Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรปฐมวัยอนุบาลกระสัง ปรับปรุง ๖๕

หลักสูตรปฐมวัยอนุบาลกระสัง ปรับปรุง ๖๕

Published by Guset User, 2022-08-16 05:37:43

Description: หลักสูตรปฐมวัยอนุบาลกระสัง ปรับปรุง ๖๕

Search

Read the Text Version

๙๖ เพื่อนำได้สรุปผลในการตัดสินพัฒนาการเด็กในภาพรวมเมื่อสิ้นปีการศึกษา โดยผู้สอนจะนำผลการประเมิน พัฒนาสะสมท่ีรวบรวมไว้ทุกหน่วยการเรยี นรู้ มาสรปุ ลงในสมุดบนั ทึกผลการประเมินพัฒนาการประจำช้ันและ สรุปผลพัฒนาการรายด้านท้ังชั้นเรียน ทั้งนี้การสรุปผลการประเมินพัฒนาการ ผู้สอนควรใช้ ฐานนิยม (Mode) จงึ เหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั การประเมินมากท่ีสุด ตามทีก่ ล่าวมาแล้วข้างต้น ข้นั ตอนที่ ๖ การสรุปรายงานผลและการนำข้อมูลไปใช้ ครปู ระจำชั้นจะสรุปผลเพอ่ื พฒั นาการของเด็ก ปฐมวัยเป็นรายตัวบ่งชี้ รายมาตรฐานและพัฒนาการทั้ง๔ ด้าน และรายงานต่อผู้บริหารสถานศึกษาอนุมัติผล การตัดสินและแจ้งคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมกับครูประจำชั้นจะจัดทำรายงานผลการ ประเมนิ พัฒนาการของเด็กรายบคุ คล รายภาค และรายปตี อ่ ผปู้ กครองในสมุดรายงานปรำตัวเด็กนกั เรยี น การบริหารจดั การหลกั สตู ร การนำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพตามจุดหมายของ หลักสูตร ผู้เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหลักสูตรในระบบสถานศึกษา ได้แก่ ผู้บริหาร ผู้สอน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และชุมชน มีบทบาทสำคัญยง่ิ ต่อการพฒั นาคุณภาพของเด็ก ๑. บทบาทผบู้ ริหารสถานศึกษาปฐมวยั การจัดการศึกษาแก่เด็กปฐมวัยในระบบสถานศกึ ษาให้เกิดประสิทธิผลสงู สุด ผบู้ รหิ าร สถานศึกษาควรมีบทบาท ดงั นี้ ๑.๑ ศึกษาทำความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยและมีวิสัยทัศน์ด้านการจัดการศึกษา ปฐมวยั ๑.๒ คัดเลือกบุคลากรที่ทำงานกับเด็ก เช่น ผู้สอน พี่เลี้ยง อย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึง คณุ สมบตั หิ ลกั ของบุคลากร ดงั นี้ ๑.๒.๑ มีวุฒิทางการศึกษาด้านการอนุบาลศึกษา การศึกษาปฐมวัย หรือผ่านการอบรม เก่ยี วกับการจดั การศึกษาปฐมวยั ๑.๒.๒ มีความรักเด็กจิตใจดี มีอารมณ์ขันและใจเย็น ให้ความเป็นกันเองกับเด็กอย่างเสมอ ภาค ๑.๒.๓ มบี คุ ลิกของความเปน็ ผสู้ อน เขา้ ใจและยอมรบั ธรรมชาติของเด็กตามวัย ๑.๒.๔ พดู จาสุภาพเรยี บรอ้ ย ชดั เจนเปน็ แบบอยา่ งได้ ๑.๒.๕ มีความเป็นระเบยี บ สะอาด และร้จู กั ประหยัด ๑.๒.๖ มคี วามอดทน ขยัน ซ่ือสัตยใ์ นการปฏิบตั งิ านในหนา้ ทแ่ี ละ การปฏิบัติต่อเด็ก ๑.๒.๗ มอี ารมณร์ ่วมกับเด็ก รูจ้ กั รบั ฟงั พจิ ารณาเรื่องราวปัญหาต่างๆ ของเด็กและตัดสิน ปญั หาตา่ งๆอยา่ งมีเหตผุ ลดว้ ยความ เป็นธรรม ๑.๒.๘ มีสขุ ภาพกายและสุขภาพจิตสมบูรณ์ ๑.๓ ส่งเสริมการจัดบริการทางการศึกษาให้เด็กได้เข้าเรียนอย่างทั่วถึง และเสมอภาค และ ปฏิบัตกิ ารรบั เด็กตามเกณฑท์ กี่ ำหนด ๑.๔ สง่ เสริมใหผ้ ูส้ อนและผทู้ ี่ปฏบิ ัตงิ านกับเดก็ พัฒนาตนเองมคี วามร้กู า้ วหนา้ อยู่เสมอ ๑.๕ เป็นผู้นำในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาโดยร่วมให้ความเห็นชอบ กำหนดวิสัยทัศน์ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของเด็กทุกช่วงอายุ ๑.๖ สร้างความรว่ มมือและประสานกบั บุคลากรทุกฝา่ ยในการจัดทำหลกั สูตรสถานศกึ ษา หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสัง สพป.บุรีรัมย์ เขต ๒

๙๗ ๑.๗ จัดให้มีข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับตัวเด็ก งานวิชาการหลักสูตร อย่างเป็นระบบและมี การประชาสัมพันธ์หลกั สตู รสถานศึกษา ๑.๘ สนบั สนนุ การจดั สภาพแวดล้อมตลอดจนส่ือ วสั ดุ อปุ กรณ์ท่ีเอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ ๑.๙ นเิ ทศ กำกับ ติดตามการใชห้ ลักสตู ร โดยจดั ให้มรี ะบบนเิ ทศภายในอยา่ งมรี ะบบ ๑.๑๐ กำกับติดตามให้มีการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาและนำผลจากการประเมิน ไปใช้ในการพฒั นาคุณภาพเด็ก ๑.๑๑ กำกบั ตดิ ตาม ให้มกี ารประเมนิ การนำหลกั สูตรไปใช้ เพ่อื นำผลจากการประเมินมา ปรบั ปรุงและพฒั นาสาระของหลักสูตรของสถานศึกษาใหส้ อดคล้องกับความต้องการของเด็ก บริบทสังคมและ ให้มีความทันสมยั ๒. บทบาทผู้สอนปฐมวัย การพัฒนาคุณภาพเด็กโดยถือว่าเด็กมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้อง สง่ เสรมิ ให้เดก็ สามารถพัฒนาตนตามธรรมชาติ สอดคล้องกับพฒั นาการและเต็มตามศักยภาพ ดังน้ัน ผู้สอนจงึ มีบทบาทสำคัญยิ่งที่จะทำให้กระบวนการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวบรรลุผลอย่างมีประสทิ ธิภาพ ผู้สอนจึงควรมี บทบาท / หนา้ ท่ี ดงั น้ี ๒.๑ บทบาทในฐานะผู้เสริมสร้างการเรยี นรู้ ๒.๑.๑ จัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กที่เด็กกำหนดขึ้นด้วยตัวเด็กเองและ ผู้สอนกับเด็กร่วมกันกำหนด โดยเสริมสร้างพัฒนาการเด็กใหค้ รอบคลมุ ทกุ ดา้ น ๒.๑.๒ ส่งเสริมให้เด็กใช้ข้อมูลแวดล้อม ศักยภาพของตัวเด็ก และหลักทางวิชาการ ในการผลติ กระทำ หรอื หาคำตอบในส่ิงที่เด็กเรียนร้อู ย่างมีเหตผุ ล ๒.๑.๓ กระตุ้นให้เด็กร่วมคิด แก้ปัญหา ค้นคว้าหาคำตอบด้วยตนเองด้วยวิธี การศึกษาทนี่ ำไปส่กู ารใฝ่รู้ และพัฒนาตนเอง ๒.๑.๔ จัดสภาพแวดล้อมและสร้างบรรยากาศการเรียนที่สร้างเสริมให้เด็กทำ กิจกรรมไดเ้ ตม็ ศักยภาพและความแตกต่างของเด็กแต่ละบุคคล ๒.๑.๕ สอดแทรกการอบรมด้านจริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ในการจัดการ เรียนรู้ และกจิ กรรมตา่ งๆอย่างสม่ำเสมอ ๒.๑.๖ ใช้กิจกรรมการเล่นเป็นสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กให้เป็นไปอย่างมี ประสิทธภิ าพ ๒.๑.๗ ใช้ปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้สอนและเด็กในการดำเนินกิจกรรมการเรียนการ สอนอย่างสมำ่ เสมอ ๒.๑.๘ จัดการประเมินผลการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับสภาพจริงและนำผลการ ประเมนิ มาปรบั ปรุงพัฒนาคุณภาพเดก็ เตม็ ศักยภาพ ๒.๒ บทบาทในฐานะผ้ดู แู ลเดก็ ๒.๒.๑ สังเกตและส่งเสริมพัฒนาการเด็กทุกด้านทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และ สตปิ ัญญา ๒.๒.๒ ฝึกใหเ้ ด็กชว่ ยเหลอื ตนเองในชวี ติ ประจำวัน ๒.๒.๓ ฝกึ ใหเ้ ด็กมคี วามเช่อื มั่น มีความภูมิใจในตนเองและกลา้ แสดงออก หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสัง สพป.บรุ ีรัมย์ เขต ๒

๙๘ ๒.๒.๔ ฝกึ การเรยี นรู้หน้าท่ี ความมีวนิ ัย และการมีนสิ ัยทดี่ ี ๒.๒.๕ จำแนกพฤตกิ รรมเด็กและสร้างเสรมิ ลักษณะนิสัยและแกป้ ญั หาเฉพาะบุคคล ๒.๒.๖ ประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา บ้าน และชุมชน เพื่อให้เด็กได้ พฒั นาเต็มตามศกั ยภาพและมมี าตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ ๒.๓ บทบาทในฐานะนักพฒั นาเทคโนโลยกี ารสอน ๒.๓.๑ นำนวัตกรรม เทคโนโลยีทางการสอนมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพ บรบิ ทสังคม ชุมชน และท้องถน่ิ ๒.๓.๒ ใช้เทคโนโลยีและแหลง่ เรยี นรู้ในชุมชนในการเสริมสร้างการเรียนรูใ้ ห้แก่เด็ก ๒.๓.๓ จัดทำวิจัยในชั้นเรียน เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร / กระบวนการ เรยี นรู้ และพฒั นาสื่อการเรยี นรู้ ๒.๓.๔ พัฒนาตนเองใหเ้ ปน็ บุคคลแห่งการเรียนรู้ มีคุณลักษณะของผูใ้ ฝ่รู้มีวิสยั ทศั น์ และทันสมัยทันเหตกุ ารณ์ในยคุ ของขอ้ มลู ข่าวสาร ๒.๔ บทบาทในฐานะผู้บรหิ ารหลกั สูตร ๒.๔.๑ ทำหน้าที่วางแผนกำหนดหลักสูตร หน่วยการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๒.๔.๒ จัดทำแผนการจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ ให้เด็กมีอิสระในการ เรียนรทู้ งั้ กายและใจ เปดิ โอกาสให้เด็กเล่น/ทำงาน และเรยี นร้ทู งั้ รายบุคคลและเป็นกลุ่ม ๒.๔.๓ ประเมินผลการใช้หลักสูตร เพื่อนำผลการประเมินมาปรับปรุงพัฒนา หลักสตู รใหท้ ันสมยั สอดคล้องกับความต้องการของ ผเู้ รยี น ชมุ ชน และทอ้ งถ่นิ ๓. บทบาทของพอ่ แมห่ รือผู้ปกครองเด็กปฐมวัย การศึกษาระดับปฐมวัยเป็นการศึกษาที่จัดให้แก่เด็กที่ผู้สอนและพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้อง สือ่ สารกนั ตลอดเวลา เพอ่ื ความเข้าใจตรงกนั และพร้อมรว่ มมือกนั ในการจดั การศึกษาใหก้ ับเดก็ ดงั นน้ั พ่อแม่ หรอื ผปู้ กครองควรมบี ทบาทหนา้ ท่ี ดังน้ี ๓.๑ มีส่วนร่วมในการกำหนดแผนพัฒนาสถานศึกษาและให้ความเห็นชอบ กำหนด แผนการเรยี นร้ขู องเด็กร่วมกบั ผสู้ อนและเด็ก ๓.๒ ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมของสถานศึกษา และกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กตาม ศกั ยภาพ ๓.๓ เปน็ เครอื ข่ายการเรยี นรู้ จดั บรรยากาศภายในบ้านให้เอื้อต่อการเรยี นรู้ ๓.๔ สนับสนนุ ทรัพยากรเพื่อการศกึ ษาตามความเหมาะสมและจำเปน็ ๓.๕ อบรมเลี้ยงดู เอาใจใส่ให้ความรัก ความอบอุ่น ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการด้าน ตา่ ง ๆ ของเด็ก หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนบุ าลกระสัง สพป.บุรรี มั ย์ เขต ๒

๙๙ ๓.๖ ป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ตลอดจนส่งเสริมคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ โดยประสานความร่วมมอื กับผสู้ อน ผเู้ กย่ี วข้อง ๓.๗ เป็นแบบอย่างที่ดีท้ังในด้านการปฏบิ ัติตนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ และมี คุณธรรม นำไปส่กู ารพฒั นาใหเ้ ปน็ สถาบันแห่งการเรียนรู้ ๓.๘ มสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของเดก็ และในการประเมนิ การจดั การศึกษาของ สถานศกึ ษา ๔. บทบาทของชุมชน การปฏิรูปการศึกษา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้กำหนดให้ชุมชนมี บทบาทในการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยให้มีการประสานความรว่ มมือเพื่อ ร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตาม ศักยภาพ ดงั น้ัน ชุมชนจึงมีบทบาทในการจดั การศกึ ษาปฐมวัย ดังน้ี ๔.๑ มีสว่ นร่วมในการบริหารสถานศึกษา ในบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา สมาคม / ชมรมผู้ปกครอง ๔.๒ มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของ สถานศึกษา ๔.๓ เป็นศูนย์การเรียนรู้ เครือข่ายการเรียนรู้ ให้เด็กได้เรียนรู้และมีประสบการณ์จ าก สถานการณ์จริง ๔.๔ ให้การสนับสนุนการจดั กจิ กรรมการเรียนร้ขู องสถานศกึ ษา ๔.๕ ส่งเสริมให้มีการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอก และภูมิ ปัญญาท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กทุกด้าน รวมทั้งสืบสานจารีตประเพณี ศิลปวัฒนธรรมของ ทอ้ งถนิ่ และของชาติ ๔.๖ ประสานงานกับองค์กรทั้งภาครฐั และเอกชน เพอ่ื ใหส้ ถานศกึ ษาเปน็ แหลง่ วิทยาการ ของชุมชน และมสี ่วนในการพัฒนาชุมชนและท้องถ่ิน ๔.๗ มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และประเมินผลการจดั การศึกษาของสถานศึกษา ทำหน้าท่ี เสนอแนะในการพฒั นาการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา การจดั การศึกษาระดบั ปฐมวัย ( เดก็ อายุ ๓ – ๖ ปี )สำหรับกลุม่ เปา้ หมายเฉพาะ การจดั การศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสามารถนำหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัยไปปรบั ใชไ้ ด้ ทง้ั ในสว่ นของโคตรสรา้ งหลกั สตู ร สาระ การเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ และการประเมินพัฒนาการให้เหมาะสมกับสภาพ บริบท ความต้องการ และศักยภาพของเด็กแต่ละประเภทเพ่อื พัฒนาให้เด็กมีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกำหนดโดย ดำเนนิ การดังน้ี ๑. เป้าหมายคุณภาพเด็ก หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้กำหนดมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ เปน็ เปา้ หมายและกรอบทิศทางเพ่ือใหท้ ุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใชใ้ นการพฒั นาเด็ก สถานศึกษา หรือผู้จัดการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สามารถเลือกหรือปรับใช้ ตัวบ่งชี้และสภาพที่พึงประสงค์ใน การพฒั นาเดก็ เพือ่ นำไปทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลแต่ยังคงไว้ซ่ึงคุณภาพพัฒนาการของเด็กท้ังด้าน รา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนุบาลกระสัง สพป.บุรีรัมย์ เขต ๒

๑๐๐ ๒. การประเมินพัฒนาการ จะต้องคำนึงถึงปัจจัยความแตกต่างของเด็ก อาทิ เด็กที่พิการอาจต้องมี การปรับการประเมินพัฒนาการทีเ่ อ้ือต่อสภาพเดก็ ทั้งวิธีการเครือ่ งมอื ทีใ่ ช้ หรอื กลุ่มเดก็ ท่มี ีจุดเน้นเฉพาะดา้ น การสร้างรอยเชือ่ มตอ่ ของการศึกษาระดบั ปฐมวัยกับระดบั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ การเชื่อมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ มีความสำคัญอย่างยิง่ บุคลากร ทุกฝ่ายจะต้องให้ความสนใจต่อการช่วยลดช่องว่างของความไม่เข้าใจในการจัดการศึกษาทั้งสองระดับ ซึ่งจะ สง่ ผลตอ่ การจัดการเรียนการสอน ตวั เดก็ ครู พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และบคุ ลากรทางการศึกษาอืน่ ๆท้ังระบบ การ เชื่อมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ จะประสบผลสำเร็จได้ต้องดำเนินการ ดังต่อไปน้ี ๑. ผบู้ ริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทเป็นผู้นำในการเชื่อมต่อโดยเฉพาะระหว่างหลักสูตร การศึกษาปฐมวัยในช่วงอายุ ๓ – ๖ ปี กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยต้องศึกษาหลักสูตรทั้งสองระดับ เพื่อทำความเข้าใจ จัดระบบการบริหารงานด้านวิชาการที่จะเอื้อต่อการ เชื่อมโยงการศึกษาโดยการจดั กจิ กรรมเพ่ือเช่ือมต่อการศึกษา ดังตวั อย่างกจิ กรรมต่อไปนี้ ๑.๑ จัดประชมครูระดับปฐมวัยและครูระดับประถมศึกษาร่วมกันสร้างรอยเชื่อมต่อของหลักสูตร ทงั้ สองระดบั ใหเ้ ป็นแนวปฏบิ ัติของสถานศึกษาเพื่อครูท้งั สองระดับจะได้เตรียมการสอนให้สอดคล้องกับเด็กวัย นี้ ๑.๒ จัดหารเอกสารด้านหลักสูตรและเอกสารทางวิชาการของทั้งสองระดับมาไว้ให้ครูและ บุคลากรอ่นื ๆไดศ้ ึกษาทำความเขา้ ใจ อย่างสะดวกและเพียงพอ ๑.๓ จัดกิจกรรมให้ครูทั้งสองระดับมีโอกาสแลกเปลี่ยนเผยแพร่ความรู้ใหม่ๆ ที่ได้รับจากการ อบรม ศกึ ษาดงู าน ซ่งึ ไม่ควรจัดให้เฉพาะครูในระดบั เดยี วกนั เท่านนั้ ๑.๔ จัดเอกสารเผยแพร่ตลอดจนกิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ ผ้ปู กครองและบคุ ลากรทางการศกึ ษาอย่างสมำ่ เสมอ ๑.๕ จัดให้มีการพบปะ หรือการทำกิจกรรมร่วมกับพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ในระหว่างที่เด็กอยู่ในระดับปฐมวัย เพื่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง จะได้สร้างความเข้าใจและสนับสนุนการเรียน การ สอนของบุตรหลานตนไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ๑.๖ จัดกิจกรรมให้ครูทั้งสองระดับได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับพ่อแม่ ผู้ปกครองและเด็กในบาง โอกาส ๑.๗ จดั กิจกรรมปฐมนเิ ทศพอ่ แม่ ผปู้ กครองอย่างนอ้ ย ๒ ครง้ั คือ กอ่ นเดก็ เข้าเรียนระดบั ปฐมวัย ศึกษาและก่อนเด็กจะเลื่อนขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเข้าใจ การศึกษาทั้งสองระดับ และใหค้ วามร่วมมอื ในการช่วยเดก็ ใหส้ ามารถปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดล้อมใหม่ได้ดี หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลกระสัง สพป.บุรรี ัมย์ เขต ๒

๑๐๑ ๒. ครรู ะดบั ปฐมวัย ครูระดับปฐมวัย นอกจากจะต้องศึกษาทำความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย และจัดกิจกรรม พฒั นาเด็กของตนแล้ว ควรศกึ ษาหลักสูตรการศึกษาข้นั พื้นฐาน การจัดการเรียนการสอนในชั้นประถมศึกษาปี ที่ ๑ และสร้างความเข้าใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคลากรอื่นๆ รวมทั้งช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวก่อน เลื่อนข้นึ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยครอู าจจัดกจิ กรรมดงั ตวั อย่างตอ่ ไปน้ี ๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตวั เด็กเป็นรายบุคคลเพื่อส่งต่อครูชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ซึ่งจะทำ ใหค้ รูระดับประถมศกึ ษาสามารถใช้ข้อมลู น้ันช่วยเหลือเด็กในการปรบั ตัวเขา้ กบั การเรียนรูใ้ หมต่ ่อไป ๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณท์ ีด่ ีๆ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ เพือ่ ใหเ้ ด็กเกิดเจตคตทิ ดี่ ีต่อการเรียนรู้ ๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสทำความรู้จักกับครูตลอดจนสภาพแวดล้อม บรรยากาศของห้องเรียน ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ท้ังท่ีอย่ใู นสถานศกึ ษาเดียวกันหรือสถานศกึ ษาอื่น ๓. ครูระดับประถมศึกษา ครูระดับประถมศึกษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการเด็กปฐมวัยและมีเจตคติที่ดีต่อการจัด ประสบการณ์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยเพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาจัดการเรียนรู้ในระดับชั้น ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ของตนให้ต่อเน่ืองกับการพัฒนาเดก็ ในระดบั ปฐมวยั ดังตวั อยา่ ง ตอ่ ไปนี้ ๓.๑ จัดกจิ กรรมใหเ้ ด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง มโี อกาสได้ทำความรู้จักคนุ้ เคยกบั ครแู ละห้องเรียน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ กอ่ นเปิดภาคเรียน ๓.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มีมุมประสบการณ์ ภายในห้องเพื่อให้เด็กได้มีโอกาสทำกิจกรรมได้อย่างอิสระเช่น มุมหนังสือ มุมของเล่น มุมเกมการศึกษา เพ่ือ ชว่ ยให้เด็กชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ได้ปรับตัวและเรียนรจู้ ากการปฏิบตั ิจรงิ ๓.๓ จัดกิจกรรมร่วมกนั กบั เด็กในการสร้างขอ้ ตกลงเกี่ยวกับการปฏบิ ัตติ น ๓.๔ เผยแพร่ข่าวสารด้านการเรียนรู้และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง และ ชมุ ชน ๔. พ่อแม่ ผปู้ กครองและบคุ ลากรทางการศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการศึกษาต้องทำความเข้าใจหลักสูตรของการศึกษาทั้งสองระดับ และเขา้ ใจ ว่าถึงแม้เด็กจะอยู่ในระดับประถมศึกษาแล้วแต่เด็กยังต้องการความรักความเอาใจใส่ การดูแลและการ ปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ได้แตกต่างไปจากระดับปฐมวัย และควรให้ความร่วมมือกับครูและสถานศึกษาในการช่วย เตรียมตัวเด็ก เพ่ือให้เดก็ สามารถปรับตวั ไดเ้ ร็วยง่ิ ข้นึ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนอนบุ าลกระสัง สพป.บรุ รี มั ย์ เขต ๒

๑๐๒ การกำกับ ติดตาม ประเมนิ และรายงาน การจัดสถานศึกษาปฐมวัยมีหลักการสำคัญในการให้สังคม ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาและ กระจายอำนาจการศึกษาลงไปยังท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็น ผู้จัดการศึกษาในระดับนี้ ดังนั้น เพื่อให้ผลผลิตทางการศึกษาปฐมวัยมีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง ประสงค์และสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและสังคมจำเป็นต้องมีระบบการกำกับ ติดตาม ประเมิน และรายงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการจัดการศึกษา เห็น ความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค ตลอดจนการให้ความร่วมมือช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน การวางแผน และ ดำเนนิ งานการจัดการศกึ ษาปฐมวัยให้มคี ุณภาพอยา่ งแท้จริง การกำกับ ติดตาม ประเมินและรายงานผลการจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ บริหารการศึกษาและระบบการประกันคุณภาพที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาปฐมวยั สร้างความมั่นใจให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยต้องมีการดำเนนิ การที่เป็นระบบเครือข่าย ครอบคลุมทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกตั้งแต่ระดับชาติ เขตพื้นที่ทุกระดับและทุกอาชีพ การกำกับดูแล ประเมินผลตอ้ งมกี ารรายงานผลจากทุกระดบั ใหท้ ุกฝ่ายรวมท้ังประชาชนท่วั ไปทราบ เพื่อนำขอ้ มลู จากรายงาน ผลมาจดั ทำแผนพฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อไป หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสัง สพป.บุรรี ัมย์ เขต ๒

๑๐๓ ลำดับท่ี ปฏิทนิ การจัดประสบการณ์ 1 2 ชัน้ อนบุ าลปที ี่ 1-3 ภาคเรยี นที่ 1 3 โรงเรยี นอนบุ าลกระสงั 4 ชอ่ื หน่วย 5 ปฐมนเิ ทศ 6 7 โรงเรยี นของเรา 8 ตัวเรา 9 หนูทำได้ 10 11 ครอบครัวมีสุข 12 อาหารดีมปี ระโยชน์ 13 14 ฝน 15 ขา้ ว 16 ปลอดภยั ไว้ก่อน 17 18 วันเฉลมิ พระชนมพรรษา ร.10 วันแม่ รกั เมืองไทย ของเล่นของใช้ ชมุ ชนของเรา ตน้ ไม้ท่ีรัก หนิ ดิน ทราย สตั ว์น่ารัก คมนาคม หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลกระสงั สพป.บุรรี มั ย์ เขต ๒

๑๐๔ ลำดบั ที่ ปฏิทนิ การจัดประสบการณ์ 19 20 ชน้ั อนบุ าลปีที่ 1-3 ภาคเรยี นท่ี 2 21 โรงเรียนอนบุ าลกระสงั 22 ชื่อหน่วย 23 รู้รอบ ปลอดภยั 24 วันลอยกระทง 25 กลางวนั กลางคนื 26 คา่ นยิ มไทย 27 วนั ชาติ 28 เศรษฐกิจพอเพยี ง 29 เทคโนโลยแี ละการส่อื สาร 30 วนั ข้นึ ปีใหม่ 31 วันปใี หม่ 32 ขนาด รูปร่าง รปู ทรง 33 วันเดก็ วนั ครู 34 โลกสวยด้วยสสี ัน 35 ฤดูหนาว 36 แรงและพลงั งานในชีวิตประจำวัน 37 เสียงรอบตวั 38 รักการอา่ น ปริมาตร นำ้ หนกั ฤดูรอ้ น หมีย่ ำกระสงั ทบทวนความรู้ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนอนบุ าลกระสงั สพป.บรุ รี มั ย์ เขต ๒

๑๐๕ ภาคผนวก หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนุบาลกระสงั สพป.บรุ ีรัมย์ เขต ๒

๑๐๖ ตัวอยา่ งการประเมนิ พฒั นาการเด็ก การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวยั ช้นั อนุบาลปที ่ี 1 พัฒนาการดา้ นร่างกาย 1. กระโดดขาเดียวอยูก่ ับทีไ่ ด้ วธิ กี ารประเมิน 1. อาสาสมคั รนำอบอ่นุ รา่ งกาย 2. ครูอธิบายและสาธติ วิธกี ารกระโดดขาเดียว โดยเล่นเกม นายพรานจบั นกเขา ดังน้ี 2.1ครูขีดวงกลมเสน้ ผา่ ศูนย์กลาง 4 เมตร 2.2เลอื กเด็ก 10 คน คนท่ี 1 เลน่ เป็นนายพราน โดยยกขาขา้ งใดขา้ งหน่ึงแลว้ กระโดดไปแตะ ตวั เพอื่ นเพอ่ื นท่ีเหลอื อกี 9 คน ใหว้ งิ่ หนไี ปไม่ให้แตะได้ แตต่ ้องอย่ภู ายในวงกลม 2.3ครูและเพ่อื นทเ่ี หลือคอยดู 2.4ใหเ้ ด็กทุกคนทดลองเล่น โดยผลัดเปลยี่ นกนั เป็นนายพราน 3. ครคู อยดูและสงั เกตพร้อมจดบนั ทกึ ประเมนิ ผลเป็นรายบคุ คล 4. สนทนาซกั ถามความรสู้ ึกและใหเ้ ลน่ อสิ ระ 5. ทำความสะอาดรา่ งกายและกลบั เข้าช้ันเรียน เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถึง กระโดดขาเดยี วอยู่กับท่ีได้ โดยไมเ่ สียการทรงตวั ปานกลาง หมายถงึ กระโดดขาเดียวอยู่กบั ท่ไี ด้ แต่หยุดพกั บ่อย ควรเสริม หมายถึง กระโดดขาเดียวได้ แตเ่ สียการทรงตวั 2. รบั ลกู บอลไดด้ ้วยมือท้งั สองข้าง วิธีการประเมิน 1. อาสาสมคั รนำอบอุ่นรา่ งกาย 2. ครอู ธบิ ายและสาธิตวิธรี บั ลูกบอล ดงั นี้ 2.1ใหเ้ ด็กเข้าแถวเป็นรูปวงกลม 2.2ครูโยนลูกบอลให้อาสาสมัครรับดว้ ยมอื ท้ังสอง 2.3รอบที่ 1 ครูโยนลกู บอลใหเ้ ดก็ ทกุ คนให้เด็กทดลองรบั เป็นรายบุคคล รอบท่ี 2 ให้เด็กรบั ลูกบอลที่ครโู ยน ครูคอยสังเกตความก้าวหนา้ ในการรบั ลูกบอลของเด็ก 2.4ให้เด็กเลน่ อสิ ระโดยมีเพ่ือนคนหนงึ่ เป็นคนโยนลูกบอล ครูคอยดแู ละสงั เกตพร้อมจดบันทกึ ประเมินผลเป็นรายบุคคล 3. สนทนาซกั ถามความรู้สึก 4. ให้เดก็ เลน่ อิสระ 5. ทำความสะอาดรา่ งกาย หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสัง สพป.บุรีรมั ย์ เขต ๒

๑๐๗ เกณฑ์การประเมิน หมายถึง รบั ลูกบอลด้วยมือทั้งสองได้ 2 – 3 ครง้ั ดี หมายถึง รบั ลกู บอลด้วยมือทั้งสองได้ 1 – 2 ครั้ง ปานกลาง หมายถงึ รบั ลูกบอลไม่ได้แมแ้ ต่คร้ังเดียว ควรเสริม 3. เดินขึ้นลงบนั ไดสลับเทา้ ได้ วิธีการประเมนิ 1. อาสาสมคั รนำอบอนุ่ ร่างกาย 2. ครอู ธิบายและให้อาสาสมคั รสาธติ การเดนิ ขึ้นลงบนั ไดสลบั เทา้ 2.1อาสาสมัคร 1 คน เดินขึน้ ลงบนั ไดสลบั เท้าโดยไมจ่ บั ราวบนั ได 2.2ให้เด็กทุกคนทดลองเดนิ 2.3ครคู อยสังเกตการข้นึ ลงบันไดสลับเทา้ ของเดก็ เป็นรายบุคคล พรอ้ มบันทึก 3. ซกั ถามความรสู้ กึ ให้เลน่ อสิ ระ 4. ทำความสะอาดร่างกายและกลับเขา้ ชนั้ เรยี น เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ เด็กเดนิ ขน้ึ ลงบนั ไดสลับเทา้ ได้ ปานกลาง หมายถึง เด็กเดินขึ้นลงบันไดสลับเทา้ ได้แต่ชา้ ควรเสรมิ หมายถึง เด็กเดินขนึ้ ลงบนั ไดสลับเทา้ ได้ช้า และต้องพักเท้ากอ่ นกา้ วเดนิ ต่อไป 4. เขยี นรปู สเ่ี หล่ียมตามแบบได้ วธิ ีการประเมิน 1. ครูและเด็กร่วมสนทนาถึงรูปส่เี หล่ยี ม 2. ให้เดก็ เขยี นรูปสเี่ หลยี่ มตามแบบ 3. ครูคอยดูและบริการวัสดุ อุปกรณ์ เช่น กระดาษ สเี ทียน ใหเ้ ดก็ 4. เด็กเขยี นรูปส่ีเหลยี่ มตามแบบได้ เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ ความสามารถในการเขียนรูปสเี่ หลย่ี มตามแบบ มี มุม มีดา้ นท่ีชดั เจน ปานกลาง หมายถงึ ความสามารถในการเขียนรูปสเี่ หลี่ยมตามแบบได้ แต่มมี ุม มีด้าน ไมช่ ัดเจน ควรเสรมิ หมายถึงในการเขียนรูปสเี่ หลี่ยมตามแบบได้ มมี ุม มีด้าน ไม่ชัดเจน และบอกว่าตวั เองทำ อะไร 5. ตัดกระดาษเปน็ เส้นตรงได้ วิธีการประเมนิ 1. ครูแจกกระดาษขาว A 4 ทที่ ำเป็นแนวเส้นตรงมีรอยเส้นประ 2. ใหเ้ ดก็ ใชก้ รรไกรตดั กระดาษแนวเส้นตรงทม่ี ีรอยเส้นประเหลา่ น้นั หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนอนบุ าลกระสัง สพป.บุรรี มั ย์ เขต ๒

๑๐๘ 3. ครคู อยดูและสังเกตความสามารถในการตัดกระดาษ 4. บนั ทึกพฤตกิ รรมประเมินผลเปน็ รายบคุ คล 5. เก็บวสั ดอุ ุปกรณ์เขา้ ท่ใี ห้เรยี บร้อย เกณฑ์การประเมิน หมายถงึ ตัดกระดาษเป็นเสน้ ตรงได้ดี ดี หมายถึง ตัดกระดาษเปน็ เส้นตรงได้ แตม่ รี อยหยัก ปานกลาง หมายถงึ ตดั กระดาษเป็นเสน้ ตรงไดบ้ า้ ง แต่ไมต่ ัดตามแนว ปรับปรงุ เสน้ ทก่ี ำหนด 6. ความกระฉับกระเฉงไม่อยเู่ ฉย วธิ ีการประเมนิ 1. ครูและเด็กสรา้ งข้อตกลงร่วมกนั ในการเคลอ่ื นไหวและจงั หวะ 2. เด็กปฏบิ ัติตามอย่างคล่องแคล่วว่องไว 3. ครคู อยดูและสงั เกตการเคลือ่ นไหวของเดก็ เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถึง เด็กสามารถเคลื่อนไหวทุก ๆ สว่ นของร่างกายได้อย่างคล่องแคลว่ วอ่ งไว ปานกลาง หมายถงึ เด็กสามารถเคลื่อนไหวทุก ๆ ส่วนของรา่ งกายได้แตช่ า้ ควรเสรมิ หมายถึง เด็กสามารถเคลอ่ื นไหวทกุ ๆ สว่ นของร่างกายได้ชา้ ตอ้ งใหค้ รหู รอื เพ่ือน คอยเตือน หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนุบาลกระสงั สพป.บรุ ีรมั ย์ เขต ๒

๑๐๙ การประเมนิ พัฒนาการเดก็ ปฐมวัย ชน้ั อนบุ าลปีที่ 1 พฒั นาการดา้ นอารมณ์และจติ ใจ 1. แสดงออกทางอารมณไ์ ด้เหมาะสมกบั บางสถานการณ์ วิธกี ารประเมนิ 1. ครูเล่าเรือ่ งราวทเี่ ก่ยี วกับความร้สู กึ ความต้องการและอารมณ์ เช่น เจบ็ เหน่อื ย หวิ ง่วง เบ่ือ ไม่ชอบ รัก โกรธ กลัว ดีใจ เสยี ใจ ฯลฯ 2. ครคู อยดูและสังเกตพฤตกิ รรม พรอ้ มประเมนิ ผลเป็นรายบคุ คลหลาย ๆ คร้ัง เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถงึ เดก็ สามารถแสดงออกทางอารมณไ์ ด้เหมาะสม กับบางสถานการณ์ที่กำหนดไดถ้ กู ต้อง ปานกลาง หมายถึง เด็กสามารถแสดงออกทางอารมณ์ไดเ้ หมาะสม กับบางสถานการณ์ทกี่ ำหนดไดบ้ างเร่อื ง ปรับปรุง หมายถึง เดก็ แสดงออกทางอารมณ์ไมส่ อดคล้องกับสถานการณ์ต่าง ๆ 2. เรม่ิ รู้สึกช่นื ชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อ่นื วิธีการประเมนิ 1. ให้เด็กปฏิบัตกิ จิ กรรมเพ่ือแสดงความสามารถของแต่ละบุคคล เชน่ การวาดภาพระบายสี การปน้ั ดนิ นำ้ การร้อยลูกปัด การเลน่ ตามมุม 2. ครูคอยดูและสังเกตพฤตกิ รรม ในขณะท่ีเด็กปฏบิ ตั กิ จิ กรรมร่วมกบั เพื่อน 3. ครูคอยประเมนิ ผล โดยสังเกตพฤติกรรมจากกิจกรรมอ่ืน เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถึงชืน่ ชม ยอมรบั แสดงความภาคภูมิใจ และชมผลงานของเพ่อื นด้วยตนเอง และ ผอู้ ืน่ ปานกลาง หมายถึงช่ืนชม ยอมรับแสดงความภาคภมู ิใจ และชมผลงานของตนเองและผู้อ่ืน โดยมี เพอ่ื นหรือครคู อยชนี้ ำ ปรบั ปรุง หมายถงึ แสดงสหี น้าท่าทางเฉย ๆ ไม่แสดงความคดิ เห็นตอ่ ผลงานของตนเอง และผู้อ่ืน 3. ชอบทา้ ทายผ้ใู หญ่ วิธกี ารประเมนิ 1. ครเู ปดิ โอกาสให้เด็กสนทนาด้วยความเปน็ กนั เอง 2. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมเด็กเปน็ รายบคุ คลหลาย ๆ คร้ัง เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ เดก็ กล้าแสดงออกและทา้ ทายผใู้ หญร่ ่วมกิจกรรม ด้วยความสนุกสนาน หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนอนุบาลกระสัง สพป.บรุ รี มั ย์ เขต ๒

๑๑๐ ปานกลาง หมายถึง เด็กกลา้ แสดงออก และทา้ ทายผใู้ หญ่ ปรบั ปรงุ หมายถงึ เดก็ ไมก่ ลา้ แสดงออก แม้ครูและเพื่อน ๆ จะคอยกระต้นุ 4. ตอ้ งการให้มคี นฟงั คนสนใจ วิธีการประเมิน 1. ให้เด็กปฏบิ ตั ิตนตามตารางกจิ กรรมประจำวนั ตามหน่วยการเรยี น 2. ครคู อยดูแลและสงั เกตพฤติกรรมในการเปน็ ผู้นำ เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ เดก็ เลน่ และทำกจิ กรรมกบั ผู้อ่ืนโดยเรยี กรอ้ งความสนใจ ตลอดเวลา ปานกลาง หมายถงึ เดก็ เลน่ และทำกจิ กรรมกับผู้อ่ืนโดยเรียกรอ้ งความสนใจ เปน็ บางเวลา ปรบั ปรุง หมายถึง เดก็ เล่นและทำกจิ กรรมกับผู้อ่ืนโดยแยกตวั ตามลำพัง การประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวยั ชนั้ อนบุ าลปีที่ 1 พัฒนาการดา้ นสงั คม 1. แตง่ ตัวไดด้ ้วยตนเอง ไปห้องสว้ มไดเ้ อง วธิ กี ารประเมนิ 1. ให้เด็กปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามตารางกิจกรรมประจำวนั 2. ครคู อยดูแลสงั เกตความสามารถในการปฏบิ ตั ิกิจวัตรประจำวันดว้ ยตนเอง เช่น การแต่งตวั การเขา้ หอ้ งนำ้ ห้องสว้ ม การใชว้ สั ดอุ ปุ กรณ์อยา่ งคล่องแคล่ว การรับประทานอาหาร การช่วยเหลือเพ่ือน การชว่ ยเหลอื งานครู การแปรงฟัน การปูทีน่ อน เกบ็ ทน่ี อน ฯลฯ 3. ครใู หเ้ ด็กปฏิบตั จิ รงิ เกย่ี วกบั การแต่งตวั การไปหอ้ งส้วม โดยครูดแู ล แนะนำ เสรมิ แรงให้เดก็ ปฏิบตั ิ ด้วยตนเอง 4. ครปู ระเมนิ ผลโดยสังเกตหลาย ๆ ครงั้ ก่อนตดั สินผล เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถึง ความสามารถในการแต่งตัว ไปห้องสว้ มได้ด้วยตนเอง ปานกลาง หมายถึง ความสามารถในการแต่งตัว ไปหอ้ งสว้ มไดโ้ ดยครูและ เพือ่ นชว่ ย ปรับปรงุ หมายถงึ ความสามารถในการแต่งตัวไปห้องสว้ มได้โดยครูและ เพอ่ื นช่วยเหลือบ่อย ๆ และบางกจิ กรรมทำไม่ได้ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนอนบุ าลกระสัง สพป.บุรีรัมย์ เขต ๒

๑๑๑ 2. เล่นร่วมกบั คนอืน่ ได้ วธิ ีการประเมนิ 1. ครแู ละเด็กรว่ มกันร้องเพลง 2. เด็กปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่ม โดยกลมุ่ ทร่ี วมกันจะสลับกัน โดยการรวมกลมุ่ ตามความสนใจ ทำกิจกรรม ตามหนว่ ยการเรียน การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเคล่ือนไหวและจงั หวะ สรา้ งสรรค์ เล่นอิสระ กิจกรรม กลางแจ้ง กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ เกมการศึกษา 3. ครปู ระเมินผลการทำกิจกรรมของเด็กร่วมกบั เพ่ือนเป็นรายบุคคล โดยการสังเกตหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้ เกดิ ความแน่ใจ เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถึง เดก็ เล่นและทำกจิ กรรมร่วมกับผู้อ่ืนได้โดยไม่ขัดแย้งกนั ในกลุ่ม ปานกลาง หมายถึง เดก็ เล่นและทำกจิ กรรมรว่ มกับผู้อ่ืนไดบ้ างกจิ กรรมโดยไม่มี ขอ้ ขัดแยง้ กนั ในกลุ่ม ปรบั ปรงุ หมายถงึ เล่นและทำกิจกรรมรว่ มกบั ผู้อืน่ ไดใ้ นเวลาจำกดั งานจึงไมส่ ำเรจ็ 3. รอคอยตามลำดบั ก่อน - หลัง วิธีการประเมนิ 1. ใหเ้ ด็กปฏิบตั กิ ิจกรรมตารางกิจกรรมประจำวนั 2. ครแู ละเด็กรว่ มกันสนทนาถงึ ระเบียบวินยั ในการอยู่ร่วมกนั ในสงั คม 3. เดก็ และครรู ว่ มกนั อภปิ รายถึงเรอ่ื งการเขา้ แถว การแยง่ ชิง และการรอคอย 4. ครสู งั เกตพฤติกรรมในการทำกิจกรรม เชน่ การด่มื นม การเข้าห้องน้ำ ห้องสว้ ม การใช้วสั ดอุ ปุ กรณ์ ตา่ ง ๆ จนแน่ใจวา่ ร้จู กั การรอคอยตามลำดบั กอ่ นหลัง เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถึง เดก็ สามารถรอคอยได้ ปานกลาง หมายถึง เดก็ สามารถรอคอยได้บางโอกาส ปรับปรุง หมายถึง เดก็ ไม่สามารถปฏบิ ตั ติ นในการรอคอยได้ 4. แบง่ ของใหค้ นอื่น วิธีการประเมิน 1. ใหเ้ ดก็ ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามตารางกิจกรรมประจำวัน 2. ครดู ูแลและสงั เกตพฤติกรรมการช่วยเหลอื เพื่อนและแบ่งปันสิง่ ของของผู้อ่นื จากกจิ กรรมเคล่อื นไหว และจังหวะ สร้างสรรค์ เสรี เสรมิ ประสบการณ์ กลางแจ้ง เกมการศกึ ษา 3. ครูดูแลและสงั เกตพฤติกรรมการแบ่งปันใหผ้ อู้ ืน่ เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ แบ่งปนั ของให้คนอนื่ เปน็ ประจำด้วยตนเอง ปานกลาง หมายถงึ แบง่ ปนั ของใหค้ นอน่ื ไดโ้ ดยการชี้นำ ขอรอ้ งจากเพื่อนและครู ปรบั ปรุง หมายถึง ไมย่ อมแบ่งปนั ของให้คนอน่ื เลย แมเ้ พอ่ื นและครจู ะขอร้อง หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นอนุบาลกระสัง สพป.บรุ รี มั ย์ เขต ๒

๑๑๒ 5. เกบ็ ของเล่นเข้าทีไ่ ด้ วธิ ีการประเมิน 1. ใหเ้ ดก็ ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามตารางกิจกรรมประจำวัน 2. ครูดูแลและสงั เกตพฤติกรรมในการปฏิบัตกิ ิจกรรมประจำวัน เช่น การเลน่ การทำงานรายบคุ คล รายกลมุ่ วา่ มกี ารเกบ็ ของเขา้ ท่ีจากการทำกจิ กรรมหรอื เล่นเสรจ็ แล้ว หลาย ๆ ครั้ง เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ เด็กสามารถเกบ็ ของเล่นเข้าที่ไดท้ ุกครง้ั ปานกลาง หมายถงึ เด็กสามารถเก็บของเล่นเข้าท่ีไดบ้ างครั้ง ปรบั ปรงุ หมายถึง เดก็ ไม่เกบ็ ของเลน่ เลย การประเมินพฒั นาการเดก็ ปฐมวัย ช้นั อนบุ าลปีท่ี 1 พฒั นาการด้านสติปัญญา 1. จำแนกสิง่ ต่าง ๆ ด้วยประสาทสัมผัสทง้ั หา้ ได้ วิธกี ารประเมนิ 1. ครนู ำผ้าห่อสง่ิ ต่าง ๆ เหลา่ น้ใี หเ้ ด็กดมกลน่ิ - มะนาว , มะกรดู , หวั หอม , กระเทยี ม , นำ้ หอม , แอมโมเนยี แลว้ บอกกลิ่น 2. ครนู ำแถบบนั ทกึ เสยี งมาใหเ้ ด็ก ๆ ฟัง แลว้ ใหเ้ ดก็ บอกเสยี ง ดังนี้ - ฝนตก , แตรรถ , นกหวดี , ไกข่ ัน , ฟ้ารอ้ ง , ฟา้ ผา่ , เสียงกร่ิง , เสียงโทรศพั ท์ , เสียงประทัด 3. ครใู ห้เด็กชิมรสนำ้ ต่าง ๆ ดงั น้ี - น้ำเปลา่ , น้ำโซดา , น้ำมะนาว , น้ำเกลอื , นำ้ เชือ่ ม 4. ครนู ำของมาให้เด็กดูตาเปล่าและปิดตาแล้วตอบคำถาม ดังนี้ - ตกุ๊ ตา , บลอ็ กไม้ , นกหวีด , ฉิ่ง 5. ครูนำวสั ดุตอ่ ไปนี้มาให้เด็กคลำ และจำแนกพน้ื ผวิ - ถ่ัวเขยี ว , กอ้ นหนิ , ขา้ วเปลือก , สำลี , บลอ็ กไม้ , ฟองนำ้ เกณฑก์ ารประเมิน ดี หมายถึง เด็กสามารถจำแนกสง่ิ ต่าง ๆ ด้วยประสาทสัมผัสทง้ั หา้ ได้ 4 ลกั ษณะด้วยตนเอง ปานกลาง หมายถึง เดก็ สามารถจำแนกส่งิ ต่าง ๆ ด้วยประสาทสมั ผสั ท้ังห้าได้ 3 ลักษณะดว้ ยตนเอง แต่บางกจิ กรรมครแู ละเพื่อนชนี้ ำ ปรบั ปรงุ หมายถงึ เด็กสามารถจำแนกส่งิ ต่าง ๆ ด้วยประสาทสมั ผัสทง้ั หา้ ได้ 1 – 2 ลักษณะดว้ ยตนเอง บางกจิ กรรมครูและเพื่อนช้ีนำบาง กจิ กรรมทำไม่ได้ หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสัง สพป.บุรีรัมย์ เขต ๒

๑๑๓ 2. บอกช่ือและนามสกลุ ของตนเองได้ วิธีการประเมิน 1. ครแู ละเด็กสนทนาเพอื่ สรา้ งความค้นุ เคยและใหเ้ ด็กบอกช่อื นามสกลุ ตนเอง 2. ครปู ระเมนิ และบนั ทึกผล เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ เดก็ บอกชื่อและนามสกุลของตนเองไดถ้ ูกตอ้ ง ปานกลาง หมายถึง เดก็ บอกช่ือหรือนามสกุลไดโ้ ดยครหู รอื เพื่อนช้แี นะ ปรับปรงุ หมายถึง เด็กไมส่ ามารถบอกช่ือหรอื นามสกุลได้ แม้ครูหรอื เพ่ือน ชี้แนะ 3. พยายามแก้ปัญหาด้วยตนเองหลงั จากไดร้ ับคำชีแ้ นะ วิธกี ารประเมิน 1. ครูและเด็กสนทนาตามตารางกิจกรรมประจำวัน 2. ประเมินผลความสามารถของเดก็ ในการพยายามแก้ปัญหาดว้ ยตนเองจากตารางกจิ กรรมประจำวัน และหนว่ ยการเรยี น โดยผา่ นการสนทนา ซักถาม สมั ภาษณค์ วามสามารถในการแกป้ ัญหา และตอบ คำถามดังนี้ - ถา้ ดินสอของเดก็ ๆ หัก เด็ก ๆ จะทำอยา่ งไร - ถ้าเดก็ ๆ ว่งิ ชนคณุ ครู เดก็ ๆ จะทำอย่างไร - เด็ก ๆ ปวดปัสสาวะ อุจจาระ เด็ก ๆ จะทำอย่างไร - ถ้าเดก็ ๆ เก็บสง่ิ ของได้ เด็ก ๆ จะทำอย่างไร 3. ครูประเมินผลและบันทึกผล เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถึง ความสามารถในการแกป้ ัญหาของเด็กประสบผลสำเร็จปญั หาหมดไปทำไดร้ าบร่นื บ่อย ๆ ตัง้ แต่ 5 ครง้ั ข้ึนไปด้วยตนเอง ปานกลาง หมายถึง ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กประสบผลสำเร็จปัญหาหมดไปทำได้ ราบร่นื บอ่ ย ๆ ตง้ั แต่ 3 - 4 ครง้ั ขึน้ ไปดว้ ยตนเอง ปรับปรงุ หมายถึง ความสามารถในการแก้ปัญหาของเดก็ ประสบผลสำเร็จด้วยการชน้ี ำของครแู ละ เพื่อน ๆ หากปล่อยให้คิดแกป้ ัญหาเอง เด็กจะทำไม่สำเร็จ 4. สนทนาโต้ตอบ/เลา่ เร่อื งเปน็ ประโยคอย่างต่อเน่ือง เช่น วธิ ีการประเมิน 1. เด็กปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเล่าขา่ วและเหตุการณ์ หรอื ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามตารางกจิ กรรมประจำวัน วาดภาพ ปั้นดินนำ้ มนั เล่นตามมมุ และใหน้ ำเสนอผลงาน 2. ครูนำสนทนา ให้เดก็ เล่าเรื่องเป็นประโยคอย่างต่อเนือ่ ง 3. ครูประเมินและบันทึกผล หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสัง สพป.บุรรี ัมย์ เขต ๒

๑๑๔ เกณฑ์การประเมนิ เดก็ สามารถสนทนาโต้ตอบเล่าเรื่องเปน็ ประโยคต่อเนื่องได้ ดี หมายถึง เด็กสามารถสนทนาโตต้ อบเล่าเรอ่ื งเปน็ ประโยคต่อเนอื่ งไดโ้ ดยครแู ละเพอื่ น คอยช้แี นะ ปานกลาง หมายถงึ เด็กสามารถสนทนาโตต้ อบเลา่ เร่ืองเป็นประโยคตอ่ เนือ่ งไดเ้ พยี งการตอบ คำถามเม่ือครูถามและตอบไดโ้ ดยการชี้นำของครหู รือเพื่อน ปรับปรงุ หมายถึง 5. สรา้ งผลงานตามความคดิ ของตนเองโดยมีรายละเอียดเพม่ิ ข้ึน วิธีการประเมนิ 1. เด็กปฏบิ ตั ิกจิ กรรมสร้างสรรค์ เช่น วาดภาพ ปนั้ ดินน้ำมนั พับสี เปา่ สี พบั กระดาษ เปน็ ตน้ 2. ครูคอยดูแลและบนั ทึกพฤติกรรม พร้อมท้ังจดั แสดงผลงานของเด็กเปน็ รายบุคคล 3. การประเมนิ ผลโดยการเก็บชิ้นงานครัง้ ก่อนเปรยี บเทียบผลงานชนิ้ ปัจจุบัน ดคู วามกา้ วหนา้ ของผลงาน เปน็ รายบคุ คล และบันทกึ ผลการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ ผลงานท่เี ดก็ สรา้ งขึ้นมีความก้าวหนา้ ขึ้นตามลำดับ ปานกลาง หมายถงึ ผลงานท่ีเดก็ สรา้ งข้ึนมีความก้าวหน้าไมส่ ม่ำเสมอ ดขี ึน้ ลดลงสลบั กนั ไป ปรับปรงุ หมายถึง ผลงานอยทู่ ่ีเดมิ ไม่มกี ารพฒั นาผลงานของตนเอง 6. ร้จู ักใช้คำถาม “ทำไม” วธิ กี ารประเมนิ 1. ครูสร้างสถานการณ์หรือเล่านิทานให้เด็กฟงั 2. ให้เดก็ สนทนาและใช้คำถาม “ทำไม” 3. ครูดแู ลและสังเกตการใช้คำถาม 4. ครูบนั ทกึ และประเมินผล เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถึง เดก็ ใช้คำถาม “ทำไม” ได้ด้วยตนเอง ปานกลาง หมายถงึ เด็กใชค้ ำถาม “ทำไม” ได้โดยครแู ละเพือ่ นคอยชแ้ี นะ ปรบั ปรงุ หมายถึง เด็กใชค้ ำถาม “ทำไม” ไม่ได้ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนอนบุ าลกระสงั สพป.บรุ รี ัมย์ เขต ๒

๑๑๕ การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวยั ชน้ั อนุบาลปที ี่ 2 พฒั นาการดา้ นรา่ งกาย 1. กระโดดขาเดยี วไปข้างหน้าอย่างตอ่ เนอ่ื งได้ วิธีการประเมนิ 1. อาสาสมคั รนำอบอนุ่ ร่างกาย 2. ครูและอาสาสมัครอธิบายและสาธิตการกระโดดขาเดยี ว โดยเกมกระต่ายขาเดยี ว ดังน้ี 2.1เลอื กเด็ก 5 คน คนที่ 1 เล่นเป็นกระต่ายขาเดยี ว โดยยกขาข้างใดข้างหนึ่งกระโดดไปแตะตัว เพื่อนใหไ้ ด้ เพื่อนท่ีเหลือวิง่ หนีไปใหแ้ ตะไม่ได้ 2.2ครแู ละเพือ่ นคอยดู 2.3ใหเ้ ด็กทุกคนทดลองเลน่ โดยผลัดเปลยี่ นกันเป็นกระต่าย 3. ครูคอยดูและสังเกตพร้อมจดบันทกึ ประเมินผลเป็นรายบุคคล 4. สนทนาซักถามความรู้สึกและให้เลน่ อิสระ 5. ทำความสะอาดร่างกายกลบั เข้าชน้ั เรยี น เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถงึ กระโดดขาเดียวไปขา้ งหน้าอยา่ งต่อเนื่องได้ โดยไม่เสยี การทรงตัว ปานกลาง หมายถึง กระโดดขาเดียวไปขา้ งหน้าอย่างตอ่ เน่ืองได้ แตต่ อ้ งหยุดพัก ปรบั ปรงุ หมายถึง กระโดดขาเดยี วไปข้างหนา้ ได้ไม่ต่อเนือ่ ง เสียการทรงตวั 2. รบั ลกู บอลที่กระดอนขนึ้ จากพ้นื ไดด้ ว้ ยมือทั้งสอง วธิ ีการประเมิน 1. อาสาสมคั รนำอบอ่นุ รา่ งกาย 2. ครแู ละอาสาสมัครอธิบายและสาธิตวธิ ีรบั ลกู บอลด้วยมือทั้งสอง 2.1ให้เด็กเขา้ แถวเป็นรปู วงกลม 2.2ครูโยนลกู บอลลงพืน้ โดยกะให้ลกู บอลกระดอนขึน้ แล้วเดก็ สามารถรบั ไดด้ ้วยมือท้งั สอง 2.3รอบที่ 1 ครูโยนลกู บอลให้กระดอนหนา้ เดก็ ทุกคน ใหเ้ ด็กรองรบั ลูกบอลเปน็ รายบคุ คล รอบที่ 2 ให้เด็กรบั ลูกบอลที่ครโู ยน ครคู อยสังเกตความก้าวหน้าในการรับลกู บอลของเด็ก 2.4ใหเ้ ดก็ เล่นอิสระโดยมีเพื่อนคนหน่งึ เปน็ คนโยนลูกบอลให้กระดอนจากพื้น ครูคอยดูและสงั เกต พร้อมจดบันทึกผลเปน็ รายบุคคล 3. สนทนาซักถามความรู้สึก 4. ใหเ้ ดก็ เลน่ อิสระ 5. ทำความสะอาดรา่ งกายแล้วกลับเข้าชนั้ เรียน หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนุบาลกระสงั สพป.บรุ รี ัมย์ เขต ๒

๑๑๖ เกณฑ์การประเมนิ หมายถึง รบั ลูกบอลได้ 3 – 4 คร้งั ดี หมายถึง รับลูกบอลได้ 1 – 2 ครง้ั ปานกลาง หมายถงึ รับลูกบอลไมไ่ ด้ ปรบั ปรุง 3. เดินขนึ้ ลงบันไดสลบั เท้าไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคล่ว วิธกี ารประเมนิ 1. อาสาสมัครนำอบอ่นุ ร่างกาย 2. ครแู ละอาสาสมคั รอธิบายและสาธิตวธิ เี ดินขน้ึ ลงบนั ไดสลับเทา้ ดังน้ี 2.1อาสาสมคั ร 1 คน เดินข้นึ ลงบันไดโดยไมจ่ บั ราวบันได ให้เพอ่ื นดูและสงั เกต 2.2ให้เดก็ ทดลองปฏบิ ัติ 2.3ครคู อยสงั เกตการเดินขึ้นลงบันไดสลบั เทา้ เป็นรายบุคคล พร้อมจดบันทกึ 3. สนทนาซักถามความรสู้ ึกและให้เล่นอสิ ระ 4. ทำความสะอาดรา่ งกายและกลบั เขา้ ชัน้ เรียน เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถึง เดินขึ้นลงบันไดสลับเทา้ ได้อย่างคล่องแคล่ว ปานกลาง หมายถึง เดนิ ขึน้ ลงบนั ไดสลับเท้าได้แต่ชา้ ปรบั ปรุง หมายถึง เดินขน้ึ ลงบนั ไดสลับเท้าไม่ได้ ตอ้ งพักคู่ก่อนกา้ วเดินต่อไป 4. เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้ วิธีการประเมนิ 1. ครแู ละเด็กรว่ มสนทนาถึงรูปสามเหลย่ี ม 2. ใหเ้ ด็กเขียนรปู สามเหลี่ยมตามแบบโดยครูคอยดูแล และบริการวัสดุ อปุ กรณ์ เช่น กระดาษ สี เทยี น 3. เด็กเขยี นรปู สามเหลี่ยมได้ถกู ต้อง เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ ความสามารถในการเขยี นรูปสามเหล่ยี มตามแบบมีมุมมีดา้ นทช่ี ัดเจน ปานกลาง หมายถึง ความสามารถในการเขยี นรูปสามเหลีย่ มตามแบบได้แต่มีมุมมีดา้ น ไมช่ ดั เจน ปรบั ปรุง หมายถึง ความสามารถในการเขียนรปู สามเหลยี่ มตามแบบได้แตม่ ีมุม มีดา้ น ไม่ ชดั เจน และบอกไม่ได้วา่ ตวั เองทำอะไร หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสงั สพป.บรุ รี มั ย์ เขต ๒

๑๑๗ 5. ตดั กระดาษตามแนวเส้นโค้งทก่ี ำหนด วธิ กี ารประเมนิ 1. ครแู จกกระดาษรปู   2. ใหเ้ ดก็ ใช้กรรไกรตัดกระดาษใหเ้ ป็นรูป   ตามแนวเส้น 3. ครูคอยสงั เกตความสามารถในการตดั กระดาษ 4. บันทกึ พฤติกรรมและประเมนิ ผลเป็นรายบคุ คล 5. เก็บวัสดเุ ขา้ ทีใ่ ห้เรยี บร้อย เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถึง ตดั ไดต้ ามแนวเสน้ โดยไมม่ ีรอยหยัก เสน้ ทตี่ ดั แสดงถึงความเช่ือมนั่ ปานกลาง หมายถงึ ตดั ได้ตามแนวเสน้ แตม่ ีรอยหยัก ปรบั ปรงุ หมายถงึ ตดั ไดแ้ ต่ไม่ตัดตามแนวเส้นที่กำหนด 6. ใชก้ ลา้ มเนอื้ เล็กได้ดี เช่น ติดกระดมุ ผกู โบว์ทน่ี อน ฯลฯ วธิ ีการประเมนิ 1. ครูสรา้ งขอ้ ตกลงในการแต่งกาย 2. ให้เดก็ ตดิ กระดุมเสอ้ื ผกู โบวเ์ พอื่ เก็บทน่ี อน 3. ครคู อยดูและสังเกตการใชก้ ล้ามเนอ้ื เลก็ 4. บันทกึ พฤตกิ รรมและประเมินผลเปน็ รายบุคคล 5. เกบ็ วสั ดุอปุ กรณเ์ ขา้ ที่ใหเ้ รยี บร้อย เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถึง ใช้กลา้ มเนื้อเล็กได้ดี คล่องแคล่ว และรวดเรว็ ปานกลาง หมายถงึ ใชก้ ลา้ มเน้ือเล็กได้ แต่ไม่คล่องแคลว่ ปรบั ปรงุ หมายถงึ ใชก้ ลา้ มเนอ้ื เล็กไม่ได้ 7. ยืดตวั คล่องแคลว่ วิธีการประเมิน 1. อาสาสมคั รนำอบอนุ่ รา่ งกาย 2. ครแู ละอาสาสมัครอธิบายและสาธิตวิธเี ดนิ ยรี าฟ ดังนี้ 2.1 ใหเ้ ด็กยืนบนปลายเท้า ยนื ให้ตวั ตรง ชูมือทงั้ สองใหส้ ูงทำเปน็ ยีราฟ เดนิ โหย่ง ๆ ไปขา้ งหน้า ดว้ ย ปลายเท้า 2.2 แบง่ กลุ่มใหเ้ ดก็ ทดลองเล่น 3. สนทนาซกั ถามความรู้สึก และใหเ้ ล่นอสิ ระ 4. ครคู อยดูและสังเกตการยืดตวั 5. บนั ทกึ พฤติกรรม ประเมนิ ผลเปน็ รายบคุ คล หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนุบาลกระสงั สพป.บุรีรมั ย์ เขต ๒

๑๑๘ เกณฑ์การประเมนิ หมายถงึ ยืดตวั ไดค้ ลอ่ งแคลว่ และรวดเรว็ ดี หมายถงึ ยืดตัวไดแ้ ต่ไม่คล่องแคล่ว ปานกลาง หมายถึง ยดื ตวั ไม่ได้ ปรบั ปรงุ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนอนุบาลกระสัง สพป.บุรีรมั ย์ เขต ๒

๑๑๙ การประเมินพัฒนาการเดก็ ปฐมวัย ชัน้ อนบุ าลปที ่ี 2 พฒั นาการด้านอารมณ์และจิตใจ 1. แสดงอารมณ์ไดส้ อดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม วิธกี ารประเมนิ 1. ครแู ละเด็กร่วมกันท่องคำคล้องจอง “นกกระจิบ นกกระจาบ” 2. ครูและเด็กรว่ มสนทนาเกีย่ วกับเน้ือหาของคำคล้องจอง 3. ครเู ล่านิทานเรือ่ ง “นกกระจิบ นกกระจาบ” ใหเ้ ด็กฟงั 4. สนทนาเกย่ี วกับเน้ือหาในนทิ าน โดยใชค้ ำถามนำในการสนทนา 5. ครูคอยสังเกตการตอบคำถามของเด็ก โดยชว่ ยกันตอบคำถาม 6. ครูประเมนิ ผลการตอบคำถามเกย่ี วกับนิทานของเด็กเป็นรายบุคคล เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ เด็กแสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกบั สถานการณ์อย่างเหมาะสม ปานกลาง หมายถึง เด็กแสดงอารมณไ์ ดส้ อดคล้องกับสถานการณเ์ ปน็ บางเร่ือง ปรับปรุง หมายถึง เดก็ แสดงอารมณไ์ มร่ ้เู ร่ือง 2. ชน่ื ชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อื่น วิธีการประเมนิ 1. ใหเ้ ด็กปฏิบัตกิ จิ กรรมเพอ่ื แสดงความสามารถของแตล่ ะบุคคล เช่น วาดภาพระบายสี ปั้นดนิ นำ้ มนั ฉกี ปะกระดาษ พบั กระดาษ รอ้ ยลูกปัด เลน่ ตามมุม เกมการศกึ ษา ฯลฯ 2. ครูดแู ลและสังเกตพฤติกรรม ในขณะท่ีเด็กปฏิบตั กิ ิจกรรมร่วมกบั ผูอ้ ืน่ 3. ครใู หเ้ ด็กแสดงความคิดเหน็ ในผลงานของตนเองและผูอ้ ่นื เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถงึ ชน่ื ชม ยอมรบั แสดงความภาคภูมิใจและชมผลงานของตนเองและผอู้ น่ื ปานกลาง หมายถงึ ชื่นชม ยอมรบั แสดงความภาคภมู ใิ จและชมผลงานของตนเอง และผอู้ ืน่ โดยมเี พ่อื นหรอื ครูคอยชนี้ ำ ปรับปรงุ หมายถงึ แสดงสหี น้าเฉย ๆ ไม่แสดงความคิดเห็นต่อผลงานตนเองและผู้อนื่ 4. ยดึ ตนเองเป็นศูนยก์ ลางนอ้ ยลง วิธีการประเมิน 1. ให้เดก็ ปฏิบตั ิตนตามตารางกิจกรรมประจำวนั ตามหนว่ ยการเรียน เพ่อื ประเมินการยึดตนเองเปน็ ศนู ยก์ ลางน้อยลง เชน่ การเล่น การชว่ ยเหลือ การแบง่ ปัน การรอคอย การเสยี สละ ฯลฯ 2. ครดู ูแลและสงั เกตพฤติกรรมพรอ้ มท้ังประเมนิ ผลเปน็ รายบุคคลหลาย ๆ คร้งั เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ ยดึ ตนเองเปน็ ศูนยก์ ลางน้อยลง ปานกลาง หมายถึง ยดึ ตนเองเป็นศนู ยก์ ลางนอ้ ยลงแตต่ ้องมคี รแู ละเพ่ือนๆ คอยชีน้ ำ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสัง สพป.บรุ ีรมั ย์ เขต ๒

๑๒๐ ปรบั ปรงุ หมายถงึ ยึดตนเองเปน็ ศนู ย์กลาง ถึงแมว้ ่าครแู ละเพื่อนจะเตือน คำคลอ้ งจองนกกระจิบ นกกระจาบ มนี กสองตวั เกาะอยูบ่ นกงิ่ ไม้ ตัวหนึ่งชือ่ นกกระจบิ จิ๊บ ๆ ๆ ตัวหนงึ่ ช่ือนกกระจาบ จ๊าบ ๆ ๆ บินไปเจ้านกกระจบิ จ๊ิบ ๆ ๆ บนิ ไปเจ้านกกระจาบ จ๊าบ ๆ ๆ บินมาเจ้านกกระจิบ จบิ๊ ๆ ๆ บนิ มาเจา้ นกกระจาบ จ๊าบ ๆ ๆ นิทานเร่อื งนกกระจิบ นกกระจาบ กาลคร้ังหนง่ึ นานมาแล้ว ยังมีนกสองตวั เป็นเพ่ือนกนั ตวั หนงึ่ ช่ือนกกระจิบ อีกตวั หน่ึงช่อื นกกระจาบ นกท้งั สองตวั เป็นเพือ่ นทีร่ ักกนั มากไปไหนมาไหนดว้ ยกนั เสมอ วนั หนึ่งขณะท่ที ั้งสองกำลงั บินเลน่ และบนิ มาเกาะอยู่บนต้นไม้นกท้งั สองตวั ก็พูดคุยเสียงดงั จ๊บิ ๆ ๆ จ๊าบ ๆ ๆ ตามประสาอยา่ งมีความสุข ก็มเี ด็กเกเรคนหนึ่งถือหนังสตก๊ิ ใส่ก้อนหินพร้อมทีจ่ ะยิงมาที่นก ท้ังสองตวั นกกระจิบมองเห็นก่อนจึงรีบกระพอื ปกี บอกเป็นสญั ญาณให้นกกระจาบรู้วา่ มีคนจะทำอนั ตราย นก ทง้ั สองรบี บนิ ขึ้นเพื่อจะหนีให้ทัน แต่เด็กเกเรได้ยงิ กระสุนถูกนกกระจาบ นกกระจาบจงึ บนิ ไมส่ ะดวก พยายาม บินด้วยความอดทนและความเจบ็ ปวดจนมาถึงรัง นกกระจิบได้เฝา้ ดอู าการเพ่อื นรักตลอดเวลา โดยออกไปหา อาหารมาป้อน จนในทสี่ ดุ นกกระจาบกห็ าย นกทง้ั สองรู้ดวี ่า บรเิ วณที่ท้ังสองเคยไปน้นั มีอันตรายก็ไม่บินไปแถวน้ันอีกเลยเพอื่ ท่ีจะได้หา่ ง จากเด็กเกเรคนน้ัน คำถาม 1. มนี กชื่ออะไรบ้าง 2. นกท้งั สองตวั เป็นอะไรกัน 3. ทำไมนกกระจาบจงึ บาดเจบ็ 4. นกกระจาบถกู ยิงทีใ่ ด 5. ถ้าเด็ก ๆ เจบ็ ขาหรอื เท้า การเดินทางจะเป็นอยา่ งไร 6. ถา้ เด็ก ๆ เปน็ นกกระจาบ เด็ก ๆ จะรสู้ กึ อยา่ งไร 7. ถ้าเด็ก ๆ เปน็ นกกระจบิ เด็ก ๆ จะรู้สึกอยา่ งไร เม่ือเห็นเพ่ือนบาดเจ็บ 8. เด็ก ๆ จะเลอื กเป็นตวั ละครใด 9. ทำไมจึงเลือกเปน็ ตวั ละครนัน้ 10.เดก็ ๆ ชอบเพ่ือนลักษณะใด หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนอนบุ าลกระสัง สพป.บุรรี ัมย์ เขต ๒

๑๒๑ การประเมนิ พฒั นาการเด็กปฐมวัย ชัน้ อนบุ าลปที ี่ 2 พฒั นาการดา้ นสังคม 1. ปฏบิ ตั กิ ิจวัตรประจำวนั ไดด้ ้วยตนเอง วธิ ีการประเมิน 1. ใหเ้ ดก็ ปฏิบัติกิจกรรมตามตารางกิจกรรมประจำวนั 2. ครูคอยดูแลสังเกตความสามารถในการปฏบิ ตั ิกิจวัตรประจำวนั ดว้ ยตนเอง เช่น การเขา้ หอ้ งน้ำ ห้อง สว้ ม การใช้วัสดอุ ุปกรณอ์ ย่างคล่องแคล่ว การรับประทานอาหาร การชว่ ยเหลอื เพื่อน การช่วยเหลือ งานครู การแปรงฟัน การปูท่นี อน เกบ็ ทนี่ อน 3. ครปู ระเมินผลโดยสังเกตหลาย ๆ คร้ัง กอ่ นตดั สินผล เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ ความสามารถในการช่วยเหลอื ตนเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ดว้ ย ตนเอง ปานกลาง หมายถงึ ความสามารถในการช่วยเหลอื ตนเองในการปฏิบตั ิกิจวตั รประจำวัน โดยครู และเพอ่ื นชนี้ ำ ปรับปรงุ หมายถึงชว่ ยเหลอื ตนเองในการปฏบิ ัติกิจวตั รประจำวันโดยครูและเพื่อนเตือนบ่อย ๆ และบางกจิ กรรมทำไม่ได้ 2. เลน่ หรือทำงานโดยมจี ดุ มุ่งหมายร่วมกนั ได้ วธิ กี ารประเมนิ 1. เด็กปฏิบัติกิจกรรมกล่มุ โดยที่กล่มุ จะสลับกนั ไป รวมกลุ่มตามความสนใจ ตามหน่วยการเรยี น ฯลฯ ปฏิบตั ิกจิ กรรมตา่ ง ๆ เช่น เคล่อื นไหวและจงั หวะ สรา้ งสรรค์ เลน่ ตามมุม กลางแจ้ง เสริมประสบการณ์ เกมการศกึ ษา 2. ครูประเมินผลการทำกิจกรรมของเด็กเปน็ รายบุคคล โดยสังเกตหลาย ๆ ครัง้ เพ่ือใหเ้ กิดความแน่ใจ เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ เด็กสามารถเล่นหรือทำงานรว่ มกับผูอ้ ่นื ได้ทุกกจิ กรรมโดยไม่มขี ้อขดั แย้งกบั สมาชิก ปานกลาง ในกลมุ่ ปรบั ปรุง หมายถึง เด็กสามารถเลน่ หรือทำงานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ ไดบ้ างกิจกรรมโดยไมม่ ีข้อขัดแย้งกบั สมาชิก ในกลมุ่ หมายถงึ เล่นหรือทำงานรว่ มกับผู้อ่นื ได้บางกจิ กรรมแตม่ ีข้อขดั แยง้ บ้างทำใหง้ านทีม่ ี จดุ มุง่ หมายร่วมกันไมป่ ระสบผลสำเร็จ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนอนุบาลกระสัง สพป.บุรรี มั ย์ เขต ๒

๑๒๒ 3. พบผูใ้ หญ่ร้จู ักไหว้ทำความเคารพ วิธกี ารประเมนิ 1. ครูและเด็กสนทนาถึงกจิ วัตรประจำวนั ท่เี ด็กดีควรปฏิบัติในแตล่ ะวนั 2. ครแู ละเดก็ ร่วมรอ้ งเพลง และสาธิตการไหวท้ ี่ถูกวธิ ี 3. ครูดูแลและสังเกตพฤติกรรมในขณะอย่โู รงเรียน ก่อนกลบั บ้าน และตดิ ต่อพบปะผ้ใู หญร่ จู้ กั การไหว้ ทำ ความเคารพ เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถึง เด็กมีมารยาทในการทำความเคารพร้จู ักไหว้เมื่อพบผูใ้ หญ่ทุกคร้ัง สามารถปฏิบัติไดโ้ ดยไมม่ ีผู้ชีน้ ำ ปานกลาง หมายถึง เดก็ มีมารยาทในการทำความเคารพ รจู้ กั ไหว้ เม่อื พบผูใ้ หญเ่ ปน็ บางคร้งั โดยมผี ู้ชน้ี ำ ปรับปรุง หมายถงึ เดก็ ไมท่ ำความเคารพ ต้องอาศยั ผู้ชนี้ ำทกุ คร้ัง 4. ร้จู กั ขอบคุณเมื่อรบั ของจากผู้ใหญ่ วิธกี ารประเมนิ 1. ครแู ละเด็กสนทนาถึงกจิ วัตรประจำวนั ทเี่ ด็กดีควรปฏบิ ัติในแต่ละวัน 2. ครแู ละเด็กร่วมร้องเพลง และสาธติ วธิ ีรบั ของจากผู้ใหญ่ 3. ครูดูแลและสังเกตพฤติกรรมในขณะอยู่โรงเรยี น ก่อนกลบั บ้าน และเม่ือรับของจากผู้ใหญ่กลา่ วคำวา่ ขอบคุณ เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถึง เด็กมีกริ ิยามารยาททีด่ ี รู้จักใช้คำพูดขอบคุณ เม่ือรับของจากผใู้ หญท่ ุกคร้ัง และสามารถปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเองโดยไม่มผี ชู้ ้นี ำ ปานกลาง หมายถงึ เดก็ มีกริ ยิ ามารยาทที่ดี รูจ้ กั ใช้คำพูดขอบคณุ เม่ือรบั ของจาก ผู้ใหญเ่ ปน็ บางคร้งั โดยมีผ้ชู น้ี ำ ปรับปรงุ หมายถงึ เดก็ ไมก่ ล่าวคำขอบคณุ เมื่อรับของจากผ้ใู หญ่ ตอ้ งอาศัยผูช้ ีน้ ำทุกครัง้ 5. รับผดิ ชอบงานที่ไดร้ ับมอบหมาย การ วิธีการประเมิน 1. ให้เด็กปฏบิ ัตงิ านตามที่ครมู อบหมายจากกิจกรรมและหนว่ ยการเรียน เชน่ เก็บของเข้าที่ ปฏิบตั ติ าม คำสง่ั งานกลุ่ม งานรายบคุ คล งานทีค่ รูมอบหมาย ฯลฯ 3. ครูคอยดูแลและสงั เกตพฤติกรรมพรอ้ มประเมินผลเปน็ รายบคุ คลหลาย ๆ คร้ัง หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนุบาลกระสงั สพป.บุรีรมั ย์ เขต ๒

๑๒๓ เกณฑ์การประเมิน ความสามารถในการรบั ผิดชอบงานทไี่ ด้รบั มอบหมายทันเวลาและสง่ งาน ดี หมายถึง ทุกงานดว้ ยตนเอง ความสามารถในการรับผิดชอบงานท่ีได้รบั มอบหมายทนั เวลาและส่งงานทกุ ปานกลาง หมายถึง งานแต่ครแู ละเพ่ือน ๆ คอยช้ีนำ ปฏิบัติงานทีไ่ ด้รับมอบหมายไม่ทันเวลา หรือไมย่ อมสง่ งาน ปรบั ปรงุ หมายถงึ ถงึ แมว้ ่าครูและเพอื่ นจะเตือน การประเมนิ พฒั นาการเด็กปฐมวัย ชนั้ อนบุ าลปีท่ี 2 พัฒนาการดา้ นสตปิ ัญญา 1. บอกความแตกต่างของกล่นิ สี เสยี ง รส รูปร่าง จำแนก และจดั หมวดหมสู่ ิ่งของได้ วธิ กี ารประเมิน 1. ครูนำผา้ ห่อสิง่ ตา่ ง ๆ เหลา่ น้ี แล้วใหเ้ ดก็ ดมกล่ิน - มะนาว , มะกรูด , หัวหอม , กระเทยี ม , น้ำหอม , แอมโมเนยี แล้วบอกกล่นิ 2. ครูนำสเี ทียนมาให้เดก็ แยกสี - แดง , นำ้ เงนิ , เขียวแก่ , เขยี วอ่อน , เหลอื ง , มว่ ง , ชมพู , สม้ , ฟ้า , ขาว , ดำ , เทา 3. ครูนำแถบบนั ทกึ เสียงมาให้เด็ก ๆ ฟัง แลว้ ให้เดก็ บอกเสยี ง ดังน้ี - ฝนตก , แตรรถ , นกหวีด , ไกข่ ัน , ฟา้ ร้อง , ฟ้าผ่า , เสยี งกรง่ิ , เสยี งโทรศัพท์ , เสยี งปะทัด 4. ครูให้เดก็ ชมิ รส ดังนี้ - น้ำเปล่า , น้ำโซดา , นำ้ มะนาว , น้ำเกลือ , นำ้ เช่ือม 5. ครนู ำไม้บล็อกมาใหเ้ ด็กบอกรูปร่าง ดังน้ี - สามเหล่ยี ม , ส่เี หล่ยี ม , วงกลม , วงรี 6. ครนู ำก้อนหิน ใบไม้ เมลด็ พืช ไม้บลอ็ ก สี ให้เดก็ จำแนกและจัดหมวดหมู่ เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ เด็กสามารถบอกความแตกตา่ งของกลน่ิ สี เสยี ง รส รูปร่าง จำแนกและจัดหมวดหมสู่ ง่ิ ของได้ 4 ลกั ษณะ ด้วยตนเอง ปานกลาง หมายถึง เดก็ สามารถบอกความแตกต่างของกลน่ิ สี เสียง รส รปู รา่ ง จำแนกและจัดหมวดหมู่ส่ิงของได้ 3 ลกั ษณะ ดว้ ยตนเองได้ บางกจิ กรรมครูและเพ่ือนช้ีนำ ปรบั ปรุง หมายถึง เด็กสามารถบอกความแตกต่างของกล่ิน สี เสียง รส รปู รา่ ง จำแนกและจัดหมวดหมสู่ ิ่งของได้ 1-2 ลักษณะ ด้วยตนเองได้ บางกิจกรรมโดยครูและเพื่อนช้นี ำ บางกิจกรรมทำไม่ได้ 2. บอกชื่อ นามสกุล และอายขุ องตนเองได้ วธิ ีการประเมนิ 1. ครูนำสนทนาใหเ้ ด็กตอบ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสงั สพป.บรุ รี ัมย์ เขต ๒

๑๒๔ 2. ครูใหเ้ ดก็ บอกช่ือจริง ชอื่ เล่น นามสกลุ อายขุ องตนเอง 3. ครูประเมนิ และบนั ทึกผล เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถึง เด็กบอกชือ่ นามสกุล และอายุของตนเองไดถ้ ูกต้องดว้ ยตนเอง ปานกลาง หมายถึง เด็กบอกชอ่ื นามสกลุ และอายุของตนเองได้ถูกต้อง โดยการชีน้ ำของเพื่อนและครู ปรบั ปรงุ หมายถงึ เดก็ บอกชอ่ื นามสกุล และอายุของตนเองได้ ถา้ เพ่ือนและครู ชี้แนะ จะบอกได้ถูกตอ้ งบางคำเทา่ นนั้ 3. พยายามหาวิธีแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง วิธกี ารประเมิน 1. ครนู ำสนทนาให้เด็กตอบ 2. ประเมนิ ผลความสามารถของเด็กในการพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตนเองจากตารางกิจกรรมประจำวัน และหน่วยการเรยี นเรยี นรู้ โดยผ่านการสนทนา ซักถาม สมั ภาษณ์ ความสามารถในการแก้ไขปญั หา ดังนี้ - ถา้ เด็ก ๆ วง่ิ ชนเพอื่ น ในขณะเคล่ือนไหวร่างกาย เด็ก ๆ จะทำอย่างไร - ถา้ เดก็ ๆ พบคนแปลกหน้าจะทำอย่างไร - ถา้ เด็ก ๆ อยากเล่นของกับเพอ่ื นคนอนื่ ๆ เด็ก ๆ จะทำอยา่ งไร - ถา้ กระดานล่ืนมีคนเล่นมาก ๆ มวี ิธีการอยา่ งไรทจ่ี ะทำใหเ้ ด็ก ๆ เลน่ ไดท้ ุกคนและรวดเรว็ - ถ้าเดก็ ๆ ด่มื นมแล้วทำนมหก เดก็ ๆ จะทำอยา่ งไร - ถา้ ไฟดับ เด็ก ๆ จะตอ้ งเข้าไปในห้อง เดก็ ๆ จะทำอย่างไร - ถา้ ฝนตก เด็ก ๆ จะกลับบ้าน เดก็ ๆ จะทำอยา่ งไร 3. ครูประเมนิ และบนั ทึกผล เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถงึ ความสามารถในการแกป้ ัญหาด้วยตนเองประสบผลสำเรจ็ ปญั หาหมดไป ทำได้ราบรน่ื บ่อย ๆ คร้ัง ตง้ั แต่ 10 คร้ังขนึ้ ไป ดว้ ยตนเอง ปานกลาง หมายถงึ ความสามารถในการแกป้ ัญหาดว้ ยตนเองประสบผลสำเร็จ ปญั หาหมดไป ทำได้ราบรืน่ บ่อย ๆ ครัง้ ตง้ั แต่ 7 - 8 ครัง้ ข้ึนไป ด้วยตนเอง ปรับปรุง หมายถงึ ความสามารถในการแกป้ ญั หาด้วยตนเองประสบผลสำเร็จ ด้วยการชีน้ ำของครูและเพื่อน ๆ หากให้คดิ แกป้ ญั หาเอง ไมส่ ามารถทำได้ 4. สนทนาโตต้ อบ/เล่าเป็นเรือ่ งราวได้ วธิ กี ารประเมนิ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลกระสัง สพป.บรุ ีรัมย์ เขต ๒

๑๒๕ 1. เดก็ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเล่าขา่ วและเหตุการณ์ หรอื ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามตารางกิจกรรมประจำวัน เชน่ วาดภาพ ระบายสี ปัน้ ดนิ นำ้ มนั เล่นตามมุม ฯลฯ เด็ก ๆ นำผลงานมานำเสนอ 2. ครูนำสนทนา ให้เดก็ ตอบเร่ืองราว 3. ครูประเมินและบนั ทึกผล เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถงึ เด็กสามารถสนทนาโต้ตอบ/เลา่ เร่อื งราวเกี่ยวกับผลงาน ของตนเองไดด้ ว้ ยตนเอง ปานกลาง หมายถงึ เด็กสามารถสนทนาโตต้ อบ/เล่าเรอ่ื งราวเกย่ี วกับผลงาน ของตนเองได้โดยครแู ละเพ่ือนคอยช้นี ำ ปรบั ปรุง หมายถึง เด็กสามารถสนทนาโต้ตอบ/เล่าเร่อื งราวไดเ้ พยี งการคอยตอบ คำถามเม่อื ครูถามและตอบโต้ไดโ้ ดยการชีน้ ำของเพ่อื นและครู 5. สร้างผลงานตามความคิดของตนเอง โดยมรี ายละเอียดเพิ่มขน้ึ และแปลกใหม่ วธิ ีการประเมนิ 1. เด็กปฏบิ ัตกิ จิ กรรมสรา้ งสรรค์ เช่น วาดภาพดว้ ยสเี ทยี น สนี ำ้ ป้ันดนิ นำ้ มัน พับกระดาษ ประดิษฐ์ เศษวัสดุ 2. ครูดแู ลและบันทึกพฤติกรรม พร้อมจัดแสดงผลงานของเด็กเปน็ รายบคุ คล 3. การประเมินผลโดยการเก็บชิ้นงานครัง้ ก่อนเปรียบเทียบกบั ผลงานชิน้ ปจั จบุ นั ดคู วามก้าวหน้าของ ผลงานเป็นรายบคุ คล บนั ทกึ ผล เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถงึ ผลงานที่เดก็ สรา้ งขึ้นมีความก้าวหนา้ ขนึ้ ตามลำดบั ปานกลาง หมายถึง ผลงานท่เี ด็กสรา้ งขึน้ มีความก้าวหน้าไม่สม่ำเสมอ ดขี ้นึ ลดลง สลับกันไป ปรบั ปรงุ หมายถงึ ผลงานยำ่ อยทู่ ีเ่ ดิม ไมม่ ีการพัฒนาผลงานของตนเอง 6. ร้จู ักใช้คำถาม “ทำไม” “อยา่ งไร” วธิ กี ารประเมิน 1. ครสู ร้างสถานการณ์หรือเล่านิทานให้เดก็ ฟัง 2. ให้เดก็ สนทนาและใช้คำถาม “ทำไม” “อยา่ งไร” 3. ครูดแู ลและสังเกตการใช้คำถาม 4. ครบู นั ทึกและประเมนิ ผล เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถึง เดก็ ใช้คำถาม “ทำไม” “อย่างไร” ได้ด้วยตนเอง ปานกลาง หมายถงึ เด็กใชค้ ำถาม “ทำไม” “อย่างไร” ได้โดยครแู ละเพื่อนคอยช้นี ำ ปรับปรุง หมายถงึ เด็กใช้คำถาม “ทำไม” “อย่างไร” ไมไ่ ด้ 7. เริม่ เข้าใจสิ่งทเ่ี ปน็ นามธรรม วธิ ีการประเมนิ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสงั สพป.บรุ ีรัมย์ เขต ๒

๑๒๖ 1. เด็กปฏิบัตกิ จิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ เชน่ สำรวจ ทดลอง คน้ ควา้ ทศั นศึกษา ฟังอธิบาย จากวทิ ยากร เดก็ ๆ เข้าใจสิง่ ทเ่ี ป็นนามธรรม 2. ครดู ูแลและบนั ทกึ พฤติกรรม 3. บันทึกผลความก้าวหนา้ เปน็ รายบุคคล เกณฑ์การประเมิน ดี หมายถงึ เดก็ เริ่มเข้าใจสงิ่ ทีเ่ ปน็ นามธรรมด้วยตนเอง ปานกลาง หมายถงึ เด็กเรมิ่ เข้าใจส่งิ ทีเ่ ปน็ นามธรรมด้วยตนเอง โดยการชน้ี ำของเพื่อน ปรับปรงุ หมายถึง เดก็ ไม่เขา้ ใจสิง่ ทีเ่ ป็นนามธรรม 8. นบั ปากเปลา่ ได้ถงึ 20 วิธกี ารประเมิน 1. ครูประเมินผลความสามารถในการนบั ปากเปล่า 1 – 20 จากหน่วยการเรยี นรแู้ ละกจิ กรรมประจำวนั 2. ครจู ัดสถานการณภ์ ายในห้องเรยี น จากเกมศึกษา ในการรับรู้และนับปากเปลา่ 1 – 20 3. ครสู งั เกตและบนั ทึกผล เกณฑ์การประเมนิ ดี หมายถึง เด็กนบั ปากเปล่า 1 – 20 ไดด้ ้วยตนเอง ปานกลาง หมายถงึ เดก็ นบั ปากเปลา่ 1 – 20 ได้ดว้ ยตนเอง โดยครูและเพอื่ นคอยช่วยเหลอื ปรบั ปรุง หมายถึง เด็กนบั ปากเปล่า ได้ไมเ่ กนิ 10 หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นอนบุ าลกระสัง สพป.บุรรี มั ย์ เขต ๒

๑๒๗ คำสงั่ โรงเรียนอนบุ าลกระสัง ที่ 23 / 2565 เรอ่ื ง แต่งตงั้ คณะกรรมการการจัดทำหลกั สตู รสถานศกึ ษาระดบั ปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖5 ตามทส่ี ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐานไดม้ ีคำสั่งให้คดั เลอื กสถานศึกษาในสังกดั เพอ่ื ใชห้ ลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ โดยกำหนดให้จัดทำหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยให้ สอดคล้องกับแนวคิดสำคัญเก่ียวกับพัฒนาการเดก็ ควบคู่กับความเปน็ ไทย สอดคล้องกับความต้องการของ ชมุ ชน วัฒนธรรม สภาพเศรษฐกิจของชุมชน เพ่ือพฒั นาคุณภาพเด็กให้เปน็ คนดี คนเก่ง มีความสขุ และเติบโต เปน็ พลเมืองท่ีดีมีคุณภาพต่อไป เพ่ือใหก้ ารจดั ทำหลักสตู รดังกลา่ วเป็นไปดว้ ยความเรยี บร้อย และทันตอ่ การทดลองใช้ตาม จุดม่งุ หมายของสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ในปกี ารศึกษา ๒๕๖5 จงึ ประกาศแต่งต้ัง คณะกรรมการจัดทำหลกั สูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัย ดังนี้ ๑. นายสมชาย ไกรศุทธกิ านต์ ประธานกรรมการ ๒. นายสญั ญา อนนั ต์ รองประธานกรรมการ 3. นางสาวฉววี รรณ ทานผดงุ กรรมการ 4 นางสรญิ ญา ทรงวฒั นะสิน กรรมการ 5. นางสาวนัธนช์ นนั วรมั มานุสัย กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการดำเนินการ มหี น้าท่ีและดำเนินการจดั การตามขัน้ ตอนท่กี ำหนด ดงั น้ี ๑. วางแผนการจดั ทำหลักสตู รประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖5 ให้คณะกรรมการท่ีได้รับการแต่งต้ัง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเอาใจใส่รับผิดชอบเพื่อให้การ ดำเนินงานบรรลผุ ลตามวัตถุประสงค์ท่ีกำหนดและเกดิ ประโยชน์สงู สุดต่อการพัฒนาเด็กปฐมวยั สง่ั ณ วันที่ ๑9 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖5 ลงชอ่ื ( นายสมชาย ไกรศุทธกิ านต์ ) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนอนุบาลกระสัง หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นอนุบาลกระสัง สพป.บรุ รี มั ย์ เขต ๒

๑๒๘ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นอนุบาลกระสงั สพป.บรุ รี มั ย์ เขต ๒


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook