แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยาและวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ม.4-6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 นางสาวศิริรัตน์ หวังสะแล่ะฮ์ ตำแหน่ง ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตรช์ วี ภาพรหสั วิชา ว31101 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2564 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เร่อื ง โครงสรา้ งและหนา้ ทีข่ องเซลล์พชื เซลลส์ ตั ว์ เวลา 2 ชัว่ โมง 1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด โครงสร้างพ้นื ฐานของเซลล์ประกอบด้วย 3 สว่ น ไดแ้ ก่ สว่ นท่ีห่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึมและนวิ เคลียส ส่วนที่ ห่อหมุ้ เซลล์ ไดแ้ ก่ ผนงั เซลล์ ซึง่ จะพบเฉพาะในเซลล์พืช และเย่อื ห้มุ เซลล์พบในเซลล์พืชและเซลลส์ ตั ว์ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชว้ี ดั มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิง่ มีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวติ การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชวี้ ดั 1. ว1.2 ม.4/1 อธิบายโครงสร้างและสมบตั ิของเยอ่ื หุ้มเซลล์ทส่ี มั พนั ธก์ ับการลำเลยี งสารและเปรียบเทยี บ การลำเลียงสารผ่านเยอื่ หมุ้ เซลล์แบบตา่ ง ๆ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (K,P,A) 1. บอกโครงสร้างและสว่ นประกอบต่าง ๆ ของเซลล์พืชและเซลลส์ ัตว์ได้ (K) 2. บอกหนา้ ทีข่ องออร์แกเนลลต์ า่ ง ๆ ในเซลลพ์ ืชและเซลลส์ ตั ว์ได้ (K) 3. บอกความสำคัญของสว่ นประกอบต่าง ๆ ของเซลลพ์ ืชและเซลลส์ ตั วไ์ ด้ (A) 4. เปรยี บเทยี บโครงสรา้ งและหน้าท่ขี องส่วนประกอบต่าง ๆ ของเซลล์พชื และเซลล์สตั ว์ได้ (P) 5. เป็นผ้มู ีความใฝร่ ู้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ - เซลล์พืช - เซลลส์ ตั ว์
5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ท่ี 1 สร้างความสนใจ (Engagement) 1. นักเรยี นร่วมกันสนทนาทบทวนประสบการณ์เกีย่ วกับโครงสรา้ งและหน้าที่ของส่วนประกอบต่าง ๆ ของเซลล์พชื และเซลลส์ ตั ว์ แล้วตอบคำถามสำคัญกระตุ้นความคดิ ดงั นี้ - หน่วยพื้นฐานทีเ่ ลก็ ท่สี ุดของส่ิงมีชีวติ คอื อะไร (เซลล์) - โครงสรา้ งและหน้าที่ของสว่ นประกอบต่าง ๆ ของเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์เหมือนกันหรอื ไม่ อยา่ งไร (โครงสรา้ งของเซลล์พืชและเซลล์สตั วต์ ่างกนั หนา้ ท่ขี องส่วนประกอบของเซลล์พชื และ เซลล์สตั วม์ ีท้งั ส่วนทเ่ี หมือนและตา่ งกนั ) ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) 1. ใหน้ ักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4 – 5 คน โดยแต่ละกล่มุ ร่วมกันสืบค้นข้อมูลเกยี่ วกับโครงสร้างและ หนา้ ท่ีของเซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ จากแหลง่ การเรียนรทู้ ่หี ลากหลาย 2. ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการสบื ค้นขอ้ มูลหนา้ ชน้ั เรียน เพ่ือแลกเปล่ยี นเรยี นรูก้ นั เพื่อนๆ รว่ มกันตรวจสอบและแก้ไข 3. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายผลการสืบค้นข้อมลู จากการทำกิจกรรม เรื่อง โครงสรา้ งและหนา้ ท่ี ของเซลล์พืชและเซลลส์ ตั ว์ และสรุปเป็นองคค์ วามรู้ใหมร่ ว่ มกัน ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. โครงสรา้ งพืน้ ฐานของเซลลป์ ระกอบดว้ ย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนท่ีหอ่ หุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนวิ เคลยี ส สว่ นทหี่ อ่ หุม้ เซลล์ ไดแ้ ก่ ผนังเซลล์ ซึง่ จะพบเฉพาะในเซลลพ์ ืช และเยอื่ หุ้มเซลลพ์ บในเซลล์พชื และเซลล์ สตั ว์ - ไซโทพลาซึม ประกอบดว้ ยออรแ์ กเนลล์ต่าง ๆ ได้แก่ - นิวเคลียส ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเซลลแ์ ละเป็นท่อี ย่ขู องสารพนั ธุกรรม - ร่างแหเอนโดพลาซึม ทำหน้าทเี่ กยี่ วกับการสังเคราะห์และลำเลยี งโปรตีน บางแหลง่ สงั เคราะหส์ ารจำพวกลพิ ดิ - กอลจคิ อมเพลกซ์ ทำหน้าท่ีสร้างสารคาร์โบไฮเดรตรวมกับโปรตนี แลว้ ส่งออกนอกเซลล์ - ไมโทคอนเดรีย เปน็ แหล่งสร้างพลงั งานให้กับเซลล์ - ไรโบโซม ทำหน้าท่สี ังเคราะหโ์ ปรตนี - เซนทรโิ อล ทำหน้าทีส่ รา้ งเส้นใยสปินเดลิ - ไลโซโซม มลี กั ษณะเปน็ ถงุ บรรจุเอนไซม์ - คลอโรพลาสต์ พบเฉพาะในเซลล์พชื มองเหน็ เปน็ สเี ขยี ว เพราะมีสารพวกคลอโรฟลิ ล์ และ เปน็ แหลง่ ท่เี กิดการสงั เคราะห์ด้วยแสง - แวคิวโอล มีลกั ษณะเปน็ ถงุ บรรจสุ ารต่าง ๆ 2. นักเรยี นรว่ มกนั วเิ คราะห์ และแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ผลการทำกจิ กรรม โดยรว่ มกันตอบคำถาม หลงั ทำกิจกรรม ดังนี้
- โครงสร้างท่ที ำหน้าที่ในการห่อหมุ้ เซลล์ได้แก่อะไรบ้าง (ผนังเซลล์ เยื่อหมุ้ เซลล์) - โครงสรา้ งท่ีทำหน้าที่ในการห่อหุ้มเซลลท์ ่ีพบในเซลล์พืชแต่ไมพ่ บในเซลลส์ ัตว์ไดแ้ ก่โครงสร้างใด (ผนงั เซลล์) - โครงสร้างท่ีทำหน้าที่ในการควบคมุ การทำงานของเซลลไ์ ด้แกโ่ ครงสร้างใด (นิวเคลียส) - ของเหลวที่อยู่รอบ ๆ นิวเคลียสซ่งึ เป็นทอี่ ยู่ของออรแ์ กเนลล์ต่าง ๆ เรยี กว่าอะไร (ไซโทพลาซึม) - โครงสรา้ งพน้ื ฐานทีเ่ ป็นสว่ นประกอบของเซลล์พชื และเซลล์สัตวไ์ ด้แกโ่ ครงสรา้ งใดบา้ ง (ส่วนท่ี ห่อหุ้มเซลล์ นวิ เคลียส และไซโทพลาซึม) - ออรแ์ กเนลลใ์ ดบา้ งทีพ่ บในเซลล์พชื แต่ไม่พบในเซลลส์ ตั ว์ (คลอโรพลาสต์) - ออร์แกเนลลใ์ ดบา้ งทพี่ บในเซลลส์ ัตว์แตไ่ ม่พบในเซลลพ์ ืช (เซนทรโิ อล) - สรุปผลการทำกิจกรรมได้วา่ อย่างไร (โครงสรา้ งของเซลล์ประกอบดว้ ยโครงสร้างพ้ืนฐาน 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนท่หี ่อหุ้มเซลล์ นิวเคลยี ส และไซโทพลาซึม ออร์แกเนลลท์ ่ีพบในสัตว์ แต่ไม่พบในพืช ได้แก่ เซนทริโอล ออรแ์ กเนลล์ท่ีพบในพืชแตไ่ มพ่ บในสตั ว์ ได้แก่ คลอโรพลาสต์) - เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวทำหนา้ ที่ในการกำจดั เช้ือโรคจะพบออร์แกเนลล์ใดในปริมาณมาก เพราะเหตใุ ด (ไลโซโซม เพราะเซลล์เมด็ เลือดขาวบางชนิดกำจัดเช้ือโรคแบบฟาโกไซโทซิส นำเชอ้ื โรคเขา้ สู่ เซลล์ เกิดโครงสรา้ งฟูดแวคิวโอล จงึ ตอ้ งมีไลโซโซม ซงึ่ เป็นถุงบรรจเุ อนไซม์เพื่อทำการย่อยเชอ้ื โรค) - ตบั เป็นแหล่งสร้างพลังงานให้กับรา่ งกาย ดังนนั้ ที่ตับควรพบออรแ์ กเนลล์ชนิดใดในปริมาณมาก (ไมโทคอนเดรยี ) - เซลลข์ นรากทำหน้าที่ในการดูดนำ้ ควรพบออรแ์ กเนลลใ์ ดท่ีมองเหน็ ได้ชดั เจนและมขี นาดใหญ่ (แว ควิ โอล) ขน้ั ที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ให้นกั เรียนวางแผน ออกแบบ และจดั ทำแผนผังความคดิ เรอ่ื ง โครงสรา้ งและหนา้ ที่ของเซลล์พืช เซลลส์ ตั ว์ ลงในกระดาษขนาด A4 พร้อมทัง้ ตกแต่งใหส้ วยงาม ขนั้ ท่ี 5 ประเมนิ (Evaluation) 1. นักเรียนตรวจสอบหรอื ประเมินขน้ั ตอนตา่ ง ๆ ทเี่ รียนมาในวนั นี้มีจดุ เดน่ จุดบกพร่องอะไรบา้ ง มคี วาม สงสยั ความอยากรู้อยากเหน็ ในเร่อื งใด 2. นักเรียนประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สกึ หลงั การเรยี น ในประเด็นตอ่ ไปน้ี - ส่ิงท่นี กั เรยี นได้เรียนรูใ้ นวนั นค้ี อื อะไร - นกั เรียนมสี ่วนร่วมกจิ กรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - เพื่อนนักเรยี นในกลุม่ มสี ว่ นรว่ มกจิ กรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นกั เรยี นพึงพอใจกับการเรียนในวันนห้ี รือไม่ เพียงใด - นักเรียนจะนำความรทู้ ี่ไดน้ ีไ้ ปใช้ให้เกิดประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมท่ัวไปได้อยา่ งไร
จากนัน้ แลกเปลีย่ นตรวจสอบขน้ั ตอนการทำงานทุกขนั้ ตอนว่าจะเพ่มิ คณุ ค่าไปส่สู ังคม เกิดประโยชน์ต่อสงั คม ให้มากขึน้ กว่าเดิมในขั้นตอนใดบา้ ง สำหรับการทำงานในครั้งต่อไป 6. สอ่ื / แหลง่ การเรียนรู้ - สอ่ื Power Point เรอ่ื ง การรักษาดุลยภาพ - แหลง่ เรียนรู้ในและนอกห้องเรียน 7. ชิ้นงานหรือภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยการเรียนรู)้ - แผนผงั ความคิด เรอื่ ง โครงสรา้ งและหน้าที่ของเซลลพ์ ืช เซลล์สัตว์
8. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏิบัติการทำกจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ ถูกต้องตามวิธกี าร ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมคี รูหรือผอู้ นื่ และขนั้ ตอนท่ี กำหนด การปรบั ปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง เป็นผูแ้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ ีการ ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อปุ กรณ์และ/ เครอื่ งมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครอื่ งมือ กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไม่ถูกต้อง ตามหลกั การปฏบิ ัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผู้ และไม่มีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้ 3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ ผลการทำ อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย กิจกรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธบิ ายข้อมูล การทำกิจกรรม เช่อื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พนั ธเ์ ปน็ ไป ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกจิ กรรม การทำกจิ กรรม 4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมูล กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ และการ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตวั อย่างเพมิ่ เติมให้ และมกี ารนำเสนอไม่ นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชดั เจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ การทำกิจกรรม ไดอ้ ย่างถูกต้อง กระชบั ได้อยา่ งถูกตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รือผู้อนื่ กิจกรรม ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรู้ที่พอมีอยู่ ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมลู ทัง้ หมด ท้ังหมด จากการทำกจิ กรรม
6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่อื งมือในการ และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กจิ กรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่ เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เกบ็ ไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ ตอ้ งให้ครูหรือผู้อน่ื สะอาด รวมทั้งเก็บ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แต่เก็บ แนะนำ ไม่ถูกต้อง และแนะนำใหผ้ อู้ ื่นดูแล ไมถ่ ูกตอ้ ง และเก็บรักษาไดถ้ ูกต้อง แบบประเมินช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ การจดั กระทำและ 432 1 นำเสนอแผนผัง จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ แผนผงั ได้ แตไ่ ม่ สอดคล้องกบั หวั ข้อ แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ เร่อื งท่ีกำหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพนั ธ์กบั หวั ข้อเรื่อง ตามหัวข้อเร่ือง เร่อื งที่กำหนด มีการ ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผอู้ นื่ วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ ออกแบบ และมี รเิ ร่มิ แต่ไม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น มกี ารเชื่อมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม
แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนที่จะค้นควา้ ไม่มีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ข้อมลู จากแหล่งการ ข้อมลู จากแหลง่ การ จะคน้ คว้าขอ้ มลู จาก ค้นคว้าข้อมลู เชือ่ ถอื ได้และมีการเช่ือมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรูโ้ ดยมีครหู รอื ผูอ้ ืน่ แหล่งการเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น วธิ ีการทง้ั หมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู เกบ็ รวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลอื กและ/หรือ โดยไมม่ กี ารคัดเลือก เปน็ ระยะ ขาดการ ข้อมลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจดั จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จดั กระทำข้อมลู กระทำขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไมเ่ ป็นระบบ และการ มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ หน็ จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไมส่ อื่ นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบต่าง ๆ อย่างชดั เจนถูกต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไม่ถูกต้อง 4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรุปผลได้อยา่ งกระชับ สรุปผลได้กระชับ สรุปผลโดยไม่ใช้ สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู ถูกต้อง ทอี่ า้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์ ทงั้ หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสือ่ เขียนรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงคถ์ ูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมีการเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชดั เจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไมถ่ ูกต้อง และไม่ เหน็ เป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชดั เจน
บนั ทกึ หลงั สอน 1. จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน 1.1 ความสามารถและทกั ษะ มีความสามารถในการแสวงหาความรู้เพื่อการแก้ปญั หา มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีเพอ่ื การเรียนรู้ มคี วามสามารถในการใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) มีทักษะการคดิ ข้ันสูง มที กั ษะชวี ิต มที กั ษะการส่ือสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามช่วงวัย 1.2 ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ปัญหา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชอ่ื ...............................................ครผู ู้สอน (นางสาวศิริรัตน์ หวงั สะแล่ะฮ์) ตำแหนง่ ครผู สู้ อน 4. ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา หรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชื่อ............................................... (...............................................) ตำแหน่ง……………………………………
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ชวี ภาพ รหัสวิชา ว31101 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง การแพร่ เวลา 2 ชวั่ โมง 1. สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด การแพร่ (diffusion) หมายถึง การเคลื่อนทีข่ องโมเลกุลของสารจากบรเิ วณทีม่ ีความเข้มขน้ ของสารน้นั มากกว่าไปยงั บริเวณท่มี ีความเขม้ ข้นของสารน้ันน้อยกว่า โดยจะผา่ นหรอื ไม่ผ่านเย่ือเลอื กผา่ นก็ได้ สมดุลของการแพร่ (dynamic equilibrium) หมายถึง ทุกบริเวณมีความเข้มข้นของสารเท่ากัน และอนภุ าคของสารยังมีการเคล่ือนท่ีอยู่ ตลอดเวลา 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิง่ มีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวติ การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ชวี้ ัด 1. ว1.2 ม.4/1 อธบิ ายโครงสร้างและสมบตั ิของเย่ือหุ้มเซลล์ที่สัมพันธก์ ับการลำเลียงสารและเปรียบเทียบ การลำเลยี งสารผา่ นเยอื่ หมุ้ เซลล์แบบตา่ ง ๆ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (K,P,A) 1. บอกความหมายของการแพรไ่ ด้ (K) 2. บอกความหมายของสมดลุ การแพร่ได้ (K) 3. บอกความสำคญั ของการแพร่ได้ (K) 4. ปฏิบตั กิ จิ กรรม การเคลอ่ื นท่ีของโมเลกลุ ของสารได้ (P) 5. เปน็ ผู้มีความมุง่ ม่ันเพยี รพยายาม (A) 4. สาระการเรยี นรู้ - การแพร่ - สมดุลการแพร่
5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. ผูแ้ ทนนกั เรยี นใช้สำลชี ุบนำ้ หอมวางไวห้ น้าห้อง แลว้ ตอบคำถามกระตนุ้ ความสนใจ ดงั น้ี - นักเรยี นได้กล่นิ อะไรหรือไม่ (ได้กล่นิ ) - นกั เรยี นทีน่ ัง่ อยู่บรเิ วณแถวหน้า กลางห้อง และหลังหอ้ ง ได้กลน่ิ พร้อมกันหรือไม่ (ไม่พร้อมกนั ) - เพราะเหตุใด นกั เรยี นที่นัง่ อยู่บรเิ วณหน้าห้องจึงไดก้ ลนิ่ กอ่ นนักเรียนท่ีอยู่กลางห้อง และหลังห้อง ได้กล่นิ ช้าที่สุด - แลว้ กลา่ ววา่ วนั น้เี ราจะศกึ ษา เรอื่ ง การเคลื่อนท่ีของโมเลกุลของสาร จากนั้นร่วมกันตอบคำถาม สำคัญกระตุ้นความคิด ดงั น้ี - โมเลกลุ ของสารมีการเคลื่อนที่อยา่ งไร (โมเลกุลของสารมีการเคล่ือนทจ่ี ากบรเิ วณที่มีความเข้มข้น ของสารนน้ั มากกวา่ ไปยังบริเวณ ทมี่ ีความเขม้ ข้นของสารน้ันน้อยกวา่ จนกวา่ ทุกบรเิ วณจะมี ความเขม้ ขน้ ของสารเทา่ กนั ) ขั้นท่ี 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) 1. ให้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4 – 5 คน โดยแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบคน้ ข้อมลู เก่ยี วกบั การแพร่และการ สมดุลการแพร่ จากแหล่งการเรยี นรู้ท่ีหลากหลาย แลว้ ร่วมกันทำกิจกรรมตามใบงาน เรื่อง การแพร่ 2. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลการสืบคน้ ขอ้ มูลหนา้ ชั้นเรยี น เพ่ือแลกเปล่ยี นเรียนรกู้ นั เพื่อนๆ ร่วมกันตรวจสอบและแก้ไข 3. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายผลการสบื คน้ ข้อมูลจากการทำกจิ กรรม เร่ือง การแพร่และการสมดุล การแพร่ และสรุปเปน็ องคค์ วามร้ใู หมร่ ว่ มกนั ขน้ั ที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. การแพร่ (diffusion) หมายถึง การเคลือ่ นที่ของโมเลกุลของสารจากบรเิ วณท่ีมีความเข้มขน้ ของสารนน้ั มากกวา่ ไปยงั บรเิ วณทมี่ คี วามเข้มข้นของสารน้ันน้อยกวา่ โดยจะผ่านหรือไม่ผา่ นเย่ือเลอื กผ่านก็ได้ 2. สมดุลของการแพร่ (dynamic equilibrium) หมายถึง ทกุ บริเวณมคี วามเข้มขน้ ของสารเทา่ กัน และ อนภุ าคของสารยังมีการเคลื่อนท่ีอยู่ตลอดเวลา 3. นกั เรยี นรว่ มกนั วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับผลการทำกจิ กรรม โดยร่วมกนั ตอบคำถามหลัง ทำกจิ กรรม ดงั น้ี - เมือ่ ใสเ่ กล็ดด่างทับทิมลงในน้ำ นักเรียนสังเกตเหน็ การเปลี่ยนแปลงอยา่ งไร (เกล็ดด่างทับทิม ละลายในนำ้ จนนำ้ กลายเปน็ สีมว่ ง) - นักเรียนสามารถสังเกตการเคลือ่ นท่ีของโมเลกลุ ของดา่ งทับทิมได้จากอะไร และมีลักษณะการ เคลอ่ื นทีจ่ ากบริเวณใดไปสบู่ ริเวณใด (สังเกตได้จากสีม่วงเข้มของด่างทบั ทิมทีเ่ คล่ือนท่จี ากบรเิ วณ กน้ ภาชนะที่มีความหนาแน่นของสารมากกวา่ ไปบรเิ วณอื่น ๆ) - ในชวี ติ ประจำวนั นักเรียนสามารถพบการเคล่ือนท่ีของโมเลกลุ สารในลักษณะเดยี วกันนี้อกี หรือไม่ ยกตัวอยา่ งประกอบ (ใส่เกลอื แกงในแก้วทีม่ ีน้ำสะอาด)
- สรุปผลการทดลองนไ้ี ด้อย่างไร (นำ้ มกี ารเปลี่ยนแปลงสีจากไม่มีสเี ป็นสมี ว่ งเข้ม แพร่กระจายจาก บรเิ วณที่มคี วามเข้มข้นของอนุภาคด่างทับทิมมากไปบริเวณที่มคี วามเขม้ ข้นของอนุภาคดา่ ง ทับทมิ น้อย จนกระทง่ั มีสีม่วงท่วั ท้ังภาชนะ) ข้นั ท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ให้นักเรียนรว่ มกันสรุปผลการทำกจิ กรรมและสรุปสิ่งที่เขา้ ใจเป็นความรรู้ ่วมกนั เกีย่ วกบั การเคล่ือนท่ี ของโมเลกุลของสารวา่ โมเลกุลของสารมีการเคล่ือนทีจ่ ากบรเิ วณท่ีมคี วามเข้มขน้ ของสารนั้นมากกวา่ ไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นของสารน้อยกว่า ขนั้ ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation) 1. นักเรียนตรวจสอบหรือประเมินขั้นตอนตา่ ง ๆ ทเ่ี รยี นมาในวันนม้ี ีจดุ เดน่ จุดบกพร่องอะไรบ้าง มีความ สงสยั ความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องใด 2. นักเรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สกึ หลงั การเรียน ในประเด็นตอ่ ไปน้ี - สงิ่ ทีน่ ักเรียนได้เรียนรู้ในวันนี้คืออะไร - นกั เรียนมีสว่ นรว่ มกจิ กรรมในกลมุ่ มากนอ้ ยเพยี งใด - เพื่อนนักเรียนในกลุ่มมสี ว่ นร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นักเรียนพึงพอใจกับการเรียนในวนั น้ีหรอื ไม่ เพยี งใด - นักเรยี นจะนำความรูท้ ่ีได้นไี้ ปใช้ให้เกิดประโยชนแ์ กต่ นเอง ครอบครวั และสงั คมทว่ั ไปได้อยา่ งไร จากนน้ั แลกเปลยี่ นตรวจสอบขนั้ ตอนการทำงานทกุ ขนั้ ตอนว่าจะเพ่ิมคุณคา่ ไปส่สู งั คม เกิดประโยชนต์ ่อสังคม ให้มากข้นึ กวา่ เดิมในข้นั ตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครั้งตอ่ ไป 6. ส่ือ / แหล่งการเรยี นรู้ - สื่อ Power Point เรอื่ ง การรกั ษาดุลยภาพ - ใบงาน เรือ่ ง การแพร่ - แหลง่ เรยี นรใู้ นและนอกห้องเรยี น 7. ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยการเรียนร)ู้ - ใบงาน เรอ่ื ง การแพร่ - สรปุ เร่อื ง การแพร่ของสาร
8. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏิบัติการทำกจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ ถูกต้องตามวิธกี าร ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมคี รูหรือผอู้ นื่ และขนั้ ตอนท่ี กำหนด การปรบั ปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง เป็นผูแ้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ ีการ ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อปุ กรณ์และ/ เครอื่ งมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครอื่ งมือ กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไม่ถูกต้อง ตามหลกั การปฏบิ ัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผู้ และไม่มีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้ 3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ ผลการทำ อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย กิจกรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธบิ ายข้อมูล การทำกิจกรรม เช่อื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พนั ธเ์ ปน็ ไป ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกจิ กรรม การทำกจิ กรรม 4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมูล กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ และการ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตวั อย่างเพมิ่ เติมให้ และมกี ารนำเสนอไม่ นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชดั เจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ การทำกิจกรรม ไดอ้ ย่างถูกต้อง กระชบั ได้อยา่ งถูกตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รือผู้อนื่ กิจกรรม ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรู้ที่พอมีอยู่ ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมลู ทัง้ หมด ท้ังหมด จากการทำกจิ กรรม
6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่อื งมือในการ และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กจิ กรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่ เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เกบ็ ไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ ตอ้ งให้ครูหรือผู้อน่ื สะอาด รวมทั้งเก็บ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แต่เก็บ แนะนำ ไม่ถูกต้อง และแนะนำใหผ้ อู้ ื่นดูแล ไมถ่ ูกต้อง และเก็บรักษาไดถ้ ูกต้อง แบบประเมินช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ การจดั กระทำและ 432 1 นำเสนอแผนผัง จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ แผนผงั ได้ แตไ่ ม่ สอดคล้องกบั หวั ข้อ แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ เร่อื งท่ีกำหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพนั ธก์ ับหวั ข้อเรื่อง ตามหัวข้อเร่ือง เร่อื งที่กำหนด มีการ ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผอู้ นื่ วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ ออกแบบ และมี รเิ ริม่ แตไ่ ม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เช่ือมโยงให้เห็นเป็น มกี ารเชื่อมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม
แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนที่จะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ข้อมลู จากแหล่งการ ข้อมลู จากแหลง่ การ จะค้นคว้าขอ้ มลู จาก ค้นคว้าข้อมลู เชือ่ ถอื ได้และมีการเช่ือมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรูโ้ ดยมีครหู รอื ผูอ้ ืน่ แหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น วธิ ีการทง้ั หมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลอื กและ/หรือ โดยไมม่ กี ารคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจดั จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู กระทำขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไมเ่ ป็นระบบ และการ มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ หน็ จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไมส่ อื่ นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบต่าง ๆ อย่างชดั เจนถูกต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไม่ถูกต้อง 4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรุปผลได้อย่างกระชับ สรุปผลได้กระชับ สรปุ ผลโดยไม่ใช้ สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู ถกู ต้อง ทอี่ า้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์ ทงั้ หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสือ่ เขียนรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงคถ์ ูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมีการเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชดั เจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไม่ถูกต้อง และไม่ เหน็ เป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชดั เจน
บนั ทกึ หลงั สอน 1. จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน 1.1 ความสามารถและทกั ษะ มคี วามสามารถในการแสวงหาความรูเ้ พ่ือการแก้ปัญหา มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีเพอ่ื การเรียนรู้ มคี วามสามารถในการใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) มที ักษะการคดิ ข้ันสูง มที กั ษะชวี ิต มีทกั ษะการส่ือสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามช่วงวัย 1.2 ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ปัญหา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชื่อ...............................................ครผู ้สู อน (นางสาวศิริรตั น์ หวังสะแล่ะฮ์) ตำแหน่ง ครูผสู้ อน 4. ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา หรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชอื่ ............................................... (...............................................) ตำแหน่ง……………………………………
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ชีวภาพรหัสวชิ า ว31101 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ปกี ารศกึ ษา 2564 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เร่อื ง ออสโมซสิ เวลา 3 ชั่วโมง 1. สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด ออสโมซิส (osmosis) หมายถึง การเคลื่อนที่ของโมเลกุลของนำ้ จากบรเิ วณที่มคี วามหนาแนน่ ของ โมเลกลุ ของ นำ้ มากกวา่ ไปยงั บริเวณท่ีมีความหนาแน่นของโมเลกุลของน้ำนอ้ ยกว่า โดยผ่านเย่ือเลือกผ่าน 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ดั มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิง่ มีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวติ การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งน ำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ชวี้ ัด 1. ว1.2 ม.4/1 อธิบายโครงสร้างและสมบตั ขิ องเย่อื หุ้มเซลล์ท่ีสัมพันธก์ บั การลำเลียงสารและเปรยี บเทยี บ การลำเลยี งสารผา่ นเย่อื หมุ้ เซลล์แบบต่าง ๆ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (K,P,A) 1. บอกความหมายของออสโมซสิ ได้ (K) 2. บอกความสำคัญของออสโมซิสได้ (K) 3. บอกความหมายของ isotonic solution hypotonic solution และ hypertonic solution ได้ (K) 4. บอกความสำคญั ของความเข้มขน้ ของสารละลายทอ่ี ยู่รอบ ๆ เซลล์ได้ (P) 5. ปฏบิ ัติกจิ กรรม ออสโมซสิ อย่างรวมพลัง ดว้ ยความรับผิดชอบได้ (P) 6. เป็นผมู้ คี วามรับผดิ ชอบ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ - การออสโมซิส
5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ท่ี 1 สร้างความสนใจ (Engagement) 1. นักเรยี นร่วมกันทบทวนประสบการณเ์ ดิมเกยี่ วกับออสโมซิส แล้วตอบคำถามสำคัญกระตุ้นความคดิ ดังน้ี - เมือ่ นำชนิ้ มนั ฝรงั่ ที่มขี นาดและน้ำหนักเท่ากันไปแชใ่ นน้ำกลั่น และสารละลายซูโครส 10% เป็น เวลา 1 ช่วั โมง หลงั การทดลอง ขนาดและน้ำหนักของช้ินมันฝรั่งจะมีการเปล่ียนแปลงหรือไม่ อยา่ งไร (มกี ารเปลีย่ นแปลง โดยชนิ้ มันฝรง่ั ที่แช่ในนำ้ กลัน่ จะมนี ้ำหนักและความยาวเพิ่มขนึ้ ) - ออสโมซสิ หมายความวา่ อย่างไร (ออสโมซิส หมายถึง การเคล่อื นที่ของโมเลกลุ ของนำ้ จากบริเวณที่ มคี วามหนาแนน่ ของโมเลกุลของน้ำมากกว่าไปยงั บรเิ วณที่มีความหนาแนน่ ของโมเลกุลของน้ำ น้อยกว่า โดยผ่านเย่อื เลือกผ่าน) ขั้นท่ี 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration) 4. ให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4 – 5 คน โดยแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั สบื คน้ ข้อมลู เก่ยี วกบั ออสโมซิส จาก แหล่งการเรียนร้ทู ี่หลากหลาย แลว้ ร่วมกนั ทำกจิ กรรมตามใบงาน เรือ่ ง ออสโมซสิ 5. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการสืบคน้ ข้อมลู หนา้ ช้นั เรยี น เพื่อแลกเปลยี่ นเรียนรกู้ ันเพอื่ นๆ ร่วมกนั ตรวจสอบและแก้ไข 6. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลการสบื ค้นข้อมลู จากการทำกิจกรรม เรื่อง ออสโมซสิ และสรุปเปน็ องค์ความรใู้ หมร่ ่วมกนั ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นักเรยี นร่วมกันวเิ คราะห์ และแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั ผลการทำกิจกรรม โดยรว่ มกันตอบคำถาม หลังทำกจิ กรรม ดังน้ี - มันฝร่ังหลงั การทดลองมนี ้ำหนักเป็นอยา่ งไร (ชิ้นมันฝรัง่ ที่แช่ในน้ำกล่นั มีนำ้ หนกั เพ่ิมขึน้ ชิ้นมัน ฝรัง่ ที่แชใ่ นสารละลายนำ้ ตาลซโู ครส 10% มนี ำ้ หนกั ลดลง) - น้ำมกี ารเคลื่อนทห่ี รือไม่ อยา่ งไร (ชิน้ มนั ฝรั่งท่ีแช่ในนำ้ กล่ันมนี ้ำหนักเพ่ิมข้นึ แสดงว่านำ้ เคลอ่ื นที่ เขา้ ไปในช้ินมนั ฝรง่ั ส่วนชิ้นมันฝร่ังทีแ่ ช่ในสารละลายน้ำตาลซโู ครส 10% มีนำ้ หนกั ลดลง แสดง วา่ น้ำเคลอ่ื นที่ออกจากชนิ้ มันฝรั่ง) - สรุปผลการทดลองนี้ได้อย่างไร (เมือ่ แชช่ ้นิ มนั ฝรง่ั ในนำ้ กลั่น น้ำหนักของชนิ้ มันฝรง่ั จะเพ่ิมขึ้น เนื่องจากในนำ้ กลนั่ มีความหนาแน่นของโมเลกุลของนำ้ มากกว่า โมเลกลุ ของน้ำจงึ เคลื่อนทเี่ ขา้ สู่ ช้ินมนั ฝรงั่ แตเ่ มอ่ื แชช่ นิ้ มันฝร่ัง ในสารละลายน้ำตาลซโู ครส 10% น้ำหนกั ของช้ินมนั ฝรั่งจะลดลง เนื่องจากในชิ้นมนั ฝรั่งมีความหนาแน่นของโมเลกลุ ของนำ้ มากกว่าในสารละลาย นำ้ ตาลซูโครส 10% โมเลกลุ ของนำ้ จงึ เคล่ือนท่ีออกจากชน้ิ มนั ฝร่งั ) 2. ความแตกตา่ งของความเขม้ ข้นของสารละลายภายในเซลล์กบั นอกเซลล์ทำใหน้ ้ำเคล่อื นท่ี เข้าและ ออกจากเซลล์ สารละลายที่มีความเขม้ ขน้ มากจะมคี า่ แรงดันออสโมติกสงู สารละลายประกอบด้วยตวั
ทำละลายและตวั ถกู ละลาย ถ้ามปี รมิ าณตวั ถูกละลายมาก สารละลายยง่ิ มคี วามเขม้ ขน้ มาก คา่ แรงดันออสโมติกยิ่งสูง ดังน้นั น้ำกลน่ั จงึ มีค่าแรงดนั ออสโมตกิ (osmotic pressure) เท่ากบั ศูนย์ 3. ชนดิ ของสารละลายเมื่อเปรียบเทยี บกบั ความเข้มข้นของสารละลายระหวา่ งภายนอกเซลลแ์ ละภายใน เซลล์ จำแนกได้ 3 ชนดิ คือ - สารละลายไอโซทอนิก (isotonic solution) หมายถึง สารละลายที่มีความเข้มขน้ ของสารละลาย เท่ากบั ความเข้มขน้ ของสารละลายภายในเซลล์ ค่าแรงดันออสโมติก (osmotic pressure) เทา่ กับภายในเซลล์ การเคล่ือนที่ของนำ้ เขา้ และออกจากเซลลเ์ ท่ากนั เซลลส์ ตั ว์เมอื่ อยู่ในสารละลายไอโซทอนกิ เซลล์พชื เมอื่ อยูใ่ นสารละลายไอโซทอนิก (isotonic solution) (isotonic solution) - สารละลายไฮโพทอนกิ (hypotonic solution) หมายถึง สารละลายท่ีมีความเข้มขน้ ของ สารละลายน้อยกว่าภายในเซลล์ ค่าแรงดันออสโมติก (osmotic pressure) จะนอ้ ยกว่าภายใน เซลล์ น้ำจะออสโมซิส (osmosis) เขา้ สเู่ ซลล์ ถ้าเปน็ เซลลพ์ ืช เซลลจ์ ะเตง่ เพราะมีผนังเซลล์ แต่ ถ้าเป็นเซลลส์ ตั ว์ เช่น เซลลเ์ มด็ เลอื ดแดง เซลล์จะแตก เพราะเซลล์สตั ว์ไม่มีผนงั เซลล์มีเฉพาะเย่ือ ห้มุ เซลล์ เม่ือนำ้ ออสโมซิสเขา้ สู่เซลลเ์ ป็นปริมาณมากเซลล์จงึ แตกได้ เซลลส์ ตั ว์เมอ่ื อยใู่ นสารละลายไฮโพทอนิก เซลล์พืชเมือ่ อยู่ในสารละลายไฮโพทอนกิ (hypotonic solution) (hypotonic solution)
- สารละลายไฮเพอรท์ อนกิ (hypertonic solution) หมายถงึ สารละลายทม่ี ีความเข้มข้นของ สารละลายมากกว่าความเข้มขน้ ของสารละลายภายในเซลล์ คา่ แรงดันออสโมติก (osmotic pressure) จะสงู กวา่ ภายในเซลล์ น้ำจะเคล่อื นทอี่ อกจากเซลล์ทำให้เซลลเ์ หี่ยว เซลลส์ ัตวเ์ มือ่ อย่ใู นสารละลายไฮเพอร์ทอนิก เซลล์พชื เม่อื อยู่ในสารละลายไฮเพอรท์ อนิก (hypertonic solution) (hypertonic solution) ขน้ั ที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. นกั เรียนแตล่ ะคนวางแผน ออกแบบ และเขียนแผนภาพความคิดแบบเปรียบเทียบความเหมือนและ ความแตกต่างระหว่างการแพรข่ องสารกับการออสโมซิสของสาร ลงในกระดาษขนาด A4 พรอ้ มทั้ง ตกแต่งใหส้ วยงาม ข้นั ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation) 3. นกั เรยี นตรวจสอบหรอื ประเมินขั้นตอนต่าง ๆ ท่เี รยี นมาในวันนีม้ ีจุดเดน่ จดุ บกพร่องอะไรบ้าง มคี วาม สงสยั ความอยากรู้อยากเหน็ ในเรื่องใด 4. นักเรียนประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สกึ หลงั การเรยี น ในประเด็นต่อไปนี้ - ส่ิงทน่ี ักเรียนได้เรยี นร้ใู นวนั นคี้ อื อะไร - นักเรยี นมสี ่วนรว่ มกจิ กรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพยี งใด - เพื่อนนักเรียนในกลุ่มมสี ่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นักเรียนพงึ พอใจกบั การเรยี นในวนั นหี้ รือไม่ เพียงใด - นักเรียนจะนำความรู้ท่ีได้นี้ไปใช้ใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครวั และสงั คมทั่วไปได้อย่างไร จากน้นั แลกเปล่ียนตรวจสอบข้นั ตอนการทำงานทกุ ขั้นตอนวา่ จะเพิ่มคุณค่าไปสู่สังคม เกิดประโยชน์ต่อสังคม ใหม้ ากข้ึนกว่าเดิมในขน้ั ตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครั้งตอ่ ไป
6. สอื่ / แหล่งการเรยี นรู้ - ส่อื Power Point เรื่อง การรักษาดลุ ยภาพ - ใบงาน เรอ่ื ง ออสโมซิส - แหล่งเรยี นรู้ในและนอกห้องเรียน 7. ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยการเรียนรู้) - ใบงาน เรอื่ ง ออสโมซิส - แผนผังความคดิ เรือ่ ง เปรียบเทยี บความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการแพร่ของสารกบั การออสโมซิส ของสาร
8. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏิบัติการทำกจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ ถูกต้องตามวิธกี าร ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมคี รูหรือผอู้ นื่ และขนั้ ตอนท่ี กำหนด การปรบั ปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง เป็นผูแ้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ ีการ ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อปุ กรณ์และ/ เครอื่ งมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครอื่ งมือ กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไม่ถูกต้อง ตามหลกั การปฏบิ ัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผู้ และไม่มีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้ 3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ ผลการทำ อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย กิจกรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธบิ ายข้อมูล การทำกิจกรรม เช่อื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พนั ธเ์ ปน็ ไป ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกจิ กรรม การทำกจิ กรรม 4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมูล กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ และการ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตวั อย่างเพมิ่ เติมให้ และมกี ารนำเสนอไม่ นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชดั เจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ การทำกิจกรรม ไดอ้ ย่างถูกต้อง กระชบั ได้อยา่ งถูกตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รือผู้อนื่ กิจกรรม ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรู้ที่พอมีอยู่ ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมลู ทัง้ หมด ท้ังหมด จากการทำกจิ กรรม
6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่อื งมือในการ และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กจิ กรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่ เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เกบ็ ไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ ตอ้ งให้ครูหรือผู้อน่ื สะอาด รวมทั้งเก็บ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แต่เก็บ แนะนำ ไม่ถูกต้อง และแนะนำใหผ้ อู้ ื่นดูแล ไมถ่ ูกตอ้ ง และเก็บรักษาไดถ้ ูกต้อง แบบประเมินช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ การจดั กระทำและ 432 1 นำเสนอแผนผัง จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ แผนผงั ได้ แตไ่ ม่ สอดคล้องกบั หวั ข้อ แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ เร่อื งท่ีกำหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพนั ธ์กบั หวั ข้อเรื่อง ตามหัวข้อเร่ือง เร่อื งที่กำหนด มีการ ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผอู้ นื่ วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ ออกแบบ และมี รเิ ร่มิ แต่ไม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น มกี ารเชื่อมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม
แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนที่จะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ข้อมลู จากแหล่งการ ข้อมลู จากแหลง่ การ จะค้นคว้าขอ้ มลู จาก ค้นคว้าข้อมลู เชือ่ ถอื ได้และมีการเช่ือมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรูโ้ ดยมีครหู รอื ผูอ้ ืน่ แหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น วธิ ีการทง้ั หมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลอื กและ/หรือ โดยไมม่ กี ารคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจดั จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู กระทำขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไมเ่ ป็นระบบ และการ มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ หน็ จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไมส่ อื่ นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบต่าง ๆ อย่างชดั เจนถูกต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไม่ถูกต้อง 4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรุปผลได้อยา่ งกระชับ สรุปผลได้กระชับ สรปุ ผลโดยไม่ใช้ สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู ถกู ต้อง ทอี่ า้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์ ทงั้ หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสือ่ เขียนรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงคถ์ ูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมีการเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชดั เจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไม่ถูกต้อง และไม่ เหน็ เป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชดั เจน
บนั ทกึ หลงั สอน 1. จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 1.1 ความสามารถและทักษะ มคี วามสามารถในการแสวงหาความรูเ้ พ่ือการแก้ปัญหา มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีเพอ่ื การเรียนรู้ มคี วามสามารถในการใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) มที ักษะการคดิ ขั้นสูง มที กั ษะชวี ิต มีทกั ษะการสื่อสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามช่วงวัย 1.2 ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ปัญหา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชื่อ...............................................ครผู ู้สอน (นางสาวศริ ิรตั น์ หวงั สะและ่ ฮ์) ตำแหนง่ ครูผสู้ อน 4. ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา หรือผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชอื่ ............................................... (...............................................) ตำแหน่ง……………………………………
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ รหสั วิชา ว31101 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง การลำเลียงสารผ่านเยอื่ หุ้มเซลล์ เวลา 2 ชว่ั โมง 1. สาระสำคญั / ความคดิ รวบยอด การลำเลยี งสารแบบฟาซลิ เิ ทต (facilitate diffusion) เป็นการลำเลียงสารจากบริเวณท่ีมคี วามเข้มข้นของสาร น้ันมากกวา่ ไปยังบรเิ วณท่มี ีความเขม้ ข้นของสารนน้ั น้อยกว่า โดยมีโปรตีนเปน็ ตัวพาสารนั้นเข้าสเู่ ซลล์ และไมต่ ้องใช้ พลังงานจากเซลล์ การลำเลียงสารโดยวธิ แี อกทีฟทรานสปอร์ต (active transport) เปน็ การเคล่ือนท่ีของโมเลกลุ ของสารจาก บริเวณทม่ี ีความเข้มข้นของสารน้อยกว่าไปยังบรเิ วณท่มี ีความเขม้ ขน้ ของโมเลกุลของสาร มากกวา่ โดยผา่ นเย่ือ เลอื กผ่านและต้องใช้พลังงานจากเซลล์ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชี้วัด 1. ว1.2 ม.4/1 อธบิ ายโครงสรา้ งและสมบัตขิ องเย่อื หุ้มเซลลท์ ีส่ ัมพนั ธ์กบั การลำเลียงสารและเปรยี บเทียบ การลำเลียงสารผา่ นเยอื่ ห้มุ เซลล์แบบต่าง ๆ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (K,P,A) 1. บอกความหมายของการลำเลียงสารแบบฟาซลิ ิเทตกบั การลำเลยี งสารโดยวธิ แี อกทฟี ทรานสปอร์ตได้ (K) 2. เปรยี บเทียบการแพรแ่ บบธรรมดากับการลำเลยี งสารแบบฟาซลิ เิ ทตได้ (P) 3. สบื ค้นขอ้ มูลเก่ียวกบั การลำเลียงสารแบบฟาซลิ ิเทตและการลำเลียงสารโดยวิธแี อกทีฟทรานสปอรต์ ได้ (P) 4. เปรยี บเทยี บการลำเลียงสารแบบฟาซลิ เิ ทตกับการลำเลียงสารโดยวิธแี อกทีฟทรานสปอร์ตได้ (P) 5. ปฏิบัตกิ จิ กรรมอย่างรวมพลงั ด้วยความมุ่งมนั่ และตั้งใจได้ (P) 6. เหน็ ความสำคัญของการลำเลียงสารแบบฟาซลิ ิเทตกับการลำเลียงสารโดยวธิ ีแอกทฟี ทรานสปอรต์ ได้ (A) 7. เปน็ ผูม้ ีความมุ่งม่ันและต้ังใจ (A)
4. สาระการเรียนรู้ - การลำเลยี งสารผ่านเยอื่ ห้มุ เซลล์ (การลำเลยี งสารแบบฟาซิลเิ ทต การลำเลียงสารแบบแอคทีฟทรานสปอรต์ ) 5. กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement) 1. นกั เรยี นร่วมกันสนทนา ทบทวนความรู้ เรือ่ ง การแพรแ่ ละออสโมซิส แล้วรว่ มกันตอบคำถาม ดังน้ี - การแพร่ของสารมลี ักษณะอย่างไร (การแพร่ของสาร หมายถึง การเคล่ือนที่ของโมเลกลุ ของสาร จากบริเวณทมี่ ีความเข้มข้นของสารมากกวา่ ไปยงั บริเวณที่มีความเข้มข้นของสารนั้นน้อยกวา่ โดยผ่านหรือไม่ผ่านเย่ือเลอื กผา่ นกไ็ ด้) - ออสโมซิสของสารมลี ักษณะอย่างไร (ออสโมซิส หมายถึง การเคลื่อนท่ีของโมเลกุลของน้ำจาก บริเวณทีม่ คี วามหนาแน่นของโมเลกุลของนำ้ มากกว่าไปยังบริเวณทีม่ คี วามหนาแน่นของโมเลกลุ ของนำ้ น้อยกวา่ โดยผ่านเย่ือเลอื กผา่ น) - นอกจากการลำเลยี งของสาร 2 วธิ ี แล้วยงั มีการลำเลียงของสารแบบอนื่ อีกหรอื ไม่ อย่างไร (มี เช่น การลำเลียงสารแบบฟาซิลิเทต) 2. นักเรยี นร่วมกันสนทนาเก่ียวกับการลำเลียงสารแบบฟาซลิ ิเทตและแบบแอกทีฟทรานสปอรต์ แลว้ ร่วมกนั ตอบคำถามสำคัญกระตุน้ ความคดิ ดังน้ี - เซลลจ์ ะมวี ิธีการใดทจ่ี ะนำสารเข้าสู่เซลลไ์ ด้เร็วกวา่ การแพร่และออสโมซิส (การลำเลยี งสาร แบบฟาซลิ เิ ทต และแบบแอกทีฟทรานสปอร์ต) - เซลล์จะมีวิธกี ารใดที่จะนำสารทเี่ ซลล์ต้องการแต่มีความเข้มข้นของสารน้อยกว่าภายในเซลลเ์ ขา้ สู่ เซลล์ได้อยา่ งไร (การลำเลยี งสารแบบแอกทีฟทรานสปอร์ต) ข้นั ท่ี 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration) 7. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4 – 5 คน โดยแต่ละกลุม่ รว่ มกนั สืบคน้ ข้อมลู เกย่ี วกบั การลำเลียงสาร ผ่านเซลล์ จากแหล่งการเรียนร้ทู ่ีหลากหลาย 8. ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการสบื คน้ ข้อมูลหนา้ ช้นั เรียน เพ่ือแลกเปลีย่ นเรยี นรกู้ นั เพ่อื นๆ ร่วมกนั ตรวจสอบและแก้ไข 9. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลการสบื ค้นข้อมูลจากการทำกจิ กรรม เรื่อง การลำเลยี งสารผา่ น เซลล์ และสรปุ เป็นองค์ความรู้ใหม่รว่ มกัน ขน้ั ที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. การลำเลยี งสารแบบฟาซลิ เิ ทต (facilitate diffusion) เป็นการลำเลียงสารจากบรเิ วณท่ีมีความเข้มขน้ ของสารนนั้ มากกวา่ ไปยังบริเวณทีม่ คี วามเขม้ ขน้ ของสารนั้นนอ้ ยกว่า โดยมโี ปรตีนเป็นตัวพาสารน้ัน เข้าสู่เซลล์ และไม่ต้องใช้พลังงานจากเซลล์
2. การลำเลยี งสารโดยวิธแี อกทีฟทรานสปอร์ต (active transport) เปน็ การเคล่ือนทข่ี องโมเลกลุ ของ สารจากบริเวณท่ีมีความเข้มข้นของสารน้อยกวา่ ไปยังบริเวณท่มี คี วามเขม้ ขน้ ของโมเลกลุ ของสาร มากกว่า โดยผ่านเยอื่ เลือกผ่านและต้องใชพ้ ลังงานจากเซลล์ 3. นกั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหแ์ ละอภิปรายผลการสบื สอบ โดยนกั เรียนศึกษาภาพต่อไปนี้ แล้วตอบคำถาม ก ข ค เปรียบเทียบการแพรแ่ บบธรรมดาและการลำเลียงสารแบบฟาซลิ เิ ทต (ก) (ข) การแพร่แบบธรรมดา (ค) การลำเลยี งสารแบบฟาซิลิเทต - ภาพ (ก) และภาพ (ข) เป็นการลำเลียงสารเหมือนกนั แต่แตกตา่ งกันอย่างไร (ภาพ ก เป็นการ แพร่ผ่านเยือ่ หุ้มเซลล์ ภาพ ข เปน็ การลำเลียงสารผา่ นรขู องโปรตีน) - ภาพ (ค) แตกต่างจากภาพ (ข) อย่างไร (ภาพ ค โปรตีนทีเ่ ป็นตวั พาสารเข้าสูเ่ ซลลจ์ ะมกี าร เปลีย่ นแปลงรปู ร่าง แลว้ กลบั สู่สภาพเดิม ส่วนภาพ ข ไม่มีการเปลีย่ นแปลงรูปรา่ งของโปรตนี ) - สรุปภาพ (ก) (ข) และ (ค) ไดว้ ่าอยา่ งไร (ภาพ ก ข และ ค เป็นการลำเลียงสารจากที่มีความ เข้มข้นของสารมากกว่าไปยังบรเิ วณทมี่ ี ความเขม้ ข้นของสารนอ้ ยกวา่ โดยภาพ ก เปน็ การแพร่ ผา่ นเยื่อหุ้มเซลล์ ภาพ ข เป็นการแพรผ่ า่ นรูของโปรตีน ภาพ ค เป็นการลำเลยี งสารแบบฟาซิลิ เทตโดยโปรตีนเปล่ียนแปลงรูปร่าง เมือ่ นำสารเข้าสเู่ ซลล์ หรือออกจากเซลลแ์ ล้วโปรตีนจะ กลับมามรี ปู รา่ งเหมือนเดิม)
- การแพร่แบบธรรมดาเหมือนหรอื แตกต่างจากการลำเลยี งแบบฟาซลิ เิ ทตอย่างไร (การแพรแ่ บบ ธรรมดาเหมอื นกบั การแพร่แบบฟาซลิ ิเทต คอื เป็นการเคลื่อนท่ีของโมเลกุลของสารจากบรเิ วณท่ี มีความเข้มข้นของสารมากกวา่ ไปยังบรเิ วณที่มีความเข้มขน้ ของสารน้อยกว่าโดยไม่ใชพ้ ลังงาน จากเซลล์ แต่การแพรแ่ บบฟาซลิ ิเทตจะเกิดข้นึ ไดเ้ ร็วกว่าการแพร่แบบธรรมดา) 4. นักเรยี นรว่ มกนั ศกึ ษา และวิเคราะห์ ภาพการเปรียบเทยี บการลำเลยี งสารแบบฟาซลิ ิเทตและ การลำเลียงสารโดยวธิ ีแอกทีฟทรานสปอร์ต จากนั้นร่วมกันตอบคำถาม ดงั น้ี เปรียบเทยี บการลำเลียงสารแบบฟาซลิ เิ ทตและการลำเลียงสารโดยวิธีแอกทฟี ทรานสปอรต์ - การลำเลียงสารโดยวิธีแอกทฟี ทรานสปอรต์ มคี วามสำคัญตอ่ การดำรงชีวติ ประจำวันอยา่ งไร (ทำ ใหก้ ารดดู ซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดทีล่ ำไสเ้ ลก็ มีประสทิ ธิภาพมากขน้ึ รา่ งกายจงึ ได้รับ สารอาหารอย่างเพยี งพอ และมคี วามสำคัญในกระบวนการ Na+ - K+ ป๊ัม เพ่อื สง่ กระแสประสาท) - การลำเลียงสารโดยวิธแี อกทีฟทรานสปอร์ตเกิดในสง่ิ ไม่มชี วี ิตไดห้ รือไม่ เพราะเหตใุ ด (ไม่ได้ เพราะ ต้องใช้พลงั งานจากเซลลเ์ พื่อตา้ นแรงดันของสารภายในเซลล์) - จากภาพ ใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกตา่ งของการลำเลยี งสารเขา้ ส่เู ซลล์ แบบฟาซลิ ิเทต และการลำเลียงสารโดยวิธีแอกทฟี ทรานสปอรต์ (- การแพร่ เปน็ การเคลอื่ นท่ี ของโมเลกลุ ของสารจากบรเิ วณทม่ี ีความเขม้ ข้นของสารมากกวา่ ไปยงั บรเิ วณที่มีความเข้มขน้ ของ สารนอ้ ยกวา่ โดยผ่านเยื่อเลือกผา่ น และไม่ต้องใชพ้ ลังงานจากเซลล์ การลำเลียงสารแบบฟาซิลิ เทต เหมือนการแพร่ แตม่ ีโปรตนี เป็นตัวพาสารเขา้ ส่เู ซลล์ สารจะเขา้ ส่เู ซลล์ได้เรว็ กว่าการแพร่ ธรรมดา และไม่ใชพ้ ลงั งานเหมอื นกับการแพรเ่ ชน่ กนั แอกทฟี ทรานสปอรต์ เป็นการเคล่ือนที่ ของโมเลกุลของสารจากบริเวณทม่ี ีความเข้มข้นของสารน้อยกวา่ ไปยังบรเิ วณทมี่ คี วามเข้มขน้ ของ สารมากกว่า โดยผา่ นเย่อื เลือกผ่าน และมีโปรตนี เป็นตวั พาสารเข้าสเู่ ซลล์เหมือนการแพร่ แตใ่ ช้ พลงั งานจากเซลล)์
ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ให้นักเรียนแบง่ กล่มุ โดยแต่ละกล่มุ วางแผน ออกแบบ และสรา้ งกรอบมโนทัศน์ การลำเลียงสารผ่าน โปรตนี ท่ีแทรกอยทู่ เี่ ยื่อหุ้มเซลล์ จดั ทำเป็นชิ้นงาน ขัน้ ที่ 5 ประเมิน (Evaluation) 5. นักเรยี นตรวจสอบหรือประเมินข้ันตอนต่าง ๆ ท่เี รยี นมาในวันนี้มจี ุดเด่น จดุ บกพร่องอะไรบา้ ง มคี วาม สงสยั ความอยากรู้อยากเห็นในเรอ่ื งใด 6. นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรสู้ กึ หลงั การเรยี น ในประเด็นต่อไปน้ี - สง่ิ ท่ีนักเรยี นได้เรียนรู้ในวนั น้ีคอื อะไร - นักเรียนมสี ่วนร่วมกจิ กรรมในกลมุ่ มากนอ้ ยเพยี งใด - เพื่อนนกั เรยี นในกลุม่ มสี ว่ นร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นักเรียนพึงพอใจกบั การเรียนในวนั น้ีหรอื ไม่ เพียงใด - นกั เรียนจะนำความรูท้ ่ีไดน้ ้ีไปใช้ใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครัว และสงั คมท่ัวไปได้อย่างไร จากนนั้ แลกเปล่ยี นตรวจสอบขนั้ ตอนการทำงานทกุ ขั้นตอนว่าจะเพมิ่ คุณคา่ ไปสูส่ ังคม เกิดประโยชน์ต่อสังคม ให้มากข้ึนกว่าเดิมในข้นั ตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครั้งต่อไป 6. สื่อ / แหล่งการเรียนรู้ - สอ่ื Power Point เรอ่ื ง การรักษาดุลยภาพ - แหลง่ เรยี นรู้ในและนอกหอ้ งเรียน 7. ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยการเรยี นร)ู้ - ชารต์ เรอ่ื ง การลำเลียงสารผ่านเย่อื หมุ้ เซลล์
8. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏิบัติการทำกจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ ถูกต้องตามวิธกี าร ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมคี รูหรือผอู้ นื่ และขนั้ ตอนท่ี กำหนด การปรบั ปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง เป็นผูแ้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ ีการ ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อปุ กรณ์และ/ เครอื่ งมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครอื่ งมือ กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไม่ถูกต้อง ตามหลกั การปฏบิ ัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผู้ และไม่มีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้ 3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ ผลการทำ อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย กิจกรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธบิ ายข้อมูล การทำกิจกรรม เช่อื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พนั ธเ์ ปน็ ไป ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกจิ กรรม การทำกจิ กรรม 4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมูล กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ และการ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตวั อย่างเพมิ่ เติมให้ และมกี ารนำเสนอไม่ นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชดั เจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ การทำกิจกรรม ไดอ้ ย่างถูกต้อง กระชบั ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รือผู้อนื่ กิจกรรม ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรู้ที่พอมีอยู่ ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมลู ทัง้ หมด ท้ังหมด จากการทำกจิ กรรม
6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่อื งมือในการ และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กจิ กรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่ เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เกบ็ ไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ ตอ้ งให้ครูหรือผู้อน่ื สะอาด รวมทั้งเก็บ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แต่เก็บ แนะนำ ไม่ถูกต้อง และแนะนำใหผ้ อู้ ื่นดูแล ไมถ่ ูกตอ้ ง และเก็บรักษาไดถ้ ูกต้อง แบบประเมินช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ การจดั กระทำและ 432 1 นำเสนอแผนผัง จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ แผนผงั ได้ แตไ่ ม่ สอดคล้องกบั หวั ข้อ แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ เร่อื งท่ีกำหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพนั ธ์กบั หวั ข้อเรื่อง ตามหัวข้อเร่ือง เร่อื งที่กำหนด มีการ ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผอู้ นื่ วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ ออกแบบ และมี รเิ ร่มิ แต่ไม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น มกี ารเชื่อมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม
แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนที่จะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ข้อมลู จากแหล่งการ ข้อมลู จากแหล่งการ จะค้นคว้าขอ้ มลู จาก ค้นคว้าข้อมลู เชือ่ ถอื ได้และมีการเช่ือมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรูโ้ ดยมีครูหรอื ผูอ้ ืน่ แหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น วธิ ีการทง้ั หมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลอื กและ/หรือ โดยไมม่ กี ารคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจดั จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู กระทำขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไมเ่ ป็นระบบ และการ มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ หน็ จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไมส่ อื่ นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบต่าง ๆ อย่างชดั เจนถูกต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไม่ถูกต้อง 4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรุปผลได้อยา่ งกระชับ สรุปผลได้กระชบั สรปุ ผลโดยไม่ใช้ สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู ถกู ต้อง ทอี่ า้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์ ทงั้ หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสือ่ เขียนรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงคถ์ ูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมีการเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชดั เจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไม่ถูกต้อง และไม่ เหน็ เป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชดั เจน
บันทกึ หลงั สอน 1. จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น 1.1 ความสามารถและทักษะ มคี วามสามารถในการแสวงหาความร้เู พ่ือการแกป้ ญั หา มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ มคี วามสามารถในการใช้ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) มที ักษะการคดิ ขั้นสงู มที กั ษะชวี ิต มีทกั ษะการส่ือสารอย่างสรา้ งสรรค์ตามชว่ งวยั 1.2 ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ปัญหา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชื่อ...............................................ครูผสู้ อน นางสาวศิริรัตน์ หวงั สะแล่ะฮ์ ตำแหนง่ ครผู ้สู อน 4. ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา หรือผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชื่อ............................................... (...............................................) ตำแหน่ง…………………………………
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตรช์ วี ภาพรหัสวิชา ว31101 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2564 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การลำเลียงสารไม่ผ่านเยอ่ื หมุ้ เซลล์ เวลา 2 ชัว่ โมง 1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด การลำเลยี งสารโดยไม่ผา่ นเย่ือหมุ้ เซลล์แบง่ ได้ 2 ชนิด คอื เอกโซไซโทซสิ (exocytosis) และ เอนโดไซโทซสิ (endocytosis) เอกโซไซโทซิส (exocytosis) เป็นการลำเลยี งสารท่มี ีขนาดโมเลกุลใหญ่ออกจากเซลล์ เชน่ การหลง่ั เอนไซมจ์ ากเย่ือบุกระเพาะอาหาร ฮอรโ์ มนอินซูลนิ จากตับออ่ น เอนโดไซโทซิส (endocytosis) เป็นการนำสารทม่ี ี ขนาดโมเลกลุ ใหญ่เขา้ สู่เซลล์ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ดั มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวช้วี ดั 1. ว1.2 ม.4/1 อธบิ ายโครงสรา้ งและสมบัตขิ องเยือ่ หุ้มเซลล์ทส่ี ัมพนั ธ์กับการลำเลยี งสารและเปรยี บเทยี บ การลำเลียงสารผ่านเยือ่ หมุ้ เซลลแ์ บบตา่ ง ๆ 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ (K,P,A) 1. บอกความหมายของเอกโซไซโทซสิ เอนโดไซโทซิส ฟาโกไซโทซิส พิโนไซโทซสิ และการนำสารเขา้ สู่เซลล์ โดยอาศัยตัวรับได้ (K) 2. อธิบายความแตกตา่ งของการนำสารเขา้ สเู่ ซลลแ์ บบฟาโกไซโทซสิ พโิ นไซโทซสิ และการนำสารเข้าส่เู ซลล์ โดยอาศยั ตวั รบั ได้ (P) 3. สืบค้นขอ้ มลู เก่ยี วกับการลำเลียงสารโดยไม่ผ่านเย่ือหุ้มเซลล์ได้ (P) 4. ปฏิบตั ิกิจกรรมอยา่ งรวมพลัง ดว้ ยความมุง่ ม่ันและรบั ผดิ ชอบได้ (P) 5. เห็นความสำคัญของการลำเลียงสารโดยไม่ผ่านเยือ่ หุ้มเซลล์ได้ (A) 6. เปน็ ผู้มีความมุ่งม่นั และรบั ผิดชอบ (A) 4. สาระการเรียนรู้ - การลำเลียงสารไม่ผา่ นเยื่อหมุ้ เซลล์
5. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement) 1. นักเรียนร่วมกนั สนทนาเก่ยี วกับการลำเลยี งสารโดยไม่ผา่ นเยอ่ื หมุ้ เซลล์ โดยรว่ มกนั ตอบ คำถามสำคญั กระตนุ้ ความคิด ดังนี้ - สารสามารถเข้าและออกจากเซลล์โดยไมผ่ ่านเยอื่ หมุ้ เซลล์ได้หรอื ไม่ อยา่ งไร (สามารถทำได้โดยมี การลำเลยี ง 2 ชนดิ คือ เอกโซไซโทซิส และเอนโดไซโทซิส) - การนำสารเขา้ สเู่ ซลล์แบบฟาโกไซโทซิสเหมือนหรือแตกตา่ งจากแบบพิโนไซโทซิส อยา่ งไร (แตกตา่ งกนั โดยฟาโกไซโทซิส เปน็ การลำเลียงสารทีม่ ีขนาดโมเลกุลใหญ่เข้าสู่เซลล์ โดยการยน่ื สว่ นของโพรโทพลาซึมออกมาโอบล้อมสาร แลว้ เกิดเปน็ ถงุ เขา้ ภายในเซลล์ สว่ นพิโนไซโทซิส เป็น การลำเลยี งสารเข้าสู่เซลล์โดยเย่อื หมุ้ เซลลค์ ่อย ๆ หดตัวทีละนอ้ ยเว้าเขา้ ไปในไซโทพลาซึมจน กลายเปน็ ถุงสารที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่จะเข้ามาอยู่ในถุงน้ี เมือ่ เย่ือหมุ้ เซลล์ปิดสนิท ถุงนีจ้ ะหลุด เขา้ สเู่ ซลลก์ ลายเปน็ เวสิเคลิ ) ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) 10. ใหน้ กั เรยี นแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 4 – 5 คน โดยแต่ละกลุ่มรว่ มกันสบื คน้ ข้อมลู เกีย่ วกับการลำเลียงสารไม่ ผ่านเย่ือหุ้มเซลล์ จากแหลง่ การเรยี นรทู้ ี่หลากหลาย 11. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุม่ นำเสนอผลการสบื คน้ ข้อมูลหน้าชน้ั เรียน เพือ่ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้กนั เพอื่ นๆ รว่ มกนั ตรวจสอบและแก้ไข 12. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลการสืบคน้ ข้อมลู จากการทำกิจกรรม เร่ือง การลำเลยี งสารไม่ผ่าน เย่อื หุ้มเซลล์ และสรุปเปน็ องค์ความรใู้ หมร่ ่วมกนั ขัน้ ท่ี 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. นักเรียนรว่ มกนั อย่างรวมพลงั ศึกษาภาพการลำเลยี งสารออกจากเซลล์โดยกระบวนการเอกโซไซโทซสิ ภาพ การลำเลียงสารเข้าเซลล์โดยกระบวนการเอนโดไซโทซสิ แล้วเปรียบเทยี บ โดยตอบคำถาม ดงั นี้ การลำเลียงสารออกจากเซลล์โดยกระบวนการเอกโซไซโทซิส
กระบวนการฟาโกไซโทซสิ กระบวนการพิโนไซโทซิส กระบวนการนำสารเขา้ สู่เซลล์โดยอาศัยตัวรบั การลำเลียงสารเขา้ สู่เซลลโ์ ดยกระบวนการเอนโดไซโทซสิ - การนำสารเข้าสู่เซลล์โดยวิธฟี าโกไซโทซิส แตกต่างจากวธิ ีพิโนไซโทซสิ อย่างไร (- ฟาโกไซโทซิส เป็นการนำสารเข้าสู่เซลล์โดยยน่ื สว่ นของโพรโทพลาซมึ ออกไปโอบล้อมอาหาร แล้วกลายเปน็ ถงุ เวสเิ คลิ เข้าสู่เซลล์ - พิโนไซโทซิส เปน็ การนำสารเขา้ สเู่ ซลล์ โดยเย่ือหุ้มเซลลค์ อ่ ย ๆ หดตวั กลายเปน็ ถงุ สารทตี่ ้องการนำเขา้ สู่เซลล์จะตกลงมาในถุงน้ี แลว้ เย่ือหมุ้ เซลลจ์ ะปิดกลายเป็นถุง เข้าสเู่ ซลล์) - การนำสารเข้าสู่เซลล์โดยวิธฟี าโกไซโทซสิ และพโิ นไซโทซิสเหมอื นกนั อยา่ งไร (เปน็ การนำสาร โมเลกุลใหญเ่ ข้าส่เู ซลล์โดยไม่ผ่านเยอ่ื หุ้มเซลล์) - ขนาดของสารทน่ี ำเข้าสูเ่ ซลล์โดยวธิ ีฟาโกไซโทซสิ แตกต่างจากขนาดของสารท่ีนำเขา้ สู่เซลล์โดย วธิ ีพิโนไซโทซิสหรอื ไม่ อย่างไร (แตกต่างกัน ขนาดของสารที่นำเข้าสู่เซลล์โดยวิธฟี าโกไซโทซิส จะ ใหญก่ วา่ สารท่ีนำเขา้ สูเ่ ซลล์แบบพโิ นไซโทซสิ ) - การนำสารเขา้ สูเ่ ซลลแ์ บบพิโนไซโทซิส แตกตา่ งจากการนำสารเขา้ สเู่ ซลลแ์ บบอาศัยตัวรบั อยา่ งไร (สารท่นี ำเข้าสูเ่ ซลล์แบบอาศัยตัวรบั จะต้องจบั กับโปรตีนทเี่ ปน็ ตวั พาก่อน แลว้ จึงนำเข้าสู่เซลล์) - การนำสารเข้าสู่เซลล์แบบพโิ นไซโทซิส เหมือนกบั การนำสารเข้าสู่เซลลแ์ บบอาศัยตวั รับอยา่ งไร (เปน็ การนำสารโมเลกลุ ใหญ่เข้าสู่เซลลโ์ ดยไมผ่ า่ นเยือ่ หุ้มเซลล์ โดยเย่ือห้มุ เซลล์จะค่อย ๆ หดตวั กลายเปน็ ถงุ เหมือนกัน) - สารทุกชนดิ สามารถนำเขา้ ส่เู ซลล์โดยวิธีอาศัยโปรตีนเปน็ ตัวรบั ไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ได้ เพราะโปรตีนที่เป็นตัวอย่างมีความจำเพาะต่อสารท่ีจะนำเขา้ สู่เซลล์)
- เพราะเหตุใด ฮอร์โมนซึ่งเป็นสารประกอบเคมีที่ถูกสร้างจากอวยั วะหนง่ึ แล้วส่งไป มผี ลอีกอวยั วะหน่งึ จึงไมม่ ีผลต่ออวยั วะอ่นื ๆ ด้วย (เพราะเย่อื หุ้มเซลล์ของอวยั วะนนั้ จะมสี าร ตัวรับ ที่จำเพาะเจาะจงต่อฮอร์โมนชนดิ นนั้ ๆ อยู่) 2. นกั เรียนรว่ มกันวิเคราะห์และอภปิ รายผลการสบื สอบ โดยรว่ มกันตอบคำถาม ดังนี้ - การลำเลยี งสารที่มขี นาดโมเลกลุ ใหญเ่ ข้าสเู่ ซลล์ (endocytosis) และออกจากเซลล์ (exocytosis) โดยไมผ่ ่านเยื่อหมุ้ เซลล์เหมอื นกนั อย่างไร (มกี ารสรา้ งเวสิเคิลเหมือนกัน) - การลำเลียงสารท่ีมขี นาดโมเลกุลใหญเ่ ข้าสูเ่ ซลล์ (endocytosis) และออกจากเซลล์ (exocytosis) โดยไม่ผ่านเยอ่ื หุ้มเซลล์ตา่ งกันอยา่ งไร (การนำสารเข้าสู่เซลล์ เซลลจ์ ะมีการสร้างเวสเิ คลิ ห่อหุ้ม สารแล้วนำสารเข้าสู่เซลล์ แต่การนำสารออกจากเซลล์มีการสรา้ งเวสเิ คิลหอ่ หุ้มสารนน้ั แล้วเวสิ เคลิ จงึ เคลื่อนที่มาท่ีเยื่อหุม้ เซลล์ แลว้ จึงปลอ่ ยสารออกจากเซลล์) - การลำเลียงสารท่ีมขี นาดโมเลกุลใหญเ่ ขา้ สเู่ ซลล์ โดยไม่ผ่านเยอื่ ห้มุ เซลล์ (endocytosis) มกี ่ีแบบ อะไรบา้ ง (3 แบบ ไดแ้ ก่ ฟาโกไซโทซิส พิโนไซโทซสิ และการนำสารเขา้ สู่เซลลโ์ ดยอาศยั ตวั รับ) - การนำสารโมเลกุลใหญ่เข้าสู่เซลล์แบบฟาโกไซโทซสิ พโิ นไซโทซิส และการนำสารเข้าสูเ่ ซลล์โดย อาศยั ตวั รับ (receptor) เหมือนหรอื ต่างกันอยา่ งไร (ต่างกัน โดย ฟาโกไซโทซสิ (phagocytosis) เปน็ การลำเลียงสารทีม่ ีขนาดโมเลกลุ ใหญ่ท่ีไม่ละลายน้ำ เขา้ สู่เซลล์ โดยการยนื่ ส่วนของ โพรโทพลาซึมออกมาโอบล้อมสาร แล้วเกิดเปน็ ถงุ เขา้ ภายในเซลล์ พโิ นไซโทซิส (pinocytosis) เปน็ การลำเลยี งสารที่มักเปน็ สารละลายน้ำเกลือแรท่ มี่ ีขนาด 0.1-2 ไมโครเมตร เข้าส่เู ซลล์ โดย เยอ่ื ห้มุ เซลลค์ ่อย ๆ หดตวั ทีละนอ้ ยเว้าเขา้ ไปในไซโทพลาซึมจนกลายเป็นถุง สารที่มขี นาด โมเลกุลใหญจ่ ะเข้ามาอยู่ในถุงนี้ เมอื่ เยื่อหุ้มเซลล์ปิดสนทิ ถุงนี้จะหลุดเขา้ ส่เู ซลล์กลายเป็นเวสิเคิล การนำสารเข้าสเู่ ซลลโ์ ดยอาศัยตวั รับ (receptor-mediated endocytosis) โดยบนเย่อื หุม้ เซลล์ จะมบี ริเวณรบั สาร ซงึ่ ทำหนา้ ทจ่ี ับกบั สารที่จะนำเข้าสเู่ ซลล์ กอ่ นทเ่ี ย่ือหมุ้ เซลลจ์ ะเว้ากลายเปน็ ถุง สารทจ่ี ะถกู นำเขา้ สู่เซลลโ์ ดยวธิ ีน้ตี อ้ งมคี วามจำเพาะกบั สารตวั รบั อยูบ่ นเยือ่ หุม้ เซลล์ จึงจะถูก นำเขา้ สูเ่ ซลลไ์ ด้) - การลำเลียงสารชนดิ ใดในรา่ งกายเป็นการลำเลยี งสารขนาดโมเลกุลใหญ่ออกจากเซลล์โดยไมผ่ ่าน เยอ่ื หมุ้ เซลล์ (exocytosis) (การหลง่ั เอนไซม์ออกจากเซลลต์ ่อม) - การลำเลยี งสารชนิดใดในร่างกาย เป็นการลำเลยี งสารท่ีมีขนาดโมเลกลุ ใหญเ่ ข้าสูเ่ ซลลโ์ ดยไม่ผา่ น เย่ือหุ้มเซลล์ (endocytosis) (การกำจัดเช้ือโรคของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว) ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กล่มุ โดยแต่ละกลุม่ วางแผน ออกแบบ และสร้างกรอบมโนทัศน์ การลำเลียงสารโดย ไม่ผา่ นเยอื่ หุ้มเซลล์ จดั ทำเป็นชิน้ งาน
ข้ันที่ 5 ประเมนิ (Evaluation) 7. นักเรยี นตรวจสอบหรือประเมินขัน้ ตอนต่าง ๆ ท่ีเรยี นมาในวนั นมี้ ีจดุ เดน่ จดุ บกพร่องอะไรบา้ ง มีความ สงสยั ความอยากรู้อยากเห็นในเร่ืองใด 8. นักเรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความร้สู กึ หลงั การเรยี น ในประเด็นต่อไปนี้ - ส่ิงท่ีนักเรียนได้เรียนรใู้ นวันน้คี อื อะไร - นกั เรยี นมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด - เพื่อนนกั เรยี นในกลุม่ มสี ว่ นร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นักเรียนพึงพอใจกับการเรียนในวนั นี้หรอื ไม่ เพยี งใด - นักเรียนจะนำความรู้ท่ีไดน้ ไ้ี ปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครวั และสังคมท่ัวไปได้อย่างไร จากนนั้ แลกเปล่ยี นตรวจสอบขั้นตอนการทำงานทกุ ขนั้ ตอนวา่ จะเพิ่มคณุ ค่าไปส่สู งั คม เกิดประโยชนต์ ่อสังคม ให้มากขน้ึ กว่าเดิมในข้ันตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครั้งตอ่ ไป 6. ส่ือ / แหล่งการเรยี นรู้ - ส่อื Power Point เรือ่ ง การรักษาดุลยภาพ - แหลง่ เรียนรู้ในและนอกห้องเรียน 7. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยการเรียนร)ู้ - ชาร์ต เร่อื ง การลำเลยี งสารไม่ผ่านเย่อื หุ้มเซลล์
8. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏิบัติการทำกจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ ถูกต้องตามวิธกี าร ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมคี รูหรือผอู้ นื่ และขนั้ ตอนท่ี กำหนด การปรบั ปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง เป็นผูแ้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ ีการ ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อปุ กรณ์และ/ เครอื่ งมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครอื่ งมือ กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไม่ถูกต้อง ตามหลกั การปฏบิ ัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผู้ และไม่มีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้ 3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ ผลการทำ อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย กิจกรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธบิ ายข้อมูล การทำกิจกรรม เช่อื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พนั ธเ์ ปน็ ไป ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกจิ กรรม การทำกจิ กรรม 4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมูล กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ และการ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตวั อย่างเพมิ่ เติมให้ และมกี ารนำเสนอไม่ นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชดั เจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ การทำกิจกรรม ไดอ้ ย่างถูกต้อง กระชบั ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รือผู้อนื่ กิจกรรม ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรู้ที่พอมีอยู่ ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมลู ทัง้ หมด ท้ังหมด จากการทำกจิ กรรม
6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่อื งมือในการ และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กจิ กรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่ เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เกบ็ ไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ ตอ้ งให้ครูหรือผู้อน่ื สะอาด รวมทั้งเก็บ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แต่เก็บ แนะนำ ไม่ถูกต้อง และแนะนำใหผ้ อู้ ื่นดูแล ไมถ่ ูกตอ้ ง และเก็บรักษาไดถ้ ูกต้อง แบบประเมินช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ การจดั กระทำและ 432 1 นำเสนอแผนผัง จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ แผนผงั ได้ แตไ่ ม่ สอดคล้องกบั หวั ข้อ แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ เร่อื งท่ีกำหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพนั ธ์กบั หวั ข้อเรื่อง ตามหัวข้อเร่ือง เร่อื งที่กำหนด มีการ ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผอู้ นื่ วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ ออกแบบ และมี รเิ ร่มิ แต่ไม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น มกี ารเชื่อมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม
แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนที่จะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ข้อมลู จากแหล่งการ ข้อมลู จากแหล่งการ จะค้นคว้าขอ้ มลู จาก ค้นคว้าข้อมลู เชือ่ ถอื ได้และมีการเช่ือมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรูโ้ ดยมีครูหรอื ผูอ้ ืน่ แหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น วธิ ีการทง้ั หมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลอื กและ/หรือ โดยไมม่ กี ารคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจดั จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู กระทำขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไมเ่ ป็นระบบ และการ มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ หน็ จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไมส่ อื่ นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบต่าง ๆ อย่างชดั เจนถูกต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไม่ถูกต้อง 4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรุปผลได้อยา่ งกระชับ สรุปผลได้กระชบั สรปุ ผลโดยไม่ใช้ สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู ถกู ต้อง ทอี่ า้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์ ทงั้ หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสือ่ เขียนรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงคถ์ ูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมีการเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชดั เจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไม่ถูกต้อง และไม่ เหน็ เป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชดั เจน
บันทกึ หลงั สอน 1. จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน 1.1 ความสามารถและทกั ษะ มคี วามสามารถในการแสวงหาความร้เู พ่ือการแกป้ ญั หา มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีเพ่ือการเรียนรู้ มคี วามสามารถในการใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) มที ักษะการคดิ ข้ันสูง มที กั ษะชวี ิต มีทกั ษะการส่ือสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามช่วงวยั 1.2 ผลการสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. ปัญหา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชือ่ ...............................................ครูผูส้ อน ((นางสาวศิรริ ัตน์ หวังสะแล่ะฮ์) ตำแหน่ง ครูผสู้ อน 4. ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษา หรือผทู้ ่ีได้รับมอบหมาย …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ลงชอื่ ............................................... (...............................................) ตำแหนง่ ……………………………………
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพรหสั วชิ า ว31101 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่อื ง การรักษาดลุ ยภาพของรา่ งกาย เวลา 3 ชั่วโมง 1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด การรกั ษาสมดุลของร่างกาย (homeostasis) หมายถงึ การควบคุมการปรับสภาวะต่าง ๆ ในรา่ งกาย ให้อยู่ใน ระดับทเ่ี หมาะสมต่อการดำรงชวี ิตและการทำงานของเซลล์ การรักษาดลุ ยภาพของน้ำและสารในเลือด เกดิ จากการ ทำงานของไต ซึ่งเปน็ อวัยวะในระบบขบั ถ่าย ท่ีมีความสำคัญในการกำจดั ของเสียทม่ี ีไนโตรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ รวมทง้ั นำ้ และสารที่มปี ริมาณเกนิ ความต้องการของร่างกาย 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวติ การลำเลียงสารเข้า และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ชว้ี ัด 1. ว1.2 ม.4/2 อธิบายการควบคมุ ดุลยภาพของนำ้ และสารใน เลอื ดโดยการทำงานของไต 2. ว1.2 ม.4/3 อธบิ ายการควบคุมดลุ ยภาพของกรด-เบสของ เลือดโดยการทำงานของไตและปอด 3. ว1.2 ม.4/4 อธบิ ายการควบคมุ ดุลยภาพของอุณหภมู ิภายในรา่ งกายโดยระบบหมุนเวยี นเลือด ผิวหนัง และ กล้ามเน้ือโครงร่าง 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (K,P,A) 1. บอกความหมายของการรกั ษาสมดุลของร่างกาย (homeostasis) ได้ (K) 2. อธิบายการควบคมุ ดุลยภาพของน้ำและสารในเลือดโดยการทำงานของไตได้ (K) 3. อธบิ ายเกี่ยวกบั การควบคุมดุลยภาพของกรด-เบสของเลอื ดโดยการทำงานของไตและปอดได้ (K) 4. อธบิ ายเก่ียวกบั การควบคุมดุลยภาพของอณุ หภูมภิ ายในร่างกายโดยระบบหมุนเวียนเลือด ผิวหนงั และ กล้ามเนื้อโครงรา่ งได้ (K) 5. อธบิ ายความสำคัญของการควบคมุ ดลุ ยภาพของอุณหภมู ภิ ายในรา่ งกายโดยระบบหมุนเวยี นเลือด ผิวหนงั และ กลา้ มเน้อื โครงรา่ งได้ (K) 6. สืบค้นข้อมูลเกย่ี วกับการควบคุมดุลยภาพของอุณหภมู ภิ ายในร่างกายโดยระบบหมุนเวียนเลอื ด ผวิ หนงั และ กล้ามเนือ้ โครงร่างได้ (P)
7. สืบคน้ ขอ้ มูลเก่ียวกบั การควบคุมดลุ ยภาพของน้ำและสารในเลอื ดโดยการทำงานของไตได้ (P) 8. บอกความสำคญั ของการควบคุมดุลยภาพของกรด-เบสของเลอื ดโดยการทำงานของไตและปอดได้ (A) 9. เปน็ ผมู้ คี วามใฝ่รู้และมุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรยี นรู้ - การรกั ษาดุลยภาพของร่างกาย 5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. นักเรยี นร่วมกันสนทนาเกย่ี วกับกลไกการรกั ษาสมดุลของกรด-เบส แล้วรว่ มกันตอบคำถามสำคญั กระต้นุ ความคดิ ดังนี้ - เมื่อออกกำลังกายมาใหม่ ๆ แล้วเจาะเลือดไปตรวจ เลอื ดจะมีสภาพเป็นอยา่ งไร (เป็นกรด เนอ่ื งจากปริมาณคาร์บอนไดออกไซดท์ ีเ่ กิดจากกระบวนการหายใจ) - ขณะอากาศร้อน ร่างกายจะมีสภาพเป็นอยา่ งไร (เหงื่อออกมาก ร่างกายสูญเสียนำ้ ) - เหงอ่ื มีองคป์ ระกอบอะไรบา้ ง (แรธ่ าตุ นำ้ ) - เพราะเหตุใดเม่ืออากาศหนาวเย็น ร่างกายจงึ มีอาการส่ัน (กลา้ มเน้อื หดตัว อาการส่ันเปน็ การทำ ใหร้ ่างกายเกิดพลงั งานความร้อน) - ขณะอากาศเยน็ เสน้ ขนท่ีผวิ หนงั มกี ารเปล่ยี นแปลงอย่างไรเพราะเหตุใดจงึ เป็นเช่นนั้น (เส้นขน ลุกต้ังชนั เพราะกล้ามเนื้อหดตัว ทำใหร้ ่างกายไมส่ ญู เสียความรอ้ นให้กับส่งิ แวดล้อม) - สภาพแวดล้อมใดบ้างที่มผี ลต่อการทำงานของรา่ งกาย (ปริมาณนำ้ ปรมิ าณแร่ธาตุ ความเปน็ กรด-เบส และอุณหภมู )ิ - การควบคุมการปรบั สภาวะต่าง ๆ ในรา่ งกายให้อยู่ในระดับท่ีเหมาะสมต่อการดำรงชีวติ และการ ทำงานของเซลล์เรียกว่าอะไร (การรักษาสมดุลของรา่ งกาย) - สภาพใดบ้างของรา่ งกายท่ีทำใหค้ วามเปน็ กรด-เบสของรา่ งกายเปลยี่ นแปลง (การเตน้ ของชพี จรท่ี มีอตั ราการเต้นเปลย่ี นแปลงไป) - อณุ หภมู ิในรา่ งกายของเรามอี ุณหภูมิเท่าใด (37 oC) - ถ้าอุณหภมู ิของสิ่งแวดล้อมสงู หรอื ตำ่ เกนิ ไป อุณหภมู ิในร่างกายจะเปล่ยี นแปลงหรือไม่ อยา่ งไร (ไม่เปลย่ี นแปลง อุณหภมู ิในร่างกายจะคอ่ นข้างคงที่) ข้ันที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) 13. ให้นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 4 – 5 คน โดยแต่ละกลุ่มร่วมกนั สบื ค้นข้อมูลเกย่ี วกบั การรักษาดลุ ยภาพ ของร่างกาย จากแหล่งการเรียนรทู้ ่หี ลากหลาย 14. ให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลการสืบค้นข้อมูลหนา้ ชัน้ เรียน เพือ่ แลกเปลีย่ นเรียนรู้กนั เพอื่ นๆ รว่ มกันตรวจสอบและแก้ไข
15. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการสบื คน้ ข้อมลู จากการทำกจิ กรรม เรื่อง การรกั ษาดลุ ยภาพของ รา่ งกาย และสรุปเป็นองคค์ วามรใู้ หมร่ ว่ มกนั ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. การรักษาสมดลุ ของร่างกาย (homeostasis) หมายถงึ การควบคุมการปรับสภาวะต่าง ๆ ในรา่ งกาย ใหอ้ ยูใ่ นระดับท่ีเหมาะสมตอ่ การดำรงชีวิตและการทำงานของเซลล์ - นำ้ เปน็ ส่วนประกอบตา่ ง ๆ ในร่างกายของมนุษย์ เช่น เปน็ สว่ นประกอบของโพรโทพลาซึม น้ำ เลือด น้ำตา นำ้ ลาย น้ำยอ่ ย ชว่ ยในการลำเลียงสารต่าง ๆ เปน็ ตวั รว่ มในปฏกิ ริ ิยาเคมตี ่าง ๆ ของ เซลล์ เชน่ การยอ่ ยอาหาร การหายใจ การขบั ถ่ายของเสีย การรักษาอณุ หภูมิของร่างกาย เปน็ ส่วนประกอบของของเหลวท่ีอย่รู อบ ๆ เซลล์ และเป็นตัวกลางในการแลกเปล่ียนสารระหว่าง เลอื ดกบั เซลล์ - กลไกการรกั ษาสมดลุ ของน้ำในร่างกาย โดยการทำงานร่วมกนั ของระบบประสาท การขับถ่าย ฮอร์โมน และพฤตกิ รรม เมื่อปริมาณน้ำในร่างกายมนี ้อย ทำใหแ้ รงดนั ออสโมติกในเลือดสูงขนึ้ ไป กระต้นุ ให้สมองสว่ นไฮโพทาลามัสส่งกระแสประสาทไปทต่ี ่อมใต้สมองสว่ นหลงั หล่ังฮอรโ์ มนไปท่ีทอ่ หน่วยไตดดู น้ำกลบั มากขึ้น ทำใหค้ ่าแรงดนั ออสโมติกลดลงเป็นปกติ - การรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบสในเลอื ดเกดิ จากการทำงานของไตท่ีทำหนา้ ที่ขับหรือดดู กลับ ไฮโดรเจนไอออน ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน และแอมโมเนยี มไอออน และการทำงานของปอด ทที่ ำหน้าที่กำจัดคารบ์ อนไดออกไซด์ - การรกั ษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายในรา่ งกายเกดิ จากการทำงานของระบบหมนุ เวยี นเลือดที่ ควบคมุ ปริมาณเลอื ดไปที่ผวิ หนัง การทำงานของต่อมเหงื่อ และกล้ามเน้ือโครงรา่ งซึง่ ส่งผลถึง ปริมาณความร้อนที่ถูกเก็บหรือระบายออกจากร่างกาย ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ใหน้ กั เรยี นแบ่งกลุ่ม โดยแต่ละกลมุ่ วางแผน ออกแบบ และเขียนผงั รปู ภาพ กลไกการรักษาสมดุลของกรด- เบสในร่างกาย จดั ทำเป็นชิ้นงาน ขนั้ ท่ี 5 ประเมิน (Evaluation) 9. นกั เรยี นตรวจสอบหรือประเมินขั้นตอนตา่ ง ๆ ที่เรียนมาในวันนม้ี ีจุดเด่น จดุ บกพร่องอะไรบ้าง มีความ สงสยั ความอยากรู้อยากเห็นในเรือ่ งใด 10. นกั เรียนประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลังการเรยี น ในประเด็นต่อไปน้ี - ส่งิ ท่ีนักเรยี นได้เรียนรูใ้ นวนั นี้คืออะไร - นกั เรยี นมสี ว่ นร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพยี งใด - เพื่อนนกั เรยี นในกล่มุ มีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพียงใด - นักเรยี นพงึ พอใจกบั การเรยี นในวันน้ีหรอื ไม่ เพยี งใด - นกั เรียนจะนำความรู้ท่ีไดน้ ีไ้ ปใช้ใหเ้ กิดประโยชนแ์ กต่ นเอง ครอบครัว และสังคมท่วั ไปได้อย่างไร
จากนั้นแลกเปลย่ี นตรวจสอบขน้ั ตอนการทำงานทุกข้นั ตอนวา่ จะเพ่มิ คุณคา่ ไปส่สู ังคม เกิดประโยชนต์ ่อสงั คม ให้มากข้นึ กวา่ เดิมในข้นั ตอนใดบา้ ง สำหรับการทำงานในคร้ังต่อไป 6. สือ่ / แหลง่ การเรยี นรู้ - สอื่ Power Point เรอ่ื ง การรักษาดลุ ยภาพ - แหล่งเรยี นรู้ในและนอกหอ้ งเรียน 7. ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยการเรยี นรู้) - แผนผงั รูปภาพ เรอื่ ง กลไกการรักษาดลุ ยภาพของกรด - เบส
8. การวัดและประเมนิ ผล แบบประเมนิ การปฏิบัติการทำกจิ กรรม รายการการ ระดับคุณภาพ ประเมิน 4 3 21 1. การทำ ทำกิจกรรมตามวธิ กี าร ทำกิจกรรมตามวธิ ีการ ทำกจิ กรรมตามวิธกี าร ทำกิจกรรมไม่ กจิ กรรม และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขัน้ ตอนท่ีกำหนดไว้ และขน้ั ตอนท่ีกำหนดไว้ ถูกต้องตามวิธกี าร ตามแผนที่ อยา่ งถูกต้องด้วยตนเองมี ดว้ ยตนเอง มีการ โดยมคี รูหรือผอู้ นื่ และขนั้ ตอนท่ี กำหนด การปรบั ปรงุ แก้ไขเป็น ปรบั ปรุงแก้ไขบ้าง เป็นผูแ้ นะนำ กำหนดไว้ ไมม่ ีการ ระยะ ปรับปรุงแก้ไข 2. การใช้ ใช้อุปกรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรือ อปุ กรณ์และ/ เครอื่ งมอื ในการทำ เคร่อื งมอื ในการทำ เครอ่ื งมอื ในการทำ เครื่องมือในการทำ หรอื เครอื่ งมือ กิจกรรมได้อย่างถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกตอ้ ง กจิ กรรมได้อยา่ งถูกต้อง กิจกรรมไม่ถูกต้อง ตามหลกั การปฏิบัติและ ตามหลกั การปฏบิ ัติ แต่ โดยมคี รู หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผู้ และไม่มีความ คล่องแคล่ว ไมค่ ล่องแคลว่ แนะนำ คลอ่ งแคล่วในการใช้ 3. การบนั ทึก บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเปน็ ระยะ บันทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลไม่ครบ ผลการทำ อยา่ งถูกต้อง มรี ะเบยี บมี อยา่ งถูกต้อง มีระเบยี บ แต่ไม่เปน็ ระเบยี บ ไมม่ ีการระบหุ นว่ ย กิจกรรม การระบุหน่วย มีการ มกี ารระบหุ น่วย มีการ ไม่มีการระบุหนว่ ย และไมเ่ ป็นไปตาม อธิบายข้อมูลใหเ้ หน็ ความ อธิบายขอ้ มลู ให้เห็นถึง และไมม่ ีการอธบิ ายข้อมูล การทำกิจกรรม เช่อื มโยงเปน็ ภาพรวมเป็น ความสมั พนั ธเ์ ปน็ ไป ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ เหตุเป็นผล และเป็นไปตาม ตามการทำกจิ กรรม ของการทำกจิ กรรม การทำกจิ กรรม 4. การจดั จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู จัดกระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมูล กระทำข้อมูล อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างเป็นระบบ มีการ อย่างเปน็ ระบบมีการ อย่างไมเ่ ปน็ ระบบ และการ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น จำแนกข้อมูลให้เหน็ ยกตวั อย่างเพมิ่ เติมให้ และมกี ารนำเสนอไม่ นำเสนอ ภาพรวม และนำเสนอ ความสัมพนั ธ์ นำเสนอ เข้าใจง่าย และนำเสนอ สอ่ื ความหมายและไม่ ดว้ ยแบบตา่ ง ๆอย่าง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ ดว้ ยแบบต่าง ๆ แต่ยังไม่ ชัดเจน ชดั เจนถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ชัดเจน ชดั เจนและไม่ถูกต้อง 5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกจิ กรรม สรปุ ผลการทำกิจกรรมได้ สรปุ ผลการทำ การทำกิจกรรม ไดอ้ ย่างถูกต้อง กระชบั ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง แต่ยัง โดยมีครหู รือผู้อนื่ กิจกรรม ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมขอ้ มลู แนะนำบ้าง จึงสามารถ ตามความรู้ที่พอมีอยู่ ข้อมลู จากการวเิ คราะห์ จากการวิเคราะห์ สรุปไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยไม่ใช้ข้อมลู ทัง้ หมด ท้ังหมด จากการทำกจิ กรรม
6. การดูแลและ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดแู ลอุปกรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ไม่ดแู ลอุปกรณแ์ ละ/ การเก็บอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื ในการทำ เครือ่ งมอื ในการทำ เคร่ืองมือในการทำ หรอื เคร่อื งมือในการ และ/หรือ กิจกรรม และมีการ กิจกรรม และมีการ กจิ กรรม มีการทำความ ทำกจิ กรรม และไม่ เครื่องมือ ทำความสะอาดและเก็บ ทำความสะอาดอย่าง สะอาด แต่เกบ็ ไมถ่ ูกต้อง สนใจทำความ ตอ้ งให้ครูหรือผู้อน่ื สะอาด รวมทั้งเก็บ อย่างถูกต้องตามหลักการ ถูกต้อง แต่เก็บ แนะนำ ไม่ถูกต้อง และแนะนำใหผ้ อู้ ื่นดูแล ไมถ่ ูกตอ้ ง และเก็บรักษาไดถ้ ูกต้อง แบบประเมินช้นิ งาน การจัดกระทำและนำเสนอแผนผงั รายการการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ การจดั กระทำและ 432 1 นำเสนอแผนผัง จัดกระทำและนำเสนอ จดั กระทำแลนำเสนอ จดั กระทำและ จดั กระทำและ แผนผงั ได้ แตไ่ ม่ สอดคล้องกบั หวั ข้อ แผนผัง ไดส้ ัมพันธ์กัน นำเสนอ แผนผังได้ นำเสนอแผนผงั ได้ เร่อื งท่ีกำหนด และถูกตอ้ งตามหวั ข้อ สัมพนั ธ์กบั หวั ข้อเรื่อง ตามหัวข้อเร่ือง เร่อื งที่กำหนด มีการ ทีก่ ำหนด มีการ โดยมคี รูหรอื ผอู้ นื่ วางแผน มกี าร ออกแบบ มคี วามคิด ใหค้ ำแนะนำ ออกแบบ และมี รเิ ร่มิ แต่ไม่มกี าร ความคิดสร้างสรรค์ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็น มกี ารเชื่อมโยงให้เห็น ภาพรวม เป็นภาพรวม
แบบประเมินการสืบสอบขอ้ มูล รายการการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 3 21 1. การ วางแผนท่ีจะค้นควา้ ข้อมูลจาก วางแผนที่จะค้นควา้ วางแผนที่จะค้นควา้ ไมม่ ีการวางแผนท่ี วางแผน แหลง่ การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ข้อมลู จากแหล่งการ ข้อมลู จากแหล่งการ จะค้นคว้าขอ้ มลู จาก ค้นคว้าข้อมลู เชือ่ ถอื ได้และมีการเช่ือมโยงให้ เรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย เรียนรูโ้ ดยมีครูหรอื ผูอ้ ืน่ แหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการ เห็นเป็นภาพรวม แสดงให้เห็น และเหมาะสมแตไ่ มม่ ี แนะนำบ้าง อย่างเป็นระบบ เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ของ การเชอื่ มโยงให้เห็น วธิ ีการทง้ั หมด เป็นภาพรวม 2. การเก็บ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล รวบรวม ตามแผนที่กำหนด โดยคัดเลอื กและ/หรือ โดยไมม่ กี ารคัดเลือก เป็นระยะ ขาดการ ข้อมลู ทกุ ประการ ประเมินข้อมูล และ/หรือประเมนิ ขอ้ มลู ประเมนิ เพื่อคัดเลอื ก 3. การจดั จัดกระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมลู จดั กระทำข้อมูล จัดกระทำข้อมลู กระทำขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มกี าร อย่างเปน็ ระบบ อยา่ งไมเ่ ป็นระบบ และการ มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ หน็ จำแนกข้อมลู ให้เห็น มีการยกตัวอย่าง และนำเสนอไมส่ อื่ นำเสนอ เป็นภาพรวม และนำเสนอด้วย ความสมั พนั ธ์ นำเสนอ เพม่ิ เติมให้เข้าใจง่ายและ ความหมายและไม่ แบบต่าง ๆ อย่างชดั เจนถูกต้อง ด้วยแบบต่าง ๆ ได้ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ ชดั เจน อย่างถูกต้อง แตย่ ังไม่ถูกต้อง 4. การ สรุปผลไดอ้ ย่างถูกต้อง สรุปผลได้อยา่ งกระชับ สรุปผลได้กระชบั สรปุ ผลโดยไม่ใช้ สรุปผล กระชบั ชดั เจน และ แตย่ ังไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ ครอบคลุม มีเหตุผล ไมค่ รอบคลมุ ขอ้ มลู ถกู ต้อง ทอี่ า้ งองิ จากการสืบสอบได้ จากการวเิ คราะห์ ทงั้ หมด 5. การเขยี น เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานตรงตาม เขียนรายงานโดยสือ่ เขียนรายงานได้ตาม รายงาน จุดประสงคถ์ ูกต้องและ จุดประสงค์อยา่ ง ความหมายไดโ้ ดยมคี รู ตวั อยา่ ง แตใ่ ช้ภาษา ชดั เจน และมีการเชื่อมโยงให้ ถกู ต้องและชดั เจนแต่ หรอื ผอู้ ่ืนแนะนำ ไม่ถูกต้อง และไม่ เหน็ เป็นภาพรวม ขาดการเรียบเรยี ง ชดั เจน
Search