา้ ใจเพราะเคยช่วยป่ ูทานา
ง. ป๋ องไดฉ้ ายาวา่ หนอนหนงั สือเพราะชอบอา่ นหนงั สือเกือบทกุ ประเภท ๙. ใจควำมสำคัญมคี วำมหมำยตรงกบั ข้อใด ก. การอา่ นเพอ่ื คน้ หาความสาคญั ข. ส่วนขยายขอ้ ความอื่นใหช้ ดั เจน ค. ขอ้ ความท่ีมีสาระคลมุ ขอ้ ความอ่ืน ง. ประโยค หรือขอ้ ความ ๑๐. ข้อใดคือจุดมุ่งหมำยของกำรอ่ำนจับใจควำมสำคญั ก. เมื่ออา่ นแลว้ สามารถจาคาประพนั ธ์ชนิดต่าง ๆ ได้ ข. เมื่ออ่านแลว้ สามารถปฏิบตั ิตามคาส่งั และคาแนะนาได้ ค. เมื่ออา่ นแลว้ สามารถคาดการณ์ และหาความจริงแสดงขอ้ คิดเห็น ง. เมื่ออ่านแลว้ สามารถสรุปหรือยอ่ เรื่องได้ พิจารณาหา คาตอบใหเ้ จอนะ คะ
กระดำษคำตอบหลงั เรียน เรื่อง กำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญพื้นฐำน ชื่อ............................................................................เลขท.่ี ......................................... ทดสอบหลงั เรียน ข้อ ก ข ค ง ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ รวม =
Search