Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คอนกรีตเทคโนโลยี

คอนกรีตเทคโนโลยี

Published by intamat, 2023-06-24 06:35:10

Description: คอนกรีตเทคโนโลยี

Search

Read the Text Version

137 วธิ ีหาคา่ อตั ราสว่ ยน้าตอ่ ซเี มนต์ จะใชค้ า่ จากตารางท่ี 7.14 และรปู ที่ 7.6 โดยมีวธิ ีการหาดังนี้ 1) ดูข้อกาหนดว่าใหใ้ ชป้ ูนซเี มนต์ประเภทใด 2) ดูข้อกาหนดวา่ ใหใ้ ชม้ วลรวมหยาบประเภทใด 3) ดขู อ้ กาหนดวา่ ต้องการกาลังทอ่ี ายุกีว่ นั ในท่ีนี้กาหนดให้ใช้ปูนปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 และใช้หินย่อย ต้องการกาลังที่ 28 วัน ได้ค่า กาลังอัดจากตารางที่ 18.14 เท่ากับ 49 จากน้ันใช้กราฟรูปท่ี 7.6 หาค่าอัตราส่วนน้าต่อ ซีเมนตท์ ต่ี ้องการโดยมวี ธิ กี ารทาดงั น้ี 1) เริ่มต้นเส้น W/C = 0.50 กาหนดตาแหน่งของกาลังอัดท่ีได้ จากตารางท่ี 7.14 ในท่ีนี้คือ 49 2) ลากเส้นขนานกับเส้นกราฟท่ีอยู่ใกล้ท่ีสุด ในรูปท่ี 7.6 ไปตัดกับเส้นกาลังอัดท่ีต้องการซ่ึง ลากขนานกบั แกนนอน 3) ณ จุดตดั ลากเส้นขนาดแกนต้ังมาตดั แกนนอน จะได้ค่า W/C ในท่นี ้ีไดค้ า่ W/C เทา่ กับ 0.52 โดยได้แสดงการหาไว้ในรูปด้านล่าง

138 ภาพที่ 7.10 กราฟการหาอัตราสว่ นนา้ ต่อซเี มนต์ ทีม่ า: ชัชวาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หนา้ 187) 7.10 การออกแบบส่วนผสมที่เหมาะสมสาหรับประเทศไทย การออกแบบส่วนผสมคอนกรีตที่เหมาะสาหรับประเทศไทยนี้ เป็นวิธีการออกแบบที่นา มาตรฐานการออกแบบของประเทศอเมริกา และของประเทศอังกฤษ มาประยุกต์ให้เข้ากับสภาพของ วัตถุดิบที่มีใช้ในประเทศไทย คุณสมบัติของวัตถุดิบที่ใช้ในประเทศไทยได้ถูกทดสอบและเก็บรวบรวม หาค่าเฉลย่ี ดงั ค่าในตารางท่ี 7.16

139 วัตถุดิบ ตารางที่ 7.16 ค่ามาตรฐานที่ใชใ้ นการออกแบบ ปูนซีเมนต์ ค่าความถว่ งจา้ เพาะ (Sp.gr.) คา่ การดดู ซมึ (%) หินย่อย 3.15 - ทรายแมน่ ้า 2.70 0.50 2.65 0.70 ทีม่ า: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 188)  ปริมาณน้าและคา่ ยบุ ตวั ปริมาณน้าท่ีทาให้ได้ค่ายุบตัวมาตรฐานเมื่อใช้หินย่อยและทรายแม่น้าท่ีอยู่ในสภาพอิ่มตัวผิวแห้ง (SSD) แสดงไวใ้ นตารางท่ี 7.17 ตารางที่ 7.17 ปรมิ าณนา้ เพ่ือใหไ้ ด้ค่ายบุ ตวั ตามตอ้ งการ คา่ ยุบตวั (ซม.) ปริมาณน้าตอ่ 1 ลบ.ม. คอนกรตี หินย่อยขนาด1 - # 4 หินยอ่ ยขนาด3/4 - # 4 7.7 + 2.5 180 190 10.0 + 2.5 190 200 12.5 + 2.5 200 210 ทมี่ า: ชชั วาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 189)  ปรมิ าณสว่ นละเอยี ด จากการประยกุ ต์การออกแบบสว่ นผสมคอนกรีตตามมาตรฐานต่าง ๆ ทาให้สามารถสรุปได้ว่า เม่ือใช้หินย่อย และทรายแม่น้า เป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในประเทศไทย ปริมาณส่วนละเอียดอันได้แก่ ปริมาณปูนซีเมนต์ และปริมาณทรายท่ีเหมาะสมท่ีจะทาให้คอนกรีตมีความสามารถเทได้ ไม่แยกตัว และได้กาลงั อดั ตามตอ้ งการ มีค่าดังแสดงในตารางท่ี 7.18 ตารางที่ 7.18 ปรมิ าณสว่ นละเอียดเมอ่ื ใช้หินขนาดใหญส่ ดุ แตกตา่ งกัน ขนาดหนิ ปรมิ าตรปูนซเี มนต์ + ปรมิ าตรทราย 1” - # 4 38% โดยปริมาณ หรือ 380 ลิตร 3/4\" - # 4 40% โดยปรมิ าณ หรือ 400 ลติ ร ทม่ี า: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 189)

140 สาหรับงานพิเศษบางประเภทเช่น งานคอนกรีตเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ที่มีค่ายุบตัวมากกว่า 15 ซม. นั้น ในการออกแบบอาจจาเป็นต้องเพ่ิมปริมาณส่วนละเอียดข้ึนไปเป็น 42-45% โดยปริมาตรเพ่ือ ปอ้ งกนั ปญั หาการแยกตัวของคอนกรีต  อตั ราส่วนนา้ ต่อซีเมนตแ์ ละค่ากาลังอดั กาลังอัดของคอนกรีต เป็นอัดส่วนกับอัตราส่วยน้าต่อซีเมนต์ความสัมพันธ์ดังกล่าว สาหรับ ปูนซีเมนต์ปอรต์ แลนด์ประเภทท่ี 1 ทผ่ี ลติ ใช้ในประเทศไทย แสดงในกราฟภาพท่ี 7.11 ภาพท่ี 7.11 อตั ราสว่ นนา้ ต่อซเี มนต์และคา่ กาลงั อัดคอนกรีต ที่มา: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 189) ถ้าต้องการใช้กาลังอัดรูปทรงกระบอกในการออกแบบมาตรฐาน วสท.ได้กาหนดกราฟ ความสมั พันธ์ระหว่างกาลังอัดทงั้ 2 รูปทรงไว้ ดงั แสดงในกราฟภาพที่ 7.12

141 ภาพท่ี 7.12 การแปลงกาลังอดั รปู ทรงลกู บาศก์และรูปทรงกระบอก ท่มี า: ชชั วาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หน้า 189)  ผลของน้ายาต่อการออกแบบส่วนผสม นา้ ยาผสมคอนกรตี ท่ีใช้กนั อย่างแพร่หลายในประเทศไทย มคี ุณสมบัติท่ีสาคญั 2 ประการคือ 1. ลดน้าในสว่ นผสม 2. ยดื เวลาการก่อตัวของคอนกรีต น้ายาผสมคอนกรตี ประเภทลดน้าน้ี เมอ่ื ผสมเข้าไปในส่วนผสมจะส่งผลให้ลดปริมาณน้าได้ 5- 10 % ซ่งึ สามารถสรุปได้ดงั ตารางท่ี 7.19 ตารางที่ 7.19 ปรมิ าณน้าเพ่ือให้ได้คา่ ยุบตัวตามตอ้ งการเม่อื ใส่น้ายาประเภทลดนา้ ค่ายบุ ตัว (ซม.) ปริมาณน้าต่อ 1 ลบ.ม. คอนกรตี หินยอ่ ยขนาด1 - # 4 หินยอ่ ยขนาด3/4 - # 4 7.7 + 2.5 170 180 10.0 + 2.5 180 190 12.5 + 2.5 190 200 ที่มา: ชัชวาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หนา้ 190)

142 นอกจากนีใ้ นปัจจบุ ันยงั นิยมใช้น้ายาประเภทลดน้าจานวนมาก หรือน้ายา Superplasticizer ซึ่งสามารถลดน้าได้ 15-30% ดังนน้ั ปริมาณน้าท่ีจะใชเ้ พอ่ื ใหไ้ ด้คา่ ยบุ ตัวมาตรฐานจะลดลงไปดว้ ย  ข้ันตอนในการออกแบบ ขนั้ ตอนในการออกแบบส่วนผสมคอนกรตี สามารถสรุปได้ตามแผนภาพท่ี 7.13 ถึง 7.14 ขัน้ ตอนท่ี (1) ขน้ั ตอนท่ี 2 ภาพท่ี 7.13 แสดงการออกแบบสดั สว่ นผสมคอนกรีต ข้ันตอนที่ 1 ทม่ี า: ชชั วาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หน้า 190)

143 ขน้ั ตอนท่ี (2) ภาพท่ี 7.14 แสดงการออกแบบสัดสว่ นผสมคอนกรตี ข้นั ตอนท่ี 2 ที่มา: ชัชวาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หน้า 190)

144 ตัวอยา่ งการออกแบบคอนกรีต ถา้ ผอู้ อกแบบต้องการใช้คอนกรีตที่กาลังอัดรูปทรงลูกบาศก์ 240 กก./ตร.ซม. โดยต้องมีส่วน เผ่ือ (margin) 60 กก./ตร.ซม. โครงสร้างพนื้ อาคาร โดยมขี อ้ กาหนดอนื่ ๆ ดังนี้ ค่ายบุ ตัว 7.5 2.5 ซม. ใช้หนิ ขนาด 3/4”-#4 และใสน่ ้ายาผสมคอนกรตี ประเภทลดน้า และยดื เวลาการแขง็ ตวั การออกแบบจะทาดังน้ี ขั้นตอนที่ (1) รวบรวมความตอ้ งการของลูกคา้ 1. กาลงั อดั ที่ออกแบบ 240 กก./ตร.ซม. และกาลงั อัดทีต่ ้องผลติ คือ 240+60 = 300 กก./ตร.ซม. 2. คา่ ยบุ ตวั 7.5 2.5 ซม. 3. ขนาดหนิ 3/4”-#4 4. ใส่น้ายาลดน้าและยดื เวลาการแขง็ ตัว ขั้นตอนที่ (2) ปริมาณน้าท่ีใช้และน้าหนักซีเมนต์ - หาปริมาณน้าจากตารางท่ี 7.19 ค่ายุบตัว 7.5 2.5 ซม. ใช้หิน 3/4”-#4 ใส่น้ายาผสม คอนกรีต ปริมาณน้าท่จี ะใช้ 180 ลิตร/ลบ.ซม. คอนกรีต - หาอัตราสว่ นน้าต่อซเี มนต์ จากกราฟรูปท่ี 7.9 ซึง่ ไดค้ ่า W/C = 0.61 - น้าหนกั ซีเมนต์ 180/0.61 = 295 กก. ขั้นตอนที่ (3) หาปรมิ าตรซเี มนต์ ปริมาตรซีเมนต์ = น้าหนักซเี มนต/์ ความถว่ งจาเพาะของซีเมนต์ = 295/3.15 = 94 ลิตร ขน้ั ตอนที่ (4) หาปริมาตรทราย เนอ่ื งจากท่ีใชข้ นาด 3/4”-#4 ปริมาตรซเี มนต์+ปรมิ าตรทราย = 40% หรือ 400 ลติ ร ปรมิ าตรทราย = 400-94 (ค่านไี ดจ้ ากขัน้ ตอนที่ (3)) = 306 ลิตร

145 ขน้ั ตอนที่ (5) หานา้ หนกั ทราย น้าหนกั ทราย = ปริมาตรทราย X ความถ่วงจาเพาะของทราย = 305 X 2.65 = 811 กโิ ลกรมั ข้นั ตอนที่ (6) หาปรมิ าตรหิน ปริมาตรหนิ = 1,000-ปรมิ าตรซีเมนต์-ปริมาตรนา้ -ปริมาตรทราย = 1,000-94-180-306 = 420 ลิตร ขัน้ ตอนที่ (7) หานา้ หนักของหนิ นา้ หนกั ของหนิ = ปริมาตรหิน X ความถ่วงจาเพาะของหนิ = 420 X 2.70 = 1,134 กิโลกรัม ขน้ั ตอนที่ (8) หาปริมาณนา้ ยาที่ใช้ (สมมตวิ า่ ปริมาณนา้ ยาทผี่ ู้ผลิตแนะนาคือ 250 ซีซ.ี /จจ กก.ซเี มนต)์ ปริมาณนย้ าที่ใช้ = นา้ หนักซเี มนต์ X ปรมิ าณที่ใช้ = 295 = 737 ซซี .ี ในการหาสดั ส่วนผสมความละเอียดของสว่ นผสมควรเป็นดงั นี้ ซีเมนต์ ละเอียดถงึ 5 กก. นา้ ละเอยี ดถึง 5 ลิตร หนิ และกรวด ละเอียดถงึ 5 กก. น้ายาผสมคอนกรตี ละเอียดถงึ 50 ซซี .ี (ยกเว้นน้ายาเพิ่มฟองอากาศ) สรปุ ส่วนผสมใน 1 ลบ.ม. คอนกรีตเป็นดังน้ี ซีเมนต์ 295 กก. นา้ 180 ลติ ร ทราย 810 กก. หิน 1,135 กก. นา้ ยาผสมคอนกรีต 750 ซซี ี.

146 7.11 การปรับสว่ นผสมคอนกรตี เน่อื งจากหนิ ทรายไม่อยใู่ นสภาพท่ีออกแบบ ในการออกแบบสว่ นผสมคอนกรีต น้าหนักของหินทรายท่ีได้น้ันคือ น้าหนักของหินทรายท่ีอยู่ ในสภาพที่อิ่มตัวผิวแห้งแต่สภาพหินทรายท่ีใช้โดยท่ัวไปไม่ได้อยู่ในสภาพที่ออกแบบทาให้ต้องมีการ ปรับส่วนผสมให้ถูกต้อง  สภาพหินทราย หินทรายโดยทั่วไปจะมอี ยู่ 4 สภาพดงั นี้ 1. อบแหง้ (Oven Dry) 2. แห้งในอากาศ (Air Dry) 3. อ่ิมตวั ผวิ แหง้ (Saturated Surface Dry) 4. เปียก (Wet) ซงึ่ สามารถแสดงดังภาพท่ี 7.15 ภาพท่ี 7.15 สภาพความช้ืนของมวลรวม ทม่ี า: ชัชวาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หน้า 192) คา่ การดูดซมี ของหนิ ย่อและทรายแม่นา้ ที่ใช้อยู่ทว่ั ไปในประเทศไทย หิน การดดู ซึม 0.5% ทราย การดูดซมึ 0.7% และสภาพหินทรายทั่ว ๆ ไปจะเป็นดังน้ี ทราย อยู่ในสภาพเปยี กท่ัว ๆ ไปมคี วามชนื้ ท้ังหมดอยู่ระหว่าง 2-8% หิน อยู่ในสภาพแหง้ ในอากาศ

147  ตัวอยา่ งการปรับสว่ นผสมคอนกรีต ถา้ สดั ส่วนผสมของคอนกรีตเปน็ ดงั นี้ ปูนซีเมนต์ 295 กก. นา้ 180 ลิตร ทราย 810 กก. หิน 1,135 กก. นา้ ยา 750 ซซี ี คา่ ยุบตวั 7.5 2.5 ซม. กาหนดให้ การดูดซมึ 0.7% ทรายมคี วามช้นื 5% การดูดซมึ 0.5% หนิ อยใู๋ นสภาพ อ่ิมตัวผิวแหง้ ภาพท่ี 7.16 แสดงสภาพความช้นื ของมวลรวมทต่ี อ้ งการออกแบบในตวั อยา่ ง ทมี่ า: ชชั วาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หน้า 192) น่นั คือนา้ หนักทราย 100 กก. มีน้าหนักมากไป = 4.3 กก. นน่ั คอื นา้ หนักทราย 810 กก. มนี า้ หนักมากไป = = 34.8 กก. จะตอ้ งชง่ั ทรายเพ่ิมขึ้นเป็น

148 = 810+34.8 = 844.8 กก. เน่ิองจากหินอยู่ในสภาพอื่มตัวผิวแห้งจึงไม่ต้องปรับความชื้น ดังน้ันจะต้องใส่น้าในส่วนผสม ทัง้ น้ัน = 180-34.8 ลติ ร = 145.2 ลิตร อัตราสว่ นผสมทต่ี ้องชั่ง ซเี มนต์ 395 กก. น้า 145 ลิตร ทราย 845 กก. หนิ 1,135 กก. น้ายา 750 ซซี ี

149 สรปุ ทา้ ยบท เป้าหมายหลักของการหาสัดส่วนผสมของคอนกรีตหรือการออกแบบส่วนผสมคอนกรีต มี ด้วยกนั 2 ประการคือ 1. เพื่อเลือกวัสดุผสมคอนกรีตท่ีเหมาะสมอันได้แก่ ปูน ซีเมนต์ หิน ทราย น้า น้ายาผสม คอนกรีต ให้เป็นไปตามขอ้ กาหนดและวัตถุประสงค์ของการใช้งาน 2. คานวณหาสัดส่วนผสมของวัสดุผสมนี้ เพื่อให้ได้คอนกรีตที่มีคุณสมบัติเหามะสมตาม ข้อกาหนดและการใช้งานท้ังในสภาพคอนกรีตสดและคอนกรีตที่แข็งตัวแล้ว ในราคาท่ี เหมาะสมทส่ี ดุ ดังน้ันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายข้างต้นผู้ออกแบบส่วนผสมคอนกรีตต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้ - การหาไดข้ องวสั ดผุ สมคอนกรตี - การผนั แปรในคุณสมบัตขิ องวสั ดผุ สม - ความสัมพนั ธ์ระหว่างสดั ส่วนผสมกับธรรมชาตขิ องวสั ดผุ สม - การผันแปรของคณุ สมบตั ทิ ี่ตอ้ งการในสภาพการใชง้ าน

150 คาถามทา้ ยบท 1. จงหาสัดส่วนผสมของคอนกรีตสาหรับงานเทเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยต้องการกาลังอัด ประลัยเฉลีย่ ( ) ของคอนกรีตรูปทรงกระบอกท่ีอายุ 28 วัน เท่ากับ 250 โดยให้โอกาสท่ีก้อน ตัวตัวอย่างก้อนต่ากว่าท่ีออกแบบไว้ได้ไม่เกิน 5% (k = 1.645) และค่า s = 30 กก./ตร.ซม. กาหนดให้ใช้ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่หนึ่งมีความถ่วงจาเพาะ 3.15 มวลรวมหยาบ ขนาดโตสุด 20 มม.มีความถ่วงจาเพาะ 2.70 ค่าการดูดซึม 0.5% และมีหน่วยน้าหนัก (แห้ง และอัดแน่น) เป็น 1,600 กก./ลูกบาศก์เมตร มวลรวมละเอียดมีความถ่วงจาเพาะ 2.60 ค่า การดดู ซมี 0.7% และมีโมดูลัสความละเอียดเทา่ กบั 2.80 (โดยวธิ กี ารออกแบบอเมริกา) 2. จงหาสัดส่วนผสมของคอนกรีตสาหรับงานเทเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยต้องการกาลังอัด ประลัยเฉลี่ยของคอนกรีตรูปทรงลูกบาศก์ท่ีอายุ 28 วัน เท่ากับ 40 N/mm2 กาหนดให้ใช้ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทท่ี 1 ค่ายุบตัว 100 มม. ใช้หินย่อยขนาดใหญ่สุด 20 มม. ทรายแม่น้า ค่าความถ่วงจาเพาะของหินและทราย = 2.65 ทรายผ่านตะแกรง No 30 หรือ 600 µm 50% คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐานมคี า่ 4 N/mm2 (โดยวธิ ีการออกแบบอังกฤษ) 3. จากข้อ 1 และข้อ 2 จงปรับส่วนผสมคอนกรตี เนือ่ งจากหนิ ทรายไม่อยใู่ นสภาพที่ออกแบบ

151 เอกสารอ้างองิ วนิ ิต ช่อวเิ ชียร (2539), คอนกรตี เทคโนโลยี (Concrete Technology) พมิ พ์คร้ังท่ี8.กรงุ เทพฯ : ป. สัมพันธพ์ าณิชย์ใ ปิติ สุคนธสขุ กลุ (2555), คอนกรตี (CONCRETE) กรงุ เทพฯ: SE-ED สานกั พมิ พว์ รรณกวี อนนั ต์ภกั ดิ์ โชติมงคล (2538), ปูนซเี มนต์ปอรต์ แลน์ Ceramic Technology หน้า 55 http://www.elfit.ssru.ac.th/reudee_ni/file.php/1/CeramicTechnology/c2- cement.pdf เฉลยี ว โพธิพิรุฬห์. (ม.ป.ป.). งานปนู – ก่อสรา้ ง. กรงุ เทพฯ: รงุ่ เรอื งธรรม http://www.elfit.ssru.ac.th/reudee_ni/file.php/1/CeramicTechnology/c2- cement.pdf ชัชวาล เศรษฐบุตร (2537), คอนกรตี เทคโนโลยี Concrete technology กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั ผลติ ภณั ฑแ์ ละวตั ถุก่อสรา้ ง จากัด, https://www.cpacacademy.com/index.php?tpid=0063 เรอื งรชุ ด์ิ ชรี ะโรจนแ์ ละคณะ (2556),การออกแบบส่วนผสมคอนกรีต http://raungrut.sungkomonline.com/?p=board_ans&webID=11&pageID=3&questi onID=11

152 บทที่ 8 คณุ สมบัติของคอนกรีตสด Fresh Concrete เมือ่ ได้พิจารณาวัสดอุ งคป์ ระกอบของคอนกรีตแล้ว บทน้จี ะมากล่าวถึงคุณสมบัติของคอนกรีต สด ซึ่งมคี วามสาคัญมาก เนื่องจากคณุ สมบตั ิของคอนกรีตท่แี ขง็ ตวั แลว้ เชน่ กาลังอัด, การคงตัว ความ ทนทาน การต้นทานการซึมผ่านของน้า ล้วนแต่เป็นผลมาจากการอัดแน่น และการทาให้คอนกรีตอัด แน่นรวมถึงการขนส่ง การเทลงแบบ และการแต่งผิวหน้า โดยไม่มีการแยกตัว ล้วนแต่เป็นผลมาจาก ความสามารถเทได้ ของคอนกรีตสดทั้งส้นิ ภาพท่ี 8.1 คุณสมบัติของคอนกรตี สด ส่งผลโดยตรงต่อกาลงั และความทนทานของคอนกรตี ทม่ี า: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หน้า 69) 8.1 คานยิ าม ความสามารถเทได้ (Workability) คือ ปรมิ าณงานที่ใช้ในการอดั คอนกรีตให้แนน่ โดย ปราศจากการแยกตวั การยึดเกาะ (Cohesion) คือ คุณสมบัติของเน้ือคอนกรีตท่ีสามารถจับรวมตัวเป็นกลุ่มหรือ สลายตัวออกจากกันไดย้ าก

153 ความข้นเหลว (Consistency) คือ สภาพความเหลวของคอนกรีตซึ่งข้ึนอยู่กับปริมาณน้าเป็นส่วน ใหญ่ ความขน้ เหลวเปน็ คุณสมบตั ิทส่ี าคัญอยา่ งหนึ่งของความสามารถในการใช้งาน และสามารถวัดค่า ไดช้ ดั เจนในรูปของค่ายุบตวั , การไหล เป็นต้น การแยกตัว (Segregation) คือ การแยกออกของส่วนประกอบต่างๆ ในเน้ือคอนกรีตทาให้ ส่วนผสมมีเนื้อไมส่ มา่ เสมอ การเยิม้ (Bleeding) คือ การแยกตัวชนิดหนึ่ง เกิดข้ึนเมื่อส่วนประกอบที่หนักกว่าจมตัวลงดันน้า ซง่ึ เบาทส่ี ุดขึ้นส่ผู วิ คอนกรีต 8.2 ความสามารถเทได้ของคอนกรตี คาจากัดความของความสามารถเทได้ก็คือ ผลรวมของพลังงานหรือกาลังงานท่ีจะเอาชนะแรง เสียดทานในระหว่างอนุภาคที่จะก่อใหเ้ กดิ ความอัดแนน่ ของคอนกรีตอยา่ งสมบูรณ์ โดยทฤษฏีพลังงานน้ีจะต้องเอาชนะแรงเสียดทานภายในระหว่างอนุภาคของส่วนผสมในเนื้อ คอนกรีต แต่ในทางปฏิบัติพลังงานที่ใส่เข้าไปน้ีจะต้องเอาชนะท้ังแรงเสียดทานภายในระหว่างอนุภาค แรงเสียดทานระหว่างส่วนผสมคอนกรีตกับไม้แบบและเหล็กเสริม นอกจากน้ีพลังงานบางส่วนจะ สูญเสียไปในการเขย่าไม้แบบ และเขย่าคอนกรีตที่อัดแน่นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นในทางปฏิบัติเป็นการ ยากท่ีจะวดั ค่าเความสามารถเทได้ของคอนกรีตตามคานิยาม ส่ิงท่ีเราวัดความสามารถเทได้เป็นวิธีการ ท่ีเราประยุกตม์ าใชใ้ ห้เหมาะสมเทา่ นั้น เพราะวา่ กาลงั อดั ของคอนกรีตผนั แปรหรือถูกกระทบ โดยตรงโดยช่องว่างที่ปรากฎอยู่ภายใน เนื้อคอนกรีตท่ีอัดแน่น ดังนั้นควรทาให้คอนกรีตมีความหนาแน่นมากท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั้นคือ จาเป็นต้องทาให้คอนกรีตมีความสามารถเทได้เพียงพอ เพ่ือให้คอนกรีตมีความสามารถอัดแน่นได้ดี โดยใช้พลังงานทเี่ หมาะสมภายใตส้ ภาพที่กาหนด ในภาพท่ี 8.2 จะเห็นว่า ช่องว่างท่ีอยู่ในเนื้อคอนกรีตจะทาให้ค่าความหนาแน่นของคอนกรีต ลดลง และส่งผลให้กาลังอัดลดลงอย่างมากโดยช่องว่างที่เกิดข้ึน 5% สามารถทาให้กาลังอัดคอนกรีต ลดลงถงึ 30% ช่องว่างที่อยใู่ นเนอ้ื คอนกรีตมี 2 ประเภท คอื 1. ช่องวา่ งเน่อื งจากการจเี่ ขย่าไม่ดี (Entrapped Air) 2. ช่องว่าทเี่ กิดจากนา้ ส่วนเกิน (Excess Water) ทร่ี ะเหยออกไป การลดช่องว่างนท้ี าได้โดยการเลือกใช้คอนกรีตท่ีมีค่าอัตราส่วนน้าต่อซีเมนต์ท่ีต่าเลือกใช้มวล รวมท่ีมสี ว่ นคละดคี อนกรตี ต้องมีความเหลวพอท่ีจะจเี้ ขยา่ เข้าแบบไดง้ า่ ย รวมทัง้ ควรเลือกใช้น้ายาผสม คอนกรตี ทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ และที่สาคัญทส่ี ดุ คอื ตอ้ งมีความจเ้ี ขย่าคอนกรีตอย่างถูกต้องและเพยี งพอ

154 ภาพท่ี 8.2 ความสัมพนั ธ์ระหว่างอัตราสว่ นของความหนาแน่นและอัตราสว่ นของกาลังอัดของ คอนกรีต ทม่ี า: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หน้า 70) การทดสอบความสามารถเทได้ทาได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับความแข็งของคอนกรีต ตามปกติทั่วๆ ไปนิยมใช้การทดสอบการยุบตัวซึ่งเป็นวิธีการทดสอบที่แพร่หลายที่สุด แต่ยังมีวิธีอื่นๆ อีกดังแสดงใน ตารางท่ี 8.1 ตารางท่ี 8.1 การทดสอบความสามารถเทได้ของคอนกรีต การทดสอบ มาตรฐานการทดสอบ ขอบขา่ ยการใช้ 1. การอดั แน่น BS 1881 คอนกรีตแข็ง-แขง็ มาก 2. เวลา Vebe BS 1881 คอนกรีตแข็ง-แข็งมาก 3. การยุบตวั ASTM C 172/ BS 1881 คอนกรีตทั่วไป 4. การจมตัวของลูกบอลล์ ASTM C 360 คอนกรีตเหลวปานกลาง 5. การไหลตวั DIN 1048 คอนกรีตเหลวมาก ทีม่ า: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 70)

155 8.3 องค์ประกอบทม่ี ีผลต่อความสามารถเทได้ของคอนกรตี ความสามารถเทได้ข้ึนอยู่กับองค์ประกอบต่างๆ ที่มาเกย่ี วข้องต่าง ๆ ซ่ึงสามารถแสดงได้ดงั ตารางท่ี 8.2 ตารางที่ 8.2 องค์ประกอบท่ีมีผลกระทบกบั ความสามารถเทไดข้ องคอนกรตี องค์ประกอบ ผลกระทบ 1. จานวนน้าในส่วนผสม - เพิ่มน้าจะทาใหเ้ กิดการหล่อลื่นในระหว่างอนุภาพมากขึ้น - น้าทเ่ี พิ่มข้ึนจะทาให้เกดิ ช่องวา่ งเมอ่ื คอนกรีตแข็งตัวแล้วมาก ขน้ึ ดังน้ันควรหาปริมาณน้าที่เหมาะสม - ปรมิ าณนา้ ท่ีพอเหมาะกับข่องวา่ งระหว่างมวลรวมจงึ มีผลต่อ การหลอ่ ลนื่ 2. คุณสมบตั ิของหนิ -ทราย - หินทรายทม่ี ีสว่ นคละดจี ะทาให้คอนกรตี มีความสามารถเทได้ดี - หนิ ทกี่ ลมผิวเกลี้ยงจะทาให้การลื่นไหลดกี ว่าหนิ ท่ีแบนและผวิ ขรุขระ - ความพรุนของมวลรวมจะทาใหก้ ารดดู ซึมนา้ สงู และลด ความสามารถเทได้ลง - ถา้ ตอ้ งการใหค้ วามสามารถเทได้เท่ากนั มวลรวมที่ละเอยี ดต้อง ใช้นา้ ในสว่ นผสมมากกว่ามวลรวมท่หี ยาบ 3. ส่วนผสมของคอนกรตี - ภายใต้ส่วนผสมทมี่ ีอัตราสว่ นน้าตอ่ ซเี มนต์คงที่คา่ ความสามารถ เทไดจ้ ะเพิ่มขน้ึ ถ้าอตั ราสว่ นของมวลรวมต่อซีเมนต์ (A/C) ลดลง - สว่ นผสมท่ีมอี ตั ราส่วนทรายต่อมวลรวมทง้ั หมด (S/A) ตา่ สามารถก่อใหเ้ กดิ การแยกตวั ไดร้ วมท้ังความสามารถในการเทได้ จะต่าลงดว้ ย - ถา้ ใช้ทรายในสว่ นผสมมากอาจทางานง่ายข้ึน แต่จะสิ้นเปลอื ง ปริมาณซเี มนต์มากข้นึ ถ้าจะคงกาลังอัดเทา่ เดิม 4. ชนิดของปนู ซเี มนต์ - ปนู ซีเมนต์ท่มี ีความละเอยี ดมากจะตอ้ งการน้ามาก 5. สารผสมเพิม่ - สารผสมเพ่ิมทเี่ ป็นผงละเอยี ด จะชว่ ยเพม่ิ ความลน่ื ไหลแทน สว่ นของซเี มนต์ - สารเพมิ่ ฟองอากาศ (Air Entraining Agent) จะทาให้การล่ืน ไหลดีขึน้ แต่กาลงั อัดอาจลดลง - นา้ ยาประเภทลดน้าและยดื เวลาการก่อตัวจะชว่ ยเพิ่มการลนื่ ไหล

156 นอกจากน้ยี ังมีอีก 2 ปัจจยั ที่มผี ลตอ่ ความสามารถเทไดข้ องคอนกรตี น่นั คือ 1. เวลา 2. อณุ หภมู ิ คอนกรตี สดจะแข็งตวั ตามเวลาที่ผ่านไป ที่เป็นเช่นน้ีเพราะน้าผสมคอนกรีตบางส่วนถูกดูดซับ ไปโดยมวลรวม บางส่วนระเหยไป โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงคอนกรีตที่ถูกแสงแดดและลม เช่น คอนกรีตท่ีใช้ ทวั่ ไปในประเทศไทย และน้าบางส่วนถูกใช้ไปในปฏิกิริยาไฮเดรช่ัน ความแข็งตัวของคอนกรีตสามารถ วัดได้โดยการวัดความสามารถเทได้ที่สูญเสียไปกับเวลาที่ผ่านไปโดยรู้กันในชื่อว่า “Slump Loss” ซ่ึง ผันแปรกบั 1. ปรมิ าณปนู ซเี มนตใ์ นสว่ นผสม 2. ชนิดของปนู ซเี มนต์ 3. อุณหภมู ิของคอนกรีต 4. ความสามารถเทไดเ้ ร่มิ ต้น กล่าวคือ ถ้าอากาศร้อน การสูญเสียน้าจะเร็วความสามารถเทได้จะลดลงหรือ ณ อุณหภูมิสูง การก่อตัวจะเกิดเร็วข้ึนเวลาการทางานและความสามารถเทได้จะลดลงเป็นต้น การทดสอบ Slump Loss อยใู่ นหัวข้อ 8.8 8.4 การยึดเกาะและการแยกตัวของคอนกรีต ส่วนผสมของคอนกรีตท่ีดีจะต้องมีความสามารถเทได้ ไม่มีการแยกตัวขององค์ประกอบ (Segregation) หรือคอนกรีตควรมีความสม่าเสมอมีเน้ือเดียวกันตลอดทุกส่วนน่ันคือ คอนกรีตมีการ ยึดเกาะ (Cohesion) ที่ดนี ั่นเอง ภาพที่ 8.3 คอนกรีตท่อี อกแบบไม่ถูกต้องจะแยกตวั ทีม่ า: ชัชวาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หนา้ 72)

157 รปู แบบของการแยกตวั ของคอนกรตี 1. มวลรวมหยาบแยกตัวออกจากส่วนผสม เนื่องจากการเคลื่อนที่ของคอนกรีตผ่านทางชัน หรือมวลรวมหยาบจมตัวลงมากกว่ามวลรวมละเอยี ด 2. น้าปูนแยกตัวออกจากสว่ นผสมเนื่องจากส่วนผสมเหลวมากเกินไป สาเหตุของการแยกตวั ของคอนกรตี 1. ใชห้ นิ ทรายทม่ี คี วามถ่วงจาเพาะแตกตา่ งกนั มาก 2. ใชส้ ัดส่วนผสมคอนกรีตทไี่ มเ่ หมาะสม เช่น เหลวหรือแข็งมากเกินไป 3. การขนยา้ ย การเทลงแบบ และการจีเ้ ขย่าไม่ถูกวิธี - ลาเลยี งคอนกรีตทเ่ี หลวมากไปเป็นระยะทางไกล - เทคอนกรตี ไหลผ่านรางท่เี ปล่ียนทิศทาง - ปล่อยคอนกรีตผา่ นสิง่ กีดขวาง - จเ้ี ขยา่ คอนกรีตนานเกินไป - จเ้ี ขยา่ ใหค้ อนกรตี ไหลไปตามแบบหรือใหค้ อนกรีตแผเ่ ป็นพื้นท่ีกว้าง วิธกี ารป้องกันการแยกตัว 1. ใช้หนิ ทรายทมี่ ีขนาดคละดมี ีความถว่ งจาเพาะท่แี ตกต่างกันไมม่ าก 2. ทาให้คอนกรีตเหลวและมีความสามารถเทได้โดยใช้น้ายาประเภทลดน้าหรือน้ายาลดน้า จานวนมาก 3. เลอื กสดั ส่วนผสมคอนกรีตใหเ้ หมาะสม 4. ใช้เครื่องจ้ีเขยา่ คอนกรีตอยา่ งถูกวธิ ี ภาพท่ี 8.4 คอนกรตี ท่เี หลวมากด้วยนา้ ยาผสมคอนกรตี ไม่มกี ารแยกตวั ทม่ี า: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หน้า 73)

158 8.5 การเยม้ิ (Bleeding) การเย้ิม (Bleeding) คือ การคายน้าจากส่วนผสมคอนกรีต ซ่ึงเกิดหลังจากการจ้ีเขย่า คอนกรีตเข้าแบบแล้วลักษณะที่สาคัญคือ จะมีน้าบางส่วนที่ลอยตัวขึ้นมาอยู่ที่ผิวหน้าของคอนกรีตสด เนือ่ ยจากองค์ประกอบท่ีเปน็ ของแขง็ ในว่ นผสมจมตัวลงและดนั นา้ ทเี่ ป็นองค์ประกอบที่เบาท่ีสุดให้ลอด ตวั ขนึ้ การหาคา่ การเยิ้มสามารถแสดงออกมาเป็นริมาณ ซ่ึงได้จากอัตราส่วนค่ายุบตัวลงต่อหน่วยความ สูงของคอนกรตี ดังแสดงในตัวอย่าง ภาพที่ 8.5 การหาคา่ การเยิ้มของคอนกรีต ที่มา: ชัชวาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หน้า 73) ค่าการเยม้ิ = 0.1 X 100 = 1% 10.0 การเยิม้ จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพคอนกรตี ใน 2 ลกั ษณะ คือ 1. ผิวด้านบนของคอนกรีตมีค่าอัตราส่วนน้าต่อซีเมนต์สุงสุดหรือกาลังอัดต่าที่สุด เม่ือ คอนกรีตแข็งตัวมีแนวโน้มที่จะเกิดการเป็นฝุ่นที่ผิว (Dusting) และถ้าต้องเทคอนกรีตทับบนผิวน้ีเช่น การเทคอนกรีตฐานรากขนาดใหญ่จะเกิดช้ันท่ีอ่อนแอและเป็นรูพรุนทาให้โครงสร้างนี้ขาดความทด ทาน 2. นอกจากน้าท่ีลอยตัวข้ึนมาแล้ว น้าบางส่วนจะถูกกักไว้ใต้มวลรวมหยาบหรือเหล็กเสริม ก่อให้เกิดแรงยึดเหน่ียวระหว่างมอร์ต้าและมวลรวมหรือเหล็กเสริมลดลงอย่างมาก และเม่ือคอนกรีต แข็งตัวแล้ว จะเกิดช่องว่างเรียงตัวในทิศทางเดียวการซึมผ่านของน้าในคอนกรีตจะเพ่ิมข้ึน การเยิ้มนี้ จะพบไดบ้ ่อยในงานคอนกรตี พืน้ ทขี่ นาดใหญ่ เช่น พืน้ ถนน เป็นตน้

159 ภาพท่ี 8.6 การเยมิ้ ของคอนกรีตก่อใหเ้ กดิ ช่องว่างเรียงตวั ในทศิ ทางเดยี ว ทม่ี า: ชัชวาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หนา้ 74) ปัจจยั ที่มผี ลต่อการเยิ้ม 1. ปริมาณนา้ ในส่วนผสม การลดน้าจะลดการเยิ้ม 2. คุณสมบตั ิของปูนซีเมนต์ การเยมิ้ จะลดลงเมอื่ ใช้ปูนซีเมนต์ที่มีความละเอยี ดเพิ่มขึ้น 3. องค์ประกอบทางเคมีของปูนซีเมนต์ ซีเมนต์ท่ีเป็นด่างมากหรือที่มี C3A มากจะมีการเยิ้ม น้อย 4. อุณหภูมิ 5. สัดสว่ นคอนกรีตทใ่ี ช้ปนู ซเี มนต์ปริมาณมากมีแนวโน้มจะเกิดการเย้ิมน้อยกว่าคอนกรีตที่ใช้ ปูนซีเมนตน์ ้อย 6. สารกกั กระจายฟองอากาศจะลดการเย้ิม 8.6 เวลาก่อตวั (Setting Time) เวลาการกอ่ ตัวมีความสาคัญมากต่อการทางานคอนกรีตโดยเฉพาะในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับเวลา การเทคอนกรีต การก่อตวั จะมี 3 ข้นั ตอน ดงั แสดงในภาพที่ 8.7

160 ภาพที่ 8.7 ขัน้ ตอนการก่อตวั ของคอนกรตี ทม่ี า: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หน้า 74) 1. การเริ่มก่อตัว (Stiffening Time) คือ เวลาที่คอนกรีตเหลวรับแรงเสียดทานจากเคร่ือง ทดสอบได้ 5 กก./ตร.ซม. หรือ 70 ปอนด/์ ตารางนว้ิ ณ เวลานค้ี อนกรีตเร่ิมแขง็ กระด้าง 2. การก่อตัวเริ่มตัว (Initial Setting Time) คือ เวลาที่คอนกรีตเหลวรับแรงเสียดทานได้ 35 กก./ตร.ซม. หรือ 500 ปอนด์/ตารางนิ้ว ณ เวลานี้คอนกรีตจะแข็งตัวแล้ว ถ้าเทสดทับลงไปอีกจะ กอ่ ให้เกดิ Cold joint 3. การกอ่ ตัวสุดท้าย (Final Setting Time) คือ เวลาที่คอนกรีตแข็งตัวสมบูรณ์ โดยสามารถ รบั แรงเสยี ดทานได้ 276 กก./ตร.ซม. หรือ 4,000 ปอนด/์ ตารางนว้ิ การทางานเทคอนกรีตจะต้องให้เสร็จสิ้นก่อนเวลาการเริ่มก่อตัว ในปัจจุบันได้มีการพัฒนา ด้านน้ายาผสมคอนกรตี ประเภทยดื เวลาการก่อตัว ซงึ่ ยืดเวลาการกอ่ ตวั ได้ ตง้ั แต่ 2-8 ช่ัวโมง ปจั จยั ทีม่ ผี ลต่อการก่อตัว การกอ่ ตัวของคอนกรีตขนึ้ อยู่กบั ปจั จัยหลายๆ ประการท่ีสาคญั คือ 1. ชนิดของปูนซีเมนต์ ซ่ึงขึ้นอยู่กับองค์ประกาอบทางเคมีท่ีสาคัญ คือ C3A, C3S และยิบซั่ม ในสว่ นผสม 2. อณุ หภูมขิ องอากาศ 3. ความชื้นสมั พทั ธ์ 4. ความหนาบางของโครงสร้างคอนกรีต ในบางกรณีอาจมีปญั หาดา้ นการก่อตัวผิดปกติของคอนกรตี ซงึ่ แบง่ ไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะ คอื 1. การก่อตัวผิดจังหวะ (False Set) คือ หลังจากผสมระยะหนึ่งคอนกรีตจะแข็งตัวชั่วขณะ แต่พอผสมต่อไป ก็จะเหลวเหมือนคอนกรีตปกติ สาเหตุเกิดจากโมเลกุลของน้าในยิบซั่มถูกดังออกไป ในขบวนการบด ดังนั้น เม่ือเร่ิมผสม ยิบซ่ัมนี้จะดึงน้าบางส่วนเพ่ือคืนตัวเป็นยิบซ่ัมอย่างเดิม โดยเริ่ม จับเป็นกลมุ่ แลว้ ค่อยๆ กระจายตวั ออก จงึ ทาให้เกดิ การแขง็ ตัวชวั่ ขณะหน่ึง

161 2. การก่อตัวเร็ว (Flash Set) ลักษณะการก่อตัวจะเกิดข้ึนเร็วมากและจะไม่คืนกลับสู่สภาพ เหลวอีก กรณีเช่นน้ีจะเกิดเม่ือมีส่วนผสมของ Calcium Aluminate หรือ Monosulfo Aluminate มากเกนิ ไป 8.7 คณุ สมบตั ขิ องคอนกรตี สดท่ีดี คอนกรตี สด คือ คอนกรีตที่ยังมีความเหลวเหมาะที่จะนาไปใช้งานจะต้องมีคุณสมบัติท่ีสาคัญ ทถ่ี อื ว่าเป็นคอนกรีตท่ดี ี ดงั น้ี - ผสมไดเ้ พียงพอจนมีเนอื้ สม่าเสมอเหมือนกันท้ังโม่ - มคี วามสามารถเทได้ - ไมเ่ กดิ การแยกตัว ระหว่างการลาเลยี งหรอื ขณะเทคอนกรีต - ไม่เกิดการเย้ิมมากเกินไป จนทาให้การแต่งผิวหน้าไม่สะดวก และมีผลกระทบต่อ คณุ ภาพของคอนกรตี เมื่อแขง็ ตัวแลว้ - มีเวลาในการกอ่ ตวั นานพอทีส่ ามารถทางานได้ - มีอุณหภูมิพอเหมาะไม่สูงเกินไป จนมีผลกระทบต่อความสามารถเทได้ และเวลาใน การกอ่ ตวั - ควรมีปริมาณฟองอากาศพอเหมาะ ซง่ึ มผี ลตอ่ ความสามารถเทได้ - สาหรับคอนกรีตที่ใช้เทด้วยปั้มควรมีคุณสมบัติที่สาคัญคือ ต้องไม่แยกตัวเมื่อถูก แรงอัดจากปม้ั และไหลในท่อได้สะดวก - สาหรับคอนกรีตที่ใช้เทฐานรากขนาดใหญ่ การมีคุณสมบัติท่ีสาคัญคือ มีค่ายุบตัวสูง Slump Loss ช้า และใช้ปริมาณปูนซีเมนต์ต่า เพื่อหลีกเล่ียงความร้อนจาก ปฏิกิริยาไฮเดรชนั่ 8.8 การทดสอบคอนกรตี วัตถุประสงค์ เพื่อตรวจสอบว่า ส่วนผสมคอนกรีตท่ีถูกออกแบบไว้นั้น มีคุณสมบัติต่างๆ เช่น ค่ายุบตัว, เวลาการแข็งตัว, ปริมาณอากาศตามท่ีต้องการหรือไม่ การทดสอบแต่ละอย่างที่จะกล่าวต่อไปน้ี ผอู้ อกแบบส่วนผสมคอนกรตี จะเลอื กทดสอบเฉพาะสว่ นทเี่ ก่ยี วข้องกับงานเท่าน้ัน

162 มาตรฐานท่ีใช้ - ASTM C 192 - Standard Method of MADING AND CURING CONCRETE TEST SPECIMENTS IN THE LABORATORY วิธกี ารทดสอบ หลังจากออกแบบส่วนผสมคอนกรีตเรียบร้อยแล้ว นาส่วนผสมท่ีได้มาทาการชั่งน้าหนัก ซีเมนต์ หิน ทราย รวมท้ังวัดปริมาตรน้าและน้ายา ตามส่วนผสมโดยต้องคานวณปรับน้าหนักของหิน ทราย ตามค่าความชน้ื ในสภาพท่ีเป็นจรงิ เสรจ็ แล้วนาวตั ถดุ ิบดงั กลา่ วเทใสโ่ ม่ โมท่ ีใ่ ช้ในหอ้ งปฏิบตั กิ ารมี 2 ลักษณะ คือ 1. โม่แบบ Tilt 2. โม่แบบ Pan ก่อนท่ีจะผสมคอนกรีตใช้จริง ควรผสมอร์ต้า เคลือบโม่ก่อน เพ่ือส่วนผสมคอนกรีตที่ผสม ถูกต้องและเพื่อให้วัตถุดิบท้ังหมดผสมเข้ากันได้ดี ลาดับการใส่วัตถุดิบ จึงมีความสาคัญ โดยจะใส่ หิน ปนู ซีเมนต์ ทราย น้า ตามลาดับ ถา้ มกี ารใชน้ า้ ยาผสมคอนกรีตจะผสมน้ายากับน้าแล้วเทส่วนผสมใส่ใน โม่

163 ภาพท่ี 8.8 ลักษณะเครื่องผสมคอนกรีตทใี่ ชใ้ นห้องปฏิบัติการ ท่มี า: ชัชวาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หนา้ 75) วธิ ีการผสมตามมาตรฐาน มีดังนี้ 1. ผสมส่วนผสม 3 นาที 2. หยดุ เคร่ืองผสม 3 นาทปี ดิ ฝาโมก่ ันไมใ่ ห้นา้ ระเหยออก 3. ผสมตอ่ อกี 2 นาที หลงั จากผสมเสรจ็ เรียบร้อยให้เทคอนกรตี ใสร่ ถเขน็ เพ่ือนาไปทดสอบ

164 1. การวัดอุณหภูมิ วัดอุณหภูมิอากาศ และวัดอุณหภูมิของคอนกรีต บันทึกเป็นข้อมูลไว้ใช้ในการวิเคราะห์ ทั้งนี้ เพราะอุณหภมู ิมผี ลตอ่ คณุ สมบัตคิ อนกรีต เชน่ เวลาการก่อตัว และความสามารถในการเทได้ เปน็ ต้น 2. การทดสอบค่าการยุบตัว วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื หาความสามารถไหลได้ หรือความสามารถในการเทคอนกรตี สดลงแบ มาตรฐานท่ีใช้ - ASTM C 143 - Standard Test Method of - SLUMP OF PORTLAND CEMENT CONCRETE อปุ กรณ์ 1. โคนรูปทรงกรวยตัด เส้นผ่านศูนย์กลางด้านบน 10 ซม. และด้านล่าง 20 ซม. สูง 30 ซม. มหี ูจับและแผ่นเหล็กยืน่ ออกมาใหเ้ ท้าเหยยี บทัง้ 2 ขา้ ง 2. เหล็กตาขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลาง 16 มม. ยาว 60 ซม. ปลายกลมมน 3. แผ่นเหลก็ สาหรบั รอง 4. ชอ้ นตกั เกรียงเหล็ก ตลับเมตรหรือไมว้ ดั ภาพที่ 8.9 อปุ กรณ์ทดสอบค่ายุบตวั ทมี่ า: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 76)

165 วิธที ดสอบ 1. นาอปุ กรจ์ ุม่ นา้ ให้เปยี ก 2. วางแผน่ เหล็กลงกบั พ้ืนราบ นาโคนขน้ึ วางใช้เท้าเหยยี บปลายทง้ั 2 ขา้ ง 3. ใช้ชอ้ นตกั ตักคอนกรตี ใสล่ งในโคน โดยแบ่งเปน็ 3 ช้ัน แต่ละช้ันให้มีปริมาณเท่าๆ กัน ช้ัน ท่ี 1 ใส่คอนกรีตในโคนสูงประมาณ 6-7 ซม. ตาด้วยเหล็กตา 25 ครั้ง ในการตาต้องตาให้ท่ัวพื้นที่ ใส่ คอนกรีตชั้นท่ี 2 จนได้ส่วนสูงประมาณ 15 ซม. ตาให้ทะลุคอนกรีตชั้นท่ี 2 เพียงเล็กน้อยปาดผิวหน้า คอนกรีตใหเ้ รียบรวมทงั้ ทาความสะอาดบรเิ วณโคนและแผน่ เหลก็ รอง 4. ดึงโคนขนึ้ ตรงๆ ไม่หมุน 5. วางโคนลงข้างๆ คอนกรีตแล้ววดั ค่าการยบุ ตวั ของคอนกรตี ค่ายุบตัว คือ ค่าระยะที่คอนกรีตยุบตัวจากเดิม โดยวัดที่จุดก่ึงกลางของคอนกรีตท่ียุบตัวในการวัดให้ วดั ละเอียดถึง 0.5 ภาพท่ี 8.10 ปริมาณคอนกรีตท่ีใสใ่ นโคนและการตา ทม่ี า: ชชั วาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หน้า 76)

166 ภาพท่ี 8.11 การวัดค่ายุบตัว ท่มี า: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 77) รูปแบบการยบุ ตวั ของคอนกรีต การยุบตวั ของคอนกรีตโดยทว่ั ไปมี 3 แบบ คือ 1. การยบุ ตวั แบบถูกต้องเปน็ การยบุ ตัวของคอนกรตี ภายใต้น้าหนักของตัวคอนกรตี 2. การยบุ ตัวแบบเฉอื นเป็นการยบุ ตวั ท่เี กิดจากการเล่ือนไถลของคอนกรีตส่วนบน ในลักษณะ เฉอื นลงไปด้านขา้ ง 3. การยบุ ตวั แบบลม้ เปน็ การยบุ ตัวที่เกดิ จากคอนกรตี มคี วามเหลวมาก ภาพที่ 8.12 รูปแบบการยุบตัว ที่มา: ชชั วาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หน้า 77)

167 ค่าคลาดเคลอื่ นในค่าการยบุ ตัว มาตรฐานท่ัวไปกาหนดให้ค่าความคลาดเคล่ือนในค่าการยุบตัว มีค่า + 2.5 ซม. เช่น ถ้า ต้องการคา่ ยุบตวั 7.5 ซม. ค่าทยี่ อมรบั ได้ คือ 7.5 + 2.5 ซม. หรอื 5-10 ซม. คา่ ยบุ ตัวสาหรบั งานชนิดตา่ งๆ และงานพิเศษแสดงอยใู่ นตารางท่ี 8.3 และ 8.4 ตารางที่ 8.3 ค่าการยุบตัวสาหรบั งานก่อสรา้ งชนิดต่างๆ ชนิดของงานกอ่ สร้าง คา่ ยบุ ตัว (ซม.) ฐานราก 7.5 + 2.5 แผน่ พ้ืน, คาน, ผนัง, ค.ส.ล. 10.0 + 2.5 เสา 10.0 + 2.5 ครีบ ค.ส.ล. และผนงั บางๆ 10.0 + 2.5 ท่ีมา: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หน้า 77) ตารางท่ี 8.4 คา่ การยุบตวั สาหรับงานพิเศษบางประเภท ชนิดของงานกอ่ สร้าง ค่ายุบตวั (ซม.) ถนน, สนามบนิ 5.0 + 2.5 งานท่ใี ชค้ อนกรีตปั๊ม 10.0 + 2.5 เสาเข็มเจาะระบบแหง้ 10.0 + 2.5 งานเทคอนกรตี ใต้น้า (Trimie) มากกวา่ 15 งานคอนกรีตท่ีมเี หล็กเสรมิ หนาแนน่ มากกวา่ 15 ที่มา: ชชั วาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หนา้ 77) 3. การทดสอบเวลาก่อตัว วตั ถุประสงค์ เพอ่ื หาเวลาท่ีเหมาะสมทจ่ี ะนาคอนกรตี ไปใช้งานมาตรฐานท่ีใช้ มาตรฐานท่ใี ช้ - ASTM C 403 - Standard Test Method of - TIME OF SETTING OF CONCRETE MIXTURE BY PENETRATION RESISTANCE

168 อปุ กรณ์ 1. เครอ่ื งมือหาเวลาการก่อตัวของคอนกรีต 2. ตะแกรงมาตรฐาน เบอร์ 4 3. เหล็กตาขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 16 มม. 4. แบบรปู ทรงลูกบาศก์ 15 x 15 x 15 ซม. 5. ฆ้อนยาง, ลูกยาง, เทอร์โมมเิ ตอร์ ภาพท่ี 8.13 อปุ กรณ์ทดสอบเวลาการกอ่ ตวั ของคอนกรีต ท่มี า: ชชั วาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 78) วธิ ีการทดสอบ 1. นาคอนกรีตร่อนผา่ นตะแกรงมาตรฐานเบอร์ 4 2. นาส่วนที่ผ่านตะแกรงเบอร์ 4 เทลงแบบลูกบาศก์ที่เตรียมไว้โดยใส่ให้ความสูงต่ากว่าขอบ แบบประมาณคร่ึงชม. 3. ใช้เหล็กตาให้ทั่วพนื้ ที่ ใชฆ้ อ้ นยางตขี า้ งๆ แบบเพอื่ ใส่ฟองอากาศออกจากสว่ นผสม 4. วัดอุณหภมู ิ 5. ปาดผวิ หนา้ ใหเ้ รยี บ 6. วางทงิ้ ไวเ้ ม่ือมีน้าลอยตัวขน้ึ มาใหใ้ ชล้ ูกยางดูดนา้ ออก 7. ยกแบบวางบนเคร่ืองทดสอบท่ีใส่หัวกดไวเ้ รียบรอ้ ยแล้วกดให้หัวกดจมในเนื้อคอนกรีต 2.5 ซม. จดค่านา้ หนกั ท่ีขนึ้ บนสเกล เวลาตั้งแต่เรม่ิ ผสมจนถงึ เวลากด และขนาดของหัวกด

169 หัวกดท่ีใช้มีให้เลือกตั้งแต่ขนาดพื้นท่ี 1, 1/2, 1/4, 1/10, 1/20, 1/40 ตารางนิ้ว ในการ ทดสอบจะเลือกหัวกดให้เหมาะสมกับสภาพคอนกรีตโดยในช่วงแรกจะใช้หัวกดขนาดใหญ่และเม่ือ เวลาผ่านไปคอนกรีตยิ่งแข็งตัว จะเลือกหัวกดขนาดเล็กลง ในการทดสอบต้องหาแรงต้านทานอย่าง นอ้ ย 6 จุดเพื่อนามาเขยี นกราฟ การคานวณ แรงตน้ ทาง = น้าหนักที่อ่านได้จากสเกล พื้นทีห่ ัวกด การเขียนกราฟ เมอื่ ได้คา่ แรงตา้ นทานและเวลาหลังจากผสมนาข้อมลู ท่ีไดม้ าเขียนกราฟ กราฟนอน คือ เวลาหลังจากผสมคอนกรตี หนว่ ยเป็นชวั่ โมง กราฟต้งั คอื ค่าแรงต้นทาน หนว่ ยเป็น ปอนด/์ ตารางนวิ้ หรือ กก./ตร.ซม. ลงจุดที่ได้และลากเส้นกราฟนากราฟมาหาคา่ เวลาการก่อตัวของคอนกรีต ภาพท่ี 8.14 กราฟแสดงวิธกี ารหาเวลาการก่อตวั ของคอนกรตี ที่มา: ชชั วาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 78)

170 ข้อควรระวัง 1. ในการใช้หวั กดคอนกรตี นร้ี ะยะระหวา่ งช่องทีก่ ดตอ้ งหา่ งกันไมน่ อ้ ยกวา่ 2 เท่าของเส้นผ่าน ศูนย์กลางของหัวกดท่ีใช้และต้องไมน่ ้อยกว่าครึง่ น้ิว 2. จุดทก่ี ด จะต้องหา่ งจากขอบไมน่ ้อยกวา่ 1 นิ้ว ภาพที่ 8.15 ระยะช่องว่างของการทดสอบเวลาการก่อตัว ทีม่ า: ชชั วาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หน้า 78) 4. การทดสอบปริมาณอากาศ วตั ถุประสงค์ งานก่อสร้างบางประเภท เช่น งานก่อสร้างห้องเย็น, งานก่อสร้างเขื่อน ในข้อกาหนดให้ใช้ คอนกรีตที่มีปริมาณอากาศ 3-5% ดังนั้น จึงจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะทดสอบว่าปริมาณอากาศในคอนกรีต เปน็ ไปตามขอ้ กาหนดหรอื ไม่ ปรมิ าณอากาศถ้าน้อยกว่าข้อกาหนดจะไม่กอ่ ให้เกิดประโยชนใ์ นด้านความทนทาน ปรมิ าณอากาศถา้ มีมากเกนิ ไปจะทาให้กาลงั อัดของคอนกรตี ต่าลง อปุ กรณ์ 1. แอรม์ ิเตอร์ 2. เหลก็ ตาขนาดเสน้ ผ่าศูนย์กลาง 16 มม. 3. ฆ้อนยาง, ลูกยาง, ภาชนะใส่น้า แผ่นเหล็กสาหรับปาดหนา้ 4. ชอ้ นตัก

171 ภาพที่ 8.16 อปุ กรณ์ทดสอบปรมิ าณอากาศ ทม่ี า: ชชั วาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 79) วิธีทดสอบ 1. นาอุปกรณ์ท้ังหมดไปจ่มุ น้าให้เปียก 2. ตักคอนกรีดใส่ลงในแอร์มิเตอร์ โดยแบ่งเป็น 3 ช้ัน เท่าๆ กันในแต่ละชั้นตา 25 คร้ังด้วย เหลก็ ตา 3. ใช้ฆ้อนย่างตีรอบๆ แอร์มเิ ตอร์ 10-15 ครง้ั เพื่อไล่อากาศในคอนกรีตออกใหห้ มด 4. ใชแ้ ผ่นเหล็กปาดหน้าคอนกรีตให้เรียบ ทาความสะอาดบริเวณขอบแอร์มิเตอร์ ปิดฝาและ ขันสกรใู หแ้ น่น 5. เปิดวาล์วสาหรับใส่นา้ ทงั้ สองข้าง ใช้ลูกยางดูดน้าใส่จนเต็มโดยสังเกตจากน้าท่ีไหลออกมา อีกดา้ นหนึง่ เม่อื นา้ เตม็ ปิดวาล์ว 6. อดั อากาศเขา้ ไปในหม้อลมทอี่ ยู่บริเวณฝาปิดจนเต็ม โดยสังเกตจากหน้าปัดของเคร่ือง เข็ม จะช้ที เี่ ลขศนู ย์ 7. กดปมุ่ อดั อากาศ ดูคา่ ปริมาณอากาศจากหนา้ ปัด 8. บนั ทกึ ค่า การประเมนิ ผล ในการหาปริมาณอากาศควรทา 2 คร้ัง และค่าที่ได้ทั้ง 2 ต้องแตกต่างกันไม่เกิน 0.2% นา คา่ ท่ีได้ท้ัง 2 มาหาคา่ เฉล่ีย คา่ เฉลยี่ ที่ได้คอื คา่ ปรมิ าณอากาศในคอนกรีต

172 5. การทดสอบหนว่ ยนา้ หนกั วตั ถุประสงค์ เพอ่ื ตรวจสอบหน่วยนา้ หนกั ของคอนกรีตหน่วยน้าหนักทไ่ี ดจ้ ากการคานวณว่า ถกู ตอ้ งหรอื ไม่ มาตรฐานทใ่ี ช้ - BS 1881 : PART 107 - Method of Determination of DENSITY OF COMPACTED FRESH CONCRETE อปุ กรณ์ 1. ถงั ใส่คอนกรตี ขนาดมาตรฐาน ความจุ 10 ลติ ร 2. เหลก็ ตาหนา้ ตัดเหลี่ยมจตั ุรัส พ้ืนที่ 1 ตารางนว้ิ 3. เหลก็ ปาดหน้าคอนกรตี 4. เครือ่ งชงั่ ท่ีอา่ นไดล้ ะเอยี ดถึง 0.1 กก. 5. ชอ้ นตกั ภาพท่ี 8.17 อปุ กรณท์ ดสอบหนว่ ยนา้ หนัก ท่ีมา: ชชั วาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 79) วิธีทดสอบ 1. ชงั่ น้าหนกั ถงั เปล่าบนั ทกึ ค่าไว้ 2. นาคอนกรีตใสล่ งในถงั โดยแบง่ เป็น 6 ชัน้ ใช้เหล็กตา ตาคอนกรตี ให้แน่น ในแต่ละช้ันต้อง ตาไมน่ ้อยกวา่ 60 ครงั้ ทาจนครบ 6 ชน้ั 3. ใช้เหล็กปาดหน้าคอนกรตี ให้เรยี บ 4. นาไปชง่ั น้าหนกั อกี คร้งั บันทึกนา้ หนักทไ่ี ด้ 5. นาคา่ ที่ได้ไปคานวณหาหนว่ ยนา้ หนกั

173 การคานวณ หน่วยนา้ หนักคอนกรตี = นาหนักคอนกรตี ในถงั ปรมิ าณถัง ในการคานวณหนว่ ยนา้ หนัก ควรใหม้ ีความละเอยี ดถงึ 10 กก./ลบ.ม. 6. การทดสอบการไหลตัว วัตถุประสงค์ ปัจจุบันมีการใช้คอนกรีตที่มีความเหลวมาก ซึ่งจะทาให้เหลวโดยการใส่น้ายาลดน้าจานวน มาก (Superplasticizer) คอนกรีตท่ีได้จะมีค่ายุบตัวมากกว่า 15 ซม. การทดสอบการยุบตัวไม่ เหมาะสมจึงใช้วธิ ีการวดั การไหลของคอนกรีตแทน มาตรฐานที่ใช้ - DIN 1048 : PART 1 - Method of DETERMINATION OF FLOW อุปกรณ์ 1. โต๊ะเขยา่ (Flow table) ขนาด 70 x 70 ซม. 2. โคนท่มี เี สน้ ผา่ ศูนยก์ ลางด้านบน 13 ซม. ดา้ นล่าง 20 ซม. สงู 20 ซม. มหี ูจบั และแผน่ เหลก็ ยน่ื ออกมาให้เทา้ เหยยี บ 3. ไมต้ าหน้าตดั ส่ีเหลย่ี มจตุรัส ขนาด 40 x 40 มม. 4. ช้อนตกั , เกรยี งเหล็ก ภาพที่ 8.18 อปุ กรณท์ ดสอบการไหลตวั ทีม่ า: ชชั วาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หนา้ 80)

174 วิธกี ารทดสอบ 1. ทาอปุ กรณ์ทั้งหมดใหเ้ ปยี ก 2. วางโคนลงกลางโต๊ะเขย่าใหต้ รงรอยขดี ใช้เท้าเหยียบปลายทั้ง 2 ข้าง 3. ตักคอนกรีตใส่โคน 2 ชน้ั แตล่ ะชนั้ ตาด้วยไม้ตา 10 ครง้ั 4. เมอ่ื ตาช้ันสดุ ท้ายเสรจ็ ปาดผวิ หนา้ คอนกรีตใหเ้ รียบทาความสะอาดโต๊ะเขย่า 5. ยกโคนขั้นตรงๆ 6. ยกโต๊ะเขย่าขั้นให้ถึงขอบและปล่อยลงทาอย่างน้ี 15 คร้ัง คอนกรีตจะแผ่กระจายบนโต๊ะ เขยา่ 7. วดั เส้นผ่านศนู ยก์ ลางของคอนกรตี ทีแ่ ผอ่ อก โดยวดั 2 แนวทตี่ ง้ั ฉากกัน 8. คา่ การไหลตัวของคอนกรีต คือ ค่าเฉลีย่ ของเส้นผา่ นศนู ย์กลางทงั้ 2 ที่วัดได้ การประเมนิ ผล มาตรฐานกาหนดว่า คอนกรีตทไี่ หลตัว (Flow Concrete) ค่าเฉลี่ยของเส้นผ่านศูนย์กลาง ทั้ง 2 แนว ต้องมากกว่า 55 ซม. ในการทดสอบการไหลตัวของคอนกรีตนี้ ยังสามารถบอกไดว้ ่าคอนกรีตน้ันเหมาะท่ีจะนาไปใช้ งานหรือไม่ โดยดูจากคอนกรีตหลังจากการทดสอบ ถ้าคอนกรีตมีการแยกตัวแสดงว่าคอนกรีตน้ันไม่ เหมาะทีจ่ ะนาไปใช้งานใหท้ าการปรับส่วนผสมใหม่ 7. การทดสอบการสูญเสียคา่ การยุบตวั (Slump Loss) วิธกี ารทดสอบน้ี เป็นการจาลองสภาพคอนกรีตท่ีอยูใ่ นโมผ่ สม วัตถปุ ระสงค์ เพือ่ ดูวา่ คอนกรีตน้นั จะมคี ่ายุบตัวลดลงตามเวลาอย่างไร อุปกรณ์ ในการทดสอบนี้ใชอ้ ปุ กรณช์ ดุ เดียวกบั อปุ กรณ์ท่ีใชท้ ดสอบค่ายุบตวั วธิ กี ารทดสอบ 1. นาคอนกรตี ท่ผี สมเสร็จเรยี บร้อย วัดอณุ หภมู ิ และหาคา่ ยบุ ตวั เรม่ิ ตน้ 2. เทคอนกรีตกลับใส่โม่ผสมทิ้งไว้ โดยปิดผาโม่ไม่ให้น้าระเหยออก และควรเปิดเคร่ืองผสม เป็นระยะ 3. เทคอนกรีตมาหาค่ายุบ และบันทึกค่า 4. ทาเช่นทุกๆ 15 นาทจี นคอนกรตี ไมม่ ีค่ายุบตัว นาผลทดสอบท่ีได้มาหาเวลาทเ่ี หมาระสมในการที่จะนาคอนกรีตไปใชง้ าน ค่ายุบตวั ของคอนกรตี เมอื่ เวลาผ่านไป

175 ภาพท่ี 8.19 การสญู เสยี ค่าการยุบตว้ ทีม่ า: ชัชวาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หน้า 81) ตารางท่ี 8.5 การสูญเสียค่าการยุบตัวของคอนกรตี ท่ใี ส่และไม่ใสน่ ้ายาผสมคอนกรีต เวลาหลงั ผสม การยุบตัว (ซม.) นาที ไม่ใส่น้ายา ใส่นา้ ยาประเภทยดื เวลาการกอ่ ตัว 0 10 10 15 9 10 30 7.5 9 60 5 7.5 90 3 6 8.9 การวัดค่าความสามารถเทได้อื่นๆ นอกจากการวดั ความสามารถเทได้โดยวธิ หี าคา่ ยบุ ตัวและการทดสอบการไหลของคอนกรตี ที่ กล่าวไปแลว้ ยงั มีวิธีการทดสอบความสามารถเทไดท้ ีเ่ หมาะสมกบั งานประเภทต่างๆ อีกโดยมี รายละเอยี ดดังน้ี 1. การทดสอบสัดส่วนการอัดแน่น วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือหาว่าคอนกรีตนั้นๆ มีความสามารถทางานได้มากน้อยขนาดใด วิธีการนี้เหมาะสาหรับ การวัดความสามารถทางานได้ของคอนกรีตที่แห้งงหรือมีความสามารถทางานได้ต่า เพราะการ เปลี่ยนแปลงความสามารถในการทางานได้ของคอนกรีตท่ีแห้งเพียงเล็กน้อยจะทาให้ค่า Compacting Factor เปล่ียนไปมาก แต่สาหรับคอนกรตี ทมี่ ีความสามารถทางงานไดส้ ูงง จะให้ค่าไมแ่ ตกตา่ งกนั มา

176 มาตรฐานทใี่ ช้ - BS 1882 : PART 103 : 1983 - Method for Determination of COMPACTING FACTOR อุปกรณ์ 1. เคร่ือง Compacting Factor ซึ่งประกอบด้วยกรวยบน (A) กรวยล่าง (B) และภาชนะ รูปทรงกระบอก (C) ขนาดเสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง 150 มม. สงู 300 มม. 2. เหลก็ ตา 3. เครอื่ งชง่ั 25 กก. 4. ช้อนตัก, เกรยี งเหล็ก ภาพที่ 8.20 อปุ กรณ์ทดสอบสัดส่วนการอัดแนน่ ทีม่ า: ชัชวาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 81) วิธกี ารทดสอบ 1. ใช้ช้อนตัก ตักคอนกรีตใสใ่ นกรวยบน (A) จนเตม็ ปาดผวิ หน้าจนเรียบ 2. เปิดฝาล่างของกรวยบน (A) ให้คอนกรีตตกลงมาในกรวยล่าง (B) ซ่ึงมีขนาดเล็กกว่าจะมี คอนกรีตส่วนหนึง่ ล้นออกไป 3. เปิดฝาลา่ งของกรวยล่าง (B) ใหค้ อนกรีตตกลงในภาชนะรปู ทรงกระบอก (C) 4. ปาดผวิ หน้าคอนกรตี ในภาชนะรปู ทรงกระบอก (C) ให้เรียบ

177 5. ชั่งน้าหนักเพ่ือหาน้าหนักของคอนกรีตในภาชนะ C ถือว่าเป็น Weight of Partially Compacted Concrete 6. เทคอนกรตี ในภาชนะ C ออกจากน้ันนาคอนกรตี ใหม่ใหม่เป็นช้ันๆ 6 ชน้ั เทา่ ๆ กัน กระทุ้ง ให้แนน่ อย่างเต็มทป่ี าดผิวหน้าให้เรียบ 7. ช่ังน้าหนักเพื่อหาน้าหนักคอนกรีตอัดแน่นในภาชนะ C ถือว่าเป็น Weight of Fully Compacted Concrete 8. หาคานวณหาคา่ Compaction Factor (C.F.) C.F. = Weight of Partially Compacted Concrete Weight of Fully Compacted Concrete ค่าท่ไี ด้จะบอกเป็นเลขทศนิยม 2 ตาแหน่ง ขอ้ ควรระวงั 1. สว่ นผสมคอนกรตี ต้องมีขนาดใหญ่สุดของหินไมเ่ กนิ 1 นวิ้ คร่ึง หรือ 38 มม. 2. ในกรณีท่ีคอนกรีตแห้งมากๆ คอนกรีตจะมาอุดกันท่ีด้านล้างของกรวยและจะค้างต้องใช้ เหล็กกระทงุ้ แยงให้คอนกรตี ไหลลงไปขา้ งลา่ ง 2. การทดสอบวีบี (Vebe Test) ช่ือ Vebe น้ไี ด้มาจากชอ่ื ของ V. Bahrner ชาวสวีเดนผู้คดิ คน้ และพัฒนาวิธกี ารทดสอบนี้ มาตรฐานทีใ่ ช้ - BS 1881 : PART 104 : 1983 - Method of Determination of VEBE TIME อปุ กรณ์ 1. ชดุ เครื่องมือมาตรฐานสาหรบั ทดสอบ Vebe ท่ีประกอบด้วยกรวยตัด ชุดเขยา่ มาตรฐาน 2. เหล็กตา 3. ช้อนตัก, เกรียงเหล็ก 4. นาฬิกาจับเวลา วิธกี ารทดสอบ 1. วางกรวยสาหรบั หาคา่ ยุบตัวทก่ี ลางชุดเขย่าตักคอนกรีตใส่แล้วดงึ กรวยขึ้น 2. เล่อื นแผ่นแกว้ วางลงบนคอนกรตี

178 3. เร่ิมทาการเขย่าจนกว่าผิวของแผ่นแกว้ สัมผัสกับคอนกรีตท่ัวแผ่น โดยสังเกตช่องอากาศใต้ แผน่ แกวจะค่อยๆ ถูกกาจัดไป 4. จับเวลาตัง้ แตเ่ ริ่มเขยา่ จนเสร็จ เป็นวนิ าที เวลาที่ได้คอื เวลาวีบี วิธี Vebe นี้ เหมาะสาหรับทดสอบในห้องปฏิบัติการเท่าน้ัน และเหมาะสาหรับคอนกรีตที่ ค่อนข้างแห้งโดยเวลาวีบีอยู่ระหว่าง 5-30 วินาที วิธีน้ีไม่ควรใช้กับส่วนผสมคอนกรีตท่ีมีมวลรวมขนาด ใหญ่เกิน 1 น้ิวครึ่ง นอกจากนี้การใช้ความชานาญในการบอกถึงเวลาที่ผิวล่างของแผ่นแก้วสัมผัส คอนกรตี ทว่ั ทงั้ แผน่ ทาใหเ้ วลาวีบที ี่ได้แตกตา่ งกันขึ้นอยกู่ ับผู้ทาการทดสอบ วิธี Vebe น้ีเมื่อเปรียบเทียบกับการทดสอบ Compacting Factor แล้วพบว่า วิธี Compacting Factor อาจเกิดข้อผิดพลาดในคอนกรีตที่มีความแห้งมากๆ เนื่องจากคอนกรีตจะติด กรวยไม่คอ่ ยไหลลงแตว่ ิธีวบี ีนจ้ี ะใหค้ า่ ทีด่ กี ว่าและเปน็ วิธีที่ใกล้เคยี งกบั การใช้งานจริงๆ อย่างมาก ภาพที่ 8.21 อุปกรณ์ทดสอบ Vebe ทม่ี า: ชชั วาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หน้า 81) 3. การทดสอบการจมของลูกบอลล์เคลลี่ วิธีน้ีเป็นการทดสอบความสามารถเทได้ของคอนกรีตท่ีง่ายและทาได้รวดเร็ว โดยสังเกตุจาก การรวมของลูกกลมโลหะเคลล่ี (Kelly Ball) มาตรฐานทใ่ี ช้ - ASTM C 360 - Test of BALL PENETRATION IN FRESH PORTLAND CEMENT CONCRETE

179 อปุ กรณ์ เคร่ืองมือที่ใช้ทดสอบน้ีได้คิดค้นโดย J. W. Kelly จึงต้ังช่ือว่า Kelly Ball ซ่ึงประกอบด้วยลูก กลมโลหะเคลลี่ (Kelly Ball) ขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลาง 15.2 ซม. หนัก 14 กก. วธิ ีการทดสอบ 1. ตักคอนกรีตท่ีผสมเสร็จใหม่ๆ ใส่ในภาชนะซ่ึงมีความลึกไม่น้อยกว่า 20 ซม. และความ กวา้ งทางด้านข้างไมน่ อ้ ยกวา่ 45 ซม. 2. หยอ่ นลกู กลมโลหะเคลล่ีอยา่ งเบาๆ ลงบนคอนกรีต ซึ่งทาใหเ้ รียบได้ระดบั แล้ว 3. สงั เกตความลกึ ของการจมตวั อา่ นจากสเกลของเครื่องมือน้ี ภาพท่ี 8.22 Kelly Ball ที่มา: ชัชวาลย์ เศรษฐบตุ ร (2537, หน้า 83)

180 สรปุ ทา้ ยบท คอนกรีตสดคือคอนกรีตท่ีหลังจากผสมวัสดุต่างๆเข้าด้วยกันแล้วอยู่ในสภาพเหลว และยัง สามารถเทเข้าแบบได้โดยยังไม่เกิดการเร่ิมก่อตัว (STIFFENING TIME) คุณสมบัติต่างๆของคอนกรีต สดข้นึ อยกู่ บั คณุ สมบัติของสว่ นประกอบต่างๆ ที่ใช้ในส่วนผสมคอนกรีตน้ัน คุณสมบัติของคอนกรีตสด ทตี่ ้องการได้แก่ ความสม่าเสมอของส่วนผสม ความง่ายในการลาเลียงและขนส่ง การทางานได้สะดวก โดยท่ีสามารถเทลงแบบและเขย่า หรือสามารถอัดแน่นได้โดยไม่เกิดการแยกตัว นอกจากนี้ผิวหน้า คอนกรีตที่แข็งตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผิวหล่อติดแบบหรือปาดให้เรียบเป็นส่ิงท่ีทาให้ผิวหน้าของ โครงสร้างคอนกรีตมีความสวยงามเพื่อที่จะให้เข้าใจถึงคุณสมบัติของคอนกรีตสดจึงจาเป็นต้องศึกษา เก่ยี วกบั ทฤษฎขี องการเสยี รปู ของคอนกรตี สด และวิธกี ารทดสอบคุณสมบตั ขิ องคอนกรีตสดด้านต่างๆ ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อคุณสมบัติของคอนกรีตสดคุณสมบัติของคอนกรีตสดขึ้นอยู่กับส่วนผสม ได้แก่ ปริมาณน้า คุณสมบัติของมวลรวมชนิดของปูนซีเมนต์ วัสดุท่ีใช้ในการผสมคอนกรีต และสาร ผสมเพ่ิม นอกจากนี้ยังข้ึนอยู่กับระยะเวลาและอิทธิพลจากส่ิงแวดล้อมอ่ืนๆ ได้แก่ ความช้ืน และ อุณหภมู ิ เปน็ ต้น

181 คาถามทา้ ยบท 1. ความสามารถเทไดข้ องคอนกรตี สด หมายถึงอะไรจงอธบิ าย 2. ความขน้ เหลวของคอนกรตี สด หมายถึงอะไรจงอธบิ าย 3. การแยกตวั ของคอนกรีตสด หมายถึงอะไรจงอธิบาย 4. การเยม้ิ ของคอนกรตี หมายถึงอะไรจงอธิบาย 5. ความสามารถในการเทไดข้ องคอนกรีตขึ้นอย่กู ับองค์ประกอบอะไรบ้างจงอธิบาย 6. รปู แบบในการแยกตัวของคอนกรีตมีก่ีแบบอะไรบา้ งจงอธิบาย 7. เราสามารถลดการเยิ้มของคอนกรีตได้อย่างไรบา้ ง 8. ปัจจัยอะไรบา้ งท่ีมีผลต่อการเย้มิ ของคอนกรตี 9. เวลาการก่อตัวของคอนกรตี มกี ข่ี ั้นตอนอะไรบ้างจงอธิบาย 10. ลักษณะของคอนกรีตสดท่ดี เี ปน็ อย่างไรจงอธิบาย

182 เอกสารอ้างอิง ชชั วาล เศรษฐบตุ ร (2537), คอนกรตี เทคโนโลยี Concrete technology กรงุ เทพฯ: บริษทั ผลติ ภัณฑแ์ ละวตั ถุก่อสร้าง จากดั เรืองรุชด์ิ ชรี ะโรจนแ์ ละคณะ (2556), การทดสอบคอนกรีตสด http://raungrut.sungkomonline.com/?p=board_ans&webID=11&pageID=3&questi onID=6 วินติ ช่อวิเชยี ร (2539), คอนกรตี เทคโนโลยี (Concrete Technology) พิมพ์คร้ังท8่ี .กรงุ เทพฯ : ป. สัมพันธพ์ าณิชย์ใ ปติ ิ สุคนธสุขกุล (2555), คอนกรตี (CONCRETE) กรงุ เทพฯ: SE-ED สานักพิมพว์ รรณกวี

183 บทท่ี 9 กาลงั อัดของคอนกรีต Compressive Strength คุณสมบัติของคอนกรีตในขณะท่ียังอยู่ในสภาพเหลวจะมีความสาคัญเพียงขณะก่อสร้าง เท่านั้น ในขณะที่คุณสมบัติของคอนกรีตท่ีแข็งตัวแล้ว จะมีความสาคัญไปตลอดอายุการใช้งานของ โครงสร้างคอนกรีตนั้น อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ คุณสมบัติของคอนกรีตทั้ง 2 ลักษณะ จะมีผลต่อ กันและกัน การท่ีจะให้ได้คุณสมบัติของคอนกรีตท่ีแข็งตัวแล้วดี จะต้องมาจากการเลือกสัดส่วนผสม เพ่ือให้คอนกรีตทอ่ี ยู่ในสภาพเหลวมีความเหมาะสมอย่างมากในการใช้งาน คณุ สมบตั ิของคอนกรีตท่ีแขง็ ตัวแลว้ ไดแ้ ก่ กาลัง ความทนทาน และการเปล่ียนแปลงปริมาตร ซ่ึงในบทนี้จะกล่าวเพียงกาลังอัดของคอนกรีต ซ่ึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคุณสมบัติด้านกาลัง ส่วน คุณสมบตั ิอืน่ ๆ จะกล่าวในบทตอ่ ๆ ไป 9.1 ธรรมชาติของกาลงั อัดของคอนกรีต กาลงั อดั ของคอนกรตี ขึน้ อยู่กับปัจจยั ท่สี าคัญ 3 ประการคือ 1. กาลังของมอร์ตา้ 2. กาลังและโมดูลสั ยืดหยุน่ ของมวลรวม 3. แรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งมอร์ตา้ รก์ ับผิวของมวลรวม กาลงั ของมอรต์ า้ ร์ กาลังของมอร์ตาร์มีบทบาทอย่างมากต่อกาลังอัดของคอนกรีตโดยกาลังของมอร์ต้า ร์นี้ข้ึนอยู่กับ ความพรุนภายในเนื้อมอร์ต้าร์ อัตราส่วนน้าต่อซีเมนต์ และ Degree of Hydration แต่ความสัมพันธ์ ระหว่าง กาลงั และความพรุน จะถูกควบคุมโดยอัตราส่วนน้าต่อซีเมนต์ ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่า กาลัง ของมอรต์ า้ รข์ น้ึ อยูอ่ ยา่ งมากกบั อตั ราสว่ นนา้ ต่อซเี มนต์ การเปล่ียนแปลงในคุณสมบัติของมวลรวม เช่น การเปลี่ยนแปลงขนาดคละ, ปริมาณ, กาลัง, ลกั ษณะผวิ , ขนาดใหญส่ ดุ , การดดู ซึม, และแร่ธาตุต่างๆ จะส่งผลตอ่ กาลังของคอนกรีตไม่มากนัก การเปลย่ี งแปลงอตั ราส่วนนา้ ตอ่ ซีเมนต์ จะมผี ลตอ่ การเปลี่ยนแปลงกาลังดึงน้อยกว่ากาลังอัด โดย อตั ราส่วนของกาลังดึงตอ่ กาลงั อัดของคอนกรีต จะเพิ่มขึ้นเมอื่ อัตราส่วนน้าตอ่ ซเี มนต์เพ่ิมขึ้น

184 กาลังและโมดลู ัสยดื หยุ่นของมวลรวม สาหรับกาลังของมอร์ต้าร์ท่ีกาหนดให้ ความสามารถต้านแรงของคอนกรีตจะข้ึนอยู่กับกาลัง ของหินและแรงยึดเหนยี่ วของมวลรวมกบั มอร์ต้าร์ แต่โดยท่ัวไปกาลังของมวลรวม จะสูงเป็นหลายเท่า ของกาลงั ของมอร์ตา้ ร์ ดงั นนั้ แรงยึดเหนีย่ วจะเป็นตวั ควบคมุ การแตกของคอนกรีต สาหรบั อตั ราส่วนนา้ ต่อซีเมนต์ที่กาหนดให้ กาลงั อัดของคอนกรตี จะลดลงเมื่อใช้หินขนาดใหญ่ ข้ึน เพราะหนิ ขนาดใหญ่จะก่อให้เกดิ นา้ ใตห้ ินมากขนึ้ ทาให้แรงยึดเหนยี่ วของมวลรวมกับมอรต์ ้ารล์ ดลง ขนาดของมวลรวม จะมีผลต่อกาลังของคอนกรีต พี่มีสัดส่วนน้าต่อซีเมนต์ต่าหรือปานกลาง มากกว่าทอ่ี ัตราสว่ นนา้ ต่อซเี มนตท์ สี่ งู การเพ่ิมปริมาณของมวลรวมในส่วนผสมจะเป็นการเพ่ิมกาลังอัด รวมท้ังถ้าใช้หินที่มีโมดูลัส ยดื หยนุ่ สงู จะทาใหก้ าลังของคอนกรตี ดีข้นึ แรงยึดเหน่ยี วระหว่างมวลรวมกับมอรต์ า้ ร์ แรงยึดเหนี่ยวนี้จะขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพ เช่น รูปร่าง ลักษณะผิวของมวลรวม และ ลกั ษณะทางเคมี คอื ปฏิกริ ิยาเคมีระหวา่ งปูนซเี มนตก์ บั แร่ธาตุตา่ งๆในเนือ้ มวลรวม นอกจากนที้ ิศทางในการหล่อและทศิ ทางในการให้น้าหนักจะมีผลต่อกาลังเช่นกัน โดยจะมีผล ต่อกาลังดึงมากกว่ากาลังอัดด้วยเหตุผลที่ว่าจะเกิดช่องว่างทาให้แรงยึดเหน่ียวระหว่างมวลรวมหยาบ กบั มอรต์ ้ารต์ า่ ลง 9.2 ปจั จัยที่มีผลต่อกาลงั อัดของคอนกรีต 1. คุณสมบัติของวสั ดผุ สม ปูนซเี มนต์ เป็นปจั จยั ทม่ี อี ิทธิพลทส่ี าคญั มากทงั้ น้ี เพราะวา่ ปูนซีเมนต์แตล่ ะประเภท ขอให้ เกิดกาลังของคอนกรีตที่แตกต่างกัน ซึ่งข้ึนอยู่กับองค์ประกอบทางเคมีของปูนซีเมนต์ นอกจากน้ีแม้ว่า จะเปน็ ปูนซเี มนต์ประเภทเดียวกันแต่มีความละเอียดแตกต่างกันแล้ว อัตราการเพ่ิมกาลังของคอนกรีต ท่ีจะแตกต่างไปด้วยคือ ถ้าปูนซีเมนต์ท่ีมีความละเอียดมากก็จะทาให้กาลังสูง โดยเฉพาะหลังจากที่ แข็งตัวไปแล้วไม่นาน มวลรวม มวลรวมมผี ลตอ่ กาลงั ของคอนกรีตเพียงเล็กน้อย เพราะมวลรวมทใี่ ช้กันอยทู่ ั่วไป มกั มีความแขง็ แรงมากกว่าซเี มนต์เพสต์ อย่างไรกด็ ีมวลรวมหยาบที่เป็นหินย่อยซ่ึงมีรูปร่างเป็นเหล่ียม มุมหรือผวิ หยาบจะทาใหก้ าลงั อดั ของคอนกรตี ดีกว่าพวกกรวดท่ีมีผิวเกล้ียง ขนาดใหญ่สุดของมวลรวม ก็มีผลต่อกาลังของคอนกรีตเช่นกัน เพราะคอนกรีตที่ใช้มวลรวมที่มีขนาดใหญ่จะต้องการปริมาณน้า น้อยกว่ามวลรวมขนาดเล็กสาหรับคอนกรีตท่ีมีความสามารถเทได้เท่ากัน ดังนั้นคอนกรีตท่ีใช้มวลรวม ขนาดใหญ่ จึงมักให้กาลังดีกว่า ส่วนขนาดคละของมวลรวมจะมีผลต่อกาลังของคอนกรีตในแง่ท่ีว่า

185 คอนกรตี ทีใ่ ช้มวลรวมท่ีมีสว่ นขนาดคละไม่เหมาะสม คือมีส่วนละเอียดมากเกินไปนั้น ต้องการปริมาณ น้ามากกว่ามวลรวมที่มีส่วนคละที่ดี เพื่อให้คอนกรีตมีความสามารถเทได้เท่ากัน อีกทั้งยังก่อให้เกิด ฟองอากาศแทรกตัวอยใู่ นเนอ้ื คอนกรตี เปน็ จานวนมากกว่า ส่งผลให้กาลังอัดของคอนกรีตมีค่าต่าลงได้ นอกจากนคี้ วามสะอาดของมวลรวมกจ็ ะมีผลตอ่ กาลงั ของคอนกรีต เชน่ กนั นา้ นา้ มีผลตอ่ กาลังของคอนกรตี ตามความใส และปรมิ าณของสารเคมีหรอื เกลือแร่ท่ีผสมอยู่ น้าทีม่ ีเกลือคลอไรดผ์ สมอยู่ จะทาให้อตั ราการเพิ่มกาลังของคอนกรตี ในระยะตน้ สูงน้าขุ่นหรอื น้าที่มี สารแขวนลอยปนอยู่ จะทาใหก้ าลังของคอนกรีตต่าลงซึง่ อาจจะมากหรือน้อยข้ึนอยู่กบั ปริมาณและ ชนดิ ของสารแขวนลอยนั้น 2. การทาคอนกรตี การชง่ั ตวงสว่ นผสม - การชงั่ ตวงสว่ นผสม หากใชก้ ารตวงโดยปริมาตรจะมโี อกาสผิดพลาดมากกว่าการชั่งส่วนผสม โดยนา้ หนกั ซึ่งหากอัตราส่วนผสมคอนกรตี ผิดไปจะทาให้คณุ สมบัตขิ องคอนกรตี เปลย่ี นแปลงได้ - อัตราส่วนผสม จะมีอิทธิพลต่อกาลังของคอนกรีตโดยตรง โดยเฉพาะอัตราส่วนน้าต่อ ปูนซีเมนต์ การผสมคอนกรีต การผสมคอนกรีตจะต้องผสมวัสดุทาคอนกรีตให้รวมเป็นเน้ือเดียวกันให้มากที่สุด เพ่ือให้น้ามี โอกาสทาปฏิกิริยากับปูนซีเมนต์ได้อย่างท่ัวถึง และเพื่อให้ซีเมนต์เพสต์กระจายแทรกตัวอยู่ในช่องว่าง ระหว่างมวลรวมได้เต็มท่ี ดังนั้นการผสมคอนกรีตหากกระทาอย่างไม่ทั่วถึง จะมีผลทาให้กาลังของ คอนกรตี มคี า่ ไมค่ งท่ีได้ การเทคอนกรตี เขา้ แบบหลอ่ และการอัดแน่น จะมีอิทธพิ ลต่อกาลังของคอนกรีตเพราะ หากคอนกรีตเกดิ การแยกตัวในขณะลาเลียง หรือเท จะมี ผลทาให้กาลังของคอนกรีตมีค่าไม่สม่าเสมอ นอกจากน้ีการทาให้คอนกรีตแน่นตัวหากทาได้ไม่เต็มที่ก็ จะทาให้เกิดรูโพรงขึ้นในเนื้อคอนกรีต มีผลทาให้กาลังของคอนกรีตมีค่าลดลงได้ หรือหากใช้วิธีทาให้ คอนกรตี แน่นตัวที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถทาให้เกิดการแยกตัวข้ึนในเน้ือคอนกรีตได้ส่งผลให้กาลังของ คอนกรตี มคี า่ ไมส่ มา่ เสมอ 3. การบม่ คอนกรีต ความช้ืน จะมอี ทิ ธิพลตอ่ กาลังของคอนกรีต เพราะปฏกิ ิริยาเคมที ี่เกิดจากการรวมตัวกนั ระหว่างปูนซีเมนต์และน้าน้ันจะค่อยเป็นค่อยไป นับต้ังแต่ปูนซีเมนต์เริ่มผสมกับน้าเป็นซีเมนต์เพสต์ และซีเมนตเ์ พสตจ์ ะมีกาลงั เพ่ิมขึ้นเร่ือยๆ ถ้ามีความช้ืนอยู่ตลอดเวลา ถ้าซีเมนต์เพสต์ในคอนกรีตไม่มี

186 ความช้ืนอยู่ คอนกรีตก็จะไม่มีการเพิ่มกาลังอีกต่อไป ในทางปฏิบัติเวลามักจะบ่มคอนกรีตจนถึงอายุ 28 วัน ดังนัน้ เม่ือคอนกรตี เร่มิ แขง็ ตวั จงึ ควรทาการบ่มดว้ ยความชน้ื ทันที อณุ หภมู ิ ถ้าหากอุณหภูมสิ ูงในขณะบม่ ก็จะทาให้อตั ราการเพ่ิมกาลังของคอนกรตี ถกู เรง่ ใหเ้ ร็ว ขึน้ ทาให้คอนกรตี มีกาลังสงู กวา่ คอนกรตี ท่ีได้รบั การบม่ ในอุณหภูมิที่ตา่ กว่า เวลาที่ใช้ในการบม่ ถา้ หากสามารถบม่ คอนกรตี ใหช้ นื้ อย่ตู ลอดเวลาไดย้ ่งิ นานเท่าใดกจ็ ะย่ิงได้ กาลังของคอนกรีตเพม่ิ มากขน้ึ ตามไปด้วย 4. การทดสอบ การควบคุมคุณภาพคอนกรีตสาหรับโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กกระทาในรูปของการชัก ตัวอย่างคอนกรตี สดมาทากอ้ นตัวอยา่ งโดยถือว่ากาลังของก้อนตัวอยา่ งเป็นตัวแทนของคอนกรีตท่ีหล่อ เป็นโครงสร้าง ดังนัน้ จึงควรพิจารณาถึงปจั จัยทม่ี ีอิทธิพลตอนการทดสอบตัวอย่างคอนกรีตดังต่อไปนี้ ขนาดและลักษณะของแทง่ ทดสอบ การใช้แท่งทดสอบท่ีต้งั ขนาดและตา่ งลกั ษณะการจะมี ผลทาให้ข้ากาลังของคอนกรีตเกิดความแตกต่าง ดังแสดงในตารางท่ี 9.1 ตารางท่ี 9.1 ผลของขนาดและลักษณะของก้อนตวั อย่างต่อค่ากาลังอัด ขนาดตวั อย่าง กา้ ลังอัดสัมพัทธ์ ขนาดตวั อยา่ งรูปทรงกระบอก (ซม.) กา้ ลังอัดสัมพัทธ์ รปู ทรงลกู บาศก์ เสน้ ผา่ ศูนย์กลาง ส่วนสงู (ซม.) 7.5 106 5 10 109 10 104 7.5 15 106 15 100 15 30 100 20 95 20 40 97 25 92 30 60 91 45 90 87 60 120 84 90 180 82 ทีม่ า: ชชั วาลย์ เศรษฐบุตร (2537, หนา้ 99) นอกจากน้ี ความสูงของก้อนตัวอยา่ งจะมผี ลต่อกาลังของคอนกรีตเชน่ กนั ดังแสดงในตารางท่ี 9.2


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook